เรื่องสุขสามเณรพระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงปรารภสุขสามเณร ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า อุทกํ หิ นยนฺติ เนตฺติกา เป็นต้น
สุขกุมาร ได้บวชเป็นสามเณรเมื่อตอนอายุแค่ 7 ขวบ โดยมีพระสารีบุตรเถระเป็นพระอุปัชฌาย์ ในวันที่แปดหลังจากบวชเป็นสามเณรแล้ว สุขสามเณรได้เดินตามพระสารีบุตรไปบิณฑบาต ขณะเดินไปนั้น ทั้งสองพระเถระและสามเณรก็ได้ไปพบชาวนากำลังไขน้ำเข้านา ไปพบช่างศรกำลังดัดลูกศร และไปพบช่างถากกำลังถากไม้ เพื่อทำล้อเกวียนเป็นต้น เมื่อเห็นบุคคลทำสิ่งหล่านี้ สามเณรสุขก็ได้เรียนถามพระสารีบุตรว่า สิ่งของที่ไม่มีชีวิตทั้งหลาย คนสามารถทำให้เป็นไปตามปรารถนาได้ใช่หรือไม่ เมื่อพระเถระตอบว่าใช่ สุขสามเณรก็เกิดความคิดว่า
หากเป็นเช่นนั้นจริง ก็ไม่มีเหตุผลอะไร ที่คนเราถึงจะไม่สามารถฝึกจิตจนได้สมาธิและปัญญา สามเณรสุขจึงลาพระสารีบุตรเดินทางกลับวัดก่อน
จากนั้นก็เข้าห้องปิดประตูและปฏิบัติสมาธิภาวนา จนท้าวสักกะและทวยเทพทั้งหลายต้องมาคอยดูแลไม่ให้เกิดสิ่งหนึ่งสิ่งใด
อันจะ เป็นการรบกวนและเป็นอันตรายต่อการปฏิบัติธรรมของสามเณรสุข และในวันนั้นเอง สามเณรสุขก็ได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ พวกภิกษุเกิดความสงสัยถึงความผิดปกติของธรรมชาติอันเกิดจากการดลบันดาลของ ท้าวสักกะและทวยเทพทั้งหลาย จึงนำความเข้ากราบทูลถามพระศาสดา พระศาสดาได้ตรัสว่า “
ภิกษุทั้งหลาย ในเวลาทำสมณธรรมของผู้มีบุญทั้งหลาย ย่อมเป็นเช่นนั้นแล ก็ในวันนี้ ท้าวมหาราช 4 องค์ ยึดอารักขาไว้โดยรอบ พระจันทร์และพระอาทิตย์ได้ยึดวิมานหยุดอยู่ ท้าวสักกะทรงยึดอารักขาที่สายยู ถึงเราก็ยึดอารักขาอยู่ที่ซุ้มประตู วันนี้ สุขสามเณร เห็นคนไขน้ำเข้าเหมือง ช่างศรดัดศรให้ตรง ช่างถากถากสัมภาระทั้งหลายมีล้อเป็นต้นแล้ว ฝึกตน บรรลุพระอรหัตแล้ว”
จากนั้น พระศาสดาตรัสพระธรรรมบท พระคาถานี้ว่า
อุทกํ หิ นยนฺติ เนตฺติกา
อุสุการา นมยนฺติ เตชนํ
ทารํ นมยนฺติ ตจฺฉกา
อตฺตานํ ทมยนฺติ สุพฺพตา ฯ
(อ่านว่า)
อุทะกัง หิ นะยันติ เนดติกา
อุสุการา นะมะยันติ เตชะนัง
ทารุง นะมะยันติ ตัดฉะกา
อัดตานัง ทะมะยันติ สุบพะตา.
(แปลว่า)
คนไขน้ำทั้งหลาย ย่อมไขน้ำ
ช่างศรทั้งหลาย ย่อมดัดศร
ช่างถากทั้งหลาย ย่อมถากไม้
ผู้สอนง่ายทั้งหลาย ย่อมฝึกตน.
เมื่อพระธรรมเทศนาจบลง ชนเป็นมาก บรรลุโสดาปัตติผลทั้งหลาย มีโสดาปัตติผลเป็นต้น.