ตอบ

Warning: this topic has not been posted in for at least 500 days.
Unless you're sure you want to reply, please consider starting a new topic.
ชื่อ:
อีเมล์:
หัวข้อ:
ไอค่อนข้อความ:

Verification:
ระหว่างความดีกับความไม่ดี เราจะเลือกทำสิ่งใดจึงจะสามารถบรรลุธรรมได้จริง ( เลือกตอบแค่ ความดี กับ ความไม่ดี ครับผม):
คนที่มีจิตใจอ่อนโยนส่วนใหญ่มัก คิดถึงสิ่งใดก่อนเสมอ  ( เลือกตอบแค่ ตัวเอง กับ คนอื่น ครับผม ):
คุณเชื่อในศรัทธาของความดีไหมครับ ( เลือกตอบแค่ เชื่อ กับ ไม่เชื่อ ครับผม):
ถ้าเราโกรธใคร ธรรมะจะเป็นหนทางผ่อนคลายความโกรธนั้นลงได้ใช่ไหม ( เลือกตอบแค่ ใช่ กับ ไม่ใช่ ครับผม ):
ชีวิตบางครั้งก็เหมือนเหรียญสองด้านใช่หรือไม่ครับบางครั้งก็หัวบางครั้งก็ก้อย( เลือกตอบแค่ ใช่ กับไม่ใช่ครับผม):
^^ ขอความกรุณาพิมพ์คำว่า แสงธรรมนำใจ:
^^ ขอความกรุณาพิมพ์คำว่า ความดีนำทาง:
เปล่งวาจาว่าสาธุ เป็นการอนุโมทนาต่อพระสงฆ์ที่วัด หรือมีใครทำบุญแล้วมาบอกให้ทราบ ทราบแล้วยกมือขึ้น (สาธุ) กรุณาพิมพ์คำนี้ครับ  สาธุ:
วัฒนธรรมไทยเมื่อเห็นผู้ใหญ่ท่านจะทำความเคารพ ด้วยการไหว้ท่านก่อนเสมอใช่หรือไม่:
ใต้ร่มธรรม เป็น แค่เว็บไซต์และจินตนาการทางจิต การทำดี สำคัญที่ใจเรา เริ่มความดีที่ใจเราก่อนเสมอ พิมพ์คำว่า "เริ่มความดีที่ใจเราก่อนเสมอ":
คุณพ่อคุณแม่เปรียบดั่งพระอรหันต์ในบ้าน พิมพ์คำว่า "คุณพ่อคุณแม่ฉันรักและเคารพท่านดุจพระอรหันต์":
บุคคลที่ไปหลายๆเว็บไซต์ โดยที่สวมบทบาทเป็นหลายๆคน โดยที่ไม่รู้ว่า แท้จริงใจเราต้องการอะไร เพื่อน หรือ ชัยชนะ:
กล่าวคำดังนี้  "ขออโหสิกรรม":
ในโลกออนไลน์หรือโลกแห่งจิต ไม่มีใครทำอะไรเราได้ นอกเสียไปจาก (คนพาล) หรือ (ใจของเราเอง):
เคยนวดฝ่าเท้าให้ คุณพ่อคุณแม่บ้างไหม ถ้ามีโอกาส เราควรทำหรือไม่ (ควรกระทำอย่างยิ่ง หรือ ไม่ควรทำ):
ธรรมะคือ ธรรมชาติ พิมพ์คำว่า (ธรรมะชาติ) ครับ:
ขนทรายเข้าวัดคือ พิมพ์สำนวนต่อไปนี้ครับ (ทำบุญทำกุศลโดยวิธีนำหรือหาประโยชน์เพื่อส่วนรวมมิได้ทำเพื่อตนเอง):
ผู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด คือ ผู้ที่ทำตนให้เล็กที่สุด ผู้ที่เล็กที่สุดก็จะกลายเป็นผู้ที่ใหญ่ที่สุด ผู้ที่มีเกียรติคือผู้ที่ให้เกียรติผู้อื่น ฉะนั้นสมาชิกใต้ร่มธรรมควรให้เกียรติกันและกัน พิมพ์คำว่า (ฉันจะให้เกียรติสมาชิกทุกๆท่านในใต้ร่มธรรมเสมอด้วยวาจาสุภาพอ่อนน้อม):
ไม่มีอะไรสายสำหรับการเริ่มต้น พิมพ์เป็นประโยคภาษาอังกฤษครับ เป็นตัวพิมพ์เล็กทั้งหมดนะครับ เว้นวรรคคำด้วยครับ (It is never too late to mend):
ผู้ที่ไม่เคยรับรู้รสของความขมขื่น จะไม่รู้ว่าความหวานชื่นคืออะไร พิมพ์เป็นประโยคภาษาอังกฤษครับ เป็นตัวพิมพ์เล็กทั้งหมดนะครับ เว้นวรรคคำด้วยครับ (He who has never tasted bitterness does not know what is sweet):

shortcuts: กด alt+s เพื่อตั้งกระทู้ หรือ alt+p แสดงตัวอย่าง


สรุปหัวข้อ

ข้อความโดย: seeooo13
« เมื่อ: มีนาคม 27, 2012, 04:37:52 pm »

ถ้าสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นจริงๆ ในประเทศไทย จะรับมือเช่นไรกันหว่า บ้านเมืองยังไม่สมานฉันน เลย
ข้อความโดย: มดเอ๊กซ
« เมื่อ: เมษายน 07, 2011, 04:13:34 pm »



วิกฤติแผ่นเปลือกโลกเคลื่อนตัว


ชนวนเกิด 'แผ่นดินไหว-สึนามิ'   

เพิ่งจะผ่านพ้นเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. 2554 หรือ ปี ค.ศ.2011 ไม่ทันไร เกิดการเปลี่ยนแปลงในโลกของเราจากปรากฏการณ์ภัยธรรมชาติแบบรุนแรง จนกลายเป็นภัยพิบัติขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเหตุแผ่นดินไหวใหญ่ ๆ ถึง  2 ครั้งติดต่อกัน ในห้วงเวลาไม่ถึง  1 เดือน เริ่มจาก 22 ก.พ. 54 แผ่นดินไหว 6.3 ริคเตอร์ ที่เมืองไครสต์เชิร์ช ประเทศนิวซีแลนด์ จากนั้นเพียง 2 สัปดาห์เศษ แผ่นดินไหว 5.8 ริคเตอร์ ที่เมืองยูนนาน ประเทศจีน กระทั่งล่าสุดวันที่ 11 มี.ค. 54 แผ่นดินไหวใหญ่  8.9 ริคเตอร์ ในมหาสมุทรแปซิฟิก ห่างจากจังหวัดมิยากิ หมู่เกาะฮอนชู ประเทศญี่ปุ่น 130 กิโลเมตร ส่งผลทำให้เกิดคลื่นยักษ์สึนามิ ซัดถล่มชายฝั่งจังหวัดมิยากิ พังพินาศเสียหายย่อยยับ ผู้คนเสียชีวิตสูญหายจำนวนมาก สร้างความตื่นตะลึงให้กับคนทั้งโลก
   
ก่อนหน้านี้เมื่อปี พ.ศ. 2553 ได้เกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติรุนแรงมาแล้ว จากเหตุแผ่นดินไหว 7.0 ริคเตอร์ ที่ประเทศเฮติ ในทะเลแคริบเบียน ซึ่งอยู่ในกลุ่มของทวีปอเมริกาเหนือ เหตุเกิดช่วงเย็นวันอังคารที่  12  ม.ค.  53  (ตรงกับประเทศไทยเช้ามืด วันที่ 13 ม.ค. 53) สิ่งที่น่าตื่นตระหนก คือ ศูนย์กลางแผ่นดินไหวอยู่ห่างจากกรุงปอร์โตแปรงซ์ เมืองหลวงของประเทศเฮติ  เพียงแค่
25 กิโลเมตร จากนั้นได้เกิดอาฟเตอร์ช็อกติดตามมาหลายครั้ง จึงสร้างความเสียหายใหญ่หลวงให้กับประเทศเฮติ มีผู้เสียชีวิตสูงถึงกว่า 2 แสนคน บาดเจ็บอีก 3 แสนคน ประชาชนนับล้านคนไร้ที่อยู่อาศัย บ้านเรือนพังทลายเสียหายอย่างหนัก
   
