ทันทีที่สองพ่อลูกไปถึงโรงพยาบาล
ก็ช่วยกันตามหาแม่ในห้องฉุกเฉิน
มีคนเจ็บจากอุบัติเหตุครั้งนี้หลายคน
นอนร้องโอดโอยอยู่บนเตียง
พ่อกับเจี๊ยบเดินเข้าไปดูหน้าคนเจ็บในแต่ละเตียง
ด้วยความใจหาย แล้วก็พบแม่นอนแน่นิ่งอยู่ที่เตียงในสุด
เลือดสีแดงไหลอาบอยู่เต็มหน้าแม่
และพยาบาลกำลังจะเข็นแม่ไป
“แม่ แม่” เจี๊ยบร้องเรียกแม่เสียงดังลั่น
น้ำตาไหลทะลัก บุรุษพยาบาลเข้ามากันเขาไว้
เพราะเกรงว่าจะกีดขวางทางของรถเข็น
“แม่ แม่ ตื่นสิแม่ผมอยู่นี่ อยู่ตรงนี้”
เจี๊ยบยังคงร้องเรียกแม่เขาต่อไป
และทุบตีบุรุษพยาบาลที่จับตัวเขาไว้
“ปล่อยผม ผมจะไปหาแม่”
พยาบาลคนหนึ่งหันมาบอกพ่อของเจี๊ยบ
ซึ่งยืนกุมมือแม่อยู่ว่า
“เราต้องพาภรรยาของคุณไปผ่าตัดด่วน
เธอเสียเลือดไปมากจากอุบัติเหตุครั้งนี้”
คำพูดนั้นทำให้เจี๊ยบรู้ทันทีว่า
เขาจะไม่ได้เห็นหน้าแม่อีก
“เดี๋ยวครับ ขอเวลาให้ผมอยู่กับแม่สัก 1 นาที
ได้โปรดให้ผมได้บอกแม่ว่าผมรักแม่
ให้ผมได้กอดแม่อีกสักครั้ง”
เจี๊ยบร้องอ้อนวอนอย่างน่าเวทนา
แต่ไม่มีใครฟังเสียงของเด็กชายเจี๊ยบ
พยาบาลและบุรุษพยาบาลเข็นเตียงของแม่
เข้าห้องผ่าตัดและหายไปในนั้นเป็นเวลานาน
ก่อนที่แพทย์จะออกมาแจ้งข่าวร้าย...
แม่ของเจี๊ยบเสียชีวิตในระหว่างการผ่าตัด
เจี๊ยบมารู้อีกในภายหลังว่ารถคันที่แม่นั่ง
ไปประสบอุบัติเหตุนั้นไม่ใช่รถเมล์สายประจำไปบ้านยาย
แต่เป็นรถสองแถวที่ขับโดยคนขับรถที่ขาดความรับผิดชอบ
คนๆ นั้นอยากได้เงินมากๆ แต่ไม่สนใจ
ความปลอดภัยของผู้โดยสาร แม่ของเจี๊ยบมาคนสุดท้าย
จึงต้องนั่งเบียดอยู่นอกสุด และกระเด็นออกไปไกล
เมื่อรถประสบอุบัติเหตุ...พ่อโกรธคนขับรถมาก
บอกจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด แต่เจี๊ยบไม่โกรธคนขับรถเลย
เขาโกรธและเกลียดตนเอง ด้วยเพิ่งเข้าใจว่า
เวลา 1 นาทีที่เขาเคยขออย่างพร่ำเพรื่อนั้น
มีค่ามากมายเพียงไร เพราะ1 นาทีที่ได้มาในวันนี้
ต้องแลกกับเวลาทั้งหมดในชีวิตของแม่
ถ้าเจี๊ยบตื่นทันทีที่แม่เรียก ถ้าเขาไม่ขอแค่ 1 นาที
เพื่อให้ได้นอนต่อ แม่ก็คงไม่ตกรถประจำทาง
จนต้องไปนั่งรถปิศาจคันนั้น กระทั่งถึงคราวที่
เจี๊ยบต้องการเวลาจริงๆ เขากลับไม่มี
แม้เพียง 1 นาทีที่จะได้อยู่กับแม่...
ไม่มีแม้เพียงวินาทีด้วยซ้ำไป...ไม่มีเลย...
เธอทั้งหลาย
"เงยหน้ามองเข็มวินาทีอันเล็กๆ
ที่เดินอยู่ในนาฬิกาสิ...นั่นล่ะ คือเวลาในชีวิตของคนเรา
ทันทีที่เธอคิดว่า ‘เดี๋ยว ขอเวลาอีกหน่อย’ หรือ
‘เดี๋ยว เอาไว้ทำวันหลัง’ รู้ไว้เลยว่า
เธอกำลังสูญเสียสิ่งดีๆ ในชีวิตไปมากมาย
คนที่ตื่นแต่เช้ามาทำงานย่อมทำงานได้มากกว่า
คนนอนตื่นสายอย่างไม่ต้องสงสัย
เด็กที่ทำการบ้านเสร็จมาจากโรงเรียน
ก็ได้วิ่งเล่นในตอนเย็นกับเพื่อนๆ อย่างเต็มที่
คนที่รู้คุณค่าของเวลามักได้เปรียบคนอื่น
และเสียสิ่งดีๆ ในชีวิตไปน้อยมาก
แน่นอนว่าชีวิตของคนแบบนี้
ย่อมปรีดิ์เปรมไปด้วยความสุขสมหวัง
เข็มวินาทีเดินเร็วกว่าจังหวะการหายใจเสียอีก
ชีวิตของคนเราก็เป็นอย่างนั้น
มักมีอะไรเหนือความคาดหมายเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
และบางทีก็เกิดขึ้นเร็วเสียจนตั้งตัวไม่ทัน
เราไม่มีทางรู้ล่วงหน้าเลยว่าพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร
แต่ถ้าวันนี้เราไม่ผัดวันประกันพรุ่ง
ไม่พูดว่า ‘เดี๋ยว’ และใช้เวลาอย่างคุ้มค่า
ไม่ว่าพรุ่งนี้จะเป็นเช่นไรเราก็ไม่กลัวที่จะรับมือกับมัน
และไม่ต้องตั้งคำถามที่ไร้ประโยชน์ในภายหลังว่า
“เมื่อวานเรามัวทำอะไรอยู่”
ข้อคิดดีๆ ในการดำเนินชีวิต:http://www.cmadong.com/board/index.php?topic=6292.1050