ใต้ร่มธรรม
แสงธรรมนำใจ => ดอกบัวโพธิสัตว์ => ศิษย์โง่ไปเรียนเซ็น => ข้อความที่เริ่มโดย: มดเอ๊กซ ที่ สิงหาคม 31, 2010, 09:59:24 am
-
(http://t1.gstatic.com/images?q=tbn:Q5NlG1finpzu9M::&t=1&usg=__MjcJ6GSXArYRlUVbMC5rra8s3sY=)
เด็กน้อยอิคยุ
ในญี่ปุ่นมีเรื่องที่ชอบเล่าอย่างชื่นชมยินดีมาทุกยุคนับแต่สมัยอาชิคากะมาจนทุกวันนี้ คือ เด็กน้อยอิคยุ ติดตามมารดาไปวัดตั้งแต่ยังเล็ก หลวงพ่อเจ้าวัดท่านก็เรียกไปใช้สอยใกล้ชิด
วันหนึ่งเช็ดพื้นไปปัดเอาถ้วยชาอย่างดีราคาแพงของอาจารย์ตกแตกอิคยุเด็กน้อยรู้สึกตกใจมากเพราะรู้แน่ว่าถ้วยอย่างนี้แพง หาไม่ได้อีกแล้ว ในเมื่อขาดชุดไป ในจิตใจของเด็กๆ ก็เหมือนๆ กับเราท่านทุกคนเมื่อครั้งยังเป็นเด็ก คือ เคยทำของมีค่าตกแตกเสียหายมาบ้างแล้ว
ลองนึกดูเถิดว่า ในคราวอย่างนั้นเด็กธรรมดาก็ย่อมจิตใจว้าวุ่น คิดอุบายหลบเลี่ยงหรือหนี ปฏิเสธว่าไม่รู้ไม่เห็นไม่ได้ทำแตกเหมือนๆ กันหมด แต่เด็กชายอิคยุคนนี้ ไม่มีโอกาสนิ่งอึ้งคิดหาหนทางแก้ตัวนานนัก เพราะขณะนั้นได้ยินเสียงฝีเท้าของอาจารย์เดินเข้าห้องมาพอดี
ถ้าเป็นเด็กอื่น หากถึงคราวจวนตัวไม่รู้จะทำประการใดเช่นนั้นก็จะร้องไห้โฮล่วงหน้าเพื่ออุทธรณ์ให้ถูกเฆี่ยนน้อยหน่อย แต่เด็กชายอคิยุคนนี้ กลับกระวีกระวาดลุกขึ้นยืน มือทั้งสองถือชิ้นกระเบื้องถ้วยชาซ่อนไว้ข้างหลัง ตาจ้องอยุ่ที่อาจารย์ผู้กำลังนั่งบนอาสนะ ก่อนที่อาจารย์จะสังเกตอะไรผิดปกติ เด็กชายอิคยุ ก็เข้าคุกเข่าต่อหน้าขัดจังหวะเอาไว้ก่อนทีท่านอาจารย์จะเอื้อมไปรินชาขึ้นซด ทั้งๆ ที่มือทั้งสองก็ยังซ่อนอะไรไว้ข้างหลังไม่ให้อาจารย์เห็น
ท่านอาจารย์ชะงักเหลียวมาดูไอ้หนูน้อย ด้วยใบหน้าละไมเป็นปกติ เด็กชายอิคยุเห็นหน้าอาจารย์ ก็แน่ใจว่าอาจารย์ไม่ได้ยินเสียงถ้วยชาแตกเมื่อครู่นี้ ทำให้เกิดปฏิภาณขึ้นบัดนั้น เรียนถามปัญหาธรรมะต่อท่านอาจารย์ทันใดว่า
“หลวงพ่อฮะ! ทำไมคนเรานี่น่ะ ต้องตายทุกคน ไม่เว้นใครเลยฮะ?”
“ลูกเอ๋ย! นั่นมันเป็นธรรมชาติธรรมดา” หลวงพ่อตั้งต้นชี้แจงโดยซื่อ ไม่เฉลียวว่าเด็กทำไมเกิดจะมาถามธรรมะเอาตอนนี้ ท่านกล่าวเรื่อยไปอีกว่า
“บรรดาสรรพสิ่ง ไม่ยกเว้นสิ่งใดถึงที่ถึงคราว ย่อมล่วงหล่นม้วยมรณ์ตายไปอย่างเที่ยงแท้ มิได้ตั้งอยู่นาน”
เด็กชายอิคยุ-จ้องดูตาท่านอาจารย์อยู่ไม่วาง ฟังอาจารย์ชักนำให้รู้ความเป็นไปของสังขารอยู่จนจบ เลยยื่นแบเศษถ้วยชาแตกในมือให้อาจารย์ดู พร้อมกับทำหน้าเศร้าเอ่ยว่า
“ถ้วยชาของหลวงพ่อ นี้ก็เหมือนกันฮะ ถึงคราวมันตายเสียแล้ว!”
