ข้อความโดย: แก้วจ๋าหน้าร้อน
« เมื่อ: ตุลาคม 08, 2010, 01:06:51 am »
ขอบคุณครับพี่หนุ่ม ขอให้ศรัทธาในความดี ตราบใดที่หัวใจยังมีธรรมะ ธรรมะในใจเราจะส่งเสริมความดีให้คงไว้ซึ่งศรัทธา..
ข่าว:
เว็บใต้ร่มธรรม ตั้งขึ้นเพื่อการรวมตัวของสมาชิกและทีมงานเว็บอกาลิโก ให้มาปรึกษาพบปะพูดคุยกันก่อนเดินทางสู่เส้นทางเดิมของอกาลิโกครับ พร้อมที่จะสานต่อความดีบนโลกออนไลน์ใบเล็กๆนี้ ทุกเรื่องราวมีความเป็นไป หากพี่ๆทุกท่านได้รับข่าวสารฉบับนี้ ถ้ามีเวลา..ก็ขอให้แวะมา พักคุยธรรมะปรึกษาหารือกันเช่นกัลยาณมิตรเหมือนที่เคยมา.."ด้วยความคิดถึงอย่างยิ่ง..ถึงที่สุด ธรรมะอวยพรครับ"
ขอบคุณครับพี่หนุ่ม ข้อความโดย: sithiphong
« เมื่อ: ตุลาคม 07, 2010, 09:27:38 pm »สตม. จับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ต้มตุ๋นเหยื่อ 2 พันล้าน
http://hilight.kapook.com/view/52618
สตม.จับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ต้มตุ๋นเหยื่อ2พันล้าน (ไทยโพสต์)
สตม.จับอีกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้ผู้ต้องหาเป็นโขยง 23 คน ทั้งชาวไต้หวันและพม่า มีประวัติก่ออาชญากรรมโชกโชน เผยมูลค่าความเสียหายเฉพาะคดีนี้ 2 พันล้าน
ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง วันที่ 6 ตุลาคมนี้ พล.ต.ต.ม.ล.พันธ์ศักดิ์ เกษมสันต์ รองผู้บัญชาการ สตม. พล.ต.ต.มนู เมฆหมอก ผบก.สส.สตม. พร้อมเจ้าหน้าที่ ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวจีนไต้หวันและชาวพม่า รวม 23 คน พร้อมอุปกรณ์
พล.ต.ต.ม.ล.พันธ์ศักดิ์กล่าวว่า สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ สตม.ได้ประสานข้อมูลร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.โชคชัย ทำการสืบสวนจนทราบว่า บ้านฟ้าใส ห้องว่างให้เช่า เลขที่ 127/6 ซอยสังคมสงเคราะห์ 28 ถนนโชคชัย 4 แขวง และ เขตลาดพร้าว กทม. มีกลุ่มชาวต่างชาติจำนวนมากเข้ามาเช่าสถานที่ดังกล่าวเป็นที่ทำการสำหรับ หลอกลวงประชาชน ทางโทรศัพท์ให้โอนเงินให้ หรือที่เรียกว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จึงได้เข้าตรวจค้น พบ น.ส.ละมัย ใจคำ ชาวไทย เป็นคนเช่าให้ชาวจีน ไต้หวัน และพม่า รวม 23 คน ใช้สถานที่ดังกล่าวเป็นฐานในการหลอกลวงประชาชน พร้อม เครื่องคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ และอุปกรณ์ในการกระทำความผิดจำนวนมาก จึงตรวจยึดไว้เป็นหลักฐาน
จากการตรวจสอบพบว่า แก๊งคอลเซ็นเตอร์ดังกล่าวใช้โทรศัพท์หลอกลวงประชาชนให้โอนเงินให้ มีมูลค่าความเสียหายประมาณ 2 พันล้านบาท จากการตรวจสอบ พบว่าผู้ต้องหาชาวไต้หวันที่ถูกจับกุมได้ในครั้งนี้มีจำนวน 3 คนที่มีหมายจับ และเคยต้องโทษคดีอาญาในประเทศไต้หวันอีกหมายคดี เช่น ฉ้อโกง ปลอมแปลงเอกสาร ยาเสพติด ฯลฯ เบื้องต้นได้แจ้งข้อหากับ น.ส.ละมัย ว่าให้ที่พักอาศัย ซ่อนเร้น หรือให้การช่วยเหลือด้วยประการใดๆ เพื่อให้บุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองพ้นจากการจับกุม และแจ้งข้อหากับผู้ต้องหาที่เหลือว่าเป็นบุคคลต่างด้าว เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต และเป็นบุคคลต่างด้าวทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต ก่อนส่งตัวดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ขอขอบคุณข้อมูลจาก ไทยโพสต์
