ตอบ

Warning: this topic has not been posted in for at least 500 days.
Unless you're sure you want to reply, please consider starting a new topic.
ชื่อ:
อีเมล์:
หัวข้อ:
ไอค่อนข้อความ:

Verification:
ระหว่างความดีกับความไม่ดี เราจะเลือกทำสิ่งใดจึงจะสามารถบรรลุธรรมได้จริง ( เลือกตอบแค่ ความดี กับ ความไม่ดี ครับผม):
คนที่มีจิตใจอ่อนโยนส่วนใหญ่มัก คิดถึงสิ่งใดก่อนเสมอ  ( เลือกตอบแค่ ตัวเอง กับ คนอื่น ครับผม ):
กัน-ละ-ยา-นะ-มิด เขียนเป็นภาษาไทยที่ถูกต้องว่าอย่างไรครับ:
คุณเชื่อว่าทุกศาสนาสอนให้ทุกคนเป็นคนดีใช่หรือไม่ ( เลือกตอบแค่ ใช่ กับ ไม่ใช่ ครับผม):
เว็บใต้ร่มธรรมเป็นเว็บเล็กๆแนวธรรมะในจิตใช่หรือไม่ ( เลือกตอบแค่ ใช่ กับ ไม่ใช่ ครับผม):
^^ ขอความกรุณาพิมพ์คำว่า แสงธรรมนำใจ:
^^ ขอความกรุณาพิมพ์คำว่า ใต้ร่มธรรม:
เปล่งวาจาว่าสาธุ เป็นการอนุโมทนาต่อพระสงฆ์ที่วัด หรือมีใครทำบุญแล้วมาบอกให้ทราบ ทราบแล้วยกมือขึ้น (สาธุ) กรุณาพิมพ์คำนี้ครับ  สาธุ:
เว็บใต้ร่มธรรมเป็นเว็บเล็กๆในโลกออนไลน์ใช่หรือไม่ ( เลือกตอบแค่ ใช่ กับ ไม่ใช่ ครับผม):
ท่านจะปฏิบัติตามกฏระเบียบข้อตกลงของเว็บใต้ร่มธรรมทุกประการหรือไม่ ( เลือกตอบแค่ ใช่ กับ ไม่ใช่ ครับผม):
โดยปกติชน นิ้วมือของคนเรา มีกี่นิ้ว (ตอบเป็นภาษาไทยครับ):
วัฒนธรรมไทยเมื่อเห็นผู้ใหญ่ท่านจะทำความเคารพ ด้วยการไหว้ท่านก่อนเสมอใช่หรือไม่:
คุณพ่อคุณแม่เปรียบดั่งพระอรหันต์ในบ้าน พิมพ์คำว่า "คุณพ่อคุณแม่ฉันรักและเคารพท่านดุจพระอรหันต์":
เมื่อให้ท่านเลือก ระหว่าง (หนังสือเก่าๆเล่มหนึ่งที่เรารัก) กับ (มิตรแท้ที่รักเรา) คุณจะะเลือก:
บุคคลที่ไปหลายๆเว็บไซต์ โดยที่สวมบทบาทเป็นหลายๆคน โดยที่ไม่รู้ว่า แท้จริงใจเราต้องการอะไร เพื่อน หรือ ชัยชนะ:
หากมีคน บอกว่า เราไม่ดีเราเลว แต่ใจเรารู้ว่าไม่เป็นเช่นนั้น เราจะใช้วิธีใดจัดการกับเรื่องนี้  (โต้เถียงให้แรงกว่าที่เค้าว่ามา) หรือ (เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ความดีของเราเองไม่ต้องทำอะไร):
ธรรมะคือ ธรรมชาติ พิมพ์คำว่า (ธรรมะชาติ) ครับ:
พิมพ์คำว่า (แสงธรรมนำทางธรรมะนำใจ) ครับ:
สำนวนไทยที่ว่า แต่ละคนต่างมีรสนิยมแตกต่างกัน หรือไม่ตรงกัน  พิมพ์สำนวนต่อไปนี้ครับ (ลางเนื้อชอบลางยา):
ผู้ที่ไม่เคยรับรู้รสของความขมขื่น จะไม่รู้ว่าความหวานชื่นคืออะไร พิมพ์เป็นประโยคภาษาอังกฤษครับ เป็นตัวพิมพ์เล็กทั้งหมดนะครับ เว้นวรรคคำด้วยครับ (He who has never tasted bitterness does not know what is sweet):

shortcuts: กด alt+s เพื่อตั้งกระทู้ หรือ alt+p แสดงตัวอย่าง


สรุปหัวข้อ

ข้อความโดย: แก้วจ๋าหน้าร้อน
« เมื่อ: สิงหาคม 21, 2010, 08:55:31 pm »

 :13: อนุโมทนาสาธุครับ ขอบคุณครับพี่กัลยา
ข้อความโดย: 時々होशདང一རພຊຍ๛
« เมื่อ: สิงหาคม 21, 2010, 12:21:01 am »




1. คนมีอายุน้อย เพราะการฆ่าสัตว์ มีอายุยืน เพราะการไม่ฆ่าสัตว์
2.มีโรคน้อย เพราะไม่เบียดเบียนสัตว์ มีโรคมากเพราะเบียดเบียนสัตว์
3. มีผิวพรรณงาม เพราะไม่โกรธแค้นพยาบาท มีผิวพรรณทราม เพราะโกรธแค้นพยาบาท
4.มีความเป็นผู้สูงศักดิ์ เพราะไม่ริษยา มีศักดิ์ต่ำเพราะริษยา
๕. มีทรัพย์มาก เพราะทำาทาน มีทรัพย์น้อย เพราะตระหนี่
5.เกิดในตตะกูลสูง เพราะไม่กระด้างถือตัว รู้จักอ่อนน้อม เกิดในตระกูลต่ำ เพราะกระด้าง
ถือตัว ไม่รู้จักอ่อนน้อม
6.มีปัญญาดี เพรารู้จักไต่ถาม และแสวงหาความรู้ มีปัญญาทรามเพราะไม่รู้จักไต่ถาม ไม่แสวงหาความรู้นี่เป็นหลักเกณฑ์ที่ควรนำไปพิจารณาเทียบเคียงกับความเป็นอยู่ได้ดังที่กล่าวมาในวันนี้ก็พอสมควรแก่เวลาจึงขอยุติธรรมะปาฐกถาไว้แต่เพียงนี้


ขอให้ญาติ - โยมนั่งอยู่ในอาการสงบแผ่เมตตาเป็นเวลา 5 นาที่ อย่าเดิน - ไปเดินมา

อิทัง ปุญญะผะลังอานิสงส์อันใด ที่ข้าพเจ้าทั้งหลายได้บำเพ็ญไปแล้วนี้ ขอผลบุญนี้จงแผ่ไปถึง เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย ที่ข้าพเจ้าได้ล่วงเกินมาแล้ว แต่ชาติก่อนก็ดี ชาตินี้ก็ดี ขอให้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย ได้มาอนุโมทนา เมื่ออนุโมทนาแล้ว ขอให้อโหสิกรรมกันตั้งแต่บัดนี้เวลานี้เป็นต้นไป................

ขอแผ่บุญกุศลนี้ไปถึงเทพเจ้าทั้งหลาย ที่รักษาตัวข้าพเจ้าอยู่ก็ดี นอกจากนี้ก็ดี ทั่วสากลพิภพ จงมีความสุขโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เทพพรหมทั้งหลายภูติ - ผี ปีศาจทั้งหลายที่อยู่ในนี้ก็ดี อยู่บ้านของข้าพเจ้าก็ดี ขอให้ทุกท่านจงมีความสุขและขอแผ่บุญกุศลนี้ ไปถึงสัพพะสัตว์ทั้งหลาย มีบิดามารดา ครูบาอาจารย์ ญาติพี่น้อง มิตรสหาย ของข้าพเจ้าทั้งหลาย ที่เสวยความสุขอยู่ก็ดี เสวยความทุกข์อยู่ก็ดี ขอให้ทุกท่านจงมีความสุข โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พระสยามเทวาธิราชทุกท่าน ขอให้ทุกท่านจงมีความสุขขอผลานิสงส์นี้ จงเป็นปัจจัยให้ข้าพเจ้าทั้งหลาย ได้อยู่ดีกินดี มีความสุขความเจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไปและได้เข้าถึงซึ่งพระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้ ด้วยเทอญ ฯ

ข้อความโดย: 時々होशདང一རພຊຍ๛
« เมื่อ: สิงหาคม 21, 2010, 12:18:22 am »




