ข้อความโดย: sithiphong
« เมื่อ: สิงหาคม 17, 2010, 10:23:14 pm »ชีวิตของผู้ผ่านพ้น (ภาคสองของป้าถูกข่มขืนในบ้าน)
เรื่องราวของผู้หญิงที่ถูก ล่วงละเมิดทางเพศในบ้านของตนเอง และคำพูดที่อ้อนวอนร้องขอชีวิตนั้น เป็นผู้หญิงคนเดียวกันกับที่คุณจะได้อ่านเรื่องที่เธอเขียนขึ้น วันนี้เธอเขียนประสบการณ์ที่เกิดกับตนเอง เพื่อเป็นประโยชน์ต่อสังคม ในฐานะคนทำงานด้านผู้หญิง เราต้องการนำเสนอให้ผู้หญิงและสังคมเห็นภาพผู้หญิงซึ่งถูกข่มขืน และสามารถผ่านพ้นวิกฤตชีวิตมาได้ ในมุมมองใหม่ ซึ่งผู้ที่ได้รับฟังเรื่องราวหรือรับคำปรึกษาจากเธอ เรียกเธอว่า “อาจารย์แม่” ผู้สอนประสบการณ์ชีวิต และต่อไปนี้เป็นข้อเขียนของเธอ
การให้คำปรึกษากับผู้หญิงที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศโดยผู้ผ่านประสบการณ์ตรง
โดย “นวลสว่าง”
เมื่อฉันถูกข่มขืน ฉันได้รับคำปรึกษาแบบนี้ จึงทำให้ฉันสามารถแนะนำ
ฟื้นฟูสภาวะจิตใจของผู้หญิงที่ประสบปัญหาเช่นเดียวกับฉันได้
ถึงแม้คุณไม่ได้ประสบปัญหาเช่นเดียวกับฉัน
แต่ผู้หญิงทุกคนมีโอกาสที่จะถูกข่มขืนได้ ทุกที่ ทุกเวลา
และกับผู้ชายทุกคน ไม่ยกเว้นแม้แต่พ่อ
*
กระบวนการสร้างความ ไว้วางใจ เพราะผู้ประสบปัญหาจะอายและลงโทษตัวเองกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น ผู้ให้คำปรึกษาต้องทลายกำแพงแห่งความอายของผู้ประสบปัญหาให้ได้ก่อนเริ่มการ พูดคุย
ภาษาท่าทาง
ความสำคัญอันดับแรก ผู้ให้คำปรึกษาต้องยิ้มแย้มแจ่มใส มีแววตาที่อ่อนโยนและเมตตา มีอารมณ์และจิตใจอยู่ในสภาวะที่เข้มแข็ง ก่อนการพูดคุย ควรปลอบโยน อาจจะหาน้ำให้ดื่ม เชิญนั่ง สัมผัสมือ หรือแตะแขน ใช้คำพูดที่เรียกขวัญและกำลังใจ เช่น เชิญนั่งก่อน ใจเย็นๆ มาถึงตรงนี้แล้วปัญหาแก้ได้ พร้อมกับแนะนำตนเองของผู้ให้คำปรึกษาและเข้าสู่กระบวนการเสริมสร้างความกล้า สร้างความมั่นใจให้ผู้ประสบปัญหา พิทักษ์สิทธิตามกฎหมาย
สิ่งที่เพื่อน ญาติ หรือบุคคลใกล้ชิดสามารถทำได้คือ การรับฟังเรื่องราวที่เกิดขึ้นโดยไม่ตำหนิ ยืนยันที่จะเก็บเป็นความลับ สิ่งที่เล่าจะเป็นประโยชน์ในทางคดี จะทำให้ผู้ประสบปัญหามีความกล้าที่จะดำเนินคดี เพราะผู้ประสบปัญหามั่นใจว่าเธอไม่ใช่คนผิด
ในฐานะที่ฉันผ่านประสบการณ์ตรง ฉันจะบอกเพื่อนร่วมประสบการณ์ว่า
“หากคุณอายและไม่กล้าเล่าเรื่องราวที่เกิด ขึ้นกับผู้ที่มีหน้าที่ในการดำเนินการทางกฎหมายไม่ว่าจะเป็นตำรวจ อัยการ ศาล หรือบุคคลที่คุณไว้วางใจ จะเป็นผลเสียต่อการดำเนินคดีและมีผลกระทบกับตัวเราเอง เราต้องบอกความต้องการของเรา เพราะเรื่องราวที่เกิดขึ้นไม่ใช่ความผิดของเรา อย่าโทษตัวเอง ไม่ต้องอาย เราเปิดเผยกับคนที่ไว้ใจได้ ไม่ควรเก็บทุกข์ไว้คนเดียว หรือซึมเศร้า เราลุกขึ้นมาแก้ไข ต่อสู้กับปัญหาที่เกิดขึ้นกับเรา เพื่อวันข้างหน้าที่เราจะมีชีวิตอยู่อย่างสุขสบาย ไม่มีบาดแผลเดิมอยู่อีก”
ในฐานะที่ฉันได้ผ่านกระบวนการแจ้งความแล้ว สิ่งที่ฉันเรียนรู้คือ
“กฎหมายให้สิทธิผู้หญิงที่อายุเกิน 15 ปี ในการตัดสินใจแจ้งความร้องทุกข์ต่อตำรวจภายใน 3 เดือนว่าตนเองถูกล่วงละเมิดทางเพศ ในฐานะที่เราเป็นผู้ประสบภัยทางเพศ เราจึงต้องช่วยรัฐในการหาผู้กระทำความผิดทางเพศมารับโทษตามกฎหมาย การที่เราไม่แจ้งความแสดงว่าเราเพิกเฉยต่อความรุนแรงที่เกิดขึ้นกับสังคม และเราไม่พิทักษ์สิทธิตนเองทางกฎหมาย”
*
เมื่อถูกข่มขืน สิ่งแรกที่ต้องทำคือ ไปแจ้งความก่อนหรือไปตรวจร่างกายเพื่อเก็บหลักฐานภายในร่างกาย แล้วค่อยแจ้งความภายใน 3 เดือน
*
เมื่อคุณไม่รู้ว่าใครข่มขืน ไม่ต้องกลัวเพราะกระบวนการสอบสวนนั้นช่วยคุณได้
*
จำได้แค่ตำหนิบน หน้า เค้าโครงรูปร่าง พนักงานสอบสวนนั้นสามารถสเก็ตภาพคนร้ายและจุดตำหนิบนหน้าทำให้คนร้ายแตกต่าง จากคนอื่น ซึ่งเป็นหน้าที่ของกระบวนการยุติธรรมที่ต้องหาผู้กระทำความผิดมารับโทษตาม กฎหมาย
*
รู้แต่ชื่อ พนักงานสอบสวนสามารถดึงข้อมูลของผู้ต้องหาจากสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน ให้ผู้ประสบปัญหาชี้ตัวว่าใช่ผู้ที่กระทำหรือไม่
สำหรับตัวฉัน ก่อนที่ฉันจะตัดสินใจไปแจ้งความ ฉันได้มาคุยกับนักสังคมสงเคราะห์ ทำให้ฉันรู้สึกสบายใจ เชื่อมั่นในสิ่งที่ฉันกำลังจะทำ รู้ว่าฉันมีสิทธิแจ้งความ และขณะนี้คดีความของฉันกำลังอยู่ในระหว่างพิจารณาคดี นอกจากนี้ หากมีเพื่อนหญิงที่ประสบปัญหาเช่นเดียวกับฉันมาที่มูลนิธิฯ ฉันก็จะช่วยพูดคุย เพื่อมีส่วนทำให้เธอเข้มแข็ง เหมือนฉัน และปกป้องสิทธิของเธอได้