ความข้อนี้ คนทั้งวัดเสสรวลเฮฮากันไปทั่ว เมื่อเล่าสู่กันฟังทุกคนได้เห็นแววปฏิภาณของเด็กเล็กๆ รู้จักนำความรู้ที่ได้ยินได้ฟังผู้ใหญ่เขาพูดจาสนทนาธรรมกัน มาใช้แสดงเชาว์ไวไหวพริบเข้ากับเหตุการณ์จวนตัวเห็นปานนั้น แต่ในสมัยแรกๆ ก็ยังไม่มีใครคาดฝันว่า เด็กน้อยๆ นี้ในเวลาต่อมาจะกลับกลายเป็น ท่านธยานาจารย์อิคยุ ผู้เป็นอาจารย์ใหญ่ฝ่ายเซ็น
ในสมัยที่ท่านโตบวชเป็นพระแล้ว ตัวลูกศิษย์องค์นี้กลายเป็นผู้บรรลุธรรมก่อนอาจารย์ผู้เฒ่าเสียอีก ใช่แต่เท่านั้น ตัวหลวงพ่อผู้เฒ่าเองก็ไม่เคยนึกมาก่อน ว่าเด็กน้อยที่ทำถ้วยชาของท่านตกแตกนี้จะกลายเป็นครูสอนวิธีตายให้ท่านเอง ขณะที่ท่านกำลังจะดับจิต เรื่องที่เล่าต่ออีกในกาลเวลาระยะหลัง ตอนใกล้สิ้นอายุขัยของหลวงพ่อผู้เฒ่าว่า...
ครั้งนั้นขณะที่หลวงพ่อสำรวมจิต จวนจะทำกาลกิริยาอยู่นั้น ท่านอาจารย์ใหญ่อิคยุก็คลานเข้าไปกราบ เรียนถามหลวงพ่อว่า
"กระผมต้องบอกหนทางให้หลวงพ่อไหมครับ!"
หลวงพ่อ ยังมีสติดีอยู่ ตอบแผ่วๆ ว่า
“ฉันมาก็มาแต่ลำพังผู้เดียว เวลาจะไปก็ไปแต่ลำพังผู้เดียว เจ้าจะมาช่วยอะไรได้เล่า!”พอดี ท่านอาจารย์อิคยุก็ตอบขึ้น ด้วยถ้อยคำว่า
“หากหลวงพ่อนึกว่าหลวงพ่อเกิด,แล้วหลวงพ่อต้องตายจริงๆ แล้วนั่นยังถูกบดบังห่อหุ้มด้วยความไม่รู้อยู่อีกนะครับ! ถ้าอย่างนั้นผมจะบอกทางให้หลวงพ่อละ! ทางที่ไม่ต้องเรียกว่าเกิด ไม่ต้องเรียกว่าตายไงล่ะ หลวงพ่อ!”
พอสิ้นประโยคถ้อยคำสำคัญยิ่งของลูกศิษย์ หลวงพ่อก็พริ้มดับไป นิทานก็จบ
จากเรื่องราวที่เล่ามานี้ เราท่านย่อมทราบแล้วว่านิทานเรื่องนี้ทั้งหมด มันมาขมวดปมคมคายที่ คำบอกหนทาง ให้แก่คนใกล้จะตายนิดเดียว แต่ถึงกระนั้นก็ถือว่าเป็นคำพูดที่มีค่าแท้จริงสำหรับอาจารย์ผู้เฒ่า ผู้จะลาลับโลกไป ถ้อยคำที่พูดให้ถูกกาละไม่กี่คำ ในสภาพการณ์นั้นๆ ต่อบุคคลนั้นๆ ขณะฉับพลันนั้นๆ ย่อมไม่อาจเกิดผลแก่คนอื่น ที่อยู่ในสภาพอื่นเวลาอื่น แต่ก็เป็นข้อความที่น่าสนใจ ฟังไว้บางทีจะเกิดประโยชน์อย่างน้อยก็เพียงรู้ว่ามันลึกก็ยังดี ที่จะลึกไปแค่ไหนนั้น เราควรมาวิเคราะห์กัน ตามแต่กำลังความคิดเห็น...
ที่ศิษย์เสนอตัวเข้าไป ถามหลวงพ่อ ทำนองหยั่งความรู้ในขณะท่านใกล้จะตายเสียก่อนนั้น เป็นวิธีทั่วๆ ไปของอาจารย์เซ็น เพราะคนเราระยะหนึ่งๆ มิได้มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดเพียงสิ่งเดียวเป็นอารมณ์ ศิษย์จึงถามนำเพื่อหยั่งสภาวะจิตดูก่อนว่า...
“กระผมต้องบอกหนทางให้ไหมครับ หลวงพ่อ?”
