ใต้ร่มธรรม
อิ่มกาย อิ่มใจ => สุขภาพกับชีวิต => ข้อความที่เริ่มโดย: มดเอ๊กซ ที่ สิงหาคม 26, 2016, 10:10:38 am
-
(http://www.winnews.tv/upload/media/entries/2016-08/16/6453-0-b8eaadc53068d1d3db413517d4f83ab1.jpg)
เพกา(ลิ้นฟ้า) มีสรรคุณเป็นยา ตามตำรายาสมุนไพรนั้นเราจะใช้ส่วนต่างๆของต้นเพกาตั้งแต่ ราก เปลือกต้น ฝัก ใบ รวมไปถึงเมล็ด ซึ่งจัดเป็นสมุนไพร “เพกาทั้ง 5”
สรรพคุณของเพกา
1. ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระในร่างกาย ช่วยชะลอการเสื่อมของเซล์ต่างๆในร่างกาย
2. ช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยแห่งวัย และช่วยชะลอวัย
3. ช่วยบำรุงและรักษาสายตา
4. ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งได้
5. เป็นยาบำรุงธาตุ
(http://www.winnews.tv/upload/media/entries/2016-08/16/6453-2-ed5f754e0d53f54603b35fb1f7595ecc.jpg)
6. ช่วยทำให้เจริญอาหาร (ราก,ใบ)
7. เป็นส่วนประกอบยาช่วยรักษาโรคเบาหวาน
8. การรับประทานฝักเพาหรือยอดอ่อนเพกาจะช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในกระแสเลือดได้
9. ช่วยบำรุงโลหิต ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของโลหิต ช่วยขับเลือดดับพิษในโลหิต
10. การกินฝักอ่อนของเพกาจะช่วยทำให้ร่างกายอบอุ่น แก้ร้อนใน
เพกาฝัก
(http://www.winnews.tv/upload/media/entries/2016-08/16/6453-3-ed5f754e0d53f54603b35fb1f7595ecc.jpg)
11. ช่วยบรรเทาอาการปวดไข้ ด้วยการใช้ใบเพกาต้มน้ำดื่ม ช่วยแก้ไข้เพื่อลม ช่วยแก้ละอองไข้ หรือโรคเยื่อเมือกในช่องจมูกอักเสบ
12. ช่วยแก้และบรรเทาอาการไอ ด้วยการใช้เมล็ดแก่เพกาประมาณครึ่งกำมือถึงหนึ่งกำมือ (1.5 – 3 กรัม) ใส่ในหม้อที่เติมน้ำ 300 มิลลิลิตร แล้วต้มไฟอ่อนๆ จนเดือดประมาณ 1 ชั่วโมง แล้วนำมาดื่มครั้งละ 1 แก้ว เช้า กลางวัน เย็น จนกว่าอาการจะดีขึ้น (ฝัก อ่อน,เมล็ด)
เพกาปิ้ง
(http://www.winnews.tv/upload/media/entries/2016-08/16/6453-4-50c9a7889f970d5f9a29367deefe56f9.jpg)
13. ช่วยขับเสมหะ ด้วยการใช้เมล็ดแก่เพกาประมาณครึ่งกำมือถึงหนึ่งกำมือ (1.5 – 3 กรัม) ใส่ในหม้อที่เติมน้ำ 300 มิลลิลิตร แล้วต้ม นำน้ำมาดื่มครั้งละ 1 แก้ว เช้า กลางวัน เย็น จนกว่าอาการจะดีขึ้น
14. ช่วยแก้อาเจียนไม่หยุด ด้วยการใช้เปลือกต้นเพกาตำผสมกับน้ำส้มที่ได้จากรังมดแดงหรือเกลือสินเธาว์
15. ช่วยเรียกน้ำย่อย (ราก) ช่วยบรรเทาอาการแน่นหน้าอก
16. ช่วยบำรุงกระเพาะ ตับ และปอด
เพกาจิ้มน้ำพริก