http://www.friendsofwomen.or.th/index.php?key=Y29udGVudD1jb250ZW50JmlkPTEx
เรื่องราวของผู้หญิงที่ถูก ล่วงละเมิดทางเพศในบ้านของตนเอง และคำพูดที่อ้อนวอนร้องขอชีวิตนั้น เป็นผู้หญิงคนเดียวกันกับที่คุณจะได้อ่านเรื่องที่เธอเขียนขึ้น วันนี้เธอเขียนประสบการณ์ที่เกิดกับตนเอง เพื่อเป็นประโยชน์ต่อสังคม ในฐานะคนทำงานด้านผู้หญิง เราต้องการนำเสนอให้ผู้หญิงและสังคมเห็นภาพผู้หญิงซึ่งถูกข่มขืน และสามารถผ่านพ้นวิกฤตชีวิตมาได้ ในมุมมองใหม่ ซึ่งผู้ที่ได้รับฟังเรื่องราวหรือรับคำปรึกษาจากเธอ เรียกเธอว่า “อาจารย์แม่” ผู้สอนประสบการณ์ชีวิต และต่อไปนี้เป็นข้อเขียนของเธอ
การให้คำปรึกษากับผู้หญิงที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศโดยผู้ผ่านประสบการณ์ตรง
โดย “นวลสว่าง”
เมื่อฉันถูกข่มขืน ฉันได้รับคำปรึกษาแบบนี้ จึงทำให้ฉันสามารถแนะนำ
ฟื้นฟูสภาวะจิตใจของผู้หญิงที่ประสบปัญหาเช่นเดียวกับฉันได้
ถึงแม้คุณไม่ได้ประสบปัญหาเช่นเดียวกับฉัน
แต่ผู้หญิงทุกคนมีโอกาสที่จะถูกข่มขืนได้ ทุกที่ ทุกเวลา
และกับผู้ชายทุกคน ไม่ยกเว้นแม้แต่พ่อ
*
กระบวนการสร้างความ ไว้วางใจ เพราะผู้ประสบปัญหาจะอายและลงโทษตัวเองกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น ผู้ให้คำปรึกษาต้องทลายกำแพงแห่งความอายของผู้ประสบปัญหาให้ได้ก่อนเริ่มการ พูดคุย
ภาษาท่าทาง
ความสำคัญอันดับแรก ผู้ให้คำปรึกษาต้องยิ้มแย้มแจ่มใส มีแววตาที่อ่อนโยนและเมตตา มีอารมณ์และจิตใจอยู่ในสภาวะที่เข้มแข็ง ก่อนการพูดคุย ควรปลอบโยน อาจจะหาน้ำให้ดื่ม เชิญนั่ง สัมผัสมือ หรือแตะแขน ใช้คำพูดที่เรียกขวัญและกำลังใจ เช่น เชิญนั่งก่อน ใจเย็นๆ มาถึงตรงนี้แล้วปัญหาแก้ได้ พร้อมกับแนะนำตนเองของผู้ให้คำปรึกษาและเข้าสู่กระบวนการเสริมสร้างความกล้า สร้างความมั่นใจให้ผู้ประสบปัญหา พิทักษ์สิทธิตามกฎหมาย
สิ่งที่เพื่อน ญาติ หรือบุคคลใกล้ชิดสามารถทำได้คือ การรับฟังเรื่องราวที่เกิดขึ้นโดยไม่ตำหนิ ยืนยันที่จะเก็บเป็นความลับ สิ่งที่เล่าจะเป็นประโยชน์ในทางคดี จะทำให้ผู้ประสบปัญหามีความกล้าที่จะดำเนินคดี เพราะผู้ประสบปัญหามั่นใจว่าเธอไม่ใช่คนผิด
ในฐานะที่ฉันผ่านประสบการณ์ตรง ฉันจะบอกเพื่อนร่วมประสบการณ์ว่า
“หากคุณอายและไม่กล้าเล่าเรื่องราวที่เกิด ขึ้นกับผู้ที่มีหน้าที่ในการดำเนินการทางกฎหมายไม่ว่าจะเป็นตำรวจ อัยการ ศาล หรือบุคคลที่คุณไว้วางใจ จะเป็นผลเสียต่อการดำเนินคดีและมีผลกระทบกับตัวเราเอง เราต้องบอกความต้องการของเรา เพราะเรื่องราวที่เกิดขึ้นไม่ใช่ความผิดของเรา อย่าโทษตัวเอง ไม่ต้องอาย เราเปิดเผยกับคนที่ไว้ใจได้ ไม่ควรเก็บทุกข์ไว้คนเดียว หรือซึมเศร้า เราลุกขึ้นมาแก้ไข ต่อสู้กับปัญหาที่เกิดขึ้นกับเรา เพื่อวันข้างหน้าที่เราจะมีชีวิตอยู่อย่างสุขสบาย ไม่มีบาดแผลเดิมอยู่อีก”
ในฐานะที่ฉันได้ผ่านกระบวนการแจ้งความแล้ว สิ่งที่ฉันเรียนรู้คือ
“กฎหมายให้สิทธิผู้หญิงที่อายุเกิน 15 ปี ในการตัดสินใจแจ้งความร้องทุกข์ต่อตำรวจภายใน 3 เดือนว่าตนเองถูกล่วงละเมิดทางเพศ ในฐานะที่เราเป็นผู้ประสบภัยทางเพศ เราจึงต้องช่วยรัฐในการหาผู้กระทำความผิดทางเพศมารับโทษตามกฎหมาย การที่เราไม่แจ้งความแสดงว่าเราเพิกเฉยต่อความรุนแรงที่เกิดขึ้นกับสังคม และเราไม่พิทักษ์สิทธิตนเองทางกฎหมาย”
*
เมื่อถูกข่มขืน สิ่งแรกที่ต้องทำคือ ไปแจ้งความก่อนหรือไปตรวจร่างกายเพื่อเก็บหลักฐานภายในร่างกาย แล้วค่อยแจ้งความภายใน 3 เดือน
*
เมื่อคุณไม่รู้ว่าใครข่มขืน ไม่ต้องกลัวเพราะกระบวนการสอบสวนนั้นช่วยคุณได้
*
จำได้แค่ตำหนิบน หน้า เค้าโครงรูปร่าง พนักงานสอบสวนนั้นสามารถสเก็ตภาพคนร้ายและจุดตำหนิบนหน้าทำให้คนร้ายแตกต่าง จากคนอื่น ซึ่งเป็นหน้าที่ของกระบวนการยุติธรรมที่ต้องหาผู้กระทำความผิดมารับโทษตาม กฎหมาย
*
รู้แต่ชื่อ พนักงานสอบสวนสามารถดึงข้อมูลของผู้ต้องหาจากสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน ให้ผู้ประสบปัญหาชี้ตัวว่าใช่ผู้ที่กระทำหรือไม่
สำหรับตัวฉัน ก่อนที่ฉันจะตัดสินใจไปแจ้งความ ฉันได้มาคุยกับนักสังคมสงเคราะห์ ทำให้ฉันรู้สึกสบายใจ เชื่อมั่นในสิ่งที่ฉันกำลังจะทำ รู้ว่าฉันมีสิทธิแจ้งความ และขณะนี้คดีความของฉันกำลังอยู่ในระหว่างพิจารณาคดี นอกจากนี้ หากมีเพื่อนหญิงที่ประสบปัญหาเช่นเดียวกับฉันมาที่มูลนิธิฯ ฉันก็จะช่วยพูดคุย เพื่อมีส่วนทำให้เธอเข้มแข็ง เหมือนฉัน และปกป้องสิทธิของเธอได้
http://www.friendsofwomen.or.th/index.php?key=Y29udGVudD1jb250ZW50JmlkPTEx