ใต้ร่มธรรม
คลายวิถีทุกข์ด้วยธรรมะ => ธรรมะเสวนา => ข้อความที่เริ่มโดย: ฐิตา ที่ เมษายน 02, 2016, 07:32:09 am
-
(https://s-media-cache-ak0.pinimg.com/564x/74/b9/80/74b9800bd2cdae46e8a66967c65b468d.jpg)
เล่าให้ฟัง :PULING的主頁
Suraphol KruasuwanOWNER
การสนทนา - Jun 20, 2015
ปริศนาธรรม
อะไรเอ่ย สี่คนหาม สามคนแห่ หนึ่งคนนั่งแท่น สองคนพาไป
1.ร่างกาย มี ดิน น้ำ ลมไฟ ปรุงแต่ง....คือสี่คนหาม
ราคะ โทสะ โมหะ...........................คือ ยุให้เราเต้น คือสามคนแห่
จิต เป็นประธานแห่งชีวิต..................คือ หนึ่งคนนั่งแท่น
บาป บุญ พาเราเดินทาง ตามเวลา......คือ สองคนพาไป
2.สี่คนหาม.....................................ดิน น้ำ ลมไฟ ปรุงแต่ง กายยา
สามคนแห่......................................อนิจจัง ทุกข์ อันตตา กำกับ
หนึ่งคนนั่งแท่น................................สติ เป็นประธานทุกสิ่ง เหนือ จิต เหนือปัญญา
สองคนพาไป..................................มนุษย์ธรรม กับอริยะธรรม นำทางชีวิต
..............................................
ข้อ1 เป็นชีวิตปกติ ปถุชน
ข้อ2.เป็นชีวิต ของผู้แสวงหา สัจจะธรรม
..
..
Suraphol KruasuwanOWNER
การสนทนา - Jun 29, 2015
อรุณสวัสดิ์ วันจันทร์
Happy Monday
"""""""""""""""""""""""""""""""
"ติดอาวุธทางปัญญา"
เมื่อวานโชคดี มีโอกาส ปะทะกันทางความคิด กับ Homo wise-man
หรือ The wise-man
มนุษย์ มีวิวัฒนาการ พัฒนาการ
มนุษย์เผ่าที่ครองโลกส่วนใหญ่ ปัจจุบัน คือ Homo sapiens
แปลง่ายๆจากภาษาลาติน ว่า..ผู้มีจิตมีมโนธรรมเสมือนพระเจ้า
ดังนั้นความเป็นมนุษย์ วัดกันที่ ใครมีมโนสำนึก ในมโนธรรม
มนุษย์มีลำดับในการวิวัฒนาการ พัฒนาการ
1.Bond to be
พวกที่ใช้ชีวิต ตามยถากรรม
กรรมนั้น อาจเป็นวิบาก หรือวาสนา
ใครค้นพบวาสนา ที่เป็น พรสวรรค์ตนเอง เอาไปต่อ ยอด ก็จะพัฒนาไปอีกระดับสู่
ระดับที่สูงขึ้นไป ใครหลงแต่สร้าง กรรม ที่เป็นวิบาก ก็จะพบวิบัติ ไม่สิ้นสุด
2.How to do
พวกที่รับระบบ แบบแผน ที่ได้เรียนรู้ถ่ายทอดมาทางวัฒนธรรม ครู อาจารย์
มาฝึกฝน จนเกิดทักษะ
หรือ เกิดความทรงจำกล้ามเนื้อ ที่สามารถ ทำงาน ละเอียด อ่อน เกินมนุษย์ทั่วไป
จริงๆ มีระบบตัวเลข ที่เป็นชุดคำสั่ง ที่มนุษย์ค้นพบ และนำมาใช้ประโยชน์
การค้นพบเลขฐาน10
หรือระบบไดอาล๊อก ที่ทุกอย่างจะทำงานตามลำดับ สลับกันไม่ได้
หรือ ระบบตีตั๋วไป ทำให้มนุษย์ ใช้หลักการนี้ คำนวณ คาดการ อนาคต
และการทำงาน ของธรรมชาติ ทำให้มนุษย์ค้นพบ
ระบบ ฟันเฟือง สายพานการผลิต
การสันดาปภายใน จักรกล
จนถึงระบบ บริหารจัดการ แบบการเมือง
การมุ้ง เศรษฐกิจ สังคม ปัจจุบัน
-การค้นพบเลขฐาน 4
หรือ ดีเอ็น เอ ระหัสกรรมพันธ์ ของสิ่งมีชีวิต
ที่มีคาร์บอนด์ เป็นแกน
เป็นแผนที่ และคำสั่งปฏิบัติการ ที่ชีวิตสะสมความรู้ เป็นสัญชาตญาณไว้ซึ่งในมนุษย์มีตั้งแต่ การเป็นชีวิตเซลเดียว เป็นชีวิตหลายเซล สัตว์ หนอนทะเล
ปลา สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ สัตว์เลื้อยคลาน สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ลิง
ลิงไม่มีหาง มนุษย์โบราณ และ มนุษย์ปัจจุบัน โฮโมซาเปียนส์
และ มีบางคน กลายพันธุ์เป็นมนุษย์ ฉลาดเลือก กินความใฝ่รู้ใฝ่ดีเป็นอาหาร
-การค้นพบ เลขฐานสอง
ซึ่งกลายเป็นระบบปฏิบัติการ ชีวิตที่มี ธาตุซิลิกอน เป็นแกน
กลายเป็นปัญญาประดิษฐ์ หรือคอมพิวเตอร์ ให้พวกเราใช้
ต่อความสามารถทุกวันนี้ และสมองเรา จะสู้ไม่ได้สี่ประการ
-ความรวดเร็วในการคำนวณ
-ความสามารถ สะสม เก็บความทรงจำ
-ความสามารถ ทำงานอัตโนมัติ โดยไม่ต้องมี อารมณ์มาเกี่ยวข้อง
-ความแม่นยำ
-การค้นพบเลข 0
จริงๆ ต้องยกย่อง ให้ พระพุทธเจ้า ที่กล่าวถึง สุญญตา ศูนยตา
ความว่าง...ที่เป็นต้นกำเนิดทุกสิ่ง และทุกสิ่ง ต้องกลับไปหาความว่าง
ซึงท่าน นาคารชุน นำไปก่อตั้งนิกาย"เซ็น"
การมีสติรู้ เพ่งความว่าง จนจิตว่างจาก
การรบกวนของ กิเลส ตัณหา อุปาทาน ที่เป็นอุปสรรค พัฒนาชีวิต ให้สูงขึ้น
3.The guru
คือเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านใดด้านหนึ่ง
-เป็นครู ผู้สั่งสอน
-เป็นโคช ผู้ฝึกฝน
-เป็น ผู้ช่วยเหลือ
-เป็นที่ปรึกษา
รวมอยู่ในหนึ่งเดียว
4.The wise-man
หรือเป็น พ่อมด จอมขมังเวทย์(ผู้เอาความรู้ มาบริหารจัดการ)
ผู้บริหารระดับล่าง...............เชี่ยวชาญใช้แรงงาน
ผู้บริหารระดับกลาง.............เชียวชาญใช้ความสามรถ
ผู้บริหารระดับสูง.................เชี่ยวชาญการใช้ความรู้
ผู้เป็น The wise-man..........(วันๆ พวกเราไม่ได้ทำอะไรเลย-พุทธทาส)
..................................................
เล่าให้ทราบ ไม่ได้บอกให้เชื่อนะ
แต่ถ้าใคร เลิกเป็นทาส ความคิด อารมณ์ อุดมคติ ความรู้ ที่สะสมไว้
ก็จะพบ การตื่น The Wise-man ในตัวคุณเอง
...............................................
ข่าวล่าสุด ในวงการวิทยาศาสตร์ คือมนุษย์ สามารถถอดระหัส กรรมพันธุ์ ดีเอ็นเอ สำเร็จแล้ว แต่เรารู้ การทำงาน ของชุดคำสั่งแค่10% เท่านั้นเอง
แต่พวกนักบวชที่ทรง ญาณ ฌาน มีทางลัด ที่เข้าไปรู้จัก และเปิดระหัสเหล่านี้
ด้วยการ ฝึกฝน สมาธิ อย่างถูกวิธี
ที่วางจิตจาก บาป บุญ ชอบ ชัง ลำเอียง หลงตน ได้แล้ว
...................................................
ปาฏิหาริย์ สาม
เกวัฏฏะ ! นี่ปาฏิหาริย์สามอย่าง ที่เราได้ทำให้
แจ้งด้วยปัญญาอันยิ่งเอง แล้วประกาศให้ผู้อื่นรู้ได้.
๓ อย่างอะไรเล่า ? ๓ อย่าง คือ :
๑. อิทธิปาฏิหาริย์
๒. อาเทสนาปาฏิหาริย์
๓. อนุศาสนีปาฏิหาริย์
(๑) เกวัฏฏะ! อิทธิปาฏิหาริย์นั้นเป็นอย่างไรเล่า ?
เกวัฏฏะ ! ภิกษุในกรณีนี้ กระทำอิทธิวิธีมีประการต่าง ๆ :
ผู้เดียวแปลงรูปเป็นหลายคน, หลายคนเป็นคนเดียว, ทำที่
กำบังให้เป็นที่แจ้ง ทำที่แจ้งให้เป็นที่กำบัง, ไปได้ไม่
ขัดข้อง ผ่านทะลุฝา ทะลุกำแพง ทะลุภูเขา ดุจไปใน
อากาศว่าง ๆ, ผุดขึ้นและดำรงอยู่ในแผ่นดินได้เหมือนในน้ำ,
เดินไปได้เหนือน้ำ เหมือนเดินบนแผ่นดิน, ไปได้ใน
อากาศเหมือนนกมีปีก ทั้งที่ยังนั่งสมาธิคู้บัลลังก์. ลูบคลำ
ดวงจันทร์และดวงอาทิตย์อันมีฤทธิ์อานุภาพมาก ได้ด้วย
ฝ่ามือ. และแสดงอำนาจทางกายเป็นไปตลอดถึงพรหม
โลกได้. เกวัฏฏะ ! กุลบุตรผู้มีศรัทธาเลื่อมใสได้เห็นการ
แสดงนั้นแล้ว เขาบอกเล่าแก่กุลบุตรอื่นบางคน ที่ไม่
ศรัทธาเลื่อมใสว่าน่าอัศจรรย์นัก. กุลบุตรผู้ไม่มีศรัทธา
เลื่อมใสนั้น ก็จะพึงตอบว่า วิชา ชื่อ คันธารี มีอยู่ ภิกษุ
นั้นแสดงอิทธิวิธีด้วยวิชานั่นเท่านั้น. เกวัฏฏะ ! ท่านจะ
เข้าใจว่าอย่างไร : ก็คนไม่เชื่อ ไม่เลื่อมใส ย่อมกล่าว
ตอบผู้เชื่อผู้เลื่อมใสได้อย่างนั้น มิใช่หรือ ?
“พึงตอบได้ พระเจ้าข้า !”
เกวัฏฏะ!
เราเห็นโทษในการแสดงอิทธิปาฏิหาริย์
ดังนี้แล จึงอึดอัด ขยะแขยง เกลียดชัง ต่อ
อิทธิปาฏิหาริย์.
(๒) เกวัฏฏะ ! อาเทสนาปาฏิหาริย์นั้น เป็น
อย่างไรเล่า?
เกวัฏฏะ ! ภิกษุในกรณีนี้ ย่อมทายจิต ทายความรู้สึก
ของจิต ทายความตรึก ทายความตรอง ของสัตว์เหล่าอื่น
ของบุคคลเหล่าอื่นได้ ว่า ใจของท่านเช่นนี้ ใจของท่าน
มีประการนี้ ใจของท่านมีด้วยอาการอย่างนี้. ... ฯลฯ ...
กุลบุตรผู้ไม่เชื่อ ไม่เลื่อมใส ย่อมค้านกุลบุตรผู้เชื่อผู้เลื่อมใส
ว่า วิชา ชื่อ มณิกา มีอยู่ ภิกษุนั้น กล่าวทายใจได้เช่นนั้น ๆ
ก็ด้วยวิชานั้น (หาใช่มีปาฏิหาริย์ไม่), เกวัฎฎะ ! ท่านจะ
เข้าใจว่าอย่างไร : ก็คนไม่เชื่อ ไม่เลื่อมใส ย่อมกล่าวตอบ
ผู้เชื่อผู้เลื่อมใสได้อย่างนั้น มิใช่หรือ?
“พึงตอบได้ พระเจ้าข้า !”
เกวัฏฏะ !
เราเห็นโทษในการแสดง อาเทสนาปาฏิหาริย์
ดังนี้แล จึงอึดอัด ขยะแขยง เกลียดชัง ต่อ
อาเทสนาปาฏิหาริย์.
(๓) เกวัฏฏะ! อนุศาสนีปาฏิหาริย์ นั้นเป็น
อย่างไรเล่า?
เกวัฏฏะ ! ภิกษุในกรณีนี้ ย่อมสั่งสอนว่า “ท่านจงตรึก
อย่างนี้ ๆ อย่าตรึกอย่างนั้น ๆ, จงทำไว้ในใจอย่างนี้ ๆ
อย่าทำไว้ในใจอย่างนั้น ๆ, จงละสิ่งนี้ จงเข้าถึงสิ่งนี้ ๆ แล้ว
แลอยู่” ดังนี้. เกวัฏฏะ ! นี้เราเรียกว่า อนุศาสนีปาฏิหาริย์.
เกวัฏฏะ ! ข้ออื่นยังมีอีก : ตถาคตเกิดขึ้นในโลกนี้
เป็นพระอรหันต์ตรัสรู้ชอบเอง สมบูรณ์ด้วยวิชชาและจรณะ
ดำเนินไปดี รู้แจ้งโลก เป็นสารถีฝึกคนควรฝึกได้อย่างไม่มี
ใครยิ่งกว่า เป็นครูของเทวดาและมนุษย์ เป็นผู้เบิกบานแล้ว
จำแนกธรรมสั่งสอนสัตว์. ตถาคตนั้น ทำให้แจ้งซึ่งโลกนี้
กับทั้งเทวดา มาร พรหม หมู่สัตว์ พร้อมทั้งสมณพราหมณ์
เทวดาพร้อมทั้งมนุษย์ ด้วยปัญญาอันยิ่งเองแล้ว สอนผู้อื่น
ให้รู้แจ้งตาม. ตถาคตนั้นแสดงธรรมไพเราะในเบื้องต้น –
ท่ามกลาง – ที่สุด, ประกาศพรหมจรรย์พร้อมทั้งอรรถะ
และพยัญชนะบริสุทธิ์บริบูรณ์สิ้นเชิง. คหบดีหรือบุตร
คหบดี หรือผู้เกิดในตระกูลใดตระกูลหนึ่งในภายหลังก็ดี
ได้ฟังธรรมนั้นแล้ว เกิดศรัทธาในตถาคต. เขาผู้ประกอบ
ด้วยศรัทธา ย่อมพิจารณาเห็นว่า “ฆราวาสคับแคบ เป็นทาง
มาแห่งธุลี, บรรพชาเป็นโอกาสว่าง; การที่คนอยู่ครองเรือน
จะประพฤติพรหมจรรย์ให้บริสุทธิ์บริบูรณ์โดยส่วนเดียว
หมือนสังข์ที่เขาขัดแล้วนั้น ไม่ทำได้โดยง่าย. ถ้ากระไร
เราจะปลงผมและหนวด ครองผ้ากาสายะ ออกจากเรือน
บวชเป็นผู้ไม่เกี่ยวข้องด้วยเรือนเถิด”, ดังนี้. โดยสมัยอื่น
ต่อมา เขาละกองสมบัติน้อยใหญ่และวงศ์ญาติน้อยใหญ่
ปลงผมและหนวด ออกจากเรือน บวชเป็นผู้ไม่เกี่ยวข้อง
ด้วยเรือนแล้ว. ภิกษุนั้น ผู้บวชแล้วอย่างนี้ สำรวมแล้วด้วย
ความสำรวมในปาติโมกข์ ถึงพร้อมด้วยมรรยาทและ
โคจร, มีปกติเห็นเป็นภัยในโทษทั้งหลาย แม้ว่าเป็นโทษ
เล็กน้อย สมาทานศึกษาอยู่ในสิกขาบททั้งหลาย, ประกอบ
แล้วด้วยกายกรรม วจีกรรมอันเป็นกุศล, มีอาชีวะบริสุทธิ์,
ถึงพร้อมด้วยศีล, มีทวารอันคุ้มครองแล้วในอินทรีย์ทั้งหลาย,
ประกอบด้วยสติสัมปชัญญะ, มีความสันโดษ.
เกวัฏฏะ ! ภิกษุถึงพร้อมด้วยศีล เป็นอย่างไรเล่า ?
เกวัฏฏะ ! ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ละการทำสัตว์
มีชีวิตให้ตกล่วงไป เป็นผู้เว้นขาดจากปาณาติบาต วาง
ท่อนไม้และศัสตราเสียแล้ว มีความละอาย ถึงความเอ็นดู
กรุณา หวังประโยชน์เกื้อกูลแก่สัตว์ทั้งหลายทั้งปวงอยู่.
เกวัฏฏะ ! นี้เราเรียกว่า อนุศาสนีปาฏิหาริย์.
เกวัฏฏะ ! ภิกษุนั้น ครั้นจิตตั้งมั่นบริสุทธิ์ผ่องใส
ไม่มีกิเลสปราศจากอุปกิเลส เป็นธรรมชาติอ่อนโยน
ควรแก่การงาน ตั้งอยู่ได้อย่างไม่หวั่นไหว เช่นนี้แล้ว,
เธอก็น้อมจิตไปเฉพาะต่ออาสวักขยญาณ. เธอย่อมรู้ชัด
ตามที่เป็นจริงว่า “นี้ทุกข์, นี้เหตุให้เกิดขึ้นแห่งทุกข์,
นี้ความดับไม่เหลือแห่งทุกข์, นี้ทางดำเนินให้ถึงความดับ
ไม่เหลือแห่งทุกข์”; และรู้ชัดตามที่เป็นจริงว่า “เหล่านี้
อาสวะ, นี้เหตุเกิดขึ้นแห่งอาสวะ, นี้ความดับไม่เหลือแห่ง
อาสวะ, นี้ทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือแห่งอาสวะ”.
เมื่อเธอรู้อยู่อย่างนี้เห็นอยู่อย่างนี้ จิตก็พ้นจากกามาสวะ
ภวาสวะ อวิชชาสวะ. ครั้นจิตหลุดพ้นแล้วก็เกิด ญาณหยั่งรู้
ว่า “จิตพ้นแล้ว”. เธอรู้ชัดว่า “ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่
จบแล้ว กิจที่ควรทำได้ทำสำเร็จแล้ว กิจอื่นที่จะต้องทำเพื่อ
ความเป็นอย่างนี้ มิได้มีอีก” ดังนี้. เกวัฏฏะ ! เปรียบเหมือน
ห้วงน้ำใสที่ไหล่เขาไม่ขุ่นมัว, คนมีจักษุดียืนอยู่บนฝั่งใน
ที่นั้น, เขาเห็นหอยต่าง ๆ บ้าง กรวดและหินบ้าง ฝูงปลาบ้าง
อันหยุดอยู่และว่ายไปในห้วงน้ำนั้น, เขาจะสำเหนียกใจ
อย่างนี้ว่า “ห้วงน้ำนี้ใส ไม่ขุ่นเลย หอย ก้อนกรวด ปลา
ทั้งหลายเหล่านี้หยุดอยู่บ้าง ว่ายไปบ้าง ในห้วงน้ำนั้น” ดังนี้;
ฉันใดก็ฉันนั้น. เกวัฏฏะ ! นี้เราเรียกว่า อนุศาสนีปาฏิหาริย์.
เกวัฏฏะ ! เหล่านี้แล ปาฏิหาริย์ ๓ อย่าง ที่เรา
ได้ทำให้แจ้งด้วยปัญญาอันยิ่งเอง แล้วประกาศให้ผู้อื่นรู้
ตามด้วย.
สี. ที. ๙/๒๗๓ – ๒๗๖/ ๓๓๙ – ๒๔๒.
http://buddhaoat.blogspot.com/2011/07/blog-post_9297.html (http://buddhaoat.blogspot.com/2011/07/blog-post_9297.html)
(https://s-media-cache-ak0.pinimg.com/564x/2c/fe/04/2cfe0499d1a59d8aa3a8cbcdc471672e.jpg)
G+ communities คนรัก รักษ์ ปัญญา สุขภาพ กีฬา และจักรยาน
สุขภาพดี คือลาภอันประเสริฐ ที่เราทำได้เอง
Suraphol KruasuwanOWNER
-
(https://s-media-cache-ak0.pinimg.com/236x/95/7e/f7/957ef749d04f606fd9dc8134007d6030.jpg)
Suraphol KruasuwanOWNER
การสนทนา - Jun 29, 2015
หนึ่งในกฎธรรมชาติ ที่พระพุทธเจ้าค้นพบคือ
กฏ .... อิทัปปัจจยตา ..... ซึ่งหมายถึง
กฎ เหตุ ปัจจัย ปรุงแต่ง ของขบวนการธรรมชาติ ต่อเนื่องกัน
ทำให้เกิด เปลี่ยนแปลง เจริญ เสื่อม ดับ ของทุกสรรพสิ่ง
พระพุทธเจ้า เอาไปใช้ แสดงตรรกะ เหตุผล การเกิดตัวตน บุคลิกภาพ
และเอาไป ดับสลาย ตัวตนนั้น จนชนะ"เพลิงอารมณ์ทุกข์ จากการ
ปรุงแต่งของ จิตปรุงแต่ง ที่ขาด สัมมาสติโพธิปัญญากำกับ"
...............................................
และลองเอากฎนี้ มาพิจรณา กระแส เศรษฐกิจ การเมือง สังคม ปัจจุบัน
มาจาก
1.การแปรปรวนของ คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าของ"ดวงอาทิตย์"
2.เป็นเหตุปัจจัย ต่อการสะสม เคลื่อนไหว กระแสน้ำใหมหาสมุทร
ความร้อนของน้ำแถวเส้นศูนย์สูตร ไหลไปทางตะวันออก สู่อเมริกาใต้
เปรูจึงมีฝนตกหนัก(เอลณีโญ่) ขณะเอเชียใต้(รวมทั้งไทย)มีฝนแล้ง
ปีนี้เป็นปีที่ สอง อาจแล้งต่อ จนครบ5ปี ต้องวางแผนรับมือ นะครับ
รีบรัดเข็มขัดเร่งด่วน อุดหนุนสินค้าในชุมชน แทนตลาดการค้าสมัยใหม่
...........................................
*จุดดับเป็นบริเวณที่มีอุณหภูมิและความกดดันต่ำ และอาจเป็นแหล่งกำเนิดของพายุสุริยะที่สร้างความปั่นป่วนให้กับโลกอยู่บ่อยครั้ง โดยนาซาพบจุดดับครั้งแรกจากการสำรวจโดยยานสกายแล็บ เมื่อปี 1973 และปี 1974 และปรากฏการณ์นี้มักมีความเคลื่อนไหวตลอดเวลา โดยจะไม่มีรูปร่างแน่นอน และจุดดับในแถบขั้วโลกมักจะมีอายุราวๆ 5 ปี หรือมากกว่านั้น
*แอชลีย์ เดล หนึ่งในคณะนักวิทยาศาสตร์ที่จับตาดวงอาทิตย์ หรือกลุ่มโซลาร์แม็กซ์ (Solarmax) ออกคำเตือนเมื่อต้นปีว่า พายุสุริยะมหึมาอาจสร้างภัยพิบัติและส่งผลกระทบต่อโลกระยะยาว
http://asean-focus.com/%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%8B%E0%B8 (http://asean-focus.com/%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%8B%E0%B8)…/
.................................................................
3.ผลต่อ ระบบเศรษฐกิจ
ทุนจะไหล ไปในที่มีกำไรเท่านั้น
คนค้นพบคือ ท่านประธานเติ้งเสี่ยวเผิงของจีน
และสร้างจีน โดยเอานโยบาย เติบโตแบบคู่ขนาน"ดีด้วยกัน"
มาเป็น มหาเวทย์ดูดดาว เอา อาวุธโลกาภิวัฒน์ มาเป็น ดอกไม้ บานสะพรั่งได้(อุดมการณ์ ยังเป็นสังคมนิยม แต่เศรษฐกิจ เป็นการตลาดพันธมิตร) จน30ปีที่ผ่านมา จีนกลายเป็นเจ้าโลก โลกแทบทุกด้าน
และสองปีที่ผ่านมา จีนประกาศ "ลดความร้อนแรงทางเศรษฐกิจ"
....ตรงกับ การเปลี่ยนแปลง คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า หรือ จุดดับที่เพิ่มขึ้น
....แต่นักการเมืองไทย ต้มกันทุกรูปแบบ เอางบประมาณมาผลาญทิ้ง
อย่างดื้อตาใส..อ้าว..เป็นงั้นไป อิๆ
4.ผลต่อ วิสัยทัศน์ ผู้คน
คนที่ตาสว่าง รีบหายุทธวิธีปรับตัวจะรอด
คนตามืดบอด ทางปัญญา เอาแต่ ความเชื่อ ความชอบนำชีวิต ก็เตรียมตัว"ลงหลุมไปเลย"
5.ลองใช้ตัวแก้"กฎปอดแหกคือปลอดภัย"
สมมุติว่า โลกจะแล้งไปอีก3ปี ที่เราเจอ สองปีคือ"เผาหลอก"
เราต้อง รีบสร้างภูมิคุ้มกัน เพื่อ ให้อยู่รอด..แทนที่จะเอา เจ้าโดเรม่อนไปแห่ ในประวัติศาสตร์ ชนเผ่าพื้นเมืองอเมริกาอินเดีย วัฒนธรรมล่มสลาย
เพราะเจ้า เอลณีโญ่ ที่ทำให้แห้งแล้ง 7ปีมาแล้ว
โชคดี ที่เรายังหายใจ แสดงว่า"เรายังมีโอกาสแก้ไข ป้องกัน บันเทา"
และอาจเป็นโบนัส ให้สมองเราสุก สมบูรณ์ กลายเป็น พวก
Homo Wise-man ก็ได้
..
..
Suraphol KruasuwanOWNER
การสนทนา - Jun 30, 2015
2008 จีนจัดโอลิมปิกส์ 8/8/2008
ในวัน กล่าวเปิด มีสาระสำคัญ สามข้อ ที่คนฟังและ ไม่สนใจ
สนามกีฬารังนก สร้างเลียนแบบธรรมชาติ
แต่ ด้วยเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด ของโลก
สนามนี้จะคงอยู่200ปี โดยเหล็กไม่เป็นสนิม!
1.โลก ต้องมีสีเขียว
ความหลากหลาย พันธุ์กรรมต้องกลับมา
2.โลกต้องพึ่งพา ไฮเทคโนโลยี
พ้นความลำเอียงของ"ผู้เชี่ยวชาญ"(ของใครก็เข้าข้างฝ่ายนั้น)
ทุกอย่างจะบริหารด้วยข้อมูลที่เป็นจริง ไม่ใช่การปั้นแต่ง(โกหกหลอกลวง)
3.กฎเหล็ก
อำนาจ จะเป็นการ เจรจาแบ่งปันกันฉันมิตร
ไม่ใช่ กำปั้นใหญ่ได้เปรียบ
.......................................................
ดังนั้น ไม่ต้องกลัว ที่ต้องอยู่รอด อยู่ร่วมกับ
วัตถุนิยมสี่ ที่ขับเคลื่อนโลก
-ผลประโยชน์นิยม
-ทุนนิยม
-อำนาจนิยม
-การตลาดแบบเร่งบริโภคนิยม
.........................................................
เมื่อท่าน รู้จุดยืนตนเอง
ท่านก็ต้องเลือก ยุทธวิธีที่เหมาะสมกับท่าน
และปรับ วิธีการต่อสู้ ตามยุทธภูมิ
รู้เขา รู้เรา รู้ เร็ว ช้า หนักเบา
รบร้อยครั้งชนะ ร้อยครั้ง
1.ถ้าท่านเป็นที่หนึ่ง
คุณต้องทำลายจังหวะคู่ต่อสู้
2.ถ้าท่านเป็นที่สอง
คุณต้องหาจุดอ่อนคู่ต่อสู้
และโจมตีจุดอ่อนนั้นซ้ำซาก ยาวนานพอ
3.ถ้าท่านเป็นที่สาม
ท่านต้องปกป้องตนเอง ในป้อมปราการ ที่ตีไม่แตก
4.ถ้าท่าน เป็นที่ สี่
ท่านต้องมีพันธมิตร
ที่เป็นแกนกลาง แนวร่วม พลพรรคพร้อม
และให้เกียรติคู่ต่อสู้ จนไม่มีใครด่าท่าน
5.ถ้าท่านเป็นที่ ห้า
ไปหาสมรภูมิอื่นเล่น
.........................................
พายุสุริยะ.............สร้างภัยธรรมชาติ
พายุโลกาภิวัตน์......กำลังทำลาย จิตมนุษย์ ระบบครอบครัว สังคม สิ่งแวดล้อม
พายุน้ำลาย...........ทำให้เราแตกสามัคคี และไม่เห็นทางสว่างยั่งยืน
............................................
เอาเล่าให้ทราบ ไม่ได้บอกให้เชื่อ
สมองใครสมองมัน รู้ รัก รักษ์ เอาเอง นะ
..
..
Suraphol KruasuwanOWNER
การสนทนา - Jun 30, 2015
55555+
หลักการช่วยคน ของ ประธานเหมาเจต่ง
"คนนั่ง....................สอนให้ยืน
คนยืน.....................สอนให้เดิน
คนเดิน...................สอนให้วิ่ง
คนนอน...................อย่าไปยุ่งกับมันฯ"
.......................................................
หลักการ เติบโตแบบคู่ขนาน ของท่านเติงเสี่ยวเผิง
ที่ทำให้ 30ปี จีนกลายเป็นศูนย์กลางของโลก
และเอา พายุโลกาภิวัตน์ มาใช้ได้
"คนจีน มีวิริยะ โดยธรรมชาติ
เพียงแต่ ให้โอกาส และมีแรงจูงใจดีๆ จากภายนอก
เขาจะพา ประเทศวิ่งสู่ ความสำเร็จ"
"เมื่อเราเปิด หน้าต่าง รับลมเย็น
แมลงย่อมเข้ามา หน้าที่เราต้องช่วยกันขจัดแมลงนั้น"
(สิ่งเลวร้ายจาก โลกาภิวัตน์ ตามมาต้องช่วยกัน จัดการควบคุม)
"แมวสีไหนจับหนู่ได้เป็นแมวดี"
(อย่ามัวทะเลาะกัน ลุกมาทำหน้าที่ และรับผิดชอบ แบบมืออาชีพ)
"ถนน คนมีรถยนต์ จึงได้เปรียบ แต่รางรถไฟ คู่ขนาน
ทุกคน ขึ้นมาในโบกี้ ต่าง ได้รับประโยชน์ร่วมกัน
อุดมการณ์เรายังเป็นสังคมนิยม แต่เศรษฐกิจต้องเป็นแบบตลาดพันธมิตร"
"ท่านต้องไม่กลัว ไม่มีทุน
เพราะน้ำย่อมไหล ไปที่ต่ำ
แต่ทุน ย่อมไหลไปที่สูง(มีกำไร ผลประโยชน์สูง)"
"ชี่........กระแส ทุกอย่างเปลี่ยนทิศ
มังกรที่ฉลาด จะรู้ว่าชี่ จะดั้มเมฆ ไปโผล่ที่ไหน
และจะไปดักรอ และขี่ชี่ นั้น"
..............................................
หวังว่า จะเป็นประโยชน์ ต่อทุกชีวิต ที่เกิดบนแผ่นดินสยามนะครับ
ชอบภาพเฉินหลง และเพลงนี้จัง
ยังฟังไม่รู้เรื่อง อิๆ ใครแปลได้ เอามาฝากกันด้วยนะ ขอบคุณล่วงหน้า
https://www.youtube.com/watch (https://www.youtube.com/watch)…
(http://photos01.wisgoon.com/media/pin/photos01/images/o/2016/1/5/22/236x314_1452020745331554.jpg)
G+ communities คนรัก รักษ์ ปัญญา สุขภาพ กีฬา และจักรยาน
สุขภาพดี คือลาภอันประเสริฐ ที่เราทำได้เอง
Suraphol KruasuwanOWNER
-
(https://lh3.googleusercontent.com/-OKY9gJrvWW0/VZxmL-8Tb7I/AAAAAAACCco/ZjmqSF8lUQA/w506-h369/images%2B%25289%2529.jpg)
Suraphol KruasuwanOWNER
การสนทนา - Jul 8, 2015
Suraphol Kruasuwanธรรมชาติ อัศจรรย์ทุกวัน Nature miracles every day
หมอที่ดีที่สุดในโลก....คือ"ตัวเราเอง" (หมอเขียว)
วิธีที่ดีที่สุดคือ"สังเกตุตนเอง"
1.สำรวจร่างกาย
ช่วงที่ดี คือ เช้า และอาบน้ำ
2.สำรวจจิตใจ
วิสัยทัศน์ ทัศนคติ อารมณ์ เป็นไงบ้าง
3.สำรวจพฤติกรรม
ว่าเบี่ยงเบน มากน้อยแค่ไหน
มีเพื่อนรุ่นเดียวกัน วันหนึ่งสังสรร ที่สภากาแฟ
"นี่พวกเรา เป็นผู้ชายมานาน ลองเปลี่ยนไปเป็นผู้หญิงบ้างใหม๋
ตอนนี้ เลยไม่มีใครชวนเจ้านี่ ไปสภากาแฟอีก อิๆ
...................................................
//-ช่วงนี้ ปั่นจักรยานไปขอกาแฟดื่ม ที่บ้านครูแปลกบ่อย
สังเกตุ ครูแปลก ครูเปลี่ยน หน้าตาสดใส ร่างกายแข็งแรงขึ้น
ถามได้ว่า กำลัง ดูแลตนเอง ตามวิธีของหมอเขียว
ดีใจด้วยครับผม
..................................................
อาการที่พึงสังวร ช่วงนี้ คือ
-ความเครียด
-อาการซึมเศร้า
-อาการ หัวงูกลายเป็นหัวพญานาค 55555+
แต่ถ้าหมุนเวียน สลับไปมา ก็เป็นปกติอยู่
อย่าให้ มันครอง ร่างกาย จิต พฤติกรรมเรานานๆ
เอาอารมณ์ขัน และทำให้ไก่ขัน มาสู้กับมัน อิๆ
...............................................
การผ่อนคลายทางร่างกาย เช่น การหายใจลึกๆ การออกกำลังกาย การนวด
การพักผ่อน การรับประทานอาหาร การอาบน้ำอุ่น
การลดความตึงเครียดทางจิตใจ เช่น การสร้างอารมณ์ขัน การคิดใทางบวก
การดูภาพยนตร์ การฟังเพลง การหัวเราะ การหายใจลึกๆ การทำสมาธิ การใช้เทคนิคความเงียบ เพื่อหยุดความคิดของตัวเอง ในเรื่องที่ทำให้เครียด
................................................
หลังจาก มีเป้าหมายใหม่ จะไปร่วมทีม เป็นที่ปรึกษา เหล่าตากล้อง
ที่จะไป ถ่ายภาพ งานสำคัญในจีน
มีการบ้านที่ต้องทำ ใน สามเดือน เร็วจังเหลือหนึ่งเดือน
-ปรับปรุงร่างกาย ให้แข็งแรง
-พัฒนา สมอง ทักษะฝีมือ
-เรียนรู้การสื่อสาร ที่เป็นมิตร
................................................
ก็ดีครับ กลับมาใช้ชีวิตแบบ เด็กแปดขวบ ที่กระตืนรือล้นไปโรงเรียน
เพราะจะได้ไปเจอเพื่อนๆ
...............................................
http://www.pharmacy.mahidol.ac.th/ (http://www.pharmacy.mahidol.ac.th/)…/%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%…/
..
..
Suraphol KruasuwanOWNER
การสนทนา - Jul 9, 2015
"การเมืองการปกครองเป็นธรรมชาติของมนุษย์"
.......................................................
"การปกครอง ในสายตาพุทธธรรม" มีสามลักษณะ
ใช้ให้ถูก คน ชุมชน ภูมิศาสตร์ สังคม วัฒนธรรม กาล ก็จะเป็นประโยชน์
......................................................
1.อัตตาธิปไตย
เอาตนเอง เป็นศูนย์กลาง บริหารจัดการ
2.โลกกาธิปไตย
เอาเสียงจากกระแส สังคมเป็นใหญ่
3.ธรรมาธิปไตย
เอาเสียงจากความเข้าใจ ธรรมชาติ เป็นใหญ่
.....................................................................
1.อัตตาธิปไตย
ใช้ในกรณี ต้อง บังคับบัญชาคนหมู่มาก
ที่ต้องมีผู้ จัดการบริหาร ให้ ไปในทิศทางเดียวกัน
เช่นยามมีข้าศึก สงคราม ภัยที่จะนำความหายนะ
ที่ต้องฟังคำสั่งของ ผู้บังคับบัญชา
ผู้ที่ใช้อัตตาธิปไตย ในอดมคติ
คือผู้ไม่มีผลประโยชน์แอบแฝง มีศักยภาพ ทำงานเชิงรุก
2.โลกกาธิปไตย
เรารู้จักในนามประชาธิปไตย
เหมาะสำหรับ กรณีที่ประชาชน
มีความรอบรู้ และมีศีลธรรม วินัยดีอยู่แล้ว
ไม่งั้นจะหลงว่า ประชาธิปไตย "ซื้อได้.... กินได้.... ตามใจพวกตนคือประชาธิปไตย"
3.ธรรมาธิปไตย
ส่วนใหญ่จะมองว่า"การปกครองด้วยศีลธรรม คือธรรมาธิปไตย"
พระพุทธเจ้ากล่าวถึงธรรมที่พระองค์เคารพคือ
3.1-ธรรมธาตุ
.........สภาวะธรรมที่ เกิดเอง มีมาก่อน เป็นอยู่อย่างนั้น แม้นไม่มีพระองค์
3.2-ธรรมธิติ
.............คือกฎธรรมดา ของธรรมชาติ โปรแกรมต่างๆที่ธรรมชาติกระทำอยู่
3.3-ธรรมนิยาม
.........คือวิวัฒนาการ ของธรรมชาติ
จาก ดินฟ้าอากศเหมาะสม สร้างชีวิต ชีวิตมีจิต จิตรู้กรรม และพัฒนารู้ธรรม เป็นหน้าที่ ทำให้เกิดวิวัฒนาการ
3.4กฎอีทัปจยตา.....กฎสร้างสรรความสัมพันธ์ต่อเนื่องดุจสายโซ่
คือ ทุกสิ่งเกิดจากสิ่งง่ายๆ เล็ก
และ ผสมผสาน กฎเหตุปัจจัย ปรุงแต่งต่อเนื่อง
กลายเป็นสิ่งที่ซับซ้อน
"เพราะสิ่งนี้สิ่งนี้เป็นปัจจัย สิ่งนี้สิ่งนี้จึงเกิดขึ้น"
3.5 อริยสัจ
หลักการ ชนะอุปสรรคในการพัฒนา
คือ ชนะกิเลส ตัณหา อุปาทาน และจิตปรุงแต่ง ของตน
จน ภูมิจิต ภูมิธรรม ภูมิปัญญา ของมนุษย์พัฒนาถึงจุดสูงสุด คือ
พ้น ความโลภ ความโกธร ความหลง และอารมณ์ทุกข์ทั้งปวง
มีสัมมาสติ โพธิปัญญาเคารพธรรมตื่น มากุมสภาพจิตปรุงแต่งหรือ
โพธิจิต ควบคุมอธิจิต ได้อย่างสมบรูญ์
.....................................
ชีวิต เรา อยู่ภายใต้
1.-กฎธรรมชาติ
2.-กฎวิวัฒนาการธรรมชาติ
3.-กฎการสร้างสรร เป็นลูกโซ่
4.-กฎป่า (กฎคัดเลือกสรร ตามหลัก วิวัฒนาการของชีวิต )
5.-กฎวัฒนธรรมของมนุษย์(กฎ กติกามารยาท ศีลธรรม)
6.-กฎนวัตกรรม ของเครื่องจักร และคอมพิวเตอร์
เราต้องฉลาดเลือกใช้ให้เหมาะสม
เพราะชีวิตต้อง ปรับตัว
"เพื่อ อยู่รอด อยู่ร่วม ในโลกที่ต้องแข่งขัน สุขจากการแบ่งปัน"
......................................
//-ใครรักประชาธิปไตย ก็ต้องรักความมีวินัย
1.เคารพตนเองเพราะตนเองใฝ่รู้ใฝ่ดี ประพฤติดี
2.และเคารพ อภัยคนอื่น ที่ไม่เหมือนตน
3.ความปลอดภัยชีวิตทรัพย์ สิน และปัญญา สำคัญกว่า
ตัวเลขทางเศรษฐกิจใด้ๆ ที่มนุษย์สมมุติขึ้นนะ
ไม่งั้น เราก็จะมองแค่
"การเมืองที่เป็นประชาธิปไตย
คือเข้าไปแย่งกัน จัดการผลประโยชน์ ที่ตนชอบ ด้วย...
-เสียงข้างมาก...
-ละเลยเสียงส่วนน้อย
-และเกลียดชังการ มีส่วนร่วม และคานอำนาจ"
-เพื่อผลประโยชน์ตนและพวกเฉพาะหน้า
ส่วน ตนเอง ครอบครัว สังคม สิ่งแวดล้อม จะพินาศในอนาคต ไม่เกี่ยวกับตน
(https://lh3.googleusercontent.com/-O3KBnvDoBnI/VZ3VzISCheI/AAAAAAACCnU/O9Rk8bbt8YQ/w306-h475/23-4.jpg)
Suraphol KruasuwanOWNER
การสนทนา - Jul 9, 2015
คุยกันแบบเซน ต่อ
"จับผีในสวนโมกข์"
เรื่องนี้ 40ปีมาแล้วนะ
ตั้งใจ ไปกราบท่านอ.พุทธทาส ในฐานะ ที่
รู้จัก หนังสือธรรมะ ของหลวงพ่อปัญญานันทะภิกขุ
ถูกใจ ตามไปที่วัดอุโมงค์ หลัง ม.เชียงใหม่
ไปพบ ผลงาน อ.พุทธทาส"คู่มือมนุษย์"
เมื่อบวช ก็เลย ขอโยมไปส่ง ที่สวนโมกข์
ไปถึงดึก ท่านอ.ประจวบออกมารับ
และ ท่านอ.พุทธทาส ก็ออกมาด้วย(ตามปกติ ท่านจะไม่ออกมา)
พอทราบเรื่อง เห็นหน้าลิง ประโยคแรกที่ท่านทัก
"เองมาทำไม?" ทุกคนก็งง เพราะ ท่าน อาจารย์ ไม่เคยพูดอย่างนี้กับใคร
หลงอยู่9เดือน ก่อนเข้าพรรษา3 ในพรรษา3 ออกพรรษา3เดือน
เพราะ พวกชวนอยู่ต่อ ไปทัวร์สมุย และวัด รอบๆ
ให้รับกฐิน ถึงจะครบหลักสูตร อิๆ
วันกลับไปลาท่าน ก็พูดว่า
"ไปแล้วอย่ามานะ" อิๆ
และก็ไม่ได้พบตัวเป็นๆของท่านอีก จนท่านสิ้น
เผาสรีระ ก็ไม่ได้ไปร่วมจริงๆ
......................................................
กุฏิเรือนเพชร คือที่พักพิง
มีชื่อเรื่อง"ผีดุ" พระวิ่งจีวรปลิว กันหลายองค์
คืนแรก ไปพัก ก็ ได้รับการต้อนรับจาก"ผีๆ"
แต่โชคดี ด้วยสัจจะ จริงๆ เกิดมาไม่เคยกลัวผี
และชอบอยู่เป็นเพื่อนผีๆ แต่ผีก็ไม่ยอมออกมาเล่นด้วย
และพ่อมีคาถาดีถ่ายทอดมา ในสายเลือด
ไปที่ไหน ให้ท่องว่า
"กูมาดี
กูทำกุศลมาเยอะ
อยากได้กุศลมาเอาไป
ดูแลกูด้วย"
................................................
อากาศในสวนโมกข์ร้อนอบอ้าวมากๆ
แต่ก็ปิดหน้าต่าง ไม่อยากรบกับน้องยูง
สักทุ่ม มีเสียงบันใดลั่น ต่อเนื่องคล้ายคนเดินขึ้นมา
ใคร?.........................เงียบ
เปิดประตูออกไปดู......มะมี เอาแล้วไง จะต้อนรับน้องใหม่มั้ง?
กลับเข้ามา นั่งหลังประตู ถือไฟฉาย รอ
พอเแอ๊ดแรก..............เปิดประตูผลัว ไฟฉายส่อง...ไม่มีใคร?
อยากรู้ต่อไป ขอเสียงหน่อย ฉันเช้าก่อน อิๆ
Suraphol KruasuwanOWNER
การสนทนา - Jul 10, 2015
https://www.youtube.com/watch?v=U4glcVsRpbw
พระมหาโมคคัลลานะ
พระอัครสาวกผู้เป็นเลิศในทางฤทธิ์
ในหลักสูตร นักธรรม จะเรียนเรื่อง พระพุูทธ พระธรรม พระสงฆ์
ครบ ก็จะจบ"นักธรรมเอก"
เวลา เข้าไปในวิหารวัดไทย จะมี พระปฏิมาของพระอัครสาวก สององค์
มี พระสารีบุตร ผู้เลิศทางปัญญา และ พระโมคคัลลานะผู้เลิศฤทธิ์
-ของฝ่ายมหายาน จะมีพระปฏิมาพระหนุ่ม(พระอานนท์)
และพระแก่(พระมหากัสสปะ)
.....................................
พระมหาโมคคัลลานะ มีส่วนร่วม ในพุทธประวัติหลายตอน
แม้นแค่พระคาถา"ชัยชนะ ของพระพุทธเจ้า ชัยมงคลคาถา หรือพาหุงมหากาฯ ก็มีตอนหนึ่ง ที่นาคดุร้ายมาก
พระพุทธเจ้า ให้พระโมคคัลลานะ ปราบ ท่านใช้วิธี
แปลงกายเป็นนาคที่ใหญ่กว่า ครับผม
แต่ต้องแปล ภาษาอภิจินตนาการ จากวรรณกรรมพุทธศาสนา
หรือ ภาษาบุคลาธิษฐาน..เป็นภาษาธรรม
คือ จะบอกว่า "กูเก่งกว่ามึง แต่กูยังไม่เบ่ง" อิๆ
"ใหญ่..........................ไม่ข่ม
เล็ก.............................ไม่กร่าง
เป็นคนจริง....................ต้องไม่ห่าม ไม่เหิมฯ"(สุภาษิตจีน)
ดีแน่ๆ
......................................
พระโมคคัลลาน มีประวัติที่น่าสนใจอีกหลายตอน
ท่านเป็นสหายพระสารีบุตร
ช่วงแสวงหาโมกข์ธรรม พระสารีบุตร พบพระอัสสชิ
ได้พระคาถา"เย ธัมมา" คือ
"ทุกสรรพสิ่งที่ปรุงแต่ง
(วจีหรือความคิด จิตหรือเจตนา กายหรือบุคลิกภาพ)
มีเหตุเป็นแดนเกิด เช่นอารมณ์ทุกข์
พุทธเจ้า บอกเหตุ และวิธีดับนั้นให้"
...................................
และได้ รับวิธีแก้ง่วง จากพุทธเจ้ามา
.................................
พระมหาโมคัลลานะ ยังเป็นสถาปนิค วิศวะกร
ที่ควบคุมดูแลงานก่อสร้าง วัดสำคัญ ในยุคพุทธกาล
...............................
คำสอนหนึ่ง ที่พระพุทธเจ้า ให้พระโมคคัลานะ
ที่ ลิงชอบย่อไว้คือ
"ไม่สุมหัว ไม่ชูงวง ไม่สร้างวะทะที่นำไปสู่ความขัดแย้ง"
-ไม่สุมหัว คือ ไม่ไปมั่วสุม สนทนาแต่เรือง มงคลตื่นข่าว
อย่างตอนนี้ กระแส ดารา และข่าวปด (เพราะมีคนจ้าง)เยอะมาก
-ไม่ชูงวง คือ เป็นผู้ นอบน้อมถ่อมตน รู้จักรับฟังอย่างสงบ
-ไม่สร้างวาทะ ที่นำไปสู่ความขัดแย้ง
กำลังฝึกอย่างหนัก เพราะอายุยิ่งแก่ ยิ่งปากจัด55555+
....................................
ในฐานะ ที่ท่านเป็นผู้กว้างขวางมาก่อนบวช
และเห็นเปรต ...คือสภาพจิตคน(Being) ที่ก่อนจะมาเป็นมนุษย์(Homo sapiens)
สัตว์ อาจ กิน ถ่าย สืบพันธุ์ นอน กลัวภัย
แต่มนุษย์มีสมองใหญ่ จึง มี อะไรมากกว่าสัตว์
ความโลภ(ยถาเปรต)
-ความอิจฉาบ้าอำนาจ(ฤทธิ์เปรต)
-ความฉลาดโกง ไม่รู้จักพอเพียง(เปรตอยู่ในวิมาน)
ท่านจะยิ้ม เมื่อเห็นว่า เปรต ก็คือพวกผู้มีอำนาจวาสนา
ในกรุงราชคฤห์ นี่แหละ
ท่านก็เลย ถูก ทุบ สิ้นชีพ ด้วยฝีมือโจยท์เก่า และเปรต
ที่ท่านไปรู้เท่ารู้ทันนี้แหละ
งานนี้ ท่านอาจ บรรลุธรรม คือ รู้วิธี ชนะ
อารมณ์ทุกข์ ทนต่อเวทนาทุกข์ ปรับตัว อยู่กับสภาวะทุกข์แบบเคารพยอมรับ แต่
"เวลา กรรม มัจจุราช ไม่เคยคอยใคร"
และ อย่าลืมฝึก ยกระดับ ภูมิจิต ภูมิธรรม ภูมิปัญญา
พบ โพธิจิต ที่กุมสภาพ อธิจิต ในตนให้ได้
จะได้ เป็น พุทธะ(ผู้ใช้สติปัญญาปกครองชีวิต)
เป็น ผู้ฉลาดเลือก ใช้วิธีเรียนรู้ปรับตัว(Homo wise-man) ในชาตินี้แหละ
..........................................................
เอาแค่นี้ก่อนนะ อิ่มอร่อยมื้อเช้า
ใครเดินทาง ให้สะดวก รับโชค มีชัยนะ สาธุ
.........................................................
(https://s-media-cache-ak0.pinimg.com/564x/72/f4/17/72f41778b821bbe6aece13337d799fee.jpg)
http://www.dharma-gateway.com/ (http://www.dharma-gateway.com/)…/great_monk/pra-mokkalana.htm
Philosophy and healthy ปรัชญา และสุขภาพดี
G+ communities คนรัก รักษ์ ปัญญา สุขภาพ กีฬา และจักรยาน
สุขภาพดี คือลาภอันประเสริฐ ที่เราทำได้เอง
Suraphol KruasuwanOWNER
-
(https://s-media-cache-ak0.pinimg.com/564x/69/72/f9/6972f97cbd158ac5e42f2c677a64c833.jpg)
Suraphol KruasuwanOWNER
การสนทนา - Jul 12, 2015
Consumerism
รู้เท่ารู้ทัน บริโภคนิยม และ พวก
รู้จักธรรมชาติ วันละนิด ชีวิตมีชีวา
ธรรมะคือธรรมชาติ เป็นกระแสธรรมดาเช่นนั้นเอง
เป็นเด็ก มักได้ยินผู้ใหญ่พูด
"จะไปกิ๋นเสี่ยง กินซ้ำ ยะหยังหือกินยืน กิ๋นยาว กิ๋นบ่เสี่ยง"
แปลว่า
"ทำอะไร อย่าไปเอาแต่ล้างผลาญให้หมดสิ้น
ให้ทำในสิ่งที่เจริญ ยั่งยืนยาว ไม่มีหมด"
...........................................
"วัตถุนิยมสี่ สมัยใหม่
สอนให้เราคิดเอาแต่ผลประโยชน์เฉพาะหน้า ไม่ยั่งยืน
ทำลาย ความหลากหลายพันธุกรรม และยั่งยืน ต่อลูกหลานอนาคต"
...........................................
"อาหารเป็นใหญ่ในโลก" พุทธพจน์
อาหาร ในความหมายพุทธธรรมคือ"เครื่องค้ำจุนชีวิต"
1.เครื่องค้ำจุน ที่เป็นวัตถุธาตุ
ได้แก่ ปัจจัยสี่(อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย ยาป้องกันรักษาโรค)
เครื่องมือ ต่อความสามารถ และเครื่องอำนวยความสะดวก
เป็นเครื่องค้ำจุนระดับชีวะ ที่ขาดไม่ได้
น่าจะรวมทั้ง อากาศ น้ำ แสงแดด ด้วยนะ
2.เครื่องค้ำจุน ที่ เป็นกุญแจไขความสุข ผัสสะ
แล้ว ชอบ อบอุ่น เป็นสุข
2.1-กามสุข
- มี ศุภะ(เห็นว่าสวยงาม)
อระดี(พึงใจ)
-ตัณหา(อยาก)
-ราคะ(คลุกเคล้า เกลือก กลั้ว ดุจภมร ชอบเกสรดอกไม้)
2.2 ฌานสุข
เกิดจากจิต ผูกกับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง จน จิตแน่วแน่ หลั่งสารความสุขได้
มี ตั้งแต่ วิตก(คิดกว้างๆ) วิจารณ์(คิดลึกลงในรายละเอียด)
ปีติ สุข อุบกขา(สงบ ดูด้วยปัญญา)
เอกจิต จิตเป็นหนึ่งเดียว กับธรรมชาติที่จดจ่ออยู่ และกฎธรรมดาของธรรมชาติ
2.3วิมุติสุข
สุขจาก พ้นอำนาจเพลิงอารมณ์ทุกข์
เพลิงความอยาก ความติด ความพยาบาท ความอยากเบียดเบียน
จึงไม่ทุกข์ ไม่สุข แต่เย็น กาย วาจา ใจ เช่นนั้นเอง
3.อาหาร คืออุดมคติ
เป้าหมายความหวัง อุดมการณ์แห่งชีวิต
เช่นเป้าหมาย ทางสังคม อยากมี
-จุดยืน มีตัวตน อัตตาลักษณ์ของตนเอง
-พื้นที่ ที่เป็นอาณาเขต อาณาจักร ที่ตนเคลื่อนไหวอย่างเสรี
-ความสำเร็จ
...ได้เป็นเจ้าของ...มีความอุดมสมบูรณ์...มีความมั่นคง ในชีวิต
-ได้รับการชื่นชม ยอมรับหน้าถือตา จากสังคม
ความต้องการนี้ บางที ยอมสูญเสีย ตัวตน ผัสสะที่ชอบ
เพื่อ สมใจ สะใจ ในสิ่งที่ตนต้องการ
4.สิ่งค้ำจุน คือ"ความรู้"
มนุษย์ต้องปรับตัว เพื่อ
อยู่รอด อยู่ร่วม
แข่งขัน-แบ่งปัน
ความโชคดี-และคลสภาพจิต เป็นมนุษย์ที่ดี
ดังนั้นมนุษย์ต้องเรียนรู้ตลอดชีวิต
-เรียนรู้จาก การอบรมสั่งสอน ตาม บุพการี วัฒนธรรม สิ่งแวดล้อม
-เรียนรู้จากการตกผลึกความคิด จากประสบการณ์ตนเอง
-เรียนรู้จาก การ ล้างเงื่อนไขชีวิต
ที่จำมาผิด ตั้งทฤษฎีไม่ไม่เหมาะสม ตั้งจิต ตั้งเจตนาเป้าหมายชีวิตผิด
เป็นการเรียนรู้สูงสุด เพราเป็นการปลดปล่อย ชีวาในชีวิต
พ้นจาก เพลิงอารมณ์ทุกข์ ความอยาก
ที่หลอกเราว่าเป็นความจำเป็น
จนเราต้องใช้ตนเอง เป็นวัวควาย
แสวงหา เป้าหมายเทียม(กุญแจความสุข)
แทนที่จะ จัดชีวิต แยกความต้องการ ออกจากความจะเป็น
และใช้ชีวิต แบบ พอเหมาะ พอดี พอเพียง มีเหตุผล มีภูมิคุ้มกัน
ดังแนว พระราชดำหริ เศรษฐกิจพอเพียง
แทนการ เป็นทาส บริโภคนิยม อำนาจนิยม ทุนนิยม ผลประโยชน์นิยม
ชีวิตจึงต้อง โลภ อิจฉา บ้าอำนาจ ฉลาดทางเสื่อม
เป็นทาสอารมณ์ร้าย อารมณ์ทุกข์ โดยสุขล่อให้หลง ในตนไม่สิ้นสุด
Small is beauty ......พอเพียงคืองดงาม
.........................
ดังนั้น การปฏิวัติอาหาร จึงไม่หมายถึง"ของกิน"
แต่หมายถึง เครื่องค้ำจุนชีวิต ที่เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ ดีกว่า มั่นคง มีประโยชน์ประหยัด ปลอดภัย ยั่งยืน
-อาหารที่เป็นวัตถุธาตุ
-อาหารที่เป็นผัสสะ
-อาหารที่เป็นอุดมการณ์ชีวิต
-อาหารทีเป็นความรู้
รู้วิธีล้างเงื่อนไขความรู้ผิด
รู้ยิ่งจนพ้น เพลิงอารมณ์ทุกข์ เพลิงกิเลสในตน
.........................
//-เรารู้ว่า เราไม่เคยรู้มาก่อนว่า
อารมณ์ทุกข์.................ต้องกำหนดรู้
เหตุปรุงแต่อารมณ์ทุกข์ ....ต้อง ละทิ้งให้สิ้น
ผลความเย็นของชีวาในชีวิต....เพราะพ้นเพลิงอารมณ์ทุกข์และกิเลส
ต้องประสบด้วยตนเอง
ทางฝึกฝน เพื่อพบความเย็นนั้น(มรรคแปด)...ต้องเจริญให้ยิ่ง
//-เรารู้ว่า เรารู้ อริยะสัจจะ(ความจริงของผู้ชนะอุปสรรค พัฒนาชีวิตในตน
คือเพลิงอารมณ์ทุกข์ เพลิงจากกิเลส)ที่เกิดขึ้นในตน
//-เรารู้ว่าเรารู้แจ้ง
มีเจโตวิมุติ( มีกำลังจิต เพราะจิตที่สงบ มั่นคงเบิกบาน ชนะอารมณ์ร้าย)
มีปัญญาวิมุติ(มีกำลังปัญญา มีสติปัญญา เข้าใจแจ้งในธรรมชาติตามจริง จนกุมความคิด สภาพจิต)
..........................
การเข้าใจ จัดการ แบบ พอเหมาะ พอดี พอเพียง พอใจ กับเรื่อง
สิ่งค้ำจุนชีวิต ที่เป็น
-วัตถุธาตุ
-ผัสสะ
-อุดมคติ
-ความรู้จนหลุดพ้น
เพลิงอารมณ์ทุกข์ความเศร้าหมองอยากเกินเหตุ
คือการปฏิวัติ อาหารของโลก อย่างแท้จริง
.........................
-ตนเอง....
-รู้จักพอดีพอเพียงพอควร
-เลิกสร้างอารมณ์ทุกข์
-ไม่เป็นทาสความอยาก
-ดูแลสังคม มีสันติสุข สันติธรรม
-บริหารจัดการ ธรรมชาติแบบ พัฒนาเชิงอนุรักษ์ยั่งยืน
ทำให้สิ่งแวดล้อม มีสมดุลที่ดี
.........................................................
