ใต้ร่มธรรม
ริมระเบียงรับลมโชย => รับสายลมเย็นหน้าระเบียง => ห้องกีฬาและนันทนาการ => ข้อความที่เริ่มโดย: sithiphong ที่ สิงหาคม 27, 2010, 09:33:44 pm
-
เกี่ยวกับสโมสร
ชื่อเต็ม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ฟุตบอล คลับ
ชื่อเดิม นิวตัน ฮีธ แอล แอนด์ วายอาร์
ฉายา เรด เดวิลส์
ก่อตั้ง 1878
สนาม โอลด์ แทรฟฟอร์ด (1910 - ปัจจุบัน)
ความจุ 76,212 คน
สนามเดิม นอร์ธ โร้ด (1880-1893), แบงค์ สตรีท (1893-1910), เมน โร้ด (1941-1945)
เจ้าของ มัลคอล์ม เกลเซอร์
ประธานสโมสรกิตติมศักดิ์ มาร์ติน เอ็ดเวิร์ดส
ประธานสโมสรร่วม โจเอล เกลเซอร์, อัฟราม เกลเซอร์
ผู้บริหารสูงสุด เดวิด กิลล์
ทูตสโมสร ไบรอัน ร็อบสัน
ผู้จัดการทีม เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน (1986 - ปัจจุบัน)
ผู้จัดการทีมในอดีต เออร์เนสต์ มังนัลล์ (1903-1912), จอห์น เบนท์ลี่ย์ (1912-1914), จอห์น ร็อบสัน (1914-1921), จอห์น แชปแมน (1921-1926), คลาเรนซ์ ฮิลดิทช์ (1926-1927), เฮอร์เบิร์ต แบมเลตต์ (1927-1931), วอลเตอร์ คริคเมอร์ (1931-1932), สกอตต์ ดันแคน (1932-1937), วอลเตอร์ คริคเมอร์ (1937-1945), แมตต์ บัสบี้ (1945-1969), วิล์ฟ แม็คกินเนสส์ (1969-1970), เซอร์ แมตต์ บัสบี้ (1970-1971), แฟรงค์ โอฟาร์เรลล์ (1971-1972), ทอมมี่ ด็อคเคอร์ตี้ (1972-1977), เดฟ เซ็กซ์ตัน (1977-1981), รอน แอตกินสัน (1981-1986)
ประวัติสโมสร
รายชื่อประจำตำแหน่งในสโมสร
ย้อนรอย - แชมป์พรีเมียร์ ลีก สมัยที่แปด ฤดูกาล 2002-2003
ย้อนรอย - แชมป์พรีเมียร์ ลีก สมัยที่เจ็ด ฤดูกาล 2000-2001
ย้อนรอย - แชมป์พรีเมียร์ ลีก สมัยที่หก ฤดูกาล 1999-2000
ย้อนรอย - แชมป์พรีเมียร์ ลีก สมัยที่ห้า ฤดูกาล 1998-1999
ย้อนรอย - แชมป์พรีเมียร์ ลีก สมัยที่สี่ ฤดูกาล 1996-1997
ย้อนรอย - แชมป์พรีเมียร์ ลีก สมัยที่สาม ฤดูกาล 1995-1996
ย้อนรอย - แชมป์พรีเมียร์ ลีก สมัยที่สอง ฤดูกาล 1993-1994
ย้อนรอย - แชมป์พรีเมียร์ ลีก สมัยแรก ฤดูกาล 1992-1993
มิวนิค 15.03 นาฬิกา
ประวัติศาสตร์ โอลด์ แทรฟฟอร์ด
ย้อนรอยอดีต แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
http://www.redarmyfc.com/history.html
-
ทำเนียบแชมป์
ดิวิชั่น 1 - พรีเมียร์ ลีก
(http://board.palungjit.com/attachment.php?attachmentid=1109856&stc=1&thumb=1&d=1282907918)
ดิ วิชั่น 1 : 1908, 1911, 1952, 1956, 1957, 1965, 1967
พรีเมียร์ ลีก : 1993, 1994, 1996, 1997, 1999, 2000, 2001, 2003, 2007, 2008, 2009
เอฟเอ คัพ
(http://board.palungjit.com/attachment.php?attachmentid=1109857&stc=1&thumb=1&d=1282907918)
1909, 1948, 1963, 1977, 1983, 1985, 1990, 1994, 1996, 1999, 2004
ลีก คัพ
(http://board.palungjit.com/attachment.php?attachmentid=1109858&stc=1&thumb=1&d=1282907918)
1992, 2006, 2009, 2010
แชร์ริตี้ ชิลด์ - คอมมิวนิตี้ ชิลด์
(http://board.palungjit.com/attachment.php?attachmentid=1109859&stc=1&thumb=1&d=1282907918)
1908, 1911, 1952, 1956, 1957, 1965, 1967, 1977, 1983, 1990, 1993, 1994, 1996, 1997, 2003, 2007, 2008, 2010
ยูโรเปี้ยน คัพ - แชมเปี้ยนส์ ลีก
(http://board.palungjit.com/attachment.php?attachmentid=1109860&stc=1&thumb=1&d=1282907918)
ยูโรเปี้ยน คัพ : 1968 แชมเปี้ยนส์ ลีก : 1999, 2008
ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ
(http://board.palungjit.com/attachment.php?attachmentid=1109861&stc=1&thumb=1&d=1282907918)
2008
ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ
(http://board.palungjit.com/attachment.php?attachmentid=1109862&stc=1&thumb=1&d=1282907918)
1991
ยูโรเปี้ยน คัพ วินเนอร์ส คัพ
(http://board.palungjit.com/attachment.php?attachmentid=1109863&stc=1&thumb=1&d=1282907918)
1991
อินเตอร์คอนติเนนทัล คัพ
(http://board.palungjit.com/attachment.php?attachmentid=1109864&stc=1&thumb=1&d=1282907918)
1999
http://www.redarmyfc.com/history.html
-
ย้อนรอยอดีต แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
พอนึกถึง "แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด" สโมสรฟุตบอลแนวหน้าของยุโรปทีไร พวกเราพลพรรค เรด อาร์มี่ ทุกคน ก็ต้องนึกย้อนไปถึงในอดีตในปี ค.ศ. 1902 แต่ก่อนหน้านี้ ทีมขวัญใจของพวกเราไม่ได้ชื่อนี้ พวกเขาถือกำเนิดด้วยชื่ออื่นๆ ซึ่งเป็นระยะเวลายาวนานเกินกว่า 100 ปี ในปี ค.ศ. 1878 พนักงานการรถไฟสาย แลงคาเซียร์ แอนด์ ยอร์คเชียร์ ได้เกิดไอเดียในระหว่างที่กำลังรับประทานอาหารมื้อเย็นอยู่ โดยพวกเขาได้ร่วมก่อตั้งทีมฟุตบอลทีมหนึ่งขึ้นมา และตระเวนเล่นกันอยู่ในแถบเมือง นอร์ธกราวด์ ซึ่งอยู่ใน นิวตัน ฮีธ
สถานที่ซ้อมก็ใช้รางรถไฟ เป็นเส้นแบ่งเขตสนาม ตลอดจนเสียงจากรถไฟเครื่องจักรไอน้ำ ก็เสมือนเป็นเสียงของกองเชียร์ ทีมฟุตบอล นิวตัน ฮีธ ที่พวกเขาตั้งขึ้นมาก็เล่นฟุตบอลกันได้อย่างดีเยี่ยมน่าประทับใจ โดยชุดแข่งที่ใช้นั้นเป็นเสื้อสี เขียว-เหลือง อย่างละครึ่ง ส่วนกางเกงเป็นสีดำและเป็นชุดเก่งของทีมด้วย พนักงานที่อยู่ในแถบนั้น แพ้ นิวตัน ฮีธ แบบสู้ไม่ได้เลย ในปี ค.ศ. 1885 สมาชิกในทีมได้ตัดสินใจติดต่อกับการรถไฟ และก่อตั้งทีมเพื่อเป็น บริษัท จำกัด โดยใช้ชื่อว่า นิวตัน ฮีธ ฟุตบอลคลับ
ผลงานชิ้นแรกของพวกเขาคือการคว้าแชมป์ของเมือง แมนเชสเตอร์ ในแมตช์ แมนเชสเตอร์ คัพ มาครอง นั่นคือถ้วยแรกของทีม นิวตัน ฮีธ ต่อมาอีก 3 ปี ฟุตบอลลีกของอังกฤษ ได้ก่อตั้งขึ้นมา ทีมรอบๆ เมือง โบลตัน กับ แอคคริงตัน ถูกเชิญเข้าร่วมการแข่งขันด้วย ยกเว้น นิวตัน ฮีธ แต่ถึงกระนั้น พวกเขาก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก เพราะยังมีอีกหลายทีมที่ไม่ได้รับเชิญเข้าเป็นสมาชิกในตอนแรก พวกเขาก่อตั้งลีกกันเองโดยใช้ชื่อว่า อัลไลแอนช์ โดยมี เชฟฟิลด์ เว้นท์เดย์, นอตติ้งแฮม ฟอเรสต์ และ สมอลล์ ฮีธ ซึ่งในปัจจุบันก็คือทีม เบอร์มิ่งแฮม ซิตี้ นั่นเอง การแข่งขันในฤดูกาลแรกของพวกเขาได้อันดับ 8 จาก 12 ทีม ปีต่อมาได้อันดับ 9
ในปี ค.ศ. 1891 นิวตัน ฮีธ ได้รองแชมป์โดยเป็นรอง นอตติ้งแฮม ฟอเรสต์ อย่างไรก็ตามปีต่อมาฟุตบอลลีก มีการแก้ไขเรื่องสมาชิกใหม่ และพวกเขาตอบรับการเข้าร่วมในลีกการแข่งขัน แต่พวกเขาเริ่มต้นในลีกได้ไม่ดีนักเมื่อทีม นิวตันฮีธ เปิดฤดูกาลใหม่ด้วยการแพ้ให้กับ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส ไป 3-4 จากนั้นทีมก็ร่วงไม่เป็นท่า โดยชนะแค่ 6 ครั้งใน 30 นัด ตกไปอยู่ในอับดับบ๊วยของตาราง ก่อนที่จะรอดการตกชั้นเพราะว่า พวกเขาชนะ สมอลล์ ฮีธ 5-2 ที่ บรามอลล์เลน ปีต่อมา พวกเขายังเล่นแย่เหมือนเดิม และกลายเป็นทีมที่อยู่ในอันดับบ๊วยของตารางอีกเช่นเคย และก็โดน ลิเวอร์พูล ถล่มประตูเอาชนะไป 2-0 ทำให้ นิวตัน ฮีธ ตกชั้นไปในที่สุด นั่นเป็นช่วงเวลาที่ย่ำแย่ของพวกเขา แม้จะมีการยุบลีกและตั้งใหม่ แต่ทีมก็มีปัญหา ในการเข้าร่วมเนื่องจากสถานะทางการเงินไม่เอื้ออำนวย ก่อนที่จะล้มละลาย ในปี ค.ศ. 1902
จอห์น เดวี่ส์ เจ้าของกิจการเบียร์ท้องถิ่นได้เข้ามาดูแลกิจการของสโมสร พวกเขาย้ายมาจาก นอร์ธ โรด เพื่อไปใช้สนามใหม่แถบ แบงค์ สตรีท หลังจากที่ อยู่ที่ นอร์ธ โรด มา 9 ปีเต็ม ขณะเดียวกันเพื่อนบ้านคู่แข่งขันอย่าง อาร์คลิค เปลี่ยนชื่อตัวเองเป็น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ประธานสโมสรคนแรกของ นิวตัน ฮีธ บอกว่าทีมของเขาสมควรที่จะใช้ชื่อ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มากกว่า แต่ถึงอย่างไรทีมก็ช้าไป พวกเขาเลยตั้งชื่อกันมามากมายหลายชื่อ เช่น แมนเชสเตอร์ เซ็นทรัล, แมนเชสเตอร์ เซลติก และสองชื่อนี้ถูกปฏิเสธไป ในที่สุดชื่อ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จึงเข้ามาแทนที่ในวันที่ 26 เมษายน ปี ค.ศ. 1902 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คือชื่ออย่างเป็นทางการของพวกเขา จนกระทั่งถึงทุกวันนี้
ผู้จัดการทีมคนแรกของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คือ เออร์เนสต์ แมกนัลล์ แต่ทีมที่ประสบความสำเร็จ กลับกลายเป็น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ คู่ปรับร่วมเมืองที่คว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ ได้ในปี 1904 ทว่าในเวลาต่อมาโดนสอบสวนและ พบว่ามีการจำหน่ายตั๋วผี ก็เลยทำให้เมือง แมนเชสเตอร์ โดนแบนห้ามยุ่งเกี่ยวกับฟุตบอลเป็นเวลาถึง 1 ปี พอพ้นกำหนดโทษห้ามเล่น บิลลี่ เมเรดิธ นักเตะชาวเวลส์ กลายเป็นสมาชิกของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทันที ทีมปีศาจแดงของ แมกนัลล์ ใช้เวลา 2 ปีเต็มถึงสามารถคว้าแชมป์ดิวิชั่นสอง และเลื่อนชั้นมาเล่นในดิวิชั่นหนึ่งได้สำเร็จ
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทำสถิติยิง 82 ประตู คว้าแชมป์สมัยแรกไปครอง อย่างยิ่งใหญ่ ในปี ค.ศ. 1908 ด้วยสไตล์การเล่นที่ "เร็วและสวยงาม" อย่างไรก็ตาม จอห์น เดวี่ส์ ประธานสโมสร ได้ทำการเปลี่ยนแปลงสนามเหย้าของทีมอีกครั้ง เขาตัดสินใจย้ายจาก แบงค์ สตรีท ที่โดนวิพากษ์วิจารณ์ว่าพื้นสนามนั้นแย่มาก เขาย้ายห่างจากตัวเมืองไปอีก 5-6 ไมล์ ที่นั่นคือ "แทรฟฟอร์ด พาร์ค" ย่านชานเมือง แมนเชสเตอร์ และ เดวี่ส์ ได้เรียกสนามนัดเหย้าของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แห่งนี้ว่า "โอลด์ แทรฟฟอร์ด"
จอห์น เดวี่ส์ มีแผนการสร้างสนาม สปอร์ต คอมเพล็กซ์ มีความจุถึง 80,000 ที่นั้ง มีห้องกายภาพบำบัด สระว่ายน้ำ สิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย พวกเขาสิ้นเงินไปกับสนาม โอลด์ แทรฟฟอร์ด ค่อนข้างมากทำให้ทีมต้องขายนักเตะดีๆ ออกไปหลายคน ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1 จะเริ่มต้น ทีมสามารถคว้าแชมป์ลีกมาครองได้ในปี ค.ศ. 1911 และนั่นคือเกียรติยศ ครั้งสุดท้ายของ เออร์เนสต์ แมกนัลล์ มีเหตุการณ์อัปยศเกิดขึ้นในวงการฟุตบอลอังกฤษ เมื่อ ลิเวอร์พูล เดินทางมาเยือน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด ถ้า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่ชนะพวกเขาจะตกชั้นทันที ผลนัดดังกล่าวปรากฏว่าพวกเขาเอาชนะ ลิเวอร์พูล ไป 2-0 และรอดพ้นจากการตกชั้นมาได้ แต่ในรายงานของผู้ตัดสิน ระบุว่า นักเตะฝ่าย ลิเวอร์พูล เล่นกันแปลกๆ เหมือนกับจะล้มบอล...
ต่อมามีการสอบสวน และพบว่ามีนักเตะของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ ลิเวอร์พูล ข้างละ 4 คน ต่างพากันล้มบอลล่วงหน้า และมีการไปแทงพนันในร้านรับพนันท้องถิ่นของอังกฤษ ซึ่งผลจากการสอบสวนทำให้นักเตะทั้ง 8 คนนั้น โดนแบนห้ามเล่นฟุตบอลตลอดชีวิต อย่างไรก็ตาม เป็นจังหวะที่เกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 พอดี หลังสิ้นสุดสงคราม โทษแบนนั้นได้ถูกยกเลิกไป ทั้งสองทีมจึงกลับมา บูรณะสร้างทีมกันใหม่ รวมไปถึงสภาพสนามที่โดนระเบิดเผาทำลายด้วย
ประวัติศาสตร์อันยาวนานยิ่งทำให้ยากที่จะระลึกถึงและเมื่อกาลเวลาย่างเข้า สู่สหัสวรรษใหม่ ความทรงจำเก่าๆ เกี่ยวกับความเป็น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในอดีตที่อาจจะต้องไปอยู่ในยุคของ "บัสบี้ เบ็บส์" หรือรับรู้เรื่องราวเหล่านี้จากคุณปู่คุณทวด ช่วงเวลาสำคัญที่ยิ่งใหญ่ของใครบางคนอาจจะเริ่มขึ้นในช่วงยุค 70 หรือบางคนอาจจะโตขึ้นมาในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาและได้รับรู้เรื่องราว ความสำเร็จอย่างล้นเหลือของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ดังนั้นเรามีวิธีเดียวที่ทำให้เรารู้เรื่องเกี่ยวกับเมื่อ 100 ปีก่อน เริ่มจาก "นิวตัน ฮีธ" กลายมาเป็น "แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด" ก็คือการเดินเข้าไปในพิพิธภัณฑ์ของสโมสรเท่านั้น
วันนี้เลยประมวลภาพบางส่วนในอดีตมาให้ได้ชมกัน แม้ว่าจะไม่ใช่ภาพแห่งความสำเร็จหรือเหตุการณ์ที่น่าจดจำอย่างครบถ้วนนัก แต่ก็เป็นภาพที่สาวก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทุกคนควรได้ดู ได้เห็น
(http://www.redarmyfc.com/images/scoop/mufcneverdies/01.gif)
"อย่าให้โดนเท้านะ โบว์เลอร์" เหล่าดาราของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยุค ปี ค.ศ. 1900 ออกมาพักผ่อนด้วยการเล่นคริกเกต
(http://www.redarmyfc.com/images/scoop/mufcneverdies/02.gif)
ปีศาจหัวแข็ง ทีมปีศาจแดงชุดแชมป์ เอฟเอ คัพ 1909 ถูกบอร์ดบริหารสั่งปลดจากการเป็นนักเตะของสโมสรยกชุด เพราะไม่ยอมเซ็นสัญญาต่อต้านการก่อตั้งสหภาพนักฟุตบอลอาชีพที่ก่อตั้งใหม่ โดยมี ชาร์ลี โรเบิร์ตส์ (ในรูปวงกลม) นักเตะหัวโจกผีแดง ยุคนั้นเป็นคีย์แมน
(http://www.redarmyfc.com/images/scoop/mufcneverdies/03.gif)
ต้อนรับวีรบุรุษ สาวก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต่างรอรับฮีโร่ของพวกเขาที่สามารถคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ ได้ในปี ค.ศ. 1909 โดยเหล่านักเตะ ปีศาจแดง ยุคนั้น ได้นั่งรถม้าผ่านหน้าแฟนบอลที่มารอกันอย่างเนืองแน่นที่สถานี นอร์ธเทิร์น เกรท เซนทรัล หรือปัจจุบันก็คือ จี-แม็ค เซ็นเตอร์
(http://www.redarmyfc.com/images/scoop/mufcneverdies/04.gif)
เมื่อยจัด จอห์นนี่ คารี่ย์ ไม่รู้เมื่อยมาจากไหนถึงได้ยิ้มแฉ่งระหว่างถูกนวดอยู่
(http://www.redarmyfc.com/images/scoop/mufcneverdies/05.gif)
สงครามคือการทำลายล้าง สนาม โอลด์ แทรฟฟอร์ด ถูกกองทัพทหารเยอรมันทิ้งระเบิดลงมาในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ไม่ว่าจะอย่างไรเหล่านักเตะก็ยังตั้งหน้าตั้งตาฝึกซ้อมอย่างมุ่งมั่น
(http://www.redarmyfc.com/images/scoop/mufcneverdies/07.gif)
สนามซ้อมข้างถนน ในยุค 50 ทีมมักจะมาฝึกซ้อมกันที่ถนนหน้าสนาม โอลด์ แทรฟฟอร์ด เสมอ และที่นี่เองที่ เซอร์ บ็อบบี้ ชาร์ลตัน ฝึกการเกี่ยวบอลด้วยเท้าซ้าย เราอาจจะลองคิดเล่นๆ ว่านี่คือ เดวิด เบ็คแฮม, ไรอัน กิ๊กส์ และเพื่อนๆ วิ่งไล่บอลกันในที่จอดรถที่สนามก็ได้
(http://www.redarmyfc.com/images/scoop/mufcneverdies/08.gif)
แฟนระดับวีไอพี ทอมมี่ เทย์เลอร์ เข้ามาคุยกับแฟนบอลระดับวีไอพีของทีมก่อนที่จะลงแข่ง ยูโรเปี้ยน คัพ รอบรองชนะเลิศ ตัดเชือกกับทีม เรียล มาดริด ในปี ค.ศ 1957
(http://www.redarmyfc.com/images/scoop/mufcneverdies/09.gif)
ฤดูกาลที่แสนสาหัส แม้จะทั้งมอมแมมและเต็มไปด้วยรอยแผล แต่ ทอมมี่ เทย์เลอร์ และ โรเจอร์ เบิร์น ก็ฉลองแชมป์ลีกในปี ค.ศ. 1956 ได้อย่างมีความสุข
(http://www.redarmyfc.com/images/scoop/mufcneverdies/10.gif)
เจ้านายกับเจ้ายักษ์ ดันแคน เอ็ดเวิร์ดส์ ดาวรุ่งร่างยักษ์ของทีมกำลังตั้งใจฟังคำแนะนำของ เซอร์ แม็ตต์ บัสบี้
(http://www.redarmyfc.com/images/scoop/mufcneverdies/11.gif)
โศกนาฏกรรม บิลล์ โฟ้กค์ส แสนจะสลดกับการที่ ต้องสำรวจเครื่องบินมรณะที่พรากผู้เล่นทีมผีแดง และเจ้าหน้าที่ถึง 11 ชีวิตไปจาก "โรงละครแห่งความฝัน"
(http://www.redarmyfc.com/images/scoop/mufcneverdies/12.gif)
อยู่ในความทรงจำตลอดกาล แม็ตต์ บัสบี้ ยืนอยู่ หน้าหลุมฝังศพของ ดันแคน เอ็ดเวิร์ดส ในเมือง ดั๊ดลี่ย์ เพื่อไว้อาลัยในพิธีศพให้แก่นักเตะที่อาจจะเก่งที่สุดที่เคยสวมเสื้อ ปีศาจแดงเลยก็ว่าได้
(http://www.redarmyfc.com/images/scoop/mufcneverdies/13.gif)
นางงามปีศาจแดง 1959 เซอร์ บ็อบบี้ ชาร์ลตัน (ที่ 3 จากซ้าย) ร่วมแสดงความยินดีกับ มิส โคโรธี่ กรีน ผู้ทรง เสน่ห์จนคว้ารางวัลไป
(http://www.redarmyfc.com/images/scoop/mufcneverdies/14.gif)
จั่วไพ่กลางเวลา เดนิส ลอว์ ดูเหมือนน่าจะชนะกับไพ่ในมือของเขา ในขณะที่ จอร์จ เบสต์ กำลังเพ่งไพ่ ของตัวเองอย่างเคร่งเครียดบนเครื่องบินที่พาพวกเขาไปเมือง มาดริด ในปี ค.ศ. 1968 เพื่อไปแข่งขัน ยูโรเปี้ยน คัพ รอบรองชนะเลิศนัดที่ 2
(http://www.redarmyfc.com/images/scoop/mufcneverdies/15.gif)
คุมเข้มกับการดูแลความสงบ นี่คือห้องควบคุมภายในสนาม โอลด์ แทรฟฟอร์ด เมื่อปี ค.ศ. 1959 เจ้าหน้าที่มีหน้าที่ดูแลความสงบให้กับแฟนบอลจากห้องนี้
(http://www.redarmyfc.com/images/scoop/mufcneverdies/16.gif)
แชมป์ ยูโรเปี้ยน '68 ที่หอมหวาน ถ้วยใบโตของยุโรปที่สร้างความปราบปลื้มให้กับทุกๆ คน
(http://www.redarmyfc.com/images/scoop/mufcneverdies/17.gif)
ยุตติยุคของ แม็ตต์ เซอร์ แม็ตต์ บัสบี้ ประกาศลาออกจากการคุมทีมในเดือนมกราคมปี ค.ศ. 1969
(http://www.redarmyfc.com/images/scoop/mufcneverdies/18.gif)
ป้องกันฮูลิแกน เซอร์ แม็ตต์ บัสบี้, เลส โอลีฟ และเจ้าหน้าที่ของ เอฟเอ ตรวจตรารั้วใหม่ของสนาม โอลด์ แทรฟฟอร์ด ในปี ค.ศ 1974
(http://www.redarmyfc.com/images/scoop/mufcneverdies/06.gif)
ลงเล่นน้ำ เซอร์ แม็ตต์ บัสบี้ และทีมของเขาต่างอาบแดดเล่นน้ำ ที่สระว่ายน้ำในปี ค.ศ 1950
(http://www.redarmyfc.com/images/scoop/mufcneverdies/19.gif)
คารวะสันตปาปา ไบรอัน คิดด์ ในชุดสูทและเนกไทที่ดีที่สุดของเขาเข้าบรรจงจุมพิตพระหัตถ์ของพระสันตะปาปา โดยมี ทอมมี่ ด็อกเคอร์ตี้ มองอยู่
(http://www.redarmyfc.com/images/scoop/mufcneverdies/20.gif)
หมวกประหลาด อาเธอร์ อัลบิลตัน, ฮุสตัน ดาลี่, ไบรอัน กรีนฮอฟฟ์ และ สเต็ปนี่ย์ ต่างสวมหมวกทรงอะไรก็ไม่ทราบโบกมือให้แฟนๆ หลังจากคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ ได้ในปี ค.ศ 1977
(http://www.redarmyfc.com/images/scoop/mufcneverdies/21.gif)
นี่แหละเด็กอั๊ว "บิ๊กรอน" รอน แอตกินสัน ฉลองแชมป์ เอฟเอ คัพ ในปี 1983 หลังจากชนะนัดรีเพลย์ เหนือ ไบรท์ตัน ร่วมกับ เควิน มอร์แรน และ นอร์แมน ไวท์ไซด์ จอมถล่มประตู
(http://www.redarmyfc.com/images/scoop/mufcneverdies/22.gif)
ความใฝ่ฝันของไนจ์ตัน มีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่ทราบว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าหาก ไมเคิ่ล ไนจ์ตัน เข้ามาเทกโอเวอร์ทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้สำเร็จ ในปี ค.ศ. 1990
(http://www.redarmyfc.com/images/scoop/mufcneverdies/23.gif)
(http://www.redarmyfc.com/images/scoop/mufcneverdies/24.gif)
วิวัฒนาการของ ฮิวจ์ นี่คือหน้าตาที่แสนจะน่ารักของ มาร์ค ฮิวจ์ส ซึ่งภาพต่อมานั้นเขากลายเป็นศูนย์หน้าระดับเยี่ยมพันธุ์ดุ ที่แม้แต่ สตีฟ โบลด์ แผงหลังจอมหินของ อาร์เซนอล ยังต้องสะพึงกลัว
(http://www.redarmyfc.com/images/scoop/mufcneverdies/25.gif)
เฟอร์กี้ เริ่มงาน ที่ชั้นวางหนังสือข้างๆ เขาอาจจะดูเกะกะไม่เรียบร้อย แต่สองอันยอดเยี่ยมของเขาก็สามารถผลิต ความสำเร็จสู่สโมสร แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาอย่างยิ่งใหญ่
(http://www.redarmyfc.com/images/scoop/mufcneverdies/26.gif)
ผลผลิตของเฟอร์กี้ ไรอัน กิ๊กส์ กำลังยกถ้วยแชมป์ เอฟเอ ยูธ คัพ ปี ค.ศ. 1992 โดยมี เดวิด เบ็คแฮม และ แกรี่ เนวิลล์ มองด้วยความภาคภูมิใจ
(http://www.redarmyfc.com/images/scoop/mufcneverdies/27.gif)
จุดเริ่มแห่งความสำเร็จ เอริก คันโตน่า เข้ามาร่วมทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในเดือนพฤศจิกายนปี ค.ศ. 1992 และเข้ามายกระดับมาตรฐานของผู้เล่นเยาวชนอย่าง เดวิด เบ็คแฮม (ขวาสุด) ให้พาทีมไปสู่ความยิ่งใหญ่ในอนาคต
เรียบเรียงข้อมูลจาก
- วารสารชมรม เรด อาร์มี่ แฟนคลับ เล่มที่ 1 ปี พ.ศ. 2543
- ภาพและคำอธิบาย นิตยสาร เรด เดวิลส์ เล่มที่ 9 ของสยามกีฬา
http://www.redarmyfc.com/rafc-160.html
-
:47: ไม่คิดว่าพี่หนุ่ม จะเป็นแฟนแมนยูครับ อิอิ ขอบคุณครับพี่หนุ่มรายละเอียดยิบเลย^^
ผมชอบคนนี้ครับ เอริก คันโตน่า ในดวงใจในอดีตครับ
(http://www.redarmyfc.com/images/scoop/mufcneverdies/27.gif)
-
1977 FA Cup Final
From Wikipedia, the free encyclopedia
The 1977 FA Cup Final was the final match of the 1976–77 FA Cup, the 96th season of England's premier cup football competition. The match was played on 21 May 1977 at Wembley Stadium, London, and it was contested by Manchester United and Liverpool. United won the game 2-1. All three goals came in a five-minute period early in the second half. Stuart Pearson opened the scoring when he latched onto a long ball forward and drove a hard shot past Ray Clemence. Liverpool equalised through Jimmy Case soon after, as he turned and hooked a right foot half-volley into the top corner, giving Stepney no chance. However, just three minutes later, United regained the lead when Lou Macari's shot deflected off team mate Jimmy Greenhoff's chest and looped into the net past Clemence and Phil Neal on the line.
United's victory prevented Liverpool from winning The Treble of the league title, FA Cup and European Cup - Manchester United achieved this 22 years later.
Match details
21 May 1977
15:00 BST
Liverpool 1 – 2 Manchester United
Wembley Stadium, London
Attendance: 99,252
Referee: Bob Matthewson (Lancashire)
Liverpool
Case Goal 52'
LIVERPOOL:
GK 1 England Ray Clemence
DF 2 England Phil Neal
DF 3 Wales Joey Jones
DF 4 England Tommy Smith
MF 5 England Ray Kennedy
DF 6 England Emlyn Hughes (c)
FW 7 England Kevin Keegan
MF 8 England Jimmy Case
MF 9 Republic of Ireland Steve Heighway
FW 10 England David Johnson Substituted off in the 64th minute 64'
MF 11 England Terry McDermott
Substitute:
MF 12 England Ian Callaghan Substituted on in the 64th minute 64'
Manager: Bob Paisley England
-------------------------------
Manchester United
Pearson Goal 50'
J. Greenhoff Goal 55'
MANCHESTER UNITED:
GK 1 England Alex Stepney
DF 2 Northern Ireland Jimmy Nicholl
DF 3 Scotland Arthur Albiston
MF 4 Northern Ireland Sammy McIlroy
DF 5 England Brian Greenhoff
DF 6 Scotland Martin Buchan (c)
MF 7 England Steve Coppell
MF 8 England Jimmy Greenhoff
FW 9 England Stuart Pearson
FW 10 Scotland Lou Macari
MF 11 England Gordon Hill Substituted off in the 81st minute 81'
Substitute:
MF 12 Northern Ireland David McCreery Substituted on in the 81st minute 81'
Manager: Tommy Docherty Scotland
MATCH RULES
* 90 minutes.
* 30 minutes of extra-time if necessary.
* Replay if scores still level.
* One named substitute.
http://en.wikipedia.org/wiki/1977_FA_Cup_Final
-
:47: ไม่คิดว่าพี่หนุ่ม จะเป็นแฟนแมนยูครับ อิอิ ขอบคุณครับพี่หนุ่มรายละเอียดยิบเลย^^
ผมชอบคนนี้ครับ เอริก คันโตน่า ในดวงใจในอดีตครับ
(http://www.redarmyfc.com/images/scoop/mufcneverdies/27.gif)
เชียร์แมนฯยูไนเต็ด ตั้งแต่ปี 1977 ในนัดที่ชนะ ลิเวอร์พูล 2-1 ครับ
.
-
ถ้วยรางวัลสวยจัง..
ว่าแต่ไม่มีเรื่องรถถีบบ้างเหรอ :06:
-
ไว้รอแฟนผีแดงมาลงต่อๆกันดีกว่าครับ ช่วยๆกัน
:19:
.
-
Glory glory :08:
-
.
ประวัติศาสตร์แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด (http://www.youtube.com/watch?v=8DV8-mtug-M#)
-http://www.youtube.com/watch?v=8DV8-mtug-M-
.
-
.
Rooneys 1st 100 Goals - Part 1 (http://www.youtube.com/watch?v=E3ONVJUVIGo#ws)
.
-http://www.youtube.com/watch?v=E3ONVJUVIGo&feature=related-
.
-
.
Wayne Rooney - 100 goals for Manchester United (http://www.youtube.com/watch?v=N5aq72qu8ho#ws)
.
-http://www.youtube.com/watch?v=N5aq72qu8ho&feature=related-
.
-
.
Manchester United Top 50 Goals - Part 1 (http://www.youtube.com/watch?v=CW6iVnd16bA#noexternalembed-ws)
.
-http://www.youtube.com/watch?v=CW6iVnd16bA&feature=related-
.
-
.
Manchester United 5 Greatest Comebacks (http://www.youtube.com/watch?v=iycC8JrTziU#noexternalembed-ws)
.
-http://www.youtube.com/watch?v=iycC8JrTziU&feature=related-
.
-
.
HD Manchester United | Best Moments | Season Review 2011 HD All GOALS (http://www.youtube.com/watch?v=AiLSHlFeP5o#noexternalembed-ws)
.
-http://www.youtube.com/watch?v=AiLSHlFeP5o&feature=related-
.
-
.
Manchester United - The season of dreams (http://www.youtube.com/watch?v=5BeuTrGybM4#)
.
http://www.youtube.com/watch?v=5BeuTrGybM4&feature=related (ftp://www.youtube.com/watch?v=5BeuTrGybM4&feature=related)
.
-http://www.youtube.com/watch?v=5BeuTrGybM4&feature=related-
.
-
.
man united v liverpool 1977 fa cup final (http://www.youtube.com/watch?v=TVVcG5g9918#)
.
http://www.youtube.com/watch?v=TVVcG5g9918 (ftp://www.youtube.com/watch?v=TVVcG5g9918)
.
-http://www.youtube.com/watch?v=TVVcG5g9918-
.
(http://board.palungjit.com/attachment.php?attachmentid=2033968&d=1336272872)
.
-
.
1977 FA Cup Final
From Wikipedia, the free encyclopedia
Jump to: navigation, search
1977 FA Cup Final Old Wembley Stadium (external view).jpg
Event 1976–77 FA Cup
Liverpool 1 - Manchester United 2
Date 21 May 1977
Venue Wembley Stadium, London
Referee Bob Matthewson
Attendance 99,252
The 1977 FA Cup Final was the final match of the 1976–77 FA Cup, the 96th season of England's premier cup football competition. The match was played on 21 May 1977 at Wembley Stadium, London, and it was contested by Manchester United and Liverpool. United won the game 2–1. All three goals came in a five-minute period early in the second half. Stuart Pearson opened the scoring when he latched onto a long ball forward and drove a hard shot past Ray Clemence. Liverpool equalised through Jimmy Case soon after, as he turned and hooked a right foot half-volley into the top corner, giving Stepney no chance. However, just three minutes later, United regained the lead when Lou Macari's shot deflected off team mate Jimmy Greenhoff's chest and looped into the net past Clemence and Phil Neal on the line.
United's victory prevented Liverpool from winning The Treble of the league title, FA Cup and European Cup – Manchester United became the first club to achieve this feat 22 years later. However, Liverpool did win a treble 15 years prior to Manchester United's, with the League Championship, European Cup, and League Cup in 1984
Match details
21 May 1977
15:00 BST
Liverpool 1–2 Manchester United
Wembley Stadium, London
Attendance: 99,252
Referee: Bob Matthewson (Lancashire)
GK 1 England Ray Clemence
DF 2 England Phil Neal
DF 3 Wales Joey Jones
DF 4 England Tommy Smith
MF 5 England Ray Kennedy
DF 6 England Emlyn Hughes (c)
FW 7 England Kevin Keegan
MF 8 England Jimmy Case
MF 9 Republic of Ireland Steve Heighway
FW 10 England David Johnson Substituted off in the 64th minute 64'
MF 11 England Terry McDermott
Substitute:
MF 12 England Ian Callaghan Substituted on in the 64th minute 64'
Manager:
England Bob Paisley
GK 1 England Alex Stepney
DF 2 Northern Ireland Jimmy Nicholl
DF 3 Scotland Arthur Albiston
MF 4 Northern Ireland Sammy McIlroy
DF 5 England Brian Greenhoff
DF 6 Scotland Martin Buchan (c)
MF 7 England Steve Coppell
MF 8 England Jimmy Greenhoff
FW 9 England Stuart Pearson
FW 10 Scotland Lou Macari
MF 11 England Gordon Hill Substituted off in the 81st minute 81'
Substitute:
MF 12 Northern Ireland David McCreery Substituted on in the 81st minute 81'
Manager:
Scotland Tommy Docherty
Match rules
90 minutes.
30 minutes of extra-time if necessary.
Replay if scores still level.
One named substitute.
References
"United win the Cup". The Observer: p. 1. 1977-05-22.
External links
LFC History Match Report
-
List of Manchester United F.C. players
From Wikipedia, the free encyclopedia
-http://en.wikipedia.org/wiki/List_of_Manchester_United_F.C._players-
This article is about Manchester United players with at least 100 appearances. For a list of all Manchester United players with a Wikipedia article, see Category:Manchester United F.C. players. For the current Manchester United first-team squad, see Manchester United F.C.#First-team squad
Manchester United Football Club is an English professional football club based in Old Trafford, Greater Manchester. The club was formed in Newton Heath in 1878 as Newton Heath LYR F.C., and played their first competitive match in October 1886, when they entered the First Round of the 1886–87 FA Cup. The club was renamed Manchester United F.C. in 1902, and moved to Old Trafford in 1910. Since playing their first competitive match, more than 850 players have made a competitive first-team appearance for the club, of whom almost 200 players have made at least 100 appearances (including substitute appearances); those players are listed here.
Manchester United's record appearance-maker is Ryan Giggs, who has made more than 900 appearances since his debut in 1991; he broke Bobby Charlton's previous appearance record in the 2008 UEFA Champions League Final. Giggs also holds the record for the most starts, having started in 767 games. Charlton is the club's top goalscorer with 249 goals in his 17 years with the club. Seven other players have made more than 500 appearances, including three members of the 1968 European Cup-winning team and three members of the 1999 Treble-winning team. Other than Charlton, only two players have scored more than 200 goals for the club.
List of players
Appearances and goals are for first-team competitive matches only, including Premier League, Football League, FA Cup, League Cup, Charity/Community Shield, European Cup/Champions League, UEFA Cup, Cup Winners' Cup, Inter-Cities Fairs Cup, Super Cup and Club World Cup matches; wartime matches are regarded as unofficial and are excluded, as are matches from the abandoned 1939–40 season.
Players are listed according to the date of their first team debut for the club.
Statistics correct as of match played 30 April 2012
Table headers
Nationality – If a player played international football, the country/countries he played for are shown. Otherwise, the player's nationality is given as their country of birth.
Manchester United career – The year of the player's first appearance for Manchester United to the year of his last appearance.
Starts – The number of games started.
Sub – The number of games played as a substitute.
Total – The total number of games played, both as a starter and as a substitute.
Positions key Pre-1960s Post-1960s
GK Goalkeeper
FB Full back DF Defender
HB Half back MF Midfielder
FW Forward
U Utility player1
List of Manchester United F.C. players with at least 100 appearances Name Nationality Position Manchester United
career Starts Subs Total Goals Ref
Appearances
Bob Donaldson Scotland FW 1892–1897 147 0 147 66 [4]
Fred Erentz Scotland FB 1892–1902 303 0 303 9 [5]
Joe Cassidy Scotland FW 1893,
1895–1900 167 0 167 99 [6]
James McNaught Scotland HB 1893–1898 157 0 157 12 [7]
Dick Smith England FW 1894–1898,
1900–1901 100 0 100 37 [8]
Walter Cartwright England HB 1895–1905 257 0 257 8 [9]
Harry Stafford England FB 1896–1903 200 0 200 1 [10]
William Bryant England FW 1896–1900 127 0 127 33 [11]
Frank Barrett Scotland GK 1896–1900 132 0 132 0 [12]
Billy Morgan England HB 1897–1903 152 0 152 7 [13]
Billy Griffiths England HB 1899–1905 175 0 175 30 [14]
Alf Schofield England FW 1900–1907 179 0 179 35 [15]
Vince Hayes England FB 1901–1907,
1908–1910 128 0 128 2 [16]
Jack Peddie Scotland FW 1902–1903,
1904–1907 121 0 121 58 [17]
Alex Downie Scotland HB 1902–1909 191 0 191 14 [18]
Alex Bell Scotland HB 1903–1913 309 0 309 10 [19]
Bob Bonthron Scotland FB 1903–1907 134 0 134 3 [20]
Harry Moger England GK 1903–1912 266 0 266 0 [21]
Dick Duckworth England HB 1903–1915 254 0 254 11 [22]
Charlie Roberts England HB 1904–1913 302 0 302 23 [23]
Dick Holden England FB 1905–1914 117 0 117 0 [24]
Jack Picken Scotland FW 1905–1911 122 0 122 46 [25]
George Wall England FW 1906–1915 319 0 319 100 [26]
Billy Meredith Wales FW 1907–1921 335 0 335 36 [27]
Sandy Turnbull Scotland FW 1907–1915 247 0 247 101 [28]
George Stacey England FB 1907–1915 270 0 270 9 [29]
Harold Halse England FW 1908–1912 125 0 125 56 [30]
Arthur Whalley England HB 1909–1920 106 0 106 6 [31]
Enoch West England FW 1910–1916 181 0 181 80 [32]
Bobby Beale England GK 1912–1919 112 0 112 0 [33]
Jack Mew England GK 1912–1926 199 0 199 0 [34]
Lal Hilditch England HB 1919–1932 322 0 322 7 [35]
Jack Silcock England FB 1919–1934 449 0 449 2 [36]
Joe Spence England FW 1919–1933 510 0 510 168 [37]
Charlie Moore England FB 1919–1921,
1922–1931 328 0 328 0 [38]
John Grimwood England HB 1919–1927 205 0 205 8 [39]
Teddy Partridge England FW 1920–1929 160 0 160 18 [40]
Alf Steward England GK 1920–1932 326 0 326 0 [41]
Ray Bennion Wales HB 1921–1932 301 0 301 3 [42]
Arthur Lochhead Scotland FW 1921–1925 153 0 153 50 [43]
Harry Thomas Wales FW 1922–1931 135 0 135 13 [44]
Frank Barson England HB 1922–1928 152 0 152 4 [45]
Frank Mann England HB 1923–1930 197 0 197 5 [46]
Frank McPherson England FW 1923–1928 175 0 175 52 [47]
Tom Jones England FB 1924–1937 200 0 200 0 [48]
Jimmy Hanson England FW 1924–1931 147 0 147 52 [49]
Jack Wilson England HB 1926–1932 140 0 140 3 [50]
Hugh McLenahan England HB 1928–1937 116 0 116 12 [51]
Harry Rowley England FW 1928–1932,
1934–1937 180 0 180 55 [52]
Tom Reid Scotland FW 1929–1933 101 0 101 67 [53]
George McLachlan Scotland FW 1929–1933 116 0 116 4 [54]
Jack Mellor England FB 1930–1937 122 0 122 0 [55]
Tom Manley England HB 1930–1939 195 0 195 41 [56]
George Vose England HB 1933–1939 209 0 209 1 [57]
Jack Griffiths England FB 1934–1944 173 0 173 1 [58]
Bill McKay Scotland HB 1934–1940 182 0 182 15 [59]
George Mutch Scotland FW 1934–1937 120 0 120 49 [60]
Tommy Bamford Wales FW 1934–1938 109 0 109 57 [61]
Billy Bryant England FW 1934–1939 157 0 157 42 [62]
James Brown Scotland HB 1935–1939 110 0 110 1 [63]
Johnny Carey Ireland FB 1937–1953 344 0 344 17 [64]
Jack Rowley England FW 1937–1955 424 0 424 211 [65]
Stan Pearson England FW 1937–1954 343 0 343 148 [66]
Jack Warner Wales HB 1938–1950 115 0 115 2 [67]
John Aston, Sr. England FB 1946–1954 284 0 284 30 [68]
Allenby Chilton England HB 1946–1955 391 0 391 3 [69]
Henry Cockburn England HB 1946–1954 275 0 275 4 [70]
Jack Crompton England GK 1946–1956 212 0 212 0 [71]
Jimmy Delaney Scotland FW 1946–1950 184 0 184 28 [72]
Billy McGlen England HB 1946–1952 122 0 122 2 [73]
Charlie Mitten England FW 1946–1952 162 0 162 61 [74]
John Downie Scotland FW 1949–1953 116 0 116 37 [75]
Ray Wood England GK 1949–1958 208 0 208 0 [76]
Don Gibson England HB 1950–1955 115 0 115 0 [77]
Mark Jones England HB 1950–1958 121 0 121 1 [78]
Johnny Berry England FW 1951–1958 276 0 276 45 [79]
Jackie Blanchflower Northern Ireland HB 1951–1958 117 0 117 27 [80]
Roger Byrne England FB 1951–1958 280 0 280 20 [81]
David Pegg England FW 1952–1958 150 0 150 28 [82]
Bill Foulkes England DF 1952–1970 685 3 688 9 [83]
Tommy Taylor England FW 1953–1958 191 0 191 131 [84]
Duncan Edwards England HB 1953–1958 177 0 177 21 [85]
Dennis Viollet England FW 1953–1962 293 0 293 179 [86]
Freddie Goodwin England HB 1954–1960 107 0 107 8 [87]
Albert Scanlon England FW 1954–1960 127 0 127 35 [88]
Eddie Colman England HB 1955–1958 108 0 108 2 [89]
Ronnie Cope England HB 1956–1961 106 0 106 2 [90]
Bobby Charlton England FW 1956–1973 756 2 758 249 [91]
David Gaskell England GK 1956–1967 119 0 119 0 [92]
Harry Gregg Northern Ireland GK 1957–1966 247 0 247 0 [93]
Shay Brennan Ireland FB 1958–1970 358 1 359 6 [94]
Albert Quixall England FW 1958–1963 183 0 183 56 [95]
Johnny Giles Ireland FW 1959–1963 115 0 115 13 [96]
Nobby Stiles England HB 1959–1971 394 0 394 19 [97]
Maurice Setters England HB 1960–1964 194 0 194 14 [98]
Tony Dunne Ireland DF 1960–1973 534 1 535 2 [99]
Noel Cantwell Ireland FB 1960–1967 146 0 146 8 [100]
David Herd Scotland FW 1961–1968 264 1 265 145 [101]
Denis Law Scotland FW 1962–1973 398 6 404 237 [102]
David Sadler England U 1962–1973 328 7 335 27 [103]
Pat Crerand Scotland HB 1963–1971 397 0 397 15 [104]
George Best Northern Ireland FW 1963–1974 470 0 470 179 [105]
John Connelly England FW 1964–1966 112 1 113 35 [106]
John Fitzpatrick Scotland DF 1965–1973 141 6 147 10 [107]
John Aston, Jr. England FW 1965–1972 166 21 187 27 [108]
Alex Stepney England GK 1966–1979 539 0 539 2 [109]
Brian Kidd England FW 1967–1974 257 9 266 70 [110]
Francis Burns Scotland DF 1967–1972 143 13 156 7 [111]
Willie Morgan Scotland MF 1968–1975 293 3 296 34 [112]
Steve James England HB 1968–1975 160 1 161 4 [113]
Sammy McIlroy Northern Ireland MF 1971–1982 391 28 419 71 [114]
Martin Buchan Scotland DF 1972–1983 456 0 456 4 [115]
David McCreery Northern Ireland MF 1972–1979 57 53 110 8 [116]
Alex Forsyth Scotland FB 1973–1978 116 3 119 5 [117]
Lou Macari Scotland FW 1973–1984 374 27 401 97 [118]
Gerry Daly Ireland MF 1973–1977 137 5 142 32 [119]
Brian Greenhoff England DF 1973–1979 268 3 271 17 [120]
Stewart Houston Scotland DF 1974–1980 248 2 250 16 [121]
Stuart Pearson England FW 1974–1979 179 1 180 66 [122]
Arthur Albiston Scotland FB 1974–1988 467 18 485 7 [123]
Steve Coppell England MF 1975–1983 393 3 396 70 [124]
Jimmy Nicholl Northern Ireland DF 1975–1982 235 13 248 6 [125]
Gordon Hill England MF 1975–1978 133 1 134 51 [126]
Jimmy Greenhoff England FW 1976–1980 119 4 123 36 [127]
Ashley Grimes Ireland DF 1977–1983 77 30 107 11 [128]
Joe Jordan Scotland FW 1978–1981 125 1 126 41 [129]
Gordon McQueen Scotland DF 1978–1985 229 0 229 26 [130]
Gary Bailey England GK 1978–1987 375 0 375 0 [131]
Mickey Thomas Wales MF 1978–1981 110 0 110 15 [132]
Kevin Moran Ireland DF 1979–1988 284 5 289 24 [133]
Ray Wilkins England MF 1979–1984 191 3 194 10 [134]
Mike Duxbury England DF 1980–1990 345 33 378 7 [135]
John Gidman England DF 1981–1986 116 4 120 4 [136]
Frank Stapleton Ireland FW 1981–1987 267 21 288 78 [137]
Remi Moses England MF 1981–1988 188 11 199 12 [138]
Bryan Robson England MF 1981–1994 437 24 461 99 [139]
Norman Whiteside Northern Ireland FW 1982–1989 256 18 274 67 [140]
Paul McGrath Ireland DF 1982–1989 192 7 199 16 [141]
Mark Hughes Wales FW 1983–1986,
1988–1995 453 14 467 163 [142]
Graeme Hogg Scotland DF 1984–1988 108 2 110 1 [143]
Clayton Blackmore Wales U 1984–1994 201 44 245 26 [144]
Jesper Olsen Denmark MF 1984–1988 149 27 176 24 [145]
Gordon Strachan Scotland MF 1984–1989 195 6 201 38 [146]
Peter Davenport England FW 1986–1988 83 23 106 26 [147]
Brian McClair Scotland FW 1987–1998 398 73 471 127 [148]
Steve Bruce England DF 1987–1996 411 3 414 51 [149]
Lee Martin England DF 1988–1994 84 25 109 2 [150]
Lee Sharpe England MF 1988–1996 213 50 263 36 [151]
Mal Donaghy Northern Ireland DF 1988–1992 98 21 119 0 [152]
Mike Phelan England U 1989–1994 127 19 146 3 [153]
Neil Webb England MF 1989–1992 105 5 110 11 [154]
Gary Pallister England DF 1989–1998 433 4 437 15 [155]
Paul Ince England MF 1989–1995 276 5 281 29 [156]
Denis Irwin Ireland DF 1990–2002 511 18 529 33 [157]
Ryan Giggs Wales MF 1991– 768 140 908 163 [158]
Andrei Kanchelskis Soviet Union / Russia MF 1991–1995 132 29 161 36 [159]
Paul Parker England DF 1991–1996 137 9 146 2 [160]
Peter Schmeichel Denmark GK 1991–1999 398 0 398 1 [161]
Gary Neville England DF 1992–2011 566 36 602 7 [162]
David Beckham England MF 1992–2003 356 38 394 85 [163]
Nicky Butt England MF 1992–2004 307 79 386 26 [164]
Eric Cantona France FW 1992–1997 184 1 185 82 [165]
Roy Keane Ireland MF 1993–2005 458 22 480 51 [166]
David May England DF 1994–2003 98 20 118 8 [167]
Paul Scholes England MF 1994–2011
2012– 565 130 695 153 [168]
Andrew Cole England FW 1995–2001 231 44 275 121 [169]
Phil Neville England DF 1995–2005 301 85 386 8 [170]
Ronny Johnsen Norway DF 1996–2002 131 19 150 9 [171]
Ole Gunnar Solskjær Norway FW 1996–2007 216 150 366 126 [172]
Teddy Sheringham England FW 1997–2001 101 52 153 46 [173]
Henning Berg Norway DF 1997–2000 81 22 103 3 [174]
Wes Brown England DF 1998–2011 313 49 362 5 [175]
Jaap Stam Netherlands DF 1998–2001 125 2 127 1 [176]
Dwight Yorke Trinidad and Tobago FW 1998–2002 120 32 152 66 [177]
Quinton Fortune South Africa MF 1999–2006 88 38 126 11 [178]
Mikaël Silvestre France DF 1999–2008 326 35 361 10 [179]
John O'Shea Ireland U 1999–2011 301 92 393 15 [180]
Fabien Barthez France GK 2000–2004 139 0 139 0 [181]
Ruud van Nistelrooy Netherlands FW 2001–2006 200 19 219 150 [182]
Rio Ferdinand England DF 2002– 390 6 396 7 [3]
Darren Fletcher Scotland MF 2003– 242 60 302 23 [183]
Cristiano Ronaldo Portugal FW 2003–2009 244 48 292 118 [184]
Louis Saha France FW 2004–2008 76 48 124 42 [185]
Wayne Rooney England FW 2004– 327 36 363 180 [186]
Edwin van der Sar Netherlands GK 2005–2011 266 0 266 0 [187]
Park Ji-Sung South Korea MF 2005– 146 59 205 27 [188]
Patrice Evra France DF 2006– 269 21 290 3 [189]
Nemanja Vidić Serbia DF 2006– 237 7 244 18 [190]
Michael Carrick England MF 2006– 231 40 271 19 [191]
Nani Portugal MF 2007– 154 40 194 37 [192]
Anderson Brazil MF 2007– 107 38 145 7 [193]
Jonny Evans Northern Ireland DF 2007– 111 14 125 1 [194]
Dimitar Berbatov Bulgaria FW 2008– 108 40 148 56 [195]
Antonio Valencia Ecuador MF 2009– 82 23 105 16 [196]
Club captains
Since 1882, 45 players have held the position of club captain for Newton Heath LYR F.C., Newton Heath F.C. or Manchester United F.C.[197] The first club captain was E. Thomas, who was captain from 1882 to 1883.[197] The longest-serving captain is Bryan Robson, who was club captain from 1982 to 1994, although he held the position jointly with Steve Bruce from 1992 to 1994.[197] Roy Keane, who was captain from 1997 to 2005, has the distinction of having won the most trophies as captain; he won four Premier League titles, two FA Cups, one Community Shield, one UEFA Champions League and one Intercontinental Cup. The current club captain is Nemanja Vidić, who took over after Gary Neville retired in 2011.
Club captains Dates[197] Name Notes
1878–1882 Unknown —
1882–1883 E. Thomas First known club captain.
1883–1887 England Sam Black —
1887–1891 Wales Jack Powell First known non-English club captain.
1891–1892 Scotland Bob McFarlane —
1892–1893 Scotland Joe Cassidy —
1893–1894 Unknown —
1894–1896 Scotland James McNaught —
1896–1897 Wales Caesar Jenkyns —
1897–1903 England Harry Stafford First captain of Manchester United.
1903–1904 England John Willie Sutcliffe —
1904–1905 Scotland Jack Peddie —
1905–1913 England Charlie Roberts —
1913–1914 England George Stacey —
1914–1915 England George Hunter —
1915–1917 Ireland Patrick O'Connell —
1917–1918 England George Anderson —
1918–1919 England Jack Mew —
1919–1922 England Lal Hilditch —
1922–1928 England Frank Barson —
1928–1929 England Jack Wilson —
1929–1930 England Charlie Spencer —
1930–1931 England Jack Silcock —
1931–1932 Scotland George McLachlan —
1932 England Louis Page —
1932–1934 England Jack Silcock —
1934–1935 Scotland Bill McKay —
1935–1937 Scotland Jimmy Brown —
1937–1939 England George Roughton —
1939–1940 Scotland Bill McKay —
1940–1944 None No competitive football was played during the Second World War.
1944–1945 England George Roughton —
1945–1953 Republic of Ireland Johnny Carey First post-war captain, and first from outside the United Kingdom.
1953 England Stan Pearson —
1953–1955 England Allenby Chilton —
1955–1958 England Roger Byrne Died in the 1958 Munich air disaster.[198]
1958–1959 England Bill Foulkes —
1959–1960 England Dennis Viollet —
1960–1962 England Maurice Setters —
1962–1967 Republic of Ireland Noel Cantwell Co-captained with Denis Law from 1964 to 1967.[197]
1964–1968 Scotland Denis Law Co-captained with Noel Cantwell from 1964 to 1967.[197]
1968–1973 England Bobby Charlton —
1973–1974 Scotland George Graham —
1974–1975 Scotland Willie Morgan —
1975–1982 Scotland Martin Buchan —
1982 England Ray Wilkins —
1982–1994 England Bryan Robson Longest-serving captain in United's history. Co-captained with Steve Bruce from 1992 to 1994.[197]
1992–1996 England Steve Bruce Co-captained with Bryan Robson from 1992 to 1994.[197]
1996–1997 France Eric Cantona First United captain from outside the United Kingdom or the Republic of Ireland.
1997–2005 Republic of Ireland Roy Keane Won more trophies than any other United captain.[199]
2005–2011 England Gary Neville —
2011– Serbia Nemanja Vidić First United captain from Southern Europe.
.
-
List of Manchester United F.C. players
From Wikipedia, the free encyclopedia
-http://en.wikipedia.org/wiki/List_of_Manchester_United_F.C._players-
References
^ "Player Profile – Ryan Giggs". premierleague.com. Premier League. Retrieved 22 December 2011.
^ "Top Appearances - All Competitive Matches". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 21 September 2011.
^ a b "Rio Ferdinand". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 30 April 2012.
^ "Bob Donaldson". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Fred Erentz". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Joe Cassidy". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "James McNaught". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Dick Smith". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Walter Cartwright". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Harry Stafford". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "William Bryant". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Frank Barrett". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Billy Morgan". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Billy Griffiths". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Alf Schofield". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Vince Hayes". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Jack Peddie". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Alex Downie". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Alex Bell". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Bob Bonthron". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Harry Moger". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Dick Duckworth". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Charlie Roberts". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Dick Holden". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Jack Picken". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "George Wall". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Billy Meredith". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Sandy Turnbull". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "George Stacey". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Harold Halse". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Arthur Whalley". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Enoch West". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Robert Beale". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Jack Mew". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Clarence Hilditch". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Jack Silcock". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Joe Spence". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Charlie Moore". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "John Grimwood". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Teddy Partridge". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Alfred Steward". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Ray Bennion". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Arthur Lochhead". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Harry Thomas". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Frank Barson". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Frank Mann". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Frank McPherson". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Tom Jones". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Jimmy Hanson". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Jack Wilson". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Hugh McLenahan". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Harry Rowley". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Tom Reid". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "George McLachlan". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Jack Mellor". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Tom Manley". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "George Vose". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Jack Griffiths". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Bill McKay". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "George Mutch". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Tommy Bamford". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Billy Bryant". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "James Brown". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Johnny Carey". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Jack Rowley". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Stan Pearson". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Jack Warner". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "John Aston senior". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Allenby Chilton". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Henry Cockburn". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Jack Crompton". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Jimmy Delaney". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Billy McGlen". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Charlie Mitten". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "John Downie". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Ray Wood". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Don Gibson". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Mark Jones". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Johnny Berry". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Jackie Blanchflower". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Roger Byrne". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "David Pegg". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Bill Foulkes". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Tommy Taylor". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Duncan Edwards". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Dennis Viollet". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Fred Goodwin". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Albert Scanlon". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Eddie Colman". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Ronnie Cope". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Bobby Charlton". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "David Gaskell". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Harry Gregg". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Shay Brennan". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Albert Quixall". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Johnny Giles". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Nobby Stiles". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Maurice Setters". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Tony Dunne". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Noel Cantwell". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "David Herd". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Denis Law". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "David Sadler". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Paddy Crerand". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "George Best". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "John Connelly". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "John Fitzpatrick". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "John Aston junior". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Alex Stepney". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Brian Kidd". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Francis Burns". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Willie Morgan". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Steve James". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Sammy McIlroy". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Martin Buchan". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "David McCreery". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Alex Forsyth". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Lou Macari". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Gerry Daly". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Brian Greenhoff". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Stewart Houston". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Stuart Pearson". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Arthur Albiston". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Steve Coppell". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Jimmy Nicholl". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Gordon Hill". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Jimmy Greenhoff". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Ashley Grimes". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Joe Jordan". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Gordon McQueen". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Gary Bailey". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Mickey Thomas". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Kevin Moran". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Ray Wilkins". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Mike Duxbury". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "John Gidman". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Frank Stapleton". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Remi Moses". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Bryan Robson". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Norman Whiteside". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Paul McGrath". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Mark Hughes". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Graeme Hogg". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Clayton Blackmore". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Jesper Olsen". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Gordon Strachan". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Peter Davenport". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Brian McClair". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Steve Bruce". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Lee Martin". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Lee Sharpe". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Mal Donaghy". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Mike Phelan". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Neil Webb". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Gary Pallister". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Paul Ince". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Denis Irwin". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Ryan Giggs". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 30 April 2012.
^ "Andrei Kanchelskis". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Paul Parker". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Peter Schmeichel". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Gary Neville". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 1 January 2011.
^ "David Beckham". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Nicky Butt". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Eric Cantona". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Roy Keane". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "David May". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Paul Scholes". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 30 April 2012.
^ "Andrew Cole". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Phil Neville". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Ronny Johnsen". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Ole Gunnar Solskjaer". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Teddy Sheringham". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Henning Berg". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Wes Brown". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 19 March 2011.
^ "Jaap Stam". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Dwight Yorke". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Quinton Fortune". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Mikael Silvestre". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "John O'Shea". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 8 May 2011.
^ "Fabien Barthez". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Ruud van Nistelrooy". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Darren Fletcher". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 22 November 2011.
^ "Cristiano Ronaldo". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Louis Saha". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 12 March 2010.
^ "Wayne Rooney". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 30 April 2012.
^ "Edwin van der Sar". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 28 May 2011.
^ "Park Ji-Sung". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 30 April 2012.
^ "Patrice Evra". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 30 April 2012.
^ "Nemanja Vidic". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 7 December 2011.
^ "Michael Carrick". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 30 April 2012.
^ "Nani". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 30 April 2012.
^ "Anderson". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 9 March 2012.
^ "Jonny Evans". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 22 April 2012.
^ "Dimitar Berbatov". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 23 February 2012.
^ "Antonio Valencia". StretfordEnd.co.uk. Retrieved 30 April 2012.
^ a b c d e f g h "Newton Heath and Manchester United Captains". Manchester United Museum information sheets (Manchester United). June 2009.
^ "Munich remembered". BBC Sport (British Broadcasting Corporation). 4 February 2008. Retrieved 10 April 2010.
^ "Keane leaves Man United". ESPNsoccernet (ESPN Internet Ventures). 18 November 2005. Retrieved 10 April 2010.
-
List of Manchester United F.C. players
From Wikipedia, the free encyclopedia
-http://en.wikipedia.org/wiki/List_of_Manchester_United_F.C._players-
Manchester United Football Club
Players
Managers
Reserves & Academy
Records & statistics
Honours
Current season
History
1878–1945
1945–1969
1969–1986
1986–present
Seasons
Europe
Munich air disaster
Munich air disaster
Busby Babes
Home stadium
North Road (1878–1893)
Bank Street (1893–1910)
Old Trafford (1910–present)
Stretford End
Sir Matt Busby Way
Training ground
The Cliff
Trafford Training Centre
Players
100+ appearances
25–99 appearances
1–24 appearances
Rivalries
League record by opponent
Manchester derby
Liverpool rivalry
Leeds United rivalry
Arsenal rivalry
Supporters
Independent Manchester United Supporters Association
Manchester United Supporters' Trust
Red Army
Media
MUTV
Inside United
Related articles
Fergie's Fledglings
F.C. United of Manchester
Glazer ownership
Mascots
Sir Matt Busby Player of the Year
.
http://en.wikipedia.org/wiki/List_of_Manchester_United_F.C._players (http://en.wikipedia.org/wiki/List_of_Manchester_United_F.C._players)
.
-
10 ผู้รักษาประตูที่ดีที่สุดในโลก (http://www.youtube.com/watch?v=-Skm5FJ0fWQ#)
-http://www.youtube.com/watch?v=-Skm5FJ0fWQ&feature=related-
.
10อันดับนายประตูที่โง่ที่สุด (http://www.youtube.com/watch?v=z1FpyG_t5nE#)
-http://www.youtube.com/watch?v=z1FpyG_t5nE&feature=related-
.
ประตูที่ไกลที่สุดของโลก (http://www.youtube.com/watch?v=N589ZSejlgk#ws)
-http://www.youtube.com/watch?v=N589ZSejlgk&feature=related-
.
-
.
Man Utd v Everton 1985 FA Cup Final Highlights (http://www.youtube.com/watch?v=JZsA7P3oBMU#)
-http://www.youtube.com/watch?v=JZsA7P3oBMU&feature=related-
.
-
.
Liverpool v Man. Utd (FA Cup Final 1996) (http://www.youtube.com/watch?v=-y8d-JeRAMY#)
-http://www.youtube.com/watch?v=-y8d-JeRAMY&feature=related-
.
-
.
Man Utd 2 - 1 Liverpool (FA Cup - 1999) (http://www.youtube.com/watch?v=EYiO7PoCZyY#noexternalembed)
Man Utd 2 - 1 Liverpool (FA Cup - 1999) (http://www.youtube.com/watch?v=EYiO7PoCZyY#noexternalembed)
-http://www.youtube.com/watch?v=EYiO7PoCZyY-
.
-
.
