ข้อความโดย: แก้วจ๋าหน้าร้อน
« เมื่อ: สิงหาคม 30, 2010, 07:49:50 pm »
อนุโมทนาครับ ขอบคุณครับพี่มดขอให้ศรัทธาในความดี ตราบใดที่หัวใจยังมีธรรมะ ธรรมะในใจเราจะส่งเสริมความดีให้คงไว้ซึ่งศรัทธา..
ข่าว:
เว็บใต้ร่มธรรม ตั้งขึ้นเพื่อการรวมตัวของสมาชิกและทีมงานเว็บอกาลิโก ให้มาปรึกษาพบปะพูดคุยกันก่อนเดินทางสู่เส้นทางเดิมของอกาลิโกครับ พร้อมที่จะสานต่อความดีบนโลกออนไลน์ใบเล็กๆนี้ ทุกเรื่องราวมีความเป็นไป หากพี่ๆทุกท่านได้รับข่าวสารฉบับนี้ ถ้ามีเวลา..ก็ขอให้แวะมา พักคุยธรรมะปรึกษาหารือกันเช่นกัลยาณมิตรเหมือนที่เคยมา.."ด้วยความคิดถึงอย่างยิ่ง..ถึงที่สุด ธรรมะอวยพรครับ"
อนุโมทนาครับ ขอบคุณครับพี่มดข้อความโดย: มดเอ๊กซ
« เมื่อ: สิงหาคม 30, 2010, 05:10:54 pm »
นโมอมิตาภา มนตราชำระใจ
“นโมอมิตาภา มนตราชำระใจ”
โดย ศิโรฒน์ รัตนาภรณ์ siroat_07@hotmail.com 8 ธันวาคม 2551
ช่วง 2 วันที่ผ่านมา สหายธรรมะของข้าพเจ้าหลายคนได้โทรมาชวนให้ข้าพเจ้าไปร่วมสวดมนต์เพื่อระลึกถึงพระอมิตาภพุทธเจ้า ที่วัด โฝวกวงซัน(สาขาประเทศไทย) อาคารว่องวานิช เสียดายที่ข้าพเจ้าติดธุระจึงไม่ได้เดินทางไปร่วมงาน จึงได้ถือโอกาสนี้สวดมนต์ระลึกถึงพระอมิตาที่บ้านแทน
ระหว่างที่สวดมนต์สงสัยพระอมิตาท่านคงดลใจให้ข้าพเจ้าได้ไอเดียในการเล่าอะไรดีๆเพื่อมาแลกเปลี่ยนกับผู้อ่านในสัปดาห์นี้ ข้าพเจ้าจึงตั้งชื่อบทความว่า “นโมอมิตาภา มนตราชำระใจ” เพื่อเป็นประกาศพระกรุณาธิคุณของพระองค์ท่านให้กว้างขวางไปอีกทางหนึ่ง
พุทธศาสนิกชนโดยเฉพาะฝ่ายมหายาน ได้ให้ความสำคัญต่อพระพุทธเจ้าพระองค์นี้เป็นอย่างมาก ว่ากันว่า ท่านมีพุทธานุภาพมาก ใครก็ตามที่ศรัทธาต่อท่านอย่างจริงใจ แล้วหมั่นภาวนาพระนามของท่านด้วยใจแน่วแน่มั่นคง เมื่อใกล้สิ้นชีวิตพระองค์จะรับผู้นั้นเข้าไปสู่แดนสุขาวดี อันเป็นสถานที่ ที่นอกเหนือการจินตนาการ เป็นที่รวมของผู้รู้และผู้ตั้งโพธิจิต
ข้าพเจ้าเคยสนทนาธรรมเกี่ยวกับพระพุทธเจ้าและพระโพธิสัตว์ในทางมหายานกับพระอาจารย์ท่านหนึ่งซึ่งเป็นชาวไต้หวันผ่านล่ามแปล ท่านกล่าวว่า “พระไภษัชยคุรุพุทธเจ้า ถือว่าเป็นพระพุทธเจ้าผู้เป็นที่พึ่งของการมีชีวิตอยู่ในโลก เพราะโลกมนุษย์ล้วนข้องเกี่ยวกับ การเกิด แก่ เจ็บไข้ ส่วนพระอมิตภพุทธเจ้าถือว่าเป็นที่พึ่งในยามเปลี่ยนผ่านชีวิตและจิตวิญญาณไปสู่โลกอีกโลกหนึ่ง...”
ข้าพเจ้าเห็นว่า พระอมิตาไม่น่าจะมีคุณลักษณะแค่เพียงการภาวนาเพื่อหวนคะนึงถึงแต่เพียงโลกหน้าเท่านั้น พุทธนามแห่งพระพุทธเจ้าองค์นี้ยังสามารถสอดประสานในวิถีชีวิตประจำวันได้อย่างดียิ่ง เราจะเห็นได้ว่าวิถีชีวิตของเราในปัจจุบันมักต้องข้องเกี่ยวกับกิเลสและสิ่งเร้ารอบตัวมากมาย เรามักมีความโลภอยากได้โน่นอยากได้นี่ผ่านเข้ามาในใจ เรามักมีความโกรธ ขัดเคืองผ่านเข้ามาในใจ เรามักหลงใหลกับสิ่งต่างๆรอบตัวไปชั่วครั้งชั่วคราว เรามักเจอกับเพื่อนฝูงที่ชวนเราเข้าวงเหล้า หรือเราอาจเจอหญิงสาวหรือชายหนุ่มที่ทำให้ใจถวิลหา สิ่งเหล่านี้เป็นกิเลสที่เราต้องมีสัมมาสติในการบริหารจัดการให้ดี เพราะข้าพเจ้าเห็นว่าถ้าเราบริหารจัดการกิเลสไม่ดีมันจะมีผลกระทบ คือ ความทุกข์ตรมทรมาน
ข้าพเจ้าขอเสนอว่า การบริหารจัดการกิเลสต่างๆที่นำมาสู่ความทุกข์กายทุกข์ใจ ด้วยการภาวนา พุทธนามแห่ง พระอมิตาภพุทธเจ้า อยู่เสมอ คือการนำใจของเราให้เข้าสู่แหล่งแห่งความสันติสุข และสัมมาสติที่ยิ่งใหญ่
“อมิตาภา” เป็นนามที่จะปลุกเราให้ตื่นจากกิเลส เข้าสู่แสงแห่งพระพุทธธรรม เพราะคำว่า อมิตาภา แปลว่า แสงสว่างอันไม่มีที่สิ้นสุด ถ้าเราเปรียบกิเลสเป็นความมืดมิด พระนามแห่งพระอมิตาก็เปรียบดังแสงสว่างที่ขับไล่กิเลสให้มลายหายสูญ จิตใจที่ระคนด้วยกิเลสคือจิตใจที่ไม่สะอาดบริสุทธิ์ การภาวนาพุทธนามก็ถือการชำระล้างขัดถูจิตใจของเราให้ใส สะอาดปราศจากกิเลสเครื่องเศร้าหมอง
ดังนั้น ข้าพเจ้าขอเสนอวิธีการระลึกถึงพระอมิตาภพุทธเจ้าในวิถีชีวิตประจำวันง่ายๆ ดังต่อไปนี้
วิธีการระลึกถึงพระอมิตาภพุทธเจ้าในชีวิตประจำวัน
ก่อนอื่นเราต้องซาบซึ้งในพระมหาเมตตาคุณ พระมหากรุณาธิคุณ พระมหาปัญญาคุณ และ พระบริสุทธิคุณของพระอมิตาภพุทธเจ้าก่อน
ข้าพเจ้าขอเชิญท่านผู้อ่าน ลองหลับตาของเราเบาๆสบายๆ ทำใจว่างๆ ค่อยๆนึกถึงภาพ พระวรกายของพระอมิตาภพุทธเจ้า นึกถึงตั้งแต่พระเกศาที่ขดเป็นทักษิณาวัตร พระรัศมีที่สว่างไสว ดวงพระเนตรที่มองลงต่ำด้วยแววตาที่เปี่ยมด้วยพระมหาเมตตา พระนาสิกที่โด่งงาม พระโอษฐ์ที่เต็มอิ่ม พระวรกายที่ได้ลักษณะมหาบุรุษ ลองนึกถึงภาพของท่านอย่างสบายๆ ด้วยใจที่ปีติสุข ซาบซึ้งในพระเมตตาที่พระองค์ตั้งปณิธานเพื่อสรรสัตว์ เพื่อมวลมนุษย์... เมื่อนึกถึงภาพของท่านให้ติดตา ติดใจ ของเราแล้ว ต่อมาเราก็ภาวนาในใจ เบาๆ สบายๆ ด้วยความนอบน้อมว่า
“นโมอมิตาภายะพุทธายะ” หรือ “นำมอ อามีถอฝอ” หรือ “นำมอออนีถ่อฮุก”
นโม ,นำมอ เขาแปลว่า นอบน้อม
อมิตาภา,อามีถอ,ออนีถ่อ เขาแปลว่า แสงสว่างอันไม่มีประมาณ เป็นพระนามของท่าน
พุทธายะ,ฝอ,ฮุก เขาแปลว่า ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน หรือพระพุทธเจ้า
เราจะภาวนาเป็นภาษาใดก็ได้ แต่ในคำภาวนาต้องมีความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณ พระมหาเมตตาคุณ พระบริสุทธิ์คุณของพระองค์ท่าน ภาวนาอย่างเบาๆ สบายๆ ด้วยใจที่ผ่อนคลายด้วยใจที่เป็นอิสระ ด้วยใจที่ผ่องใส
ไม่ว่าเราจะเดิน ยืน นั่ง นอน ขับรถ หรือทำงาน ก็ลองทำตามวิธีการนี้ ทำแบบไม่เกร็ง ทำเหมือนประมาณเรามีความสุขแล้วเราฮำเพลงที่เราชอบ นโมอมิตาภา...ฉันมีความสุขขณะที่ทำงาน นโมอมิตาภา...ฉันมีความสุขในขณะที่ฉันเรียน นำมออามีถอฝอ...ฉันมีความสุขกับการล้างจาน นำมอออนีถ่อฮุก...ฉันมีความสุขกับการค้าขาย ......
ให้ทุกอิริยาบถ ทุกการกระทำพยามให้มีจิตใจที่เปี่ยมล้นไปด้วยพุทธนามอย่างนี้ แล้วจิตใจของเราจะมีความสุข พระพุทธะคุณแห่งพระอมิตาภาจะชำระจิตใจของเราให้มีจิตใจที่ผ่องใส ท่านผู้รู้เคยกล่าวไว้ว่า “เมื่อจิตใจที่ได้รับการชำระล้างจนบริสุทธิ์ผ่องใสจะอยู่ที่ใดก็เป็นพุทธเกษตรเป็นแดนสุขาวดี ถ้าจิตใจที่เกษมผ่องใสสิ่งดีๆก็จะถูกดึงดูดเข้ามาสู่ชีวิตของเรา”
ขอให้ท่านผู้อ่านมีพุทธานุสติในชีวิตประจำวัน ค่อยๆทำจนเป็นปรกติวิสัยเชื่อแน่ว่าทุกท่านจะมีความสุข ความสำเร็จในชีวิต จิตใจห่างไกลจากกิเลส อย่างแน่นอน....
ผู้เขียนขอบคุณ :: ภาพพระอมิตาภพุทธเจ้า 3D จาก
amitabha.online - Namo Amitabha - 南無阿彌陀佛
http://www.mahasukhavati.com/