ข้อความโดย: มดเอ๊กซ
« เมื่อ: มกราคม 10, 2024, 09:20:31 pm »คุโรซากิ บริษัทรับส่งศพ (ไม่) จำกัด : การ์ตูนที่ว่าด้วยศพกับสันดานมนุษย์
ชีวิตหลังความตายยังคงเป็นปริศนา ไม่ว่าจะเป็นวัฒนธรรมใดล้วนแต่อธิบายเรื่องนี้แตกต่างกันไป แต่โดยรวมแล้วเราจะเชื่อกันว่าเมื่อชีวิตดับสูญ “วิญญาณ” จะเดินทางไปสู่อีกภพหนึ่ง หากเป็นคติของชาวพุทธก็เชื่อว่าวิญญาณจะไปยังสวรรค์หรือนรก ตามแต่กรรมที่ได้ทำไว้เมื่อยังมีชีวิต หากเป็นคริสต์ ก็เชื่อว่าจะได้รับการตัดสินจากพระเจ้าว่าควรจะตกนรกหรือขึ้นสวรรค์ หรือถ้าเป็นฮินดูก็เชื่อว่าวิญญาณ (อาตมัน คือ ตัวตนของเรา) จะกลับคืนสู่พรหม ซึ่งก็คือจุดกำเนิดแห่งอาตมันทั้งปวง
ยังมีอีกความเชื่อหนึ่งที่เกือบจะเหมือนๆ กันในทุกวัฒนธรรม นั่นคือความเชื่อที่ว่าวิญญาณจะยังคงวนเวียนอยู่ในโลกมนุษย์และไม่ยอมไปยังที่ที่ควรจะไป นั่นเป็นเพราะวิญญาณยังคงมีความอาลัยอาวรณ์ หรือยังมีพันธะที่ยังคั่งค้างอยู่จนไม่สามารถจากไปอย่างสงบได้ วิญญาณเหล่านี้จะทนทุกข์ทรมานไม่สิ้นสุดเพราะความอาวรณ์เหล่านี้
คติความเชื่อที่ว่านี้ถูกนำมาใช้ในการสื่อความหมายในรูปแบบต่างๆ ที่นิยมมากเห็นจะเป็นภาพยนตร์ ที่มักจะผูกเรื่องโยงใยเกี่ยวกับวิญญาณที่ยังคงปรากฏตัวให้เห็น เพื่อจะสื่อสารอะไรบางอย่างกับผู้ที่ยังอยู่ ซึ่งก็สร้างความสนุกสนาน สยองขวัญ สั่นประสาท ตามแต่จินตนาการของผู้สร้าง
การ์ตูนเรื่อง คุโรซากิ บริษัทรับส่งศพ (ไม่)จำกัด ก็อาศัยพล็อตเรื่องที่ว่ามาข้างตน โดยนำผู้อ่านเข้าไปสู่โลกหลังความตายตามจินตนาการของผู้เขียน เนื้อหาค่อนข้างจะสะอิดสะเอียน บางตอนอาจจะเป็นที่ขัดอกขัดใจของบรรดาผู้อ่านที่ยึดมั่นในศีลธรรมจรรยา แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่านั่นคือเรื่องจริงที่มีอยู่ในสังคม (ญี่ปุ่น) แฝงไปด้วยการเสียดสี วิพากษ์สังคมอย่างมีชั้นเชิง
หลายฉาก หลายภาพ ของคุโรซากิฯ นำเสนออย่างโจ่งแจ้งและเปิดเผยอย่างที่สุด ไม่ว่าจะเป็นภาพศพในลักษณะต่างๆ ทั้งศพที่เน่าเฟะ ถูกหั่นเป็นชิ้นๆ สมองถูกแหวกออก เครื่องในทะลักออกมากอง ลูกตาที่ถูกคว้านออกมาทั้งยวง และอื่นๆ รวมถึงฉากเปลือยหลายฉากที่ไม่ได้ก่อให้เกิดอารมณ์ทางกามารมณ์เลยแม้แต่น้อย ทั้งหมดที่ว่ามานี้ไม่มีการเซ็นเซอร์แต่อย่างใด! นับว่าเป็นเรื่องแปลกมากสำหรับการ์ตูนนำเข้าในบ้านเรา
คุโรซากิฯ เป็นผลงานของ อิจิ โอตสึกะ (Eiji Otsuka) และ โฮซุย ยามาซากิ (Housui Yamasaki) แม้ ลายเส้นจะไม่ค่อยเป็นที่ถูกใจนักอ่านนัก หลายภาพวาดออกมาผิดสัดส่วนอย่างไม่น่าให้อภัย โดยเฉพาะในเล่มแรกๆ แต่เล่มหลังๆ งานก็พัฒนาขึ้นอย่างผิดหูผิดตา แต่เนื้อเรื่องที่ลึกลับ ชวนให้ติดตาม (ออกแนวสืบสวนสอบสวน) ก็ช่วยกลบข้อด้อยเหล่านี้เสียจนหมดสิ้น