หมดเรื่องกันอย่างนี้ใจสบาย ความทุกข์ไม่เกิด เพราะต้องการอะไรแล้วไม่ได้สมหวัง
เรื่องของกรรมเป็นหลักสำาคัญมาก เป็นกุญแจสำาคัญของการแก้ไขปัญหาของชีวิต ถ้าเราหมั่นศึกษาสนใจก็มักมองเห็นเหตุผลอย่างแจ่มแจ้งว่า ความสุข ความทุทกข์ ความดี ความชั่ว ความเสื่อม ความเจริญทั้งมวล เป็นสิ่งเนื่องมาจากกรรมของตนเองทั้งนั้น เราเองเป็นผู้สร้างโชคชะตาของชีวิตให้แก่ตนเอง อนาคตของชีวิตขึ้นอยู่กับการกระทำในปัจจุบัน การเป็นอยู่ในปัจจุบันก็เนื่องมาเป็นลำดับโดยการกระทำาของเราเองหาใช่ โดยการกระทำของใคร ๆ

ในที่ใดไม่ คนที่มีความเชื่อในเรื่องกรรม ย่อมไม่มีการลง โทษคนอื่น แต่จักลงโทษตนเองถ่ายเดียวเขาจักคิดว่าเป็นความผิดของตนเองเท่านั้น คนอื่นเป็นแต่เพียงตัวประกอบหาใช่ตัวการสำคัญไม่การแก้ไขเหตุร้ายของชีวิตก็หันมาแก้การกระทำาของตนเอง ไม่เที่ยวแก้ไขเหตุการณ์ภายนอก ผลของกรรมที่เกิดแก่ผู้กระทำนั้น เกิดขึ้นเองเพราะแรงดันของกรรมไม่มีอะไรสิ่งใดมาอยู่เหนือกฏของกรรมอีกเพื่อให้เห็นเหตุผลของกรรมชัดเจนขึ้น ขอยกเอาข้อความใน(จูฬกัมมวิภังคสูตร)อันเป็นสูตรที่แสดงถึงเหตุผลของเรื่องนี้ไว้โดยเฉพาะให้เห็นได้ว่า ความเป็นอยู่ของชีวิตของแต่ละบุคคลนั้นเนื่องจากกรรมอย่างไร ? ดังนี้คือ.........
ข้อความโดย: 時々होशདང一རພຊຍ๛
« เมื่อ: สิงหาคม 21, 2010, 12:17:00 am »




ทำดีแบบนี้คนอื่นเขาขัดใจ เราก็เปลี่ยนทำอย่างอื่นเสียก็ได้ ถือหลักว่าอย่าขัดใจเขาและเราก็ไม่เสียคนเป็นใช้ ได้ หรืออีกประการหนึ่ง การทำดีอย่างเดียวไม่เพียงพอแต่ต้องเป็นความชอบด้วย เช่นชอบใจผู้บังคับบัญชา ชอบด้วยตัวบทกฏหมายชอบด้วยเวลาชอบด้วยภูมิประเทศและ ชอบด้วยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อย่างนี้เป็น

ความชอบ ถ้าดีกับชอบมารวมกันเมื่อใดผลก็จะเกิดขึ้นทันทีจงคอยกำหนดดูคนที่เขาก้าวหน้าในทางงาน เขาต้องมีความดีส่วนตนอยู่ ก่อน เช่นมีความรู้ดีมีความประพฤติดี เมื่อมีความดีอย่างนี้แล้วก็พยายามเข้าหาเจ้านายไว้บ้าง ทำดีชนิดที่นายชอบให้เหมาะแก่โอกาส เขาก็เป็นที่คุ้นเคยกับนายเวลา เวลาจะเลื่อนคนเลื่อนเงินเป็นธรรมดานายจะต้องนึกถึงคนใกล้ และคนที่รู้จักก่อนเสมอ เรื่องนี้เป็นธรรมดาของโลกหนีไม่พ้นคนอยู่ในโลกต้องเรียนรู้ไว้บ้าง