UCL Final 1998-1999: Man Utd - Bayern Munich 2-1 (trophy+dressroom) (http://www.youtube.com/watch?v=Icn7UB0BLyU#)
http://www.youtube.com/watch?v=Icn7UB0BLyU (ftp://www.youtube.com/watch?v=Icn7UB0BLyU)
-http://www.youtube.com/watch?v=Icn7UB0BLyU-
manutd - bayern CL final 1999 part 2 (http://www.youtube.com/watch?v=og9zjkH5k_E#)
http://www.youtube.com/watch?v=og9zjkH5k_E&feature=related (ftp://www.youtube.com/watch?v=og9zjkH5k_E&feature=related)
-http://www.youtube.com/watch?v=og9zjkH5k_E&feature=related-
-
.
Manchester United. The Treble 1998-99 (http://www.youtube.com/watch?v=sZzwWMum658#)
http://www.youtube.com/watch?v=sZzwWMum658&feature=related (ftp://www.youtube.com/watch?v=sZzwWMum658&feature=related)
Manchester United. The Treble 1998-99 (http://www.youtube.com/watch?v=sZzwWMum658#)
-http://www.youtube.com/watch?v=sZzwWMum658&feature=related-
-
.
Finale Champions League '99 - Bayer M. Vs Manch. Utd. (http://www.youtube.com/watch?v=1URNVAgxodU#)
http://www.youtube.com/watch?v=1URNVAgxodU&feature=related (ftp://www.youtube.com/watch?v=1URNVAgxodU&feature=related)
-http://www.youtube.com/watch?v=1URNVAgxodU&feature=related-
Finale Champions League '99 - Bayer M. Vs Manch. Utd. (http://www.youtube.com/watch?v=1URNVAgxodU#)
.
-
ผลวิจัยชี้ประชากรโลก 1 ใน 10 เป็นแฟนผี
-http://football.kapook.com/news_inside.php?id=15497&key=news-
(http://football.kapook.com/uploadnew/news/picture/15497-news-2353.jpg)
ข่าวฟุตบอล เผยผลสำรวจโดยบริษัทวิจัยเอกชน สโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คือทีมฟุตบอลอันดับ 1 ตัวจริง จากการมีแฟนบอลเฝ้าติดตามถึงกว่า 600 ล้านคน หรือคิดเป็นจำนวน 1 ใน 10 ของประชากรโลก
รายงานวิจัยชิ้นนี้ เป็นผลสำรวจซึ่งรวบรวมจากผู้ตอบแบบสอบถาม 54,000 คนใน 39 ประเทศ ในช่วงเดือน มิถุนายน-สิงหาคม 2011 โดยให้ผู้ตอบแบบสอบถามสามารถระบุชื่อทีมฟุตบอลที่ตนเองชื่นชอบได้มากกว่า 1 ชื่อ
บริษัทผู้ทำวิจัยระบุว่า ทีม "ปิศาจแดง" แห่ง พรีเมียร์ลีก มีแฟนบอลที่เฝ้าติดตามข่าวสารและผลการแข่งขันทั่วโลกเป็นจำนวนมากถึง 659 ล้านคน ซึ่งเป็นจำนวนที่เพิ่มขึ้นถึง 2 เท่า ในช่วงระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา ขณะเดียวกันหากเทียบกับจำนวนประชากรโลกที่มีอยู่ราว 7 พันล้านคน นั่นเท่ากับ มีเหล่า "เร้ด อาร์มี่" นับเป็น 1 ใน 10 ของคนทั้งโลกเลยทีเดียว
ริชาร์ด อาร์โนลด์ ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจของทีม "ปิศาจแดง" กล่าวว่า "ผมไม่ได้มาเพื่อสนใจแต่เรื่องเงินๆ ทองๆ แต่สิ่งที่ผลสำรวจมันสะท้อนออกมากคือการที่เหล่าแฟนบอลของเราเพิ่มจำนวนขึ้นถึง 2 เท่าใน 5 ปีนั่นต่างหาก"
"รายงานชิ้นนี้ถือว่าสำคัญมาก ไม่ใช่เฉพาะในแง่ของการร่วมทุนด้านธุรกิจในส่วนของกลุ่มเป้าหมายเดิมและโอกาสที่จะเพิ่มกลุ่มเป้าหมายใหม่ แต่มันยังแสดงให้เห็นภาพของแผนงานที่ทำให้เราเข้าใจถึงสิ่งที่กำลังเป็นไปอย่างแท้จริง" อาร์โนลด์ กล่าว
ทั้งนี้ผอ.ฝ่ายธุรกิจของ แมนฯ ยูไนเต็ด ยังชี้ด้วยว่าร้อยละ 88 ของแฟนบอลของสโมสร เป็นกลุ่มคนที่อยู่ในตลาดที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง ในจำนวนนั้นรวมถึงแฟนบอล "ปิศาจแดง" ถึง 108 ล้านคนในประเทศจีนด้วย
ภาพข่าวจาก http://resources3.news.com.au (http://resources3.news.com.au)
-
"วาเลนเซีย" ซิวเสื้อเบอร์ 7 ผี, "คากาวะ" 26
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
4 กรกฎาคม 2555 00:39 น.
-http://www.manager.co.th/Sport/ViewNews.aspx?NewsID=9550000081664-
(http://pics.manager.co.th/Images/555000008598001.JPEG)
วาเลนเซีย ได้เสื้อเบอร์ 7 ไปครอง
(http://pics.manager.co.th/Images/555000008598002.JPEG)
คากาวะ ใส่เบอร์ 26
แฟนคลับของ ชินจิ คากาวะ แข้งใหม่หน้าหยกของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อาจมีเซ็งหลัง "ผีแดง" เผยกองกลางจากแดนปลาดิบ เตรียมสวมเสื้อเบอร์ 26 ลงเล่นกับทีมในฤดูกาลหน้า ขณะที่เสื้อเบอร์ 7 ในตำนานตกเป็นของ อันโตนิโอ วาเลนเซีย ปีกขวาชาวเอกวาดอร์
เมื่อคืนวันที่ 3 ก.ค. ตามเวลาเมืองผู้ดี manutd.com เว็บไซต์ทางการของทีม "ผีแดง" เปิดเผยรายชื่อนักเตะและเบอร์เสื้อประจำสโมสรในฤดูกาล 2012/13 ปรากฏว่า ชินจิ คากาวะ มิดฟิลด์ดาวรุ่งที่เพิ่งย้ายจาก โบรุสเซีย ดอร์ตมุนด์ จะลงเล่นกับทีมภายใต้เสื้อเบอร์ 26 ซึ่งถือเป็นการหักปากกานักวิเคราะห์และแฟนบอล หลังหลายฝ่ายให้ความเห็นว่าเจ้าตัวน่าจะได้สวมเสื้อเบอร์ 7 ในฤดูกาลนี้
ขณะที่เจ้าของเบอร์เสื้อในตำนานที่ในอดีตมียอดแข้งอย่าง จอร์จ เบสต์, ไบรอัน ร็อบสัน, เอริก คันโตนา, เดวิด เบ็คแฮม และ คริสเตียโน โรนัลโด สวมใส่มาแล้วนั้น ตกเป็นของ อันโตนิโอ วาเลนเซีย ปีกจอมโยนจากเอกวาดอร์ โดยเจ้าตัวจะได้สวมเสื้อเบอร์ 7 ต่อจาก ไมเคิล โอเวน ตำนานดาวยิงทีมชาติอังกฤษที่เพิ่งออกจากทีมไปหลังหมดสัญญา
ส่วน นิค พาเวลล์ แข้งดาวรุ่งจาก ครูว์ อเล็กซานดรา จะได้เสื้อเบอร์ 25 ไปใส่ในฤดูกาลหน้า ส่วนผู้เล่นคนอื่นๆยังยืนพื้นหมายเลขเดิมของตัวเอง โดย คากาวะ และ พาเวลล์ จะได้โอกาสลงโชว์ฝีเท้ากับทีมในเกมอุ่นเครื่องช่วงปรีซีซันนี้ จากการยืนยันของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ผู้จัดการทีม
.
-
ข่าวฟุตบอล แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยักษ์ใหญ่แห่งศึกพรีเมียร์ ลีก อังกฤษ จัดการเซ็นสัญญาคว้าตัว ฌอน กอสส์ ดาวรุ่งฟอร์มแรงของทีมเอ็กเซเตอร์ ซิตี้ ทีมแห่งลีกทูของอังกฤษ ด้วยค่าตัวราว 1 แสนปอนด์
(http://football.kapook.com/uploadnew/news/picture/15797-news-3217.jpg)
กองกลางดาวรุ่งวัย 16 ปี โชว์ฟอร์มโดดเด่นกับต้นสังกัดเมื่อฤดูกาลที่แล้วกับทีมชุดอายุต่ำกว่า 16 ปี ด้วยการซัดไปคนเดียว 13 ประตู และด้วยผลงานรวมถึงการที่เจ้าตัวเดินทางมาซ้อมกับ "ปีศาจแดง" ระหว่างการแข่งขันทัวร์นาเมนต์ที่ประเทศฮอลแลนด์ เมื่อต้นปีนี้ ทำให้บรมกุนซืออย่าง เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน รู้สึกประทับใจจนต้องเดินเรื่องคว้าตัวมาในที่สุด ด้วยการทุ่มงบราว 100,000 ปอนด์ (ประมาณ 5 ล้านบาท) เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 5 กรกฎาคม ที่ผ่านมา
"เมื่อหลายวันที่ผ่านมาผมรู้สึกไม่เหมือนเป็นเรื่องจริง การได้เห็นนักเตะทีมชุดใหญ่เดินยั้วเยี้ยไปมาและได้เห็นสนามซ้อมด้วย นี่ถือเป็นโลกที่แตกต่างออกไปสำหรับผม" เจ้าหนูวัย 16 ปี กล่าวผ่านเว็บไซต์ของ เอ็กเซเตอร์
"ในฐานะแฟน แมนฯ ยูไนเต็ด เช่นเดียวกับที่เป็นแฟน เอ็กเซเตอร์ ผมไม่อยากจะเชื่อเลยนะ ผมใฝ่ฝันมาโดยตลอด"
"ผมรอที่จะเริ่มต้นใหม่ไม่ไหวแล้วและก็มีเกมปรีซีซั่นที่กำลังใกล้เข้ามาแล้วด้วย"
"ผมต้องทำงานอย่างหนักต่อไป และเป้าหมายของผมคือพัฒนาตัวเองขึ้นเรื่อยๆ ตามลำดับ"
"ผมมีครอบครัวอยู่ใกล้ๆ และผมมั่นใจว่ามันจะช่วยให้ผมรู้อะไรอีกเยอะ เพราะพวกเขานั้นอยู่รอบๆ"
"เอ็กเซเตอร์ จะเป็นทีมแรกที่ผมมองหาผลการแข่งขันในวันเสาร์ และผมจะทำให้ดีที่สุดเพื่อที่จะไปดูเกมเยือนของพวกเขาทางเหนือ ถ้าหากผมไม่มีคิวลงสนาม" กองกลางดาวรุ่ง กล่าวทิ้งท้าย
-http://football.kapook.com/news_inside.php?id=15797&key=news-
ข่าวฟุตบอล แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เอาจริงเอาจังกับการล่าตัว ลูคัส มูร่า เพลย์เมคเกอร์อนาคตไกล มาเสริมทัพแล้วภายหลังการส่งตัวแทนบินไป บราซิล เพื่อหาข้อสรุปเรื่องค่าตัวกับทาง เซา เปาโล
(http://football.kapook.com/uploadnew/news/picture/15799-news-1648.jpg)
"เดลี่ มิร์เรอร์" สื่อชื่อดังแดนผู้ดี มีรายงานข่าวว่า สโมสร "ปิศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ส่งตัวแทนเดินทางไปยังประเทศ บราซิล เพื่อลองติดต่อทาบทามขอซื้อ ลูคัส มูร่า กองกลางตัวรุกพรสวรรค์สูง จากทีม เซา เปาโล ซึ่งปัจจุบันก้าวขึ้นไปเป็นสตาร์ในทีมชุดใหญ่เรียบร้อย โดยค่าตัวน่าจะสูงถึง 35 ล้านปอนด์ (1,750 ล้านบาท) เลยทีเดียว
อย่างไรก็ตาม เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน บรมกุนซือ แห่งถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ต้องการดึงตัวดาวเตะวัย 19 ปีมาร่วมทีมให้ได้ถึงขนาดเข้าไปขอร้องครอบครัว เกลเซอร์ ที่เป็นเจ้าของสโมสรให้ยอมอนุมัติงบ 30 ล้านปอนด์ไว้ใช้เพื่อการนี้ หลังจากฤดูกาลก่อนต้นสังกัดต้องคว้าน้ำเหลวไม่มีแชมป์ติดมือแม้แต่รายการเดียว
ทั้งนี้ เซา เปาโล ตั้งค่าตัวของ มูร่าไว้ ที่ 35 ล้านปอนด์ แต่ดูเหมือนว่า "ปีศาจแดง" จะพยายามต่อรองให้ได้ราคาที่ต่ำกว่านี้เพื่อจะได้กองกลางที่เล่นไป 35 เกมในฤดูกาลล่าสุด พร้อมทำไป 9 ประตูกับ 7 แอสซิสต์ มาบัญชาเกมรุกให้กับสโมสร
Lucas Moura 2012 HD Best Skills Tricks Assists & Goals Next Ronaldo (http://www.youtube.com/watch?v=dRuTap8MBxg#ws)
-http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=dRuTap8MBxg-
-http://football.kapook.com/news_inside.php?id=15799&key=news-
-
ช็อก! "ปาร์ค" ลาผีจ่อซบคิวพีอาร์
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
7 กรกฎาคม 2555 04:58 น.
-http://www.manager.co.th/Sport/ViewNews.aspx?NewsID=9550000083219-
(http://pics.manager.co.th/Images/555000008759401.JPEG)
ปาร์ค เตรียมซบคิวพีอาร์?
กระแสข่าวจากสื่อเมืองผู้ดีหลายสำนักระบุว่า ปาร์ค จี ซอง มิดฟิลด์เลือดกิมจิ ตัดสินใจลา "ผีแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รองแชมป์พรีเมียร์ชิป อังกฤษ ย้ายซบ ควีนสปาร์ก เรนเจอร์ เพื่อนร่วมลีก โดยเตรียมเปิดตัววันจันทร์ที่ 9 ก.ค.นี้
นับแต่ย้ายจาก พีเอสวี ไอด์โฮเฟน มาค้าแข้งในถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เมื่อปี 2005 ปาร์ค เป็นผู้เล่นคีย์แมนคนหนึ่งในความสำเร็จของ แมนฯ ยูไนเต็ด โดยคว้าแชมป์ลีกเมืองผู้ดี 4 สมัยและยูฟา แชมเปียนส์ ลีก อีก 1 สมัย แต่ทว่าช่วง 2 ฤดูกาลหลังสุดบทบาทในทีมของเซอร์ อเลกซ์ เฟอร์กูสัน ลดน้อยลง
ด้าน มาร์ค ฮิวจ์ส กุนซือ คิวพีอาร์ ชื่นชอบฝีเท้าดาวเตะวัย 30 ปีมานาน และได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีจาก โทนี เฟร์นานเดซ ประธานสโมสรชาวมาเลเซีย ซึ่งมองเห็นศักยภาพในการทำการตลาด ถ้าหากได้เซ็นสัญญาดึงผู้เล่นชาวเอเชียมาร่วมทีม โดย "ทหารเสือราชินี" ยื่นข้อเสนอเป็นจำนวนเงิน 5 ล้านปอนด์ (ประมาณ 250 ล้านบาท) ให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ซื้อตัวอดีตกัปตันทีมชาติเกาหลีใต้
ควีนสปาร์ก ประกาศเชิญสื่อมวลชนทั้งระดับท้องถิ่นและนานาชาติมาร่วมงานแถลงข่าวของสโมสรในวันจันทร์ที่ 9 ก.ค.นี้ ซึ่งคาดว่าจะมีการเปิดตัว ปาร์ค นักเตะคนใหม่ของทีมด้วย
ถ้ารายงานข่าวดังกล่าวเป็นจริง ปาร์ค จะกลายเป็นผู้เล่นคนที่ 5 ที่ย้ายมายังถิ่นลอฟตัส โร้ด ในซัมเมอร์นี้ ต่อจาก โรเบิร์ต กรีน แอนดี จอห์นสัน ไรอัน เนลสัน และ แซมบา ดิอากิเต ซึ่งเซ็นสัญญาร่วมทีมถาวร
-
วาเลนเซียเล่นได้ดีจริงๆ ชอบครับ
(http://football.kapook.com/uploadnew/news/picture/15804-news-6816.jpg)
ข่าวฟุตบอล แกรี เนวิลล์ อดีตกัปตันทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เชื่อว่า อันโตนิโอ วาเลนเซียจะเล่นได้อย่างเหมาะสมกับหมายเลข 7 บนหลังเสื้อของเขาในถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด
-http://football.kapook.com/news_inside.php?id=15804&key=news-
แกรี่ เนวิลล์ อดีตฟูลแบ๊กทีมชาติอังกฤษ และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สนับสนุนการตัดสินใจของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน นายใหญ่ "ปีศาจแดง" ที่มอบเสื้อหมายเลข 7 ให้กับ อันโตนิโอ วาเลนเซีย ปีกรถด่วนชาวเอกวาดอร์ ว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องทุกประสบการณ์ จากผลงานยอดเยี่ยมตลอดซีซั่นที่แล้ว พร้อมยกย่องด้วยว่าจะเล่นได้สมราคาเจ้าของเบอร์เสื้อในตำนานอย่างแน่นอน
"อันโตนิโอ คือการเซ็นสัญญาที่มหัศจรรย์สำหรับ ยูไนเต็ด เขาทำผลงานดีมาโดยตลอด ดังนั้นเขาเหมาะสมแล้วสวมเสื้อเบอร์ 7 " อดีตฟูลแบ๊กทีมชาติอังกฤษ เปิดใจผ่านเว็บไซต์สโมสร
"จากที่เคยเล่นกับเขา 2 ปี ผมบอกได้เลยว่าเขาคือนักเตะที่ฉลาดปราดเปรื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่ถอยลงมาเล่นเป็นแบ๊กขวา"
"เขาทำหลายสิ่งหลายอย่างได้ดีและอยู่ในทางที่ถูกที่ควร เขายังขยันช่วยทีมยามที่ไม่มีบอล เขาผ่านบอลระดับชั้นเลิศและมีความสามารถเฉพาะตัวที่เอาชนะตัวประกบได้"
"เขาเป็นนักเตะเอนกประสงค์เล่นได้หลายตำแหน่งตามที่โค้ชสั่ง ผมประทับใจที่เห็นเขาพังประตูได้เมื่อฤดูกาลที่แล้ว ผมอยากเห็นเขายิงสัก 10-15 ประตูต่อฤดูกาล"
ทั้งนี้ หมายเลข 7 เป็นหมายเลขระดับตำนานของทีม "ปีศาจแดง" ที่มีนักเตะชื่อดังสวมใส่มากมาย อาทิ จอร์จ เบสต์, เอริค คันโตนา, เดวิด เบ็คแฮม, คริสเตียโน โรนัลโด้ และหลังจากที่เจ้าของเสื้อเบอร์นี้รายล่าสุดคือไมเคิล โอเว่น ออกจากสโมสรไปเมื่อเดือนมิถุนายน เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ก็ขอให้ปีกจรวดรายนี้รับเสื้อเบอร์ดังกล่าวต่อไป
.
-
.
ข่าวฟุตบอล ทีม "ทหารเสือราชินี" ควีนสปาร์ค เรนเจอร์ส ประกาศคว้าตัว พาร์ค ชี ซอง จากทีม "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อย่างเป็นทางการ เซ็นสัญญาระยะเวลา 2 ปีด้วยกัน
(http://football.kapook.com/uploadnew/news/picture/15810-news-5438.jpg)
"ทหารเสือราชินี" ควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ส สโมสรในศึกพรีเมียร์ลีก บรรลุข้อตกลงคว้าตัว พาร์ค จี-ซอง มิดฟิลด์จอมขยันของ "ปีศาจแดง" แมนฯ ยูไนเต็ด ไปร่วมทัพเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ด้วยเซ็นสัญญาเป็นเวลา 2 ปี ส่วนค่าตัวตกลงกันที่ 5 ล้านปอนด์ (ราว 250 ล้านบาท) โดยคิวพีอาร์จะจ่ายก่อน 2 .5 ล้านปอนด์ (ราว 125 ล้านบาท) และหากทีมไม่ตกชั้นจะจ่ายเพิ่มให้อีก 2.5 ล้านปอนด์ (ราว 125 ล้านบาท) ตามรายงานเมื่อวันจันทร์ที่ 9 ก.ค. ที่ผ่านมา
และหลังจากเซ็นสัญญา พาร์ค จี- ซอง ได้กล่าวขอบคุณทั้งต้นสังกัดเก่าและใหม่ พร้อมมั่นใจพาทีมสู้และรอดตายในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลหน้าได้อย่างแน่นอน
"ควีนส์ ปาร์ค เรนเจอร์ส เป็นสโมสรที่ยิ่งใหญ่ พวกเขาและแฟนๆ มีความมุ่งมั่นและเต็มเปี่ยมไปด้วยวัฒนธรรมฟุตบอลที่ดีงาม" ปาร์คกล่าวหลังการแถลงข่าวเซ็นสัญญา
"ผู้จัดการทีมต้องการสไตล์ใหม่ๆ ในเกมรุก ผมคือหนึ่งในนั้น และสิ่งที่ผมจะทำคือสร้างสรรค์ผลงานที่นี่ให้ดีที่สุด ทุกๆ อย่างที่นี่พร้อมสำหรับการแข่งขัน บรรยากาศ แฟนบอล และสเตเดี้ยม"
ในขณะที่มาร์ค ฮิวจ์ ผู้จัดการทีม คิวพีอาร์ ก็ได้กล่าวด้วยความตื้นตันหลังได้ตี๋พาร์คมาร่วมทีม
"เป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมในฤดูกาลนี้ที่เราได้พาร์ค จี- ซองมาเป็นส่วนหนึ่งของทีม"
"ผมชอบในความขยันและลูกบ้าของเขา นี่คือสิ่งที่จะมาช่วยเติมเต็มให้สโมสรมีความกระหายในชัยชนะสำหรับฤดูกาลถัดไป"
ทั้งนี้ พาร์ค จี-ซอง เล่นให้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไปแล้ว 203 นัด และยิงไป 27 ประตู ตั้งแต่ย้ายจากพีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น ในลีกฮอลแลนด์ เมื่อปี 2005 เขากลายเป็นนักเตะเอเชียคนแรกที่ได้ลงเล่นในเกมนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อปี 2009 และเขาร่วมทีมยูไนเต็ด คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกสี่สมัย
ขณะเดียวกัน พาร์ค เป็นนักเตะคนที่สองจากแมนฯ ยูไนเต็ด ที่ย้ายมาร่วมทีมควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ส ต่อจาก ฟาบิโอ ดา ซิลวา กอลหลังดาวรุ่งชาวบราซิล
-http://football.kapook.com/news_inside.php?id=15810&key=news-
ข่าวฟุตบอล ริโอ เฟอร์ดินานด์ กองหลังตัวเก๋า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เผยรู้สึกเสียใจที่เห็น พาร์ค จี ซอง ย้ายออกจากถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ดไป โดยยกย่องมิดฟิลด์ชาวกิมจิว่าเป็นส่วนสำคัญในความสำเร็จของ "ผีแดง" ตลอดระยะเวลา 7 ปีที่รับใช้ทีม
พาร์ค ตัดสินใจ ย้ายไปค้าแข้งให้กับทีม "ทหารเสือราชินี" ควีนส์ปาร์ก เรนเจอร์ส โดยเพิ่งเซ็นสัญญาเป็นเวลา 2 ปีเมื่อวันจันทร์ที่ 9 ก.ค.ที่ผ่านมา หลังจากเล่นให้กับ แมนฯ ยูไนเต็ด มาตั้งแต่ปี 2005 พร้อมประสบความสำเร็จร่วมกับทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 4 สมัยและยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก 1 สมัย
โดยล่าสุด ริโอ เฟอร์ดินานด์ ปราการหลังว่างงานช่วงยูโร 2012 ให้สัมภาษณ์กับ เอ็มยูทีวี เกี่ยวกับพาร์ค จี ซอง อดีตเพื่อนร่วมทีมของเขา ว่าเป็น "ของจริง" และเป็นที่รักของทุกคนในสโมสรเสมอมา
" จี เป็นนักเตะที่วิเศษและเป็นยอดนักเตะอย่างแท้จริง เพื่อนร่วมทีมและแฟนๆ ของสโมสรเราประทับใจเขาอย่างมากมายในหลายปีที่่ผ่านมา เขาเป็นลูกทีมที่ยอดเยี่ยมและไม่เคยก่อปัญหาอะไรเลย"
"เขาไม่เคยเล่นบอลเห็นแก่ตัว มีแต่เล่นเพื่อทีมเสมอมา และเป็นส่วนหนึ่งในช่วงเวลาแห่งความสำเร็จของทีม"
"ผมเศร้าที่ต้องเห็นเขาจากไป เพราะเขาเป็นคนดีคนหนึ่งเลยล่ะ พอผ่านไปสักสามสี่ปี เขาก็เริ่มเปิดหาทุกคนมากขึ้น กลายเป็นส่วนหนึ่งของพวกเรา ยิงมุขก็บ่อย ก็อย่างที่ผมบอกน่ะ ผมเศร้าจริง ๆ ที่ต้องเห็นเขาจากไป เขาเป็นคนน่ารักมาก"
นอกจากนี้แล้ว เฟอร์ดินานด์ ยังได้ยิงมุกด้วยว่าถ้าต้องเจอกันในสนาม เขาคงต้องก่อกวนไม่ให้มิดฟิลด์พลังโสมฟิตเต็มร้อยก่อนลงสนาม ไม่งั้นทีมคงลำบาก
"เดี๋ยวเราจะหาทางงัดเข้าห้องโรมแรมของเขาให้ได้ก่อนที่เกมที่พวกเราจะเจอกัน แล้วป่วนให้เขาไม่ได้นอนเลย จะได้ไม่มาวิ่งไล่เราเหมือนหมาบ้าตลอดเกม!"
"จีเป็นนักเตะที่ยอดเยี่ยมที่ทำให้คนในทีมประทับใจแบบสุดๆ จริงๆ"
ขอบคุณภาพประกอบจาก mirrorfootball.co.uk
-http://football.kapook.com/news_inside.php?id=15813&key=news-
---------------------------------------------------
ขอให้โชคดีครับ พาร์ค จี-ซอง และ ฟาบิโอ ดา ซิลวา
.
-
ข่าวฟุตบอล แมนฯ ยูไนเต็ด ประกาศยืนยันตอนนี้ได้ตกลงเงื่อนไขการย้ายทีมของ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ กับ อาร์เซน่อล ได้แล้ว เหลือเพียงการเข้าตรวจร่างกายกับสัญญาส่วนตัวเท่านั้น
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แถลงการณ์ยืนยันเมื่อวันพุธที่ 15 สิงหาคมที่ผ่านมาว่า ตอนนี้ได้ตกลงเงื่อนไขในการเซ็นสัญญากับ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ กองหน้าทีมชาติฮอลแลนด์ จาก "ไอ้ปืนใหญ่" อาร์เซน่อล แล้ว และนักเตะน่าจะสลัดน้ำหมึกเซ็นสัญญา 4 ปีกับ "ผีแดง" โดยมีรายงานว่าค่าตัวคงอยู่ที่ 24 ล้านปอนด์ (ราว 1,200 ล้านบาท) โดยค่าเหนื่อยน่าจะอยู่ที่ประมาณ 200,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์
แถลงการณ์จากเว็บไซต์ของแมนฯ ยูไนเต็ด บอกว่า"แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยินดีที่จะประกาศว่าได้บรรลุข้อตกลงการย้ายตัว โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ กับ อาร์เซน่อลแล้ว"
"ดีลนี้เหลือขั้นตอนการตรวจร่างกายและการตกลงสัญญาส่วนตัว หากมีความคืบหน้าเพิ่มขึ้นจะประกาศให้ทราบต่อไป"
ด้าน อาร์เซน่อลเอง ก็มีแถลงการณ์เช่นกันว่า "สโมสรอาร์เซน่อลยืนยันว่าได้ตกลงเรืื่องข้อเสนอย้ายตัวโรบิน ฟาน เพอร์ซี่กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดแล้ว"
"ฟาน เพอร์ซี่จะเดินทางไป แมนเชสเตอร์ ในวันพฤหัสบดีนี้ เพื่อตกลงเรื่องสัญญาส่วนตัวและตรวจร่างกายให้เสร็จสิ้นเพื่อย้ายร่วมทัพ"
http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=AVzsSNDWRig#! (http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=AVzsSNDWRig#!)
-http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=AVzsSNDWRig#!-
-http://football.kapook.com/news_inside.php?id=16071&key=news-
.
-
ดีลแห่งฤดูกาลป่าวนะตัวนี้
สวดยอดครับได้ตัวนี้..แต่สงสารเวนเกอร์
พยายามสร้างทีมแต่ลูกๆพอดังแล้วชิ่งหมด
นอกเรื่องินดนึงแหะๆ..
-
ค่าตัวนักบอลแต่ละคนนี่ ผมเห็นแล้วอ้าปากค้างเลยครับ สุดยอด
ขอบคุณครับพี่หนุ่ม :25:
-
.
ข่าวฟุตบอล
-http://football.kapook.com/news_inside.php?id=16090&key=news-
โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ เซ็นสัญญา ร่วมทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อย่างเป็นทางการ
เจ้าตัวเผยถือเป็นความภาคภูมิใจอย่างยิ่ง ขอตั้งเป้าทำผลงานให้สังกัดใหม่เต็มที่
(http://football.kapook.com/uploadnew/news/picture/16090-news-3256.jpg)
ภาพประกอบจาก http://www.dailymail.co.uk (http://www.dailymail.co.uk)
ดาวยิงวัย 29 ปี เดินทางมาตรวจร่างกายกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ตั้งแต่เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ก่อนที่จะทำการเซ็นสัญญาเรียบร้อยทุกขั้นตอนในวันนี้ โดยแถลงการณ์ของทีม "ปิศาจแดง" ระบุว่า "โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ ได้ผ่านการตรวจร่างกายพร้อมทั้งบรรลุข้อตกลงเงื่อนไขส่วนตัว และดำเนินการเซ็นสัญญากับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นเวลา 4 ปีจนถึงปี 2016"
ด้าน อาร์วีพี ซึ่งจะเริ่มลงซ้อมและพร้อมลงเล่นให้ทีมใหม่โดยทันทีในเกมประเดิมสนาม พรีเมียร์ลีก ฤดูกาลใหม่กับ เอฟเวอร์ตัน วันจันทร์ที่ 20 ส.ค. นี้ กล่าวว่า "ผมกำลังมองไปข้างหน้าในการเดินตามรอยเหล่ายอดกองหน้าหลายๆ คน และจะนำประสบการณ์ของผมมาใช้ทำหน้าที่ให้ดีที่สุด เพื่อช่วยทีมในการลงเล่นรายการสำคัญๆ ผมอดใจรอที่จะเริ่มต้นไม่ไหวแล้ว"
ส่วน เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ผู้จัดการทีมจอมเก๋า กล่าวต้อนรับลูกทีมคนใหม่ว่า "โรบิน คือกองหน้าระดับโลกที่พิสูจน์ตัวเองมาแล้วด้วยสถิติการเล่นในอังกฤษและในยุโรป ความสามารถของเขาไม่จำเป็นจะต้องมีการอธิบายอะไรกันอีก แฟนๆ ของเรารู้ดีเพราะเขายิงเรามาหลายลูกแล้วในเกมสุดคลาสสิกหลายๆ นัดตอนที่เขาอยู่กับทีมเก่า"
"การเคลื่อนที่, การจบสกอร์ และความสามารถโดยรวมของเขามันสุดยอด" "เฟอร์กี้" กล่าว
------------------------------------------------------
ข่าวฟุตบอล
-http://football.kapook.com/news_inside.php?id=16088&key=news-
แดนนี่ เวลเบ็ค หัวหอกวัยโจ๋ ของทีม "ปิศาจแดง" แมนฯ ยูไนเต็ด ให้สัมภาษณ์ต้อนรับ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ย์
ว่าที่กองหน้าคนใหม่ของทีม โดยชี้ว่าเขาจะเข้ามาพัฒนาศักยภาพของทีม และทำให้การแข่งขันแย่งตำแหน่งเข้มข้นขึ้น
(http://football.kapook.com/uploadnew/news/picture/16088-news-4197.jpg)
แดนนี่ เวลเบ็ค กองหน้าทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ออกมากล่าวแสดงความมั่นใจว่าการเซ็นสัญญาคว้าตัว โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ หัวหอกดัตซ์แมน มาร่วมทีม จะเป็นการเพิ่มโอกาสของทัพ "ปีศาจแดง" ในการไล่ล่าบัลลังก์แชมป์ลีกในฤดูกาลที่จะถึงนี้
"เขาเป็นนักเตะที่มีคุณภาพที่ยอดเยี่ยมและก็เป็นกองหน้าระดับโลก" เวลเบ็ค กล่าวทิ้งท้าย
"เขาสามารถทำประตูได้,สามารถสร้างสรรค์ประตู เขาเป็นนักเตะประเภทที่จะคว้าถ้วยรางวัลให้กับทีมของคุณ"
"มันเป็นเรื่องยอดเยี่ยมที่พวกเราจะมีการแข่งขันภายในทีม คุณไม่สามารถนั่งเอนหลังสบายๆ ได้กับสโมสรอย่าง ยูไนเต็ด เพราะคุณจะต้องเอาชนะในทุกๆ เกมการแข่งขัน"
"คุณต้องมองในแง่ดีด้วย ผมจะได้เล่นเคียงข้างกับกองหน้าระดับโลก เรามีกลุ่มกองหน้าที่ยอดเยี่ยมในสโมสรในเวลานี้ และยังจะมีอีก 1-2 คน ที่ก้าวขึ้นมาอีกด้วย"
.
เรียบร้อย! “อาร์วีพี” เซ็นผี 4 ปี ลั่นยิงกระจาย
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
17 สิงหาคม 2555 17:59 น.
-http://www.manager.co.th/Sport/ViewNews.aspx?NewsID=9550000101508-
(http://pics.manager.co.th/Images/555000010706101.JPEG)
อาร์วีพี เซ็นซบผีอย่างเป็นทางการ
โรบิน ฟาน เพอร์ซี กองหน้าชาวดัตช์ เปิดตัวเป็นผู้เล่นคนใหม่ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นทีเรียบร้อยแล้ว หลังตัดสินใจเซ็นสัญญา 4 ปี พร้อมฟันค่าเหนื่อย 250,000 ปอนด์ ต่อสัปดาห์ ขณะที่เจ้าตัวเผยรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง และพร้อมแล้วที่จะช่วยทีมกระชากแชมป์พรีเมียร์ลีก
ดาวยิงจากแดนกังหันลม เดินทางมาตรวจร่างกายกับ “ผีแดง” เมื่อคืนวันที่ 16 ส.ค.ที่ผ่านมา ก่อนพบปะกับเพื่อนร่วมทีมอย่าง เวนย์ รูนีย์ คู่หูแดนหน้า และคนอื่นๆ ในแคมป์ช่วงเช้า ซึ่งหลังเสร็จสิ้นการเยี่ยมเยียน เจ้าตัวก็ได้จรดปากกาเซ็นสัญญาค้าแข้งในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด เป็นเวลา 4 ปี โดยมี เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ผู้จัดการทีมเป็นสักขีพยาน
หลังเซ็นสัญญามูลค่า 12 ล้านปอนด์ (ประมาณ 600 ล้านบาท) พร้อมรับค่าเหนื่อย 250,000 ปอนด์ ต่อสัปดาห์ (ประมาณ 12.5 ล้านบาท) ฟาน เพอร์ซี ก็เปิดใจถึงการเซ็นสัญญาย้ายทีมครั้งนี้ว่า “ถือเป็นเกียรติอย่างมากที่ได้เซ็นสัญญากับทีมอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด”
“เวลานี้ ผมกำลังมองไปถึงการเดินตามรอยเท้าของบรรดากองหน้าระดับโลก และนำประสบการณ์ที่มี รวมถึงสไตล์การเล่นของผมเข้ามาเป็นส่วนช่วยให้ทีมลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก ในฤดูกาลนี้ ซึ่งบอกได้เลยว่าผมรอไม่ไหวแล้วที่จะได้เริ่มต้นลงสนามเกมแรกให้กับทีม” กองหน้าวัย 29 ปี กล่าว
ทั้งนี้ “เฟอร์กี” กล่าวชื่นชมฝีเท้าของ ฟาน เพอร์ซี ว่า เป็นดาวยิงระดับแถวหน้าของโลกอย่างแท้จริง พร้อมยืนยันเตรียมส่งกองหน้าคนใหม่ประเดิมสนามในพรีเมียร์ลีกนัดแรกของทีม บุกเยือน “ทอฟฟีสีน้ำเงิน” เอฟเวอร์ตัน ที่กูดิสัน พาร์ค วันจันทร์ที่ 20 สิงหาคมนี้ ส่วนเบอร์เสื้อของ “อาร์วีพี” นั้น ยังไม่มีการระบุออกมาอย่างเป็นทางการ
ใจสั่งมา!!! "RVP" โยกซบผี
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 18 สิงหาคม 2555 03:47 น.
-http://www.manager.co.th/Sport/ViewNews.aspx?NewsID=9550000101626-
(http://pics.manager.co.th/Images/555000010717201.JPEG)
"อาร์วีพี" พร้อมล่าโทรฟีกับ แมนฯ ยูไนเต็ด
โรบิน ฟาน เพอร์ซี หัวหอกทีมชาติเนเธอร์แลนด์ส กล่าวว่า การย้ายจาก อาร์เซนอล มาอยู่กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คู่ปรับร่วมเกาะอังกฤษ เป็นการทำตามสิ่งที่อยู่ภายในจิตใจเรียกร้อง เพื่อการไล่ล่าความสำเร็จในชีวิตการค้าแข้งของตนเอง
เมื่อ นักเตะวัย 29 ปี ตัดสนใจอำลาถิ่น เอมิเรตส์ สเตเดียม สโมสรชั้นนำของยุโรปหลายต่อหลายทีม ต่างต้องการล่าลายเซ็นของ ดาวยิงชาวดัตช์ ทว่า อดีตกัปตันทีม "ปืนใหญ่" เลือกที่จะปฏิเสธยักษ์ใหญ่อย่าง ยูเวนตุส และ แมนเชสเตอร์ ซิตี ก่อนจะมุ่งหน้าสู่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด เพื่อความหวังในการคว้าแชมป์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ "อาร์วีพี" ต้องการมากที่สุดในช่วงบั้นปลายอาชีพนักฟุตบอล
ดาวซัลโวสูงสุดพรีเมียร์ชิป 2011-12 กล่าวว่า "ในสถานการณ์เช่นนี้ เมื่อคุณต้องการการตัดสินใจที่เด็ดขาดในชีวิตของคุณ ผมจะฟังเด็กตัวเล็กๆ ที่อยู่ภายในตัวผม อะไรคือสิ่งที่เขาต้องการ เด็กคนนั้นตะโกนออกมาว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทุกลมหายใจของ แมนฯ ยูไนเต็ด คือ ฟุตบอล"
อดีตนักเตะ เฟเยนูร์ด เสริมอีกว่า "ผมตัดสินใจค่อนข้างรวดเร็ว มันขึ้นอยู่กับหลายๆ อย่าง ผู้เล่นทุกคนของ แมนฯ ยูไนเต็ด , สนาม และผู้จัดการทีม ผมรักฟุตบอล จากความคิดเช่นนั้น ผมเป็นคนที่มีหลักการพอสมควร และผมรู้สึกว่านี่คือการจับคู่ที่สมบูรณ์แบบสำหรับผม"
-
ดีลแห่งฤดูกาลป่าวนะตัวนี้
สวดยอดครับได้ตัวนี้..แต่สงสารเวนเกอร์
พยายามสร้างทีมแต่ลูกๆพอดังแล้วชิ่งหมด
นอกเรื่องินดนึงแหะๆ..
เจ้าของทีม คงไม่ให้ใช้เงินซื้อตัวดีๆมากนัก สร้างเด็กใหม่ก็ไม่ทัน ทีมก็เลยแย่
เวนเกอร์เอง พี่ว่าอีกไม่นาน ก็น่าจะไปเหมือนกัน เพราะหมดไฟกับอาร์เซนอล
-
Everton 1-0 Man.U.
ผีกลัวหงส์เหงา เราจึงมาเป็นเพื่อนนาย 555+
:46: :13:
-
:24: :24: :24:
-http://football.kapook.com/news_inside.php?id=16103&key=news-
http://football.kapook.com/news_inside.php?id=16103&key=news (http://football.kapook.com/news_inside.php?id=16103&key=news)
.
-
โชคดีน๊ะเบิร์บ :05:
-------------------------------------------
เสร็จเจ้าสัว! "เบิร์บ" ย้ายซบ 2 ปี ยึดเบอร์ 9
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
31 สิงหาคม 2555 22:58 น.
-http://www.manager.co.th/Sport/ViewNews.aspx?NewsID=9550000107521-
(http://pics.manager.co.th/Images/555000011339001.JPEG)
เบิร์บ สวมเบอร์ 9 ให้เจ้าสัว
ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ ศูนย์หน้าอารมณ์ศิลปินย้ายจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไปซบอก ""เจ้าสัวน้อย" ฟูแลม เป็นที่เรียบร้อย ด้วยค่าวราว 5 ล้านปอนด์ (ประมาณ 250 ล้านบาท) ด้วยสัญญา 2 ปี หลังไม่มีอนาคตในถิ่นโอลด์แทร๊ฟ ฟอร์ด
หัวหอกชาวบัลแกเรีย เดินทางมาถึงสนาม คาเวน ค็อตเทจ ของ ฟูแลม และทำการเปิดตัวหลังสโมสรแห่งกรุงลอนดอนบรรลุข้อเสนอคว้าตัวด้วยราคา 5 ล้านปอนด์ (ประมาณ 250 ล้านบาท) เมื่อบ่ายวันศุกร์ที่ 31 ส.ค. ที่ผ่านมา พร้อมรับเสื้อหมายเลข 9 แทนที่
โดย เบอร์บาตอฟ กล่าวหลังจากชูเสื้ออย่างเป็ฯทางการที่ ม็อตสเปอร์ ปาร์ค สนามซ้อมของเจ้าสัวน้อยว่า "ผมยินดีที่ได้เซ็นสัญญากับ ฟูแลม และได้ย้ายมาร่วมกับ มาร์ติน โยล อีกครั้ง ทันทีที่ทราบว่าพวกเขาสนใจผม ผมตัดสินใจจะย้ายไปร่วมทีมนี้ทันที มันรับรู้ได้ถึงความอบอุ่นและมีความรู้สึกใกล้ชิดกเหมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน ผมไม่สามารถจะรอที่จะเริ่มต้นกับทีมใหม่ได้"
สำหรับ "เบิร์บ" ย้ายจาก สเปอร์ส มาสู่ "ปิศาจแดง" เมื่อปี 2008 ด้วยค่าตัวราว 30 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,500 ล้านบาท) และลงสนามให้ ยูไนเต็ดไปทั้งสิ้น 106 นัด ยิง 48 ประตู
3
-
ไปซะแล้วผมว่าเบิร์บยังไม่หมดพิษสงนะน่าจะช่วยฟูแล่มได้เยอะ
และอาจช่วยให้ฟูแล่มลืมเดมซี่ย์ที่จากไปไก่ได้..ผมเพ้อคนเดียว
55555555555+...
-
Roy Keane - The Real Captain Fantastic
Roy Keane - The Real Captain Fantastic (http://www.youtube.com/watch?v=8Tf6mrA0-tA#)
-http://www.youtube.com/watch?v=8Tf6mrA0-tA&feature=related-
Roy Keane - The Real Captain Fantastic (http://www.youtube.com/watch?v=8Tf6mrA0-tA#)
.
-
Schmeichel goal
Schmeichel goal (http://www.youtube.com/watch?v=XiypsJpTx3E#)
-http://www.youtube.com/watch?v=XiypsJpTx3E&feature=related-
Peter Schmeichel - Legend of Manchester United
Peter Schmeichel - Legend of Manchester United (http://www.youtube.com/watch?v=Ts67qAXcJ3o#)
-http://www.youtube.com/watch?v=Ts67qAXcJ3o&feature=related-
The Great Dane - Peter Schmeichel
The Great Dane - Peter Schmeichel (http://www.youtube.com/watch?v=oeeUNbFTE24#)
-http://www.youtube.com/watch?v=oeeUNbFTE24&feature=related-
.
-
.
เฟอร์กี้บอกสูตรไดมอนด์นำผีแดงเถลิงแชมป์
-http://www.innnews.co.th/shownews/show?newscode=410020-
(http://www.innnews.co.th/images/news/2012/7/410020-01.jpg)
เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ค้นพบสูตรสำเร็จครั้งใหม่ ใช้แผงมิดฟิลด์ ระบบ "เหลี่ยมเพชร" นำ "ผีแดง" ทวงบัลลังก์แชมป์ซีซั่นนี้
เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน บรมกุนซือของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แสดงความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมว่า การเล่นรูปแบบใหม่ ภายใต้ในระบบ 4-4-2 ที่คิดค้นขึ้นมาโดยบังเอิญนั้น เปี่ยมไปด้วยความลงตัวทุกจุด และจะเป็นกุญแจดอกสำคัญที่นำพาทัพ "ปีศาจแดง" กลับมาทวงบัลลังก์แชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาลนี้ในบั้นปลาย
แมนยู ปรับเปลี่ยนมาใช้สูตรการเล่น แบบไดมอนด์ หรือ "เหลี่ยมเพชร" ตรงแผงมิดฟิลด์ ตลอด 3 เกมหลังสุด นำโดย ไมเคิล คาร์ริค คู่หน้าแผงแนวรับ , ทอม เคลฟเวอร์ลี่ย์ ยืนทางกราบซ้าย , ชินจิ คากาวะ ทำเกมด้านขวา โดยมี เวย์น รูนี่ย์ ถอยลงทำปั้นเกมรุกหลังกองหน้า ก่อนนำมาซึ่งชัยชนะทั้งหมด ซึ่ง "เฟอร์กี้" มั่นอกมั่นใจเสียเต็มประดาว่า สูตรใหม่ที่คิดค้นขึ้นมา จะกลายเป็นเคล็ดลับสู่ความสำเร็จในซีซั่นนี้ได้อย่างแน่นอน
.
-
ผีแดงจ่อรับทรัพย์ก้อนโต หลังเตรียมถกขยายสัญญากับไนกี้
(http://files.palungjit.com/attachment.php?attachmentid=2318356&d=1351297082)
-http://men.kapook.com/view49655.html-
(http://img.kapook.com/u/suttichai/a999993/mrojwy9p.jpg)
(http://img.kapook.com/u/suttichai/a999993/56ph6xt5.jpg)
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก facebook Manchester United, facebook nike
เว็บไซต์เดลิเมล ของอังกฤษ รายงานว่า "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มหาอำนาจลูกหนังจากเกาะอังกฤษ เตรียมตัวนั่งนับเงินก้อนโต เมื่อเตรียมเปิดเจรจาต่อสัญญากับ "ไนกี้" ผลิตภัณฑ์กีฬาชื่อดังจากประเทศสหรัฐอเมริกา ในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2013 เพื่อขยายสัญญาในการเป็นสปอนเซอร์ชุดแข่งให้ต่อไป ซึ่งหากข้อตกลงสามารถบรรลุไปได้ด้วยดี จะทำให้ทีมปีศาจแดงได้รับทรัพย์ก้อนโตเป็นสถิติใหม่อย่างแน่นอน
ทางไนกี้ได้ทำสัญญาเป็นสปอนเซอร์ชุดแข่งกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นระยะเวลาทั้งหมด 13 ปี โดยสัญญาปัจจุบันนั้นจะสิ้นสุดลงในปี 2015 ซึ่งมีมูลค่าราว 303 ล้านปอนด์ (หรือประมาณ 15,100 ล้านบาท) ยังไม่นับส่วนแบ่งจากยอดขายเสื้ออีกต่างหาก
ด้านนายเอ็ด วู้ดวาร์ด บอร์ดบริหารที่ดูแลเกี่ยวกับเรื่องการค้าและข้อตกลงทางธุรกิจให้กับทางสโมสร เผยว่าทางสโมสรกำลังตั้งหน้าตั้งตารอที่จะได้พูดคุยกับทางไนกี้เกี่ยวกับข้อตกลงในครั้งนี้ ซึ่งพวกเขาคิดว่าจะต้องเป็นการต่อสัญญาครั้งสำคัญที่สุดของสโมสรด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ เป็นที่เชื่อกันว่าหากข้อตกลงระหว่างสองมหาอำนาจต่างวงการมีการเซ็นสัญญายาวเหมือนดังเช่นสัญญาเดิมที่มีอยู่ในปัจจุบัน มูลค่าของสัญญานั้นจะอยู่ที่ราว 1 พันล้านปอนด์ (หรือประมาณ 50,000 ล้านบาท) นอกจากนี้ยังไม่รวมรายได้จากสปอนเซอร์คาดอกเสื้อที่ทีมปีศาจแดงเตรียมที่จะรับทรัพย์อีกปีละ 52 ล้านปอนด์ (หรือประมาณ 2,600 ล้านบาท) กับทางเชฟโรเลตแบรนด์รถยนต์ชื่อดัง ซึ่งจะเริ่มใช้ในฤดูกาล 2014-2015 เป็นฤดูกาลแรก
*หมายเหตุ: แก้ไขข้อมูลล่าสุดเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2555 เวลา 9.13 น.*
-
"โซลชา" ฝันคุมผีสืบทอดตำนาน "เฟอร์กี"
-http://www.manager.co.th/Sport/ViewNews.aspx?NewsID=9550000135455-
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
5 พฤศจิกายน 2555 23:17 น.
(http://pics.manager.co.th/Images/555000014284902.JPEG)
ป๋ายังไม่วางมือง่ายๆ
(http://pics.manager.co.th/Images/555000014284901.JPEG)
โซลชา อยากคุมผีแดง
โอเล กุนนาร์ โซลชา อดีตกองหน้าระดับตำนานของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เผยสนใจอยากรับงานเป็นผู้จัดการทีม "ผีแดง" เพื่อสืบตำนานความยิ่งใหญ่ต่อจาก เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน นายใหญ่ชาวสกอตต์ แม้รู้ตัวเป็นเรื่องยากเพราะบารมียังไม่ถึงชั้น
อดีตกองหน้าวัย 39 ปี เวลานี้กำลังรับงานเป็นกุนซือให้กับ โมลด์ สโมสรในลีกบ้านเกิดที่นอร์เวย์ ก่อนประสบความสำเร็จพาทีมเถลิงแชมป์ทิปเปลิกา มาครองได้สำเร็จในปี 2011 ทั้งที่เพิ่งย้ายมาทำทีมเป็นปีแรก และผลงานยอดเยี่ยมนี้ก็ทำให้ แอสตัน วิลลา ตามจีบให้ไปเป็นกุนซือ แต่สุดท้ายก็ถูกเจ้าตัวปฏิเสธโดยให้เหตุผลอยากอยู่กับครอบครัว
อย่างไรก็ตาม ดาวยิงฉายา "เพชรฆาตหน้าทารก" ก็เผยสนใจอยากรับงานผู้จัดการทีมในพรีเมียร์ลีก เช่นกัน พร้อมยอมรับหากเป็นไปได้ก็อยากสานต่องานของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ในถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด แม้ชื่อชั้นและความเก๋าเกมยังห่าง "เฟอร์กี" พอสมควร แต่ก็เผยจะตั้งใจฝึกฝีมือเพื่อทำตามความฝันของตัวเองในอนาคต
"ผมคงไม่ใสซื่อพอที่จะบอกว่าสามารถทำงานใหญ่เช่นนั้นได้ แต่ในชีวิตครั้งหนึ่ง คุณควรมีความฝันและเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ นั่นคือการเป็นผู้จัดการทีมในอังกฤษ ตอนนี้ผมเพิ่งเริ่มต้นงานของตัวเองที่นอร์เวย์ แม้ที่ผ่านมามีคุยกับทีมอื่นอยู่บ้าง แต่ก็ไม่อยากข้ามสะพานมาเร็วนัก เพราะนั่นแหละคือความท้าทาย" โซลชา กล่าว
.
-
ถ้าสตีฟ จ็อบส์ คือแอปเปิ้ล เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ก็คือแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
-http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNMU5qQXpNemswTUE9PQ==§ionid=-
(http://www.khaosod.co.th/view_resizing_images.php?filename=online/2012/12/13560339401356033963l.jpg&width=260&height=260)
(http://www.khaosod.co.th/view_resizing_images.php?filename=online/2012/12/13560339401356033976l.jpg&width=260&height=260)
(http://www.khaosod.co.th/view_resizing_images.php?filename=online/2012/12/13560339401356034069l.jpg&width=260&height=260)
เว็บไซต์ข่าวเดลี่เมล์ของอังกฤษ รายงานเรื่องฮือฮาของเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน โค้ชใหญ่สโมสรฟุตบอล แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดคอร์สสอนนักศึกษาและนักวิชาการ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด บิสิเนส สคูล ในเมืองบอสตัน สหรัฐอเมริกา ถึงเคล็ดลับที่ทำให้เป็นผู้จัดการทีมที่ประสบความสำเร็จสูงสุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลอังกฤษ จากการทำทีมปีศาจแดงมา 26 ปี
เดวิด กิลล์ ซีอีโอของแมนยู ให้คำจำกัดความย่อๆ ว่า "ถ้าสตีฟ จ็อบส์คือแอปเปิ้ล เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ก็คือแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด"
เซอร์อเล็กซ์จะมีอายุครบ 71 ปีในวันส่งท้ายปีเก่า 31 ธ.ค.นี้ ให้เคล็ดด้านบริหารการจัดการกับนักวิชาการของสถาบันชั้นนำสหรัฐ ในงานศึกษาของแอนนิต้า เอลเบิร์ส และทอม ดาย เรื่อง Sir Alex Ferguson: Managing Manchester United เป็นพิมพ์เขียวแผนการทำงานขั้นตอนต่างๆ ตั้งแต่ช่วงเตรียมตัวในแต่ละฤดูกาล พิธีการที่ใช้ในแต่ละเกมการแข่งขัน นักเตะที่เล็งไว้ การควบคุมในห้องแต่งตัว และข้อผิดพลาดต่างๆ ของตนเอง
การศึกษาดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า ท่านเซอร์เตรียมทีมอย่างไร วิธีการกำกับให้ลูกทีมพูดคุยกันเป็นอย่างไร และวิธีการปรับทิศทางการเล่นในช่วงครึ่งหลังทำอย่างไร
"ผมจำได้ว่า ตอนไปดูการแสดงของแอนเดรีย โบเชลลี นักร้องโอเปร่า ก่อนหน้านั้น ผมไม่เคยไปดูการแสดงคอนเสิร์ตคลาสสิคเลยในชีวิต แต่พอได้ดู ผมเห็นถึงการประสานงานของทีมเวิร์ก มีจังหวะคนเริ่ม อีกคนหยุด มันสุดยอดมาก
สำหรับวิธีการกำกับดูแลนักเตะที่ขึ้นชื่อว่าสุดเฮี้ยบนั้น เซอร์อเล็กซ์กล่าวว่า เราจะลงโทษปรับนะ เวลาทำผิด แต่จะเก็บเป็นเรื่องภายใน คุณจะเสียการควบคุมไม่ได้ ถ้าคุณต้องทำงานกับมืออาชีพระดับสุดยอดกว่า 30 คนที่ล้วนเป็นเศรษฐี ถ้าใครหลุดจากการควบคุมของผม นั่นคือจบนะ
อย่างไรก็ตาม เซอร์อเล็กซ์กล่าวว่า ตัวเองก็ต้องปรับเข้าหานักเตะรุ่นใหม่เหมือนกัน เพราะนักเตะทุกวันนี้ถูกประคบประหงมมากกว่าแต่ก่อน ดังนั้นจึงเปราะบางกว่าแต่ก่อน ซึ่งนั่นมันก็เกิน 25 ปีมาแล้ว
"เมื่อก่อนผมกร้าวมากๆ ผมกระเหี้ยนกระหือรือจะชนะให้หมด แต่ตอนนี้ ผมสุขุมมากขึ้น ผมรับมือนักเตะที่เปราะบางได้มากขึ้น คุณจะตะโกนโหวกเหวกตลอดไม่ได้หรอก มันไม่เวิร์ก แต่ในอีกด้านหนึ่ง มันก็ช่วยผมได้ในเรื่องความสัมพันธ์กับผู้คน และช่วยพัฒนาทีมมาตลอดช่วงหลายปี"
เซอร์กล่าวกับทีมงานหนังสือพิมพ์ฮาร์วาร์ด กาแซ็ต ด้วยว่า มาถึงช่วงชีวิตตอนนี้ รู้สึกว่า การช่วยเด็กรุ่นใหม่เดินสู่เส้นทางของตัวเองให้จัดการชีวิตให้เป็น กลายเป็นหน้าที่ที่ต้องทำและสำคัญสำหรับผมไปแล้ว
-
“สโคลส์” จ่อเลิกหน 2 ลาแล้วลาเลย
-http://www.manager.co.th/Sport/ViewNews.aspx?NewsID=9550000154760-
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
21 ธันวาคม 2555 11:19 น.
(http://pics.manager.co.th/Images/555000016302601.JPEG)
พอล สโคลส์ อดีตกองกลางทีมชาติอังกฤษ เตรียมประกาศแขวนสตั๊ดหน 2 ช่วงซัมเมอร์ที่จะถึง โดยหนนี้จะไม่มีการกลืนน้ำลายตัวเองกลับมาช่วย “ผีแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อีกต่อไปแล้ว จากการตีข่าวของ “เดอะ ซัน” แท็บลอยด์หัวดังประจำเมืองผู้ดี
สโคลส์ เลิกเล่นหลังฤดูกาล 2010-11 รูดม่านปิดฉากทันทีที่พา แมนฯยู คว้าแชมป์ลีกสูงสุดของอังกฤษสมัยที่ 19 พร้อมสวมบทบาทโค้ชชุดสำรอง แต่ด้วยความคิดถึงเกมลูกหนัง ประกอบกับ แมนฯยู มีปัญหากองกลางบาดเจ็บระนาว จึงคืนทัพเกมแรกในฐานะตัวสำรองศึก เอฟเอ คัพ รอบ 3 บุกชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี 2-3 เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2012 ที่ผ่านมา
ทว่า ฤดูกาลนี้จะเป็นปีสุดท้ายกับ แมนฯยู อย่างแท้จริง โดยแข้งวัย 38 ปี ที่คว้าแชมป์ พรีเมียร์ ลีก 10 สมัย, ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก 2 สมัย และ เอฟเอ คัพ 3 สมัย จะประกาศเลิกเล่นอีกครั้ง
สโคลส์ ได้รับการยกย่องว่าเป็นสุดยอดกองกลางคนหนึ่งของโลกเทียบชั้น ซีเนอดีน ซีดาน อดีตจอมทัพทีมชาติฝรั่งเศส รวมถึง ชาบี เอร์นานเดซ ที่ปัจจุบันสวมบทห้องเครื่องให้ บาร์เซโลนา โดยนับตั้งแต่ปี 1994 ที่ลงเล่นเกมแรกศึก ลีก คัพ ชนะ ปอร์ท เวล รวมแล้ว 710 นัด
----------------------------------------------------------------------------------------
โชคดีน๊ะ สโคลส์
นายเยี่ยมมาก
.
-
"ป๋า" วางมือยุติ 26 ปี ผันนั่งผอ."ผีแดง"
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 8 พฤษภาคม 2556 15:56 น.
-http://www.manager.co.th/Sport/ViewNews.aspx?NewsID=9560000055275-
(http://pics.manager.co.th/Images/556000005751201.JPEG)
เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ตำนานกุนซือวงการฟุตบอลอังกฤษ
เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน บรมกุนซือชาวสกอตต์ ตัดสินใจยุติบทบาท 26 ปีบนเก้าอี้นายใหญ่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วยการประกาศวางมือทันทีที่ฤดูกาลนี้ 2012-13 รูดม่านปิดฉาก พร้อมผันตัวเองนั่งตำแหน่งผู้อำนวยการประจำถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ต่อไป
เว็บไซต์อย่างเป็นทางการประจำถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ประกาศว่า เซอร์ อเล็กซ์ ที่คุมทัพ แมนฯยู มาตั้งแต่ปี 1986 จะวางมือหลังเกม พรีเมียร์ ลีก นัดสุดท้ายไปเยือน เวสต์ บรอมวิช อัลเบียน วันอาทิตย์ที่ 19 พฤษภาคมนี้ ซึ่งก่อนหน้านี้ 1 นัดจะรับแชมป์ลีกสูงสุดสมัยที่ 20 เกมเปิดบ้านรับมือ สวอนซี ซิตี วันที่ 12 พฤษภาคม
เซอร์ อเล็กซ์ ที่จะหยุดตัวเลขคุมทัพ แมนฯยู เอาไว้ที่ 1,500 นัด พร้อมผลงานกวาดแชมป์ลีก 13 สมัย, เอฟเอ คัพ 5 สมัย, ลีก คัพ 4 สมัย และ ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก 2 สมัย กล่าวว่า "การตัดสินใจเกษียณเป็นสิ่งที่ผมคิดทบทวนเพื่อจัดการให้ดีที่สุดและไม่ง่ายเลยจนกว่าจะถึงเวลาที่เหมาะสม สำคัญมากที่จะออกจากตำแหน่งในจุดที่สุดสูงเท่าที่เป็นไปได้และเชื่อว่าตอนนี้ก็สำเร็จลุล่วงแล้ว คุณภาพของ พรีเมียร์ ลีก ทำให้จำต้องมีความสมดุลต่างๆ ภายในทีม นอกจากนี้ยังหมายถึงความสำเร็จต่อเนื่องในระดับสูงสุด ขณะที่โครงสร้างของเยาวชนต้องทำให้แน่ใจว่าทีมมีอนาคตที่สดใสรออยู่"
"สนามซ้อมของเรายอดเยี่ยมและเพียบพร้อมในระดับโลก ส่วน โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ก็คือหนึ่งในสนามชั้นแนวหน้า จากนี้ไปผมยินดีที่จะรับบทบาทผู้อำนวยการและทูตของ แมนฯยู ภายใต้กิจกรรมรวมถึงสิ่งต่างๆ ที่สนใจ นอกจากนี้ยังต้องมองไปยังอนาคตที่จะต้องอุทิศเวลาให้กับครอบครัวที่รักและสนับสนุนพวกเขาทุกอย่างที่จำเป็น เคธีย์ ภรรยาที่เป็นกุญแจสำคัญตลอดอาชีพที่ผ่านมา" เซอร์ อเล็กซ์ ทิ้งท้าย
สำหรับตัวแทนของ เซอร์ อเล็กซ์ สื่ออังกฤษคัด 12 รายชื่อออกมาแล้วดังนี้ โชเซ มูรินโญ (รีล มาดริด) เดวิด มอยส์ (เอฟเวอร์ตัน) โอเล กุนนาร์ โซลชา (โมลด์) มานูเอล เปลเยกรินี (มาลากา) ไมค์ ฟีแลน (มือขวา เซอร์ อเล็กซ์) ไรอัน กิ๊กส์ (นักเตะ แมนฯยู) จุ๊ปป์ ไฮย์เกส (บาเยิร์น มิวนิค) คาร์โล อันเชล็อตติ (ปารีส แซงต์-แชร์กแมง) แกรี เนวิลล์ (คอมเมนเตเตอร์) โลร็องต์ บลองก์ (ว่างงาน) โจอาคิม เลิฟ (เยอรมนี) เจอร์เกน คล็อปป์ (โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์)
(http://www.manager.co.th/asp-bin/Image.aspx?ID=556000005751205)
เว็บไซต์ทางการของทีมแมนยูฯ www.manutd.com (http://www.manutd.com) ก็ออกมาคอนเฟิร์มข่าวการอำลาทีมของเซอร์อเล็กซ์แล้วเช่นกัน
http://www.manager.co.th/Sport/ViewNews.aspx?NewsID=9560000055275 (http://www.manager.co.th/Sport/ViewNews.aspx?NewsID=9560000055275)
.
-
5 สุดยอดการคว้าตัวของ "เซอร์ อเล็กซ์"
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 8 พฤษภาคม 2556 17:32 น.
