ตอบ

Warning: this topic has not been posted in for at least 500 days.
Unless you're sure you want to reply, please consider starting a new topic.
ชื่อ:
อีเมล์:
หัวข้อ:
ไอค่อนข้อความ:

Verification:
คนที่มีจิตใจอ่อนโยนส่วนใหญ่มัก คิดถึงสิ่งใดก่อนเสมอ  ( เลือกตอบแค่ ตัวเอง กับ คนอื่น ครับผม ):
คุณเชื่อในศรัทธาของความดีไหมครับ ( เลือกตอบแค่ เชื่อ กับ ไม่เชื่อ ครับผม):
คิดว่าความดีทำยากไหม( เลือกตอบแค่ ยาก กับ ไม่ยาก ครับผม):
คุณเชื่อว่าทุกศาสนาสอนให้ทุกคนเป็นคนดีใช่หรือไม่ ( เลือกตอบแค่ ใช่ กับ ไม่ใช่ ครับผม):
เว็บใต้ร่มธรรมเป็นเว็บเล็กๆแนวธรรมะในจิตใช่หรือไม่ ( เลือกตอบแค่ ใช่ กับ ไม่ใช่ ครับผม):
^^ ขอความกรุณาพิมพ์คำว่า แสงธรรมนำใจ:
^^ ขอความกรุณาพิมพ์คำว่า ความดีนำทาง:
ท่านจะปฏิบัติตามกฏระเบียบข้อตกลงของเว็บใต้ร่มธรรมทุกประการหรือไม่ ( เลือกตอบแค่ ใช่ กับ ไม่ใช่ ครับผม):
คุณพ่อคุณแม่เปรียบดั่งพระอรหันต์ในบ้าน พิมพ์คำว่า "คุณพ่อคุณแม่ฉันรักและเคารพท่านดุจพระอรหันต์":
เมื่อให้ท่านเลือก ระหว่าง (หนังสือเก่าๆเล่มหนึ่งที่เรารัก) กับ (มิตรแท้ที่รักเรา) คุณจะะเลือก:
บุคคลที่ไปหลายๆเว็บไซต์ โดยที่สวมบทบาทเป็นหลายๆคน โดยที่ไม่รู้ว่า แท้จริงใจเราต้องการอะไร เพื่อน หรือ ชัยชนะ:
ระหว่าง (ผู้ที่เรียนรู้ธรรมะเพื่อเอาชนะผู้อื่น) กับ (ผู้ที่เรียนรู้ธรรมะเพื่อเอาชนะตัวเอง)  ท่านจะเลือกเป็น:
กล่าวคำดังนี้  "ให้อภัยนะ":
กล่าวคำดังนี้  "ขออโหสิกรรม":
ในโลกออนไลน์หรือโลกแห่งจิต ไม่มีใครทำอะไรเราได้ นอกเสียไปจาก (คนพาล) หรือ (ใจของเราเอง):
ธรรมะคือ ธรรมชาติ พิมพ์คำว่า (ธรรมะชาติ) ครับ:
พิมพ์คำว่า (แสงธรรมนำทางธรรมะนำใจ) ครับ:
ขนทรายเข้าวัดคือ พิมพ์สำนวนต่อไปนี้ครับ (ทำบุญทำกุศลโดยวิธีนำหรือหาประโยชน์เพื่อส่วนรวมมิได้ทำเพื่อตนเอง):
ไม่มีอะไรสายสำหรับการเริ่มต้น พิมพ์เป็นประโยคภาษาอังกฤษครับ เป็นตัวพิมพ์เล็กทั้งหมดนะครับ เว้นวรรคคำด้วยครับ (It is never too late to mend):
ผู้ที่ไม่เคยรับรู้รสของความขมขื่น จะไม่รู้ว่าความหวานชื่นคืออะไร พิมพ์เป็นประโยคภาษาอังกฤษครับ เป็นตัวพิมพ์เล็กทั้งหมดนะครับ เว้นวรรคคำด้วยครับ (He who has never tasted bitterness does not know what is sweet):

shortcuts: กด alt+s เพื่อตั้งกระทู้ หรือ alt+p แสดงตัวอย่าง


สรุปหัวข้อ

ข้อความโดย: aun63
« เมื่อ: สิงหาคม 16, 2010, 04:17:56 pm »

ผมก็เชื่อว่ากรรมพิสูจน์ได้ แต่คงแก้ไม่ได้
ถ้าเจ้าของกรรมให้อภัย ก็คงแค่เบาบางลง
ขอบคุณครับพี่แทน  :13:

