ใต้ร่มธรรม
ประชาสัมพันธ์ => 108 โทรโข่ง => การเตือนภัยสังคมและกลุ่มมิจฉาชีพต่างๆ => ข้อความที่เริ่มโดย: sithiphong ที่ กันยายน 15, 2010, 08:05:51 pm
-
ครม.ไฟเขียว ห้ามโทรทวงหนี้หลัง 2 ทุ่ม ห้ามข่มขู่ลูกหนี้
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
http://hilight.kapook.com/view/52043
ครม. มีมติผ่านร่างกฎหมายควบคุมธุรกิจทวงหนี้ ย้ำบริษัททวงหนี้ต้องจดทะเบียน ห้ามข่มขู่ โทษหนักคุก 3 ปี ปรับ 3 แสน
กรณีการ ติดตามทวงหนี้ที่เจ้าหนี้มักข่มขู่ลูกหนี้ ไม่ว่าจะเป็นทางด้านวาจา การใช้กำลัง ทำให้ลูกหนี้เกิดความเสียหายและไม่สะดวกใจ จึงทำให้กระทรวงการคลังได้มีการร่างพระราชบัญญัติขึ้นเพื่อให้มีการควบ คุมธุรกิจทวงหนี้ให้เหมาะสม
ทั้งนี้นายกรณ์ จาติกวนิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงกรณีดังกล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ ร่างพระราชบัญญัติทวงหนี้อย่างเป็นธรรม ตามที่ทางกระทรวงการคลังได้เสนอ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมในการทวงหนี้ เพราะบริษัทส่วนใหญ่มักใช้บริการจาก บริษัทรับจ้างทวงหนี้ ซึ่งถือเป็นบุคคลที่อยู่นอกเหนือประกาศจากธนาคารแห่งประเทศไทย เนื่องจากประกาศดังกล่าวครอบคลุมแค่สถาบันการเงิน
ด้าน นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ รองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ชี้แจงว่า การ ร่างกฎหมายฉบับนี้ขึ้น ก็เพื่อควบคุมให้บริษัททวงหนี้ทั้งหมด อยู่ภายใต้กฎหมายฉบับใหม่และมีการจดทะเบียนถูกต้อง โดยต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดและข้อห้ามต่าง ๆ ดังนี้
1. ต้องขึ้นทะเบียนกิจการทวงหนี้
2. ให้ติดต่อลูกหนี้ได้ในเวลา 08.00 – 20.00 น. ยกเว้นวันหยุดราชการให้ติดต่อได้ไม่เกิน 18.00 น.
3. ห้ามติดต่อลูกหนี้ทางไปรษณียบัตร
4. ห้ามใช้ภาษา หรือสัญลักษณ์ ที่บ่งบอกให้เห็นว่าเป็นการทวงหนี้บนซองจดหมายหรือหนังสือที่ให้กับลูกหนี้
5. ห้ามทวงหนี้เกินกว่าเหตุ และก่อความรำคาญ หรือโทรวันละหลายครั้ง
6. ห้ามใช้วาจาดูหมิ่น เสียดสี ถากถาง กับผู้ที่เป็นลูกหนี้
7. ห้ามเปิดเผยข้อมูลลูกหนี้ให้กับบุคคลอื่น
8. ห้ามเรียกเก็บค่าธรรมเนียมทวงหนี้
หากทำผิดกฎข้อบังคับมีโทษดังนี้
1. ปรับไม่เกิน 300,000 บาท จำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือ ทั้งจำทั้งปรับ
2. เพิกถอนใบอนุญาตประกอบกิจการทวงหนี้
ขณะเดียวกันมีการตั้งคณะกรรมการติดตามหนี้สิน โดยมีประธานคือ ปลัดกระทรวงการคลัง และมีปลัดกระทรวงพาณิชย์ , ปลัดกระทรวงยุติธรรม , เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา , สำนักงานตำรวจแห่งชาติ , เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค , เลขาธิการคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน รวมถึง ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นคณะกรรมการ
โดย นายชาญชัย บุญฤทธิ์ไชยศรี ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายกฎหมายและคดี ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว น่าจะช่วยแก้ปัญหาการติดตามทวงหนี้ ที่อยู่เหนือความควบคุมของธนาคารแห่งประเทศไทยได้ เพราะกฎหมายที่มีอยู่ ธนาคารแห่งประเทศไทยสามารถควบคุมดูแลได้เพียงแค่สถาบันการเงินเท่านั้น จึงต้องมีกฎหมายใหม่มาคุ้มครอง
ทั้งนี้ การทวงหนี้ที่มากเกินกว่าเหตุ ผู้ทวงหนี้ยังผิดกฎหมายอาญา เช่น มาตรา 323 มาตรา 326 มาตรา 327 มาตรา 328 มาตรา 337 เป็นต้น และอาจถูกดำเนินคดีจำคุก 5 ปีอีกด้วย
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก คมชัดลึก
.
.
-
ครม.ผ่านร่างกม.คุมธุรกิจทวงหนี้แบบไร้มารยาท
คมชัดลึก :ครม.ผ่าน กฎหมายคุมธุรกิจทวงหนี้ ชี้บริษัทรับทวงหนี้ต้องจดทะเบียนกิจการ ห้ามพฤติกรรมเกินเลยทั้งข่มขู่ ใช้วาจาเสียดสี ดูหมิ่น เปิดเผยตัวเลขหนี้ โทษหนักสุดจำคุก 3 ปี ปรับ 3 แสน
ผลพวงจากพฤติกรรมการทวงหนี้ที่มีการข่มขู่ทางวาจา สร้างความเดือดร้อนรำคาญใจให้ลูกหนี้และบุคคลที่สาม ทำให้คณะรัฐมนตรีผ่านร่างกฎหมายเพื่อควบคุมธุรกิจรับจ้างทวงหนี้แล้ว
นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 14 กันยายน มีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ติดตามทวงถามหนี้อย่างเป็นธรรม พ.ศ. ... ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ เพื่อดูแลและแก้ไขปัญหาการติดตามทวงถามหนี้ภาค ประชาชนที่ไม่เป็นธรรม ซึ่งปัจจุบันมีเพียงประกาศของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ครอบคลุมเฉพาะสถาบันการเงิน และส่วนใหญ่จะใช้บริการจากบริษัทรับจ้างทวงหนี้ภายนอก ถือเป็นบุคคลนอกเหนือกฎหมายของ ธปท. โดยรัฐบาลจะเร่งผลักดันกฎหมายให้ผ่านโดยเร็ว
นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ รองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่า สาระสำคัญของร่างกฎหมายฉบับนี้ เพื่อรวบรวมผู้ทำหน้าที่ทวงหนี้ทั้งหมดให้อยู่ภายใต้กฎหมายฉบับใหม่ โดยจะต้องมีการจดทะเบียนกิจการทวงหนี้ มีข้อกำหนดและข้อห้ามต่างๆ เช่น กำหนดช่วงเวลาในการติดต่อทั้งทางโทรศัพท์ โทรสาร บุคคล ห้ามคุกคามข่มขู่หรือใช้ความรุนแรง ใช้ภาษาที่ดูหมิ่น ถากถาง เสียดสี และห้ามเปิดเผยตัวเลขหนี้
นอกจากนี้ กฎหมายฉบับดังกล่าวยังห้ามให้ผู้ติดตามทวงหนี้ ทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่าเป็นการกระทำของศาล หรือหน่วยงานภาครัฐ พร้อมกันนั้น ได้กำหนดโทษทางอาญาไว้ 3 ระดับ คือ ปรับ 1 แสนบาท, จำคุก 1 ปี หรือปรับ 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และจำคุก 3 ปี ปรับ 3 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ขณะเดียวกันมีการตั้งคณะกรรมการติดตามหนี้สิน มีปลัดกระทรวงการคลังเป็นประธาน และปลัดกระทรวงพาณิชย์ ปลัดกระทรวงยุติธรรม เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เลขาธิการคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน และผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เข้าร่วมเป็นคณะกรรมการ
นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า เพื่อให้เป็นการสอดคล้องกับการแก้ไขปัญหาอย่างบูรณาการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้สั่งการให้จัดตั้งสำนักงานจัดการทางการเงิน ภาคประชาชน ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง ทำหน้าที่กำกับดูแลในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการเงินภาคประชาชน 4 ด้าน ประกอบด้วย เรื่องหนี้สินนอกระบบ การฉ้อโกง การติดตามทวงถามหนี้อย่าง เป็นธรรมและการเงินระดับฐานรากหรือไมโครไฟแนนซ์ ในขณะนี้อยู่ระหว่างร่างคำสั่งไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และเสนอขอเพิ่มอัตรากำลังไปยังสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.)
นายชาญชัย บุญฤทธิ์ไชยศรี ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกฎหมายและคดี ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวถึงกรณีการออกร่าง พ.ร.บ.การติดตามทวงถามหนี้อย่างเป็นธรรม พ.ศ....ว่า ร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวน่าจะช่วยแก้ปัญหาการติดตามทวงหนี้ที่ ธปท.ไม่สามารถเข้าไปควบคุมดูแลได้ในกรณีที่เป็นผู้ประกอบธุรกิจติดตามทวงหนี้ เนื่องจากกฎหมายที่ใช้อยู่ในปัจจุบันให้อำนาจ ธปท.กำกับดูแลเฉพาะในส่วนของธนาคารพาณิชย์เท่านั้น
“ปัจจุบันกฎหมายกำหนดให้ ธปท.กำกับดูแลเฉพาะในส่วนของสถาบันการเงิน ซึ่งในส่วนของบริษัทที่รับติดตามทวงหนี้นั้น อยู่นอกเหนือที่ ธปท.จะเข้าไปดูแลได้ จึงต้องมีกฎหมายกำกับดูแลอย่างทั่วถึง ซึ่งร่าง พ.ร.บ.ตัวนี้จึงน่าจะช่วยแก้ปัญหาการติดตามทวงหนี้ที่ ธปท.ไม่สามารถเข้าไปควบคุมดูแลได้”นายชาญชัย กล่าว
นอกจากนี้ ปัญหาการทวงหนี้ในช่วงที่ผ่านมา ส่วนใหญ่ไม่ได้เกิดจากในฝั่งของธนาคารพาณิชย์ แต่มาจากกลุ่มผู้รับจ้างทวงหนี้ ซึ่งคนกลุ่มนี้จะได้เปอร์เซ็นต์ส่วนหนึ่งจากการทวงหนี้ ดังนั้นจึงมีพฤติกรรมที่เกินเลย เช่น การข่มขู่ทางวาจา ส่งเอกสารทวงหนี้ไปที่ทำงานเพื่อให้เกิดความอับอาย ใช้คำพูดไม่สุภาพ หยาบคาย ซึ่งเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมและไม่เป็นธรรมต่อลูกหนี้หรือผู้บริโภค รวมทั้งสร้างความรำคาญให้แก่ลูกหนี้และบุคคลที่สามที่ไม่ใช่ลูกหนี้ ส่งผลกระทบต่อสังคมและสร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนโดยรวมเป็นจำนวนมาก ซึ่งในปัจจุบันพบว่ากลุ่มบริษัทที่รับจ้างทวงหนี้เหล่านี้มีจำนวนเพิ่มขึ้นค่อนข้างมาก แม้กระทั่งบริษัทที่ปรึกษาทางกฎหมายก็เข้ามาดำเนินธุรกิจนี้ด้วยเช่นกัน
http://www.komchadluek.net/detail/20100915/73255/%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%A1.%E0%B8%9C%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%A1.%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B8%A1%E0%B8%98%E0%B8%B8%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%97%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B5%E0%B9%89%E0%B9%81%E0%B8%9A%E0%B8%9A%E0%B9%84%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%97.html
-
ดีครับจะได้อยู่เป็นสุข :12:
-
:42: สมัยนี้ทวงหนี้แบบหน้ากลัวครับ
ขอให้ลูกหนี้ทุกคนมีเหตุให้หาหนี้ใช้จนครบนะครับ เป็นกำลังใจให้ครับ ทั้งผมเองและทุกๆคน^^ ผ่านพ้นๆๆ
ขอบคุณครับพี่หนุ่ม