ผมเห็นพวกเราแนะนำตัวกันอย่างละเอียดเหมือนการแสดงความบริสุทธิ์ใจต่อกัน เพื่อพวกเราจะอยู่ในสังคมเดียวกันต่อไป จึงเห็นว่าสมควรแนะนำตัวบ้างครับ
ผมเกิดเมื่อปี 2495 เป็นชาวจังหวัดพระนครโดยกำเนิด บ้านเกิดอยู่ที่ถนนบริพัตร ริมคลองโอ่งอ่าง อำเภอป้อมปราบฯ ตั้งแต่อายุ 3 เดือนแม่ก็พาเข้าวัดฟังธรรมไม่ได้ขาด(ความจริงแม่เขาฟัง ส่วนผมฟังไม่รู้เรื่องหรอก) วัดที่ไปก็ได้แก่วัดพระพิเรนทร์(วัดเดิมของท่านเจ้าคุณประยุทธิ์) กับวัดโพธิ์ พออายุ 7 ขวบพ่อก็พาไปวัดอโศการามของท่านพ่อลี ได้รับคำสอนในเรื่องอานาปานสติ ก็นำกลับมาปฏิบัติเองที่บ้าน และเนื่องจากอยู่ห่างอาจารย์และยังไม่มีสัมมาทิฏฐิ การปฏิบัติตั้งแต่เด็กจึงเป็นเรื่องการส่งจิตออกนอกทั้งสิ้น คือพอสงบแล้วก็เที่ยวออกรู้เห็นภายนอก หาสาระแก่นสารอะไรไม่ได้เลย
เข้าเรียนประถมต้นที่โรงเรียนสุรวงศ์ แล้วไปต่อประถมปลายที่โรงเรียนวัดพลับพลาชัย ที่วัดพลับพลาชัยนี้เองเกิดความสลดสังเวชใจเกี่ยวกับพระศาสนาขึ้น เพราะมองวัดวาอารามและพระสงฆ์องค์เจ้าแล้วรู้สึกแปลกแยก รู้สึกตลอดเวลาว่านี้ไม่ใช่! พระพุทธศาสนาจริงๆอยู่ที่ไหน? ก็ได้แต่กำหนดลมหายใจเรื่อยมา โดยไม่ทราบว่าทำไปทำไม รู้แต่ว่าต้องทำเท่านั้น
จากนั้นไปเรียนมัธยมที่โรงเรียนโยธินบูรณะ จบแล้วเรียนตรี - โทที่คณะรัฐศาสตร์จุฬาฯ ในช่วงที่เรียนปริญญาตรีนั้นเข้าร่วมกิจกรรมกับศูนย์นิสิตโดยตลอด งานหลักไม่ใช่การเรียนหนังสือแต่ได้แก่งานล้มรัฐบาลในช่วง 14 ตุลาคม หลังจากนั้นก็ออกชนบทในฐานะผู้ประสานงานของศูนย์นิสิต จะว่าเป็นบุญก็คงได้ครับเพราะชนบทที่เลือกไปนั้นคือภาคอีสาน นับจากนั้นเป็นต้นมาก็คุ้นเคยกับภาคอีสาน แล้วเป็นโอกาสให้เข้าไปศึกษาธรรมตามวัดป่าในเวลาต่อมา
ต่อมาเกิดไปคลั่งลัทธิวัตถุนิยมเข้าอย่างแรงครับ ได้ศึกษาลัทธิมากซ์กับกรมการเมืองและกรรมการกลางพรรคบางคน แต่ไม่ว่าจะศึกษาอย่างไรใจก็ไม่เชื่อว่าจะเหมาะกับเมืองไทย
หลังจากนั้น ไปบวชที่วัดชลประทาน ได้ศึกษางานของท่านอาจารย์พุทธทาส แต่ขาดความรอบคอบจึงเกิดทิฏฐิวิปลาส เห็นว่าตายแล้วสูญ โอปปาติกะไม่มี