เริ่มเรื่องเราได้รู้จักกับ คาราซึ คุโร นักศึกษามหาวิทยาลัยพุทธศาสนาที่มีความสามารถพิเศษในการสื่อสารกับวิญญาณได้ จับพลัดจับผลูเข้าร่วมกิจกรรมอาสาสมัครค้นหาศพ จนได้พบกับเพื่อนๆ ที่มีความสามารถพิเศษประหลาดๆ จนได้มารวมกลุ่มกันก่อตั้งบริษัทประหลาดๆ ชื่อ คุโรซากิ ขึ้นมา
นอกจาก คาราซึ แล้ว เพื่อนๆ ในกลุ่มประกอบไปด้วย อาโอ ซาซากิ สาวสวยที่เป็นผู้นำของกลุ่ม มีความสามารถในการค้นหาข้อมูลจากอินเตอร์เน็ต เป็นแฮกเกอร์ตัวฉกาจ งานอดิเรกของเธอคือ สะสมภาพศพ! มาโกโตะ นุมาตะ ชายหนุ่มบ้าพลังที่มีความสามารถในการดาวซิ่ง คือการสุ่มหาแหล่งน้ำหรือสินแร่ โดยอาศัยปฏิกิริยาจากเครื่องมือที่ทำจากโลหะ แต่นุมาตะใช้มันในการค้นหาศพ เคย์โกะ มากิโนะ เด็กสาวท่าทางไร้เดียงสา แต่เธอมีความเชี่ยวชาญในการแต่งศพระดับแนวหน้าของประเทศ ยูจิ ยาตะ เด็กเนิร์ดที่ติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวได้ และไอ้มนุษย์ต่างดาวที่ว่าก็คือตุ๊กตาหุ่นมือที่เขาสวมอยู่ตลอดเวลานั่นเอง
ภารกิจแรกที่แสนจะบังเอิญคือศพชายปริศนาที่พบบนเขา หลังจากที่ไม่รู้จะจัดการยังไงดี พวกของคาราซึก็หอบศพกลับมามหาวิทยาลัยซะงั้น … ลืมบอกไปว่าอ่านการ์ตูนเรื่องนี้ขอให้ลืมนึกถึงเหตุผล อย่าได้คิดว่าทำไมไอ้พวกนี้ถึงไม่ไม่กลัวผี ไม่กลัวศพ ทั้งจับ หอบ หิ้ว กันอย่างหน้าตาเฉย (ถึงจะเกริ่นไว้ว่าเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยพุทธศาสนาก็ตามเถอะ) และทำไมมันถึงเดินหิ้วศพไปไหนมาไหนได้ตามใจ และที่สำคัญ ศพที่ไหนจะมาจ่ายค่าจ้างให้!? … ศพชายที่ว่านี้ยังคงอาลัยต่อคนรักที่สัญญาว่าจะตายพร้อมกันและถูกฝังไว้ที่เดียวกัน แต่กลับไม่เป็นเช่นนั้น วิญญาณของเขาจึงยังไม่ไปสู่สุขคติ พวกของคาราซึจึงต้องออกติดตามหาศพของสาวเจ้า ซึ่งก็นำไปสู่ความจริงอันน่าเวทนา
ความจริงที่ว่านั่นก็คือ สองหนุ่มสาวถูกกีดกันจากพ่อของฝ่ายหญิงจนพร้อมใจฆ่าตัวตายเพื่อหนีปัญหา แต่ศพของฝ่ายหญิงถูกพ่อโรคจิตเก็บเอาไว้เชยชม เพราะเบื้องหลัง พ่อกับลูกสาวมีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดา (การมีเพศสัมพันธ์ในหมู่เครือญาติ / Incest) … แค่ตอนแรกก็เล่นกับความวิปริตภายในครอบครัวเสียแล้ว (ส่วนจะลงเอยอย่างไร หาอ่านกันนะครับ)
ตัวอย่างความสยอง เป็นส่วนหัวของเหยื่อที่กลิ้งตามฆาตกรด้วยความอาฆาต!
ตอนอื่นๆ ก็สยดสยองไม่แพ้กัน อย่างเช่นตอนที่ต้องนำศพคุณยายที่ถูกลูกหลานนำมาทิ้ง เพื่อลดจำนวนปากท้องที่ต้องเลี้ยงดู ไปไว้ยังทุ่งเด็นดาระเพื่อให้คุณยายไปสู่สุขคติ ตอนนี้ก็ประชดประชันสังคมญี่ปุ่นที่มีอัตราผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นอย่างมาก ซึ่งผู้เฒ่าเหล่านี้ต่างถูกทอดทิ้งละเลยไม่ดูแล ไม่ต่างกับขยะที่หาประโยชน์ไม่ได้ จะเก็บไว้ก็เป็นภาระเสียเปล่าๆ
อีกตอนหนึ่งที่ชวนพะอืดพะอมก็คือ คดีที่เกี่ยวกับการผ่าตัดเปลี่ยนอวัยวะอย่างผิดกฎหมาย โดยเหยื่อจะถูกผ่าตัดนำเอาอวัยวะที่ไม่จำเป็นต่อการมีชีวิตอยู่ออกมาทีละชิ้นๆ เช่น ตาสองข้าง ปอดข้างหนึ่ง ไตข้างหนึ่ง ม้ามข้างหนึ่ง โดยที่ตัวเหยื่อจะยังคงมีชีวิตอยู่เพื่อรักษาความสดของอวัยวะต่างๆ เอาไว้ แต่เวรกรรม … เหยื่อที่ว่านี้ดันหนีออกมาได้ แต่ก็มีสภาพไม่ต่างจากผ้าขี้ริ้วที่ถูกเฉือน ถูกตัดออกเป็นชิ้นๆ ในที่สุดเขาก็ตายโดยเหลือความต้องการเดียว คืออยากกลับบ้าน
เรื่องราวแต่ละตอนๆ ล้วนแต่ผิดศีลธรรม วิปริตผิดมนุษย์ เต็มไปด้วยเรื่องที่ชวนสยอง ตามแต่จินตนาการของผู้เขียน อาจจะออกแนวชวนแหวะและน่ารังเกียจอยู่บ้างสำหรับคอการ์ตูนผู้รักความสวยงาม และยึดมั่นกับจริยธรรม แต่มันก็ปฏิเสธไปไม่ได้ว่าสังคมเฟะๆ แบบนี้มีอยู่จริง ในโลกที่เต็มไปด้วยการแก่งแย่งแข่งขันเพื่อเอาตัวรอด ความรุนแรงที่มีอยู่ทุกหัวระแหงแม้กระทั่งในบ้านที่เราคิดว่าปลอดภัยที่สุด คุโรซากิฯ ตีแผ่ความเป็นจริงเหล่านี้ผ่านศพ หรืออีกนัยหนึ่งก็คือถูกเล่าเรื่องผ่านผู้ที่เผชิญกับความโหดร้ายของชีวิต จนที่สุดก็พบกับจุดจบอันน่าสยดสยอง ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม
ภาพปก Happy People ฉบับภาษาญี่ปุ่น และปกการ์ตูน “จิตหลุด”
เมื่อหลายปีก่อน บ้านเรามีโอกาสได้สัมผัสการ์ตูนญี่ปุ่นแนวสยดสยองเชิงจิตวิทยามาแล้วครั้งหนึ่ง โดยสำนักพิมพ์แนวหน้าจัดพิมพ์ในชื่อ Happy People ซึ่ง ตอนนั้นเป็นที่กล่าวขานกันในวงการผู้เสพการ์ตูนของบ้านเราเป็นอย่างมาก เนื้อเรื่องก็ว่าด้วยพฤติกรรมเพี้ยนๆ วิถีชีวิตที่แสนอุบาทว์คาดไม่ถึงของคนญี่ปุ่น มีภาพที่ชวนแหวะ (แต่ถูกเซ็นเซอร์) เนื้อหาบางตอนอาจจะหดหู่และวิปริตกว่าคุโรซากิฯ นี้เสียอีก
ไม่แน่ใจว่า Happy People จะเป็นแรงบันดาลใจส่วนหนึ่งของ คุณเอกสิทธิ์ ไทยรัตน์ เจ้าของงานเขียนรวมการ์ตูนสั้น “จิตหลุด” ที่มีเนื้อหาออกมาในแนวเดียวกัน คือว่าด้วยด้านมืดอันน่าสะอิดสะเอียนของมนุษย์ ซึ่งมักจะจบลงด้วยโศกนาฏกรรม
เรื่องราวของ จิตหลุด ถือว่าอ่อนชั้นไปเลยหากจะเทียบกับคุโรซากิฯ หรือ Happy People ซึ่งก็ถือว่าเป็นโชคดี เพราะนั่นแสดงให้เห็นว่าบ้านเราเมืองเรายังไม่วิปริตมากเท่ากับสังคมญี่ปุ่น ที่แม้เศรษฐกิจจะเติบโตพรวดๆ แต่ประชาชนชายขอบของสังคมก็ยิงดิ้นรนเอาตัวรอด หรือประชาชนส่วนใหญ่ของสังคมก็ยังคงหลงทาง หาความสุขที่แท้จริงไม่เจอ ซ้ำยังต้องเก็บงำด้านมืดของตัวเองไว้อย่างน่าอึดอัด จนมาระบายกับผู้อื่นอย่างโหดเหี้ยม แต่ก็อย่าได้นิ่งนอนใจไป เพราะบ้านเราก็กำลังเริ่มเดินเข้าใกล้ความวิปริตมากขึ้นทุกขณะ ดังจะเห็นได้จากข่าวคราวชวนช็อคที่มีให้เห็นตามทีวีและหน้าหนังสือพิมพ์อยู่ทุกบ่อย จนนับวันมันจะกลายเป็นเรื่องปกติประจำวันของคนไทยไปเสียแล้ว
จาก https://janghuman.wordpress.com/
ชีวิตหลังความตายยังคงเป็นปริศนา ไม่ว่าจะเป็นวัฒนธรรมใดล้วนแต่อธิบายเรื่องนี้แตกต่างกันไป แต่โดยรวมแล้วเราจะเชื่อกันว่าเมื่อชีวิตดับสูญ “วิญญาณ” จะเดินทางไปสู่อีกภพหนึ่ง หากเป็นคติของชาวพุทธก็เชื่อว่าวิญญาณจะไปยังสวรรค์หรือนรก ตามแต่กรรมที่ได้ทำไว้เมื่อยังมีชีวิต หากเป็นคริสต์ ก็เชื่อว่าจะได้รับการตัดสินจากพระเจ้าว่าควรจะตกนรกหรือขึ้นสวรรค์ หรือถ้าเป็นฮินดูก็เชื่อว่าวิญญาณ (อาตมัน คือ ตัวตนของเรา) จะกลับคืนสู่พรหม ซึ่งก็คือจุดกำเนิดแห่งอาตมันทั้งปวง
ยังมีอีกความเชื่อหนึ่งที่เกือบจะเหมือนๆ กันในทุกวัฒนธรรม นั่นคือความเชื่อที่ว่าวิญญาณจะยังคงวนเวียนอยู่ในโลกมนุษย์และไม่ยอมไปยังที่ที่ควรจะไป นั่นเป็นเพราะวิญญาณยังคงมีความอาลัยอาวรณ์ หรือยังมีพันธะที่ยังคั่งค้างอยู่จนไม่สามารถจากไปอย่างสงบได้ วิญญาณเหล่านี้จะทนทุกข์ทรมานไม่สิ้นสุดเพราะความอาวรณ์เหล่านี้
คติความเชื่อที่ว่านี้ถูกนำมาใช้ในการสื่อความหมายในรูปแบบต่างๆ ที่นิยมมากเห็นจะเป็นภาพยนตร์ ที่มักจะผูกเรื่องโยงใยเกี่ยวกับวิญญาณที่ยังคงปรากฏตัวให้เห็น เพื่อจะสื่อสารอะไรบางอย่างกับผู้ที่ยังอยู่ ซึ่งก็สร้างความสนุกสนาน สยองขวัญ สั่นประสาท ตามแต่จินตนาการของผู้สร้าง
การ์ตูนเรื่อง คุโรซากิ บริษัทรับส่งศพ (ไม่)จำกัด ก็อาศัยพล็อตเรื่องที่ว่ามาข้างตน โดยนำผู้อ่านเข้าไปสู่โลกหลังความตายตามจินตนาการของผู้เขียน เนื้อหาค่อนข้างจะสะอิดสะเอียน บางตอนอาจจะเป็นที่ขัดอกขัดใจของบรรดาผู้อ่านที่ยึดมั่นในศีลธรรมจรรยา แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่านั่นคือเรื่องจริงที่มีอยู่ในสังคม (ญี่ปุ่น) แฝงไปด้วยการเสียดสี วิพากษ์สังคมอย่างมีชั้นเชิง
หลายฉาก หลายภาพ ของคุโรซากิฯ นำเสนออย่างโจ่งแจ้งและเปิดเผยอย่างที่สุด ไม่ว่าจะเป็นภาพศพในลักษณะต่างๆ ทั้งศพที่เน่าเฟะ ถูกหั่นเป็นชิ้นๆ สมองถูกแหวกออก เครื่องในทะลักออกมากอง ลูกตาที่ถูกคว้านออกมาทั้งยวง และอื่นๆ รวมถึงฉากเปลือยหลายฉากที่ไม่ได้ก่อให้เกิดอารมณ์ทางกามารมณ์เลยแม้แต่น้อย ทั้งหมดที่ว่ามานี้ไม่มีการเซ็นเซอร์แต่อย่างใด! นับว่าเป็นเรื่องแปลกมากสำหรับการ์ตูนนำเข้าในบ้านเรา
คุโรซากิฯ เป็นผลงานของ อิจิ โอตสึกะ (Eiji Otsuka) และ โฮซุย ยามาซากิ (Housui Yamasaki) แม้ ลายเส้นจะไม่ค่อยเป็นที่ถูกใจนักอ่านนัก หลายภาพวาดออกมาผิดสัดส่วนอย่างไม่น่าให้อภัย โดยเฉพาะในเล่มแรกๆ แต่เล่มหลังๆ งานก็พัฒนาขึ้นอย่างผิดหูผิดตา แต่เนื้อเรื่องที่ลึกลับ ชวนให้ติดตาม (ออกแนวสืบสวนสอบสวน) ก็ช่วยกลบข้อด้อยเหล่านี้เสียจนหมดสิ้น
เริ่มเรื่องเราได้รู้จักกับ คาราซึ คุโร นักศึกษามหาวิทยาลัยพุทธศาสนาที่มีความสามารถพิเศษในการสื่อสารกับวิญญาณได้ จับพลัดจับผลูเข้าร่วมกิจกรรมอาสาสมัครค้นหาศพ จนได้พบกับเพื่อนๆ ที่มีความสามารถพิเศษประหลาดๆ จนได้มารวมกลุ่มกันก่อตั้งบริษัทประหลาดๆ ชื่อ คุโรซากิ ขึ้นมา
นอกจาก คาราซึ แล้ว เพื่อนๆ ในกลุ่มประกอบไปด้วย อาโอ ซาซากิ สาวสวยที่เป็นผู้นำของกลุ่ม มีความสามารถในการค้นหาข้อมูลจากอินเตอร์เน็ต เป็นแฮกเกอร์ตัวฉกาจ งานอดิเรกของเธอคือ สะสมภาพศพ! มาโกโตะ นุมาตะ ชายหนุ่มบ้าพลังที่มีความสามารถในการดาวซิ่ง คือการสุ่มหาแหล่งน้ำหรือสินแร่ โดยอาศัยปฏิกิริยาจากเครื่องมือที่ทำจากโลหะ แต่นุมาตะใช้มันในการค้นหาศพ เคย์โกะ มากิโนะ เด็กสาวท่าทางไร้เดียงสา แต่เธอมีความเชี่ยวชาญในการแต่งศพระดับแนวหน้าของประเทศ ยูจิ ยาตะ เด็กเนิร์ดที่ติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวได้ และไอ้มนุษย์ต่างดาวที่ว่าก็คือตุ๊กตาหุ่นมือที่เขาสวมอยู่ตลอดเวลานั่นเอง