ฝึกสร้างนิสัย"กิ๋นบ่เสี่ยง"
เลิกใช้ชีวิตแบบ"กิ๋นเสี่ยง กินซ้ำ"
ทำในสิ่งที่ ดี งาม ยั่งยืนไว้ให้ลูกหลานไทย กันนะครับ
*********************************
Suraphol KruasuwanOWNER
การสนทนา - Jul 20, 2015
1.ทาน
เพื่อสอนใช้ชนะ จิตเปรตในตน
คือชนะ ความโลภ อิจฉา บ้าอำนาจ ฉลาดโกง
2.ศีล
เพื่อ มีจิตเป็นมนุษย์มากขึ้น
3.สัคคะ
เพื่อช่วยสร้างสันติสุข สันติธรรม แก่ ตน สังคม ระบบชีวาลัย
4.กามฑีนพ
เพื่อให้เห็น โทษ ความติด ยึด หลงไหลนำมาซึ่งเหตุ ทุกข์
5.เนกขัมมะ
การฝึกฝนจิต ให้ สงบ สมถะ สันโดษ ออกจาก ความติด
6.ปัญญา
ปัญญามองเห็นโลก เป็นปราชญ์ ฉลาด มีสติปัญญา
มองเห็นจิตปรุงแต่ง(อธิจิต) และปลุกจิตแท้จิตเดิมให้ตื่น(โพธิจิต)
มาล้างขยะปรุงแต่งจิต กุมสภาพจิต
จนเมื่อกระทบ กระแสโลก กระแสกรรม กระแสธรรม
จิตยังมั่นคง เบิกบาน วิสุทธิ์ เช่นนั้น
จึงเป็นโลกุตระปัญญา...ที่ตื่นแล้ว
เป็นสอนให้การพัฒนาจิตตามลำดับ ของพุทธเจ้า สาธุ
ทั้งหมดนี้ เป็น คำสอนที่พระพุทธเจ้า สอนมากที่สุด ตลอด45พรรษา หลังตรัสรู้ สาธุ
(https://s-media-cache-ak0.pinimg.com/564x/73/3c/3d/733c3dd7c97a267aa54c5326062463e8.jpg)
Philosophy and healthy ปรัชญา และสุขภาพดี
G+ communities คนรัก รักษ์ ปัญญา สุขภาพ กีฬา และจักรยาน
สุขภาพดี คือลาภอันประเสริฐ ที่เราทำได้เอง
Suraphol KruasuwanOWNER
-
(https://s-media-cache-ak0.pinimg.com/564x/80/c4/42/80c442ec861aed0ca3c6e978f70122f6.jpg)
Suraphol KruasuwanOWNER
การสนทนา - Jul 1, 2015
พระพุทธเจ้าประกาศว่า
"เคารพพระธรรมที่ทรงค้นพบ"
ธรรม มาจากคำว่า สภาวะ แปลว่า สิ่งที่เกิดขึ้นด้วยตนเอง
จึงเป็น เช่น ที่เป็น ไม่ได้ตามใจใคร
พุทธเจ้า ขนานนามพระองค์ว่า"ตถาคต"
แปลว่า ผู้ชี้ให้เห็นกระแสธรรมดา ของโลก และธรรม
คุณลักษณะ ธรรมชาติ ที่พระพุทธเจ้าค้นพบ อ.พุทธทาสเรียงไว้
เป็น9ตา แต่ปู่ลิงเคยบอกว่า มี10ตา ตอนนี้ มี12ตา อิๆ
พุทธทาส - นาคารชุน (สองสุดยอดนักปราชญ์เถรวาท-มหายาน)
23 กุมภาพันธ์ 2012 ·
"ธรรมะ 9 ตา" ของ ท่านพุทธทาส ภิกขุ
1. อนิจจตา คือความไม่เที่ยง ไม่ยั่งยืน (อัชฌัตตา ธัมมา)
................เฉพาะสิ่งปรุงแต่งด้วยขบวนการของธรรมชาติ
หรือสังขาร "ต้องเปลี่ยนแปลง"
2. ทุกขตา คือทนอยู่ในสภาพเดิมไม่ได้ ย่อมแปรเปลี่ยนไป
.................เฉพาะ สิ่งปรุงแต่งด้วยขบวนการธรรมชาติ
หรือสังขาร"ต้องเปลี่ยนแปลง"
มี กายสังขาร จิตสังขาร วจีสังขาร(รวมทั้งความคิดด้วย)
3. อนัตตตา คือ ความไม่มีตัวตน ความมิใช่ตัวตน
................อนัตตาแปลว่า ไม่เป็นดั่งใจใคร
ธรรมชาติทั้งหมด เป็นไปตาม กฎ เหตุ ปัจจัย ปรุงแต่ง
4. อิทัปปัจจยตา เป็นชื่อหนึ่งปฏิจจสมุปบาท
หลักแห่งการเกิดขึ้นอาศัยกันของปัจจัยทั้งหลาย
เมื่อเกิดสิ่งนั้น จึงมีสิ่งนี้ (Dependent Origination)
................กฎแห่งความสัมพันธ เชื่อมโยง
เด็ดดอกไม้ อาจกระเทือนถึงดวงดาว
5. สุญญตา คือ ความว่างเปล่า
ความศูนย์ คือสูญจากความมีตัวตน(อุปาทานในอัตตา อุปาทานในตัณหา)
ว่างจาก กิเลส ตัณหา อุปาทาน สมองจึง"เห็นธรรมชาติตามจริง"
6. ธัมมัฏฐิตตา คือ กฎธรรมชาติ
ต้องใช้วิธีวิทยาศาสตร์ การคำนวน จึงพบว่า"มี"
7. ธัมมนิยามตา คือ การที่สิ่งทั้งหลายเกิดขึ้น
ตั้งอยู่และดับสลายไปเป็นกฎธรรมชาติ
...................คือทฤษฎี วิวัฒนาการนั่นเอง
ดินฟ้าอากาศเหมาะสม ทำให้เกิด สิ่งมีชีวิต วิวัฒนาการหลากหลาย
มีชีวิตที่มีมีจิต รับรู้ผลกรรม เกิดวัฒนธรรม....และพบ วิธีเป็นมนุษย์เหนือมนุษย์ Homo wise-man วิวัฒนาการต่อจาก Homo sapiens
8. ตถตา ความเป็นเช่นนั้นเอง
ตถตา เป็นการอธิบายความที่สิ่งทั้งหลายเป็นเหตุปัจจัยแห่งกันและกัน เมื่อมีเหตุปัจจัยมันก็เกิดขึ้นดำรงอยู่และเป็นไปตามกฎธรรมดา
เมื่อหมดเหตุปัจจัยมันก็ดับ
..................ตถาตา แปลว่า "กระแสความเป็นธรรมดา"
หรือสิ่งที่เคลื่อนไหว ไหลไปด้วยกัน ซ้อนกันอยู่เป็นชั้นๆ จากหยาบไปหาละเอียด คือ
-กระแสโลก มีวัฒนธรรม มนุษย์ ขับเคลื่อน ด้วย ความเชื่อ ความชอบใน
แฟชั่น ค่านิยม ที่ถูกสังเคราะห์ ตาม ยุคสมัย
-กระแสกรรม
กรรมขับเคลื่อน สรรพสิ่ง หรือเจตนา สร้าง กรรม เป็น วิบาก วาสนา เป็นกลาง
-กระแสธรรม
ธรรมชาติ ที่เป็น กฎเหตุปัจจัยปรุงแต่ง
ธรรมชาติ ที่เป็น ระหัสกรรมพันธุ์
ธรรมชาติที่เป็นสัญชาติญาณ
ธรรมชาติ ที่เป็นวัฒนธรรม ปรัชญา ลัทธิ
ธรรมชาติ ที่ปรุงแต่ง เป็น"จิตสำนึก"
ธรรมชาติ ที่เป็นจิตแท้จิตเดิม ที่ตื่นเมื่อ สัมมาสติ โพธิปัญญาตื่น
ธรรมชาติ ที่ พัฒนาการสูงสุด จาก
ธาตุรู้....เป็นตัวรู้......เป็นผู้รู้........และกลับไปสู่"ธาตุรู้"
9. อตัมมยตา เป็นสภาวของระดับจิตสูงสุด
กล่าวคือ เป็นระดับที่ไม่ยึดถือสิ่งทั้งปวงหรือไม่ปรุงแต่งให้ทุกข์แล้ว
อ.พุทธทาส บอกว่า"กูไม่เอากับมึงแล้ว"
ปู่ลิงบอกว่า"เองเป็นของปลอมโว้ย"
ของปลอมคือ มายา ลีลา ธรรมชาติ ที่
สังเคราะห์..............สร้างขึ้น
สงเคราะห์..............ส่งเสรีมให้ เจริญ
สงคราม.................ขัดแย้ง ทำลาย
สมดุลย์..................รักษา สภาพ เป็นกลาง
สันคติ....................สืบทอด ต่อเนื่อง
เสื่อมสลาย.............จากสิ่งซับซ้อน สลายเป็นสิ่ง ไม่ซับซ้อน
ใครไปยึดว่า ธรรมชาติทั้งหมด เป็น กู ของกู ต้องตามใจกู
อารมณ์ทุกข์ ถูกชงขึ้นมา ซ้ำเติม เวทนาทุกข์ สภาวะทุกข์แน่นอน
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=184750238300188&id=183996915042187 (https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=184750238300188&id=183996915042187)
10.อัพยากตา ธรรมา
เป็นธรรมชาติ ความรู้สึกที่เป็นกลาง ไม่ยินดีในอกุศล และไม่หลงไหลในกุศล ประกอบด้วย กุญแจไขเคมีความสุขให้หลั่ง
นอกจาก กามสุข ญาณสุข ฌานสุข ที่มนุษย์ค้นพบมาก่อน
พระพุทธเจ้าค้นพบ กุญแจไขความสุข ที่อมตะคือ
-วิมุติ
-วิโมกข์
-นิพพาน
-วิชชา
-วิสุทธิ์
-วิเศษ
-วิราคะ
-วิสังขาร
11.อริยสัจจะ ทัศนา
เห็นด้วยการกำหนดรู้อาการนั้นด้วยความรู้สึกที่มีสติ ติดตามลมหายใจ
ดวงตาที่จะเห็นอริยสัจจะ ไม่ใช่ตาเนื้อ แต่เป็นตาปัญญาทั้งสี่ คือ
พุทธะจักขุ...........................เห็นด้วยสัมมาสติโพธิปัญญาที่ตื่นแล้ว
ธรรมจักขุ.............................เห็นธรรมชาติ ทั้งหมด ด้วยความเข้าใจ
ญาณจักขุ............................เห็นด้วย หนักแน่น มั่นคง ความสงบ เยือกเย็น รำงับ ด้วยสมาธิ
ทิพย์จักขุ.............................เห็นด้วย เหตุ และผล ความเชื่อมโยง
ที่ละเอียดลึกซึ้ง แบบพวก เหนือมนุษย์
12.........เปิดช่องให้ ใช้สมอง....คิดๆๆๆๆ.....ยังไม่เฉลย อิๆ
..........................................................
เห็นไหม ธรรมชาติ สุดอัศจรรย์
ทั้งปรากฎการณ์ภายนอก
-ถ้าเรารู้จริง.......เราก็เป็นนักปราชญ์
-ถ้าเราฉลาด รู้เท่าทัน จิตปรุงแต่ง และกุมสภาพ
จนไม่สร้างอารมณ์ทุกข์
เราก็เป็น พุทธะ
...ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ผู้มีความสุข ในดวงตาทั้ง12
..
..
Suraphol KruasuwanOWNER
การสนทนา - Jul 2, 2015
ฟงอวิ๋น ขี่พายุทะลุฟ้า
https://www.youtube.com/watch?v=NNTIh-7Rj9s (https://www.youtube.com/watch?v=NNTIh-7Rj9s)
ช่วงเล่นกีฬาพวก "สุดขีด" ฟ้า ดิน น้ำ
ต้องหาอะไรที่ท้าทายธรรมชาติ และยมฑูต
มาถึงตอนนี้ ถือคติ"ปอดแหกคือปลอดภัย"
และขอบคุณ เทพีแห่งโชคชะตา ที่ให้ลมหายใจอยู่
นึกถึง รสชาติ เหมือน กิน ซูชิ ที่ทำจากปลาปักเป้าพิษ
จากพ่อครัวสุดยอด ที่รู้ว่า คนนี้ควรจะกินกี่ชิ้น จึงพอดี
วันนี้ ให้ไปกินอีก"กูไม่กินแล้ว"
......................................................
ทุกวันนี้ ชีวิต ที่ต้องปรับตัว อยู่รอด อยู่ร่วม ในโลก
ที่ต้อง............ ทะยานอยากในการแข่งขัน
และสุข ..........จากการให้ กำลังใจ แบ่งปันน้ำใจ
เราต้องผจญพายุ ที่ร้ายแรง และ"เราต้องขี่ ให้เป็น"
1.พายุสุริยะ
ทุกรอบ11ปี สุริยเทพ จะปลดปล่อย คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
มาก กว่าปกติ10% แม้นโลกจะมีระบบแม่เหล็ก
ป้องกัน แต่ก็มีบางส่วน จะสะสม กลายเป็นคลื่นความร้อน
ประจวบกับ มนุษย์เห่อ พลังงานสันดาปภายใน จากปิโตเลียม
ใช้กันอย่างเมามันส์ ความร้อนที่สะสม ในมหาสมุทรแปซิฟิก
ก็จะ ไหลสลับทาง จากเคยไหลจาก ชายทวีป อเมริกาใต้
มาเอเชียใต้ ก็ ไหลกลับ ทุกๆ11ปี เอเชียใต้ก็แล้ง เปรูก็เจอฝนตกหนักน้ำท่วม
และกว่าจะปรับตัว เหมือนเดิม ใช้เวลา3-5ปี แต่บางทีก็เลยเถิด
แล้งติดต่อกัน 7-11ปี ในสมัยโบราญ หลายอารยะธรรมถึงกับล่มสลาย
ช่วงนี้ พายุสุริยะ ทำหน้าที่ปีที่2 ต้องเตรียมตัว ปรับตัว รับภัยพิบัติ
จะไปด่ารัฐบาล เอาโดเรม่อนมาแห่ ช่วยไม่ได้นะ
จริงๆ น้ำเมืองไทยเหลือเฟือ แต่ต้องมา ศึกษา บริหารจัดการ
-ต้นน้ำ
-กลางน้ำ
-ปลายน้ำ อย่างยั่งยืน
2.พายุเศรษฐกิจ
เมื่อเราเชื่อว่า โลกาภิวัตน์ เป็น ยาวิเศษ มา30ปี
"โลกจะเป็นสวรรค์บนดินได้ เมื่อ ทุน เทคโนฯ ตลาด ผู้คน วัฒนธรรม
ไหลไปมาเสรี"
ผู้ที่ได้เปรียบคือ ผู้มีต้นทุน วัตถุนิยมสี่ อยู่แล้วคือ
มีทุน อำนาจ ผลประโยชน์ สื่อการตลาดแบบบริโภคนิยม
ก็คือ มหาอำนาจทางเศรษฐกิจ กลายเป็น
"กบใหญ่ หลอกกินกบเล็ก"
ที่รอดมา และ ใช้พลังนี้ เติบโตอัศจรรย์ คือ"จีน"
วันหนึ่ง มีลูกน้องเพื่อน มายืมเงิน ไปช่วยครอบครัวเพื่อนเขา
เพื่อนเราถามกลับว่า
เองลองไปถาม คนที่ขอเองมายืมเงินว่า
"รายได้ไม่พอ หรือ ไม่พอที่จะฟุ่มเฟือย"
ลองทบทวน มาช่วยซื้อขายในชุมชน
และงดเข้าห้าง เพื่อตากแอร์ดู เงินจะหมุนในชุมชน
นาน พอ ที่จะฟื้นเศษฐกิจ ทุกระดับภาค
มีงานวิจัย หลังเงินเดือนออก 12วัน เงิน 80%
จะหายละลายไปใน "การตลาดสมัยใหม่"
คือ ห้าง เซเว่น ค่าโทรศัพท์ หวย พนัน ดอกเบี้ยนอกระบบ
จัดการระบบบริหารทรัพย์ดีๆ...เชื่อ ทุกคนมีเงินเหลือเก็บ
3.พายุ จิตปรุงแต่ง
จิตปรุงแต่ง เอา
-ความคิด
-กระตุ้นอารมณ์
-เก็บเป็นอุดมการณ์
-และยะโสว่า กูรู้
แล้ววันหนึ่ง...มันก็ยึดเอาชีวาในชีวิตเป็นทาส
ต้อง มีสติรู้ และจัดการ กับมันให้เหมาะสม
ไม่งั้น มันจะจูงเราไปตายจริง ด้วย
อาการป่วยทางกาย เพราะแช่งผู้อื่นแต่ตนเองรับก่อน
อ่อนแอ ติดเชื้อง่าย ภูมิต้านทานต่ำ เม็ดเลือดขาวโจมตีตนเอง
และพาเราไปในที่ สมควรตาย
และใช้ชีวิตแบบสมควรตาย เพราะประมาทมากมาย อิๆ
.............................
ปลุกสัมมาสติตื่น และ หายุทธวิธี ขี่พายุ
ทั้งพายุสุริยะ พายุเศรษฐกิจ พายุจิตปรุงแต่ง
ถ้าทำได้ เราก็จะเป็นมนุษย์สายพันธุ์ใหม่
Homo wise-man
เป็นอธิจิต อธิปัญญา ดังพระพุทธเจ้าสอน
ให้ฝึก ยกระดับ ภูมิจิต ภูมิธรรม ภูมิปัญญา
อย่าเป็นแค่
Homo sapiens
นะครับ เพราะ ไม่ปลอดภัยพอ สำหรับชีวาในชีวิต
ที่เป็นชีวิตแท้ของเรา อย่าให้จิตปรุงแต่งต้มนะ
ซิบอกให้ อิๆ
(https://s-media-cache-ak0.pinimg.com/564x/fe/fe/46/fefe46faad56a2706234e5ab305b86dd.jpg)
Philosophy and healthy ปรัชญา และสุขภาพดี
G+ communities คนรัก รักษ์ ปัญญา สุขภาพ กีฬา และจักรยาน
สุขภาพดี คือลาภอันประเสริฐ ที่เราทำได้เอง
Suraphol KruasuwanOWNER
-
(https://s-media-cache-ak0.pinimg.com/originals/aa/57/b7/aa57b7f2a9ed44e80b029af5e416f254.gif)
Suraphol KruasuwanOWNER
การสนทนา - Jul 2, 2015
ทุกอย่างสำเร็จด้วยใจ"
และที่ใหญ่กว่าใจ คือ สัมมาสติโพธิปัญญา
ที่เคารพในสัจธรรม
อย่าไปหลงให้ ใจที่เป็นจิตปรุงแต่งต้มเด้อ
ใจมีสองนะ
1.ใจที่เป็นจิตปรุงแต่ง เราไม่ใช่พระ
และไม่ควรดัดจริต ว่า ตนเป็นพระ
อย่าไปห้ามคิด ห้ามอารมณ์ ห้ามอุดมคติ ห้ามไม่ให้หยิ่งในตัวรู้
แต่ฝึกขี่ กิเลส ตัณหา อุปาทาน
ไปทำสิ่งดีๆ ให้ ตนเอง ครอบครัว สังคม สิ่งแวดล้อม
แค่นี้เกิดชาตินี้ก็หรูแล้ว
ใคร จะไปนิพพานแบบ จินตนาการพาไป ช่างเขา
และอย่าให้ แพะ ที่ปลอมเป็นพระ ต้มเอาทรัพย์ ไปสร้างอนุสาวรีย์ส่วนตัว
ปล่อยให้ครอบครัวต้องผจญวิบาก เพราะความโง่ของเรา
ไม่ใช่เวรกรรม ข้ามภพชาติที่ไหน
การขยันสร้าง สิ่งที่เป็นมหา ทั้งหลาย
ราวกับว่ากินเนส บุ๊ค เป็นพระ จัตวาปิฏก ผิดพระธรรมวินัยนะ
ในนาม"สืบพระศาสนา" เพราะวัตถุ ก็เป็นสังขาร ผุพังได้
สร้างมา ไม่มีเงินดูแลรักษา เดือดร้อนโยมอีก
แม้นแต่การทำกุฏิที่ใหญ่ งดงาม ก็มีพระวินัยลงโทษ
แต่พระธรรมคำสอนแท้ เป็น"กฎ กติกา มารยาท ของธรรมชาติ"
ที่เราต้องน้อมนำมาพิจรณา มุ่งมั่นฝึกฝนให้เป็น อริยะ พุทธะ ในที่สุด
ด้วยตนเอง หลวงพ่อทั้งหลาย ยังช่วยสังขารตนไม่ได้
ล้วนตกภายใต้กฎไตรลักษ์ ทั้งสิ้น
เปลี่ยน จิตปรุงแต่ง จากอบาย เป็นมนุษย์ มนุษย์โส
มนุษย์สเทโว มนุษย์ พรหมโน เป็นพระอริยะ พุทธะ ด้วยตัวเราเอง
เป็นอมตะ เป็นอมฤตธรรม จะมีมนุษย์ไม่มี ก็มีอยู่
พระพุทธเจ้าค้นพบ และบอกมา
"ใครทำถูกต้อง ก็จะดีต่อชีวิตตนเอง"
ไม่ใช่เอาแต่จะถูกใจ ถูกใจ ถูกใจ
ย่อมพบวิมุติ วิมุติ มีรสเดียว
ไม่ทุกข์ ไม่สุข ไม่ติดดี ไม่หลงชั่ว....แต่เย็น
2.ใจที่เป็นจิตแท้ จิตเดิม
เป็นโพธิจิต ไม่มีเกิด ไม่มีตาย มีแต่"ตื่น" กับ"หลับ"
ใครอยากให้ตื่น ก็ฝึกสติ ดูความรู้สึกที่ใจ ทุกลมหายใจเข้าออก
หากจะมาบอกว่า ไม่มีเวลาทำ ก็ลองหยุดหายใจไปเลย
วันนี้ดุหน่อยนะ..เพราะ คนทุกวัน ชอบแต่คำหวานๆ
แต่คุยเรื่องสัจธรรม..ชอบเป๋ไปทำเป็น"สัตว์จะทำ" อิๆ
3.จิตปรุงแต่ง ให่้เหมือนดอกบัว อิ่มในกุศล
อย่าไปฟังใครมั่วว่า กุศลคือความดี ยังไกลพุทธธรรม
กุศลแปลว่า"ฉลาด"
"ฉลาดถ้วนทั่ว......................ทำดี
ฉลาดรู้วิธี.............................ราวีกำหราบชั่ว(ในตน)
ฉลาดฝึกสร้างศักยภาพ.........ให้ตนตัว
ฉลาดพาจิต พ้นขยะพันพัว.....สู่อิ่มในวิมุติธรรมฯ"
จิตแท้จิตเดิม ต้องปลุกให้ตื่น
ให้ว่องไวดุจสายฟ้า อกุศลมาตัดให้ขาด
อย่าไปเสียเวลา เอามาเคี้ยวเอื้องเล่น เพราะเราไม่ใช่วัว ควาย
และสุดท้าย จิตก็เป็นเพชร ไม่เก็บอะไรไว้ แม้นแต่แสง
"โอมมณีปันเมฮุ้ม"
เพชรมณี ที่ลอยอยู่เหนือดอกบัว
"จิตเดิมที่เต็มเปี่ยมด้วย สัมมาสติ ปรีชาญาณของโพธิจิต
อยู่เหนือ จิตปรุงแต่งที่เบิกบานด้วยกุศล"
................................................................
[๔๖๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคล ๓ จำพวกนี้ มีปรากฏอยู่ในโลก
๓ จำพวกเป็นไฉน คือ
1.บุคคลที่มีจิตเหมือนแผลเก่า ๑
2.บุคคลที่มีจิตเหมือนฟ้าแลบ ๑
3.บุคคลที่มีจิตเหมือนเพชร ๑
1-ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็บุคคลที่มีจิตเหมือนแผลเก่าเป็นไฉน
บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้โกรธ มากด้วยความแค้นใจ
เมื่อถูกเขาว่าแม้เล็กน้อยก็ข้องใจ โกรธเคือง พยาบาท
ขึ้งเคียด ทำความโกรธความขัดเคือง และความโทมนัสให้ปรากฏ
แผลเก่าถูกไม้หรือกระเบื้องกระทบ
เข้า ย่อมให้ความหมักหมมมากกว่าประมาณ
แม้ฉันใด บุคคลบางคนในโลกนี้
ก็ฉันนั้นเหมือนกัน เป็นผู้โกรธ มากด้วยความแค้นใจ
เมื่อถูกเขาว่าแม้เล็กน้อยก็ข้องใจ โกรธเคือง พยาบาท
ขึ้งเคียด ทำความโกรธ ความขัดเคือง และความโทมนัสให้ปรากฏ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลนี้เรียกว่าบุคคลมีจิตเหมือนแผลเก่า
2.ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็บุคคลมีจิตเหมือนฟ้าแลบเป็นไฉน
บุคคลบางคนในโลกนี้ ย่อมรู้ชัดตามความเป็นจริงว่า
-นี้ทุกข์
-นี้ทุกขสมุทัย
-นี้ทุกขนิโรธ
-นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา
บุรุษผู้มีจักษุเห็นรูปในขณะฟ้าแลบ ในเวลากลางคืนซึ่งมืดมิด ฉันใด
บุคคลบางคนในโลกนี้ ก็ฉันนั้นเหมือนกัน ย่อมรู้ชัดตามความเป็นจริงว่า
-นี้ทุกข์ (ต้องกำหนดรู้ทุกลมหายใจเข้าออก)
-นี้ทุกขสมุทัย (ต้องลด ละ เลิก เหตุนั้น เพราะเห็นภัย)
-นี้ทุกขนิโรธ(ต้องทำให้ประจักษ์ ด้วยความรู้สึกตนเอง ว่าพ้นชั่วคราว หรือพ้นถาวร)
-นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา(ต้องมุ่งมั่นฝึกฝน ไม่ใช่เอามาคุยกันเล่นๆ)
ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลนี้เรียกว่าบุคคลผู้มีจิตเหมือนฟ้าแลบ
3.ดูกรภิกษุทั้งหลายก็บุคคลที่มีจิตเหมือนเพชรเป็นไฉน
บุคคลบางคนในโลกนี้ ทำให้แจ้งซึ่งเจโตวิมุติปัญญาวิมุติ
อันหาอาสวะมิได้ เพราะอาสวะทั้งหลายสิ้นไป ด้วยปัญญาอันยิ่งเอง
ในปัจจุบันเข้าถึงอยู่ แก้วมณีหรือว่าหินชนิดใดที่เพชรจะทำลายไม่ได้
ไม่มีแม้ฉันใด บุคคลบางคนในโลกนี้ ก็ฉันนั้นเหมือนกัน
ย่อมทำให้แจ้งซึ่งเจโตวิมุติ
-ปัญญาวิมุติ อันหาอาสวะมิได้
เพราะอาสวะทั้งหลายสิ้นไป ด้วยปัญญาอันยิ่งเอง
ในปัจจุบันเข้าถึงอยู่ ดูกรภิกษุทั้งหลาย
บุคคลนี้เรียกว่าบุคคลมีจิตเหมือนเพชร
ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคล ๓ จำพวกนี้แล มีปรากฏอยู่ในโลก ฯ
http://84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=20&A=3244&Z=3268 (http://84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=20&A=3244&Z=3268)
ใครมีจิตแบบแผลเก่า
ก็พัฒนาเป็นจิตแบบสายฟ้า
และปลายทางคือ จิตดั่งเพชร
เพชรมณีงดงาม ที่ลอยอยู่เหนือดอกบัว............
มงคล ธรรมใดก็ไร้ค่า หากไม่ปฏิบัติ(เสฐียรพงษ์ วรรณปก )
(https://lh3.googleusercontent.com/-0vwN0MehRzA/VZY9HW7lnyI/AAAAAAACB5E/J8tJYdu8cgk/s506/00c06.jpg)
Suraphol KruasuwanOWNER
การสนทนา - Jul 3, 2015
สามปราชญ์ หรือ"ซำก่า" ที่สร้างวิสัยทัศน์ให้ ชนชาติจีน
1.พุทธเจ้า
หรือพระศากยมุนี เป็นนักปราชญ์ จากแดนนอกด่านจีน ไซที(ตะวันตก)
วิมุติ มีสองรส
- รสหนึ่งคือความเย็นภายใน
เพราะ สติ ปัญญาตื่น มากุมสภาพจิต
ฝึกฝนจิต อิ่มในกุศล พ้นอำนาจ กิเลสตัณหาอุปาทาน
-รสที่สอง
คือความสุข ที่เผื่อแผ่น้ำใจ สิ่งดีๆให้ทุกชีวิต จน สุขร่วมกัน
2.เหล่าจื้อ
มอบตำราสำคัญไว้คือ "เต้า เต้อ เกง"หรือ "เต้า-เต๋อ-จิง" (Dao-De-Jing)
ธรรมชาติ คุณธรรม ที่ลึกซึ้ง
3.ขงจื้อ
"มนุษย์ เป็นเดียรัจฉานโดยกำเนิด
จะเป็นมนุษย์ได้ ด้วยการ อบรม สั่ง สอน ฝึกฝน
แยกแยะขจัดสิ่งชั่วๆ
มุ่งมั่นทำแต่สิ่งดีๆ
มีความน้อบน้อม กตัญญู เป็นยอดมนุษย์ธรรม"
.....................................................
1.ถ้าฟัง........................................................จะรู้ หนึ่งในสี่
2.ถ้าฟัง และดู อ่าน เขียน ..........................จะรู้ครึ่งหนึ่ง
3.ถ้า ฟัง ดู และเอามาฝึกฝนตน.................จะรู้ สามในสี่
4.แต่ถ้าวันไหน พบทางใหม่ของตนเอง.....นั่นแหละ รู้จริง(ขงจื้อ)
(https://lh3.googleusercontent.com/-03FIRoskSJQ/VZh1O8nfhUI/AAAAAAACCHE/CinKTh0Fjng/w506-h422/20130509220035.jpg)
Suraphol KruasuwanOWNER
การสนทนา - Jul 5, 2015
มองแบบฝรั่ง คิดแบบเอเชีย
มีผู้สรุปคำสอน สามปราชญ์(ซำก่า)
พุทธ เต๋า ของจืน เป็นหลักชีวิต ที่เป็นมนุษย์ แท้ไว้ 8ข้อ
1.มีสันโดษ เป็นคุณธรรมเบื้องต้น
2.เป็นคนต้องอดทนพากเพียร
3.การอ่อนน้อมถ่อมตน เป็นวิสัย ดีต่อชีวิต
4.การเคารพ วัฒนธรรมตน และผู้อื่น ทำให้ เป็นที่รัก
5.ความซื่อสัตย์ ทำให้ มีสง่าราศรี
6.ความเที่ยงตรง มีมโนสำนึกที่ดี มีหลักการ เป็นวิถีวิญญูชน
7.เป็นธรรมบาล คุ้มครองสังคม ให้ เกิด สันติสุข สันติธรรม
8.กตัญญู กตเวที เป็นยอดมนุษย์ธรรม
ถ้าจำไม่ได้ ทุกข้อ ..ให้เจริญชีวิตในข้อสุดท้าย
"จะเป็นมนุษย์แท้ได้ ต้อง มีกตัญญู กตเวที"
(https://lh3.googleusercontent.com/-o0WhpipMZ5M/VZnxfnZHrOI/AAAAAAACCRY/avl9ud8wO1c/s506/2.jpg)
Suraphol KruasuwanOWNER
การสนทนา - Jul 6, 2015
คุยเรื่องขงจื้อ
ต่ออีกวัน
8×3 เท่ากับ 23 คำสอนของขงจื้อที่โคตรลึกซึ้ง!
8×3 เท่ากับ ถูกต้อง เพราะทำให้หนึ่งชีวิตอยู่รอด
ไม่ใช่ ถูกต้อง ตามหลักคณิตศาสตร์
....................................................
ทะเลาะกับลูกค้า ต่อให้ชนะ ก็แพ้อยู่ดี (วันที่ส่งตัวอย่างผลิตภัณฑ์ใหม่ คุณก็จะรู้สึก)
ทะเลาะกับเถ้าแก่ ต่อให้ชนะ ก็แพ้อยู่ดี (วันที่ตรวจผลงานปลายปีมาถึง คุณก็จะรู้สึก)
ทะเลาะกับภรรยา ต่อให้ชนะ ก็แพ้อยู่ดี (เธอไม่สนใจคุณ คุณก็หากับข้าวกินเองละกัน)
ทะเลาะกับเพื่อน ต่อให้ชนะ ก็แพ้อยู่ดี (เคลียร์ไม่ได้ คุณอาจจะเสียเพื่อนไปเลย)
ใบชา เกิดสีสวยและกลิ่นหอมน่าลิ้มลองได้ ก็เพราะโดนน้ำร้อนลวก
ชีวิตของคนเราก็เช่นเดียวกัน เพราะเผชิญกับอุปสรรคครั้งแล้วครั้งเล่า
จึงเหลือไว้ซึ่งเรื่องราวเป็นตำนานให้ได้เล่าขานน่าตามติด
ผู้ที่รู้สำนึกคุณอยู่เสมอ จึงเป็นผู้มีวาสนามากที่สุด
http://teen.mthai.com/variety/87274.html (http://teen.mthai.com/variety/87274.html)
(https://s-media-cache-ak0.pinimg.com/originals/eb/cf/b8/ebcfb821cf7101f132f621b2e713b9c8.gif)
**(Jul 1, 2015 - Jul 6, 2015)**
G+ communities คนรัก รักษ์ ปัญญา สุขภาพ กีฬา และจักรยาน
สุขภาพดี คือลาภอันประเสริฐ ที่เราทำได้เอง
Suraphol KruasuwanOWNER
-
(https://lh3.googleusercontent.com/-WDpRGRU1EdU/WC438YuyF2I/AAAAAAACkGk/nqx_SBLEXEIxgT3dJDWXHTqQ3uVemKuwACJoC/w663-h498-p-rw/DSCN9998.JPG)
Philosophy and healthy ปรัชญา และสุขภาพดี
G+ communities คนรัก รักษ์ ปัญญา สุขภาพ กีฬา และจักรยาน
สุขภาพดี คือลาภอันประเสริฐ ที่เราทำได้เอง
Suraphol KruasuwanOWNER
การสนทนา - Jul 6, 2015
*********************************************
(https://lh3.googleusercontent.com/-h5a5uiir5Rw/WAV-V-80d8I/AAAAAAACi4M/85bh85pKQJgV3RqyH9-pzBT0u81NpuQOgCJoC/w663-h414-p-rw/907489-tree.jpg)
Originally shared by Suraphol Kruasuwan
ความเข้าใจ วัฒนธรรมพุทธ
พุทธศาสนา เรี่มจากพระพุทธเจ้าค้นพบความจริงของ"ความทุกข์"ว่า
-ไม่ได้เกิดจาก ผู้มีฤทธิ์บันดาล
-ไม่ได้เกิดจาก กรรมเก่าข้ามภพชาติ
-ไม่ได้เกิดจากเหตุบังเอิญ
-ไม่ได้เป็นเรื่องความแปรปรวนของธาตุ
แต่เกิดจาก สติปัญญา ไม่รู้เท่าทัน
การทำงานของ"จิตปรุงแต่ง"
ที่ชักนำให้ ความรู้สึกว่า"เรา"
หลงยึดเอา ความติด ความพยาบาท
ความคิดเบียดเบียน ตนท่าน
มาเป็นหลักปฏิบัติ ดำรงค์ชีวิต
http://www.84000.org/tipitaka/dic/d_item.php?i=101 (http://www.84000.org/tipitaka/dic/d_item.php?i=101)
อริยสัจจ์ คือความจริงที่ทำให้เราชนะอุปสรรค์ การพัฒนาชีวิต
ที่เกิดจาก"จิตปรุงแต่งของเราเองล้วนๆ"
ก็ต้อง ฝึกเฝ้าดู เมื่อ อารมณ์ทุกข์เกิด
ไม่ใช่ไปเรียนวิชาพุทธศาสนา เพื่อรับปริญญา
ปริญญาญาน ที่แท้จริง มีสี่ระดับที่เราต้องฝึกเอง
1.ทุกข์ ต้องกำหนดรู้
เราทุกข์ ก็คิดฟุ้งซ่าน หรือหนีไปที่ใหม่
ต้องกำหนดความรู้สึกที่เกิดที่ขั้วหัวใจ และแผ่ไปทั้งกาย
ด้วยสติติดตามลมหายใจเข้าออก
อย่าให้ คำว่า อรหังสัมา หรือพุทธโธ
มาปิดบังความรู้สึกนั้นๆ เอาแค่"กูทุกข์เป็นอย่างนี้หนอ"
นี่แหละของจริง นะครับ
2.เหตุแห่งทุกข์ คืออุปาทานในตัณหา
ต้องลด ละ เลิก วาง
ด้วยการแยก สิ่งจำเป็น(ขาดแล้วตาย)
กับสิ่งที่อยาก ตามกระแสบริโภคนิยม หลอกเรา
และให้เราแบกภาระ แบบวัวควาย จนตาย
พอเพียงคืองดงาม
3.ประสบการณ์ชนะอารมณ์ทุกข์ จนเย็น
ต้องเจอด้วยตนเอง
4.วิธีฝึกแปดประการ
เพื่อชนะ จิตปรุงแต่งที่สร้างมายาทุกข์ ต้องเจริญ
เริ่มต้องต้องใชทฤษฎีที่เหมาะสม จบลงที่ สมาธิ
.................................................
พุทธธรรม มีวิวัฒนาการของ วัฒนธรรมห่อหุ้ม ตามกาล
1.เรื่องของชนะ มายาจิตในตน จนกาย วาจา ใจ เย็น
2.เรื่องที่ควรเอื้อเฟื้อในสังคม กลายเป็นมหายาน
3.เรื่องต้องการสิทธิอำนาจเหนือธรรมชาติ กลายเป็นเทวะนิยม
4.เรื่องผลประโยชน์อาจารย์ที่สอน ลัทธิแก้ ตะแบงเข้าข้างตนเอง
วิวัฒนาการมา และสร้าง ภาพลวงตา จนหา"พุทธแท้" ไม่เจอ
ทุกวันนี้ นิทานธรรม(Nym Fable) ยิ่งใหญ่กว่าพุทธรรม(Fact)
แต่ก็ต้อง ทำใจ ที่จะอยู่ร่วม อยู่รอด กับ วัฒนธรรมที่เปลี่ยนไป
ให้เราเข้าใจที่ไปที่มา และวิธีคิด ของเพื่อนร่วมโลกก็พอ สาธุ
//-ความหมายของพุทธเจ้าห้าพระองค์
ของเถรวาท อาจหมายถึง พุทธเจ้าในอดีต ปัจจุบัน อนาคต
ของวัชรยาน มหายาน ตันตระ
อาจหมายถึง"ญาณ ฌาน ความสำเร็จ คุณสมบัติภายใน ของพระพุทธเจ้า ห้าประการ"
จากปฐมพุทธเจ้าคือ อาทิพุทธ
1.พระไวโรจนะพุทธะ
คือปางปฐมเทศนา นั่นเอง
หมายถึง สติปัญญาปรีชาญาณ ที่สว่างดุจพระอาทิตย์พันดวง
เห็นวัฎฏะสังาร และทางออก
พระไวโรจนพุทธเจ้า มีวรรณะสีขาว ดำรงในท่าแสดงธรรมจักร มีสีห์เป็นพาหนะ ประทับอยู่บนดอกบัวเขียว อยู่ตรงกลางดินแดนพุทธเกษตร
2. พระอักโษภยพุทธเจ้า
คือปางมารวิชัย ที่เรารู้จักเพียงแต่ อุ้งพระหัตถ์ประคอง คนโฑน้ำอมฤต
เป็นพระพุทธเจ้าผู้รักษาโรค กาย โรคใจคือกิเลส
โรควิญญาณ คือวิสัยทัศน์ความรู้ อยู่เหนือเพลิงอารมณ์ทุกข์เพลิงกิเลส
มีวรรณะสีน้ำเงิน ดำรงในท่ามารวิชัย ทรงวัชระ มีช้างเป็นพาหนะ ประทับอยู่ดินแดนตะวันออกของพุทธเกษตร
3. พระรัตนสัมภวพุทธเจ้า
พระพูทธเจ้า ผู้อยู่เหนือสามโลก สามภพ สามภูมิ
คือ ฉพกามาวจรภูมิ รูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ
มีวรรณะสีเหลือง ประทับในท่าประทานพร มีม้าเป็นพาหนะ ทรงถือจินดามณี ประทับอยู่ดินแดนทิศใต้ของพุทธเกษตร
4. พระอมิตาภพุทธเจ้า
พระพุทธเจ้า ผู้เปล่งแสงแห่งมาหาเมตตา อันหาประมาณมิได้
มีวรรณะสีแดง ประทับในท่าสมาธิเพชร ทรงบาตร มีนกยูงเป็นพาหนะ ประทับ ณ ดินแดงทิศตะวันตกของพุทธเกษตร
5. พระอโมฆสิทธิพุทธเจ้า
พระพุทธเจ้าผู้ข้ามห้วงน้ำอันข้ามยากได้แล้ว
คือ กาม ภพ ทิฎฐิ อวิชชา
มีวรรณะสีเขียว ประทับอยู่ในท่าประทานอภัย ทรงวิศววัชร ประทับอยู่ทางทิศเหนือดินแดนพุทธเกษตร สาธุ
//-การปลุกสัมมาสติ โพธิปัญญาตื่นมากุมสภาพจิต
มีปรีชาญาณ การรักษาโรคจิตวิญญาณ การอยู่เหนือกระแสโลก
การข้ามห้วงน้ำกาม ภพ ทิฎฐิ อวิชชาอันข้ามยาก การเจริญมหาเมตตา เป็นวิสัย
เป็นการนำพุทธคุณพุทธเจ้าทั้งห้า มาเป็นหลักคิด หลักรู้หลักปฏิบัติในตน
สาธุ
***************************************
(https://lh3.googleusercontent.com/-KEAM2h7T6kg/V6knVsFeqQI/AAAAAAACfbU/X4EVJe4RqH4BuW2gjmQx-Ughr-mWPdxlQCL0B/w663-h414-p-rw/152.jpg)
Originally shared by Suraphol Kruasuwan
วิชา+วิชชา
วิธีการเข้าถึงความรู้
แบบวิชาการ และแบบวิชชา(แสงสติปัญญา รู้ทันจิตปรุงแต่ง)
1.ศึกษา ตามวัฒนธรรม อัพเดทข้อมูลเสมอ(วิชา)
2.ศึกษา ด้วยการทดลองปฏิบัติ ด้วยตนเอง(วิชา+วิชชา)
3.วิภาษวิธี คือโต้กันด้วยเหตุและผล(วิชา)
4.หล่อหลอม ประสบการณ์ ฝึกฝนเป็นทักษะเฉพาะตน(วิชา)
5. ปลุกสติปัญญาตื่น มากุมสภาพจิตปรุงแต่ง
วาง อุปทานในตัวตนทิ้ง(วิชชา)
-ควบคุมอารมณ์สงบสงัดเป็นหนึ่งเดียวได้(อารัมมณูปนิชฌาน)
-ควบคุมจินตนาการ เป็นหนึ่งเดียวได้(รูปฌาน อรูปฌาน)
-พิจารณา ธรรมชาติ ตามความเป็นจริงของไตรลักษณ์(ลักขณูปนิชฌาน)
-สามารถคิดเป็นระบบมีเหตุผล ต้นปลาย(ปฏิจสมุทปบาท)
-เคารพหลัก กฎระเบียบของธรรมชาติ(ธรรมฐิติ)
วิวัฒนาการธรรมชาติ(ธรรมนิยาม)
กฎความเป็นเหตุผล ปรุงแต่งต่อเนื่องจนเกิดทุกสรรพสิ่ง(กฏอีทัปจยตา)
กฎที่ที่สร้างวัฒนธรรมทั้งหลาย(มนุษย์ธรรมสากล)
-ฝึกปลุกสติปัญญาตื่น มาถอน ความยิดติดในเหตุ สร้างอารมณ์ทุกข์ ที่ผูกไว้ในอดีต สัญาชาติญาณดิบ ความอยาก
ด้วยการใช้สติติดตามลมหายใจ แยกความคิด ออกจากอารมณ์
ที่เคย ติด พยาบาท คิดเบียดเบียน และไม่เอามาผูกใหม่ได้อีกจนหมด
หรือเป็นการ"ทำอาสวะให้สิ้น" เป็นหลัก ทฤษฎี ลงมือทำ รับรู้ผลว่า
"สิ้น อารมณ์ทุกข์ รบกวน ด้วยตนเอง" ถาวร(ทำนิพพานให้แจ้ง)
ซึ่งเป็นจุดประสงค์สูงสุด ของ การเข้าถึง พุทธธรรม ของพุทธศาสนา
และใช้ชีวิตที่เหลือ ด้วยสุขจากจิตอาสา แบ่งปันสิ่งดีๆให้แก่กัน
(หิตายะสุขายะ)
ดังนั้น การทำนิพพานให้แจ้ง+รับอนิสงค์สุขจากการทำให้ชีวิตอื่นเป็นสุข
จึงเป็นสองเสาหลัก เป้าหมาย อุดมคติสูงสุด
ที่เข้าถึงด้วยการ ศึกษาแบบรอบรู้ทางวิชาการ
และฝึกปลุก สติปัญญา ให้ตื่น รู้เท่า รู้ทันความคิดปรุงแต่ง
และควบคุมจิตสำนึก ไม่ให้สร้างอารมณ์ทุกข์ได้ถาวร สาธุ
(ขอบคุณเจ้าของภาพ)
*****************************
https://www.youtube.com/watch?v=_IYknlI6NbU (https://www.youtube.com/watch?v=_IYknlI6NbU)
คนที่น่าสงสารที่สุดในโลก คือ
-เกิดในชัยภูมิที่ดี แต่ไม่รู้ว่าดี
-พบคนดี มีมโนธรรมดี แต่ลบหลู่คุณท่าน
-ไม่ได้ มีจุดยืนที่เหมาะสม เอาอัตตาเลวตนเป็นที่ตั้ง
-ไม่สร้างคุณความดี แต่เรียกร้องให้ทุกคนให้สิ่งดีๆให้ตน และพวก
.........................................................
[140] จักร 4 (ธรรมนำชีวิตไปสู่ความเจริญรุ่งเรือง ดุจล้อนำรถไปสู่ที่หมาย - virtues wheeling one to prosperity)
1. ปฏิรูปเทสวาสะ (อยู่ในถิ่นที่ดี มีสิ่งแวดล้อมเหมาะสม - living in a suitable region; good or favourable environment)
2. สัปปุริสูปัสสยะ (สมาคมกับสัตบุรุษ - association with good people)
3. อัตตสัมมาปณิธิ (ตั้งตนไว้ชอบ, ตั้งจิตคิดมุ่งหมาย นำตนไปถูกทาง - setting oneself in the right course; aspiring and directing oneself in the right way)
4. ปุพเพกตปุญญตา (ความเป็นผู้ได้ทำความดีไว้ก่อนแล้ว, มีพื้นเดิมดี, ได้สร้างสมคุณความดีเตรียมพร้อมไว้แต่ต้น - having formerly done meritorious deeds; to have prepared oneself with good background)
ธรรม 4 ข้อนี้ เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า พหุการธรรม คือธรรมมีอุปการะมาก (virtues of great assistance) เป็นเครื่องช่วยให้สามารถสร้างความดีอื่นๆ ทุกอย่าง และช่วยให้ประสบความเจริญก้าวหน้าในชีวิต บรรลุความงอกงามไพบูลย์.
A.11.32;
D.III.276. องฺ.จตุกฺก. 21/31/41;
ที.ปา. 11/400/293.
*******************************
https://www.youtube.com/watch?v=9OY3A0vqfhc (https://www.youtube.com/watch?v=9OY3A0vqfhc)
ข้อสอบ ที่หมอชีวกฯ จากอาจารย์ตักสิลานคร คือ
ให้เดินทางออกจากเมือง สี่ด้าน ด้านละโยชน์
แล้วหาว่า มีพืชไหนที่ ไม่ใช่ยา
คำตอบคือ"ทุกอย่างล้วนเป็นยา"
..............................................
ถ้าเราเห็นว่า ทุกประสบการณ์ เป็น ครู
เราก็จะเป็นคนโชคดีที่สุดในโลก สาธุ
***************************************
สู่อิสระภาพ
วรรณกรรม ใน และนอกพระไตรปิฎก
บางทีก็ส่งเสรีม ความเข้าใจ หัวใจพุทธรรม
ที่เรี่มจาก สติปัญญาตื่น มาสลาย อารมณ์ทุกข์ ด้วยการ ล้างขยะปรุงแต่งจิต
และจัดระเบียบชีวิตใหม่ สู่ทาง ที่สว่างด้วย สติปัญญา เคารพธรรมชาติ
บางที่ ก็ ทำให้หลงทางงมงาย กลายเป็นเหยื่อ ของ ศาสดาเทียมทั้งหลาย
ที่แสวงหา ผลประโยชน์ อำนาจ และเพื่อสร้างอนุสาวรีย์ส่วนตน
ในนาม สืบพระศาสนา บ้าตามกินเนสบุ๊ค ด้วยเทคนิคการตลาดไม่รู้จบ
...................................................
ดังนั้นต้องแกะหาความจริง ตามร่องรอยประวัติศาสตร์
1.ที่มาของรูปเคารพ หรือพุทธรูป
เกิดจาก กองทัพอเล็กซานเดอร์มหาราช มาถึงลุ่มแม่น้ำสินธุ
หลังพระพุทธเจ้าปรินิพพาน เกือบ สามร้อยปี
และเอา ปรัชญากรีก มาแพร่เผย
และ ลัทธิบูชารูปเคารพ ของเทพต่างๆมาด้วย
ปรัชญา ภาระตะจึงต้องปรับตัวครั้งใหญ่
พรามหณ์ ก็ต้องสังเคราะห์ เป็นเทวะนิยมเต็มตัว ในนามฮินดู
พุทธะ ก็ มีสาวกหลายองค์ ได้สังเคราะห์พุทธศาสนาใหม่
จากแนวคิด ท่านอัศวโฆษ นาคารชุนนะ อสังคะ
เมื่อมาถึงยุคลังกา พระพุทธโฆษาจารย์ ลิขิต คัมภีร์วิสุทธมรรค
และมีผู้ลิขิต พระเจ้า500ชาติ ลัทธิพระโพธิสัตว์
ในยุค 500ปีที่ผ่านมา พระภิกษุเชียงใหม่
ก็ลิขิต เรื่องราวพระพุทธเจ้าเลียบโลก ปัญญาสชาดก ใส่เข้ามาอีก
เลยไม่รู้ว่า อะไร เป็นของแท้ แก่นแท้ หรือของเทียม ที่สังเคราะห์ขึ้น
พุทธรูปจึงกลายเป็นหลวงพ่อ เจ้าที่เจ้าทาง ประจำถิ่นไป
2.เทวะนิยม
ซึ่งอสังคะ ได้มาสังเคราะห์เป็นมหายาน
และ ปนมาใน ไตรปิฎก เถรวาท มากมาย
เป็นหลัก พุทธเกษตร จักรวาล มีพุทธเจ้าเป็นประธาน
พระพุทธเจ้าจึงกลายเป็น ประฐมเทพ ที่มีอนุภาพ ตรีกาย
ธรรมกาย กายที่เป็นหลัก กฎของธรรมชาติ
นิรมาณกาย กายที่ แปลงร่าง มาทำหน้าที่ ต่างๆ
สัมโภคกาย กายแห่งบรมสุข สูงสุดคือนิพพาน(นิรวาณ)
และ เข้าถึงง่าย คือ แดนสุขาวดี
ซึ่งต่อมา ก็มีการตีความหมายบิดเบือนต่อไปไม่สิ้นสุด
3. ตันตระ
เหตุผล หรือ ตรรกะนิยม
เป็นต้นกำเนิด นิกายตันตระ
คือหนามยอกเอาหนามบ่ง
ชีวิตต้องเสพ สุขเสพเสียว จากกาม พบประสบการณ์ตรง จึงสู่การรู้แจ้งได้
แม้นแต่ วิชา คาถา อาคม ก็มาจาก แนวคิดนี้ คือ"ทางลัดสู่ความสำเร็จ"
ผู้บรรลุ จะกลายเป็นนักสิทธิ์ มีฤทธิ์เสมอฟ้าดิน
แทนที่จะชนะ กิเลส ตัณหา อุปาทานทุกข์ ที่ปรุงแต่ง อัตตาเทียม
4.อัตโนมติ
เป็นความเห็นอาจารย์ล้วนๆ แต่ละสำนัก ก็ต่างคิด ต่างทำ ต่างโฆษณา
.............................................
ดังนั้นเป็นหน้าที่ ที่เราต้องแยกว่า
อะไรคือ สะเก็ดไม้ เปลือกไม้ กระพี้ แก่น
ก่อนที่จะ หลงเป็นเหยื่อ วรรณกรรม อิงพุทธธรรม สาธุ
............................................
อะไรคือแก่นแท้ของพุทธศาสนา
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v.php?B=12&A=6505&Z=6695 (http://www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v.php?B=12&A=6505&Z=6695)
การปฏิบัติธรรมของเรา ไม่ได้เป็นไปเพื่อ ชื่อเสียงลาภสักการะ(กิ่ง ใบ)
การปฏิบัติธรรมของเรา ไม่ได้เป็นไปเพื่อ อนิสงค์แห่งศิล(สะเก็ดไม้))
การปฏิบัติธรรมของเรา ไม่ได้เป็นไปเพื่อ อนิสงค์แห่งสมาธิ(เปลือกไม้)
การปฏิบัติธรรมของเรา ไม่ได้เป็นไปเพื่อ อนิสงค์แห่งปัญญา(กระพี้ไม้)
การปฏิบัติธรรมของเราเป็นไปเพื่อหลุดพ้นอุปทานทุกข์ อันไม่กำเริบอีก
( "อกุปฺปา เจโตวิมุตฺติ") คือ(แก่นไม้)
******************************************
ธรรมะ นอกธรรมมาส
จากมุมกาแฟ
ชายเข็ญใจ พบพุทธเจ้า
พระศาสดาตรัสเทศนาอนุปุพพีกถา
(ลำดับคำสั่งสอนที่พุทธเจ้าสอนมากที่สุด) คือฝึกตน ตามลำดับ
ทาน ศีล สัคคะ กามฑีนพ เนกขัมมะ....สู่ ปัญญา รู้แจ้ง
จึงกล่าวว่า แค่ทาน ข้าพเจ้าก็ทำไม่ ได้ เพราะ ข้าไร้ทรัพย์ที่จะให้ทาน
พระศาสดา จึงตรัสว่า
ทานคือชีวิตที่พบความสุขสุขจากการแบ่งปัน สิ่งดีๆให้แก่กัน
วัตถุทาน ธรรมทาน อภัยทาน มีในตัวท่านอยู่แล้ว
1.สองแขน ท่านมีกำลัง ที่จะช่วยผู้อื่น
2.วาจาท่าน ก็ ให้กำลังใจผู้คนได้
3.ดวงตาท่านก็ ฉายแววแห่งเมตตา ออกมาได้
แท้ที่จริง ท่านไม่ได้ยากจน ที่จะให้ทานเลย
สาธุ
https://plus.google.com/u/0/+SurapholKruasuwan (https://plus.google.com/u/0/+SurapholKruasuwan)
http://youtu.be/W9re1-EonZk (http://youtu.be/W9re1-EonZk)
-
(https://lh3.googleusercontent.com/-FfOORS93lzQ/WEyTZ4cjwPI/AAAAAAACla0/rBkwC3ocQPsz3GHzIwkPXLNEM00_ThPSgCJoC/s663-p-rw/1.aabc.jpg)
Originally shared by Suraphol Kruasuwan
ธรรมะ สวัสดิ์ วันหยุด
พระพุทธะเจ้า บัญญัติ "อนัตตา"
กลางความเชื่อ เรื่อง
-อัตตา(สัสสตทิฏฐิ คือความเห็นว่า (มีตัวตน) เที่ยงแท้ยั่งยืนคงอยู่ตลอดไป)
-นิรัตตา(อุจเฉททิฏฐิ คือ ความเห็นว่า (ตัวตน) ขาดสูญ )
//-เมื่อ เชื่อว่า ตายแล้วเกิด มีความเชื่อ ตามมาอีกว่า
1.ชาตินี้มี
2.ชาติหน้ามี
3.บุญคุณบุพการีมี
4.ทานมีผล
5.พิธีกรรมมีผล
6.ผู้ปฎิบัติดี เป็นพระอรหันต์มี
7.การเกิดแบบ ผุดขึ้นทั้งตัวมี(โอปาปาติกะ)
สัสสตทิฎฐิ ได้กลายมาเป็น
"สัมมาทิฎฐิ"เบื่องต้นของชาวพุทธ
//-อัตตา (จิตคือ ตัวตนที่เที่ยงแท้มี)
-นิรัตตา(จิต ตัวตนเที่ยงแท้ไม่มี เป็นเพียงผลการทำงานของร่างกาย)
พระพุทธเจ้า ตรัสว่า ความเชื่อทั้งสอง ไม่อาจ นำไปสู่การพ้นทุกข์
ที่เกิดจากอารมณ์ทุกข์ ที่จิตปรุงแต่ง สร้างจาก
ความคิด อารมณ์ อุดมคติ ความรู้ และ สัญชาติญาณดิบ
เพราะ ธรรมชาติ นั้น แม้นแต่ กาย จิต ก็เป็น"อนัตตา"
คือ "ไม่เป็นตามใจของใคร แต่กำลังเป็นไปตาม
กฎ เหตุ ปัจจัยที่มาปรุงแต่ง"
กายและ จิตก็เช่นกัน
1.ถ้าปรุงแต่งด้วย ปุญญาภิสังขาร จิตก็เป็นกุศล
ก็จะพาชีวิตไปทางกุศล สู่ภูมิจิตมนุษย์ เทวดา
2.ถ้าปรุงด้วย อปุญญาภิสังขาร
จิตก็อกุศล ก็จะพาชีวิต ตกต่ำ
สู่อบายภูมิ เป็นเปรต เดียรัจฉาน อสุรกาย สัตว์นรก
3.ถ้าปรุงแต่งด้วย อเนญชาภิสังขาร
จิตก็จะเกิดสมาธิ ฌาณ ญาณ รู้แจ้ง สงบ สงัด รำงับ
ไม่ปรุงแต่งจิต ให้ เกิด อารมณ์ทุกข์
..................................................
ดังนั้น สัมมาทิฎฐิ ในพุทธศาสนา จึงมีสองชั้น
1.อิง สัสสตทิฎฐิ
เชื่อว่าตายแล้วเกิด เพื่อ ให้คน ละชั่ว ทำดี
ชาวพุทธส่วนใหญ่ จะเชื่อและยึดมั่นถือมัน แค่นี้
2.เชื่อใน อนัตตา
คือวางความเชื่อทั้ง ตายแล้วเกิด ตายแล้วสูญลง
และปลุกสัมมาสติ โพธิจิตโพธิปัญญา ตื่น
มากุมสภาพจิตปรุงแต่ง จนสร้างอารมณ์ทุกข์ไม่ได้
ฝึกฝนตน ตามหลัก นิปปปัญจธรรม(ธรรมอันไม่เนิ่นช้า)
หรือ โพธิปักขิยธรรม(ธรรมะภาคปฏิบัติ 37ประการ)
จนชนะ จิตปรุงแต่งหรือ อธิจิต ที่มีฤทธิ์มากของตนได้ ..
ชีวิตจึง มีวิธี ปรับคัว อยู่รอดอยู่ร่วมกับ"ความทุกข์" ได้
1.สภาวะทุกข์
ฝึกทำใจยอมรับสภาพ และ กฎไตรลักษ์
2.เวทนาทุกข์
ฝึกอดทน พันเท่า
3.อารมณ์ทุกข์
ฝึก ปลุก สัมมาสติ โพธิจิต โพธิปัญญาตื่น
มากุมสภาพจิตปรุงแต่ง จน อารมณ์ทุกข์ หมดเหตุที่จะเกิด
เช่น ตบมือข้างเดียว ย่อมไม่ดัง
(เพราะเหตุ ยึดติดกาย จิต ในจิตปรุงแต่ง หมดไปแล้ว) สาธุ
(https://s-media-cache-ak0.pinimg.com/564x/ea/f2/51/eaf2511c522fc41f43da032f42541e5f.jpg)
Philosophy and healthy ปรัชญา และสุขภาพดี
G+ communities คนรัก รักษ์ ปัญญา สุขภาพ กีฬา และจักรยาน
สุขภาพดี คือลาภอันประเสริฐ ที่เราทำได้เอง
Suraphol KruasuwanOWNER
การสนทนา - 11, 12, 2016
(https://lh3.googleusercontent.com/-7X4U-QbM2ng/WEivfApazTI/AAAAAAAClL4/kSSFQVxUtWQDnBp4ymG2nRVYPQQ_hxG_wCJoC/w663-h315-p-rw/a5.jpg)
Originally shared by Suraphol Kruasuwan
https://www.youtube.com/watch (https://www.youtube.com/watch)…
นกฟีนิกซ์ นกในตำนาน เป็นนกอมตะ เกิดจากไฟ
และเมื่อแก่ตัว ก็จะชุบตัว ด้วยไฟ
ชีวิต เราก็เช่นกัน
1.ไฟราคะ โทสะ โมหะ เผา ใจมนุษย์
2.ไฟตะบะ เผา ขยะปรุงแต่งจิต ผู้แสวงหาสัจธรรม
3.ไฟสัมมาสติโพธิปัญญา นำทางสู่ วิมุติ วิโมกข์ธรรม
ใช้ชีวิตให้เหมาะสม กับวัยนะครับ
..
..
สิ่งที่ไม่เที่ยง ไม่แท้ ไม่ทน สร้างสรรพสิ่ง
"ธรรมชาติขยันนะ.................ทำไว้ดี
แล้ว ทุบ ชีวีให้......................บรรลัยฯ"
ไว้อาลัย น้องคากคก บนถนน เมื่อวานนี้ ไม่รู้รถใครเหยียบ
(https://lh3.googleusercontent.com/-H9UQdVH1-Jc/WE0In3M_CZI/AAAAAAACldY/nPLfylqQKV47DgFyI0oBH22a_JT-TdpGgCJoC/w463-h298-p-rw/%25E0%25B8%25A5%25E0%25B8%25B4%25E0%25B8%2587%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%258D%25E0%25B8%2588%25E0%25B8%25A3-6DSC08305.JPG)
ทฤษฏีแห่งสรรพสิ่ง (Theory of Everything
"เราไม่สามารถหาความจริงแท้ได้จากการสังเกตุการณ์
เพราะแค่ไปดู มันก็เปลี่ยนตัวตนและสถานะของมันไปก่อนแล้ว
ทุกสิ่งไม่เคยเกิดขึ้นจริง มีอยู่จริง จนกว่าเราจะไปสังเกตการณ์มัน!"
เหมือนโกอาน(ปริศนาธรรม)ของชาวเซน
(https://lh3.googleusercontent.com/-YdVJUTxIq2A/WEYDpJyJymI/AAAAAAAClDc/xc3cF2LkNL8lw2dMOBaEMzRQ5W9-DI3AQCJoC/w663-h488-p-rw/08.jpg)
สันโดษ คือยอดทรัพย์
สันโดษคือ ความอิ่มใจในกุศลทุกขณะจิต
1.ถ้า มีผู้เมตตาให้ อย่าเรียกร้อง(ยถาสันโดษ)
2.ถ้าทำงาน ให้ทำเต็มศักยภาพ(พละสันโดษ)
3.ถ้ามีความสามารถไม่จำกัด จงรู้จักพอแล้วดี(สารุปสันโดษ)
4.ถ้ามีครอบครัว จงดูแล คู่ชีวิต
และบริวารให้เที่ยงธรรม(สาทารสันโดษ)
5.ถ้ามีโอกาสบริหารบ้านเมือง
จงอย่าใช้ความโลภ อิจฉา บ้าอำนาจ ฉลาดโกง
เบียดบังเอาทรัพย์สาธาณะ เป็นของตน(สาธารณะสันโดษ)
กีตาร์ ระดับเทพ
https://www.youtube.com/watch (https://www.youtube.com/watch)…
(ขอบคุณเจ้าของภาพ)
(https://s-media-cache-ak0.pinimg.com/564x/48/80/a1/4880a1f043b13fcd049689513615354f.jpg)
ย่างก้าว ขอให้เดินทางอย่างมีสติ ปัญญากำกับ สาธุ
Philosophy and healthy ปรัชญา และสุขภาพดี
G+ communities คนรัก รักษ์ ปัญญา สุขภาพ กีฬา และจักรยาน
สุขภาพดี คือลาภอันประเสริฐ ที่เราทำได้เอง
Suraphol KruasuwanOWNER
-
(https://lh3.googleusercontent.com/-jAJ-_94hypI/WEvp9zuVvpI/AAAAAAABGLk/MlwvYHDiU_gIzvYPw9vMe6GLfVBfHKj9QCJoC/w663-h498-p-rw/IMG_0019.JPG)
Originally shared by Suraphol Kruasuwan
ธรรมะสวัสดิ์ 1/2/17
ศาสนาพุทธสี่มิติ
พุทธเจ้าตรัสว่า
"ธรรมะที่เราค้นพบ และบอกให้ เป็นไปเพื่ออนุเคราะห์สามโลก"
1.สังขารโลก
คือ กายกว้างศอก ยาววา มีสัญญาและใจครอง
ให้พ้นมายา อารมณ์ทุกข์ สุข ด้วยการ ปลุกสัมมาสตโพธิปัญญาตื่น
มากุมสภาพจิตปรุงแต่ง ล้างขยะปรุงแต่ง พ้น ทุกข์นี้ด้วยการ
ละอุปาทาน ทั้งอาสวะ สาสวะ จนชีวิต สงบ ร่มเย็น มีแสงส่องทาง
2.สัตว์โลก
คือสังคม ที่ประกอบด้วย ชีวิตที่มี
กรรม วิบาก วาสนา ภูมิจิต ภูมิธรรม ภูมิปัญญาต่างกัน
ต้องมี"ธรรมบาล" คุ้มครอง
"หิตายะสุขายะ" เราทำให้ชีวิตอื่นเป็นสุข เราก็รับอนิสงค์สุขนั้นด้วย
ธรรมบาล มีสามคู่ ที่ต้อง อบรม สั่งสอน ให้สังคม ทำให้แก่กัน
-บุพการี-กตัญญูกตเวที
-หิริ-โอตัปปะ
-มงคลชีวิต-ทักษิณาทาน
สังคมใด้มีบุคคล ที่เจริญในธรรม สามคู่นี้มาก
สังคมนั้นก็จะเป็นสุข สงบ ร่มเย็นมาก
3.โอกาสโลก
โลกอันว่าลอยอยู่ในอวากาศ
เป็นบ้าน เป็นที่อาศัย เป็นที่มาของอาหาร
เป็นแผ่นดิน แห่งการเจริญธรรม
ยกระดับภูมิจิต ภูมิธรรมภูมิปัญญา พ้นจาก ห้วงน้ำอันข้ามยาก
ไม่เข้าใจ ก็ไม่พึงทำลายล้าง
................................................
4.ศาสนา ที่จะดำรงค์อยู่ ด้วยมีการ"สืบพระศาสนา"
ด้วย พุทธบริษัทสี่ ยินดี ในธรรม เจริญธรรม
และไม่แสวงหา มงคลตื่นข่าว สาธุ
.....................................................
สาธุ ขอบคุณเจ้าของภาพ อาจารย์ และผุ้เข้ามาอ่าน
..
..
(https://lh3.googleusercontent.com/-nWaY_rofvQ8/VgaO_RnNWdI/AAAAAAACGwc/NA2RqNDvxMQ/s463-p-rw/f2b.jpg)
Originally shared by Suraphol Kruasuwan
คนเราเลือกเกิดไม่ได้
แต่เลือกตั้งใจพัฒนาตนได้
จะพัฒนา ภูมิจิต ภูมิธรรม ภูมิปัญญา สูง...จะพ้นอุปาทานทุกข์
หรือ จะพัฒนาถอยหลัง กลับไปเป็นเดียรัจฉาน
อยู่ที่..."ตัวเราเอง" สาธุ อาเมน
(ขอบคุณเจ้าของภาพ)
Originally shared by Suraphol Kruasuwan
ธรรมะสวัสดิ์ 31-1-17
ยกขึ้นมาอีกรอบ ครับผม
ทำไมมนุษย์จึงแตกต่างกัน
เพราะ...
อุตุ กรรม อาหาร..ธาตุ และธรรมะ
มาเป็นหลักคิดพัฒนาชีวิตตนเอง..
/-ตอบ แบบวิชาพุทธ
เพราะ อุตุ กรรม อาหาร ธาตุ การใช้หลักธรรม มาเป็นหลักคิดพัฒนาชีวิตต่างกัน
1.อุตุ.....ดินฟ้าอากาศ ที่แตกต่าง หรือ"สิ่งแวดล้อม"
2.กรรม.....ถ้าเชื่่อกรรม ชาติก่อน ก็อธิบาย อีกแบบ
-กรรมปัจจุบัน มีสี่
"กรรมจากผู้ให้กำเนิด"......ที่ทำไว้มีผล ต่อลูกด้วย
เลี้ยงลูกแบบโอ๋มาก ทอดทิ้ง ปล่อยอยู่กับสิ่งแวดล้อมเลวๆ
หรือ ทำตัวเป็นแม่แบบอย่างไร?
"กรรมพันธุ์".......................มีผลต่อ รูปร่าง หน้าตา โรคประจำตัว อายุขัยด้วย
"สิ่งแวดล้อม"....................มีผล ทั้งดินฟ้าอากาศ มลภาวะ วัฒนธรรม กระแสสังคม
"เจตน์จำนงค์"...................อยู่ที่การ คิด สร้างอารมณ์ บุคลิก ตัดสินใจ เป็นอย่างไร?