 
  น้องทามะสุดหล่อ  :44:เล่าสู่กันฟังนะงับ การแก้ไขเกิดขึ้นที่ปัจุบัน สิ่งที่แก้ไขคือที่ข้างในของตนไม่ใช่เพียงแค่การกระทำจากภายนอก การให้อภัยไม่ได้สำเร็จได้ที่ใครที่เราอยากจะให้เค้าอภัยเรา แต่มันเกิดขึ้นที่เรารู้จักให้อภัยตนเองก่อนนะงับ ทามะสุดหล่อ :31:
ขอบคุณครับพี่อุ่นสุดหล่อ+เท่  :45:
ผมความรู้ยังไม่ลึกล้ำมีอะไรพี่แนะนำได้เลยครับ
 :19:  :13:  :13:
น้องทามะสุดหล่อ +มาก555^ ^พี่อั๋นก็ขอขอบคุณน้องทามะด้วยนะ ยินดีมากมายที่เราได้สนทนากันขำๆภาษาธรรมชาติ ทุกๆสิ่งแค่เส้นผมบังภูเขา ความลึกล้ำไม่ใช่ความรู้ เหมือนมองดูแต่ไม่เห็นสักที พี่เขียนรัยว่ะเนี๊ย งงตัวเองอ่ะ 555+เดี๋ยวพี่ต้องไปทานยาที่ สี ทัน ยา ก่อนนะว่างๆมาคุยกันคุยกะคนบ้าได้ปะ555+
ข้อความโดย: กระตุกหางแมว
« เมื่อ: สิงหาคม 13, 2010, 06:16:09 pm »

ผมก็เชื่อว่ากรรมพิสูจน์ได้ แต่คงแก้ไม่ได้
ถ้าเจ้าของกรรมให้อภัย ก็คงแค่เบาบางลง
ขอบคุณครับพี่แทน  :13:

 
  น้องทามะสุดหล่อ  :44:เล่าสู่กันฟังนะงับ การแก้ไขเกิดขึ้นที่ปัจุบัน สิ่งที่แก้ไขคือที่ข้างในของตนไม่ใช่เพียงแค่การกระทำจากภายนอก การให้อภัยไม่ได้สำเร็จได้ที่ใครที่เราอยากจะให้เค้าอภัยเรา แต่มันเกิดขึ้นที่เรารู้จักให้อภัยตนเองก่อนนะงับ ทามะสุดหล่อ :31:
ขอบคุณครับพี่อุ่นสุดหล่อ+เท่  :45:
ผมความรู้ยังไม่ลึกล้ำมีอะไรพี่แนะนำได้เลยครับ
 :19:  :13:  :13:
ข้อความโดย: ดอกโศก
« เมื่อ: สิงหาคม 13, 2010, 06:15:19 pm »

ผมก็เชื่อว่ากรรมพิสูจน์ได้ แต่คงแก้ไม่ได้
ถ้าเจ้าของกรรมให้อภัย ก็คงแค่เบาบางลง
ขอบคุณครับพี่แทน  :13:


เห็นด้วยทุกประการค่ะ

น้องที คนดีมีสาระขึ้นทุกวันนะคะ
 :12:
ข้อความโดย: aun63
« เมื่อ: สิงหาคม 13, 2010, 04:42:40 pm »

ผมก็เชื่อว่ากรรมพิสูจน์ได้ แต่คงแก้ไม่ได้
ถ้าเจ้าของกรรมให้อภัย ก็คงแค่เบาบางลง
ขอบคุณครับพี่แทน  :13:

 
  น้องทามะสุดหล่อ  :44:เล่าสู่กันฟังนะงับ การแก้ไขเกิดขึ้นที่ปัจุบัน สิ่งที่แก้ไขคือที่ข้างในของตนไม่ใช่เพียงแค่การกระทำจากภายนอก การให้อภัยไม่ได้สำเร็จได้ที่ใครที่เราอยากจะให้เค้าอภัยเรา แต่มันเกิดขึ้นที่เรารู้จักให้อภัยตนเองก่อนนะงับ ทามะสุดหล่อ :31:
ข้อความโดย: กระตุกหางแมว
« เมื่อ: สิงหาคม 13, 2010, 01:43:16 pm »

ผมก็เชื่อว่ากรรมพิสูจน์ได้ แต่คงแก้ไม่ได้
ถ้าเจ้าของกรรมให้อภัย ก็คงแค่เบาบางลง
ขอบคุณครับพี่แทน  :13:
ข้อความโดย: แก้วจ๋าหน้าร้อน
« เมื่อ: สิงหาคม 11, 2010, 10:24:08 pm »

 :13: อนุโมทนาสาธุครับพี่แทน
ข้อความโดย: แปดคิว
« เมื่อ: สิงหาคม 11, 2010, 07:32:00 pm »

 :32:


  กรรมแปลว่าการกระทำ การกระทำแบ่งออกเป็น๒ฝ่าย คือกรรมฝ่ายดีและกรรมฝ่ายชั่ว กรรมฝ่ายดีเรียกว่ากุศลกรรม ส่วนกรรมฝ่ายชั่วเรียกว่าอกุศลกรรม

              เราสามารถพิสูจน์กรรมและผลกรรม
ทำอะไรได้อย่างนั้น เช่นถ้าเราอยากสอบได้เราต้องอ่านหนังสือ ถ้าเราไม่อ่านหนังสือเราก็สอบไม่ได้(อ่านคือกรรม) สอบได้คือผล(วิบาก) , ถ้าเราอยากได้ผลมะม่วงเราต้องปลูกมะม่วง และถ้าเราอยากได้ทุเรียนเราต้องปลูกทุเรียน แต่ถ้าเราอยากได้ทุเรียนแต่กลับไปปลูกตำแยเราจะได้ทุเรียนได้ไง เช่นเดียวกับการทำกรรมดีกรรมชั่ว เราอยากได้ผลกรรมดีแต่เราชอบทำกรรมชั่วแล้วผลแห่งกรรมดีจะเกิดขึ้นกับเราได้หรือ ผลที่จะได้รับย่อมเป็นผลของกรรมชั่ว