http://www.thaipost.net/x-cite/071010/28376
http://hilight.kapook.com/view/52618
สตม.จับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ต้มตุ๋นเหยื่อ2พันล้าน (ไทยโพสต์)
สตม.จับอีกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้ผู้ต้องหาเป็นโขยง 23 คน ทั้งชาวไต้หวันและพม่า มีประวัติก่ออาชญากรรมโชกโชน เผยมูลค่าความเสียหายเฉพาะคดีนี้ 2 พันล้าน
ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง วันที่ 6 ตุลาคมนี้ พล.ต.ต.ม.ล.พันธ์ศักดิ์ เกษมสันต์ รองผู้บัญชาการ สตม. พล.ต.ต.มนู เมฆหมอก ผบก.สส.สตม. พร้อมเจ้าหน้าที่ ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวจีนไต้หวันและชาวพม่า รวม 23 คน พร้อมอุปกรณ์
พล.ต.ต.ม.ล.พันธ์ศักดิ์กล่าวว่า สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ สตม.ได้ประสานข้อมูลร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.โชคชัย ทำการสืบสวนจนทราบว่า บ้านฟ้าใส ห้องว่างให้เช่า เลขที่ 127/6 ซอยสังคมสงเคราะห์ 28 ถนนโชคชัย 4 แขวง และ เขตลาดพร้าว กทม. มีกลุ่มชาวต่างชาติจำนวนมากเข้ามาเช่าสถานที่ดังกล่าวเป็นที่ทำการสำหรับ หลอกลวงประชาชน ทางโทรศัพท์ให้โอนเงินให้ หรือที่เรียกว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จึงได้เข้าตรวจค้น พบ น.ส.ละมัย ใจคำ ชาวไทย เป็นคนเช่าให้ชาวจีน ไต้หวัน และพม่า รวม 23 คน ใช้สถานที่ดังกล่าวเป็นฐานในการหลอกลวงประชาชน พร้อม เครื่องคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ และอุปกรณ์ในการกระทำความผิดจำนวนมาก จึงตรวจยึดไว้เป็นหลักฐาน
จากการตรวจสอบพบว่า แก๊งคอลเซ็นเตอร์ดังกล่าวใช้โทรศัพท์หลอกลวงประชาชนให้โอนเงินให้ มีมูลค่าความเสียหายประมาณ 2 พันล้านบาท จากการตรวจสอบ พบว่าผู้ต้องหาชาวไต้หวันที่ถูกจับกุมได้ในครั้งนี้มีจำนวน 3 คนที่มีหมายจับ และเคยต้องโทษคดีอาญาในประเทศไต้หวันอีกหมายคดี เช่น ฉ้อโกง ปลอมแปลงเอกสาร ยาเสพติด ฯลฯ เบื้องต้นได้แจ้งข้อหากับ น.ส.ละมัย ว่าให้ที่พักอาศัย ซ่อนเร้น หรือให้การช่วยเหลือด้วยประการใดๆ เพื่อให้บุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองพ้นจากการจับกุม และแจ้งข้อหากับผู้ต้องหาที่เหลือว่าเป็นบุคคลต่างด้าว เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต และเป็นบุคคลต่างด้าวทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต ก่อนส่งตัวดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ขอขอบคุณข้อมูลจาก ไทยโพสต์
http://www.thaipost.net/x-cite/071010/28376