อะไรที่ชอบทำซ้ำซาก จะกลายเป็นบุคลิกถาวร และ ทำให้ มนุษย์ต่างกัน
(วิทยาศาสตร์ บอกว่า กรรมพันธุ์ กับสิ่งแวดล้อม เท่านั้น)
3.อาหาร เครื่องค้ำจุนชีวิต
-อาหารที่เป็นปัจจัยสี่ และเครื่องอำนวยความสะดวก เครื่องต่อความสามรถ
-อาหาร ที่เป็นสัมผัส ทำให้เกิดการเรียนรู้ จากสิ่งที่รับเข้ามา
-อาหารคือ อุดมการณ์แห่งชีวิต ที่ตั้งเป้าหมายและไล่จับ
-อาหารคือความรู้
....ความรู้ที่เก็บจาก ตัวอย่างข้างนอก ที่เราชอบ เชื่่อ
....ความรู้ ที่วัฒนธรรม สังคมที่เราอยู่ ดองให้
...ความรู้ที่เป็น สัญชาติญาณ แรงขับ ความทยานอยากในชีวิต
4.ธาตุ
ธาตุที่เป็นองค์ประกอบชีวิต ต่างกัน
ธาตุเบื้องต้น ธาตุที่ประกอบเป็นจิต
-ธาตุต่างกัน.........อินทรีย์ อวัยวะ มีความสามรถไม่เท่ากัน
-อินทรีย์ต่าง.........การเรียนรู้จึงต่าง อัธยาศัยจึงต่าง
-กิเลส กรรม วิบาก......ที่ทำมา จึงไม่เท่ากัน ชีวิตจึงต่าง
5.ธรรมะที่เอามาเป็นหลักคิด หลักปฏิบัติ
ทำให้ การยกระดับชีวิต ต่างกัน
มนุษย์มีภูมิจิต ภูมิธรรม ภูมิปัญญาต่างกัน
แต่พัฒนาได้ เกิดจาก
-ใช้สัมมาทิฎฐิ(ทฤษฎี ปรัชญาชีวิตที่เหมาะสม)
-พบมิตรที่ดี มิตรอุปการะ มิตร ที่นำไปพบกุศลธรรม อริยะธรรมหรือไม่
-มีศรัทธา ในตัวอย่างชีวิตแบบไหน ก็จะพอใจ เดินทางสู่เป้าหมายนั้น
-มีวิริยะ ความขยันหมั่นเพียร อดทน ฝึกฝนทักษะดีๆ ให้แก่ตน แค่ไหน
-สมาธิ ความตั้งมั่น ของจิต ไม่เท่ากัน ฝึกฝนมาไหม?
-สติปัญญา ไม่เท่ากัน
-ใช้ทฤษฎี หรือปรัชญา ดำรงชีวิต ไม่เหมือนกัน
...จิตนิยม
...วัตถุนิยม
...สังคมนิยม
...อำนาจนิยม
...บริโภคนิยม
....ผลประโยชน์นิยม
....ประจักษ์นิยม
....ธรรมชาตินิยม
....อนุรักษ์นิยม
...สติปัญญา เคารพ กุศลธรรมนิยม
....ขวางโลกนิยม..อิๆ
ฯลฯ
-มีความประมาทในธรรมชาติไม่เท่ากัน
-มีการใคร่ครวญอย่างรอบคอบ ประกอบให้พอดีไม่เท่ากัน
....................
//-ดังนั้น ดินฟ้าอากาศ
-กรรม หรือเจตนา นั่นคือกรรม
-สิ่งค้ำจุนชีวิต หรือ อาหาร
-ธาตุทั้งวัตถุธาตุ และธาตุแห่งคุณภาพจิต
-หลักคิด หรือธรรมะ มาทำให้เกิด ความตั้งใจพัฒนา ชีวิต แต่ละคน
จึงมีผลให้ เรา ท่าน ต่างกัน
ถ้าเราเห็นว่า ความหลากหลายคือความงดงาม ควรเอื้อเฟื้อ
เราก็อยู่
อยู่ร่วม....อยู่รอด
แข่งขัน....แบ่งปัน
อยู่กับระบบชีวาลัย อันบอบบางนี้ได้
...กัดกันก็พอมันเขี้ยวก็พอ อิๆ...เพราะเราคือนักล่าโดยกำเนิด อิๆ บาย
...............
1.อุตุ(ดินฟ้าอากาศ)
2.กรรม (เจตนา)
3.อาหาร(การบริโภค)
4.ธาตุ(องค์ประกอบ กายและจิตวิญญาณ)
5.ธรรมะ ที่มาเป็นหลักคิดพัฒนาชีวิตตนเอง.
มีผลต่อชีวิตเราแต่ละคน..ต้องเลือกธรรมะที่เป็นมงคล มาปรุงแต่งชีวิตเราเอง สาธุ
เล่าให้ฟังแต่อย่างเชื่อ โดยไม่ใคร่ครวญอย่างรอบคอบ สาธุ
..
..
(https://lh3.googleusercontent.com/-bYEhK_kzCWg/VhXBBAr-ZgI/AAAAAAACHUM/0q5KfnS3TIE/w663-h442-p-rw/174_n.jpg)
Originally shared by Suraphol Kruasuwan
เรียนธรรมะ ปฏิบัติธรรม วัดผลตอน ถูกด่า ถูกยอนี่แหละ
(หลวงพ่อ ปัญญานันทะภิกขุ)
.......................................
//-ตัวชี้วัด การปฏิบัติธรรม
ผัสสะโลกธรรม.........................ด้วยสติกุมสภาพจิต แล้วไม่หวั่นไหว
จิตเบิกบานไร้กิเลส ...................แผ้วพานนั่น
จิตมั่นคง โปร่งใส มีคุณภาพ.........ทุกผัสสะกัน
ใครทำได้อย่างนี้แล้วนั้น .............คือบรมโชคดีเอยฯ..
9 Oct 2O15
"เจ้าเกิดมา ..............มีอะไร มาด้วยเจ้า
เจ้าจะเอา ................แต่ สุข สนุก ไฉน
เจ้ามา ตัวเปล่า .........แล้วเจ้า จะเอาอะไร
เจ้า ก็ไป ตัวเปล่า ......ดั่งเจ้ามา"
จำมาจาก สวนโมกข์
..
..
Originally shared by Suraphol Kruasuwan
//ไม่ว่า วาน วัน.......................นี้ พรุ่งนี้
มีอยู่
พวกเรา.....................................พึงหรรษา
เกษมสันต์
ดื่มบรมสุข.................................ทุกขณะ
หายใจกัน
เพราะ โลกนั้น.............................ย่อมเป็น
ดังเจ้า(โลก)เป็นฯ
---------------------------------------
ตามใจฉัน-5
ชีวิต........................................เฉกเช่น
บทเพลง
บรรเลง...................................ลีลา
หลากหลาย
แสดง กำกับ.............................ตัดสิน
วางวาย
เหลือไว้....................................คำรำพัน
ล้านวจีฯ
...........................................................................................
ชีวิตสั้นนัก...............................สหายเอ๋ย
อย่าละเลย...............................ทำสิ่งที่ตนหวัง
เพียงแต่ ตนท่าน......................ไม่เดือดร้อนเพราะเราทำ
ด้วย เวลา กรรม มัจจุราช.........ไม่เคยคอยใครฯ(โอมาร์คัยยัม)
..
..
"ธรรมชาติ..............บ่แม่นแท้
ของใคร
ดิน น้ำ ลม ไฟ..........เจตนา กรรม ธรรม
ช่วยสร้าง
บ่เข้าใจ...................บ่ควร
ทำลายล้าง
ทั้ง บ่พึง..................แอบอ้าง
เป็น ตน ของตนฯ
(จาก1000นิทานปู่ลิง)
-------------------------------
/-โลก...............โล กะ แปลว่า
แตก
แต่ ถ้าฉัน...........ชะลอโลก
แตกช้าลง...........ในแสนล้านวินาที
ฉันก็จะทำฯ
จาก(1000นิทานปู่ลิง)
..
..
คนเราเลือกเกิดไม่ได้
แต่เลือกตั้งใจพัฒนาตนได้
จะพัฒนา ภูมิจิต ภูมิธรรม ภูมิปัญญา สูง...จะพ้นอุปาทานทุกข์
หรือ จะพัฒนาถอยหลัง กลับไปเป็นเดียรัจฉาน
อยู่ที่..."ตัวเราเอง" สาธุ อาเมน
..
..
วันนี้ คือวันสำคัญที่สุด
เมื่อวาน ใช้ไปแล้ว
พรุ่งนี้ เราอาจไม่มีโอกาสใช้
Today, the most important
Yesterday is gone
Tomorrow may not be used
..
..
"แม่น้ำคด แต่น้ำไม่คด"(สวนโมกข์)
1.สังขารปรุงแต่ง เป็นอธิจิต มี
ผิด....................ถูก
ดี.......................ชั่ว
ชอบ..................ชัง
ทุกข์..................สุข
2.แต่ โพธิจิต สงบ สะอาด สว่าง เย็น เช่นนั้นเอง
..
..
Originally shared by Suraphol Kruasuwan
"สุริยัน จันทรา ดารา...................ส่องสว่างยามค่ำคืน
ประทีป ส่องทางได้....................ในที่มืดนั่น
แสงสัมมาสติโพธิปัญญา...........ส่องใจตลอด ทุกคืนวัน
ผู้รู้นั้น จึงเร่ง................................ฝึก นิปปปัญจธรรม ปลุกแสงในจิตตนฯ"
นิปปปัญจธรรม หรือโพธิปักขิยธรรม
คือ ธรรมอันเป็นฝักฝ่ายแห่งความตรัสรู้ เพื่อความรุ้แจ้ง เหตุ เกิด ดับแห่งทุกข์
ประกอบด้วยธรรมะ 7 หมวด คือ
- สติปัฏฐาน 4,
สัมมัปปธาน 4,
อิทธิบาท 4,
- อินทรีย์ 5,
- พละ 5,
-โพชฌงค์ 7,
-มรรคมีองค์ 8
รวมเป็น 37 จึงเรียกว่า โพธิปักขิยธรรม 37
ด้วยการทำลาย อุปาทานใน ขันธุ์ห้า
อุปาทานในตัณหา
ทิฐิ มานะ อวิชชา
..
..
Originally shared by Suraphol Kruasuwan - 2 comments
"สวรรค์ภพหน้า.......................แสนไกล
สวรรค์สังคมใด.......................ยั่งยืนนั่น
สวรรค์ในอก อิ่มในกุศล..........เห็นพลัน
เหนือสวรรค์คือ วิมุติธรรมนั้น .ยั่งยืน นิรันดิ์ นิรันดิ์ เอยฯ "สาธุ
...........................................
//หลวงพ่อพุทธทาส กล่าวไว้ว่า
1."นรกใต้ดิน สวรรค์บนฟ้า"....สอนกันมาก่อนมีพุทธศาสนา ในหลากหลายวัฒนธรรม"
"ทำชั่ว ไปนรก ดีไปสวรรค์"
ดังนั้น ทำชั่ว เราก็รู้สึกไม่ดี สารเคมีให้โทษ ในร่างกายก็หลั่ง ตกนรกในใจเราไปด้วย
ทำดี ศูนย์ให้รางวัลในสมอง ก็ทำให้เรา หลั่งสารความสุข ดีต่อชีวิตจริงๆ
2.นรกเกิดจากผัสสะ
ผัสสะโลก ด้วย ไฟราคะ โทสะ โมหะ ที่เรา ชงเองใน ความคิด อารมณ์
หู ตา จมูก ลิ้น กายใจ เราก็ เร่าร้อน ด้วย"ไฟที่ไม่ควรบูชา"
ด้วย เพลิงกิเลส เพลิงทุกข์"ตกนรกทั้งเป็น" เช่นกัน"
แต่ถ้าเราบูชาไฟที่ควรบูชา คือ"ไฟแห่งสัมมาสติ โพธิปัญญา"
เราก็ สว่างในความรู้ ที่นำทางให้เราพ้นเพลิง ทุกข์เพลิงกิเลส ด้วยความเพียร ฝึกฝนตนเอง
3.นรกในสังคม
มนุษย์ มาจากนักล่า นักฉกฉวยผลประโยชน์จาก ธรรมชาติ
การแตกต่าง แข่งขัน แย่งชิง ทะเลาะวิวาท สงคราม
แบบ"คนกินคน" ก็ยังมีให้เห็น
หากเราสอนให้
เอาตัวรอด....กับอยู่ร่วม
แข่งขันทำดี...แบ่งปันความดี
ละอายที่จะทำชั่ว...เกรงกลัวผลกระทบหากทำชั่ว
รู้จักทำคุณให้ผู้อื่น...รู้จักตอบแทน ความดีที่ผู้อื่นทำให้
สวรรค์ก็เกิดในสังคม แทนนรก
4.นรกที่เกิดจากสิ่งแวดล้อม
ที่ใกล้ๆ มหาอุทกภัย ที่เราเจอ ปฏิเสธไม่ได้ มาจากผล"โลกร้อน"
เพราะเรา เผาปิโตเลียม เพื่อได้มาพลังงาน อาหาร และความสะดวกสบาย
เราต้องหาพลังงานสะอาด พลังงานหมุนเวียน มาทดแทน โดยด่วน
ไม่งั้น อีกสี่เดือนข้างหน้า เราอาจเจอนรกจากน้ำ อีกรอบ อิๆ
................
//-ที่สำคัญ
"ศูนย์ ให้รางวัล ลงโทษ"
อยู่ในแกนกลางสมอง ที่สร้างพายุอารมณ์
ให้เราจำ อาหาร ศัตรู เพื่ออยู่รอด
เราเอาไปผูก กับอะไร เราก็เจอสวรรค์ นรก กับสิ่งนั้น
เรียนผูก ก็เรียนแก้เอาเองเด้อ
ดี....ชั่ว
ผิด...ถูก
ชอบ..ชัง
ได้...เสีย
สมใจ..เสียใจ
ชาย...หญิง...อิๆ
สลับขั้ว สลับสาย แล้ว"ทุกข์"
ก็ฝึก ถอดระหัสเอาเอง
"ใครถอนความพอใจ ไม่พอใจในโลกได้หมดสิ้น ย่อมพบความเย็นในชีวิตตนเอง"
..........................................
//-ถ้าเข้าใจ พุทธธรรม สี่ระดับ
1.-ระดับ ให้เห็นคุณค่า ละชั่ว ทำดี
ก็จะอิงความเชื่อ แบบจิตนิยมโบราญ
(สัสตทิฐิ)
2.-ระดับ ชำระใจให้ผ่องแผ้ว หรือ" ทำนิพพานให้แจ้ง"
ก็จะ จัดการกับ อคติ มายาคติภายใน
ตอนผัสสะโลก ด้วยอายตนะ นี่แหละ
ในการปรุงบุคลิกภาพ แต่ละครั้ง ที่ผัสสะโลกธรรม
จะทำให้ เกิดเป็น นรก สวรรค์ อยุ่ที่
จุดยืน วิสัยทัศน์ วิธีคิด วิธีชงอารมณ์ของเราเอง เช่น
3.-ระดับสร้างธรรมบาล คุ้มครองสังคม
ให้อยู่กันอย่างมีสติ สันติธรรม
4.-ระดับ ดูแลระบบชีวาลัย สิ่งแวดล้อม ให้สมดุลย์
และฝึกทำหน้าที่ ที่เป็นมงคลชีวิตให้มีชีวา
เราก็พบสวรรค์มากกว่านรกแน่นอน สาธุ
................................................
-ฝนตก เรามีอารมณ์เบิกบาน เป็นมิตร จิตใสๆ
เอ้อ ชาวนาจะได้มีน้ำทำนา ประชาได้มีอาหารอิ่มท้อง อิๆ
เกิดสวรรค์ ร่างกายผลิตสารแห่งความสุข ทันทีอิๆ
-ฝนตก รถติด อีกแย้ว เซ็งเป็ด อิๆ
ร่างกายก็ผลิตฮอร์โมนคอร์ติโซน
ทำให้กระวนกระวาย และเรี่มคิดหดหู่ ฟุ่งซ่าน
ประตูนรกจากผัสสะก็เปิดรับทั้นที่
ไปสู่ความย้ำคิด ย้ำ ทำ ย้ำแค้น
หาเรื่องแช่งฟ้าดิน คนที่เราไม่ชอบหน้าต่อไป
ลืมดู นรกในใจที่กำลังเดือด และดับได้ ง่ายๆ
แค่ถอนหายใจทิ้ง และวาง เปลี่ยนไปคิด สิ่งที่เป็ยกุศล วิมุติแทน
.................................................
“ดูก่อนภิกษุ นรกชื่อว่าผัสสายตนิก 6 เราเห็นแล้ว ในผัสสายนิกนรกนั้น สัตว์จะเห็นรูปอะไรด้วยจักษุ ก็ย่อมเห็นแต่รูปอันไม่น่าปรารถนา ย่อมไม่เห็นรูปอันน่าปรารถนา ....จะฟังเสียงอะไรด้วยหู ก็ย่อมฟังแต่เสียงอันไม่น่าปรารถนา....จะรู้แจ้งธรรมารมณ์อะไรด้วยใจ ก็ย่อมรู้แจ้งแต่ธรรมารมณ์อันไม่น่าปรารถนา ย่อมไม่รู้แจ้งธรรมารมณ์อันน่าปรารถนา...”
(ขณสูตร, สํ.สฬ.๑๘/๒๑๔.)
พระพุทธดำรัสนี้ เป็นการนำเสนอนรกที่เกิดขึ้นพร้อมกับการ
-ได้เห็น
-ได้ฟัง
-ได้กลิ่น
-ได้ลิ้มรส
-ได้สัมผัสทางกายและทางใจซึ่งสิ่งที่ไม่น่าพอใจ
นรกชนิดนี้อาจเกิดขึ้นทั้งในขณะที่มีชีวิตเป็นมนุษย์อยู่
และหลังจากตายไปเกิดในภพใหม่แล้ว เป็นการแสดง “ภาวะ”
ไม่ใช่แสดงถึง “สถานที่”
นอกจากนี้ ยังตรัสเปรียบเทียบความเร่าร้อนในนรกชื่อว่า
“ปริฬาหะ”
กับความเร่าร้อนของพวกสมณพราหมณ์
-ผู้ไม่รู้แจ้งทุกข์
-เหตุเกิดทุกข์
-ความดับทุกข์
-และข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์ในโลกมนุษย์นี้
“....นรกชื่อว่าปริฬาหะมีอยู่
-ในนรกนั้นบุคคลยังเห็นรูปอย่างใดอย่างหนึ่งด้วยนัยน์ตาได้
(แต่)เห็นรูปที่ไม่น่าปรารถนาอย่างเดียว ไม่เห็นรูปที่น่าปรารถนา...
-ดูก่อนภิกษุความเร่าร้อนอื่นที่มากกว่าและน่ากลัวความเร่าร้อนนี้ มีอยู่.....
-สมณพราหมณ์เหล่าใดเหล่าหนึ่ง ย่อมไม่รู้ชัดตามความเป็นจริงน่า นี้ทุกข์ ......
-ย่อมยินดี ย่อมปรุงแต่งครั้นปรุงแต่งแล้ว ย่อมเร่าร้อน ....”
(ปริฬาหสูตร , สํ.ม.๑๙/๑๗๓๑-๑๗๓๓.)
http://puling-222.blogspot.com/2011/05/blog-post_04.html (http://puling-222.blogspot.com/2011/05/blog-post_04.html)
สรุป ผัสสะโลก ด้วยการขาด สติปัญญา ปรีชาญาณกุมสภาพจิต
ปรุงแต่ง เป็นความคิด สร้างอารมณ์ทุกข์เอง กินเอง สาธุ
"ความทุกข์เอ๋ย.........................ใช่อยู่ในใจตลอด
หรือสุข.....................................ครองครอบตลอดนั่น
มันทุกข์ สุข...............................สลับกัน
กลางที่วาง ว่าง..........................มีที่เย็นฯ"
สาธุ
(https://lh3.googleusercontent.com/-W_G8PgKCyfw/VgcY37fy0kI/AAAAAAAAItQ/3sC3s5vnshU/w363-h694-p-rw/image.jpg)
Philosophy and healthy ปรัชญา และสุขภาพดี
G+ communities คนรัก รักษ์ ปัญญา สุขภาพ กีฬา และจักรยาน
สุขภาพดี คือลาภอันประเสริฐ ที่เราทำได้เอง
Suraphol KruasuwanOWNER
-
(https://lh3.googleusercontent.com/-kkrZYXreUaY/Vg_CZTtkCZI/AAAAAAAG0Fs/hpwLB7f4Sn4/s640-rw/m%2B000417%2Bgif.gif)
Originally shared by Suraphol Kruasuwan
ธรรมชาติ อัศจรรย์ทุกวัน
เราต้อง อยู่ร่วม อยู่รอด ในโลกที่ต้อง
แข่งขัน แบ่งปัน อะไรที่ผลักดันชีวิต ที่เราต้อง"เห็น"...เข้าใจ..ปรับตัว...
1.ธรรมชาติทั้งหมด
ที่เรายัง ไม่รู้จริง เกี่ยวกับ เจตนาของธรรมชาติ
2.กฎของธรรมชาติ
ที่ขังพวกเรา ในมิติของธรรมชาติ โดย มีเหตุผลเดียว
"กูก็เป็นเช่นกูเป็น"
3.กฎวิวัฒนการ ธรรมชาติ
ทำให้ ทุกสิ่งเปลี่ยนแปลง จากสิ่ง ไม่ซับซ้อน
มีระเบียบ สู่ความไร้ระเบียบ จนเกิดสรรพสิ่ง
มีกฎป่า เป็นนาย
4.กฎวัฒนธรรมมนุษย์
ทุกวัฒนธรรม เชื่อว่า
-เมตตา..............กรุณา เป็นมนุษย์ธรรมที่ดี
-กตัญญู.............กตเวที เป็นมนุษย์ที่ดี
-หิริ...................โอตตัปปะ ยกระดับภูมิจิต ภูมิธรรม มนุษย์
-อริยสัจจะ.........เป็นชัยชนะ ของมนุษย์ที่ชนะ กฎป่า และจิตปรุงแต่งตน
5.กฎของหุ่นยนต์ และปัญญาประดิษฐ์
เป็น เพื่อน และ ผู้ต่อความสามารถ ความสะดวกสบาย ในการดำรงค์ชีพ
ในสังคมปัจจุบัน
6.กฎของ อัตตา
เป็นตัวตนเทียมๆ.....
ที่เราต้อง ปรุงแต่ง บุคลิกภาพ เพื่อการปรับตัว ตลอดเวลา
7. กฎของ สัมมาสติโพธิปัญญา ที่ตื่น
มากุมสภาพ จิต(อัตตา) พาอัตตา ไปทำสิ่งดีๆ เปลี่ยนกิเลส เป็นโพธิ
8.กฎธรรมชาติ ที่เหนือ ธรรมชาติธรรมดา
........................................
ตัวเรา สังคม สิ่งแวดล้อม จักรวาล
เป็นสิ่งอัศจรรย์ ชีวิตมีการเดินทางภายใน ของจิต วิญญาณเรา
โดยมี ผู้นำการเปลี่ยนแปลงชีวิตภายใน มีวิสัยทัศน์ตามกาล
1.โลกแห่งความภักดี เป็นใหญ่
2.โลกของ ผลประโยชน์เป็นใหญ่
3.โลกเติบโตแบบคู่ขนาน
โลกของการ อยู่ร่วม อยู่รอด แบบ ดีด้วยกัน เป็นใหญ่
4.โลกแห่ง สัมมาสติโพธิปัญญา ที่ตื่น
ใฝ่รู้ ใฝ่เรียน ใฝ่ดี อารมณ์เย็น ชื่นชม เอื้อเฟื้อ
คือ ชีวา ในชีวิต ที่ตื่น ยั่งยืน
5.สถานีสุดท้าย....พบกันที่ ยมโลกนะ....55555+
Originally shared by Suraphol Kruasuwan
..
..
เย ธมฺมา เหตุปฺปภวา เตสํ เหตุ ตถาคโต
เตสญฺจ โย นิโรโธ จ เอวํ วาที มหาสมโณ
"ธรรมเหล่าใด เกิดแต่เหตุ
พระตถาคต กล่าวเหตุแห่งธรรมเหล่านั้น
และความดับของธรรมเหล่านั้น พระมหาสมณะมีวาทะอย่างนี้"
(คาถาพระอัสสชิ )
เหตุ และหลักการดับทุกข์ ที่สำคัญของทุกข์คือ
1.สภาวะทุกข์
สภาพที่ทนอยู่ในสภาพเดิมไม่ได้ ต้องเป็นไปตาม กฎไตรลักษ์ ฝึกทำใจรับสภาพ
2.เวทนาทุกข์ ฝึกอดทนพันเท่า
3.อารมณ์ทุกข์ ฝึก ชงอารมณ์ฌาน มาเสพ แทนทุกอารมณ์ ที่เราเคยใช้
มีปิติ................อิ่มใจในกุศลที่เจริญ
มีสุข.................จากจิตเอื้อเฟื้อ สุข จากการแบ่งปันสิ่งดีๆ ให้กัน
มีอุเบกขา..........อุปะ แปลว่า..เข้าไป...เบกขา แปลว่าใช้ปัญญา
อุเบกขา จึงหมายความว่า เข้าไปใช้ปัญญาสงบเย็น แทน อารมณ์ร้อน
เอกจิต............จิตเป็นหนึ่งเดียว กับทุกกระแสธรรมชาติ
กระแสโลก......มีกระแสกรรมซ่อนอยู่
กระแสกรรม.....มีกระแสธรรมซ่อนอยู่
วางทุกกระแส...ย่อมพบ กระแสนิพพาน สาธุ
http://puling-222.blogspot.com/?view=flipcard (http://puling-222.blogspot.com/?view=flipcard)
..
..
การจะเข้าใจปรัชญาพุทธะ ถูกต้อง ต้องศึกษา 62 ปรัชญาที่ไม่ใช่ พุทธก่อน
ทิฐิ หรือ ปรัชญาในพุทธศาสนา มี สามชั้น
1.เพื่อ ให้เดินทางสายกุศล
ให้คน ละชั่วทำดี
และสอนจนคิดว่าเป็นพุทธแท้ๆคือ
สัสสตทิฐิ.....เชื่อว่าตายแล้วเกิด...ตรงข้ามกับ อุจเฉททิฐิ ที่เชื่อว่าตายแล้วสูญ
2.เพื่อทำนิพพานให้แจ้ง
เพื่อชีวิตที่เหนือทุกข์ สุข แต่เย็น
สอนให้ รู้เท่าทันจิตปรุงแต่ง ด้วยการแยก องค์ประกอบชีวิต เป็นขันธุ์ห้า
และละอุปาทาน นั้นเสีย ปลุก สัมมาสติ โพธิปัญญาตื่น
มากุมสภาพจิต ปรุงแต่ง จนเลิกเป็นทาส กิเลส ตัณหา อุปาทาน
3.หิตายะ สุขายะ
เพื่อประโยชน์สุขแก่สังคม
ทำให้ชีวิตอื่นเป็นสุข เราก็จะได้ ผลจากสุขจากจิตเอื้อเฟื้อนั้นด้วย
.........................
เดินทางในสายกุศล เป็นคนเย็น คนมีน้ำใจเอื้อเฟื้อ
จึงเป็นเป้าหมายชีวิต ชาวพุทธที่แท้จริง
สาธุ
............................
62ทิฐิ มีผู้สอนอยู่แล้ว ตถาคต สอนเรื่องทุกข์(กำหนดรู้ได้ด้วยสติ) และดับไม่เหลือแห่งทุกข์(ด้วยการล้างเงื่อนไขที่ปรุงแต่งเป็นอารมณ์ทุกข์...เป็นคำสอน"ใบไม้กำมือเดียว"...และสอนให้เคารพใน กฎ"อนิจจัง ทุกข์ อนัตตา" -สัพเพสังขาราอนิจจา
-สัพเพสังขาราทุกขา
-สัพเพธัมมาอนัตตาติ
เมื่อธรรมะ คือ"ธรรมชาติทั้งหมด"
- ที่กำลังเปลี่ยนไปตามกฎ เหตุปัจจัยที่มาปรุงแต่ง
-ไม่ได้เป็นดั่งใจปรารถนาของใคร
.................
"จิตคือธรรมชาติหรือไม่?"
..................
//-ในยุคพุทธกาล เถียงกันจนจิตฟุ้งซ่าน
หาเหตุดับเพลิงทุกข์ เพลิงกิเลส ไม่เจอ เรื่อง
-จิตคือชีวิตแท้(อัตตานิยม)...เป็นรากของสัสสตทิฐิ พุทธระดับศรัทธา ยึดติดเหนี่ยวแน่น อิๆ
-จิตไม่ใช่ชีวิตแท้(นิรัตตานิยม)..เป็นรากของ อุจเฉททิฐิ..หรือวัตถุนิยม ในปัจจุบัน
ทางสองสาย ไม่ใช่สัมมาทิฐิ ในมรรคแปด ในอริยะสัจจะ
เพราะเอาไปดับเพลิงทุกข์เพลิงกิเลสได้
ยึดถือแล้ว"อาจสบายใจชั่วคราว" อิๆ
-อัตตา
-นิรัตา
-อนัตตา
อะไรเป็นหลักของพุทธแท้ พิจรณาเอาเอง
ทุกความเห็นเป็น อัตโนมติ แม้นของครูเราก็ตาม
ของจริงต้องดับเพลิงทุกข์ เพลิงกิเลสได้ เมื่อเอาไปฝึกตนเอง อิๆ
การปฏิบัติธรรมคือ "ใช้สติปัญญารักษาใจไม่ให้(อารมณ์)ทุกข์เกิด เมื่อ(อารมณ์)ทุกข์เกิด ก็กำหนดรู้แล้วละเสีย(วรธัมโมสวนโมกข์)
................
..
..
Originally shared by Suraphol Kruasuwan
อรุณสวัสดิ์ อย่างเป็นทางการ
1.รู้ว่าชั่ว ก็ละ
2.รู้ว่าเป็นกุศล ก็เจริญให้ยิ่ง
3.ล้างใจ ให้หมดขยะปรุงแต่จิต เย็น มากน้ำใจ ดีต่อชีวิตแน่นอน
สามประการที่พุทธเจ้าทุกพระองค์สอน เด็กรู้...แต่คนแก่ทำยาก อิๆ
...................................
"ทำชีวิตมีชีวาให้เย็น..............มากด้วยน้ำใจ
ไม่ประมาท............................ฉลาดในการ ฝึกตนและดูแลสุขภาพตนเองนะ"
..
..
Originally shared by Suraphol Kruasuwan
เราตายแล้วตั้งแต่เกิด
แต่มายา ลีลา ธรรมชาติ ปกปิดไว้
-เกิด.................ปกปิดแก่
แก่....................ปกปิดเจ็บ
เจ็บ...................ปกปิดตายฯ
..........................
แต่ถ้าใครให้ กิเลส ตัณหา อุปาทานตาย ก่อนกายเราตาย
ชีวิตที่เหลือคือกำไรชีวิตที่แท้จริง(พุทธทาส) สาธุ
..
..
Originally shared by Suraphol Kruasuwan
//-คำสอน ที่เอาไปปฏิบัติได้
สั้นที่สุด ของอาจารย์พุทธทาส
ที่ได้ฟังมากับตนเอง ปี2521
1.ศีลมีข้อเดียว....รู้ว่าเป็นอกุศล ก็ละโดยเด็ดขาด
2.ธรรมมีข้อเดียว..รู้ว่าเป็นกุศล ก็เจริญให้ยิ่งๆ
3.วิมุติมีข้อเดียว....ไม่ทุกข์ ไม่สุข แต่เย็นฯ
จบแล้ว ไม่ถึง สามนาที อิๆ
...........................
มีคณะครูและนักเรียน เดินทางทัศนศึกษา
ติดต่อมาล่วงหน้า
ขอเวลาอาจารย์ครึ่งวัน
รถเสียเวลา จึงขอให้ อาจารย์สรุป คำสอนพุทธศาสนา
ที่เอาไปปฏิบัติ ได้ ใน15นาที
..
..
Originally shared by Suraphol Kruasuwan
หนึ่งในกิจกรรมมนุษย์....คือตั้งความหวังและไล่จับ
สี่พรประเสริฐ ในชีวิตมนุษย์ มีแค่สี่ประการ
"สุขภาพดี............................คือลาภอันประเริฐ
อิ่มใจในความดี.....................ทุกขณะจิต คือยอดทรัพย์
มีมิตร อุปการะกัน................เป็นยิ่งกว่าญาติ
ฉลาด ทำให้ชีวิตให้เย็น.........เพราะ วาง ว่างเป็น เป็นยอดธรรมฯ"
1.สุขภาพดี ต้องทำเอง
ดูแล สุขภาพร่างกาย จิต วิญญาณ ให้ถูกสุขลักษณะ
กิน ออกกำลัง พักผ่อนเรียนรู้โลกธรรม ...ชนะอารมณ์
2.อิ่มใจในความดี
ความดี แบบมีมนุษย์ธรรม ของจีน แปดประการ
ขยัน อดทน สมถะ เคารพประเพณีตนและเพื่อนบ้าน
ซื่อสัตย์ เที่ยงธรรม เป็นธรรมบาล กตัญญู
3.มีมิตรอุปการะกัน เป็นยิ่งกว่าญาติ
ญาติสายเลือดเดียวกัน ดุจนกนานาชนิด มาอาศัยต้นไม้เดียวกัน
จึงต่างจิต ต่างใจ ต่างภูมิจิต ภูมิธรรม ภูมิปัญญา
มิตรภาพ อยู่ที่การ เห็นใจ เข้าใจ ทำใจ ดูแลกัน โดยไม่หวังผลประโยชน์
ซึ่งเราต้อง มีให้ผู้อื่นก่อน
4.ฉลาดทำชีวิตให้เย็น คือยอดธรรม
ทุกข์..............คือนรก
สุข................คือสวรรค์
เย็น...............คือนิพพานฯ(อ.พุทธทาส)
..............................
..
..
Originally shared by Suraphol Kruasuwan
55555+
วงกาแฟวันนี้ ยกภาพนี้ มาสนทนา
แมงมุมสอนลิง
ใบไม้ร่วง เพราะลมและเวลา
ใบไม้เป็นส่วนเกิน ของไยแมงมุม
แมงมุม ใช้ปัญญา และกำลังใจ.ตัดๆๆๆ ไยตนเองออก
ปล่อย ใบไม้ร่วง สู่พื้น
แมงมุม ก็ซ่อมไยตนเองใหม่
..................................
ทำไมมนุษย์ชอบ เอาอดีต มาเคี้ยวเอื้อง..และพร่ำเพ้อ
ย้ำคิด ย้ำทำ ย้ำแค้น....แทนที่จะใช้ปัญญาทิ้งขยะชีวิตนั้นไป
สมองแมงมุม ไม่ใหญ่เท่ามนุษย์แน่นอน
"""""""""""""""""""""""""""
..
..
"ไม่ควร เคียดขึง พึงใจ...................กระแสโลกธรรม แม้นนิด
เสพวัฒนธรรม เพื่อกระชับมิตร.........อย่าถึงประมาท ขาดสตินั่น
ไม่พึงดูถูก ภูมิธรรม วัฒนธรรม.........วึ่งกันและกัน
ใครทำได้อย่างนี้นั้น ทุกปราชญ์.......ที่เป็นวิญญูชน ยกย่องเอยฯ"
......................................................................
ไม่มีใครชนะ เพราะพ่ายแพ้ ต่อมาร ทุกคน
มีห้ามาร ที่เราต้อง...ระวังนะ
1.ขันธุมาร
มารคือ คอมพิวเตอร์ เครื่องยนต์ที่มีชีวิต ที่ ปรุงแต่งเป็นเรา
2.อภิสังขารมาร
คือ ความคิด ที่ขาด สติ ปัญญา มโนธรรมกำกับ
ทำให้เกิดการ หดหู่ ฟุ้งซ่าน พาลจิต
3.เทวบุตรมาร
คือ ความ สมใจ สะใจ ที่หลอกให้เรา ไปทำสิ่งต่างๆ
4.กิเลสมาร
คือ สิ่งที่ เป็นกฎป่า แปลงเป็น หมอก ควันในใจ
ปิดบังวิสัยทัศน์ มโนธรรมของเรา
5.มัจจุราชมาร
คือ...เวลา......ที่ไม่เคยคอยใคร
คนที่น่าสงสารคือ
-คนที่ไม่รู้
-คนที่รู้ แต่ทำใจไม่เป็น
-คนที่ไม่รู้ มีผู้บอก สอน ก็ไม่เชื่อฟัง
-คนที่ อัตตาใหญ่ จนไม่มีใครกล้าสอน
-คนที่กำลังจะหมดลม...หมดโอกาสเปลี่ยนแปลงชีวิต สู่
สงบ สะอาด ทางสว่าง เย็น ยั่งยืน
..
..
Originally shared by Suraphol Kruasuwan
การค้นพบ สัจธรรม ของฤาษียุคพุทธกาล
1.สภาวะธรรม ของธรรมชาติ เปลี่ยนแปลง ไม่สิ้นสุด
2.ความรู้ ของธรรมชาติ ไม่มีที่สิ้นสุด
(ธาตุรู้ สร้างตัวรู้ ตัวรู้พัฒนาเป็น ผู้รู้ ผู้รู้เสพความรู้ และกลับไปสู่ธาตุรู้)
3.จักรวาล สร้าง และขับเคลื่อน ด้วย ของคู่ ที่ต่างกันสุดขั้ว
4.ทุกสิ่งมีการ เขียนบท ตาม กฎ เหตุ ปัจจัย ปรุงแต่ง
และมนุษย์สามารถ เขียนบทให้ตนเองได้
.................................................
พระพุทธเจ้า ค้นพบ อริยสัจ4 ทำให้พบ
ความจริงของผู้ชนะอุปสรรค์ภายใน(จิตปรุงแต่งที่สร้างอารมณ์ทุกข์)
ทำให้ สัมมาสติโพธิปัญญาตื่น มากุมสภาพจิตปรุงแต่ง(อธิจิต)
ทำให้พบชีวิตที่สงบ มั่นคงในมโนธรรม และ เย็น
พบ ธรรมชาติ เหนือธรรมชาติ
.........................................
Philosophy and healthy ปรัชญา และสุขภาพดี
G+ communities คนรัก รักษ์ ปัญญา สุขภาพ กีฬา และจักรยาน
สุขภาพดี คือลาภอันประเสริฐ ที่เราทำได้เอง
Suraphol KruasuwanOWNER
ขอบคุณเจ้าของภาพ ครับผม
(https://lh3.googleusercontent.com/-RqZVOmMwqZw/VcT-N804NtI/AAAAAAAG6sc/sVn6lUd7Vew/w463-h603-p-rw/%25C2%25A9Tsibin%2BKonstantin.jpg)
-
(https://lh3.googleusercontent.com/-fLqJQ5MDPmQ/VdHkJv8XzVI/AAAAAAACEnk/JXYDU4WbADM/w363-h473-p-rw/a92_n.jpg)
Originally shared by Suraphol Kruasuwan
7.มองโลกด้วยความว่าง และถอน ตัวตูของตู เป็นสุขในโลก
"ดูกร โมฆราช เธอจงมองดูโลก อันงามประหนึ่งราชรถ
คนโง่หลงอยู่ ผู้รู้หาข้องไม่
และเป็นที่มัจจุราชหา เธอไม่พบ"
......................................
พระโมฆราช ป่วยเป็นโรคผิวหนังพุพอง
ทรมานทางกาย แต่ จิตวิญญาณเบิกบาน
เพราะ ฝึก มองโลกด้วยความว่าง
ว่างจาก การปรุงแต่งของ กิเลส ตัณหา อุปาทาน
ว่างจาก การยึดมั่นถือมั่นว่า ชีวิตนี้ เป็นของตน เที่ยงแท้ถาวร
ว่างจาก อาสวะ สาสวะ..พบอนาสวะ ด้วยตนเอง
"""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""
ชีวิตสองแบบ...
1.อยู่อย่างยักษ์แบกโลก (ตูรู้ ตูมี ตูแน่) กับ>>>>
2.อยู่อย่างนกฮูก
...สองตามองโลก สองหูฟังเสียงหายใจตน เม้มปากสนิท...
เห็นโลก เข้าใจธรรมชาติอันดินรนของจิตตน..แล้ววาง อิๆ
..
..
Originally shared by Suraphol Kruasuwan
//-ธรรมะ คือธรรมชาติ
-ฝ่ายอกุศล
-ฝ่ายกุศล
-ความเป็นธรรมชาติ ธรรมดา ของสิ่งนั้น
-สติปัญญาปรีชาญาณตื่น ฉลาดเลือก ที่จะ"เก็บ"มาปรุงชีวิต อิๆ
//-เพราะ ผล ย่อมเป็นไปตามเหตุ
ใครทำอย่างไรได้อย่างนั้น
เวลา กรรม มัจจุราช ตัดสินเอง
...........................
//-สำคัญเรา กำหนดบทบาทตนเองบนโลกอย่างไร?
-เป็นผู้แสดง
-เป็นผู้กำกับ
-เป็นผู้ตัดสิน
-เป็นผู้ดู
-เป็นผู้พัฒนาตน และดูแล สังคม สิ่งแวดล้อม ให้ ดีด้วยกัน
ไม่ควรเสียเวลา กับบัวเต่าถุย อิๆ
//-หมัดแม้นจะกัดเจ็บ กินเลือด กระโดดได้สุง
ก็เท่าที่สติปัญญา น้อยกว่าหัวเข็มหมุด ที่ตัวมันเองจะทำได้
ขืนมันทำเกินตัว เดี๋ยวร่างกายก็จะระเบิดตัวเอง อิๆ
................................
คนพาลมีปัญญาทราม มีตนเหมือนข้าศึก
เที่ยวทำบาปกรรมอันมีผลเผ็ดร้อน
บุคคลทำกรรมใดแล้วย่อมเดือดร้อน
ในภายหลัง กรรมนั้นทำแล้วไม่ดี
บุคคลมีหน้าชุ่มด้วยน้ำตา ร้องไห้อยู่
ย่อมเสพผลของกรรมใดกรรมนั้นทำแล้วไม่ดี
บุคคลทำกรรมใดแล้ว ย่อมไม่เดือดร้อนในภายหลัง
กรรมนั้นแลทำแล้วเป็นดี บุคคลอัน
ปีติโสมนัสเข้าถึงแล้ว [ด้วยกำลังแห่งปีติ]
[ด้วยกำลังแห่งโสมนัส]
ย่อมเสพผลแห่งกรรมใด กรรมนั้นทำแล้วเป็นดี
คนพาลย่อมสำคัญบาป ประดุจน้ำหวาน
ตลอดกาลที่บาปยังไม่ให้ผล
แต่บาปให้ผลเมื่อใด
คนพาลย่อมเข้าถึงทุกข์เมื่อนั้น
ธรรมบท
..
..
Originally shared by Suraphol Kruasuwan
/-เทวดา มาจากคำว่า....ผู้เปล่งแสง.....ผู้แล่นตามแสง
ในความหมายของฮินดู
อ้าวงั้นหิ่งห้อย ก็เป็นเทวดาซิ อิๆ
-เทวดา หมายถึง ผู้เทพเป็นอมตะ ในความหมายของกรีกโรมัน
-เทวดา คือผู้สำเร็จวิชาเซียน ของเต๋า และเป็นธรรมบาล
-เทวดาใน ความหมายของพุทธ มีสามประเภค ตามสมมุติกำเนิด
1.ภูมิเทวดา
คือคุณค่า ในธรรมชาติ ที่ทำหน้าที่ ต่างๆกัน
ตั้งแต่รักษากฎ เป็นธรรมบาล อภิบาล สมดุลย์โลก
2.สมมุติเทวดา
เช่น ราชา สงฆ์ผู้อยู่ในศีลในธรรมอันน่านับถือ
บุพการี ครูบาอาจารย์ มิตรอุปการะ
3.อุบัติเทวดา
เมื่อจิต เสวย กุญแจความสุข
จิตก็จะปรุงกรัชกาย ผุดขึ้นครองกายหยาบทันที(โอปปาติกะ) เช่น
-หรรษา
......จากงานอดิเรก ธรรมชาติ กสิกรรม(นาค)
...... ศิลป์ดนตรีนาฏะ (คนธรรพ)
......ได้ท่องเที่ยวมีประสบการณ์ใหม่ๆ(ครฑ)
.......เป็นผู้นำธรรมชาติในชุมชน (ยักษ์)
-ภาคภูมิใจ
.....ในทรัพย์ ที่ตนเองหามาได้(เทวดาชั้นยามะ)
.....ในอำนาจบริวาร ปกครองคน(เทวดาชั้นดาวดึงส์)
.....ในความดีและพัฒนา ภูมิจิต ภูมิธรรม ภูมิปัญญา จิตอาสา(เทวดาชั้นดุสิต)
-สมใจ
......ได้ทำดั่งใจปรารถนา(เทวดาชั้นมาร)
.......ได้สะใจ เมื่อมีผู้อื่นทำให้ตนสมปรารถนา(เทวดาชั้น หัวหน้ามาร)
ดังนั้น สูสุดของความสุขแบบเทวดา คือ"มาร"
ปรารถนา สิ่งใด ไม่ได้สิ่งนั้น ก็เป็นทุกข์ อิๆ
มารก็จับจิตทุ่มลงสู่อบายภูมิ อิๆ
...........................................
//-อยู่คนเดียว อยู่กับพระเจ้า...อย่าซ่าส์ละเมิดกฎธรรมชาติ(ธรรมฐิติ)
อยู่สองคน อยู่กับเทวดา.........คิด พูด ทำ ให้สิ่งดีๆ ต่อกัน
อยู่สามคน อยู่กับพระราชา......(แม้นแต่ขอทาน)สามคนเดินมา หนึ่งในสาม สอนเราได้ หนึ่งวิชา
........................................
//-มาสร้างเทวดาในใจตนเองง่ายกว่า
"เมื่อใดผัสสะโลกธรรม ด้วยความสุข สวรรค์ ก็เกิดในอายตนะนั้น"
.......................................
//-แต่เชื่อมาตลอดว่า เมื่อเรา คิดให้สิ่งดีๆ "คลื่นความดี"
ก็จะนำสิ่งดีๆ ในชีวิต มาให้เสมอ(แต่ต้องไม่ประมาทในอุบายคนชั่วด้วย)
เหมือนคนที่พยายามผลักน้ำในถาด น้ำก็จะไหลกลับ
หากโกยเข้าหาตัว น้ำก็จะลอดออกไป อิๆ
............................
//-เล่าสู่กันฟัง นะ ใช้สติปัญญาฉลาดเลือก เลือกเอาเอง
สาธุ
..
..
Originally shared by Suraphol Kruasuwan - 1 comment
แค่ถอนหายใจทิ้ง ทุกข์ความคิด อารมณ์ที่ไม่เข้าท่า ก็ชนะแล้ว
1.อารมณ์ เหลือแต่
ปิติ...ู...........อิ่มในกุศล
สุข..............ทำกุศลให้ ชีวิตอื่นเป็นสุข เราก็รับอนิสงค์สุขนั้นด้วย
อุเบกขา.......อุปะ แปลว่าเข้าไป....เบกขา แปลว่า ด้วยปัญญา
เข้าไป ดูกระแสโลก ธรรม ที่ผัสสะ ด้วยปัญญา..อย่าเอาอารมณ์มนุษย์นำหน้า
เอกจิต........สติ ปรีชาญาณ ตื่น เป็นหนึ่งเดียวกับ
กระแส โลก กรรม ธรรม นิพพาน
2.อารมณ์มนุษย์
อบาย.....รัก โกธร โลภ หลง กลัว อิจฉา บ้าอำนาจ ฉลาดโกง
-มนุษย์....สุขจาก เคารพ กฎกติกา มรยาท สังคม วัฒนธรรม ศีล
-เทวดา....หรรษา ภาคภูมิใจ สม ใจ สะใจ
-พรหม....สงบ สันโดษ สมถะ พรหมวิหารสี่
-อริยะ.....เบา จาก พ้นความพัวพัน สังโยชน์
กำหนดรู้ รู้วาง รู้ว่าง..ก็จะเบา
"มหัศจรรย์ของลมหายใจ ที่มีสติ
แยกความคิด ออกจากอารมณ์ได้"
.....................................................
กายที่พอดี จิตที่ฝึกดีแล้ว จึงพบ
เจโตวิมุติ กำลังจิตที่เข็มแข็ง สงบ สงัด ชนะราคะโทสะ
- ปัญญาวิมุติ ที่ว่องไว เฉียบคม ชนะโมหะ หลงในมายาปรุงแต่งชีวิต
- รู้วิธีล้างขยะปรุงแต่งจิต(ทำอาสวะให้สิ้น)
ด้วยการกำหนรู้ ดูความรู้สึกทุกข์นั้น เห็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
ก็กัดกิน ความรู้สึกทุกข์ด้วยเช่นกัน
แม้นแต่อารมณ์ทุกข์ ก็มีสภาวะทุกข์(ทนอยู่ในสภาพเดิมไม่ได้)ทำลายอยู่
"ใช้สติปัญญารักษาใจ ไม่ให้ทุกข์เกิด
ทุกข์เกิดก็กำหนดรู้แล้วละเสีย(วรธัมโม สวนโมกข์) สาธุ
ไม่ใช่ทางแห่งกาย หรือจิต แต่เป็นสติปัญญาฉลาดเลือกตื่น มากุมสภาพจิต
-รู้ว่าเป็นอกุศลก็ละ
-รู้ว่าเป็นกุศล ก็เจริญ
-รู้วิธีล้างความรู้ที่ผูกเงื่อนไข ด้วยการล้างเงื่อนไขนั้น
และปลุกจิตเอื้อเฟื้อ ดูแลตน สังคม และกตัญญูต่อ"โอกาสโลก"
โลกคือระบบชีวาลัย ที่ให้เรากำเนิดมา สาธุ
ทุกข์ คือนรก
สุข คือสวรรค์
เย็นคือ นิพพาน
ฝึก เย็นกาย เย็นวาจา เย็นใจ และจึงจะรู้จักนิพพานที่แท้จริง
สาธุ
..
..
Originally shared by Suraphol Kruasuwan - 3 comments
สาธุ เลิกเป็นโจร เลิกป่วย เลิกพิการ เลิกตาบอดเด้อ สาธุ
มนต์ศักดิ์สิทธิ์
...............................
//-มองในแง่ ภาษาธรรม
การน้อมจิตให้ พระคุณของพุทธเจ้า ที่ทำให้ พุทธปัญญาบังเกิด ในตน
ย่อมทำลาย อุปทวะ ที่ไม่ให้มนุษย์ พบ
ภูมิจิต ภูมิธรรม ภูมิปัญญา อันยิ่ง
-โจรภัยในตัวเราคือ การที่ เซนเซ่อร์ หรืออายตนะ เราไปปล้น
รูป รส กลิ่น เสียง ผัสสะกาย ใจคิดถึง มาเก็บไว้ เป็น"ตัวตู" "ของตู"
ดังนั้นตอนหงอคง ปราบโจรทั้งหก จึงตวาดว่า
"เจ้าสมุนชั่ว เจ้าปล้นสิ่งใดมา ก็ต้องเป็นของข้าอิๆ"
คือวันๆ หู ตา จมูก ลิ้น กายใจ ทำงานตามคำสั่ง ปัญญา
-พิการ
ชีวิตหากไม่เต็มเพราะ..... ความพอใจ ไม่พอใจ...ไม่สิ้นสุด
เราก็พิการทางจิต เสมอ
-ขี้เรื้อน
หากยัง หด หู่ ลังเล ยำคิด ย้ำทำ ย้ำแค้น ระแวงว่าผลอกุศลจะมาทำลายตน
ก็เหมือนคน เป็นขี้เรื้อน กายในกาย ย่อมหาสันติธรรม ให้สงบรำงับไม่ได้
-ตาบอด
เห็นโลก แต่ไม่เห็นธรรม ไม่เห็นกรรม ไม่เห็นนิพพาน ที่ซ่อนในทุกสรรพสิ่ง
คือเห็นแต่สมมุติสัจจะ ไม่เห็น ธรรมสัจจะ โพธิสัจจะ โลกุตระสัจจะ อริยสัจจะ ที่ซ่อนอยู่
-ตาย
ตายจากความมีมนุษย์ธรรมอริยะธรรม
จิต จึงเป็นทาส อบาย จมใน
โลภ อิจฉา บ้าอำนาจ ฉลาดโกง โทสะ กลัว หดหู่ ฟุ้งซ่าน ลังเล โศก เศร้า ย้ำแค้น
..............
//-เอาพระคาถา"แรงอธิฐานจิต ปลุกพุทธเจ้าในตนให้เกิด"
และชนะ โจรภัย ความพิการ ขั้เรื้อน ตาบอด และ ฟื้นจากความตาย
ด้วย
"ผัสสะโลกธรรมแล้ว.....สติกุมสภาพจิตได้
จิตจึง...............เบิกบาน หรรษาในสัจจะธรรม
จิตจึงมี..............อารมณ์ ปิติ สุข อเบกขา เป็นหนึ่งเดียวกับ ธรรมชาติที่เป็นกุศล
จิตจึงมีปัญญา ที่ตื่น.....เห็นสมุติ เห็นธรรม เห็นปรมัตถะ เห็นอริยะสัจจะ
และชำระขยะปรุงแต่งจิต(อาสวะ)ให้สิ้น ชั่วสายฟ่าแลบ(วัชระจิต) จิตแบบสายฟ้า เทอญฯ สาธุ
..
..
Originally shared by Suraphol Kruasuwan
กตัญญูคือยอดมนุษย์ธรรม
มงคลสูตร ธรรมะ ทำหน้าที่ เพื่อความโชคดี ปู่ลิง
ธรรมะ เพื่อชีวิตที่โชคดี
หลักการชีวิตที่ดี?
//-ไม่คบหา เอาคนชั่ว.............. เป็นแบบอย่างทางชีวิต
คบ เคารพ คนดี .......................มีมโนธรรมแท้ เป็นแบบอย่างชีวิตนั่น
เคารพ บุคคล หลักการ ..............สถาบัน ที่เป็นประโยชน์ต่อโลกกัน
ทั้งหมดนั้น คือหลักการ ชีวิต........โชคดี เมื่อได้กระทำฯ
//-การเรี่มต้นชีวิตที่ดี?
อยู่ใน ถิ่นที่อุดม .......................พัฒนาไปในทางดี
สร้างความดี บารมี..................... สะสมมานานนั่น
วางตน ให้เหมาะสม.................... กับสถานที่ ชุมชน บุคคลเวลากัน
ทั้งหมดนั้น คือ...........................การเรี่มต้นชีวิต ที่ให้โชคดีฯ
//-ชีวิต เบิกบาน เยาว์วัยตลอดกาล ได้อย่างไร?
พึงเรียนรู้ กว้างขวาง ....................ทุกสรรพศาสตร์ เพื่อโลกทัศน์กว้างไกล
ฝึกฝน การใช้มือทำงาน ...............จนเชี่ยวชาญ เป็นศิลป์ อาชีพได้นั่น
รู้จักจัดระเบียบวินัย..................... เคารพกฎอันดีงามประจำสังคมตนกัน
รู้จักคิด ใช้ว่าจาจริง ดีงาม ............เมตตาเหมาะสมกาลนั้น คือโชคดีฯ
//-พึงปฏิบัติต่อครอบครัวอย่างไร จึงโชคดี?
อุปถัมภ์ บุพการี .........................บิดามารดา ครูบาอาจารย์
สงเคราะห์บุตร ภริยา ...................คนใต้ปกครอง ด้วยความยุติธรรมนั่น
จัดระเบียบการทำงาน..................ให้พอเหมาะ ไม่ปล่อยคั่งค้างกันฯ
ครอบครัว จึงโชคดี .....................เมื่อทำหน้าที่นี้ อย่างสมบูรณ์
//-พึงปฏิบัติต่อชุมชนอย่างไรจึงโชคดี
มีความสุขจากเสียสละ ................ให้ธรรมะ อภัยทาน
มีความประพฤติดี ........................กริยามารยาท สง่างาม น่านับถือนั่น
ให้โอกาสคน ชุมชน ....................ญาติ ทำความดีต่อกัน
ประกอบอาชีพ ...........................ไม่เป็นภัยสังคม คือ บรมโชคดีฯ
//-วางตัวอย่างไร เมื่อเข้าสมาคม ....แล้วโชคดี?
ไม่ควรเคียดขึง พึงใจกระแสโลก .....ที่ไม่ดีแม้นนิด
เสพวัฒนธรรม เพื่อกระชับมิตร .......ไม่ถึงประมาทขาดสตินั่น
ไม่พึงสบประมาท ปรามาส .............วัฒนธรรมซึ่งกันและกัน
ใครทำได้อย่างนี้นั้น ทุกศาสนา.........วัฒนธรรมที่ดี ยินดีต้อนรับเอยฯ
//-เป็นผู้น้อย ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา ควรวางตนอย่างไร?
รู้จัก เคารพ นอบน้อม ...................ไม่อวดเบ่งพองลม
ชื่นชม ความสันโดษ .....................อิ่มใจทุกสถานการณ์นั่น
ยึดหลัก กตัญญูกตเวที ..................เป็นยอดธรรมกัน
ฟัง ศึกษา ปรัชญาชีวิต ศาสนา.........ตามกาล คือโชคดีเอยฯ
//-เป็นผู้ใหญ่ ผู้บังคับบัญชา ควรปฏิบัติ อย่างไร?
มีความขยัน อดทน พากเพียร ..............นำคนสู่ทางดี
รู้จักรับฟังความคิดเห็น ทุกผู้คน............. ด้วยใจสงบนั่น
เห็นคุณค่า คบหาผู้สงบ........................ไม่เบียดเบียนตน และโลกกัน
สนทนา แลกเปลี่ยน ปรัชญาชีวิต ..........กับผู้รู้ตามกาล คือโชคดีฯ
//-อุดมการณ์เป้าหมายชีวิต สุงสุดที่ดีคืออะไร?
ชำระจิต ให้ สงบ................................สะอาดสว่าง
มีเมตตา กรุณา มุฑิตา อุเบกขา .............เป็นร่มเงาให้ชีวิตนั้น
เห็นแจ้ง ทางเจริญเสื่อม ......................ในใจทุกขณะจิตกัน
พบผล หลุดพ้นอุปทานตัณหา................ ด้วยทำอาสวะสิ้น ด้วยตนเองเอยฯ
//-เครื่องวัดผลสำเร็จ แห่งความโชคดี?
ผัสสะโลกธรรม.........................ด้วยสติกุมสภาพจิต แล้วไม่หวั่นไหว
จิตเบิกบานไร้กิเลส ...................แผ้วพานนั่น
จิตมั่นคง โปร่งใส มีคุณภาพ.........ทุกผัสสะกัน
ใครทำได้อย่างนี้แล้วนั้น .............คือบรมโชคดีเอยฯ
//-ผลแห่งการทำหน้าที่ และได้สิทธิ์ในการรับโชคดี?
เมื่อเทวดา และมนุษย์ทั้งหลาย ......กระทำหน้าที่เพื่อโชคดีนี้แล้ว
ย่อมไม่พ่ายแพ้ ต่อ กระแสโลก...... กระแสสันดานของตนนั่น
เป็นผู้ให้โชคดี ต่อ ตน สังคม ..........ระบบชีวาลัย กัน
เป็นผู้ไม่มีภัย ต่อตน ท่านนั้น ..........คือบรมโชคดีเอยฯ
สันโดษ(ความอิ่มใจ ทุกขณะจิต ตามสถานการณ์)
คุณธรรมที่เป็นยอดทรัพย์
1. เมื่อ มีผู้เมตตาให้ ไม่เรียกร้องเกินเหตุ ............ยถาลาภะสันโดษ
2. เมื่อทำงาน พึงทำเต็มกำลัง ความสามารถนั่น ....พละสันโดษ
3. มีกำลังไม่จำกัด ต้องรู้จัก พอแล้วดีกัน .............สารุปสันโดษ
4. มีคนรักคู่ครอง ไม่ล่วงเกินของรัก ...................ชอบของผู้อื่นนั้น ยอด .....สาธารสันโดษเอยฯ
5.สาธรณะสันโดษ ..........................................ไม่ฉ้อฉลเอาสมบัติสาธรณะเป็นของตน
//-ชีวิต นี้ช่างสั้น......................สหายเอ๋ย
อย่าละเลย ทำสิ่ง.....................ที่ตนหวัง
เพียงแต่ ไม่ทำร้ายตน ท่าน....เพราะการกระทำ
ชีวิต ลิขิตเรานั้น อยู่ใต้..............ฝ่าเท้า..ของเราเองฯ
(โอมาคัยยัม)
..
..
Originally shared by Suraphol Kruasuwan
ชีวิตดุจผี้เสื้อ
1.เป็นไข่หนอน...เป็นทาสอวิชชา
2.เป็นหนอน.......เป็นทาสกระแสวัฒนธรรมโลก
3.เป็นดักแด้.......หยุด สงบ สงัด ตกผลึกความคิด เปลี่ยนแปลงภายใน
4.เป็นผี้เสื้อโบยบินสู่เสรี...เสพแต่น้ำหวาน
อยู่ที่เราเอง อิๆ
(https://lh3.googleusercontent.com/-w6F9imRVT6E/VdHimVPLWSI/AAAAAAACElw/bFPiNY5ohm0/s363-p-rw/aa35_n.jpg)
Philosophy and healthy ปรัชญา และสุขภาพดี
G+ communities คนรัก รักษ์ ปัญญา สุขภาพ กีฬา และจักรยาน
สุขภาพดี คือลาภอันประเสริฐ ที่เราทำได้เอง
Suraphol KruasuwanOWNER
-
(https://lh3.googleusercontent.com/-zvrIGn_TbsM/VdR1OjRT4FI/AAAAAAAAg0w/70F9Q1bn0c0/w563-h398-p-rw/23_n.jpg)
Originally shared by Hug birds save earth - 3 comments
ชีวิตในเวียงหนองหล่ม เชียงราย
(ภาพหาชมยาก)
ชีวิตในโลก
1.อยู่อย่างยถากรรม
แล้วแต่ ดินฟ้าอากาศ สิ่งแวดล้อม พาไป
2.อยู่ ตามกรรม
เจตนา คิด พูด ทำอย่างไร ก็สร้างทางชีวิต เช่นนั้น
3.อยู่ แบบข้ามกระแสกรรม
ไม่ไหลตามกระแสโลก ไม่ทวนกระแสโลก แต่เพียรข้ามกระแสนั้น
4.อยู่เหนือกระแสโลก
มีสัมมาสติโพธิปัญญาตื่น
"ดูโลกที่งามดั่งราชรถ ชนหลงอยู่ ผู้รู้หาข้องไม่"
................................
เลือกนะครับ เพราะเรายังหายใจอยู่
ฝันดีนะ บาย
..
..
Originally shared by Hug birds save earth
Naiyanan Petchsri
ปรัชญาชวนคิด - 20 Aug 2015 22:03
"เรามีสองหู แต่มีลิ้นเพียงลิ้นเดียว
เพื่อว่าเราจะได้ฟังมากหน่อย
และพูดให้น้อยหน่อย" _ดิโอจิเนส นักปรัชญากรีกโบราณ
มนุษย์ต้องเรียนรู้ฝึกฝน5.ข้อนี้ ตลอดชีวิต
1.รู้ที่จะอ่าน....................อ่านหนังสือ เหตุการณ์ อ่านใจตน และผู้อื่น
2.รู้ที่เขียน......................เขียนบันทึก เขียนบทชีวิตที่พอดีให้ตนเล่น
3.รู้ที่จะคาดการณ์...........ใครเห็นกระแส ขี่กระแสได้ ย่อมเบาแรง
4.รู้ที่จะสื่อสารทางบวก....วาสนาอยู่ที่ปาก
5.รู้วิธีที่จะล้างขยะปรุงแต่งชีวิต..จนโพธิจิตตื่น มากุมสภาพจิตปรุงแต่ง เย็นๆ
..
..
Originally shared by Suraphol Kruasuwan 15 กค 2558
Consumerism
รู้เท่ารู้ทัน บริโภคนิยม และ พวก
รู้จักธรรมชาติ วันละนิด ชีวิตมีชีวา
ธรรมะคือธรรมชาติ เป็นกระแสธรรมดาเช่นนั้นเอง
เป็นเด็ก มักได้ยินผู้ใหญ่พูด
"จะไปกิ๋นเสี่ยง กินซ้ำ ยะหยังหือ กินยืน กิ๋นยาว กิ๋นบ่เสี่ยง"
แปลว่า
"ทำอะไร อย่าไปเอาแต่ล้างผลาญให้หมดสิ้น
ให้ทำในสิ่งที่เจริญ ยั่งยืนยาว ไม่มีหมด"
...........................................
"วัตถุนิยมสี่ สมัยใหม่
สอนให้เราคิดเอาแต่ผลประโยชน์เฉพาะหน้า ไม่ยั่งยืน
ทำลาย ความหลากหลายพันธุกรรม และยั่งยืน ต่อลูกหลานอนาคต"
...........................................
"อาหารเป็นใหญ่ในโลก" พุทธพจน์
อาหาร ในความหมายพุทธธรรมคือ"เครื่องค้ำจุนชีวิต"
1.เครื่องค้ำจุน ที่เป็นวัตถุธาตุ
ได้แก่ ปัจจัยสี่(อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย ยาป้องกันรักษาโรค)
เครื่องมือ ต่อความสามารถ และเครื่องอำนวยความสะดวก
เป็นเครื่องค้ำจุนระดับชีวะ ที่ขาดไม่ได้
น่าจะรวมทั้ง อากาศ น้ำ แสงแดด ด้วยนะ
2.เครื่องค้ำจุน ที่ เป็นกุญแจไขความสุข ผัสสะ
แล้ว ชอบ อบอุ่น เป็นสุข
2.1-กามสุข
- มี ศุภะ(เห็นว่าสวยงาม)
อระดี(พึงใจ)
-ตัณหา(อยาก)
-ราคะ(คลุกเคล้า เกลือก กลั้ว ดุจภมร ชอบเกสรดอกไม้)
2.2 ฌานสุข
เกิดจากจิต ผูกกับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง จน จิตแน่วแน่ หลั่งสารความสุขได้
มี ตั้งแต่ วิตก(คิดกว้างๆ) วิจารณ์(คิดลึกลงในรายละเอียด)
ปีติ สุข อุบกขา(สงบ ดูด้วยปัญญา)
เอกจิต จิตเป็นหนึ่งเดียว กับธรรมชาติที่จดจ่ออยู่ และกฎธรรมดาของธรรมชาติ
2.3วิมุติสุข
สุขจาก พ้นอำนาจเพลิงอารมณ์ทุกข์
เพลิงความอยาก ความติด ความพยาบาท ความอยากเบียดเบียน
จึงไม่ทุกข์ ไม่สุข แต่เย็น กาย วาจา ใจ เช่นนั้นเอง
3.อาหาร คืออุดมคติ
เป้าหมายความหวัง อุดมการณ์แห่งชีวิต
เช่นเป้าหมาย ทางสังคม อยากมี
-จุดยืน มีตัวตน อัตตาลักษณ์ของตนเอง
-พื้นที่ ที่เป็นอาณาเขต อาณาจักร ที่ตนเคลื่อนไหวอย่างเสรี
-ความสำเร็จ
...ได้เป็นเจ้าของ...มีความอุดมสมบูรณ์...มีความมั่นคง ในชีวิต
-ได้รับการชื่นชม ยอมรับหน้าถือตา จากสังคม
ความต้องการนี้ บางที ยอมสูญเสีย ตัวตน ผัสสะที่ชอบ
เพื่อ สมใจ สะใจ ในสิ่งที่ตนต้องการ
4.สิ่งค้ำจุน คือ"ความรู้"
มนุษย์ต้องปรับตัว เพื่อ
อยู่รอด อยู่ร่วม
แข่งขัน-แบ่งปัน
ความโชคดี-และคลสภาพจิต เป็นมนุษย์ที่ดี
ดังนั้นมนุษย์ต้องเรียนรู้ตลอดชีวิต
-เรียนรู้จาก การอบรมสั่งสอน ตาม บุพการี วัฒนธรรม สิ่งแวดล้อม
-เรียนรู้จากการตกผลึกความคิด จากประสบการณ์ตนเอง
-เรียนรู้จาก การ ล้างเงื่อนไขชีวิต
ที่จำมาผิด ตั้งทฤษฎีไม่ไม่เหมาะสม ตั้งจิต ตั้งเจตนาเป้าหมายชีวิตผิด
เป็นการเรียนรู้สูงสุด เพราเป็นการปลดปล่อย ชีวาในชีวิต
พ้นจาก เพลิงอารมณ์ทุกข์ ความอยาก
ที่หลอกเราว่าเป็นความจำเป็น
จนเราต้องใช้ตนเอง เป็นวัวควาย
แสวงหา เป้าหมายเทียม(กุญแจความสุข)
แทนที่จะ จัดชีวิต แยกความต้องการ ออกจากความจะเป็น
และใช้ชีวิต แบบ พอเหมาะ พอดี พอเพียง มีเหตุผล มีภูมิคุ้มกัน
ดังแนว พระราชดำหริ เศรษฐกิจพอเพียง
แทนการ เป็นทาส บริโภคนิยม อำนาจนิยม ทุนนิยม ผลประโยชน์นิยม
ชีวิตจึงต้อง โลภ อิจฉา บ้าอำนาจ ฉลาดทางเสื่อม
เป็นทาสอารมณ์ร้าย อารมณ์ทุกข์ โดยสุขล่อให้หลง ในตนไม่สิ้นสุด
Small is beauty ......พอเพียงคืองดงาม
.........................
ดังนั้น การปฏิวัติอาหาร จึงไม่หมายถึง"ของกิน"
แต่หมายถึง เครื่องค้ำจุนชีวิต ที่เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ ดีกว่า มั่นคง มีประโยชน์ประหยัด ปลอดภัย ยั่งยืน
-อาหารที่เป็นวัตถุธาตุ
-อาหารที่เป็นผัสสะ
-อาหารที่เป็นอุดมการณ์ชีวิต
-อาหารทีเป็นความรู้
รู้วิธีล้างเงื่อนไขความรู้ผิด
รู้ยิ่งจนพ้น เพลิงอารมณ์ทุกข์ เพลิงกิเลสในตน
.........................
//-เรารู้ว่า เราไม่เคยรู้มาก่อนว่า
อารมณ์ทุกข์.................ต้องกำหนดรู้
เหตุปรุงแต่อารมณ์ทุกข์ ....ต้อง ละทิ้งให้สิ้น
ผลความเย็นของชีวาในชีวิต....เพราะพ้นเพลิงอารมณ์ทุกข์และกิเลส
ต้องประสบด้วยตนเอง
ทางฝึกฝน เพื่อพบความเย็นนั้น(มรรคแปด)...ต้องเจริญให้ยิ่ง
//-เรารู้ว่า เรารู้ อริยะสัจจะ(ความจริงของผู้ชนะอุปสรรค พัฒนาชีวิตในตน
คือเพลิงอารมณ์ทุกข์ เพลิงจากกิเลส)ที่เกิดขึ้นในตน
//-เรารู้ว่าเรารู้แจ้ง
มีเจโตวิมุติ( มีกำลังจิต เพราะจิตที่สงบ มั่นคงเบิกบาน ชนะอารมณ์ร้าย)
มีปัญญาวิมุติ(มีกำลังปัญญา มีสติปัญญา เข้าใจแจ้งในธรรมชาติตามจริง จนกุมความคิด สภาพจิต)
..........................
การเข้าใจ จัดการ แบบ พอเหมาะ พอดี พอเพียง พอใจ กับเรื่อง
สิ่งค้ำจุนชีวิต ที่เป็น
-วัตถุธาตุ
-ผัสสะ
-อุดมคติ
-ความรู้จนหลุดพ้น
เพลิงอารมณ์ทุกข์ความเศร้าหมองอยากเกินเหตุ
คือการปฏิวัติ อาหารของโลก อย่างแท้จริง
.........................
-ตนเอง....
-รู้จักพอดีพอเพียงพอควร
-เลิกสร้างอารมณ์ทุกข์
-ไม่เป็นทาสความอยาก
-ดูแลสังคม มีสันติสุข สันติธรรม
-บริหารจัดการ ธรรมชาติแบบ พัฒนาเชิงอนุรักษ์ยั่งยืน
ทำให้สิ่งแวดล้อม มีสมดุลที่ดี
.........................................................
ฝึกสร้างนิสัย"กิ๋นบ่เสี่ยง"
เลิกใช้ชีวิตแบบ"กิ๋นเสี่ยง กินซ้ำ"
ทำในสิ่งที่ ดี งาม ยั่งยืนไว้ให้ลูกหลานไทย กันนะครับ
..
..
(https://lh3.googleusercontent.com/-Bd-ew_n_tNg/VZ8LBhwunhI/AAAAAAACCoI/-TJ_lgaO36s/w363-h327-p-rw/Y7378840-3.jpg)
Originally shared by Suraphol Kruasuwan
https://www.youtube.com/watch?v=U4glcVsRpbw (https://www.youtube.com/watch?v=U4glcVsRpbw)
พระมหาโมคคัลลานะ
พระอัครสาวกผู้เป็นเลิศในทางฤทธิ์
ในหลักสูตร นักธรรม จะเรียนเรื่อง พระพุูทธ พระธรรม พระสงฆ์
ครบ ก็จะจบ"นักธรรมเอก"
เวลา เข้าไปในวิหารวัดไทย จะมี พระปฏิมาของพระอัครสาวก สององค์
มี พระสารีบุตร ผู้เลิศทางปัญญา และ พระโมคคัลลานะผู้เลิศฤทธิ์
-ของฝ่ายมหายาน จะมีพระปฏิมาพระหนุ่ม(พระอานนท์)
และพระแก่(พระมหากัสสปะ)
.....................................
พระมหาโมคคัลลานะ มีส่วนร่วม ในพุทธประวัติหลายตอน
แม้นแค่พระคาถา"ชัยชนะ ของพระพุทธเจ้า ชัยมงคลคาถา
หรือพาหุงมหากาฯ ก็มีตอนหนึ่ง ที่นาคดุร้ายมาก
พระพุทธเจ้า ให้พระโมคคัลลานะ ปราบ ท่านใช้วิธี
แปลงกายเป็นนาคที่ใหญ่กว่า ครับผม
แต่ต้องแปล ภาษาอภิจินตนาการ จากวรรณกรรมพุทธศาสนา
หรือ ภาษาบุคลาธิษฐาน..เป็นภาษาธรรม
คือ จะบอกว่า "กูเก่งกว่ามึง แต่กูยังไม่เบ่ง" อิๆ
"ใหญ่..........................ไม่ข่ม
เล็ก.............................ไม่กร่าง
เป็นคนจริง....................ต้องไม่ห่าม ไม่เหิมฯ"(สุภาษิตจีน)
ดีแน่ๆ
......................................
พระโมคคัลลาน มีประวัติที่น่าสนใจอีกหลายตอน
ท่านเป็นสหายพระสารีบุตร
ช่วงแสวงหาโมกข์ธรรม พระสารีบุตร พบพระอัสสชิ
ได้พระคาถา"เย ธัมมา" คือ
"ทุกสรรพสิ่งที่ปรุงแต่ง
(วจีหรือความคิด จิตหรือเจตนา กายหรือบุคลิกภาพ)
มีเหตุเป็นแดนเกิด เช่นอารมณ์ทุกข์
พุทธเจ้า บอกเหตุ และวิธีดับนั้นให้"
...................................
และได้ รับวิธีแก้ง่วง จากพุทธเจ้ามา
.................................
พระมหาโมคัลลานะ ยังเป็นสถาปนิค วิศวะกร
ที่ควบคุมดูแลงานก่อสร้าง วัดสำคัญ ในยุคพุทธกาล
...............................
คำสอนหนึ่ง ที่พระพุทธเจ้า ให้พระโมคคัลานะ
ที่ ลิงชอบย่อไว้คือ
"ไม่สุมหัว ไม่ชูงวง ไม่สร้างวะทะที่นำไปสู่ความขัดแย้ง"
-ไม่สุมหัว คือ ไม่ไปมั่วสุม สนทนาแต่เรือง มงคลตื่นข่าว
อย่างตอนนี้ กระแส ดารา และข่าวปด (เพราะมีคนจ้าง)เยอะมาก
-ไม่ชูงวง คือ เป็นผู้ นอบน้อมถ่อมตน รู้จักรับฟังอย่างสงบ
-ไม่สร้างวาทะ ที่นำไปสู่ความขัดแย้ง
กำลังฝึกอย่างหนัก เพราะอายุยิ่งแก่ ยิ่งปากจัด55555+
....................................
ในฐานะ ที่ท่านเป็นผู้กว้างขวางมาก่อนบวช
และเห็นเปรต ...คือสภาพจิตคน(Being) ที่ก่อนจะมาเป็นมนุษย์(Homo sapiens)
สัตว์ อาจ กิน ถ่าย สืบพันธุ์ นอน กลัวภัย
แต่มนุษย์มีสมองใหญ่ จึง มี อะไรมากกว่าสัตว์
ความโลภ(ยถาเปรต)
-ความอิจฉาบ้าอำนาจ(ฤทธิ์เปรต)
-ความฉลาดโกง ไม่รู้จักพอเพียง(เปรตอยู่ในวิมาน)
ท่านจะยิ้ม เมื่อเห็นว่า เปรต ก็คือพวกผู้มีอำนาจวาสนา
ในกรุงราชคฤห์ นี่แหละ
ท่านก็เลย ถูก ทุบ สิ้นชีพ ด้วยฝีมือโจยท์เก่า และเปรต
ที่ท่านไปรู้เท่ารู้ทันนี้แหละ
งานนี้ ท่านอาจ บรรลุธรรม คือ รู้วิธี ชนะ
อารมณ์ทุกข์ ทนต่อเวทนาทุกข์ ปรับตัว อยู่กับสภาวะทุกข์แบบเคารพยอมรับ แต่
"เวลา กรรม มัจจุราช ไม่เคยคอยใคร"
และ อย่าลืมฝึก ยกระดับ ภูมิจิต ภูมิธรรม ภูมิปัญญา
พบ โพธิจิต ที่กุมสภาพ อธิจิต ในตนให้ได้
จะได้ เป็น พุทธะ(ผู้ใช้สติปัญญาปกครองชีวิต)
เป็น ผู้ฉลาดเลือก ใช้วิธีเรียนรู้ปรับตัว(Homo wise-man) ในชาตินี้แหละ
..........................................................
เอาแค่นี้ก่อนนะ อิ่มอร่อยมื้อเช้า
ใครเดินทาง ให้สะดวก รับโชค มีชัยนะ สาธุ
.........................................................
http://www.dharma-gateway.com/ (http://www.dharma-gateway.com/)…/great_monk/pra-mokkalana.htm
..
..
Originally shared by Suraphol Kruasuwan - 2 comments
ดูกรโมฆราช ท่านจงเป็นผู้มีสติ
1.พิจารณาเห็นโลกโดยความ เป็นของว่างเปล่า (ว่างจากการปรุงแต่ง)
2.ถอนอัตตานุทิฏฐิเสียแล้ว (ถอนความยึดมั่นถือมั่น ว่าเป็นตัวกูของกูจริงๆ)
3.พึงข้ามพ้นมัจจุราช ได้ด้วยอุบายอย่างนี้(ชนะความตายของชีวาในชีวิต)
..
..
Originally shared by Suraphol Kruasuwan
1.ทาน
เพื่อสอนใช้ชนะ จิตเปรตในตน
คือชนะ ความโลภ อิจฉา บ้าอำนาจ ฉลาดโกง
2.ศีล
เพื่อ มีจิตเป็นมนุษย์มากขึ้น
3.สัคคะ
เพื่อช่วยสร้างสันติสุข สันติธรรม แก่ ตน สังคม ระบบชีวาลัย
4.กามฑีนพ
เพื่อให้เห็น โทษ ความติด ยึด หลงไหลนำมาซึ่งเหตุ ทุกข์
5.เนกขัมมะ
การฝึกฝนจิต ให้ สงบ สมถะ สันโดษ ออกจาก ความติด
6.ปัญญา
ปัญญามองเห็นโลก เป็นปราชญ์ ฉลาด มีสติปัญญา
มองเห็นจิตปรุงแต่ง(อธิจิต) และปลุกจิตแท้จิตเดิมให้ตื่น(โพธิจิต)
มาล้างขยะปรุงแต่งจิต กุมสภาพจิต
จนเมื่อกระทบ กระแสโลก กระแสกรรม กระแสธรรม
จิตยังมั่นคง เบิกบาน วิสุทธิ์ เช่นนั้น
จึงเป็นโลกุตระปัญญา...ที่ตื่นแล้ว
เป็นสอนให้การพัฒนาจิตตามลำดับ ของพุทธเจ้า สาธุ
ทั้งหมดนี้ เป็น คำสอนที่พระพุทธเจ้า สอนมากที่สุด ตลอด45พรรษา หลังตรัสรู้ สาธุ
..
..
Originally shared by Hug birds save earth
ความตายที่น่ากลัว
ปอดแหกคือปลอดภัย
พอเพียงคืองดงาม
............................
1.ความตายทางร่างกาย
โรคหัวใจ มะเร็ง อุบัติเหตุ เป็นสาเหตุการตาย ของคนรุ่นใหม่ของโลก
สำหรับผู้สูงอายุ อุบัติเหตุในบ้าน โดยเฉพาะห้องน้ำ มาเป็นที่หนึ่ง
-"ระวังห้องน้ำก็ฆ่าเราได้"
ห้องน้ำของ ผู้สูงอายุ ต้องมีระบบกันลื่น มีราวให้จับ
และเวลาเข้าห้องน้ำ อย่าล๊อคประตู และสอนคนในบ้าน
ให้ฝึกรับมือกรณีฉุกเฉิน เพราะมันตกใจ เลยปล่อยให้ สว.ตายจริงๆ
-โรคหัวใจ
สาเหตุใหญ่ เกิดจาก
"กินอาหารขยะมาก ออกกำลังน้อย
พักผ่อนน้อย เครียดสะสม อารมณ์บูดเน่า"
-มะเร็ง
เป็นเซลล์กลายพันธุ์เรามีทุกคน
แต่ถ้าเรากิน ใช้ชีวิตแบบมะเร็งชอบ มันก็เติบโต
-อุบัติเหตุ
ต้องไม่ประมาท และคิดเผื่อคนที่ประมาทกว่าเรา เสมอ
2.ตายทางสังคม
ต้องระวัง บางทีสิ่งดีๆ ที่เราทำมาชั่วชีวิต
แค่พูดผิดหู ผิดกาละเทศะ
เลย กลายเป็นคนชั่ว ในสายตาสังคมไปเลย
3.ตายทางจิตวิญญาณ
มนุษย์มีสองจิต(เซ็น)
-จิตปรุงแต่ง ดูแล สั่งสอนเรามาตลอดชีวิต(อธิจิต)
-จิตแท้จิตเดิม คือ"ชีวาในชีวิต สติปัญญาปรีชาญาณ"(โพธิจิต)
ต้อง ถูกปลุกให้ตื่น ล้างขยะปรุงแต่ง กุมสภาพจิตปรุงแต่ง
และมาดูแล ชีวิตเราต่อ ให้สิ้นอายุขัย ตามยีนส์ให้มานะ
..........................................
ความตายที่น่ากลัวคือ
"ความตายของชีวาในชีวิต" ครับผม
วันนี้คุณหัวเราะแล้วยัง?
..
..
(https://lh3.googleusercontent.com/-h6LNGJV_hpY/VZUkBAWX9NI/AAAAAAAGkc4/cMnNPcNyDto/w463-h170-rw/01.07.15%2B-%2B1.gif)
Philosophy and healthy ปรัชญา และสุขภาพดี
G+ communities คนรัก รักษ์ ปัญญา สุขภาพ กีฬา และจักรยาน
สุขภาพดี คือลาภอันประเสริฐ ที่เราทำได้เอง
Suraphol KruasuwanOWNER
-
(https://lh3.googleusercontent.com/-qBjpcAN0xQQ/Vbg42IrPdcI/AAAAAAACDgU/cIezdb2-U9o/s463-p-rw/aaaa3.jpg)
Originally shared by Suraphol Kruasuwan
อย่ากตัญญู แบบ "ปิดทองใส่หน้าผากตนเอง"
วันนี้ ถ้าพ่อแม่ ยังมีชีวิต รีบโทร ไปถามสาระ สุข กับท่านนะครับ
มนุษย์แท้ จากสรุปคำสอนสามปราชณ์(ซำก่า)
พุทธเจ้า เหลาจื้อ ขงจือ
1.อยู่อย่างสมถะ
2.สันโดษ อิ่มใจในสิ่งดีๆที่ทำ
3.ทำงานด้วยความขยัน อดทน พากเพียร อดออม
4.เคารพวัฒนธรรมตน และผู้อื่น
5.ซื่อสัตย์
6.เที่ยงธรรม
7.เป็นธรรมบาล คุ้มครองครอบครัว สังคม สิ่งแวดล้อม
8.กตัญญ เป็นยอดมนุษย์ธรรม
จำทุกข้อไม่ได้ จำข้อ8และรีบลงมือทำนะ สาธุ
..
..
Originally shared by Suraphol Kruasuwan
1.คิดแบบฝรั่ง ...................ใหญ่กินเล็ก(กำปั้นใหญ่ได้เปรียบ)
2.คิดแบบ จุลินทรีย์ ...........เล็กก็กินใหญ่ได้
3.คิดแบบเต๋า ...................ใช้กำลังศัตรู จัดการกับศัตรู
4.คิดแบบพุทธะ.................ทั้งหมดคือ มายา ลีลา อนัตตา
"แบกไว้............................ก็หนัก
วางไว้(อัตตา)....................ก็เบา
ไม่เอา(สิ่งไร้สาระ).............ก็หลุดโลกฯ"
..
..
Originally shared by Suraphol Kruasuwan
/-การเทศน์ที่สั้นที่สุด ของอาจารย์พุทธทาส
ให้นักเรียน ที่มาแวะ และรีบเดินทางต่อ
เรื่องศีล ธรรม วิมุติ เป็นหลักของหัวใจปฏิบัติ ของพุทธศาสนา
"ศีลมีข้อเดียว..............รู้ว่าชั่วก็ละโดยเด็ดขาด
ธรรมมีข้อเดียว............รู้ว่าเป็นกุศลก็เจริญให้ยิ่ง
วิมุติมีข้อเดียว..............ไม่ทุกข์ ไม่สุข แต่เย็น"
สาธุ
..
..
Originally shared by Hug birds save earth
เดินทางหมื่นลี้ มีก้าวแรกเสมอ(เหมาเจต๋ง)
การเดินทางที่ยิ่งใหญ่คือ"ความกล้าหาญที่จะเปลี่ยนนิสัยตนเอง"
"จักขุมา.......................มีวิสัยทัศน์ ที่เที่ยงตรง ชัดเจนไม่ลำเอียง
วิธุโร............................บริหารจัดการชีวิตและงาน อย่างโปร่งใส
นิสสยสัมปันโน.............มีนิสัยดี จนไม่ขาดผู้อุปถัมภ์"
รีบทำนะสหาย ถ้ายังหายใจอยู่
เวลา กรรม มัจจุราช ไม่เคยคอยใคร
..
..
Originally shared by Suraphol Kruasuwan
"ตนแล..................เป็นที่พึ่งแห่งตน
ใครไหน................จักเป็นที่พึ่ง(ทุกเรื่องได้นั่น)
ตนอันฝึกดีแล้ว.......จึงเป็นที่พึ่งแท้ ที่สำคัญ
ผู้รู้นั้น.....................จึงเร่ง ฝนฝึกตนฯ"(พุทธพจน์)
ธรรมอันเป็นที่พึ่ง ทั้ง10
ที่เราต้องฝึก จึงจะพึ่งตนเองได้ คือ
1.-ฝึกเป็นคนมีศีล
2.-ฝึกเป็นคน มีความรู้รอบตัว
3.-คบมิตรคนดีที่อุปการะกันได้
4.-เป็นผู้รู้จักรับฟังความคิดเห็นผู้อื่นอย่างนอบน้อม ไม่แข็งกระด้าง
5.-มีจิตอาสา น้ำใจดูแล เพื่อน ให้โอกาสชีวิตที่ด้วยโอกาส
6.-สนใจศึกษาปรัชญาชีวิต แลกเปลี่ยความคิดเห็นกับนักปราชญ์
7.-มีความเพียร ตามวัย ตามกาล
เพียร ฝึกอยู่ร่วม อยู่รอดในโลก ที่แข่งขัน สุขจากการแบ่งปัน
เพียร ล้าง ขยะปรุงแต่งจิตภายใน
-วัยเด็กเร่งเรียนรู้วิชา
-วัยหนุ่มหาทรัพย์สร้างหลักฐาน
-วัยกลางคน มีศีลธรรมปรัชญาชีวิตดีๆนำชีวิตกัน
-วัยปลาย จิตผ่องใส ให้แสงสว่างธรรมะแด่ปวงชน
9.-มีความอิ่มใจ ในกุศลทุกขณะจิต(สันโดษ)เป็นยอดทรัพย์
10-มีการพัฒนาสติปัญญา เป็นปรีชาญาณ
มีวิชา เป็นแสงส่องรู้จักโลก มีวิชชา เป็นแสงส่องใจ
พ้นเพลิงอารมณ์ทุกข์และเพลิงกิเลส ด้วยการ ทำอาสวะให้สิ้น
.............................................
สันโดษ คือยอดทรัพย์ ทรัพย์แปลว่า เครื่องทำให้ปลื้มใจ
1.เมื่อธรรมชาติ มีผู้เมตตาให้ ต้อง....."ยถาสันโดษ"
ยินดี ตามที่ได้รับ ไม่เรียกร้องเกินเหตุ
2. เมื่อทำงาน ให้ทำเต็มกำลังความสามารถ....."พละสันโดษ"
3.เมื่อมีความสามารถไม่จำกัด ต้องรู้จักพอ สุขจากการแบ่งปัน.."สารุปสันโดษ"
4.เมื่อมีครอบครัว บริวาร ต้อง ยินดีดูแลให้ความเที่ยงธรรม.."สาทารสันโดษ"
5.เมื่อบริหารงานส่วนรวม
ต้องดูแล ปกป้อง รักษา พัฒนา อย่างยั่งยืน
ไม่โลภเอาสมบัติสาธารณะเป็นของตน.."สาธารณะสันโดษ"
................................
นาถกรณธรรมนี้ ท่านเรียกว่าเป็น พหุการธรรม หรือ ธรรมมีอุปการะมาก
เพราะเป็นกำลังหนุนในการบำเพ็ญคุณธรรมต่างๆ ยังประโยชน์ตนและ
ประโยชน์ผู้อื่นให้สำเร็จได้อย่างกว้างขวางไพบูลย์
D.III.266, 290;
A.V.23 ที.ปา. 11/357/281; 466/334;
องฺ.ทสก. 24/17/25.
http://84000.org/tipitaka/dic/d_item.php?i=324 (http://84000.org/tipitaka/dic/d_item.php?i=324)
..
..
Originally shared by Suraphol Kruasuwan
ชนะทุกข์ แบบชาวพุทธ
1.สภาวะทุกข์......ฝึกทำใจยอมรับในไตรลักษ์
2.เวทนาทุกข์......ฝึกอดทนพันเท่า
3.อารมณ์ทุกข์....ฝึกชงอารมณ์ปีติ สุข สงบ เย็น แทนฯ
..
..
Originally shared by Suraphol Kruasuwan
สวัสดี สหายในธรรม
การสวดมนต์ เป็นการเจริญ ภูมิจิต ภูมิธรรม ภูมิปัญญาอย่างดี
ไม่ให้เรา ตกต่ำกว่า มาตราฐานมนุษย์ ได้ง่ายๆ
และมีโอกาศพัฒนา สุงขึ้น ยิ่งขึ้น จนพบพระนิพพานด้วยตนเอง
ปู่ชอบ บท อิติปิโส และความหมายของ บทสวด โอวาทปาติโมกข์
//ตัดทาง ไม่ไปสู่อบาย
ทำความฉลาด ทางดีทั้งหลาย ให้ปรากฎ
ชำระจิต ให้สงบ สะอาดสว่าง ไม่ละลด
ทั้งหมดคือ คำสอนพระศาสดา
//-ความอดทน ฝึกฝนตน เป็นยอดตะบะ
พุทธะ ล้วนมีนิพพาน เป็นเป้าหมาย
บรรพชิต คือผู้หมดเจตนา ทำร้ายทำลายใคร
สมณะทั้งหลาย ย่อมมุ่งหมายสันติธรรม
//-ไม่กล่าวร้าย ทำร้ายใคร
สำรวมสังวร ในปาฏิโมกข์นั่น
สงบ สงัด ทุกอริยาบทกัน
ฝึกจิต ให้สุงส่งยิ่งๆนั่น เป็นคำสอนพระศาสดา เอยฯ
--------------------------------
เจริญในกุศลธรรม
ปัจจุบัน มีการแต่ง บทสวดใหม่ๆมากมาย
ปู่ก็ส่งสมาธิจิตตาม และถวายเป็นพระราชกุศล แด่ พ่อ แม่แห่งแผ่นดิน ทุกเย็น
สาธุ การทำดี ไม่มีการผลัดผ่อน เด้อ
อย่าประมาท เวลา อภิสังขาร และมัจจุราชมาร ผู้มีเสนามาก สวัสดี
..
..
Originally shared by Suraphol Kruasuwan
//-ชีวิต จึงเฉกเช่น การพัฒนาการของผีเสื้อ
1.-เป็นไข่หนอน.......................เป็นทาสความอยากภายใน
2.-เป็นหนอน...........................เป็นทาสกระแสวัฒนธรรม ชาวโลก
3.-เป็นดักแด้...........................หยุด ตกผลึกความคิด เปลี่ยนแปลงภายใน
4.-เป็นผี้เสื้อ ผู้เสพแต่น้ำหวาน จากดอกไม้
และมีปีกแห่งเสรีภาพ ที่จะโบยบิน
..........................................สัมมาสติ โพธิปัญญาตื่น
พบ บรมสุข ของชีวาในชีวิต จากวิมุติธรรม สาธุ
..
..
Originally shared by Suraphol Kruasuwan
วิมุติมีสองรส
1.เย็นภายในจิต วาจา ใจ กาย ถาวร
เพราะ สัมมาสติโพธิปัญญาตื่น
มาล้างขยะปรุงแต่งจิต
ทั้งที่เป็น อาสวะ สาสวะ สิ้น เป็นอนาสวะ
เลิกเป็นทาสจิตปรุงแต่ง
สิ้นอุปาทานในสังขาร
"เตสัง วูปสโม สุโข"
2.เย็นภายนอก เพราะสุขจากการแบ่งปันให้ชีวิตอื่นเป็นสุข
และเราได้รับผล ความสุขนั้นด้วย
"หิตายะสุขายะ"
..
..
(https://lh3.googleusercontent.com/-T6EVco1att8/VcAQZCccDgI/AAAAAAACECU/UgkxWsS8osQ/w463-h265-p-rw/51_n.jpg)
Philosophy and healthy ปรัชญา และสุขภาพดี
G+ communities คนรัก รักษ์ ปัญญา สุขภาพ กีฬา และจักรยาน
สุขภาพดี คือลาภอันประเสริฐ ที่เราทำได้เอง
Suraphol KruasuwanOWNER
-
(https://lh3.googleusercontent.com/-XC6RX2XQF2s/VZJ_5mk4keI/AAAAAAAAgPg/c-oUibQy718/w363-h584-p-rw/fb1e110c167e1c7283dbb234c6192b5b.jpg)
Originally shared by Suraphol Kruasuwan
ขอบคุณครับ มหัศจรรย์แห่งเวลา
จักรวาลประกอบด้วย
1.พลังงาน มวลสาร เป็นผู้แสดงละคร เป็นทุกสรรพสิ่ง
2.กฎ กติกา มารยาท ของ ธรรมชาติเป็นผู้กำกับ
3.เวลา เป็นผู้ตัดสิน
4.อวากาศเป็นเวทีแสดง
...................................
เวลา ในความคิดมนุษย์
1.เป็นลำดับการเปลี่ยนแปลง ของสรรพสิ่ง
2.เวลาหมือนลูกธนู เดินหน้า ไม่สิ้นสุด
3.เวลา คือมิติหนึ่งของธรรมชาติ
เหมือนสายน้ำ เดินไม่เท่ากัน เร็ว ช้า หยุด ได้ (ไอสไตน์)
4.นาฬิกาชีวะภาพ เปลี่ยนแปลงได้
..................................
นาฬิกาชีวะภาพ เป็นระบบมหัศจรรย์หนึ่งของแต่ละชีวิต
จะมีพฤติกรรมตามกาลเวลา
ในแต่ละวัน คืน เดือน ฤดูกาล
นาฬิกาชีวะภาพ แต่ละคนไม่เหมือนกัน และเปลี่ยนตามวัย
ดังนั้นถ้าเราเข้าใจ ยอมรับ ปรับตัวตามสภาพ ชีวิต็ปกติสุขมากขึ้น
....................................
นาฬิกาชีวะภาพ สมัยหนุ่มเหลือมาก สามทุ่ม กำลังตาใส
เดี๋ยวนี้เหมือนเด็กๆ เป็นเฒ่าทารก
ตื่น กิน เล่น เรียน นอน วันละหลายๆรอบ
แต่เราเข้าใจ ยอมรับสภาพ ชีวิตก็ไม่มีปัญหา สนุกไปอีกแบบ
หรรษา กับมหัศจรรย์ ของเวลานะ
.......................................
"จากธาตุรู้...........เกิดความรู้
ความรู้................สร้างตัวรู้
ตัวรู้ตื่น................เปลี่ยนแปลง เป็นผู้รู้
ผู้รู้......................หรรษา กับญาณหยั่งรู้ฯ"
..
..
//-สวัสดียามเช้า ท่านแมงมุม...........ชาวธรรมะ
ท่ามกลาง หมอกสีขาว บดบังทัศนะ .ยังมีที่เย็นให้อาศัย
ก็ใจเรา บ่เร่าร้อน ตามกระแสโลก ..ธรรมใดๆ
เพราะทุกสิ่งไซร์ มีเกิด ดับ .............ธรรมดา
//-ทุกอย่างในโลก งดงาม.......... ...เพราะแตกต่าง
มนุษย์ มีสติ ปัญญาว่าง อาจารย์สอน..ให้เลือกนั่น
ทั้งละชั่ว ทำดี ไม่ติดดี ...................จิตย่อมเบาทุกวัน
เวลา มัจจุราช.................................บ่เคยคอยใคร
//-ช่างไม้ ถากด้วยขวาน..................ขึ้นรูป
สิ่วสะกัด เป็นลายรูปลักษ์ ...............ให้ชวนฝัน
กระดาษทรายขัด ดูดี ......................งดงามกัน
สีเคลือบ แวววับ ดั่งเนรมิต ..............จับจิตคนฯ
//-ผู้ใฝ่รู้ จึงเร่งละ ..............................กิเลสหยาบ
คอยสะกัด นิวรณ์ ด้วยสติ ................ฝึกดีนั่น
สำรวม มองกระแส โลกธรรม.............อนิจจัง ทุกข์ อนัตตากัน
ละทั้งดีชั่ว ทุกข์ สุขนั้น เลิศล้ำงาม.....พุทธคุณฯ
//-ปู่ส่งเสียง เจี๊ยกๆเตือนภัย ...............อวิชชา มาตลอด
ด้วยตัณหา ชอบเกาะคอ ....................ผู้ที่คิดว่ารู้นั่น
อวจนะ แล้วแต่ บุญบารมีใคร............. จักเข้าใจกัน
ว่าง ช่วยตนท่าน เข้ามา..................... ช่วยร้อยมาลัยฯ
//-อันมาลัย จากใจ .............................ให้ผู้ใฝ่ดีและรู้
เป็นเพื่อน เตือนสติ ข้ามภพชาติ..........กาลนั่น
ภควัน ค้นพบ พุทธบริษัท ....................ส่งสืบทอดกัน
โพธิปักขิยะธรรม คือทางปฏิบัติ ...........อย่าละเลยฯ
//-ไม่งั้นชีวิต ดั่งคนออกแรง .................ยกไถลอย
เชื้อหญ้ารกเรื้อ (กิเลส ตัณหา อุปทาน)หาดับไม่
หมดโอกาสหว่าน บุญ กุศล มงคล .......อริยะธรรมสู่ใจ
ได้แต่ เป็นควายเขากาง บ้าน้ำลาย......ไล่ขวิดคนฯ
//-ช่วงนี้ ลูกหลาน .................................ปลีกเนกขัม
ปู่ก็อาสาช่วย งานเศษฐกิจพอเพียง ......กับสหายนั่น
แจกพันธุ์ปลูกพืชปลอดสาร .................ชีวิตปลอดภัยกัน
เพื่อ ตน สังคม สิ่งแวดล้อมนั้น ............ดียั่งยืน ในถิ่นไทยฯ
//-พระอริยะพ่อหลวง เมตตา ................ชี้ทฤษฎีใหม่
มาช่วยร่วม ทำเป็นรูปธรรม ..................อย่างแข็งขัน
ใครไป สันนายาวแม่จัน .......................ดูงานครูแปลกกัน
ผู้มุ่งมั่น ทำทฤษฎี พ่อหลวงเรา ...........ประจักษ์จริง
//-กายวาจาใจ สุจริตชน .......................ย่อมเที่ยงตรง
ไม่ มัวงมโข่ง ตีความ ...........................ตามใจฉัน
เอาแต่ใจ ก็เป็นทาส อภิสังขารมาร ......เสียเวลาชีวิตกัน
ทำชีวิต ให้มีสติชีวา สันติธรรมแท้.........อยู่ที่ใจฝึกดีเอยฯ
//-ก็ฝากไว้ แด่มวลมิตร .........................ใฝ่กุศล
ขอทุกคน มีกำลังใจ ทำมงคล ...............ให้แจ่มใส
แม้นความคิดต่าง ก็ธรรมดาโลก ............ยิ้มหัวไป
เพราะ กฎแห่งกรรมย่อม ทำหน้าที่ ...........สวัสดีเอยฯ
..
..
Originally shared by Suraphol Kruasuwan
//-ก่อนอื่น ต้องเข้าใจ พุทธศาสนาปัจจุบันมีสามมิติ
1.เพื่อ สืบศาสนา
มีอันโนมติ มากมาย หลายหลาย วัฒนธรรม พิธีกรรม
"ตามความเชื่อ แต่ละบุคคล คณะ"
2.เพื่อเกิดความ สันติธรรมแก่สังคม
จะใช้หลัก"ธรรมบาล"
สังคมใด มีและใช้หลัก
-บุพการี(ยินดีทำคุณให้ผู้อื่น)...กตัญญู(รู้คุณและตอบแทน)
-หิริ(รู้ว่าความชั่ว น่าละอาย...โอตตัปปะ(เกรงกลัวผลชั่ว)
-มงคล(ทำหน้าที่ เพื่อได้ สิทธิ แห่งการโชคดี)
-หิตายะสุขายะ...ทักษิณาทาน สุขเพราะทำให้ชีวิตอื่นเป็นสุข
3.ทำนิพพานให้แจ้ง
ใครๆก็อยากจะมีความสุข
ความสุขอยู่ที่ใจ
-อามีสสุข สุขที่ต้องใช้กุญแจ ที่เป็นสิ่งนิกกายมาไข
เช่น ลาภ ยศ สรรเสริญ เสพสุข สบายจากวัตถุ
-นิรามมิสสุข
สุขจากพ้นอำนาจกุญแจความสุข
สุขจากสงบ สงัด สันโดษ สมถะ พอเพียง อิๆ
-นิพพานสุข
สุขเมื่อ ละชั่ว ทำดี ชำระใจ จนพ้นบ่วง
ความคิด อารมณ์ อุดมการณ์ ความรู้ สัญชาติญาญนักล่า อิๆ(ทำอาสวะให้สิ้น)
...................................
//-ธรรมของพุทธศาสนา เพื่อ อนุเคราะห์์โลก
-สังขารโลก...โลกที่ปรุงแต่งเป็น"ตัวเรา"แต่ละคน
(มีนิพพารให้แจ้งเป็นที่สุด)
-สัตว์โลก...โลกที่ปรุงแต่งเป็นสังคม
(มีธรรมบาล เป็นหลัก)
-โอกาสโลก..โลกคือระบบชีวาลัยที่ลอยอยู่ในอวกาศ(สิ่งแวดล้อม)
มีความรัก(มหาเมตตา) รักษ์โลกธรรม เป็นหลัก
...................................
จะประกอบด้วย
หลักการ (ปริยัติ)
หลักฝึกฝน(ปฏิบัติ)
หลักรู้(ปฏิเวธ) เป็นประจักษ์นิยม ด้วยตนเอง
..
..
Originally shared by Suraphol Kruasuwan
1 Sep 2015
วันนี้วันพระ พระแท้อยู่ที่ใจ สาธุ
ธรรมชาติของชีวิต ๗ ประการ
(อังคุตตรนิกาย สัตตกนิบาต อรกานุสาสนีสูตร)
ในอรกานุสาสนีสูตร แห่งคัมภีร์อังคุตตรนิกาย ได้แสดงว่า ชีวิตเป็นสิ่งที่ไม่เที่ยงแท้แน่นอนด้วยอุปมา ๗ ประการด้วยกัน คือ
๑. ชีวิตของมนุษย์เปรียบเหมือนหยาดน้ำค้าง กล่าวคือ หยาดน้ำค้างบนยอดหญ้า เมื่ออาทิตย์ขึ้นมา ก็พลันแห้งหายไป ชีวิตมนุษย์ก็ฉันนั้นเหมือนกันคือนิดหน่อย รวดเร็ว มีทุกข์มาก มีความคับแคบมาก จะพึงเข้าใจได้ด้วยปัญญา ควรกระทำกุศล ควรประพฤติพรหมจรรย์ เพราะสัตว์ที่เกิดแล้วจะไม่ตายไม่มี (ชีวิตของมนุษย์ประมาณ ๑๐๐ ปี เกินกว่านั้นไปก็มี แต่เป็นส่วนน้อย)
๒. ชีวิตของมนุษย์เปรียบเหมือนฟองน้ำ กล่าวคือ เมื่อฝนตกหนักฟองน้ำ (อันเกิดขึ้นเพราะฝน) ย่อมแตกไปเร็ว ชีวิตก็ตั้งไม่ได้นาน เช่น ต่อมน้ำ
๓. ชีวิตของมนุษย์เปรียบเหมือนรอยไม้ที่ขีดลงไปในน้ำ กล่าวคือ (น้ำเป็นของไม่แยกกัน) รอยไม้ที่ขีดลงไปในน้ำ ก็พลันกลับเข้าหากัน คนที่ยังมีชีวิตก็ดุจกัน ถ้ายังมีปัจจัยสนับสนุนกยังคงอยู่ได้
๔. ชีวิตของมนุษย์เปรียบเหมือนแม่น้ำที่ไหลลงจากภูเขา กล่าวคือ แม่น้ำไหลลงจากภูเขาไหลไปไกล กระแสเชี่ยว พัดสิ่งต่าง ๆ ไปด้วย ไม่มีหยุด (แม้สักครู่เดียว) โดยที่แท้ แม่น้ำมีแต่ไหลเรื่อยไปเท่านั้น
๕. ชีวิตของมนุษย์เปรียบเหมือนก้อนเขฬะ (น้ำลาย) กล่าวคือ บุรุษที่แข็งแรงอมก้อนเขฬะไว้ที่ปลายลิ้น แล้วพึงถ่มไปได้โดยง่ายดาย
๖. ชีวิตของมนุษย์เปรียบเหมือนชิ้นเนื้อ กล่าวคือ ชิ้นเนื้อที่บุคคลใส่ไว้ในกระทะเหล็กร้อนตลอดวันยังค่ำ ย่อมจะไหม้ไปอย่างรวดเร็ว
๗. ชีวิตของมนุษย์เปรียบเหมือนแม่โคที่จะถูกฆ่า กล่าวคือ แม่โคที่จะถูกฆ่า ซึ่งเขานำไปสู่ที่ฆ่า ก้าวเท้าเดินไปเท่าใด ก็ใกล้ความตายเข้ามาเท่านั้น
http://www.mongkoltemple.com/page02/daily019.html (http://www.mongkoltemple.com/page02/daily019.html)
..
..
"พระพุทธเจ้า ในอดีต ปรินิพพานไปแล้ว
พระพุทธเจ้า ในอนาคต ยังมาไม่ถึง
ให้พึ่งพุทธเจ้า ที่อยู่ในใจ
คือแสงแห่งสัมมาสติโพธิปัญญาที่ตื่นแล้ว"
..
..
Originally shared by Suraphol Kruasuwan
1.อารมณ์มนุษย์ เหมือน ค็อกเทล
2.ความคิด เป็นผู้ชง จิตเป็นผู้ดื่ม แล้ว เมาโลก
3.ถ้า เบื่อ ทุกข์ โศก เศร้า เหงา หดหู่ ฟุ่งซ่าน ย้ำทำ
ลองฝึกชง อารมณ์ที่ชิวๆ ดีต่อ สุขภาพ
4.อารมณ์ที่ให้คุณ เราชงเองได้
ปิติ........................อิ่มในกุศลที่เราเคยทำ
สุข...........................จากการช่วยให้ชีวิตอื่นเป็นสุข เราได้รับผลสุขด้วย
อุเบกขา....................ใช้ปัญญา แทนอารมณ์
เอกจิต.......................จิตที่ สงบ สะอาด สว่างเย็น
และแอบมอง กฎ พลัง เวลา อวกาศ ปรุงแต่ง
มายา ลีลา อนัตตา ธรรมชาติ เล่นละคร
"คนทั้งโลก หลงอยู่ แต่ผู้รู้หาข้องไม่"(พุทธพจน์)
สาธุ
..
..
Originally shared by Suraphol Kruasuwan
ในมุมมองของเอเชีย
1."มนุษย์แท้ ควรมีวิชา บู้(ยับยั้งความขัดแย้ง)
2.และบุ๋น(ปรีชาญาณรู้แจ้ง และคุณธรรม)
3.และให้บุ๋น กำกับบู้
4.สูงสุดของความเป็นมนุษย์แท้ คือ สร้าง และเสพศิลป์
......................................................
หนึ่งในวิชาบู้ คือ วิชาต่อสู้ป้องกันตัว ของญี่ปุ่น
"วิชานินจา" เป็นวิชา นอกระบบ ของ นักรบในเงามืด
คู่กับ "วิชา บูชิโด" ของชาวซามูไร นักรบ ที่ที่แจ้ง
..
..
Originally shared by Suraphol Kruasuwan
"ชีวิต มีขึ้น...........................มีลง
เมื่อขึ้น................................ต้องเตรียมทางลง ที่สง่างาม
เมื่อขึ้น................................จะได้พวก
ยามลง................................จะพบเพื่อนแท้ฯ"
https://www.youtube.com/watch?v=FVh8-xgPQZU (https://www.youtube.com/watch?v=FVh8-xgPQZU)
上海灘 :Shang Hai Tan
Long ban long lau
maan lei tou tou gong seoi wing bat jau
Tou zeon liu sai gaan si
wan zok tou tou jat pin ciu lau
Si hei si sau long lei fan bat cing fun siu bei jau
Seng gung sat baai long lei hon bat ceot jan mei jau
Moi nei han nei man gwan zi fau
Ci daai gong jat faat bat sau
Zyun cin waan zyun cin taan
Jik mei peng fuk ci zung zaang dau
Jau jau hei jau jau sau
Zau syun fan bat ceng fun siu bei jau
Jing jyun faan baak cin long
Zoi ngo sam zung hei fuk gau
ผมขอแปลเนื้อเพลงเป็นภาษาไทยดังนี้ครับ
คลื่นกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยว
เป็นแม่น้ำที่ทอดยาวหลายพันไมล์ไหลต่อเนื่องชั่วนิรันดร
ไหลชะล้างเรื่องราวต่างๆ ของโลก
กระแสน้ำเชี่ยวกราดที่ไหลผสมปนเปกันนี้
มันคือความสุขหรือความทุกข์
ยากนักที่จะบอกความต่างระหว่างความโศกเศร้าและความทุกข์ในกระแสน้ำ
ความสำเร็จ ความพ่ายแพ้
ยากนักที่จะเห็นในสายน้ำ
รักคุณ หรือ เกลียดคุณ
จงถามคุณ หากคุณรู้
เหมือนมหานที เมื่อไหลไปแล้วย่อมไม่หวนกลับ
ไหลผ่าน หลายเวิ้งอ่าว
ไหลผ่านหลาย ฝั่งหาด
ก็ยังไม่อาจหยุดยั้งการดิ้นรนต่อสู้นี้ได้
ทั้งความสุข และความเศร้าโศก
ไม่สามารถที่จะแยกแยะระหว่างสองสิ่งนีได้
ยังคงหวังที่เอาชนะคลื่นที่ถาโถมเข้ามานี้
หัวใจฉันพร้อมรับการขึ้น การลงนี้
ยังคงหวังที่เอาชนะคลื่นที่ถาโถมเข้ามานี่
หัวใจฉันพร้อมรับการขึ้น การลงนี้
http://hakkapeople.com/node/3390 (http://hakkapeople.com/node/3390)
..
..
(https://lh3.googleusercontent.com/-OWVOsr2s7rk/VaPZZvbuG8I/AAAAAAAFhbE/zNVU9NJsnFY/w463-h242-p-rw/15%2B-%2B1)
Philosophy and healthy ปรัชญา และสุขภาพดี
G+ communities คนรัก รักษ์ ปัญญา สุขภาพ กีฬา และจักรยาน
สุขภาพดี คือลาภอันประเสริฐ ที่เราทำได้เอง
Suraphol KruasuwanOWNER
-
(https://lh3.googleusercontent.com/-UgDTTmLSm6U/VZpuMwXmxwI/AAAAAAAALE8/8Hq1WSERKX4/w263-h409-p-rw/Black-n-Blue.jpg)
โลกุตระปัญญา(โพธิปัญญา)นำไปสู่ความเย็น
โลกียะปัญญา นำไปสู่ความร้อนครับผม สาธุ
Originally shared by Suraphol Kruasuwan Sep 23, 2015
ดูกรภิกษุทั้งหลาย สิ่งทั้งปวงเป็นของร้อน,
ก็อะไรเล่าชื่อว่า สิ่งทั้งปวงเป็นของร้อน?
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
จักษุเป็นของร้อน
รูปทั้งหลายเป็นของร้อน
วิญญาณอาศัยจักษุเป็นของร้อน
สัมผัสอาศัยจักษุเป็นของร้อน
ความเสวยอารมณ์(เวทนา)เป็นสุขเป็นทุกข์
หรือมิใช่สุขมิใช่ทุกข์ ที่เกิดขึ้นเพราะจักษุสัมผัส
เป็นปัจจัยแม้นั้นก็เป็นของร้อน
อาทิตตปริยายสูตร
ทรงแสดงพระธรรมเทศนาอยู่นั้น ภิกษุชฎิล
ทีเดิมบูชาไฟ ทรงตรัสว่า
ไฟที่ควรบูชาคือ ไฟ แห่งสัมมาสติโพธิปัญญา
ไฟที่ไม่ควรบูชา คือ ไฟ จาก กิเลส ตัณหาอุปาทาน
ราคะ โทสะ โมหะ
ทำให้ผัสสะโลก ธรรม แล้วร้อน
..........................................
สรุป เมื่อขาดสติปัญญากำกับ
ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ผัสสะ โลก ธรรม แล้วร้อน เพราะ
ไฟ กิเลส ตัณหา อุปาทาน ในตน ยังมีเชื้ออยู่
สร้าง อารมณ์ร้อนขึ้นในตน สาธุ
..
..
Originally shared by Suraphol Kruasuwan
https://www.youtube.com/watch?v=fh3KuBS6AqA (https://www.youtube.com/watch?v=fh3KuBS6AqA)
บทสวด กรณียเมตตสูตร พร้อมคำแปล
บทขัดกะระณียะเมตตะสุตตัง
ยัสสานุภาวะโต ยักขา ยัมหิ เจวานุยุญชันโต
สุขัง สุปะติ สุตโต จะ เอวะมาทิคุณูเปตัง
เนวะ ทัสเสนติ ภิงสะนัง รัตตันทิวะมะตันทิโต
ปาปัง กิญจิ นะ ปัสสะติ ปะริตตันตัมภะณามะ เห ฯ
แปลบทขัดกะระณียะเมตตะสุตตัง
เหล่า เทพยาทั้งหลาย ย่อมไม่แสดงอาการอันน่าสะพรึงกลัว เพราะอานุภาพแห่งพระปริตรนี้ อนึ่งบุคคลไม่เกียจคร้าน สาธยายอยู่เนือง ๆ ซึ่งพระปริตรนี้ ทั้งในกลางวันและกลางคืนย่อมหลับเป็นสุข ขณะหลับย่อมไม่ฝันร้าย ท่านผู้เจริญทั้งหลาย จงสวดพระปริตร อันประกอบไปด้วยคุณดังกล่าวมา ดังนี้เทอญ
บทกะระณียะเมตตะสุตตัง
ทำ ให้หลับเป็นสุข ตื่นเป็นสุข ไม่ฝันร้าย เป็นที่รักของมนุษย์และอมนุษย์ทั้งหลาย เทพพิทักษ์รักษา ไม่มีภยันตราย จิตเป็นสมาธิง่าย ใบหน้าผ่องใส มีสิริมงคล ไม่หลงสติในเวลาเสียชีวิต และเป็นพรหมเมื่อบรรลุเมตตาฌาน
๑. กะระณียะมัตถะกุสะเลนะ . . . . . . . ยันตัง สันตัง ปะทัง อะภิสะเมจจะ
สักโก อุชู จะ สุหุชู จะ . . . . . . . . . . . . สุวะโจ จัสสะ มุทุ อะนะติมานี
กิจ ที่คนฉลาดในสิ่งที่มีประโยชน์ และมุ่งหมายจะบรรลุทางสงบ จะพึงทำ ก็คือ เป็นคนกล้า, เป็นคนซื่อ, เป็นคนตรง, ว่าง่าย, อ่อนโยน, ไม่เย่อหยิ่ง
๒. สันตุสสะโก จะ สุภะโร จะ . . . . . . . .อัปปะกิจโจ จะ สัลละหุกะวุตติ
สันตินท์ริโย จะ นิปะโก จะ . . . . . . . . อัปปะคัพโภ กุเลสุ อะนะนุคิทโธ
เป็นผู้สันโดษ, เลี้ยงง่าย, มีภาระกิจน้อย, คล่องตัว, ระมัดระวังการแสดงออก, รู้ตัว, ไม่คะนอง, ไม่คลุกคลีในตระกูลทั้งหลาย
๓. นะ จะ ขุททัง สะมาจะเร กิญจิ . . . . . เยนะ วิญญู ปะเร อุปะวะเทยยุง
สุขิโน วา เขมิโน โหนตุ . . . . . . . . . . . . สัพเพ สัตตา ภะวันตุ สุขิตัตตา
ไม่ประพฤติสิ่งที่วิญญูชนตำหนิติเตียนได้, พึงแผ่เมตตาจิตว่า ขอสัตว์ทั้งปวง จงมีความสุขกายสบายใจ มีความเกษมสำราญเถิด
๔. เย เกจิ ปาณะภูตัตถิ . . . . . . . . . . . . .ตะสา วา ถาวะรา วา อะนะวะเสสา
ทีฆา วา เย มะหันตา วา . . . . . . . . . . .มัชฌิมา รัสสะกา อะณุกะถูลา
ขอ สัตว์ทั้งหลายบรรดามี ที่เป็นสัตว์ตัวอ่อน หรือตัวแข็งก็ตาม เป็นสัตว์-มีลำตัวยาวหรือ ลำตัวใหญ่ก็ตาม มีลำตัวปานกลาง หรือตัวสั้นก็ตาม ตัวเล็กหรือตัวโตก็ตาม
๕. ทิฏฐา วา เย จะ อะทิฏฐา . . . . . . . . . เย จะ ทูเร วะสันติ อะวิทูเร
ภูตา วา สัมภะเวสี วา . . . . . . . . . . . . .สัพเพ สัตตา ภะวันตุ สุขิตัตตา
ที่ มองเห็นหรือมองไม่เห็นก็ตาม ที่อยู่ไกลหรืออยู่ใกล้ก็ตาม ที่เกิดแล้ว หรือ กำลังหาที่เกิดอยู่ก็ตาม ขอสัตว์ทั้งหลายทั้งปวงนั้นจงสุขกายสบายใจเถิด
๖. นะ ปะโร ปะรัง นิกุพเพถะ . . . . . . . . .นาติมัญเญถะ กัตถะจิ นัง กิญจิ
พ์ยาโรสะนา ปะฏีฆะสัญญา . . . . . . .นาญญะมัญญัสสะ ทุกขะมิจเฉยยะ
บุคคลไม่พึงหลอกลวงผู้อื่น ไม่ควรดูหมิ่นเหยียดหยามใคร ๆ ไม่ควรมุ่งร้าย ต่อกันและกัน เพราะมีความขุ่นเคืองโกรธแค้นกัน
๗. มาตา ยะถา นิยัง ปุตตัง . . . . . . . . . . อายุสา เอกะปุตตะมะนุรักเข
เอวัมปิ สัพพะภูเตสุ . . . . . . . . . . . . . . มานะสัมภาวะเย อะปะริมาณัง
คนเราพึงแผ่ความรักความเมตตา ไปยังสัตว์ทั้งหลายหาประมาณมิได้ ดุจดังมารดาถนอม และปกป้องบุตรสุดที่รักคนเดียวด้วยชีวิต ฉันนั้น
๘. เมตตัญจะ สัพพะโลกัส์มิง . . . . . . . . .มานะสัมภาวะเย อะปะริมาณัง
อุทธัง อะโธ จะ ติริยัญจะ . . . . . . . . . . อะสัมพาธัง อะเวรัง อะสะปัตตัง
พึงแผ่เมตตาจิต ไม่มีขอบเขต ไม่คิดผูกเวร ไม่เป็นศัตรู อันหาประมาณไม่ได้ ไปยังสัตว์โลกทั้งปวงทั่วทุกสารทิศ
๙. ติฏฐัญจะรัง นิสินโน วา . . . . . . . . . . . สะยาโน วา ยาวะตัสสะ วิคะตะมิทโธ
เอตัง สะติง อะธิฏเฐยยะ . . . . . . . . . . พรัหมะเมตัง วิหารัง อิธะมาหุ
ผู้ เจริญเมตตาจิตนั้น จะยืน จะเดิน จะนั่ง จะนอน ตลอดเวลาที่ตนยังตื่นอยู่ พึงตั้งสติ อันประกอบด้วยเมตตานี้ให้มั่นไว้ บัณฑิตทั้งหลายกล่าวว่า การอยู่ด้วยเมตตานี้ เป็นพรหมวิหาร (การอยู่อย่างประเสริฐ)
๑๐. ทิฏฐิญจะ อะนุปะคัมมะ สีละวา . . . . .ทัสสะเนนะ สัมปันโน
กาเมสุ วิเนยยะ เคธัง . . . . . . . . . . . . . .นะ หิ ชาตุ คัพภะเสยยัง ปุนะเรตีติ
ท่านผู้เจริญเมตตาจิต ที่ละความเห็นผิดแล้ว มีศีล มีความเห็นชอบ ขจัดความใคร่ ในกามได้ ก็จะไม่กลับมาเกิดอีกเป็นแน่แท้
http://www.astroneemo.net/index.php?option=com_content&view=article&id=1432:2013-03-30-09-27-50&catid=176:-12--&Itemid=80 (http://www.astroneemo.net/index.php?option=com_content&view=article&id=1432:2013-03-30-09-27-50&catid=176:-12--&Itemid=80)
..
..
Originally shared by Suraphol Kruasuwan
ภาษาคน ภาษาธรรม
..................................
วรรณกรรมพุทธศาสนา ที่สืบทอดมา
ล้วนมี"สัจธรรมซ่อนอยู่"
หน้าที่เรา ต้องแกะหาความหมายที่แท้จริง เอามาปฏิบัติ(พุทธทาส)
.................................
คำสอน และความสนใจ พุทธธรรม แปรเปลี่ยนตามกาล
1.ยุค แสวงหา วิมุติ
"จำเดิม เราก็บอกเรื่องทุกข์ และดับไม่เหลือแห่งทุกข์"(พุทธพจน์)
2.ยุคแห่ง สุขจากจิตเอื้อเฟื้อ
เรี่มในพรรษาที่7
พรรษาที่ ๗ (ปีเถาะ)
ณ ดาวดึงส์เทวโลก
เมื่อพระพุทธเจ้าแสดงยมกปาฏิหาริย์เสร็จสิ้นแล้ว
พระบรมศาสดาเสด็จขึ้นเทวพิภพชั้นดาวดึงส์ทันที
โดยทรงยกพระบาทขวาขึ้นจากจงกรมแก้วก้าวขึ้น
เหยียบยอดภูเขายุคันธร แล้วยกพระบาทซ้ายก้าวขึ้นหยียบยอดเขาสิเนรุ
ทรงประทับนั่งบนปัณฑุกัมพลศิลาอาสน์ภายใต้ร่มไม้ปาริชาต
ท้าวสักกะเทวราชจอมภพผู้ปกครองดาวดึงสเทวโลกสวรรค์ชั้นที่ ๒ ป่าสวรรค์ ๖ ชั้น เสด็จขึ้นสู่สุสิตเทวพิภพสวรรค์ชั้นที่ ๔
เข้าเฝ้าพระมหามายาเทพเจ้าผู้เป็นพระพุทธมารดา
ทูลอัญเชิญให้เสด็จไปเผ้าพระบรมศาสดาตามพุทธประสงค์
พระพุทธเจ้า ทรงแสดงธรรมโปรดพระพุทธมารดาตลอดสามเดือน
เทพยาดาในโลกธาตุที่มาประชุมฟังธรรมอยู่ที่นั้นบรรลุมรรคผล
สุดที่จะประมาณ ส่วนพระมหามายาเทพเจ้าผู้เป็นพระพุทธมาดา
ได้ทรงบรรลุพระโสดาปัตติผลสมพระประสงค์ของพระบรมศาสดา
http://www.dhammathai.org/buddha/g54.php (http://www.dhammathai.org/buddha/g54.php)
ถอดความเป็นภาษาธรรม
หลังตรัสรู้ พุทธเจ้า สอนโอวาทปาฎิโมกข์(ปฏิวัติสู่ทางสว่างชีวิต)
มีผู้บรรลุ เป็นอริยะบุคคล พันเศษๆ
มีคำถามว่า....มนุษย์ที่เหลือ จะอยู่กันอย่างไรแบบมี
ธรรมบาล และเกิดวิญญูชนมากขึ้น...แม้นไม่อาจสิ้นอุปทานทุกข์
พรรษาที่ึ 7 จึงจัดสัมนา ให้ พวกผู้นำปวงชน ลัทธิ ปราชญ์
มาหาหลัก สังคมที่เป็นธรรมบาลที่เป็นสากล"
และต้องใช้ภาษา ปรากฤต(ต่อมากลายเป็นสันสกฤต) เป็นภาษากลาง
ประชาชนสนใจเข้ามารับฟังโดยการแปลของพระโมคคัลลานะ
สรุปวันสุดท้ายคือ...สังคมจะ เป็นสุขได้คือ
2.1.ส่งเสรีม สร้าง บุพการี กตัญญชน ให้มาก
2.2.ให้สังคม มี หิริโอตตัปปะ
2.3.ใช้หลัก มงคลชีวิต และทักษนาทาน เป็นธรรมณูญชีวิต
"หิตายะ สุขายะ"
"เมื่อช่วยกันทำให้ชีวิตอื่นเป็นสุข เราก็รับอนิสงค์สุขด้วย"
เป็นการเรี่มต้น ยุค"มหายาน"
เมื่อจบสัมนา ก็มีการทดลองปฏิบัติ
ผู้ที่ มีความรู้ ความสามารถ ทรัพย์ ก็แบ่งปัน ให้ประชาชน ผู้จำเป็น
และได้กลายมาเป็น ทำบุญเปรตพลี บุญเดือนสิบ สลากภัต
เทกระจาด ในปัจจุบัน
...........................
3.ยุคญาณทัศนะ
มีผุ้รู้หลากหลาย มาขยายความคิดเห็นตน เกิด ลัทธิใหม่ๆมากมาย
ต่างนับถือ อาจารวาท(ความเห็นครูบาอาจารย์) สำคัญกว่า
คำสอนพุทธเจ้า ทุกวันก็ยังเป็นเช่นนี้
4.ยุคอารามรุ่งเรือง
แข่งกันสร้าง วัด วิหาร อารามให้พิศดาร เป็นอนุสาวรีย์ส่วนตน
ของอาจารย์ ที่ตนชอบ เชื่อ และคิดว่า ใช่
ในนาม"สืบพระพุทธศาสนา"
...............................
เสียงขลุ่ย คืนสู่กอใผ่
เราหลงมาไกล จาก
-ยุควิมุติ
-ยุคจิตเอื้อเฟื้อ
-ยุคญาณทัศนะ
-ยุคอารามรุ่งเรือง
กลับไปหาแก่นแท้..วิมุติ
ทุกข์คือนรก สุขคือสวรรค์ นิพพาน คือเย็น
วิมุติมีสองรส
1.เย็นภายใน เมื่อ สัมมาสติโพธิปัญญาตื่น
มาล้างจิต สิ้นอาสวะ(ขยะปรุงแต่งจิต)
2.หิตายะสุขายะ
จิตเอื้อเฟื้อ จิตอาสา ช่วยให้ชีวิตอื่นเป็นสุข
และรับอนิสงค์นั้นด้วยกัน
"ดีด้วยกัน เติบโตแบบคู่ขนาน"
สาธุ
https://www.youtube.com/watch?v=lGBCW7He-_A (https://www.youtube.com/watch?v=lGBCW7He-_A)
..
..
Originally shared by Suraphol Kruasuwan
บุญ......แปลว่า สุขจากทำความดี
กุศล....แปลว่าฉลาด ฉลาดทั้งทางโลก และธรรม
"ฉลาดรู้ถ้วนทั่ว.......................ทำดี
ฉลาดรู้วิธี ราวี.........................กำหราบชั่ว
ฉลาดรู้วิธี พัฒนา ศักยภาพ.....ของตัว
ฉลาดพาจิตพ้นพันพัว..............สู่วิมุติธรรมฯ"
.....................................
"ฉลาดเลือก..............................ชัยภูมิ เพื่อชัยชนะ
ฉลาดเลือก ยุทธศาสตร์............ที่เหมาะสมกับจุดยืนของเรานั่น
ฉลาดเลือก ยุทธวิธี....................ที่เหมาะแก่จังหวะเวลากัน
ฉลาดสูงสุด คือรู้จักเลือกนั้น......เครื่องมือปรับตัว ที่สงวนพลังฯ"
..
..
Originally shared by Suraphol Kruasuwan
ชีวิตเราต้องปรับตัว อยู่กับ
1.กฎธรรมชาติ
2.วิวัฒนาการของธรรมชาติ
3.วัฒนธรรมของมนุษย์
4.กฎป่า
5.กฎปัญญาประดิษฐ์ (คอมพิวเตอร์และหุ่นยนต์)
6..อัตตา ที่เราปรุงแต่งเอง
ที่ต้องการ ให้เรา
-อยู่รอด อยู่ร่วมเป็น
-เป็นที่ยอมรับ
-เป็นผู้นำ
-และ ลงเวทีเป็น
//-มนุษย์เป็น"ชีวะยนต์" เครื่องยนต์ คอมพิวเตอร์ที่มีชีวิต(ขันธุ์ห้า)....
ธรรมะ ที่เป็นกุศล วิมุติ..อยู่ที่เรา คิด พูด ทำ อย่างไร..
ชีวิตเราก็เปลี่ยนแปลงไปตามนั้น..สาธุ
..
..
อารมณ์ที่ดีที่สุด ที่ควรมีไว้คือ อารมณ์ฌาน
-ปิติ...................อิ่มใจในสิ่งดีๆ ที่เคยทำ และทำต่อไป
-สุข...................จากจิตเอื้อเฟื้อ และ แบ่งปันสิ่งดีๆให้แก่กัน
-อุเบกขา...........สงบ เย็น ใช้ปัญญา แทนอารมณ์ ชอบ ชัง
-เอกจิต.............จิตปรุงแต่ง เป็นหนึ่งเดียวกับ สัมมาสติโพธิปัญญา เคารพธรรม สาธุ
..
..
สิ่งที่ขัง จิตวิญญาณเราไว้คือ
วิสัยทัศน์ ทัศนวิสัย ที่เรา มองดูโลกนั่นเอง
..
..
Originally shared by Suraphol Kruasuwan
พระพุทธเจ้าทั้งหลาย ต่างเคารพธรรม...
ธรรมะคือ
1.ธรรมชาติทั้งหมด
2.กฎของธรรมชาติทั้งหมด
3.วิธีปฏิบัติอย่างถูกต้องต่อธรรมชาติ
4.ผลจากการปฏิบัติ อย่างถูกต้อง กับธรรมชาติ
(หลวงพ่อ พุทธทาส ภิกขุ) สาธุ
..
..
Originally shared by Suraphol Kruasuwan
Happy day to you
วันนี้ คือวันสำคัญที่สุด
เมื่อวาน ใช้ไปแล้ว
พรุ่งนี้ เราอาจไม่มีโอกาสใช้
Today, the most important
Yesterday is gone
Tomorrow may not be used
หรรษา มีชีวาในชีวิต อิ่มใจในกุศลทุกขณะจิต คือกำไรชีวิตที่แท้จริง
"ทุกคนมีเวลาบนโลก สามวันเท่ากัน
วันวาน............................ใช้ไปแล้ว
วันพรุ่งนี้..........................อาจไม่ได้ใช้
วันนี้................................ดีที่สุดที่จะทำความดีฯ"
คิดดี พูดดี ทำดี คบคนดี ไปในที่ดีๆ...ย่อมดี ต่อชีวิตแน่นอน
(ดัดแปลงจากคำสั่งสอน หลวงพ่อ ปัญญานันทะภิกขุ)
..
..
(https://lh3.googleusercontent.com/-Ev-zSrPylSk/VbkfMxgtTLI/AAAAAAAG10k/D4M2mhS_Okk/w263-h597-p-rw/tumblr_msgao9X4dz1rra028o1_500.jpg)
Philosophy and healthy ปรัชญา และสุขภาพดี
G+ communities คนรัก รักษ์ ปัญญา สุขภาพ กีฬา และจักรยาน
สุขภาพดี คือลาภอันประเสริฐ ที่เราทำได้เอง
Suraphol KruasuwanOWNER
-
(https://lh3.googleusercontent.com/-DKRp8BRBorg/Wg2Ue0pVN1I/AAAAAAABkug/nDK-YrAVH5QYvKHzEJRcw9w4jnJs3QgmQCJoC/w663-h414-n-rw/gplus764670329.jpg)
Originally shared by Suraphol Kruasuwan
พระอจลนาถ
"จิตพระผู้ไม่หวั่นไหว
ไม่หวั่นไหว ใน นันทวันธรรม(ธรรมที่เป็นของคู่)
สงบ มั่นคง เบิกบาน เยือกเย็น เปี่ยมสติปัญญา
ไม่ฟุ่งซ่านไปในความ ดี ชั่ว ทุกข์ สุข
จิตไม่หวั่นไหว เพราะ มี พุทธวิชชา 9ประการ
1.-วิมุติ................สุขจาก เข้าใจ ทุกมิติ ธาตุธรรม
2.-วิโมกข์............สุขจาก สติ ปัญญา สว่างใส
3.-นิพาน..............สุข จากพ้น ทุกบ่วง อาสวะ โลก ธรรม
4.-วิชชา...............สุขจาก สติ ปัญญา ว่องไว ดุจสายฟ้า
รู้เท่าทัน ไม่ปรุงจิต ให้หลงทาง
5.-วิสุทธิ์...............สุขจาก เจตนา วิสุทธิ์ และแจ่มใส
6.-วิเศษ................สุขพ้นจาก มนุษย์ เทวะสมบัติ
ถึงนิพพาน สมบัติ อัศจรรย์ใจ
7.-วิเวก.................สุขจาก สงบ สงัด จากอุปธิใดๆ
8.-วิราคะ...............สุขจาก พ้น ความติด พยาบาท
เบียนดเบียบ ตนท่าน ตลอดกาลเอยฯ
9.-วิสังขาร.............สุข พ้นจากการ อำนาจจิตปรุงแต่ง
ไร้อุปทานทุกข์ อย่างถาวรฯ
เจริญสุข รุ่งเรืองในธรรม ทุกท่านเทอญฯ
ขอบคุณเจ้าของภาพ และ ธรรมะที่อุ้มมาฝาก
4.10.2017
..
..
https://www.youtube.com/watch?v=c6UQYsxHAvc (https://www.youtube.com/watch?v=c6UQYsxHAvc)
คลิปนี้ สำหรับผู้ เคยเรียนพุทธธรรม แบบทางการมาก่อน
สำหรับผู้ ไม่เคยเรียน ไปดู สรุปตอนจบ ก็พอ สาธุ
การที่เข้าถึงแก่นแท้ ของธรรมะ ที่พระพุทธเจ้า ค้นพบ
คือ"จำเดิม เราก็สอนเรื่อง ทุกข์ และการดับเหตุแห่งทุกข์"
ซึ่ง มักจะเรียกว่า อริยะธรรม
อริ..........ศัตรู
ยะ..........ชัยยะ ชนะ
ธรรม......สภาวะ
สภาวะที่เป็นศัตรู
ของ มนุษย์จะยก ระดับ ภูมิจิต ภูมิธรรม ภูมิปัญญา
ก็คือ
"อุปาทาน ในจิตปรุงแต่งของเราเอง"
โดยมี สิ่งห่อหุ้ม หลายชั้น ตั้งแต่พุทธศิลป์
1.ประเพณีพิธีกรรม
2.วรรณกรรม แบบอภิมหาจินตนาการ เหนือจริง
3.อัตโนมติ ความคิดเห็นของ อาจารย์แต่ละท่าน
4.ความยินดี ที่เกิดจากศรัทธา
5.พอใจ พอใจโดยไม่ได้แปล จากภาษาจินตนาการ เป็นภาษาเหตุผล
6.ขอบคุณ คือ เอาหลักการเหตุผล มาใช้ได้จริง
ล้างขยะปรุงแต่งได้จริง
พบความสงบ รำงับ การดิ้นรนของจิตได้จริง
จิต ยอมคายเหยื่อ คือ ถอนอาลัย คลายกำหนัด
ตัดเหตุ วัฎฏะ ปรุงแต่ง บุคลิกภาพภายใน แบบปกติ
........................................
ธรรมะ จึงมีทั้งส่วนที่เป็น
วิชาการ
เช่นประวัติศาสตร์ พระไตรปิฎก และบริวาร
และส่วนที่เป็น
วิชชา
คือแสงแห่งสติปัญญา
เห็น ปฏิกริยาลูกโซ่
ปรุงแต่งกรัชกาย(ตัวตนภายใน)
ที่ เมื่อ ชีวิตผัสสะ สิ่งแวดล้อมภายนอก
และ การปรุงแต่งจิตภายใน
ซึ่งเป็นธรรมะ ภาคปฏิบัติ..เพื่อรับรู้ผลนั้นด้วยตนเอง
ธรรมะภาคปฏิบัติ จึงเรียกว่า "นิปปปัญจธรรม"
หรือโพธิปักขิยธรรม 37ข้อ
ธรรมอันไม่เนิ่นช้า ที่จะ รู้แจ้ง เรื่องทุกข์ และดับไม่หลือแห่งทุกข์ ประด้วย
1. สติปัฏฐาน 4 ปลุกสติให้ตื่น
2. สัมมัปปธาน 4
ล้างขยะปรุงแต่งที่เป็นอกุศล และเจริญฝ่ายกุศลให้แข็งแรงมั่นคง
3. อิทธิบาท 4
การเกิดฤทธิ์ ความสำเร็จในชีวิต
มี อิธิฤทธิ บุญฤทธิ์ โลกุตระฤทธิ์
4.อินทรีย์ 5
กำลังภายใน ของจิต
5.พละ5
เปลี่ยนอินทรีย์ เกิดเป็นพลังแห่งชีวาในชีวิต
6.โพชฌงค์ 7
ธรรมะที่ นำไปสู่ทางแห่งการ บรรลุธรรม
7.มรรคมีองค์ 8
วิถีชีวิต ที่นำออกจาก ทาสความทุกข์
โดยมีการ
มีวิสัยทัศน์ เห็น เลือกทฤษฎีที่เหมาะสม
มีการตั้งเป้าหมายชัดเจน
มีการจัดระเบียบความคิด ให้เหมาะสม
มีการ การทำ กาย วาจา ใจ ให้เหมาะสม
มีอาชีพ ที่ส่งเสริมการปฏิบัติธรรม
มีสติ ที่เนไปเพื่อปฏิบัติธรรม
มีวิริยะ ที่ล้างขยะปรุงแต่งจิต ทั้งอกุศล กุศล
มีสมาธิ ระดับฌาน คือ มีความหนักแน่น
ทั้งอารมณ์ ที่ต้อง สงบ เย็น เบิกบานมั่นคง
ทั้งสติปัญญา ที่เห็น ความไม่เที่ยง ไม่ทน ไม่แท้
ในสิ่งที่เราเคย ติด เคยพยบาท เคยคิดเบียดเบียน
......................................
ภาษา ในการส่งต่อพุทธธรรม
1.ภาษา บุคลาธิษฐาน
คือสมมุติ เป็น เรื่องราวบุคคล จินตนาการเหนือจริง
2.ภาษาธรรม เป็นหลักการเหตุผล
3.อวจนะภาษา ภาษาที่ไม่ใช่คำพูด
คือ ภาษาศิลปะ ภาษาจิต
.......................................
1.การยินดี
ที่รับรู้ สนใจ ในธรรมะ
2.การพอใจ
ที่จะเปลี่ยนทุกภาษาเป็นภาษาเหตุผล
เช่น สมมุติว่า พุทธเจ้า ประสูติ ดำเนินไปเจ็ดก้าว
กับการ มี โพฌงค์เจ็ด ย่อมนำผู้นั้นปลุก พุทธะจิต ในตนให้ตื่นได้
3.ขอบคุณ
ขอบคุณที่เราเกิดมา พบพุทธรรม และน้อมนำไปฝึกตนเอง
จนชนะ มายาจิตปรุงแต่งตนเอง
สาธุ
....................................
ไปไหน เอา ยินดี พอใจ ขอบคุณ ไปด้วยนะครับ สาธุ
..
..
รวมยอดนักมายากลโลก
ฤทธิ์แปลว่า..ความสำเร็จอันน่าอัศจรรย์ มี สาม
1.อิทฤทธิ์
ความสำเร็จที่เหนือ ธรรมชาติ
พระพุทธเจ้าไม่สนับสนุน ให้หลงไหล เพราะ
ผู้มีความรู้ เทคโนโลยี ทักษะพิเศษ นักมายากล ก็ทำได้
และส่งเสริมให้ใช้ศรัทธา เหนือ สติปัญญา
2.บุญฤทธิ์
ความสำเร็จจาก ผลการเจริญ ความดี ทั้งวาจา ใจ กาย
เป็นฐาน ที่ ไม่ให้จิตตกต่ำไป อบายภูมิ
และทำให้มุ่งมั่น พัฒนา ยกระดับ ภูมิจิต ภูมิธรรม ภูมิปัญญา
แต่ต้องไม่ติดใน"สาสวะ" คือ ถ้าติด จะทำให้กลายเป็น
สักกายทิฏฐิ.(หลงยึดถือว่าตนวิเศษกว่าธรรมชาติอื่น).
dhammahome.com - สักกายทิฏฐิ 20
3.โลกุตระฤทธิ์
ความสำเร็จเมื่อสติปัญญา อยู่เหนือ กระแสโลก
ไม่เป็นทาสกระแสธรรม ที่ปรุงแต่งในจิตตตน
ความสำเร็จ เกิดจาก ปลุกปรีชาญาณฉลาดเลือกตื่น
มาล้างขยะปรุงแต่งจิต(อาสวะ สาสวะ)
พบความตื่นของสติปัญญา รู้ เบิกบาน เย็น
สุขจากจิตเอื้อเฟื้อ ไม่ประมาทในสังขารธรรม
ชนะจิตปรุงแต่งตนเอง
โดยฝึกใน โพธิปักขิยธรรม
หรือ นิปปปัญจธรรม(ธรรมภาคปฏิบัติ บรรลุอันไม่เนิ่นช้า)
ทั้ง อิทฤธิ์ บุญฤทธิ์ โลกุตตระฤทธิ์
เป็นสิ่งที่เราต้อง มีสติปัญญา ตั้งรับ และบริหารจัดการให้
พอเหมาะ พอดี พอควร ของเราเอง สาธุ
..
..
มุมกาแฟ 7/11/17
การฝึกสมาธิในพุทธศาสนา
หวังผล สี่ประการ
1.อารัมมณูปนิชฌาน
(อารมณ์สงบ เย็น มั่นคง เบิกบาน)
2.ลักขณูปนิชฌาน
(มีสติปัญญาเห็น กฎไตรลักษ์
ในทุกปรากฎการณ์)
3.พบวิมุติธรรม พ้นอำนาจ ทุกข์ สุข
แต่สงบ เย็น เบิกบาน มั่นคง
4.เกิด วิสัยทัศน์ ญาณทัศนะ
ทั้งหมดเพื่อ ทำลายเหตุแห่งการสร้าง อารมณ์ทุกข์
ที่จิตปรุงแต่ง ปรุงขึ้น ซ้ำเติม สภาวะทุกข์ และเวทนาทุกข์ ของตนเอง
กฎไตรลักษ์ เป็นหนึ่งในกฎธรรมดาของธรรมชาติ
ที่พระพุทธเจ้าค้นพบ
และเอามากำหราบ จิตปรุงแต่ง จนชนะ ในที่สุด
1.สัพเพ สังขารา อนิจจา
สิ่งปรุงแต่ง ย่อมเปลี่ยนแปลง
2.สัพเพ สังขารา ทุกขา
สิ่งปรุงแต่ง ย่อมทนอยู่ในสภาพเดิม ไม่ได้
3.สัพเพ ธรรมา อนัตตา ติ
ธรรมชาติทั้งหมด ย่อมเป็นไปตาม
กฎ เหตุ ปัจจัย ที่มาปรุงแต่ง
หาเป็นไป ตามใจปรารถนาของใคร
....ดังนั้นใครไปยึดมั่นถือมั่นว่า
กาย(รูป)
จิต(นาม)
จีรังยั่งยืน สั่งได้ทุกเรื่อง
ก็คือการป่วย ทางจิต (ของปุถุชน)
ที่เป็นอุปสรรค การพัฒนา
ยกระดับ ภูมิจิต ภูมิธรรม ภูมิปัญญา
.................................
การเข้าถึงพุทธรรม มีสามระดับ
1.ภาคภูมิใจ ศรัทธา ตาม คำสั่งสอน
2.อัศจรรย์ เมื่อ ถอดระหัส เข้าใจ ทฤษฎี อย่างถูกต้อง
3.ปิติ สุข สงบเย็น ปรีชาญาณฉลาดเลือกตื่น
พบวิมุติ วิสัยทัศน์ ญาณทัศนะ ใหม่ๆ
คือ รับผลจากการฝึก
ลด ละ เลิก
สิ่งที่เคยติดพยาบาท หลงเบียดเบียน
หรือ โทษ คุณ ที่ยึดเป็นสารณะ ทั้ง
อาสวะ สาสวะ พบ อนาสวะด้วยตนเอง
สาธุ
(https://lh3.googleusercontent.com/-NXqNtBAtMco/WgGaBicRVUI/AAAAAAACx-I/BYE1nWJ2iJI6RuDdHB_1GvJbhL1RFQo2QCJoC/w663-h498-n-rw/DSCN5964.JPG)
Philosophy and healthy ปรัชญา และสุขภาพดี
G+ communities คนรัก รักษ์ ปัญญา สุขภาพ กีฬา และจักรยาน
สุขภาพดี คือลาภอันประเสริฐ ที่เราทำได้เอง
Suraphol KruasuwanOWNER
-
(https://lh3.googleusercontent.com/-iKWyed2GDpU/WgjDc2ycOwI/AAAAAAACyH4/CnMUIBa22jsP4t6M8FidslV_kbTdS9YNgCJoC/w463-h794-n-rw/e64014acff7cfa29fa94b6f4db67990e--engagement-ideas-wedding-engagement-photos.jpg)
Suraphol Kruasuwan
Public Nov 13, 2017
https://www.youtube.com/watch?v=eBPIXiBTjDM (https://www.youtube.com/watch?v=eBPIXiBTjDM)
Luka Sulic - Gypsy Airs (Concert for Japan)
มุมกาแฟ 13/11/17
ตัวตน มีสามตัวตน
1.ชีวิตคือตัวตน
2.ตัวตนอีเล็คโทรนิค
3.ตัวตน ตามวัฒนธรรม
........................................
1.ชีวิตคือตัวตน
"ตถาคตขอบัญญัติว่า
กายกว้างศอก ยาววา มีสัญญา ใจครอง คือโลกๆหนึ่ง
คือ สังขารโลก"
"ชีวิต คือ ชีวะยนต์(เครื่องยนต์มีชีวิต)"
"ชีวิตคือขันธุ์ห้า
คือคอมพิวเตอร์ชีวภาพ
รูป............พลังงาน มวลสาร ที่ไหลไปมา
เวทนา......เป็นการทำงานของกระแสประสาท
สัญญา......มีความทรงจำ
สังขาร......มีการปรุงแต่ง เป็นความคิด เจตนา เป็นบุคลิกภาพ
วิญญาณ...เป็นธาตุรู้ ตัวรู้ ผู้รู้ ผู้เสพความรู้
Data Input Memory Processing Output
..............................................
2.ตัวตน อีเล็คโทรนิค
คือตัวตน ที่เราใช้สื่อสาร ออนไลน์กันในขณะนี้
.............................................
3.ตัวตน ในวัฒนธรรม
แล้วแต่เราจะสวมหัวโขน เล่นบทบาทไหนอยู่
-ตัวตนมี อมตะ สัสสตทิฎฐิ
-ตัวตนไม่มี เป็นเพียงปฏิกริยาธาตุ อุจเฉททิฎฐิ
-ตัวตนมี แต่ไม่เที่ยง ไม่ทน ไม่แท้
แปรผันตาม กฎ เหตุ ปัจจัย เจตนา สัมมาทิฎฐิ
...........................................
ตัวตนทุกตัวตน ต้องมีสติรู้
เพราะทุกสิ่งจะทิ้งร่องรอยไว้
โดยเฉพาพตัวตนทางอีเล็คโทรนิค
จะเป็นการ ที่กำหนดชะตาชีวิตเราได้
ตามกระแส โลก............
เพราะชีวิตเป็นสิ่งปรุงแต่ง
เป็นไปตามแรงเจตนาสี่ประการ
1.ผู้ให้กำเนิดบุพการี
2.กรรมพันธุ์ โดยแผนที่ชีวิตภายใน
3.สิ่งแวดล้อม
4.เจตนาของเราเอง
ปรุงแต่งด้วย อกุศล กุศล อริยมรรค ให้ผลต่างกัน
สาธุ
...........................................
ขอบคุณเจ้าของภาพ คลิปเพลง ธรรมะที่ยกมา และผู้อ่าน สาธุ
..
..
https://youtu.be/2VrBulDCES8 (https://youtu.be/2VrBulDCES8)
สารคดี ตอน DNA การปฏิวัติทางการแพทย์
Suraphol Kruasuwan
Public Nov 14, 2017
1.นักวิทยาศาสตร์
กรรมพันธุ์ กับสิ่งแวดล้อม กำหนด วิถีชีวิตเรา
2.พระพุทธเจ้า เพิ่ม
-การเลี้ยงดูจากบุพการี
-และ เจตนา ที่เกิดจากการปรุงแต่งจิต ของเราเอง
3.เจตนา ที่จะปรุงแต่งด้วย อกุศล กุศล วิมุติธรรม
ใกล้กับตัวเรา มากที่สุด และเราควรเลือกข้าง
เพราะผล นั้นต่างกัน
4.อกุศล...นำสู่ วิบาก วิบัติ ทุคติ
กุศล........นำสู่ ความอิ่มใจ ใน กุศล มงคล บารมี วาสนา สุคติ
วิมุติ.........นำสู่กับแข็งแรงของ สติปัญญา รู้แจ้ง
สงบเย็น มั่นคง ทางอารมณ์
และ การตื่นของ ปรีชาญาณฉลาดเลือก
..............................................
https://youtu.be/G_gyiXt_oNg (https://youtu.be/G_gyiXt_oNg)
สารคดี ตอน วิวัฒนาการ การเปลี่ยนแปลง ตลอดเวลา บน โลก
วิวัฒนาการ...........
มุมกาแฟ หลังเที่ยงคืน 14/11/17
จากสิ่งไม่มีชีวิต...มาเป็นสิ่งมีชีวิต
ทุกวันนี้ นักวิทยาศาสตร์ก็ยัง หาคำตอบไม่ได้
และ ธรรมชาติ มักจะ ใช้สิ่งง่ายๆ สร้างสิ่งที่ซับซ้อน
1.กฎของ การกิน และหลีกเลี่ยงการถูกกิน
ถ้าเรามองพฤติกรรมของสิ่งมีชีวิต
ตั้งแต่ จุลิทรีย์ และตัวเรา
ก็ยัง อยู่ภายใต้กฎนี้ และนอกจากนี้
ยังทำให้การเปลี่ยนแปลงรูปร่าง ตามความเชื่อว่า
ตนเองจะปรับตัวไ้ ดีสำหรับ กฎนี้
2.กฎของการเรียนรู้ และพัฒนา ยกระดับชีวิต
ในมนุษย์ ต้องอาศัย
-ความรู้ ที่ สืบทอดกันมา และ เรียนรู้ใหม่
ทั้งความรู้ที่เป็นความตริง เสมือนจริง และโดยศรัทธา
-ขยายเผ่าพันธุ์ โดยการสืบพันธุ์ด้วยวิธีต่างๆ
-ฌาน ผลของการฝึก อารมณ์สงบเย็น มั่นคง
-สติ ความรวดเร็วในการ ประมวล ประเมินผลปรับตัว
-ปัญญา ความสามารถ เห็นแจ้ง ในธรรมชาติ
-วิมุติ ความเย็น ที่อยู่เหนือ มายา ลีลา ตัวตนเทียมๆ ของธรรมชาติ
3.กฎความก้าวหน้า ทางนวัตกรรม
ซึ่งจะเพิ่มขึ้น สองเท่า ทุกๆปี
และคาดหมายว่า ชีวิตในอนาคต
อาจไม่ใช่ สิ่งที่ใช้คาร์บอนด์เป็นแกน
ซึ่งนิยามคำว่าชีวิต จะไม่เหมือนเดิม
มนุษย์ครึ่งหุ่นยนต์ และมนุษย์หุ่นยนต์เต็มตัว
เราอาจเห็นได้ ในไม่เกิน10ปีจากวันนี้ ครับผม
........................................
เล่าให้ทราบ ไม่ได้บอกให้เชื่อครับผม
ขอบคุณเจ้าของภาพ และคลิป เรื่องราวที่ก๊อปมา
และผู้อ่าน ครับผม
(https://lh3.googleusercontent.com/-mA7ZCCUjPmg/Wg3wPLu-4LI/AAAAAAACyNg/5omavb27dWAlLbBIOaivTaot6RbUzS8DgCJoC/w663-h398-n-rw/aa14.jpg)
Originally shared by Suraphol Kruasuwan
https://www.youtube.com/watch?v=I25hFDGfrZw (https://www.youtube.com/watch?v=I25hFDGfrZw)
๑๗.๑๑.๒๐๖๐
......บทเพลง สรรเสริญ พระอวโลกิเตศวร...
พระโพธิสัตว์ผู้ฟังเสียง ของ ผู้ประสบทุกข์ ในโลก
พุทธศาสนา ปัจจุบัน เป็นอัตโนมติ
คือ เป็น ความคิดเห็นของอาจารย์ ต่างๆ
แต่ก็ยังมีเสาหลัก สี่เสา ที่ต้องเข้าใจแจ้ง
1.เพื่อให้คน ละชั่ว ทำดี
ยกระดับ ภูมิจิต ภูมิธรรม ภูมิปัญญา สูง
จนไหว้ตนเองได้ เราเอาสัสสตทิฎฐิ(จิตนิยม) มาใช้ทั้งชุด
และปฏิเสธ อุจเฉททิฏฐิ(วัตถุนิยม)
2.ทำนิพพานให้แจ้ง
เป็น สติปัญญา เคารพกฎธรรมชาตินิยม
เป็นทางสายกลาง ระหว่าง จิต และกาย
คือ พบประสบการณ์ตรง ของ รส
เย็น ไม่ทุกข์ ไม่สุข ด้วยตนเอง
โดยปลุก สัมมาสติ โพธิปัญญาตื่น
มาตัดเหตุสร้างอารมณ์ทุกข์
ตอนผัสสะ กระแสโลกธรรม ปัจจุบัน
ที่นี่ เดี๋ยวนี้.ตัด ฉับๆๆๆ
ล้างขยะปรุงแต่งจิต จนสิ้นเชื้อ ไม่เหลือชาติ
แบบ"เซ็น" ก็น่าจะ ง่ายๆ กว่า
ส่วนใคร จะ เกิดตายหลายชาติ
ทำบุญ นั่งสมาธิ แบบเอาเป็นเอาตาย จึงจะถึงนิพพาน
ตามแนว คิด สัสสติทิฐิ ที่เป็นฐานชีวิต
ให้ยินดี ละชั่ว ทำดี ก็ แล้วแต่ศรัทธา
3. อลัชชี เดียรถีย์ ที่ปลอมมาบวช
ที่หลอกให้ชีวิตหลง แสงสว่างเทียม
ประภค พระเสือ พระแพะ พระกวาง พระหมีดำ
ปลอมปน มาบวช หลอก เอา สมอง และทรัพย์โยม ก็มีไม่น้อย
พระเสือ.......ขู่ให้กลัว
พระแพะ......และเล็ม ไม่เลือก
พระกวาง.....อ้อน
พระหมีดำ....สอนมิจฉาทิฎฐิ ไปเลย
ในไซอิ๋ว ถึงต้องมีเมือง"ฆ่าพระ"
คือฆ่าความเชื่อถือในพระปลอมเหล่านี้ ก่อน
จึงจะเห็นพระแท้ ซึ่งจริงๆก็คือ สัมมาสติ โพธิปัญญา
ที่อยู่ในใจเราทุกคนนั่นแหละ
4.การเข้าถึง ความ สงบ ร่มเย็น สุขกับจิตเอื้อเฟื้อ
ต้อง...."ทำเอง"
มีธรรมภาคปฏิบัติ ที่มักไม่มีใครสนใจ
เพราะ วรรณกรรมศาสนา ประเภค อภินิหาริย์เกินจริง
อลังการ งานสร้าง มันน่าสนุกว่า
ใครสนใจให้ไปศึกษา และ ฏิบัติตาม
โพิปักขิยธรรม หรือ นิปปปัญจธรรม
ธรรมอันไม่เนิ่นช้า เพราะ พาชีวิตออกจาก
ราคะ โทสะ โมหะ อย่างด่วน
................................................
ที่ยกภาพ หลวงพ่อจรัญ ขึ้นมา
เพราะครั้งหนึ่ง มีสหายในธรรม มอบสติ๊กเกอร์ มาให้
"เมื่อ ยังไม่พูด เราเป็นนายคำพูด
เมื่อพูด คำพูดเป็นนายเรา"
และสุภาษิตจีน
"โรคภัย............เข้าทางปาก
ทุกข์โทษภัย.....ออกจากปาก"
สุภาษิตโบราณ
"ปลาหมอตายเพราะปาก"
ข่าวฮิตวันนี้ ไม่พ้น วิบากกรรมเพราะ ปากพาไป
บางคนก็นอนคุกไปแล้ว
บางคนกำลังจะเข้าไป
บางคนต้องกลายเป็น กระสือ กระหังเร่ร่อน
ดังนั้น การ ตามใจปาก ทั้งเรื่องกิน เรื่องพูด
ต้องระวัง...นะ
เพราะ เดี๋ยวนี้ หลักฐาน ตัวตนทางอีเล็กโทรนิค
ที่เราโยน มาในสื่อ ออนไลน์
กลายเป็น ตาข่ายฟ้า นะครับ
ก็เตือนกันไป ประสาคน ร่วมโลกเดียวกัน
ส่วน ใคร ยังดื้อต่อไป ขอบอกไว้ ไม่ไปเยี่ยมนะครับ
55555+
.............................................
1.ละชั่ว ทำดี
2.พบความสงบร่มเย็นด้วยตนเอง
3.ไม่หลง อลัชชี เดียรถีย์ ที่ปลอมมาบวช
เพื่อ กอบโกย ทรัพย์ อำนาจ บารมี จาก ศรัทธา เราเอง
4.และเร่งฝึกปลุก ปรีชาญาณฉลาดเลือกตื่น รู้ เบิกบาน
ไม่ประมาท พาตน พ้น อำนาจ กิเลส ตัณหาอุปาทาน
ตอนยังหายใจนี่แหละ
5.ไม่ต้องให้ใครมาเคาะโลงศพ บอก "ไปนินพานเด้อ"
สาธุ
(https://lh3.googleusercontent.com/-6-hJYja9__M/WgDp0H-svII/AAAAAAACx9g/jl0e3ME7F9YiQVGaQBW7PBdjVTCO1ytDwCJoC/w663-h498-n-rw/DSCN5730.JPG)
Philosophy and healthy ปรัชญา และสุขภาพดี
G+ communities คนรัก รักษ์ ปัญญา สุขภาพ กีฬา และจักรยาน
สุขภาพดี คือลาภอันประเสริฐ ที่เราทำได้เอง
Suraphol KruasuwanOWNER
-
(https://lh3.googleusercontent.com/-rPvKxTZMjdg/Wg_yRmswb_I/AAAAAAACySU/rl-3dFjRv8c04KAjzawQpPbwgtY-ck5qQCJoC/w563-h360-n-rw/n20130519065532_707158.jpg)
ครบรอบ วันปรินิพพาน พระโมคคัลลานะ
ในวิหารพุทธ มหายาน เราจะพบ
พระหนุ่ม(พระอานนท์เถระ)
พระแก่(พระมหากัสสปะ)
.......................................
วิหารพุทธ เถรวาท บ้านเรา จะมี
พระสาลีบุตร ผู้เลิศ ด้านปัญญา
พระโมคัลลานะ ผู้เลิศ ด้านฤทธิ์
.....................................
แต่การจะเข้าใจ ว่า ทำไม
ทั้งสองปีก ของพุทธศาสนา
จึงให้ความสำคัญต่างกัน ต้องถอดระหัส อุดมคตินิดหนึ่ง
1.พุทธ มหายาน ให้ความสำคัญ
"จิตเอื้อเฟื้อ" มากกว่า"จิตหลุดพ้น"
อุดมคติ จึง ยินดีจะมาเกิดอีก
เพื่อช่วยสรรพสัตว์ และสร้างบารมี
2.พุทธ เถรวาท ให้ความสำคัญ
"จิตหลุดพ้น"(ว่ายน้ำให้เป็นก่อน)
แล้ว จึง ยินดีในจิตเอื้อเฟื้อ
(คือช่วย เป็นแสงส่องทางให้สรรพสัตว์)
........................................
ชอบแนวคิดแบบเซ็นก็ตรงนี้แหละ
"วิมุติมีสองรส
รสเย็นของจิตหลุดพ้น
รสปิติสุข จากจิตเอื้อเฟื้อ"
.........................................
พุทธมหายาน ให้ความสำคัญว่า
"ถ้าไม่มีพระอานนท์ จำเรื่องราว......คงไม่มีพระสูตร"
"ถ้าไม่มีพระมหากัสสปะ ที่จุดประกาย สังคายนา ครั้งแรก
พุทธศาสนา ก็คง มาไม่ถึงวันนี้
.....................................
ส่วนพุทธเถรวาท ให้ความสำคัญว่า
ศาสนาพุทธ ที่เกิดมา
เพราะ........การตื่นของสติปัญญา ปรีชาญาณฉลาดเลือก
และ .........ความเข็มแข็งอารมณ์เด็ดเดี่ยว ของ จิต
..................................
ฤทธิ์ ในพุทธศาสนา แยกไว้สามระดับ
1.อิทธิฤทธิ์
คือ มีความสามารถ เหนือ ธรรมชาติ ที่มนุษย์ ธรรมดาทำได้
ซึ่งพระพุทธเจ้า ไม่สนับสนุน ให้หลงใหลเป็นทาส
เพราะพาศรัทธาหลงในอัตตายิ่งขึ้น
และผู้มีอินทรีย์พิเศษ
ผู้มีเทคโนโลยี
ผู้มีความรู้ทักษะฝีมือ นักมายากล ทำได้
ทุกวันนี้ มีคนจ่ายค่าตั๋วเครื่องบิน เราก็เหาะได้
เรื่องหูทิพย์ตาทิพย์ เจ้ามือถืออัฉริยะ ก็ทำได้ 55555+
2.บุญฤทธิ์
อิ่มใจ ภาคภูมิใจในความดี
ก็เป็นความดีระดับ ให้กำลังใจ
ที่จะละชั่ว ทำดี ไปสู่ระดับ ทำลาย อุปาทานได้
แต่ถ้าใช้ในทางผิด ก็อันตรายอยู่
บางคนเชื่อในอำนาจ วาสนาบารมี คิด ตัดวาสนาผู้อื่น
ต้องฟังขงเบ้งรำพัน
"แผนการณ์ เป็นเรื่องของคน
ความสำเร็จ เป็นเรื่องของฟ้า
ตัดเขาไม่ขาด วาสนาเราก็สิ้น"
จะสิ้นโดย ไปนอนในคุก หรือ เป็นกระสือ กระหังเร่รอน
แล้วแต่วิบากกรรมพาไป"
หรือ บางคนโดยพวกอลัชชี เดียรถีย์ หลอกทำบุญ
จนสิ้นเนื้อประดาตัว ไปสร้างอนุสาวรีย์ ให้อาจารย์ก็เยอะ
3.โลกุตระฤทธิ์
ฤทธิ์ ที่อยู่เหนือกระแสโลก
กระแสโลกสี่ ที่ข้ามยากคือ
กาม ภพ ทิฎฐิ อวิชชา
ต้อง ฝึกปลุก สัมมาสติโพธิปัญญา
ฝึกปลุก ปรีชาญาณฉลาดเลือกให้ตื่น
ล้างขยะปรุงแต่งจิต พบเสรีภาพ ของชีวาในชีวิต
ตอนตัวเป็นๆนี่แหละ พระพุทธเจ้าสรรเสริญ
..............................
ในคัมภีร์ชั้น อรรถกถา ประวัติ ท่านพระโมคัลลานะ
มีการ ย้อนอดีตชาติก่อน และผลกรรม ในวาระสุดท้าย
พิศดาร งานวรรณกรรม แบบนาลันทา ลังกานิยม
ที่เอาลัทธิฮินดูมา แฝงร่างคืนชีพแบบเนียนๆ
แต่ถ้าเราถอด ระหัส ว่า คำสอนเหล่านี้
ออก จากคำสอนพุทธเจ้า
คือ ชีวิต มนุษย์ไม่ได้ขึ้นกับ
1.ผู้มีฤทธิ์ บันดาล
2.กรรมเก่า ข้ามชาติภพ
3.เป็นเรื่องบังเอิญ
4.เป็นฏิกริยาของธาตุ
(พวกที่คิดว่าตนเป็นนักวิทย์ชอบอ้าง)
แต่เป็นเจตนาของ สี่ประการ
1.กรรมเป็นกำเนิด
เจตนา การกระทำของพ่อแม่ บุพการี ส่งผลถึงลูกหลาน
2.กรรมเป็นเผ่าพันธุ์
เป็นวิทยาศาสตร์อัศจรรย์ของจริง
เมื่อมนุษย์ พบแผนที่ระหัสกรรมพันธุ์
ที่กำหนด รูปร่าง หน้าตา อายุขัย
โรคภัย นิสัยบางส่วน ได้
3.กรรมเป็นปฏิสารณะ
คือไม่ใช่เรา แต่เราต้องอาศัย
คือสิ่งแวดล้อม โลกร้อน ก็เพราะ พวกเรานี่แหละ
4.กรรมเกิดจากเจตนาเจตนา ที่เอา
4.1.......อกุศล.....มาปรุงแต่งเป็นบุคลิกภาพภายใน(กรัชกาย)
ก็นำสู่ วิบาก วิบัติ ทุคติ
4.2.......กูศล.......มาปรุงแต่ง บุคลิกภาพภายใน.
ก็นำสู่ บุญ กุศล มงคล บารมี วาสนาดี สุคติ
4.3......วิมุติธรรม หรือ อริยะธรรม
ก็นำสู่ภูมิ อริยะ พระโพธิสัตว์ พุทธภาวะ
ซึ่งจริงๆ ไม่ต้องไปนั่งสมาธิให้เมื่อย ใช้ปัญญา
วิเคราะห์ แยกแยะ ก็จะเห็นด้วย วิสัยทัศน์ จริงๆ
.............................
ในประวัติของ พระโมคคัลลานะ ที่น่าจะเป็นของจริง เช่น
1.สอนให้ต่อสู้ความง่วง
ขณะฝึก สมถะ วิปัสสนา
สุดท้าย พระพุทธเจ้า ก็ตรัสว่า ไปนอนซะ 55555+
2.สอนในเรื่องวางตัว ในสังคมนักบวช(ภืกขุ สมณะ)
-ไม่สุมหัว
-ไม่ชูงวง
-ไม่สร้างวาทะกรรม ที่นำไปสู่ความแตกแยก
-ไม่แย่งผลประโยชน์ใคร
........................................
เล่าให้ทราบ ไม่ได้บอกให้เชื่อ สาธุ
ขอบคุณเจ้าของภาพ ผู้เข้ามาอ่าน
(https://lh3.googleusercontent.com/-x0vpE_Y6Hx4/Wg9yf34HLpI/AAAAAAAA2l8/AVKG5DlFTtEmmt4nyeWB-SN14jpOeSI9ACJoC/w363-h393-n-rw/FB_IMG_1510961762001.jpg)
อุปธิ อุปะทิ/คำนาม
1.กิเลส, ความพัวพัน, เหตุของการเวียนเกิด.
2.ขันธ์ ๕, ร่างกาย.
.....................................................
อุป (เข้าไป, ใกล้, มั่น) + ธิ (สภาพที่ทรงไว้) สภาพที่เข้าไปทรงไว้ซึ่งทุกข์ หมายถึง สภาพธรรมที่เป็นที่อาศัยแห่งทุกข์หรือเป็นมูลแห่งทุกข์ ได้แก่ อุปธิ ๔ คือ ๑.กามูปธิ ๒.ขันธูปธิ ๓.กิเลสูปธิ ๔.อภิสังขารูปธิ
กามูปธิ สภาพที่เป็นมูลแห่งทุกข์คือกาม เพราะกามทั้งหลายเป็นเหตุให้เกิดความทุกข์ยากในการแสวงหา เป็นเหตุแห่งกามทั้งหลาย เป็นเหตุให้เกิดความทุกข์ยากในการแสวงหา เป็นเหตุแห่งการฆ่าฟันกัน เป็นเหตุให้ทำทุจริตเป็นเหตุให้ไปสู่อบายภูมิ
ขันธูปธิ สภาพที่เป็นมูลแห่งทุกข์คือขันธ์ เพราะขันธ์ทั้งหลายไม่เที่ยงมีความแปรปรวน ทำให้มีความแก่ ความเจ็บ ความตาย เป็นที่ตั้งแห่งทุกข์โดยประการต่างๆ
กิเลสูปธิ สภาพที่เป็นมูลแห่งทุกข์คือกิเลส เพราะกิเลสเป็นเหตุให้ทำอกุศลกรรม ซึ่งเป็นปัจจัยให้เกิดอกุศลวิบากที่เป็นทุกข์ และทำให้วนเวียนไปในสังสารทุกข์ไม่มีที่สิ้นสุด
อภิสังขารูปธิ สภาพที่เป็นมูลแห่งทุกข์คืออภิสังขาร เพราะปุญญาภิสังขาร อปุญญาภิสังขาร และอเนญชาภิสังขาร ซึ่งได้แก่ กุศลกรรม และอกุศลกรรมเป็นเหตุให้เกิดวิบาก ทำให้มีการเกิดและเป็นไปในภพต่างๆ ซึ่งเป็นทุกข์ในสังสารวัฏฏ์
ในขุททกนิกาย จูฬนิเทส แสดงอุปธิ ๑๐ ประการ คือ
๑.ตัณหูปธิ ๒.ทิฏฐูปธิ ๓.กิเลสูปธิ ๔.กัมมูปธิ ๕.ทุจจริตูปธิ
๖.อาหารูปธิ ๗.ปฏิฆูปธิ ๘.อุปธิ คืออุปาทินนธาตุ๔
๙.อุปธิ คืออายตนะภายใน ๖ ๑๐.อุปธิคือหมวดวิญญาณ ๖
ทุกข์แม้ทั้งหมดก็เป็นอุปธิ เพราะอรรถว่า ยากที่จะทนได้
http://www.dhammahome.com/webboard/topic/10662 (http://www.dhammahome.com/webboard/topic/10662)
....................................................
ถอดระหัส แบบ ปู่ลิง
จาคะ.....คือการขูดเกลา ทิ้งความยึดติด สูงสุด
อุปธิ......คือ อุปาทาน ที่เรา เข้าไป ยึดมั่นถื่อมั่น
และ ทำให้จิต เก็บมาเป็น วัสดุ ชงอารมณ์ทุกข์ได้อีก
1.กาม ความคิดใความเพลิน
ในรูป รส กลิ่น เสียง ธรรมรมณ์(ความคิดคำนึง)
2.ขันธุ์ห้า
คือ คอมพิวเตอร์ที่มีชีวิต ที่ปรุงแต่ง"ความรู้สึกว่าเรามีอยู่"
เป็นสภาวะธรรม หาใช่ของเราจริงๆไม่ เป็นปรากฎการณ์ธรรมชาติ
3.กิเลส
เดิมแปลว่า ควันไฟ
หมายถึงสิ่งที่ปิดบัง ความจริง มีรากใหญ่คือ
ราคะ โทสะ โมหะ หรือ โลภ โกธร หลง
4.อภิสังขาร
คือการปรุงแต่ง
ความคิด อารมณ์ บุคลิกภาพภายใน(กรัชกาย)
เพื่อให้เราปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อม ที่มากระทบ
แต่ถ้าขาดสติปัญญากำกับ
ก็จะปรุงหมุนวน เกิดเป็นคัวตนชั่วคราว
ในภูมิจิต ชนิดต่างๆ
ตั้งแต่ อบายภูมิ มนุษย์ มนุษย์สเทโว พรหมโน
แต่ ถ้ามีสัมมาสติ โพธิปัญญาตื่น
ก็จะปรุงแต่ง ในภพภูมิ พระอริยะ สาธุ
.............................................
ดังนั้น สติต้องทัน ปัญญาต้องเห็น
กาม ขันธุ์ กิเลส อภิสังขาร
ที่ทำงานในตัวเรา
และโยนทิ้งความยึดติดนั้นๆ ประจำ จึงจะถือว่า
ได้เจริญ"จาคะ"
สาธุ
(https://lh3.googleusercontent.com/-z_E-NBNTqcg/Wg-ETY0It9I/AAAAAAACyQI/WA9MEAdaS6saPFCJJIksRr2HZY0LyaxsgCJoC/w663-h442-n-rw/Saranatr_01_2.jpg)
มุมกาแฟ วันหยุด
ธรรมสวัสดิ์ยามเช้า 18/11/17
อนุปุพพิกถา
คำสอนที่ ทรงสอนมากที่สุดคือ..
การยกระดับภูมิจิต ภูมิธรรม ภูมิปัญญาตามลำดับ..คือ..
1.ทาน..พบสุขจากจิตเอื้อเฟื้อ แบ่งปันสิ่งดีๆ ให้แก่กัน
2.ศีล..สุข อิ่มใจในความดี ที่เจริญเป็นเอนกชาติ
3.สัคคะ..สุข จากการเป็นวิญญูชนสากล
เคารพและดูแลสังคมร่วมกัน ให้เป็นสวรรค์บนดิน
4.กามฆีนพ..เห็นโทษ
ความติด ความพยาบาท ความคิดเบียดเบียน ตน ท่าน
5.เนกขัมมะ..ฝึกฝนตน
ออกจาก กามสุข พบนิรามิสสุข(สุขจากอารมณ์สงบ เย็น มั่นคง) และพัฒนาพบ วิมุติสุข ด้วยตนเอง
6.ปลุกสติปัญญาเคารพธรรมให้ตื่น แล้วก็วางลง
ทั้ง อาสวะ(ติดชั่ว)
สาสวะ(ติดดี)..
พบอนาสวะ(เย็น พ้นอำนาจ นันทวันธรรม
หรือ ของคู่ ที่กำกับโลก ทุกข์ สุข ดี ชั่ว ชอบ ชัง)..
ด้วยตนเอง สาธุ
......................................
7.ทำนิพพานให้แจ้ง
ปลุกปรีชาญาณฉลาดเลือกตื่น
ล้างขยะปรุงแต่ง
มีสติปัญญา รู้เท่า รู้ทัน รู้แจ้ง แทงตลอด
การปรุงแต่งจิต เมื่อผัสสะ กระแสโลกธรรม
จน ไม่ชงอารมณ์ทุกข์ ซ้ำเติม
สภาวะทุกข์ เวทนาทุกข์ ถาวร
พบวิมุติสุข ด้วยตนเอง สาธุ
...................................................................................
ผุฏฐัสสะ โลกะธัมเมหิ จิตตัง จิตของผู้ใดอันโลกธรรมทั้งหลาย ถูกต้องแล้ว,
ยัสสะ นะ กัมปะติ ย่อมไม่หวั่นไหว,
อะโสกัง เป็นจิตไม่เศร้าโศก,
วิระชัง เป็นจิตไร้ธุลีกิเลส,
เขมัง เป็นจิตไม่เกษมศานต์,
เอตัมมังคะละมุตตะมัง ฯ กิจสี่อย่างนี้ เป็นมงคลอันสูงสุด
http://www.goodlifeupdate.com/ (http://www.goodlifeupdate.com/)…/health…/dhamma/mongkolsooot/
......................................................
ขอบคุณท่านนายอำเภอ สมศักดิ์ คณาคำ
ช่วยจุดประกายครับผม และเจ้าของภาพ
..
..
มุมกาแฟวันใหม่ 18/11/17
ความกล้าหาญสูงสุดของชีวิต
คือกล้าหาญที่จะเปลี่ยนแปลงตนเอง
ออกจากโคลนตม แห่งอดีต
มีเป้าหมายชัดเจน ในอนาคต
และ มีสติ เคารพ ความเปลี่ยนแปลง ทุกปัจจุบันขณะ
รู้ว่าเป็น อกุศล.................................ก็ ลด ละ เลิก
รู้ว่าเป็นกุศล....................................ก็เจริญให้ยิ่ง
ฝึกปลุก ปรีชาญาณฉลาดเลือก..........ให้ตื่น
และ ไม่ประมาท ในทุกปรากฎการณ์...วางแล้ว สงบ ร่มเย็นฯ
(https://lh3.googleusercontent.com/-86oVXXPrCbY/Wg9YMoqhEaI/AAAAAAACyPA/ttVRcBKcuMsvMC8Pj2YYyc_JVR3xmxQjwCJoC/w663-h498-n-rw/DSCN8498.JPG)
Philosophy and healthy ปรัชญา และสุขภาพดี
G+ communities คนรัก รักษ์ ปัญญา สุขภาพ กีฬา และจักรยาน
สุขภาพดี คือลาภอันประเสริฐ ที่เราทำได้เอง
Suraphol KruasuwanOWNER
-
(https://lh3.googleusercontent.com/-dgy8NFGZVOg/WhnqttGO4RI/AAAAAAACyfM/HGd4cLphDdoOJqT-SDwzOiUg75azeJhhACJoC/w663-h492-n-rw/aa44.jpg)
https://youtu.be/FHQqEcf7veI (https://youtu.be/FHQqEcf7veI)
014d_03.สติปัฏฐานสี่ประยุกต์ ข้อที่ ๑.กายานุปัสสนาสติปัฏฐาน
๑๙.๑๑.๒๕๖๐
สติปัฎฐานสี่.....คือธรรมะภาคปฏิบัติ ในชุด โพธิปักขิยธรรม..
ธรรมะเพื่อเป็นไปเพื่อความรู้แจ้ง....คือใช้สติ
1.กำหนดรู้ บุคลิกภาพภายใน เราขณะนั้น....
2.และขณะที่บุคลิกภาพนั้นแสดงอยู่ภายใน เรารู้สึกอย่างไร....
3.ที่เป็นอย่างนี้ เพราะจิตเรามีเจตนาอย่างไร?
4.เอา ธรรมะไหนมาปรุงแต่ง(กุศล อกุศล หรือ อริยธรรม).....
คือ มีขั้นตอน...แยกจิตเป็นสอง....
1.อธิจิต จิตปรุงแต่ง ก็คิด ปรุงอารมณ์ ตัวตนภายใน แสดง เกิด เจริญเสื่อมดับ
2.จิตแท้จิตเดิมโพธิจิต มีสติดูๆๆๆ ....
และ เอาสติ เห็น กฎไตรลักษ์ ไม่เที่ยง ไม่ทน ไม่แท้..ของจิตปรุงแต่ง....
จน เกิดอาการ เบื่อหน่าย มายาจิตตนเอง
คลายกำหนัด ตัดวงจร อารมณ์ทุกข์....
และโพธิจิตก็จะแข็งแรงมากขึ้นจนควบคุม อธิจิตได้.....
ในที่สุด ปรีชาญาณฉลาดเลือก(Wisdom) จะตื่น รู้ เบิกบาน...มั่นคง.....
มีของ หลวงพ่อพุทธทาส ..ยาว..และต้องฟัง คนเดียว ในที่สงบ ครับผม
สาธุ กายในพุทธศาสนา จะมีสามกาย
1.กายหยาบ
2.กายสังขาร คือลมหายใจ
3.กรัชกาย กายบุคลิกภาพภายใน..
ซึ่งจุดสำคัญคือ คุมการปรุงแต่งกรัชกาย...
ไม่ให้สร้างบุคลิก ที่เป็นอบาย เป็นเบื้องต้น
และทุกกายใน ฉกามาวจรภูมิ...
ด้วยมีสติปัญญา กำหนดรู้ ทุกครั้งที่ผัสสะกระแสโลกธรรม....
ไม่งั้นจะหลงไปในวาทะ แห่งวิชาการสาธุ
..
..
https://www.youtube.com/watch?v=d8wDsfBb-6Y (https://www.youtube.com/watch?v=d8wDsfBb-6Y)
สามก๊ก ในวรรณกรรม
เป็นการรวม หลักคิด หลักรู้ หลักปฏิบัติ กลยุุทธ พิชัยยุทธ
ของ ภูมิปัญญาจีน ที่รวบรวมไว้...
ส่วนใครจะเอาไปเจียรนัย เป็นเพชรแท้..
หรือจะทิ้งเป็นก้อนกรวดไร้ค่า....
เวลา ประสบการณ์ชีวิต..
การตื่นของปรีชา ฉลาดเลือก ที่ไม่เท่ากัน
ชอบ บทที่ขงเบ้ง พ่ายศึกสุดท้าย
ที่เผากองทัพยสุมาอี้ แต่ ฝนดันมาดับไฟ
เพราะฟ้าลำเอียง เลือก สกุลสุมาอี้ เป็นผู้รวบรวม แผ่นดินจีน
สำเร็จ ตาม ยุทธศาสตร์ ในสวนท้อ ที่ขงเบ้งวางไว้
เมื่ออายุ24
แผ่นดิน ต้องแยกเป็นสาม
ตะวันตก คบตะวันออก ต้านเหนือ
จึงจะรวมเป็นหนึ่ง
และ เล่าปี่ตาสว่าง ว่า
กุนซือ ที่ตนเคยมี เป็นแค่คนอ่านหนังสือเป็น
ดังที่สุมาเต็กโช กล่าวไว้
เล่าปี พบขงเบ้ง...เป็นโชคดี
ซุนกวนพบ ขงเบ้ง...เป็นความโชคร้าย
55555+
"แผนการ เป็นเรื่องของคน
ความสำเร็จเป็นเรื่องของฟ้า
ตัดเขาไม่ขาด วาสนาเราก็สิ้น"
ดังนั้น ใครที่
บุญมา กาไก่...........กลายเป็นหงส์
ต้องคิดก่อนทำ........อย่าไปคิดตัดวาสนาใคร
....สาธุ ขอบคุณครับ
..
..
https://www.youtube.com/watch?v=BLXwpGCn2KQ (https://www.youtube.com/watch?v=BLXwpGCn2KQ)
แอบมองธรรมชาติ
ทุกปรากฎการณ์ มักจะมี
"ผู้ควบคุม จังหวะเวลา"
1.กฎแรกของสิ่งมีชีวิต
คือ "กิน หลีกเลี่ยงการถูกกิน"
การหลีกเลี่ยงการถูกกิน ทุกชีวิต จึงสร้างระบบ
หนี ซ่อนตัว สู้ และ แฝงร่างคืนชีพ
ในตัว สิ่งมีชีวิต จะมี ไมโทคอนเดีย
สถานี สร้าง จ่ายพลังงาน
ซึ่ง จะมี ระบบพันธุกรรมของตนเอง
สำหรับ มนุษย์ ไมโทคอนเดีย สืบทอดมาจากแม่
ดังนั้นที่บอกว่า
"มนุษย์มีแม่คนเดียวกัน(อีฟ)..ซักจะเป็นเรื่องจริง!"
และไมโทคอนเดีย
เดิม อาจเป็นชีวิตอิสระ ถูกเซลล์ ต้นแบบ"กิน"
และปรับตัวอยู่ร่วม กันต่อมา กลายเป็นเซลล์ที่ซับซ้อน
...อีกหนึ่ง คือ พืชสีเขียว..จะมีโคโรพลาส อยู่ข้างใน
...ทำหน้าที่เป็นโรงงานเคมี เอาน้ำ กับคาร์บอนใดอ๊อกไซด์
รับพลังงานจากแสงอาทิตย์ เปลี่ยนเป็นน้ำตาล เป็นพลังงานให้พืช และปล่อยอ๊อกซิเจน ให้พวกเราใช้หายใจ
เจ้า โคโรพลาส ก็คือ สาหร่าย บรรพกาล
ที่ถูกกินแต่ ไม่ตาย ปรับตัวอยู่ในพืชสีเขียวๆ นั่นเอง
2.พัฒนาการ
พัฒนาการในสิ่งมีชีวิต จะถูก กำหนด
โดย "กฎวิวัฒนาการ"
คือ ทุกชีวิต ต้อง
เรียนรู้ ปรับตัว ถูกคัดเลือก สืบทอดด้วย
-อาหาร
-สิ่งแวดล้อม
-ศัตรู
-เผ่าพันธุ์เดียวกัน
วันนี้ไปเยี่ยมเจ้าโดเรม่อน ไปเปิดศึกชิงนาง
นอนซม เจ้าของเลยขังไว้ สองวัน 55555+
........................................
สำหรับมนุษย์
การคัดเลือกในเผ่าพันธุ์ มีให้เห็นเยอะ
พี่น้องที่ไม่รักกัน
การนินทาว่าร้าย
ความอิจฉาริษยา
และวางเฉยเมื่อเห็น เพื่อ กำลังมีภัย
ต้องทำใจ และแผ่เมตตา
"มันเป็นเช่นนั้นเอง"
.........................................
3.และการค้นพบล่าสุด
ยีนส์ หรือระหัสกรรมพันธุ์
"ที่ควบคุมชุดยีนส์" เป็นชุดๆ
ตัวนี้ก็เหมือน วาทยากร คุมวงดนตรี
มีไม้ชี้ อันเดียว จะแปลงเพลง
เป็นอย่างไรตามใจตรูได้ 55555+
จึงมีมนุษย์ที่มีความสุข จากการ......ชี้ แต่ไม่รู้เยอะ
ก็ต้องทำใจ อีกนั่นแหละ
........................................
4.การสิ้นสุดของชีวิต
ก็กลับมาถึง สุดขั้ว ความคิด
ที่ มนุษย์ก็ต้องเถียงกันต่อไป
จนโลกไม่มีมนุษย์อาศัย ว่า
ตายแล้ว.........เกิด
ตายแล้ว.........สูญ
ซึ่งสองประการ พระพุทธเจ้า ตรัสไว้ ว่า
อย่าเข้าไป เอามาเป็นทฤษฎี ดับทุกข์ ที่เกิดจาก
อุปาทานในตัณหา อุปาทานในขันธ์ห้า ไม่ได้
แต่ใครจะเอามาเคี้ยวเอื้อง เล่น แบบเท่ห์ๆว่า
ตูนี่แหละ นักปรัชญา..ไม่ว่ากัน
อาหารอร่อย อยู่ที่คนชอบ
.............................................
กฎ การกิน และ หลีกเหลี่ยงการถูกกิน
กฎของการพัฒนา วิวัฒนาการ
และรู้จักระหัสกรรมพันธุ์ที่ควบคุม การทำงาน ในตัวเรา
ความสุขจากการ คิดให้ลึก แบบปรัชญญา
ก็คงวนเวียน มาสู่ชีวิตเราไม่ว่าเราจะชอบหรือชัง 55555+
....................................................
มนุษย์เป็น นักบริโภคนิยม
ทุกวันนี้ นอกจาก จะกินเครื่องค้ำจุนชีวิต
1.วัตถุธาตุ ที่เป็นปัจจัยสี่
และเครื่องมืออำนวยความสะดวก ต่อความสามารถ
2.กินผัสสะ ที่ชอบ จาก รูป รส กลิ่น เสียง ใจคนึงถึง
3.อุดมคติ
4.ความรู้
และเรายังบริโภค คลื่น พลังงาน
หรรษา ความภาคภูมิใจ สมใจ สะใจ ในใจ
ยังมี พวกที่ชอบ กินตามน้ำ กลางน้ำ ฮุบกลางอากาศ
ตามนโยบาย ซึ่งวันนี้ หนึ่งในสี่ สังคมหลักของจีน
ที่จะเป็นแกนกลางให้สังคมโลก
อยู่ร่วมอยู่รอด อย่าง ใช้สติปัญญา ไปอีก100ปี
ตั้งเป้าหมาย เป็น สังคมซื่อสัตย์(ปราบคอรัปชั่นให้เหลือศูนย์)
....................................
1.สังคมสร้างสรร นวัตรรม
2.สังคมซื่อสัตย์
3.สังคมเครดิตออนไล์
4.สังคม เพิ่มประสิทธิภาพ คุณภาพชีวิตที่ดี
เราต้องเจอแน่ๆ เตรียมตัว รับ ปรับ องศาใบเรือแห่งชีวิตให้ทั่น
ก่อนที่เราจะถูกคัดทิ้งตามกฎ พัฒนาการ 55555+
..
..
10w
เสียงในสมอง...........คือความคิด
ความคิด..................สร้างการปรุงแต่งจิต
จิต...........................สร้างบุคลิกภาพภายใน
บุคลิกภาพภายใน......ที่แผ่ซ่านครองบริหารกายหยาบ
แต่ละวัน เรามีบุคลิกหลากหลาย ........เกิดเจริญและดับไป
เป็นวัฎฏะ วงจรภายใน ใครมีสติก็จะเห็น ความมหัศจรรย์นี้
และดีที่สุด คือ...........
ความสุข สงบ เย็น..... สติรู้ทัน
ความไม่เที่ยง ไม่ทน ไม่แท้ทุกปรากฎการณ์
..............................
มนุษย์เป็นสิ่งปรุงแต่ง
ความคิด สร้างจิต จิตสร้างกรัชกาย
มนุษย์มีสามกาย
1.กายหยาบ
2.กายสังขาร(การหายใจ)
3.กรัชกาย(กายบุคลิกภาพ)
ใครมีสติปัญญาเห็น
และ ระงับ ความฟุ้งซ่านกายทั้งสาม
คือ พบสันติสุข สันติธรรมในตนเอง
ความรู้ เป็นอาหารของ สติปัญญา
..
..
มุมกาแฟยามบ่าย
ชีวิตนี้ วันนี้ขอนำหมา 55555+
https://www.youtube.com/watch?v=o1UmHJMkx10 (https://www.youtube.com/watch?v=o1UmHJMkx10)
คนกับหมา....บาว
เห็นภาพนี้ทำให้นึกถึง
ยุธิษฐิระ มนุษย์ที่ขึ้นสู่สวรรค์ ในขณะมีชีวิตอยู่
ในมหากาพย์ มหาภาระตะของฮินดู
ที่ไม่ยอมขึ้นสวรรค์ ถ้าไม่ให้เอาน้องหมาขึ้นไปด้วย55555+
ในระบบดาวของกรีก โรมัน จะมีดาวหมา คู่กับด้วยนายพราน
ตรงกระดิ่งคอหมา จะมีดาวฤกษ์ ที่สว่างที่สุดในท้องฟ้า
ดาวซิริอุส (อังกฤษ: Sirius) มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งในภาษาไทยว่า ดาวโจร
ตำนานแต่ละวัฒนธรรม มีผู้ขึ้นสวรรค์ทั้งที่มีชีวิต
1.กรีก โรมัน
กลุ่มดาวคนคู่ (Gemini)
พอลลักซ์ (Pollux) กับ คาสเตอร์ (Caster)
พอลลักซ์นั้นเป็นลูกของเทพซูส
เป็นคนครึ่งเทพ(วีระบรุษ)จึงมีชีวิตเป็นอมตะ
คาสเตอร์เป็นแฝด ที่เป็นมนุษย์
พอลลักซ์ ไม่ยอมขึ้นสวรรค์ ถ้าไม่มีคู่แฝดไปด้วย
ซูสจึง ยอมและมอบกลุ่มดาว เดือนมิถุนา ไว้เป็นที่ระลึก
2.มหาภารตะ ฮินดู
ก็มี ยุธิษฐิระ ที่เป็นผู้เที่ยงธรรม และไม่ทิ้งใคร
3.จีน ก็มี เหล่าเซียน ในลัทธิเต๋า
4.พุทธศาสนา
เมื่อผัสสะโลก ด้วยวิสัยทัศน์ในกุศล
ชีวิตก็ดุจอยู่ในสวรรค์ทันที
..
..
ธรรมสวัสดิ์ 26/11/17
"ไม่เลยธง"
กำหนดกรอบแห่งการสนทนา
1.จำเดิม ตถาคต ก็จะบอกเรื่อง
ทุกข์ และการดับเหตุไม่เหลือ ของทุกข์"
2.และเมื่อเห็นว่า ทิฐิ หรือทฤษฎี เหล่านี้
เป็นอภิปรัชญา(เห็นด้วยจินตนาการไม่รู้จบ)
มาดับอารมณ์ทุกข์ ที่เกิดจาก จิตปรุงแต่งด้วย
อุปาทาน ในตัณหา อุปาทานในขันธุ์ห้า ไม่ได้
พระพุทธเจ้าจึงไม่ พยากรณ์(ไม่ตอบ)
4. การฝึกตน ถอน อุปาทานทุกข์ สำคัญ เร่งด่วน
ที่ ต้องปลุก สัมมาสติ โพธิปัญญาตื่น
มา กำหนดรู้ เมื่อ กายเนื้อ ผัสสะอารมณ์ทุกข์
สติ จ้องเห็น กรัชกาย(บุคลิภาพภายใน) เกิด เจริญ เสื่อมดับ
และ ถอน กายสังขาร(ลมหายใจ)
5.และ ฝึกระลึกเข้าไป ความทรงจำในอดีต
และถอน ความรู้สึก ติด พยาบาท เบียดเบียน
ด้วยการกำหนดรู้ด้วย กายสังขาร(ลมหายใจ)
และสติปัญญา เห็นไตรลักษ ในทุกปรากฎการณ์
จนคลายความยึดมั่นถือมั่นใน อุปาทาน 4
http://84000.org/tipitaka/dic/d_item.php?i=214 (http://84000.org/tipitaka/dic/d_item.php?i=214)
..................................
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๘ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๐
สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค
ถาม: ท่านพระโคตมะผู้เจริญ อะไรเป็นเหตุเป็นปัจจัยให้พวกปริพาชกผู้ถือลัทธิอื่นทั้งหลาย เมื่อถูกถามอย่างนี้ว่า
๑. โลกเที่ยง (ยั่งยืนนิรันดร) หรือ?
๒. โลกไม่เที่ยงหรือ?
๓. โลกมีที่สุดหรือ?
๔. โลกไม่มีที่สุดหรือ?
๕. ชีวะอันนั้น สรีระก็อันนั้นหรือ?
๖. ชีวะก็อย่าง สรีระก็อย่างหรือ?
๗. สัตว์หลังจากตายแล้ว มีอยู่หรือ?
๘. สัตว์หลังจากตายแล้ว ไม่มีหรือ?
๙. สัตว์หลังจากตายแล้ว ทั้งมี ทั้งไม่มีหรือ?
๑๐. สัตว์หลังจากตายแล้ว จะว่ามีอยู่ ก็ไม่ใช่ ไม่มีก็ไม่ใช่หรือ?
(พระสูตรนี้ เอาไว้ แยกแยะ ธรรม วินัย ในพระไตรปิฎก
ว่า ธรรมไหน เป็น พุทธดำรัส หรือ แต่งเติมภายหลัง
ตามกระแสนิยม วัฒนธรรม และสังคม หลังพุทธกาล)
ขอบคุณเจ้าของภาพ พุทธธรรม และผู้อ่าน
(https://lh3.googleusercontent.com/-NOfNyn_QF5Q/WhZ_xah4nxI/AAAAAAACybo/yk0_mz_dr-ILAxAeM2v9obaSwh8Jsa88wCJoC/w663-h498-n-rw/DSCN9558.JPG)
Philosophy and healthy ปรัชญา และสุขภาพดี
G+ communities คนรัก รักษ์ ปัญญา สุขภาพ กีฬา และจักรยาน
สุขภาพดี คือลาภอันประเสริฐ ที่เราทำได้เอง
Suraphol KruasuwanOWNER
-
(https://lh3.googleusercontent.com/-VYOCH5IPkC4/WhoBcRYtuoI/AAAAAAACygE/f8a93HvpuGE-xoD_wppvGgikLwjjZp8QQCJoC/w663-h550-n-rw/osoznannye_snovidenija.jpg)
https://www.youtube.com/watch?v=YTKlMWtIHiQ (https://www.youtube.com/watch?v=YTKlMWtIHiQ)
รู้แจ้ง
ธรรมสวัสดิ์ ยามเช้า 2....26/11/17
"หมอแพทย์ทายว่าไข้ ......ลมคุม
โหรว่าเคราะห์แรงรุม........ โทษให้
แม่มดว่าผีกุม................... ทำโทษ
ปราชญ์ว่ากรรมเองไซร้ .....ก่อสร้างมาเอง ๛๚."
(โลกนิติ)
ทุกข์ ของมนุษย์มีสาม
1.สภาวะทุกข์
เป็นปรากฎการณ์ของ ธรรมชาติ ที่เกิดมาแล้ว
เจริญ เสื่อม ดับ ไม่เที่ยง ไม่ทน ไม่แท้
แปรเปลี่ยนตาม กฎ เหตุปัจจัยปรุงแต่ง และสิ่งแวดล้อม
2.เวทนาทุกข์
อยู่ที่ใครฝึก อดทนได้มากกว่ากัน
3.อารมณ์ทุกข์
เราชง ด้วยความคิด แล้วบ้าเอง 55555+
"""""""""""""""""""""""""""""""""""
วิธีฝึกชนะอารมณ์ทุกข์
ที่เป็น มายา เล่นลีลา ไม่มีตัวตนเที่ยงแท้
1.เมื่อกายหยาบ รับรู้อารมณ์นั้น
2.ใช้สติ กำหนดรู้ กายสังขาร
ว่าขณะนั้น ลมหายใจเรา เปลี่ยนไปอย่างไร
โดยหยุดความคิด หาเหตุทุกข์
เพราะความคิด เป็นเชื้อเพลิง อย่างดีของอารมณ์
3.สติ ตามไปดูกรัชกาย(บุคลิกภาพภายในจิต)
ว่า สภาพ ขณะนั้น เราเป็น
เปรต.............ทุกข์เพราะโลภ อิจฉา บ้าอำนาจ
เดียรัจฉาน.....เอาอารมณ์เหนือสติปัญญา หน้ามืด
อสุรกาย........กลัว หรือ คิดทำร้ายใครลับหลัง
สัตว์นรก........ทุกข์เพราะ ย้ำคิด ย้ำทำ ย้ำแค้น
หรือ น้อยใจ หดหู่ ฟุ้งซ่าน ลังเล ว่าจะเลือก กุศล อกุศล
4.เมื่อเป็นเปรต
ให้คิดสุขจากการเผื่อแผ่แบ่งปัน
5.เมื่อเป็นเดียรัจฉาน
ปลุกสติปัญญา เคารพกุศลให้ตื่น
6.เมื่อเป็นอสุรกาย
ให้กล้าที่จะทำสิ่งดีๆ ทั้ง กาย วาจาใจ
7.เมื่อเป็นสัตว์นรก
ให้แผ่เมตตา ให้ชีวิตที่ลำบากกว่าเรา
และแผ่เมตตาให้ตนเอง
8.ฝึก สงบ(จากกิเลส ตัณหาอุปาทาน) ในที่สงัด
สงัดจาก การปรุงแต่งอารมณ์ ท่ามกลางกระแส โลก ธรรม
""""""""""""""""""""""""""""""""""""""
การปฏิบัติธรรม คือ
"ใช้สติปัญญา รักษาใจ ไม่ให้ทุกข์เกิด
เมื่อ อารมณ์ทุกข์เกิด ก็กำหนดรู้ แล้วละเสีย"
วรธัมโม สวนโมกข์
..............................................
"ศีล มีข้อเดียว.....รู้ว่าเป็นอกุศล ก็ ลด ละเลิก
ธรรม มีข้อเดียว...รู้ว่าเป็นกุศล(ฉลาดทางดี) ก็เจริญให้ยิ่ง
วิมุติ มีข้อเดียว....ไม่ทุกข์ ไม่สุข แต่เย็น"
(หลวงพ่อ พุทธทาสภิกขุ)
...........................................
วันหนึ่ง จักรพรรดิ์ เหลียงบู้เต้
นิมนต์ ตั๊กม้อโจ้วซือ(พระโพธิธรรมเถระ)
ไปชม วัดวา อาราม ที่พระองค์สร้าง
แล้วถามว่า สิ่งที่พระองค์ทำ จะได้ บุญ กุศลแค่ไหน?
ตักม้อโจ้วซื้อ ตอบว่า
"ได้ บุญ แต่ไม่ได้กุศล"
(อิ่มใจภาคภูมิใจในความดี แต่ ไม่ฉลาด ชนะอารมณ์ทุกข์)
..........................................
เป้าหมายสูงสุด ของการปฏิบัติธรรม
"คือชนะ อารมณ์ทุกข์
ยามผัสสะ โลก ธรรม ทุกปัจจุบันนี่แหละ"
.........................................
กายหยาบเรา สบายดีไหม
ลมหายใจเรา สงบดีไหม
ใจเรา ปรุงบุคลิกภาพอย่างไร
ถามตนเอง และไม่ต้องไปโทษ ฟ้าดิน 55555+
ขอบคุณเจ้าของภาพ คนหลังไมค์ที่จุดประกาย
และผู้อ่าน และจะเป็นกุศลยิ่ง
ถ้า เอาไปฝึกตน ชนะอารมณ์ทุกข์ ของตนเอง สาธุ
.....................................
//-เครื่องวัดผลสำเร็จ แห่งความโชคดี?
ผัสสะโลกธรรม.........................ด้วยสติกุมสภาพจิต แล้วไม่หวั่นไหว
จิตเบิกบานไร้กิเลส ...................แผ้วพานนั่น
จิตมั่นคง โปร่งใส มีคุณภาพ.........ทุกผัสสะกัน
ใครทำได้อย่างนี้แล้วนั้น .............คือบรมโชคดีเอยฯ
http://puling-222.blogspot.com/2011/01/blog-post_7277.html (http://puling-222.blogspot.com/2011/01/blog-post_7277.html)
..
..
https://www.youtube.com/watch?v=y-E83EA5wSY (https://www.youtube.com/watch?v=y-E83EA5wSY)
ทฤษฎี การระเบิดครั้งใหญ่ ฺBig bang
เป็นหนึ่งในทฤษฎีกำเนิดจักรวาล
ที่ดีที่สุด โดยอิง แนวคิดวิทยาศาสตร์
ว่างค่อยมาชมครับ...ยาว 55555+
"""""""""""""""""""""""""""""""""""""
1.วรรณกรรมฮินดู เริ่มจาก จักรวาลเป็นไข่ทองใบหนึ่ง
ธาตุหนักจม ธาตุเบาลอย และแยกเป็น ดินกับฟ้า
มีพระนารายณ์ หลับอยู่บนนาค
.
2.ความฝันของพระนารายณ์ เกิดดอกบัวขึ้นที่สะดือ
พระพรหมเกิดในดอกบัว และสร้าง นางร้อยรูปมาเป็นเพื่อน
เพื่อเอาใจนาง พระพรหม จึงสร้าง สรรพสิ่ง เป็นจักรวาล
3.เมื่อ พระนารายณ์ตื่น ก็เปิดศึก เถียงกันว่า ใครสร้างจักรวาล
แล้ว พระศิวะ ก็แหวก แท่ง มหึมา(ศิวะลึงค์) แล้วบอกว่า
"ตนเป็นต้นกำเนิด และผู้ดับ ของทุกสรรพสิ่ง
4.จักรวาล เสมือนงูกินหาง มีการเกิด เจริญ เสื่อมดับ
เมื่อเสื่อมถึงที่สุด ตนจะเปิดตาที่สาม
เกิดไฟบัลลัยกัลป์ หล่อหลอม ทุกสรรพสิ่ง
เป็นไข่ทองใบใหม่ และจักรวาลก็เริ่มต้นใหม่
.
5.พระนารายณ์ กับพระพรหมไม่เชื่อ
พระศิวะจึงบอกว่า ไปหา ต้น และปลาย ของแท่งนี้ก่อน
ถ้าพบต้น และปลาย ค่อยมาเชื่อพระองค์
6.พระพรหม ขี่หงส์ขึ้นไปสู่ยอด
พระนารายณ์แปลงเป็นหมู ขุดไปหาโคน
ผ่านไปนานมาก ต่างกลับมา
พระนารายณ์ ตรัสว่า ไม่เจอต้น
พระพรหม ตรัสว่า ตนถึงยอด ให้หงส์ เป็นพยาน
7.พระศิวะจึงเปิด ตาที่สาม
เผาหน้าหนึ่งของพระพรม เป็นจุล
พระพรหมจึงเหลือสี่หน้า
ฐานมุสา และสาปพระพรหม
ว่า ยิ่งนาน มนุษย์จะไม่นับถือพระพรหม
และอวยชัยให้พระนารายณ์ เป็นผู้รักษาสมดุลย์โลก
7.นางร้อยรูป(พระแม่สุรัสวดี)
จึงห่อเถ้าจากการเผา มาโอบอุ้มด้วยความรัก
เถ้านั้น ได้เกิด มหาฤษีของจักรวาล
คือฤาษีนารอท.....ซึ่งเป็นผู้สื่อสาร สามโลก
และเอาเรื่องราวต่างๆ มาเล่าให้พวกฤษีฟัง
และให้เรา รู้เรื่อง มหาภารตะและฮินดู
...................................
ถ้าถอดระหัส
1.พระศิวะ คือ กฎธรรมชาติ
2.พระนารายณ์ คือ ระบบของธรรมชาติ
3.พระพรหม คือ วิวัฒนาการของธรรมชาติ
ทั้งกฎ และระบบ วิวัฒนาการ....ร่วมสร้างจักรวาล
วันหนึ่ง เมื่อ มนุษย์ พัฒนาการ เอาความรู้ผ่านสมอง
และมีผู้ช่วย ปัญญาประดิษฐ....นักวิทยาศาสตร์ต่างทึง
ใน วรรณกรรม ของฮินดู...ว่า"รู้ได้อย่างไร"
........................................
1.จาก กฎธรรมชาติ
ระบบของธรรมชาติ
และ วิวัฒนาการ
มนุษย์มาถึงยุค
"สร้างสรรนวัตกรรม
2.และการไหล ของพลังานข้อมูล
ในสังคมสื่อสารออนไลน์
3.รวมทั้ง หุ่นยนต์อัฉริยะ ในรูปแบบต่างๆ
ที่จะกลายเป็นสมอง นอกกาย ที่เราต้องพึ่งพา
มองดูมือถือของคุณ นี่คือบรรพบรุษ ชีวิตใหม่
และจะอยู่ต่อไป แม้นเผ่าพันธุ์มนุษย์ สูญสิ้น
...............................
"วัฒนธรรมมนุษย์ เริ่มจาก
1.ใช้แรงกล้ามเนื้อ
2.สู่กำไรจากน้ำมัน
3.และเรายืนอยู่ จุดที่อาศัยวิสัยทัศน์
จากข้อมูลในโลกออนไลน์
4.และยุคต่อไป เราต้องต่อสู้กับ
หุ่นยนต์ที่ไม่มีวิสัยทัศน์"
....แจ็คหม่า.
..
..
https://youtu.be/aeIAoitAovM (https://youtu.be/aeIAoitAovM)
สารคดี ตอน อารยธรรม กรีกโบราณ ที่รุ่งเรือง
1.อารยธรรมกรีก......มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงโลก
และ ควบคุมวิธีคิด และวิถีชีวิตชาวโลก เมื่อ
โลกเข้าสู่ยุค ฟื้นฟูศิลปะ และ วิทยาศาสตร์
ที่กรีกได้วางไว้
ประชาธิปไตย เสรีภาพในการศึกษา
เทวนิยม เคารพเทวรูป
คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์
และการแสวงหาความจริงด้วยการโต้เถียงกัน
และการสร้างวาทกรรม เลิศหรู ให้คน ยกตนเป็นผู้นำ
และทุกวัน นักการเมืองทั่วโลก ก็ยังใช้วิธีนี้
2.ยุคเรเนสซองส์ (Renaissance ค.ศ. 1450 -1600)
หลังจากสงครามครูเสดอันยาวนานร่วม 300 ปีสิ้นสุดลง
ยุโรปก็เข้าสู่สมัยฟื้นฟูศิลปวิทยา
โดยในช่วงแรกความรู้ทางศิลปะและวิทยาการ
ของกรีกและโรมันได้ถูกนำเข้ามาผ่านเอกสาร
และหนังสือที่นักวิชาการมุสลิมในโลกอาหรับได้แปลไว้
เช่น ปรัชญาของอริสโตเติล
และคณิตศาสตร์ของกรีก
3.ต่อมาการล่มสลายของนครคอนสแตนติโนเปิล
ศูนย์กลางแห่งจักรวรรดิไบแซนไทน์
ในช่วงกลางศตวรรษที่ 15
จากการรุกรานของสุลต่านเมห์เหม็ดที่ 2
แห่งจักรวรรดิออตโตมัน ทำให้บรรดาพระ
และผู้มีวิชาความรู้ในเมืองหอบตำราสำคัญ
ที่คัดลอกด้วยมือ (manuscripts) ต่างๆ
อันเป็นความรู้และสมบัติทางวัฒนธรรม
ที่ตกทอดมาจากอารยธรรมกรีก และโรมัน
ออกมาเผยแพร่เพื่อต่อสังคมยุโรปในวงกว้าง
และเนื่องจากในขณะนั้นเทคโนโลยีการพิมพ์
และการพิมพ์แบบตัวเรียง (moveable types)
เพิ่งได้รับการประดิษฐ์ขึ้นโดยกูเทนเบิร์กในยุโรป
ความรู้ศิลปวิทยาการในสมัยคลาสสิค
จึงแพร่กระจายไปได้เร็วมาก
4.ทำให้ยุโรปได้นำศิลปวิทยาการ
ที่ได้รับการเผยแพร่ใหม่เหล่านี้
มาสอนในมหาวิทยาลัย
ตลอดจนนำมาปรับปรุง ดัดแปลงใหม่
ทำให้ยุโรปมีความเจริญก้าวหน้าในศาสตร์ทุก ๆ ด้าน
อาทิเช่น(วิกิพีเดีย)
5.>>>>>200กว่าปี หลังพุทธกาลอารยธรรมกรีก
ที่มาโดยกองทัพอเล็กซานเดอร์มหาราช
มาถึงลุ่มแม่น้ำสินธุ และ มากระทบกับ
วัฒนธรรม อนุทวีปอินเดีย ที่มีพรามหณ์ พุทธ อยู่แล้ว
และเกิดการปรับตัว เพือป้องกัน วัฒนธรรมกรีกกลืนกิน
6.พรามหณ์ ต้องปรับตัว สร้างระบบเทวนิยมใหม่ เกิดฮินดู
พุทธศาสนา ก็เริ่มเอาระบบเทวนิยม แซกเข้ามา
จากที่ พระพุทธเจ้า สอนไม่ให้ เอาอภิปรัชญา มา
ใช้ดับอารมณ์ทุกข์
ระบบเทวนิยม รวมความเชื่อ วัฎฏะสังสาระแบบพรามหณ์
ที่วิญญาณทุกดวง ที่เวียนว่ายตายเกิด
ต้องกลับไปรวมกับปรมาตมัน
ไปเป็น ไปสู่แดนนิพพาน ในจินตนาการ
ก็ยกย่องพระองค์เป็นพระโพธิสัตว์
ที่บำเพ็ญบารมี 10ชาติ
และ ลงมาประสูติ เป็นพระพุทธเจ้า
การดับอารมณ์ทุกข์ด้วยการปลุกปรีชาญาณฉลาดเลือกให้ตื่น
มาล้างขยะปรุงแต่งจิต(อาสวะ และสาสวะ)
ที่เป็นเรื่องเร่งด่วน ที่พระพุทธเจ้าสอน
กลายเป็น ทำบุญ ฝากไว้ ในพระศาสนา
และศาสนิก จึงกลายเป็นเหยื่อ อัตโนมติอาจารย์
ที่เรียกร้องเอา ทรัพย์ อำนาจ วาสนา
มาสร้างอนุสาวรีย์ให้ตนเอง
จากพวก เดียรถีย์ ที่แอบมาบวช
เอาสัทธรรมปฏิรูปมาสอน
ให้คนมาสนใจเป็นนักสิทธิ์(มีสิทธิอำนาจเหนือธรรมชาติ)
แทน การเป็นพระอริยะ
ที่ชนะ จิตปรุงแต่งตน(อธิจิต)
และรวมเป็นสังคมนักสังคมสงเคราะห์(สงฆ์)
เพื่อหวังประโยชน์ส่วนตน
โดย เอาศรัทธาในการทำบุญ
อยู่ เหนือ สติปัญญา เคารพธรรม และฝึกตน
7.การสังคายนาพระไตรปิฎก ครั้งที่ ๘ ของโลก
บนแผ่นดินล้านนา ในสมัยพระเจ้าติโลกราช
(พ.ศ.๑๙๘๕–๒๐๓๑) ...
พระองค์ทรงโปรดให้มีการทำสังคายนาศาสนา
ในปี พ.ศ.๒๐๒๐
ก็มีการเขียน ตำนาน พระโพธิสัตว์ 500ชาติ
และตำนาน พระเจ้าเลียบโลก
ที่เอาแนวคิด กรีก
เรื่องการ ลงมาสู่โลกมนุษย์ของซูส กับเฮอร์เมส เทพสื่อสาร
รวมทั้งเกิดตำนาน นครที่ล่มสลาย
เพราะ ศีลธรรมที่เสื่อม คนไม่กตัญญู และไร้จิตเอื้อเฟื้อ
และ เรื่องราวนี้ จึงกระจายไปทั่วแหลมทอง
จึงมีเรื่องราว เวียงหนองหล่ม เกาะแม่หม้ายหลากหลาย
ทุกภูมิภาค ทั้งเหนือ อีสาน และภาคกลาง
8. 200 กว่าปีหลังพุทธกาล
เริ่มสร้างพุทธรูป รุ่นแรกๆ โดยเหล่าขุนพลกรีก
ที่มาปักหลัก ในอินเดียและหันมานับถือพุทธศาสนา
โดย เคารพพุทธเจ้า ดังเทพอพอลโล่ ของตน
และกลายเป็น ศิลปะอมราวดี ศิลปะคุปตะ
9.และพุทธศาสนา ก็มี พุทธเทวนิยมเต็มตัว
คือ มหายาน จากผลงาน อัศวะโฆษ และอสังคะ
ที่ ยกเอา จิตเอื้อเฟื้อ(โพธิจิต)
สำคัญกว่า จิตหลุดพ้นจาก อารมณ์ทุกข์(พุทธจิต)
โดยการปลุก ปรีชาญาณฉลาดเลือกให้ ตื่น รู้ เบิกบาน
แล้วค่อยไปช่วย สังคม
และ นาคารชุนะ ตั้งนิกายศูนย์ตา
ได้กล่าวว่า ถ้าไม่มีคำว่า ศูนย์ตา(สุญตา) ก็ไม่ใช่พุทธศาสนา
แต่ก็ยัง ประนีประนอมว่า
"วิมุติ มีสองรส
1.รส สงบ เย็น เพราะ ว่างจาก อุปาทาน
2.รส สุข จากจิตเอื้อเเฟื้อ แบ่งปัน
(หิตายะ สุขายะ การช่วยให้ชีวิตอื่นเป็นสุข เราก็รับอนิสงค์สุขนั้นได้)
................................................
ขอบคุณเจ้าของคลิป ความรู้ที่ยกมา และผู้อ่าน สาธุ
..
..
เพลงเพราะๆ องค์ใดพระสัมพุทธ ขับร้องโดย ปาน ธนพร
ธรรมะสวัสดิ์......29/11/17
เป็นพุทธะได้......เพราะชนะมาร
มาร....รากศัพท์มาจาก ภาษาเปอร์เชีย หมายถึงแสงสว่าง
แต่พอมาถึง อินเดีย กลายเป็น สิ่งชั่วร้าย ที่ทำให้ชีวิตพินาศ
เป็น"แสงสว่างเทียม"
ในพุทธธรรม มารมีหลายความหมาย
แต่โดยรวมคือ จิตปรุงแต่ง หรือ อธิจิต ที่มีฤทธิ์มาก
1.ขันธ์มาร.......คือ
ระบบคอมพิวเตอร์ชีวภาพ ที่ประกอบเป็น"เรา"
2.อภิสังขารมาร..คือ
การปรุงแต่งความคิดแบบฟุ้งซ่าน
ขาดสติปัญญากำกับ ยามผสัสสะโลก ธรรม
3.เทวบุตรมาร...คือ
ความ สมใจ สะใจ ที่เหวี่ยง อารมณ์เรา
สร้าง บุคลิกภาพภายใน(กรัชกาย)
ให้เรา ตกต่ำกว่ามาตราฐานมนุษย์(อบายภูมิ)
หรือเป็นมนุษย์
เป็นเทพ สุขจาก หรรษา ภาคภูมิใจ สมใจ สะใจ
4.กิเลสมาร.....คือ
กิเลส ความหมายเดิมคือ ควันไฟ
คือสิ่งที่ ทำให้ เกิดความเศร้าาหมอง หลงทาง
แยะแยะ กุศล อุกศล ไม่ออก หรือ เห็นผิด เป็นชอบ
5.มัจจุราชมาร...คือ
เวลา เวลากลืนกินทุกสรรพสิ่ง แม้นแต่ตัวเวลาเอง
.........................................................
มาร แสงสว่างเทียม อยู่ในสังขารโลก
"ตถาคต ขอบัญญัติว่า
กายกว้างศอก ยาววา มีสัญญา(ความทรงจำ)
และใจครอง คือ จักรวาลหนึ่ง ชื่อ สังขารโลก"
ชนะมาร ก็คือ ชนะ"จิตปรุงแต่งตนเอง (อธิจิต)"
โดยปลุก จิตแท้จิตเดิม พุทธจิต โพธิจิต ตื่น
มากุมสภาพจิตปรุงแต่ง จนเราเลิก ชงอารมณ์ทุกข์
ที่ผูก จิตปุถุชน ให้วนเวียน ใน วัฎฏะ ทุกข์ สุข
พบความสงบ ร่มเย็น และ สุขจากจิตเอื้อเฟื้อ ยั่งยืน สาธุ
..
..
https://youtu.be/cz1IQ0YvDtk (https://youtu.be/cz1IQ0YvDtk)
การ์ตูนเกี่ยวกับภูมิคุ้มกัน พากษ์ไทย
หนึ่งในเหตุผล การฝึกทำให้อารมณ์สงบเย็น
มีประโยชน์ทั้ง กายหยาบ กายสังขาร กรัชกาย
...........................................
ต่อมไทมัส ยังเป็นโรงเรียน
ให้เซลล์เม็ดเลือดขาวชนิด ทีเซลล์
ไปเรียนรู้ว่า เซลล์ชนิดไหน เป็นประโยชน์หรือเป็นโทษ....
เป็นเวลา สามเดือน ก่อน ออกทำงาน เป็นตัวชี้เป้า...
แต่คนเราทุกวัน อารมณ์วิปขึ้นลง...
เม็ดเลือดขาว ที่ยังเรียนไม่จบ
ทำตัวเป็นคนป่ามีปืน
โจมตีร่างกายตนเอง
และเว้น พวก เซลล์มะเร็ง และเชื้อโรค...สาธุ
..............................
เซลล์ทีเฮลเปอร์
(อังกฤษ: T helper cell, effector T cells, Th cells)
เป็นชนิดย่อยชนิดหนึ่งของเซลล์เม็ดเลือดขาวลิมโฟไซต์
ที่มีบทบาทสำคัญในการสร้าง
และพัฒนาความสามารถของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย
เซลล์เหล่านี้มักไม่มีบทบาทในการทำลายเซลล์อื่น
หรือจับกินสิ่งแปลกปลอม
ไม่สามารถฆ่าเซลล์เจ้าบ้านที่ติดเชื้อหรือฆ่าจุลชีพก่อโรคได้
และถ้าไม่มีเซลล์ระบบภูมิคุ้มกันอื่นๆ
เซลล์ชนิดนี้อาจถูกมองว่าไม่มีประโยชน์ได้
เซลล์ทีเฮลเปอร์มีบทบาทในการกระตุ้น
และชี้นำการทำงานของเซลล์ระบบภูมิคุ้มกันอื่นๆ
และถือว่ามีบทบาทสำคัญในระบบภูมิคุ้มกัน
มีส่วนจำเป็นในการระบุ
การเปลี่ยนคลาสแอนติบอดีของเซลล์บี
มีบทบาทในการกระตุ้น
และการเจริญของเซลล์ทีไซโตท็อกซิก
และมีบทบาทในการเพิ่มขีดความสามารถ
ในการทำลายแบคทีเรียของฟาโกไซต์
อย่างแมโครฟาจได้ บทบาทต่อเซลล์อื่นๆ
เหล่านี้เองที่ทำให้เซลล์ชนิดนี้ถูกเรียกว่าเซลล์ทีเฮลเปอร์
(วิกิพีเดีย) ขอบคุณครับ
..
..
(https://lh3.googleusercontent.com/-ppnvNnsjois/WiU6molRYvI/AAAAAAACyuQ/DFxGs9ilFkcNDmlFTeHjup0bnicgwGUKACJoC/w663-h498-n-rw/DSCN1882.JPG)
Philosophy and healthy ปรัชญา และสุขภาพดี
G+ communities คนรัก รักษ์ ปัญญา สุขภาพ กีฬา และจักรยาน
สุขภาพดี คือลาภอันประเสริฐ ที่เราทำได้เอง
Suraphol KruasuwanOWNER
-
(https://lh3.googleusercontent.com/-O6NrubZWYF4/WiXgvQAclFI/AAAAAAACyvE/RpHekHNGA80bYQz6ZZHk7WhDx1_aS-uAwCJoC/w663-h373-n-rw/love-art.jpg)
https://youtu.be/GVJFw6U_K5k (https://youtu.be/GVJFw6U_K5k)
สารคดี ตอน กำเนิดไซบีเรียแทร็ป
1.กฎปฏิกิริยาลูกโซ่
กฎปฏิจสมุปบาท
เพราะสิ่งนี้ สิ่งนี้ เป็นปัจจัย สิ่งนี้จึงเกิดขึ้น
2.พระพุทธเจ้าค้นพบ เมื่อ 2500ปี ก่อน
และเอามาจัดการ กับ การดับเหตุ สร้าง อารมณ์ทุกข์
เพราะขาดสติ ตอนผัสสะกระแสโลก ธรรม
โดยปลุกสติปัญญาตื่น
รู้ทัน จนปฏิกริยา สร้างอารมณ์ทุกข์ไม่ทำงานต่อไป
สร้างปฏิกริยาลูกโซ่ใหม่
ที่ สงบ สะอาด สว่าง เย็น มั่นคง ถาวรแทน
3.นักวิทยาศาสตร์ เอามาใช้อธิบาย ปรากฎการณ์ธรรมชาติ
ที่เริ่มจากสิ่งง่ายๆ ทำปฏิกริยาต่อเนื่อง จนเกิดทุกสรรพสิ่ง
4.การเกิด ภูเขาไฟที่ยาวที่สุดในโลก
และปลดปล่อย คาร์บอนได้อ๊อกไซด์ มหาศาล
ทำให้เกิดพืชยักษ์ ไดโนเสาร์ยักษ์
แพลงตอล ที่เก็บพลังงานในรูปน้ำมัน
และ ซากเหล่านั้น กลายเป็น ปิโตเลียม
แก๊สธรรมชาติ ถ่านหิน ให้พวกเราใช้
5.วันนี้ เราปลดปล่อยคาร์บอนใดอ๊อกไซ์ เหล่านี้เร็วเกินไป
จนเกิดผลกระทบ สภาวะ โลกร้อน
6.เราจึงต้องหันไปหาพลังงานสะอาด
ให้โลกเข้าสู่ยุค สินค้า บริการ สถานที่ วัฒนธรรม ผู้คน
ที่เป็นมิตร กับมนุษย์และสิ่งแวดล้อม
..
..
https://www.youtube.com/watch?v=j_rlk_0FTFs (https://www.youtube.com/watch?v=j_rlk_0FTFs)
1....200ปี ระบบอุตสาหกรรม จุดไฟ ความคิดสร้างสรร
และสร้างมูลค่าส่วนเกิน แบบยกกำลัง
2.....70ปี หลังสงครามโลกครั้งที่สอง
ยุคสงครามเย็น และพยายาม ล้วงตับฝ่ายตรงข้าม
ทำให้ เกิดยุคปัญญาประดิษฐ์ และ สื่อสารออนไลน์
3......40ปีโลกแบบราบ เมื่อ เข้าสู่ยุค โลกาภิวัตน์
ที่มีทฤษฎีใหม่
"โลกจะเป็นสวรรค์บนดินได้ เมื่อ
-ทุน
-เทคโนโลยี
-ตลาด
-ผู้คน
-วัฒนธรรม
ไหลไปมาอย่างเสรี
ผู้ที่ได้รับอนิสงค์นี้ มากที่สุดคือ จีนที่ปรับระบบสังคม
จาก คอมมิวนิสต์ ลัทธิเหมา
มาเป็น"เติบโตแบบคู่ขนาน"
"อุดมการณ์ เพื่อสังคม
คู่กับ เศรษฐกิจการตลาดพันธมิตร"
ที่ เป็นวิชามหาเวทย์ดูุดดาว ไหลสู่จีน
ที่มีต้นทุนต่ำ
ตลาดใหญ่
ไฮเทค
ตัดสินใจเร็ว
5.......20ปี โลกแห่งการค้าในโลกสื่อสารออนไลน์ เปลี่ยนกระแสโลก
6.......100ปีต่อไปนี้
จีนประกาศว่าจะเป็นศุนย์กลางปฏิวัติสังคมโลก สี่ทันสมัยยุคใหม่
-สังคมสรรสร้างนวัตกรรม
-สังคมซื่อสัตย์
-สังคม เครดิตออนไลน์
-สังคม เพิ่มประสิทธิ์ภาพ คุณภาพชีวิตที่ดี ของประชาชน
...........................................
7.โลก กำลังก้าวออกจากยุค
"กำไรคือทุกสิ่ง"
เข้าสู่ยุค
"การแบ่งปันคือทุกสิ่ง"
8.ใครที่ยังเสียเวลา ในปรัชญา การเมือง การมุ้ง
ราวี ๆๆ เสพความ สมใจ สะใจ
ย้ำคิด ย้ำทำ ย้ำแค้น
วนเวียน ในเรื่อง
ตัวตรู
ทฤษฎีของตรู
วิถีชีวิตของตรู
ของรักของชอบของตรู
สำคัญกว่าทุกสิ่ง
อยู่ในกฎของการคัดทิ้ง ของวิวัฒนาการนะครับ
9.มองไม่เห็น
กฎธรรมชาติ
กฎปฏิกริยาลูกโซ่
วิวัฒนาการธรรมชาติ
พัฒนาการธรรมชาติ นวัตกรรม
ทำอะไรอยู่.........
เราจะปรับตัวอย่างลำบาก นะครับ
10."ฟ้า มีสิ่งวิเศษสาม สิ่ง
สุริยัน จันทรา ดารา
มนุษย์ มีสิ่งวิเศษสามสิ่ง
จิ้ง ชี่ เสิ้น"
(สุภาษิตจีน)
ลองตื่นมา ชม สุริยัน จันทรา ดารา ธรรมชาติอัศจรรย์
และมองกลับเข้าใน ตัวตนของตนเองว่า
เราค้นพบ สิ่งที่มีค่ายิ่ง เมื่อมาอาศัยบนโลก
จิ้ง........พลังสติในกาย
ชี่..........พลังชีวาในชีวิต
เสิ้น.......พลังแห่งการตื่น ของปรีชาญาณฉลาดเลือก
................................
ความรู้คืออาหารสมอง สติ ปัญญา
ไม่มีใครแก่เกินเรียน 55555+
..
..
เหลียวหลัง....................เอาอดีตมาตกผลึก เป็นแว่นส่องโลก
แลหน้า..........................มองเห็นกระแสที่จะมาในอนาคต
อยู่อย่างมี สติปัญญา......ปรับตัวแบบวิญญูชน ทุกปัจจุบัน
..
..
สวรรค์ภพหน้า......แสนไกล
สวรรค์สังคม.........ใคร ทำได้นั่น
สวรรค์ในใจ...........หมดหลง เห็นพลัน
สวรรค์ นรก...........คือ สุข ทุกข์ ดีไม่เท่าเย็นฯ"
..
รู้จัก กายาของเราเอง
กายในกายคือ?
1.กายหยาบ
2.กายสังขาร
3.กรัชกาย
กายหยาบ ก็คือร่างกาย ที่เป็นวัตถุธาตุ
กายสังขาร คือลมหายใจ เป็นกายที่ละเอียดปานกลาง
กรัชกายคือ กายที่เป็นบุคลิกภาพภายใน เป็นกายละเอียด
ที่ปรุงแต่ง เป็นตัวตนชั่วคราว และควบคุมกายหยาบ
1.นิรมานกาย
คือบุคลิกภาพภายใน ที่ความคิดปรุงแต่งขึ้น
คือบุคลิกภาพ ต่างๆที่แปรเปลี่ยน
ตามความคิดที่เือกเอาธรรมะ
ที่เข้ามาปรุงแต่ง
ทำให้ บุคลิกเปลี่ยนไป
มีตั้งแต่อบายภูมิ มนุษย์ เทวดา พรหม อริยะ พุทธะ
2.ธรรมกาย
คือ ธรรม ที่เป็นทั้งอกุศล กุศล อัพยากต (เป็นกลาง)
เมื่อเจิตเอามาปรุงแต่ง ก็ทำให้นิรมาณกาย เปลี่ยนไปตามนั้น
3.สัมโภคกาย
กาย ที่สมบรูณ์ ที่สุด เท่าที่มนุษย์จะเข้าถึง
คือกายที่ เกิดจาก ปรีชาญาณฉลาดเลือกตื่น
เห็น รู้ เข้าใจ และควบคุมจิตปรุงแต่ง(อธิจิต)
เป็น กายที่ประกอบด้วย
บรมสุข บรมธรรม บรมพุทธะ
จน อารมณ์ทุกข์ และนริมาณกายที่บิดเบือน ไม่ทำงาน
สร้างอารมณ์ทุกข์ บุคลิกภาพ ที่เป็นทุกข์ได้อีก
.......................................................
1.ทำกายหยาบให้สงบ
2.ทำลมหายใจให้สงบ
3.เห็นความคิด กำลังปรุงแต่ง นิรมาณกาย
4.การฝึกสมาธิ เพื่อ ให้เห็น กายในกาย
ตามหลัก สติปัฏฐาน 4
จบด้วย เช่นนั้นเอง 55555+
อย่าเชื่อ ต้องลองฝึกเอง สาธุ
ขอบคุณเจ้าของภาพ ธรรมะที่ยกมา และผู้อ่าน ปฏิบัติ สาธุ
..
..
ธรรมะสวัสดิ์ 5/12/17
"จิตในจิต"
"โพธิจิต เห็น อธิจิต"
1.จิตวัตถุธาตุ คือหัวใจ
2.จิตที่เป็นนามธรรม คือสังขารธรรม "สิ่งปรุงแต่ง"
ที่บริหารจัดการชีวิต โดยเอา
-ความคิด
-อารมณ์
-อุดมคติ
-ความรู้
-ความทรงจำ
-สัญชาติญาณชีวิต
.....ปรุงเป็น บุคลิกภาพภายใน(กรัชกาย)
เป็นบุคลิกภาพ ที่ ครองกายหยาบ
ให้เราปรับตัว ตามสภาวะแวดล้อม
.................................................
3.นาคารชุนนะ อาจารย์เซ็น
บอกว่า มนุษย์มีสองจิต
1.จิตปรุงแต่ง หรือ อธิจิต
เป็นจิต ที่ทำงานบริหารจัดการชีวิต
2.จิตแท้จิตเดิม หรือ โพธิจิต
เป็นจิต ที่เป็นปรีชาญาณฉลาดเลือก(Wisdom)
ที่หลับไหล ที่ต้องถูกปลุกให้ตื่น
และมาดูแลจิตปรุงแต่ง
มากุมสภาพจิตปรุงแต่ง
ไม่ให้สร้าง มายา อารมณ์ทุกช์
ซ้ำเติม สังขารธรรมตนเอง
............................................
4.........
2521 ไปพึ่งใบบุญหลวงพ่อพุทธทาส สวนโมกข์
เจอท่านอาจารย์จะถามว่า
"วันนี้ทะเลาะกันแล้วยัง?"
หมายความว่า โพธิจิต กับอธิจิต เห็นซึ่งกันและกันแล้วยัง
............................................
5.อธิจิต เหมือนหนู ที่วิ่งไปทั่วท้องทุ่ง
โพธิจิต เหมือน นกฮูก ที่เฝ้าดูหนูวิ่ง
ใครเห็นใคร 55555+
6.ไม่ตอบตามใจ นักอภิธรรม หรือนักอภิปรัชญาอื่นๆ เด้อ
สาธุ
.........................................
ขอบคุณเจ้าของภาพ คนหลังไมค์ที่จุดประกาย
และผู้อ่าน
..
..
https://www.youtube.com/watch?v=3ngUYnW44mk&list=PL2R976coOWpvrOhShg6_8duSA6aDmHmCz (https://www.youtube.com/watch?v=3ngUYnW44mk&list=PL2R976coOWpvrOhShg6_8duSA6aDmHmCz)
มุมกาแฟวันใหม่ 2/12/17
"ชีวิตสั้นนัก..................สหายเอ๋ย
อย่าละเลย...................ทำสิ่งที่ตนหวัง
เพียงแต่ ตน ท่าน.........ไม่เดือดร้อน เพราะเราทำ
ด้วย เวลา กรรม............มัจจุราช ไม่เคยคอยใครฯ"
(โอมาร์คัยยัม) นักคณิตศาสตร์ และนักปรัชญาสุขนิยม
ผู้เขียน บทกวี รุไบยาต
“คัยยัม” หมายถึง “คนทำกระโจม”
รุไบยาตของโอมาร์ คัยยัมนั้นเป็นบทกวี
ที่สอนสัจธรรมของชีวิต
และหลักการวางตนในความไม่ประมาท
ตามรูปแบบของกวีนิพนธ์โรแมนติก
และเย้ยหยัน พวก หลงงมงายใน ตรรกะ ของตนเอง
รุไบยาต (เปอร์เซีย: رباعی) เป็นคำในภาษาเปอร์เซีย
ยืมมาจากภาษาอาหรับ "รุบาอียาต"
หมายถึง บทกวี ชนิดหนึ่งซึ่งในหนึ่งบทมีสี่บาท
รุไบยาตที่รู้จักกันดี คือ รุไบบาตของโอมาร์ คัยยาม
(https://lh3.googleusercontent.com/-IU0uG--kHqA/WiHFT6WkNxI/AAAAAAACyo0/7ZtYSczsGhkM2AbQpJNQZXtYaLB-nH3CgCJoC/w663-h498-n-rw/DSCN5361.JPG)
Philosophy and healthy ปรัชญา และสุขภาพดี
G+ communities คนรัก รักษ์ ปัญญา สุขภาพ กีฬา และจักรยาน
สุขภาพดี คือลาภอันประเสริฐ ที่เราทำได้เอง
Suraphol KruasuwanOWNER
-
(https://lh3.googleusercontent.com/-xzUqQ_Zetfg/WiXsTUq3cbI/AAAAAAACyv4/rdpmcDFUwwsD40icNs7ZfwDvfOli0XzTACJoC/w663-h498-n-rw/RSCN1804.JPG)
https://www.youtube.com/watch?v=NCwOy4uo8E0 (https://www.youtube.com/watch?v=NCwOy4uo8E0)
ฉันเสียศูนย์ทุกครั้งที่เจอคุณ
55555+ อะไรจะหวานปานนั้น
1."ความคิด......คือวจีสังขารภายใน
คำพูดภายใน.....ปรุงแต่งจิต
จิต...................ควบคุมกาย
คำพูดดีๆ..........ทำให้ ลมหายใจ กายหยาบเราเป็นสุขฯ"
.........................................
2."เห็นธรรม ในธรรม"
สติปัญญา รู้ เห็น เห็นคำพูดภายในจิตตนนี่แหละ
เป็นดังนี้แล 55555+
ใครเห็นธรรม เป็นดวงๆ บ้าไปแล้วเด้อ สหาย 55555+
3.ไปฏิบัติธรรม เริ่มต้น
"ปรับปรุงคำพูดในจิตใหม่"(ความคิด)
เพราะความคิด เปลี่ยนชีวิตเราได้
ทั้ง กายหยาบ กายสังขาร กรัชกาย
4.ตถาคต กล่าว ในสิ่งที่
-เป็นความจริง
-ความจริงนั้น ประกอบด้วยประโยชน์
-ไพเราะ ประกอบด้วยเมตตา
-เหมาะสม กับผู้ฟัง
-รู้กาละ ที่จะกล่าว และหยุด
จึงเป็นวาจาสุภาษิตตา ที่แท้จริง
เป็นมงคล ของผู้ให้ และผู้รับ สาธุ
..................................
5.ขอบคุณเจ้าของคลิปเพลง ธรรมะที่ยกมา และผู้อ่าน
ด้วยสัจจะวาจานี้ ขอให้สมหวังในสิ่งประเสริฐทุกทjาน
ดารา น้องผีเสื้อ นะ ดอยช้างมูบ 4/12/17
สาธุ
..
..
https://youtu.be/4HHJ9ftZl7c (https://youtu.be/4HHJ9ftZl7c)
การตัดสินใจของคุณส่งผลต่อยีนของคุณอย่างไร - Carlos Guerrero-Bosagna
มีเจตนาสี่ประการ ที่ควบคุมชีวิต
1.การเลี้ยงดูของ พ่อแม่ บุพการี
2.กรรมพันธุ์
3.สิ่งแวดล้อม
4.เจตนา มาจากความคิดของเราเอง
เป็นผู้ควบคุม ดุจวาทยากร ที่ควบคุมวงดนตรี ทั้งวง
เจตนา อยู่ใกล้ ที่สุด
เจตนา ที่ ดี มีประโยชน์ จึง สำคัญ และต้องฝึกฝน
ขอบคุณครับ
..
..
https://youtu.be/YQADtDWjCA0 (https://youtu.be/YQADtDWjCA0)
อาหารที่คุณกินส่งผลต่อสมองคุณอย่างไร - Mia Nacamulli
You are what you eat
You are what you do
You are what you think
การกิน การกระทำ การคิด มีผลต่อชีวิตเรา
............................................
อาหารเป็นใหญ่ในโลก
อาหารในพุทธรรม หมายถึง"เครื่องค้ำจุนชีวิตให้คงอยู่"
1.อาหาร ที่เป็นวัตถุธาตุ
ได้แก่ปัจจัยสี่ และเครื่องมือ ต่อความสามารถ ความสะดวก
2.อาหารคือ อารมณ์
อันเกิดจากการสัมผัส
3.อาหารคือ อุดมคติ
มีสามทางล่าง สามทางบน
สามทางล่างคือ
-ชีวะ เอาตัวรอด
-อรรถะ ผลประโยชน์
-กามะ ความเพลินในของชอบ
สามทางบนคือ
-ทิฐิ ปรัชญาชีวิต
-มายะ ความเข้าใจธรรมชาติ
-โมกษะ ทางสว่าง ที่ให้ประโยชน์สูงสุด แก่ชีวิตที่มีชีวา
4.อาหารคือความรู้
ความรู้ ที่สามารถเปลี่ยน ชีวิต ตั้งแต่
-วิสัยทัศน์
-นิสัย พฤติกรรม
-ปลุกปรีชาญาณฉลาดเลือกตื่น
-พัฒนา ยกระดับ ภูมิจิต ภูมิธรรม ภูมิปัญญา
-อ๋อ เข้าใจแล้ว บรรลุธรรม ตรัสรู้
-ดี ต่อ ตน ครอบครัว ชุมชน สังคม ระบบชีวาลัย
-เกิดตัวตนใหม่ ในร่างเดิม
.........................................................
และ วิธีเลือกบริโภค คือ
1.มีวิสัยทัศน์ เห็น
2.เว้นในสิ่งควรเว้น
3.อดทน หากหลีกไม่ได้
4.มีจุดยืน ในทางที่เป็นประโยชน์ วันนี้ วันหน้า และสูงสุด
5.ไม่เป็นทาส ลัทธิ บริโภคนิยม สงบ สันโดษ สมถะ
6.ปลุกปรีชาญาณฉลาดเลือกตื่น (Wisdom)
ล้างขยะปรุงแต่งจิต ประจำ
7.ไม่ยึดถือ เอา สิ่งไร้สาระ ความรู้เทียมๆ มายึดมั่นถือมั่นอีก
...................................................
การกินอาหารแบบ หลากหลาย และ แบบชิม
ดีกว่ากินให้อิ่ม เล่าให้ทราบ ไม่ได้บอกให้เชื่อ
การกิน การทำ การคิด มีผลต่อชีวิตเรา?
55555+
ขอบคุณเจ้าของคลิป และ ผู้อ่าน สาธุ
..
..
https://youtu.be/OI0iYBCuryc (https://youtu.be/OI0iYBCuryc)
ห้าศาสนาสำคัญของโลก เข้าใจได้ใน 10 นาที - John Bellaimey
ยกมาอีกรอบครับผม
1.พุทธศาสนา คือตอบคำถามว่า
"ทุกข์ และดับไม่เหลือเหตุทุกข์"
ทุกข์ในโลกมีสาม
-สภาวะทุกข์ ยอมรับตามกฎไตรลักษ์ เห็นความไม่เที่ยง ไม่ทน ไม่แท้
ทุกปรากฎการณ์
-เวทนาทุกข์ ฝึกอดทนเหนือคนทั่วไป
-อารมณ์ทุกข์ ต้องเลิกปรุงอารมณ์ทุกข์ ซ้ำเติมชีวิต
ด้วยการฝึก ถอนอุปาทาน ทั้งสี่
2.และมองว่า ชีวิตคือ ขบวนการปรุงแต่งของธรรมชาติ
ปรุงด้วย อกุศล กุศล หรือ สภาวะที่อยู่เหนือ ทั้งสอง
.ให้ผลต่างกันตามกฎแห่งกรรม
3.คือต้องฝึกปลุกปรีชาญาณฉลาดเลือกตื่น
มากุมสภาพจิตปรุงแต่ง
4.ให้สติรู้ตัว ปัญญารู้คิด มาควบคุม
การปรุงแต่ง ของความคิด อารมณ์ ตัวตนชั่วคราว
จนอารมณ์ทุกข์เกิดไม่ได้ถาวร
5.แต่ทุกศาสนาจะมี อภิปรัชญาที่จะอธิบาย
การเกิด เจริญ เสื่อมดับ ของจักรวาล และตัวตน
และอภิปรัชญานี้ ก็เข้ามาแซก ในพุทธศาสนา หลังพุทธกาล
_พุทธศาสนาจึงมี สัมมาทิฎฐิ สองชั้น
หรือทฤษฎีที่เหมาะสมแก่การปฏิบัติ สองชั้น
6.เพื่อละชั่วทำดี
หรือ ละอกุศล เจริญกุศล
จึง มีเรื่องเวียนว่าย ตายเกิด
และ ถึงที่สุดคือ สู่แดนนิพพาน
7.เพื่อทำนิพพานให้แจ้ง
คือนิพพานเป็นประสบการณ์ตรง
ต้องฝึกถอน อุปาทาน สี่ ที่เป็นต้นเหตุแห่งอารมณ์ทุกข์
-ถอน การยึดมั่นถือมั่น เอาตนเองเป็นศูนย์กลางทุกเรื่อง
-ถอนการยึดมั้นถือมั้น ในสองทฤษฎี
จิตนิยม(สัสสตทิฎฐิ) วัตถุนิยม(อุจเฉททิฎฐิ)
ดำรงตนในทางสายกลาง
คือใช้ สติรู้ตัว ปัญญารู้คิด ควบคุมทั้ง จิต และกาย
-ถอน การยึดมั่นถือมั่น ในวิถีชีวิตที่ตนชอบ
และพยายามเอาไปครอบงำผู้อื่น
ไปโต้เถียง แบบเสียเวลาชีวาในชีวิต
-ถอน การยึดมั่นถือมั่น ในสิ่งที่ตนรัก และชอบ
เช่นหวงถิ่น หวงผลประโยชน์ หวงชาติพันธุ์ หวงความรู้ วัฒนธรรม
8.เมื่อฝึกฝน สติปัญญาก็จะแข็งแรง
ปลุก ปรีชาญาณฉลาดเลือกตื่น มาดูแลชีวิตตน
และสุขจากการเอื้อเฟื้อ ไม่ประมาท
9.ศาสนาพุทธ จึง มุ่งหวังให้
มนุษย์ เปลี่ยนแปลงตนเองเกิดใหม่ในร่างเดิม
ปรีชาญาณฉลาดเลือ(Wisdom)ตื่น
เป็น ผู้ รู้ ผู้เบิกบาน มั่นคง เคารพกฎธรรมชาติ
และปรับตัวอยู่กับสังคมแบบวิญญูชน
10.ผู้ที่ฝึกฝนเปลี่ยนแปลงตนเอง
ตามหลักพุทธศาสนา จึงได้ชื่อว่า
อริยะบุคคล คือ ผู้ชนะอุปสรรค์ในการพัฒนาตนเอง
คือชนะจิตปรุงแต่งตนเอง ที่ทำงาน
แบบปฏิกริยาลูกโซ่ ที่สร้างตัวตนชั่วคราว
จากการคิด สร้างอารมณ์ และบุคลิภาพภายใน
หมุนเวียน วันละหลายแสนรอบ
11.ศาสนาพุทธปัจจุบัน
เป็นอัตโนมติ คือความคิดเห็นของแต่ละอาจารย์
และมี ขนบธรรมเนียม ประเพณี พิธีกรรม
แต่ละถิ่น แต่ละวัฒนธรรม หุ้มไว้หลายชั้น
และมักจะมุ่งหวังเป็น
นักสิทธิ์(มีสิทธิอำนาจเหนือธรรมชาติ)
แทนที่จะเป็นอริยะบุคคล(ผู้ชนะมายาจิตตนเอง)
อริ.......ศัตรู
ยะ........ชัยะ ชนะ
ชนะ มายาจิตปรุงแต่งตน(อธิจิต)
ปลุกจิตแท้จิตเดิมติ่น(โพธิจิต)
และ เคารพ กฎของธรรมชาติ
ใช้ชีวิตแบบ วิญญูชนสากล
12.กลับมาหาจุดเริ่มต้น
"จำเดิมตถาคตก็จะตรัสเรื่อง
ทุกข์ และการดับไม่เหลือเหตุทุกข์"
นอกนั้นเป็น"วิชาการ"
ไม่ใช่"วิชชา" คือ สติรู้ ปัญญาคิด เมื่อผัสสะ โลก
สาธุ
..
..
มุมกาแฟเช้า 9/12/17
สิ่งที่เร่งด่วน สำหรับชีวิต
ถอนศร รักษาแผล และป้องกันไม่ให้ถูกศร อีก
ศรทั้ง7ที่มนุษย์ทุกคน ต้องรีบถอน รักษา ป้องกัน คือ
1.ราคะ
2.โทสะ
3.โมหะ
4.ทิฐิ
5.มานะ
6.โศก
7.อภิสังขาร
(คิดปรุงแต่งด้วยอารมณ์ อย่างฟุ่งซ่าน
ขาด ปรีชาญาณฉลาดเลือก
ให้ สติรู้ตัว ปัญญารู้คิด มาควบคุม
จนความคิด ชง อารมณ์บุคลิกภาพภายใน(กรัชกาย)
มาทำลายชีวาในชีวิตตนเอง
...........................................................
มนุษย์ทุกคน มีเวลา สามวันบนโลก เท่ากัน
เมื่อวาน ใช้ไปแล้ว
พรุ่งนี้ อาจไม่ได้ใช้
วันนี้ รีบถอนศร รักษาแผล และป้องกัน
ไม่ให้ชีวาในชีวิต หายไปนะครับ สาธุ
ขอบคุณเจ้าของภาพ คติธรรม ที่เอามาฝาก และผู้อ่าน สาธุ
..
..
(https://lh3.googleusercontent.com/-7sW4n2TFW1M/WisFG22hdRI/AAAAAAACy1U/l7_2Yn2IvyEu31ZfJafXMZgVU5uDIQzEQCJoC/w663-h550-n-rw/skeleton_archer_by_critical_dean-d52kovq.jpg)
Philosophy and healthy ปรัชญา และสุขภาพดี
G+ communities คนรัก รักษ์ ปัญญา สุขภาพ กีฬา และจักรยาน
สุขภาพดี คือลาภอันประเสริฐ ที่เราทำได้เอง
Suraphol KruasuwanOWNER
-
(https://lh3.googleusercontent.com/-5yx0lOAqhEg/WisT4mx6fpI/AAAAAAACy2c/L4KfO1LWsugYiFhWT7_ADtWD1_mD0E4BACJoC/w663-h452-n-rw/p2629141a689681683.jpg)
มุมกาแฟเช้า 9/12/17
เหลี่ยวหลัง แลหน้า ทันปัจจุบันแบบจีน
สี่สุดยอดวรรณกรรมจีน
(จีน: 四大名著; พินอิน: sì dà míng zhù)
คือนวนิยายของจีน 4 เรื่องซึ่งเหล่าบัณฑิตยอมรับว่า
เป็นวรรณกรรมอันยิ่งใหญ่
และมีอิทธิพลต่อวรรณกรรมเรื่องอื่นๆ ของประเทศ
ประกอบด้วย
1.สามก๊ก
(อังกฤษ: Romance of the Three Kingdoms;
จีน: 三國演義; พินอิน: sān guó yǎn yì) -
พ.ศ. 1873 (ค.ศ. 1330)
2.ซ้องกั๋ง
(อังกฤษ: Water Margin;
จีน: 水滸傳; พินอิน: shuǐ hǔ zhuàn) -
พ.ศ. 2116 (ค.ศ. 1573)
3.ไซอิ๋ว
(อังกฤษ: Journey to the West;
จีน: 西遊記; พินอิน: xī yóu jì) -
พ.ศ. 2133 (ค.ศ. 1590)
4.ความฝันในหอแดง
(อังกฤษ: Dream of the Red Chamber;
(จีน: 紅樓夢; พินอิน: hóng lóu mèng) -
พ.ศ. 2335 (ค.ศ. 1792)
แต่บางคนก็นับ บุปผาในกุณฑีทอง
(อังกฤษ: The Plum in the Golden Vase;
จีน: 金瓶梅, จินผิงเหมย (จีนกลาง), กิมปังบ๊วย (จีนแต้จิ๋ว) เป็นวรรณกรรมคลาสสิกเรื่องที่ห้า
ด้วย ในช่วงปลายราชวงศ์หมิงถึงต้นราชวงศ์ชิง
บุปผาในกุณฑีทอง นับว่าเป็นหนึ่งในสี่สุดยอดวรรณกรรมจีน
ร่วมกับนวนิยายอีกสามเรื่องแรก
เรียกรวมกันว่า "สี่วรรณกรรมอันยิ่งใหญ่"
(四大奇書,四大奇书)
แต่ต่อมาเรื่อง บุปผาในกุณฑีทอง
ถูกต่อต้าน รัฐบาลจีนจึงแบนนวนิยายเรื่องนี้
เนื่องจากมีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับเซ็กซ์มากเกินไป
และจัดให้ ความรักในหอแดง
ขึ้นมาเป็นหนึ่งในสี่สุดยอดวรรณกรรมจีนแทนที่
(วิกิพีเดีย)
..............................................
วรรณกรรมทั้งสี่ เกิดจากนักปราชญ์ ในยุคปลายราชวงค์หมิง
ที่กำลังถึงยุค ขาลง
เมื่อ ประชาชนเดือดร้อน เพราะภัยธรรมชาติ
และ ความไม่ยุติธรรมที่ฝ่ายปกครอง ถูกครอบงำด้วย
ฝ่ายใน ขันที ข้าราชการกังฉิน
จึงมีคำตอบวิธีแก้ปัญหา ซ่อนมาในวรรณกรรม
1.สามก๊ก
เอาประวัติศาสตร์มาถอดบทเรียน การคานอำนาจ
ใช้แผนการณ์ กลยุทธ
และเรื่องราว ก็ดำเนินไปตามนั้น
แต่ก็มาสรุป จาก วิสัยทัศน์ขงเบ้ง
ตั้งแต่เริ่ม จนจบ
"แผ่นดินต้องแยกเป็นสาม
ให้ตะวันตก คบตะวันออก ต้านเหนือ
จึงจะรวมเป็นหนึ่ง
(ให้ก๊กเล่าปี่ รวมมือกับก๊กของซุนกวน ต้านก๊กของโจโฉ)
"แผนการณ์เป็นเรื่องของคน
ความสำเร็จเป็นเรื่องของฟ้า
ตัดเขาไม่ขาด วาสนาเราก็สิ้น"
(ศึกสุดท้าย ของขงเบ้งกับสุมาอี้)
2.ช้องกัง
ลัทธิบูชาวีระบรุษ
3.ไซอิ๋ว
เดินทางภายใน
ไปปลุกปรีชาญาณฉลาดเลือกให้ตื่น
ด้วยการฝึกตน ตามหลักพุทธรรม
เปลี่ยนแปลง เกิดใหม่ในตน
คือเดินทางสู่นิพพาน(ไซที แดนตะวันตก)
วรรณกรรมนี้ รับอธิพล จาก รามายณะ และ
วิธีเขียนวรรณกรรมจากอินเดีย
เป็นศิลป ที่ซ่อนศิลป
ศิลป ซ่อน ศาสตร์
-ไพเราะในเบื้องต้น...เป็นวรรณกรรมอภิจินตนาการเหนือจริง
-ไพเราะในเบื้องกลาง...มีหลักธรรม วิธีฝึกตนซ่อนอยู่
-ไพเราะในเบื้องปลาย..เอาไปใช้ในชีวิตได้จริง
และรับรู้ผลสำเร็จด้วยตนเอง
คือ ให้คนที่มีกึ๋นจริงจริงๆ จึงจะอ๋อ
บ้านเราโกวิท อเนกชัย(เขมานันทะ) ถอดระหัส ไว้ใน
เดินทางไกลกับไซอิ๋ว (๒๕๑๗,๒๕๓๑)
4.ความฝันในหอแดง
ลัทธิสุขนิยม เสพสุข เสพเสียว ในปัจจุบันดีกว่า
..........................................................
ใครเคยอ่าน ดูหนัง ครบสี่เรื่อง มาเล่าสู่กันนะครับ
..
..
ปฏิบัติการ"แยงไข่มดแดง"
โลกกำลังเข้าสู่ยุค
"การจัดการมูลค่าส่วนเกินยุคใหม่"
จากวิสัยทัศน์ของแจ็คหม่า ตัวพ่อ
เจ้าของ เวบค้าขายสินค้าออนไลน์ ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
วัฒนธรรมมนุษย์มาจาก
1.ใช้พลังกล้ามเนื้อ
2.กำไรจาก น้ำมัน
3.วิสัยทัศน์ การใช้ข้อมูล และนวัตกรรมสื่อสารออนไลน์
4.ยุคต่อไป เราต้องสู้กับหุ่นยนต์ที่ไร้วิสัยทัศน์
................................................
1.น้ำมันหนึ่งลิตร แทนค่า แรงงานมนุษย์ 50คน 24ชั่วโมง
และ ชาติ อุตสาหกรรม G7 ใช้ ความลับนี้
สร้าง สังคมอุตสาหกรรม สังคมบิริโภคนิยม
โดยมี Federal Reserve Bank
ธนาคารกลางของสหรัฐอเมริกา
เป็นวาทยากร ขับเคลื่อน อยู่เบื้องหลัง
2.การเกิด ของผู้ต้องการสลัดแอก ของเฟดฯ
BRICS เป็นอักษรย่อใช้เรียกกลุ่มประเทศ
ที่มีการพัฒนาทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว
อันประกอบด้วย
บราซิล (Brazil)
รัสเซีย (Russia)
อินเดีย (India)
จีน (China)
และแอฟริกาใต้ (South Africa)
ที่จะคานอำนาจ การใช้ น้ำมัน ดอลล่าห์สหรัส
โดยยึดหลัก
"การแบ่งปันคือทุกสิ่ง" Sharing is everything
แทนหลัก ของกลุ่มอุตสาหกรรมG7
"กำไรคือทุกสิ่ง" Profit is everything
และกลุ่นนี้ เริ่มโตขึ้นๆๆ มีหลายประเทศเข้าร่วมด้วย
3.หลักกลยุทธ การต่อสู้ ของซุนหวู่
หลักวิสัยทัศน์ จัดยุทธวิธีเหมาะสมกับจุดยืน
-ถ้าคุณเป็นที่หนึ่ง คุณต้องทำลายจังหวะ
-ถ้าคุณเป็นที่สอง คุณต้อง หาจุดอ่อน และโจมตีจุดเดียวต่อเนื่อง
-ถ้าคุณเป็นที่สาม คุณต้อง มีระบบป้องกันตัวดีที่สุด
(อยู่ในป้อมที่ตีไม่แตก)
-ถ้าคุณเป็นที่สี่ คุณต้องมีพันธมิตร
-ถ้าคุณเป็นที่ห้า ไปหาอย่างอื่นเล่น
ไม่มีที่ว่าง ในสนามนี้สำหรับคุณ
.....................................................
4.จากสามข้อ
นี้เป็นสงคราม แย่งชิง มูลค่าส่วนเกิน
ที่ สะสมตั้งแต่ วัฒนธรรมโลก
เข้าสู่ ยุคเหล็ก 3000ปีมาแล้ว
และ70ปี หลังสงครามโลกครั้งที่สอง
-กลุ่ม G7
-กลุ่ม Brics
-กลุ่ม ขุมพลังน้ำมัน ตะวันออกกลาง
ซึ่ง ก็มีการ พยายามจุดไฟ สงคราม
จาก คาบสมุทร เกาหลี มาตะวันออกกลาง
เพื่อ ควบคุม และดูดมูลค่าส่วนเกิน จากสองฝ่าย
และทำลายจังหวะ ที่สังคมโลก ชักคล้อยตาม จีน
"จีนจะเป็นศูนย์กลาง
เปลี่ยนแปลงสังคมโลก สู่ยุคสวรรค์บนดิน
-สังคม สรรสร้างนวัตกรรม
-สังคม โปร่งใส
-สังคม เครดิตออนไลน์
-สังคม เพิ่ม ประสิทธิภาพ คุณภาพชีวิตมนุษย์ ด้วย
สินค้า บริการ สถานที่ ที่เป็นมิตร กับมนุษย์และสิ่งแวดล้อม
..............................................
ปฏิบัติการแยงไข่มดแดง จึงเกิดขึ้น
เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์
คนบ้าอาจเพราะแกล้งโง่ 55555+
..
..
https://www.youtube.com/watch?v=tFEj2EGQ3hE (https://www.youtube.com/watch?v=tFEj2EGQ3hE)
การเกิดเทือกเขาหิมาลัย
ที่ค่อยๆยกตัวสูง
ในช่วง 7000ปี ที่ผ่านมา
ทำให้ความสูงมากเกิน7กม.
.มีความสูง 8,848 เมตร
เบียงเบน ทิศทางลมมรสุม ทำให้ ฟ้าอากาศ
เปลี่ยนแปลงภูมิประเทศของโลก คือ การเกิดทะเลทราย
ที่สำคัญคือ ทะเลทราบซาฮาร่า อัฟริกา และ ทะเลทรายโกบี
ความแห้งแล้ง ทำให้มนุษย์ต้อง
มารวมกันอยู่ตาม ลุ่มแม่น้ำสำคัญ
และเกิดเป็นสังคมเมือง อารยธรรมโลก จึงเริ่มต้น จากยุค
1.จอมเทพ พระเจ้าบงการทุกอย่าง
2.จอมศาสดา เกิดศาสดาศาสนาต่างๆ เมื่อ 2500ปี
3.จอมทัพ สงคราม การแย่งชิง ทำให้
ศาสนา วัฒนธรรม เทคโนโลยี ไหล ไปทั่วโลก
เมื่อ2000ปี
4.จอมขมังเวทย์ เกิดเมื่อ400ปี
เมื่อ เข้าสู่ยุค ฟื้นฟูศิลปะวิทยาการ เรเนซ้องส์
เพราะ การยึด กรุงอิสตันบูล ของกษัติย์มุสลิม
โดยเอาความรู้ทำดินปืนของจีน สร้างปืนใหญ่
และ ควบคุม การค้า เส้นทางสายไหม และเครื่องเทศ
และห้ามศึกษาศิลปะวัฒนอื่น นอกจาก อิสลาม
ทำให้เหล่านักปราชญ์ อิสลาม ไหลไปสู่ยุโรป
เอาเรื่องราว ความรู้ที่รวบรวม
ทั้งกรีก อินเดีย ไปมอบให้ยุโรป
จึงเกิด ระบบตรรกนิยม
สร้างนักวิทยาศาตร์ และนักผจญภัย
ที่พยายามหาทางไปเอาเครื่องเทศ จากตะวันออก
ที่ชาวอาหรับผูกขาด
จึงเกิดการเดินเรือ ยุคล่าอาณานิคม
และค้นพบทวีปอเมริกา
5.ยุค นวัตกรรม ปัญญาประดิษฐ์ สังคมสื่อสารออนไลน์
คือยุคที่พวกเรา อยู่กัน บัดนี้
ซึ่งเกิดจาก ผลสงครามโลกครั้งที่สอง เมื่อ70ปี มานี่เอง
6. และต่อไปคือ ยุค ลูกผสม คนกับหุ่นยนต์อัฉริยะ
7.ยุคสุดท้าย คือ เป็นยุค มนุษย์สังเคราะห์
ที่ร่างกาย จะไม่ใช่ สารอินทรีย์คาร์บอนเป็นแกน
แต่ จิตวิญญาณ คือ ความรู้!ที่ท่องไปทั่วจักรวาล
เล่าให้ทราบ ไม่ได้บอกให้เชื่อ
..
..
มุมกาแฟ ยามเช้า 10/12/17
"ไม่เลยธง"
คือการกำหนดกรอบในการสนทนา ธรรมะ
พระพุทธเจ้าไม่ตอบคำถาม ที่เป็นอภิปรัชญา
(ความรู้ยิ่ง ที่เข้าถึงด้วยจินตนาการ)
แต่ตอบปัญญา เรื่อง
"ทุกข์ และวิธีดับไม่เหลืออารมณ์ทุกข์"
เท่านั้น
ดังนั้นหากไปเจอในพระไตรปิฎก ว่า พระพุทธเจ้า
ตอบคำถาม ที่พระองค์ไม่ตอบ
อาจเป็น อัตโนมติ ของอาจารย์
ยุคมีมหาวิทยาลัยนาลันทา และลังกา ที่แทรกเข้ามา ครับผม
ปัญหาที่พระพุทธเจ้าทรงพยากรณ์และไม่ทรงพยากรณ์
[๑๕๒] ดูกรมาลุงกยบุตร
เพราะเหตุนั้นแล เธอทั้งหลายจงทรงจำปัญหาที่เราไม่พยากรณ์
โดยความเป็นปัญหาที่เราไม่พยากรณ์
และจงทรงจำปัญหาที่เราพยากรณ์
โดยความเป็นปัญหาที่เราพยากรณ์เถิด.
ดูกรมาลุงกยบุตร อะไรเล่าที่เราไม่พยากรณ์
ดูกรมาลุงกยบุตรทิฏฐิว่า
โลกเที่ยง
โลกไม่เที่ยง
โลกมีที่สุด
โลกไม่มีที่สุด
ชีพอันนั้น
สรีระก็อันนั้น
ชีพอย่างหนึ่ง
สรีระอย่างหนึ่ง
สัตว์เบื้องหน้าแต่ตายไปมีอยู่
สัตว์เบื้องหน้าแต่ตายไปไม่มีอยู่สัตว์เบื้องหน้าแต่ตายไปมีอยู่
ก็มี ไม่มีอยู่ก็มี สัตว์เบื้องหน้าแต่ตายไป
มีอยู่ก็หามิได้ ไม่มีอยู่ก็หามิได้
ดังนี้ เราไม่พยากรณ์.
ดูกรมาลุงกยบุตร ก็เพราะเหตุไร
ข้อนั้นเราจึงไม่พยากรณ์
เพราะข้อนั้นไม่ประกอบด้วยประโยชน์
ไม่เป็นเบื้องต้นแห่งพรหมจรรย์
ไม่เป็นไปเพื่อความหน่ายเพื่อความคลายกำหนัด
เพื่อความดับ เพื่อความสงบ
เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อความตรัสรู้
เพื่อนิพพาน
เหตุนั้นเราจึงไม่พยากรณ์ข้อนั้น.
******
ดูกรมาลุงกยบุตร อะไรเล่า ที่เราพยากรณ์
ดูกรมาลุงกยบุตร ความเห็นว่า
นี้ทุกข์
นี้เหตุให้เกิดทุกข์
นี้ความดับทุกข์
นี้ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์
ดังนี้ เราพยากรณ์.
ก็เพราะเหตุไร เราจึงพยากรณ์ข้อนั้น
เพราะข้อนั้น ประกอบด้วยประโยชน์
เป็นเบื้องต้นแห่งพรหมจรรย์
เป็นไปเพื่อความหน่าย เพื่อความคลายกำหนัด
เพื่อความดับ เพื่อความสงบ เพื่อความรู้ยิ่ง
เพื่อความตรัสรู้ เพื่อนิพพาน
เหตุนั้นเราจึงพยากรณ์ข้อนั้น.
เพราะเหตุนั้นแหละ
เธอทั้งหลายจงทรงจำปัญหาที่เราไม่พยากรณ์
โดยความเป็นปัญหาที่เราไม่พยากรณ์
และจงทรงจำปัญหาที่เราพยากรณ์
โดยความเป็นปัญหาที่เราพยากรณ์เถิด.
พระผู้มีพระภาคได้ตรัสพระพุทธพจน์นี้แล้ว
ท่านพระมาลุงกยบุตร ยินดีชื่นชม
พระภาษิตของพระผู้มีพระภาค ดังนี้แล.
จบ จูฬมาลุงโกฺยวาทสูตร ที่ ๓
..
..
วงเวียนความคิด มนุษย์
มีสามทางล่าง(ปุถุชน)
สามทางบน(นักปราชญ์)
สามทางล่างคือ
1.ชีวะ(เอาชีวิตรอด)
2.อรรถะ(ผลประโยชน์)
3.กามะ(กามรมณ์) ความเพลิดเพลินแห่งชีวาในชีวิต
สามทางบนคือ
4.ทิฐิ(ปรัชญาชีวิต)
5.มายะ(ธรรมชาติ).....
6.โมกษะ(พบทางสว่าง รู้แล้วโว้ย)
มนุษย์ชอบเอามาเคี้ยวเอื้องเล่น กันสมองฝ่อ 55555+
................................
กามะ มีสี่ระดับ
1.ศุภะ........เห็นว่าสวย
2.อรดี........พึงใจ
3.ตัณหา....อยาก ไม่ดูดเข้า ก็ อยากถีบออกไป หรือ สรรสร้างใหม่
4.ราคะ.....อยากเข้าไปเกลือกกลัว ดัง ภมรซอนเกษรดอกไม้
สองประการแรก ช่วยให้ ชีวิตมีชีวา
สองประการหลัง รับผิดชอบเอง 55555+
ขอบคุณเจ้าของภาพ ครับผม
(https://lh3.googleusercontent.com/-4HLtbTxqdig/WiylnsnNeAI/AAAAAAACy7A/0B4TSeijA8kTPHpN2adU9BBR3R04vDEEACJoC/w463-h628-n-rw/32b75b9c00931dba65cf6bcfdb2b9bcb%2B%25281%2529.jpg)
Philosophy and healthy ปรัชญา และสุขภาพดี
G+ communities คนรัก รักษ์ ปัญญา สุขภาพ กีฬา และจักรยาน
สุขภาพดี คือลาภอันประเสริฐ ที่เราทำได้เอง
Suraphol KruasuwanOWNER
-
(https://lh3.googleusercontent.com/-faE_AsGrb4U/Wi2zp1vtuwI/AAAAAAACy7s/KTZod0Mir1cZrW1lYjplxUoz1XACs4vVgCJoC/w663-h599-n-rw/smartphone-addiction-funny-sad-images-5.jpg)
http://www.tairomdham.net/index.php?topic=6552.0 (http://www.tairomdham.net/index.php?topic=6552.0)
"ปัจฉิมวาจา"
"ดูกร ภิกษุทั้งหลาย เราขอเตือนท่านทั้งหลายว่า
สังขารทั้งหลาย ย่อมมีความเสื่อม เป็นธรรมดา
เธอทั้งหลาย จงยังประโยชน์ตน และประโยชน์
ให้ถึงพร้อม ด้วย ความไม่ประมาทเทอญฯ"
1.ประโยชน์ตน คือ....
ฝึกฝนตนเองให้พ้นเพลิงทุกข์ เพลิงกิเลส ด้วยการทำอาสวะให้สิ้น
2.ประโยชน์ท่าน........
คือมีจิตเอื้อเฟื้อ เมตตากรุณา ทักษิณาทาน ต่อตนและโลกเสมอกัน
หรือ มี โลกุตระจิต กับโพธิจิต เจริญไปด้วยกัน
.............................................
"เก่งแค่ไหน...............ก็เดินได้ ที่ละก้าว
กินข้าว......................ที่ละคำ
และ ไม่ได้ใหญ่กว่า....กรรม เวลา มัจจุราช และโลงศพ"
จุติ จุตัง สุคโตโหตุ....มาสว่าง อยู่อย่างสว่าง
และกลับสู่แสงสว่าง ทุกคนนะครับ สาธุ อาเมนฯ
ขอบคุณเจ้าของภาพ และสหายในธรรม
ที่รวบรวม ธรรมะ ที่ปู่ลิง ฝากไว้หลายเวบ
และผู้ชม ผู้ที่ตั้งใจเป็นวิญญูชน
มีสติรู้ตัว ปัญญารู้คิด อยู่เย็น เป็นสุขจากจิตเอื้อเฟื้อ
สาธุ อาเมนฯ
..
..
https://www.youtube.com/watch?v=TRktavB7KRQ (https://www.youtube.com/watch?v=TRktavB7KRQ)
อภิปรัชญา
ความรู้ยิ่งที่เข้าถึง โดยจินตนาการ
ใครเคยถาม ตนเองว่า เราเป็นใคร มาจากไหน จะไปไหน?
นั่นคือ เรากำลังเข้าสู่โลก อภิปรัชญา
อภิปรัชญา เป็นต้นทางของศาสนา
1.เราคือธาตุรู้
ธาตุรู้ สร้าง ทุกสรรพสิ่ง
วันหนึ่งด้วยความใคร่รู้ว่า
สิ่งที่ถูกสร้าง งดงามเพียงใด
เราก็แบ่ง เป็นวิญาณ เป็นอนันต์
เป็นตัวรู้
มาสิ่งสู่ในสิ่งที่เราสร้าง
และเมื่อ สิ่งนั้น เสื่อมสภาพ เราก็ออกไปสิงสู่ สิ่งอื่นต่อไป
จนวันหนึ่งเราเบื่อ เราก็ต้องหาทางกลับไปรวมกับธาตุรู้
โดยที่เราต้องพัฒนา จาก ตัวรู้ เป็น ผู้รู้
แบบนี้ก็เท่ห์ เราเป็นทั้ง
ผู้สร้าง ผู้แสดง ผู้กำกับ ผู้ตัดสิน และผู้ดู
2.เราเป็น สิ่งที่ถูกสร้าง
แต่เป็นเบอร์สองรองจากผู้สร้าง
และมีหน้าที่ดูแล รักษา สิ่งที่ถูกสร้างให้งดงาม
แต่เรามักหลงบท เป็นผู้ทำลายมากกว่า จะดูแลให้งดงาม
3.เราเป็นผล ของ ขบวนการปรุงแต่ง ของธรรมชาติ
ที่ไม่เที่ยง ไม่ทน ไม่แท้
แต่เรามีตัวจริง ที่หลับอยู่
คือ ปรีชาญาณฉลาดเลือก
หรือ ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน
ผู้เป็นวิญญูชนสากล
และสุขจากจิตเอื้อเฟื้อ
ที่เราต้องใช้ สติรู้ตัว ปัญญารู้แจ้ง
ปลุกให้ตื่น
พบชีวิตที่อยู่เหนือ มายาของคู่โลก
คือเหนือทุกข์ เหนือสุข
เหนือ ดี เหนือ ชั่ว
เหนือชอบ เหนือชัง
แต่ สงบเย็นมั่นคงเบิกบาน
..............................................
ใครชอบแแบบไหน ชีวิตเราก็จะเป็นเช่นนั้น
...........................................
ส่วนปู่ลิง แค่หลงมาเที่ยว 55555+
ขอบคุณ สหายทุกท่าน ที่เข้ามาอ่าน เจ้าของภาพ
ปรัชญาที่ย่อมา
..
..
https://www.youtube.com/watch?v=UBfsS1EGyWc (https://www.youtube.com/watch?v=UBfsS1EGyWc)
มุมกาแฟ เช้า 12/12/17
มนุษย์ มีกิจกรรมตามวัย
1.วัยเรียน เพียร รอบรู้ ฝึกฝนใน สรรพวิชา
2.วัยแสวงหา ในอามีสสุข ได้มาจึงสุข เสียไป ทุกข์
3.วัยละ เมื่อเริ่มเห็นว่า ได้มา คือภาระๆๆๆๆๆ
4.วัยหลุด หลุดพ้น จาก มายา ลีลา อนัตตา ที่ยึดติด
แล้ว มีปีก บินเสรี ของชีวาในชีวิต
.............................................
นึกถึงเพื่อน ที่พึ่งจากไป
วันหนึ่ง นั่งรถไปสามคน
เรากำลังคุยปรัชญาชีวิต กับคนขับรถ
เขาบอกว่า เดี๋ยว หยุดคุยกันก่อน
เรื่องไร้สาระเอาไว้ที่หลัง
วันนี้ มีหุ้นใหม่เข้าตลาด เทรดไปแล้ว กำลังขึ้น
จะซื้อเพิ่มดีไหม?
การนับหนึ่ง ให้ถึงสิบ คือรู้ว่า
อะไรสำคัญและควรทำ
"ข้ามสะพาน ให้ข้ามก่อนแก่
เดี๋ยวยักแย่ยักยัน ข้ามไม่ไหว"
(หลวงพ่อพุทธทาส)
...........................................
ช่วงทำงาน มีหลักของตนเอง
1.ทำให้ได้
ตอนที่ชอบกุหลาบ ซื้อมาสิบกระถาง
มาเปลี่ยนกระถางให้ใหญ่ ใส่ดินปลูกใหม่
รดน้ำ กลางคืนกลับจากเที่ยว ยังเอาไฟฉายไปส่องดู
อ่านตำรา ปรึกษาผู้รู้ แล้ว ก็ ไปหาเพื่อนที่ปลูกกุหลาบขาย
ไปขอซื้อพันธุ์ ฝึกติดตาต่อกิ่ง และขยายพื้นที่ ปลูกหลังบ้าน
....เมื่อวาน มีเด็กมาถาม ปู่ฯ ผมอยากจะทำนา
ปู่บอกว่า เอาลองปลูกข้าวในกระถางก่อนนะ
2.ทำให้ดี
ทำอะไรมุ่งมั่น และ ตัดส่วนเกิน เติมส่วนขาด
เปิดใจรับประสบการณ์ที่แชร์จากผู้อื่น
3.ทำให้ดี ที่สุด
คือ จุดสูงสุด ของเรื่องนี้คือ?
4.หาทางใหม่ ที่เป็นของตนเอง
เช่น เล่นกอล์ฟ ทุกตำราบอกว่า
หมุนตัว ปู่บอกว่า
หมุนขาซ้ายก็พอ ทุกอย่างจะเป็น
ปฏิกริยาลูกโซ่ เอง 55555+
5.เลิก
เมื่อรู้ว่า เกินกว่านี้ จะเข้าสู่
"ทางที่ไม่มีการหวนคืน"
คือ เกินขีดจำกัดธรรมชาติให้มนุษย์รู้
เคยเล่นกีฬาแบบ โหด มัน ฮา บ้าพลัง
ใน ทุ่งกว้าง ดงทึบ ทะเล
กับเพื่อนในชมรม ฟ้า ดิน น้ำ
วันหนึ่ง ถามตนเองว่า
"สวรรค์บนดินมีอีกเยอะ ที่ยังไม่รู้จัก"
ก็เปลี่ยนเริ่มเดินทางผัสสะโลกกว้าง
และกลับมามองดู มายาจิตตน
เองคือใคร?
........................................................
รู้ว่า ชั่ว ก็ละ.........................คือศีล
รู้ว่าเป็นกุศล ก็เจริญ..............คือธรรม
ทุกข์ คือนรก สุขคือสวรรค์.....เย็นคือ วิมุติ
(ถอดความคำสอน หลวงพ่อพุทธทาส)
ชีวิตเริ่มต้น ทุกเมื่อ เพราะเรายังหายใจอยู่
มาสว่าง อยู่อย่างสว่าง และกลับสู่แสงสว่าง นะครับ
สาธุ
..
..
การใช้ชีวิต เป็นทั้ง ศาสตร์ และศิลป์
มนุษย์มีสามกายซ้อนกันอยู่
1.การสรีระ
ดูแลรักษา ด้วยความรู้ วิทยาศาสตร์ สุขลักษฯะ กีฬา
2.กายสังขาร
เป็นกายละเอียดปานกลาง
เชื่อมต่อ กายสรีระ กับกรัชกาย
ฝึกสติรู้ตัวเห็นการเกิด ดับ
3.กรัชกาย
เป็นกายบุคลิกภาพ ละเอียด
เปลี่ยนแปลงตาม การปรุงแต่งจิตสำนึก
ความคิด อารมณ์ อุดมการณ์ ความอยาก ความรู้
สัญชาติญาณเอาตัวรอด
กรัชกาย ทำให้เราเป็น
สัตว์นรก อสุรกาย เปรต เดียรัจฉาน มนุษย์ เทวดา พรหม
ในปัจจุบันขณะ เป็นการเกิด แบบโอปาปาติกะ
คือเป็นตัวเต็มวัยทันที่
แผ่ซ่าน ครองกายหยาบ
เปลี่ยนแปลง กายสังขาร กายสรีระ ทันที
..................................................
การเกิดของกรัชกาย และทางออก
หากจิตตกต่ำไปสู่อบายภูมิ
1.ถ้าเป็นเปรต
ให้ นึกถึงความอิ่มใจที่ได้ให้ ทาน จาคะ......
จิตก็จะไปจุติใหม่ ในภูมิเทวดาชั้นยามะ
2.ถ้าเป็นเดียรัจฉาน
ให้เจริญสติปัญญาให้ยิ่ง..................
จิตก็จะไปจุติใหม่ ในพุทธภูมิ
3.ถ้าเป็นอสุรกาย
ให้เจริญความกล้าหาญที่จะทำความดี.....
จิตก็จะไปจุติใหม่ ในเทวดาชั้นดาวดึงส์
4.ถ้าเป็นสัตว์นรก
ให้เจริญเมตตา ต่อชีวิตอื่นที่ด้อยโอกาส กว่าเรา....
จิตก็จะไปจุติใหม่ ในเทวดาชั้นดุสิต เป็นพระโพธิสัตว์
5.ถ้าเป็นมนุษย์
ให้อยู่ในศีลและธรรม เสมอ เจริญมงคลธรรม
6.ถ้าเป็นเทวดา
ให้เจริญ ไตรลักษณ์ อสุภะ ความไม่ประมาทใน เวลา กรรม มัจจุราช
7.ถ้าเป็นพรหม
ให้เจริญ หลักอนัตตาธรรม
พ้นสักกายทิฏฐิ(หลงว่า ชีวิตตนวิเศษกว่าธรรมชาติอื่นๆ)
ปลุกสติรู้ ปัญญาคิด มองหา สามกายในตนให้เจอ
เวลาตาย ไม่ต้องมีใคร มาบอก
อรหังๆๆ 55555+
.........................................
(https://lh3.googleusercontent.com/-SiNaTLcR_xA/WjCh79Ex7vI/AAAAAAACzA4/DNVE4P5z-SUhPQhUBLVSG6URKXUMCqtTACJoC/w663-h872-n-rw/1111.jpg)
ธรรมะสวัสดิ์ ยามสายๆ 13/12/17
มนุษย์มีสามกาย
จากหยาบ สู่ละเอียด
ใครฝึก สติรู้ตัว ปัญญารู้คิด
จิตเมตตา อดทน นานพอ
จะเห็น ด้วยจินตนาการตนเอง
1.กายสรีระ(กายวัตถุ)
2.กายสังขาร(ลมหายใจ)
3.กรัชกาย(กายบุคลิกภาพ ภายใน)
กรัชกาย มีสามสภาวะ
1.นิรมานกาย
คือแปลงร่าง เป็นอะไรก็ได้
ตั้งแต่ อบายภูมิ มนุษย์ เทวดา พรหม อริยะ พุทธะ
2.ธรรมกาย
คือ คำสั่งจิต ที่เกิดจากความคิด
ที่เอา กุศล อกุศล อัพยกตา มาปรุงแต่ง
ทำให้นิรมานกาย เปลี่ยน ตามนั้น
3.สัมโภคกาย
คือ กายแห่ง ความ สุข สงบ เย็น รู้แจ้ง
เป็นกายในอุดมคติ
ที่มนุษย์ควร พัฒนาไปให้ถึง
..................................................
สำหรับปู่ลิงมีกาย ส่วนตัว
ใฝ่รู้ใฝ่เรียน ใฝ่ดี
สุขกับ การหายใจ
มีเพื่อน และ กระหาย ความรู้ใหม่
มองโลกแบบ ขำๆ คันๆ
แลซน ท่องไปในสามโลก
แต่ไม่ประมาท เพราะถิอคติ
"ปอดแหก คือปลอดภัย"
55555+
..
..
(https://lh3.googleusercontent.com/-7ZhHO12BVQ0/Wi51_go7D5I/AAAAAAACy9M/uydEcOsEKaIuWWmLfEsP965oOIGT6YHKACJoC/w463-h624-n-rw/Shiva-dark-light.jpg)
Philosophy and healthy ปรัชญา และสุขภาพดี
G+ communities คนรัก รักษ์ ปัญญา สุขภาพ กีฬา และจักรยาน
สุขภาพดี คือลาภอันประเสริฐ ที่เราทำได้เอง
Suraphol KruasuwanOWNER
-
(https://lh3.googleusercontent.com/-gdDVTLq1Eso/WjGoDQjmOII/AAAAAAACzBg/s7FcVfMeyowof9j0g0K4f8crQMnbGyiIgCJoC/w663-h373-n-rw/ba32.jpg)
มุมกาแฟ เช้า 14/12/17
กฎปฏิกิริยาลูกโซ่ (ปฏิจจสมุปบาท)
1.เพราะสิ่งนี้สิ่งนี้เป็นปัจจัย สิ่งนี้สิ่งนี้จึงเกิดขึ้น
2.วิสัยทัศน์ เกิดขึ้นกับเรา
3.ความรู้ใหม่เกิดขึ้นแก่เรา
4.ปัญญาเกิดขึ้นแก่เรา
5.สติตัวรู้ทันการปรุงแต่งความคิด เกิดขึ้นกับเรา
5.แสงสว่าง เกิดขึ้นแก่เราว่า
6.ทุกข์.............................................ต้องกำหนดรู้
7.เหตุปรุงแต่งทุกข์............................ต้องละ
8.ผลของการดับไม่เหลือเหตุทุกข์.......ต้องเป็นประสบการณ์ตรง
9.การฝึกฝน สู่การดับไม่เหลือเหตุทุกข์.ต้องเจริญให้ยิ่ง
(ถอดระหัส พุทธอุทาน วันตรัสรู้ธรรม)
...................................
สติรู้ตัว ปัญญารู้แจ้ง ต้องรีบปลุกให้ตื่น
จะเห็น ปฏิกิริยาลูกโซ่ ภายในตนเอง
ความคิด........สร้างบุคลิกภาพภายใน เปลี่ยน จิต กายได้
ความคิด........ที่เป็นกุศล สงบเย็น และสุข จากจิตเอื้อเฟื้อ
จึงเป็นต้นทาง สู่ทางสว่าง ชีวิต
คือชนะ สามทุกข์ในตัวเรา
1.ชนะสภาวะทุกข์
ด้วยการฝึกทำใจรับสภาพ
ความไม่เที่ยง ไม่ทน ไม่แท้ ที่ควบคุมสภาวะธรรม
2.ชนะเวทนาทุกข์
ด้วยการฝึกอดทนพันเท่า
3.ชนะอารมณ์ทุกข์
ด้วยปลุก สัมมาสติ โพธิปัญญาตื่น
มากุม ความคิด รู้ทันจิตปรุงแต่ง
ถอน ขยะปรุงแต่งจิตทิ้งออกไปจากความทรงจำ
จนไม่เหลือเชื้อ เหตุทุกข์
มาปรุงแต่ง อารมณ์ทุกข์มาไล่ สุขมาล่อได้ถาวร
นอกจากคุณยังไม่หมดวิบากกรรม 55555+
ขอบคุณเจ้าของภาพ ครับผม
..
..
มุมกาแฟยามเช้า 15/12/17
โลกคือ สถานีขนส่ง
ทุกภูมิจิต
ภูมิธรรม
ภูมิปัญญา
มาเจอกันบนโลกนี้
มาสว่าง
ก็ให้อยู่อย่างสว่าง
และกลับไปสู่แสงสว่าง
สาธุ อาเมน
สว่างคือ มีวิสัยทัศน์ ที่ให้คุณ
เป็นวิญญูชน ที่มีมารยาทสากล
เจริญกุศล และไม่แบกกุศล
นั้น ว่า เป็น ตน ของตน
สาธุ
..
..
ธรรมสวัสดิ์ 15/12/17
ในยุคพุทธกาล มีสองลัทธิปรัชญาที่ครองใจคนยุคนั้น
1.อัตตา
คือ จิตเป็นชีวิตแท้ ร่างกายตาย จิตยังอยู่
2.นิรัตตา
ร่างกายคือชีวิตแท้ ร่างกายตาย จิตก็ดับสูญ
.................................
พระพุทธเจ้า ใช้ชีวิตทดลองทั้งสองวิธี
เริ่มจาก
นิรัตตา คือ สุขแบบวัตถุนิยม
และเมื่อไปเห็น ความแก่ เจ็บตาย และเกิด
ก็มีคำถามว่า
"จะออกจากความทุกข์ ได้อย่างไร?"
และ ไปใช้ชีวิตแบบสมณะ
(ผู้เห็นคุณค่าความสงบ สันโดษ สมถะ)
และ ได้รับการสั่งสอน
ตามความเชื่อ อัตตา
ร่างกาย คือกรงขังจิตวิญญาณ
ต้องฝึกฝน ไม่ให้ยึดติด ในร่างกายนั้น
จะได้ปลดปล่อยวิญญาณ สู่แดนที่ไม่มีความทุกข์
วันหนึ่ง รอดชีวิต จาก สลบ
เพราะร่างกายขาดอาหาร สะสม มาุ6.ปี
มีคนเลี้ยงแพะมาพบ เอานมแพะ ค่อยๆป้อน
และได้ยิน ครูสอนดนตรี บอกศิษย์ว่า
ขึงสายพิณ ตึงก็ขาด หย่อน
ก็จะเล่นเพลงไม่ไพเราะ
จึง มีวิสัยทัศน์ว่า
"กาย กับ จิต ต่างมีความสำคัญ"
ปัญญาจะเกิด เห็นทางสว่าง ต้องดูแล
"กาย และจิตที่ฝึกดีแล้ว นำสุขมาให้"
จึงเริ่มมาดูแลกาย จิต
และใช้ สติ ปัญญา แอบมองดูธรรมชาติ
จึงได้คำตอบว่า
ธรรมธาตุ (ธรรมชาติ)
ธรรมฐิติ (กฎของธรรมชาติ)
ธรรมนิยาม(กฎวิวัฒนาการของธรรมชาติ)
ปฏิจจสมุทปบาท(กฎปฏิกริยาลูกโซ่)
ทำงานไป ตามหน้าที่
ไม่ได้ สนใจ ทุกข์ สุขมนุษย์
มนุษย์ตากหาก ไป ยึดมั่น ถือมั่น ว่า
กาย จิต เป็น ตน ของตน
แล้ว ปรุงแต่งความคิด
เกิดเป็นอุปาทานทุกข์
และทุกข์ซ้ำซาก
เพราะขาดสติปัญญา ที่ถูกปลุก ถูกฝึก
มากุมสภาพ จิตปรุงแต่ง
ธรรมชาติใหญ่กว่า กายและจิต
...................................
และทรงยกแยะ ความทุกข์เป็นสาม
และคิดวิธี อยู่ร่วม
1.สภาวะทุกข์
คือปรากฎการณ์ ของทุกธรรมชาติ
จะอยู่ใต้กฎ ความไม่เที่ยง ไม่แท้ ไม่ทน เป็นปฏิกริยาลูกโซ่
ต้องฝึกทำใจรับสภาพ
เกิด แก่ เจ็บตาย เป็นธรรมดา
ดินฟ้าอากาศแปรปรวน ก็เป็นธรรมดา
สังคม สวมหัวโขนแล้วแย่งชิงกัน ก็เป็นธรรมดา
2.เวทนาทุกข์
โชคดี 6ปี ประสบทุกข์เวทนา แสนสาหัส
ดังนั้นการฝึกฝนให้อดทนมากกวาคนธรรมดา ก็ชนะทุกข์นี้
3.อารมณ์ทุกข์
นี่เรื่องใหญ่ของจริง
เพราะขาดสติรู้ตัว ปัญญารู้คิด
ปรีชาญาณฉลาดเลือกตื่น เห็นแจ้ง
เมื่อผัสสะกระแสโลก ธรรม
ความคิดปรุงแต่งแบบฟุ่งซ่านทำงาน
ก็ปรุงบุคลิกภาพ ทั้งสุข ทุกข์ สงบ
จึงเกิด วิสัยทัศน์เรื่อง "อนัตตา"
คือทุกสิ่ง กำลังเป็นไปตามกฎเหตุปัจจัยปรุงแต่ง
ไม่ได้ตามใจใคร
.............................................
มาถึงยุคปัจจุบัน
อัตโนมติ อาจารย์ ที่ต้องการสร้างอนุสาวรีย์ให้ตนเอง
และชวนกันฝึกเป็น นักสิทธิ์(มีสิทธิอำนาจเหนือธรรมชาติ)
แทนที่จะฝึก ชนะ อุปสรรค์ภายใน
คือชนะจิตปรุงแต่งแบบฟุ่งซ่านในตน
จึงผสม ยาชุดใหญ่
1.อัตตา.....ก็ทำให้คนหลง บ้าบุญ
แทนการฝึก สติ ปัญญาให้ตื่น
2.นิรัตตา....ก็ทำให้คน ทำชั่ว แต่ไม่รู้สำนึก
บาป บุญไม่มี บุญคุณไม่มี เอาผลประโยชน์เป็นที่ตั้ง
มาปะปน ในศาสนา ต้องใช้ สติปัญญาแยก ให้ชัด
...............................................
มีเกร็ดนิทาน ศิษย์สำนักนิรัตตา
วัตถุนิยม ในยุคนั้น
ไป เทศน์ ให้เจ้าเมือง เชื้อสายกรีก
ที่ตาม อเล็กซานเดอร์มหาราช
มาที่ลุ่มแม่น้ำสินธุ แล้วไม่กลับ ว่า
ตัวตนไม่มี ทุกสิ่ง เป็นช่องว่างระหว่างอณู
(เหมือนกับองคุลีมาล ถูกสอนมา)
ไปเจอเจ้าเมืองสายโหด
จึงให้ ทหารจับตรึง และเอาตาปูตอกเล็บ
"เจ็บโว้ย"
"ใครเจ็บ"
"ตูเจ็บ"
"อ้าว ไม่มีตัวมีตน และเจ็บได้ไง"
55555+
ขอบคูณผู้จุดประกาย และเจ้าของภาพ ผู้อ่าน
สมองเรามีค่า อย่าไปใช้แบบปลาทู หมูในอวย เด้อ
สาธุ
ดังนั้น
1.พุทธศาสนา ในสัมมาทิฐิเบื้องตน
ให้คน ละชั่ว ทำดี มีคำสอนแบบ อัตตา
2.และมีอาจารย์ เฉโก
หลอกลูกศิษย์ว่านิรัตตาคือ อนัตตา
3.อัตตา นิรัตตา อนัตตา
ต้องแยกให้ชัด เดี๋ยวหลงไปไกล
"อนัตตาคือ เคารพ
กฎเหตุปัจจัยปรุงแต่ง ของธรรมชาติ
ที่ไม่ได้ตามใจเรา"
สาธุ
..
..
มุมกาแฟ วันใหม่ 16/12/17
You are what you eat
กินอย่างไร ได้อย่างนั้น
"อาหารเป็นใหญ่ในโลก"
พุทธพจน์ อาหาร ในความหมายพุทธธรรมคือ
"เครื่องค้ำจุนชีวิต"
1.ปัจจัยสี่ เครื่องอำนวยความสะดวก ที่มาจากวัตถุ
2.ผัสสะ อารมณ์ที่ชอบ
3.อุดมคติ ปรัชญาที่เชื่อ
4.ความรู้
ต้องเลือกเสพ ความรู้ ที่จริง ดี งาม สาร้างเสริมความสุข สงบ
ชีวิตจึง แข็งแรงทุกด้าน สาธุ
..
..
ที่ไหนมีศรัทธา ที่นั้นต้องมีปัญญา ประกอบด้วย
มี อุปาทานสี่ประการ ที่สร้าง ทุกข์ให้เราได้
1.เอาตนเอง เป็นศูนย์กลางทุกเรื่อง
2.เอาปรัชญา ที่เราชอบ ตัดสินปัญหาทุกเรื่อง
3.เอาวิถีชีวิต ที่ตนชอบ ไปครอบงำผู้อื่น
4.เอาของรักของชอบ..มาจูงจมูกตนเอง
ใครไม่มีวิสัยทัศน์เห็น
ไม่เชื่อ แสดงว่า ยังไม่หมดวิบากกรรม 55555+
บ่ายๆเจอกัน ออกส่องโลก อันงาม ก่อน
ขอบคุณเจ้าของภาพ
..
..
(https://lh3.googleusercontent.com/-GwI_Mqx4PhQ/WjHq4PxC0KI/AAAAAAACzDY/navXPG3AE584Wg587c2jNB4L7j-P0Ox7QCJoC/w663-h413-n-rw/images%2B%25286%2529.jpg)
Philosophy and healthy ปรัชญา และสุขภาพดี
G+ communities คนรัก รักษ์ ปัญญา สุขภาพ กีฬา และจักรยาน
สุขภาพดี คือลาภอันประเสริฐ ที่เราทำได้เอง
Suraphol KruasuwanOWNER
-
(https://lh3.googleusercontent.com/-6JrRLO5f8jQ/WjWtyXhLx3I/AAAAAAACzN0/nV_x08Lo3CMbj7p_pV7CIGLrRahPooNlwCJoC/w663-h498-n-rw/DSCN3437.JPG)
ธรรมสวัสดิ์ 17/12/17
เปลี่ยนความคิด ชีวิตก็เปลี่ยน
55555+
สิ่งที่เราคิด อาจไม่ใช่ความจริง
เห็น สิ่งนี้โบยบิน ไปเกาะตาข่าย
"ผีเสื้อแน่ๆ"
รีบซูมกล้อง กดซัดเตอร์
อ้าว....ใบไม้แห้ง ปลิวมากับลมหมุนๆ มาติดตาข่าย
............................................
ความคิดฆ่าเราได้
พอๆกับการติดเชื้อโรค
และเป็นทาสกระแสโลก
โดยเฉพาะ กระแส ชวนกัน ไปแย่งมูลค่าส่วนเกิน
แทนที่จะมีสุขกับวิถีชีวิตแบบยังชีพ
............................................
วิทยาศาสตร์พันธุ์กรรม
ศึกษา เรื่อง"คู่แฝด" ที่เกิดจากไข่ใบเดียวกัน
ทั้งที่ยีนส์เหมือนกัน แต่ การเปลี่ยนแปลง
ทางร่างกายต่างกัน โรคต่างกัน อายุขัยก็ต่างกัน
พุทธธรรม บอกไว้ เจตนาสี่ ควบคุมชีวิตเรา
1.เจตนา บุพการี
2.เจตนาของกรรมพันธุ์
3.เจตนา ของสิ่งแวดล้อม
4.เจตนา ที่เกิดจาก ความคิดของเราเอง
.................................................
นักพันธุ์ศาสาตร์
ได้ค้นพบว่า ในระดับแผนที่พันธุ์กรรม
มีโปรตีน ที่ทำหน้าที่ เหมือนวาทยากร
ควบคุมวง ออเคสตร้า เล่นเพลง
ที่จะ สั่งไม่ให้ยีนส์นั้นทำงาน หรือส่งเสริม หรือปิดถาวร
และโปรตีนนี้ นอกจาก อ่อนไหวต่อสิ่งแวดล้อม
ยัง เป็นไปตาม"ความคิด"
ดังนั้น
คิดดี พูดดี ทำดี คบคนดี ไปในที่ดีๆ
และระลึกแต่สิ่งดีๆที่เราทำ
ที่หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ พยายามบอก เทศน์
ช่วงปลายชีวิตของท่าน เป็นเรื่องจริง
มีหลักการวิทยาศสาตร์รับรองแล้ว
.................................................................
นึกถึง สหายอีกคน ที่พึ่งจากไป ในวัย46
เกิดจาก อาการคันเร่งค้าง
เป็นคนใฝ่รู้ใฝ่เรียน และขยัน
ส่วนเสียก็คือ ชอบด่า
เกิดมาคงไม่รู้ว่า ความถูกใจ ใน
ความจริง ดี งาม จากใจเรา แผ่สู่โลก
เป็นความสุขที่แท้จริง
ด่าได้ ตั้งแต่ รัฐบาล คนในบ้าน หมา แมว นก
จน ฟ้าอากาศ
ปู่ฯเคยเตือน ว่า
"โลกเป็นเช่นโลกเป็น โลกไม่ตามใจใคร"
ก็เบาสักพัก ก็ออกอาการเดิม อีก
เส้นเลือดในสมองแตก...กลับสู่ธุลีดิน
..........................................................
วิธี คิดให้เป็นระบบ ในพุทธธรรม ต้องฝึก
1.คิดจากเหตุ...........ไปหาผล
2.คิดจากผล.............กลับไปหาเหตุ
3.คิดถึง....................กฎปฏิกริยาลูกโซ่
4.คิดเห็นว่า...............อะไรจุดประกายให้เกิด
5.คิดเห็นว่า...............อะไรส่งเสริมให้เจริญ
6.คิดเห็นว่า...............อะไรตัดรอนให้เสื่อม
7.คิดเห็นว่า...............อะไรตัดขาด ให้ดับ
8.คิดแบบ..................มองภาพแบบองค์รวม
9.คิดแบบ..................แยกแยะองค์ประกอบ แยกส่วน
10คิดรู้ว่า...................อะไรเป็นไปได้ อะไรเป็นแค่ จินตนาการฯ
..........................................................
สิ่งดีๆมีไว้แบ่งปัน ใครไม่ฉุกใจคิด
เอาไปฝึกตน เปลี่ยนตนเอง
ให้เป็นวิญญูชน ที่มีมารยาทสากล และเย็น มีจิตเอื้อเฟื้อ
ไม่ได้แช่งนะ
ยังไม่สิ้นวิบากรรม สหายเอ๋ย 55555+
http://www.thaibiotech.info/what-is-regulator-gene.php (http://www.thaibiotech.info/what-is-regulator-gene.php)
..
..
https://www.youtube.com/watch?v=dgxNPkJMHF4 (https://www.youtube.com/watch?v=dgxNPkJMHF4)
"ตถาคต ขอบัญญัติ ว่า
ร่างกาย กว้างศอก ยาววา มีสัญญา และใจครอง
เป็นโลกหนึ่ง คือ สังขารโลก"
โลก ที่ควรรู้จักในพุทธธรรม มีสามโลก
1.โอกาสโลก
โลกอันว่าลอยอยู่ในอวากาศ
หมายถึง จักรวาล และ ระบบชีวาลัย
ที่มีสิ่งแวดล้อมจำเพาะ เหมาะแก่ชีวิต ที่จะอาศัย
คือโลกของเรา
2.สัตว์โลก
คือสังคม สิ่งมีชีวิต และสังคมมนุษย์
ที่ ทุกชีวิต ที่มีภูมิจิต ภูมิธรรม ภูมิปัญญา ต่างกัน
ต้องมาอาศัยด้วยกัน จิตเอื้อเฟื้อ อภัยในความไม่รู้ เป็นสิ่งดี
3.สังขารโลก
คือระบบคอมพิวเตอร์ชีวะภาพ
(ขันธุ์ห้า)
ที่ประกอบเป็นตัวเรา
ที่เราควรรู้จัก ทั้งสามมิติ
1.-สรีระกาย กายหยาบ
2.-กายสังขาร กายละเอียดปานกลาง
คือ ลมหายใจ
3.-กรัชกาย กายบุคลิกภาพ
ที่ความคิด ปรุงจิตสำนึก
ให้เป็นตัวตน มาปกครองกายหยาบ
ทั้งสามกาย ต้องฝึก
-ปลุกสติรู้ตัว มาดู
-ปลุกปัญญาฉลาดคิด มารักษาไม่ให้ทุกข์เกิด
เมื่อทุกข์เกิด ก็กำหนดรู้ แล้วละเหตุให้สิ้น
-ปลุกปรีชาญาณฉลาดเลือกตื่น
มากุมสภาพ จิตปรุงแต่ง
ล้างขยะปรุงแต่ง ความคิด อารมณ์
จนไม่เป็นทาส ทุกข์ สุข แต่สงบ ร่มเย็น เบิกบาน ถาวร
.................................................
จักรวาลแห่งการปรุงแต่งชีวิต
ตับเป็นนิคมอุตสาหกรรมเคมี ของร่างกาย
และเป็นธนาคาร เก็บ สารจำเป็น ให้แก่ชีวิต
และ กำจัดสารพิษ ให้แก่ร่างกาย
และไม่ควรเติมสารพิษ ให้แก่ชีวิต
ด้วย อาหาร ความคิดอารมณ์ ที่เป็นพิษ
และพักผ่อนให้เพียงพอ ให้ตับฟื้นตัว
..
..
https://www.youtube.com/watch?v=z8mmXAyOysQ (https://www.youtube.com/watch?v=z8mmXAyOysQ)
"แผนการณ์.......เป็นเรื่องของคน
ความสำเร็จ......เป็นเรื่องของฟ้า
ตัดเขาไม่ขาด...วาสนา เราก็สิ้นฯ"(ขงเบ้ง)
.....................................
ขงเบ้งวางแผน
1.ปล้นสะเบียง สุมาอี้
2.แกล้งเอาสะเบียงไปซ่อน ในหุบเขาน้ำเต้า อันแห้งแล้ง
3.ฝังระเบิดเพลิงไว้
4.ล่อให้สุมาอี้ และบุตร ตามมาเจอ
5.และจุดไฟเผา กันทางออก ยิงธนูเพลิงให้ ระเบิดทำงาน
6.ทุกอย่าง เป็นไปตามคาด
7.สวรรค์ตัดสิน ให้ สกุลสุมาอี้ รวมแผ่นดินจีนได้
ฝนตกลงมาดับไฟ
8.ขงเบ้งถอยทัพ และสิ้นใจ ในระหว่างเดินทางกลับ
..................................
เตือนสติ พวกเจ้าคิด เจ้าแค้น เจ้าแผนการ เจ้ากลศึก
คิดล้างเขา วาสนา ก็สิ้น
ต้องกลาย เป็น กระสือ กระหัง จบชีวิต ในฮ่องกง เด้อ
....................................
"อัน ทรัพย์ อำนาจ ..........วาสนา
ดุจเมฆา..........................คราหน้าฝน
เชือกผูก..........................ไม่ได้
รั้งไว้................................ไม่อยู่
หมดฤดู............................ก็จากไปฯ"
(สุภาษิตจีน
..
..
มนุษย์รู้จักธรรมชาติ ผ่าน
ความรู้ ที่เป็นเหตุผล และจินตนาการ
และส่งทอดความรู้ ด้วยการสื่อสาร ของวัฒนธรรมสังคม
.......................................
ต่อเติมด้วย ความสามารถของ คอมพิวเตอร์
ที่พัฒนาการ ตามกฎนวัตกรรม
ทุกนวัตกรรม จะ พัฒนาการดีกว่าเดิม สองเท่า ในหนึ่งปี
....................................
มองท้องฟ้า ในเดือนมกราคม 2018
กับกลุ่มดาวต่างๆ
และเทพนิยายกรีก....
ขอบคุณครับ Thanks
..
..
https://www.youtube.com/watch?v=6Dakd7EIgBE (https://www.youtube.com/watch?v=6Dakd7EIgBE)
Let It Go (Disney's "Frozen") Vivaldi's Winter - The Piano Guys
มุมกาแฟ วันใหม่ 20/12/17
"สิงใดที่เราไม่เห็นคุณค่า
เพราะ กุญแจความรู้
และสติปัญญาเราเอง
ยังหยั่งไม่ถึง"
(จำมาเล่าสู่กันครับ)
..............................................
ความรู้ ไขความรู้
ถ้าเราไม่รู้จัก ตัวอักษรไทย และการผสมอักษรไทย
วันนี้ เราคง ไม่ได้มาคุยกัน ใน
โปรแกรม โลกออนไลน์ ชื่อ เฟซบุ๊ค แน่นอน 55555+
...........................................
1.มหัศจรรย์แห่งการหายใจ
ลมหายใจ เป็นกายละเอียดปานกลาง
ที่ทำงานร่วมกับ กายหยาบ หรือ สรีระกาย
คนโบราณรู้ว่า สติติดตามลมหายใจ
ทำให้เรา เห็นกรัชกาย กายที่ละเอียด
ปรากฎการณ์ สร้างจิตสำนึก
ที่ ความคิด อารมณ์ อุดมการณ์ ความรู้ ความอยาก
สัญชาติญาณชีวิต ปรุงแต่ง
2.เมื่อเห็น รู้วัตถุที่มาปรุงแต่ง
ก็ชำระวัตถุดิบนั้น ด้วย
ความจริง ดี งาม สุข สนุก กับความรู้ใหม่ แบบวิญญูชน
ชีวิตที่เหลือ ก็จะเป็นกำไรชีวิต
เพราะ ในโลก มีไม่กี่คน
ที่ชนะจิตปรุงแต่งตนเอง(อธิจิต)
ที่ความคิด
อารมณ์ของตนเอง กุมสภาพชีวิตตนเองได้
3.กระแสมูลค่าเพิ่ม
จากความผันแปร เศรษฐกิจเหมือนมังกร
มังกรนั้นดั้นเมฆ เราไม่อาจเห็นทั้งตัว
แต่ถ้าเรารู้ว่า มังกรจะไปโผล่ที่ไหน
และหาวิธีขี่ มังกรก็จะเสริม
ความรู้ ความสามารถของเรา
ให้เป็นประโยชน์ และประหยัดเวลา
(เติ้งเสี่ยวผิง)
4.การใช้ชีวิตในโลก มีห้าแบบ
-แบบยังชีพ
-แบบแข่งขัน แย่งชิง โชว์กระแสมูลค่าเพิ่ม
-แบบ แสวงหากำไรชีวิต แบบวิญญูชน ที่มีมารยาทสากล
-แบบ"ผู้ดู" เหมือนนกฮูก ที่เห็นร่องรอยหนู ในทุ่งคืนไร้แสง
......เลือกอย่างไร ให้เหมาะสมกับ ตนเอง..คือ บรมสุข
55555+
ขอบคุณเจ้าของภาพ คลิปเพลง
..
..
(https://lh3.googleusercontent.com/-Wp7cbUE_qC4/Wjl9Lo7Q1qI/AAAAAAACzTc/WiMNVYrNtH0a683woGdDcajH9fz9ch77QCJoC/w663-h374-n-rw/1%2B%25281%2529.jpg)
Philosophy and healthy ปรัชญา และสุขภาพดี
G+ communities คนรัก รักษ์ ปัญญา สุขภาพ กีฬา และจักรยาน
สุขภาพดี คือลาภอันประเสริฐ ที่เราทำได้เอง
Suraphol KruasuwanOWNER
-
(https://lh3.googleusercontent.com/-7ehG0cLodE0/Wjl9py9AWeI/AAAAAAACzTg/cVLElk4gHfIRT2qoBv2ZWt-5IkAazh5_gCJoC/w663-h442-n-rw/CuP4OgZWcAA_lDi.jpg)
https://www.youtube.com/watch?v=FZNqs0YgWkM (https://www.youtube.com/watch?v=FZNqs0YgWkM)
Lord of The Rings - The Hobbit (Piano/Cello Cover) - ThePianoGuys
มุมกาแฟเช้า..2.//20/12/17
1.อำนาจ มักหลอกใช้ ผู้ที่คิดว่า ตนมีอำนาจ
.................................................
2.กฎของสิ่งมีชีวิต คือ กิน และหลีกเลี่ยงการถูกกิน
โปรแกรมภายในที่ กิน จิตวิญญาณของเรา
และกระชากให้ตกต่ำ สู่ภูมิ ที่ต่ำกว่ามาตราฐานมนุษย์
คือ อุปาทานสี่ และทางสู่อบายภูมิสี่
................................................
3.บุคลิกภาพ ที่ต่ำกว่า มาตราฐานมนุษย์ สี่
-เปรต...........เป็นทาส ความโลภ อิจฉา บ้าอำนาจ ฉลาดโกง
-เดียรัจฉาน...เอาความโกธร เป็นเจ้านายตนเอง
-อสุรกาย......เอาความกลัว แอบจิตคิดทำร้าย ขางหลัง เป็นสารณะ
-สัตว์นรก.....ตกเป็นทาส ความคิดแบบ ฟุ่งซ่าน ยำคิด ยำทำ ย้ำแค้น และจมใน อารมณ์ทุกข์
..............................................
จิตวิญญาณเราจะตกต่ำเมื่อ
ความคิดปรุงแต่งสร้างอารมณ์
สวมบุคลิกภาพภายใน(กรัชกาย)
เปรต เดียรัจฉาน อสุรกาย สัตว์นรกคือ
อุปาทานสี่
1.เอาตนเอง เป็นศูนย์กลางทุกเรื่อง
2.เอาปรัชญา ที่ตนชอบ เชื่อ ตัดสินทุกเรื่อง
3.เอาวิถีชีวิตที่ตนชอบ ไปครอบงำผู้อื่น
4.เอาของรัก ของชอบจูงจมูก ตนเอง
.................................................
วิธีที่จะยกระดับ ภูมิจิต ภูมิธรรม ภูมิปัญญา ให้ยิ่ง
สมกับเป็นมนุษย์คือ ฝึกตน
1.ฝึกละตัวตนที่ชั่ว และดึงในเราตกต่ำ กว่าความเป็นมนุษย์
2.ฝึก สร้างสรร ตัวตน ที่ฉลาดในทางดี ให้แข็งแรงมีพลัง
3.ฝึกปลุก สติรู้ตัว ปัญญารู้คิด ปรีชาญาณรู้แจ้งตื่น
มาล้างขยะ ปรุงแต่งจิต ให้สิ้น
ใช้ชีวิตแบบ วิญญูชน มีมารยาทสากล
ใฝ่รู้ ใฝ่ดี และเคารพ มิตรภาพ และ รักษ์ธรรมชาติ
ให้งดงาม เป็นสวนสวรรค์บนดิน ให้คนรุ่นต่อไป
............................................
แข็งแรงทุกด้าน ดีด้วยกันทุกคน
สมหวังในสิ่งประเสริฐนะครับ
ขอบคุณเจ้าของภาพ เพลง ผู้อ่าน สาธุ
..
..
https://www.youtube.com/watch?v=Y6kvDuL9jcM (https://www.youtube.com/watch?v=Y6kvDuL9jcM)
เราคือธรรมชาติ ท่านก็เช่นกัน
We are nature You too
ขอบคุณเจ้าของภาพ เพลง
สมหวังในสิ่งประเสริฐทุกท่าน
..
..
https://youtu.be/24d9sbl92Io (https://youtu.be/24d9sbl92Io)
วิชาชีววิทยา - กลไกการสร้าง และการทำงานของแอนติบอดี
สามนิสัยที่ดีต่อชีวิตที่มีชีวา
1.ไม่เบื่อการหายใจ
2.ถนอมน้ำใจ แะเคารพในมิตรภาพ
3.สนุกกับการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ
..
..
ธรรมสวัสดิ์ เช้า 22/12/17
"จำเดิม ตถาคตก็ตรัสเรื่องทุกข์ และการดับเหตุทุกข์"
พระพุทธเจ้า แยกความทุกข์เป็น สามกลุ่ม 10ประการ
1.สภาวะทุกข์
คือสภาพธรรมชาติ ที่ เกิดขึ้น แปรปรวรท่ามกลาง
เสื่อมสลายในที่สุด
ให้ฝึกทำใจยอมรับ ในความไม่เที่ยง ไม่ทน ไม่แท้
2.เวทนาทุกข์
ฝึกอดทน มากกว่า คนทั่วไป
3.อารมณ์ทุกข์
เป็นสังขารธรรม คือสิ่งปรุงแต่ง
ให้ฝึก เลิกปรุงแต่ง อารมณ์ทุกข์ด้วยการ
ปลุกปรีชาญาณฉลาดเลือก(Wisdom) ให้ตื่น รู้เบิกบาน
สงบ มั่นคงเย็น เหนือ ของคู่โลก คือ ทุกข์ สุข ดี ชั่ว ชอบ ชัง
ด้วยการฝึก สติรู้ตัว ปัญญารู้คิด
เคารพ กฎ กติกามารยาท ของธรรมชาติ
และ เอาอดีต มาถอดบทเรียน ล้างขยะปรุงแต่งจิต
ที่เคย หลง ติด พยาบาท เบียดเบียน ให้สิ้นซาก
............................................
ความทุกข์ 10 ประการ
1. สภาวทุกข์
ทุกข์ประจำสังขาร
คือ เกิด แก่ เจ็บ และตาย(เป็นเรื่องธรรมดา)
2. ปกิณณกทุกข์
ทุกข์จร คือ โสกะ ปริเทวะ ทุกขะ โทมนัส อุปายาส
(ปรุงจิตให้ชิวๆ มองโลกแบบขำขัน ก็เบาเยอะ)
3. นิพัทธทุกข์
ทุกข์อันเนืองนิตย์ คือ หนาว ร้อน หิว กระหาย ปวดอุจจาระ ปัสสาวะ
(ก็ต้องอดทน ฝึกฝน ให้ร่างกายแข็งแรงสุขภาพดีสมวัย)
4. พยาธิทุกข์
ทุกข์เพราะโรคต่าง ๆ
(ใช้ชีวิตแบบ อานามัยดี สิ่งแวดล้อมช่วยกันรักษ์
ให้ความรู้ดูแลสุขภาพ ตนเองแก่ คนในสังคม )
5. สัตาปทุกข์
ทุกข์เกิดจากกิเลส คือ โลภ โกรธ และหลง
(ลดละเลิก ด้วยการกำหนดรู้ หายใจทิ้งเสีย)
6. วิปากทุกข์
ทุกข์เกิดจากกรรมเก่าตามมาให้ผล
(ก็อโหสิกรรมให้ความไม่รู้ อวิชชาของตน และผู้อื่น)
7. สหคตทุกข์
( วิปริณามทุกข์ )
ทุกข์เกิดจากโลกธรรม 8
(คนเราเท่าเทียมในความเป็นมนุษย์
ไม่เท่าเทียมความสามารถโอกาส
สุขจากการ อยู่รอด อยู่ร่วม แข่งขัน แบ่งปัน
อิ่มใจทุกขณะจิต"สันโดษ")
8. อาหารปริเยฎฐิทุกข์
ทุกข์เกิดจากการหาอาหาร
(แสวงหา ผลประโยชน์ ในอาชีพสุจริต
ไม่เป็นภัยสังคม ด้วยความเป็นธรรม
มีวิสัยทัศน์ บริหารจัดการ เป็นธรรม
สร้างนิสัยดี จนไม่ขาดผู้อุปถัมภ์)
9. วิวาทมูลกทุกข์
ทุกข์เกิดจากการทะเลาะวิวาท
(ระวัง มนุษย์ย่อมหวงถิ่น
ผลประโยชน์ ชาติพันธุ์
วัฒนธรรม ความรู้
การเจรจาแบ่งปันแบบมิตร
รับฟังอย่างเป็นมิตร คือสำเร็จ)
10. ทุกขขันธ์
ทุกข์รวบยอด
คือความยึดมั่นในขันธ์ 5
ว่าเป็นเราของเราอย่างแท้จริง
(ต้องหัดปรุงแต่ง ความคิด
พลิกอารมณ์
เอาบทเรียนมาถอด บทเรียน
สร้างทางใหม่ ที่ดีกว่า
ทุกข์น้อยกว่า )
..................................
1.ต้องมีวิสัยทัศน์เห็น
ว่าอะไรคืออกุศลที่ควรละ
อะไรเป็นกุศลที่ควรเจริญ
อะไร เป็น คนร้าย สัตว์ร้าย
ลัทธิชั่วร้าย สถานที่อโคจร และ เว้น
2.เว้นในสิ่งที่ควรเว้น
3.อดทน ในสิ่งที่ต้องอดทน
หากหลีกไม่พ้น
4.ดำรงตนในทางสว่าง
5.ใช้ชีวิต แบบ มีสติ สงบ สันโดษ สมถะ
6.ฝึกปลุก สติรู้ตัว ปัญญารู้คิด ปรีชาญาณฉลาดเลือกตื่นๆ
มาล้างขยะปรุงแต่งจิต เลิกเป็ทาส สุขมาล่อ ทุกข์มาไล่
7.แบกก็หนัก วางก็เบา ไม่เอา ก็หลุด
หลุดพ้นแล้ว ก็ไม่ไปแบกของหนักใหม่ อีกต่อไป
สาธุ
....................................
//-ชนะเพราะ................พวก
สะดวกเพราะ................เงิน
เพลินเพราะมี................วิชชา(สติปัญญาส่องดูใจตน) วิชา รอบรู้ทันกาล
ฟ้า..............................เป็นใจ(ถูกที่ถูกเวลา ถูกคน สร้างกุศลมานานพอ)
...............................
"ถ้าเราคิดว่าเราลำบาก ให้แผ่เมตตา
แก่คนที่ด้อยโอกาส กว่าเรา"
ขอบคุณเจ้าของภาพ ข้อธรรมที่ถอดระหัสมา และผู้อ่าน
แข็งแรง ทุกด้าน ดีด้วยกันทุกคน สมหวังในสิ่งประเสริฐครับผม
..
..
(https://lh3.googleusercontent.com/-g4DQcpjuEME/WjwquOtDy7I/AAAAAAACzZE/TWFyX8iTOMU2EnumUV9F6Eq7qTmOyrAwgCJoC/w663-h442-n-rw/child.jpg)
https://www.youtube.com/watch?v=Nd5-KYsoRTo (https://www.youtube.com/watch?v=Nd5-KYsoRTo)
1.อยากให้ ความรักแก่คนทั้งโลก
มุมกาแฟ ยังไม่สว่าง 22/12/17 ...4.30
.....................................
2."เมื่อเราเกิด ยังไม่มีระบบสุริยจักรวาล
เมื่อเราดับ สุริยะจักรวาล สูญสิ้นไปนานแล้ว
ในท่ามกลางไฟ ที่มนุษย์ช่วยกันจุดเผาโลก
ไฟราคะ
ไฟโทสะ
ไฟโมหะ
ไฟทิฐิ
ไฟมานะ
ไฟโศกะ
ไฟ อภิสังขาร (คิดปรุงแต่ง แบบ หดหู่ ฟุ้งซ่าน)
..........................................
3.โลก...คือยานอวกาศแสนมหัศจรรย์
ที่มีระบบชีวาลัย เปราะบาง
เราก็ยังมีความหวังเล็กๆว่า
พวกเขาจะปลุก ปรีชาญาณฉลาดเลือก ในตนให้ตื่น
มาดูแลโลก ให้เป็นสวนสวรรค์ ตราบนานเท่านาน"
......................................
4.แค่ฝันไป ในคืนที่หนาว
และคิดถึงคนที่หนาวกว่าเรา
ขอบคุณเจ้าของภาพ
และผู้อ่าน
สมหวังในสิ่งประเสริฐนะครับ
..
..
(https://lh3.googleusercontent.com/-NbUJz1CDPFU/WjwqBiROlJI/AAAAAAACzYk/QX0-BLzXKZs3GbWKUZyy5m6_0RBSFsm4wCJoC/w663-h373-n-rw/cae1e.jpg)
Philosophy and healthy ปรัชญา และสุขภาพดี
G+ communities คนรัก รักษ์ ปัญญา สุขภาพ กีฬา และจักรยาน
สุขภาพดี คือลาภอันประเสริฐ ที่เราทำได้เอง
Suraphol KruasuwanOWNER
-
(https://lh3.googleusercontent.com/-AW3n636OzbE/WkmkAwsjkwI/AAAAAAACzuo/jVG50eQ1l64SVCAuSZ-KkXGSyUqa6RhggCJoC/w463-h635-n-rw/99a0106833fb6d352ff8413f75b90e87--wooden-puppet-raja-gemini.jpg)
https://www.youtube.com/watch (https://www.youtube.com/watch)…
หนึงในเพลง ที่ยอดเยี่ยม ตลอดกาล
""""""""""""""""""""""""""""""""""""
มุมกาแฟวันใหม่ 27/12/17
ทำให้จินตนาการไปไกล
-โลกของ อเมริกันอินเดียน
-ชีวิต แบบ คาวบอย
-วรรรณกรรม ของ โกว้เล้ง
-และชีวิตที่ ผ่านพ้น มีลด มีเพิ่ม ที่เหมือนเดิมคือ กำลังใจ
55555+
ขอบคุณเจ้าของภาพ เพลง ผู้อ่าน
แข็งแรงทุกด้าน ดีด้วยกันทุกคน สมหวังในสิ่งประเสริฐนะครับ
..
..
มุมกาแฟ ยามสาย 27/12/17
ธรรมสวัสดิ์....
//-พุทธธรรม ถ่ายทอดมา
1.เป็นธรรมธิษฐาน
เอาหลักการเหตุผล มาสอน
2.บุคลาธิษฐาน
สอนแบบ วรรณกรรม
สมมุติเป็นเรื่องราว บุคคล
อภิจินตนาการเหนือจริง
แต่ มีหลักธรรมซ่อนอยู่
3.อวจนะภาษา
เช่นภาษาท่าทาง ภาษาศิลปะ
4.ภาษาจิต
ที่ ความรู้สึก ความเข้าใจ
เหนือทุก ตัวอักษร
รูปลักษ์ เพราะ
ทุกชีวิตบนโลกนี้ มี ชื่อ จิตวิญญาณ หน้าที่ ต่างกัน
แต่ต่างแสวงหา ทางพ้น อุปาทานทุกข์ ด้วยกันทั้งสิ้น
...........................................
//-ไซอิ๋ว "เดินทางสู่ตะวันตก"
เป็นนิทานธรรมะ ที่ลิขิตจาก ประวัติศาสตร์จริง
ในยุคราชวงค์ถัง
ที่พระถังซำจั๋ง เดินทางไป ค้นหา
"หลักการที่ถูกต้องของพุทธศาสนา"
ในดินแดนชมพูทวีป
ใช้เวลาเดินทาง ศึกษา และกลับมา 19ปี
//-เมื่อ ท่านเขมานันทะ(ขณะเขียน เดินทางไกลกับไซอิ๋ว)
เป็นผู้เปิดมิติ ธรรมวิภาค ว่า
"ไซอิ๋วซ่อนปริศนาธรรม เดินทางภายในสู่นิพพาน"
ดช.ปู่ลิง ก็แกะ หาความหมาย ในทัศนะของลิงบ้างอิๆ
อาจตรงกับท่านอ.เขมานันทะ หรือต่าง
ก็เป็นเพียง"อัตโนมติ"(ความเห็นส่วนตัว)
พวกเรา ควรลองหัด ตีความหมายจาก
บุคลาธิฐาน(ภาษาอภิจินตนาการ)
มาเป็น ธรรมาธิฐาน(ภาษาหลักการเหตุผล) ด้วยตนเองบ้าง
เพื่อ ปลุก สัมมาทิฐิ โพธิปัญญา
(ปัญญาที่ให้แส่งส่องทางชีวิตและร่มเงาที่เย็นแก่ชีวิต)
//-ปัญญามนุษย์มีสาม
-โลกียะปัญญา
-โลกุตตระปัญญา
-โพธิปัญญา
//-มนุษย์มีสามกาย
-กายสรีระ(คอมพิวเตอร์ชีวภาพ)
-กายสังขาร(สติ กับลมหายใจ)
-กาย กรัชกาย(บุคลิกภาพ ที่แปรเปลี่ยน ตาม การปรุงแต่ง
ของความคิด อารมณ์ อุดมคติ ความรู้ฯลฯ
กรัชกาย ประกอบด้วย
-นิรมานกาย.....เปลี่ยนแปลงได้ หลากหลาย
-ธรรมกาย........ธรรมะที่ปรุงแต่ง มี อกุศล กุศล มรรค
-สัมโภคกาย...กายอุดมคติสูงสุด
เมื่อ ปรีชาญาฉลาดเลือก(Wisdom) ตื่น
สติ รู้ทัน สามกายตื่น
ปัญญารู้คิด เห็นทั้งอดีตมาถอดบทเรียน
คาดการณ์อนาคตได้
และหรรษา สุขจากความเย็นจิต สนุกกับจิตเอื้อเฟื้อ เรียนรู้
ทุกปัจจุบัน
.....สัมโภคกาย จึงกายแห่งพุทธ ปัญญา สาธุ
หา สามปัญญา หา สามกายให้เจอ
แล้ว วิสัยทัศน์ที่มีต่อโลกเรา จะเปลี่ยนไป ตลอดกาล
ใครว่างตามไปอ่าน ขอบคุณผู้รวบรวม และผู้ชม
......................................
http://www.tairomdham.net/index.php?topic=9996.0 (http://www.tairomdham.net/index.php?topic=9996.0)
..
..
(https://lh3.googleusercontent.com/-r-TtyX1uOmU/WkMOi32E6BI/AAAAAAACzoI/VkJHxR08BBYYlP_NJrcL93exVzmUdc1ewCJoC/w663-h884-n-rw/abab1.jpg)
อวจนะภาษา ใน พุทธศิลป์
สิงห์โตหน้าวัด
1.สิงห์ เป็นตัวแทนความคิด
2.ช้าง เป็นตัวแทนอารมณ์
3.หงส์ เป็นตัวแทนอุดมคติ เจตนา
4.นาค เป็นตัวแทนความรู้ ที่สะสมยาวนาน
จะพบในศิลปกรรม วิจิตรกรรม ตามวัด ภูมิภาคเอเชียอาคเนย์
ทั้งสี่รวมกัน จะกลายเป็น"จิตสำนึก"
หรือ"นกหัสดีลิงค์"
ที่พา จิต วิญญาณเรา ท่องทุกภพภูมิ
ดูแลสิงห์ใตในตัวเราให้ดี ไม่งั้นมันจะกัดเรา และคนรอบข้าง สาธุ
(ภาพจากวัดกาสา แม่จัน เชียงราย)
..
..
https://mgronline.com/goodhealth/detail/9600000130332 (https://mgronline.com/goodhealth/detail/9600000130332)
You Are How You Eat
“เราจะเป็นตามสิ่งที่เรากิน”
อาหาร ในความหมายทางพุทธธรรม คือ "เครื่องค้ำจุนชีวิต"
1.อาหารที่เป็นวัตถุ
ได้แก่ปัจจัยสี่ เครื่องมือ ที่ช่วยการดำรงค์ชีพ ต่อความสามารถ
2.อาหารคือ ผัสสะ ที่อบอุ่น และชอบ
3.อาหารคือ อุดมคติ
4.อาหารคือความรู้
รู้จำ รู้จริง รู้แจ้ง
รู้วิธี พาชีวิตพ้นอุปาทานที่สร้างอารมณ์ทุกข์ ถาวร
โดยปลุก สติรู้ตัว ปัญญารู้คิด
ปรีชาญาณ รู้แจ้งตื่น
มาล้างขยะปรุงแต่งจิต
มาดูแล ความคิด และจิตสำนึก
เลิกสร้างอารมณ์ทุกข์ถาวร
คือ สิ่งที่ควรรู้ สาธุ
..
..
พรปีใหม่ที่แท้จริง 31/12/17
1.เอาอดีตมาถอดบทเรียน
รู้ว่าอกุศลต้องละ
กุศลต้องเจริญ
ออกจาก ความติด พยาบาท คิดเบียดเบียน ตนและชีวิตอื่น
2.มีสติรู้ตัว ปัญญารู้คิด ปรีชาญาญรู้แจ้งตืน ในปัจจุบัน...
3.คาดการณ์อนาคตได้..
เว้นในสิ่งควรเว้น
ทำในสิ่งควรทำ
วางในสิ่งควรวาง
เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ
4.ไม่ประมาทใน กรรม เวลา มัจจุราช
นั่นแหละ การมีสติ ปัญญา ปรีชาญาณฉลาดเลือกตื่น
ใช้ชีวิตตามคัลลองกุศลธรรม มรรค วิมุติธรรม
ที่ไม่ประมาท คือพรอันประเสริฐ
ที่ตนเองทำให้ตนเองได้จริง
สาธุ
(ขอบคุณเจ้าของภาพ)
..
..
https://www.youtube.com/watch?v=RCVnZkHAV5U (https://www.youtube.com/watch?v=RCVnZkHAV5U)
สวัสดีปีจอ.........1/1/18
.....................................
พรที่ ขอให้เกิดขึ้น ในใจสหายทุกท่าน
ด้วยการ
ปลุก สติรู้ตัว ทั้งสามกายตื่น
ปลุก ปัญญารู้คิด เห็นทั้งอดีต อนาคต อยู่กับปัจจุบันอย่างร่มเย็น
ปลุก ปรีชาญาณฉลาดเลือกตื่น
มากุมสภาพจิตปรุงแต่ง จนเลิกชงอารมณ์ทุกข์ถาวร
......................................
1.มีวิสัยทัศน์เห็น แยก ดี ชั่ว
2.เว้นในอกุศล เจริญกุศลให้ยิ่ง และทิ้งขยะปรุงแต่งจิตลง
3.อดทน เมื่อหลีกไม่ได้
4.ถ้าต้องสู้ ให้อยู่ในฝ่ายสว่าง
5.ฝึกสงบในที่สงัด สงัดจาก อกุศล ท่ามกลางความเคลื่อนไหว
6.เมื่อวางของหนัก(อุปาทาน ในตัณหา) ได้แล้ว
ต้องไม่แบกของหนักอื่น
7.ต้องชื่นชม อิ่มใจในสิ่งดีๆที่ตนเองทำ
และอย่าพึ่งเบื่อการหายใจ สนุกการความรู้ใหม่ๆ
8.แข็งแรงทุกด้าน ดีด้วยกันทุกคน
สมหวัง ในสิ่งประเสริฐทุกคนนะครับ
..
..
55555+
วิธีรับ โชค ในปีจอ 1/1/18
1.เลิก ทำปากปีจอ
ตถาคต จะกล่าวแต่ วาจาสุภาษิต
คือ จะกล่าวแต่ ความจริง
ความจริงนั้น มีประโยชน์
ไพเราะ ประกอบด้วยเมตตา
เหมาะสมกับผู้ฟัง
และตถาคต จะรู้กาละ ที่จะกล่าวและหยุด
2.เลิกทำตัวเป็นหมาขี้เรื่อน
คือ ถอนไฟ ทั้ง7ออกจากหัวใจ
ไฟราคะ
ไฟโทสะ
ไฟโมหะ
ไฟทิฐิ
ไฟมานะ
ไฟโศก
ไฟอภิสังขาร คิดปรุงแต่ง อย่างหดหู่ฟุ้งซ่าน
3.เลิกเป็นหมาหางด้วน
วันหนึ่ง เล่าปี่ พบสุมาเต็กโช ผู้ชำนาญกสินน้ำ
(สำเร็จอาโปกสิณ เพ่งให้อารมณ์สงบเย็นด้วยน้ำ)
- ปราชญ์ที่จะช่วยให้ท่านพลิกฟ้า คว่ำแผ่นดินได้นั้นมี 2 คน คือ "ฮกหลง" (臥龍; Wòlóng; มังกรนิทรา–จูกัดเหลียง) กับ "ฮองซู" (鳯雛; Fèngchú; หงส์ดรุณ–บังทอง) เท่านั้น
https://th.wikipedia.org/ (https://th.wikipedia.org/)…/%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B…
ขงเบ้ง แสดงยุทธศาสตร์ว่า แผ่นดินจีนต้องแบ่งเป็นสาม
จึงจะรวมเป็นหนึ่งได้
และให้ ตะวันตก คบตะวันออกต้านเหนือ
(ก๊กเล่าปี่คบ ก๊กซุนกวน ต้านก๊กโจโฉ)
แต่สุดท้าย
"แผนการณ์เป็นเรื่องของคน
ความสำเร็จเป็นเรื่องของฟ้า
ตัดเขาไม่ขาด วาสนาเราก็สิ้น"
เป็นบทสรุปของขงเบ้ง
ในศึกสุดท้ายรบกับสุมาอี้
หลอกให้สุมาอี้ ทั้งทัพ เข้าไปในหุบเขาน้ำเต้า
และจุดไฟคลอก แต่ฝน ตกมาดับไฟ
.....สกุลสุมาอี้จึงรวมแผ่นดินจีนได้อีกครั้ง
แต่ขุนศึก ทั้งสามก๊ก ล่มสลาย
4. ไ่ม่เป็นหมาจิ้งจอก
คือ เลิกทำตัวเจ้าเลห์ นักฉวยโอกาส
เพราะ สังคมต่อไปคือ
-สังคมที่แก้ปัญหาด้วยนวัตกรรม
-สังคมซื่อสัตย์
-สังคม ที่ใช้เครดิตออนไลน์
-สังคม ที่มีคนที่มีประสิทธิภาพ คุณภาพชีวิตที่ดี
.........................................
หมาหางด้วน คือ พวกสมองโตข้างเดียว
อาจฉลาด แต่ ไร้คุณธรรม
อ่านหนังสือไม่กี่เล่ม ก็นึกว่าตนเหนือคน
ความรู้มี
รู้จำ
รู้จริง
รู้แจ้ง
รู้ เร็วช้า หนักเบา
และรู้ ที่เลิกทำตัวเป็นมนุษย์เจ้าปัญหา
.......................................................
ไม่ทำตัวเป็น มนุษย์ กลายพันธุ์
ปากปีจอ
หมาขี้เรื้อน
หมาหางด้วน
หมาจิ้งจอก
ย่อมประสบพบโชคดี ตลอดปีจอแน่นอน
55555+
https://www.youtube.com/watch?v=XygHE1wO2dk (https://www.youtube.com/watch?v=XygHE1wO2dk)
..
..
พรปีใหม่ ชุดต่อเนื่อง 55555+
๚๛ หมอแพทย์ทายว่าไข้ ...........ลมคุม
โหรว่าเคราะห์แรงรุม....................โทษให้
แม่มดว่าผีกุม...............................ทำโทษ
ปราชญ์ว่ากรรมเองไซร้.................ก่อสร้างมาเอง ๛๚.
โลกนิติ
....................................
ความสำเร็จ ของชีวิต
ในพุทธศาสนา เป็นเรื่องประจักษ์นิยม
"กรรมลิขิต"
ไม่อ้างเรื่องผู้มีฤทธิบันดาล กรรมข้ามชาติ เหตุบังเอิญ
แต่เจตนาสี่มีผลต่อชีวิต รับรู้ด้วยตนเองคือ
1.เจตนา วาสนาบุพการีหนุนส่ง
พลังขับเคลื่อนชีวิต ดุจรวดสี่ท่อน
ส่งตัว ออกจากแรงโน้มถ่วงโลก
บุพการี เสมือนจรวดท่อนใหญ่แรกสุด
หากบุพการี สะสม ทรัพย์ ความรู้ คู่คุณธรรม
อบรมสั่งสอนมาดี ลูกก็ประสบความสำเร็จได้ง่าย กว่า
แต่บางคนเลี้ยงลูกเป็นเทวดา ไม่อบรบลูกให้เป็นมนุษย์โส
กลายเป็นมนุษย์ยะโส เทวดาบ๊องส์ๆ
ใช้ชีวิตแบบ ห่าม เหิม
หมดบุญ บุพการี ก็กลายเป็นเทวดา ตกสวรรค์ไม่น้อย
2.เจตนา จากพันธุกรรม
พันธุกรรม ที่ มีความขยัน อดทน ใฝ่รู้ กตัญญู
ไปอยู่ที่ไหน ก็มีโอกาสตั้งตัว อยู่ร่วม กับ สังคมอย่างมีความสุข
ใครจะมีคู่ อยากมี อภิชาติบุตร ต้องดู ว่า
สกุลนี้ เป็นกตัญญู หรือ เนรคุณชน ด้วยนะครับ
อย่าให้ความหน้ามืด นำทางชีวิต 55555+
3.เจตนาของ สิ่งแวดล้อม
ดินฟ้าอากาศ ภูมิประเทศ วัฒนธรรม อาหารที่กิน คนที่คบหา
มีผลต่อชีวิตเช่นกัน
4.เจตนา และวิธีคิด ของแต่ละคน
เจตนา ละชั่ว ทำดี ไม่ติด ในความดี
ดีต่อชีวิตแน่นอน
....................................
ความสำเร็จ จากสุภาษิตจีน
"อยู่ถูกที่
คบถูกคน
ตัดสินใจถูกเวลา
ฟ้าเป็นใจ"
.................................
ความสำเร็จทั้งโลก ธรรม แบบพุทธะ
“จักขุมา-วิธูโร-นิสสยสัมปันโน”
1.จักขุมา คือ มีวิสัยทัศน์ เห็นแต่ต้น จนจบ
เห็นเหตุ เจริญ เสื่อม ดับ แยกดี ชั่วเป็น
2.วิธุโร
บริหารจัดการแบบโปร่งใส
ถ้าทำธุระกิจ ก็ต้องซื่อตรง
และแบ่งผลประโยชน์แบบเที่ยงธรรม
3.นิสสยสัมปันโน
มีนิสัยดี จนไม่ขาดผู้อุปถัมภ์
ใครทำตัวเป็น วิญญูชน มีมารยาทสากล
ไม่ทำทำตัวเป็นมนุษย์เจ้าปัญหา
ราชาอารมณ์ขัน ไม่เจ้าเล่ห์ อกตัญญุ
พึ่งพาได้
สังคมไหนก็ ยินดีช่วย ยกเว้นพาลชน
.........................................
ขอบคุณเจ้าของภาพ ผู้อ่าน สาธุ
..
..
https://www.youtube.com/watch?v=0KQiFacj_I8 (https://www.youtube.com/watch?v=0KQiFacj_I8)
............................................
Baraka พรลึกลับจากสวรรค์ เป็นภาษาเปอร์เขีย
สารคดี มองโลก กิจวัตรประจำวัน ของชาวโลก
โดยไม่มีการบรรยาย เป็นคำพูด
ที่ดีไม่เป็นที่สองรองใคร
ที่ควรชมช้าๆ และบ่อยๆ
เราจะได้ฉุกใจคิด
ไม่ติดในตำรา บางเล่ม
และเอามาจูงจมูกตนเอง 55555+
..............................................
1."ความมืดสีขาว".....(เซ็น)
สิ่งที่เราไม่เห็นประโยชน์
ไช่ว่าไม่มีประโยชน์เพียงแต่เรายัง
มีสติรู้ตัว
ปัญญารู้คิด
ปรีชาญาณฉลาดเลือก
ยังไม่ Mature
2.จึงหยั่งไม่ถึง
กฎธรรมชาติ
กฎวิวัฒนาการของธรรมชาติ
กฎปฏิกริยาลูกโซ่
กฎแห่งกรรม
กฎไตรลักษ์ทำงาน ตลอดเวลา
3.แต่อายตนะเราไม่ได้ออกแบบให้รู้
ออกแบบรับคลื่นแต่ละความถี่
มาประเมิน ประมวลผล และตัดสินใจ
สร้างตัวตนใหม่ภายในเป็นบุคลิกภาพใหม่(กรัชกาย)
แผ่ออกครอบคลุม สรีระกาย ให้ทำงาน
เท่าที่จำเป็นต่อการอยู่ร่วม อยู่รอด
และเรียนรู้ เพื่อปรับตัว
4.เราจะรู้จาก ฝึกฝน
การใช้เหตุผล ร่วมกับจินตนาการ
การคำนวนซับซ้อน
หรือมีเครื่องมือที่เหมาะสม.....
จากนวัตกรรม
5.อย่าพึงเบื่อหายใจเด้อ
ถนอมน้ำใจมิตรภาพ
สนุกกับการเรียนรู้ใหม่ๆ
ไม่ประมาทใน กรรม เวลา มัจุราช ที่ไม่เคยคอยใคร
มนุษย์ใหญ่แค่ไหน
ฉลาดแค่ไหน ก็อยู่ใต้กฎธรรมชาติ
เดินทีละก้าว กินข้าวทีละคำ
และเล็กกว่าโลงศพเสมอ
55555+
มุมกาแฟ วันใหม่ 3/12/17
..
..
https://www.dailymotion.com/video/xvo1ms (https://www.dailymotion.com/video/xvo1ms)
พุทธศาสนา เป็นเรื่องประจักษ์นิยม
เป็น"วิชชา" หรือแสงสว่างแห่งสติปัญญาที่ตื่นแล้ว
"จำเดิมตถาคต ก็กล่าวเรื่องทุกข์ และดับเหตุไม่เหลือแห่งทุกข์"
การฝึกฝน ในพุทธศาสนา ก็เพื่อ
พ้นอุปาทานทุกข์ ด้วยตนเอง เมื่อชีวิตเลิก
1.เอาตนเองเป็นศูนย์กลางทุกเรื่อง
2.เอาทฤษฎีที่ชอบ แก้ปัญหาทุกเรื่อง
3.เอาวิถีชีวิตที่ตนชอบ ไปครอบงำผู้อื่น
4.เอาของรักของชอบ มาจูงจมูกตนเอง
และ สติรู้ตัว
ปัญญารู้คิด
ปรีชาญาณฉลาดเลือก
จะตื่น มากุมสภาพจิตปรุงแต่ง
ไม่ให้สร้างอารมณ์ทุกข์ถาวร
ส่วนชีวิตที่ถึงจุด สงบร่มเย็น เบิกบานมั่นคง
ที่ตนเองจะรู้ด้วยตนเอง
และเปิดโอกาสให้ สมอง ทำงาน โดยไม่มี อารมณ์
มาชักชีวิตให้เป๋ และ เป็นวิญญูชน ที่มีมารยาทสากล
.....................................................
เรื่องที่เราศึกษาต่อไป คือ"วิชา"
คือความรู้ ในแนว ฟิสิกส์ และ เทวะวิทยา
คลิปนี้ คือ อภิปรัชญา
คือปัญญาที่เข้าถึง โดยเหตุผล และ จินตนาการ
ไม่เกี่ยวกับการชนะ อารมณ์ทุกข์ในตนเองครับผม
....................................................
ชีวิต ต้องเรียนรู้ทั้ง "วิชชา" และ"วิชา"..สาธุ อาเมน
..
..
(https://lh3.googleusercontent.com/-69AoUrW-49U/WkdJc1GQSLI/AAAAAAACzrQ/m9jy5aM0LhQPRekdopPLj0EtB4_Jba27gCJoC/w663-h498-n-rw/DSCN6384.JPG)
Philosophy and healthy ปรัชญา และสุขภาพดี
G+ communities คนรัก รักษ์ ปัญญา สุขภาพ กีฬา และจักรยาน
สุขภาพดี คือลาภอันประเสริฐ ที่เราทำได้เอง
Suraphol KruasuwanOWNER
-
(https://lh3.googleusercontent.com/-5-7mVaZ5H5U/Wk1Uw7o4SfI/AAAAAAACzzc/YOgMBYinBekjuiOqkbqfEiQKdGNe7nKtwCJoC/w663-h379-n-rw/black-buddha.jpg)
มุมกาแฟ คิดแบบ"เซ็น" 4/1/18
ความว่าง ในแนวปรัชญาธรรมะ มีสอง คือ
1.ว่างจากการปรุงแต่ง
ความคิด อารมณ์อย่างขาดสติปัญญากำกับ
ทำให้ชีวิตสงบร่มเย็น
ไม่เป็นทาสอารมณ์ทุกข์ไล่ สุขมาล่อให้วิ่ง
2.ว่างแบบอันธพาล
คือยึดติดในลัทธิวัตถุนิยมโบราญ
คือ มีมีบาป มีบุญทำ กรรมแต่ง
ทุกสิ่งเป็นเรื่องบังเอิญ
เป็นแค่ปฏิกริยาของธาตุ
อำนาจคือของจริง
ว่างแบบนี้ถ้าผิดกฎหมาย
ก็มี ห้องกง รออยู่ ....
หรือใช้ชีวิต เป็น กระสือ กระหัง ไปจนตาย
55555+
ขอบคุณเจ้าของภาพ
และธรรมสนาทนา กับ หลวงพ่ออ.พุทธทาสภิกขุ
..
..
มุมกาแฟ วันใหม่ 4/1/18
ชีวิตมนุษย์เป็น"สังขารธรรม"
คือขบวนการปรุงแต่งของธรรมชาติ
แต่มนุษย์พิเศษ คือ บางเรื่อง
สามารถ เลือก กฎ เหตุ ปัจจัย ที่ให้คุณ มาปรุงแต่งชีวิต
เว้นสิ่งให้โทษ
และ ฝึกฝน ยับยั้งชั่งใจ
เคารพกฎ กติกา มารยาท ของสังคมที่เราอยู่ร่วม
เพราะ ไม่มีชีวิตไหน อยู่ได้ด้วย
โดย ไม่ มีปฏิสัมพันธ์ กับ ธรรมชาติอื่นๆ
การเคารพ ความแตกต่างระหว่างบุคคล
จึงเป็นมารยาทสากล ที่วิญญูชนเห็นว่าดี
ยกเว้นพาลชน
ขอบคุณเจ้าของภาพ และผู้จุดประกาย ผู้อ่าน
..
..
มุมกาแฟเช้า 3......4/1/18
กรรม กฎแห่งกรรม
คือ ชีวิตเป็นไปตามเจตนาสี่
1.เจตนาจากการเลี้ยงดูจาก บุพการี
2.เจตนาของกรรมพันธุ์
3.เจตนาของสิ่งแวดล้อม
4.เจตนาจากความคิด
และสร้างตัวตนเทียมในตนเอง.....
เจตนาที่สี่สำคัญ
เพราะ เจตนาทั้งสามอาจไม่ส่งเสรีมให้ดี
แต่เจตนาที่เราคิด ตัดสินใจ
ให้เราเลือกวิถีชีวิตเราได้ ตามอัตภาพ
เพราะเราไม่ใช่ผู้สร้างกฎ และธรรมชาติ
แต่เราเลือกบทที่เราเล่นได้
โดย เคารพการมีอยู่อยู่ของชีวิตอื่น
ที่เราต้องอยู่ร่วม อยู่รอดด้วย
ขอบคุณเจ้าของภาพ ข้อธรรมที่ถอดระหัส ผู้อ่าน
สาธุ
..
..
มุมกาแฟ เช้าต่อ.....4/1/18
ความคิด
เป็นจุดเริ่มต้นของการ สร้างบุคลิกภาพ
เพื่อปรับตัว เข้ากับสิ่งแวดล้อม
แต่เหนือ ความคิด คือ
สติปัญญา ที่
"เห็น"
กฎ เหตุปัจจัยที่มาปรุงแต่ง
ว่า ถ้าปรุงอย่างนี้ เกิด อารมณ์ทุกข์ สุข สงบ เย็น...
"เว้น"
ไม่ทำในสิ่งที่ให้ทุกข์ โทษแก่ ตน ท่าน สาธุ
"เจริญ"
เจริญในสิ่งที่ควรเจริญ คือ กุศลด้วย วาจา ใจ
"วาง"
วางในสิ่งที่ควรวาง
คือ วางอุปาทาน ที่ยึดติด ทำให้เกิดทุกข์โทษ
"ว่าง"
ว่างจากการปรุงแต่ง แบบหดหู่ ฟังซ่าน และอกุศล
"เย็น"
ไม่เป็นทาส ทุกข์ สุข
แต่ สงบ ร่มเย็น เบิกบาน มั่นคงในทางสว่าง
..
..
มุมกาแฟ เช้า 2.....4/1/18
สมองคน เป็นศูนย์บัญชาการ ชีวิต
ที่มีการวิวัฒนาการ มีตั้งแต่
1.ส่วนที่เป็นปฏิกริยา
รักษาสมดุลย์ชีวิต
ที่อยู่ที่ไขสันหลัง
2.สมองแบบปลา ที่มีสติ ตื่น
รับมือกับภัย อาหารภายนอก
3.สมองเป็นชีวิตเลื้อยคลาน
ที่ต้องการจุดยืน พื้นที่ แย่งชิง อำนาจ
4.สมองชีวิตเลี้ยงลูกด้วยนม
จะมีความผูกพัน แบบครอบครัว
5.สมองแบบลิง ทั้งมีหางไม่มีหาง
คือ ความสามารถแยกแยะ
เรียนรู้ปรับตัว และจัดลำดับในสังคม
6.สมองใหม่ในมนุษย์
ที่มีความสามารถ คิดค้น
สร้างสรร สร้างนวัตกรรม
และเรียนรู้ เข้าใจ มีมโนสำนึก
//- เราใช้สมองส่วนไหนมาก
ก็จะทำให้สมองส่วนนั้นแข็งแรง
และมีอำนาจเหนือส่วนอื่น
บุคลิกภาพ ก็แปรไปตามนั้น
จึงมี
1.มนุษย์แบบอบายภูมิ
-เปรต เป็นทาส ความโลภ อิจฉา บ้าอำนาจฉลาดโกง
-เดียรัจฉาน เอาอารมณ์สัญชาติญาณดิบ นำทางชีวิต
-อสุรกาย ขลาด กลัว ชอบทำร้ายผู้อ่อนแอกว่า
-สัตว์นรก เป็นทาง ความหดหู่ ฟุ้งซ่าน ร้อน ทุกข์ โศก
ย้ำคิด ย้ำทำย้ำแค้น
2.มนุษย์ที่ดีจนไหว้ตนเองได้
หรรษา ภาคภูมิใจ สมใจ สะใจ เย็นใจ
ในสิ่งที่ วาจา ใจกาย ตนทำสิ่งดีๆ
ต่อตน ครอบครัว สังคม สิ่งแวดล้อม
3.มนุษย์ที่เป็นอิสระ จาก อุปาทาน
เลิกเอาตนเอง ปรัชญาที่ตนชอบเชื่อ วิถีชีวิตตตนเอง
ของรักของชอบ มาเป็นนายตนเอง
ให้ สติรู้ตัว ปัญญารู้คิด ปรีชาญาณฉลาดเลือกที่ตื่น
มาปรุงแต่งชีวิต ให้ สงบ เย็น อยู่กับ
ความจริง ดี งาม สุข สงบ แบบวิญญูชนสากล
สาธุ
ขอบคุณเจ้าของภาพ และความรู้ที่เก็บมาฝาก ผู้อ่าน
..
..
https://www.dailymotion.com/video/xvi14x (https://www.dailymotion.com/video/xvi14x)
ในมิติแห่งชีวิต มนุษย์คือ
มนุษย์สนใจอภิปรัชญา
คือปัญญา ที่มาจากเหตุผล และจินตนาการ
ที่ดิ่งความคิดไปที่ อดีต อนาคต และ ชีวิต
แต่มักละเลย....ทาสอารมณ์ทุกข์ในปัจจุบัน
อันเกิดจากจิตปรุงแต่งของเรา
ปรุงแต่ง ความคิด อารมณ์บุคลิกภาพชั่วคราว
และมีผลต่อการเปลี่ยนแปลง สรีระกาย กายสังขาร
แต่เราขาด สติรู้ตัว ปัญญารู้คิด
ปรีชาญาณรู้แจ้ง.....สังเกตุ
เห็นเหตุปัจจัยปรุงแต่ง
แลก และคัดสิ่งที่ ปลอดทุกข์ เย็น มีจิตเอื้อเฟื้อ
มาปกครองชีวิตตนเอง
ใครฝึกปลุก ปรีชาญาณฉลาดเลือกตื่นมาล้างขยะปรุงแต่งจิต
ทั้งติดชั่วติดดีชีวิตก็อิสระจาก
อารมณ์ ทุกข์ สุข ความสมใจ สะใจ
จะได้ โบนัสคือ ปัญญารู้แจ้ง...
จะตื่น รู้ เบิกบาน และเย็น ยั่งยืน
พ้นจากความร้อนจากไฟ ในใจ
-ไฟราคะ
-ไฟโทสะ
-ไฟโมหะ
-ไฟทิฐิ
-ไฟมานะ
-ไฟ อภิสังขาร การคิดปรุงแต่ง แบบหดหู่ ฟุ่งซ่าน
เพราะขาด สติ ปัญญา ปรีชาญาณฉลาดเลือกกำกับ
.............................................
มนุษย์ต้องมีความรู้สี่
1.รู้แบบ วิชาการ
อันได้แก่ ความรู้รอบตัว และเจาะลึก
2.รู้แบบวิชชา
รู้ เกิดจาก สติ ปัญญา ปรีชาญาณฉลาดเลือกตื่น
"รู้ทันจิตปรุงแต่งตนเอง"
และวางอุปทาน ลง พบเสรีภาพชีวาในชีวิตด้วยตนเอง
3.สติรู้ตัว
รู้จุดยืน หน้าที่ ที่ดีต่อตน สังคม สิ่งแวดล้อม
และเคารพกฎ กติกา มารยาท ธรรมชาติ ผู้สร้างจักรวาล
4.ปัญญารู้คิด
ทำหน้าที่ ที่ให้โชคดี หรือเป็นมงคลชีวิต
ไม่ประมาท ใน กรรม เวลา มัจจุราช
และภัยจาก มนุษย์ สิ่งแวดล้อม สาธุ
.......................................
..........................................
ขอบคุณผู้เป็นเจ้าของคลิป และผู้ชม
..
..
เทคนิคฝึกสมอง วัยเกษียร
เผยแพร่เมื่อ 6 ม.ค. 2018
เทคนิคเหล่านี้อนาคตจะเป็น Mega Trend ของ ประเทศไทยและทุกๆประเทศ
เพราะในปัจจุบัน คนสูงวัยอายุยืนขึ้น ถ้าเป็นนายญี่ปุ่นอายุขัยของผู้สูงอายุเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 80-85 ปี
ทำให้ประเทศที่มีผู้สูงอายุมากขึ้นเริ่มมาสนับสนุนกิจกรรมของผู้สูงอายุเพื่อทำให้ผู้สูงอายุแข็งแรงขึ้นและมีสมองที่สดชื่นแจ่มใสแล้วก็สามารถช่วยเหลือตัวเองได้มากขึ้นเป็นภาระกับสังคมน้อยลง
ผมอยากจะแบ่งปันเทคนิคที่เป็นสากลและน่าจะช่วยให้สามารถฝึกสมองให้กับผู้สูงอายุได้
สำหรับคนที่ทำงานมานานๆสมองเริ่มล้าความจำไม่ดีก็สามารถนำไปใช้ได้นะครับ
1. บวกเลขราคาสินค้าเอง
2. สมุดวาดภาพระบายสี ( Trend ของญี่ปุ่น )
3. อ่านหนังสือที่เราไม่เคยรู้หรืออยากรู้
4. อาหารโปรตีนสูง และออกกำลังกายเป็นประจำ
.........................................
55555+
อีกไม่กี่วัน ก็จะเข้าสู่ยุค70 >>>>>55555+
ตั้งแต่เกิดมา ร่างกาย ยังไม่มีอายุมากขนาดนี้มาก่อน
"ความฉลาด เริ่มต้น จาก เอาอดีต มาถอดบทเรียน"
วันนี้จึงเอาอดีตของตน และเพื่อนๆ ที่รู้จัก และจากไป
และมาหาทฤษฎีที่เหมาะสม มาจะระเบียบพฤติกรรมใหม่
มาถอดบทเรียนว่า วัยยุค70 มักจะเจออะไรบ้าง
1.ความเครียดสะสม
อาการนี้ กำลังเป็นกันเยอะ
ยุคทำมาหากินแบบยังชีพ ไม่ค่อยมีปัญหา
แต่ใคร อยู่เพื่อ แข่งขัน แย่งมูลค่าส่วนเกิน
และกำไรชีวิตแบบ บริโภคนิยม
"ความไม่ได้ดั่งใจ"
จะเป็น ตัวสร้างความเครียดสะสม
มักที่จบด้วยการ สุขภาพ กาย จิตเสื่อมและมะเร็ง
2.ขาดสารอาหาร ถาวร
บางคนกลัวได้บุญน้อย เลยหันไปทาน เจ มังสะวิรัส
โดยขาดความรู้โภชนาการ เลยขาดสารอาหารถาวร
โรคภัยรุมเร้า ร่างกายคน ประกอบด้วยโปรตีน50%
โปรตีนก็มีกรดอมีโนตั้ง22ชนิด
ที่กระจายในอาหารหลายอย่าง
และมี9ชนิดที่จำเป็น ขาดไม่ได้
เอาบุญแต่เบียดเบียนร่างกายตนเอง อาจไม่ได้กุศล
"คืออิ่มใจในการทำดี แต่ ไม่ฉลาดเพิ่ม"
3.ทรัพย์จาง
แม่สอนมาตั้งแต่เด็กๆ
เป็นเห็ดต้องมีขอน เป็นคนต้องมีหลัก
ก่อนจะเข้าสู่วัยสว.ต้องตรวจตรา หลักชีวิต
-หลักแหล่ง
-หลักฐาน
-หลักทรัพย์
-หลักรู้
-หลักคิด
-หลักปฏิบัติ
นึกถึงวลีขำๆ
"เสียดาย ตายแล้ว ยังใช้เงินไม่หมด
ยิ่งน่าสลด เงินหมดแล้วยังไม่ตาย"
4.ลงทุนผิดประเภท
บางคนไปลงทุนทำฟาร์มเลี้ยง หนูท้องขาวปากแดง
ไปเสี่ยงเอาเองเด้อ 55555+
5.อุบัติเหตุ ในบ้าน
สว. เสียชีวิตสูงสุด ในห้องน้ำ
เดินก็ต้องก้าวสั้น ย่อเข่า โก่งขานิด ไม่เท่ห์ แต่ ดีแน่นอน
6.ใช้สมอง
บางคน อ่านหนังสือเล่มหนึ่ง ประทับใจ
มองโลกด้วย อภิชฌา และโทมนัส
"มองโลกด้วยความอิจฉา น้อยเนื้อต่ำใจ"
ไม่คิดว่า ธรรมชาติ มี
กฎ ระบบ หน้าที่ ความดี ความงามความสุข
ซ่อนในทุกสรรพสิ่ง กลับมามองภายในจิตตนบ้าง
ล้างขยะปรุงแต่ง ความรู้ไร้สารลง วาง ว่างบ้าง
และหาความรู้ใหม่ ใส่เข้าไป
................................
ทุกวันนี้ยังเชื่อ สามสิ่ง ดีต่อชีวิต
1.ไม่เบื่อการหายใจ
2.ถนอมน้ำใจมิตร
3.สนุกกับการเรียนรู้ จากความรู้ใหม่
................................
ขอบคุณคลิป ภาพ และผู้อ่านครับ
https://youtu.be/mwz0VTp8G4w (https://youtu.be/mwz0VTp8G4w)
..
..
Astral body
.....................
กาย ในกาย
จิต ในจิต
ธรรม ในธรรม
......................
สังขารโลก
"ตถาคต ขอบัญญัติว่า
ร่างกาย กว้างศอก ยาววา
มีสัญญา ใจครอง
คือโลกโลกหนึ่ง"
...................................
กายมนุษย์ มีสามกาย
(บางท่านบอกว่า ยังมีกายทิพย์)
1.สรีระกาย
เป็นขันธุ์ห้า หรือ ชีวะยนต์
เป็นเครื่องยนต์มีชีวิต เป็น คอมพิวเตอร์ชีวภาพ อัศจรรย์
2.กายสังขาร
คือ สติกับลมหายใจ
ที่จะเปลี่ยนแปลง ตามการทำงานของ
สรีระกาย และ การเปลี่ยน บุคลิกภาพภายใน(กรัชกาย)
บางครั้งก็หายใจสั้น ลึก ยาว ตามอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลง
3.กรัชกาย
เป็นบุคลิกภาพภายใน
ที่ปรุงแต่ง จาก ความคิด อารมณ์ ความทรงจำ ความอยาก
เป็นหลัก
บางครั้งก็เป็นบุคลิก ต่ำกว่ามาตราฐานมนุษย์
หรือ อบายภูมิสี่
บางครั้งก็เป็นมนุษย์ คนดี ที่ไหว้ตนเองได้
บางครั้งก็มีสุข หรรษา ภาคภูมิใจ สมใจ สะใจ แบบเทวดา
บางครั้งก็ สุขกับ สงบ สันโดษ สมถะเมตตา แบบพรหม
บางครั้ง ปรีชาญาณฉลาดเลือกตื่น อยู่เหนือจิตปรุงแต่ง
พบทางสว่าง ในตนเอง
.....................................
กายสรีระ กับกรัชกาย มี กายสังขาร เป็นตัวเชื่อม
การจะพบประจักษ์ด้วยตนเองว่า
การเปลี่ยนแปลง ภายใน(กรัชกาย) มีผลกระทบต่อ สรีระกายอย่างไร
ต้องฝึก สังเกตุ การหายใจตนเอง ประจำ
.........................
เล่าให้ทราบ ไม่ได้บอกให้เชื่อ
ใคร คิดแบบ
"เรื่องความชั่วนี้ ผมไม่ทันใครจริงๆ เพราะผมเป็นคนชั่วช้า"
และคิดว่า คิดอยู่คนเดียว ใครไม่รู้
แต่เมนเฟรมใหญ่จักรวาล รู้
และอาจ บิดลำไส้ ทำลายสุขภาพกายด้วยนะ
55555+
"""""""""""""""""""""""""""""""""""
ขอบคุณเจ้าของภาพ ระหัสธรรม ที่ถอดออกมา
และผู้อ่าน สมหวังในสิ่งประเสริฐนะครับ สาธุ
..
..
https://www.youtube.com/watch?v=oSscJksXeNU (https://www.youtube.com/watch?v=oSscJksXeNU)
ผู้นำจีน สีจิ้นผิง เสนอวิสัยทัศน์ว่า
โลกจะใช้หลักสี่ทันสมัย ขับเคลื่อนโลก ไปอีก100ปี
1.สังคม ที่แก้ปัญหาด้วยนวัตกรรม
ดังนั้น เราต้องยอมรับชะตากรรม
ว่า"ความรู้ที่ว่าแน่ๆของเรา มันจะกลายเป็นของเก็บในโกดัง ความทรงจำ"
2.สังคมซื่อตรง
ดีต่อตน สังคม สิ่งแวดล้อม และเป็น วิญญูชนสากล
3.สังคมเครดิตออนไลน์
ที่จะมาคานอำนาจ การบริหารจัดการเงินโลก ของมหาอำนาจ
4.สังคมเพิ่มประสิทธิภาพ คุณภาพชีวิตประชาชน
ด้วยสินค้า บริการ สถานที่ ที่เป็นมิตร กับมนุษยืและสิ่งแวดล้อม
เริ่มจาก ข้อมูล ข่าวสาร ความรู้ ผ่าน การสื่อสารออนไลน์
.........................................
ถ้าไม่อยาก แก่เพราะกินข้าว
เฒ่าเพราะอยู่นาน
เป็นที่รำคาญ ของคนรอบข้าง
ในฐานะแก่แบบกะลาผุๆ
ย้ำคิด ย้ำทำ ย้ำแค้น พ่นไฟออกจากปาก
ตื่นมายกเครื่อง ตนเอง
เป็นแก่ลายครามนะครับ
คนที่ยังไม่แก่ ก็อย่าประมาท
มีวลีขำๆ
"พี่ๆ ทำไมแก่จัง"
"อ๋อ ตอนพี่อายุเท่าน้อง
โชคดี ไม่ล้มทับบาทาใครตายเสียก่อน"
55555+
"""""""""""""""""""""""""""""""""""
มาสร้างสรร นวัตกรรม
ทำตัวเป็นคนซื่อตรง
มีเครดิต ออนไลน์บ้าง
และเพิ่มประสิทธิ์ภาพ คุณภาพชีวิตตนเอง
ด้วยการ ปลุกปรีชาญาณฉลาดเลือกตื่น
ล้างขยะปรุงแต่ง ความรู้เทียมๆทิ้ง
มีวิสัยทัศน์ ที่เห็น กฎ กติกา มารยาท ธรรมชาติ และสาธุ
และชื่นชม ตนเองว่า ทำดีมากกว่าชั่ว สาธุ
..
..
https://www.youtube.com/watch?v=Y5Xz1vw-zoU (https://www.youtube.com/watch?v=Y5Xz1vw-zoU)
....................................................
พลังงาน กฎ เวลา อวากาศ....และชีวิตเราเอง
ทุกสิ่ง เรามีมุมมองต่างกัน
อยู่ที่เรา ใช้สมองใหญ่ซีกไหนมากกว่ากัน
บางคนใช่สมองเหตุผล(แบบเข้าข้างตนเอง)
เลยไม่มีน้ำใจ แบ่งปันให้ใครๆ
ไม่สนใจ ความรู้สึกเจ็บปวด ของชีวิตอื่น
ไม่เชื่อเรื่อง คุณธรรม จริยธรรม
และเห็นว่า การที่ผู้อื่นมีน้ำใจให้ตนนั้น
เพราะคนนั้น"โง่" เอง
ไม่ได้ว่าใครนะครับ เพียงแต่ ให้มองต่างมุม
.....................................................
เรามองเวลา แบบลูกศร ที่แล่นผ่านอากาศ
มีอดีต ปัจจุบัน อนาคต
แต่ ทฤษฎีสัมพันธภาพ ของไอสไตน์
เวลา เหมือน สายน้ำ
ที่เราอาจ ทวนน้ำ ตามน้ำ หรือ ไปวนในวังวนน้ำ สักแห่ง
เวลา ของวัตถุที่เคลื่อนไหว ยิ่งเร็วจะยิ่งช้า
..................................................
ขอบคุณเจ้าของคลิป ภาพ และผู้อ่าน
..
..
(https://lh3.googleusercontent.com/-g9eqXqU9ttM/WlPtFUenA9I/AAAAAAAC0Cc/iVwG09XEzfwsImw_ViLYH3ILsNujwpNvwCJoC/w663-h699-n-rw/%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%2587%25E0%25B8%258B%25E0%25B8%25B5%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%258B%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A2%25E0%25B9%2581%25E0%25B8%25A5%25E0%25B8%25B0%25E0%25B8%2582%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25B2.jpg)
Philosophy and healthy ปรัชญา และสุขภาพดี
G+ communities คนรัก รักษ์ ปัญญา สุขภาพ กีฬา และจักรยาน
สุขภาพดี คือลาภอันประเสริฐ ที่เราทำได้เอง
Suraphol KruasuwanOWNER
-
ทำไมมนุษย์ชอบ เอาอดีต มาเคี้ยวเอื้อง..และพร่ำเพ้อ
ย้ำคิด ย้ำทำ ย้ำแค้น....แทนที่จะใช้ปัญญาทิ้งขยะชีวิตนั้นไป :46:
-
มนุษย์ เป็น
ผลงานมหัศจรรย์ของธรรมชาติ
เป็น จักรกล คอมพิวเตอร์ชีวภาพ
.
สิ่งมีชีวิต เกิดจากกฎข้อเดียวคือ
"กิน หลีกเลี่ยง การถูกกิน"
.
พฤติกรรม 3600ล้านปี
จากเซลล์ชีวิตแรก กลายมาเป็น ซับซ้อน
จนมีมนุษย์
เราก็ยังทำตามกฎนั้น โดยไม่รู้ตัว
.
สิ่งมีชีวิต
มีจิต
เป็นส่วนหนึ่งของสังคม
.
และที่สำคัญคือ
"ต้องปรับตัว อยู่กับสิ่งแวดล้อม"
.
"ต้องปรับสิ่งแวดล้อมเข้าหาตัว"
.
การปรับตัว เป็นหนึ่งในกลไก วิวัฒนาการธรรมชาติ
ที่คัดเลือก ชีวิตที่เหมาะสม ให้อยู่รอด และมีโอกาส กระจายพันธุ์
.
การคัดเลือกของธรรมชาติ
มีกฎที่ค้นพบ ไม่กี่ข้อ
.
1.วิวัฒนาการ จะสร้างสิ่งที่เรียบง่าย ให้ซับซ้อนขึ้น
.
2.สิ่งไหนไม่ได้ใช้ จะถูกทำลายทิ้ง
.
3.การเปลี่ยนแปลง รูปร่าง พฤติกรรม
จะมีการคัดเลือกโดย
....อาหาร ชนิดอาหาร
....ศัตรู ตามธรรมชาติ
...จากสายพันธุ์เดียวกัน ล่า ทำลายกันเอง
...สิ่งแวดล้อม ที่แปรปรวน
...ความต้องการของ วัฒนธรรมในสังคม
.
การปรับตัวมีจุดประสงค์ เพื่อให้ชีวิตนั้น
อยู่รอด-อยู่ร่วม
แข่งขัน-แบ่งปัน
มีโอกาส สืบทอด แพร่พันธ์ตนเอง
.
เมื่อ กระทบกับสิ่งแวดล้อม
จะมีการปรับตัวแบบต่างๆ คือ
.
เป็นปฏิกริยาอัตโนมัติ
เช่นซ๊อค เป็นลม
.
หยุดนิ่ง ซ่อนตัว
.
หนี
.
สู้
.
เปลี่ยนแปลง ตนเอง โดยวิธีการต่างๆ
.
1.พัฒนาตนเอง
หาตัวอย่างที่ชอบเชื่อ
และพัฒนา ยกระดับตนเองตามนั้น
.
2.กร้าวร้าว มากขึ้น
โจมตีผู้อื่น ตนเอง หาเหตุผลเข้าข้างตนเอง
หรือ โจมตีเป้าหมายอื่นทดแทน
เช่นมาทะเลาะกับคนใกล้ตัว เมื่ออารมณ์เสียจากการทำงาน
.
3.เรียกร้องความสนใจ มากขึ้น
ทำร้ายตนเอง ให้อ่อนแอ
หยุดพฤติกรรม อยู่ที่วัยใดวัยหนึ่ง
.
ทำตัวน่ารัก หรือ ทำตัวให้อ่อนแอลง
หรือป่วยโดยหาสาเหตุทาง แพทย์ไม่เจอ
.
เช่นประชดชีวิต ด้วยการทำลายสุขภาพตนเอง
เช่นการกิน ดื่ม เสพ ติดพนัน เกมส์ เปนต้น
.
3.หลบออกจาก ความเป็นจริง
เช่นฝันกลางวัน จมกับอดีตที่ชื่นชอม
สะกดจิตตนเอง จน ลืมความเป็นจริงของโลก
.
4.ออกจากสนามแข่งขันนั้น
ตั้งเป้าหมายไล่ล่าใหม่
ในสนามที่ตนสามารถ
ใช้พรสวรรค์ พรแสวงที่ตนได้เปรียบ
.
การเปลี่ยนแปลงตนเองเพื่อปรับตัว
ไม่ควรใช้วิธีใดซ้ำซาก
เพราะจะกลายเป็นบุคลิกภาพ ใหม่
.
นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงระดับพันธุกรรม
กระตุ้นยีน กลายพันธุ ทำให้เป็น มนุษย์มะเร็ง
.
หรือกลายเป็น อภิมนุษย์ จน กลายเป็น
"คนลืมตัว วัวลืมตีน"
"กบในกะลา"
เล่าให้ทราบ ไม่ได้บอกให้เชื่อเด้อ
.
ขอบคุณเจ้าของภาพ ข้อมูล
แก้ไข 20/1/20 ...
.
แข็งแรงทุกด้าน ดีด้วยกันทุกคน ทุกวัน
..
..
//-พาหิยทารุจีริยะ กุลบุตร
คือแรงบันดาลใจให้เกิด นวนิยาย กามนิต วาสิฏฐี
.
พาหิยะ ! พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
ดูกรพาหิยะ เพราะเหตุนั้นแล ท่านพึงศึกษา
อย่างนี้ว่า เมื่อเห็น จักเป็นสักว่าเห็น
เมื่อฟังจักเป็นสักว่าฟัง
เมื่อทราบจักเป็น สักว่าทราบ
เมื่อรู้แจ้งจักเป็นสักว่ารู้แจ้ง
ดูกรพาหิยะ ท่านพึงศึกษาอย่างนี้แล
.
ดูกร พาหิยะ ในกาลใดแล
เมื่อท่านเห็นจักเป็นสักว่าเห็น
เมื่อฟังจักเป็นสักว่าฟัง
เมื่อ ทราบจักเป็นสักว่าทราบ
เมื่อรู้แจ้งจักเป็นสักว่ารู้แจ้ง
.
ในกาลนั้น ท่านย่อมไม่มี
(ว่างจากอุปทานในอัตตา)
.
ในกาลใด ท่านไม่มี ในกาลนั้น
ท่านย่อมไม่มีในโลกนี้
ย่อมไม่มีในโลกหน้า
ย่อมไม่มีในระหว่างโลกทั้งสอง
นี้แลเป็นที่สุดแห่งทุกข์ ฯ
.
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
พาหิยทารุจีริยะเป็นบัณฑิต
ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม
ทั้งไม่ทำเราให้ลำบาก
เพราะเหตุแห่งการแสดงธรรม
.
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
พาหิยทารุจีริยะปรินิพพานแล้ว ฯ
ครั้งนั้นแล
พระผู้มีพระภาคทรงทราบเนื้อความนี้แล้ว
ได้ทรงเปล่งอุทาน
นี้ในเวลานั้นว่า
ดิน น้ำ ไฟ และลม
ย่อมไม่หยั่งลงในนิพพานธาตุใด
.
ในนิพพานธาตุนั้น
ดาวทั้งหลายย่อมไม่สว่าง
พระอาทิตย์ ย่อมไม่ปรากฏ
พระจันทร์ย่อมไม่สว่าง
ความมืดย่อมไม่มี
.
ก็เมื่อใดพราหมณ์ชื่อว่า
เป็นมุนีเพราะรู้ (สัจจะ ๔)
รู้แล้ว ด้วยตน
เมื่อนั้น พราหมณ์ย่อมหลุดพ้นจาก
รูปและอรูป
จากสุขและทุกข์ ฯ
จบสูตรที่ ๑๐
จบโพธิวรรคที่ ๑
อุ. ขุ. ๒๕ / ๘๓ / ๔๙.
...........................................................................
1.จิตปรุงแต่งมี..แต่ไม่เที่ยง
ทนในสภาพเดิมไม่ได้
เป็นไปตาม กฎ เหตุ ปัจจัยปรุงแต่ง ไม่ตามใจใคร
.
2.จิตแท้จิตเดิม มาจากความว่าง กลับสู่ความว่าง
ใครทำให้ว่าง(จากอุปาทาน)ทุกปัจจุบัน
.
จะพบ มหัศจรรย์ของ
การตื่น
ของสัมมาสติ รู้ตัว
โพธิปัญญา รู้คิด
ปรีชาญาณรู้แจ้ง ฉลาดเลือก รู้แจ้ง
.
ไม่มีคือ
"ไม่มีอุปาทานในอัตตา"
.
อุปาทานที่ยึดว่า
"จิตปรุงแต่ง อุปาทานในตัณหา
และขันธ์ห้าเป็นตนเพราะทำอาสวะสิ้นแล้ว " สาธุ
.
................................................
พุทธศาสนา มีสามมิติ
.
1.เพื่อสืบพระศาสนา
เป็นไปตามกระแสวัฒนธรรม
อัตโนมติ ของอาจารย์ และตัวเราเอง
จะเชื่อ ชอบ อย่างไร
ตกผลึกความคิดอย่างไร ตามกาล
.
2.เพื่อ เป็น ธรรมะคุ้มครองสังคม
(ธรรมบาล)
ต้องช่วยกันสร้าง บุคคล
ที่มีคุณค่า และรักษ์ คนที่มีคุณค่า คือ
-บุพการี และกตัญญูชน
-หิริ โอตตัปปะ
-ผู้ทำหน้าที่ แล้วโชคดี ตามหลัก มงคลชีวิต
-ผู้ มีความสุข จากจิตอาสา และแบ่งปัน หมุนเวียนสิ่งดีๆ
ให้ สามโลก
โลกที่ประกอบเป็นตน (สังขารโลก)
เป็นโลกของสังคม (สัตว์โลก)
เป็นระบบชีวาลัย สิ่งแวดล้อม (โอกาสโลก)
ดีด้วยกัน
.
3.ทำนิพานให้แจ้ง
พบความสงบ เย็น เบิกบาน มั่นคง ในอารมณ์
เลิกปรุงแต่งอารมณ์ทุกข์ อย่างสิ้นเชื้อ ไม่เหลือ
อาสวะ สาสวะ ให้ยึดมั่น ถือมั่นอีก
.
3.1-เห็นถูกต้องตามคัลลองธรรมว่า
การกระทำของ
ผู้ให้กำเนิด
กรรมพันธุ์
สิ่งแวดล้อม
การปรุงแต่งเจตนาของเรา
ทำอย่างใดได้อย่างนั้น....
.
สิ่งที่อยู่ใกล้ คือ
"เจตนาของเรา"
ต้องจัดการก่อน
.
3.2-พุทธศาสนา มี สักายทิฎฐิ
(เชื่อว่าตายแล้วเกิด)
เป็นฐานศรัทธาชน
เพื่อให้ ละชั่ว เจริญกุศลให้ยิ่ง
.
3.3-พุทธศาสนา เพื่อความหลุดพ้น อุปทาน
ต้อง ข้ามความเชื่อ ของทิฎฐิทั้งสอง
.
คือ สักกายทิฎฐิ(เชื่อว่าตายแล้วเกิด)
และ อุจเฉทฎฐิ(เชื่อว่าตายแล้วสูญ)
.
ทางสองสายที่ไม่ควรเข้าไปถึงส่วนสุด(สัมมาทิฎฐิ)
.
3.4-พุทธศาสนา ให้ความสำคัญ ของ
การฝึก ปลุก
สติรู้ตัว
ปัญญารู้คิด
ปรีชาญาณฉลาดเลือก รู้ตื่น
กุมสภาพจิตปรุงแต่ง
.
จน ไม่ชงอารมณ์ทุกข์ มาซ้ำเติมชีวิตตนเอง
.
ฝึกมีความอดทนต่อเวทนาทุกข์ กว่ามนุษย์ธรรมดา พันเท่า
.
ฝึกมีจิต ยอมรับ สภาวะทุกข์ ที่มีไตรลักษ์ กำกับ
.
และฝึก ท่องไปในอดีต
แยก ความคิด ความรู้สึก ออกจากกัน
.
จน จิต ว่าง จาก
อุปาทาน ในตัณหา
อุปาทานในขันธุ์ห้า
.
ความตื่นของ สติ ปัญญา ปรีชาญาณฉลาดเลือก
.
สงบ สะอาด สว่าง เย็น
พบ สันติ อหิสา ด้วยตนเอง
ทุกลมหายใจเข้าออก
.
ทุกข์.......................คือ นรก
สุข..........................คือสวรรค์
เย็น.........................คือนิพพาน(พุทธทาส)
..............................................................
ชนะ อารมณ์ทุกข์.......ด้วยการเลิกชงอารมณ์ทุกข์ซ้ำเติมตนเอง
ชนะเวทนาทุกข์..........ด้วยการฝึก ให้อดทนกว่ามนุษย์ธรรมดาพันเท่า
ชนะ สภาวะทุกข์.........ด้วยทำใจรับสภาพ เห็นกระแสไตรลักษ์ ที่กำกับสังขารธรรม
...............................................................
แข็งแรงทุกด้าน ดีด้วยกันทุกคน สาธุ
http://84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=25&A=1607&Z=1698 (http://84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=25&A=1607&Z=1698)
https://www.facebook.com/100001723003298/posts/2799284293472310/?d=n (https://www.facebook.com/100001723003298/posts/2799284293472310/?d=n)
..
..
//-หนึ่งใน บทสวดที่ถือว่า เป็นมงคล ของชาวพุทธ คือ บทสวดพาหุง
แปลว่า"ชัยชนะอันยิ่งใหญ่ ของพระพุทธเจ้า"
มีชัยชนะสำคัญ แปดครั้ง ที่ได้รับการสรรเสริญ
จะขอถอด ความหมาย เป็นแนวทาง ครับผม
1.ชนะมาร
มาร หมายถึง ผู้ขัดขวาง การ เข้าถึง ธรรมะที่ทำให้หลุดพ้นจาก
เพลิงทุกข์ เพลิงกิเลส โดยการเรียนรู้แบบล้างเงื่อนไข(ทำอาสวะสิ้น)
มีอยู่ห้า ประการคือ
-ขันธุ์มาร
คือระบบคอมพิวเตอร์ที่มีชีวิต ประกอบเป็นเรา
เป็นสิ่งที่ปรุงแต่ง ขบวนการธรรมชาติ ธรรมดา หากไปยึดว่า เป็นตัวเรา ของเราจริงๆ
ก็เป็นเหตุแห่ง การสร้างอารมณ์ทุกข์
องค์ประกอบคือ
..รูป(ข้อมูลที่เป็นพลังงานวัตถุ)
..เวทนา(ประสาทการรับรู้)
..สัญญา(ความทรงจำ ทั้งสัญชาติญาณ การเรียนรู้)
..สังขาร(การปรุงแต่ง เป็นคำสั่ง เป็นเจตนา เป็นบุคลิกภาพ)
..วิญญาณ(ความรู้ทีประสาทรับรู้นำเข้า จาก หู ตา จมูก ลิ้น กาย ใจ เกิดการเรียนรู้ใหม่ๆ)
-อภิสังขารมาร
การคิด โดยขาดแสงสว่างแห่ง สติปัญญากำกับ(ขาดวิชชา)
ทำให้เกิด ขบวนการสร้าง ความรู้สึก ความอยาก ความยึด อารมณ์ จนเกิดบุคลิกภาพใหม่
ของอารมณ์ทุกข์ เวทนาทุกข์ สภาวะทุกข์
-กิเลสมาร
ความ ต้องการ ความจำเป็น ความอยาก ที่ขาดการควบคุม ฝึกฝนสู่ทางกุศล
-เทวบุตรมาร
คือ ความสมใจ สะใจ ในการได้รางวัลของชีวาในชีวิต
หรือไม่ได้ดั่งใจ ทำให้เกิบุคลิกภาพต่างๆ
ทั้งที่ต่ำกว่ามาตราฐาน มนุษย์(อบายภูมิ มี นรก อสุรกาย เดียรัจฉาน เปรต)
ทั้งที่เป็นมนุษย์(ยอมรับ กฎ กติกา มารยาท กฎหมาย ของวัฒนธรรม สังคม)
ทั้งที่สูงกว่ามนุษย์(เทวดา ผู้มีแสงแห่งความสุขจาก หรรษา ภาคภูมิใจ สมใจ สะใจ)
ทั้งที่ สงบ สันโดษ สมถะ มีเมตตา กรุณา
(รูปพรหม ยินดีในอารมณ์มั่นคง จากการฝึกกสิญ
...อรูปพรหมพรหม..ยินดีในอารมณ์มั่นคง เพราะ ยอมรับ ความรู้ที่ยิ่งใหญ่ของจักรวาล)
-มัจจุราชมาร
คือเวลา ที่กลืนกิน ทุกสรรพสิ่ง รวมทั้งตัวเวลาเอง
....มารที่พระพุทธเจ้า คือ ความสมใจ สะใจ ในความดีที่เคยบำเพ็ญมา(ติดดี)
ชนะโดย อุทิศให้ ไม่หลงยึดว่าเป็นของพระองค์เอง
2.ชนะ ความอยากโอ้อวดตน(ยักษ์)
โดยการ อดทน ฝึกฝน จำแนก แจกแจง ธรรมชาติ ตามความเป็นจริง
3.ชนะสัญชาติญาณ อารมณ์แห่งการการทำลายล้าง(ช้างดุร้าย)
ด้วยมหาเมตตา มหากรุณา
4.ชนะ วัตถุนิยม
(อุเฉท ทิฎฐิ อเหตุกะทิฐิ อกริยาทิฎฐิ)
ความเชื่อว่า ตายแล้วสูญ ด้วย โลกุตระฤทธิ์
ตำนาน กล่าวถึงอุงคุลีมาร ผู้ฆ่าคน เอานิ้วมือร้อยเป็นพวงมาลัย
เพราะเชื่อว่า ตายแล้วสูญ.. บาป บุญไม่มี ...คุณของบุพการีไม่มี
ชาตินี้ไม่มี(ทุกอย่างเป็นปฏิกริยาทางวัตถุ)
ชาติหน้าไม่มี(การเวียนว่ายตายเกิดไม่มี)
ผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ เป็นอริยะบุคคลไม่มี
การเกิดแบบ ผุดขึ้นเป็นตัวเต็มวัยทันทีไม่มี(โอปาปาติกะ)
ทรงชนะโดย จำแนกแจกแจงให้ เห็น อิทฤทธิ์ บุญฤทธิ์ โลกกุตระฤทธิ์
5.ชนะความอิจฉา ของชนชั้นฉกามาวจรภูมิ
ด้วยความสงบ สงัด จากอุปธิทั้งปวง
ตำนาน นางจิญจา อ้างว่าท้องกับพระองค์
แต่ท้องเป็นปีไม่คลอด เพราะนางแกล้ง เอาหมอนผูกไว้หน้าท้อง
6.ชนะ สัสสตทิฎฐิ
สัจจกนิครณ์ ต้องการโต้วาที ชนะพุทธเจ้า ว่าสัสสตทิฐิ คือ ปรัชญาสูงสุด
ทรงชี้ให้เห็น กฎไตรลักษ์ สูงสุด ของธรรมชาติ
กฎอนัตตา ทุกสิ่งกำลังเป็นไปตาม กฎเหตุปัจจัย ปรุงแต่ง ไม่เป็นดั่งใจบังคับได้
7.ชนะ กฎป่า
สัญชาติญาณ ดิบ ที่ อยากชนะ ยิ่งใหญ่ อมตะ ของมนุษย์
โดยการ ให้ ผู้นำธรรมชาติ ชี้แจงแทน(พระโมคคัลลานะ)
8.ชนะ ความเชื่อ วิสุทธิ์สูงสุด
ปฎิบัติธรรม ไม่เป็นไปเพื่อ ชื่อเสียง ลาภสักการะ ความบริสุทธิ์แห่งอาหาร
อนิสงค์แห่ง ศีล สมาธิ ปัญญา
แต่เพื่อหลุดพ้น เพลิงอารมณ์ทุกข์ เพลิงกิเลสความอยาก อย่างสิ้นเชิง
ตำนาน เทศน์โปรด ผกาพรหม
.............................................
เอา เล่าให้ฟัง เผื่อ ฟังแล้ว จับใจความ คิดตาม
อาจมีประโยชน์คือ
-ไพเราะเบื้องตน
-ไพเราะเบื้องกลาง(รู้ความหมาย)
-ไพเราะในที่สุด (เอาไปปรับใช้ ในชีวิตประจำวันได้จริงๆ)
สาธุ
http://www.cdthamma.com/forums/index.php?topic=50.0 (http://www.cdthamma.com/forums/index.php?topic=50.0)