ภารกิจแรกที่แสนจะบังเอิญคือศพชายปริศนาที่พบบนเขา หลังจากที่ไม่รู้จะจัดการยังไงดี พวกของคาราซึก็หอบศพกลับมามหาวิทยาลัยซะงั้น … ลืมบอกไปว่าอ่านการ์ตูนเรื่องนี้ขอให้ลืมนึกถึงเหตุผล อย่าได้คิดว่าทำไมไอ้พวกนี้ถึงไม่ไม่กลัวผี ไม่กลัวศพ ทั้งจับ หอบ หิ้ว กันอย่างหน้าตาเฉย (ถึงจะเกริ่นไว้ว่าเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยพุทธศาสนาก็ตามเถอะ) และทำไมมันถึงเดินหิ้วศพไปไหนมาไหนได้ตามใจ และที่สำคัญ ศพที่ไหนจะมาจ่ายค่าจ้างให้!? … ศพชายที่ว่านี้ยังคงอาลัยต่อคนรักที่สัญญาว่าจะตายพร้อมกันและถูกฝังไว้ที่เดียวกัน แต่กลับไม่เป็นเช่นนั้น วิญญาณของเขาจึงยังไม่ไปสู่สุขคติ พวกของคาราซึจึงต้องออกติดตามหาศพของสาวเจ้า ซึ่งก็นำไปสู่ความจริงอันน่าเวทนา
ความจริงที่ว่านั่นก็คือ สองหนุ่มสาวถูกกีดกันจากพ่อของฝ่ายหญิงจนพร้อมใจฆ่าตัวตายเพื่อหนีปัญหา แต่ศพของฝ่ายหญิงถูกพ่อโรคจิตเก็บเอาไว้เชยชม เพราะเบื้องหลัง พ่อกับลูกสาวมีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดา (การมีเพศสัมพันธ์ในหมู่เครือญาติ / Incest) … แค่ตอนแรกก็เล่นกับความวิปริตภายในครอบครัวเสียแล้ว (ส่วนจะลงเอยอย่างไร หาอ่านกันนะครับ)
ตัวอย่างความสยอง เป็นส่วนหัวของเหยื่อที่กลิ้งตามฆาตกรด้วยความอาฆาต!
ตอนอื่นๆ ก็สยดสยองไม่แพ้กัน อย่างเช่นตอนที่ต้องนำศพคุณยายที่ถูกลูกหลานนำมาทิ้ง เพื่อลดจำนวนปากท้องที่ต้องเลี้ยงดู ไปไว้ยังทุ่งเด็นดาระเพื่อให้คุณยายไปสู่สุขคติ ตอนนี้ก็ประชดประชันสังคมญี่ปุ่นที่มีอัตราผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นอย่างมาก ซึ่งผู้เฒ่าเหล่านี้ต่างถูกทอดทิ้งละเลยไม่ดูแล ไม่ต่างกับขยะที่หาประโยชน์ไม่ได้ จะเก็บไว้ก็เป็นภาระเสียเปล่าๆ
อีกตอนหนึ่งที่ชวนพะอืดพะอมก็คือ คดีที่เกี่ยวกับการผ่าตัดเปลี่ยนอวัยวะอย่างผิดกฎหมาย โดยเหยื่อจะถูกผ่าตัดนำเอาอวัยวะที่ไม่จำเป็นต่อการมีชีวิตอยู่ออกมาทีละชิ้นๆ เช่น ตาสองข้าง ปอดข้างหนึ่ง ไตข้างหนึ่ง ม้ามข้างหนึ่ง โดยที่ตัวเหยื่อจะยังคงมีชีวิตอยู่เพื่อรักษาความสดของอวัยวะต่างๆ เอาไว้ แต่เวรกรรม … เหยื่อที่ว่านี้ดันหนีออกมาได้ แต่ก็มีสภาพไม่ต่างจากผ้าขี้ริ้วที่ถูกเฉือน ถูกตัดออกเป็นชิ้นๆ ในที่สุดเขาก็ตายโดยเหลือความต้องการเดียว คืออยากกลับบ้าน