              คนที่ไม่เข้าใจกรรมสำคัญผลกรรมผิด
เช่นอยากปลูกมะม่วงไว้ในสวนเพราะต้องผลการมะม่วงไปรับประทานหรือไปขาย แต่ไม่รู้จักต้นมะม่วงเป็นอย่างไร เมื่อพบต้นตำแยจึงสำคัญว่าต้นตำแยเป็นต้นมะม่วงนำตำแยไปปลูกในสวน ถึงเวลาที่คิดว่าน่าจะเก็บเกี่ยวผลได้แล้ว แต่กลับไม่มีผลมะม่วงให้เก็บ มีแต่ใบตำแยเข้าไปใกล้ไปสัมผัสถูกเกิดอาการคันไปทั่ว ฉะนั้นอยากได้ผลมะม่วงก็ต้องนำต้นมะม่วงมาปลูก อยากได้ผลทุเรียนก็ต้องนำต้นทุเรียนมาปลูก ถ้านำต้นผิดมาปลูกก็จะไม่ได้ผลตามที่ต้องการ

                 เช่นเดียวกับคนที่สำคัญกรรมผิดไปค้ายาเสพติด,ยาบ้าเป็นต้น คิดว่าการค้าครั้งนี้ทำให้รวยง่ายและรวยเร็วได้เงินสบาย ไม่ต้องเหน็ดเหนื่อยเหมือนงานสุจริตอย่างอื่นซึ่งเหน็ดเหนื่อยและรวยยาก และไม่สนใจว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายทำลายคนในชาติคิดแต่ได้เพียงผู้เดียวไม่คิดถึงสังคม ผลสุดท้ายหนีไม่พ้นมือของตำรวจถูกจับจำคุกเพราะสิ่งที่ทำ นี่คือผลกรรม

                 บางคนเข้าในเรื่องกรรมผิด เช่นบางคนเข้าใจว่าการทำบุญให้ทานนั้นทำให้ตนต้องจนลงเสียเงินไปเปล่าๆฟรีๆ คนทำบุญทำทานเป็นคนโง่ คนงมงาย เป็นต้น ไม่อยากเป็นผู้ให้ไม่อยากเป็นผู้เสีย อะไรที่ได้ฟรีเอาเพราะมันได้ แต่อะไรที่ทำให้เสียไม่อยากเสียเพราะมันต้องเสีย ถ้าคนเราคิดแบบนี้กันหมดทุกคนภายในสังคมก็จะไม่เอื้ออาทรกัน ไม่ช่วยเหลือสงเคราะห์ สงสารกัน จะมีแต่ความเห็นแก่ตัว เห็นแก่ได้ มีแต่ความละโมบขาดความเห็นใจผู้ที่ด้อยกว่าและผู้ที่เดือดร้อน

                          การทำบุญทำทานช่วยเหลือสังคมบำรุงศาสนานั้น มีอานิสงส์ที่เห็นได้ก่อนคือได้รู้จักเสียสละในสิ่งที่มีอยู่เพื่อผู้อื่น รู้สึกคลายความโลภไปบ้างไม่มากก็น้อย และมีอานิสงส์ในตัวที่ให้ผลต่างกาลต่างเวลาไปตามเหตุปัจจัยของกรรมแต่ละบุคคล บางคนเห็นผลของบุญทานส่งให้เร็ว บางคนผลของบุญทานส่งให้ช้าจนแทบนึกว่าบุญทานนั้นไม่มีผลจริง

                  เพราะผลบุญทานนั้นไม่สามารถแสดงให้เห็นผลทันทีทันใด ไม่สามารถเห็นผลในชาตินี้คืออาจไปมีผลส่งผลในชาติต่อไป เป็นต้น บางคนจึงไม่เชื่อว่ากรรมนั้นมีจริงและมีผลวิบากจริงๆ จึงเข้าใจว่ากรรมและผลของกรรมเป็นเรื่องงมงายไร้สาระ พิสูจน์ไม่ได้ เป็นเรื่องของคนล้ายุคล้าสมัย ไม่ใช่เรื่องทางวิทยาศาสตร์ที่สามารถพิสูจน์ได้เห็นผลทันทีทันใด

                    การส่งผลของบุญของทานนั้นจะช้าหรือเร็วเกิดจากปัจจัยหลายๆอย่าง แต่ละคนมีเหตุปัจจัยแต่ละอย่างไม่เหมือนกันไม่เท่ากัน

                  เปรียบได้กับการปลูกต้นมะม่วงเพื่อให้ได้ผลมะม่วงรับประทานหรือสำหรับไปขาย โดยสมมติว่าการทำบุญคือการปลูกต้นมะม่วง พันธ์ของมะม่วงคือสิ่งที่เราเอาไปทำบุญทำทานเช่นสิ่งของต่างๆหรือเงิน เป็นต้น ดินที่ปลูกมะม่วงคือผู้ที่รับของที่เราให้ การดูแลรดน้ำใส่ปุ๋ย กำจัดวัชพืชและแมลงรบกวน เปรียบกับขณะที่ผู้ทำบุญนั้นมีจิตใจดีขณะที่ให้ทานหรือทำบุญ ผลของบุญเปรียบดั่งกับผลมะม่วง