เหตุการณ์ครั้งนั้นทางสหประชาชาติ และนานาชาติทั่วโลก ต่างส่งความช่วยเหลือทางมนุษยธรรม ทั้งเงินสนับสนุน ทีมกู้ภัยและทีมแพทย์ วิศวกร พนักงานช่วยเหลือ ระบบการสื่อสาร สิ่งอำนวยความสะดวกเข้าไปช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน ฯลฯ สำหรับภูมิศาสตร์ ประเทศเฮติ ตั้งอยู่บนรอยต่อระหว่างแผ่นเปลือกโลกแคริบเบียน และแผ่นอเมริกาเหนือ แต่แผ่นดินไหวในครั้งนี้นักวิทยาศาสตร์ระบุไม่ได้ว่าเกิดจาก “รอยต่อ” ระหว่างแผ่นเปลือกโลกเหล่านี้ แต่เชื่อว่าเกิดจาก “รอยเลื่อน”  ประกอบกับเมืองหลวง กรุงปอร์โตแปรงซ์ ตั้งอยู่ในบริเวณอ่าว ซึ่งเป็นพื้นที่ดินอ่อน อีกทั้งมีลักษณะเป็นโคลนชุ่มด้วยน้ำ ส่งผลให้สามารถขยายแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวให้รุนแรงขึ้นได้อีก ความเสียหายที่ประเทศเฮติ ค่อนข้างรุนแรงกว่าปกติ
   
ตลอดทั้งปี 2553 จะเกิดข่าวคราวปัญหาภัยธรรมชาติบนโลกอย่างต่อเนื่องเช่นกัน นอกจากแผ่นดินไหวแล้ว ยังมีวิกฤติการณ์น้ำท่วมใหญ่ เกิดขึ้นเกือบทั่วโลก อาทิ อินเดีย ปากีสถาน เกาหลีเหนือ จีน ออสเตรีย เยอรมนี ฮังการี โปแลนด์ ลัตเวีย ยูเครน สโลวาเกีย ออสเตรเลีย เม็กซิโก แคนาดา และสหรัฐอเมริกา รวมไปถึงประเทศไทยก็เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมรุนแรงในหลายจังหวัด เรียกได้ว่าเกินครึ่งหนึ่งของประเทศเลยทีเดียว !!
         
จากเรื่องราวปัญหาภัยธรรมชาติ ที่กระทบต่อประชาชนหมู่มาก ทางนสพ.เดลินิวส์ ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญไม่แพ้เรื่องอื่น ๆ จึงร่วมกับภาครัฐและเอกชน ประกอบด้วย นสพ.เดลินิวส์, มูลนิธิสภาเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ, เว็บไซต์พลังจิต ดอตคอม และมหาวิทยาลัยศรีปทุม ฯลฯ จัดสัมมนาเชิงวิชาการ เรื่อง “เจาะลึกภัยพิบัติ พลิกวิกฤติให้เป็นทางรอด” ไปเมื่อวันอาทิตย์ที่  19 ธันวาคม  2553 ที่ ม.ศรีปทุม วิทยาเขตบางเขน กทม. ในการสัมมนาครั้งนั้นมีเนื้อหารายละเอียดสำคัญ ๆ มากมาย เกี่ยวกับเรื่องราวของภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นในปัจจุบันหลากหลายรูปแบบ รวมไปถึงการเตรียมพร้อมรับมือในเบื้องต้นของประชาชนจะต้องทำอย่างไร??
   
โดยมีการเชิญวิทยากร ผู้ทรงคุณวุฒิมากมายด้วยประสบการณ์มาเผยแพร่ข้อมูล อาทิ ดร.สมิทธ ธรรมสโรช อดีตประธานอำนวยการศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ, ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา ผู้บริหารสูงสุด โรงเรียนสัตยาไส อ.ชัยบาดาล จ.ลพบุรี,ดร.ก้องภพ อยู่เย็น ผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมศาสตร์, ดร.วัฒนา กันบัว, ดร.เสรี ศุภธาทิตย์, นพ.ชาตรี เจริญชีวะกุล รวมไปถึง พระอาจารย์รัตน์ รัตนญาโณ เป็นต้น การสัมมนาเชิงวิชาการ เรื่องเจาะลึกภัยพิบัติ พลิกวิกฤติให้เป็นทางรอด มีการพูดถึงภัยธรรมชาติหลากหลายรูปแบบ รวมไปถึงวิธีการเตรียมพร้อม การช่วยเหลือเมื่อเกิดเหตุการณ์ และทางรอดจากภัยพิบัติ ซึ่งได้รับความสนใจมีผู้เข้าร่วมรับฟังเป็นจำนวนมาก เนื่องจากสิ่งที่ผู้บรรยายแต่ละท่านได้กล่าวเอาไว้น่าสนใจแทบทั้งสิ้น
   
ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา ผู้ซึ่งเคยทำงานร่วมกับองค์การนาซา ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ให้สัมภาษณ์ช่วงปลายปี 2553 ภายหลังการสัมมนาฯ ว่า จากปัญหาสภาวะโลกร้อนก่อให้เกิดปรากฏการณ์เอลนินโญ่และลานินญ่า จนทำให้ส่งผลกระทบในด้านการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ หนาวจัด ร้อนจัด มีฝนตกมาก แห้งแล้งมาก ที่ที่เคยหนาวกลับมีอุณหภูมิสูงขึ้น น้ำแข็งขั้วโลกละลาย ปริมาณน้ำในมหาสมุทรต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้น ฝนตกมากขึ้นก็ส่งผล กระทบกับปริมาณน้ำในมหาสมุทรเช่นกัน
   
เมื่อปริมาณน้ำในมหาสมุทรมากขึ้น ก็เปรียบเสมือนน้ำที่อยู่ในถาด สมดุลของโลกที่เคยคงที่ แต่เวลานี้กลับเปลี่ยนไป น้ำบางส่วนมีจำนวนมากย่อมไหลไปยังพื้นที่อื่น ๆ เพื่อให้เกิดความสมดุลใหม่ขึ้น ฉะนั้นสิ่งที่จะอุบัติขึ้นใหม่ก็คือการที่โลกปรับเอียงเพื่อหาแกนโลกใหม่ จากเดิมที่เคยเอียงเพียงเล็กน้อย ก็จะมีการปรับอย่างรวดเร็ว แต่การที่โลกจะปรับเอียงนั้นคงต้องใช้เวลาอีกสักระยะ แต่สิ่งหนึ่งที่จะเปลี่ยนแปลงก็คือการเคลื่อนตัวของแผ่นเปลือกโลก
   
สำหรับประเทศไทยตั้งอยู่บนแผ่นเปลือกโลกที่ชื่อว่า ยูเรชั่นเพลท คือแผ่นดินแถบยุโรปบวกกับแผ่นดินเอเชีย ส่วนด้านข้างก็จะเป็นอินเดียบวกออสเตรเลียและแปซิฟิก เวลานี้แผ่นดินอินเดีย+ออสเตรเลีย เคลื่อนตัวจากทิศตะวันตกมายังทิศตะวันออกอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดการชนกับแผ่นดินของยุโรป+เอเชีย ซึ่งเคลื่อนตัวไปในทิศทางเดียวกันแต่ช้ากว่า จึงทำให้เกิดการทรุดตัวของแผ่นดินข้างหนึ่ง ผลที่ตามมาก็คือการเกิดแผ่นดินไหว และอาจจะเกิดสึนามิขึ้นอีกครั้งในฝั่งทะเลแถบอันดามัน ในส่วนของประเทศไทยอาจจะได้รับผลกระทบเพียงเล็กน้อยเพราะมีประเทศพม่ามารองรับ แต่สิ่งหนึ่งที่น่าจะเกิดนั่นก็คือการเกิดแผ่นดินไหวในแถบพื้นที่ภาคตะวันตกของประเทศ ไม่ว่าจะเป็น จ.แม่ฮ่องสอน กาญจนบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ระนอง ภูเก็ต ฯลฯ เพราะพื้นที่เหล่านี้ตั้งอยู่ใกล้บนรอยร้าวของแผ่นเปลือกโลก
   
’ส่วนแผ่นเปลือกโลกอีกฝั่งหนึ่งของแผ่นยูเรชั่นเพลท นั่นก็คือแผ่นเปลือกโลกแปซิฟิก ซึ่งแผ่นนี้เองที่เกิดการเคลื่อนไหวในช่วงนี้ สาเหตุส่วนหนึ่งก็เพราะการเคลื่อนตัวของแผ่นแปซิฟิกนั้นจะเคลื่อนตัวจากตะวันออกมายังตะวันตก จึงทำให้เกิดการชนกันอย่างจังของแผ่นเปลือกโลกทั้ง 2 แผ่น แน่นอนสิ่งที่ตามมาคือการทรุดตัวของเปลือกโลกก่อให้เกิดสึนามิ ประเทศต่าง ๆ ที่เป็นเกาะอาจจะหายไปยกตัวอย่างเช่น เกาะบางเกาะของประเทศญี่ปุ่น เกาะฮาวาย ประเทศสหรัฐ เป็นต้น”
   
ภายหลังจากเกิดเหตุแผ่นดินไหวใหญ่ ๆ 2 ครั้งติดกัน จากประเทศนิวซีแลนด์ และญี่ปุ่น ทำให้หลายหน่วยงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นภาครัฐและเอกชนต่างตื่นตัวอย่างมากนำเสนอข้อมูลต่าง ๆ ทุกแง่ทุกมุมเพื่อให้ประชาชนได้รับข่าวสาร รวมไปถึงทางวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ก็ออกมาแถลงข่าวแผ่นดินในญี่ปุ่นมีผลกระทบถึงไทยหรือไม่และควรเตรียมตัวรับมืออย่างไร??
   
ผศ.ดร.อาณัติ เรืองรัศมี อาจารย์ภาควิชาวิศวกรรมโยธา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวสรุปไว้ว่า ในส่วนของการเกิดแผ่นดินไหวนั้น ถึงแม้ว่าเราไม่อาจคาดเดาได้ว่าจะเกิดเมื่อไร อย่างไร แต่เราสามารถที่จะเตรียมการรับมือได้ โดยการหมั่นฝึกฝนเตรียมความพร้อมหากเกิดเหตุการณ์ขึ้นจริง ศึกษาเส้นทางการหลบภัยจากแผนที่เสี่ยงภัย นอกจากนั้นสิ่งที่สำคัญสุดคงหนีไม่พ้น ควรจะมีการเตรียมตัวเรื่องสภาพจิตใจ ไม่ควรตื่นตระหนกเมื่อเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว.

ปรัชวิน บุญชุบ

http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryID=560&contentID=126802
ข้อความโดย: มดเอ๊กซ
« เมื่อ: เมษายน 07, 2011, 04:10:25 pm »



ภาพสื่อมวลชนรายงานเหตุการณ์โศกนาฏกรรมช็อกโลก จากปรากฏการณ์ธรณีพิบัติภัย แผ่นดินไหว 8.9 ริคเตอร์ ในมหาสมุทรแปซิฟิก ห่างจากจังหวัดมิยากิ หมู่เกาะฮอนชู ประเทศญี่ปุ่น 130 กิโลเมตร เมื่อช่วงบ่ายวันศุกร์ที่ 11 มีนาคม 2554 และห่างจากกรุงโตเกียวไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ 380 กิโลเมตร  แรงสั่นสะเทือนส่งผลกระทบทำให้เกิด “สึนามิ” คลื่นยักษ์สูงกว่า 10 เมตร โถมพัดถล่มบริเวณพื้นที่ชายฝั่งจังหวัดมิยากิพังพินาศย่อยยับ เสียหายรุนแรงในรอบ 140 ปี
   
เหตุการณ์ครั้งนี้สื่อมวลชนสามารถบันทึกภาพเหตุการณ์เสี้ยววินาทีช็อกโลกได้อย่างชัดเจนมากที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ของโลก !!
   
สภาพคลื่นยักษ์พัดถล่มรถยนต์นับ   ร้อย ๆ คันลอยละล่อง ภาพคลื่นพัดเข้าไปถึงสนามบิน บ้านเรือนพังพินาศเป็นหน้ากลอง คลังน้ำมันระเบิดไฟลุกโชนพวยพุ่งขึ้นฟ้า ราวกับเรื่องราวภาพยนตร์ที่เคยเห็นกันมาก่อน แต่เหตุการณ์ครั้งนี้ไม่ใช่ภาพยนตร์   เป็นเรื่องเกิดขึ้นจริง  ในส่วนของสภาพความเสียหายหรือยอดผู้เสียชีวิตในเบื้องต้นยัง    ไม่สามารถประเมินได้ สิ่งหนึ่งที่รับรู้คือ ผู้ชมทั่วโลกที่ได้มีโอกาสเห็นภาพข่าวต่างพากันหวาดผวาไปตาม ๆ กัน
   
แต่สิ่งที่น่าวิตกกังวลใจจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่หลวงนี้ คือ โรงไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์ 4 แห่ง ที่อยู่ใกล้กับเขตแผ่นดินไหวจะพลอยได้รับผลกระทบด้วย เนื่อง จากล่าสุดมีรายงานว่าเกิดไฟไหม้และเกิดเสียงระเบิดที่บริเวณเครื่องจักรกังหันที่ใช้หล่อเย็นในโรงไฟฟ้า จึงมีการประกาศเตือนห้ามประชาชนออกจากบ้าน นอกจากนี้ยังมีการอพยพประชาชนบางส่วนออกจากบริเวณพื้นที่ใกล้โรงไฟฟ้า เพราะหวั่นวิตกกัมมันต ภาพรังสีจะรั่วไหลออกมา!!
   
การเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวใหญ่ บริเวณในมหาสมุทรแปซิฟิกที่เกิดแผ่นดินไหวและภูเขาไฟระเบิดบ่อยครั้ง ช่วงระยะหลัง ๆ สิ่งที่มีการกล่าวขานถึงเป็นอย่างมากเรื่องหนึ่ง “วงแหวนแห่งไฟ” (the Ring of fire หรือ Pacific Ring of Fire) จนหลายคนพากันตั้งคำถาม วงแหวนไฟนั้นคืออะไร ก่อนหน้านี้ทาง นสพ.เดลินิวส์เพิ่งจะนำเสนอเรื่องวงแหวนแห่งไฟไม่นาน หลังเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวใหญ่ 6.3 ริคเตอร์ ที่เมืองไครสต์เชิร์ช ประเทศนิวซีแลนด์ เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2554 ที่ผ่านมา ระยะเวลาผ่านมาได้ 1 เดือนพอดี ก็มาเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวใหญ่อีกครั้ง 
   
บริเวณตามแนว “ร่องสมุทร” ของมหาสมุทรแปซิฟิก จะมีแนวภูเขาไฟและบริเวณขอบแผ่นเปลือกโลก มีลักษณะเป็นเส้นคล้าย “เกือกม้า” ความยาวรวมประมาณ 40,000 กิโลเมตร โดยมีภูเขาไฟมากถึง 452 ลูก ที่สำคัญเป็นภูเขาไฟคุกรุ่นอยู่กว่า 75% ของภูเขาไฟคุกรุ่นทั้งโลก จึงมีการเรียกแนวของภูเขาไฟเหล่านี้ว่า วงแหวนแห่งไฟ เนื่องจากแผ่นดินไหวประมาณ 90% ของแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นทั่วโลกและกว่า 80% ของแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ เกิดขึ้นในบริเวณวงแหวนแห่งไฟ
   
นอกจากวงแหวนแห่งไฟ ยังมีแนวแผ่นดินไหวอีก 2 แห่ง ได้แก่ แนวเทือกเขาอัลไพน์ ซึ่งมีแนวต่อมาจากเกาะชวาสู่เกาะสุมาตรา ผ่านเทือกเขาหิมาลัย และทะเลเมดิเตอร์เรเนียน แนวแผ่นดินไหวแห่งนี้มีแผ่นดินไหวเกิดขึ้น 17% ของทั้งโลก และอีกแห่งคือ แนวกลางมหาสมุทรแอตแลนติก ซึ่งมีแผ่นดินไหวเกิดขึ้น 5-6% ของทั้งโลก
   
สำหรับประเทศที่ตั้งหรือมีพื้นที่     บางส่วนอยู่ในแนววงแหวนแห่งไฟ อาทิ  ประเทศอินโดนีเซีย ติมอร์ตะวันออก ญี่ปุ่น นิวซีแลนด์ ฟิลิปปินส์ ปาปัวนิวกินี รัสเซีย โบลิเวีย บราซิล โคลอมเบีย ชิลี คอสตาริกา เอกวาดอร์ เอลซัลวาดอร์ ฟิจิ กัวเตมาลา ฮอนดูรัส คิริบาตี เม็กซิโก นิการากัว ปาเลา ปานามา เปรู ซามัว หมู่เกาะโซโลมอน ตองกา ตูวาลู แคนาดาและสหรัฐอเมริกา
   
ประเทศญี่ปุ่นเคยเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ ในแนววงแหวนแห่งไฟ ที่คันโต เมื่อปี ค.ศ. 1923 ทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 130,000     คน นอกจากนี้ในทวีปเอเชียที่มีการบันทึกเอา  ไว้ เมื่อ 26 ธ.ค. 2547 แผ่นดินไหว บริเวณมหาสมุทรอินเดีย ขนาด 9.3 ริคเตอร์ ทำให้  เกิดคลื่นยักษ์สึนามิพัดถล่มบริเวณโดยรอบ         โดยเฉพาะอินโดนีเซีย ถูกถล่มด้วยคลื่นขนาด 10 เมตร ทำให้มีผู้เสียชีวิตสูงถึง 230,000 คน เหตุการณ์ครั้งนั้นรุนแรงถึงประเทศไทย จังหวัดที่อยู่ตามริมชายฝั่งอันดามัน ก็ได้รับผลกระทบด้วยมีผู้เสียชีวิตจำนวนมากเช่นกัน
   
อย่างไรก็ดีหลังเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวใหญ่ในเอเชีย ช่วงหลังเริ่มขยับเข้ามาใกล้ประเทศไทยเข้ามาเรื่อย ๆ บรรดาหลายหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน อาทิ ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ กรมอุตุนิยม วิทยา วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ฯลฯ ได้ประกาศแจ้งข้อมูลให้ประชาชนได้รับทราบสถานการณ์อย่างต่อเนื่องในรูปแบบต่าง ๆ ทั้งนี้ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ระบุว่าแผ่นดินไหวมักจะเกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง โดยไม่มีสิ่งบอกเหตุล่วงหน้า  เมื่อเกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรง มักมีแผ่นดินไหวตามมาอีกหลายครั้ง อาจเกิดแผ่นดินแยก แผ่นดินถล่ม และอาคารอาจไม่พังทลายในทันทีแต่อาจจะพังทลายภายหลัง 
   
ดังนั้นมีข้อควรปฏิบัติ เมื่อเกิดแผ่นดินไหว คือ หากอยู่ในอาคารควรไปสู่ที่โล่งแจ้งในทันที, ออกจากอาคารไม่ได้ให้หมอบอยู่ใต้โต๊ะ หรือยืนชิดติดกับเสาที่แข็งแรง,หากมีคนอยู่จำนวนมากอย่าแย่งกันออกที่ประตู เพราะจะเกิดอันตรายจากการเหยียบกัน,คลุมศีรษะหมอบไว้จนกระทั่งแผ่นดินไหวหยุดเอง,ถ้าอยู่ในตึกสูงให้     อยู่ที่ชั้นเดิม อย่าใช้ลิฟต์,เตรียมพร้อมเพื่อใช้ระบบเตือนภัยและระบบดับเพลิง และหากขับขี่ยานพาหนะให้รีบจอดยานพา หนะ ในที่โล่งแจ้ง ห้ามหยุดใต้สะพาน ใต้ทางด่วน ใต้สายไฟฟ้าแรงสูง และให้อยู่ภายในรถยนต์
   
แต่สิ่งสำคัญที่สุดที่ขาดไม่ได้คือการตั้งสติตัวเองให้มั่น เพื่อรับสถานการณ์.

ทีมข่าวเฉพาะกิจ รายงาน

http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryID=560&contentID=126478