-http://www.manager.co.th/Sport/ViewNews.aspx?NewsID=9560000055340-
(http://pics.manager.co.th/Images/556000005758001.JPEG)
ชไมเคิล (ขวาสุด) กับทริปเปิลแชมป์ปี 99
(http://pics.manager.co.th/Images/556000005758002.JPEG)
แฟน "ผีแดง" ยังไม่ลืม คันโตนา (ขวาสุด)
(http://pics.manager.co.th/Images/556000005758003.JPEG)
โรนัลโด (ขวาสุด) ทำกำไรให้ทีมมหาศาล
(http://pics.manager.co.th/Images/556000005758004.JPEG)
กัปตัน คีน (ขวาสุด) ชูถ้วยแชมป์ พรีเมียร์ ลีก
เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ประกาศวางมือเลิกคุมทัพ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หลังจากฤดูกาลนี้รูดม่านปิดฉาก สื่อทุกสำนักของอังกฤษจึงจับแต่ละโมเมนของกุนซือชาวสกอตต์มาเตือนให้ระลึกถึงกัน โดย "เดอะ ซัน" แท็บลอยด์หัวดัง เลือก 5 นักเตะที่ถือเป็นการคว้าตัวดีที่สุดตลอดระยะเวลา 26 ปีกับ "ผีแดง" มาฝากกันดังนี้
1.ปีเตอร์ ชไมเคิล - เจ้าของตำนาน "ยักษ์เดนส์" ปราการด่านสุดท้ายของ แมนฯยู ย้ายจาก บรอนด์บี เมื่อปี 1991 ค่าตัวเพียง 500,000 ปอนด์ (ประมาณ 23 ล้านบาท) ด้วยรูปร่างและลีลาการออกมาปัดป้องประตูทำให้ได้รับการยกย่องเป็นผู้รักษาประตูมือ 1 ของโลก มีส่วนสำคัญขึ้นมาช่วยกดดันพังประตูนัดชิงยุโรปปี 1999 ที่ช็อกเอาชนะ บาเยิร์น มิวนิค ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ 2-1
2.เอริค คันโตนา - แม้จะเป็นระยะเวลาสั้นๆ เพียงแค่ 5 ปีแต่ไม่มีใครลืม คันโตนา กองหน้าที่ เซอร์ อเล็กซ์ คว้าจาก ลีดส์ ยูไนเต็ด เมื่อปี 1992 ด้วยค่าตัว 1 ล้านปอนด์ (ประมาณ 46 ล้านบาท) โดยคว้าแชมป์ พรีเมียร์ ลีก 4 สมัยและแชมป์ เอฟเอ คัพ 2 สมัย รวมถึงวีรกรรม "กังฟูคิก" ถีบยอดอกแฟนบอล ก่อนที่จะแขวนสตั๊ดด้วยวัย 30 ปีเท่านั้นเมื่อปี 1997
3.รอย คีน - ค่าตัวที่ แมนฯยู จ่ายให้กับ น็อตติงแฮม ฟอเรสต์ ตอนปี 1993 คือ 3.75 ล้านปอนด์ (ประมาณ 172 ล้านบาท) ถือว่าสูงเป็นสถิติวงการฟุตบอลบริติชเลยทีเดียวเพื่อแลกกับกองกลางพันธุ์ดุที่ยกระดับกลายเป็นคีย์แมนคนสำคัญตลอดระยะเวลา 12 ปีกับ แมนฯยู แม้ว่าจะพลาดนัดชิงแชมป์ยุโรปปี 1999 เพราะโทษแบนก็ตาม แต่จากนั้นก็ได้สวมปลอกแขนกัปตันทีมต่อจาก คันโตนา
4.คริสเตียโน โรนัลโด - เซอร์ อเล็กซ์ คว้าปีกรายนี้มาจาก สปอร์ติง ลิสลอน เมื่อปี 2003 ด้วยค่าตัว 12.24 ล้านปอนด์ (ประมาณ 563 ล้านบาท) ซึ่งก็คุ้มเกินคุ้มกลายเป็นตำนานเบอร์ 7 โดยเฉพาะฤดูกาล 2007-08 ที่ระเบิดฟอร์มซัดรวมทุกรายการ 42 ประตูคว้าแชมป์ ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก ได้สำเร็จ ก่อนจะขายให้ รีล มาดริด เมื่อปี 2009 ด้วยค่าตัวเป็นสถิติโลก 80 ล้านปอนด์ (ประมาณ 3,680 ล้านบาท)
5.เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ - มือกาวชาวดัตช์ ย้ายจาก ฟูแลม เมื่อปี 2005 แบบไม่เปิดเผยค่าตัว แม้ตอนนั้นจะวัย 34 ปีแล้ว แต่คือจิ๊กซอว์ที่หามานานนับตั้งแต่ ชไมเคิล อำลาเสาประตูไป หลังจาก เซอร์ อเล็กซ์ ต้องปวดขมับมานานแสนนาน ก่อนจะประกาศแขวนถุงมือเมื่อปี 2011 ด้วยแชมป์ พรีเมียร์ ลีก 4 สมัยและแชมป์ ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก 1 สมัย
http://www.manager.co.th/Sport/ViewNews.aspx?NewsID=9560000055340 (http://www.manager.co.th/Sport/ViewNews.aspx?NewsID=9560000055340)
.
-
:06: ผมพึ่งฟังข่าวตะกี้เองครับพี่หนุ่ม ไปนั่งบอร์ดซะแล้วท่านเซอร์อาเล็กเรา
-
10 อันดับการเซ็นสัญญาที่ยอดเยี่ยมที่สุดของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน
-http://football.kapook.com/news_inside.php?id=17513&key=news-
(http://football.kapook.com/uploadnew/news/picture/17513-news-7267.jpg)
ข่าวฟุตบอล บันทึกจากช่วงเวลา 27 ปีแห่งประวัติศาสตร์ในการสร้าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สู่ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ นี่คือ 10 อันดับการเซ็นสัญญาที่ยอดเยี่ยมที่สุดของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน
ภาพประกอบจาก AFP
การประกาศอำลาตำแหน่งผู้จัดการทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน กลายเป็นข่าวใหญ่ที่สุดในวงการยุโรป และเป็นประเด็นร้อนแรงที่เบียดพื้นที่ข่าวอื่นๆ ไปเกือบหมดตั้งแต่ช่วงเย็นวานต่อเนื่องถึงวันนี้
เซอร์ อเล็กซ์ จะนำทีม แมนฯ ยูไนเต็ด ลงสนามเล่นกับ สวอนซี ในวันอาทิตย์ที่ 12 พฤษภาคม นี้ เป็นการทำหน้าที่ผู้จัดการทีมคุม แมนฯ ยูไนเต็ด ลงเล่นที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะสามารถหันกลับมามองผลงานความสำเร็จที่ตนเองได้สานสร้างไว้ให้กับสโมสรได้อย่างยิ่งใหญ่
ตลอดช่วงเวลา 27 ปี กับผลงานแชมป์ลีก 13 สมัย แชมป์ฟุตบอลถ้วยอีกรวมไม่ต่ำกว่า 20 รายการ "เฟอร์กี้" ได้สร้างทีม แมนฯ ยูไนเต็ด ขึ้นชั้นสู่ระดับตำนานชุดแล้วชุดเล่า มีนักเตะมากมายผ่านมือป๋า ได้รับการปลุกปั้นจนกลายเป็นดาวเด่นระดับซูเปอร์สตาร์ ทั้งที่เป็นผลผลิตจากทีมเยาวชนถูกดันขึ้นมา และผู้เล่นชั้นดีที่ถูกดึงเข้ามาเติมเต็มศักยภาพให้ทีม
และต่อไปนี้คือผู้เล่นในทำเนียบลูกรักป๋า ที่ถือเป็น 10 อันดับการเซ็นสัญญาที่คุ้มค่าที่สุดของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน
1 ปีเตอร์ ชไมเคิ่ล : 750,000 ปอนด์ จาก บรอนด์บี้
เซอร์ อเล็กซ์ คงสะใจกับการกระชากแชมป์ พรีเมียร์ลีก กลับมาจากอ้อมอกของคู่ปรับร่วมเมืองอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แต่ความสำเร็จนี้ก็ยังเทียบไม่ได้กับสิ่งที่ ปีเตอร์ ชไมเคิ่ล ทำให้กับทีม เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม ปี 1999 นั่นก็คือการนำเพื่อนร่วมทีม "ปิศาจแดง" ชูถ้วยแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
"เฟอร์กี้" เคยบอกว่าการเจรจาคว้า ชไมเคิ่ล มาจาก บรอนด์บี้ ถือเป็นการทำธุรกิจที่ยอดเยี่ยมแห่งศตวรรษ และมันก็ยากที่จะมีใครเถียงเรื่องนี้
นายทวาร "ยักษ์เดนส์" ทำสถิติลงเล่นให้ แมนฯ ยูไนเต็ด 292 นัด ก่อนจะอำลาทีมไปในค่ำคืนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสร
(http://football.kapook.com/uploadnew/news/library/901.jpg)
2 เอริค คันโตน่า : 1.2 ล้านปอนด์ จาก ลีดส์ ยูไนเต็ด
คันโตน่า เล่นให้ แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นเวลา 5 ปี และนั่นเป็นช่วง 5 ปีที่จะไม่มีวันถูกลืมไปจากประวัติศาสตร์สโมสร เฟอร์กูสัน จ่ายเงินไปแค่ราวๆ 1 ล้านปอนด์ ทว่า ดาวเตะชาวน้ำหอมสร้างเรื่องราวสุดประทับใจให้กับเหล่า เร้ด อาร์มี่ มากมาย ด้วยเทคนิคลีลาการเล่นในแบบฉบับศิลปิน
คันโตน่า ยิงให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ไป 82 ประตู ร่วมทีมคว้าแชมป์ลีก 4 สมัย กับ เอฟเอ คัพ 2 สมัย แต่ว่ากันว่าสถิติพวกนี้ไม่ได้เป็นความยอดเยี่ยมที่สุดของ "คิง ก็องโต้" เท่ากับการเป็นผู้สร้างแรงบรรดาลใจให้ดาวรุ่งวัยละอ่อนในยุคนั้นทั้ง พอล สโคลส์, เดวิด เบ็คแฮม หรือ 2 พี่น้อง เนวิลล์ ที่ต่อมากลายเป็นขุนพลชั้นเอกของ เซอร์ อเล็กซ์ นำทีมสู่ความสำเร็จในยุคต่อมา
(http://football.kapook.com/uploadnew/news/library/902.jpg)
3 คริสเตียโน่ โรนัลโด้ : 12.25 ล้านปอนด์ จาก สปอร์ติ้ง ลิสบอน
ตอนที่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ย้ายจาก แมนฯ ยูไนเต็ด ไปอยู่กับ เรอัล มาดริด ในปี 2009 แฟนบอล แมนฯ ยูไนเต็ด หลายคนรู้สึกชอบใจเพราะมองว่า "เจ็ทโด้" ทำตัวเป็นคนทรยศ เห็นแต่ตัว และเรื่องเยอะสุดๆ
ทว่าคงไม่มีใครเถียงเช่นกันว่าความสามารถของ โรนัลโด้ ช่วย แมนฯ ยูไนเต็ด ได้มากขนาดไหน เซอร์ อเล็กซ์ เองก็ชื่นชมในตัวปีกทีมชาติโปรตุเกสรายนี้เป็นอย่างยิ่งสำหรับความเก่งกาจในการพาบอลกระชากผ่านคู่แข่งได้ไม่มีหยุดและยังทำสิ่งเหลือเชื่อได้ทุกนาที
โรนัลโด้ นำทีมคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในปี 2008 และเมื่อมองถึงความสำเร็จในโทรฟี่ใบนี้บวกกับกำไรจากค่าตัวถึง 67.75 ล้านปอนด์ อย่างนี้ไม่เรียกว่าคุ้มก็ไม่รู้จะว่ายังไง
(http://football.kapook.com/uploadnew/news/library/905.jpg)
4 เดนิส เออร์วิ่น : 625,000 ปอนด์ จาก โอลด์แฮม
เออร์วิ่น น่าจะเป็นหนึ่งในนักเตะที่ยิ่งใหญ่ของ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่ได้รับการพูดถึงน้อยไปสักหน่อย ทั้งที่ตลอดช่วง 12 ปี เจ้าตัวลงสนามให้ทีมไป 529 นัด ในประวัติศาสตร์สโมสรมีผู้เล่นแค่ 7 คนที่ทำได้มากกว่านี้
แบ็กชาวไอริชสามารถสังหารฟรีคิกแม่นไม่ยิ่งหย่อนไปกว่า เดวิด เบ็คแฮม และยังซัดจุดโทษได้เด็ดขาดพอๆ กับ คันโตน่า อีกด้วย ครั้งหนึ่งเจ้าตัวเคยถูกขอให้เลือก 11 ผู้เล่นที่ดีที่สุดตลอดกาลของ แมนฯ ยูไนเต็ด แน่นอนว่าด้วยความอ่อนน้อนถ่อมตน เออร์วิ่น ไม่ได้ใส่ชื่อตัวเอง แต่เลือก ยาป สตัม อยู่ในตำแหน่งแบ็กซ้ายแทน..ก็ถือว่าดีแล้วที่ เออร์วิ่น ไม่ได้หันมาจับงานคุมทีม
5 รอย คีน : 3.75 ล้านปอนด์จาก น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์
ดไวท์ ยอร์ค ดาวยิงฟันขาวเคยเล่าไว้ว่าตอนมาถึงสนามซ้อมของ แมนฯ ยูไนเต็ด ในวันแรก มีการซ้อมแบ่งข้างเล่นโต๊ะเล็กกันแล้วเจ้าตัวได้อยู่ทีมเดียวกับ รอย คีน
ครั้งนั้น ยอร์ค รู้ตัวทันทีว่าโดนรับน้องเข้าแล้ว เมื่อกัปตันคีน เอาแต่จ่ายบอลยัดมาให้ตัวเองทุกครั้งทุกจังหวะไม่ได้ว่างเว้น จนกระทั่งมาถึงช็อตที่เจ้าตัวทำพลาดจับบอลไม่อยู่ "คีโน่" ก็ปรี่เข้ามาหาเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อแล้วก็ตะคอกใส่ว่า "ยินดีต้อนรับสู่ ยูไนเต็ด นะ นี่ถ้า คันโตน่า ยังอยู่นายโดนฆ่าไปแล้ว"
เรื่องนี้เป็นส่วนหนึ่งของภาพโดยรวมที่ทำให้ใครบางคนสรุปไว้ว่า คันโตน่า คือผู้สร้างแรงกระตุ้นให้ แมนฯ ยูไนเต็ด คว้าแชมป์ลีก แต่ คีน คือคนขับเคลื่อนทีมให้เดินต่อไปถึงแชมป์ยุโรป
(http://football.kapook.com/uploadnew/news/library/904.jpg)
6 โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ : 1.6 ล้านปอนด์ จาก โมลด์
โซลชาร์ เป็นอีกหนึ่งฮีโร่ที่แฟน แมนฯ ยูไนเต็ด บางคนอยากให้เข้ามาคุมทีมต่อจาก เซอร์ อเล็กซ์ อดีตเพชรฆาตดาวยิงชาวนอร์เวย์ สั่งสมผลงานด้วยการพา โมลด์ คว้าแชมป์ลีกไปแล้ว 2 สมัย และแน่นอนว่าภาพการซัดประตูสู่ เทรเบิ้ลแชมป์ ในปี 1999 ยังคงเป็นที่จดจำไม่รู้ลืม
สมัยที่เล่นอยู่กับ แมนฯ ยูไนเต็ด โซลชาร์ ได้ชื่อว่าเป็นซูเปอร์ซับ เคยทำผลงานระบือลือลั่น ลงสนามมาเป็นตัวสำรองแล้วก็ซัดรวดเดียว 4 ประตูในช่วงเวลา 12 นาที อดีตศูนย์หน้าจอมขโมยซีนรายนี้ ได้ชื่อว่าเป็นผู้เล่นที่ฉลาดและมีความเข้าใจเกมมากที่สุดคนหนึ่งด้วย
7 สตีฟ บรู๊ซ : 825,000 ปอนด์ จาก นอริช ซิตี้
คงมีเซนเตอร์ฮาล์ฟไม่กี่คนในโลกที่จะสามารถยิงได้ถึง 19 ประตูในฤดูกาลเดียว แต่ สตีฟ บรู๊ซ ทำมาแล้วในฤดูกาล 1990-91 และในประวัติศาสตร์ความยิ่งใหญ่ของ เซอร์ อเล็กซ์ "บรู๊ซซี่" เป็นอีกคนหนึ่งที่มีส่วนในช่วงเวลาที่เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ
ย้อนกลับไปในฤดูกาล 1992-93 ช่วงปลายซีซั่นซึ่งสถานการณ์ลุ้นแชมป์ระหว่าง แมนฯ ยูไนเต็ด กับ แอสตัน วิลล่า กำลังขับเคี่ยวกันสูสี "ปิศาจแดง" ลงเล่นในบ้านตัวเองแต่กลับพลาดท่า โดน เชฟฟิลด์ เว้นสเดย์ นำอยู่ 3-1 ทำท่าเหมือนจะแพ้ แต่กลับกลายเป็น "กัปตันบรู๊ซ" ที่ขึ้นมาโขก 2 ประตูในช่วงท้ายเกม ช่วยให้ทีมไล่ตีเสมอคว้า 1 แต้ม ได้สำเร็จ
หลังเกมนั้น ลูกทีมของ เซอร์ อเล็กซ์ เรียกความมั่นใจคืนและเดินหน้าคว้าชัยชนะจนไปถึงตำแหน่งแชมป์ลีกหนแรกในรอบ 26 ปี และแฟนบอลที่เกิดทันยุคนั้น ยังคงรู้สึกว่าลูกโขก 2 ประตูของ บรู๊ซ คือสิ่งที่เปลี่ยนประวัติศาสตร์ของสโมสรให้มาถึงวันนี้ได้
8 เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ : 2 ล้านปอนด์ จาก ฟูแล่ม
ฟาน เดอร์ ซาร์ มาร่วมทีม แมนฯ ยูไนเต็ด ด้วยวัย 34 ปี แต่นายทวารก้านยาวคนนี้กลับเป็นคนเดียวในยุคของ เซอร์ อเล็กซ์ ที่ได้รับการยอมรับว่าดีพอจะขึ้นไปเทียบชั้นตำนานระดับ ชไมเคิ่ล ได้
นายประตูทีมชาติฮอลแลนด์ถือได้ว่าครบเครื่อง ทั้งความเยือกเย็น, การมีสมาธิกับเกมและการออกมาตัดบอลได้อย่างถูกที่ถูกเวลา และการเปิดบอลจากหน้าปากประตูที่กลายเป็นสร้างโอกาสในเกมรุกให้กับทีมได้อย่างยอดเยี่ยม ไม่แพ้ต้นฉบับอย่าง ชไมเคิ่ล ด้วย
(http://football.kapook.com/uploadnew/news/library/906.jpg)
9 เนมานย่า วิดิช : 7 ล้านปอนด์ จาก สปาร์ตัค มอสโก
วิดิช ดูเหมือนจะดับตั้งแต่เกมแรกที่ลงเล่นให้ แมนฯ ยูไนเต็ด จากความผิดพลาดที่มีเหตุมาจากการไม่เข้าใจกันกับ ปาทริซ เอวร่า ซึ่งส่งผลให้ "ปิศาจแดง" แพ้ต่อ แมนฯ ซิตี้ 1-4
"ผมกับ เอวร่า คุยกันเรื่องเกมนัดนั้นบ่อยมาก เราสองคนเริ่มต้นได้ไม่ดีทั้งคู่ และเราก็เคยถึงขนาดที่คุยกันว่าเราอยากจะย้ายออกจากทีมไปด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้เราก็ได้แต่หัวเราะกัน"
แน่นอนว่า ถ้าย้อนกลับไปคิดถึงเกมแรก วิดิช น่าจะยิ้มให้กับตัวเองได้ เพราะหลังจากนั้น ปราการหลังทีมชาติเซอร์เบียก็พิสูจน์ให้เห็นถึงความแข็งแกร่งเป็นที่เชื่อใจได้สำหรับแผงหลังของทีมมาจนถึงวันนี้
10 โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ : 22.5 ล้านปอนด์จาก อาร์เซน่อล
แฟน อาร์เซน่อล บางรายยังเคยแอบสะใจที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ยอมทุ่มเงินขนาดนั้นแลกกับ ฟาน เพอร์ซี่ ในวัยใกล้ 30 ปี แถมมีประวัติบาดเจ็บยาวเป็นหางว่าว แสดงให้เห็นว่าใกล้เข้าช่วงขาลงแล้ว
แต่มาถึงวันนี้ ทุกอย่างพิสูจน์ให้เห็นแล้ว และไม่ใช่แค่แฟนของ "ไอ้ปืนใหญ่" เท่านั้นที่ต้องกัดฟันกรอดๆ แต่ยังมี โรแบร์โต้ มันชินี่ กุนซือ แมนฯ ซิตี้ ที่คงได้แต่เจ็บใจที่สโมสรไม่ยอมควักตังค์ชิงตัว "อาร์วีพี" ไปร่วมทีมให้ได้เมื่อซัมเมอร์ที่แล้ว
การมาของ ฟาน เพอร์ซี่ คือส่วนสำคัญอย่างยิ่งสำหรับแชมป์ลีกสมัยที่ 20 ของสโมสร และถ้าไม่เป็นอย่างนั้น เซอร์ อเล็กซ์ ก็อาจจะยังต้องฝืนสังขารอยู่ทำงานต่อไปอีกในฤดูกาลหน้า
(http://football.kapook.com/uploadnew/news/library/903.jpg)
แถมท้าย 10 การเซ็นสัญญา ที่ "เฟอร์กี้" อยากจะลืม
1 เบเบ้ : 7.4 ล้านปอนด์ จาก วิคตอเรีย กิมาไรช์
เบเบ้ เปิดใจเล่าให้ฟังด้วยตนเองถึงความล้มเหลวในการทำงานกับ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ว่า "เขาสั่งให้ผมไปตัดผมให้หน้าตามันดูได้หน่อย แน่นอนเย็นนั้นผมบึ่งรถไปร้านบาร์เบอร์ทันที แต่ปรากฏว่าไงรู้มั้ย พอลงสนามซ้อมวันถัดไปเขากลับจำผมไม่ได้ ผมพยายามเดินเฉียดหน้าเขาตั้งหลายที เขาก็ยังไม่รู้ว่าเป็นผม"
2 ราล์ฟ มิลน์ : 170,000 ปอนด์ จาก บริสตอล ซิตี้
เซอร์ อเล็กซ์ บอกว่า "ความจริงค่าตัวเขาแค่ 170,000 ปอนด์นะ แต่ผมก็ยังด่าตัวเองมาจนถึงวันนี้"
ความจริง มิลน์ ลงเล่นให้ ยูไนเต็ด ถึง 23 นัด ยิงได้อีก 3 ลูกด้วย แต่เชื่อไหม หลังออกจากทีมไปกองกลางชาวสกอตต์รายนี้ก็ไม่ได้เล่นฟุตบอลระดับอาชีพอีกเลย
3 มัสซิโม ตาอิบี้ : 4.5 ล้านปอนด์ จาก เวเนเซีย
ถือเป็นการลองของใหม่สำหรับ เซอร์ อเล็กซ์ ที่ดึงนายทวารจากอิตาลีมาลองใช้งาน ผลคือ ตาอิบี้ ได้ลงเล่นเกมลีกไปเพียง 4 นัด หลังจากวีรเวรสุดเฟอะฟะในเกมกับ เซาแธมป์ตัน หาดูได้จากในยูทูบ
4 ตง ฟางโจว : 3.5 ล้านปอนด์จาก ต้าเหลียน ไชด์
ตง เคยลงเล่นใน พรีเมียร์ลีก 1 นัด แต่ก็รู้กันอยู่ว่าเป็นเรื่องของการตลาดเท่านั้น
5 ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ : 30.75 ล้านปอนด์ จาก สเปอร์ส
เบอร์บาตอฟ เป็นกองหน้าที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ซื้อเข้ามาด้วยราคาแพงที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสร แม้จะไม่ถึงกับล้มเหลว แต่ดาวยิงทีมชาติบัลแกเรียก็ทำผลงานโดยรวมได้น่าผิดหวังอยู่ดี
6 เอริค เฌมบ้า-เฌมบ้า : 3.5 ล้านปอนด์ จาก น็องต์ส
กองกลางทีมชาติแคเมอรูน ล้มเหลวเพราะใจแตกหลังย้ายมาสู่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เล่ากันว่าเจ้าตัวมือเติบจ่ายเงินซื้อรถโฟร์วีลเป็นสิบๆ คัน เปิดบัญชีทำบัตรเครดิตรูดปรื้ดจนเพลิน สุดท้ายโดนฟ้องล้มละลายซะด้วย
7 กาเบรียล โอแบร์กต็อง : 3 ล้านปอนด์จาก บอร์กโดซ์
โอแบร์กต็อง มีความเร็วเป็นเยี่ยม ล็อกหลบเป็นยอด แต่พอถึงเวลาผ่านบอลให้เพื่อนทีไร ไม่ได้เรื่องทุกที
8 เคลแบร์สัน : 6.5 ล้านปอนด์ จาก แอตเลติโก พาราเนนเซ่
เคลแบร์สัน เป็นนักเตะทีมชาติบราซิลดีกรีแชมป์โลก ที่เป็นที่จดจำน้อยกว่า เดวิด เมย์
9 ฮวน เซบาสเตียน เวรอน : 28 ล้านปอนด์จาก ลาซิโอ
เวรอน สั่งสมชื่อเสียงจากผลงานร้อนแรงในการค้าแข้งใน เซเรีย อา กับ ซามพ์โดเรีย, ปาร์ม่า และ ลาซิโอ จนได้ชื่อว่าเป็น 1 ใน 5 กองกลางที่ดีที่สุดในโลก แต่การย้ายมา แมนฯ ยูไนเต็ด ดูจะเป็นจุดเริ่มต้นสู่ความตกต่ำดำดิ่งของเจ้าตัวจริงๆ
10 ดีเอโก้ ฟอร์ลัน : 6.9 ล้านปอนด์ จากอินดีเพนเดียนเต้
ฟอร์ลัน ฝากชื่อไว้ด้วย 2 ประตูที่ซัดฝัง "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล 2-1 ทีแอนฟิลด์ แต่นอกจากนั้นก็ไม่มีอะไรแล้วจริงๆ
ข้อมูลจาก -http://www.guardian.co.uk/-
-
เริ่มต้นตำนานบทใหม่แห่งโอลด์แทร็ฟฟอร์ด กับ เดวิด มอยส์
-http://football.kapook.com/news_inside.php?id=17520&key=news-
(http://football.kapook.com/uploadnew/news/picture/17520-news-1637.jpg)
ข่าวฟุตบอล ภายหลังข่าวใหญ่ที่ส่งผลสั่นสะเทือนวงการลูกหนังไปทั้งโลก กับการประกาศลงจากตำแหน่งของ บรมกุนซือ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ไม่ปล่อยให้แฟนๆ รอนาน ประกาศแต่งตั้ง เดวิด มอยส์ เป็นผู้จัดการทีมคนใหม่เข้าทำหน้าที่ในฤดูกาลหน้าตามคาด
ภาพประกอบจาก AFP
เดวิด มอยส์ ถือเป็นหนึ่งในกุนซือที่ถูกพูดถึงมาตลอดอยู่แล้วในฐานะตัวเลือกที่จะได้เข้ามาทำหน้าที่แทนเมื่อถึงเวลาที่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน อำลาตำแหน่งไป และเมื่อวันเวลานั้นมาถึงจริงๆ กุนซือ "ทอฟฟี่สีน้ำเงิน" ก็ได้รับตำแหน่งไปแบบไร้คู่แข่ง ด้วยเหตุผลที่ว่า "เฟอร์กี้" เป็นคนชี้นิ้วเลือกด้วยตัวเอง ขณะที่เสียงจากผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งภายในและภายนออกสโมสร แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ประสานพ้องกันว่า "คนนี้แหละที่ใช่"
แน่นอนว่านับจากนี้ชีวิตของ มอยส์ จะต่างไปจากเดิม กุนซือวัย 50 ปีจะกลายเป็นผู้จัดการทีมที่ตกเป็นเป้าสนใจมากที่สุดจากสื่อทั่วโลก คำถามเรื่องที่ว่าเขาจะสามารถนำพา แมนฯ ยูไนเต็ด ยิ่งใหญ่คับฟ้าได้แบบ เซอร์ อเล็กซ์ ได้หรือไม่คงต้องรอดูกันในช่วงหลายปีต่อจากนี้ ทว่าสิ่งที่สามารถบอกได้เลยตอนนี้ก็คือ อย่างน้อย ทั้งคู่ก็เริ่มต้นเส้นทางอาชีพสายฟุตบอลคล้ายๆ กัน
มอยส์ โตขึ้นมาในย่าน ธอร์นวู้ด เมืองเล็กๆ ทางด้านตะวันตกของกรุงกลาสโกว์ คุณพ่อของเขา "เดวิด มอยส์ ซีเนียร์" ทำงานเป็นช่างเขียนแบบในอู่ซ่อมเรือริมฝั่งแม่น้ำไคลด์ สถานที่เดียวกันกับที่ เซอร์ อเล็กซ์ เคยหาลำไพ่พิเศษเลี้ยงตัวเองด้วยการฝึกงานเป็นคนทำเครื่องมือ และเช่นเดียวกันกับตำนานกุนซือของ "ปิศาจแดง" มอยส์ เองก็เริ่มต้นสั่งสมประสบการณ์ความรู้และความรักในเกมลูกหนังบนถนนในเมืองกลาสโกว์
(http://football.kapook.com/uploadnew/news/library/801.jpg)
"คุณต้องรู้จักดูแลตัวเอง นั่นไม่ได้หมายความว่า คุณคือคนที่สู้ที่สุดในสนาม บางทีอาจจะหมายความว่า คุณต้องรู้จักพูดหรือเป็นคนที่วิ่งเร็ว คุณจะเห็นได้ว่าผู้จัดการทีมชาวสกอตแลนด์หลายคน มีพื้นเพมาจากชนชั้นแรงงานทั้งนั้น ตั้งแต่คนงานในอู่ซ่อมเรือ หรือคนงานในเหมืองถ่านหิน พวกเขามาจากพื้นเพแบบนั้นและพวกเขาก็กระตือรือร้นที่จะได้ทำในสิ่งที่พวกเขาต้องการ" มอยส์ เล่าถึงชีวิตวัยเด็กสมัยเริ่มหัดวิ่งไล่เตะลูกหนัง
ชีวิตความเป็นอยู่ของ มอยส์ เริ่มดีขึ้นคุณพ่อของเขาได้งานเป็นอาจารย์สอนแผนกวิศวกรรมในวิทยาลัยแอนนีส์แลนด์ และต่อมาก็ได้เลื่อนถึงชั้นผู้ช่วยอาจารย์ใหญ่ นั่นทำให้ครอบครัวของ มอยส์ รวมถึงคุณแม่ โจแอน ได้ย้ายมาอยู่ในย่านเบียร์สเด้น ถิ่นที่อยู่อาศัยของผู้มีฐานะ
แต่ที่สำคัญก็คือ พ่อของ มอยส์ ได้เข้าไปทำหน้าที่เป็นโค้ชทีมของทีม ดรัมแชปเพิล อะเมเจอร์ ทีมฟุตบอลของเด็กๆ ในท้องถิ่น และไม่ต้องสงสัยเลยว่า นักเตะดาวเด่นประจำทีมที่ฉายแววมากกว่าใครก็คือลูกชายของเขาเอง
จิมมี่ วู้ด วัย 75 ปีโค้ชของ ดรัมแชปเพิ่ล คนปัจจุบัน เล่าให้ฟังว่า "ผมจำ มอยส์ ได้เขามาพร้อมกับน้องชัยของเขาชื่อ เคนนี่ เดวิด เล่นเป็นเซนเตอร์ฮาล์ฟได้โดดเด่นมาก เขาเก่งจนมีสาวๆ มาติดตรึม เขาเป็นคนดีแล้วก็สุภาพมากด้วย"
(http://football.kapook.com/uploadnew/news/library/802.jpg)
ในปี 1980 ชีวิตในเส้นทางสายฟุตบอลของ มอยส์ ก็เริ่มขึ้นอย่างจริงจังและเริ่มแบบที่ทำเอาคนรอบตัวต่างก็ประหลาดใจไปตามๆ กัน เมื่อ มอยส์ ในวัย 17 ปี ซึ่งเป็นแฟนตัวยงของ กลาสโกว์ เรนเจอร์ กลับเลือกที่จะเซ็นสัญญาเข้าร่วมทีม กลาสโกว์ เซลติก
มอยส์ เล่นอยู่กับ เซลติก ถึงปี 1983 ช่วง 3 ปีในสีเสื้อ "ม้าลายเขียว-ขาว" อาจจะไม่ได้มีอะไรน่าจดจำมากไปกว่าผลงานลงสนามไปทั้งสิ้น 24 นัด แต่นั่นกลับเป็นช่วงเวลาที่สำคัญสำหรับชีวิตของ มอยส์ เขาได้เจอกับคู่ชีวิต พาเมล่า และได้แต่งงานงานจนกระทั่งมีลูกด้วยกัน 2 คน เดวิด จูเนียร์ วัย 22 ปี และ ลอเรน
"เธอกับผมมาเจอกันครั้งแรก มันก็..แค่นั้นแหละ" มอยส์ พูดถึงจุดเริ่มต้นชีวิตรักของตัวเองแบบขำๆ
ในปี 1998 มอยส์ ก็ตัดสินใจยุติอาชีพนักฟุตบอล หลังจากผ่านเกมไปกว่า 500 นัด ในการเล่นให้สโมสรดิวิชั่นต่ำๆ อย่าง เคมบริดจ์, ชูวส์บิวรี่ รวมถึง เปรสตัน นอร์ธเอนด์ สโมสรที่เจ้าตัวได้โอกาสเริ่มต้นงานคุมทีม
ฝีมือของ มอยส์ เริ่มเป็นที่ประจักษ์ทันที เขาเข้าไปพลิกโฉมของทีมและพา เปรสตัน เลื่อนชั้นจนมาเล่นในลีกแชมเปี้ยนชิพ จนในที่สุดก็ถูก เอฟเวอร์ตัน ดึงตัวไปยัง กูดิสัน พาร์ค ในปี 2002
(http://football.kapook.com/uploadnew/news/library/803.jpg)
นับจากนั้นถึงปัจจุบันเป็นเวลา 11 ปีในฐานะผู้จัดการทีมเอฟเวอร์ตัน แม้จะไม่สามารถนำถ้วยรางวัลใดๆ สู่สโมสรได้ แต่ มอยส์ สร้างทีม "ทอฟฟี่สีน้ำเงิน" กลายเป็นทีมที่แข็งแกร่งในลีก และจบฤดูกาลด้วยอันดับในครึ่งบนของตารางได้เกือบทุกฤดูกาล
การพิสูจน์ตัวเองมาแล้วในช่วงกว่าสิบปีที่ เอฟเวอร์ตัน ไม่ได้เป็นเครื่องการันตีว่า มอยส์ จะประสบความสำเร็จในการคุมทีม แมนฯ ยูไนเต็ด ผลงานของกุนซือเลือดสกอตต์จะออกมาเป็นอย่างไรไม่มีใครบอกได้ แต่อย่างน้อยมีหนึ่งคนที่มั่นใจว่า มอยส์ จะไม่ทำให้แฟนบอล "ปิศาจแดง" ทั่วโลกผิดหวังแน่นอน
"ผมจะทำได้ยอดเยี่ยมแน่ๆ ผมภูมิใจกับเขาเหลือเกิน เชื่อเถอะ ว่าเขาจะพยายามทำเต็มที่เหมือนที่เขาทำมาเสมอ ผมดีใจมาก" มอยส์ ซีเนียร์ วัย 77 ปี กล่าว
-----------------------------------------------------------------------
เดวิด มอยส์ ปลื้มเป็นตัวแทน เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน
-http://football.kapook.com/news_inside.php?id=17517&key=news-
(http://football.kapook.com/uploadnew/news/picture/17517-news-1938.jpg)
ข่าวฟุตบอล เดวิด มอยส์ ว่าที่ผู้จัดการทีมคนใหม่ของ แมนฯ ยูไนเต็ด รับ รู้สึกเป็นเกียรติสูงสุดที่ถูกเลือกให้เข้ามารับหน้าที่ต่อจากบรมกุนซือ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน
ภาพประกอบจาก AFP
เดวิด มอยส์ จะเข้ามารับตำแหน่งผู้จัดการทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อย่างเป็นทางการในวันที่ 1 กรกฎคม นี้ หลังจากที่หมดสัญญากับ เอฟเวอร์ตัน พอดี โดยได้เซ็นสัญญากับ "ปิศาจแดง" ยาวถึง 6 ปีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
กุนซือวัย 50 ปีกล่าวว่า "ถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับข้อเสนอให้มารับหน้าที่ผู้จัดการทีมคนใหม่ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ผมรู้สึกยินดีที่ เซอร์ อเล็กซ์ เล็งเห็นและชี้มาที่ผมว่าเป็นคนที่เหมาะสมสำหรับงานนี้ ผมมีความยอมรับนับถืออย่างยิ่งสำหรับสิ่งที่เขาได้ทำ และผมมีความชื่นชมสโมสรแห่งนี้เป็นอย่างยิ่ง"
"ผมรู้ว่ามันจากเป็นงานยากขนาดไหนสำหรับการเป็นตัวแทนของผู้จัดการทีมที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ แต่โอกาสที่จะได้คุมทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่ได้เป็นเรื่องที่จะเกิดขึ้นกับคุณได้บ่อยๆ และตอนนี้ผมก็กำลังรอให้ถึงวันที่จะเริ่มทำหน้านี้ที่ในฤดูกาลหน้า"
ทั้งนี้ มอยส์ ยังได้กล่าวคำขอบคุณสโมสรเอฟเวอร์ตันและฝ่ายบริหารของทีมด้วยว่า "ผมได้ทำงานที่ยอดเยี่ยม ได้ร่วมงานกับท่านประธานและผู้บริหารที่ยอดเยี่ยม และรวมถึงลูกน้องนักเตะที่ยอดเยี่ยมด้วย จากนี้ไปจนถึงจบฤดูกาล ผมจะทุ่มเททุกอย่างเต็มความสามารถ เพื่อให้ทีมจบซีซั่นด้วยอันดับที่ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้"
"แฟนบอลที่ยอดเยี่ยมของ เอฟเวอร์ตัน คือส่วนสำคัญที่ทำให้ช่วงเวลาหลายปีของผมที่ กูดิสัน พาร์ค เต็มไปด้วยความสุข และผมขอส่งความขอบคุณถึงพวกเขาอย่างหมดหัวใจ สำหรับการสนับสนุนที่พวกเขามีให้ผมและนักเตะทุกคนเสมอมา เอฟเวอร์ตัน จะยังคงอยู่ในใจผมไปตลอดชีวิต" กุนซือชาวสกอตต์ กล่าว
.
-
รวมสุดยอดวาทะลีลาสุดเชือดเฉือนโดย เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน
-http://football.kapook.com/news_inside.php?id=17521&key=news-
(http://football.kapook.com/uploadnew/news/picture/17521-news-6300.jpg)
ข่าวฟุตบอล รวมส่วนหนึ่งของวาทะอันคมกริบจากปากของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่ร้อนแรงไม่แพ้ฝีมือการจัดการทีมลูกหนัง
ภาพประกอบจาก AFP
หลังเกมนัดสุดท้ายชื่อของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน จะเป็นที่จดจำในฐานะอดีตผู้จัดการทีมที่เก่งกาจและยิ่งใหญ่ที่สุดของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และของเกาะอังกฤษ
กุนซือวัย 71 ปี ทิ้งไว้ซึงผลงานสุดยอด ทั้งผลงานความสำเร็จและสถิติต่างๆ มากมายนับไม่หวาดไม่ไหว
นอกจากฝีมือไร้เทียมทานในการจัดการทีมแล้ว "เซอร์ อเล็กซ์" ยังได้ชื่อว่าเป็นกุนซือที่มีลีลาวาทศิลป์ไม่เป็นสองรองใคร หลายครั้งที่ท่านเซอร์ ปรากฏเป็นข่าวกล่าววาจาตอบโต้กับคู่กรณี มีการพูดเปรียบเปรยได้อย่างเฉียบแหลม หรือให้ความเห็นต่อสถานการณ์หรือบุคคลใดๆ จนกลายเป็นวิวาทะเผ็ดร้อนได้เสมอ
และนี่คือการรวบรวมส่วนหนึ่งของวาทะอันคมกริบจากปากของเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน
"ผมจำได้ตอนเห็นเขาครั้งแรก เขาอายุแค่ 13 ปี แล้วก็วิ่งไปทั่วสนามเหมือนลูกหมาค็อคเกอร์ที่กำลังวิ่งไล่งับแผ่นกระดาษ" - ท่านเซอร์ กล่าวถึง ไรอัน กิ๊กส์
"ถ้าเขาสูงกว่านี้สักหนึ่งนิ้ว เขาคงจะเป็นเซนเตอร์ฮาล์ฟที่ดีที่สุดในอังกฤษ พ่อของเขาสูงตั้ง 6 ฟุต 2 นิ้ว ผมว่าจะไปดูหน่อยว่าคนส่งนมไปส่งที่บ้านเขาบ้างหรือเปล่า" - ท่านเซอร์ กล่าวถึง แกรี่ เนวิลล์
"ผมเคยบอกไว้ว่าเมื่อนักฟุตบอลอยู่ในช่วงดีที่สุด เขาจะรู้สึกเหมือนกับว่าใส่รองเท้าแตะปีนยอดเขาเอเวอเรสต์ยังได้ นั่นแหละที่เขาเป็น" - ท่านเซอร์ กล่าวถึง พอล อินซ์
"เวลาคนอิตาเลียนบอกผมว่านี่คือพาสต้า ผมต้องเอาส้อมเขี่ยซอสออกดู พวกเขาเป็นจอมสร้างภาพของแท้" - ท่านเซอร์ กล่าวถึงความเจ้าเล่ห์ของนักฟุตบอลอิตาลี
"ความท้าทายสูงสุดของผมไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้ แต่เป็นการเขี่ย ลิเวอร์พูล ให้ตกบัลลังก์ คุณพิมพ์คำพูดนี้เก็บไว้ได้เลย" - ท่านเซอร์ กล่าวถึงทีมคู่ปรับตลอดกาล
"มันเป็นแค่เรื่องบังเอิญจริงๆ ถ้าให้ผมลองทำอีกร้อยครั้งหรือเป็นล้านครั้งผมก็ทำไม่ได้หรอก ถ้าผมเก่งขนาดนั้นผมก็คงยังไม่เลิกเล่นฟุตบอลแน่" - ท่านเซอร์ กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เตะรองเท้าสตั๊ดไปอัดเข้าหางคิ้วของ เดวิด เบ็คแฮม เมื่อปี 2003
"ไอ้หมอนี่มันเกิดมาเพื่อล้ำหน้าจริงๆ" - ท่านเซอร์ กล่าวถึง ฟิลิปโป้ อินซากี้
"มีคนบอกว่าเขาฉลาดงั้นเหรอ? เพราะพูดได้ 5 ภาษาเนี่ยนะ? ผมรู้จักเด็กจากไอวอรีโคสต์คนหนึ่งเขาก็พูดได้ 5 ภาษาเหมือนกัน อยากเจอไหมล่ะ" - ท่านเซอร์ กล่าวถึง อาร์แซน เวนเกอร์
"นี่พวกคุณล้อเล่นเหรอ นี่ผมดูเหมือนเป็นพวกจิตวิปลาศที่คอยจะเอามีดแทงตัวเองเหรอ? ถามเรื่องตกชั้นดีกว่ามั้ย?" - ท่านเซอร์ กล่าวเมื่อถูกถามถึงโอกาสที่ ลิเวอร์พูล จะได้แชมป์ลีกในปี 2007
"บางครั้งคุณก็เจอเพื่อนบ้านที่น่ารำคาญ คุณไม่สามารถทำอะไรได้ พวกเขามักทำเสียงดังน่ารำคาญประจำ คุณก็ต้องทำใจยอมรับไป เปิดโทรทัศน์ดูแล้วก็เปิดเสียงดังๆ" - ท่านเซอร์ กล่าวถึง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ สโมสรคู่ปรับร่วมเมือง
"มันไม่ได้เกี่ยวกับการเอาชนะ ลิเวอร์พูล มัน ที่ยิ่งกว่านั้นคือ ยูไนเต็ด คือทีมที่ดีที่สุดในประเทศในเรื่องของสถิติการคว้าแชมป์" - ท่านเซอร์ กล่าวเมื่อครั้งนำ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเป็นแชมป์สมัยที่ 19
"ดูผมสิ มันทำให้ผมหนุ่มขึ้น 10 ปี นี่แหละเป็นยาชั้นดี สุดยอดเลย" ท่านเซอร์ กล่าวหลัง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คว้าแชมป์สมัยที่ 20
.------------------------------------------------------------------------------------
แมนฯ ยูไนเต็ด ยืนยันตั้ง เดวิด มอยส์ คุมทัพซีซั่นหน้า
-http://football.kapook.com/news_inside.php?id=17515&key=news-
(http://football.kapook.com/uploadnew/news/picture/17515-news-1836.jpg)
ข่าวฟุตบอล สโมสรฟุตบอล แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยืนยัน เดวิด มอยส์ ผู้จัดการทีม เอฟเวอร์ตัน คือ ผู้ที่จะมาทำหน้าที่แทน เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ในฤดูกาลหน้า
ภาพประกอบจาก AFP
เป็นไปตามความคาดหมายของสื่อต่างประเทศทุกสำนัก เมื่อ แมนฯ ยูไนเต็ด ประกาศอย่างเป็นทางการเมื่อช่วงเย็นวันพฤหัสบดีที่ 9 พฤษภาคม ที่ผ่านมาว่า เดวิด มอยส์ จะเข้ามารับตำแหน่งผู้จัดการทีมคนใหม่ในฤดูกาลหน้า แทนที่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่ประกาศลงจากเก้าอี้ไปก่อนหน้านี้
มอยส์ ตอบตกลงเงื่อนไขส่วนตัวกับ แมนฯ ยูไนเต็ด โดยจะเซ็นสัญญาระยะยาวถึง 6 ปี และเริ่มงานอย่างเป็นทางการนับตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม เป็นต้นไป
ทั้งนี้ มอยส์ ถือเป็นตัวเลือกที่ได้รับการสนับสนุนจากหลายๆ ฝ่ายทั้งเหล่าผู้สันทัดกรณี อดีตนักเตะเก่าของ แมนฯ ยูไนเต็ด และโดยเฉพาะตัวของ เซอร์ อเล็กซ์ ที่เป็นคนชี้นิ้่วเองว่า กุนซือ "ทอฟฟี่สีน้ำเงิน" เหมาะสมที่สุดที่จะมารับไม้ต่อที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด
หลังมีการยืนยันแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ เซอร์ อเล็กซ์ ก็เอ่ยชื่นชม มอยส์ ว่า "ตอนที่เราคุยกันเรื่องตัวเลือกที่เราเชื่อว่าเหมาะที่สุด มันก็มีความเห็นเป็นเอกฉันท์เลยว่าจะเลือก เดวิด มอยส์ เขาเป็นคนที่ตรงไปตรงมาและมีปรัชญาในการทำงานชัดเจนมาก"
"ผมชื่นชมการทำงานของเขามานาน และความจริงในปี 1998 เคยทาบทามเขามาทำงานเป็นผู้ช่วยของผมด้วย ตอนนั้นเขายังหนุ่มและเพิ่งเริ่มงานคุมทีม และจากนั้นมาเขาก็ทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยมที่ เอฟเวอร์ตัน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขามีคุณสมบัติครบถ้วนตามที่เราคาดหวังสำหรับคนที่จะมาเป็นผู้จัดการทีมที่นี่" เซอร์ อเล็กซ์ กล่าว
สำหรับ มอยส์ วัย 50 ปี สร้างชื่อขึ้นมาจากผลงานการคุมทีม เอฟเวอร์ตัน แม้ตลอดช่วงเวลานับตั้งแต่เข้ามานั่งเก้าอี้นายใหญ่ที่ กูดิสัน พาร์ค ตั้งแต่ปี 2002 จะไม่สามารถนำทีมคว้าแชมป์ได้เลย แต่ก็ได้รับการยกย่องในฐานะที่จัดการทีมอย่าง "ทอฟฟี่สีน้ำเงิน" กลายเป็นทีมที่แข็งแกร่งและสร้างผลงานยอดเยี่ยมได้ทุกฤดูกาล
.
-
อีกคน! "สโคลส์" ประกาศรีไทร์หลังจบฤดูกาล
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 12 พฤษภาคม 2556 09:10 น.
-http://www.manager.co.th/Sport/ViewNews.aspx?NewsID=9560000056716-
(http://pics.manager.co.th/Images/556000005902801.JPEG)
สโคลส์ จะอำลาทีมไปพร้อมๆ กับ เฟอร์กี
พอล สโคลส์ มิดฟิลด์ระดับตำนานของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ขอประกาศแขวนสตั๊ดเป็นหนที่ 2 หลังจบฤดูกาลนี้ ตามการยืนยันของเจ้าตัวเมื่อวันเสาร์ที่ 11 พ.ค. ที่ผ่านมา หลังช่วยต้นสังกัดคว้าแชมป์ลีกสูงสุดสมัยที่ 20 ได้สำเร็จ และจะเป็นการอำลาทีมตาม เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน นายใหญ่เลือกวิสกีประกาศอำลาไปเมื่อกลางสัปดาห์
กองกลางวัย 38 ปี ประกาศรีไทร์ไปหนแรกตั้งแต่ช่วงซัมเมอร์ปี 2011 และรับบทเป็นสตาฟฟ์โค้ชของทีม ทว่า เมื่อช่วงมกราคมปี 2012 ทีมเกิดปัญหาวิกฤติในแดนกลาง "เฟอร์กี" จึงต้องขอร้องให้ มิดฟิลด์จอมยิงไกลกลับมาช่วยทีมอีกครั้ง และหลังจากประสบความสำเร็จสูงสุดกับทีมด้วยการคว้าแชมป์ลีกสูงสุดสมัยที่ 20 สโคลส์ ตัดสินใจขอประกาศรีไทร์อีกครั้ง
โดยก่อนหน้านี้ อดีตกองกลางทีมชาติอังกฤษเคยยอมรับว่าเขาลังเลที่จะรับบทสตาฟโค้ชในทีม หรือ จะต่อสัญญาลงเล่นต่อในซีซันหน้า แต่เมื่อวันเสาร์ที่ 11 พ.ค. ที่ผ่านมา ห้องเครื่อง ยูไนเต็ด ออกมาประกาศอำลาการเป็นนักเตะอาชีพ พร้อมชี้ว่าต้องการเลือกเพื่อสิ่งที่ดีกว่า อีกทั้งในช่วงหลังเริ่มมีอาการบาดเจ็บรบกวนจนพลาดการลงสนามหลายเกม
"ผมได้ตัดสินใจเลือกในสิ่งที่คิดว่าดีกว่า การได้ลงเล่นฟุตบอลคือสิ่งที่ผมอยากทำมาตลอดทั้งชีวิต และการประสบความสำเร็จสูงสุดร่วมกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดยมีผู้จัดการทีมที่ยอดเยี่ยมยังถือเป็นเกียรติอย่างสูง" สโคลส กล่าว
สำหรับ แดนกลางจอมเก๋าขวัญใจแฟน "ปิศาจแดง" ลงรับใช้ แมนฯ ยูไนเต็ด มาแล้ว 716 เกม และซัดไปทั้งสิ้น 155 ประตู อาจจะได้ลงเล่นเกมสุดท้ายในแมตช์อำลาวงการของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ในวันอาทิตย์นี้ ซึ่งจะถือเป็นการยุติการรับใช้สีเสื้อ "ผีแดง" ในนัดที่ 717 ของเจ้าตัวพอดี
----------------------------------------------------------------------------
โชคดีครับ
.
-
แข้งผีเซอร์ไพรส์ หวังให้ "ป๋า" ขึ้นชูโทรฟี
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 12 พฤษภาคม 2556 07:41 น.
-http://www.manager.co.th/Sport/ViewNews.aspx?NewsID=9560000056709-
(http://pics.manager.co.th/Images/556000005901801.JPEG)
เฟอร์กูสัน มีสิทธิ์รับถ้วยด้วยตัวเอง
เหล่าบรรดานักเตะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตั้งความหวังให้ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ผู้จัดการทีมชาวสกอตต์ ขึ้นรับถ้วยแชมป์พรีเมียร์ลีก ฤดูกาลนี้ แทนที่จะเป็นหน้าที่ของกัปตันทีม ในเกมวันอาทิตย์นี้ เพื่ออำลาการทำหน้าที่กุนซือ "ปิศาจแดง" อย่างยิ่งใหญ่ ตามการรายงานจาก "เดอะมิร์เรอร์"
สิ่งดังจากเกาะอังกฤษ รายงานว่า แข้ง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต่างพร้อมใจลงความเห็นโดยไม่สนใจพิธีการเดิมๆ ด้วยการให้ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน นายใหญ่ชาวสก็อตต์ ขึ้นรับถ้วยแชมป์พรีเมียร์ลีก ในเกมที่จะลงคุมทีมในถิ่นโอลด์ แทร๊ฟฟอร์ด เป็นเกมสุดท้ายพบ สวอนซี ซิตี วันอาทิตย์ที่ 12 พ.ค. นี้
โดย อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่ประกาศอำลาการทำหน้าที่ 26 ปี ในโรงละครแห่งความฝัน มีสิทธิ์ได้ชูถ้วยแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ แทน เนมันยา วิดิช กัปตันทีม ในวันอาทิตย์นี้ตามความเห็นของบรรดาลูกทีมตนเอง เพื่ออำลาตำแหน่งอย่างยิ่งใหญ่ หลังพาทีมคว้าแชมป์ลีกสูงสุดสมัยที่ 20
"เหล่านักเตะในทีมคิดว่านี่คือสิ่งที่เหมาะสมที่สุดๆ ด้วยการให้ เฟอร์กูสัน เป็นคนขึ้นชูถ้วยแชมป์ เกมนี้จะต้องเต็มไปด้วยอารมณ์ต่างๆ นานาของทุกคนในสโมสรแห่งนี้อยู่แล้ว และเสียงยินดีในช่วงฉลองที่ เขา เป็นผู้ชูถ้วยแชมป์ มันจะต้องเป็นสิ่งที่น่าประหลาดใจมากๆแน่นอน" แหล่งข่าววงในของทีม "ปิศาจแดง" เผย
.
-
"ป๋า" วางมือยุติ 26 ปี ผันนั่งผอ."ผีแดง"
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 8 พฤษภาคม 2556 15:56 น.
-http://www.manager.co.th/Sport/ViewNews.aspx?NewsID=9560000055275-
(http://pics.manager.co.th/Images/556000005751201.JPEG)
เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ตำนานกุนซือวงการฟุตบอลอังกฤษ
เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน บรมกุนซือชาวสกอตต์ ตัดสินใจยุติบทบาท 26 ปีบนเก้าอี้นายใหญ่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วยการประกาศวางมือทันทีที่ฤดูกาลนี้ 2012-13 รูดม่านปิดฉาก พร้อมผันตัวเองนั่งตำแหน่งผู้อำนวยการประจำถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ต่อไป
เว็บไซต์อย่างเป็นทางการประจำถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ประกาศว่า เซอร์ อเล็กซ์ ที่คุมทัพ แมนฯยู มาตั้งแต่ปี 1986 จะวางมือหลังเกม พรีเมียร์ ลีก นัดสุดท้ายไปเยือน เวสต์ บรอมวิช อัลเบียน วันอาทิตย์ที่ 19 พฤษภาคมนี้ ซึ่งก่อนหน้านี้ 1 นัดจะรับแชมป์ลีกสูงสุดสมัยที่ 20 เกมเปิดบ้านรับมือ สวอนซี ซิตี วันที่ 12 พฤษภาคม
เซอร์ อเล็กซ์ ที่จะหยุดตัวเลขคุมทัพ แมนฯยู เอาไว้ที่ 1,500 นัด พร้อมผลงานกวาดแชมป์ลีก 13 สมัย, เอฟเอ คัพ 5 สมัย, ลีก คัพ 4 สมัย และ ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก 2 สมัย กล่าวว่า "การตัดสินใจเกษียณเป็นสิ่งที่ผมคิดทบทวนเพื่อจัดการให้ดีที่สุดและไม่ง่ายเลยจนกว่าจะถึงเวลาที่เหมาะสม สำคัญมากที่จะออกจากตำแหน่งในจุดที่สุดสูงเท่าที่เป็นไปได้และเชื่อว่าตอนนี้ก็สำเร็จลุล่วงแล้ว คุณภาพของ พรีเมียร์ ลีก ทำให้จำต้องมีความสมดุลต่างๆ ภายในทีม นอกจากนี้ยังหมายถึงความสำเร็จต่อเนื่องในระดับสูงสุด ขณะที่โครงสร้างของเยาวชนต้องทำให้แน่ใจว่าทีมมีอนาคตที่สดใสรออยู่"
"สนามซ้อมของเรายอดเยี่ยมและเพียบพร้อมในระดับโลก ส่วน โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ก็คือหนึ่งในสนามชั้นแนวหน้า จากนี้ไปผมยินดีที่จะรับบทบาทผู้อำนวยการและทูตของ แมนฯยู ภายใต้กิจกรรมรวมถึงสิ่งต่างๆ ที่สนใจ นอกจากนี้ยังต้องมองไปยังอนาคตที่จะต้องอุทิศเวลาให้กับครอบครัวที่รักและสนับสนุนพวกเขาทุกอย่างที่จำเป็น เคธีย์ ภรรยาที่เป็นกุญแจสำคัญตลอดอาชีพที่ผ่านมา" เซอร์ อเล็กซ์ ทิ้งท้าย
สำหรับตัวแทนของ เซอร์ อเล็กซ์ สื่ออังกฤษคัด 12 รายชื่อออกมาแล้วดังนี้ โชเซ มูรินโญ (รีล มาดริด) เดวิด มอยส์ (เอฟเวอร์ตัน) โอเล กุนนาร์ โซลชา (โมลด์) มานูเอล เปลเยกรินี (มาลากา) ไมค์ ฟีแลน (มือขวา เซอร์ อเล็กซ์) ไรอัน กิ๊กส์ (นักเตะ แมนฯยู) จุ๊ปป์ ไฮย์เกส (บาเยิร์น มิวนิค) คาร์โล อันเชล็อตติ (ปารีส แซงต์-แชร์กแมง) แกรี เนวิลล์ (คอมเมนเตเตอร์) โลร็องต์ บลองก์ (ว่างงาน) โจอาคิม เลิฟ (เยอรมนี) เจอร์เกน คล็อปป์ (โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์)
(http://www.manager.co.th/asp-bin/Image.aspx?ID=556000005751205)
เว็บไซต์ทางการของทีมแมนยูฯ www.manutd.com (http://www.manutd.com) ก็ออกมาคอนเฟิร์มข่าวการอำลาทีมของเซอร์อเล็กซ์แล้วเช่นกัน
Sport - Manager Online - ป๋า วางมือยุติ 26 ปี ผันนั่งผอ.ผีแดง (http://www.manager.co.th/Sport/ViewNews.aspx?NewsID=9560000055275)
.-----------------------------------------------------------
5 สุดยอดการคว้าตัวของ "เซอร์ อเล็กซ์"
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 8 พฤษภาคม 2556 17:32 น.
-http://www.manager.co.th/Sport/ViewNews.aspx?NewsID=9560000055340-
(http://pics.manager.co.th/Images/556000005758001.JPEG)
ชไมเคิล (ขวาสุด) กับทริปเปิลแชมป์ปี 99
(http://pics.manager.co.th/Images/556000005758002.JPEG)
แฟน "ผีแดง" ยังไม่ลืม คันโตนา (ขวาสุด)
(http://pics.manager.co.th/Images/556000005758003.JPEG)
โรนัลโด (ขวาสุด) ทำกำไรให้ทีมมหาศาล
(http://pics.manager.co.th/Images/556000005758004.JPEG)
กัปตัน คีน (ขวาสุด) ชูถ้วยแชมป์ พรีเมียร์ ลีก
เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ประกาศวางมือเลิกคุมทัพ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หลังจากฤดูกาลนี้รูดม่านปิดฉาก สื่อทุกสำนักของอังกฤษจึงจับแต่ละโมเมนของกุนซือชาวสกอตต์มาเตือนให้ระลึกถึงกัน โดย "เดอะ ซัน" แท็บลอยด์หัวดัง เลือก 5 นักเตะที่ถือเป็นการคว้าตัวดีที่สุดตลอดระยะเวลา 26 ปีกับ "ผีแดง" มาฝากกันดังนี้
1.ปีเตอร์ ชไมเคิล - เจ้าของตำนาน "ยักษ์เดนส์" ปราการด่านสุดท้ายของ แมนฯยู ย้ายจาก บรอนด์บี เมื่อปี 1991 ค่าตัวเพียง 500,000 ปอนด์ (ประมาณ 23 ล้านบาท) ด้วยรูปร่างและลีลาการออกมาปัดป้องประตูทำให้ได้รับการยกย่องเป็นผู้รักษาประตูมือ 1 ของโลก มีส่วนสำคัญขึ้นมาช่วยกดดันพังประตูนัดชิงยุโรปปี 1999 ที่ช็อกเอาชนะ บาเยิร์น มิวนิค ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ 2-1
2.เอริค คันโตนา - แม้จะเป็นระยะเวลาสั้นๆ เพียงแค่ 5 ปีแต่ไม่มีใครลืม คันโตนา กองหน้าที่ เซอร์ อเล็กซ์ คว้าจาก ลีดส์ ยูไนเต็ด เมื่อปี 1992 ด้วยค่าตัว 1 ล้านปอนด์ (ประมาณ 46 ล้านบาท) โดยคว้าแชมป์ พรีเมียร์ ลีก 4 สมัยและแชมป์ เอฟเอ คัพ 2 สมัย รวมถึงวีรกรรม "กังฟูคิก" ถีบยอดอกแฟนบอล ก่อนที่จะแขวนสตั๊ดด้วยวัย 30 ปีเท่านั้นเมื่อปี 1997
3.รอย คีน - ค่าตัวที่ แมนฯยู จ่ายให้กับ น็อตติงแฮม ฟอเรสต์ ตอนปี 1993 คือ 3.75 ล้านปอนด์ (ประมาณ 172 ล้านบาท) ถือว่าสูงเป็นสถิติวงการฟุตบอลบริติชเลยทีเดียวเพื่อแลกกับกองกลางพันธุ์ดุที่ยกระดับกลายเป็นคีย์แมนคนสำคัญตลอดระยะเวลา 12 ปีกับ แมนฯยู แม้ว่าจะพลาดนัดชิงแชมป์ยุโรปปี 1999 เพราะโทษแบนก็ตาม แต่จากนั้นก็ได้สวมปลอกแขนกัปตันทีมต่อจาก คันโตนา
4.คริสเตียโน โรนัลโด - เซอร์ อเล็กซ์ คว้าปีกรายนี้มาจาก สปอร์ติง ลิสลอน เมื่อปี 2003 ด้วยค่าตัว 12.24 ล้านปอนด์ (ประมาณ 563 ล้านบาท) ซึ่งก็คุ้มเกินคุ้มกลายเป็นตำนานเบอร์ 7 โดยเฉพาะฤดูกาล 2007-08 ที่ระเบิดฟอร์มซัดรวมทุกรายการ 42 ประตูคว้าแชมป์ ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก ได้สำเร็จ ก่อนจะขายให้ รีล มาดริด เมื่อปี 2009 ด้วยค่าตัวเป็นสถิติโลก 80 ล้านปอนด์ (ประมาณ 3,680 ล้านบาท)
5.เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ - มือกาวชาวดัตช์ ย้ายจาก ฟูแลม เมื่อปี 2005 แบบไม่เปิดเผยค่าตัว แม้ตอนนั้นจะวัย 34 ปีแล้ว แต่คือจิ๊กซอว์ที่หามานานนับตั้งแต่ ชไมเคิล อำลาเสาประตูไป หลังจาก เซอร์ อเล็กซ์ ต้องปวดขมับมานานแสนนาน ก่อนจะประกาศแขวนถุงมือเมื่อปี 2011 ด้วยแชมป์ พรีเมียร์ ลีก 4 สมัยและแชมป์ ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก 1 สมัย
Sport - Manager Online - 5 สุดยอดการคว้าตัวของ เซอร์ อเล็กซ์ (http://www.manager.co.th/Sport/ViewNews.aspx?NewsID=9560000055340)
.----------------------------------------------------------------
สุดยอดของผู้จัดการทีมคนหนึ่งของโลกนี้ครับ
.
-
เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน อำลา แมนฯ ยูไนเต็ด หลังจบซีซั่น
-http://football.kapook.com/news_inside.php?id=17503&key=news-
(http://football.kapook.com/uploadnew/news/picture/17503-news-8840.jpg)
แมนฯ ยูไนเต็ด ออกแถลงการณ์ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน อำลาตำแหน่งผู้จัดการทีมหลังจบฤดูกาลนี้ เจ้าตัว ย้ำ ถึงเวลาแล้วหลังสร้างทีมสู่ความยิ่งใหญ่สมดังใจ
ภาพประกอบจาก AFP
สโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ออกแถลงการณ์ผ่าน เว็บไซต์ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ยอดกุนซือผู้ยิ่งใหญ่ จะอำลาตำแหน่งผู้จัดการทีมและยุติเส้นทางอาชีพการคุมทีม หลังจบเกม พรีเมียร์ลีก นัดสุดท้ายของฤดูกาลที่ "ปิศาจแดง" จะบุกไปเยือน เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน ในวันอาทิตย์ที่ 19 พ.ค. นี้
กุนซือผู้ได้ชื่อว่ายิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลอังกฤษ กล่าวผ่านเว็บไซต์สโมสรว่า "การตัดสินใจเกษียณตัวเอง เป็นเรื่องที่ผมคิดว่าน่าจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดและนี่ไม่ใช่เรื่องที่ผมมองเป็นเรื่องเล่นๆ มันถึงเวลาที่เหมาะสมแล้ว"
"สำหรับผมมันถือเป็นเรื่องสำคัญ ที่จะเดินจากไปในช่วงเวลาที่องค์กรนี้อยู่ในสถานะที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และผมเชื่อว่าผมได้ทำตามความตั้งใจนั้น"
"จากศักยภาพของทีมชุดแชมป์ลีกทีมนี้และระดับอายุเฉลี่ยของทีม ทั้งสองปัจจัยถือว่าดีเยี่ยมสำหรับการที่สโมสรจะประสบความสำเร็จในระดับสูงได้อย่างต่อเนื่อง ขณะที่โครงสร้างระดับเยาวชนของเราจะสร้างความเชื่อมั่นว่า อนาคตของสโมสรจะยังคงรุ่งโรจน์ต่อไปในระยะยาว"
"สิ่งอำนวยความสะดวกในสนามซ้อมของเราถือว่าอยู่ในระดับดีที่สุดในวงการกีฬาโลก และสนามของเรา โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ก็ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในสนามฟุตบอลชั้นนำของโลกเช่นกัน"
"นับจากนี้ ผมมีความยินดีที่จะรับหน้าผู้อำนวยการและทูตกีฬาของสโมสร และด้วยภาระหน้าที่ใหม่ รวมถึงเรื่องราวใหม่ๆ อีกหลายอย่างที่น่าสนใจ ผมขอก้าวสู่วันข้างหน้าต่อไป"
"ผมขอกล่าวคำขอบคุณแด่ครอบครัวของผม ความรักและแรงสนับสนุนที่พวกเขามีให้ผมตลอดมา ภรรยาของผม แคธี่ คือผู้มีส่วนสำคัญตลอดการทำงานคุมทีมของผมตลอดมา" "เซอร์ อเล็กซ์" กล่าวทิ้งท้าย
สำหรับ เซอร์ อเล็กซ์ ก้าวเข้ามาคุมทีม แมนฯ ยูไนเต็ด ตั้งแต่เมื่อปี 1986 และอยู่โยงรั้งตำแหน่งมายาวนานถึง 27 ปี โดยสามารถสร้างตำนานต่างๆ ไว้มากมาย รวมถึงการนำทีม "ปิศาจแดง" ครองอำนาจกลายเป็นสโมสรอันดับ 1 ของอังกฤษ รวมสถิติคุมทีมลงสนามไปแล้ว 1,497 นัด ด้วยกัน
สรุปผลงาน เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
พรีเมียร์ลีก 13 สมัย : 1992–93, 1993–94, 1995–96, 1996–97, 1998–99, 1999–2000, 2000–01, 2002–03, 2006–07, 2007–08, 2008–09, 2010–11, 2012–13
เอฟเอ คัพ 5 สมัย : 1989–90, 1993–94, 1995–96, 1998–99, 2003–04
ลีก คัพ 4 สมัย : 1991–92, 2005–06, 2008–09, 2009–10
แชริตี้ ชิลด์/คอมมิวนิตี้ ชิลด์ 10 สมัย : 1990 (ครองแชมป์ร่วม), 1993, 1994, 1996, 1997, 2003, 2007, 2008, 2010, 2011
ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 2 สมัย : 1998–99, 2007–08
คัพ วินเนอร์ส คัพ 1 สมัย : 1990–91
ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ 1 สมัย : 1991
อินเตอร์คอนติเนนทัล คัพ 1 สมัย : 1999
ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ 1 สมัย : 2008
เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน อำลา แมนฯ ยูไนเต็ด หลังจบซีซั่น (http://football.kapook.com/news_inside.php?id=17503&key=news)
.
-
ผีโหวตคาร์ริคแข้งแห่งปี-โรบินขวัญใจแฟน+ประตูแห่งปี
-http://football.kapook.com/news_inside.php?id=17547&key=news-
(http://football.kapook.com/uploadnew/news/picture/17547-news-8189.jpg)
ข่าวฟุตบอล เหล่านักเตะภายในทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต่างร่วมกันโหวตลงคะแนน ให้ ไมเคิ่ล คาร์ริค คว้าตำแหน่งนักเตะแห่งปีของสโมสรไปครอง ขณะที่ โรบิน ฟาน เพอร์ซี ได้รางวัลขวัญใจแฟนบอล พ่วงรางวัลประตูแห่งปี ชอตระเบิดตาข่าย แอสตัน วิลล่า
คาร์ริค วัย 31 ปี โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมในฤดูกาลนี้ จนถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของสมาคมฟุตบอลอังกฤษ (พีเอฟเอ) ซึ่งแม้จะพลาดรางวัลดังกล่าวแต่ห้องเครื่อง "ปิศาจแดง" ก็ได้รับการโหวตจากเพื่อนร่วมทีมให้เป็น "นักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของสโมสร" ประจำฤดูกาล 2012-13
"แน่นอนว่ารางวัลนี้มีความหมายกับผมอย่างมาก ผมทำงานร่วมกับเพื่อนๆ ทุกวันและฝึกซ้อมร่วมกันตลอด" คาร์ริค กล่าวเปิดใจ
"สปิริตของทีมเรานั้นยอดเยี่ยมยิ่งใหญ่ นักเตะจากทั่วโลกมาค้าแข้งและเข้ากันได้อย่างสมบูรณ์ ซึ่งแต่ละคนต้องใช้ความพยายามเป็นอย่างมาก"
"สำหรับการที่พวกเขาโหวตลงคะแนนให้กับผมในปีนี้มีความหมายต่อผมมากจริงๆ! มันเป็นอะไรที่พิเศษสำหรับตัวผมมาก"
(http://football.kapook.com/uploadnew/news/library/poppr/c2.jpg)
ขณะเดียวกัน โรบิน ฟาน เพอร์ซี กองหน้าชาวดัตซ์ ที่โชว์ฟอร์มทำประตูได้ถึง 25 ประตูในลีก ก็ได้รางวัลขวัญใจแฟนบอล "เซอร์ แม็ตต์ บัสบี้ อวอร์ดส์" โดยได้รับเสียงโหวตจากแฟนผีทั่วโลกจำนวน 41.5% ตามมาด้วย ไมเคิ่ล คาร์ริค ที่ได้รับคะแนนโหวต 29% ส่วนในอันดับที่ 3 ตกเป็นของ ดาวิด เด เคอา ที่ได้รับเสียงโหวต 11.5%
"นี่เป็นแผนของผมมาเสมอ" เพอร์ซี่ กล่าวยิงมุข
"ถ้าพูดตามความจริงนะ มันเหนือกว่าความคาดหวังของผม การได้อยู่กับเพื่อนๆ ทุกคนนั้นส่งผลกระทบให้กับผมตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาในสโมสร"
"แนวทางที่พวกเขาต้อนรับผมส่งผลต่อผมมาก และแน่นอนว่าการได้ทำงานร่วมกับเซอร์อเล็กซ์ และไมค์ ฟีแลน พร้อมทั้งทีมงานคนอื่นๆถือว่าเป็นเกียรติของผม"
"ผมต้องบอกว่าการคว้าแชมป์ลีกได้นั้นเป็นเรื่องที่มหัศจรรย์ มันยอดเยี่ยมเหลือเกินแต่บางทีหนทางที่นำเราไปสู่แชมป์นั้นยอดเยี่ยมยิ่งกว่า"
"การได้อยู่ร่วมกันทุกวัน และทำงานในรายละเอียดต่างๆ, พยายามทำผลงานให้ดีขึ้นทีละขั้นตอน, เอาชนะคู่ต่อสู้และความรู้สึกที่ยอดเยี่ยมที่สุดก็คือผลการแข่งขันและถ้วยรางวัล"
"ในปีนี้มันน่าอัศจรรย์เหลือเกิน ผมอยากจะขอขอบคุณเพื่อนๆทุกคน, ทีมงานและแฟนบอล ซึ่งให้การต้อนรับผมอย่างยอดเยี่ยมตั้งแต่วันแรกที่ผมเข้ามา"
"ถือเป็นเกียรติของผมอย่างมาก ทุกๆ อย่างส่งผลกระทบต่อผมอย่างยิ่งใหญ่ และผมยังคงตื่นเต้นกับสิ่งที่ผ่านมาตลอด 10 เดือน"
"หวังเป็นอย่างยิ่งว่าพวกเราจะทำผลงานได้ดีขึ้นไปอีก เอาชนะและคว้าถ้วยรางวัลให้ได้มากกว่านี้"
(http://football.kapook.com/uploadnew/news/library/poppr/c3.jpg)
นอกจากนี้ อาร์วีพี ยังคว้ารางวัล "ประตูยอดเยี่ยมแห่งปี" จากจังหวะวอลเลย์สุดสวยในเกมทีเอาชนะ แอสตัน วิลล่า 3-0 ที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด
โดย เพอร์ซี่ ระบุว่า "มันเป็นสัญชาตญาณ ผมมองบอลและคิดว่าเขาผ่านบอลได้งดงามมาก สวยงามเกินกว่าจะมาจับบอลลงพื้นก่อน"
"ถ้ามันห่างไปทางซ้ายหรือขวาอีกสักครึ่งเมตร ผมคงจะไม่มีโอกาสได้ยิง"
"เวย์นและผมพูดคุยกันถึงเรื่องที่ว่าเขาจะวางบอลจากแถวๆตำแหน่งแบ็คขวามาตลอดทั้งสัปดาห์"
"พวกเราพูดคุยกันถึงเรื่องนี้ในทุกๆ วันของการฝึกซ้อม และหลังจากนั้นก่อนเกมการแข่งขัน เวย์น บอกกับผมว่า 'โรบิน อย่าลืมบอลแบบนั้นนะ ฉันจะผ่านบอลให้นายแบบนั้นในวันนี้' และมันก็เป็นการผ่านบอลที่สมบูรณ์แบบ ยอดเยี่ยมเหลือเกิน"
"สิ่งเดียวที่ผมต้องทำก็คือกะจังหวะการวิ่งให้ถูกต้อง ในช่วงวินาทีสุดท้ายผมตัดสินใจที่จะยิงและโชคก็เข้าข้างที่ทุกอย่างลงตัวพอดิบพอดี"
ทั้งนี้ ประตูดังกล่าวได้รับเสียงโหวตกว่า 70% แซงหน้าประตูของราฟาเอล ดา ซิลวาที่ยิงใส่ ควีนสพาร์ค เรนเจอร์ส และประตูของเวย์น รูนี่ย์ ที่ยิงได้ในเกมกับนอริช ซิตี้ไปครอบครอง
Robin Van Persie Volley 2nd Goal Manchester United Vs Aston Villa 3 - 0 Match Highlights 22/4/13 - YouTube (http://www.youtube.com/watch?v=HxNlAcdsff8#ws)
Robin Van Persie Volley 2nd Goal Manchester United Vs Aston Villa 3 - 0 Match Highlights 22/4/13 - YouTube (http://www.youtube.com/watch?v=HxNlAcdsff8#ws)
-http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=HxNlAcdsff8-
Robin Van Persie Volley 2nd Goal Manchester United Vs Aston Villa 3 - 0 Match Highlights 22/4/13
Rafael Da Silva Amazing Goal Manchester United vs QPR 2-0 Goals & Highlights 23/02/2013 - YouTube (http://www.youtube.com/watch?v=3a5NDo91lc8#ws)
Rafael Da Silva Amazing Goal Manchester United vs QPR 2-0 Goals & Highlights 23/02/2013 - YouTube (http://www.youtube.com/watch?v=3a5NDo91lc8#ws)
-http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=3a5NDo91lc8-
Rafael Da Silva Amazing Goal Manchester United vs QPR 2-0 Goals & Highlights 23/02/2013
Rooney goal vs Norwich - YouTube (http://www.youtube.com/watch?v=VwQwvXcfTsY#ws)
Rooney goal vs Norwich - YouTube (http://www.youtube.com/watch?v=VwQwvXcfTsY#ws)
-http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=VwQwvXcfTsY-
Rooney goal vs Norwich
Robin Van Persie Manchester United Goals 2012- 2013 HD - YouTube (http://www.youtube.com/watch?v=B8LxaCIVDXU#ws)
Robin Van Persie Manchester United Goals 2012- 2013 HD - YouTube (http://www.youtube.com/watch?v=B8LxaCIVDXU#ws)
-http://www.youtube.com/watch?v=B8LxaCIVDXU&feature=player_embedded-
Robin Van Persie Manchester United Goals 2012- 2013 HD
.
-
เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน บอกลูกทีม แมนฯ ยูไนเต็ด ต่อไปไม่ต้องเรียกผมเจ้านาย
-http://football.kapook.com/news_inside.php?id=17562&key=news-
(http://football.kapook.com/uploadnew/news/picture/17562-news-4099.jpg)
ข่าวฟุตบอล "เดอะซัน" เผยช่วงนาทีสุดสะเทือนอารมณ์ตอน เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน แจ้งข่าวการตัดสินใจวางมือให้ลูกทีมรู้ก่อนแถลงให้คนนอกรู้ โดยบอกแข้ง "ปิศาจแดง" ทุกคน ต่อไปนี้ไม่ต้องมาเรียกว่าเจ้านายอีกแล้ว
ภาพประกอบจาก AFP
ปิดฉากลงไปแล้วสำหรับตำนานของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ในฐานะผู้จัดการทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดย "เฟอร์กี้" นำทีม บุกไปเสมอ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน อย่างสุดระทึก 5-5 ในเกม พรีเมียร์ลีก นัดปิดฤดูกาล และนี่คือเกมสุดท้ายสำหรับการทำหน้าที่กุนซือทีม "ปิศาจแดง" ด้วย
บรรยากาศของการสดุดีและคำยกย่องสรรเสริญแด่ เซอร์ อเล็กซ์ ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นผู้จัดการทีมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์ลูกหนังโลก มีขึ้นมาตลอดนับตั้งแต่ แมนฯ ยูไนเต็ด ประกาศยืนยันการอำลาตำแหน่งของ "เฟอร์กี้" เมื่อช่วงกว่าสัปดาห์ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม ล่าสุด "เดอะซัน" แท็บลอยด์ชื่อดังเปิดเผยเหตุการณ์สุดสะเทือนอารมณ์ ที่เกิดขึ้นในช่วงนาทีที่ เซอร์ อเล็กซ์ ต้องบอกเรื่องนี้ให้กับลูกทีมทุกคนรู้ โดยกุนซือวัย 71 ปี ได้เรียกนักเตะและทีมสต๊าฟทุกคนมาพร้อมกันในช่วงไม่กี่ชั่วโมง ก่อนจะมีแถลงการณ์จากสโมสร แมนฯ ยูไนเต็ด ออกมาเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม
"เฟอร์กี้" กล่าวกับนักเตะและทีมสต๊าฟของ แมนฯ ยูไนเต็ด ว่า "พวกคุณเป็นลูกน้องที่ยอดเยี่ยมมาก เราร่วมสร้างความสำเร็จมาด้วยกันมากมาย และถ้าคุณเห็นว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เราช่วยกันทำมานี้มีความสำคัญกับคุณเหมือนกัน มีเรื่องหนึ่งที่ผมอยากขอกับคุณทุกคน ถ้าผมไม่ได้อยู่ที่นี่แล้วและเราไม่ได้ทำงานด้วยกันแล้ว ผมไม่อยากได้ยินพวกคุณเรียกผมว่าเจ้านายอีก"
"คุณจะเรียกผมว่าอะไรก็ตามเถอะ เรียกฉายาหรือชื่อที่พวกเขาชอบเรียกผมลับหลังมาตลอดหลายปี อะไรก็ได้แต่อย่าเรียกผมว่าเจ้านาย หลังจากนี้คุณจะมีเจ้านายคนใหม่ และเขาเป็นคนเดียวที่คุณควรจะเรียกว่าเจ้านาย"
ทั้งนี้มีแหล่งข่าวภายในสโมสร "ปิศาจแดง" เปิดเผยถึงบรรยากาศตอนที่ เซอร์ อเล็กซ์ พูดกับลูกทีมว่า "มันเป็นช่วงเวลาที่ทุกคนพูดไม่ออก ผู้จัดการทีมที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์กำลังประกาศว่าเขาจะลงจากตำแหน่งและสิ่งที่ในใจเขาอยากบอกก็คือการทำให้แน่ใจว่าทีมจะพร้อมสำหรับต้อนรับเจ้านายคนใหม่ เซอร์ อเล็กซ์ น่าทึ่งจริงๆ ไม่มีใครพิเศษเหมือนเขาแน่นอน"
"เจ้าหน้าที่ของทีมบางคนถึงกับร้องไห้ ส่วนพวกนักเตะก็ได้แต่อึ้งแล้วก็เงียบ ความจริงพวกเขาก็พอจะได้ข่าวมาบ้างแล้ว แต่ไม่มีใครเชื่อว่ามันจะเป็นจริง" แหล่งข่าวซึ่งน่าจะเป็นหนึ่งในสต๊าฟที่อยู่ในเหตุการณ์ด้วยเผย
-
นัดสุดท้ายที่ท่านเฟอร์กี้คุมทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดครับ
Dailymotion – 403 Forbidden (http://www.dailymotion.com/video/x101awj)
Dailymotion – 403 Forbidden (http://www.dailymotion.com/video/x101awj)
-http://www.dailymotion.com/video/x101awj_untitled_travel-
เวสต์บรอมวิช 5 - 5 แมนฯ ยูไนเต็ด
เวสต์บรอมวิช
MORRISON J. 41' , LUKAKU R. 50' , LUKAKU R. 81' , MULUMBU Y. 82' , LUKAKU R. 86'
แมนฯ ยูไนเต็ด
KAGAWA S. 6' , OLSSON J. (ทีมเหย้า ทำเข้าประตูตัวเอง) 9' , BUTTNER A. 30' , VAN PERSIE R. 53' , HERNANDEZ J. 63'
-http://football.kapook.com/match/match_live.php?mid=214306-
http://football.kapook.com/match/match_live.php?mid=214306 (http://football.kapook.com/match/match_live.php?mid=214306)
-
6 เคล็ดลับความสำเร็จของ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน
-http://men.sanook.com/949/6-%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B9%87%E0%B8%94%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B8%B3%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B9%87%E0%B8%88%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87-%E0%B9%80%E0%B8%8B%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B9%87%E0%B8%81%E0%B8%8B%E0%B9%8C-%E0%B9%80%E0%B8%9F%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%81%E0%B8%B9%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%99/-
(http://p4.s1sf.com/me/0/ud/0/949/alex_ferguson.jpg)
วันที่ 8 พฤษภาคมที่ผ่านมา เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ประกาศอำลาการคุมทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หลังจากทำหน้าที่ผู้จัดการทีมมายาวนานถึง 26 ปีครึ่ง
ภายใต้การนำทีมของเซอร์อเล็กซ์ เขาทำให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ครองแชมป์ต่างๆ ถึง 38 รายการ ในจำนวนนี้เป็นแชมป์พรีเมียร์ ลีก ถึง 13 ครั้ง แชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยน ลีก 2 ครั้ง เอฟเอ คัพ 4 ครั้ง และลีกคัพ 1 ครั้ง
ด้วยความเป็นผู้จัดการทีมที่ยอดเยี่ยมของเซอร์อเล็กซ์ ทำให้ทีมแมนยู ประสบความสำเร็จมายาวนานเกือบ 30 ปี ยากจะหาใครเทียบได้ จึงเป็นแรงบันดาลใจให้ อนิต้า เอลเบิร์ส และ ทอม ดาย อาจารย์คณะบริหารธุรกิจของ ฮาร์วาร์ด บิสซิเนส สกูล (Harvard Business School) แห่งมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด สหรัฐอเมริกา ที่ได้รับการยกย่องให้เป็นคณะบริหารธุรกิจอันดับ 1 ของโลก ทำการศึกษาถึงเคล็ดลับความเป็นผู้นำของเซอร์อเล็กซ์ในการบริหารทีมจนประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้น
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นทีมกีฬาที่มีมูลค่ามากเป็นอันดับ 2 ของโลกจากการประเมินตัวเลขของนิตยสาร ฟอร์บส์ เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยมีมูลค่า 3,165 ล้านดอลลาร์หรือ 95,000 ล้านบาท เป็นรองอันดับหนึ่งคือสโมสรฟุตบอลเรียล แมดริดของสเปนเล็กน้อย ฟอร์บส์ประเมินมูลค่าเรียล แมดริด ไว้ที่ 3,300 ล้านดอลลาร์ หรือ 99,000 ล้านบาท
อนิต้า เอลเบิร์ส และ ทอม ดาย เดินทางไปสัมภาษณ์เซอร์อเล็กซ์ ที่เมืองแมนเชสเตอร์เมื่อปีที่แล้วเพื่อหาคำตอบว่าอะไรคือเคล็ดลับแห่งความสำเร็จของเซอร์อเล็กซ์
หลังจากสัมภาษณ์ เซอร์อเล็กซ์ อนิต้า เอลเบิร์ส และ ทอม ดาย ได้ร่วมกันเขียนรายงานการศึกษาชื่อ Sir Alex Ferguson : Managing Manchester United หรือ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน : การบริหารแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แล้วเดือนธันวาคม ปี 2012 เซอร์อเล็กซ์ได้เดินทางไปฮาร์วาร์ด บิสซิเนส สกูลในฐานะอาจารย์รับเชิญ เพื่อให้ความรู้แก่นักศึกษาเรื่องการบริหารจัดการ
(http://p4.s1sf.com/me/0/ud/0/949/941269_10151466888427746_1750929927_n_1368501977.jpg)
จากรายงานการศึกษาและการเล็กเชอร์ที่เซอร์อเล็กซ์สอนนักศึกษาฮาร์วาร์ดเมื่อปีก่อนสามารถสรุปหัวใจในการบริหารทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ให้ประสบความสำเร็จติดต่อกันยาวนานเกือบสามสิบปีได้ดังนี้
1. ให้ความสำคัญกับความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของทีม
เซอร์อเล็กซ์จะไม่ยอมให้นักเตะคนหนึ่งคนใดคิดว่าตัวเองเป็นซูเปอร์สตาร์เป็นดาวเด่นของทีมเหนือกว่าเพื่อนนักเตะร่วมทีมคนอื่นๆหรือคิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่กว่าแมนยู เรื่องนี้ เดวิด เบ็กแค่ม ซาบซึ้งดี คาดกันว่า เวย์น รูนี่ย์ จะเป็นคนต่อไป
2. รู้จักชมนักเตะเมื่อทำผลงานได้ดี
เซอร์อเล็กซ์กล่าวว่า สำหรับนักฟุตบอลและมนุษย์ทุกคน ไม่มีสิ่งใดที่ทำให้มีความรู้สึกดีใจ ภาคภูมิใจมากไปกว่าการได้รับคำชมว่า well done หรือทำได้ดี คำคำนี้ เป็นคำที่ดีที่สุด ไพเราะที่สุดในโลกของกีฬา
หลังการแข่งขันแม้นักเตะจะเล่นได้ไม่ดี ผู้จัดการทีมก็ไม่ควรจะตะโกนดุด่านักเตะไปหมดทุกครั้ง เพราะการดุด่าไม่อาจใช้ได้เสมอไป ไม่มีใครอยากถูกต่อว่า
แต่เมื่อถึงล็อกเกอร์ รูม การชี้ข้อผิดพลาดให้นักเตะเห็นเป็นสิ่งที่ต้องทำทันที อย่ารอให้ถึงวันจันทร์แล้วถึงบอก และเมื่อชี้ให้เห็นข้อผิดพลาดในการเล่นนัดนั้นจบแล้วก็จบกัน ไม่เก็บเอามาว่ากล่าวซ้ำอีก ให้คิดถึงการแข่งขันนัดต่อไป เพราะไม่มีประโยชน์อะไรที่จะตำหนินักเตะในเรื่องที่ผ่านมาแล้วและแก้ไขไม่ได้-ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
นอกจากนี้เซอร์อเล็กซ์บอกอีกว่าเขาไม่เคยตำหนินักเตะต่อหน้าสาธารณะ ซึ่งนักเตะทุกคนในทีมทราบดี มีอะไรไม่พอใจจะพูดคุยกันภายในทีมเท่านั้น
3. การลงโทษ
หากนักเตะคนไหนไม่ทำตามกฎ จะถูกปรับเงิน เป็นวิธีการควบคุมความประพฤตินักเตะที่มีเงินระดับมหาเศรษฐี และการปรับเงินของทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่เคยเปิดเผยให้คนนอกทราบ
4. พัฒนานักเตะรุ่นใหม่
เซอร์อเล็กซ์จะพัฒนานักเตะรุ่นใหม่ของสโมสรให้มีคุณภาพ มาตรฐานในระดับเดียวกับที่นักเตะรุ่นก่อนๆ ทำไว้ ทั้งนี้ เพื่อสร้างรากฐานที่มั่นคงตลอดไปให้กับสโมสร
การสร้างนักเตะหน้าใหม่ให้มีฝีเท้าดีเยี่ยมจนสามารถลงเล่นเป็นตัวจริงได้ เซอร์อเล็กซ์ถือว่าเป็นการสร้างรากฐานที่มั่นคงให้กับสโมสรสืบต่อไป
เซอร์อเล็กซ์กล่าวว่า 99 เปอร์เซ็นต์ของผู้จัดการทีมที่เพิ่งเข้ามาคุมทีมใหม่ทำก็คือซื้อนักเตะที่มีประสบการณ์ ที่เคยเล่นกับทีมที่ตัวเองเคยเป็นผู้จัดการทีมมาก่อนเข้ามาร่วมทีม เพราะต้องการให้ทีมชนะ และตัวเองจะได้คุมทีมต่อ ซึ่งไม่ใช่วิธีการของเขา
5. การฝึกซ้อม
สิ่งที่เซอร์อเล็กซ์อบรมสั่งสอนนักเตะทุกคนในทีมคือการขยันซ้อม มีความมุ่งมั่นเอาจริงเอาจังกับการซ้อมนั้นถือเป็นพรสวรรค์อย่างหนึ่งเช่นกัน นักเตะในทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องฝึกหนักกว่านักเตะทีมอื่นๆ หากทำไม่ได้ก็ไม่ต้องมาเป็นนักเตะทีมแมนยู เพราะตัวเขาสนใจเฉพาะนักเตะที่ฝึกซ้อมอย่างหนัก ต้องการเก่งจนผู้จัดการทีมต้องเลือกให้ลงเล่น และไม่ต้องการเป็นผู้แพ้เท่านั้น
6. การเลิกจ้าง
หากจะเลิกสัญญาจ้างกับนักเตะคนใดก็ตาม เซอร์อเล็กซ์จะเป็นคนบอกด้วยตัวเอง จะไม่ส่ง SMS บอกเลิกแบบผู้จัดการทีมหลายคนที่ทำกันสมัยนี้
เซอร์อเล็กซ์บอกว่า สิ่งที่เขาพูดกับนักเตะเวลาบอกเลิกสัญญานั้นจะไม่พูดทำร้ายจิตใจให้นักเตะเสียความมั่นใจ แต่เขาจะบอกว่าที่เลิกจ้างเพราะสไตล์ของผู้เล่นคนนั้นไม่ตรงกับกลยุทธ์ในการสร้างทีม ประโยคที่เซอร์อเล็กซ์จะกล่าวออกตัวอยู่บ่อยๆ คือ "ผมอาจจะตัดสินใจผิดที่เลิกสัญญาจ้างกับคุณ แต่ผมคิดว่า ณ วันนี้มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับทีม"
ใครที่เป็นแฟนแมนยู และติดตามการทำงานของเซอร์อเล็กซ์มาตลอด อ่านทั้ง 6 ข้อก็จะทราบว่าเซอร์อเล็กซ์ปฏิบัติตามทั้ง 6 ข้อจริงๆ ด้วย หัวใจในการบริหารทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ของ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ทั้ง 6 ข้อ ผมคิดว่าสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการบริหารทุกองค์กรให้ประสบความสำเร็จได้เป็นอย่างดี
ขอบคุณ
คอลัมภ์ คลุกวงใน
โดย พิศณุ นิลกลัด
ภาพ
mirror.co.uk
-
1999 Treble Homecoming @ MEN Arena, Manchester.
-http://www.youtube.com/watch?v=hWMSElq4gJ4&NR=1&feature=endscreen-
1999 Treble Homecoming @ MEN Arena, Manchester. (http://www.youtube.com/watch?v=hWMSElq4gJ4#)
1999 Treble Homecoming @ MEN Arena, Manchester. (http://www.youtube.com/watch?v=hWMSElq4gJ4#)
Manchester United - Bayern Munich CL Final 1999 Exclusive [HD]
-http://www.youtube.com/watch?v=VfYEql5pYYU-
Manchester United - Bayern Munich CL Final 1999 Exclusive [HD] (http://www.youtube.com/watch?v=VfYEql5pYYU#ws)
Manchester United - Bayern Munich CL Final 1999 Exclusive [HD] (http://www.youtube.com/watch?v=VfYEql5pYYU#ws)
The Final 3 Mins- Man United v Bayern Munich 1999- Rare Pitch Side Footage-
-http://www.youtube.com/watch?v=LC_f9CB1Pmg-
The Final 3 Mins- Man United v Bayern Munich 1999- Rare Pitch Side Footage- Champions League Final (http://www.youtube.com/watch?v=LC_f9CB1Pmg#)
.
-
M vs S All Goals and Full Match Highlights 9/8/2013 Friendly
-http://www.youtube.com/watch?v=-2CZ8ZbukbI#at=45-
http://www.youtube.com/watch?v=-2CZ8ZbukbI#at=45 (http://www.youtube.com/watch?v=-2CZ8ZbukbI#at=45)
http://www.youtube.com/watch?v=-2CZ8ZbukbI#at=45 (http://www.youtube.com/watch?v=-2CZ8ZbukbI#at=45)
-http://www.youtube.com/watch?v=-2CZ8ZbukbI#at=45-
-
Van der Sar - the best
-http://www.youtube.com/watch?v=clH_3RisXP4-
Van der Sar - the best (http://www.youtube.com/watch?v=clH_3RisXP4#ws)
Van der Sar - the best (http://www.youtube.com/watch?v=clH_3RisXP4#ws)
-
แมนยู ปีนี้ยังไม่ค่อยได้ซื้อเพิ่มเท่าไหร่แต่ยังออกสตาร์ทได้ยอดเยี่ยมเหมือนเดิมเลยนะครับ
คงติด 1 ใน 3 เหมือนเคย ส่วนที่ 4 ลิเวอร์พูลของผมขอจอง 555 :13:
-
Robin Van Persie All 30 goals 2012 - 2013 HD
Robin Van Persie All 30 goals 2012 - 2013 HD (http://www.youtube.com/watch?v=uMuUAtB9TtI#ws)
Robin Van Persie All 30 goals 2012 - 2013 HD (http://www.youtube.com/watch?v=uMuUAtB9TtI#ws)
-http://www.youtube.com/watch?v=uMuUAtB9TtI-
Shinji Kagawa - Let's Go - Goals, Skills, Pass - Manchester United - 2013
Shinji Kagawa - Let's Go - Goals, Skills, Pass - Manchester United - 2013 (http://www.youtube.com/watch?v=ewkPkL1J02o#ws)
Shinji Kagawa - Let's Go - Goals, Skills, Pass - Manchester United - 2013 (http://www.youtube.com/watch?v=ewkPkL1J02o#ws)
-http://www.youtube.com/watch?v=ewkPkL1J02o-
-
Man Utd vs Chelsea - UEFA CL 2008 Final
http://www.youtube.com/watch?v=jGJ62A2_CTQ#t=35 (http://www.youtube.com/watch?v=jGJ62A2_CTQ#t=35)
http://www.youtube.com/watch?v=jGJ62A2_CTQ#t=35 (http://www.youtube.com/watch?v=jGJ62A2_CTQ#t=35)
-http://www.youtube.com/watch?v=jGJ62A2_CTQ#t=35-
-http://www.manager.co.th/Sport/ViewNews.aspx?NewsID=9560000106392-
.
-
Liverpool v Man Utd 1996/97 Highlights
Liverpool v Man Utd 1996/97 Highlights (http://www.youtube.com/watch?v=YlwCUVJAR8A#)
Liverpool v Man Utd 1996/97 Highlights (http://www.youtube.com/watch?v=YlwCUVJAR8A#)
-http://www.youtube.com/watch?v=YlwCUVJAR8A-
-
7 Incidents which had Fergie fuming
-http://www.youtube.com/watch?v=ifdWLRC5o38-
7 Incidents which had Fergie fuming (http://www.youtube.com/watch?v=ifdWLRC5o38#)
7 Incidents which had Fergie fuming (http://www.youtube.com/watch?v=ifdWLRC5o38#)
-http://www.youtube.com/watch?v=ifdWLRC5o38-
7 Incidents which had Fergie fuming
-
บันได 8 ขั้นสู่การเป็น “บรมกุนซือ”
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 29 กันยายน 2556 10:42 น.
-http://www.manager.co.th/Sport/ViewNews.aspx?NewsID=9560000121862-
(http://mpics.manager.co.th/pics/Images/556000012777601.JPEG)
เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน
ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - ศึก พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ ฤดูกาลใหม่ออกสตาร์ทมาเดือนเศษ หลายคนอาจจะเริ่มคิดถึง เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เพราะผลงานของ เดวิด มอยส์ ที่เลือกมากับมือให้รับไม้ต่อนั้นยังไม่เข้าตาเท่าที่ควร ซึ่งก็ต้องเห็นใจและให้เวลากับการมาเป็นทายาทบรมกุนซือที่ประสบความสำเร็จตลอดระยะเวลา 26 ปีในถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด กวาดแชมป์มาแล้วถึง 49 โทรฟีย์ แน่นอนว่าทุกอย่างไม่ได้มาอย่างง่ายดาย แต่ก็ไม่ใช่ความลับ เพราะได้เผยเคล็ดกว่าจะได้รับการยกย่องระดับขึ้นหึ้งผ่านทางการสอนที่ถูก ฮาร์วาร์ด บิซิเนสส์ สคูล เชิญไปบรรยาย 8 ข้อดังนี้ ดูแล้วมีประโยชน์และสามารถนำมาปรับใช้ได้กับทุกสายงานไม่ใช่แค่วงการกีฬาเพียงอย่างเดียว
1.เริ่มต้นด้วยการวางรากฐาน “นับจากช่วงเวลาที่ผมรับงานคุม แมนฯยู ผมคิดเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นคือสร้างสโมสรฟุตบอลและต้องปูขึ้นมาจากรากฐานอย่างแท้จริง”
2.ความกล้าที่จะสร้างทีมของคุณ “ผมเชื่อว่าวงจรความสำเร็จของทีมจะอยู่ในช่วงแค่ 4 ปีจากนั้นก็จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลง ดังนั้นเราต้องพยายามมองภาพของ 3 หรือ 4 ปีข้างหน้าให้ออกก่อนเสมอและตัดสินใจทุกอย่างให้เหมาะสม เพราะว่าผมอยู่กับ แมนฯยู มานานจนสามารถที่จะวางแผนล่วงหน้าได้”
3.ตั้งมาตรฐานให้สูง “ทุกอย่างที่เราทำคือมาตรฐานที่ตั้งไว้เพื่อสโมสรฟุตบอล ไม่ว่าจะเป็นการสร้างทีม, เตรียมทีม, พูดเพื่อกระตุ้น, อธิบายแท็กติก แน่นอนผมคาดหวังจากบรรดานักเตะใหม่ๆ มากกว่าพวกที่อยู่ก่อนหน้านี้”
4.ไม่ยอมให้ใครมาควบคุม “ผมจะไม่ยอมให้ใครมาแข็งแกร่งเหนือกว่าตนเอง ถ้าวันที่ผมเป็นกุนซือ แมนฯยู และถูกควบคุมโดยผู้เล่น หากทุกคนคิดกันเองว่าต้องซ้อมยังไง ไม่สนใจเรื่องระเบียบวินัยและแท็กติกที่ควรจะเป็น แมนฯยู ก็จะไม่เป็น แมนฯยู อย่างที่เรารู้จัก”
5.รู้จักช่วงเวลาที่ต้องสื่อสาร “ไม่มีใครชอบถูกวิจารณ์หรอก ส่วนใหญ่ตอบสนองด้วยการให้กำลังใจและกระตุ้น ในขณะเดียวกันคุณต้องชี้ให้เห็นความผิดพลาด บางครั้งกุนซือต้องสวมบทที่แตกต่างกันไป หมอบ้าง, คุณครู หรือพ่อ”
6.มองหาชัยชนะเสมอ “ชัยชนะคือธรรมชาติของผม ไม่มีทางเลือกอื่นใดทั้งสิ้น ผมพร้อมเสี่ยงคุณจะเห็นได้จากช่วงท้ายเกมเสมอ ทีมของผมต้องมีความอุตสาหะไม่ยอมแพ้หรือถอดใจ ถือเป็นบุคลิกสำคัญยิ่งที่ต้องมี”
7.หมั่นสังเกตอยู่เสมอ “สถานะและความสามารถในการกำกับดูแลของผมนั้นเหลือเชื่อมาก บางครั้งผมสามารถบอกได้ว่าคนไหนเจ็บทั้งที่เขาอาจจะคิดว่าปกติดี ซึ่งก็มาจากการสังเกต”
8.ไม่เคยหยุดที่จะปรับตัว “ย้อนไปตอนสมัยผมเริ่มทำงานใหม่ๆ ไม่มีเอเยนต์ หรือแม้แต่สื่อ จนกระทั่งเกมถ่ายทอดสดทางทีวี ไม่มีนักเตะคนไหนก้าวไปเป็นดาวดังระดับดารา ดังนั้นผู้เล่นสมัยนี้จะมีความเปราะบางมากกว่าสมัย 25 ปีก่อนดังนั้นทุกอย่างต้องปรับตัวตามให้ทัน”
เรื่อง สรเดช เพชรแสงใสกุล
-
แมนฯยูฯ 1-2 เวสต์บรอม :42: :14: :13: :17:
-
ต้องทำใจ มอยส์ ยังต้องปรับปรุงอีกเยอะ
-
Sir Alex Ferguson - Retires | Thanks For Everything "Boss" | 1986-2013 - HD
-http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=eyVkwtuwe-0#t=12-
http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=eyVkwtuwe-0#t=12 (http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=eyVkwtuwe-0#t=12)
http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=eyVkwtuwe-0#t=12 (http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=eyVkwtuwe-0#t=12)
-http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=eyVkwtuwe-0#t=12-
-
อัดนาน ยานูซาจ ปีกดาวรุ่งตัวเทพ สกิลเจ๋งๆหาตัวจับยาก
-http://world.kapook.com/pin/525107c038217a3247000000-
http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=G-B5btuInYQ#t=124 (http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=G-B5btuInYQ#t=124)
Adnan Januzaj - Manchester United - Pre-Season - 2013/2014 HD
http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=G-B5btuInYQ#t=124 (http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=G-B5btuInYQ#t=124)
-http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=G-B5btuInYQ#t=124-
อัดนาน ยานูซาจ Adnan Januza ปีกดาวรุ่งตัวเทพ สกิลเจ๋งๆหาตัวจับยาก สัญชาติเบลเยี่ยม ทีมแมนยูฯไนเต็ด ที่เพิ่งเเจ้งเกิดยิงเบิ้ลสองลูก ให้เเมนยู บดเอาชนะ ซันเดอแลนด์ 2-1 ซึ่งคลิปนี้เป็นคลิปช่วง ปรีซีซั่น ของ อัดนาน ยานูซาจ Adnan Januza โชว์ลีลาเจ๋งๆ ให้แมนยู ว่าเเล้วเราไปชมครับ
-
“ตำนานแข้งผี” ผู้รอดชีวิตจากมิวนิก สิ้นลมแล้ว!!!
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 25 พฤศจิกายน 2556 19:35 น.
-http://www.manager.co.th/Sport/ViewNews.aspx?NewsID=9560000146452-
(http://mpics.manager.co.th/pics/Images/556000015321801.JPEG)
บิลล์ โฟลเกส ตำนานแข้งผี 1 ในผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์มิวนิค
บิลล์ โฟลเกส ตำนานแข้งผี 1 ในผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์เครื่องบินตก ที่มิวนิกในปี 1958 เสียชีวิตแล้วด้วยวัย 81 ปี
สโมสรแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ทีมดังจากลีกอังกฤษ ประกาศแสดงความเสียใจจากการสูญเสียของ ตำนานกองหลังของทีมอย่าง บิลล์ โฟลเกส ในวันที่ 25 พฤศจิกายน 2556 โดยอดีตแข้งผีรายนี้ลงสนามให้ทีม ครั้งแรกเมื่อปี 1952 รับใช้ต้นสังกัดไป 688 แมตช์ เป็นรองแค่ ไรอัน กิกส์, เซอร์ บอบบี ชาร์ลตัน และ พอล สโคลส์ เพียงเท่านั้น
รองประธานสโมสรอย่าง เอด วูดเวิร์ด ได้ออกมายกย่องโฟลเกสว่า “บิลล์มีความเป็นผู้นำที่สำคัญ เพื่อช่วยแมนฯยูไนเต็ด ผ่านพ้นช่วงเวลาวิกฤตจากเหตุการณ์ที่มิวนิก เขามีความเป็นสุภาพบุรุษมาก”
“บิลล์สร้างผลงานที่สำคัญให้กับสโมสร โดยลงสนามไปเกือบ 700 เกม และอยู่กับทีมยาวนานถึง 20 ปี พวกเราจะไม่มีวันลืมเขา” วูดเวิร์ด เผย
อนึ่ง โฟลเกส เริ่มต้นอาชีพค้าแข้งกับ แมนฯยูไนเต็ด และไม่เคยย้ายทีม โดยเขาเป็น 1 ในผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์เครื่องบินตกที่มิวนิค เมื่อปี 1958 และผลงานที่น่าประทับใจของคือการพา “ผีแดง” ชนะ เบนฟิก้า คว้าแชมป์ยูโรเปียน คัพ ไปครองเมื่อปี 1968
-
Manchester United 20th Premier League title 2012/2013
Manchester United 20th Premier League title 2012/2013 (http://www.youtube.com/watch?v=8Dg3EfJvjJs#ws)
Manchester United 20th Premier League title 2012/2013 (http://www.youtube.com/watch?v=8Dg3EfJvjJs#ws)
-http://www.youtube.com/watch?v=8Dg3EfJvjJs-
-------------------------------------------------------------------
Top 100 Man Utd Goals
Top 100 Man Utd Goals (http://www.youtube.com/watch?v=yrsm7ce5M7w#)
Top 100 Man Utd Goals (http://www.youtube.com/watch?v=yrsm7ce5M7w#)
-http://www.youtube.com/watch?v=yrsm7ce5M7w-
Manchester United vs Bayern Munich 2-1 UEFA Champions League Final 1999 FULL MATCH
Manchester United vs Bayern Munich 2-1 UEFA Champions League Final 1999 FULL MATCH (http://www.youtube.com/watch?v=q4ByzGQ90_8#)
-http://www.youtube.com/watch?v=q4ByzGQ90_8-
-
เดวิด มอย จะกลายเปนเดวิด ม้วย ป่าวครับเนี่ย
ต้องซื้อตัวใหม่เพิ่มด่วนเลยแมนยู แต่ผมยังเชื่อในความเปนแมนยู
ผมว่าอย่างน้อย1ใน4 55555+
-
คงต้องทำใจครับ
-
หล่อเลย!!"ผี"บุกให้ของขวัญวันคริสต์มาสรพ.เด็ก
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 20 ธันวาคม 2556 04:45 น.
-http://www.manager.co.th/Sport/ViewNews.aspx?NewsID=9560000156043-
(http://mpics.manager.co.th/pics/Images/556000016317804.JPEG)
ชิชาริโต กับ เฟลทเชอร์
(http://mpics.manager.co.th/pics/Images/556000016317801.JPEG)
เฟลไลนี กับ ยานูไซจ์ ก็มาด้วย
(http://mpics.manager.co.th/pics/Images/556000016317803.JPEG)
เหล่านักเตะแมนฯ ยูไนเต็ด
2 สมาชิกสโมสรแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดร่วมกับนักเตะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อาทิ ไมเคิล คาร์ริค , อันโตนิโอ วาเลนเซีย บุกไปให้ของขวัญที่โรงพยาบาลเด็กในเมืองแมนเชสเตอร์ เพื่อให้ของขวัญและอวยพรเนื่องในวันคริสต์มาส
สโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมดังแห่งพรีเมียร์ลีก บุกไปโรงพยาบาลเด็กในเมืองแมนเชสเตอร์ เพื่อไปให้ของขวัญวันคริสต์มาสให้กับเด็กๆ โดยครั้งนี้มีสองสมาชิกของสโมสรร่วมเดินทางไปด้วย
การไปครั้งนี้ถือได้ว่าขนเอานักเตะชุดใหญ่ไปยกทีมไม่ว่าจะเป็น ไมเคิล คาร์ริค , ดาบิด เด เกอา , แอชลีย์ ยัง , อันโตนิโอ วาเลนเซีย , มารูยาน เฟลไลนี เป็นต้น
โดย ไรอัน กิกส์ ปีกจอมเก๋าประจำทีมที่เดินทางไปด้วยก็ได้กล่าวถึงการไปเยี่ยมเยียนเด็กในครั้งนี้ว่า " เรารู้ว่าการไปของพวกเราสำคัญกับเขามาก โดยเฉพาะเด็กๆที่ไม่สามารถไปร่วมงานคริสต์มาสที่บ้านของตนเองได้ ผมรู้สึกดีกับการมาในครั้งนี้มาก "
อนึ่งคริสต์มาสปีนี้ เหล่านักเตะของ "ปีศาจแดง" ยังไม่มีการฉลองอย่างเป็นทางการ เพราะอยากที่จะนำเงินในการจัดเลี้ยงมาช่วยเหลือเด็กๆมากกว่า
------------------------------------------------------------
:46: :46: :46: :46: :46:
:19: :19: :19: :19: :19:
:13: :13: :13: :13: :13:
-
Cristiano Ronaldo Top 15 Goals In Manchester United With Commentary 2003 - 2009 [HD]
Cristiano Ronaldo Top 15 Goals In Manchester United With Commentary 2003 - 2009 [HD] (http://www.youtube.com/watch?v=kMjkMUr3RKg#ws)
-http://www.youtube.com/watch?v=kMjkMUr3RKg-
Cristiano Ronaldo vs Manchester United (A) 12-13 HD 720p by CriRo7i [UCL]
Cristiano Ronaldo vs Manchester United (A) 12-13 HD 720p by CriRo7i [UCL] (http://www.youtube.com/watch?v=-P03X9P_5iM#ws)
-http://www.youtube.com/watch?v=-P03X9P_5iM-
-
Top 100 Man Utd Goals
Top 100 Man Utd Goals (http://www.youtube.com/watch?v=yrsm7ce5M7w#)
-http://www.youtube.com/watch?v=yrsm7ce5M7w-
-
Man Utd Celebrations-Winning the league 2013
Man Utd Celebrations-Winning the league 2013 (http://www.youtube.com/watch?v=RXvwRqDOw9E#ws)
-http://www.youtube.com/watch?v=RXvwRqDOw9E-
-
ศิษย์เก่า แมนฯยูไนเต็ด
--------------------------------------------------
David Beckham scores goal off of a corner kick
David Beckham scores goal off of a corner kick (http://www.youtube.com/watch?v=bn71IqxE5A4#ws)
-http://www.youtube.com/watch?v=bn71IqxE5A4-
.
-
ชำแหละเสื้อใหม่ "ผี" รู้ให้ลึกถึงที่มาที่ไป
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 16 กรกฎาคม 2557 18:49 น.
-http://www.manager.co.th/Sport/ViewNews.aspx?NewsID=9570000080425-
(http://mpics.manager.co.th/pics/Images/557000008307001.JPEG)
(http://mpics.manager.co.th/pics/Images/557000008307004.JPEG)
(http://mpics.manager.co.th/pics/Images/557000008307003.JPEG)
ไนกี้ ผู้นำนวัตกรรมผลิตภัณฑ์กีฬาระดับโลก เผยโฉมชุดแข่งทีมเหย้าของสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ประจำฤดูกาล 2014-2015 ที่สะท้อนถึงเอกลักษณ์อันโดดเด่นของสโมสร ด้วยการใช้สีแดง สีขาว และสีดำ เพื่อสร้างความตราตรึงใจให้กับแฟนบอลทั่วโลก
ชุดเหย้าแบบใหม่ของทีมปีศาจแดง สโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ประกอบด้วยชุดแข่งขันสีแดง คอเสื้อสีขาวและแถบสีแดงสลับสีดำในส่วนปลายแขน โดยมีกางเกงขาสั้นสีขาวพร้อมกับถุงเท้าสีดำคาดแถบสีแดง ซึ่งคอเสื้อสีขาวได้ถูกนำกลับมาใช้ใหม่อีกครั้งในปีนี้ พร้อมกับปรับเปลี่ยนคอเสื้อให้เป็นแบบคอเต่าเป็นครั้งแรก
บริเวณปลายสุดของขอบคอเสื้อมีการเล่นลวดลายแบบเชฟร่อนเพื่อให้สอดคล้องกับเสื้อแข่งของทีมที่เคยใช้เมื่อต้นศตวรรษที่ 20 และนำมาใช้อีกครั้ง สำหรับกระดุมคอเสื้อได้รับการออกแบบเป็นสีแดง มีขอบสีดำและมีการสลักชื่อสโมสร โดยที่กระดุมนี้ได้ออกแบบขึ้นเป็นพิเศษเพื่อให้กลมกลืนกับตัวเสื้อและเพื่อแสดงถึงจิตวิญญาณของทีม ขณะที่บริเวณคอเสื้อด้านในมีการพิมพ์คำว่า “เยาวชน, ความกล้าหาญ, ความเป็นเสิศเอาไว้อีกด้วย (Youth, Courage, Greatness)
บริเวณใต้คอเสื้อด้านหลังมีการประทับรูปปีศาจสีดำ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของตราประจำสโมสร ส่วนบริเวณช่วงกลางหลังของตัวเสื้อนั้นใช้ลวดลายเชฟร่อน เพื่อเน้นย้ำถึงความสำคัญของลวดลายดังกล่าวที่มีต่อสโมสร และนอกเหนือจากงานออกแบบอันเป็นเอกลักษณ์ของไนกี้แล้ว ชุดแข่งขันของสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รุ่นนี้ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีล่าสุดในด้านการเพิ่มประสิทธิภาพของนักฟุตบอลและด้านความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
เทคโนโลยีไนกี้ ไดร-ฟิต ได้ถูกพัฒนาเพื่อการระบายอากาศได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้นักฟุตบอลสามารถแสดงฝีเท้าได้อย่างเต็มที่ รู้สึกเย็นสบายและมั่นใจตลอดเวลาการแข่งขัน โดยมีช่องระบายอากาศที่ถูกเจาะด้วยเลเซอร์บนเนื้อผ้าชนิดพิเศษในบริเวณจุดสำคัญเพื่อเพิ่มการระบายอากาศบริเวณช่วงตัวและควบคุมอุณหภูมิร่างกายผู้เล่นได้ตลอด 90 นาที และเพื่อเพิ่มความนุ่มสบายและดูพอดีตัวกับผู้สวมใส่มากยิ่งขึ้น ชุดแข่งรุ่นล่าสุดนี้ยังได้ถูกตัดเย็บขึ้นจากด้ายผ้าฝ้ายและด้ายที่ผลิตจากโพลีเอสเตอร์รีไซเคิลอีกด้วย
ความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ยังคงเป็นสิ่งที่ไนกี้ให้ความสำคัญทุกๆครั้งที่สร้างสรรค์ชุดแข่งรุ่นใหม่ๆ และไนกี้ยังคงผลิตชุดกีฬาที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับนักกีฬาไปพร้อมๆกับการลดผลกระทบจากสิ่งแวดล้อม โดยชุดแข่งของสโมสร แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดในปีนี้ทั้งตัวเสื้อ กางเกงและถุงเท้า ยังถูกผลิตมากจากผ้าโพลีเอสเตอร์ที่นำขวดพลาสติกมารีไซเคิลใหม่ ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 78 โดยชุดแข่งแต่ละชุดจะผลิตขึ้นจากขวดพลาสติกรีไซเคิลประมาณ 18 ขวด ทั้งนี้ตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา ไนกี้ได้เปลี่ยนขวดพลาสติกเหลือใช้กว่า 2 พันล้านขวดให้เป็นชุดกีฬาได้แล้ว ซึ่งการผลิตชุดกีฬาจากวัสดุเหลือใช้ยังทำให้ไนกี้ลดอัตราการใช้พลังงานในกระบวนการผลิตลดลงได้ถึงร้อยละ 30
เพิ่มการปรับปรุงให้กระชับยิ่งขึ้น เพื่อให้เหมาะสมกับผู้สวมใส่แต่ละคน ไนกี้ได้ทำการสแกนร่างกายของนักฟุตบอลชื่อดังแบบ 3 มิติ ซึ่งจะทำให้พอดีกับร่างกายและเคลื่อนไหวได้ดียิ่งขึ้น พร้อมกับส่งผลดีต่อความรู้สึกสบายและเพิ่มประสิทธิภาพให้กับนักกีฬา ขณะที่ถุงเท้าแบบเข้ารูปไนกี้ อีลีทแมตช์รุ่นปี 2014 มีขนาดเบาบางกว่าเดิมและได้รับการปรับปรุงให้เหมาะสมกับการเล่นฟุตบอลมากยิ่งขึ้น
นักออกแบบผลิตภัณฑ์กีฬาของไนกี้ได้พูดคุยกับนักฟุตบอลชื่อดังมากมาย เพื่อศึกษาข้อคิดเห็นของผู้เล่นแต่ละคนเกี่ยวกับถุงเท้าฟุตบอลที่พวกเขาสวมใส่ในขณะแข่งขัน ถุงเท้าฟุตบอลรุ่นใหม่ของไนกี้จึงมีส่วนที่เสริมวัสดุขึ้นเป็นพิเศษ เพื่อปกป้องส่วนหัวแม่เท้ารวมถึงกระดูกข้อเท้า พร้อมกับมอบความนุ่มสบายและลดการบาดเจ็บให้กับนักกีฬา เนื่องจากทั้ง 2 จุดนี้คือส่วนที่มีการกระทบกับลูกบอลหรือคู่แข่งมากที่สุดขณะเล่นฟุตบอล ถุงเท้าฟุตบอลรุ่นใหม่นี้ยังช่วยปกป้องฝ่าเท้าเพื่อป้องกันการลื่นได้ดีกว่าเดิมอีกด้วย ถุงเท้าฟุตบอลรุ่นใหม่ของไนกี้ยังใช้วัสดุน้อยลงกว่าเดิมเพื่อให้ผู้เล่นสัมผัสบอลได้ติดเท้ากว่าเดิม บริเวณข้อเท้าและหน้าเท้ายังผลิตจากวัสดุที่ยืดหยุ่นได้เพื่อช่วยในการจับบอลอีกด้วย
สำหรับชุดแข่งทีมเหย้าของสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 16 กรกฎาคม 2557ในราคา 2790 บาท ที่ร้านไนกี้ สาขาเทอมินอล 21 เซ็นทรัลเวิลด์ เอสคิว 1 ร้านซูเปอร์สปอร์ต ร้านอาริ ฟุตบอล คอนเซปต์สโตร์ ร้านนกแก้ว ร้านเอฟบีที สปอร์ตคอมเพล็กซ์ และร้านแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เมกะสโตร์ ทั้ง 7 สาขา
-
พลิกหน้าประวัติศาสตร์ใหม่ "เชฟโรเลต" และ "แมนฯยูไนเต็ด"
-http://www.youtube.com/watch?v=td52OM-Or3k-
พลิกหน้าประวัติศาสตร์ใหม่ "เชฟโรเลต" และ "แมนฯยูไนเต็ด" (http://www.youtube.com/watch?v=td52OM-Or3k#ws)
-http://www.youtube.com/watch?v=td52OM-Or3k-
-
Football's Greatest ● Ryan Giggs ||HD||
http://www.youtube.com/watch?v=X6szaj4R1OY#t=18 (http://www.youtube.com/watch?v=X6szaj4R1OY#t=18)
-http://www.youtube.com/watch?v=X6szaj4R1OY#t=18-
.
-
Ryan Giggs - All goals for Manchester United HD
Ryan Giggs - All goals for Manchester United HD (http://www.youtube.com/watch?v=_LA3gQtetwE#ws)
-http://www.youtube.com/watch?v=_LA3gQtetwE-
.
-
-http://www.redarmyfc.com/content.php?id=3132-
25 เมษายน 1957 : แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2-2 เรอัล มาดริด
http://www.youtube.com/watch?v=upBhZOaYTO0#t=11 (http://www.youtube.com/watch?v=upBhZOaYTO0#t=11)
-http://www.youtube.com/watch?v=upBhZOaYTO0#t=11-
21 มีนาคม 1984 : แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 3-0 บาร์เซโลน่า
http://www.youtube.com/watch?v=B60Yg-D4M6w#t=14 (http://www.youtube.com/watch?v=B60Yg-D4M6w#t=14)
-http://www.youtube.com/watch?v=B60Yg-D4M6w#t=14-
10 เมษายน 2007 : แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 7-1 โรม่า
http://www.youtube.com/watch?v=nwO22dlDcnA#t=10 (http://www.youtube.com/watch?v=nwO22dlDcnA#t=10)
-http://www.youtube.com/watch?v=nwO22dlDcnA#t=10-
29 เมษายน 2008 : แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-0 บาร์เซโลน่า
http://www.youtube.com/watch?v=BR9s-uWyIB8#t=28 (http://www.youtube.com/watch?v=BR9s-uWyIB8#t=28)
-http://www.youtube.com/watch?v=BR9s-uWyIB8#t=28-
.
-
Manchester United 4 0 Ac Milan 10.03.2010 Highlights
Manchester United 4 0 Ac Milan 10.03.2010 Highlights (http://www.youtube.com/watch?v=q7vTXBFJWy8#ws)
-http://www.youtube.com/watch?v=q7vTXBFJWy8-
Man Utd Roma 7 1
Man Utd Roma 7 1 (http://www.youtube.com/watch?v=NXBLHyGOOlM#)
-http://www.youtube.com/watch?v=NXBLHyGOOlM-
Manchester United Vs Chelsea 5-3
Manchester United Vs Chelsea 5-3 (http://www.youtube.com/watch?v=oeiSFN-JxW4#ws)
-http://www.youtube.com/watch?v=oeiSFN-JxW4-
Manchester United 5 - 2 Tottenham Highlights HD
Manchester United 5 - 2 Tottenham Highlights HD (http://www.youtube.com/watch?v=v11SaJa8dH4#ws)
-http://www.youtube.com/watch?v=v11SaJa8dH4-
Manchester United 8 - 2 Arsenal ● Full Highlights ● All Goals ●
Manchester United 8 - 2 Arsenal ● Full Highlights ● All Goals ● (http://www.youtube.com/watch?v=Oc3g3GRtkC0#ws)
-http://www.youtube.com/watch?v=Oc3g3GRtkC0-
-
Angel Di Maria ● Ultimate Skills Show | Manchester United - 2014-2015 HD
Angel Di Maria ● Ultimate Skills Show | Manchester United - 2014-2015 HD (http://www.youtube.com/watch?v=g7XA0C3mZhs#ws)
-http://www.youtube.com/watch?v=g7XA0C3mZhs-
Manchester United's Magnificent Number 7 - Skills & Goals (HD)
Manchester United's Magnificent Number 7 - Skills & Goals (HD) (http://www.youtube.com/watch?v=lJzRndZlPtY#ws)
-http://www.youtube.com/watch?v=lJzRndZlPtY-
Adnan Januzaj Ultimate Skills 2013 -2014 HD
Adnan Januzaj Ultimate Skills 2013 -2014 HD (http://www.youtube.com/watch?v=vgI56dEUmxo#ws)
-http://www.youtube.com/watch?v=vgI56dEUmxo-
Park Ji-sung - The Movie of Three Lungs Park - Manchester United
Park Ji-sung - The Movie of Three Lungs Park - Manchester United (http://www.youtube.com/watch?v=dY502osO3kU#ws)
-http://www.youtube.com/watch?v=dY502osO3kU-
Shinji Kagawa - Let's Go - Goals, Skills, Pass - Manchester United - 2013
Shinji Kagawa - Let's Go - Goals, Skills, Pass - Manchester United - 2013 (http://www.youtube.com/watch?v=ewkPkL1J02o#ws)
-http://www.youtube.com/watch?v=ewkPkL1J02o-
Manchester United - We'll Never Die - HD
Manchester United - We'll Never Die - HD (http://www.youtube.com/watch?v=caDH5ucH_rA#ws)
-http://www.youtube.com/watch?v=caDH5ucH_rA-
.
-
Manchester United 2012/13 - A season to remember [HD]
Manchester United 2012/13 - A season to remember [HD] (http://www.youtube.com/watch?v=6Y_wPmx1dS8#ws)
-http://www.youtube.com/watch?v=6Y_wPmx1dS8&x-yt-cl=84503534&x-yt-ts=1421914688-
Manchester United 2012-2013 Season Review "King Of Comebacks"
Manchester United 2012-2013 Season Review "King Of Comebacks" (http://www.youtube.com/watch?v=WwAlXOGXJVY#ws)
-http://www.youtube.com/watch?v=WwAlXOGXJVY-
Man Utd Celebrations-Winning the league 2013
Man Utd Celebrations-Winning the league 2013 (http://www.youtube.com/watch?v=RXvwRqDOw9E#ws)
-http://www.youtube.com/watch?v=RXvwRqDOw9E-
.
-
20 ปี กังฟูคิก “ก็องโต” เสียดาย อัดแฟน “พาเลซ” เบาไป
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
-http://www.manager.co.th/Sport/ViewNews.aspx?NewsID=9580000009409-
(http://mpics.manager.co.th/pics/Images/558000000970801.JPEG)
ภาพประวัติศาสตร์ของ คันโตนา
ครบรอบ 20 ปี เหตุการณ์แห่งความทรงจำโลกลูกหนัง “กังฟู-คิก” เอริค คันโตนา อดีตกองหน้า “ผีแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จึงออกมารำลึกความหลังว่าน่าจะอัด แมทธิว ซิมมอนส์ แฟนบอล คริสตัล พาเลซ ให้หนักกว่านี้
คันโตนา ถูกแบน 9 เดือน พร้อมกับต้องทำงานชดใช้สังคม 120 ชั่วโมง หลังกระโดดถีบยอดอก แมทธิว ซิมมอนส์ แฟนบอล คริสตัล พาเลซ ที่สนาม เซลเฮิร์สต์ ปาร์ก เนื่องจากถูกไล่ออกเกม พรีเมียร์ ลีก ที่ แมนฯยู บุกเสมอ 1-1 เมื่อวันที่ 25 มกราคม 1995 ภายหลังอดีตแข้งชาวฝรั่งเศส อ้างคุมอารมณ์ไม่อยู่ เพราะถูกด่าพาดพิงถึงพ่อ - แม่
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อปี 1995 ซึ่งตอนนี้ครบรอบ 20 ปี คันโตนา ที่พอแขวนสตั๊ดก็ผันตัวเป็นนักฟุตบอลชายหาดและดารา ยังคงจำได้เป็นอย่างดี โดยกล่าวว่า “จริงๆ แล้วผมน่าจะอัดเขาให้หนักกว่านี้”
คันโตนา ปัจจุบันวัย 48 ปี เผยย้อนไปอีกว่า “ผมไม่คิดว่าตนเองมีความรับผิดชอบมากพอที่จะไม่ทำแบบนั้น เพราะผมคือใคร ก็แค่นักฟุตบอลคนหนึ่ง ไม่สนใจว่าจะต้องเป็นคนที่เหนือว่าใคร อยากทำอะไรก็จะทำ ถ้าต้องการเตะแฟนบอลก็จัดการเลย เพราะไม่ใช่ต้นแบบของใคร ไม่ใช่ครูที่จะต้องมาสอนพฤติกรรม”
จังหวะที่โดนใบแดงคือ คันโตนา ฟิวส์ขาดไปเอาคืน ริชาร์ด ชอว์ กองหลัง พาเลซ เนื่องจากถูกดึงเสื้อ ซึ่งระหว่างเดินผ่านอัฒจันทร์ก็ถูกแฟนบอลเจ้าถิ่นตะโกนด่าจึงกระโดดถีบก่อนที่จะระดมหมัดเข้าไปอีกหนึ่งชุดเต็มๆ
Cantona VS Supporter (http://www.youtube.com/watch?v=wo2aUfwPQvs#)
-http://www.youtube.com/watch?v=wo2aUfwPQvs&x-yt-ts=1421914688&x-yt-cl=84503534-
Cantona VS Supporter
-
[Full Match] Manchester United vs Bayern Munich 2-1 UCL - Final 1999
https://www.youtube.com/watch?v=RvW6nicbOuc (https://www.youtube.com/watch?v=RvW6nicbOuc)
-https://www.youtube.com/watch?v=RvW6nicbOuc-
Manchester United 1998-1999 Season Review part 1
https://www.youtube.com/watch?v=Ex-omhcs0g4 (https://www.youtube.com/watch?v=Ex-omhcs0g4)
-https://www.youtube.com/watch?v=Ex-omhcs0g4-
MANCHESTER UNITED FC - FOOTBALL'S GREATEST TEAMS - TREBLE WINNERS - 1998-1999
https://www.youtube.com/watch?v=uigMSfM-_Mk (https://www.youtube.com/watch?v=uigMSfM-_Mk)
-https://www.youtube.com/watch?v=uigMSfM-_Mk-
ปีเตอร์ ชไมเคิล ตำนานผู้รักษาประตูแมนยู
https://www.youtube.com/watch?v=a3jW8jkG4KM (https://www.youtube.com/watch?v=a3jW8jkG4KM)
-https://www.youtube.com/watch?v=a3jW8jkG4KM-
รอย คีน ตำนานแมนยู นักเตะพันธุ์ดุ
https://www.youtube.com/watch?v=CPQ5QfdaWww (https://www.youtube.com/watch?v=CPQ5QfdaWww)
-https://www.youtube.com/watch?v=CPQ5QfdaWww-
ที่สุด - สุดยอด10อันดับดาวซัลโว ผีแดงในยุคเฟอร์กี้
https://www.youtube.com/watch?v=zgnJU4_J8O0 (https://www.youtube.com/watch?v=zgnJU4_J8O0)
-https://www.youtube.com/watch?v=zgnJU4_J8O0-
ลูกยิงในตำนานของ ไรอัน กิ๊ก
https://www.youtube.com/watch?v=v9cwwd0Hxao (https://www.youtube.com/watch?v=v9cwwd0Hxao)
-https://www.youtube.com/watch?v=v9cwwd0Hxao-
Eric the King
https://www.youtube.com/watch?v=LiHnN2MJMvE (https://www.youtube.com/watch?v=LiHnN2MJMvE)
-https://www.youtube.com/watch?v=LiHnN2MJMvE-
.
-
MANCHESTER UNITED FC - FOOTBALL'S GREATEST TEAMS - TREBLE WINNERS - 1998-1999
-https://www.youtube.com/watch?v=uigMSfM-_Mk-
https://www.youtube.com/watch?v=uigMSfM-_Mk (https://www.youtube.com/watch?v=uigMSfM-_Mk)