                  เฉกเช่นเราคิดจะปลูกต้นมะม่วงในสวนของเรา เพื่อเก็บผลรับประทานหรือขายก็ตาม เราต้องเตรียมหาต้นมะม่วงตามพันธ์ที่เราต้องการเช่นต้องการปลูกมะม่วงพันธ์เขียวเสวย หรือพันธ์น้ำดอกไม้ หรืออาจจะเป็นมะม่วงพันธ์เปรี้ยวก็แล้วแต่ผู้ปลูก พันธ์ที่ดีก็ต้องลงทุนหาซื้อมาแพงหน่อย พันธ์ที่ถูกๆรสชาติไม่อร่อยอาจมีคนให้มาฟรีๆหรือหาซื้อในราคาถูกๆ

                 เมื่อได้ต้นได้พันธ์แล้ว ก็มาลงมือปลูกในดินที่มีอยู่ เจ้าของที่ดินบางคนมีที่ดินดีปุ๋ยดีดินร่วน บางคนมีที่ดินเป็นดินเหนียว บางคนมีที่ดินเป็นดินทราย เป็นต้น เมื่อปลูกแล้วเจ้าของสวนบางคนดูแลรดน้ำต้นมะม่วง และใส่ปุ๋ยกำจัดวัชพืชและแมลงที่รบกวน เจ้าของสวนบางคนปลูกแล้วปล่อยปละละเลยตามเลยไม่สนใจดูแล ทีนี้ตอนถึงเวลามะม่วงออกดอกออกผล เจ้าของสวนที่มีปัจจัยต่างๆกันไม่ว่าจะพันธ์ของมะม่วง ดินที่ปลูก การดูแลรดน้ำใส่ปุ๋ยต้นมะม่วง การกำจัดวัชพืชและแมลงรบกวน ส่งผลให้มะม่วงออกดอกออกผลช้าเร็วต่างกัน ติดผลมากน้อยต่างกัน ผลเล็กผลใหญ่ต่างกันตามสายพันธ์และการดูแล รสชาติต่างกันหวานหรือเปรี้ยวตามสายพันธ์

                 ฉะนั้นกรรมของแต่ละคนจึงแตกต่างกัน และผลของกรรมจึงส่งผลต่างกันต่างกาลต่างเวลา เพราะต่างเหตุต่างปัจจัยกัน เฉกเช่นการปลูกมะม่วงของแต่ละคน แล้วบางคนก็ไม่ได้ปลูกเพียงต้นมะม่วงอย่างเดียวปลูกพืชผสมผสาน อาจปลูกมะละกอไว้บ้าง ปลูกพริกขี้หนูด้วย ปลูกกระเพราบ้าง เป็นต้น ( กรรมดี ซึ่งกรรมแต่ละอย่างไม่เหมือนกันเหมือนปลูกต้นไม้แต่ละชนิด จะเป็นต้นไม้ยืนต้นหรือพืชล้มลุก ก็ตามแต่ละชนิด จะใช้เวลาให้ผลช้าเร็วไม่เท่ากัน เช่นปลูกมะม่วงใช้เวลานานหน่อยกว่าจะให้ผล ส่วนพริกจะใช้เวลาปลูกให้ผลเร็ว เป็นต้น

                       เช่นเดียวกับกรรมของการทำทาน กรรมของการรักษาศีล กรรมของการปฏิบัติกรรมฐาน เปรียบได้กับการปลูกพืชแต่ละชนิดเป็นกรรมต่างกันให้ผลต่างกัน ( ถ้าปลูกแล้วเป็นอาหารเป็นยาก็เปรียบเป็นกรรมฝ่ายดี ) บางคนอาจแอบปลูกกัญชา แอบปลูกฝิ่น มีหญ้าวัชพืช( กิเลสต่างๆ)แซมอยู่ในสวนด้วย (เปรียบเป็นกรรมฝ่ายไม่ดี) เราควรคอยถอนต้นหญ้าต้นวัชพืชต่างๆที่ไม่เป็นประโยชน์ (ละความชั่ว) เพื่อไม่เบียดเบียนแย่งน้ำแย่งอาหารแย่งปุ๋ยกับต้นไม้ที่ให้คุณให้แก่เรา ซึ่งเก็บผลทานได้ (ความดี) เราจึงจะได้รับผลของกรรมดีไม่มีผลของกรรมชั่วมาคอยเบียดเบียน

                   การทำบุญให้ทานนั้นมีเหตุปัจจัยที่ทำให้ผลบุญทานนั้นสมบูรณ์หรือบกพร่องต่างกัน ๓ เหตุปัจจัย
๑. ผู้ให้นั้นขณะที่ทำบุญให้ทานมีจิตใจดีบริสุทธิ์หรือไม่
๒. สิ่งของหรือปัจจัยต่างๆที่ทำบุญให้ทานนั้นได้มาโดยบริสุทธิ์ หรือไม่ ( ยกตัวอย่างบางคนไปแอบสอยมะม่วงข้างบ้านมาทำบุญ นั่นคือทานที่ไม่บริสุทธิ์เป็นทานที่ได้มาจากการผิดศีลข้อ๒ ลักทรัพย์ เป็นต้น)
๓. ผู้รับมีศีลบริสุทธิ์ มีคุณธรรมหรือไม่ ( เปรียบได้กับดิน,นา ถ้าหว่านเมล็ดพืชลงไป ดินดีนาดีย่อมทำให้พืชเจริญเติบโตเร็ว ถ้าได้ดินไม่ดีนาไม่ดีเมล็ดพืชที่หว่านลงไปย่อมไม่เจริญเติบโตเท่าที่ควร แคระแกนตามเหตุปัจจัย เป็นต้น )

                 เหตุปัจจัยแห่งกรรมเก่าในชาติก่อนมีผลมาให้เห็นในชาตินี้จริง อย่างน่าสนเท่ห์ เราสามารถดูได้จากคนรอบข้างคนภายในสังคมเดียวกันหรือสังคมภายนอกก็ตาม เราจะมองเห็นว่าบางคนทำไมเขาจึงมีฐานะดีมีบ้านสวยรถแพงๆ ได้เกิดกับพ่อแม่ที่ร่ำรวย ทำไมบ้างคนเกิดมาสวย,หล่ออย่างพระเอกนางเอก บางคนทำไมจึงแขนขาพิการ บางคนทำไมขี้ริ้วขี้เหร่ บางคนจนหาเช้าไม่พอกินถึงค่ำ เป็นต้น

                    สงสัยหรือไม่ว่าทำไมคนแต่ละคนจึงแตกต่างกัน บ้างต่างกันราวฟ้ากับดิน ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องของกรรมที่แต่ละคนทำมาในอดีตชาติ ส่งผลให้ปัจจุบันชาติมีวิถีชีวิต รูปร่างหน้าตา ความเป็นอยู่ต่างระดับกัน เรื่องกรรมจึงไม่ใช่เรื่องงมงาย ไร้สาระ และพิสูจน์ได้เห็นได้จริง ทำกรรมดีตั้งแต่วันนี้มีผลให้รับสิ่งที่ดีในวันหน้า แต่อย่าลืมละความชั่ว ถ้าทำกรรมดีผสมกรรมชั่วด้วยทำให้ส่งผลเดี๋ยวทุกข์เดี๋ยวสุข ๓เดือนสุข๔เดือนทุกข์ เป็นต้น คละเคล้ากันเพราะทำทั้งดีทั้งชั่วคละกัน

                    ตัวอย่างเรื่อง นายจอซื้อหวยบนดินถูกรางวัลที่๑ สามใบ ดีใจสุดชีวิต (ผลกรรมดีทำไว้ชาติก่อนเคยทำบุญใหญ่) จึงซื้อของเครื่องใช้เครื่องเสียง รถใหม่ราคาแพง ฯลฯ อีกหนึ่งอาทิตย์ต่อมา มีหัวขโมย รู้ว่าบ้านนี้ถูกรางวัลที่๑ ซื้อของใช้มีเงินทองมากมายเก็บไว้ภายในบ้าน จึงงัดแงะเอาไป ทำให้นายจอเกือบหมดตัว (ผลกรรมชั่วทำไว้ชาติก่อนเคยเกิดเป็นโจรปล้นเขากิน แต่ก็ได้เอาเงินไปทำบุญใหญ่ด้วย แบบว่าโจรมีศรัทธาทำบุญ) ผลกรรมดีกรรมชั่วจึงส่งผลให้เป็นดังนี้ เป็นต้น

                  เรื่องอโหสิกรรมสำคัญมาก
             เนื่องจากการทำอกุศลกรรมคือกรรมฝ่ายไม่ดีกรรมชั่วนั่นเอง เช่นเราเคยไปทำร้ายเขา เขาเจ็บปวดเกิดความโกรธจึงแก้แค้นตามจ้องเล่นงานเอาคืนกับเรา เมื่อเขาทำเราเจ็บได้แล้ว เราก็โกรธเคืองแค้นหวังเล่นงานเอาคืนเช่นกัน โกรธกันไปโกรธกันมาทำร้ายกันไปทำร้ายกันมาจนตายกันไปข้างหนึ่ง ฝ่ายตายก็ผูกใจเจ็บก่อนตายว่าจะไปเอาคืนชาติหน้า ชาติต่อไปก็เกิดมาเจอกันก็จองเวรกันอีกไม่จบสิ้น ถ้าไม่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งพักรบ อโหสิกรรมให้ก่อนก็ยังจองเวรจองกรรมกันไปเรื่อยๆหาจบสิ้นไม่

แต่ถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งตระหนักถึงโทษของกรรมขออโหสิกรรม ฝ่ายตรงข้ามแม้จะยังมีโทสะแรงกล้าอยู่ก็ตามก็จะโอนอ่อนผ่อนไป (ตบมือข้างเดียวไม่ดัง) เป็นเหตุให้เว้นจากการเป็นเจ้ากรรมนายเวรต่อกัน

                    กรรมแปลว่าการกระทำ การกระทำแบ่งออกเป็น๒ฝ่าย คือกรรมฝ่ายดีและกรรมฝ่ายชั่ว กรรมฝ่ายดีเรียกว่ากุศลกรรม ส่วนกรรมฝ่ายชั่วเรียกว่าอกุศลกรรม

                 เราสามารถพิสูจน์กรรมและผลกรรม
           ทำอะไรได้อย่างนั้น เช่นถ้าเราอยากสอบได้เราต้องอ่านหนังสือ ถ้าเราไม่อ่านหนังสือเราก็สอบไม่ได้(อ่านคือกรรม) สอบได้คือผล(วิบาก) , ถ้าเราอยากได้ผลมะม่วงเราต้องปลูกมะม่วง และถ้าเราอยากได้ทุเรียนเราต้องปลูกทุเรียน แต่ถ้าเราอยากได้ทุเรียนแต่กลับไปปลูกตำแยเราจะได้ทุเรียนได้ไง เช่นเดียวกับการทำกรรมดีกรรมชั่ว เราอยากได้ผลกรรมดีแต่เราชอบทำกรรมชั่วแล้วผลแห่งกรรมดีจะเกิดขึ้นกับเราได้หรือ ผลที่จะได้รับย่อมเป็นผลของกรรมชั่ว

           คนที่ไม่เข้าใจกรรมสำคัญผลกรรมผิด
         เช่นอยากปลูกมะม่วงไว้ในสวนเพราะต้องผลการมะม่วงไปรับประทานหรือไปขาย แต่ไม่รู้จักต้นมะม่วงเป็นอย่างไร เมื่อพบต้นตำแยจึงสำคัญว่าต้นตำแยเป็นต้นมะม่วงนำตำแยไปปลูกในสวน ถึงเวลาที่คิดว่าน่าจะเก็บเกี่ยวผลได้แล้ว แต่กลับไม่มีผลมะม่วงให้เก็บ มีแต่ใบตำแยเข้าไปใกล้ไปสัมผัสถูกเกิดอาการคันไปทั่ว ฉะนั้นอยากได้ผลมะม่วงก็ต้องนำต้นมะม่วงมาปลูก อยากได้ผลทุเรียนก็ต้องนำต้นทุเรียนมาปลูก ถ้านำต้นผิดมาปลูกก็จะไม่ได้ผลตามที่ต้องการ

                เช่นเดียวกับคนที่สำคัญกรรมผิดไปค้ายาเสพติด,ยาบ้าเป็นต้น คิดว่าการค้าครั้งนี้ทำให้รวยง่ายและรวยเร็วได้เงินสบาย ไม่ต้องเหน็ดเหนื่อยเหมือนงานสุจริตอย่างอื่นซึ่งเหน็ดเหนื่อยและรวยยาก และไม่สนใจว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายทำลายคนในชาติคิดแต่ได้เพียงผู้เดียวไม่คิดถึงสังคม ผลสุดท้ายหนีไม่พ้นมือของตำรวจถูกจับจำคุกเพราะสิ่งที่ทำ นี่คือผลกรรม

                บางคนเข้าในเรื่องกรรมผิด เช่นบางคนเข้าใจว่าการทำบุญให้ทานนั้นทำให้ตนต้องจนลงเสียเงินไปเปล่าๆฟรีๆ คนทำบุญทำทานเป็นคนโง่ คนงมงาย เป็นต้น ไม่อยากเป็นผู้ให้ไม่อยากเป็นผู้เสีย อะไรที่ได้ฟรีเอาเพราะมันได้ แต่อะไรที่ทำให้เสียไม่อยากเสียเพราะมันต้องเสีย ถ้าคนเราคิดแบบนี้กันหมดทุกคนภายในสังคมก็จะไม่เอื้ออาทรกัน ไม่ช่วยเหลือสงเคราะห์ สงสารกัน จะมีแต่ความเห็นแก่ตัว เห็นแก่ได้ มีแต่ความละโมบขาดความเห็นใจผู้ที่ด้อยกว่าและผู้ที่เดือดร้อน

                       การทำบุญทำทานช่วยเหลือสังคมบำรุงศาสนานั้น มีอานิสงส์ที่เห็นได้ก่อนคือได้รู้จักเสียสละในสิ่งที่มีอยู่เพื่อผู้อื่น รู้สึกคลายความโลภไปบ้างไม่มากก็น้อย และมีอานิสงส์ในตัวที่ให้ผลต่างกาลต่างเวลาไปตามเหตุปัจจัยของกรรมแต่ละบุคคล บางคนเห็นผลของบุญทานส่งให้เร็ว บางคนผลของบุญทานส่งให้ช้าจนแทบนึกว่าบุญทานนั้นไม่มีผลจริง

                      เพราะผลบุญทานนั้นไม่สามารถแสดงให้เห็นผลทันทีทันใด ไม่สามารถเห็นผลในชาตินี้คืออาจไปมีผลส่งผลในชาติต่อไป เป็นต้น บางคนจึงไม่เชื่อว่ากรรมนั้นมีจริงและมีผลวิบากจริงๆ จึงเข้าใจว่ากรรมและผลของกรรมเป็นเรื่องงมงายไร้สาระ พิสูจน์ไม่ได้ เป็นเรื่องของคนล้ายุคล้าสมัย ไม่ใช่เรื่องทางวิทยาศาสตร์ที่สามารถพิสูจน์ได้เห็นผลทันทีทันใด

                     การส่งผลของบุญของทานนั้นจะช้าหรือเร็วเกิดจากปัจจัยหลายๆอย่าง แต่ละคนมีเหตุปัจจัยแต่ละอย่างไม่เหมือนกันไม่เท่ากัน

