ข้อความโดย: มดเอ๊กซ
« เมื่อ: มกราคม 10, 2024, 10:09:43 pm »มีอะไรใน Dragon Ball ตอนที่ 3 : สายเลือดบริสุทธิ์
มีความเชื่อในหมู่ชาวยิวว่าชนชาติของพวกเขาพิเศษสุด เพราะเป็นชนชาติที่ได้รับการเลือกจากพระเจ้า ดังนั้น พวกเขาจึงภาคภูมิใจในสายเลือดของตน และพยายามรักษาความเข้มข้นของสายเลือดให้คงไว้ซึ่งความศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าพันธุ์ ในยุคโบราณจึงยากนักที่ชาวยิวจะไปอยู่กินกับชนชาติอื่น เพราะจะทำให้สายเลือดบริสุทธิ์ (ที่พระเจ้าเลือกแล้ว) ต้องเจือจาง และคงจะต้องถูกประนามจากคนในเผ่าพันธุ์เดียวกัน
เพื่อคงไว้ซึ่งสายเลือดบริสุทธิ์ การแต่งงานในหมู่เครือญาติจึงเกิดขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ในยุคสมัยที่ประชากรโลกไม่ได้มากมายเหมือนยุคนี้ อับราฮัม (หลานของ โนอาห์) ก็อยู่กินกับ ซาร่าห์ ซึ่งนับดูแล้วหล่อนก็เป็นน้องสาวต่างมารดาของเขาเอง เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องบัดสี ชาติไหน ๆ ก็เป็นเช่นนี้เพื่อคงความบริสุทธิ์ของสายเลือดตามความเชื่อของพวกเขา ยิ่งในระบอบกษัตริย์ด้วยแล้ว เรื่องนี้ยิ่งเป็นเรื่องปกติ ในจีน อียิปต์ อังกฤษ พม่า ฯลฯ ทุกมุมโลกก็เป็นไปเช่นนี้
ในตอนแรกอับราฮัมกับซาร่าห์ไม่มีบุตรด้วยกัน ซาร่าห์จึงยอมให้ ฮาการ์ ซึ่งเป็นคนรับใช้ชาวอียิปต์เป็นอนุจนมีบุตรชายคนแรกให้อับราฮัมคือ อิชมาเอล แต่ต่อมาก็เกิดปาฏิหารย์เมื่อซาร่าห์ให้กำเนิดบุตรชายเหมือนกันคือ อิสอัค ว่ากันว่าเพราะพระเจ้าบันดาลให้นางตั้งครรภ์ ก็น่าแปลกที่ถ้าพวกเขาคือผู้ที่พระเจ้าเลือก ทำไมไม่ช่วยอับราฮัมเสียแต่แรกเล่า มารอให้มีฮาการ์ก่อนทำไม เมื่อเกิดลูกจากเมียหมายเลขหนึ่งแต่ดันเกิดหลังเมียซึ่งเป็นอนุ แถมยังเป็นทาสเสียด้วย ปัญหาครอบครัวก็เกิดขึ้นให้อับราฮัมต้องปวดหัวเมื่อในยามชรา
ด้วยความยึดมั่นในสายเลือดของเผ่าพันธุ์ แม้จะเป็นลูกชายคนโต แต่อิชมาเอลไม่ใช่เลือดบริสุทธิ์ ต่อมาเชื้อสายของอิชมาเอลก็คือ ชาวอาหรับ ก็ต้องมาทำสงครามกับเชื้อสายของน้องชายเพื่อแย่งชิงสิ่งที่พวกเขาคิดว่าเป็นกรรมสิทธิ์ของตัวเองเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน
ภาพเขียนสีน้ำมัน อับราฮัมกับซาร่าห์ ผลงานโดย Giovanni Muzzioli
ที่มา https://henryzaidan.medium.com/giovanni-muzzioli-abraham-and-sarah-in-the-court-of-pharaoh-01-works-religious-art-120d2a8f56e8
รักษาสายเลือดบริสุทธิ์ เพื่อตระกูลหรือเผ่าพันธุ์
กรณีของอับราฮัมที่ซาร่าห์ภรรยาหมายเลขหนึ่งยอมให้มีอนุได้ นั่นก็เพื่อกำเนิดบุตรให้สืบสายตระกูล แสดงว่าขอให้มีลูก จะกำเนิดจากหญิงใดก็ได้ใช่หรือไม่ เพราะฮาการ์เป็นทาสชาวอียิปต์ ลูกที่เกิดมาย่อมไม่ใช่สายเลือดบริสุทธิ์แล้ว คำถามต่อมาคือถ้าซาร่าห์ไม่ให้กำเนิดบุตรล่ะ บุตรที่เกิดจากทาสชาวอียิปต์จะได้รับการยกย่องให้สืบสายตระกูลไหม
บรรดาราชวงศ์กษัตริย์ทั่วโลก รวมถึงตระกูลใหญ่ ๆ ต่างยึดถือธรรมเนียมการรักษาสายเลือดบริสุทธิ์เอาไว้ หมายความว่าสังคมยอมรับการสืบทอดอำนาจตามสายเลือด ซึ่งจะมีวิธีใดดีไปกว่าการมีสัมพันธ์ในกลุ่มเครือญาติ ศาสนาโซโรแอสเทรียนในอิหร่าน มีความเชื่อว่าการมีความสัมพันธ์ระหว่างคนในครอบครัวและพี่น้องเป็นสิ่งที่ดีงาม ในชุมชนของชาวโดนด์และบริตตานี ในปากีสถาน เชื่อว่าการแต่งงานระหว่างพี่น้องจะทำให้สายตระกูลมีความบริสุทธิ์ และยังเป็นการรักษาทรัพย์สมบัติของครอบครัวไม่ให้ตกไปอยู่ในมือของคนอื่น ในราชวงศ์ของไทย ญี่ปุ่น จีน ธิเบต และเกาหลี ก็มีธรรมเนียมการแต่งงานระหว่างลูกพี่ลูกน้องที่เป็นญาติ ในสังคมของชาวทมิฬนาฑู ทางตอนใต้ของอินเดีย ก็พบธรรมเนียมการแต่งงานระหว่างญาติพี่น้อง ซึ่งอาผู้ชายสามารถแต่งงานกับหลานสาวได้ ในอาณาจักรอินคาและอาณาจักรในแอฟริกากลางและเหนือ คนในตระกูลกษัตริย์สามารถแต่งงานกับญาติพี่น้องได้ เช่นเดียวกับราชวงศ์ต่างๆ ในยุโรปก็มีธรรมเนียมการแต่งงานกับญาติพี่น้อง ราชวงศ์ของชาวซูลู สวาซี และเทมบู ในเขตแอฟริกาตอนใต้จะมีการแต่งงานกันในกลุ่มชนชั้นนำ1
แนวคิดชาติพันธุ์นิยมที่สุดโต่งที่สุดเห็นจะไม่พ้นความเชื่อที่ว่า “ชาติเยอรมันเหนือกว่าชาติใด ๆ” ของ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ซึ่งนอกจากจะเทิดทูนชาติพันธุ์ของตนแล้วยังชิงชังเชื้อชาติอื่นถึงขั้นสังหารแบบล้างเผ่าพันธุ์ โดยเฉพาะกับชาวยิวที่เขาเกลียดชังที่สุด เมื่อเถลิงอำนาจแล้วเขาดำเนินแผนการปลูกฝังค่านิยมนี้ให้พลเมืองเยอรมันให้ภาคภูมิใจในสายเลือดของตน และยังออกกฎหมายสนับสนุนสองฉบับ คือ กฎหมายเพื่อคุ้มครองสายเลือดเยอรมันและเกียรติภูมิเยอรมัน โดยห้ามชาวเยอรมันสมรสหรือมีเพศสัมพันธ์นอกสมรสกับชาวยิว ห้ามหญิงชาวเยอรมันที่อายุต่ำกว่า 45 ปี รับทำงานในครัวเรือนชาวยิว และกฎหมายว่าด้วยความเป็น “พลเมืองไรช์” (Reich Citizenship) ซึ่งบัญญัติว่า ผู้มีสายเลือดเยอรมันหรือสายเลือดที่เกี่ยวข้องเท่านั้นจึงจะเป็นพลเมืองไรช์ ส่วนคนที่เหลือจัดเป็น "พสกนิกรของรัฐ" (State Subject) โดยไม่มีสิทธิพลเมือง2
การดำรงเผ่าพันธุ์ใน Dragon Ball
แต่ใน DGB เรื่องวุ่น ๆ เหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นเลยกับ “ชาวนาเม็ก” ที่นำมาเปรียบเทียบกันก็เพราะว่าชาวนาเม็กคือผู้ที่พระเจ้าองค์ก่อนเลือกให้สืบทอดตำแหน่ง “พระเจ้าของโลก” ต่อจากตัวเอง ไม่ต่างจากที่ชาวยิวเชื่อว่าพวกเขาคือเผ่าพันธุ์ที่พระเจ้าเลือก แม้ว่าใน DGB พระเจ้าองค์ก่อนจะไม่มีตัวเลือกอื่นก็ตาม แต่ก็พอสรุปได้ว่าชาวนาเม็กคือเผ่าพันธุ์ที่ถูกเลือกเหมือนกัน
ถ้าว่าด้วยเรื่องของความบริสุทธิ์ของเผ่าพันธุ์ ชาวนาเม็กก็หมดห่วง เพราะพวกเขากำเนิดจาก “ผู้เฒ่าสูงสุด” เหมือน ๆ กัน นั่นคือชาวนาเม็กไม่มีผู้หญิง ทุกคนจะเกิดจากผู้เฒ่าสูงสุดสำรอกไข่ออกมา ทีนี้ก็แล้วแต่โชคชะตาว่าจะกำเนิดเป็นสายนักสู้อย่างพิคโกโร่ สายเวทมนตร์แบบเดนเด้ หรือเป็นเกษตรกร ดังนั้นชาวนาเม็กทุก ๆ คนก็คือครอบครัวเดียวกัน
ชาวดาวนาเม็กที่มีแต่ผู้ชาย
ที่มา https://dragonball.fandom.com/wiki/Namekian
แนวคิดเรื่อง “ชาติพันธุ์นิยม” นี้ยังถูกหยิบขึ้นมาใช้กับชาวไซย่าคือ ราดิช และ เบจิต้า ทั้งสองต่างมีความทะนงและภาคภูมิใจกับสายเลือดชาวไซย่ามาก โดยเฉพาะเบจิต้าที่มีศักดิ์เป็นถึง “เจ้าชายเบจิต้า” ผู้สืบทอดบัลลังก์ของชาวไซย่า หลายหนที่เขาพร่ำบ่นถึงเผ่าพันธุ์ที่ล่มสลายไปแล้วด้วยความภาคภูมิใจ แม้กระทั่งก่อนสิ้นใจก็ยังตอกย้ำแนวคิดนี้ให้กับโกคู ผู้ที่เขาดูถูกมาตลอดว่าเป็นนักรบชั้นต่ำ เพราะถ้าเขาตายไป โกคูก็จะกลายเป็นชาวไซย่าสายเลือดแท้ที่เหลืออยู่เป็นคนสุดท้ายในจักรวาล
จะว่าไปเบจิต้า (ในตอนเริ่มต้น) ก็สะท้อนเงาของฮิตเลอร์ไว้ชัดเจน สมัยที่ยังกร่างไปทั่วจักรวาล พี่แกทำลายดวงดาวและสังหารหมู่เผ่าพันธุ์บนดาวดวงนั้น แม้จะทำเพื่อธุรกิจแต่ส่วนหนึ่งในใจก็ทำไปเพื่อความสนุก แฝงด้วยความรังเกียจเผ่าพันธุ์อื่นว่าอ่อนแอ ไม่มีประโยชน์ ไม่จำเป็นต้องเห็นอกเห็นใจ และชาวไซย่าคือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด ไม่ต่างจากที่ฮิตเลอร์ยึดมั่นความคิดที่ว่าสายเลือดเยอรมันนั้นเป็นเลิศ
ผู้เขียนเชื่อว่า อ.โทริยามา คงไม่ได้คิดลึกขนาดนี้ แต่ก็อดเปรียบเทียบไม่ได้จริง ๆ ชาวยิวที่พระเจ้าเลือกแท้ ๆ ทำไมต้องลำบากลำบนระหกระเหินไม่มีแผ่นดินอาศัย แต่พวกเขาก็มีบางสิ่งที่เหนือกว่าชาติพันธุ์อื่น ไม่อย่างนั้นคงไม่สามารถสร้างความเจริญได้มากเท่าปัจจุบัน ชาวนาเม็กเองก็ไม่ต่างกัน “พระเจ้าของโลก” แต่ไม่ใช่มนุษย์ กลับเป็นชาวนาเม็ก และเมื่อพระเจ้ารวมร่างกับพิคโกโร่ พระเจ้าองค์ถัดมาคือเดนเด้ ก็ยังคงเป็นชาวนาเม็ก เหมือนกับว่าชาวนาเม็กจะได้สิทธิพิเศษบางอย่าง และยิ่งชวนคิดต่อไปว่าถ้าหมดวาระของเดนเด้แล้ว พระเจ้าของโลกคนต่อไปจะยังเป็นชาวนาเม็กอยู่อีกหรือไม่ เพราะพระเจ้าก่อนหน้านี้ (รวมถึงเดนเด้) มาจากการคัดเลือก ไม่ใช่สืบทอดโดยสายเลือด โดยเฉพาะเดนเด้ที่ถูกเลือกให้เป็นพระเจ้าจากชาวนาเม็กด้วยกัน แม้ว่าจะอยู่ในสถานะจำยอมหรือไม่มีตัวเลือกที่ดีกว่านี้ก็ตาม ก็อดคิดไม่ได้ว่าพระเจ้าคนก่อนเลือกปฏิบัติ คือเลือกจากเผ่าพันธุ์เดียวกัน
จาก https://www.theprachakorn.com/newsDetail.php?id=663
มีความเชื่อในหมู่ชาวยิวว่าชนชาติของพวกเขาพิเศษสุด เพราะเป็นชนชาติที่ได้รับการเลือกจากพระเจ้า ดังนั้น พวกเขาจึงภาคภูมิใจในสายเลือดของตน และพยายามรักษาความเข้มข้นของสายเลือดให้คงไว้ซึ่งความศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าพันธุ์ ในยุคโบราณจึงยากนักที่ชาวยิวจะไปอยู่กินกับชนชาติอื่น เพราะจะทำให้สายเลือดบริสุทธิ์ (ที่พระเจ้าเลือกแล้ว) ต้องเจือจาง และคงจะต้องถูกประนามจากคนในเผ่าพันธุ์เดียวกัน
เพื่อคงไว้ซึ่งสายเลือดบริสุทธิ์ การแต่งงานในหมู่เครือญาติจึงเกิดขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ในยุคสมัยที่ประชากรโลกไม่ได้มากมายเหมือนยุคนี้ อับราฮัม (หลานของ โนอาห์) ก็อยู่กินกับ ซาร่าห์ ซึ่งนับดูแล้วหล่อนก็เป็นน้องสาวต่างมารดาของเขาเอง เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องบัดสี ชาติไหน ๆ ก็เป็นเช่นนี้เพื่อคงความบริสุทธิ์ของสายเลือดตามความเชื่อของพวกเขา ยิ่งในระบอบกษัตริย์ด้วยแล้ว เรื่องนี้ยิ่งเป็นเรื่องปกติ ในจีน อียิปต์ อังกฤษ พม่า ฯลฯ ทุกมุมโลกก็เป็นไปเช่นนี้
ในตอนแรกอับราฮัมกับซาร่าห์ไม่มีบุตรด้วยกัน ซาร่าห์จึงยอมให้ ฮาการ์ ซึ่งเป็นคนรับใช้ชาวอียิปต์เป็นอนุจนมีบุตรชายคนแรกให้อับราฮัมคือ อิชมาเอล แต่ต่อมาก็เกิดปาฏิหารย์เมื่อซาร่าห์ให้กำเนิดบุตรชายเหมือนกันคือ อิสอัค ว่ากันว่าเพราะพระเจ้าบันดาลให้นางตั้งครรภ์ ก็น่าแปลกที่ถ้าพวกเขาคือผู้ที่พระเจ้าเลือก ทำไมไม่ช่วยอับราฮัมเสียแต่แรกเล่า มารอให้มีฮาการ์ก่อนทำไม เมื่อเกิดลูกจากเมียหมายเลขหนึ่งแต่ดันเกิดหลังเมียซึ่งเป็นอนุ แถมยังเป็นทาสเสียด้วย ปัญหาครอบครัวก็เกิดขึ้นให้อับราฮัมต้องปวดหัวเมื่อในยามชรา
ด้วยความยึดมั่นในสายเลือดของเผ่าพันธุ์ แม้จะเป็นลูกชายคนโต แต่อิชมาเอลไม่ใช่เลือดบริสุทธิ์ ต่อมาเชื้อสายของอิชมาเอลก็คือ ชาวอาหรับ ก็ต้องมาทำสงครามกับเชื้อสายของน้องชายเพื่อแย่งชิงสิ่งที่พวกเขาคิดว่าเป็นกรรมสิทธิ์ของตัวเองเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน
ภาพเขียนสีน้ำมัน อับราฮัมกับซาร่าห์ ผลงานโดย Giovanni Muzzioli
ที่มา https://henryzaidan.medium.com/giovanni-muzzioli-abraham-and-sarah-in-the-court-of-pharaoh-01-works-religious-art-120d2a8f56e8
รักษาสายเลือดบริสุทธิ์ เพื่อตระกูลหรือเผ่าพันธุ์
กรณีของอับราฮัมที่ซาร่าห์ภรรยาหมายเลขหนึ่งยอมให้มีอนุได้ นั่นก็เพื่อกำเนิดบุตรให้สืบสายตระกูล แสดงว่าขอให้มีลูก จะกำเนิดจากหญิงใดก็ได้ใช่หรือไม่ เพราะฮาการ์เป็นทาสชาวอียิปต์ ลูกที่เกิดมาย่อมไม่ใช่สายเลือดบริสุทธิ์แล้ว คำถามต่อมาคือถ้าซาร่าห์ไม่ให้กำเนิดบุตรล่ะ บุตรที่เกิดจากทาสชาวอียิปต์จะได้รับการยกย่องให้สืบสายตระกูลไหม
บรรดาราชวงศ์กษัตริย์ทั่วโลก รวมถึงตระกูลใหญ่ ๆ ต่างยึดถือธรรมเนียมการรักษาสายเลือดบริสุทธิ์เอาไว้ หมายความว่าสังคมยอมรับการสืบทอดอำนาจตามสายเลือด ซึ่งจะมีวิธีใดดีไปกว่าการมีสัมพันธ์ในกลุ่มเครือญาติ ศาสนาโซโรแอสเทรียนในอิหร่าน มีความเชื่อว่าการมีความสัมพันธ์ระหว่างคนในครอบครัวและพี่น้องเป็นสิ่งที่ดีงาม ในชุมชนของชาวโดนด์และบริตตานี ในปากีสถาน เชื่อว่าการแต่งงานระหว่างพี่น้องจะทำให้สายตระกูลมีความบริสุทธิ์ และยังเป็นการรักษาทรัพย์สมบัติของครอบครัวไม่ให้ตกไปอยู่ในมือของคนอื่น ในราชวงศ์ของไทย ญี่ปุ่น จีน ธิเบต และเกาหลี ก็มีธรรมเนียมการแต่งงานระหว่างลูกพี่ลูกน้องที่เป็นญาติ ในสังคมของชาวทมิฬนาฑู ทางตอนใต้ของอินเดีย ก็พบธรรมเนียมการแต่งงานระหว่างญาติพี่น้อง ซึ่งอาผู้ชายสามารถแต่งงานกับหลานสาวได้ ในอาณาจักรอินคาและอาณาจักรในแอฟริกากลางและเหนือ คนในตระกูลกษัตริย์สามารถแต่งงานกับญาติพี่น้องได้ เช่นเดียวกับราชวงศ์ต่างๆ ในยุโรปก็มีธรรมเนียมการแต่งงานกับญาติพี่น้อง ราชวงศ์ของชาวซูลู สวาซี และเทมบู ในเขตแอฟริกาตอนใต้จะมีการแต่งงานกันในกลุ่มชนชั้นนำ1
แนวคิดชาติพันธุ์นิยมที่สุดโต่งที่สุดเห็นจะไม่พ้นความเชื่อที่ว่า “ชาติเยอรมันเหนือกว่าชาติใด ๆ” ของ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ซึ่งนอกจากจะเทิดทูนชาติพันธุ์ของตนแล้วยังชิงชังเชื้อชาติอื่นถึงขั้นสังหารแบบล้างเผ่าพันธุ์ โดยเฉพาะกับชาวยิวที่เขาเกลียดชังที่สุด เมื่อเถลิงอำนาจแล้วเขาดำเนินแผนการปลูกฝังค่านิยมนี้ให้พลเมืองเยอรมันให้ภาคภูมิใจในสายเลือดของตน และยังออกกฎหมายสนับสนุนสองฉบับ คือ กฎหมายเพื่อคุ้มครองสายเลือดเยอรมันและเกียรติภูมิเยอรมัน โดยห้ามชาวเยอรมันสมรสหรือมีเพศสัมพันธ์นอกสมรสกับชาวยิว ห้ามหญิงชาวเยอรมันที่อายุต่ำกว่า 45 ปี รับทำงานในครัวเรือนชาวยิว และกฎหมายว่าด้วยความเป็น “พลเมืองไรช์” (Reich Citizenship) ซึ่งบัญญัติว่า ผู้มีสายเลือดเยอรมันหรือสายเลือดที่เกี่ยวข้องเท่านั้นจึงจะเป็นพลเมืองไรช์ ส่วนคนที่เหลือจัดเป็น "พสกนิกรของรัฐ" (State Subject) โดยไม่มีสิทธิพลเมือง2
การดำรงเผ่าพันธุ์ใน Dragon Ball
แต่ใน DGB เรื่องวุ่น ๆ เหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นเลยกับ “ชาวนาเม็ก” ที่นำมาเปรียบเทียบกันก็เพราะว่าชาวนาเม็กคือผู้ที่พระเจ้าองค์ก่อนเลือกให้สืบทอดตำแหน่ง “พระเจ้าของโลก” ต่อจากตัวเอง ไม่ต่างจากที่ชาวยิวเชื่อว่าพวกเขาคือเผ่าพันธุ์ที่พระเจ้าเลือก แม้ว่าใน DGB พระเจ้าองค์ก่อนจะไม่มีตัวเลือกอื่นก็ตาม แต่ก็พอสรุปได้ว่าชาวนาเม็กคือเผ่าพันธุ์ที่ถูกเลือกเหมือนกัน
ถ้าว่าด้วยเรื่องของความบริสุทธิ์ของเผ่าพันธุ์ ชาวนาเม็กก็หมดห่วง เพราะพวกเขากำเนิดจาก “ผู้เฒ่าสูงสุด” เหมือน ๆ กัน นั่นคือชาวนาเม็กไม่มีผู้หญิง ทุกคนจะเกิดจากผู้เฒ่าสูงสุดสำรอกไข่ออกมา ทีนี้ก็แล้วแต่โชคชะตาว่าจะกำเนิดเป็นสายนักสู้อย่างพิคโกโร่ สายเวทมนตร์แบบเดนเด้ หรือเป็นเกษตรกร ดังนั้นชาวนาเม็กทุก ๆ คนก็คือครอบครัวเดียวกัน
ชาวดาวนาเม็กที่มีแต่ผู้ชาย
ที่มา https://dragonball.fandom.com/wiki/Namekian
แนวคิดเรื่อง “ชาติพันธุ์นิยม” นี้ยังถูกหยิบขึ้นมาใช้กับชาวไซย่าคือ ราดิช และ เบจิต้า ทั้งสองต่างมีความทะนงและภาคภูมิใจกับสายเลือดชาวไซย่ามาก โดยเฉพาะเบจิต้าที่มีศักดิ์เป็นถึง “เจ้าชายเบจิต้า” ผู้สืบทอดบัลลังก์ของชาวไซย่า หลายหนที่เขาพร่ำบ่นถึงเผ่าพันธุ์ที่ล่มสลายไปแล้วด้วยความภาคภูมิใจ แม้กระทั่งก่อนสิ้นใจก็ยังตอกย้ำแนวคิดนี้ให้กับโกคู ผู้ที่เขาดูถูกมาตลอดว่าเป็นนักรบชั้นต่ำ เพราะถ้าเขาตายไป โกคูก็จะกลายเป็นชาวไซย่าสายเลือดแท้ที่เหลืออยู่เป็นคนสุดท้ายในจักรวาล
จะว่าไปเบจิต้า (ในตอนเริ่มต้น) ก็สะท้อนเงาของฮิตเลอร์ไว้ชัดเจน สมัยที่ยังกร่างไปทั่วจักรวาล พี่แกทำลายดวงดาวและสังหารหมู่เผ่าพันธุ์บนดาวดวงนั้น แม้จะทำเพื่อธุรกิจแต่ส่วนหนึ่งในใจก็ทำไปเพื่อความสนุก แฝงด้วยความรังเกียจเผ่าพันธุ์อื่นว่าอ่อนแอ ไม่มีประโยชน์ ไม่จำเป็นต้องเห็นอกเห็นใจ และชาวไซย่าคือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด ไม่ต่างจากที่ฮิตเลอร์ยึดมั่นความคิดที่ว่าสายเลือดเยอรมันนั้นเป็นเลิศ
ผู้เขียนเชื่อว่า อ.โทริยามา คงไม่ได้คิดลึกขนาดนี้ แต่ก็อดเปรียบเทียบไม่ได้จริง ๆ ชาวยิวที่พระเจ้าเลือกแท้ ๆ ทำไมต้องลำบากลำบนระหกระเหินไม่มีแผ่นดินอาศัย แต่พวกเขาก็มีบางสิ่งที่เหนือกว่าชาติพันธุ์อื่น ไม่อย่างนั้นคงไม่สามารถสร้างความเจริญได้มากเท่าปัจจุบัน ชาวนาเม็กเองก็ไม่ต่างกัน “พระเจ้าของโลก” แต่ไม่ใช่มนุษย์ กลับเป็นชาวนาเม็ก และเมื่อพระเจ้ารวมร่างกับพิคโกโร่ พระเจ้าองค์ถัดมาคือเดนเด้ ก็ยังคงเป็นชาวนาเม็ก เหมือนกับว่าชาวนาเม็กจะได้สิทธิพิเศษบางอย่าง และยิ่งชวนคิดต่อไปว่าถ้าหมดวาระของเดนเด้แล้ว พระเจ้าของโลกคนต่อไปจะยังเป็นชาวนาเม็กอยู่อีกหรือไม่ เพราะพระเจ้าก่อนหน้านี้ (รวมถึงเดนเด้) มาจากการคัดเลือก ไม่ใช่สืบทอดโดยสายเลือด โดยเฉพาะเดนเด้ที่ถูกเลือกให้เป็นพระเจ้าจากชาวนาเม็กด้วยกัน แม้ว่าจะอยู่ในสถานะจำยอมหรือไม่มีตัวเลือกที่ดีกว่านี้ก็ตาม ก็อดคิดไม่ได้ว่าพระเจ้าคนก่อนเลือกปฏิบัติ คือเลือกจากเผ่าพันธุ์เดียวกัน
จาก https://www.theprachakorn.com/newsDetail.php?id=663