แต่คนใดที่ ทำดีไปฝ่ายเดียว โดยไม่ทำให้เป็นที่ชอบใจนายไม่เป็นที่รู้จักของนายทางเดินมันตันบ่อย ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะใช้ธรรมะไม่ถูกกาละเทศะนั่นเอง จึงขอฝากความคิดนี้ไว้ด้วยส่วนบุคคลที่กระทำความดีโดยหวังเอาความดีแท้ ๆ นั่นไม่มีปัญหาอะไรเขาจักต้องได้ความดีตอบแทนเสมอ คนเช่นนี้แหละเป็นคนนำาความสงบสุขมาสู่โลก ว่ากัน ตามความจริงแล้วควรทำดีเพื่อความดี ทำงานเพื่องาน อย่าไปหวังผลจากอะไรจากสิ่งนั้น ปล่อยให้ผลมันเกิดขึ้นเองตามเรื่องของมัน เราเองมีหน้าที่แต่เพียงกระทำเท่านั้นเมื่อทำกิจเสร็จแล้วก็เป็นอัน
ข้อความโดย: 時々होशདང一རພຊຍ๛
« เมื่อ: สิงหาคม 21, 2010, 12:16:14 am »





ใคร่จะแนะนำอีกสักเล็กน้อย เกี่ยวกับการทำกรรมเพื่อหวังผลแก่ตน ผู้กระทำที่มีความเชื่อในทางผลกรรมแล้วว่าทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นเรื่องของใจก่อน ผลเป็น วัตถุเป็นสิ่งตามมาทีหลัง เป็นของแน่นแน แต่การเป็นอยู่ในโลก เราอยู่กับคนที่มีนิสัยใจ คอไม่เหมือนกันมีความคิดเห็นแตกต่างกัน การอยู่ร่วมกันต้องเรียรู้นิสัยใจคอกันบ้าง พอให้รู้ใจว่าใครชอบอย่างไร เพื่อจักได้ปฏิบัติตนให้พอเหมาะพอควรกัน การกระทำา อะไรทุกอย่างต้องเป็นไปในรูปพอดี และเหมาะแก่กาละเทศะเสมอ ถ้าขาดความพอดีไม่เหมาะแก่กาละเทศะผลก็ไม่อำนวยให้แก่ตนได้ฉะนั้นการทำความดีที่หวังผลทางวัตถุต้องเข้าใจว่าวัตถุที่คนจักพึงได้นั้นจะได้จากไหนใครเป็นผู้อำานวยให้วัตถุอันนั้นมาบ้าง แล้วคิดต่อไปว่าคนนั้นๆ เขาชอบในทางไหน ต้องหาทางเข้าถึงจิตใจของเขา แต่ไม่ทิ้งความดีของเรา การ

ทำความดีในบางครั้งอาจไม่เป็นที่พอใจของคน บางคนก็ได้ เมื่อเขาไม่พอใจ เขาก็เป็นปรปักษ์กับเรา เราเองต้องได้รับความเบียดเบียนจากเขา เรื่องมันยุ่งอยู่เหมือนกัน เพราะการกระทำที่ไม่ถูกกาลและบุคคลจึงเป็นความจำเป็นต้องทำให้เหมาะแก่กาลเวลาผู้ใหญ่บางคนก็มีศีลธรรมดีบางคนก็ปราศจากศีลธรรมถ้าเราอยู่ใต้บังคับบัญชาของคนที่มีศีลธรรม ก็ไม่สู้ลำบากนักแต่ถ้าได้คนขาดศีลธรรมก็เดือดร้อนจึงต้องหาทางออกให้แยบคายอย่าทำสิ่งใดที่เขาไม่ชอบใจการทำดีนั้นมีหลายอย่างเหมือนทางเดินมีหลายทางถ้า...
ข้อความโดย: 時々होशདང一རພຊຍ๛
« เมื่อ: สิงหาคม 21, 2010, 12:15:32 am »




ที่จริงคำสอนนี้ ท่านพูดให้ฟังอย่างง่าย ๆ ที่สุดว่า ทำาได้ดี ทำชั่วได้ชั่วดีกับชั่วเป็นคุณภาพของจิตใจ ต้องได้ดีเมื่อมีการกระทำส่วนวัตถุต่าง ๆนั้นมันเป็นผลพลอยได้อีกทีหนึ่งอาจได้เร็วหรือช้าสุดแล้วแต่การประกอบ เพราะการประกอบกรรมที่จะให้ได้ผลทางวัตถุนั้นต้องรอเวลา ต้องรอบุคคล ต้องรอสถานที่ และต้องมีการประกอบให้ตรงกับสิ่งเหล่านี้ ถ้าพลาดไปก็ยังไม่เกิดผลและทำให้เข้าใจผิดเป็นอื่นไปก็ได้เหมือนการปลูกต้นไม้และหวังผล ต้องรอไปหน่อยอย่าใจร้อน ถ้าร้อนใจก็เป็นทุกข์ และเป็นความเศร้าหมองแก่ตนโดยใช่เหตุ ให้ทำาความ

เข้าใจเสียก่อนว่า ผลที่ได้ก่อนเป็นเรื่องทางใจแล้วต่อมาก็เป็นเรื่องทางวัตถุ เช่นว่า ท่านเป็นข้าราชการไปทำงาน ถ้าท่านไปทำงานดีตลอดมาท่านได้ความสบายแล้ว ต่อมาก็ได้เลื่อนยศขึ้นเงินเดือนสูงขึ้นถ้าท่านขาดสายหรือทำงานอย่างขาดตกบกพร่องขั้นต้นท่านก็ร้อนใจ ต่อมางานเสียหนักเข้าพอผลกรรมสุกกรอบดี ท่านก็ตกจากตำแหน่ง นี่เป็นผลที่เกิดมาตามลำาดับ เป็นเรื่องจริงทั้งนั้นจึงควรได้ตั้งไว้เป็นกฎว่าทำดีได้ความดีในทางใจก่อน ความดีในใจเป็นทาง ให้ได้วัตถุวัตถุทีได้มาโดยควมดีเป็นสิ่งให้ใจสบาย ในที่สบายเห็นเหตุให้สงบ สะ อาด สว่าง ทำความชั่วได้ความชั่วในทางใจก่อนความชั่วเจริญในก็หมดทรัพย์สิน คนหมดทรัพย์ต้องมีความทุกข์ ความทุกข์ทำาให้ใจเป็นบาปและบาปหนักขึ้น...
ข้อความโดย: 時々होशདང一རພຊຍ๛
« เมื่อ: สิงหาคม 21, 2010, 12:14:21 am »




เหมือนบ้านจะมืดตะเกียงเริ่มหรี่เพราะหมดน้ำพอน้ำมันแห้ง ตะเกียงดับทันทีความมืดปรากฏออกมาให้เห็น คนทำาบาปก็เช่น เดียวกัน เขามีความตั้งใจในทางผิดเกิดขึ้นเป็นความชั่วและทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น จนกระทั่งทำาบาปได้โดยปราศจากความยับยั้ง ผลที่เกิดทางใจก็คือความเศร้าหมองทวี จำนวนมากชึ้น ใจเป็นบาปหนักเพราะความเศร้าหมองนั้น ๆ นี่เป็นความชั่วที่เขาได้รับทุกครั้งขณะทำาชั่วอันคนที่ทำชั่วนั้น ๆ นี่เป็นความชั่วที่เขาได้รับทุกครั้งขณะที่ทำชั่ว อันคนที่ทำชั่วนั้น ทำทีละน้อย ๆ ไปก่อน ค่อยทวีจำนวนมากขึ้นจนชินและรู้สึกตัวต่อความชั่ว เหมือนคนที่ไปทำงานที่สกปรก เช่นทำงานถ่ายอุจจาระ นานเข้าจมูกชินกับกลิ่นนั้น ความรู้สึกว่าสกปรกหายไปจากใจ

เขาก็จับถึงอุจจาระได้สบายเหมือนจับถังข้าวต้มคนที่ทำาชั่วก็เป็นเช่นนั้น ทำหนักเข้าก็กลายเป็นคนชั่วชนิดถอนตัวไม่ออก ใจของ เขาถูกเย็บย้อมพัวพันรัดรึงกับควมชั่วเสียแล้ว เป็นเรื่องน่ากลัวโดยแท้ ความดีความชั่ว เป็นเรื่องของใจก่อน เมื่อใจมีความดี การกระทำก็เป็นไปในทางดี เป็นการเพิ่มความดี ให้แก่ตน ถ้าใจมีความชั่วการกระทำก็เป็นความชั่ว เป็นการเพิ่มความชั่วให้แก่ตน การ เพิ่มความดีเป็นความสุขการเพิ่มความชั่วเป็นความทุกข์ ท่านชอบอย่างไหน ?ในสมัยนี้มีคนจำนวนมาก มีความเข้าใจผิดจากความจริงเขาเข้าใจคำาว่าคำสอนที่ว่า ทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่ว เป็นสิ่งที่ไม่จริง โดยอ้างว่าบางคนทำชั่วแต่เห็นเขาร่ำรวยมีกินมีอยู่ดีบางคนเป็นซื่อตรงสุจริต แต่ลำาบากยากจนต้องหาเช้ากินเย็นความเป็นอยู่ลำบากเต็มทีเขาจึงกล่าวติหลักธรรมข้อนี้ว่าเรื่องเหลวไหล ไม่เป็นจริง เป็นเช่นนี้มีอยู่มากเหมือนกัน เพราะเขาตีความหมายผิดไปจากหลักเดิม เข้าใจว่า ได้ดีได้ ชั่วเป็นเรื่องของวัตถุเงินทองไปเสียเขาจึงเขวไปจากแนวทางของความเห็นชอบ และเมื่อเ้ขวก็เป็นเหตุทำาให้ทำาผิดไปได้มาก มีตัวอย่างอยู่มากมายในสมัยนี้...
ข้อความโดย: 時々होशདང一རພຊຍ๛
« เมื่อ: สิงหาคม 21, 2010, 12:13:28 am »




เพื่อให้เข้าใจชัดเรามาพิสูจน์อีกสักเล็กน้อย อันที่กระทำความดี ก่อนลงมือกระทำต้องมีความคิดเกิดขึ้นก่อน เช่น คิดจะทำทาน จะรักษาศีล จะไปนั่งภาวนาเพื่อ ความสงบใจ ความคิดเช่นนี้เป็นความคิดในด้านดี เป็นเรื่องของใจ ในขณะที่ใจ คิดอย่างนี้ เรียกว่า การทำกรรมโดยใจ เป็นมโนกรรม คนที่คิดเช่นนี้ ถ้าใจของเขา ไม่มีความชั่ว เมื่อคิดจะทำทาน ความโลภไม่มี ความเห็นแก่ตัวไม่มี เมื่อจะรักษาศีล ความเกลียดไม่มี ความพยาบาทไม่มี ความคิดจะฆ่า จะลัก จะประพฤติผิดในกาม หรือ จะพูดจาหลอกลวงใครไม่มีอยู่ในใจของเขา เขาเริ่มได้ความดีแล้ว เหมือนจะจุดตะ เกียงให้แสงสว่าง พอขีดไม้ขีดไป ก็ได้ความสว่างแล้วนิดหนึ่งพอจุดตะเกียงความส่วางก็มากขึ้นใน

เรื่องการกระทำาความดีก็เช่นกัน พอคิดก็ได้แล้ว ลงมือทำก็ได้ความดี เพิ่มขึ้นในใจ ทำไปไม่หยุดความดีก็เพิ่มมากขึ้น ทำให้เกิดความสะอาด สงบ สว่าง ใน ทางใจ นี่แหลผลของการกระทำความดี ในด้านความชั่ว การฆ่า การลักการประพฤติผิดในกาม การพูดโกหกพูดหยาบ พูดเหลวไหล พูดยุให้คนแตกจากกัน การดื่มกินของมึนเมาอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท เหล่านี้เป็นความชั่ว เพราะเป็นการกระทำที่ทำลายตนทำลายท่าน ผู้รู้กล่าวติว่าเป็นสิ่งไม่ดี ลองนึกถึงตัวเราเองสักเล็กกน้อย คนที่ใจดีใจงามอยู่จักทำาสิ่งเหล่านี้ได้ลงคอ ไหมทำไม่ได้ เมื่อจะทำาชั่วเริ่มเศร้าหมอง
ข้อความโดย: 時々होशདང一རພຊຍ๛
« เมื่อ: สิงหาคม 21, 2010, 12:11:42 am »




เพื่อให้เข้าใจชัดเรามาพิสูจน์อีกสักเล็กน้อย อันที่กระทำความดี ก่อนลงมือกระทำต้องมีความคิดเกิดขึ้นก่อน เช่น คิดจะทำทาน จะรักษาศีล จะไปนั่งภาวนาเพื่อ ความสงบใจ ความคิดเช่นนี้เป็นความคิดในด้านดี เป็นเรื่องของใจ ในขณะที่ใจ คิดอย่างนี้ เรียกว่า การทำกรรมโดยใจ เป็นมโนกรรม คนที่คิดเช่นนี้ ถ้าใจของเขา ไม่มีความชั่ว เมื่อคิดจะทำทาน ความโลภไม่มี ความเห็นแก่ตัวไม่มี เมื่อจะรักษาศีล ความเกลียดไม่มี ความพยาบาทไม่มี ความคิดจะฆ่า จะลัก จะประพฤติผิดในกาม หรือ จะพูดจาหลอกลวงใครไม่มีอยู่ในใจของเขา เขาเริ่มได้ความดีแล้ว เหมือนจะจุดตะ เกียงให้แสงสว่าง พอขีดไม้ขีดไป ก็ได้ความสว่างแล้วนิดหนึ่งพอจุดตะเกียงความส่วางก็มากขึ้นในเรื่องการกระทำาความดีก็เช่นกัน พอคิดก็ได้แล้ว ลงมือทำก็ได้ความดี เพิ่มขึ้นในใจ ทำไปไม่หยุดความดีก็เพิ่มมากขึ้น ทำให้เกิดความสะอาด สงบ สว่าง ใน ทางใจ นี่แหลผลของการกระทำความดี ในด้านความชั่ว การฆ่า การลัก การประพฤติผิดในกาม การพูดโกหกพูดหยาบ พูดเหลวไหล พูดยุให้คนแตกจากกัน การดื่มกินของมึนเมาอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท เหล่านี้เป็นความชั่ว เพราะเป็นการกระทำที่ทำลายตนทำลายท่าน ผู้รู้กล่าวติว่าเป็นสิ่งไม่ดี ลองนึกถึงตัวเราเองสักเล็กกน้อย คนที่ใจดีใจงามอยู่จักทำสิ่งเหล่านี้ได้ลงคอ ไหมทำไม่ได้ เมื่อจะทำชั่วเริ่มเศร้าหมอง
ข้อความโดย: 時々होशདང一རພຊຍ๛
« เมื่อ: สิงหาคม 21, 2010, 12:10:51 am »





ดังพุทธดำรัสว่า เจตนาหัง ภิกขะเว กัมมัง วะทามิ -
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวเจตนาว่าเป็น.......................................
ตัวกรรมเจตนาแปลว่า ความจงใจความตั้งใจที่จะทำ เช่น การทำให้สัตว์ตาย ถ้าเราเดินไป
และไม่ได้เห็นว่า มีตัวสัตว์อยู่บนพื้นดิน เหยียบมันตาย การกระทำเช่นนี้ไม่ก่อให้เป็นบาป
ในทางใจ แต่เจ้าสัตว์ตัวนั้นต้องตายโดยไม่ได้อะไร เป็นการตายเปล่า เพราะผลกรรมของ
มันที่เดินมา ขวางอยู่ตรงนั้น ฉะนั้นจึงกล่าวได้ว่าผลของกรรมเป็นไปในด้านวัตถุอย่างหนึ่ง
เป็นไปในด้านจิตใจหรือนามอย่างหนึ่ง ผลกรรมที่เกิดเพราะผลทางด้านวัตถุไม่จัดเป็นบุญ
เป็นบาป เรื่องบุญบาปเป็นเรื่องทางด้านจิตใจโดยเฉพาะ
ส่วนกรรมที่มีเข้าประกอบก็จัดเป็นบุญเป็นบาปได้ บุญบาปก่อให้ชีวิตของผู้กระทำา
หมุนเวียนไปสู่ความสุขบ้างทุกข์บ้าง สุดแต่อย่างไหนเกิดขึ้น ดังที่กล่าวว่า ทำดีได้ดี ทำชั่ว
ได้ชั่ว นั่นเอง เรื่องดีชั่วเป็นเรื่องของ แต่ละบุคคล เป็นเรื่องของใจโดยแท้ ไม่ใช่เรื่องของ
วัตถุ ผู้ใดทำาผู้นั้นได้รับผลของ การกระทำนั้น หาก่อให้เกิดการกระทบกระเทือนทางใจแก่
ใครไม่ แต่อาจมีการกระ ทบกระเทือนทางวัตถุกันบ้าง เพราะเรื่องของวัตถุก็เกิดผลทางด้าน
วัตถุ เรื่องของใจก็ เกิดผลทางด้านจิตใจ ความดีความชั่วเป็นเรื่องของใจล้วน ๆ เมื่อเป็นเรื่อง
ของใจ ผลก็ต้องเป็นไปในทางใจโดยส่วนเดียว ฉะนั้นคำาที่ตรัสว่า ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่วจึง
เป็นความจริงแท้ไม่เปลี่ยนแปลง.........................................