(http://www.winnews.tv/upload/media/entries/2016-08/16/6453-5-50c9a7889f970d5f9a29367deefe56f9.jpg)
17. ช่วยแก้อาการปวดท้อง ด้วยการใช้ใบเพกาต้มกับน้ำดื่ม ช่วยแก้อาการจุกเสียกแน่นท้อง (เปลือกต้น) ช่วยแก้โรคบิด (เปลือกต้น,ราก)ช่วยรักษาท้องร่วง
18. ช่วยขับลมในลำไส้ ใช้เป็นยาขับถ่าย ช่วยระบายท้อง ช่วยในการขับผายลม
เพกายำ
(http://www.winnews.tv/upload/media/entries/2016-08/16/6453-6-50c9a7889f970d5f9a29367deefe56f9.jpg)
19. ช่วยรักษาและบรรเทาอาการของโรคริดสีดวงทวาร ด้วยการใช้เปลือกต้นเพการวมกับสมุนไพรชนิดอื่น (เปลือกต้น) ช่วยขับน้ำเหลืองเสีย ทำให้น้ำเหลืองเป็นปกติ
20. ช่วยรักษาอาการฟกช้ำ ปวดบวม อักเสบ ด้วยการใช้เปลือกต้นหรือรากเพกากับน้ำปูนใสทาลดบริเวณที่เป็น ช่วยรักษาฝี ลดอาการปวดฝี ด้วยการใช้เปลือกต้นนำมาฝนแล้วทาบริเวณรอบๆบริเวณที่เป็นฝี ช่วยแก้อาการคัน ด้วยการใช้เปลือกต้นเพการวมกับสมุนไพรชนิดอื่น
เพกาไข่ทอด
(http://www.winnews.tv/upload/media/entries/2016-08/16/6453-7-52cad6e895908aac8a4cb2e89caefbc3.jpg)
21. ใช้เป็นยาแก้พิษหมาบ้ากัด ด้วยการใช้เปลือกต้นเพกานำมาตำแล้วพอกบริเวณที่ถูกกัด
22. ช่วยแก้โรคงูสวัด ด้วยการใช้ เปลือกต้นเพกา เปลือกคูณ รากต้นหมูหนุน นำมาฝนใส่น้ำทาบริเวณที่เป็น จะช่วยให้หายเร็วขึ้น
23. เปลือกต้นมีสารสกัดฟลาโวนอยด์ที่มีฤทธิ์ยับยั้งการบีบตัวของกล้ามเนื้อ
24. แก้โรคไส้เลื่อน ด้วยการใช้เปลือกต้นเพกา รากเขยตาย หญ้าตีนนก นำมาตำรวมกันให้ละเอียด แล้วนะไปละลายกับน้ำข้าวเช็ด ใช้ขนไก่ชุบพาด นำมาทาลูกอัณฑะ ให้ทาขึ้นอย่าทาลง
แกงกะทิเพกา
(http://www.winnews.tv/upload/media/entries/2016-08/16/6453-8-52cad6e895908aac8a4cb2e89caefbc3.jpg)
25. ช่วยแก้โรคมานน้ำ หรือภาวะที่มีน้ำขังอยู่ในช่องท้องจำนวนมาก เปลือกต้นผสมกับสมุนไพรชนิดอื่น
26. ช่วยขับน้ำคาวปลา ช่วยให้มดลูกเข้าอู่เร็วขึ้น
27. ประโยชน์เพกาฝักอ่อนใช้รับประทานเป็นผัก
28. ประโยชน์ของเพกา เปลือกของลำต้นนำมาใช้ทำสีย้อมผ้า ซึ่งให้สีเขียวอ่อน
เปลือกเพกา ย้อมสีผ้า
(http://www.winnews.tv/upload/media/entries/2016-08/16/6453-9-52cad6e895908aac8a4cb2e89caefbc3.jpg)
สิ่งที่ควรระวัง
หญิงตั้งครรภ์ไม่ควรรับประทานฝักอ่อนของเพกา เพราะอาจทำให้แท้งบุตรได้ เนื่องจากฝักของเพกามีฤทธิ์ร้อนมาก !
สารเคมีที่พบในเพกา
ราก มี D-Galatose, Baicalein, Sitosterols
แก่น มี Prunetin, B- sitosterols
ใบ มี Aloe emodin
เปลือก มี Baicalein, Chrysin, 6-Methylbaicalein
อ้างอิงจาก : โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี