ข้อความโดย: 時々होशདང一རພຊຍ๛
« เมื่อ: สิงหาคม 31, 2010, 01:35:16 pm »ให้ทำไป ทำไป อย่างนี้แหละ จะนึกว่า ทำอยู่นี้ก็ไม่เห็นเป็นอะไรเลย
ไม่เป็นก็ให้ทำไป ไม่เห็นก็ให้ทำไป ให้ทำไปอยู่นั่นแหละแล้วเราจะรู้จักมัน
เอาละนะทีนี้ลองทำดูถ้าเรานั่งอย่างนี้ แล้วมันรู้เรื่องใจมันจะพอดี - พอดี
พอจิตสงบแล้ว มันก็รู้เรื่องของมันเองดอก ต่อให้นั่งตลอดคืนจนสว่าง
ก็ไม่รู้สึกว่านั่ง เพราะมันเพลิน
พอเป็นอย่างนี้…ทำให้ดีแล้ว อาจจะอยากเทศน์ให้หมู่พวกฟังจนคับวัดคับวาไปก็ได้
มันเป็นอย่างนั้นก็มี เหมือนอย่างตอนที่พ่อสาง เป็นผ้าขาว คืนหนึ่งเดินจงกรม
แล้วนั่งสมาธิ มันเกิดแตกฉานขึ้นมา อยากเทศน์ เทศน์ไม่จบ เราได้ยินเสียงนั่งฟังเสียงเทศน์
โฮ้ว…...โฮ้ว…...โฮ้ว อยู่ที่กอไผ่โน้น ก็นึกว่า นั่นผู้ใดน้อ ! เทศน์กันกับใคร
หรือว่าใครมานั่งบ่นอะไรอยู่ ไม่หยุดสักที ก็เลยถือไปฉายลงไปดู
ใช่แล้วผ้าขาวสางมีตะเกียงจุด นั่งขัดสมาธิอยู่ใต้กอไผ่ เทศน์เสียจนฟังไม่ทัน
ก็เรียกว่า สางจะเป็นบ้าหรือเขาก็ตอบว่า ผมไม่รู้ว่าเป็นอย่างไร มันอยากเทศน์
นั่งก็ต้องเทศน์ เดินก็ต้องเทศน์ ไม่รู้ว่ามันจะไปจบที่ไหน เรานึกว่า
เฮ้อ...คนนี่ มันเป็นไปได้ทั้งนั้น เป็นไปได้สารพัดอย่าง
ฉะนั้น ให้ทำ อย่าหยุด อย่าปล่อยไปตามอารมณ์ ให้ฝืนทำไป ถึงจะขี้คร้านก็ให้ทำ
จะขยันก็ให้ทำ จะนั่งก็ทำ จะเดินก็ทำ
เมื่อจะนอนก็ให้กำหนดลมหายใจว่า ข้าพเจ้าจะไม่เอาความสุขในการนอน
สอนจิตไว้อย่างนี้ พอรู้สึกตัวตื่น ก็ให้ลุกขึ้นมาทำความเพียรต่อไป
เวลาจะกิน ก็ให้บอกว่า ข้าพเจ้าจะบริโภคอาหารนี้ ไม่ได้บริโภคด้วยตัณหา
แต่เพื่อเป็นยาปรมัตถ์ เพื่อความอยู่รอดในมื้อหนึ่ง วันหนึ่ง
เพื่อให้ประกอบความเพียรได้เท่านั้น