เรื่องราวแต่ละตอนๆ ล้วนแต่ผิดศีลธรรม วิปริตผิดมนุษย์ เต็มไปด้วยเรื่องที่ชวนสยอง ตามแต่จินตนาการของผู้เขียน อาจจะออกแนวชวนแหวะและน่ารังเกียจอยู่บ้างสำหรับคอการ์ตูนผู้รักความสวยงาม และยึดมั่นกับจริยธรรม แต่มันก็ปฏิเสธไปไม่ได้ว่าสังคมเฟะๆ แบบนี้มีอยู่จริง ในโลกที่เต็มไปด้วยการแก่งแย่งแข่งขันเพื่อเอาตัวรอด ความรุนแรงที่มีอยู่ทุกหัวระแหงแม้กระทั่งในบ้านที่เราคิดว่าปลอดภัยที่สุด คุโรซากิฯ ตีแผ่ความเป็นจริงเหล่านี้ผ่านศพ หรืออีกนัยหนึ่งก็คือถูกเล่าเรื่องผ่านผู้ที่เผชิญกับความโหดร้ายของชีวิต จนที่สุดก็พบกับจุดจบอันน่าสยดสยอง ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม
ภาพปก Happy People ฉบับภาษาญี่ปุ่น และปกการ์ตูน “จิตหลุด”
เมื่อหลายปีก่อน บ้านเรามีโอกาสได้สัมผัสการ์ตูนญี่ปุ่นแนวสยดสยองเชิงจิตวิทยามาแล้วครั้งหนึ่ง โดยสำนักพิมพ์แนวหน้าจัดพิมพ์ในชื่อ Happy People ซึ่ง ตอนนั้นเป็นที่กล่าวขานกันในวงการผู้เสพการ์ตูนของบ้านเราเป็นอย่างมาก เนื้อเรื่องก็ว่าด้วยพฤติกรรมเพี้ยนๆ วิถีชีวิตที่แสนอุบาทว์คาดไม่ถึงของคนญี่ปุ่น มีภาพที่ชวนแหวะ (แต่ถูกเซ็นเซอร์) เนื้อหาบางตอนอาจจะหดหู่และวิปริตกว่าคุโรซากิฯ นี้เสียอีก
ไม่แน่ใจว่า Happy People จะเป็นแรงบันดาลใจส่วนหนึ่งของ คุณเอกสิทธิ์ ไทยรัตน์ เจ้าของงานเขียนรวมการ์ตูนสั้น “จิตหลุด” ที่มีเนื้อหาออกมาในแนวเดียวกัน คือว่าด้วยด้านมืดอันน่าสะอิดสะเอียนของมนุษย์ ซึ่งมักจะจบลงด้วยโศกนาฏกรรม
เรื่องราวของ จิตหลุด ถือว่าอ่อนชั้นไปเลยหากจะเทียบกับคุโรซากิฯ หรือ Happy People ซึ่งก็ถือว่าเป็นโชคดี เพราะนั่นแสดงให้เห็นว่าบ้านเราเมืองเรายังไม่วิปริตมากเท่ากับสังคมญี่ปุ่น ที่แม้เศรษฐกิจจะเติบโตพรวดๆ แต่ประชาชนชายขอบของสังคมก็ยิงดิ้นรนเอาตัวรอด หรือประชาชนส่วนใหญ่ของสังคมก็ยังคงหลงทาง หาความสุขที่แท้จริงไม่เจอ ซ้ำยังต้องเก็บงำด้านมืดของตัวเองไว้อย่างน่าอึดอัด จนมาระบายกับผู้อื่นอย่างโหดเหี้ยม แต่ก็อย่าได้นิ่งนอนใจไป เพราะบ้านเราก็กำลังเริ่มเดินเข้าใกล้ความวิปริตมากขึ้นทุกขณะ ดังจะเห็นได้จากข่าวคราวชวนช็อคที่มีให้เห็นตามทีวีและหน้าหนังสือพิมพ์อยู่ทุกบ่อย จนนับวันมันจะกลายเป็นเรื่องปกติประจำวันของคนไทยไปเสียแล้ว
จาก https://janghuman.wordpress.com/