                     เปรียบได้กับการปลูกต้นมะม่วงเพื่อให้ได้ผลมะม่วงรับประทานหรือสำหรับไปขาย โดยสมมติว่าการทำบุญคือการปลูกต้นมะม่วง พันธ์ของมะม่วงคือสิ่งที่เราเอาไปทำบุญทำทานเช่นสิ่งของต่างๆหรือเงิน เป็นต้น ดินที่ปลูกมะม่วงคือผู้ที่รับของที่เราให้ การดูแลรดน้ำใส่ปุ๋ย กำจัดวัชพืชและแมลงรบกวน เปรียบกับขณะที่ผู้ทำบุญนั้นมีจิตใจดีขณะที่ให้ทานหรือทำบุญ ผลของบุญเปรียบดั่งกับผลมะม่วง

                        เฉกเช่นเราคิดจะปลูกต้นมะม่วงในสวนของเรา เพื่อเก็บผลรับประทานหรือขายก็ตาม เราต้องเตรียมหาต้นมะม่วงตามพันธ์ที่เราต้องการเช่นต้องการปลูกมะม่วงพันธ์เขียวเสวย หรือพันธ์น้ำดอกไม้ หรืออาจจะเป็นมะม่วงพันธ์เปรี้ยวก็แล้วแต่ผู้ปลูก พันธ์ที่ดีก็ต้องลงทุนหาซื้อมาแพงหน่อย พันธ์ที่ถูกๆรสชาติไม่อร่อยอาจมีคนให้มาฟรีๆหรือหาซื้อในราคาถูกๆ

                       เมื่อได้ต้นได้พันธ์แล้ว ก็มาลงมือปลูกในดินที่มีอยู่ เจ้าของที่ดินบางคนมีที่ดินดีปุ๋ยดีดินร่วน บางคนมีที่ดินเป็นดินเหนียว บางคนมีที่ดินเป็นดินทราย เป็นต้น เมื่อปลูกแล้วเจ้าของสวนบางคนดูแลรดน้ำต้นมะม่วง และใส่ปุ๋ยกำจัดวัชพืชและแมลงที่รบกวน เจ้าของสวนบางคนปลูกแล้วปล่อยปละละเลยตามเลยไม่สนใจดูแล ทีนี้ตอนถึงเวลามะม่วงออกดอกออกผล เจ้าของสวนที่มีปัจจัยต่างๆกันไม่ว่าจะพันธ์ของมะม่วง ดินที่ปลูก การดูแลรดน้ำใส่ปุ๋ยต้นมะม่วง การกำจัดวัชพืชและแมลงรบกวน ส่งผลให้มะม่วงออกดอกออกผลช้าเร็วต่างกัน ติดผลมากน้อยต่างกัน ผลเล็กผลใหญ่ต่างกันตามสายพันธ์และการดูแล รสชาติต่างกันหวานหรือเปรี้ยวตามสายพันธ์

                   ฉะนั้นกรรมของแต่ละคนจึงแตกต่างกัน และผลของกรรมจึงส่งผลต่างกันต่างกาลต่างเวลา เพราะต่างเหตุต่างปัจจัยกัน เฉกเช่นการปลูกมะม่วงของแต่ละคน แล้วบางคนก็ไม่ได้ปลูกเพียงต้นมะม่วงอย่างเดียวปลูกพืชผสมผสาน อาจปลูกมะละกอไว้บ้าง ปลูกพริกขี้หนูด้วย ปลูกกระเพราบ้าง เป็นต้น ( กรรมดี ซึ่งกรรมแต่ละอย่างไม่เหมือนกันเหมือนปลูกต้นไม้แต่ละชนิด จะเป็นต้นไม้ยืนต้นหรือพืชล้มลุก ก็ตามแต่ละชนิด จะใช้เวลาให้ผลช้าเร็วไม่เท่ากัน เช่นปลูกมะม่วงใช้เวลานานหน่อยกว่าจะให้ผล ส่วนพริกจะใช้เวลาปลูกให้ผลเร็ว เป็นต้น

                   เช่นเดียวกับกรรมของการทำทาน กรรมของการรักษาศีล กรรมของการปฏิบัติกรรมฐาน เปรียบได้กับการปลูกพืชแต่ละชนิดเป็นกรรมต่างกันให้ผลต่างกัน ( ถ้าปลูกแล้วเป็นอาหารเป็นยาก็เปรียบเป็นกรรมฝ่ายดี ) บางคนอาจแอบปลูกกัญชา แอบปลูกฝิ่น มีหญ้าวัชพืช( กิเลสต่างๆ)แซมอยู่ในสวนด้วย (เปรียบเป็นกรรมฝ่ายไม่ดี) เราควรคอยถอนต้นหญ้าต้นวัชพืชต่างๆที่ไม่เป็นประโยชน์ (ละความชั่ว) เพื่อไม่เบียดเบียนแย่งน้ำแย่งอาหารแย่งปุ๋ยกับต้นไม้ที่ให้คุณให้แก่เรา ซึ่งเก็บผลทานได้ (ความดี) เราจึงจะได้รับผลของกรรมดีไม่มีผลของกรรมชั่วมาคอยเบียดเบียน

                 การทำบุญให้ทานนั้นมีเหตุปัจจัยที่ทำให้ผลบุญทานนั้นสมบูรณ์หรือบกพร่องต่างกัน ๓ เหตุปัจจัย
๑. ผู้ให้นั้นขณะที่ทำบุญให้ทานมีจิตใจดีบริสุทธิ์หรือไม่
๒. สิ่งของหรือปัจจัยต่างๆที่ทำบุญให้ทานนั้นได้มาโดยบริสุทธิ์ หรือไม่ ( ยกตัวอย่างบางคนไปแอบสอยมะม่วงข้างบ้านมาทำบุญ นั่นคือทานที่ไม่บริสุทธิ์เป็นทานที่ได้มาจากการผิดศีลข้อ๒ ลักทรัพย์ เป็นต้น)
๓. ผู้รับมีศีลบริสุทธิ์ มีคุณธรรมหรือไม่ ( เปรียบได้กับดิน,นา ถ้าหว่านเมล็ดพืชลงไป ดินดีนาดีย่อมทำให้พืชเจริญเติบโตเร็ว ถ้าได้ดินไม่ดีนาไม่ดีเมล็ดพืชที่หว่านลงไปย่อมไม่เจริญเติบโตเท่าที่ควร แคระแกนตามเหตุปัจจัย เป็นต้น )

                      เหตุปัจจัยแห่งกรรมเก่าในชาติก่อนมีผลมาให้เห็นในชาตินี้จริง อย่างน่าสนเท่ห์
เราสามารถดูได้จากคนรอบข้างคนภายในสังคมเดียวกันหรือสังคมภายนอกก็ตาม เราจะมองเห็นว่าบางคนทำไมเขาจึงมีฐานะดีมีบ้านสวยรถแพงๆ ได้เกิดกับพ่อแม่ที่ร่ำรวย ทำไมบ้างคนเกิดมาสวย,หล่ออย่างพระเอกนางเอก บางคนทำไมจึงแขนขาพิการ บางคนทำไมขี้ริ้วขี้เหร่ บางคนจนหาเช้าไม่พอกินถึงค่ำ เป็นต้น

                         สงสัยหรือไม่ว่าทำไมคนแต่ละคนจึงแตกต่างกัน บ้างต่างกันราวฟ้ากับดิน ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องของกรรมที่แต่ละคนทำมาในอดีตชาติ ส่งผลให้ปัจจุบันชาติมีวิถีชีวิต รูปร่างหน้าตา ความเป็นอยู่ต่างระดับกัน เรื่องกรรมจึงไม่ใช่เรื่องงมงาย ไร้สาระ และพิสูจน์ได้เห็นได้จริง ทำกรรมดีตั้งแต่วันนี้มีผลให้รับสิ่งที่ดีในวันหน้า แต่อย่าลืมละความชั่ว ถ้าทำกรรมดีผสมกรรมชั่วด้วยทำให้ส่งผลเดี๋ยวทุกข์เดี๋ยวสุข ๓เดือนสุข๔เดือนทุกข์ เป็นต้น คละเคล้ากันเพราะทำทั้งดีทั้งชั่วคละกัน

                      ตัวอย่างเรื่อง นายจอซื้อหวยบนดินถูกรางวัลที่๑ สามใบ ดีใจสุดชีวิต (ผลกรรมดีทำไว้ชาติก่อนเคยทำบุญใหญ่) จึงซื้อของเครื่องใช้เครื่องเสียง รถใหม่ราคาแพง ฯลฯ อีกหนึ่งอาทิตย์ต่อมา มีหัวขโมย รู้ว่าบ้านนี้ถูกรางวัลที่๑ ซื้อของใช้มีเงินทองมากมายเก็บไว้ภายในบ้าน จึงงัดแงะเอาไป ทำให้นายจอเกือบหมดตัว (ผลกรรมชั่วทำไว้ชาติก่อนเคยเกิดเป็นโจรปล้นเขากิน แต่ก็ได้เอาเงินไปทำบุญใหญ่ด้วย แบบว่าโจรมีศรัทธาทำบุญ) ผลกรรมดีกรรมชั่วจึงส่งผลให้เป็นดังนี้ เป็นต้น

                     เรื่องอโหสิกรรมสำคัญมาก
                เนื่องจากการทำอกุศลกรรมคือกรรมฝ่ายไม่ดีกรรมชั่วนั่นเอง เช่นเราเคยไปทำร้ายเขา เขาเจ็บปวดเกิดความโกรธจึงแก้แค้นตามจ้องเล่นงานเอาคืนกับเรา เมื่อเขาทำเราเจ็บได้แล้ว เราก็โกรธเคืองแค้นหวังเล่นงานเอาคืนเช่นกัน โกรธกันไปโกรธกันมาทำร้ายกันไปทำร้ายกันมาจนตายกันไปข้างหนึ่ง ฝ่ายตายก็ผูกใจเจ็บก่อนตายว่าจะไปเอาคืนชาติหน้า ชาติต่อไปก็เกิดมาเจอกันก็จองเวรกันอีกไม่จบสิ้น ถ้าไม่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งพักรบ อโหสิกรรมให้ก่อนก็ยังจองเวรจองกรรมกันไปเรื่อยๆหาจบสิ้นไม่

                         แต่ถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งตระหนักถึงโทษของกรรมขออโหสิกรรม ฝ่ายตรงข้ามแม้จะยังมีโทสะแรงกล้าอยู่ก็ตามก็จะโอนอ่อนผ่อนไป (ตบมือข้างเดียวไม่ดัง) เป็นเหตุให้เว้นจากการเป็นเจ้ากรรมนายเวรต่อกัน .
 

http://watkoh.com/kratoo/forum_posts.asp?TID=130