พอเรียนจบแล้วไปรับราชการ ทำหน้าที่ปราบลัทธิเพี้ยนๆอยู่ 17 ปี ช่วงนั้นได้พบและร่วมงานกับท่านอาจารย์สุชีพ ปุญญานุภาพ ท่านคงสมเพชก็เลยสอนปริยัติให้ แล้วผมก็พากเพียรอ่านพระไตรปิฎกจนจบ แต่ความรู้สึกก็บอกตนเองเสมอว่าการเรียนรู้นี้ยังไม่ใช่ทางพ้นทุกข์ ยังมีอะไรที่เราไม่รู้อยู่อีกในพระพุทธศาสนา
ช่วงต้นปี 2525 ได้อ่านอริยสัจจ์แห่งจิตของหลวงปู่ดูลย์ แล้วรู้สึกดูดดื่มอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน จึงขึ้นไปกราบท่านที่สุรินทร์เมื่อ 23 กุมภาพันธ์ 2525 หลังจากนั้นก็ปฏิบัติเรื่อยมาในสายพระป่า นอกจากการดูจิตตามที่หลวงปู่สอนแล้ว ก็วนเวียนไปหาประสบการณ์ตามสำนักครูบาอาจารย์เป็นจำนวนมาก
ซึ่งท่านก็เมตตาสั่งสอนให้ด้วยดีทุกครั้งเช่น หลวงพ่อพุธ เจ้าคุณอริยเวที หลวงปู่สาม หลวงปู่เทสก์ หลวงปู่สิม หลวงปู่เหรียญ หลวงปู่บัวพา หลวงปู่หลุย หลวงปู่ชอบ หลวงตามหาบัว ท่านอาจารย์บุญจันทร์ นอกจากนั้นก็เที่ยวศึกษาแนวทางปฏิบัติของสำนักต่างๆเพิ่มเติมมาเรื่อยๆ กระทั่งสำนักปฏิบัติในฝ่ายอภิธรรมก็เข้าไปศึกษาจากหลายสำนักเหมือนกัน แต่เป็นการไปเรียนเพื่อรู้ เพราะการปฏิบัตินั้นถูกจริตกับการดูจิตเสียแล้ว
รับราชการจนได้ชั้นพิเศษแล้วเกิดเบื่อหน่ายในระบบราชการ ก็เลยลาออกมาเป็นผู้ใช้แรงงาน(ดีใจที่ได้หยุดงานวันแรงงานด้วย) ทำหน้าที่รับจ้างวิเคราะห์งานไปวันหนึ่งๆพอไม่ให้อดตาย
เริ่มรู้จัก Internet เมื่ออายุมากแล้ว ครั้งแรกเข้าไปที่ Pantip ไปเจอกลุ่มนักเขียนเข้าก่อน แล้วต่อมาเจอกระทู้ "พบพระพุทธเจ้าให้ฆ่าพระพุทธเจ้า" ของอาจารย์วันวิสาข์ ก็เลยอยู่ในกระทู้ธรรมะเรื่อยๆมา จึงเป็นบุญวาสนาที่ได้เจอกัลยาณมิตรมากมาย
อนาคตกะว่าถ้าหมดภาระต้องเลี้ยงพ่อแล้วจะพาภรรยาออกบวชครับ เพื่อพยายามทำธุระชิ้นสุดท้ายที่ตั้งใจไว้ให้เสร็จเสียที
ที่มา
http://webcache.googleusercontent.com/search?q=cache:rqt2S1NrVaAJ:www.gongzstudio.com/forum/index.php%3Fshowtopic%3D30564+%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4+%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A2%E0%B9%8C%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B9%82%E0%B8%A1%E0%B8%8A+%E0%B8%9B%E0%B8%B2%E0%B9%82%E0%B8%A1%E0%B8%8A%E0%B9%82%E0%B8%8A+(%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B9%8C)&cd=16&hl=th&ct=clnk&gl=th