• ถ้าเกิดอาการเครียด : โยเกิร์ตไขมันต่ำหนึ่งถ้วย หรือ 2 ช้อนโต๊ะ จะช่วยคลายเครียดได้ ซึ่งในงานวิจัยจากประเทศสโลวาเกียพบว่าการกินอาหารที่อุดมไปด้วยกรดอะมิโนอย่างโยเกิร์ตและถั่วจะทำให้สภาวะความเครียดของคนที่ต้องไปพูดท่ามกลางสาธารณชนมีน้อยลงเมื่อเทียบกับคนที่ไมได้กินอาหารจำพวกกรดอะมิโน ฉะนั้นลองกินโยเกิร์ตกับถั่วบ้างก็จะช่วยได้เหมือนกันนะคะ
• ถ้าเกิดพลังงานถดถอย: ลูกเกดและถั่ว รวมทั้งธัญพืช สามารถช่วยให้เรามีพลังวังชาขึ้นมาได้ เพราะลูกเกดอุดมไปด้วยโพแทสเซียม ซึ่งรางกายจะใช้เปลี่ยนจากน้ำตาลไปเป็นพลังงาน ส่วนถั่วอุดมไปด้วยแมกนีเซียมที่ช่วยให้ร่างกายเผาผลาญได้ดียิ่งขึ้น แถมยังช่วยให้ระบบประสาทและกล้ามเนื้อแข็งแรง ในทางกลับกันถ้าร่างกายมีระดับแม็กนีเซียมในระดับต่ำจะทำให้เกิดกรดแล็กติก ซึ่งทำให้ร่างกายรู้สึกอ่อนแอได้
• ถ้าสมองอ่อนล้า : กินบลูเบอรี่ ซึ่งมีสารป้องกันมิให้สมองของเราเกิดอนุมูลอิสระอันนำไปสู่ความเสื่อมของเซลล์สมอง ที่อาจส่งผลให้เกิดโรคอัลไซเมอร์และพาร์กินสันได้
• ถ้างัวเงีย...ลุกไปทำงานไม่ไหว : ไข่และขนมปังโฮลสวีตสำหรับมื้อเช้าจะช่วยให้กระปรี้กระเปร่ายิ่งขึ้น เพราะไข่อุดมไปด้วยโปรตีน ซึ่งถ้าได้กินเป็นอาหารเช้าแล้ว นอกจากจะให้พลังงานแก่เรา ยังช่วยให้เรากินอาหารมื้ออื่นๆ ลดน้อยลงไป ฉะนั้น ใครที่กำลังรักษาหุ่นอยู่ก็ลองเลือกไข่และขนมปังโฮลสวีตเป็นอาหารเช้าได้นะคะ
• ถ้าอารมณ์เสียหรือหงุดหงิดอยู่ : ช็อคโกแลต ซึ่งตามหลักงานวิจัยของประเทศอิตาลีแล้วพบว่าผู้หญิงที่กินช็อคโกแลตบ่อยๆ มักจะมีแรงขับเคลื่อนทางเพศสูงและกระตือรือร้นอยู่เสมอ
ที่มา : นิตยสาร Lisa