พอหลวงพ่อ ตอบมา จึงเหมือนกับทำให้ศิษย์รู้ว่าหลวงพ่อกำลังคิดนึกรู้สึกต่อสิ่งทั้งปวงในขณะใกล้จะตายว่าอย่างไร (เมื่อรู้ภาวะการณ์แล้ว ศิษย์ก็เริ่ม บอกทาง เอาจริงๆ แต่บอกแบบทันควัน ถ้าฟังเผินๆ ก็เหมือนโต้ตอบธรรมดา หรือไม่เป็นการสอนชี้บอกแต่อย่างไร)
หลวงพ่อตอบออกมาว่า “ฉันมาก็มาแต่ตัว ขาไปก็จะไปแต่ตัว จะให้ใครมาช่วยได้”
คำพูดอย่างนี้ตรงกับความรู้ธรรมมะที่สอนๆ สวดๆ กัน สำหรับเหล่าชาววัด ใครก็ถือว่าเป็นวิธีบริกรรมคราวพยายามจะปลงทุกสิ่งทุกอย่าง แม้ฝ่ายเถรวาทในเมืองไทยเราก็สอนกันอยู่ทั่วไป คือสอนมิให้เป็นห่วงเป็นใยจนเป็นเรื่องรบกวนต่อการตั้งสมาธิจิตเวลาใกล้จะตาย
ส่วนพวกพุทธศาสนาอย่างเซ็นนั้น เขายังถือว่าขณะดับจิตถ้ายังมีตัวคนสำหรับจะมาตั้งปรารถนาใคร่จะปลงว่าไม่ใช่ของเรา-ไม่ใช่ของกู นั้นยังไม่พอ ยังไม่ถึงขั้นปลอดภัย ท่านอาจารย์อิคยุจึงรู้ว่า ภายในดวงความคิดของหลวงพ่อผู้เฒ่าขณะนั้น ยังมีตัวตนที่ได้เกิดมา มีตัวที่พยายามจะปลงเมื่อตนเองต้องตายฉะนั้นท่านจึงฟื้นพลิกความรู้สึกริบหรี่ของหลวงพ่อ ให้จับเหง้าแห่งความรู้สึกเสียใหม่ คือ หนทาง อีกลักษณะหนึ่งโดยเตือนว่า ไม่ใช่ทางที่มีคนเกิดมา-มีคนกำลังเดินอยู่-และกำลังจะไป แต่เป็นทางที่ไม่ถือว่ามีการเกิดและแน่ละ ถ้าไม่มีการเกิดก็ไม่ต้องมีการตาย คือ ตาย เสียก่อนแล้ว ก่อนที่มันจะดับจิตตายไป
เมื่อหลวงพ่อถอนความรู้สึกภายในเสียทัน สับหัวประแจเข้ารางใหม่ เรื่องมันก็เป็นอันเสร็จกิจ ภาระจะต้องพะวงอะไรมิได้มี ด้วยประการฉะนี้
ดูเอาเถิดท่านทั้งหลาย ข้อความเป็นไปในนิทานนี้ เขาชี้นิดเดียวตรงความหมายอันสำคัญยิ่ง คือที่ว่า ให้ ตาย เสียก่อนตาย ซึ่งนิทานนี้คงจะให้ความกระจ่างมากอยู่ คือ ตาย คำแรก หมายถึงดับความรู้สึกส่วนลึกประจำใจที่ว่าเรานั้น (ซึ่งอาจเรียกชื่อว่า “ว่างจากตัวตน” หรือใช้คำพูดว่ามีสุญญตาเป็นอารมณ์ของจิต) ก่อนที่จิตจะดับวิบไปเป็นครั้งสุดท้ายก็ได้ ด้วยอาการหลุดพ้นไม่ต้องกลับมาเกิดมีภพมีชาติอีกของคนที่ทำได้เช่นนี้ ก็คือพระอรหันต์ประเภทชีวิตะสมะสีสีนั่นเอง
จากหนังสือ เล่านิทานเซ็น
เล่าเรื่องโดย อ.อภิปัญโญ
เผยแพร่โดย ธรรมสภา
http://bluebellandalice.diaryclub.com/20060602/0/0/%CD%D4%A4%A4%D4%C7%AB%D1%A7_%A8%D2%A1%CB%B9%D1%A7%CA%D7%CD_%E0%C5%E8%D2%B9%D4%B7%D2%B9%E0%AB%E7%B9.html (http://bluebellandalice.diaryclub.com/20060602/0/0/%CD%D4%A4%A4%D4%C7%AB%D1%A7_%A8%D2%A1%CB%B9%D1%A7%CA%D7%CD_%E0%C5%E8%D2%B9%D4%B7%D2%B9%E0%AB%E7%B9.html)
-
:13: อนุโมทนาครับพี่มด
ผมชอบดูอิ๊กคิวซังเหมือนกัน ตอนดึกๆจะเปิดช่อง cartoonclub เป็นเพื่อนไม่ให้หลับครับ เลยไม่หลับจริงๆ :42: