-
:45: วันนี้วันไหว้พระจันทร์
แต่พระจันทร์โดนเมฆบดบังมองไม่เห็น
ช่วยกันจัดของไหว้ตั้งแต่เช้าจนเย็น
ทำเพื่อเป็นธรรมเนียมความเชื่อปฏิบัติมา :14:
-
อดีต...คิดอะไรมากมายเยอะแยะ
คิดไว้ในขณะปัจจุบันว่าจะบันทึกไว้
แต่เมื่อตั้งใจจะบันทึก ณ ขณะปัจจุบัน
กลับลืมสิ่งที่ตั้งใจไว้ในอดีตเสียแล้ว
ปัจจุบันนี้...จึงไม่มีอดีตที่ลืมไปแล้ว
เพราะฉะนั้น...จึงไม่มีความตั้งใจนั้นหลงเหลืออยู่
อดเลย...เสียดายเนาะ...ช่างมันดันลืมเอง :38:
-
สไตล์เล็กๆ :46:
-
(http://i883.photobucket.com/albums/ac40/42tong/222222/sixiangyuebing.jpg)
วันนี้วันดี มีขนมมาให้กินกันอย่างอิ่ม
ไม่ว่าจะเป็นใส้อะไรส่งมาเตอะ ทานกันเรียบ
กลัวคนให้เสียน้ำใจอ่ะค่ะ แฮ่..
-
:06: ไม่เห็นพี่เล็กนาน พอมาก็นำขนมไหว้พระจันทร์มาเลยนะครับ ขอบคุณครับผม
-
เมื่อคืนดูรายการที่มีผู้ป่วยเป็นโรคต่างๆมาแชร์เล่าประสบการณ์ให้ฟัง
รู้สึกขอบคุณพวกเค้า...ที่เอากำลังใจมาแบ่งปันสิ่งที่เป็นทุกข์ของตน
เพื่อเป็นกำลังใจให้กับผู้อื่น...กำลังใจเป็นสิ่งที่สำคัญมากจริงๆ...
เราเองก็เช่นกัน...ในครั้งหนึ่งที่รู้สึกว่าชีวิตมันท้อแท้...และไม่อาจจะผ่านพ้นไปได้
แต่สุดท้าย...เราก็ได้ผ่านพ้นมา...เป็นเพราะทั้งกำลังใจจากสิ่งภายนอก...
และที่สำคัญ...คือกำลังใจจากภายในจากใจของเราเองด้วย...
ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม...เราต้องตั้งรับมันให้ได้...จะพยายามมีสติเท่าที่จะทำได้
บางสิ่งบางอย่าง...ทำให้เรารู้สึกว่า...เรายังทำได้ไม่ดีพอ...แต่ก็พอดีกับเราแล้ว
แม้มันจะยังไม่ดีพอ...แต่พอดีกับเราที่เป็นเราในปัจจุบันนี้แล้ว...แต่เราก็พอรู้ว่า...
ความพอดีของเราจะต้องพัฒนาไปให้ดีขึ้นกว่าเดิมนะ...เท่าที่จะพัฒนาได้...
เท่าที่ความพอดีของใจเราจะปรับสมดุลให้ลงตัว...ตามความเข้าใจ...ตามความจริง :39:
-
อดีต...คิดอะไรมากมายเยอะแยะ
คิดไว้ในขณะปัจจุบันว่าจะบันทึกไว้
แต่เมื่อตั้งใจจะบันทึก ณ ขณะปัจจุบัน
กลับลืมสิ่งที่ตั้งใจไว้ในอดีตเสียแล้ว
ปัจจุบันนี้...จึงไม่มีอดีตที่ลืมไปแล้ว
เพราะฉะนั้น...จึงไม่มีความตั้งใจนั้นหลงเหลืออยู่
อดเลย...เสียดายเนาะ...ช่างมันดันลืมเอง :38:
:39: คนเรานี้คิดให้ดีก็น่าขัน..
อยากจำกลับลืม อยากลืมกลับจำ :41:
ยามอ่านท่องหนังสือ เรากลับลืม..
:06: เรื่องโศก เรื่องทุกข์เศร้า เรากลับจำ... :05:
-
อดีต...คิดอะไรมากมายเยอะแยะ
คิดไว้ในขณะปัจจุบันว่าจะบันทึกไว้
แต่เมื่อตั้งใจจะบันทึก ณ ขณะปัจจุบัน
กลับลืมสิ่งที่ตั้งใจไว้ในอดีตเสียแล้ว
ปัจจุบันนี้...จึงไม่มีอดีตที่ลืมไปแล้ว
เพราะฉะนั้น...จึงไม่มีความตั้งใจนั้นหลงเหลืออยู่
อดเลย...เสียดายเนาะ...ช่างมันดันลืมเอง :38:
:39: คนเรานี้คิดให้ดีก็น่าขัน..
อยากจำกลับลืม อยากลืมกลับจำ :41:
ยามอ่านท่องหนังสือ เรากลับลืม..
:06: เรื่องโศก เรื่องทุกข์เศร้า เรากลับจำ... :05:
เป็นเช่นนั้นจริงๆค่ะ พี่แป๋ม...
ที่อยากลืมกลับจำได้ ที่อยากจำได้ก็ลืม...
-
เวลารู้สึกดีๆกับสิ่งภายนอกทีไร...
อยากให้มันอยู่กับเรานานๆไม่อยากให้จากไป
พอมันจากไป...ก็หวลคิดถึงช่วงเวลาที่ดีๆเหล่านั้น
พอปัจจุบันเจอกับความรู้สึกแย่ๆ ก็เลยเกิดการเปรียบเทียบ
ทำไม...ไม่เหมือนกับช่วงเวลาที่เคยผ่านมาตอนนั้นนะ
ทำไม...ต้องมีแต่สิ่งร้ายๆเกิดขึ้นกับฉันนะ...
ทั้งๆที่...สิ่งร้ายสิ่งดีมันก็สลับสับเปลี่ยนเข้ามาหา
แต่กลับยึดกลับเห็นแต่ทุกข์ทีเรายอมเองรับเองแบกเอง
แต่สุขนั้นเรายอมปล่อยมันไปง่ายดายและรวดเร็ว...
ทั้งๆที่เราไม่ได้อยากให้มันจากเราไปรวดเร็วขนาดนั้น
แต่มันก็จากไปอย่างนั้น...อยู่ตลอดเวลา...
มีเพียงแต่เราเท่านั้น...ที่ยังยึดมันไว้อยู่ไม่ยอมให้มันจากไป
-
คนเรานี้คิดให้ดีก็น่าขัน..
อยากจำกลับลืม อยากลืมกลับจำ
ยามอ่านท่องหนังสือ เรากลับลืม..
เรื่องโศก เรื่องทุกข์เศร้า เรากลับจำ... :47:
ในบางครั้งอยากจำ...ก็จำฝังใจไม่เคยลืมเลือน
เมื่อใดที่หวลคิดคำนึงถึง...ก็ยังคงระลึกถึงได้ตลอดเวลา
ในบางครั้งเรื่องโศกเศร้าทุกข์เสียใจ...
เราก็จำมันได้ในขณะที่เราได้ผ่านพ้นมันไปแล้ว
และเราก็ได้ค้นพบว่า...ระดับความทุกข์นั้นมันเปลี่ยนไปแล้ว
มันไม่ได้เลวร้ายเหมือนกับตอนที่เราเจอกับทุกข์ใหม่ๆ...
หรือเป็นเพราะเราสร้างภูมิคุ้มกันให้กับตัวเราเองเป็นแล้วนะ...
ทุกข์...ทำให้เราเข้มแข็งขึ้น...ถ้าเรารู้จักรู้ทันเข้าใจในความเป็นไป
-
ย้อนทวนอดีต...ฉันเปลี่ยนแปลงไป
ปัจจุบันนี้...ฉันก็ยังคงเปลี่ยนแปลงไปเช่นที่เป็นอยู่
อนาคตต่อไป...ฉันก็ยังคงเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ
สุดท้าย...ภายนอกไม่มีอะไรให้เปลี่ยนแปลง
เนื่องจาก...ไม่มีอะไรให้เปลี่ยนแปลงอีกต่อไป
แต่ภายในนั้น...ยังมีอะไรมั๊ย...ถ้ายังมี...
ก็ยังจะพบกับความเปลี่ยนแปลงต่อไปไม่สิ้นสุด
แต่ถ้าภายในนั้น...ไม่มีอะไรแล้ว...
แล้วจะยังต้องกับความเปลี่ยนแปลงอะไรล่ะ... :19:
-
วันนี้มองไปเห็นต้นไม้หลายต้น...
นอนเล่นในคู...แช่น้ำเรียงราย...
ใบไม้ที่เหลือง...แห้ง...เสื่อมไปตามกาลเวลา
ทำให้จิตนาการไปถึง...ซากศพคนที่ลอยอยู่ข้างๆ
คงไม่แตกต่างอะไร...เป็นธาตุที่รอการดับสลายไป
แล้วความคิดก็คิดไปถึงการเจริญเติบโตของต้นไม้
โดยที่ต้นไม้ไม่มีความนึกคิดเหมือนอย่างเรา...
มีเพียงการเกิดการเจริญเติบโตและการเสื่อมสลาย
ทำให้คิดถึงเส้นผมจากศพยังคงเจริญเติบโต
จนกว่าเซลล์ผิวหนังจะเสื่อมสลายไป...
เส้นผม...กับต้นไม้...อณูธาตุที่ก่อเกิดเป็นรูปร่าง :14:
-
ต้นไม้นิพพาน...
ต้นไม้เกิดขึ้นมาตามเหตุปัจจัย...
ค่อยๆเจริญเติบโตขึ้นไปตามสภาวะแวดล้อม...
หยั่งรากลึกไปตามธรรมชาติที่เอื้ออำนวย...
และก็ตั้งอยู่ไปตามกาล...จนกว่าจะสิ้นอายุขัย...
ต้นไม้ไม่รู้สึกกลัวหากมีอะไรมากระทบ....
ต้นไม้ไม่สงสัย...ไม่ง่วง...ไม่โลภ...ไม่เบียดเบียน
ต้นไม้ไม่งอแง...ไม่สนใจว่าจะทุกข์หรือสุข...
แม้จะสิ้นอายุขัย...ต้นไม้ก็ไม่รู้สึกใดๆให้ต้องห่วงกังวล
ต้นไม้แต่ละต้น...เพียงเพื่อเอื้อประโยชน์...
ให้กับสิ่งที่รู้จักนำประโยชน์ของต้นไม้ไปใช้และพิจารณา
ถึงแม้ต้นไม้บางต้น...อาจจะให้โทษกับบางสิ่งก็ตาม...
แต่ต้นไม้ก็มิได้มีเจตนาใดๆเจือปน...ต้นไม้จึงไม่รู้สึกใดๆ
ต้นไม้ให้ธรรมชาติ...ให้ธรรมะสำหรับทุกสรรพสิ่งที่เข้าใจ :42:
-
ตราบใด...ที่ยังมีลมหายใจ
ฉันก็ยังคงต้องหายใจไปอย่างนี้
ตราบใด...ที่ยังมีหน้าที่
ฉันก็ยังคงต้องทำหน้านี้ไปอย่างนี้
ตราบใด...ที่ยังพอมีแรง
ฉันก็ยังคงต้องรักษาความพอดี
เป็นกำลังใจในช่วงเวลาช่วงหนึ่งเท่านั้นเอง
ตราบท้ายที่สุด...ที่ต้องมาถึง
ฉันจะหมดลมหายใจไปเช่นนั้น
ฉันจะทิ้งร่างที่ยืมมาใช้เช่นนั้น
ฉันจะหมดห่วงอะไรที่มีอยู่เช่นนั้น
ฉันคิดอยู่ ณ ปัจจุบันนี้...
ฉันคิดว่าจะต้องทำเช่นนั้น...
แต่ตอนนี้...ฉันยังหายใจอยู่...
ฉันยังมีอะไรที่ต้องทำความเข้าใจอยู่
เพราะฉันยังมี...ฉันจึงยังมา...
และแล้วฉันก็ต้องไป...ในสักวัน :42:
-
ฉันยังคงคิดถึง...อดีต
ฉันยังคงหวังใน...อนาคต
ฉันยังยึดปัจจุบัน...ขณะนี้
เรื่องราวชีวิตจึงยังคงดำเนินไป
รสชาติต่างๆยังคงมีความแตกต่าง
ในความแตกต่างที่คิดว่าต่างกันนั้น
แท้ที่จริง...ไม่ได้แตกต่างกันมากนัก
เกิดแก่เจ็บตาย...เวียนว่ายไปมา... :42:
-
ขณะที่ฉันกำลังคิดเกี่ยวกับสิ่งต่างๆภายนอกนั้น
ฉับพลันฉันลืมตัวตนของฉันไปชั่วขณะ...
ฉันโลดแล่นไปกับภายนอกอย่างลืมตัว...
ฉันเห็นสิ่งต่างๆมากมายข้างนอกนั้น...
บางอย่างทำให้ฉันหลงระเริงเพลินไปกับมัน...
บางอย่างทำให้ฉันงงและเหมือนเจอทางตัน...
บางอย่างทำให้ฉันเข็ดกลัวที่จะต้องเจออีก...
บางอย่างทำให้ฉันเคยชินกับมันจนเบื่อไม่อยากเจอ
ทุกอย่างที่มันเกิดขึ้นภายนอกนั้น...
มันเหมือนว่าจะค้นหาได้ไม่มีที่สิ้นสุดเลย...
ถ้าฉันย้อนกลับมาค้นหาภายในใจฉันล่ะ...
มันจะมีที่สิ้นสุดไหมนะ...ว่าแล้วก็ลองพิสูจน์เลยดีกว่า
กายฉัน...ใจฉัน...ลมหายใจฉัน...
ความคิดฉัน...ความจำฉัน...ความรู้สึกฉัน...
ความทุกข์ฉัน...ความสุขฉัน...
ตัวตนฉัน... :38:
-
ร่างกายของเรา...มันเหมือนดินน้ำมัน
จะปั้นแต่งให้มันเป็นอย่างไรตามใจก็ได้
แต่ก็ต้องอาศัยความอดทนและเวลา...
ในการปั้นตบแต่งไปตามความต้องการ
คอคนเราสามารถยืดยาวได้...
ขาคนเราสามารถยืดยาวได้...
ผิวหนังคนเราสามารถเจาะทะลุขยายได้
เท้าเราสามารถบังคับให้เล็กลงหดลงได้
เหมือนคนที่อ้วนมากๆร่างกายก็ใหญ่โต
คนที่ผอมมากๆร่างกายก็มีแต่กระดูก...
แต่ก็ยังมีร่างกาย...มีลมหายใจ...แล้วก็มีจิตใจ
ระดับความพอดีของแต่ละบุคคลก็ต่างกันไป
ตามธาตุที่ได้ก่อตัวรวมขึ้นมาโดยที่มีจิตใจ...
เป็นผู้บังคับบัญชาให้เป็นไปตามการกระทำ
กินอย่างไร...เป็นอย่างนั้น
อยู่อย่างไร...ก็เป็นอยู่อย่างนั้น
นอนอย่างไร...ก็ส่งอย่างนั้น
ถ่ายอย่างไร...ก็เป็นไปอย่างนั้น
หายใจอย่างไร...ก็ส่งผลอย่างนั้น
ทำอย่างไร...ก็ได้อย่างนั้น :05:
-
เตือนคนอื่น...เหมือนจะง่าย
เตือนๆแล้วก็แล้วไป...
เค้าจะเป็นยังไงต่อไป...
ก็แล้วแต่เค้า...
แต่เตือนตัวเอง...เหมือนจะยาก
เพราะไม่ค่อยจะรู้ตัวเองเท่าไหร่
เตือนไปแล้ว...ก็ยังจะดื้อรั้นอีก
จะแล้วไปก็ไม่ได้...
แล้วแต่เรา...ก็มีแต่จะหลงไป
แต่ยังไงก็ต้องพยายามหน่อยนะ
เตือนตัวเองให้ได้ก่อน...
ก่อนจะคิดเตือนใคร...
เพราะถ้าเผลอไปเตือนใคร...
แล้วทำไม่ได้...อายจัง :23:
-
ฝนตกหนักอย่างกับฟ้ารั่วอีกแล้ววันนี้....
เสียงร้องดังสนั่นจนทำให้บ้านสะเทือน...
ไฟก็ตก..คอมก็ดับ..หลับก็ไม่หลับเพราะไม่ง่วง
อิอิ คิดถึงความคิดในอดีตต่อดีกว่า...
วันนี้คิดว่าน่าจะมีหนังเรื่อง "อภิญญา" ฉายนะ
ไม่ใช่คุณอภิญญา นามวงศ์ล่ะ...แต่เป็น...
อภิญญา ธรรมขั้นสูง นั่นไง...
ไม่รู้ว่าเข้าใจเกี่ยวกับอภิญญาได้ถูกต้องหรือป่าวอ่ะนะ
แต่จินตนาการแล้ว...ก็น่าจะสนุกดีเหมือนกันนะ
นั่น...ไปแระ...ไหลปื๊ด ไหลปื๊ดดดดดดดด....
เหอๆ คิดเรื่องนี้...เลยทำให้ง่วงเฉยเลย.... :22:
-
หากทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้น...เพราะมีเรา
หากทุกสิ่งทุกอย่างทับถมอยู่กับเรา...ก็เพราะเรายึดเหนี่ยวนำมาเอง
หากทุกสิ่งทุกอย่างจะอยู่กับเรายาวนาน...ก็เพราะเราอีกแล้ว
หากทุกสิ่งทุกอย่างจะเพิ่มขึ้นหรือสูญสลายไป...ก็เพราะเราอีกนั่นแหละ
ไม่ว่าจะเพิ่มขึ้นหรือสูญสลายไป....ระหว่างความแตกต่างที่เกิดขึ้น
ก็เพราะเราอีกที่รู้สิ่งที่มันเกิดขึ้น...แล้วก็จำกัดค่าให้กับสิ่งที่เกิดขึ้น
ค่าที่มีทั้งหมดนั้น...บางอย่างก็ฆ่าเรา...เพราะเราเองอีกแล้ว...
หากมีค่า...ค่าก็จะขึ้นๆลงๆเปลี่ยนแปลงไปๆมาๆ...ตามใจเราที่คอยให้ค่า
เรานี่เป็นนักแต่งตั้งตัวยงเลยทีเดียว...เป็นนักปรุงแต่งแบบฉบับเฉพาะตัวเอง
สุดท้ายก็ต้องจากสิ่งเหล่านี้ไป...เพราะมันต้องเป็นอย่างนั้น...
มีเกิดขึ้นก็มีดับไป....เป็นธรรมดา :07:
-
ความฝันบางอย่าง...ก็ให้ข้อคิดเตือนสติเราได้เหมือนกันนะ
บางครั้งอยากจดความฝันไว้...แต่ต้องจดทันทีทันใดนะ
ไม่งั้นลืมความฝันไปอย่างง่ายๆเหมือนกัน...
ไม่เหมือนเวลาเราดูหนังดูละคร...มันกลับจำได้ดีกว่า
แถมถ้าเราเป็นตัวละครตัวแสดงเองแล้วล่ะก็...
ยิ่งจำได้ดีเลยทีเดียว...ว่าเจ็บช้ำเศร้าโศกดีใจยังไง
แต่บางที...ทั้งความฝันทั้งตอนตื่นที่เป็นเพียงมายานั้น
ก็ทำให้เราหลงไหลไปกับสิ่งที่เจออยู่เป็นประจำ...
หลงไปคิดปรุงแต่งเรื่องราวจากเรื่องแค่นี้...
เอามาแต่งเสริมเพิ่มสรรค์ให้มันเป็นเรื่องราวมากมาย
ได้เหมือนกันนะ...ที่เค้าว่า...เรื่องเล็กๆทำให้เป็นเรื่องใหญ่ได้
เพราะเราที่ไปสร้างเรื่องสร้างราวให้มันมีหลากหลายนั่นเอง :14:
-
ห่วงใครมากมาย...จนลืมห่วงตัวเอง
เขาทำอะไรไว้...เขาก็ย่อมได้อย่างที่เขาทำ
ความลำบาก...บางครั้งมันคือความสบายนั่นเอง
ความสบายจนประมาท..บางครั้งมันก็คือความลำบากในไม่ช้า
ความต้องการให้ใครเป็นไปอย่างที่เราต้องการ...นั้นยาก
เพราะแต่ละคนก็มีความคิดการสั่งสมของแต่ละคนไม่เท่ากัน
แม้แต่เราเอง...ต้องการให้เป็นไปอย่างที่เราต้องการ...
ยังยากเลย...เพราะฉะนั้นความต้องการ...หากไม่พอดี...
รู้ไม่ทันความต้องการของตัวเอง...สุดท้ายก็เป็นทุกข์นั่นเอง
-
ปัญหาเกิดขึ้น...เพราะความประมาทไม่ได้ไตร่ตรองรอบคอบ
ปัญหาจะหายไป...เพราะใช้สติปัญญาพิจารณาปรับปรุงแก้ไข
ให้ทุกอย่างบรรเทาให้ทุกอย่างเจริญพัฒนาขึ้นเพื่อคลี่คลาย...
แต่ก็มีบางปัญหาที่แก้ยังไงก็แก้ไม่ได้...เมื่อแก้ไม่ได้ในตอนนี้
บางทีก็จำต้องใจเย็นทำใจให้เป็นกลางเสียบ้าง...บางอย่างต้องใช้เวลา
บางอย่างต้องปล่อยวาง...ทุกอย่าง ไม่แน่นอน จะแน่นอนได้เพราะมีเรา
-
เรื่องเมื่อมันเกิดขึ้น....
มันมาจากจุดหนึ่งๆ...
เราเป็นตัวกลางเชื่อมโยง
เพื่อไปยังอีกจุดๆหนึ่ง...
หากเราจับมาผูกโยงด้วยกัน
เรื่องก็จะยืดยาวไปอีกเยอะแยะ
หากเราเป็นตัวกลางที่ไม่จับมาเกี่ยวข้อง
เรื่องทั้งสองฝั่งก็จะไม่พบเจอกัน...
จบไปทั้งสองฝั่ง...อาจจะเป็นเช่นนั้น
บางครั้งเรื่องราวทั้งสองฝั่ง...
ก็มิได้ใช้ตัวกลางเช่นเรา....
เพราะบางครั้งเรื่องราวทั้งสองฝั่งนั้น
เปรียบเหมือนคลื่นบ้าพายุโหมที่คลั่ง
กระหน่ำซัดเข้ามาหากันเองไปตามที่จะเป็น
เราได้เป็นเพียงผู้มองดูเรื่องที่บ้าคลั่งซัดเข้าหากัน
และแล้ว....คลื่นเรื่องราวทั้งสองฝั่ง...
ก็เงียบสงบกลับมาเป็นปกติธรรมดาเช่นนั้นเอง
-
ทุกคนเกิดมาก็มีปัญหามีทุกข์ด้วยกันทั้งนั้น
แล้วแต่ว่าจะเจอทุกข์มากทุกข์น้อย...
ทุกข์นานเรื้อรังหรือทุกข์ผ่านมาผ่านไปแป๊บๆ
แต่ละคนมีช่วงเวลาที่จะหลงผิดไปโดยไม่รู้สึกตัว
บางคนไม่มีโอกาสได้เรียนรู้สิ่งที่ผิดพลาดของตัวเอง
บางคนได้เรียนรู้สิ่งที่ผิดพลาดของผู้อื่น...
บางคนก็ได้เรียนรู้สิ่งที่ผิดพลาดของตัวเอง...
สิ่งที่รับรู้เหล่านั้น...เป็นความผิดพลาดที่เกิดขึ้น
ซึ่งความผิดพลาดเหล่านั้น...กลับนำมาสอนใจ
ให้ระมัดระวังตนเอง หากเรารู้จักนำมาใช้ปฏิบัติกับเรา
เช่น พ่อของลูก ที่เจ้าชู้ ไปเที่ยวมีผู้หญิงมากมายไม่หยุดหย่อน
สุดท้ายเลือกผู้หญิงคนใหม่ที่ไม่ใช่แม่ของลูก...
ทิ้งทั้งแม่และลูกให้เผชิญชะตากรรมตามลำพัง...
จนวันหนึ่ง...ก็โดยผู้หญิงแต่ละคนทิ้งกลับมาเช่นกัน
ข้อคิดเตือนใจนี้ ทำให้ลูกเห็นว่า ความเจ้าชู้ เป็นบ่อเกิด
ทำร้ายจิตใจผู้หญิงคนนึง ซึ่งผู้หญิงคนนั้นก็คือแม่ของตน
ทำให้ลูกมีความคิดที่จะไม่ทำตามพ่อของตัวเอง...
เพราะการทำร้ายจิตใจผู้อื่น ก็เปรียบเหมือนทำร้ายตัวเอง
หรือไม่ว่าจะเป็นตัวอย่างที่พ่อเป็นผีพนัน เล่นตั้งแต่หนุ่มจนแก่
ลูกก็ได้เห็นตัวอย่างความผิดพลาดของพ่อ ว่าการเล่นพนันเช่นนี้
ทั้งชีวิตให้อะไรกับครอบครัวและตัวของพ่อบ้าง... สุดท้าย...
การพนันก็ไม่ได้ทำให้ชีวิตดีขึ้น มีแต่ล่มจม และละโมบอยากได้
จนเป็นหนี้เป็นสิน เพราะความโลภ มีอาการคันมือคันไม้เมื่อไม่ได้เล่น
หงุดหงิด อารมณ์เสีย ตะเกียกตะกายหาเงินเพื่อที่จะไปเล่นพนันให้ได้
สุดท้ายบั้นปลาย ก็ไม่ได้มีอะไร มีเพียงตัวอย่างของผีพนันคนหนึ่ง...
ที่ยังโหยหาอยากไปเล่น แต่ก็ไม่มีเรี่ยวแรงพอจะไปเล่นได้...
สุดท้ายก็ต้องยอมจำนน และไม่ได้เล่นในที่สุด ...เมื่อไม่ได้เล่น...
ก็ทำใจ และยังบอกกล่าวชี้โทษของการเล่นพนันให้เห็นโทษได้อีกด้วย
ยังมีอีกหลายตัวอย่างของคนที่ทำสิ่งผิดพลาดมากมาย
แล้วให้ประโยชน์สำหรับผู้ที่รู้จักนำมาพิจารณาให้เกิดประโยชน์
ในความผิดพลาด ย่อมให้บทเรียนอันล้ำค่า หากรู้จักพิจารณา
ในความถูกต้อง ย่อมให้ความหลงระเริง หากไม่รู้จักพิจารณา
-
เด็กเล็กๆบางทีใจก็แกร่งให้กำลังใจกับผู้ใหญ่ได้ยามผู้ใหญ่อ่อนแอ
เด็กไม่คิดมากซับซ้อนละเอียดเหมือนผู้ใหญ่...
ผู้ใหญ่คิดถึงผลประโยชน์คิดถึงคนรอบข้างคิดมากมายเยอะแยะ
เด็กคิดตรงๆกลางๆซื่อๆไม่คิดร้ายๆและไม่คิดดีๆเหมือนผู้ใหญ่
เด็กแค่คิด คิดเฉพาะหน้า คิดเฉพาะที่มันเกิดขึ้น ณ ปัจจุบัน
ผู้ใหญ่ชอบคิดแทนเด็ก :12:
-
:26: ผมชอบเผลอคิดเป็นเหมือนเด็กๆประจำเลย ช่วงที่มีปัญหา แบบโดนกดดัน
แล้วผมก็มาระบายกับหลายๆคนโดยไม่ได้ตั้งใจที่จะทำอย่างนั้น
หลายๆคนว่า ทำดีมาทัั้งชีวิต ทำผิดครั้งเดียวก็กลายเป็นคนบาปได้
^^ผมเป็นคนบาปแล้วมั้ง ณ วันนี้
ธรรมะอวยพรครับ
-
ไม่มีสติ เผลอทำให้ ทำอะไรๆผิดพลาด
ลืมโน่นหลงนู่นจำนั่นยึดนี่เพียบไปหมด
มัวสาละวนกับการอันเชิญหนูตัวผู้ออกจากบ้าน
จึงไม่เป็นอันเตรียมเสื้อผ้าไปทำงาน ลืมทั้งๆที่ไม่เคยลืม
สิ่งที่เป็นไป ไม่เป็นไปอย่างที่จะเป็น เสียดายสิ่งที่เป็นไป
จำได้ว่าเรานี่แหละต้องเสียผลประโยชน์เสียเวลาเสียความรู้สึก
โทรศัพท์ให้คนเอาเสื้อผ้ามาให้ หวังว่าไม่ต้องกลับไปเตรียมเสื้อผ้าเอง
กำชับแล้วว่า ต้องเป็นเสื้อตัวนั้นตัวนี้ อย่าเป็นเสื้อตัวที่ไม่ใช่เพราะใช้ไม่ได้
แต่สุดท้าย คนที่เราคาดหวังก็ดันหยิบเสื้อตัวที่ใช้ไม่ได้นำมาให้ในที่สุด
ใครผิด โทษใครไม่ได้ ก็ต้องโทษตัวเอง กลับไปเตรียมเอง...
ระหว่างเดินทาง พยายามทำใจให้สงบ เรื่องราวต่างๆมันเกิดขึ้นเพราะเราเอง
ไม่มีเรา ปัญหาทุกอย่างคงไม่เกิดขึ้น สิ่งที่เราคาดหวัง มันไม่ได้เป็นไปอย่าง
ที่เราต้องการให้มันเป็นไปทุกอย่าง ความต้องการ ถ้าเกิดขึ้นแล้ว มันจะมีผล
อยู่สองอย่างคือ เราพอใจกับไม่พอใจ และอยู่ตรงกลางระหว่างนั้นคือ
ไม่ทั้งพอใจและไม่พอใจ ความสงบท่ามกลางสิ่งรุมเร้าสองฝั่ง
สุดท้ายแม้จะเสียเวลาเสียความรู้สึกสักหน่อย แต่ก็ได้ผ่านพ้นไปเหมือนๆเดิม
แต่จะไม่เหมือนเดิม เพราะเราไปคิดให้มันไม่เหมือนเดิมนั่นแหละ
เรื่องที่มันผ่านไปแล้ว....ให้มันผ่านไป...ถ้ารื้อฟื้นเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง
ก็ต้องพบกับเรื่องราวมากมายและปัญหามากมาย เพราะเราจุดเราก่อ
เราเป็นคนปะทุเชื้อให้มันเกิดขึ้นนั่นเอง...
-
:45: ขอบคุณครับพี่เล็กครับ. แล้วมันก็ผ่านไปครับ..คิดว่าไม่มีอะไรแล้วล่ะนะ ผมเคลียร์เรียบร้อย..
-
ไม่มีใครที่ไม่เคยผิดพลาด :13: :13:
-
^^ ... :13:
-
ก็แค่แว๊บนึง...จึงได้เกิดขึ้นมา
ก็แค่เกิดขึ้นมา...แล้วก็ผ่านพ้นไป
ก็แค่ผ่านพ้นไป...แล้วก็ไม่มีอะไรเลย
แล้วสิ่งที่ยังเหลืออยู่ล่ะ...ให้อะไรไว้บ้าง
ถึงแม้สิ่งที่เสื่อมสลายไปต้องดับสลายไป
แต่มีสิ่งหนึ่งที่สามารถตั้งอยู่ได้ตราบเท่าที่จะพอใจ
เท่าที่จะมีสิ่งหนึ่งสิ่งใดยึดสิ่งหนึ่งนั้นไว้ให้คงอยู่
-
ทายาหม่องไว้ก่อนนอน
หลับไปตื่นขึ้นมาเข้าห้องน้ำ
ตอนแรกๆยังไม่รู้สึกเย็นร้อน
แต่อีกซักพักมันกลับรู้สึกขึ้นมา
ค่อยๆเป็นวงกว้างเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
เหมือนมีใครเอาน้ำแข็งมาวางบนผิว
อีกซักพักวงกว้างค่อยๆแคบลงไป
จนความรู้สึกนั้นหายไปในที่สุด
-
อยากจะบอกว่ามันเป็นความรู้สึกดีๆ
ในช่วงเวลาหนึ่งที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป
นับตั้งแต่ได้รู้จักมามีแต่ความรู้สึกดีๆเสมอ
แม้ว่าต้องจากกันไป...ไม่เสียดายที่ได้รู้จักกัน
อยากจะบอกว่า "ขอบคุณ" เธอมากเลย
ที่ทำให้รู้จักกับความรู้สึกดีๆแบบนี้...
อยากจะบอกว่า "ขอโทษ" หากเรารบกวนเธอมากเกินไปบางครั้ง
บางครั้งเราก็อยากให้เธอรบกวนเราบ้าง...ถ้าเธอต้องการ
อยากจะบอก "สวัสดี" เธอตั้งแต่ตอนที่เรารู้จักกัน
และตอนที่เราจะต้องจากกันไปในวันนั้น...เป็นวันแห่งความจริงของชีวิต
สวัสดียินดีที่ได้รู้จักกัน...ขอบคุณที่ทำให้เราต้องจากกัน...
ขอโทษที่ให้เธอได้เพียงเท่านี้...เท่าที่โอกาสที่ฉันจะให้เธอได้...เท่านี้จริงๆ :47:
-
มันผ่านไปแล้วนะ...อดีตหน่ะ...ผ่านไปแล้ว
แล้วยังจะไปดึงให้อดีตมันมาอยู่ในปัจจุบันทำไมล่ะ
ถ้าอดีตมาอยู่ในปัจจุบัน...แล้วมันจะเป็นอดีตได้ไง
ปล่อยให้มันผ่านไปบ้างก็ดีนะ...อะไรที่ย้อนกลับมาแล้ว
ไม่เกิดประโยชน์ก็ปล่อยๆมันไปบ้างก็ดี...
จะว่าไปมันก็มีประโยชน์ทั้งนั้นแหละนะ...
ถ้าเรารู้จักที่จะมองด้านที่เป็นประโยชน์...
แต่บางทีเราก็ห้ามมันไม่ได้...ที่จะมองด้านที่เป็นโทษนี่นา
เพราะเรายังชอบที่จะคิด...ชอบที่จะเป็นนักแสดง...
เจอบทบาทอะไรปุ๊บก็อินกับบทละคร...แสดงซะจนตีบทแตก
อารมณ์กระเจิงเลย...ลืมตัวไปว่ากำลังแสดงละครอยู่นะนั่น
ย้อนกลับมาดูสิ่งที่ตัวเองแสดงไป...แสดงเก่งเชียวล่ะ เหอๆ
เก่งแสดงไปตามบทที่เค้าให้มานะ...ไปตามบทไม่ใช่ความจริง
ความจริงคือเรากำลังแสดงอยู่...เราเป็นผู้ถูกแสดง...
เราเป็นผู้เห็นผู้ที่ถูกแสดงคือเรา...ในบางครั้งเราก็ถูกดึงออกไปเป็น
ผู้ดูการแสดงของตัวเอง...บางครั้งเราก็หยุดแสดงไปซะเฉยๆ
บางครั้งเราก็หลงเพลินไปกับบทบาทที่เรากำลังแสดงอยู่
อย่างน้อยทุกการแสดง...เราก็ได้รับรู้ถึงการแสดงนั้นผ่านตัวเรา
ที่สื่อออกถึงความเป็นตัวตนของเรา...นี่แหละคือตัวตนของเราล่ะ
-
ความไม่รู้...แว๊ปเข้ามาเสมอๆ
ทำให้ทำอย่างที่เคยชินมาซ้ำๆ
ความรู้...แว๊ปเข้ามาเสมอๆ
แต่ก็ทำอย่างที่รู้ไม่ได้ในทุกครั้ง
ความเข้าใจรู้ทันในสิ่งที่เป็นไป
ทำให้สงบได้เสมอ.... :19:
-
วันนี้...ฉันยังหายใจเข้าออกได้อยู่
วันนี้...ฉันยังมีตัวตนทักทายได้อยู่
วันนี้...ฉันยังมีภาระกิจหน้าที่ทำอยู่
วันนี้...ฉันยังวนเวียนอยู่ในวัฎจักรน่าสงสาร
วันนี้...ฉันยังพยายามทำให้ทันอยู่กับปัจจุบัน
วันนี้...ที่เป็นเพียงเศษเสี้ยววินาทีดับลง
วันนี้...ที่เป็นฉันรวมความเป็นฉันพลันจบลง
วันนี้...ที่เป็นการหลับตานอนของฉันยังเกิดขึ้น
วันนี้...ที่เป็นการหยุดลมหายใจยังไม่ใช่วันนี้
แต่วันนั้น...ใกล้เข้ามาทุกขณะแล้ว
-
แพ้...แพ้ใจเธอ...แพ้เธอแล้ว
แพ้...แพ้ใจฉัน...แพ้ฉันอีก
สิ่งดีดี...แบ่งมา...ซาบซึ้งใจ
ไม่เคยทวง...ใดใด...รู้เหตุผล
สิ่งดีดี...เกิดขึ้น...ในตัวตน
เพียงอดทน...รอเวลา...พบความจริง
-
:13: ขอบคุณครับพี่เล็ก
-
นับตั้งแต่ได้รู้จักกัน...
เธอทำให้ฉันรู้สึกดีดีเสมอ
แต่ก็มีความรู้สึกไม่ดีเกิดขึ้น
ความรู้สึกไม่ดีเหล่านั้น...
เป็นเพราะฉันเอง...ฉันไม่ดีเอง
ฉันเห็นแก่ตัว...ฉันจึงเป็นทุกข์เอง
ฉันขอโทษ...ที่ความเห็นแก่ตัว
บั่นทอนความรู้สึกนึกคิดของตัวฉันเอง
เป็นเพราะฉันคิดไปเองคนเดียวจริงๆ
คิดเข้าข้างตัวเอง...หลอกตัวเองเสมอมา
คนที่เป็นทุกข์...แน่ๆก็ต้องเป็นใจฉันเอง
-
ก็เรายังคงมีความรู้สึกที่คุ้นเคยจำได้อยู่
จะว่าจำได้...ก็ได้...จำในสิ่งที่สั่งสมมานาน
จำในสิ่งที่ลวงใจ...ที่สามารถทำให้ใจกายเรา
ได้ทั้งทุกข์และสุขตลอดมา...แปลกมั๊ยล่ะ
ที่บ่อยครั้ง...เราไม่รู้สึกว่าเรากำลังหายใจอยู่
ทั้งๆที่เรากำลังหายใจเข้าและออกตลอดมา
เพราะเรายังคงมีความคิดสร้างสรรค์ทำลายอยู่
ถ้าเราคิดสิ่งดีๆก็ทำให้มีแต่สิ่งดีๆเกิดขึ้น...
ถ้าเราคิดในสิ่งที่ไม่ดีแน่นอนสิ่งไม่ดีก็ต้องเกิดขึ้น
บางครั้งคิดสิ่งดีๆแต่ก็ทำในสิ่งที่คิดไม่ได้...เคยมั๊ย
บางครั้งคิดสิ่งไม่ดีๆไป แต่ก็ไม่ได้ทำในสิ่งที่คิดไม่ดีไปทุกครั้ง
คงเป็นเพราะเรายังคงไม่ระวังในบางครั้งประมาทไปในบางหน
แล้วก็บางครั้งเหมือนมีอะไรบางอย่างเตือนและคอยยับยั้งชั่งใจเราเช่นกัน
บางครั้งเรารู้ว่าสิ่งที่เป็นอยู่ทุกข์นะ...อยากตัดมันไป...แต่ก็ทำไม่ได้
บางครั้งเรารู้ว่าสิ่งนี้ที่เป็นเป็นความสุขนะ...แต่เป็นสุขแบบจอมปลอม
แต่เราก็เต็มใจที่จะรับความสุขจอมปลอมแบบชั่วคราว...
ถึงจะเป็นช่วงเวลาแค่สั้นๆ...เราก็ยังหลงติดใจไปกับมันอีกจนได้
สุดท้ายความสุขความทุกข์ที่เกิดขึ้นชั่วคราวก็จะผ่านพ้นไปอีกแล้ว
แต่ก็บ่อยครั้งนะ...แม้มันจะผ่านไปแล้ว...แต่เราก็ยังจะไปยึดมันไว้
ไม่ยอมให้มันเลยผ่านไป...เพราะเรายังติดใจยึดสิ่งที่ผ่านไปแล้วอยู่
และก็บ่อยครั้งอีกที่เรามักจะไปยึดสิ่งที่ยังมาไม่ถึงเอามาถือเอาไว้
ไม่ว่าจะถือว่าสุขหรือทุกข์ แต่ก็เป็นสิ่งที่เราคาดหวังไว้ทั้งสิ้น...
เพราะยังไม่ได้เกิดขึ้นในปัจจุบัน...แต่เราคาดหวังเอาไว้ทั้งสิ้น
ก็อยู่ที่ปัจจุบันว่าเรามีความตั้งใจมุ่งมั่นบากบั่นอดทนแค่ไหน...
อนาคตที่ยังมาไม่ถึง...ก็จะมาถึงจนได้...อนาคตที่เราคาดหวังไว้
จึงมีผลกระทบกับปัจจุบัน...หากเราไม่ได้เผื่อใจไว้อยู่กับความเป็นจริง
เมื่อไม่ได้เป็นไปอย่างที่เราหวังตั้งใจ...แน่นอนความทุกข์มาเยือนแน่ๆ
หรือเมื่อเราได้อย่างที่เราหวังตั้งใจไว้...แน่นอนความสุขก็มาเยี่ยมอีกเช่นกัน
แต่สุดท้าย...สิ่งเหล่านั้นก็จะผ่านพ้นไปเรื่อยๆอย่างนั้นนั่นเอง....
-
:12: อ่านเพลินเลยค่ะคุณเล็ก
-
ก็เรายังคงมีความรู้สึกที่คุ้นเคยจำได้อยู่
จะว่าจำได้...ก็ได้...จำในสิ่งที่สั่งสมมานาน
จำในสิ่งที่ลวงใจ...ที่สามารถทำให้ใจกายเรา
ได้ทั้งทุกข์และสุขตลอดมา...แปลกมั๊ยล่ะ
ที่บ่อยครั้ง...เราไม่รู้สึกว่าเรากำลังหายใจอยู่
ทั้งๆที่เรากำลังหายใจเข้าและออกตลอดมา
เพราะเรายังคงมีความคิดสร้างสรรค์ทำลายอยู่
ถ้าเราคิดสิ่งดีๆก็ทำให้มีแต่สิ่งดีๆเกิดขึ้น...
ถ้าเราคิดในสิ่งที่ไม่ดีแน่นอนสิ่งไม่ดีก็ต้องเกิดขึ้น
บางครั้งคิดสิ่งดีๆแต่ก็ทำในสิ่งที่คิดไม่ได้...เคยมั๊ย
บางครั้งคิดสิ่งไม่ดีๆไป แต่ก็ไม่ได้ทำในสิ่งที่คิดไม่ดีไปทุกครั้ง
คงเป็นเพราะเรายังคงไม่ระวังในบางครั้งประมาทไปในบางหน
แล้วก็บางครั้งเหมือนมีอะไรบางอย่างเตือนและคอยยับยั้งชั่งใจเราเช่นกัน
บางครั้งเรารู้ว่าสิ่งที่เป็นอยู่ทุกข์นะ...อยากตัดมันไป...แต่ก็ทำไม่ได้
บางครั้งเรารู้ว่าสิ่งนี้ที่เป็นเป็นความสุขนะ...แต่เป็นสุขแบบจอมปลอม
แต่เราก็เต็มใจที่จะรับความสุขจอมปลอมแบบชั่วคราว...
ถึงจะเป็นช่วงเวลาแค่สั้นๆ...เราก็ยังหลงติดใจไปกับมันอีกจนได้
สุดท้ายความสุขความทุกข์ที่เกิดขึ้นชั่วคราวก็จะผ่านพ้นไปอีกแล้ว
แต่ก็บ่อยครั้งนะ...แม้มันจะผ่านไปแล้ว...แต่เราก็ยังจะไปยึดมันไว้
ไม่ยอมให้มันเลยผ่านไป...เพราะเรายังติดใจยึดสิ่งที่ผ่านไปแล้วอยู่
และก็บ่อยครั้งอีกที่เรามักจะไปยึดสิ่งที่ยังมาไม่ถึงเอามาถือเอาไว้
ไม่ว่าจะถือว่าสุขหรือทุกข์ แต่ก็เป็นสิ่งที่เราคาดหวังไว้ทั้งสิ้น...
เพราะยังไม่ได้เกิดขึ้นในปัจจุบัน...แต่เราคาดหวังเอาไว้ทั้งสิ้น
ก็อยู่ที่ปัจจุบันว่าเรามีความตั้งใจมุ่งมั่นบากบั่นอดทนแค่ไหน...
อนาคตที่ยังมาไม่ถึง...ก็จะมาถึงจนได้...อนาคตที่เราคาดหวังไว้
จึงมีผลกระทบกับปัจจุบัน...หากเราไม่ได้เผื่อใจไว้อยู่กับความเป็นจริง
เมื่อไม่ได้เป็นไปอย่างที่เราหวังตั้งใจ...แน่นอนความทุกข์มาเยือนแน่ๆ
หรือเมื่อเราได้อย่างที่เราหวังตั้งใจไว้...แน่นอนความสุขก็มาเยี่ยมอีกเช่นกัน
แต่สุดท้าย...สิ่งเหล่านั้นก็จะผ่านพ้นไปเรื่อยๆอย่างนั้นนั่นเอง....
:07: .. :19: สาธุ..สาธุ ขอร่วมอนุโมทนา+ขอบคุณสำหรับข้อคิดดีๆข้างบนมากมายค่ะ ท่านจอมยุทธ์เล็ก.. :13: .. ^^
-
เวลาที่ทำอะไรแล้วร่างกายรู้สึกเหนื่อยล้าแทบทนไม่ไหว
มีเพียงใจที่จะช่วยฉุดดึงให้ร่างกายกลับมามีกำลังเข้มแข็ง
ไม่มีอดีตที่แสนทรมาน...ที่ส่งผลทำให้ร่างกายอ่อนแอ...
มีเพียงปัจจุบันที่เกิดขึ้น...ความเหนื่อยล้าทั้งหลายไม่ได้มี
มีเพียงแค่ความรู้สึกที่ส่งมาให้ใจปรุงแต่งว่าเรารู้สึกแบบนั้นแบบนี้
แล้วเราก็จำได้ว่า...แบบนั้นแบบนี้คืออะไร...พอเราจำได้ว่า
มันคืออะไร..เราก็จะรู้สึกทนไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น...แต่ว่า...
สุดท้ายเราก็จะทนได้อยู่ดี...หากเราสู้ล่ะ...ฝ่าฟันจุดที่ทนไม่ได้
ณ ขณะปัจจุบันไปเลย..ก็จะเห็นว่าเราทนได้อีกนั่นแหละสบายมาก
แต่ขณะที่ความรู้สึกเหล่านั้นเกิดขึ้น...เราจะรู้สึกตัวแบบนั้นไม่ได้ทุกครั้ง
จะเป็นบางครั้งเท่านั้น...ถ้าเราฝึกให้เกิดขึ้นบ่อยๆ..เราก็จะทนได้บ่อยๆ
แต่เพราะนิสัยที่เราสั่งสมมานาน...เรามักไม่ค่อยจะอดทนกับสิ่งที่เกิดขึ้น
เราจึงต้องเป็นทุกข์กับสิ่งที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง...จมไปอยู่ในวังวนเวลา...
จมไปอยู่ในวังวนที่เป็นตัวตนที่เราสร้างขึ้นมาหลอกตัวเราเองบ่อยๆตลอดเวลา
-
ทำอะไรลงไปเนี่ย...
มานั่งถามตัวเอง...ทีหลัง
ตอนที่ทำไป...กลับไม่สงสัย
ว่าทำอะไรลงไปเนี่ย...
ตอนทำ....อารมณ์มันพาไป
แต่ตอนหลังเนี่ย...สติมันคงกลับมา
เลยมานั่งตั้งคำถามกับตัวเอง...
ว่านี่ทำอะไรลงไปเนี่ย...
เมื่อไหร่จะทันซักทีล่ะ...
ไม่งั้นก็ต้องมาตั้งคำถามอย่างนี้
อยู่แบบนี้ในภายหลังตลอดสิ :38:
-
การรอคอย...
คุณค่ามันอยู่ที่ใจคนรอ
ว่าจะอดทนกับการรอได้แค่ไหน
หากทนไม่ได้...
การรอคอยนั้น...ก็เป็นทุกข์
แต่ถ้าทนได้...
การรอคอยนั้น...ก็ย่อมเป็นสุข
และแล้วสุดท้าย...
การรอคอยอะไรก็แล้วแต่...
ก็ต้องจบลง...เมื่อถึงที่สุด
การรอคอยที่ยาวนาน...
ก็จะสิ้นสุดลง....
-
สบายใจ...ในบางเวลา
เพราะเวลา...แต่ละครั้ง
ต่างกัน...ต่างเพราะใจ
ใจยังมีกาลเวลา...
อดีต อนาคต และปัจจุบัน
มีอะไรมากกว่า...
ก็โอนเอนไปทางนั้น
อยู่กับปัจจุบันน้อยนิด
ยึดติดกับอดีตและอนาคตมากหน่อย
-
:45: ขอบคุณครับพี่เล็ก
-
หากอยู่ในกฎห้ามซ้ำ...
ฉันจะเป็นทุกอย่างให้เธอได้...
แต่...ฉันเป็นเธอไม่ได้...
เธออยากให้ฉันเป็นอะไร...
พ่อแม่พี่น้องเพื่อนครูลูกศิษย์...
สามีภรรยาลูกหลานแฟนคนพิเศษ...
หรืออะไรต่อมิอะไรที่เธอต้องการ...
แต่สิ่งเดียวที่ฉันเป็นไม่ได้....
คือเธอนั่นเอง...ฉันเป็นไม่ได้
เมื่อยังมีกฎห้ามซ้ำบังคับอยู่...
แต่เราเป็นกันและกันได้...
เธอสลับกับฉัน...ฉันสลับกับเธอ
ผลัดกันทำหน้าที่ต่างๆโดยไม่ซ้ำกัน
ความจริงคือกฎซ้ำๆอยู่นั่นเอง...
ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็แล้วแต่...
เป็นเหมือนกันคือซ้ำๆกันอยู่อย่างนั้น
วนๆเวียนๆอยู่อย่างนั้น...
-
สิ่งที่เหลืออยู่....
คือความดีความชั่วที่ได้ทำผ่านมา
หากทำดีไว้...ก็จะเกิดความรู้สึกดีๆเมื่อคิดถึง
หากทำชั่วไว้...ก็จะเกิดความรู้สึกไม่ดีเมื่อคิดถึง
รู้สึกดีๆแม้ไม่อยากให้มันผ่านไปจบไป...แต่ก็ทำไม่ได้
รู้สึกไม่ดีแม้อยากให้มันผ่านไปจบไป...แต่ก็ดันไปคิดถึง
รู้สึกจึงขึ้นอยู่กับใจคน...ที่คอยให้ค่าราคาเรื่องราว...
รู้สึกแค่ไหนอย่างไรระดับไหน...ก็อยู่ที่รู้ในแต่ละคน
ระหว่างรู้สึกดีกับรู้สึกไม่ดี...สลับสับเปลี่ยนหมุนมาบ่อยแค่ไหน
เมื่อรู้สึกมา...อยู่นานแค่ไหน...รู้สึกมั๊ย...ตอนรู้สึกมา...
รู้ยังมีสึก...ร่อยหลอ...เสื่อมไปตามธรรมดา...รู้จึงสึก... :38:
-
ความกลัว...
เมื่อเกิดความกลัว...
สิ่งที่จะทำให้ความกลัวหายไป
ก็คือ...ความกล้า...
กล้าที่จะเผชิญกับสิ่งที่กลัวนั่นเอง
หากมีคนที่กลัวมากกว่าอยู่ด้วย...
เราก็จะรู้สึกกลัวในสิ่งเดียวกันน้อยกว่า
คือรู้สึกว่ามีคนกลัวมากกว่าเรา...มันอุ่นใจหน่ะ
บางทีเราก็ต้องทำเหมือนกล้า...
ทั้งๆที่ความกลัวมันยังจุกอยู่เต็มข้างใน...
พอเรากล้าที่จะเผชิญกับความกลัวที่มี...
ในขณะนั่นเอง...ความกลัวก็ค่อยๆลดลงไป
เพราะสิ่งที่กลัว...ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด...
แค่เราไม่เคยผ่านมันไป...แค่เรากลัวไปก่อน
เมื่อเราผ่านมันไปได้...ความกลัวก็จะลดระดับลง :47:
-
ความฝัน....
ความจำได้...หลังจากที่ฝัน
ความคิด...ทบทวนความฝัน
เรื่องราวมากมายหลั่งไหลตามมา
ความกลัวความกังวลเริ่มแสดง
ความตาย....
คือสิ่งที่ทุกคนต้องเจอ...
ขณะที่ยังไม่เจอ...อาจไม่หวั่นไหวเท่าไหร่
แต่ขณะที่เจอ...ขณะนั้น...นั่นเอง
จะวัดใจวัดสติปัญญาเราได้ดี...
-
ท่านแม่...ชอบใจชุดนอน
ไม่มีแขน...มีกระดุมตรงไหล่
ชายกระโปรงบานๆน่ารักเหมือนเด็ก
สีฟ้าลายดอกไม้...ติว่าสีอ่อนไป...
อยากได้สีเข้มกว่านี้สักหน่อย...
น้ำตาล...ไม่ก็...เขียวเข้มๆน่าจะดี
ท่านพ่อ...ชอบใจขนมตุ๊บตั๊บ...
ให้กิน 2 ชิ้น คิดว่าคงจะพอ...
เผลอแป๊บเดียว...เดินมาแกะกินเอง
หมดห่อเลย...เบาหวานตุ๊บป่องตุ๊บป่อง
สิ่งที่ชอบ...ทำให้เกิดความสุข
ความสุขแบบฉาบฉวย...ชั่วคราว
บางทีความสุขชั่วคราว...
กลับส่งผลย้อนกลับให้เป็นทุกข์
การกระทำในปัจจุบัน...จึงควร "ระวัง"
-
"ชีวิตอยู่ได้ด้วยความฝัน"...คำพูดของผู้ชายคนนึง
ผ่านเข้ามากระสบโสตประสาท...ทำให้ครุ่นคิด...
ก่อนที่เหตุการณ์จริงจะเกิดขึ้น...จินตนาการย่อมโลดแล่น
แต่งเรื่องราวต่างๆไว้ก่อนที่สิ่งต่างๆจะเกิดขึ้น...
บางครั้งเรื่องราวต่างๆที่จินตนาการไว้ก่อนก็เกิดขึ้นตามที่คิด
แต่บางครั้งเรื่องราวต่างๆก็ไม่ได้เกิดขึ้นตามที่ต้องการ...
ความฝันคือสิ่งที่คิด...ไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้น...
สิ่งที่เกิดขึ้นคือสิ่งที่เป็นความฝันต่อมาในไม่ช้า...
เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นจะผ่านไปคล้ายเป็นแค่ความฝัน...
ความจริงเพียงเศษเสี้ยวเสี้ยวเสี้ยววินาที...
ความจอมปลอมหลอกหลอนมากมายประมาณค่ามิได้
สุดท้ายก็ผ่านไปอีกแล้ว...
-
เด็กอายุ 6 ขวบ กับ คนแก่อายุ 68 ปี
มองเผินๆแตกต่างกันอย่างมากมาย...
วัยแรกแย้มกำลังผลิบาน....
กับวัยแห้งเหี่ยวเฉากำลังล่วงโรย...
แต่ความเหมือนนั้นก็ย่อมมีอยู่ในตัวมันเอง
วัยเด็ก...เรามักอภัยให้ได้เสมอ...
เพราะเราคิดว่าเด็กไม่รู้...จึงไม่ถือสาหาความ
แต่วัยชรา...เรามักจะให้อภัยยากเย็น...
เพราะเราคิดว่ารู้ทุกอย่าง...จึงถือสาหาความร่ำไป
-
แค่รู้สึกว่า...อยาก...อยากขอบคุณเหลือเกิน
สิ่งดีๆที่เสียสละมอบให้มาตั้งแต่จำความได้
ในอดีตแม้จะเกิดมาจำความได้....
แต่กลับไม่รู้เลยว่าเสียสละให้มากมายอย่างนี้
คนๆนึง...ทำอะไรให้กับใครๆได้มากขนาดนี้
คงเป็นเพราะ...จิตใจดีๆของเค้านั่นเอง...
ขอบคุณที่เกิดมาทำให้เราได้เป็นคนที่ข้องเกี่ยวกัน
อยากจะ...ขอโทษสำหรับสิ่งที่ทำไม่ดีไว้ต่างๆนานา
เราพบกันแล้ว...เราก็ต้องจากกันสินะ....
อย่างน้อย...ก่อนจากกันสิ่งดีๆที่เธอทำไว้
ขอให้เธอได้พบกับสิ่งดีๆเช่นกัน...
วันที่เธอเกิด....ขอบคุณที่ทำให้เธอเกิดขึ้นมา
ความเจ็บปวดของคนที่ทำให้เธอเกิดขึ้นมา
ขอบคุณทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำให้เกิดขึ้นมาจนบัดนี้
-
ช่วงเวลาแห่งความสุข...
มันช่างผ่านไปรวดเร็วเหลือเกิน
แต่ช่วงเวลาแห่งความทุกข์...
กลับรู้สึกว่าเวลาที่ผ่านไปนั้นช่างเนิ่นนาน
ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์...
ต่างก็มีใจเป็นสิ่งที่คอยกระตุ้นให้เกิดทั้งทุกข์และสุข
-
เวลามีทางเลือกเข้ามา...
ให้ต้องตัดสินใจเลือกทางใดทางหนึ่ง
มันรู้สึกตัดสินใจยากที่จะเลือก...
ไม่อยากตัดสินใจ...
เพราะรู้สึกเสียดาย....
ถ้าต้องตัดใจทิ้งทางเลือกใดไป...
แล้วยังรู้สึกอีกว่า...
ทางเลือกที่เลือกนั้น...
อาจไม่ดีพอ...เท่ากับอีกทางเลือกนึง
จึงทำให้ขณะที่กำลังครุ่นคิดตัดสินใจ
เต็มไปด้วยความลังเลกังวลสับสนทุกข์ใจ
แต่เมื่อใด...ถ้าต้องตัดสินใจเลือกแล้ว...
ยังไม่ยอมรับไม่พอใจกับการตัดสินของตัวเองแล้ว
ก็จะต้องมาเป็นทุกข์หนักกว่าเดิมอีก...
เพราะฉะนั้น...ต้องเคารพในการตัดสินใจของตน
น้อมรับกับสิ่งที่เราเลือกมันเอง...
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น...ก็เพราะเราเลือกและตัดสินใจเอง
ไม่ต้องไปโทษปัจจัยอื่นให้ยิ่งเป็นทุกข์...
แม้กระทั่ง...ไม่โทษตัวเองนั่นเอง...
ยอมรับกับปัจจุบัน...ทำใจให้เป็นปัจจุบัน...
-
วันเกิด...คือวันที่ชีวิตแลกชีวิต
เป็นการเริ่มต้นการทำหน้าที่...
รกสายใยจากข้างใน...แม้ถูกตัด
แต่สายใยก็ยังไม่ได้ขาด...
ตราบใดที่สัญญาใจยังเชื่อมผูกกัน
สามัญสำนึกจิตใต้สำนึกไม่เท่ากัน
แล้วแต่ว่าใครจะมีมากมีน้อย...
ใครจะค่อนไปทางใด...จะดีหรือชั่ว
ทุกสิ่งที่ทำไปนั้นเป็นเหตุ...
และทุกสิ่งทุกอย่างส่งผลติดตามมา
ไม่ใช่เพราะใคร...เพราะเราทำไว้นั่นเอง
-
เคยสังเกตว่าเวลาที่รู้สึกมีความสุข
แล้วเราดีใจสุดๆหัวเราะเต็มที่อย่างบ้าคลั่ง
ไม่นานนัก...ความทุกข์ก็จะตามมาอีกไม่ช้า
ไม่ได้หัวเราะอย่างนั้น...แต่กลับรู้สึกเศร้าในภายหลัง
หรือไม่ก็ในบางครั้งที่รู้สึกทุกข์ใจสุดๆ...
เพียงไม่นาน...ก็มีเรื่องให้ได้ดีใจสุขใจตามมา
มันสลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนอยู่อย่างนั้น...
ก็เลยพยายาม....พยายามที่จะควบคุมอารมณ์ตัวเอง
เมื่อมีเรื่องน่าดีใจสุขใจมากๆเข้ามา...
ก็พยายามจะไม่หลงระเริงกับความสุขนั้นให้มากไป
เพราะเหมือนรู้ว่า...อีกไม่ช้าความทุกข์ก็จะต้องเข้ามา
เช่นเดียวกัน...เมื่อเราต้องเจอกับความทุกข์มากๆสุดๆ
เราก็พอจะเดาได้ว่า...ความทุกข์นั้นมันไม่ได้อยู่ตลอดไป
มันจะผ่านไปอีกไม่ช้า...อย่าเศร้าอย่าจมปลักในความทุกข์
อย่างไม่ลืมหูลืมตา...จนเราติดกับในอารมณ์ที่เราสร้างขึ้น
แต่ก็นั่นล่ะ...เราเหมือนจะรู้เหมือนจะเข้าใจ....
แต่ในบางเวลาทั้งความสุขและความทุกข์เข้ามาอย่างไม่ทันระวัง
ก็โดนเข้าไปบ้างเหมือนกัน...แต่ไม่เป็นไร...มันก็จะผ่านพ้นไปนั่นเอง
-
ปฏิบัติธรรม...วัดที่ใจ...
ปฏิบัติได้ทุกขณะปัจจุบัน...
หากยังมีหน้าที่...ก็ทำไปตามหน้าที่
หากหมดหน้าที่...ก็หมดภาระ
ความรับผิดชอบ...หมดรับทั้งผิดทั้งชอบ
มีแต่ให้ความเป็นธรรม...เป็นกลาง...
ตอนนี้แค่มีสติอยู่กับสิ่งต่างๆที่ผ่านเข้ามา
เท่าที่จะทันในขณะปัจจุบัน...ก็พอใจ
-
ว่างปุ๊บ...คิดปั๊บ...
หวลนึกถึงอดีต...
คาดหวังอนาคต...
สร้างเรื่องสร้างราว
คิดดี...ก็ดีใจไป
คิดไม่ดี...ก็เสียใจไป
ขยันคิด(คิดเป็น)...ก็ได้แยะ
ขี้เกียจคิด(คิดไม่เป็น)...ก็ไม่ได้อะไร
คิดอย่างเป็นกลาง(คิดพอดี)...ก็ได้แบบอิสระเสรี
-
คิด...อะไร
คิด...ไม่ออก
บอก...ไม่ถูก
ทาถู...ทาถู :06:
-
เพราะทุกอย่างสลับกันอยู่ระหว่างทุกข์และสุข
เพราะทุกอย่างนั้นไม่แน่นอน...
เพราะฉะนั้น...การทำใจเข้าใจยอมรับให้ไม่มีตัวตน...
คือทางรอดที่จะพ้นจากทุกข์สุขและความไม่แน่นอน :38:
-
รู้...สะกิดใจให้ได้คิด....
คิด...สะกิดต่อมน้ำตาไหล
ไหล...สะกิดใจรู้อะไร...
จบ...สะกิดจิตปล่อยวางไป
-
ความอิจฉา...
มันน่ากลัวอยู่นะ...
เผาผลาญใจตัวเองให้ร้อนรุ่ม...
เลยเถิดเผาผลาญใจผู้อื่นหากระงับไม่อยู่
สุดท้าย...เพลิงอิจฉาก็เผาทำลายตัวเอง
อย่าได้อิจฉาเลย...
ไม่ว่าเขาหรือเรา....
ต่างไม่มีอะไรให้ต้องอิจฉากัน
เท่ากันทุกอย่าง...
ที่ไม่เท่าเราก็ควรที่จะนำมาปรับตัวเอง...
การรู้จักพิจารณาอย่างเป็นกลาง....
ทำให้ไม่ทำร้ายใครๆแม้กระทั่งใจและกายเราเอง
-
ขอบพระคุณและขออภัยหากเคยล่วงเกินสิ่งใดไว้
วันแต่ละวัน...เหมือนกัน...
ผ่านมาและก็ผ่านไป...
-
:45: ขอบคุณครับพี่เล็ก บทกวีเพราะๆครับ ทุกๆข้อความ ทุกๆอักษร มีความหมายเสมอครับ ^^ :13:
-
จะมีความหมาย...กับคนที่รู้ความหมาย
เมื่อมีความหมาย...หมายถึงมี 2 ด้านรอจำกัด
ความหมาย ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง...
จะผ่านไป ณ ยังอีกเวลาหนึ่ง เปลี่ยนแปลงไป
ความหมายแบบปัจจุบันทันด่วน...
มักจะให้ความหมายได้ยาก...
เพราะเป็นเพียงเพียงเศษเสี้ยววินาที
แต่หากนำมารวมๆกันมันก็มีความหมายขึ้นมา
ทำให้เกิดเหตุผลทั้ง 2 อย่างประกอบกัน...
รวมกันอย่างพอดีอย่างมีความหมายเป็นกลาง
:07:
-
นั่งรถผ่านร้านขายเฟอร์นิเจอร์ทุกวัน...
ทุกเช้า...เวลาเดิมจะมีสองสามีภรรยาคู่หนึ่ง
ใส่ชุดออกกำลังกายเสื้อยืดกางเกงขาสั้นรองเท้าผ้าใบ
ยืนตีแบดฯด้วยกันหน้าร้านขายเฟอร์นิเจอร์...
ผลัดกันตีลูกขนไก่ไปให้อีกฝ่าย...
ด้วยการประคับประคองลูกขนไก่อย่างมีสมาธิ
เป็นเช่นนี้ทุกวันสม่ำเสมอ...
พลันทำให้คิดต่อเมื่อรถวิ่งผ่านร้านนี้ไปแล้ว...
คิดอะไรต่อมิอะไรเยอะแยะไปหมด...
ทั้งๆที่มันผ่านไปแล้วแท้ๆ...
-
เพื่อนบ่นให้ฟังว่า เพื่อนคนนึงไม่น่าใส่ร้ายตนอย่างนั้นเลย
มันไม่ใช่ความจริงในสิ่งที่พูดมา...ทำให้ตนนั้นเสียหาย
และเป็นเดือดเป็นร้อนกับคำพูดที่เพื่อนคนนั้นพูดไป(ผ่านไปแล้ว)
อยากจะแก้นิสัยปากเสียพูดไม่ดีของเพื่อนคนนี้....
ด้วยการต่อว่าเพื่อนคนนี้ให้สำนึก...ว่าไม่สมควรพูดแบบนี้
(คิดในใจ จะเป็นมวยคู่เอกป่าวนะ ไม่มีใครชอบโดนใครต่อใครต่อว่า)
ไม่ลดลาวาศอก...ก็เจอศอกจนได้...แต่ถ้าไม่ศอกกลับซะบ้าง
ก็ทำให้ได้ใจและไม่รู้จักที่จะปรับปรุงเรื่องพูดไม่จริง...(รู้ไม่จริงจึงพูดเพราะนิสัยเป็นคนพูดตรง)
หากคนเราพูดกันด้วยเหตุและผล...โดยไม่ใช้อารมณ์เป็นที่ตั้ง
ทุกอย่างก็คงสงบดี...แต่ถ้ามีอารมณ์แล้วล่ะก็...ทะเลทุกข์เดือดปุดๆ
ก็จะกลายเป็นพายุที่น่ากลัว...กระหน่ำใจกายเราได้ตลอดเวลา
-
เพื่อนพี่เล็กหาเรื่องทุกข์ใจให้พี่เล็กเนาะ พี่เล็กทุกข์ผมเลยทุกข์ตามเลย
บางเรื่องเราก็ช่วยเค้าไม่ได้หมดครับ แต่ละคนมีคนละมุมมอง
เป็นเราไม่ใช่เค้า ทุกคนมีเหตุและผลต่างกัน
บางครั้งสาเหตุอาจไม่ใช่อย่างที่เราคิดว่าเป็นก็ได้
หลายครั้งที่ผมคิดผิด และทำให้ตัวเองเดือดร้อน
ช่วยได้เท่าที่ช่วยครับพี่เล็ก เราเต็มที่แล้ว
เป็นกำลังใจให้เพื่อนพี่เล็กครับ
-
คือทุกข์ตอนที่คุยกับเพื่อนคนนี้แป๊บนึงนะ
ตอนที่บอกเพื่อนไปว่า...
ก็ตามใจ...อยากจะทำอะไรก็ทำไป
ไปต่อความยาวสาวความยืด
กับคนที่ไม่ยอมจบง่ายๆไม่เข้าใจอะไรง่ายๆ
สุดท้ายจากเรื่องไม่เป็นเรื่อง...
มันก็จะกลายเป็นเรื่องขึ้นมานั่นเอง...
บ่อยครั้งจากเรื่องเล็กๆสร้างจนมันเป็นเรื่องราวใหญ่โต
ก็เพราะเราห้ามใจอดใจไม่ไหวนี่แหละนะ...
ไม่ได้ติดตามต่อว่าเพื่อนไปเคลียร์ยังไงกับเพื่อนอีกคนนะ
ตัวใครตัวเผือกหน่ะ...กรรมใครกรรมมัน...
เมื่อวานยังเห็นกันอยู่หลัดๆ
วันนี้ทำไมรีบจากกันเร็วเกินไป
เกิดทุกข์ได้ก็ดับทุกข์ได้...
หากเอามาคิดให้มันหนักมันทุกข์
มันก็ทุกข์มันก็หนัก...
ก็เลยวางมันจนกลายเป็นลืมมันไป
คราวนี้ไปจับเรื่องเพื่อนอีกคนมาคิดต่อ
เพื่อนคนนี้ติดการพนัน...
พอมีหนี้ก้อนนึง...คิดจะเล่นพนันเพื่อลบหนี้
ยิ่งเล่นยิ่งจม....หนี้ยิ่งก้อนใหญ่ขึ้นๆ...
คือคิดจะลบหนี้ทางลัด...
คิดว่าถ้าทำงานจะได้เงินน้อยกว่าเล่นพนัน
เพราะเคยได้เงินจากการเล่นพนันมันล่อใจ
เพราะเคยได้เงินจากการทำงานน้อยกว่าเหนื่อยกว่า
จึงคิดผิดคบเพื่อนผิดเข้าใจผิดๆ...
สุดท้ายเพื่อนคนนี้ก็ต้องหนีหนี้....
แล้วก็ทำให้แม่ต้องเดือดร้อนใจ...
เพราะเจ้าหนี้ไปตามทวงที่บ้าน...ทวงกับแม่
ก็ต้องหนีหัวซุกหัวซุนไปที่อื่น...
แม่เองก็ทุกข์บอกกับเจ้าหนี้ว่าไม่มีปัญญาใช้หนี้ให้
ที่มีอยู่ก็คงเอาไว้จัดงานศพตัวเอง...
ทำให้ย้อนกลับไปคิดถึงคนที่ติดการพนันหลายๆคน
ล่มจมเพราะการพนันหลายๆราย...เล่นอย่างไม่มีสติ
จึงต้องโดนผีพนันหลอกให้หลงจนหน้ามืดตามัว
อืม...ครั้งนึง...เราเองก็เคยประชดเล่นการพนัน...
ตอนที่เล่นมันสนุกได้ลุ้นแล้วก็ทำให้โลภอยากได้(ไม่อยากเสีย)
ผีข้างในมันหลอน...โดนกิเลสมันใช้ลากไปลากมา...
ไม่รู้ตัวว่ากำลังตกเป็นทาสของการเล่นพนัน...
มีแต่คิดว่าจะได้จะมีลืมคิดไปว่ามันก็มีเสียและสร้างหนี้ทำลายเราแค่ไหน
เอาล่ะมันผ่านมาแล้ว...รู้แล้วอย่าเผลอไปเล่นอีกล่ะ...
บางครั้งรู้แล้ว...ถ้าอดใจไม่ไหว...มันก็ต้องตกเป็นทาสอีกนั่นล่ะ :36:
-
นับตั้งแต่เกิดมาจนขณะนี้...
อยากขอบคุณทุกคนมากมาย
อยากขอบคุณธรรมชาติ....
อยากขอบคุณตัวตนฉันที่เป็นแบบนี้
ฉันดีใจที่ได้เกิดมาใช้ชีวิตแบบนี้
ทั้งๆที่แต่ก่อนฉันไม่เคยพอใจกับมันเลยสักนิด
แม้บางครั้ง...ฉันจะเผลอไม่พอใจอีกก็ตาม
แต่มันก็เป็นเพียงเบาบางเล็กน้อยไม่เหมือนที่ผ่านมา
ในอดีตที่ฉันไม่เคยพอใจในสิ่งที่ฉันเป็นเลยสักนิด
ฉันมัวไปโทษคนอื่นสิ่งรอบข้างทำให้ฉันเป็นแบบนี้
แต่ความเป็นจริง...มันเป็นเพราะฉันเองแหละ...
ที่ทำให้เป็นเช่นนี้...ฉันพยายามไม่โทษตัวเองร่วมด้วย
แต่ก็มีหลายครั้งที่ต้องยอมรับว่ามันเป็นเพราะฉันเอง...
ฉันเอง...ที่ทำให้สิ่งต่างๆเกิดขึ้น...ถ้าไม่มีฉัน...
สิ่งต่างๆเหล่านั้นคงจะไม่มีผลอะไรให้มีความเป็นไปเลย
-
:13: ครับพี่เล็ก^^ ขอบคุณครับ
-
ได้เห็นพ่อลูกคู่หนึ่งกำลังสนทนากัน...
พ่ออายุประมาณเกือบ 60 เผลอใส่รองเท้าผิดข้าง
ลูกชายอายุประมาณ 20 กว่า รีบบอกพ่อ...
ว่าพ่อใส่รองเท้าผิดข้าง รีบเปลี่ยนให้ถูกเถอะ...
พ่อก็ทำตามลูกอย่างเขินๆ แล้วก็สนทนากันต่อไป
ทำให้คิดย้อนกลับไปยังอดีตของพ่อลูกคู่นี้...
ลูกชายตอนเป็นเด็กๆนั้นจะต้องใส่รองเท้าผิดข้างเป็นแน่
และผู้เป็นพ่อก็คงต้องพร่ำสอนให้ลูกพยายามใส่รองเท้า
ให้ถูกข้าง...ความใส่ใจกันแบบนี้ถูกย้อนกลับมา....
เพียงแต่กลับหน้าที่ในการแสดงความเอาใจใส่นั่นเอง
-
ใบไม้ร่วงหล่นลงมา...
คนกวาดก็กวาดกันไป
ใบไม้ร่วงหล่นหมดเมื่อไหร่
คนกวาดใบไม้แหงนมองดู...
เป็นเหมือนทุกปีที่เวียนวน...
ใบไม้ร่วงหล่นผลัดใบเติบโต
คนกวาดแก่ลงผลัดเปลี่ยนกันไป
-
ผู้ให้ผู้เสียสละ...จิตใจสูงมีเมตตา :19:
มักไม่ค่อยคิดถึงตัวเองเท่าไหร่นัก...
แต่จะคิดถึงตัวเองก็ต่อเมื่อ...
ตัวเองนั้นยังมีประโยชน์สำหรับผู้อื่นนั่นเอง
ความลำบากความเหนื่อยยากแค่ไหน...
ไม่ใช่อุปสรรคหรือปัญหาของผู้มีใจสูงเลย
เห็นแล้วทำให้ต้องพัฒนาใจตัวเอง...
เกิดการเปรียบเทียบขึ้นระหว่างเขาและเรา
ทุกสิ่งทุกอย่างจะดีขึ้นหรือแย่ลง...
มันก็เพราะใจเรานำพาไปในทิศทางใด
ทิศเหนือออกตกหรือใต้ก็เลือกแสวงหาไป
สุดท้ายศูนย์กลางนั้นกลับให้ถูก...
การแสวงหานั้นจึงได้เห็นเหตุและผล
ด้วยความเป็นกลางเป็นธรรมเห็นตามความเป็นจริง
-
เมื่อมีโอกาสได้มองดูความสุขของคนอื่น
ทำให้เราอยากมีความสุขเหมือนเขาเหล่านั้น
ทั้งๆที่ความสุขที่เราเห็นนั้นมันไม่จีรังยั่งยืน
สุขที่แท้จริงมันไม่ใช่เพียงเกิดขึ้นแค่ชั่วคราว
เมื่อมองไปถึงอนาคตความคิดก็ฟุ้งไปไกล
ความสุขที่เราดูอยู่นี่เป็นเพียงความไม่แน่นอน
มันผันผวนอยู่ตลอดเวลาพร้อมที่จะสลับเอาทุกข์
กลับเข้ามาพัวพันได้ทุกเวลาทุกลมหายใจเข้าออก
หากหลงกลความสุขจอมปลอมเข้าแล้วล่ะก็...
ทุกข์จอมปลอมทั้งหลายก็คงจะรออยู่เช่นกัน...
เตรียมใจไว้ให้ดี...เปิดประตูรอรับมันได้เลย...
ก๊อก ก๊อก ก๊อก เปิดประตูสิจ๊ะ ต้อนรับฉันหน่อยคนดี :36:
-
เด็กอายุ 6 ขวบ ทำการ์ดอวยพรให้พ่อด้วยตัวเอง
โดยมีคุณครูช่วยแนะนำ แล้วก็ส่งให้พ่อพร้อมกับ
กราบเท้าพ่อ เพราะคุณครูช่วยสอนให้ทำ...
เด็กแค่นี้ ยังสอนเราให้รู้จักกราบว่าต้องกราบอย่างไร
แยกการกราบมีแบบชายและหญิงพร้อมกับ
ทำท่าไหว้ท่าผู้หญิงด้วยอาการเขินๆให้ดูเป็นตัวอย่าง
เด็กแค่นี้สอนให้เรารู้จักที่จะทำความดี...
กราบให้เราดูเป็นตัวอย่าง...ทั้งๆที่เราไม่เคยทำได้เลย
โตมาจนป่านนี้แล้ว...ได้โอกาสก็ทำเลย...
เพราะมันผ่านโอกาสแบบนี้มาเนิ่นนานเท่าไหรแล้ว
เมื่อได้เห็นเด็กน้อย 6 ขวบ กราบไปที่เท้าพ่อ...
ทำให้ย้อนกลับมาถามตัวเราเองว่า...เด็กยังทำได้
อายเด็กมั๊ย...เด็กซื่อไร้เดียงสา"ไร้ยางอาย"...
ผู้ใหญ่ "ไร้ยางอาย" คำเดียวกัน แต่ความหมายต่างกัน
-
:13: :45: :07: :45:
-
บางครั้งอดีต...ก็เป็นความชุ่มชื่นใจ
ทำให้ชีวิตไม่แห้งแล้งและต่อสู้ต่อไป
กับลมหายใจที่ยังมีอยู่ในปัจจุบัน...
ความทรงจำดีๆเหล่านั้น...
เป็นพลังผลักดันด้านบวกเพิ่มกำลังใจ
สิ่งดีๆยังมีอยู่...สิ่งดีๆยังไม่จางหาย
สิ่งดีๆไม่เคยจะมลาย...มีมากมายเกินเอ่ยมา
สิ่งดีๆแม้ว่าอาจพันผูก...แต่สิ่งดีๆปลูกให้ใจเติบใหญ่
สิ่งดีๆเป็นบทเรียนมีคุณค่าทางใจ...
สอนให้เราทำสิ่งดีเหมือนในอดีตที่ผ่านไป
-
โดนัทมีรู เป็นห่วง
ใจคนเราก็มีรู...มันจึงเป็นห่วงได้ :19:
ถ้าใจไม่มีรู...ก็ไม่ต้องเป็นห่วง :14:
-
:13: ใจคนเรามีทั้งรู มีทั้งห่วงครับพี่เล็ก ขอบคุณครับพี่เล็ก^^
-
โดนัทตัวเองมีรู...
แต่กลับไม่ยอมกินโดนัทตัวเอง
กลับไปกินโดนัทคนอื่น...
ไปเห็นรูโดนัทคนอื่น...
กลับมาเห็นรูโดนัทตัวเอง
กลับมาซ่อมแซมโดนัทตัวเอง
กลับมาอยู่กับรูโดนัท :12:
รูไหนๆก็รูเดียวกัน....
รูไหนๆก็คือรู...
เพราะเราเองไปเห็นว่ามันแตกต่าง
สุดท้ายเรานี่แหละแตกต่างไปเอง :06:
-
มันผ่านไปแล้ว...ความรู้สึกที่แสนทรมาน
ตอนที่มันรู้สึกเช่นนั้น...เพราะรู้สึกไม่พอใจ
ตัวตนของเรามันถูกกระทบกระแทก....
แม้จะรู้สึกว่าถูกคนอื่นนั้นจ้องเบียดเบียนทำร้ายเรา
แต่ที่แท้จริง...มันคือตัวตนเราเองนั่นแหละ...
ที่ทำร้ายตัวเอง....เบียดเบียนตัวเองอยู่ตลอดเวลา
แต่แล้วเราก็ทำร้ายตัวเองไม่ได้ตลอดเวลา...
กลับมาอยู่ ณ ตรงนี้....ความรู้สึกผ่านไปและก็ผ่านไป
-
ความจริง...มันก็คือความจริง
ความจริงมันไม่ได้มีอะไรมากมาย
แต่เพราะไม่จริงมันจึงมีอะไรเยอะแยะ
เราสร้างความไม่จริงออกมา...
ความไม่จริงมันก็เลยกองเบอเลิ่มเทิ่ม
สุมอยู่ในหัวให้เราหนักให้เราแบกมันเล่นซะงั้น
เราก็แบกมันเพราะเคยชินแบกมานานแล้ว
บางทีถึงจะวางมันได้บางครั้งก็ตาม
แต่...เผลอปุ๊บรีบเอามาแบกไว้ทุกที
-
เวลา...มันผ่านไปอีกแล้วสินะ
อายุ...ก็มากขึ้นอีกแล้วทุกวัน
ความดีความชั่ว...ก็ผลัดกันไปๆมาๆ
เงิน...ก็ยังต้องการเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ความคิด...ก็รู้มากขึ้นไปเรื่อยๆ
ความอยาก...บางอย่างก็ลดลง
แต่ความอยาก...บางอย่างก็มีมากขึ้น
ความเสื่อมของสังขาร...ก็เสื่อมลงทุกวินาที
-
อดีตของวันนี้...ผู้หญิงคนหนึ่ง
อุ้มท้องเดินไปคลอดเด็กคนหนึ่ง
ขอทหารไปคลอดเอง...
แล้วก็กระเตงอุ้มลูกกลับเอง...
ขอบพระคุณผู้หญิงคนนั้น...
ผู้มีพระคุณล้นเกินพรรณนา...
ยอมเจ็บยอมทนยอมทำทุกอย่าง
เพียงเพื่อเห็นลูกเป็นสุขใจ...
"ความรัก"และ"ความเมตตา"
ทำให้เป็นไปเช่นนี้...
ขอบพระคุณท่านแม่จากใจ
รักแม่...จะทำดีเพื่อแม่....
จนกว่าลมหายใจจะหมดไป :19: :07:
-
สายเลือด...ย่อมข้นกว่าน้ำ
ขอบพระคุณพ่อแม่ผู้ให้กำเนิด
ขอบพระคุณพี่น้องร่วมเกิดกันมา
ขอบพระคุณผู้มีพระคุณให้ความกระจ่าง
ขอบพระคุณเพื่อนร่วมเกิดแก่เจ็บตาย
ขอบพระคุณตัวเองที่เป็นมาตั้งแต่เกิดจนกระทั่งบัดนี้
-
กระเป๋าใหม่สมัยอดีต...
บัดนี้...เก่าขาดยับเยิน...
เพราะใช้งานมันหนักสาหัส
มันจึงมีสภาพเป็นอย่างนั้น
กระเป๋าใบใหม่...ณ ขณะนี้
บัดนี้...มาทดแทนใบเก่า...
คงอีกไม่นาน...มันก็เหมือนเดิม
ดีใจกับความใส่ใจของเธอ... :19:
-
ชอบหลอกตัวเอง...
พาลชอบไปหลอกคนอื่น
ไม่แสดงความจริงใจออกไป
ชอบเก็บงำความรู้สึกที่แท้จริง
ไม่เปิดเผยธาตุแท้ลึกๆในใจ
กลัวเสียฟอร์มทั้งๆที่ไม่มีฟอร์มให้เสีย
ปิดบังความอยากไม่ให้ใครรู้...
แต่พอเผลอก็แสดงความอยาก
โดยคิดว่าไม่มีใครรู้ไม่มีใครเห็น
สุดท้ายก็มีเรานี่แหละที่รู้ที่เห็นตลอดมา
-
คนไม่สบาย...ก็ต้องการกำลังใจ
ร่างกายไม่สบายพาลทำให้ใจไม่สบายไปด้วย
เพราะเราเอาใจเราไปยึดติดไว้กับร่างกาย
แถมบางครั้ง...ใจเราก็ไปยึดสิ่งภายนอก
พาลยิ่งทำให้ใจและกายไม่สบายเพิ่มไปอีก
เพราะเราไปเห็นคนอื่นเค้าสบายกว่าเรา...
เพราะเราหวาดกลัวกับความไม่สบายที่เกิดขึ้นกับเรา
เมื่อใดก็ตาม...ที่เราได้รับความช่วยเหลือจากภายนอก
ภายในเราก็หมดความหวาดกลัว...
ความเข้มแข็งที่อยู่ภายในก็จะสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมาทันที
ทั้งๆที่เราสามารถสร้างมันขึ้นมาได้เองทุกขณะ...
แต่เราก็ต้องการที่จะพึ่งพาจากสิ่งภายนอก...
เพราะเรายังไม่รู้จักวิธีที่จะสร้างขึ้นมาด้วยตัวเราเอง
-
การปลดล๊อค...
ทำอะไรที่คิดว่าทำไม่ได้
เปิดประตูไปสู่อิสระ...
หลังจากขังตัวเองอยู่กับความกลัว
แต่สุดท้ายเมื่อได้รับอิสระ...
ต่อจากนี้มิใช่กลัว...
แต่เป็นรู้...เป็นความรู้
ความเข้าใจในการใช้ชีวิตที่ยังเหลือ :14:
-
โคร๊มมมม...รถชนกัน
โผล่ไปสังเกตการณ์...
คิดแว๊ปมาคนที่ถูกชน
จะเป็นคนที่เรารู้จักไหมนะ
คิดอีกทีขอให้คนที่ถูกชนรอดนะ
ห่วง...ความเป็นห่วงไม่เท่ากัน
ถ้าเป็นคนที่เรารู้จักจะยิ่งห่วง
แต่ถ้าเราไม่รู้จักความห่วงก็ลดน้อยลงไป
แสดงความมีตัวตนออกมา...
บ่วงพันธนาการที่มีต่อตัวตนตัวเอง
พาลไปยึดเกี่ยวพันสิ่งภายนอกรวมไปด้วย
-
เพราะมัวไปมองความไม่ดีของคนอื่น
อยากจะแก้ไขสิ่งไม่ดีของผู้อื่น...
จนมองข้ามสิ่งที่ไม่ดีของตัวเอง...
และก็ลืมแก้ไขสิ่งไม่ดีของตัวเองไป
เจตนาดีที่จะแก้ไขผู้อื่นนั้น...
ก็ควรเจตนาดีที่จะแก้ไขตนเองก่อน :23:
-
นั่งฟังชีวิตของคนอื่น
ทุกข์กับการต้องพลัดพราก
ทุกข์กับความไม่รู้ไม่มีสติ
ทุกข์กับการมองสิ่งนั้นไม่รอบ
ทุกข์ที่เกิดจากความเชื่อมั่นในความคิดตน
ทุกข์ที่เกิดจากนิสัยสันดานเดิมของตัวเอง
ทุกข์จากการประชดประชันอยากเอาชนะ
ทุกข์จากความหวงแหนความเกลียดชัง
ทุกข์จากความอิจฉาริษยาไม่อยากให้ใครได้ดีไปกว่าตน
ทุกข์เหล่านี้...กิเลสรักโลภโกรธหลงพาใจเราดิ่งจมไป
เมื่อใดที่เราเผลอขาดสติ...เมื่อนั้นทุกข์เหล่านี้จะเข้ามาทันที
กลับมาทบทวนชีวิตตัวเอง...
กลับมาระวังใจตัวเอง...
กลับมาคิดพูดทำให้ดี...
กลับมาฝึกสติให้รู้เท่าทันความเป็นไป
กลับมาขจัดกิเลสทั้งหยาบและละเอียดให้เบาบางลงไป
กลับมาทำหน้าที่ทางโลกให้ดีที่สุด
กลับมาอยู่กับทางธรรมตามปกติ
กลับมาอยู่ตามกฎธรรมชาติ
เป็นทุกข์ไม่เที่ยงล้วนไร้ตัวตน :34:อู่ยเจ็บ :38:
-
"พัก...ผ่อน"
บางทีเราก็ต้องการ "พัก"
บางทีเราก็ต้องการ "ผ่อน"
เพราะว่าเราทำอะไรไม่พอดี
เพราะว่าเราเอาอะไรเข้ามาเป็นบ่วงหนี้
พอมันไม่พอดีมันเป็นบ่วงหนี้...
เราจึงต้องพัก...เพื่อให้มันพอดี
เราจึงต้องผ่อน...เพื่อปลดหนี้ :06:
-
รอ...อาการนี้จะเกิดขึ้นได้...
ก็ต่อเมื่อมีเหตุปัจจัยเข้ามาเกี่ยวข้อง
ก็อยู่มันไปอย่างนั้นแหละ...
ไม่ต้อง...รอ
ไม่ต้อง...เล่า
ไม่ต้อง...เฝ้า
ไม่ต้อง...เอา
ไม่ต้อง...แต่
ไม่ต้อง...รอ :38:
-
ความรู้สึกต่างๆที่เกิดขึ้น
เพราะว่าเราไปให้ค่ามันเอง
เราดันไปจำอดีตได้...
นำมาเป็นผลในปัจจุบัน...
แล้วยังดันไปคาดหวังอนาคต...
สรุปคือ...เป็นทุกข์ไปเพราะไม่พอใจที่เป็นอยู่
แต่เมื่อทุกอย่างผ่านพ้นไป...
จะยังวนกลับอยู่แบบนั้นอีกหรือไม่
คำตอบอยู่ที่เราเลือกว่าจะทำกับตัวเองยังไง
-
:45: ขอบคุณครับพี่เล็ก อ่านกลอนย้อนเตือนสติดีครับพี่เล็ก :13:
-
ไปดูสิ่งภายนอก...
ต้นคริสมาสต์ยักษ์ประดับประดา
คุณซานต้าใจดีนั่งยิ้มส่งมา
บรรยากาศสุขสบายสบาย
เด็กน้อยไร้เดียงสา
แสดงท่ามกลางมายาสดใส
ตอบคำถามออกไป
ด้วยน้ำใจเอื้ออารี
โตขึ้นอยากช่วยเหลือ
จุนเจือผู้คนเมตตา
สุดท้ายโตขึ้นมา...
ความเมตตานั้นเจือจาง
ชีวิตที่พอเพียง...
ผู้รู้รอบย่อมส่งเสริมเพื่อทำตาม
มีกินมีใช้ยั่งยืนนาน
ขยันอดทนและพอดี :38:
-
จะทำอะไรทั้งที...
อยู่ที่ความตั้งใจ...
จะทำได้สำเร็จหรือไม่
ก็อยู่ที่จะทำหรือไม่ทำ
-
อ่านหนังสือเล่มนึง ชื่อ "บวชแล้ว...ไม่ได้อะไร!"
ธรรมะเบาๆ ขณะจำพรรษา ณ วัดไกลกังวล
โดย วิชชา ตุลยาทร
ตั้งชื่อหนังสือ มีเหตุผล 2 ประการคือ
1. ในเชิงรูปธรรม พอเราบวชและสุดท้ายลาสิกขาออกไป
จะต้องคืนสิ่งของคืนให้กับทางวัดหรือถวายพระรูปอื่นไปทั้งสิ้น
เพราะถือว่าของเหล่านั้นเป็นของสงฆ์ เราเป็นฆราวาส
ไม่ควรนำติดตัวไป ดังนั้นเราย่อมไม่มีสิ่งใดๆที่จะติดตัว
ออกไปเลย ดังนั้น บวชแล้ว...ไม่ได้อะไร
2. ในเชิงนามธรรม แนวคำสอนพระพุทธเจ้า ทรงสอนให้เรา
ละกิเลส ตัณหาให้ออกจากใจ ให้เรารู้เท่าทันความไม่เที่ยง
ของสังขาร ดังนั้น การมาบวช จึงถือเป็นการที่เรามาละ
เอาสิ่งเหล่านี้ออกไป เมื่อเราสึกออกแล้ว เราก็ไม่ควร
จะนำสิ่งที่เราละแล้วเหล่านี้ติดกลับออกไป
ธรรมะที่ประเสริฐที่สุด คือ ธรรมะอันเกิดจากการปฏิบัติ
และรู้ได้ด้วยตนเอง ธรรมะนั้นจะวิเศษเหนือสิ่งอื่นใด
แก่นพระพุทธศาสนา พระพุทธเจ้าสอนหนทางแห่งการดับทุกข์
นั่นคือ อริยสัจ 4
1. ทุกข์ คือ สภาพที่ทนได้ยาก ภาวะที่ทนอยู่ในสภาพเดิมไม่ได้ สภาพบีบคั้น
2. สมุทัย คือ สาเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์
3. นิโรธ คือ ความดับทุกข์ ได้แก่ ดับสาเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์
4. มรรค คือ แนวปฏิบัติที่นำไปสู่หรือนำไปถึงความดับทุกข์
ความเป็นธรรมดาของชีวิต 5 ประการ
1. เกิดมาแล้วจะต้องแก่เป็นธรรมดา
2. เกิดมาแล้วจะต้องเจ็บเป็นธรรมดา
3. เกิดมาแล้วจะต้องตายเป็นธรรมดา
4. เกิดมาแล้วจะต้องพลัดพรากจากของรักเป็นธรรมดา
5. เกิดมาแล้วจะต้องเป็นไปตามกฎแห่งกรรมเป็นธรรมดา
ปกด้านหลังมีข้อความทิ้งท้ายไว้ดังนี้
"อย่าบอกให้คนอื่นทำ ในสิ่งที่เราก็ยังทำไม่ได้"
"อย่าตำหนิสิ่งที่ผู้อื่นทำ ในสิ่งที่ตัวเราก็ยังทำ"
ขอบพระคุณคุณวิชชา ตุลยาทร :07:
-
:13: ขอบคุณครับพี่เล็ก อนุโมทนาครับ
-
ขอโทษนะ...
ที่มีแต่ความเฉยชา...
ขอโทษนะ...
ที่ไม่มีอะไรจะคุยกัน
ขอโทษนะ...
ที่ต้องเป็นแบบนั้น
ขอโทษนะ...
ขอให้เข้าใจกันก็พอ
แม้ว่าฉันเองก็ยังไม่เข้าใจตัวเองก็ตาม :16: :14:
-
ยกโทษให้ด้วยนะ...
ที่หลงคิดเข้าข้างตัวเอง
ยกโทษให้ด้วยนะ...
ที่แอบคิดอะไรเกินจริง
ยกโทษให้ด้วยนะ...
เพราะทุกอย่างไม่เป็นอย่างที่ต้องการเสมอไป
-
เรานี่...ก็โง่เหมือนกันนะ
มีอะไรไม่รู้อีกเยอะแยะ
ทำอะไรก็ไม่พอเหมาะพอดี
ดื้อด้านทำอะไรเอาแต่ใจ
ไม่เสมอต้นเสมอปลาย
เอาแต่ได้ไม่ค่อยให้...
ไม่ค่อยระวัง... :24: :11: :13:
-
ช่วงนี้ฝันอะไรเป็นตุเป็นตะแหะ :36:
-
ช่วงเวลาทำใจ...
ค่อยๆตัดใจไปทีละนิด
แต่ความรู้สึกดีๆที่ผ่านมานั้น
ยังคงขอบคุณเสมอ...
แม้ว่าจะไม่ได้อยู่ด้วยกัน
แต่ว่าแค่นั้น...ก็พอใจ
จากกันด้วยดี...ขอให้เธอมีความสุข :08:
-
จะจากกันด้วยดี หรือจากกันด้วยไม่ดี
เราก็ต้องจากกันอยู่ดี...
ไม่ว่าสิ่งใดๆ หรือใครในชีวิตของเราก็ล้วนของชั่วคราว
มาแล้วก็ไป....
ยิ้มน้อยในใจ แล้วก็หายใจเข้าและออกอย่างสุขใจต่อไปค่ะ...
:13:
-
:13:สุขแล้วก็วนกลับมาทุกข์ :38:
จะทำร้ายใจกันแบบนี้อีกนานมั๊ย?
หา หา หา ถามจริง อีกนานมั๊ย? :27: :11: :47:
-
และแล้วทุกข์นั้น...
ก็ผ่านพ้นไปอีกแล้ว
และแล้วทุกข์โน้น...
ก็แวะเวียนวนกลับมาอีกแล้ว
เมื่อไหร่จะยอมพอซักที
ไม่อยากหนีไม่อยากเจอ
ก็เพราะไม่อยากนี่แหละ...
อยากก็ทำให้ทุกข์...
ไม่อยากก็ทำให้ทุกข์...
เบื่อๆอยากๆอยู่นี่แหละ :38:
-
:01: :37:สงสัย...
ฉันเกรียนมั๊ย?...
ใครช่วยตอบฉันที...
ไม่รู้จักตัวเอง...
ใครจะรู้จักเราล่ะ...งานเข้า :38:
-
:13: อย่าคิดมากครับ ก็แค่ฉายา ส่วนตัวผมไม่ได้คิดว่ามีใครถูกผิดนะ เพราะชีวิตคนเราสั้นๆเอง
เราโชคดีนะ ที่ได้เห็นความเป็นไปของผู้คนข้างๆเรา มีหลากหลาย มันเป็นธรรมชาตินะผมว่า ^^
-
อืม...โชคดี
ใช่...โชคดี
เกิด...โชคดี
แก่...โชคดี
เจ็บ...โชคดี
ทุกข์...โชคดี
รู้...โชคดี
ไม่รู้...โชคดี
ตาย...โชคดี :06: :45:
-
ปีเก่าปีนี้กำลังจะผ่านไปแล้ว
มันเป็นแบบนี้มาหลายปีแล้วล่ะ
เริ่มปีใหม่หลายปีแบบนี้หลายปีแล้ว
บางสิ่งบางอย่างก็ยังเหมือนเดิม
แต่ก็มีบางสิ่งบางอย่างที่เปลี่ยนแปลงไป
ย้อนกลับมาทบทวนตัวเอง...
พอใจนะกับปัจจุบันนี้ที่ไม่ต้องมีทั้งเก่าและใหม่
แต่...ก็ยังมีที่ไม่พอใจอยู่นะ...
แต่ความไม่พอใจนั้นมันก็จะหายไปในที่สุด
เพราะความพอเพียงกลับเข้ามาแทนที่จนเราพอใจ
-
มีเหตุการณ์มาทดสอบความโลภของเราอีกแล้ว
เฮ่อ...รักพี่เสียดายน้อง...
สุดท้าย สัจจะ ต้อง เป็น สัจจะ...
ต้องตัดทิ้งไปสักอย่าง...ทั้งๆที่เสียดายมากมาย
แต่รู้นะ...ว่าโลภ ว่าอยากได้สิ่งที่ดีกว่า
แต่ว่า...ต้องทำตามความเหมาะสม...
โลภมากไม่ดีจริงๆ...นิสัยไม่ดี เห็นแก่ได้
เห็นแก่ตัว จะเอาแต่ได้อย่างเดียว...
สุดท้ายโลภมาก ลาภก็เลยหาย...
อยากได้ทั้งหมด...ก็อาจจะเสียทั้งหมด
-
ไม่อยากจะคิดถึง...
แต่ก็ยังคงคิดถึง...
อยากจะคิดถึง...
แต่มันก็ลืมคิดถึงไปบ้าง
ดีแล้วล่ะ...เป็นแบบนี้
ดีที่สุดแล้ว...ดีที่สุดเลย
-
ทำไม...ทุกคนถึงดีกับเราแบบนี้นะ :11:
ทำไม...เราได้เจอคนดีๆแบบนี้นะ :08:
ไม่อยากสงสัยหรอกนะ...หายสงสัยแล้ว
แต่ยังไม่หมดสงสัยนะ...แว๊ปๆขึ้นมา...
แล้วก็แว๊ปๆหายไป...ขอบพระคุณเธอนะ :07: :19: :13:
-
อยาก...ทำสิ่งดีๆ...ตอบแทนเธอ
ให้เธอ...ได้ชื่นใจ...ระหว่างที่ยังมีลมหายใจอยู่
ระหว่างที่เรายังมีโอกาสได้พบกันอยู่...
ถึงรู้ว่า...เวลามันเหลือน้อยลงไปทุกขณะ...
เราทำดีที่สุดแล้ว...ถึงเวลาจากกัน...
เราก็จากกันด้วยดี...ขอบคุณสิ่งดีๆบนโลกใบนี้ :19:
-
ระยะห่าง...อย่างพอดี
อยู่อย่างนี้...อย่างพอใจ
-
นอกจากความรักระหว่างคู่รัก...
ความรักอีกหลายแบบ...
ก็สามารถเป็นน้ำชโลมใจ
หล่อเลี้ยงให้ใจได้ชุ่มชื่นเบิกบาน
เธอ...ก็ทำให้หัวใจฉันได้รู้สึกแจ่มใส
สิ่งดีๆที่เธอให้มา...รู้สึกถึงความดีงาม
ของจิตใจเธอ...ฉันสัมผัสได้นะ...
จิตใจเธอนั้นช่างดีงามจริงๆ...
ขอบคุณที่เราได้พบเจอกัน...
ขอบคุณที่เธอมอบแต่สิ่งดีๆให้กันเสมอมา
-
เห็นรักกัน...ก็ยินดีกับเขาด้วย
และจะช่วย...เป็นกำลังใจ...ให้
หากทุกอย่างนั้นต้องเปลี่ยนแปลงไป
เพียงจำไว้...ว่าวันนี้เรายังเป็นเพื่อนกัน
-
ความหวาน...หวานเกิน...มันก็เลี่ยน
อยากอาเจียน...หวานเกิน...เบื่อจริงหนอ
หวานลด...จืดเข้า...ขมก็รอ...
หากไม่ท้อ...อดทน...ผ่านพ้นเอง
(หง่ะ จะเขียนไดอารี่ กลายเป็นกลอนไปได้ไงหว่า เง็ง :01: :37:)
-
บางที...รู้สึกว่าเหมือนรู้อะไรบางอย่างล่วงหน้า
เคยเป็นกันบ้างมั๊ยนะ...บางทีก็เผลอพูดออกไป
แล้วมันก็เป็นจริงด้วยล่ะ...แต่บางทีก็ต้องเก็บไว้
ในใจ...เพราะบางทีมันก็เกิดการผิดพลาดขึ้นล่ะ
รอดูต่อไป...ว่าความรู้สึกที่เกิดขึ้น...
มันจะตรงกับความรู้สึกที่สื่อมาให้รับรู้หรือป่าว
ช่างมันเถอะ อะไรจะเกิด มันก็ต้องเกิด...
เมื่อมันเกิด...มันก็ต้องดับ :25:
-
เมื่อเราคาดหวัง...
แล้วไม่ได้ตามที่คาดหวัง
เสียความรู้สึกเลยงานนี้
เมื่อเราไม่ได้คาดหวัง...
มันกลับได้เกินความคาดหวัง
รู้สึกดีมากมายเลยงานนี้
เมื่อเราคาดหวังแต่เผื่อใจไว้...
เมื่อเราได้ตามที่คาดหวังก็เฉยๆ
เมื่อเราไม่ได้ตามที่คาดหวังก็เฉยๆ
เพราะเราเผื่อใจไว้ทำใจไว้แล้วงานนี้
-
เพราะความรู้สึกนี่แหละ
มันทำให้เราบ้าๆบอๆ
ถ้าบทไม่ชอบ...ก็พาล
ถ้าบทจะชอบ...ก็หลง
-
ตอนนี้ที่ทุกอย่างยังไม่เกิดขึ้น
อยากให้มันเกิดอย่างนั้นอย่างนี้
และเมื่อยังไม่เกิดขึ้นแล้วคิดว่า
มันเกิดขึ้นอย่างนั้นอย่างนี้แล้ว
ก็ลังเล...กลัวนั่นกลัวนี่
ทั้งๆที่ยังไม่ได้เกิดขึ้น...
แต่ความคิดเกิดขึ้นก่อนแค่นั้นเอง
-
บันทึกความดีของคนรอบข้าง...
ป้าหน่อย...ให้ของขวัญปีใหม่กุ๊งกิ๊งๆ ดีใจ
เพื่อนที่ทำงานด้วยกัน...
ตามใจช่วยเหลือแบบน่ารักดีจัง
แม่...ทำกับข้าวให้อีกเหมือนเดิม
พ่อ...วันนี้อารมณ์ดีเป็นพิเศษ
พี่ที่ทำงานให้อภัยไม่โมโหเมื่อเรา
ขอโทษยอมรับว่าเราผิด...
แถมว่าช่วยเหลืองานให้อีกใจดีจัง
-
ความดีของคนรอบข้าง...
ที่เราไม่รู้จัก...
แต่เราก็ได้รับความดีของเขาเหล่านั้น
ผ่านสิ่งที่สื่อผ่านออกมา...
ด้วยความตั้งใจอย่างเต็มกำลัง
สิ่งดีๆแม้จะเป็นเพียงมุมเล็กๆ
แต่เราก็ค้นหาจนเจอ...
และพยายามขยายให้สิ่งดีๆเบ่งบานออกมา :13:
-
:06: เมื่อวานหนาว
:42: วันนี้ร้อน
:47: ไม่รู้พรุ่งนี้จะเป็นอย่างไรนะครับ
:14: ฝนอาจจะตกก็ได้
-
เมื่อวาน อดีต ที่เหน็บหนาวเหงาใจ
วันนี้ ปัจจุบัน ที่ร้อนอบอุ่นกับลมหายใจที่มี
พรุ่งนี้ อนาคต ที่คาดเดาได้ยากกับความเป็นไป
ไม่มีความแน่นอน...น้ำตาอาจไหลออกมาจากสองตา
-
เพราะเรายึดติดกับความมีเรา
ทำให้บังเกิดความรู้สึก2ด้านขึ้นมา
หากสิ่งที่เขาแสดงออกมานั้น
ดีกับเรา...เราก็พอใจมีความสุข
แต่ถ้าสิ่งที่เขาแสดงงออกมานั้น
ไม่ดีกับเรา...เราก็ไม่พอใจมีความทุกข์
คำถามคือ...ทำไมเราต้องตกเป็นทาสเขา
เพราะว่า...เราปล่อยให้เรามีเรา...
เรามีเราปุ๊บ...เขาก็เป็นเขาปั๊บ...
เมื่อมีเขาปั๊บ...ก็มีเราที่มีเขาบนหัวปุ๊บ... :38:
-
คนเรา...ถ้าไปให้ความหวังคนอื่น
สุดท้าย...เราจะไปคาดหวังเสียเอง
บางทีเราทำไป...ไม่รู้ตัว...
แต่มารู้ตัวก็ตอนที่โดนกระทำ...
เพราะมาจากการกระทำเราเองทั้งสิ้น
-
ตัวเราเอง...ใจเราเอง...
มันมีจริงมั๊ย...บางทีมันก็มี
บางทีมันก็ไม่มี...
บางทีเราคิดว่ามันมี...มันก็มี
บางทีเราคิดว่ามันไม่มี...มันก็มี
บางทีเราคิดว่ามันไม่มี...มันก็ไม่มี
บางทีเราคิดว่ามันมี...มันก็ไม่มี :14:
-
เด็กพิเศษ...
เค้าทำอะไรพิเศษๆ
เค้ามีโลกส่วนตัวแบบพิเศษๆ
เค้าอดทนในบางสิ่งพิเศษๆ
-
แป๊บเดียว...มันก็กลายเป็นอดีตไปเสียแล้ว
แป๊บเดียว...ก็เริ่มคิดถึงอนาคตที่ยังมาไม่ถึง
เพราะว่าเรายังมีความรู้สึกนึกคิดแบบผิวเผิน
เรายังไม่เห็นความจริงแท้ละเอียดถึงแก่นแท้
เราจึงได้แต่หยิบจับเปลือกแต่งเสริมเติมสรรค์อยู่นี่เอง
-
การปลดปล่อยทุกข์ทางกาย
ที่มิได้ติดทางใจ...
มันแยกกันอยู่แบบเส้นบางๆ
ระหว่างความหลง...
กับความไหล...
หากไม่ไหลก็ต้องหลง
หากไม่หลงก็ต้องไหล :14:
-
เราหลงตัวเอง...
ถือว่าตัวเองสำคัญ
หลงคิดว่าเขาให้ความสำคัญ
ทำให้เราลดความสำคัญเขาไป
สุดท้าย...เมื่อเขาไม่เห็นเราสำคัญ
เราก็จะหยุดหลงตัวเอง...
แล้วมาอยู่กับความเป็นจริง
ว่าเราไม่ได้สำคัญอะไรกับใครเลย
แค่ต่างฝ่ายต่างมีประโยชน์ซึ่งกันและกัน
-
นิสัยเดิมแก้ไม่ได้
นิสัยใหม่ก็เข้าแทรก
สับสนกับนิสัยตัวเอง
ร่างเหมือนจะแปลงไปมา
ระหว่างความดีกับความชั่ว
จะไปทางไหนเริ่มหวั่นไหว
อยู่ตรงกลางภายใต้...
สภาวะจูงใจจากสองทาง
-
จะช่างมันมั๊ย?
ช่างมันไป...
ช่างมัน...ปะไร
ไปเถอะ...ปล่อยไป
:13:
-
จะเอามันมั๊ย?
เอามันไป...
เอามัน...เอาอะไร
เอาเถอะ...เอาไป
:19:
-
โลกนี้...ไม่ยุติ...ธรรม
ฉัน...มัน...ไม่ยุติเอง
ฉันสร้างโลกนี้ขึ้นมาเอง
อย่าไปเที่ยวโทษใครเลย
-
บนถนน....
เห็นรถแล่นไป
ชนทับกิ่งไม้
ผ่านไปเฉยชา
ชนหมานอนดิ้น
สงสารแป๊บเดียว
ชนคนไม่รู้จักกลิ้งเกลือก
กลัวจะเหมือนเขาจับใจ
ชนคนรู้จักสลบแน่นิ่ง
ใจหวั่นไหวสะเทือนใจ
ชนเราเองรู้สึกพร่ามัว
สั่นกลัวไปทั่วทุกรูขุมขน
-
:13: กวีธรรมชั้นเลิศครับ อธิบายง่ายๆ ชาวบ้านๆ นี่ละครับสุดยอด อนุโมทนาครับพี่เล็ก
:06: ผมประจบได้เยี่ยมเปล่าครับนี่ อย่าถือสานะครับ นิสัยผมอย่างนี้ประจำ..โย่ว
-
ไม่ถือ...ไม่หนัก
ถ้าถือ...ก็หนัก
ถือ...เพื่อ...วาง
วางเลยไม่ได้ถ้าไม่ได้ถือก่อน
ถือๆวางๆหนักๆเบาๆ
-
อยากเอาชนะ....
ใช่...ฉันยอมรับ...
ว่าฉันอยากเอาชนะ
ทุกครั้งที่ฉันคิดว่า
ฉันชนะ...แต่ที่แท้จริงแล้วนั้น
ฉันแพ้มันทุกครั้ง....
แต่ความพ่ายแพ้แต่ละครั้ง
ฉันก็ได้เรียนรู้อะไรจากมันเช่นกัน
-
ไม่เป็นไร...
บอกกับตัวเอง
แล้วมันก็ผ่านไปนะ
ไม่มีอะไรแล้วล่ะ
ไม่เป็นไร...
มันจะผ่านพ้นไป
แล้วมันจะวกกลับมาทำไมเนี่ย :28:
ไม่เป็นไร!
เริ่มใหม่ บอกกับตัวเอง
แล้วมันก็จะผ่านพ้นไป
เฮ่อ...จะทำอย่างไรน้อ
มันจะไม่วกกลับมาอีกเนี่ย :13:
-
คิดถึงอั่งเปา :12:
คาดหวังซะแล้ว :06:
รอรอรอรอคอยความหวัง :08:
เมื่อวันที่รอคอยมาถึง :25:
มันมีแค่....
สมหวัง...
ผิดหวัง...
เริ่มหวังใหม่ :13:
หรือจะฝึกไม่หวังมันดีนะ :32:
-
เกิดการเปรียบเทียบแล้วมั๊ยล่ะ
แบบนั้นมันดีกว่าแบบนี้....
แบบนี้ไม่ดีกว่าแบบโน้น...
ไม่เคยพอใจในสิ่งที่มีอยู่เลย
ไปเทียบเคียงกับสิ่งที่ดีกว่าตลอด
ลองหัดไปเทียบเคียงกับสิ่งที่แย่กว่า
บางทีมันก็ทำให้รู้สึกสบายใจดีเหมือนกัน
แต่ว่า...มันก็แค่ปลอบใจเราเท่านั้นเอง
ตราบใดที่ยังไม่พึงพอใจกับสิ่งที่มี
มันก็ยังอยากดีกว่าที่เป็นอยู่ไปเรื่อยๆ
สิ่งที่ดีกว่าเดิม....
อาจจะไม่ใช่สิ่งที่หลงว่าดีกว่าเดิม
มันอาจจะเป็นสิ่งดีๆที่เกิดขึ้น...
เราอาจจะรับรู้ได้จากผู้อื่นและแม้กระทั่งตัวเราเอง
-
:13: อนุโมทนาครับพี่เล็ก
-
ฉันคงตามเธอไม่ทันซะแล้วล่ะ
ฉันขอหยุดพักตรงนี้ก่อนได้ไหม
ขอพักใจที่มันเหนื่อยล้าก่อนนะ
รอความเข้มแข้งที่จะลุกขึ้นเดินต่อไป
และในการเดินทางใหม่ครั้งนี้....
พยายามที่จะรู้ทันตัวเองนะ...
ไม่ไล่ตามสิ่งภายนอกจนมันกลับมา
ทำร้ายตัวเองให้ต้องเหนื่อยแบบนี้อีกแล้ว
-
มันคือสิ่งที่เรารู้สึกว่า
เราขาดมันไม่ได้...
มันหลอกเราสำเร็จแล้วล่ะ
มันหลอกให้เราเชื่อมัน
จนทำให้เราสร้างมันขึ้น
ครั้งแล้วครั้งเล่าที่มันโผล่ขึ้นมา
เวียนวนคอยหลอกหลอนประจำ
ฉันหาวิธีจัดการกับมันหลายครั้ง
แต่ก็ไม่สำเร็จเลยซักครั้ง...
หรือเพราะฉันโกรธแค้นมันเกินไป
ตั้งใจที่จะกำจัดมันมากเกินไป
เอาล่ะฉันจะให้อภัยมันสักครั้ง...
ฉันจะลองเรียนรู้อยู่กับมันให้ได้
มีมันแล้วทำให้เรารู้จักตัวตนตัวเองชัดขึ้น
เมื่อตัวตนตัวเองชัดขึ้นมากเท่าใด...
เราก็จะเห็นตัวตนตัวเราเองชัดมากขึ้นเท่านั้น
ความชัดเจนนั่นเอง...
ทำให้เราค่อยๆรู้ทันมัน
และค่อยๆปล่อยวางมันได้ในวันนึง...
วันนั้นที่กำลังมาถึง...ทำให้ฉันคาดหวังถึงวันนั้น
-
ฉันมันโลภไปเอง
ความรุ่มร้อนมันจึงก่อตัวขึ้น
กว่าความร้อนจะคลายจาง
ก็สักพักใหญ่เลยทีเดียว
นี่เป็นบทเรียนแห่งความโลภ
ความอยากได้ทำให้เป็นทุกข์
อดสมน้ำหน้าตัวเองไม่ได้
ไปอยากได้ในสิ่งที่ไม่ควรได้
เมื่อไม่ได้อย่างหวัง...
มันก็ต้องทุกข์ใจเป็นธรรมดาเช่นนี้เอง
เอาล่ะ...บทเรียนครั้งนี้จำไว้ให้ดีๆนะ
เพราะเธอโลภ...อยากได้...เธอจึงทุกข์
พยายามระวังใจเธอเองดีๆล่ะ...
-
ยังสลัดนิสัยไม่ดีๆของตัวเองไม่ได้
มันฝังรากลึกยึดเกาะแน่นเหนียว
แต่มาคิดอีกที...ไม่ใช่มันที่เกาะเรา
แต่เป็นเราต่างหากที่ยึดมันเอาไว้
เพราะเราถือเอายึดเอามาเป็นตัวตนเราเขา
ทำให้ยังมีเรื่องราวต่างๆทำให้เกิดความรู้สึกนึกคิด
ทำให้มีทั้งทุกข์และสุขโลดแล่นในวังวนเดิมๆ
ทุกข์ตอนนั้นมันผ่านไปแล้วตอนนี้สุขแล้ว
อีกซักพักทุกข์อันใหม่ก็ขับเคลื่อนผ่านเข้ามาอีก
แล้วเราก็ต้องผ่านทุกข์อันแล้วอันเล่าซ้ำๆ
แล้วก็สุขซ้ำๆอยู่อย่างนั้นมันหมุนเวียนอยู่แบบนี้
เพราะว่าเรามีเราแค่นั้นเอง...เรายังไม่หลุดพ้นสักที
-
เพราะฉันนั้นตั้งหน้าตั้งตา
ที่จะรอรับ...เอาแต่ได้อยู่ฝ่ายเดียว
ไม่เคยคิดที่จะให้เขาก่อน...
รอให้เขาให้เราก่อน...
แล้วเราจึงตอบแทนเขาคืนกลับ
จนบางครั้งไม่ได้ตอบแทนเขาก็บ่อย
เราถือเอาว่าเขาเต็มใจที่ให้เราเอง
เราถือว่าคนที่เขาใจดีเขาจะดีใจที่เรารับ
แต่เรากลับไม่เคยคิดทวนย้อนกลับว่า
คนอื่นก็ดีใจถ้าเราได้ให้เขาเหมือนกัน
ฉันจึงได้แต่รอรับแต่กลับไม่เคยได้ให้คนอื่นบ้างเลย
-
วันนี้เป็นวันที่รู้สึกดีๆอีกวันหนึ่ง
ก่อนจะมีวันนี้...ก็ได้ผ่านช่วงเวลา
ที่เลวร้ายทุกข์รันทดใจก็หลายหน
มันวนเวียนอยู่แบบนี้มายาวนาน
แต่ความแตกต่างระหว่างระดับของทุกข์และสุข
นั้นกลับไม่เท่ากันนับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
ณ ปัจจุบัน รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงของตน
แต่ก็ยังคงไม่พอใจในความเป็นตัวตนของเราอยู่
ได้แต่คาดหวัง...เกิดความอยากว่าสักวัน...
ตัวตนของเรานั้นจะพลันสลายหายไปสักที
-
การได้รับการระบายใจจากคนอื่น...
เหมือนเราก็ได้ระบายใจไปเหมือนกัน
เหมือนเราเป็นคนๆเดียวกัน....
เหมือนเราได้เจอกับเหตุการณ์เดียวกัน
แม้ว่า...มันจะไม่ได้เกิดขึ้นกับเราก็ตาม
แต่ก็เหมือน...เหมือนว่ามันเกิดขึ้นกับเรา
แถม...เรานำเอาสิ่งที่เกิดขึ้นกับคนอื่น
มาเป็นตัวป้องกันทำใจล่วงหน้าไว้ก่อน
หากเหตุการณ์จริงนั้น...มันเกิดขึ้นกับเราจริง
ชีวิตคนเรานี่...มันคล้ายๆกันดีนะ...
ไม่ทุกข์ก็สุข...สลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนอยู่แบบนี้
ไม่พอใจ...ก็พอใจ...อดีต อนาคต ปัจจุบัน...
เกิดขึ้นแล้วก็ดับไป...ผ่านมา...ก็ผ่านไป...
สุดท้าย...ก็นับถอยหลัง...ถึงวันที่สิ้นสุด...
เพื่อการเริ่มต้นใหม่...หรือหลุดจากวงโคจร...
เป็นเพียงผู้ที่ยืนดูผู้คนที่เล่นสนุกอยู่กับม้าหมุนอยู่ห่างๆ...
ดูการหมุนของม้าหมุนและผู้คนที่วนเวียนไปครั้งแล้วครั้งเล่า
ถ้าเรานึกสนุกไม่ยอมแค่ยืนดู...เราก็วิ่งเข้าไปหมุนวนเวียนอีก
-
มันเกิดขึ้นแล้ว...
เพราะเราสร้างมันขึ้นมาเอง
เราสานต่อมันให้ยืดยาวเอง
เราก็ต้องรับในสิ่งที่ผูกมันขึ้นมาเอง
ความสุขงั้นเหรอ...ใช่เหรอ?
ย้อนกลับมาถามตัวเองอีกครั้ง
มันจะยั่งยืนจีรังได้นานแค่ไหน?
คงไม่นานหรอก...มันคงจบลง
สุดท้ายเมื่อความสุขมันจบลง...
แล้วใครล่ะทุกข์...ก็เราอีกนั่นแหละ
ที่ต้องเป็นทุกข์นั่นเอง...
เพราะเมื่อพบกัน...ท้ายสุดก็คือพลัดพรากจากกัน
จะเพลิดเพลินอะไรกับแค่ช่วงเวลาสั้นๆ
ที่มันทำให้เรามีความสุขทำไม...ก็ไม่รู้
มันอดใจตัวเองไม่ได้...ที่จะหลงไหลไปกับมัน
ความสุขทำให้เราลืมอะไรไปบางอย่าง...
ลืมว่ามันจะต้องสิ้นสุดลงไปในไม่ช้า
กว่าเราจะรู้สึกอีกครั้ง...ก็ตอนที่เราทุกข์แล้วล่ะ
เมื่อทุกข์เข้ามาอย่างเต็มอัตรา...
ตอนนั้นความสุขที่เคยมี...ก็แทบจะไม่หลงเหลือเลย
-
ทำไงดี...ตั้งสติก่อนก็แล้วกัน
ค่อยๆดูไป...ว่าจะทำอย่างไรต่อไป
พยายามระวัง...แต่ไม่ใช่ระแวง
ความวุ่นวายใจ...มันปั่นป่วนเข้ามาที่ใจ
ก็เราเอง...ไปคนให้มันขุ่นเอง...
กว่ามันจะสงบ...ตกตะกอนจนใส
ก็คงต้องใช้เวลาสักพัก...อดทน
-
วันนี้ได้รับอีกแล้ว
วันนี้ไม่ได้ให้อะไรอีกแล้ว
วันนี้ได้รับอะไรดีๆทำให้มีความสุข
ช่วงเวลาแห่งความสุขมันก็ผ่านไปแล้ว
เวลามีความสุข...มันช่างผ่านไปเร็วเหลือเกิน
มันผ่านไปแล้ว...แต่ก็ยังเอามันกลับมาย้อนทวน
จนมันไม่ยอมจากไป...ทั้งๆที่มันได้จากไปนานแล้ว
-
เมื่อรับรู้ข่าวร้ายๆเข้ามา
ทำให้ใจคอไม่ดีกลัวนั่นกลัวนี่
เพราะไม่รู้ความจริงว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
บางทีก็เครียดคิดกังวลมากเกินเหตุ...
บางครั้งก็รีบเผื่อใจทำใจไว้ล่วงหน้า
หากเหตุการณ์ร้ายไม่ได้เกิดขึ้นจริง
ก็ทำให้รู้ว่าความห่วงใยมันมีแค่ไหน
แต่หากเหตุการณ์ร้ายๆเกิดขึ้นจริง
ไม่ว่าจะระดับใดก็ตาม...
ก็ถึงเวลาต้องวัดใจตัวเราเอง
ว่าจะรับกับเหตุการณ์ร้ายๆได้แค่ไหน...เท่าใด
-
ก็เป็นฉันเอง...ที่สร้างเรื่องให้เกิดขึ้นมาเอง
ฉันก็ต้องรับทั้งผิดทั้งชอบ...ทั้งสุขและทุกข์เอง
เหมือนกับการเล่นเกม...กับหัวใจของตัวเอง...
เล่นกับความรู้สึกนึกคิดของตัวเอง...อยู่ตลอดเวลา
ถ้าหลงไปเล่นกับมัน...มันก็โผล่ขึ้นมาเล่นกับเราเช่นกัน
เพราะเราเองที่เชื้อเชิญสร้างเรื่องสร้างราวให้ก่อรวมตัวขึ้นมาเอง
-
สิ่งที่สร้างขึ้นมาผูกมัดใจตัวเอง
เรากำลังพันใจตัวเองกับสิ่งภายนอก
ยิ่งพันก็ยิ่งยุ่งอิรุงตุงนัง...
จนยากที่จะแกะออกภายในเวลาอันสั้น
หากใจร้อนรีบแกะ...มันก็ยิ่งยุ่งเหยิง
เมื่อใช้เวลาในการพันความยุ่งกับใจเราเอง
ก็ต้องใช้เวลาในการแก้แกะความยุ่งกันหน่อย
เวลาใจร้อนรีบแก้มันก็ยิ่งยุ่งเป็นปมแน่นขึ้น
บางทีต้องหัดใจเย็นค่อยๆแก้ค่อยๆคลายปม
สร้างปมเองก็ต้องแก้ปมนั้นเอง...
ไม่มีใครทำอะไรเรา...มีแต่เรานั่นแหละทำตัวเอง
-
ก็แค่ซากหนึ่ง...
ที่เกิดขึ้น ณ เวลาหนึ่ง
แล้วก็หายไปตามเวลาหนึ่ง
เริ่มตั้งแต่...เกิดตัวตน
ตัวตนอาศัยอยู่อย่างมีตัวตน
จนกระทั่งไร้ตัวตน...
วัฎจักรนี้...มันซ้ำซากสิ้นดี
-
ตื่นขึ้นมา...
รู้สึกไม่ได้วางแผนอะไร
ทำให้กังวลใจ...
ว่าจะทำอะไรไม่ครบ
แล้วเวลาก็เดินไม่หยุด
ฉันกลับหยุด ณ ตอนนี้
จึงทำให้รู้สึกว่าฉันจะตามไม่ทัน
ทำให้หวาดกลัวกับเวลาที่ไม่ยอมหยุดเดิน
ฉันยังต้องเดินต่อไปตามเวลาที่ยังเดิน
เดินไปพร้อมๆกับเวลา "ติ๊ก ต่อก ติ๊ก ต่อก"
เดินควบขนานไปกับเวลา....
-
ในขณะที่ฉันกำลังตักข้าวสีดำๆกิน
ฉันกำลังคิดถึงซากแมวตัวหนึ่ง
ที่ก่อนหน้านี้บังเอิญเดินผ่านไปเห็น
ฉันยืนดูซากมันเป็นเวลาครู่หนึ่ง...
มันอยู่บนถนนสายหนึ่ง...
รถราวิ่งทับมันไป...คันแล้วคันเล่า
ร่างมันเริ่มเละละเอียดไปเรื่อยๆ
จนในที่สุด...ก็ไม่เหลือเค้าโครงว่า
เป็นซากสัตว์อะไร...
ฉันกลับมามองร่างกายตัวเอง...
ถ้าฉันไปนอนบนถนนสายนั้น...
ร่างฉันที่ถูกรถคันแล้วคันเล่าทับไปทับมา
ก็คงไม่ต่างจากซากแมวตัวนั้นเลย...
ไปสู่สุคติเถิด...เจ้าแมวเอ๋ย....
-
นี่แหละนะ...บ่วงล่อให้ติดกับ
หากเผลอไปเล่นไปลองแล้วล่ะก็...
มันก็ต้องติดใจกันบ้างไม่มากก็น้อย
ก็ต้องมีทั้งทุกข์และสุขเข้ามาวุ่นวายใจ
-
ฉันมารอ...
เธอไม่มา...
ฉันเหว่ว้า...
คิดถึงเธอ...
แต่พอเธอ...
โผล่ขึ้นมา...
กลับเย็นชา...
ไม่ทักทาย...
ช่วงเวลา...
ต่างฝ่ายนิ่ง...
แสนทรมาน...
แล้วความอดทน
ก็สิ้นสุด...
เธอจากไป...
ฉันใจหาย...
เธอไปแล้ว...
ทุกข์ลำพัง...
-
ฉันคงทำ...
กับเธอก่อน...
เธอถึงย้อน...
กลับมาทำ...
ฉันแบบนี้...
ไม่เป็นไร...
ให้อภัยเสมอ...
นะคนดี...
ขอบคุณที่...
ให้เข้าใจ...
ในที่เป็น...
-
สิ่งที่เคยมี...มันหายไป
ทุกข์ใจเพราะยังอยากมี
ถ้ายอมรับได้ทำใจได้...
แม้มันจะไม่มีในตอนนี้...
จึงค่อยค่อยวางใจห่างจากทุกข์
สิ่งที่ไม่มี...มันเป็นเช่นนี้ตลอด
แต่เรานั่นเอง...ยึดเอามามี
จนทำให้เกิดความพอใจ
และความไม่พอใจ...
จนทำให้เกิดทั้งความทุกข์
และความสุข...เพราะความเข้าใจผิดนี่เอง
-
บางครั้งการทำอะไรลำบากๆ
แต่กลับมีความสุข...ก็ทำให้
การทำอะไรที่ลำบากๆนั้น
กลับกลายเป็นการทำอะไร
ที่สบายใจดีเหมือนกัน...
แต่บางครั้งสิ...
การทำอะไรสบายๆก็ตาม
แต่กลับไม่มีความสุขที่จะทำ
กลับกลายเป็นการทำอะไร
ที่ลำบากใจเสียเหลือเกิน...
-
วันแห่งรัก...
ทุกๆวัน...
สุดท้ายนั้น...
ผ่านพ้นไป...
มอบรักแผ่...
ตลอดวัน...
ทุกวันนั้น...
แค่เข้าใจ...
-
ไม่มีใคร...รู้
แต่เรา...รู้...อยู่แก่ใจ
แม้ว่า...เราจะแสร้ง
ทำเป็นว่า...ไม่รู้
แต่เรา...ก็รู้...อยู่แก่ใจ
-
เริ่มจากการที่เห็นเพื่อนๆไม่สบาย
เสียงหายบ้างปวดหัวตัวร้อนมีน้ำมูก
ไอมีเสมหะปวดในข้องอในกระดูก
ก็เฉยๆไม่รู้สึกอะไรร่วมไปกับเพื่อนด้วย
รู้สึกแต่เห็นใจแล้วก็แนะนำเคล็ดลับต่างๆนานาไป
ก็เลยเตรียมพร้อมตัวเองไว้ก่อนซะเลย
ก่อนจะเป็นก็กินมะขามป้อมเยอะๆตุนไว้ก่อนเลย
ไม่ทันไร อาการชักจะตุ่ยๆเริ่มจะแปล่งๆ
ชะล่าใจไม่คิดว่าจะเป็นอะไรมาก...
ไม่ค่อยดื่มน้ำ แถมไปเอามันแผ่นทอดกรอบ
มากินอย่างเอร็ดอร่อย...สมใจอยาก...
ทีนี้อาการเจ็บมันก็ค่อยๆโผล่ให้รู้สึกตัวบ้าง
ก็ยังไม่กลัวมันซะทีเดียว...น้ำอุ่นดื่มเข้าไป
คงดีขึ้นในไม่ช้า...แต่แล้วเสียงก็ค่อยๆหายไป
พร้อมกับอาการเจ็บคอค่อยๆทุเลาไป...
คงเหลือไว้ที่มีเสมหะข้นเหนียวเพิ่มขึ้นตามมา
เสียงมันหายไป....
ทำให้...พูดไม่ได้....
ทำให้...ไม่ได้พูด....
-
เรายังเป็นเพื่อนกันอยู่เหมือนเดิม
ขอบคุณสำหรับมิตรภาพที่ดีงาม
เธอไม่ได้เปลี่ยนไปเลยแม้แต่นิดเดียว
แต่ฉันซะอีก...ที่เปลี่ยนแปลงไป...
ฉันจะพยายามทำให้เหมือนเดิม...
เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น...
เรายังเป็นเพื่อนกันเหมือนวันก่อน
ดีใจที่ได้รู้จักเพื่อนแบบนี้...
ดีใจจริงๆ...
-
รู้สึกโล่ง...อก...ยังไง...บอกไม่ถูก
จากที่เคยมีทิฐิมาเป็นช่วงระยะเวลาหนึ่ง
ได้ปลดปล่อยในสิ่งที่อยากทำ...
แล้วทำให้ไม่เหลือติดค้างคาในใจ
อืม...ทำไมเราต้องรู้สึกอย่างนี้ด้วยนะ
เพราะว่าเรามันอ่อนแอเอง...
เราไปยึดติดเองว่ามีเราและมีเขา...
ทำให้ต้องรู้สึกติดค้างคาอยู่ในใจอย่างนี้
และคงตลอดไป...ถ้ายังไม่เลิกยึดติดแบบนี้
สุดท้ายมันก็มีความรู้สึกต่างๆนานาเกิดขึ้นอีกแบบนี้ซ้ำๆ
มีทิฐิก็ทุกข์ไม่มีทิฐิก็โล่งโปร่งสุขสบายใจ...
ฝึกละทิ้งตัวตน...อืม...ก็มันยังมีตัวตนอยู่นี่นา
ค่อยเป็นค่อยไปก็แล้วกัน...
-
เริ่มจะคุ้นเริ่มจะชินแล้วล่ะ
พอใจแค่นี้ก็ดีเหมือนกันนะ
ไปคาดหวังอะไรมากเกินไป
พอไม่ได้มันก็เรานี่แหละทุกข์
ปล่อยมันไปอย่างนี้แหละ...
1.ให้โอกาสมันพาเราไป...
2.ไปหาโอกาสแล้วพามันไป...
3.อยู่เฉยๆโอกาสมันมาเอาไม่เอาโอกาสมันไปช่างมัน
-
บางเวลาต้องการให้คนเข้าใจเราบ้าง
คนอื่นเขาจะเข้าใจเราได้ดีแค่ไหน...
ก็ไม่เท่ากับเราเข้าใจตัวเราเองได้หรอก
ถ้าเรายังไม่สามารถเข้าใจตัวเองได้แล้ว
ก็อย่าไปคิดว่าใครจะเข้าใจเราได้ทั้งหมดหรอก
แต่ถ้าเรารู้จักที่จะเข้าใจตัวเองแล้วล่ะก็...
ก็เหมือนได้ฝึกเข้าใจคนอื่นไปด้วยเลยทีเดียว
-
บางทีดูเด็กๆเล่นกันคุยกันหยอกล้อกัน
ทำให้อยากทำแบบเด็กๆบ้างเหมือนกัน
เด็กๆไม่ต้องเสแสร้งแกล้งทำ...
ไม่ต้องกลัวว่าอะไรควรอะไรไม่ควร...
คิดจะทำอะไรก็ทำไปเลยไร้มารยา...
ชอบก็บอกว่าชอบไม่ชอบก็บอกไม่ชอบเลย
อยากจะพูดอะไรก็พูดไม่โกหกใจตัวเอง...
แต่เป็นผู้ใหญ่สิ...มันทำอะไรแบบเด็กไม่ได้
สร้างกำแพงสร้างฉากสร้างหัวโขนขึ้นมามากมาย
ทำให้เหมือนกักขังตัวเองอึดอัดแบกจนหนักเหลือจะทน
แต่ก็ต้องทนเพราะด้วยศักดิ์ศรีอะไรบางอย่าง
ด้วยความมีตัวมีตนที่เราอุปโลกกันขึ้นมา...
นี่แหละนะผู้ใหญ่ที่โตแต่ตัว...แต่หัวใจไม่ยอมโต
-
หากเราจะลองทำเหมือนเด็กเล็กๆ
ไม่ถือตัวถือตนแบบที่ผู้ใหญ่ทำกัน
การพบเจอในแต่ละครั้ง...
คงไม่ต้องใส่หน้ากากเข้าหากันแบบนี้
ทุกครั้งที่ได้พบกัน...
เธอฉันกลับปิดบังความเป็นจริงแอบซ่อนไว้
ถึงจะปิดซ่อนไว้ยังไง...
มันก็ยังมีบางส่วนเล็ดลอดออกมาบ้าง
มันเป็นความรู้สึกดีๆที่รับรู้ได้จากกันและกัน
เพียงแต่มันมีเส้นบางๆที่แข็งแรง...
กั้นตรงกลางระหว่างเราไว้...
ไม่ให้ล่วงล้ำขีดจำกัดของกันและกัน
-
ฉันนิ่งสงบเพื่อระงับอารมณ์ตัวเอง
ที่คนอื่นเพิ่งจะต่อว่าฉันไปหยกๆ
คำว่าคำด่าเหล่านั้นไม่ได้มีผลอะไร
ที่จะทำให้อารมณ์ของฉันสั่นไหวเลย
แต่ความคิดพิจารณาของฉันสิ...
กำลังใช้สติปัญญาในการไตร่ตรอง
บางทีการนิ่งเงียบไม่ต้องตอบโต้อะไร
กลับทำให้อะไรๆดีขึ้นได้เหมือนกัน...
เพราะหลายต่อหลายคนต้องการเป็นผู้ชนะ
น้อยคนนักที่จะยอมเป็นคนแพ้ตกเป็นรองคนอื่น
เพราะฉะนั้น...คนที่นิ่งเฉยนั้น...
เป็นการเสียสละอย่างกล้าหาญทั้งต่อตนเองและผู้อื่นนัก
มองในอีกมุมหนึ่ง...ผู้ที่นิ่งเฉยรู้แพ้รู้ชนะรู้จักสำนึก
กลับเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ รู้แพ้รู้ชนะรู้อภัย
ส่วนผู้ที่ชนะอย่างทะนงตนนั้น...กลับกลาย
เป็นผู้แพ้ที่น่าสงสารเสียจริงๆ...
เพราะผู้ที่รู้จักแต่ชัยชนะ...
จะไม่เคยได้เรียนรู้ถึงความพ่ายแพ้
ที่เป็นบทเรียนที่มีค่ายิ่งไปกว่าความสำเร็จและชัยชนะนั่นเอง
-
คุณโชคดีมาหา...ทำให้ฉันดีใจมากมาย...
รู้สึกพอใจมีความสุขที่คุณโชคดีมาเยี่ยมเยียน
คุณโชคดีนำสิ่งดีๆมาให้ตั้งมากมาย...
ทำให้รู้สึกมีกำลังใจที่จะอยู่ต่อไปบนโลกนี้
บ่อยครั้งที่ฉันคิดไม่ออกว่าคุณโชคดีจะต้องจากฉันไป
แต่แล้ว...คุณโชคดีก็ไปจากฉัน...อยู่กับฉันเพียงไม่นาน
ฉันได้แต่รู้สึกกลัวรู้สึกเสียดายรู้สึกอยากเหนี่ยวรั้งคุณโชคดีไว้
รู้สึกน้อยใจที่คุณโชคดีจากไป...ทำไมคุณโชคดี
จึงไม่ยอมอยู่กับฉันตลอดไปนะ...ฉันได้แต่พร่ำพรรณา
แต่แล้ว...คุณโชคร้ายก็มาหา...ทำให้ฉันทุกข์ใจมากมาย
ฉันมองไม่เห็นใครเลยว่าจะโชคร้ายเท่าฉันอีกแล้ว...
ฉันรู้สึกหมองเศร้าหดหู่ท้อแท้สิ้นหวังอ่อนแอเหลือเกิน
ฉันโมโหคุณโชคร้ายทุกครั้ง...ที่แวะมาหาฉันแบบนี้...
ฉันต่อว่าคุณโชคร้ายว่าไม่ยุติธรรมกับฉันเลย...
ที่คุณโชคร้ายคอยแต่จะแวะมาเยี่ยมฉันแบบนี้บ่อยๆ
ทุกครั้งที่แวะมาก็อยู่กับฉันนานเหลือเกิน...
ฉันอยากจะไล่คุณโชคร้ายไปให้ไกลๆและเร็วๆ
แต่ยิ่งฉันไล่คุณโชคร้ายเท่าไหร่...คุณโชคร้ายก็เหมือนแกล้ง
กลับนิ่งเฉยปล่อยให้ฉันตีอกชกตัวเองอยู่เหมือนคนบ้าคนหนึ่ง
แต่แล้วในวันที่คุณโชคร้ายกำลังเพลินๆอยู่นั่นเอง...
ฉันกลับมองเห็นว่าคุณโชคร้าย...ก็ไม่ได้ร้ายอย่างที่ฉันคิดเลย
คุณโชคร้าย...สอนให้ฉันเข้มแข็ง...สอนให้ฉันรู้จักสู้...
สอนให้ฉันรู้จักอภัยให้คนอื่นและตัวเอง...
ที่สำคัญ...สอนให้ฉันรู้จักให้อภัยคุณโชคร้ายที่แวะมาหา...
เมื่อฉันรู้สึกเช่นนี้...ฉันก็ไม่เห็นคุณโชคร้ายแล้วล่ะ...
คุณโชคร้ายจากไปแล้ว...แต่ฉันคิดว่าคุณโชคร้าย...
ก็คงจะแวะเวียนมาหา"เพื่อน"อย่างฉันอีกวันใดวันหนึ่ง
เหมือนที่คุณโชคดีก็ผลัดกันแวะเวียนมาเยี่ยมฉันเช่นกัน
คุณโชคดีคุณโชคร้าย...คุณเป็นความต่างที่ทำให้ฉันเรียนรู้
ฉันต้องขอบคุณคุณทั้งสอง...ที่ให้บทเรียนแสนมีค่ากับฉัน
ฉันรักคุณนะ...คุณโชคดีคุณโชคร้าย...เราเป็นเพื่อนกันนะ :19:
-
การได้รับมอบหมายหน้าที่ให้มานั้น
ทำให้เรากลัวว่าจะทำไม่ได้...
กลัวไปก่อนที่จะได้ทำ...
แต่เมื่อเราทำได้สำเร็จแล้วนั้น...
ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร...
ก็เหมือนได้ปลดความกลัวได้เปราะหนึ่ง
และทำให้มั่นใจว่าเราก็ทำได้ถ้าเราตั้งใจทำ
ไม่มีอะไรหรอกที่เราจะทำไม่ได้...
มีแต่เราไม่ทำต่างหาก...เราถึงทำมันไม่ได้
ไม่ต้องเล็งไปที่ผลว่าจะออกมาเป็นยังไง
อย่างน้อยเราก็ได้ทำแล้ว...ทำมันต่อไป
ทำสิ่งดีเรื่อยไป...ขอบคุณที่ให้โอกาส
ได้เกิดมารู้จักโลกใบนี้...ยินดีที่ได้รู้จัก
-
ถ้ามันจะเป็นละครเรื่องหนึ่ง...
ก็คงเป็นตอนที่พระเอกกับนางเอก
ได้มอบความรักและสิ่งดีๆให้แก่กัน
เป็นช่วงเวลาที่เปี่ยมไปด้วยความสุข
และเอ่อล้นไปด้วยพลังใจอย่างท่วมท้น
แต่ละครตอนนี้มันก็ต้องจบไปผ่านไป...
ความจริงของละครคือต้องเปลี่ยนบทไปเรื่อยๆ
ตัวละครก็ต้องตามแสดงบทที่ได้รับมา...
เป็นช่วงชีวิตที่มีจุดเริ่มต้นจนจุดสิ้นสุด...
ละครจบแล้ว...ชีวิตเราจบแล้ว...
ละครฉายซ้ำได้อีก...ชีวิตเราล่ะ...ซ้ำซากจำเจ
อีกนานแค่ไหน...ถึงจะพอ...
-
ฉันพยายามเหลือเกิน...
ที่จะทำดีกับคนที่ทำดีกับฉัน
เพื่อตอบแทนคืนกลับไปให้มากที่สุด
แต่ในขณะเดียวกัน...
ฉันลืมอะไรไปบางอย่าง...
ฉันลืมคนที่ทำดีกับฉันมาตลอดทั้งชีวิต
แต่ฉันกลับไปเห็นคนที่ทำดีกับฉัน
เพียงไม่นานว่าสำคัญกว่าคนที่ทำดีกับฉัน
มาตลอดเวลาตั้งแต่เกิดจน ณ เวลานี้...
หรือฉันคิดว่าคนที่ทำดีกับฉันมาทั้งชีวิต
ให้ฉันได้ไม่มากพอเท่ากับคนที่เพิ่งรู้จัก
ไม่กี่ปี...ทำไมเราจึงคิดแบบนี้ออกไปนะ
ไม่ยุติธรรมกับเขาหรือเปล่านะ...
ทำไมเราต้องแยกแยะความรู้สึกว่า...
แตกต่างกันไม่เหมือนกันนะ...
ทั้งๆที่มันก็เหมือนกันนั่นล่ะ...
แต่เราก็อดที่จะหลงตีค่าตีราคาออกไปหลากหลาย
จนมันไม่เหมือนกัน เป็นเพราะเราแต่งตั้งตัวตนเอง
จัดการแยกระบบความเหลื่อมล้ำพอใจของแต่ละสิ่ง
ที่มีผลกระทบกับความรู้สึกนึกคิดของเรา...
-
เวลาที่เราคิดว่าคนอื่นนั้นไม่ดี
แต่สุดท้ายแล้วมารู้ว่าคนนั้นกลับดีมาก
ทำให้เรารู้สึกว่าเราไม่ดีเลยที่คิดแบบนั้น
เป็นเพราะความไม่เชื่อใจความระแวงสงสัย
ความคิดมากวิตกจริตที่ฝังอยู่ในสันดาน
พอคิดว่าจะลองกลับมาคิดดีๆกับคนอื่น
ก็กลัวอีกว่าคนอื่นๆที่ว่านี้ไม่ใช่คนดีกันทุกคนได้หรอก
สรุปคือก็ยังคงระวังแต่จะระแวงน้อยลง :38:
-
ได้รับสิ่งดีๆจากผู้มีพระคุณ
รู้สึกเป็นสุขใจยิ่ง...นี่แหละเรียกว่าความสุข
แล้วความสุขที่แท้จริงล่ะ...
ถ้าแท้จริงคงไม่จางหายไป
มันจะคงอยู่เช่นนี้ตลอดไป...
แต่ถ้าความสุขที่เรารู้สึกว่ามันหายไป
นั่นแหละ...ไม่ใช่ความสุขที่แท้จริง
เราสร้างความสุขขึ้นมาหลอกตัวเองชั่วคราวเท่านั้นเอง
-
ความรู้สึกมันปรุงแต่งขึ้นมาแล้ว
สติเราก็เลอะเลือนไปเรื่อยๆ
เราปล่อยใจไปตามความรู้สึกนั้นๆ
จนเพลินไปกับเรื่องราวที่มีตัวตน
เป็นประโยชน์หรือโทษสุดแล้วแต่
สติปัญญาจะสั่งสมมาแค่ไหน...
ช้าเร็วก็ตามแต่กำลังที่ได้ฝึกปฏิบัติมา
เข้าใจได้แค่ไหนก็แล้วแต่...
ความเป็นมาและความเป็นไป...
ขณะที่กำลังคิดสร้างเรื่องราวเข้าข้างตัวเอง
ทำให้รู้สึกโหวงๆเชื่อมใจเป็นห้วงๆในใจ...
เหมือนมีแรงดึงดูดและผลักดันเวลาที่คิด
เป็นแรงโน้มถ่วงที่เป็นความแปลกมหัศจรรย์
จะว่าเป็นความทุกข์ก็ไม่เชิงสุขก็ไม่ใช่...
มันก้ำกึ่งระหว่างสองอย่างเหมือนอยู่ตรงกลาง
อย่างลังเลว่าจะเลือกไปฟากฝั่งไหนดี...
-
เวลาเห็นคนอื่นลำบากก็เป็นทุกข์แทนเขา
แถมเอาตัวเองไปเปรียบเทียบให้ตัวเองยิ่งทุกข์เข้าไปอีก
เพราะว่าเราสบายกว่าเขา...สบายเกินไปก็เป็นทุกข์
-
ฝนตกปรอยๆ...
ค่อยๆตกหนักขึ้น...
แล้วก็ค่อยๆสงบ...
แล้วก็หยุดตก...
-
จะอะไรกันนัก...กันหนา
ไปเอามันมา...หาเรื่องเอง
ก็แก้ไปเอง...ผ่านมันเอง
รับก็แบบนี้แหละ...มากปัญหาไม่ยอมจบ
สู้ให้อย่างเดียวไม่หวังอะไร...จบง่ายเลย
แต่อย่างว่า...ให้ยาก...เพราะมันติด
รับง่าย...เพราะเคยตัว...
-
คุยกับคนๆนึง...
เค้าบอกว่า...
ทำไมบางคน...
ให้ความสำคัญกับวันเกิดนัก
จัดงานประจานอายุตัวเอง
เค้าไม่ชอบให้จัดงานวันเกิดให้เค้า
เหมือนตอกย้ำเค้าว่าแก่ลงอีกแล้วนะ
แม่ยังบอกเลยว่า...
คนจีนจะจัดแซยิดคืออายุครบ60ทีเดียวเลย
แม่เล่าให้ฟังอีกว่า...
มีคนจัดงานวันเกิดให้ลูก
แต่ทิ้งคุณย่าไว้ที่บ้านคนเดียว
มีเพื่อนคนนึงไม่รู้ว่าจัดวันเกิดที่ไหน
ก็แวะไปหาที่บ้าน...
บังเอิญพบคุณย่าล้มอยู่ในห้องน้ำที่บ้าน
ก็ช่วยนำส่งร.พ.ให้
ทุกคนไปงานวันเกิดแต่ลืมคุณย่าไว้ที่บ้าน
ทุกคนกำลังมีความสุข
แต่ทิ้งคนที่สำคัญไว้คนเดียว
อะไรคือความสุขที่แท้จริง...
-
วันนี้เป็นวันเกิด...
ของคนๆหนึ่ง...
ซึ่งมอบแต่สิ่งดีๆให้เสมอ
นับตั้งแต่เกิดมายังโลกใบนี้
ขอบคุณ...คนที่เกิดวันนี้
ที่เกิดมาให้ความสุขกับฉัน
ขอบคุณที่ให้สิ่งดีๆมอบให้กัน
ขอให้เธอนั้นพบเจอแต่สิ่งดีๆ
ฉันจะแบ่งปันสิ่งดีๆตอบแทน
-
เจ้านายสอนว่า...
เธอมีพ่อแม่แค่คนเดียวนะ
ต้องดูแลพ่อแม่ให้ดีๆ
คนเราเกิดมา...
มีพ่อแม่กันแค่คนเดียวเท่านั้น
ให้ใช้จ่ายอย่างประหยัด
รู้จักใช้เงินให้เกิดประโยชน์
เก็บเงินไว้ใช้คราวจำเป็น
:07:เจ้านายที่แสนดี
-
พูดไป เขาไม่รู้ กลับขู่เขา
ว่าโง่เง่า งมเงอะ เซอะหนักหนา
ตัวของเรา ทำไม ไม่โกรธา
ว่าพูดจา ให้เขา ไม่เข้าใจ
พระศาสนโสภณ(แจ่ม จตฺตสลฺโล)
ใช่เลย...เวลาพูดคุยอะไรกันทีไร
คิดนะว่าทำไมเขาไม่เข้าใจเราสักที
ที่แท้เราไม่เข้าใจตัวเองนี่เอง...
ว่าพูดไม่เป็น...พูดให้เขาเข้าใจไม่ได้เอง
ค่อยเป็นค่อยไปแล้วกันนะ...
สักวันเราจะเข้าใจตัวเราเองได้ชัดขึ้น
แล้วเราคงจะเข้าใจเขาเองว่าเป็นอย่างไร
-
ต๊ะละลุ๊ดตรู๊ดตรู๊ด...
ฮาโหล...รับรู้ได้ป่าว
ที่รู้ๆ...เรารับรู้แล้วนะ
เป็นความรู้สึกดีๆ...
ที่เราสร้างมันขึ้นมาเอง
เวลาที่ได้คิดถึง...
ใครคิดยังไงก็ได้อย่างนั้น
คิดให้มีความสุข...มันก็สุข
คิดให้มันทุกข์...มันก็มีความทุกข์
และแล้ว...
ตรู๊ดดดดดดตรู๊ดดดดดดตรู๊ดดดดด
สายก็ตัดไปอีกครั้งหนึ่ง... :16:
-
นับตั้งแต่เราได้รู้จักกันมา
ไม่รู้หรอกว่ามันนานแค่ไหนแล้ว
แต่รู้ว่าเรารู้สึกดีเสมอมา
ที่ได้รู้จักเธอมา...
เพราะว่าเธอมอบแต่สิ่งดีๆให้
หากวันหนึ่งเธอมอบสิ่งไม่ดีให้มา
ฉันก็จะรู้สึกดีๆกับเธออย่างนี้ตลอดไป
ขอบคุณที่เราได้รู้จักกัน...
ขอบคุณที่เราต้องพลัดพรากจากกันไป
-
เกิดมาเพื่อขอบคุณ...
ทุกครั้งที่เราขอบคุณ...เราคือผู้รับ
เกิดมาเพื่อตอบแทน...
ทุกครั้งที่เราตอบแทน...เราคือผู้ให้
เกิดมาเพื่อชดใช้...
ทุกครั้งที่เราชดใช้...เราคือผู้รับ
เกิดมาเพื่อให้อภัย...
ทุกครั้งที่เราให้อภัย...เราคือผู้ให้
เกิดมาเพื่อตาย...
ทุกครั้งที่เราตาย...เราไม่ต้องเป็นผู้ให้ผู้รับอีกต่อไป
-
วันนี้มีสาวสวยขอร้องให้ส่งข้ามถนน
เพราะกลัวรถไม่กล้าข้ามคนเดียว...
เราก็เลยเต็มที่เลย...ชอบเลยงานนี้ถนัด
พาสาวข้ามถนน อิอิ ถือโอกาสจับมือเลยล่ะ
รถก็เยอะจริงๆซะด้วย จับมืออยู่ตั้งนาน
กว่าจะได้โอกาสพาสาวข้ามถนนได้...
แล้วก็เลยยืนรอเป็นเพื่อนส่งสาวขึ้นรถซะเลย :08:
-
"รำคาญจัง" คำนี้เราพูดออกไป
เพราะว่าเรารู้สึกว่ารำคาญคนอื่น
ที่เค้าแสดงอะไรออกมาทำให้เราไม่พอใจ
เราจึงรำคาญเค้าจึงพูดแบบนี้ออกมา
ให้เค้าได้ยินได้รับรู้ว่าเรารำคาญ
ที่เค้าแสดงสิ่งนั้นออกมา...
ความจริงแล้ว...เรากำลังรำคาญตัวเองอยู่
โดยไม่รู้ตัว...เพราะเราทนไม่ได้เอง
ทนกับอารมณ์ตัวเองไม่ได้...
อารมณ์ไม่พอใจคนอื่นนั่นไง
เลยพาลไม่พอใจตัวเองไปด้วย
เฮ่อ...เมื่อไหร่จะเลิกพาลซะทีนะ
ไม่มีสติที่จะระงับยับยั้งชั่งใจอารมณ์ตัวเองเลยหรือไง
ไม่เป็นไร...มันผ่านพ้นไปแล้ว...
ต่อไปพยายามใหม่ก็แล้วกัน...
ตั้งสติดีๆนะ...ไม่งั้นก็เป็นเหมือนเดิมอีกนั่นหล่ะ
นิสัยไม่ดี :36:
-
ก็เราพบกันนี่นา...
ก็เลยต้องจากกัน...
เธอจากกันไป...
เธอบอกว่าเธอจะมาหาใหม่
ฉันบอกว่าจะรอเธอ...
แต่ฉันก็ไม่แน่ใจหรอก...
ว่าเราจะได้พบกันอีกไหม
ไม่เป็นไร...เมื่อวันนั้นมาถึง
เราคงรู้เองว่าเราจะได้เจอกันมั๊ย
ถ้าได้เจอกัน...วันแห่งความสุข
คงจะตลบอบอวลอีกครั้ง...
แต่ถ้า...เราไม่ได้เจอกัน....
ความสุขที่ผ่านมานั้น...
จะยังเป็นสุขตลบอบอวล...
ในความทรงจำเสมอๆแม้ไม่ได้พบเจอกัน
-
ข้อดีมีตั้งเยอะไม่หัดดู
กลับไปรู้ข้อเสียคนอื่นเขา
เราไม่ดีไม่เคยรู้ตัวของเรา
มัวแต่เอาข้อเสียเขามาประจาน
หัดเอาไว้ข้อดีนั้นมีถมเถ
อย่าซวนเซเที่ยวเพ่งโทษเล่ากล่าวขาน
ส่อนิสัยความไม่ดีในสันดาน
เป็นคนพาลนั้นไม่ดีอย่าไปเอา
กลับมาเป็นคนดีดีมีความสุข
ขจัดทุกข์ออกจากใจลดความเขลา
เห็นข้อดีทั้งคนอื่นและตัวเรา
ช่วยบรรเทาจิตให้ดีเบิกบานใจ
-
ถ้าเรายังไม่รู้ความจริง
เราก็ยังคงระแวงสงสัยอยู่นั่นแหละ
จะตัดสินเชื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
ข้างใดข้างหนึ่งก็ไม่ได้
เพราะไม่รู้ข้อเท็จจริงนั่นเอง
ซึ่งความจริงมันก็จะแบ่งแยกย่อย
ไปตามความคิดตามความไม่รู้
ตามการคาดเดา...
-
คอมเกรเร
เปิดปุ๊บดับปั๊บ
พิมพ์ๆไปดับเฉย
ต้องรีบพิมพ์รีบเซฟ
55555+
ตอนดับรู้สึกไม่พอใจ
เพราะเซฟไม่ทัน
เปิดแล้วรีบพิมพ์
ดูซิว่ามันจะยังไง
-
ในที่สุดก็เซฟทันแล้ว 555+
อย่างนี้รู้สึกพอใจ...
กว่าจะเปิดเครื่องได้
ต้องอธิษฐานเชียวล่ะ
ขอให้ติดเถิด...
ความอยากไม่ปราณีใคร 555+
อืม...แต่ก็ตลกดีที่คอมติดได้
-
อืมได้ข้อคิดเกี่ยวกับโอกาส
คอมมันติด...หมายถึงชีวิตที่เหลืออยู่
มีอะไรต้องการบอก...ก็รีบบอก
ถ้าคอมมันดับขึ้นมาเมื่อไหร่...
ก็หมดโอกาสที่จะทำอะไรในคอมนี้
แล้วนี่มีโอกาสแล้วจะบอกอะไรล่ะ
บอกให้ทุกคนมีสติที่แข็งแกร่ง...
รวมไปถึงเราด้วย...สติสำคัญ
ปัญญาก็เช่นเดียวกัน...
ศีลก็ควรปฏิบัติให้ได้...
สมาธิก็ทำทุกครั้งที่มีโอกาส
ขอบคุณคอมที่ใจดีมอบโอกาสนี้ให้
-
ความยุ่งยากใจมันยังเฝ้าหลอกหลอน
เพราะว่าเราไม่ปล่อยให้มันเลยผ่านไป
เรายึดมันมาวนเวียนอยู่ในความคิดเอาไว้
เพราะความกลัวความไม่รู้ทำให้เป็นไปอย่างนั้น
เมื่อมันถึงเวลาที่เรารู้เมื่อไหร่หมดความกลัวเมื่อไหร่
เราคงปล่อยให้มันผ่านเลยไปได้เสียที...
-
ท้องผูก...เพราะปัจจัยหลายอย่าง
แต่ทุกปัจจัยเป็นเหตุทำให้ปลดยากถ่ายลำบาก
ไม่มีวินัยในการถ่ายให้เป็นเวลา...
ทานอาหารที่ไม่มีกากใย...
ทำงานแล้วเครียดจนทำให้ระบบขับถ่ายไม่สะดวก
มีนิสัยชอบคิดเล็กคิดน้อยเอามาสะสมทำให้ตัวเองเครียดบ่อยๆ
ท้องร่วง...เพราะอาหารที่กินเข้าไป
เกิดปฏิกริยากับร่างกาย ทำให้ต้องรีบขับออกไปอย่างรวดเร็ว
แล้วก็ต่อเนื่อง จนทำให้รู้สึกผิดปกติ ไม่พอดีไป...
-
ชีวิตเรานี่มันช่างเรียบง่ายจริงๆ
มันไม่มีอะไรโลดโผนตื่นเต้นเลย
อยากตื่นเต้นกับเขาดูบ้าง...
แต่พอความตื่นเต้นระทึกใจเกิดขึ้น
ก็กลับไม่อยากให้มันเกิดขึ้น...
เพราะมันทำให้เราทุกข์ใจนั่นเอง
มันไม่ได้สนุกสนานตามจินตนาการเลย
คงดูหนังมากเกินไปจึงเป็นเช่นนี้...
-
แล้วเรื่องราวทุกอย่างก็ค่อยๆคลี่คลาย
ณ ตอนนั้น รู้สึกว่ามันอัดอั้นไม่มีที่ไป
แต่มาวันนี้ มันรู้สึกผ่อนคลายเบาบางลง
เวลา มันช่วยให้อะไรๆดีขึ้น...
เพราะมีสิ่งใหม่ๆเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา
สิ่งเก่าๆเราจึงลืมเลือนมันไปบ้างเท่านั้นเอง
และบางอย่างเราก็ปล่อยให้มันผ่านไปกับกาลเวลา
แต่ก็มีบางครั้งที่เราก็อดเผลอเอามาใส่ใจอีกเสมอๆ
-
กายนี้บังคับไม่ได้
บทมันจะเจ็บมันจะปวด
มันก็เป็นของมันนั่นล่ะ
แต่อันที่จริงที่มันเจ็บและปวด
ก็เพราะเราทำมันนั่นแหละ
เราสั่งสมทำมัน...มันจึงมีผลเช่นนั้น
เราจะปล่อยให้มันเรื้อรัง...
หรือจะยับยั้งเสียแต่เนิ่นๆ
ก็อยู่ที่เราว่าจะจัดการกับปัจจุบันอย่างไร
อนาคตมันจะเป็นไปเช่นนั้นแล
-
พักผ่อนกาย...
พักผ่อนใจ...
สบาย สบาย...
ใช้งานหนักมากเกินไป
มันก็มีผลเช่นที่เป็นนี้นั่นเอง
ไม่ใช้งานหรือใช้งานน้อยเกินไป
มันก็มีผลเช่นที่เป็นอย่างนั้นเอง
เพราะฉะนั้น...
สายกลางระดับความพอดี...
สมดุลที่ควรปรับตามประมาณ
จึงเป็นหน้าที่ที่เราควรรู้จักวางตน
สำรวมตน...
ความประมาท...เป็นบ่อเกิดแห่งความหายนะ
ความประมาท...เป็นบทเรียนเกิดการเรียนรู้
-
เป็นไงล่ะ ...ความตั้งใจที่จะพัก
สรุปก็คือ...มันไม่ได้พัก...
แถมโดนใช้งานหนักเสียด้วย...
แต่ก็แก้ไขให้มันไม่ต้องรับบทหนัก
อย่างที่เป็นมา...แก้ไขปรับปรุงบางส่วน
เพื่อให้ทุเลาเบาบางลงไปตามลำดับ
ดูผลแห่งการกระทำว่าจะช่วยให้อะไรดีขึ้นหรือไม่
ก็ต้องรอดูผลการกระทำนั่นแหละ...
-
ผลของการกระทำก็คือดีขึ้นกว่าเดิม
เวทนาความเจ็บปวดลดน้อยลง...
ต้องติดตามต่อวันพรุ่งนี้และวันต่อไปเรื่อยๆ
ว่าจะเป็นยังไงต่อไป...
ทางที่ดีให้มันได้พักบ้างคงจะดีไม่น้อย
แต่ในความเป็นจริงมันพักไม่ได้
เพราะยังมีความต้องการบวกกับ
ความจำเป็นที่คิดว่ายังไม่พอ
จึงทำให้ต้องรับผลการกระทำของตัวเองต่อไป
-
ตื่นมา...เหตุการณ์ยังปกติ
เป็นห่วงกังวลขุดอดีตขึ้นมาคิด
ว่าสักวันตื่นมา...เหตุการณ์จะไม่ปกติ
เพราะจำได้จึงเกิดความกลัวขึ้นมา
ปัจจุบันมันหายไปตั้งแต่ตอนที่เผลอ
ไปห่วงกังวลกับสิ่งที่ยังมาไม่ถึง
แล้วก็ไปกลัวกับสิ่งที่มันผ่านไปแล้ว
ปัจจุบันที่เรากำลังหายใจจึงหายไปทันใด
-
วิธีแก้ไขใช้ได้ผลเกินคาด
อาการเจ็บปวดลดน้อยทุเลาลง
วันนี้เลยใช้งานให้หนักทดสอบ
ปรากฎว่าได้ผลดีทีเดียว...
เอาล่ะ วิธีนี้ได้ผล ก็ใช้มันต่อไป
จนกว่ามันจะดีขึ้นจนเป็นปกติ...
-
ไม่ว่าอนาคตจะเป็นยังไง...ช่างมัน
ไม่ว่าอดีตจะเป็นยังไง...ปล่อยมัน
ไม่ว่าปัจจุบันจะผันผวนยังไง...ดูมัน
อะไรจะเกิด...ปล่อยให้มันเกิด...
ดูไปเถิด...ทำสิ่งที่ควรทำเถิด...
สิ่งใดไม่ควรทำ...ทำแล้ว...รับแล้วไป
สิ่งใดควรทำ...ทำแล้ว...ให้แล้วไป
-
ฝนตกลงมา...หลังคารั่ว
น้ำหยดติ๋งๆ...ลงมาโดนตัว
ไม่พอใจ...หลบหลีกด้วยความรำคาญ
พอใจ...ได้เพลิดเพลินกับหยดเย็นกระทบแต่ละที่
เฉยๆ...แค่แหมะๆกระทบแล้วก็ลาหายจากไป
เดินๆไปตามทาง...
บนถนนที่มีแอ่งน้ำขังหลายแอ่ง
ใจหนึ่งไม่อยากหลบเลี่ยง
แค่เดินผ่านแอ่งน้ำนั้นไป
แต่ความจำได้ทำให้รู้สึกฉลาดรู้
หลบเลี่ยงเส้นทางน้ำขังไปตามความเคยชิน
ขณะเลี่ยงเดินหลบน้ำขังก็คิดพิจารณา
หากเราไม่เดินหลบเลี่ยงแอ่งน้ำนั้น
เท้าเราคงเปียกน้ำและสกปรก
เราฉลาดหรือว่าเราเลือกทำในสิ่งที่พอใจตัวเอง
อะไรคือสิ่งที่สมควร...จู่ๆก็สงสัยขึ้นมาทันใด
เหมือนหยดน้ำที่หยดลงมาหา...
เราจะหลบหยดน้ำนั้นไปเสีย...
หรือแม้ว่าเลี่ยงหยดน้ำนั้นไม่ได้...
ก็ไม่ได้รู้สึกอะไรเมื่อน้ำมันหยดลงมาโดนเป็นระยะๆ
เพราะรู้ว่าน้ำที่มันหยดลงมาเปียกแล้วก็จะแห้งเอง
-
เมื่อเราไม่อิสระในห้วงกาลเวลา
ห่วงกังวลกับเวลาที่ยังมาไม่ถึง
และยังเอาอดีตมาประเมินแทนค่า
ในปัจจุบัน...และคิดว่ามันจะแน่นอน
เหมือนอย่างที่ผ่านมา...
แต่อะไรๆมันก็ไม่แน่นอน...
เปลี่ยนแปลงไปได้เสมอๆ...
เพราะฉะนั้นจึงควรอยู่กับปัจจุบันดีที่สุด
ไม่เช่นนั้นจะถูกอะไรๆครอบงำโดยไม่รู้ตัว
แล้วเมื่อนั้นเราก็จะติดอยู่ในบ่วง...
ไม่มีความอิสระ...มันยึดติดอยู่ในตัวตน
แห่งความเคยชินที่สั่งสมมายาวนาน
และวนเวียนอยู่อย่างนั้นไม่มีวันจบสิ้น
-
เวลาที่คนเรายึดติดในสิ่งที่รู้มานั้น
ทำให้เวลามาพบและพูดจากัน
ทำให้มีความคิดที่ไม่เหมือนกัน
เพราะรู้และเข้าใจไม่เหมือนกัน
จึงทำให้ต่างคนต่างยึดในสิ่งที่รู้มาต่างกัน
และยึดในสิ่งที่เชื่อแบบไม่เหมือนกัน
เวลาพูดคุยกันจึงหาความลงตัวได้ยาก
ต่างฝ่ายต่างก็ยึดในสิ่งที่รู้และเชื่อ
ต่างตะแบงจะให้คนอื่นมาเข้าใจและรับรู้
อย่างเดียวกับที่ตนรับรู้และเข้าใจ
แต่คนอื่นเขาก็รับรู้และเข้าใจไม่เหมือนเรา
จึงหาจุดที่เข้าใจกันทั้งสองฝ่ายไม่ได้
หากรู้จริงเข้าใจเหมือนกันก็ไม่ต้องมีอะไร
แต่เพราะไม่เข้าใจกันจึงมีอะไรยืดยาวไปเรื่อยๆ
-
วันนี้พ่อบอกว่า เมื่อ 40 ปีที่แล้ว
พ่อต้องหยิบเสื้อหนาวมาใส่เพื่อล้างรูป
วันนี้ก็เป็นอีกวันหนึ่งที่พ่อทนไมได้
ต้องหยิบเสื้อกันหนาวขึ้นมาใส่อีกครั้ง
วันนี้หนาวเย็นจิกเข้าไปข้างในลึกๆ
ทรมานหลายอย่างดีจริงๆ...
เวลาร่างกายมันหนาวจนสุดจะทนไหว
มันเลยขับลมพิษขึ้นมาเต็มไปหมด
คันและรู้สึกถึงความอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั่ว
หายหนาวไปได้พอประมาณ...
เพราะมัวแต่รู้สึกคันบวกกับอาการคลุ้มคลั่งที่กระเพาะ
คงกินมะม่วงไปเยอะกินตอนท้องว่าง
พี่ๆเตือนก็ไม่เชื่อ เพราะปกติเป็นคนธาตุหนัก
วันนี้เลยรู้แล้วว่ามะม่วง(สุก)ทำให้ขับถ่ายสะดวกอย่างนี้นี่เอง
-
พรุ่งนี้เธอจะมาหา...
ดีใจจริงๆที่เธอมา...
ทำให้รู้ว่า...
เธอปลอดภัยดีอยู่...
เราจะต้องพบกันอีกกี่ครั้ง
จากกันอีกกี่หน...
คงไม่รู้นับครั้งไม่ได้หรอก
แต่ที่รู้ๆได้เจอเธอทีไร...
ต้องขอบคุณเธอที่มาพบเจอกัน
ทำให้วันที่เราพบกัน...
มีแต่ความรู้สึกดีๆที่ได้เจอกัน
แม้จะต้องจากกันอีกเหมือนเคย
ก็ยังคงรู้สึกดีๆตลอดไป...
แม้จะไม่ได้พบเจอกันอีกก็ตาม
ขอบคุณที่มีวันที่ทำให้มีความรู้สึกดีๆ
-
ไม่รู้ว่าเธอและใครจะคิดยังไงนะ
แต่ที่รู้ๆเราหน่ะคิดไปเยอะแยะแล้วล่ะ
เวลาคิดทีไรมันก็ไม่พ้นคิดสุขกับทุกข์
ตอนที่คิดสุขมันก็ชอบใจรู้สึกดีไปหมด
ตอนที่คิดทุกข์มันก็ทรมานใจรู้สึกหนักอึ้งไปหมด
เวลาที่คิดแล้วมันไม่รู้สึกตัวมันเผลอไปนะ
พอมารู้สึกว่าคิดอะไรอยู่ สติมันค่อยกลับมาได้นิดนึง
แล้วมันก็ไปอีกแล้ว ไปคิดอีกจนได้
เหมือนตัวชาร์ทแบตตอนนี้เลย...
อาการหนักชาร์ทปุ๊บติดๆดับๆงอแงชมัด
ต้องขอร้องขอเลยว่าขอให้ชาร์ทได้ไม่ขัดข้องเถอะ
กว่าจะขอร้องกันรู้เรื่องทำใจไม่ดีไปพักใหญ่
แต่ก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี แต่วันต่อไปไม่รู้นะ
ไว้ว่ากันตอนนั้นอีกที ว่าจะจัดการยังไงต่อไป
-
เธอบอกลาแล้ววันนี้
แต่เธอบอกว่าจะมาใหม่
อีก4เดือนข้างหน้าได้เจอกัน
ฉันบอกว่าจะรอเหมือนเดิม
ไม่รู้ว่าวันที่ได้เจอกันนั้น
จะมีไหม...แต่ที่รู้ๆวันนี้ได้เจอกัน
และได้จากกันแล้ว...
ความรู้สึกดีๆมันยังอยู่
และความรู้สึกไม่มีเธอก็เกิดขึ้นอีก
-
^^ ขอบคุณครับพี่เล็ก แสงธรรมนำใจมากมายมหาศาลเลยครับ
-
:13: :07: ใต้ร่มเงานี้มีที่พักใจ :19:
แสงธรรมให้ปัญญามหาศาล
บทพิสูจน์เข้ามาแล้วพ้นผ่าน
เป็นเพียงกาลฝากไว้ใต้ร่มธรรม :07:
-
แม้ว่า...อะไรๆจะเปลี่ยนแปลงไป
บางทีต้องปล่อยให้มันเป็นไปซะบ้าง
หากไม่ปล่อยให้มันไปมัวยึดมันเอาไว้
บางทีก็เป็นบ้าหนักหนาสาหัสทีเดียวเชียว
เอามาเป็นสาระทีไรมันก็มีมากมายก่ายเป็นกองๆ
ประโยชน์ที่ได้ก็คือแค่ความรู้สึกที่เกิดขึ้นคือเกิดรู้
แล้วสุดท้ายมันก็ดับรู้ไปในที่สุด...
-
พิมพ์แล้วหาย
พิมพ์แล้วหาย
คอมงอแง...
หาข้อความไม่เจอแล้ว
-
วันนี้คุณคอมใจดี...
ยอมให้พิมพ์ข้อความฝากไว้
ขอบคุณ...คุณคอมใจดี...
เล่าทะเลบนถนนให้คุณคอมใจดีอ่านนะ
เมื่อวานฝนตกหนักมากเลย...เทกระหน่ำ
จนน้ำบนถนนเยอะแยะมากมาย...
แล้วรถบนถนนก็วิ่งไปมา...
จนทำให้น้ำบนถนนกลายเป็นระลอกคลื่น
รถวิ่งเร็วหน่อย...คลื่นก็สูงและแรงหน่อย
รถคันเล็กวิ่งช้าหน่อย...ระลอกคลื่นก็สวยงามพลิ้วไหว
มีรถบรรทุกวิ่งผ่านมาค่อนข้างไว...
คลื่นสูงสาดซัดจนต้องหันหลังหนี(กลัวเปียก)
แสงไฟที่สาดส่องไปกระทบที่ระลอกคลื่น...
เป็นภาพอันงดงาม ณ บนท้องถนนแห่งหนึ่ง...
-
ความเก่งความฉลาดรู้มากทำให้เราคิดเอาเปรียบคนอื่น
เพื่อตักตวงเอาผลประโยชน์เข้าหาตนเอง...
เพราะรู้มากเลยเอาเปรียบคนอื่นได้มาก...
ถ้ารู้มากแล้วไม่มีความดีไม่มีคุณธรรมมันจบเลย
เพราะกลายเป็นคนเห็นแก่ตัวไป หวังแต่เอาไม่ยอมเสีย
ไม่เผื่อแผ่แบ่งปันผลประโยชน์ดีๆให้กับผู้อื่น...
จ้องแต่จะเอาแต่ผลประโยชน์เข้าหาแต่ตัวเองฝ่ายเดียว
ไม่ละอายใจที่รู้มากอย่างนี้ ทำให้คนอื่นเสียความรู้สึก
มัวแต่หลงระเริงผลประโยชน์ที่ตนเป็นผู้ฉลาดตักตวงความพอใจแต่ฝ่ายเดียว
-
เขียนสั่งลา...
บอกลากันช่วงที่ยังมีลมหายใจอยู่
ขอบคุณทุกท่านที่มีพระคุณ...
ขอบคุณสำหรับน้ำใจความหวังดีที่ให้มาไม่หวังสิ่งตอบแทนใดๆ
ขอบคุณสำหรับความอดทนที่มีให้เสมอมา...
ขอบคุณความเหนือยยากที่สอนให้รู้จักอดทนและเรียนรู้อยู่กับมัน
ขอบคุณสำหรับความเปลี่ยนแปลงทำให้รู้จักเข้าใจและยอมรับมัน
ขอบคุณจริงๆมากมาย
-
การมองดูใบหน้าคนบางคน
ทำให้รู้จักอะไรเพียงแค่ตื้นๆ
ในใจลึกๆนั้นรู้จักยากกว่า...
แต่ใบหน้าก็ให้อะไรได้บ้างเล็กน้อย
การเรียนรู้ใจคนอื่นมันก็เพียงช่วงเวลาสั้นๆ
แต่การเรียนรู้ใจตัวเองนี่มันเกิดขึ้น...
นับตั้งแต่เกิดขึ้นมามีลมหายใจ...
จนกระทั่งลมหายใจสุดท้ายดับไปนั่นเอง
รู้ใจตัวเองได้นานแค่ไหนขณะมีลมหายใจ...
มีสติรู้ทันแค่ไหน นับตั้งแต่มีลมหายใจอยู่...
เราต้องกลับมาทบทวน...และอยู่กับมันให้ได้ทุกขณะ
รู้จักกับมัน ลมหายใจที่รัก...
-
พิมพ์อย่างกับว่า...จะไม่ได้พิมพ์
ใช่...กลัวนะ กลัวว่าจะไม่ได้พิมพ์อีกต่อไป
กลัวคุณคอมจะเปลี่ยนใจ ดับวูบอีกครั้งหนึ่ง
แต่อย่างน้อย...วันนี้ก็ได้พิมพ์อีกครั้งนึงนะ
ไม่ว่าจะได้พิมพ์อีกหรือไม่...
อย่างน้อย...วันนี้...ยังอยู่...และได้พิมพ์แล้ว
ปล. เพราะคุณคอมไม่งอแง รักคุณคอมนะ
-
เมื่อได้รับรู้ความทุกข์ของผู้อื่น
ทำให้รู้สึกเกิดการเปรียบเทียบ
ระหว่างฉันกับเธอเกิดขึ้นทันใด
ฉันมันสบายเกินไปหรือเปล่า...
ทำไมเธอต้องเผชิญกับชะตากรรมเช่นนั้น
ฉันจะต้องเผชิญชะตากรรมอย่างเธอมั๊ย
เธอให้อะไรกับฉันมากมายบรรยายไม่ถูก
สิ่งที่เธอต้องทนทุกข์นั้นฉันได้รับรู้แล้ว
ฉันรู้นะว่าเธอจะต้องผ่านพ้นมันไปในวันหนึ่ง
เหมือนที่ฉันก็ต้องผ่านพ้นมันไปในวันหนึ่งเช่นกัน
เธอกับฉันไม่ต่างกันเท่าไหร่หรอกนะ...
กำลังใจเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด...
ขอเพียงให้เข้มแข็งอดทน...เราจะผ่านพ้นมันไปได้เอง
เพราะในที่สุดความตายมันก็คือเส้นชัยสุดท้ายที่รอเรา
แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ...วินาทีก่อนเข้าเส้นชัย...
ว่าเราทุกคนจะเข้ามันไปเพื่อเริ่มออกเดินทางกันอีก
หรือถึงเวลาแห่งการพักผ่อนหยุดเดินทางสักที...
-
เวลาเหมือนจะผ่านไปเร็วนะ
แต่บางทีก็เหมือนเดินช้าเหลือเกิน
ในความเป็นจริง...เวลาไม่ได้เดินไปไหนเลย
แต่ใจเราต่างหาก...หมุนรอบความเป็นไป
เราเดินหมุนวนอยู่อย่างนั้นอย่างไม่รู้จักเบื่อ
ซ้ำแล้วซ้ำเล่า...ผ่านพ.ศ.แล้วพ.ศ.เล่า...
จากรุ่นสู่รุ่น...จากอีกชาติไปสู่อีกชาติ...
จากเมื่อวานมาสู่วันนี้จนไปพรุ่งนี้...
เป็นอยู่อย่างนี้นานแสนนาน...นานเหลือเกิน
-
อย่าดีกว่า...ไม่ใช่เพราะกลัว
แต่เพราะไม่อยากยืดเยื้อต่างหาก
เวลามีเยื่อใย มันยืดยาดหัวใจ
ตัดเยื่อใยไปเลยดีกว่า...
แค่คนเคยรู้จักกัน...
แค่เคยมีสิ่งดีๆมอบให้กัน...
แค่เคยจำได้แล้วก็ลืมเลือนไป
-
เรากำลังคิดอะไรอยู่...
เรากำลังทำอะไรอยู่...
ช้าลงหน่อยสิ...จะได้ทันเห็น
เร็วจนเคยชิน...จนไม่รู้สึกว่าทำอะไรอยู่
พลาดเพราะมันรู้อะไรไม่ทันนั่นเอง
หรือเป็นเพราะไม่รู้อะไร...มันเลยเป็นไปเช่นนั้น
-
เปลี่ยนจริง...ถ้ามีสติ
ข้ามถนน...มองขวาอย่างเดียว
ทำท่าจะข้าม...แต่ถอยหลัง...
มอเตอร์ไซด์ย้อนศรเสียหลัก...
ชนนิ้วก้อยเซเกือบคว่ำแต่ไม่คว่ำ
"ขอโทษ"อย่าให้ล้มไปกลางถนนเลย
ไม่เป็นไร...เห็นชำเลืองมองว่าไม่เป็นไร
หลายเหตุปัจจัยเกิดขึ้นจึงรีบไปจาก...
มองมือตรวจสอบนิ้วปกติแค่เจ็บและมีรอยดำๆ
หัวใจเต้นแรงซักพักหนึ่ง...แล้วค่อยๆปกติเหมือนเดิม
ไม่โกรธกันให้อภัยกัน ต่างฝ่ายต่างไม่เข้าใจ
จึงเกิดการปะทะกัน...ตอนนี้จากกันแล้ว เข้าใจแล้ว
ไม่ต้องอะไรต่อกันแล้ว อย่างน้อยก็ไม่เป็นไรนะไม่เป็นไร
-
อัตตา...โดนกระแทกเต็มๆ
อัตตาเขากระแทกใจเราเต็มๆ
มุมมองความเชื่อความคิดแบบเขา
เขามองในแบบของเขา...
เราเองก็มีมุมความคิดแบบของเรา
จะว่ากันอย่างเป็นกลาง...
ความคิดเขาก็ถูกไม่ผิดหรอก...
ออกจะเป็นกลางด้วยซ้ำ...
แต่เมื่อกลับมาคิดในมุมของเราเอง
เรากลับรู้สึกว่าถ้าเราทำตามในมุมความคิดเขาแล้ว
เราจะฝืนตัวเองไปมั๊ย...เราเคยชินแบบนี้แล้ว
ถ้าเราต้องปรับเปลี่ยนไปเราจะทำเพื่ออะไร...
ในเมื่อสิ่งที่เราทำอยู่นั้น...เราสบายใจกับมันแล้ว
ถ้าเราต้องปรับเปลี่ยนแล้วเป็นทุกข์...
เราจะฝืนปรับเปลี่ยนมันไปทำไม...
หรือว่าเราจะลองปรับเปลี่ยนดูก่อน...
ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น...หรือเราจะเป็นตัวของตัวเองแบบนี้ไปเรื่อยๆ
เอาล่ะ...ติดตามดูตัวเองไปเรื่อยๆดีกว่า...
หรือว่าเราใช้ชีวิตไปตามเหตุปัจจัยมากเกินไป
จึงกลายเป็นติดยึดกับความพอใจเดิม..นิสัยเคยชินเดิมๆ
น้อยคนที่จะใช้ชีวิตแบบเรา...เขาเลยมองว่าแปลก...
ในความเป็นจริงมันไม่ได้แปลกอะไรเลยในสิ่งที่เราเป็นอยู่
แต่เราก็ขาดความเชื่อมั่นเพราะเขากระแทกใจเรา...
แถมอัตตาเราก็โพล่งเหตุผลร้อยพันแจกแจงให้เขาเข้าใจเราอีก
อืม...นี่แหละนะความเป็นไปที่เราต้องหัดเรียนรู้อยู่กับคนบนโลกนี้
อย่างพอเหมาะพอควร...ซึ่งอันที่จริงเราเองก็คงทำอะไรไม่ถูกใจคนอื่นได้หมด
แต่สิ่งที่เราทำมานี้...มันถูกใจเราเอง...เราพอใจที่จะเป็นอย่างนี้นี่เอง
-
มีตัวตน มีเรื่องราว มีเหตุผล
มีสับสน มีมากมาย มีกรงขัง
มียึดติด มีหลงไหล มีพลาดพลั้ง
มีกำลัง มีปัญญา มีผ่านพ้น
-
สังขารก็เสื่อมเจ็บออดๆแอดๆ
อากาศก็เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา
ภาระกิจหน้าที่ก็รอให้เราไปทำ
เราเสร็จมัน หรือว่ามันเสร็จเรา
ไม่มีมัน ไม่มีเรา แล้วจะเสร็จมั๊ย
ต่างพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน
เสร็จอย่างพัฒนาเจริญก้าวหน้าต่อไป
-
เห็นคนตาย...เขาแค่ตายไปก่อนเรา
คนที่อยู่นั่งเสียใจร้องไห้คร่ำครวญ
ร้องยังไงคนที่ตายก็ไม่ฟื้นคืนกลับมา
แต่ทุกครั้งที่คิดถึงคนที่ตายไปแล้ว
เขาจะกลับคืนมาทุกครั้งที่คิดถึงเขา
แม้จะผ่านไปนานแค่ไหนก็ตาม...
ตราบใดที่เรายังมีลมหายใจอยู่
และยังมีความทรงจำที่จะคิดถึง
เขาก็จะยังอยู่ในความคิดเราเสมอ
-
อากาศมันก็ไม่เที่ยงอย่างนี้ล่ะ
จะให้มันยึดติดเหมือนเดิมไม่ได้หรอก
ปีนี้ฤดูร้อนมีฝนตกและอากาศหนาวเย็น
สงกรานต์ปีนี้จะได้เล่นน้ำกันหรือเปล่า
หนาวขนาดนี้จะเล่นได้เหรอ
ได้แต่คิดในสิ่งที่มันยังมาไม่ถึง
เมื่อเวลามาถึงเราก็รู้เองว่าเล่นได้หรือไม่ได้
อะไรที่เราไม่รู้แต่กลับอยากรู้มันก็ไม่รู้อยู่นั่นแหละ
แต่อะไรที่เรารู้แล้วแต่กลับไม่รู้มันก็รู้แบบไหนเลือกได้
รู้ในแบบไม่รู้ หรือจะรู้ในแบบรู้ จะเผลอไม่เผลอนี่แหละ
-
ทำยังไงจะเปลี่ยนนิสัยตัวเองให้ดีขึ้น
นิสัยแบบนี้มันไม่ดีก็รู้ๆอยู่แต่ก็ยังเผลอทำ
จะทำยังไงหากเผลอทำไปแล้วมันผ่านไปแล้ว
ก็คงต้องตั้งต้นใหม่ในปัจจุบัน...
พยายามที่จะไม่เผลอทำนิสัยไม่ดีอีก
ก็รู้อยู่แล้วนี่นาว่านิสัยไม่ดีที่ทำ...
มันทำให้เกิดผลยังไงบ้าง...
ทำยังไงไว้ก็สมควรที่จะได้รับผลที่ทำไป
เพราะเช่นนั้นควรทำสิ่งใด...
พยายามอย่าเผลอทำในสิ่งไม่ควร
-
เวลาเราทำอะไรที่ไม่ควร
ทำอะไรแล้วลึกๆเรารู้สึกว่าผิด
เราจะมีความกลัวอยู่ในใจ
ทำไปด้วยความระแวง...
ตะขวิดตะขวางกังวลใจ
สำนึกข้างในมันเตือนตลอด
แต่บางทีเราก็ไม่ยอมรับว่าผิด
-
วางแผนเดินทาง...จะไป
พอถึงวัน...จะออกเดินทาง
ถนนขาดไปไม่ได้...อดไป
แต่ยังหวังว่า...จะได้ไป...
ถ้าความตั้งใจ...จะไปยังไม่หยุด
ไม่ว่าอะไรจะเปลี่ยนแปลงไปแค่ไหน
ความตั้งใจหากยังไม่เปลี่ยนแปลง
คงได้เป็นไปอย่างที่ตั้งใจ...
คงได้...คือหวังว่าจะแน่นอน...
-
ศีลนี่...ฝึกให้เราอยู่กับธรรมชาติ
ฝึกให้อยากน้อยลงไปตามข้อบังคับของศีล
เวลาธรรมชาติผันผวนวิกฤตเช่นนี้
จะได้ไม่ทุกข์ร้อนมากเกินไป...
กินอยู่นอนทำอะไรได้อย่างปกติสุข...
ฝึกกินวันละมื้อ...ไว้ยามขาดแคลน
ฝึกอยู่กับสิ่งที่ไม่ปรุงแต่งตามใจ...
เมื่อไม่มีสิ่งเหล่านั้นจะได้เรียนรู้อยู่กับธรรมชาติได้
ยิ่งเราสร้างอะไรมามากเท่าไหร่...
ทำให้เราหลงติดไปกับสิ่งที่สร้างขึ้นมาหรือไม่
ต้องทบทวนตัวเราเองแล้ว...ว่าติดมั๊ย...
เราตามโลก...โลกมันหมุนไปช้าเร็วตามกระแส
คนทำให้โลกหมุน...โลกมันหยุดของมันอย่างนั้น
แต่คนผลักให้โลกหมุนไป คนก็วิ่งตามไล่ล่าการหมุนของโลก
การวิ่งทันโลกทำให้เรารอบรู้ทันโลก...
การหยุดตามกระแสการหมุน ทำให้เราพอใจ
ที่จะอยู่กับโลกส่วนตัวของตัวเราเอง...
-
ส่งจดหมายไปกี่ฉบับก็ไม่ถึงสักที
เพียงแค่ไม่ได้ลงทะเบียนจดหมาย
ตรวจสอบหาจดหมายก็ไม่ได้...
เค้าไม่รับผิดชอบการหายไปของจดหมาย
ก็เลยลองส่งแบบลงทะเบียน...
เค้าว่าตรวจสอบได้และเค้ารับผิดชอบ
ให้เก็บใบเสร็จไว้ตรวจสอบในภายหลัง
ถ้าจดหมายฉบับดังกล่าวสูญหายไปไม่ถึง
กลับมาคิดดูอีกที...ต่างกันที่เงินใช่มั๊ย...
เค้าถึงรับผิดชอบมันมากขึ้น...
เงินมีค่าทำให้จดหมายติดตามตรวจสอบได้
ส่วนจดหมายที่ค่าเงินน้อย...ถ้ามันสาปสูญไป
ก็ไม่มีอะไรที่จะติดตามตรวจสอบมันให้เจอได้เลย
ไม่มีค่าก็ดีเหมือนกัน...จบๆจากๆไป
-
อารมณ์เสีย บูด เน่า ...
ทำไม เขาไม่เข้าใจเราซะบ้างเลย
ไม่เคยเห็นอกเห็นใจเราบ้างเลย
ไม่เคยคิดถึงใจเราว่ารู้สึกยังไงเลย
ไม่รู้ว่าทำให้คนอื่นเดือดร้อนใจยังไงเลย
นี่เรากำลังทุกข์ใจเพราะเขาอยู่นะ
ไม่เคยรู้เลยหรือไงนะ...มีความสุขบน
ความทุกข์ของผู้อื่นแบบนี้จนเคยชินล่ะสิ
ส่วนฉันเองก็เคยชินที่จะเป็นทุกข์เพราะ
การโทษแต่คนอื่น...อยากให้เขาทำอะไร
เป็นที่พอใจของเราตลอด...
พอเขาทำอะไรไม่พอใจเราขึ้นมาก็เครียด
ที่จริงเขาไม่ใช่สาเหตุทำให้เราเครียดหรอก
ที่แท้เรานี่แหละ ตัวบงการใหญ่
ที่คอยแต่ทำร้ายตัวเองไม่หยุดหย่อน
มันบ้ามันโรคจิต มันเป็นโรคประสาท
ตัวเองยังไม่เข้าใจตัวเองเลยว่าเป็นอะไรอยู่
แล้วยังบ้าจะไปให้คนอื่นเข้าใจตัวเองอยู่ได้
บ้าจริงๆ อย่างนี้เค้าเรียกว่า บ้าชัดๆ
-
รู้หมดว่าคนอื่นจะต้องทำยังไง
ให้ถูกใจเรา...แถมบอกเขาอีก
ว่าต้องทำอย่างไรบ้าง...
ไม่ให้เราไม่พอใจ...
แต่เวลาเราเอง...
กลับไม่รู้ตัวเองว่าจะต้องทำยังไง
ให้คนอื่นเขาถูกใจและพอใจ...
แม้บางทีรู้แต่ก็ทำอย่างที่รู้ไม่ได้
ทำไมนิสัยเสียขนาดนี้...บ้าจริงเชียว
-
ลองมันไม่ใช่เรื่องของเราดูสิ
ไม่เดือดร้อนไม่รู้สึกอะไรหรอก
แต่นี่มันเป็นเพราะเรื่องของเรา
เราเลยรู้สึกอะไรต่อมิอะไรไปหมด
นั่นนู่นนี่เรื่องราวมากมายเยอะแยะ
เกี่ยวพันโยงใยยุ่งเยอะแยะแวะเวียนวน
ไม่รู้ว่าจะยิ่งยุ่งเหยิงหรือจะคลายปมปัญหาได้
ก็แล้วแต่เวรแต่กรรมที่ทำในขณะปัจจุบันนั่นล่ะ
ตัดสินกันทุกขณะลมหายใจเข้าออกกันอยู่แล้ว
-
พิมพ์ไปได้ 4 บรรทัด คอมดับ
เลยต้องมาพิมพ์ใหม่ ไม่เหมือนเดิม
หลังจากแยกกันมาคนละที่
ก็มารวมอยู่ด้วยกันในที่เดียวกัน
และก็ต้องแยกย้ายจากกันไปอยู่ดี
เตือนคนอื่นให้ระวังรักษาสุขภาพ
แต่ตัวเองก็ใช้สังขารไม่บันยะบันยังเหมือนกัน
บอกให้คนอื่นทำ เราจึงควรทำได้ก่อน
ให้เค้าเห็นเป็นตัวอย่างจะได้น่าเชื่อถือ
แต่บางทีคนเราก็ดื้อรั้นเชื่อในความคิดตัวเอง
บางทีก็ปล่อยปะละเลยไม่ดูแลจนเกินพอดี
กว่าจะรู้ก็เรียกได้ว่าสายเสียแล้ว ไม่ก็เกือบเสียแล้ว
ก็นั่นล่ะ เรียกว่า กรรมใคร กรรมมันนั่นล่ะ...
-
เพียงแค่ไม่ได้ผูกพันเกี่ยวข้องกัน
เพียงแค่รู้จักกันแค่เพียงผิวเผิน
เพียงแค่พบกันแต่อยู่กันคนละทางเดิน
เพียงแค่เมินกันไปตามกาลเวลา
เพียงแค่นี้พอแล้วได้เพียงแค่นี้
เพียงที่มีไม่ต้องคอยห่วงและหา
เพียงแค่เป็นเพื่อนกันคอยเยียวยา
เพียงเมตตาดูแลกันตามสมควร
-
เพราะมันจำอดีตได้เอามาคิดจินตนาการต่อ
จำอดีตที่มีทั้งทุกข์และสุขที่ผ่านพ้นไปแล้ว
คิดจินตนาการสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้นให้เป็นทั้งทุกข์และสุข
ทั้งฟุ้งซ่านสร้างสรรค์ไปต่างๆนานา อีกทั้ง
วางแผนสิ่งที่ยังมาไม่ถึงไว้มากมายต่างๆนานา
บางอย่างก็เป็นไปอย่างที่ใจต้องการ...
แต่บางอย่างมันก็ไม่เป็นไปอย่างที่ใจปรารถนา...
มันก็เป็นอย่างนี้แหละ เป็นไปเช่นนั้นเอง
-
(http://www.ohzeed.com/happy_044.gif) (http://www.ohzeed.com)
-
เราเป็นยังไง เขาก็เป็นอย่างเราเป็นนั่นล่ะ
เคยสังเกตดูในบางครั้งมันเป็นอย่างนี้จริงๆ
ความคิดอะไรที่เราคิดว่าเขาเป็นอย่างนั้นอย่างนี้
ที่จริงเราเป็นไปไม่รู้ตัวเสียแล้ว...
มันเป็นเพราะเราก่อน เขาจึงเป็นเหมือนเราเช่นนั้น
บางทีเขาไม่ได้เป็นอะไรอย่างที่เราคิดหรอก
แต่พอเราคิด เขาก็เริ่มเป็นไปอย่างที่เราคิดไว้
บางทีเราคิดว่าเขาเป็นก่อนที่เราจะคิดเสียอีก
แต่ถ้าเราไม่คิดว่าเขาเป็นอะไร แล้วเขาจะเป็นอะไรล่ะ
เราเป็นไปตามความคิดที่เราคิดไว้หลายอย่างอยู่
กลับมาทบทวนความคิดตัวเองแล้ว มันคล้ายๆเราคิดนั่นล่ะ
-
เป็นแค่นี้ดีแล้วล่ะ
อย่าเป็นมากกว่านั้นเลย
เป็นอย่างไหนที่ใจต้องการ
เมื่อไหร่จะพอล่ะ...
มันไม่เคยพอเลยใจ
เป็นแค่นี้...เท่านี้ดีแล้ว
อิสระอย่างนี้เส้นขนานอย่างนี้
ไม่ต้องมีความรู้สึกว่าเคยอยู่ร่วมกัน
แล้วต้องมาแยกจากกันไป...
เพราะต่างฝ่ายต่างอยู่อย่างอิสระต่อกัน
-
อิ่มบุญอิ่มใจอิ่มความรู้สึกดีๆ
อิ่มกุศลอิ่มความคิดเชิงบวกๆ
อิ่มแค่ไหนมันก็มีจุดอิ่มตัว
อิ่มแล้วก็พอแล้ว...
หิวอีกเมื่อไหร่...
อิ่มเมื่อนั้น...
-
เวลาอารมณ์อยู่เหนือสตินี่
พาลทำอะไรได้อย่างไม่รู้สึกละอาย
หลงคิดเข้าข้างตัวเองอยู่เสมอๆ
ขอให้ได้ทำอย่างที่ใจต้องการไว้ก่อน
ไม่สนใจว่าสิ่งที่ทำจะเกิดผลอะไรภายหลัง
ไม่ได้พิจารณาไตร่ตรองให้รอบคอบ
สุดท้ายไม่ใช่ใครที่ไหนมานั่งรับผลกรรม
ที่ตัวเองนั่นล่ะ เป็นผู้กระทำไปทั้งนั้น
-
สุข...ทุกข์
ดี...ร้าย
ได้อย่าง...เสียอย่าง
มุมขวา...มุมซ้าย
ฝั่งนี้...ฝั่งโน้น
มี...ไม่มี
เกิด...ตาย
เย้...คอมได้เกิดใหม่อีกครั้ง
-
มันไม่แน่นอนอย่างนี้นี่เอง
มันยังรู้สึกทุกข์สุขอยู่อย่างนี้นี่เอง
มันยังมีตัวตนอยู่นี่เอง
จึงมีอะไรมากมายอยู่อย่างนี้นี่เอง
-
แค่เราหวังดีกับเขา
แต่คนอื่นกลับมองว่าเรา
ทำเกินไปกับเขา...
เราก็เลยต้องกลับมาทบทวน
อืม...เราทำมากเกินไปจริงๆ
ก็เราคาดหวังในตัวเขามากเกินไป
พอเขาทำไม่ได้อย่างที่เราคาดหวังไว้
เราก็เลยกดดันเขาซะจนเขาร้องไห้
เราเอาแต่ใจตัวเราเองมากเกินไป
ไม่เข้าใจเขาว่าเขาจะเข้าใจเรามั๊ย
แค่อยากให้เขาเข้าใจ...แต่แล้ว...
กว่าเขาจะเข้าใจ ก็กินเวลาไปอีกสักพัก
-
มันผ่านไปแล้ว....
ปล่อยให้มันผ่านไป
อะไรที่ไม่สมควร...
ทำเกินเลยไปกว่าเหตุ
ก็ให้ปรับปรุงตัวเอง...
อะไรที่ทำแล้วดี...
ดีที่ตั้งอยู่ในความเป็นกลาง
ก็ทำต่อไป...
-
บางทีไม่ต้องอธิบายอะไรให้มันยาวยืดหรอก
เดี๋ยวความจริงมันก็แสดงออกมาของมันเอง
เพียงอาจต้องใช้เวลาในการบอกเผยความจริงของมัน
....
จะคิดให้มันดี มันก็ดีอย่างนั้น
จะคิดให้มันไม่ดี มันก็ไม่ดีอย่างนั้นเอง
ก็เลือกเอาแล้วกัน ว่าจะคิดยังไงกับมันดี
คิดดีก็มีความสุขสบายใจไป
คิดไม่ดีมันก็มีความทุกข์วุ่นวายใจไปเลย
....
เพราะอยากนั่นล่ะ นำพาทุกสิ่งมาหมดเลย
ทั้งทุกข์และสุข อยากยังไง ก็ได้อย่างนั้นนั่นแหละ
-
มันยังติดสุขสนุกสนาน
มันก็เลยยังอยากอยู่อย่างนี้
เหตุแห่งการหลงติดสุขสนุกสบาย
ก็เป็นผลทำให้ยังเป็นทุกข์อยู่นี่ล่ะ
-
เวลากายมันร้อน
แล้วใจมันร้อน
เหมือนตกนรกทั้งเป็น
เวลากายมันสบาย
แล้วใจมันสุข
เหมือนขึ้นสวรรค์ทั้งเป็น
ขึ้นๆลงๆอยู่อย่างนี้
ไม่เป็นหลักแหล่ง
วนๆเวียนๆอยู่อย่างนี้
ไม่มีอะไรแน่นอน
-
ก่อนตาย...คือยังมีลมหายใจ
ขณะยังมีลมหายใจ...
คือมีหน้าที่ทำให้สมดุล...
ถ้าไม่สมดุล...มันก็ปรับสภาพของมันเอง
จะรู้หรือไม่รู้...มันก็ปรับไปตามสภาพ
-
คิดทางโลกและคิดทางธรรม
รู้เข้าใจทางโลกและรู้เข้าใจทางธรรม
ความจริงทางโลกและความจริงทางธรรม
เส้นขนานกันจุดสิ้นสุดที่ต่างกัน
ทางโลกไม่มีจุดสิ้นสุดหมุนวนเวียนไปตามโลก
ทางธรรมสุดสิ้นสงบนิ่งนมนานกาเล...
-
สังเกตและพิจารณาตนเองไปเรื่อยๆ
บางครั้งก็สนุกดีแต่บางครั้งก็ไม่สนุกเท่าไหร่
เพราะชีวิตมันไม่แน่นอนเสมอไป...
เราทำมันเองนั่นล่ะ ทำให้มันปรวนแปรอย่างนี้
ทั้งๆที่จริงแล้วมันปกติ แน่นอนซะขนาดนั้น
แต่เราเองทำให้มันไม่ปกติ มีไปเอง ไม่แน่นอนเอง
-
พ่อเตือนสติว่า หมู่นี้พูดอะไรไม่ดีอยู่เรื่อย
พูดอะไรก็พูดแต่เรื่องตาย ตาย ตาย...
ควรที่จะพูดเรื่องดีดีเสียบ้าง อยู่อย่างมีประโยชน์
ทำประโยชน์อะไรอยู่บ้างขณะยังไม่ตาย
ชอบพูดแต่เรื่องตายไม่ค่อยดีมันจะหลงเป็นบ้า
จึ๊กๆๆๆ
-
หาเรื่องอีกแล้วมั๊ยล่ะ
อิสระสบายดีๆอยู่แล้ว
ยังจะเอาบ่วงอะไรมาผูกใจ
ทำให้ต้องหนักใจอีกแล้ว
ก็ต้องทยอยขนวางอีก
กว่าจะขนวางได้หมด
ก็เหนื่อยเลยนะใจนะ
-
:45:อนุโมทนา :13:
-
เค้าว่าเรา"โชคดี"
ในความโชคดีมุมนั้นที่คนอืนเห็น
ในอีกมุม ก็มีมุมโชคร้ายแนบชิดอยู่ด้านหลัง
ในความโชคดีโชคร้ายแนบสนิทชิดกัน
แล้วแต่ว่าเราจะหันความคิดไปด้านใดมากกว่า
-
ความจริงกับสิ่งหลอกลวง
อยู่ที่เราจะเลือกเอา
ความพอใจกับความไม่พอ
อยู่ที่เราจะเลือกเป็น
สุขกับทุกข์
อยู่ที่เราเท่านั้น
-
มัวแต่สนใจคนอื่น
จนลืมสนใจตัวเอง
ไม่พอใจคนอื่น
ทำให้คนอื่นไม่พอใจ
ลืมพอใจในตัวเอง
ทำให้คนอื่นพอใจ
ทำให้ใครทุกข์...
ก็ไม่พ้นทำให้ตัวเองเป็นทุกข์
-
มันติดมา...
เพราะเราติดมัน
เรายอมมัน...
มันเลยได้เรา
เราหยุดมันไม่ได้
มันเลยกลับมาหาเราอีก
เราขาดมันไม่ได้
มันก็เลยยังไม่ขาดไปไหน
วนเวียนแล้วก็เวียนวนอยู่
เพราะเรา...เราเอามัน
-
โทรศัพท์หาย...
แต่ก่อนเราก็ไม่มีมัน
แต่พอมันหายไป
เราไม่มีมันเรากลับใจหาย
เครียดสิทุกข์จัง
อะไรไม่รู้คิดเยอะไปหมด
เพราะไม่รู้ไง
รู้ไม่หมดมันเลยปวดประสาท
ตอนนี้หายแล้ว
เจ้าทุกข์เครียดหายไปพร้อม
โทรศัพท์เครื่องเก่าเครื่องนั้น
ซิมเก่าเครื่องใหม่ไฉไลกว่าเดิม(ไประงับซิมแล้วขอซิมใหม่ฟรี!)
จากผู้มีใจบุญบริจาคให้...
ทุกอย่างสงบแล้วไม่ทุกข์แล้ว
รู้แล้วว่าปัญหาเค้ามีไว้ให้แก้
ไม่ได้มีไว้ให้กลุ้ม :06:
-
ทุกข์...ก็เพราะเราจริงๆ
ทุกข์เกิดขึ้นเพราะเราทำให้มันเกิด
เพราะว่ามีเราก่อน...ทุกข์มาทีหลัง
ไม่มีเราคงไม่ต้องมีทุกข์...
แต่ความมีเรามันมีมายาวนาน
จะไม่มีเรามันก็ต้องใช้เวลาเช่นกัน
ใช้เวลาใช้ความรู้ใช้ความอดทน
ใช้ความพยายามอย่างมากอย่างพอดี
-
คนคนหนึ่งเปลี่ยนแปลงได้
เพราะคนอีกคนหนึ่งสามารถ
ควบคุมคนคนหนึ่งนั้นไว้ได้
แต่คนอีกคนไม่สามารถควบคุม
คนคนหนึ่งนั้นไว้ได้ตลอด
นอกจากคนคนหนึ่งนั้นจะ
ควบคุมตัวของตัวเอง...คนคนหนึ่งคนนั้น
-
โอ้ย หงุดหงิดแต่เช้า
เรื่องไม่เป็นเรื่อง...
ก็ทำให้มันเป็นเรื่องได้(วุ่ย)
การสื่อสารของคนนี่แปลก!!
ความคิดแต่ละคน
สื่อออกมาแบบไม่เข้าใจกัน
ทำให้อีกฝ่ายเข้าใจไม่ได้
มันก็เลยเป็นงี้นั่นล่ะ
พาลอารมณ์เสียแต่เช้า
อืมแต่พอมันรู้ว่าทำให้อารมณ์เสียนี่
ก็ดีเหมือนกัน มันจะได้หยุดอารมณ์เสียซะที
ตะกี๊คนบ้าที่ไหนไม่รู้อารมณ์บูดเน่าอีกแล้ว
ตอนนี้หายบ้าแล้ว...แต่ก็ไม่รู้ว่าบ้าจะกำเริบอีกเมื่อไหร่
ไม่รู้...อืม เพราะไม่รู้นี่แหละ ทำให้เป็นเรื่องตลอด
-
อืมไม่แน่นอนจริงๆด้วยแหะ
เช้าก็อีกอารมณ์...
พอมาตกสายก็อีกอารมณ์
ตกเย็นก็อีกอารมณ์...
อืมไหลไปตามอารมณ์เลยแหะ
แต่ตอนนี้อารมณ์ดีใจ
เพราะได้รับในสิ่งที่ตัวเองพอใจ
ก็เลยมีความสุขนั่นล่ะ...
ต่อไปก็เตรียมไม่พอใจได้เลย
แอ่น แอ๊นนน มันเป็นเช่นนี้นี่ล่ะ
ความพอใจมันไม่ได้ตั้งอยู่นานเสียหน่อย
ความสุขมันผ่านไปรวดเร็ว
ความทุกข์ก็ผ่านเข้ามารวดเร็ว
-
:13: อนุโมทนาครับพี่เล็ก
-
ฟ้าเปรี้ยงๆสนั่นหวั่นไหว
ฝนเทกระหน่ำฉ่ำแฉะ
ลมพัดปลิวละลิ่วละล่อง
ใจสั่นระริกๆดิ๊กๆดุ๊กๆ
-
โหยรู้สึกไม่พอใจอย่างแรง
มันไม่ใช่แระกิ๊ฟฟฟฟฟฟฟ
มันไม่เป็นไปอย่างที่เราชอบ
เขาชอบของเขาอย่างนี้
เราก็ชอบของเราอย่างนี้
ความพอดีมันคืออะไรกันแน่
ระหว่างสิ่งที่เขาชอบ(คือเรารู้สึกว่าเขาหลง)
กับสิ่งที่เราชอบ(คือเขารู้สึกว่าเราตึงจนอึดอัด)
หากเราพยายามทำใจให้ได้อย่างเขา
เราก็คงไม่ต้องฝืนใจไปกับเขาสินะ
แต่มันทำใจไม่ได้ เพราะเราก็มีความชอบ
ในแบบของเรา เขาก็ชอบแบบของเขา
ถ้าจะลองมาชั่งตวงวัดกันจริงๆ
ความพอดีคือการไม่เบียดเบียนตัวเอง
แต่บางทีเบียดเบียนตัวเองแบบไม่รู้ตัวก็หลง
แล้วก็เลยเถิดไปเบียดเบียนผู้อื่นโดยไม่รู้ตัวอีก
-
ความทุกข์ทางกายมันทรมานขึ้นเรื่อยๆ
ยิ่งสังขารเสื่อมไปเท่าไรความทุกข์ก็
ยิ่งตามรังควานมาทุกที อีกทั้งโรคภัยไข้เจ็บ
ก็รุมเร้าสังขารที่ใกล้หมดสมรรถภาพ
มันค่อยๆเสื่อมสลายไป มันรุมกัดคุกคาม
สังขารที่ใกล้เน่าสลายเป็นอณูไปทีละนิดทีละน้อย
เป็นเพราะสิ่งที่เราทำไว้ตั้งแต่แรกเริ่มนั่นเอง
มันก็เลยส่งผลอย่างที่เราใช้ที่เราทำมานั่นเอง
-
"พูดเอาดีเข้าตัว พูดเอาชั่วให้คนอื่น"
คือหลงตัวเอง ชอบอวดตัวเอง
คิดว่าตัวเองดีกว่าเก่งกว่าคนอื่น
จะมีความสุขเวลาที่ได้พูดข่มว่าคนอื่น
ไม่สนใจว่าจะเป็นจริงไม่จริงก็ขอให้ได้พูด
ไม่สนใจคนอื่น หลงตัวเองไปแบบไม่รู้สึก
จะรู้สึกพอใจถ้าผู้อื่นแสดงทีท่าเออออห่อหมกไปด้วย
จะยิ่งหลงลำพองใจว่าตัวเองนั้นย่อมดีกว่าคนอื่นเสมอ
-
ชีวิตคนเราต้องเปลี่ยนแปลง หลายคนยังอยู่ในความทุกข์เพราะยังไม่อยากเปลี่ยนแปลง
หากอยากให้ทุกข์นั้นหมดไปจำเป็นต้อง
1.ต้องยอมรับการสูญเสีย ต้องยอมปล่อยสิ่งที่เรายึดติดออกไป หากเราไม่ยึดกับมันก็จะไม่มีทุกข์
หลายคนไม่กล้าปล่อยแฟนหรือคู่ชีวิต กังวลว่าจะสูเสียเขาไป
2.ตัดสินใจเลือกทำในสิ่งที่ถูกต้อง ไม่ใช่การคาดเดาหรือนึกเอาเอง
อย่าตัดสินใจโดยคิดว่าเรารักเขาแล้วเขาจะรักเรา ลองใช้สติปัญญาคิดอย่าใช้ความรู้สึก
เช่น ถ้าแฟนเราไม่เคยดูแลพ่อแม่ เขาจะเป็นคนดีรักและดูแลเราจริงหรือไม่ เพราะอะไร
3.ต้องกล้าเปลี่ยนแปลง ชีวิตต้องกล้ายอมรับในสิ่งที่เราทำไว้
หากเราพบว่าเราไม่ได้รักเขา ต้องกล้ายอมรับและบอกกับเขาไป
4.คิดในแง่บวก ในวิกฤตของชีวิตจะมีโอกาสเสมอๆ แต่เราต้องคิดให้ได้
เช่นแฟนทิ้ง เรามีโอกาสมาอยู่กับตัวเอง ได้มองเห็นว่าในชีวิตมีสิ่งดีๆที่เราทำได้มากมาย
ไม่ใช่แค่กับใครคนใดคนหนึ่ง
5.ความรัก คือการให้ไม่ใช่ครอบครองหากใครยิ่งรักและอยากครอบครอง
มันไม่ใช่ความรัก เพี่ยงแค่สนองความอยากของเรา
6.มีความสุขกับเรื่องง่ายๆ ชีวิตคนเราหากยิ่งวิ่งหาความสุขมันยิ่งห่างเราไป
บางคนต้องไปทานอาหารต่างประเทส,ไปแสดงหาที่เที่ยวไกลๆ,ต้องรวยมากๆ
สนองอยากมันไม่มีวันเต็ม หากเราสามารถมีความสุขกับเรื่องเล็กๆในทุกๆช่วงเวลา
ไม่จำเป็นต้องรอไปหาที่ไหน,ไม่ว่าจะทำอะไรมันก็มีความสุขได้
7.ลองเปลี่ยนความสุขจะการได้รับเป็นการให้ดูบ้าง สังคมจะดีขึ้น
-
พยายามอยู่กับปัจจุบันให้ได้
อยู่ไม่ได้ทนไม่ได้มันก็ไม่พอใจ
อยู่ได้ทนได้มันก็พอใจ
จะตีความหมายไปอย่างไร
ก็อยู่ที่เราจะคิดให้มันเป็นอย่างไรนั่นเอง
เลือกเอา...ฝั่งไหนที่ควรเลือก
หากเลือกฝั่งใดไม่ได้...ก็ตรงกลางมันนั่นล่ะดีที่สุด
-
บางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้นอย่างไม่คาดฝัน
เหมือนว่าเราฝันไปจริงๆเลย...
เพราะสิ่งที่เกิดขึ้น คือสิ่งที่เราเคยวาดฝันไว้
เป็นเหมือนสวรรค์ที่สรรสร้างความสุขให้มา
ความสุขมันผ่านไปรวดเร็วเหลือเกิน...
เงินบันดาลให้เรามีความสุขบนวิมานที่ไม่เคยไป
แต่สุดท้ายวิมานมันก็ต้องสลายไป...
กลับเข้าสู่สภาพความเป็นจริงในปัจจุบัน
แต่ก็ต้องขอบพระคุณผู้มีพระคุณที่ใจดีแบ่งปัน
ให้ความสุขสร้างวิมานความฝันให้เราได้ลองชิม
วิมานก็เปลี่ยนแปลงมาเป็นความจริงที่เป็นอยู่ขณะนี้
-
ความทรงจำ...ดีดี
ความคิดที่...ดีดี
การกระทำ...ดีดี
การพัฒนา...ดีดี
-
สัมมาวาจา...คิดดี พูดดี ทำดีดี
รายการดีดีในตอนเช้า...ธรรมในใจ
ทำได้ทุกที่ตลอดลมหายใจเข้าออก
ขอบคุณผู้ที่ให้ข้อคิดสติเตือนใจ...
ภูเขา...พุทธธรรม ยิ่งใหญ่ ตัวตนก็เกาะทุกข์ได้เยอะ
ยิ่งเล็ก ทุกข์ก็เหลือพื้นที่ให้เกาะได้น้อยลง...
ขอทาน...ขอแค่เศษเงินเศษอาหารประทังชีวิต
ไม่ฆ่าตัวตาย...แต่ยอมรับและทนกับสภาพที่เป็นอยู่ได้
เราล่ะ...ทุกข์แค่นี้...ทำไมจะทนไม่ได้...อดทนสิ
-
ความอยาก ความคาดหวัง
ได้...ก็สุข
ไม่ได้...ก็ทุกข์
หลงไปกับทุกข์และสุข
เกิดขึ้นตั้งอยู่ชั่วคราวแล้วก็ดับไปในที่สุด
-
ความสุขมันผ่านไปอีกแล้วล่ะ
สิ่งดีๆมันผ่านไปรวดเร็วเหลือเกิน
เป็นเพราะเราเปรียบเทียบมันไง
มันก็เลยมีค่าความแตกต่าง ณ ตรงนั้น
ทั้งๆที่มันก็ไม่ได้แตกต่างอะไรนักหรอก
แต่ก็อดหลอกใจตัวเองไม่ได้ว่ามันแตกต่างกัน
-
"คน" เกิดขึ้นมาแล้วมันยุ่งเหยิงดีจริงๆ
ทุกสิ่งมันเปลี่ยนแปลงไปของมันอย่างนั้น
แต่คนมันยอมรับความเปลี่ยนแปลงไม่ได้
ก็ทุรนทุรายเป็นทุกข์ไม่รู้จักจบสิ้นซักที
พอความเปลี่ยนแปลงสร้างความพอใจให้
ก็หลงดีใจเสียเต็มประดาไม่เผื่อใจไว้ว่า
ความสุขความพอใจ ณ ขณะนี้ มันก็จะ
จางหายไปไม่นานเลยจริงๆ...ไม่นาน...
-
คนจิตใจดีๆยังมีอยู่ให้เราพบเห็น
และได้รู้จักได้รับสิ่งดีๆจากเขาเหล่านั้น
ความรู้สึกดีๆเหล่านี้เป็นกำลังใจหล่อเลี้ยง
ทำให้เราได้สู้กับความเป็นไปบนโลกสมมุติแห่งนี้
ขอบคุณผู้ที่มีจิตใจประเสริฐเหล่านี้...
ขอบคุณจากใจจริง... :24:
ขอให้ทุกๆคนที่ทำดีพบแต่สิ่งดีๆมีความสุขความเจริญ :07: :13:
-
"พรุนหมดแล้วนะ" คำเตือนเป็นนัยๆ
"ระวังหน่อยนะ " ความหวังดีส่งกระแส
แค่ความสุขเพียงชั่วครู่ชั่วคราว...
ก็หลงไปกับความสุขอย่างนั้นอยู่ได้...
-
แค่นี้...จริงๆ
เท่านี้...จริงๆ
ไม่มี...อะไรทั้งนั้น
ที่มี...เพราะเราทำให้มันมีขึ้นมาเอง...จริงๆ
-
ใช่...ฉันเอง...นั่นล่ะ
ทำให้...มันเกิดขึ้น...นั่นแหละ
ใช่...ฉันเอง...นี่ไง
ทำให้...เป็นเช่นนี้...นี่เอง
-
ใช่ ครับพี่เล็ก^^
สาธุครับพี่เล็ก
-
กว่าจะสร้าง...
กว่าจะเติบโต...
ทำลายในพริบตา...
สิ่งที่เห็น...
กับสิ่งที่เสื่อมสลายไป
มันแค่นั้นเอง...
-
แผลที่กาย...
มันเกิดขึ้น...
เราปล่อยปะละเลย
มันก็เลยเหวอะหวะ
ติดเชื้อหายช้า...
แผลที่ใจ...
ที่เกิดขึ้น...
เราไม่ปล่อยมันไป
มันก็เลยเหวอะหวะ
เป็นแผลติดเชื้อลุกลาม
ไม่หายซักที...
-
ค่อยเป็นค่อยไป...
เกิดขึ้น...
ดำเนินอยู่...
จบไป...ผ่านไป
ไม่เป็นไร...
-
พรุ่งนี้ฉันจะตาย
เขาตายกันไปหมดแล้ว
ฉันก็คงตายตามไป
ไม่นานนี้...ต้องตามไป
หลายๆความคิด...
สิ่งดีๆที่สรรสร้างขึ้นมา
ให้เกิดเป็นความรู้สึกดีๆ
ตอบแทนความดีด้วยสิ่งดีๆ
ขอบคุณโอกาสดีๆ
ขอบคุณความใจดี
พรุ่งนี้ฉัน...ตาย
-
ฉันยังอยู่...
ฉันยังมีลมหายใจ
ฉันยังมีกิเลส
ฉันยังมีตัวตน
ฉันยังมีเราเขา
ฉันยังประมาท
ฉันยังทำใจไม่ได้
ฉันยังเป็นทุกข์
ฉันยังหลงสุข
ฉันยังเวียนวน
เพราะฉันยัง...เป็นฉันอยู่
-
บางครั้ง...
เราก็ต้องการกำลังใจ
จากคนอื่นและจากตัวเราเอง
บางครั้ง...
เราก็อยากเป็นกำลังใจ
ให้คนอื่นและให้ตัวเราเอง
-
ฉันไม่ได้รักเธอหรอก
ฉันยังรักตัวเองอยู่มาก
มากเกินกว่าจะรักใครได้
ฉันแค่หวังว่าจะได้รับผลประโยชน์จากเธอ
ฉันคงให้ผลประโยชน์กับเธอข้างเดียวไม่ไหว
ฉันไม่อยากเป็นทุกข์เพื่อใคร
แต่ฉันยอมเป็นทุกข์เพื่อตัวเองได้แค่นั้น
ฉันอยากมีแต่ความสุข
แต่ฉันก็ยังมีแต่ความทุกข์อยู่อย่างนี้
เมื่อใดที่ฉันสามารถทนอยู่กับความทุกข์ได้
เมื่อนั้น...ฉันจะไม่มีความทุกข์หลงเหลืออยู่เลย
เมื่อใดที่ฉันไม่ต้องทนกับความทุกข์อีกต่อไป
ไม่ว่าทุกข์จะมาหนักหนาสาหัสแค่ไหน...
ฉันก็ไม่จำเป็นต้องทนทุกข์อีกต่อไป...
ทุกข์มันสลายหายไปเสียแล้ว...
-
ก่อนจะดูแลใครได้นั้น
เราก็ต้องเริ่มดูแลตัวเองก่อน
ถ้าเรายังดูแลตัวเองไม่รอด
จะไปดูแลใครเค้าได้...
อยากจะให้คนอื่นดูแล...
แต่ไม่เคยดูแลคนอื่น...
แล้วอย่างนี้จะมีใครดูแล
นอกจากตัวเราดูแลตัวเอง
ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน
-
คิดดี คิดเป็น มีความสุข
ทำดี ทำเป็น เป็นสุขสงบ
คิดไม่ดี คิดไม่เป็น มีความทุกข์
ทำไม่ดี ทำไม่เป็น เป็นทุกข์ขัง
-
ในความไม่มี...
บางทีก็รู้สึกโล่งเบาสบายดี
แต่ในบางครั้งความมี...
ก็หลงทำให้รู้สึกสุขสบายใจดี
-
ณ โรงพยาบาล...
ผู้ป่วยเกลื่อนกลาดมากมาย
ความเจ็บป่วยทางกาย...
กับความเจ็บป่วยทางใจ...
สิ่งที่ทำมาส่งผลมาถึงปัจจุบัน
สิ่งที่ทำในปัจจุบัน...
ส่งผลต่อไป...
อดทน...
โอดโอย...
เกิดขึ้น...ให้พิสูจน์ใจ...
เลือกดำเนินไป...และเกิดขึ้นอีกหรือดับลง
กายป่วย ใจป่วยด้วย...
หงุดหงิดทุกข์ทรมานใจ...
"โบ่ยอั๊วะ กอโบ่ยซี่" พ่อพูดขึ้นมา...
อืมจริงๆด้วย...ไม่เกิด ก็ไม่ต้องตาย... :13:
-
:24: :24: :24:
ไม่ไปผุดไปเกิด ก็ไม่ต้องตาย น่ากลัวจังอ่า
คิดได้ไงเนี่ย..
จิตดวงเดียวเที่ยวท่องไป ..
เป็นสัมภเวสี น่ากลัวจังอ่า
-
:06: คิดไม่ถึงจริงๆด้วย
คิดได้ไง อืม คิดอีกทีก็จริงๆแหะ
น่ากลัวนะ เป็นจิตเร่รอนล่องลอย
ไม่ผุดไม่เกิด...ไม่ตาย... :13: :45:
-
ใช่แล้ว...ฉันกำลังเป็นทุกข์ทรมานใจ
ฉันคิดอะไรมากมายปรุงแต่งทำร้ายใจตัวเอง
ฉันคิดไปถึงอดีต คิดไปถึงอนาคตจนลืมปัจจุบัน
ลืมแม้กระทั่งว่า กำลังหายใจเข้าหรือออกอยู่ ...
มันทุกข์ใจเหลือเกิน...อ่อนแอเหนื่อยล้าซึมเศร้ามากมาย
ก็เราไปตีค่าให้น้ำหนักมันเช่นนั้น...
มันก็เลยหนักซะขนาดนั้น...เราเป็นคนทำให้มันเกิดขึ้น
เราเป็นคนแบกมันไว้ให้มันอยู่เป็นทุกข์เช่นนั้น...
เราทำเป็นทนมันไม่ได้ ทนมันไม่ไหว ...
แต่เราก็ยังจะสร้างมันขึ้นมา เพื่อที่เราจะต้องไปทนกับมันนั่นเอง
-
เกิด แก่ เจ็บ....
สังขารมันเจ็บป่วย
ใจมันก็พลอยเจ็บป่วยไปด้วย
ขนาดว่ากายเราไม่ได้เจ็บป่วย
แต่เป็นคนอื่นเจ็บป่วย...
ใจเรามันก็ยังพลอยเจ็บป่วยไปด้วย
ทุกข์หนอทุกข์...
นี่ล่ะนะ ...ชะล่าใจด้วยความไม่รู้
หลงอยู่กับความสุขสบายมาจนเคยชิน
พอมาเจอกับความทุกข์แค่เบาะๆ
ก็หวั่นไหวเสียแล้ว...ทุกข์จังทุกข์จัง
อดทนหน่อยนะ...ผ่านผ่านไป
-
เหมือนว่าก้อนทุกข์มันปูดใหญ่ขึ้นบนหัวกบาล
แล้วหัวกบาลเราก็แบกเจ้าก้อนทุกข์ไว้ตลอด
มันรู้สึกมันไม่รู้วิธีที่จะทำยังไงให้เจ้าก้อนทุกข์
ที่อยู่บนหัวกบาลให้มันลีบเล็กลง...
แต่บางทีมันลืมๆไป มันก็เหมือนหายไปบางครั้ง
แต่พอมันเผลอจำได้ขึ้นมา มันก็พองใหญ่ขึ้นอีก
มันทนไม่ได้กับความทุกข์ที่เราสร้างให้มันใหญ่ตามใจเรา
เราก็เลยหมองเศร้าจิตตกหน้าเหี่ยวหน้าย่นเครียดไปด้วย
บทจะไม่ใส่ใจไม่สนใจฝืนพยายามไม่สนใจใยดี...
มันก็ทำไม่ได้ มันยังหลงที่จะไปคิดอะไรต่อมิอะไรมากมาย
มันทุกข์มันมีตัวตนเราเขา มันมีหน้าที่ มันมีมีมีมีมี มี มี มี
-
สิ่งที่เรากลัวไปก่อน...มันทำให้เราเป็นทุกข์
สิ่งที่เกิดขึ้นแล้วเรารับมันไม่ได้...มันก็ทำให้เราทุกข์
สิ่งที่เกิดขึ้นมันทำให้เราคิดได้ทั้งสองด้าน...
จะสุขก็ได้ถ้าคิดเป็น จะทุกข์ก็ได้ถ้าคิดให้มันเป็นเช่นนั้น
แล้วไงล่ะ เราจะเลือกไปทางด้านไหนดี...
ไม่ว่าด้านไหน มันก็วนเวียนไปสองด้านอยู่ดีนั่นล่ะ
สุขทุกข์สุขทุกข์สุขทุกข์สุขทุกข์สุขทุกข์สุขทุกข์วนๆเวียนๆ
-
ทางใครทางมัน ก็ทุกข์แบบนี้เองแหละ
ทางนี้ไง บรมสุข สุขอย่างยิ่ง
-
ยินดีกับทางนั้นด้วย
ส่วนทางที่เราเลือกมันยังเป็นทางบรมทุกข์
เราบังคับใจเราไม่ได้ มันก็เลยทุกข์โครตบรมทุกข์
โอ้ย โอ้ย ทุกข์บรม บรมทุกข์ :06:
ทุกข์เข้าไป ซักพักคงชินชา :42:
-
ยินดีกับทางนั้นด้วย
ส่วนทางที่เราเลือกมันยังเป็นทางบรมทุกข์
เราบังคับใจเราไม่ได้ มันก็เลยทุกข์โครตบรมทุกข์
โอ้ย โอ้ย ทุกข์บรม บรมทุกข์ :06:
ทุกข์เข้าไป ซักพักคงชินชา :42:
ขอให้ทุกข์ สมพรปาก สมความปราถนา นะครับพี่ท่าน
ทุกข์เข้าไป ๆๆๆ
ชินชาอย่างเดียวไม่พอ
ชินและชาเดี๋ยวก็ได้ฌาน
ขอให้ทุกข์จนไม่อาจต้านทาน ไม่อาจทานหนไหว
เมื่อนั่นแหละ จะหาทางดับทุกข์ได้ อ่า
:02:
-
:06: พี่เล็กอย่าถือสาเด็กเลยนะครับ เด็กเค้าอยากได้ของเล่นครับ แต่ผมไม่ได้ให้ วิ่งวุ่นซะใหญ่ๆเชียว
รักษาสุขภาพนะครับพี่เล็ก ผมเป็นกำลังใจให้ครับ :13:
-
:06:ไม่มีถือสากันอยู่แล้ว
มันก็เป็นเรื่องจริง ต้องยอมรับ
ความคิดเห็นมันก็เป็นเช่นนั้นซะด้วย
การกระทำมันก็เป็นเช่นนั้นอีกนั่นล่ะ
สมพรปากๆๆๆๆๆๆ สาธุๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆทุกข์ๆๆๆๆๆๆ :06:
ทุกข์ก็ดี สุขก็ได้ เอ้า สติเอ้ย สติ เรียกหน่อย คอยจะหาย :06:
เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น ดับได้ก็งั้น ดับไม่ได้ก็งั้น
มันเกิดมันดับตลอดอยู่แล้ว
แต่เรานั่นล่ะ ปล่อยให้มันเกิดซะ ไม่ค่อยจะดับเล้ย :12:
-
:06: แฮะๆ พี่เล็กสมเป็นนักปฏิบัติดีปฏิบัติชอบโดยแท้ครับ อนุโมทนาครับพี่เล็ก
-
นี่ล่ะเนอะ อนิจจังจริงๆ :06:สาธุๆ :13:
กำลัง :19: :47:
-
:06:ไม่มีถือสากันอยู่แล้ว
มันก็เป็นเรื่องจริง ต้องยอมรับ
ความคิดเห็นมันก็เป็นเช่นนั้นซะด้วย
การกระทำมันก็เป็นเช่นนั้นอีกนั่นล่ะ
สมพรปากๆๆๆๆๆๆ สาธุๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆทุกข์ๆๆๆๆๆๆ :06:
ทุกข์ก็ดี สุขก็ได้ เอ้า สติเอ้ย สติ เรียกหน่อย คอยจะหาย :06:
เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น ดับได้ก็งั้น ดับไม่ได้ก็งั้น
มันเกิดมันดับตลอดอยู่แล้ว
แต่เรานั่นล่ะ ปล่อยให้มันเกิดซะ ไม่ค่อยจะดับเล้ย :12:
อ่า.
คุณพี่เล็กครับ ทุกข์ประเทศไหนดี ทุกข์ศาสนาไหนดี ทุกข์แบบไหนดี
กรุณาตรวจทาน อริยสัจสี่ก่อนเห็นผิดครับ
ดับได้ ไม่งั้น
ดับไม่ได้สิ งั้นๆ
อริยสัจสี่นะครับ ที่สอนให้ดับได้ จึงเป็นไม่งั้น
-
:06: พี่เล็กอย่าถือสาเด็กเลยนะครับ เด็กเค้าอยากได้ของเล่นครับ แต่ผมไม่ได้ให้ วิ่งวุ่นซะใหญ่ๆเชียว
รักษาสุขภาพนะครับพี่เล็ก ผมเป็นกำลังใจให้ครับ :13:
คุณยายกวาดลานดิน หาให้ต๊ะไม่ได้หรอกครับ เพราะคุณยายยังหาไม่ได้ ยังไม่มี อ่า
นั่นคือ ความเข้าใจในธรรม อ่า
-
ลืมแบ่งแยกไป
บางทีทุกข์มันมา
มัวแต่หาทางออก
ลืมว่ามันเป็นประเภทไหนไป :06:
มันมามันก็ไปไม่อยู่นานซักที
-
เด็กหนอเด็ก...
เด็ก6ขวบพูดว่า
มีเกิดแก่เจ็บ...
แล้วก็...ตาย...
เด็กเค้าจะเข้าใจ
ความหมายที่พูด
อย่างไรบ้างนะ...
เราล่ะ...เข้าใจมั๊ย...
เกิด-แก่-เจ็บ...ตายด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น
ตอนนี้ล่ะ...มันเป็นเป็นอยู่
เป็นไง...เป็นกัน...เป็นเช่นนี้ล่ะ
-
เป็นไง เป็นกัน เป็นเช่นนี้แหละ เพราะมันเป็นตี๊ต่างอ่า
เป็นตี๊ต่าง ตี๋ต่างว่าเป็น อ่า
ไม่ได้เป็นจริงๆ อ่า
เพราะมันตี๊ต่างว่า เป็นอ่า
สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์ สิ่งใดเป็นทุกข์ สิ่งนั้น เป็นอนัตตา สิ่งใดเป็นอนัตตา สิ่งนั้นเป็นสมมุติ สิ่งนั้นเป็นตี๊ต่าง อ่า
:25: :25: :25:
-
แวะมาติ๊ต่างกันอ่า
ติ๊ต่างๆๆ
ต่างๆติ๊
ติ๊ต่างต่าง โย่วๆ
-
อ้อค่ะ น้องต๊ะ เค้าติ๊ต่าง :38: :42: ให้เห็นแบบถึง :19: น่ะเองงง...
:13: :06: :47:
-
อดีตที่เป็นความทรงจำ
เมื่อเราหวลกลับไปคิดถึง
มันก็มีอะไรให้เรานึกคิดมากมาย
ไม่มีวันจบสิ้นสักที...
เมื่อมาอยู่กับปัจจุบัน
อดีตมันผ่านไปหมดแล้ว
ผ่านไปแล้วจริงๆ...
ความคาดหวังต่างๆมากมาย
มันก็ผุดขึ้นมาให้คิดเพ้อ...
จินตนาการแผนการ...
ในสิ่งที่ยังไม่มาถึง...
มันมีอะไรต่อมิอะไรมากมาย
เมื่อกลับมาอยู่กับปัจจุบัน
อนาคตมันยังไม่ได้เกิดขึ้นจริงๆ
มีแต่ความเป็นจริงขณะนี้...
ที่เป็นอย่างนี้...เช่นนี้...
-
กิกิ
ตามปัจจุบันไม่ทัน เพราะมันวิ่งเกิดดับ เร็วจี๋
จะวิ่งไล่ปัจจุบันทีละตัวๆ ไปทำไม
นี่ๆ คุณพี่เล็ก
บอกคำเดียวนะ ไปพินาให้ลึกให้ซึ้งเอาเอง
น้องต๊ะขี้เกียจพินาให้อ่า
เอาตัวเดียว อันเดียว ก็พอ
"ปัจจุบันชาติ" เด่ะ
นั่นแหละ ปัจจุบันทั้งโขยง
ตัดภพชาติได้ จบได้ อ่า
-
อ้อค่ะ น้องต๊ะ เค้าติ๊ต่าง :38: :42: ให้เห็นแบบถึง :19: น่ะเองงง...
:13: :06: :47:
:02:
ตี๊ต่างว่า ฉลาดซะไม่มีอ่า
-
อ้อค่ะ น้องต๊ะ เค้าติ๊ต่าง :38: :42: ให้เห็นแบบถึง :19: น่ะเองงง...
:13: :06: :47:
:02:
ตี๊ต่างว่า ฉลาดซะไม่มีอ่า
ค่ะ ติ๊ต่างว่าไร้ฉลาดน่ะค่ะ
-
พินาไปพินามา...
มันพินาศไปหมดแล้ว
ไม่ว่าอะไรทั้งนั้น
มันผ่านไปแล้ว...
ตามทันบ้าง...
ตามไม่ทันบ้าง...
ทั้งตัวตนเราบ้างเขาบ้าง
เดี๋ยวก็โง่บ้าง...
เดี๋ยวก็ฉลาดบ้าง...
เดี๋ยวก็บ้าบ้าบ๊องบ๊องบ้าง...
จอมยุทธ...โจวเหยินไหล :06:
-
ก็มันอยากให้คนอื่นเค้าอ่านบ้าง
ก็มันอยากให้ตัวเองได้กลับมาอ่านอีกบ้าง
ก็มันอยากระบายอะไรๆที่มันผ่านไปแล้วบ้าง
ก็สรุปคือ...มันอยากนั่นเองแหละ...มีบ้าง
เวลาอยู่ที่โรงพยาบาลแล้วรู้สึกดีปนเศร้า
บางครั้งได้เห็นสัจจะธรรมชีวิต...
บางทีก็ได้เห็นสายใยที่มันคล้องเกี่ยวกัน
บางครั้งก็ได้เห็นความประมาท...
ที่ไม่รู้ว่าความตายมันใกล้เข้ามาทุกขณะ
ใกล้เหลือเกิน...ใกล้จนใจหาย...
บางทีก็รู้สึกว่ามันเนิ่นช้าเหลือเกินเวลา...
บางทีก็หดหู่กับชีวิตที่มีกรรมเป็นตัวนำพาไป
บางทีก็สุขใจที่ได้เห็นน้ำใจไมตรี...
ความมีเมตตาเอื้ออารีของคนที่มีน้ำใจงดงาม
ให้แบบไม่ต้องการสิ่งใดตอบแทน...
แต่บางครั้งก็รู้สึกว่ามีคนบ้าๆอยู่เยอะแยะเต็มไปหมด
ไม่ลืมที่จะรวมตัวเองไปด้วย...หนึ่งในคนบ้าในนั้น
ชีวิตที่เกิดขึ้นทุกวินาที...และชีวิตที่ดับไปในทุกวินาที
มันรวดเร็วเหลือเกิน...เร็วเสียจนลืมบางสิ่งบางอย่างไป
สติที่มันหายไป...ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างมันผุดขึ้นเต็มไปหมด
ทั้งๆที่มันไม่ได้มีอะไรมากมายนักหรอก...
แต่เรานั่นล่ะ...ทำให้มันมีอะไรผุดขึ้นมามากมายเอง
-
รั่วหว่ะ...เวลาอะไรไม่ได้ดั่งใจ
มันต้องทำให้ได้ดั่งใจต้องการ
ไม่สนใจว่าใครจะรู้สึกยังไง
ขอแค่ให้ตัวเองรู้สึกพอใจที่ได้ทำ
ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองคิดว่ามันถูกต้อง
ถึงแม้ในความคิดคนอื่นจะขัดแย้งก็ตาม
คือเอาความคิดของตัวเองเป็นใหญ่เป็นที่ตั้ง
ความคิดคนอื่นไม่มีสิทธิ์กระเด็นเข้ามาทำอะไรได้เลย
กรูว่ากรูคิดถูก กรูก็ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น
ดื้อแพ่งอะไรทำนองนั้น...
คนอย่างนี้ก็คือสุดท้ายก็เดือดร้อนตัวเองนั่นล่ะ
พึ่งพาใครไม่ได้เพราะคนอื่นคิดไม่เหมือน
ตัวเองก็เลยต้องเดือดร้อนตัวเองในที่สุด
-
:02: :02: :02:
อ่า..คนเรา นี่ทุกข์เพราะความคิดจริงๆ ด้วยแหละ
-
:19:
หลง...รัก
หลง...ทุกข์
รู้ว่าแค่สุขปลอมๆ
แต่ก็ยังอดใจไม่ได้
รู้ว่าทุกข์ชั่วคราว
แต่ก็อดใจไว้ไม่ไหว
-
รู้หมด แต่อดไม่ได้
รู้ท่วมหัว เอาตัวไม่รอดอ่า
รู้หมด ทิ้งหมด
ทิ้งหมด รู้หมด
ไม่ทิ้งเลย ไม่รู้อะไรเลย
แป่ววววว....
-
รู้หมด ทิ้งมานี่หมด
อดไม่ได้ ทิ้งมาให้หมด
สรุปคือมันก็ยังกอดทุกข์อยู่นั่นล่ะ
พอตั้งสติได้ ค่อยคลายทุกข์ไป
พอเผลออีก สติเตลิดอีก
มันก็กอดทุกข์ซะแน่นทีเดียวเชียว
คน หนอ คน คนให้วุ่น :13: :06:
-
:13: รักษาสุขภาพนะครับพี่เล็ก
แม้วุ่นวายในความวุ่นวายนั้นยังมีกัลยาณมิตรที่ปัดเป่าความวุ่นวายให้น้อยลงได้ครับ
-
รู้หมด ทิ้งมานี่หมด
อดไม่ได้ ทิ้งมาให้หมด
สรุปคือมันก็ยังกอดทุกข์อยู่นั่นล่ะ
พอตั้งสติได้ ค่อยคลายทุกข์ไป
พอเผลออีก สติเตลิดอีก
มันก็กอดทุกข์ซะแน่นทีเดียวเชียว
คน หนอ คน คนให้วุ่น :13: :06:
นี่แหละหนา ทิ้งไม่หมด น่ะจิ
เก็บสติขึ้นๆลงๆ ไปทำไรหล่ะคุณพี่
-
หลงว่าตัวเองดีมันก็ทุกข์
หลงว่าต้องทำดีก็กดดันให้ตัวเองทุกข์
หลงมองคนอื่นไม่ดีทำให้เราไม่พอใจเราก็ทุกข์
หลงมองว่าตัวเองไม่ดีทำไม่ได้อย่างใจต้องการก็ทุกข์
บรรยายทุกข์ไม่หมดเลย รู้สึกว่าคิดแต่เรื่องทุกข์ๆ
หลงหาความสุขให้กับชีวิตบ้างดีกว่า
แล้วเป็นไง ไม่วายเจอทุกข์อีก...
ก็สุขมันสุขแป๊บเดียว ก็ผ่านไปแล้ว
ทุกข์มันก็ทุกข์แป๊บเดียว ก็ผ่านไปเช่นกัน
แต่มันทนไม่ได้อีกนั่นล่ะ ทุกข์ก็เลยไม่ผ่านไปง่ายๆซักที
ก็เราไม่ยอมให้มันผ่านไปนี่นา ดึงอยู่นั้น ฉุดอยู่นี่
ปัญญาอ่อนจริงๆ
-
สิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน
คิดอะไรให้มันไม่เป็นปัจจุบัน
สร้างอะไรให้มันเกิดขึ้นอีกมากมาย
ไม่ว่าจะเป็นอดีตความทรงจำเก่าๆ
ไม่ว่าจะเป็นอนาคตความคาดหวังใหม่ๆ
หรือจะเป็นการจินตนาการเพ้อฝันเลอะเทอะๆ
มันก็ทำให้เราลืมไปว่ากำลังหายใจอยู่...
ลืมสิ่งที่เป็นปัจจุบันไปในทันทีทันใด
ไม่ว่าสิ่งที่เราปรุงแต่งจะเป็นอะไรก็ตาม
มันสารพัดที่เราจะสร้างสรรค์ไปตามความอยาก
อยากอะไรมันก็เป็นอย่างนั้น แต่บางที
ไม่อยากอะไรมันก็เป็นไปอย่างนั้น
แต่ความอยากมันเป็นตัวการชี้นำทำให้เรา
ทำอะไรออกนอกเขตความเป็นไปอย่างนั้น
แต่ในที่สุด...เราก็มาจบลงที่ความเป็นไปอย่างนั้น
คือความตาย...ในที่สุด...เป็นอย่างนั้นทุกคน
เมื่อตายแล้ว...ความเป็นไปอย่างนั้นที่ผ่านมา
มันจะเป็นไปอย่างนั้น...อย่างนั้น...อย่างนั้นนั่นเอง
-
:13: อนุโมทนาครับพี่เล็ก
-
ความทุกข์ที่กำลังคืบคลานเข้ามา
มันแค่กำลังมาเท่านั้น...
แต่ที่มันมาแล้วคือความคิด...
คิดทำให้เป็นทุกข์...ก่อนที่ความทุกข์จะเกิดขึ้น
ทุกข์ที่ใจก่อน...แล้วต่อจากนั้น...
มันก็เป็นผลพวงต่อเนื่องตามมาคือทุกข์ที่กาย
พอกายเรา(ของเรา)ทุกข์...
คราวนี้ใจก็ทุกข์เพิ่มขึ้นอีกเพราะกายมันส่งมาให้ใจต้องทุกข์
แล้วคราวนี้ใจมันก็อดทนไม่ไหว ควบคุมไม่ได้
ใจมันก็เลยทุกข์ซ้ำกรรมซัด ทุกข์ดับเบิ้ลไปเลย
ใจเอย...ทำไมถึงทุกข์...
ใจเอย...คิดอะไรทำให้ต้องทุกข์...
กายเอย...ส่งอะไรออกมาให้กับใจ...
ใจเอย...ทุกข์เพราะกาย...หรือเพราะสิ่งใด
ไม่ว่ายังไงก็ตาม...มันก็ผ่านไป และผ่านไป
อดทน อย่าท้อแท้ อย่าอ่อนแอจนเกินไป...สู้ๆ
สู้ไส(หัว)ได้สติ(ปัญญา)
-
ความทุกข์ที่กำลังคืบคลานเข้ามา
มันแค่กำลังมาเท่านั้น...
แต่ที่มันมาแล้วคือความคิด...
คิดทำให้เป็นทุกข์...ก่อนที่ความทุกข์จะเกิดขึ้น
ทุกข์ที่ใจก่อน...แล้วต่อจากนั้น...
มันก็เป็นผลพวงต่อเนื่องตามมาคือทุกข์ที่กาย
พอกายเรา(ของเรา)ทุกข์...
คราวนี้ใจก็ทุกข์เพิ่มขึ้นอีกเพราะกายมันส่งมาให้ใจต้องทุกข์
แล้วคราวนี้ใจมันก็อดทนไม่ไหว ควบคุมไม่ได้
ใจมันก็เลยทุกข์ซ้ำกรรมซัด ทุกข์ดับเบิ้ลไปเลย
ใจเอย...ทำไมถึงทุกข์...
ใจเอย...คิดอะไรทำให้ต้องทุกข์...
กายเอย...ส่งอะไรออกมาให้กับใจ...
ใจเอย...ทุกข์เพราะกาย...หรือเพราะสิ่งใด
ไม่ว่ายังไงก็ตาม...มันก็ผ่านไป และผ่านไป
อดทน อย่าท้อแท้ อย่าอ่อนแอจนเกินไป...สู้ๆ
สู้ไส(หัว)ได้สติ(ปัญญา)
:25: :25: :25:
แค่ไสหัวคิดสิครับ
-
ไสไปไสมา
มีความหวังอย่างหนึ่ง
ว่าไสไม้มาลาย
จะเปลี่ยนเป็นไม้ม้วน
นั่นกิเลส อยากได้ไม้ม้วนกลมๆอีก
งั้นไสให้กลมๆรอไว้ก่อน :25:
-
การยึดมั่นถือมั่น
ว่าเป็นตัวเราเป็นตัวเขา
ทำให้เราหลงทำอะไร
ที่มีตัวตนทำให้เป็นสุขและทุกข์
เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย
เดี๋ยวชอบเดี๋ยวไม่ชอบ
อารมณ์ความรู้สึกตรึมถาโถม
การตีค่าตีราคาตีความอีกเพียบ
คราวนี้ก็เป็นหน้าที่ตัวตนเรา
ที่จะคัดกรองพิจารณาด้วยปัญญา
ว่าจะมีตัวตนยังไงในการดำรงอยู่
เพื่อรอการดับไป...การดับไปเพื่อเริ่มต้นใหม่
หรือการดับไปอย่างสงบ...
หมดสิ้นวงจรการเริ่มต้นใหม่เพื่อรอวันสิ้นสุด
เรารู้ได้ในปัจจุบันกาลนั่นเลย เดี๋ยวนั้นเลย
จริงๆ...ส่วนที่มันไม่จริง...ก็คือเรายังหลอกตัวเองอยู่
-
การยึดมั่นถือมั่น
ว่าเป็นตัวเราเป็นตัวเขา
ทำให้เราหลงทำอะไร
ที่มีตัวตนทำให้เป็นสุขและทุกข์
เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย
เดี๋ยวชอบเดี๋ยวไม่ชอบ
อารมณ์ความรู้สึกตรึมถาโถม
การตีค่าตีราคาตีความอีกเพียบ
คราวนี้ก็เป็นหน้าที่ตัวตนเรา
ที่จะคัดกรองพิจารณาด้วยปัญญา
ว่าจะมีตัวตนยังไงในการดำรงอยู่
เพื่อรอการดับไป...การดับไปเพื่อเริ่มต้นใหม่
หรือการดับไปอย่างสงบ...
หมดสิ้นวงจรการเริ่มต้นใหม่เพื่อรอวันสิ้นสุด
เรารู้ได้ในปัจจุบันกาลนั่นเลย เดี๋ยวนั้นเลย
จริงๆ...ส่วนที่มันไม่จริง...ก็คือเรายังหลอกตัวเองอยู่
คราวนี้คราวไหน ก็ไม่ได้มีหน้าที่ตัวตนอะไรอ่า
เอาตัวตนอะไรมาคัดกรองพิจารณาด้วยปัญญาจากตัวตนอีกทำมัยอ่า
งง ตัวตนประเภทนี้จัง อ่า
-
เอาตัวตนที่ไหนมา งง อ่า :06:
อ๋อ เอาตัวตนที่สงสัยตัวตนงง นี่เองอ่า :30:
-
:18: พี่เล็ก..
รักษาสุขภาพนะครับ เป็นกำลังใจให้ครับ
-
เอาตัวตนที่ไหนมา งง อ่า :06:
อ๋อ เอาตัวตนที่สงสัยตัวตนงง นี่เองอ่า :30:
:25: :25: :25:
ก๊ากๆๆ
เพราะ งง คืออันหนึ่งอันเดียวกับ ความไม่งง อ่า
ก็เลย งง แบบไม่มีตัวตนอ่า
:25: :25: :25:
-
:45:ขอบพระคุณสำหรับกำลังใจ
ดูแลรักษาสุขภาพกันดีๆเช่นกัน
งง แบบไม่มีตัวตน อืม
แสดงว่าเรามีตัวตนเพื่อไม่มีตัวตน
แล้วเราหลงกับความไม่มีตัวตนหรือป่าวนะ
ฮั่นแน๊ เอาตัวตนมาแสดงว่าไม่มีตัวตน
เอาความงงมาแสดงว่า ไม่งง นี่เอง ชิ๊มิ๊ๆ :42:
-
เอาความ งง มา แสดง ว่า...ไม่งง อืม
งง...แบบ...ไม่มีตัวตน...ไม่มี...ไม่มีตัวตนเลย
ไม่เห็นตัวตนเลยซักแว๊ปเดียว :06:
-
เอาความ งง มา แสดง ว่า...ไม่งง อืม
งง...แบบ...ไม่มีตัวตน...ไม่มี...ไม่มีตัวตนเลย
ไม่เห็นตัวตนเลยซักแว๊ปเดียว :06:
:25: :25: :25:
อายตนะนี้มีอยู่
แต่ งง เข้ามาไม่ได้ดอก
ตัวตน ก็เข้ามาไม่ได้ดอก
นั่นเป็นของที่มีอยู่ปกติโลก
แต่ที่นี้ ไม่มีอ่า
พระอาทิตย์ ก็ยังดับแสง
พระจันทร์ ก็ยังหมดรัศมี
สะตัง ก็ไม่มีอ่า
ของเหล่านี้ แว๊ปเดียว ก็ไม่มีในอายตนะนี้ อ่า
:25: :25: :25:
-
เอ้า ไม่มี ก็ไม่มี...
แต่นี่มันมี...แสดงว่ามีก็แล้วกัน
ส่วนที่ว่าไม่มี...ไม่มีก็ไม่มี
แต่นี่ก็คือมี...ก็คือแสดงว่าไม่มีก็แล้วกัน
จบมั๊ย...ไม่จบ...ก็มีต่อไป :42:เลือดกำเดาไหลกันต่อไป :25:
-
ปีนี้...น่าตื่นเต้นดีจริงๆ
ความกลัว...ทำให้เร้าใจ
ความรัก...ทำให้ใจพองโต
การให้...ทำให้ใจอิ่มสุข
ความสูญเสีย...ทำให้รู้จักรักษา
ประสบการณ์ใหม่ๆ...ทำให้รู้ลึกซึ้ง
การเปิดใจ...ทำให้เห็นอะไรมากขึ้น
การปล่อยวาง...ทำให้ใจสบายดี
-
น้ำไหลจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำ
ในพริบตาก็เต็มไปด้วยน้ำ
การปรับตัวอยู่ที่เราแล้ว
ว่าจะตั้งสติและจะอยู่ยังไง
อยู่ให้ได้กับทุกสภาพที่ตั้งอยู่
เพราะทุกสิ่งที่ตั้งอยู่ก็รอวันดับไปทั้งสิ้น
-
ฉันอยู่ ณ ที่เดิม ถนนสายเก่า
ชั่วพริบตา ถนนสายเก่านั้น
ฉับพลันแปรเปลี่ยนเป็นลำคลองใหม่
มีเรือผ่านไปมาอย่างแปลกใจไม่คุ้นตา
อีกซักพักก็คุ้นเคยกับสิ่งแปลกใหม่
แต่ความกลัวก็ยังมีเข้ามาเรื่อยๆ
ลำคลองใหม่นั้นจะแปรเปลี่ยนเป็นแม่น้ำใหม่หรือไม่
ใจก็วิตกกังวลกันต่อไป...
ไม่แน่แม่น้ำสายใหม่อาจแปรเปลี่ยนเป็นทะเลใหม่ๆ
ตอนนี้คิดไปถึงอะไร...อนาคตที่ยังมาไม่ถึง
ใจฉันแปรเปลี่ยนไปใหม่ๆนั่นเอง...
-
น้ำไหลจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำ
ในพริบตาก็เต็มไปด้วยน้ำ
การปรับตัวอยู่ที่เราแล้ว
ว่าจะตั้งสติและจะอยู่ยังไง
อยู่ให้ได้กับทุกสภาพที่ตั้งอยู่
เพราะทุกสิ่งที่ตั้งอยู่ก็รอวันดับไปทั้งสิ้น
:25: :25: :25:
อ่า ..
การปรับจิต การตั้งสติ ไหลขี้นลงตามปรากฎการณ์และสภาพแวดล้อม น่าเหนือยน๊า
:25: :25: :25:
-
มันอดที่จะไม่ไหลไม่ปรุงแต่งตามความเคยชินไม่ได้
มันก็ยังคงตีค่าสร้างมายาออกมาตลอดเวลาทุกลมหายใจ
เพียงแต่ตอนที่กำลังคิดอยู่นั้นไม่รู้ว่ากำลังหายใจ...
สิ่งที่เป็นไปเราชอบที่จะเป็นตัวแสดงที่ทำการแสดงอยู่แบบคุ้นเคย
จะถอยออกมาเป็นคนที่รู้แจ้งแล้วทุกอย่างจึงไม่สร้างความรู้สึกอะไร
ไปตามบทละครมายาที่หลอกเราอยู่และแสดงให้เราหลงไหลไปกับมัน
มันเป็นแต่เพียงชั่วแว๊ปที่เหมือนจะเบื่อบทละครน้ำเน่าแล้วเบือนหน้าหนี
แต่สุดท้ายมันก็กลับมาสนใจใส่ใจแล้วก็ลงไปร่วมแสดงอีกจนได้...
-
ฉันสนุกกับการลุยน้ำเพื่อไปให้ถึงสิ่งที่ฉันตั้งใจไว้
ฉันสนุกกับการโบกรถและรู้สึกขอบคุณสำหรับน้ำใจ
ฉันสนุกกับการจูงห่วงยางโต้คลื่นที่รถต่างๆวิ่งสวนมา
ฉันสนุกกับการขนเสบียงเพื่อความอยู่รอดของเราๆ
ฉันสนุกกับการป้องกันที่อยู่อาศัยแต่สุดท้ายก็ต้องถอย
ฉันสนุกกับการถอยไปตั้งหลักเพื่อสู้กับสิ่งที่จะผ่านเข้ามา
ฉันสนุกกับการอดทนเพื่อรอให้ทุกอย่างมันดับไป...
-
ความกลัว ทำให้ปัจจุบันหายไป
ทำให้ปัจจุบันดีขึ้น
ทำให้ปัจจุบันบรรลัย
แต่ทุกอย่างจะผ่านพ้นไป
...
ความรักทำให้อภัยให้กันได้
ความชังทำให้โกรธเกลียดกัน
...
ความเข้าใจ...ไม่จำเป็นต้องสื่อออกมาเป็นภาษาใดๆ
แต่ความไม่เข้าใจ...จึงจำเป็นต้องสื่อออกมาเพื่อปรับจูนกัน
-
บางครั้ง...ไม่คิดมากก็ดีเหมือนกัน
เพราะการรู้มาก...การคิดมากนั้น...
ทำให้เรากลัวกังวลไปก่อนที่อะไรจะเกิดขึ้น
สู้ปล่อยให้มันเกิดขึ้นแล้วค่อยแก้ไขปัญหา
ก็คงไม่ต้องเป็นทุกข์ใจกับสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น
เพียงเพราะเขาไม่เข้าใจว่าอะไรมันจะเกิดขึ้น
แต่เป็นเพียงแค่เราที่คาดการณ์ไปก่อนที่มันจะเกิดขึ้น
เราก็เลยเป็นทุกข์ใจไปก่อน...วุ่นวายใจไปก่อน...
กลายเป็นทำให้ต้องเดือดร้อนใจไปก่อน...
แต่บางครั้ง...สิ่งที่เราเตรียมการไว้ก่อนนั้น
ก็เป็นผลดีให้กับอนาคตต่อไป...
-
ฉันนั่งอยู่บนรถเมล์สายเดิม
ฉับพลันความคิดก็คิดไปไกล
อยากให้เกิดอุบัติเหตุบนรถที่ฉันนั่ง
ฉันอยากสลัดความน่าเบื่อที่เป็นไปแบบเดิมๆ
ฉันอยากจะตื่นเต้นกับสิ่งแปลกๆใหม่ๆ
ตอนที่ฉันเข้าไปในธนาคาร...
ฉันจินตนาการออกไปไกล...
อยากให้มีโจรมาปล้นธนาคาร...
ฉันคงจะตื่นเต้นกว่าทุกวันที่ผ่านมา
-
สิ่งของที่เราคิดไปเป็นเจ้าของ
มันโดนยึดคืนไป...
ยิ่งเราเป็นเจ้าของมากเท่าไหร่
ความทุกข์เราก็มากเท่านั้น...
ความมีจะเป็นทุกข์เมื่อเราสูญเสียมันไป
ความไม่มีจะเป็นทุกข์เมื่อเราอยากมีแต่มีไม่ได้
บ่วงภาระผูกพันไม่ว่าจะเป็นสิ่งของ
หรือสิ่งมีชีวิต...หากเราไปยึดติดเป็นเจ้าของ
เราถูกพรากจากสิ่งนั้นไปทำใจไม่ได้ก็เป็นทุกข์
-
ความทุกข์...
ความยากลำบาก...
ถ้าเราสามารถทนอยู่กับมันได้
มันจะผ่านไปและฝากความเข้มแข็งไว้ให้
-
พลังความรักด้านบวก...
ทำให้มีกำลังใจทำสิ่งดีๆ
ทำให้ใจมีความสุขอิ่มสดชื่น
ทำให้รู้สึกอิสระสบายอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน
ทำให้ยิ้มแก้มพองโตแทบปริยกแก้มไม่ลง...(หลงไหลได้ปลื้ม)
สุดท้ายมันก็จะต้องจากเราไป...ผ่านไป...
-
ความรัก...
มีพลังทำให้อยากทำความดี
มอบสิ่งดีๆให้กันและกัน...
แต่ความรัก...
ไม่ได้เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
เราจึงมีหน้าที่ระวังใจตัวเอง...
ให้รู้ทันกับความเปลี่ยนแปลง
จนกระทั่งความเปลี่ยนแปลงนั้น
ได้หยุดแน่นิ่งไม่ไหวติง...
-
ความสุขเมื่อเกิดขึ้นซ้ำๆ
ก็รู้สึกเป็นทุกข์เหมือนกัน
เกิดความเบื่อใจดิ้นรนอยาก
ที่จะมีความสุขเพิ่มขึ้น...
ยิ่งตะเกียกตะกายเท่าไหร่
ถ้าไม่ได้อย่างอยากมันก็ทุกข์
หลงคิดว่ายิ่งตะกายได้มามากเท่าไหร่
มันจะทำให้ใจเรามีความสุข...
มันไม่ใช่อย่างที่คิด...มีขึ้นก็มีลง
มีเกิดก็มีดับ...วังวนนี้ยังสืบเนื่องไป
จนกระทั่ง...เราหมดความอยาก...
ความอยากแต่ละความอยาก...
มันรอเราอยู่...รอเราให้ไปรู้...
รอเราให้ไปลด...ละ...เลิก...
-
:24: :24: :24:
ความรู้สึกตัวต่อความรู้สึกนี่น้อยไปหน่อยอ่า
ความรู้สึกเลยเปลี่ยนเป็นสุขและทุกข์อ่า
เรียกว่า สัมปชัญญะยังน้อยไปอ่า
ไม่ต้องไปรอ ลดละเลิก หลังจากที่มันเกิดความรู้สึกหมักหมม มานมนานแล้วอ่า
ไปสกัดที่เหตุสิจ๊ะ คุณพี่เล็กจ๋า
:24: :24: :24:
-
สระ+กัด
โห...อย่างนี้นี่เอง
ทั้งสระ...
ทั้งกัด...เลย :12:
สระและกัดที่เหตุ...
สระเหตุ+กัดเหตุ
สระ=ทำให้สะอาด เหตุหมดจด เหตุหมด
กัด=เพ่งไม่ปล่อย กัดแต่เหตุ
คิดอะไรเยอะแยะอีกแย้ว :30: :42: :12:
-
สระ+กัด
โห...อย่างนี้นี่เอง
ทั้งสระ...
ทั้งกัด...เลย :12:
สระและกัดที่เหตุ...
สระเหตุ+กัดเหตุ
สระ=ทำให้สะอาด เหตุหมดจด เหตุหมด
กัด=เพ่งไม่ปล่อย กัดแต่เหตุ
คิดอะไรเยอะแยะอีกแย้ว :30: :42: :12:
เพ่งน่ะ มันหนักไปอ่า
แค่ชำเลือง หรือกวาดสายตา แบบมองวิว ทิวทัศน์ สิคุณพี่เล็ก
มันเห็นกว้าง เห็นไกล เห็นทุกอย่าง ก้นเมฆ ภูเขา แม่น้ำลำธาร และก็เหว
มัวแต่เพ่ง ก็ตาเหล่
เห็นแค่กสินดวงเล็กดวงใหญ่
ดวงอื๋ม
แต่ไม่เห็น กสินลอยอยู่ที่ไหน ลอยไปไหน ลอยมาจากไหน
ก็มัวแต่เพ่ง สิ่งที่ไม่ควรเพ่ง อ่า
เพ่งจนตายละสังขารไป ก็ได้แค่นั้นแหละ
ไปเกิดต่อ ตามที่เพ่งได้แหละครับ
:42: :42: :42:
-
ฟื้นคืนชีพกลับมาเพ่ง :06:
หลังจากหลงไปอยู่กับอะไรต่อมิอะไร
ก็เลยกลับมาหลงอยู่กับอะไรต่อมิอะไรอีก
อะไรต่อมิอะไร...ต่อต่อกันไป เอ้า...
เพ่งอะไรได้อะไรอะไร...ได้ไว้ก่อนค่อยเสียไป :38:
-
เห็นเด็กเดินไปเล่นไปข้างถนน
อิสระไม่ต้องกลัวกังวลกับอะไร
เล่นไปวันๆสนุกสนานไปวันๆ
คนบางคนอยากให้เวลาเดินเร็วๆ
คนบางคนกลับอยากให้เวลาเดินช้าๆ
อยากยังไงเวลามันก็เดินไปอย่างนั้นของมัน
แต่ใจคนที่มันเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
มันกลับอยากให้อย่างนั้นอย่างนี้เป็นไป
ตามที่ใจมันต้องการจะให้เป็น...
แล้วเป็นไง...เป็นไปได้บ้าง ไม่ได้บ้าง...
สุดท้ายไม่เป็น...เพราะมันต้องตาย...
-
เพราะมันยังรู้สึกว่าต้องคิด...
เพราะว่ามันรู้สึกว่าเป็นตัวตนเรา
เพราะว่ามันรู้สึกว่าคือตัวตนเขา
เพราะว่ามันรู้สึกว่าอยากเกี่ยวพันกัน
เพราะว่ามันรู้สึกว่าต้องเปรียบเทียบ
เพราะว่ามันรู้สึกว่าอยากเอาชนะ
เพราะว่ามันรู้สึกว่าไม่อยากจะเสีย
เพราะว่ามันรู้สึกว่าอยากจะมีอยากจะได้
เพราะว่ามันรู้สึกว่าไม่พอใจสิ่งที่เป็นอยู่
เพราะว่า...มันมีอะไรเยอะแยะไปหมด
ในความมีเป็นเหตุแห่งทุกข์...
แต่เราก็ยังมีอยาก...เพื่อก่อเกิดทุกข์
เมื่อเกิดทุกข์...ก็ต้องอยู่กับทุกข์...
แล้วก็คอยดับทุกข์...
-
:yoyo068: สู้ๆครับพี่เล็ก รักษาสุขภาพนะครับ
-
รักษาสุขภาพไว้เพื่อรอความแก่
รอความเจ็บ...รอความตาย...
สู้ๆต่อไป...ชีวิตไม่สิ้นก็ดิ้นดึ๊กๆกันต่อไป :06:
-
:yoyo039: ครับพี่เล็ก เราสู้ด้วยกันครับ
-
วันนี้ตื่นขึ้นมาพร้อมกับข่าวปัจจุบัน
เธอตายแล้ว...ตายไปจากใจของฉัน
ไม่เคยคิดเลยว่าเธอจะตายไปแล้วจริงๆ
ทั้งๆที่วันก่อนนั้นเธอยังเป็นๆอยู่เลย
แต่ตอนเธอเป็นๆอยู่เธอกลับตามหลอกหลอนเสมอ
แต่ตอนนี้เธอตายแล้ว...แต่เธอกลับไม่ตามหลอกอีกต่อไปแล้ว
เธอตายแล้วจริงๆ...ไม่อยากรู้หรอกว่า...
ฉันจะตายไปจากใจเธอหรือเปล่า...
รู้แต่ว่า...เธอเป็นอิสระจากใจฉันแล้ว...
เพราะเธอได้ตายไปจากใจฉันแล้ว...
-
เพราะว่าเราคิดว่า...ความทุกข์เป็นทุกข์ของเรา
ทุกข์ของเรา...ส่งผลทางใจกับเราคือเราไม่ชอบ
ยิ่งเราไม่ชอบเท่าไหร่...ดูเหมือนว่าความทุกข์นั้น
จะขยายก้อนใหญ่ขึ้นๆ...แถมหนักขึ้นๆอีกด้วย...
เวลาเราเห็นคนอื่นที่เราไม่รู้จักเค้ามีความทุกข์...
เราเองยังไม่เคยรู้สึกเป็นทุกข์แทนเขาเลย...
แต่นี่เป็นเพราะว่าเราไปคิดว่าทุกข์นี้เป็นของเรา
ทุกข์ที่ไม่ใช่ของเรา...ก็เลยเข้ามาให้เราเป็นเจ้าของซะงั้น
เราก็เลยต้องทนแบกทนรับความทุกข์ที่เราเองไปรับมาเอง
ทุกข์มันก็อยู่อิสระของมันอยู่ดีๆ...เราอุตริไปจับจองมาเป็นของตัวเองหน้าตาเฉย
ทุกข์มันก็เลยเกิดขึ้นร้องอุแว้ๆๆมาเป็นของเราเป็นภาระของเรา
แล้วก็อยู่เป็นสิ่งรบกวนที่เราไม่ต้องการ...แต่ดั๊นดันต้องการไปเอามาไว้เอง
แต่สุดท้าย...ท้ายสุด...ทุกข์มันก็ดับไปเองของมัน มันเกิดแล้วก็ตาย...
เหมือนเราที่เกิดมาแล้ว...ก็ต้องพบจุดจบคือตายนั่นเอง...
-
เพราะเรายังต้องการมีความสุข...
ต้องการมีความพอใจในสิ่งที่เราอยาก
ความอยากมันก็เลยไม่หมดไปสักที
อย่างที่เค้าว่าความอยากไม่มีที่สิ้นสุด
ถ้าสิ้นสุดเมื่อไหร่คงสงบเมื่อนั้น...
แต่พื้นฐานแล้วเราก็ต้องมีความอยากกันทั้งนั้น
ความไม่อยากไม่ทำให้เกิดโทษและเช่นเดียวกัน
ก็ไม่ทำให้เกิดประโยชน์ใดๆไม่มีความหมายใดๆแล้ว
เพราะหยุดความหมายทุกๆอย่างไว้แค่นั้น...
เพราะฉะนั้นคนที่ฉลาดคนที่มีสติปัญญา...
ก็จะเอาความอยากมาทำให้เกิดประโยชน์ทั้งตนเองและผู้อื่นไม่จบสิ้น
ส่วนคนที่โง่ก็ยังเอาความอยากมาทำให้เกิดโทษกับตัวเอง
และผู้อื่นต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง...ไม่จบสิ้นเช่นกัน
ก็อยู่ที่เราแล้ว...ว่าเราจะเลือกเป็นใคร...
เลือกเป็นใคร ก็ได้รับสิ่งที่ทำไปนั่นเอง
-
ทะเลแห่งชีวิต...
ลอยเวียนวนอยู่กลางทะเล
คลื่นลมที่พัดพาไปตามกระแส
บางครั้งเงียบสงบนิ่งไม่เคลื่อนไหว
แต่ในความเคลื่อนไหวยังมีความเปลี่ยนแปลง
บางครั้งบ้าคลั่งสาดซัดโหมกระหน่ำรุนแรง
เหมือนจะไม่มีท่าทีจะสงบได้เลย
แต่แล้วทุกอย่างมันก็เปลี่ยนไปอีกเช่นเคย
มันแปรปรวนในความปรวนแปร...
ทะเลแห่งนี้...ไม่มีสงบ...เพราะเราไม่สงบเอง
หากเราสงบได้...แม้ทะเลจะปรวนแปรเพียงใด
เราก็เหมือนไม่ได้ยึดติดอยู่กับทะเลอีกต่อไป
แต่บางครั้งเรายังเหมือนลอยคออยู่กลางทะเล
ไม่รู้วิธีที่จะช่วยตัวเองเข้าฝั่งให้พ้นจากทะเลอย่างไร
บางทีรู้วิธีแต่ก็อดใจไม่ได้ที่จะยังลอยคออยู่กลางทะเลอย่างนั้น
อดใจไม่ได้ที่จะลงไปเล่นน้ำทะเลเหมือนที่เคย...
ฝั่งที่อยู่ใกล้...จึงยังดูเหมือนว่าไกลออกไปทุกที...
-
เพราะเราเลือกที่จะทำเอง
เป็นกรรมของเราเอง...
ทำเองเลือกเองเป็นเอง...
ไม่มีอะไรทำอะไรเราได้...
นอกจากเราทำตัวเราเองทั้งนั้น
-
ไม่ได้แวะมาเพิ่มตัวหนังสือนานเลย
อดีตต่างๆผ่านพ้นไปแล้ว
มีแต่ปัจจุบันที่จะผ่านพ้นไปอีก
อนาคตเอยอนาคตผ่านๆไป
ชีวิตเกิด แก่ เจ็บ ตาย
เป็นทุกข์ เวียนวน
แค่นี้เอง แต่เราก็โดนหลอกอีกนั่นล่ะ
ว่ามันมีอะไรมากมายก่ายกอง
ท่วมใจจนกระอัก มันทนไม่ไหวแล้ว
แต่สุดท้ายมันก็ต้องทน จนชินชา เคยชิน
-
ทุกคนต่างก็ทยอยตายไปจากเรา
ทุกคนต่างก็ทยอยเจ็บป่วยให้รับรับรู้
ทุกคนต่างก็เป็นทุกข์ร้อยแปดพันเก้าอย่างให้เราดู
เราเองก็คงไม่ต่างจากเขานักหรอก...
ผจญ เผชิญ เดินต่อไปตามความเป็นไป
ได้ระบาย ได้อ้วก มันก็ค่อยโล่ง
ไม่งั้นอาการคงเป็นแบบนี้ :30:
-
หลายๆอย่างมันก็เป็นไปตามวาระกรรมของแต่ละท่านเน้อครับพี่เล็ก
คนอยากมีชีวิตอยู่ก็ดันได้ไป พอคนอยากไปก็ดันอยู่ พอเราคิดลัดว่าอยากอยู่และอยากไป มันก็ดัน คาราโอเกะอยู่อย่างนี้ล่ะครับ เดี๋ยวก็ไปเดี๋ยวก็อยู่
:06: ไม่เห็นซะนานเลยนะครับ สบายดีนะครับผม
รักษาสุขภาพนะครับพี่เล็ก สู้ๆครับพี่เล็ก
-
โดนตัดเน็ตก็เลยไม่ได้เข้ามารับรู้
แต่มันก็ยังอยากที่จะกลับมารับรู้
แล้วสุดท้ายมันก็ต้องลืมๆไปอีก
เข้าๆออกๆเบื่อๆอยากๆวนเวียนไปเรื่อย
นิสัยสันดานก็ยังมีตัวตนแบบที่มันติดๆมา
ความคิดใหม่ๆสิ่งดีๆที่แว๊ปมามันก็อยู่รอบๆ
แว๊ปมาแว๊ปไปสิ่งดีสิ่งไม่ดีทุกข์ๆสุขๆ
พอใจไม่พอใจเบื่อๆเซ็งๆสนุกๆเฉยๆชาๆ
มันเป็นความเป็นไปที่จะเกิดขึ้นตอนที่เราคิดถึง
ถึงคิดต่อไปเป็นนั่นเป็นนี่มากมายก่ายกองท่วมเลย
แล้วสุดท้ายมันก็เหือดแห้งหายไปเพื่อก่อตัวใหม่อีก
คลื่นทะเลสาดซัดเข้าหาฝั่งแล้วก็พัดพาไปเพื่อซัดเข้ามาใหม่
ลมหายใจเอยเข้าแล้วก็ออกแบบนี้เดี๋ยวก็หยุดเข้าหยุดออกแล้ว
ขณะยังมีเข้ามีออกมันจะสงบสุข มันจะทุกข์ระทมก็เอากันเข้าไป
เอาไงไว้ก็รับงั้นไป...อยากเอาเองก็รับไว้เอง
-
เอาอะไรเหรอครับพี่เล็ก :13:
มันเป็นเช่นนี้ล่ะครับพี่เล็ก รักษาสุขภาพ เป็นกำลังใจให้นะครับผม ธรรมะอวยพรครับพี่เล็ก
-
เอาตัวเอาตนอยู่นี่ล่ะกึ๋ยๆๆๆ
ยึดว่าเป็นตัวตรู ของตรู
ยึดว่าเป็นตัวมรึง ของมรึง
ยึดว่าเป็นตัวมัน ของมัน
สารพัดจะเคยชินในการยึด
ยึดให้หนักยึดให้เหนื่อยแล้วก็ปล่อยไป
หลงยึดอีกกว่าจะปล่อยได้สยึมกึ๋ย
ปล่อยไปยังไม่ทันไรยึดมาอีกแล้วเหอๆๆ
กรรมของตัวตรูจริงๆทนได้แต่ทน
บ่นไปบ่นมาทุกข์ของตรูอีกแว้วก๊ากกกก
เหมือนใกล้จะบ้าเต็มที่ตรู :30:
-
ผ่านเรื่องราวทดสอบสติ
อารมณ์เอาคะแนนเต็มอีก
สติปัญญาก็ยังไปไม่ค่อยรอด
ฝึกยอมรับกับสิ่งที่ทำไปตามเคย
ยอมรับได้มันก็ทุเลาทุกข์ไปได้หน่อย
ยอมรับไม่ได้มันก็ทุกข์หนักหน่อย
และแล้วมันก็ผ่านพ้นไปอีกตามเคย
-
หลังจากผ่านพ้นความมีที่ทำให้เราเป็นสุข
เมื่อความมีจากเราไปก็กลายเป็นทำให้เราเป็นทุกข์
ความไม่มีจะทำให้เราเป็นทุกข์เพราะใจเราอยากมีแล้วมันไม่มี
ความไม่มีจะทำให้เราเป็นสุขเพราะเราพอในสิ่งที่ไม่มี
แต่เราจะพอไปได้นานแค่ไหนเล่า ถ้าไม่พอเมื่อไหร่ทุกข์คงรออยู่เหมือนเดิม
-
ขอบคุณที่เกิดมาพบเจอกัน
ขอบคุณที่ให้สิ่งต่างๆมากมาย
ขอบคุณที่ไปแล้วยังเหลือสิ่งดีๆไว้มากหลาย
ขอบคุณจริงๆที่เราได้จากกันไป
-
ความทุกข์รู้อยู่ว่าจะต้องทุกข์
ก็ยังไม่วายจะไปเอามาแบกไว้
รู้อยู่ว่าถ้าไม่ยอมหยุดจะต้องทนทุกข์
ก็ยังไม่วายใจอ่อนโง่ไปเอาทุกข์มา
ทุกข์มันมีดียังไงนะทำไมคนโง่อย่างเรา
ถึงได้เอามันได้เอามันดี
-
ความคิดทำให้มันมีอะไรมากมายไปเรื่อย
คิดไปตามอารมณ์เกิดความชอบความไม่ชอบ
คิดไปตามหลักเหตุและผลก็มีประโยชน์กับไร้ประโยชน์
คิดไปตามความเคยชินมีดีแล้วก็ไม่ดี
คิดให้มันเป็นสุข แล้วก็คิดให้มันเป็นทุกข์
คิดๆๆๆๆคิดจนเหนื่อยจนทุกข์พักลงซะบ้าง
แล้วมันก็วนกลับมาคิดอีก คิดอยู่นั่นล่ะ
-
เมื่อมองไปที่ผู้หญิงแก่ชราอายุราว80ปี
ก็ปรุงแต่งมองเห็นตัวเองในภายภาคหน้า
เส้นผมที่ขาวโพนบางกระเซิงอย่างธรรมชาติ
ผิวเหี่ยวย่นรอยกร้านหยาบกระหย่อนยาน
นัยตาขุ่นมัวฟ่าฟางหลังค่อมกระดูกกระเดี้ยวปวดตามวัย
สังขารที่เป็นทุกข์เช่นนั้นมันก็คงเป็นเราในวันหนึ่ง
ใจคิดคงไม่อยากมีสังขารที่ล่วงโรยลาเช่นนั้น
แต่อีกใจคิดก็คงต้องอดทนยอมรับสภาพความเป็นจริง
ใจของคุณยายที่สงบนิ่งทำอะไรอย่างเชื่องช้าระมัดระวัง
มานั่งรอตักบาตรทุกเช้าด้วยสีหน้าที่เฉยเมยแต่ลึกๆในใจ
คงมีแต่ความชุ่มชื่นใจที่ได้มีอะไรทำ ทำในสิ่งที่ชอบ สิ่งที่ดีๆ
-
ตัวตนที่เราแสดงออกมามันมีอยู่หลายบทบาท
เวลาแสดงกับคนอื่นที่ไม่คุ้นเคยก็อีกบทบาท
จะใส่หัวโขนแสดงอย่างสุภาพเรียบร้อยเหลือเกิน
แต่เวลาเอาหัวโขนการแสดงออกกลับมาอยู่กับ
คนที่เราคุ้นเคยก็เป็นอีกแบบไปอย่างน่าแปลกใจ
ความคุ้นเคยชินกับความไม่คุ้นเคยกันก็ทำให้เรา
แสดงออกแตกต่างกันไปได้ขนาดนี้เชียวหรือนี่
เวลาคนอื่นเอาเปรียบหรือทำอะไรให้เราไม่พอใจ
เราก็ต้องมีอารมณ์ไม่ชอบใจไม่พอใจเพราะมันยึด
ว่ามันเป็นตัวตนเราเขาก็เลยทำให้เกิดการปรุงแต่ง
เกิดความรู้สึกชอบไม่ชอบทำให้สุขภายจิตสุขภาพกายเราเองเสียไปด้วย
สติปัญญามันเสติดไปตั้งแต่ตัวตนมันยึดเกาะแน่นอยู่ในความคิด
พยายามที่จะสลัดมันไป พยายามที่จะหลอกตัวเองว่า
มันไม่ใช่ตัวตนเราเขา เราปล่อยให้เค้าไปบ้าง ปลงบ้าง
ทำใจบ้าง แต่มันก็ยังไม่ยอมหายไป ยังต้องพยายามอีก
ผ่านมาก็ให้มันผ่านไป เริ่มใหม่ จนกว่าจะทำได้ สู้ต่อไปทาเคชิซัง
-
เวลารู้สึกหนักๆไม่สบายมันก็เลยอยากที่จะสลัดมันทิ้งเสีย
เพื่อจะได้รู้สึกสบายเบาอิสระแต่บางทีมันก็ทำไม่ได้
บางทีมันรู้สึกหนักๆไม่สบายแต่มันก็ยังไปเอามาทับถมให้ยิ่งหนัก
ให้ยิ่งแย่ยิ่งทุกข์เข้าไปมากจนสุมอกแน่นแทบกระอักและเกือบตาย
แต่สุดท้ายมันก็หายไปเอง มันเป็นแบบนี้นี่เอง มาแล้วก็ไป
ไปแล้วก็วกกลับมา มันเป็นแบบนี้ อยู่ที่เราจะเป็นแบบไหน
-
ขอบคุณสำหรับความสุข(ทุกข์ที่ลดลง)
เมื่อมันผ่านไปแล้วไม่ได้หวังว่ามันจะกลับมาอีก
ขอบคุณสำหรับความทุกข์(ทุกข์ที่เพิ่มขึ้น)
เมื่อมันมาเยือนคงต้องอดทนรอให้มันผ่านพ้นไป
ความอดทนทำให้รู้สึกมันผ่านไปช้าเหลือเกิน
แต่ยังไงก็ยังต้องอดทนเพื่อรอให้มันผ่านพ้นไป
และปัจจุบันมันก็เปลี่ยนแปลงไปตามที่เรารู้สึกตาม
-
:06: รักษาสุขภาพนะครับพี่เล็ก
ช่วงนี้ผมเย็บซ่อมเสื้อเกราะเก่าผมอยู่บ่อยๆครับ
ใส่แล้วประทับใจ เวลาจับเสื้อเกราะ มันอิ่มๆใจดี ไม่ค่อยทรมานเหมือนตอนไม่ได้ใส่
ให้ธรรมเป็นเกราะ ให้เกาะที่ธรรม ให้จำที่ใจ ให้ใส่เวลาที่ทรมานอ่ะครับ ผมใส่แล้วเวิร์คเสมอ :13:
แต่..บางครั้งมันก็ไม่เวิร์คนะครับ แต่จำไม่ค่อยได้ว่า เวลาไหนไม่เวิร์ค :24:
-
เกราะ...ทำให้คิดถึงลูกหมู3ตัว
เกราะฟาง...
เกราะไม้...
เกราะปูน...
เกราะๆๆๆๆๆๆๆทางปัญญา
-
:45: สาธุครับพี่เล็ก
-
บุ๊บเฟ่ทำให้โลภกินมากเกินไป
หรือเป็นเพราะใจที่มันมีความอยาก
มีความหลงทำให้กินมากจนล้นเกิน
นิสัยความเคยชินที่มักมากทำให้ตัวเองเ็ป็นทุกข์
กินน้อยไปใจก็เป็นทุกข์เพราะกินไม่คุ้มกับเงินที่จ่าย
กินมากไปกายก็เป็นทุกข์เพราะกินมากเกินไปจนเกินพอดี
รู้แต่ก็ยังทำไม่ได้ น่าสงสารจริงๆที่หลงอยู่กับวังวนนี้
ไ่ม่มีอะไรทำให้เราเป็นทุกข์เลยนอกจากเรามีเรานี่เอง
-
เหมือนความฝัน...ที่ในวันนี้ไม่มีเธออยู่แล้ว
เหมือนคิดไปเอง...ที่วันนี้ยังมีเธออยู่
เหมือนยังเพ้อฝัน...ให้เธอวนเวียนในห้วงความคิดถึง
เหมือนยังคำนึง...มีแต่เธอจนลืมอะไรคือความเป็นจริง
-
ความมีชีวิตทำให้เราเวียนวนไปๆมาๆ
ยามมีชีวิตมีทั้งทุกข์ที่เพิ่มและลด
มีทั้งความดีความชั่วที่ก่อร่างสร้างไป
มีทั้งความหลงความโกรธความโลภความรัก
ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนเข้ามาทดสอบเราอยู่เนืองๆ
ตราบเท่าที่ลมหายใจเรายังเข้าและออก
-
สติปัญญามันยังด้อยก็เลยปล่อยอารมณ์ไม่ดีใส่คนอื่น
เหมือนอย่างที่เขาว่าเราว่า"รู้ธรรมะ แต่ใช้ธรรมะไม่เป็น"
ทำเหมือนเป็นคนมีธรรมะเหมือนมีความรู้ทางธรรมะเยอะ
แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถนำความรู้ทางธรรมะมาใช้จริงได้
สติปัญญามันยังสั่งสมไม่พอที่จะควบคุมอารมณ์ตนเองได้
ความละอายมันก็เลยเกิดขึ้นแต่ก็ยังไม่ยอมรับไม่ลดทิฐิ
อยากจะเปลี่ยนนิสัยไม่ดีแบบนี้ให้ได้ ความตั้งใจพยายามต้องมี
ยังมีตัวตน มีอารมณ์ ความยึดมั่นถือมั่น จึงมีการเบียดเบียน
เมื่อเราทำอะไรลงไป เราก็ต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่เราทำไป
-
นี่เรากำลังถูกชดใช้กรรมอยู่ใช่มั๊ย
หรือว่าเรากำลังทำกรรมด้วยความไม่รู้อีกแล้ว
ไม่ว่าอะไรก็ตามแต่มันผ่านไปแล้ว
ความสำนึกในใจลึกๆก็รู้ดีว่ามันคืออะไร
แต่ความดื้อรั้นความอยากมันก็ยังไม่ยอมหยุดโง่เสียที
กรงกรรมกรงเกวียนกรงทุกข์มันก็คงวนเวียนอยู่อย่างนี้
เฝ้าทำร้ายใจเราได้ทุกขณะที่เรายังประมาทอยู่
ก็เราทำตัวเราเองนี่นาไม่ได้มีใครทำเราได้เลย
-
ตราบใดที่ยังมีตัวตนเรา
เขลาก็จะโผล่ขึ้นมา
มันโผล่ขึ้นมาหลอกให้เราไปยึด
แล้วเราก็ยังไปยึดมันไปตามความเคยชิน
เราไม่อาจจะยับยั้งใจตัวเองได้
เราไม่ทันที่จะรู้ตามความเป็นจริง
แต่เราไม่รู้ไปตามมายาที่มันหลอกเรา
-
ความคิดในแง่ร้ายๆไม่ดีๆระแวงสงสัยกังวลไปก่อน
นิสัยเห็นแก่ตัวเห็นแก่ได้ไม่ยอมเสียเปรียบใคร อยากแต่จะได้เปรียบ
ปากไม่รู้จักสำรวม คิดจะพูดก็พูด พูดไปแล้วถึงคิดได้ทีหลัง
ไม่คิดถึงใจเขาใจเรา ไม่มีน้ำใจ ไม่ชอบแบ่งปัน ไม่เอาใคร
ความคิดในแง่ดีๆเชื่อคนมากไป ใจอ่อน ทำดีไปพอไม่ได้ดีก็เสียใจทีหลัง
เพราะทำดีหวังผลตอบแทน เมื่อไม่ได้มันก็เลยเป็นทุกข์ตามมา
-
(https://fbcdn-sphotos-g-a.akamaihd.net/hphotos-ak-ash3/c0.0.403.403/p403x403/15759_187694014704932_1037095867_n.jpg)
:13: สวัสดีปีใหม่ค่ะ ^^ .. ในปีแห่งการเริ่มต้น วันใหม่ ปีใหม่ ชีวิตใหม่ อะไรๆใหม่นี้ .. ขออวยพรให้ ตัว (ร่างกาย) & หัวใจ :19: แข็งแรง พร้อมยิ้มสู้ ☺ ปรับกาย & จิต ♥ พร้อม รองรับกับทุกการเปลี่ยนแปลงแห่งชีวิต (อันมิคาดคิดมาก่อน) และ ผ่านพ้นไปได้ในทุกๆปัญหา+ทุกๆสถานะการณ์, มีความสุข สงบ แบบพอเพียง .. คิดสิงใดในสิ่งดีที่งาม ขอให้ มีพลังกายใจ :19: สติปัญญา ไปดำเนินกิจนั้น ..จนสำเร็จลุล่วง ทุกประการ ทั้งทางโลก-ทางธรรม (อันแท้จริง เป็นหนึ่งเดียวกัน) นี้ ด้วยนะคะ .. เหล่าพี่น้อง ผองเพื่อน กัลยาณมิตร , สมาชิก ตลอดจนผู้มาเยือน ใต้ร่มธรรม บ้านธรรมหลังน้อย แห่งนี้ ทุกๆท่าน .. ^^
-
ขอบคุณสำหรับความกรุณาที่เผื่อแผ่มาให้เป็นกำลังใจ
บางทีกำลังใจจากภายในมันก็ลดน้อยถอยหายไป
จึงต้องการที่จะได้กำลังใจจากภายนอกเพื่อมาเติมแรงใจ
ให้มีแรงต่อสู้กับความอ่อนแอภายในจิตใจ
เพราะใจเรายังอ่อนไหวไปตามสติปัญญาที่สั่งสมมาและสั่งสมอยู่
การสั่งสมไปจึงเป็นไปตามความเป็นอยู่ ณ ปัจจุบัน
แรงใจ กำลังใจ ความมุ่งมั่น หลอมเป็นความคิดดีๆ
จนกระทั่งหวังว่าจะเป็นความคิดที่เห็นแจ้งตามความเป็นจริงในภายหน้า
-
ความสุขมันแว๊ปมาแป๊บเดียวแล้วมันก็เลี้ยวหายไป
ความสุขคือสิ่งที่ทำให้เราพอใจชอบใจ
ถึงมันจะอยู่นานหรือไม่นานเราก็รู้สึกว่ามันอยู่แป๊บเดียว
ความทุกข์คือสิ่งที่ทำให้เราไม่ชอบใจไม่พอใจ
มันจะอยู่นานหรือไม่นานอยู่ที่เราจะให้มันอยู่หรือไม่อยู่
ความคิดทำให้เราไปจำกัดน้ำหนักของทุกข์และสุขต่างกันออกไป
แล้วแต่สติปัญญาจะไปทำให้ความคิดมันไปอยู่ด้านบวกหรือด้านลบ
คิดดีมีสุข คิดไม่ดีก็มีทุกข์
-
อยากได้...แล้วไม่ได้...ก็เป็นทุกข์
ไม่อยากเป็น...แล้วมันเป็น...ก็เป็นทุกข์
อยากได้...แล้วมันได้...ก็หลงไม่ยอมพอ
..........
ดิ้นรนขวนขวายจนทุกข์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ก็ยังเฝ้าเอาแต่ความทุกข์เข้ามาไม่ยอมพอ
.........
-
"คนรู้ธรรมะ ชอบเอาชนะคนอื่น
คนปฏิบัติธรรม ชอบเอาชนะตนเอง"
...............
โทษคนอื่นแก้ไขอะไรไม่ได้
โทษตนเองแก้ไขได้
...............
ปรัชญาชีวิตของท่านจอมยุทธอ่านแล้วได้คิด
แต่ยังคิดไม่ได้ :42:
-
โชคดีที่ได้เกิดมา
โชคดีที่ได้พบเจอสิ่งดีๆ
โชคดีที่ได้พบเจอสิ่งไม่ดี
โชคดีที่ได้ตายไป
-
"น้ำหวาน" ฆ่ามด ที่เผลอตน
"คำหวาน" ฆ่าคน ที่เผลอใจ
.......
ความสุขถ้าแบ่งปันกันก็จะเพิ่มเป็นสองเท่า
แต่ความทุกข์ถ้าแบ่งปันกันก็จะลดลงครึ่งหนึ่ง
.......
อย่ากลัวที่จะพูดคำว่า "ขอโทษ"
หากตัวเองเป็นฝ่าย...ผิด
เพราะอีกฝ่าย เขาอาจจะรอใช้สิทธิ์
คำว่า...ให้อภัยอยู่...
....... :24:
-
ผู้เฒ่าธรรพ์...
เฒ่าทันใจ...สงบ พบความเป็นอนิจจัง
เฒ่าไม่ทันใจ...พบ ความทุกข์ตลอดเวลา
เฒ่าทัน...อนัตตา ไร้ตัวตน
-
อดีต...ตามหลอกหลอน
อนาคต...สร้างความคาดหวัง
ปัจจุบัน...รวดเร็วจนไม่อยู่กับปัจจุบัน
ฝึกที่จะอยู่กับปัจจุบัน...
-
มีหลายสิ่งหลายอย่างที่เรายังต้องปรับปรุง
เพราะเราไปยึดติดความถูกต้อง
แล้วเอามาเปรียบเทียบแล้วรู้สึกไปว่า
เราไม่ถูกต้องเราจึงอยากที่จะปรับปรุงเปลี่ยนแปลง
ให้มันถูกต้องตามที่เรายึดเอามา
การมีตัวตนเรา ทำให้เราเอาตัวเองมาเป็นตัวเปรียบเทียบ
ทำให้มันรู้สึกพอใจ เพราะเหตุด้วยความรู้สึกไม่พอใจเป็นเหตุ
ความรู้สึกเช่นนี้เกิดขึ้นได้ตลอดเวลาที่เรายังมีตัวตนเราเขาอยู่
ความรู้สึกยินดียินร้ายมันตามเข้ามาหลอกหลอนตลอดเวลา
-
คำคม ดาไลลามะ เรื่องสุขภาพและการใช้ชีวิต
ครั้งหนึ่งเมื่อมีคนถามองค์ดาไลลามะว่า อะไรเป็นเรื่องที่ท่านรู้สึกแปลกใจมากที่สุด เกี่ยวกับมนุษยชาติ ท่านตอบว่า
“มนุษย์เรานึ้ ยอมสูญเสียสุขภาพเพื่อทำให้ได้เงินมา แล้วต้องยอมสูญเสียเงินตรา เพื่อฟื้นฟูรักษาสุขภาพ แล้วก็เฝ้าเป็นกังวลกับอนาคต จนไม่มีความรื่นรมย์กับปัจจุบัน ผลที่เกิดขึ้นจริงๆ ก็คือ เขาไม่ได้อยู่กับปัจจุบัน หรือแม้กระทั่งอยู่กับอนาคต เขาดำเนินชีวิตเสมือนหนึ่งว่าเขาจะไม่มีวันตาย และแล้วเขาก็ตายอย่างไม่เคยมีชีวิตอยู่จริง“
อ่านต่อ: http://www.klonthai.com/tag/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%8A%E0%B8%8D%E0%B8%B2#ixzz2JRftGB3e (http://www.klonthai.com/tag/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%8A%E0%B8%8D%E0%B8%B2#ixzz2JRftGB3e)
-
ยังมีความคิดที่จะนำความทุกข์ทางอารมณ์เข้ามาทำร้ายใจตัวเอง
ยังมีความรู้สึกผิดหวังไม่ได้อย่างที่ใจต้องการ ก็เลยรู้สึกทุกข์ใจ
มองไปที่คนอื่น เห็นคนอื่นมีความสุข เราก็เคยมีความสุขแบบเขา
ความคิดเราก็เลยอยากให้ความสุขแบบที่เขาเป็น เป็นเราแทน
แต่มันก็ไม่ได้เป็นเรา เราก็เลยโหยหา คิดอยากได้ เมื่อไม่ได้ก็เลยทุกข์ซ้ำซาก
-
คิดอะไรออกไป มันก็คือคิดสิ่งที่มีอยู่ในใจ
ใจที่ยังคิดถึงอดีต ยังคิดถึงอนาคต
คิดแต่สิ่งที่ทำให้ตัวเองพอใจ
คิดแต่สิ่งที่ทำให้ตัวเองไม่พอใจ
คิดแล้วก็ทำออกมาให้ตัวเองพอใจ
คิดแล้วก็ทำออกมาให้ตัวเองไม่พอใจ
ทำออกมาแล้วทำให้ใครพอใจ
ทำออกมาแล้วทำให้ใครไม่พอใจ
-
ความทรงจำที่ผ่านมาในอดีตนั้น
เมื่อกลับไปหวลคิดถึงมันอีก
ก็ทำให้คิดถึงวันที่มีแต่ความสุข
ความสุขที่เคยได้รับไม่เคยคิดเลยว่า
ในวันนี้ความสุขแบบนั้นจะเปลี่ยนมาเป็น
ความทุกข์ให้เรากลับมาในวันนี้
แต่ความทุกข์ในวันนี้...จะสร้างเกราะป้องกัน
ให้กับเราในวันต่อไป...
เราจะค่อยๆลืมทุกข์นั้นไปเอง
-
:47: สู้ๆครับพี่เล็ก มนุษย์เราคือสิ่งมหัศจรรย์ที่ยิ่งใหญ่และเล็กเป็นอณูยิ่งนักในเวลาเดียวกัน :13:
-
สู้กับความคิดที่เราปรุงแต่งออกมา
แล้วแต่จะไปเจอเหตุปัจจัยอะไร
บางทีก็ดันไปเจอเหตุปัจกระจุยกระจาย
ก็ทำให้เพี้ยนหลงไปตามสมมุติซะจนเคยชิน
ทำให้ไม่เห็นความจริงที่มันมีอยู่ตลอดเวลา
-
สู้กับใจตัวเอง
เพราะยังมีตัวเองอยู่
ความเป็นตัวเอง
เดี๋ยวก็พองโต
เดี๋ยวก็แฟ๊บหาย
วนเวียนไปๆมาๆ
-
จากไม่มีอะไร...
แต่ด้วยความไม่รู้...
ทำให้มีอะไรต่อมิอะไร
การมีอะไรต่อมิอะไร...
จึงเคยชินให้มีอะไรๆ
การมีอะไรๆยิ่งต่อยอด
ต่อไปมากมายไม่จบไม่สิ้น
ทั้งๆที่มันไม่ได้มีอะไรๆ
-
ตอนแรก...ไม่มีฉัน...ไม่มีเธอ...ไม่มีอะไร
ตอนนั้น...มีฉัน...มีเธอ...มีสุข
ตอนนี้...มีฉัน...ไม่มีเธอ...มีทุกข์
ตอนโน้น...ไม่มีฉัน...ไม่มีเธอ...ไม่มีอะไร
-
ไม่มีใครสามารถทำอะไรใจเราได้
นอกจากความคิดเราเองเท่านั้น
ที่สามารถทำให้ใจเราเป็นอะไรก็ได้
เรามักจะโทษคนอื่นว่าเป็นคนทำให้เราเป็นงั้นเป็นงี้
แต่มองให้ดีๆแล้ว เราเองที่ทำให้เราเป็นงั้นเป็นงี้
เรามักจะมองข้าม ลืม ว่า เรานั่นแหละคือตัวการ
เป็นต้นเหตุให้เกิดมีอะไรมากมายอยู่ตลอดเวลา
-
สิ่งที่เราคิด
สิ่งที่เราเชื่อ
ทำให้เราเป็นไป
สิ่งที่เราทำ
ความเป็นไปนั้น
มีทั้งเป็นไป
และไม่เป็นไป
-
ตามองไปเห็นสิ่งที่มีลักษณะคล้ายกัน(ปัจจุบันที่ไม่ใช่ความจริง)
ใจก็ปรุงแต่งคิดถึงในสิ่งที่เคยคุ้นเคย(อดีต)
คิดแต่งแต้มเตลิดเพ้อเจ้อหวังลมๆแล้งๆมากมาย(อนาคต)
-
วันนี้เธอคนที่รักฉันได้จากฉันไปแล้ว
เธอคนที่ฉันรักที่สุดไม่มีแล้วในวันนี้
ความทรงจำดีๆยังคงอยู่กับฉันตลอดไป
แต่ฉันจะไม่ได้อยู่ตลอดไปเพื่อคิดถึงสิ่งดีๆ
ฉันยังคงรู้สึกอบอุ่นสุขใจเสมอที่ได้คิดถึงเธอ
แต่ฉันก็ยังมีความรู้สึกเป็นทุกข์ที่วันนี้ไม่มีเธออยู่
มันเป็นสิ่งที่ผันผวนไปตามอารมณ์ของฉันที่มีอยู่
ก็แค่...ฉัน...ที่ยังคงคิดถึง...เธอ...
และก็แค่...ฉัน...ที่ไม่คิดถึง...เธอ...
-
:13: . .
คู่กรรม [Official Trailer HD] (http://www.youtube.com/watch?v=eHfaxbW-ors#ws)
ダブルアクション。
あなたがいなくて寂しい :19:
.
.
.
-
:30: ความคิดถึงไม่เข้าใครออกใครจริงๆครับ ผมก็คิดถึง...
-
ทุกครั้งที่กลับไปคิดถึงอดีต
ก็มีทั้งสุขและทุกข์ผุดขึ้นมา
และเมื่อคิดถึงอดีตแล้ว
ก็ไม่ลืมคาดหวังไปถึงอนาคต
ที่ทำให้เราทั้งสุขและทุกข์ตามมา
-
กำลังของสติปัญญาในการมองสิ่งใดนั้น
มันจะแตกต่างไปตามกำลังของสติปัญญา
สิ่งเดียวกันนั้น...กำลังสติปัญญาต่างไป
ก็ทำให้สิ่งเดียวกันนั้นแตกต่างไปด้วยเช่นกัน
-
กำแพงที่สร้างขึ้นมากั้นระหว่างความมีตัวตนเราและเขา
มันทำให้เกิดทุกข์เมื่อเรารู้สึกว่ามันทำให้เราและเขาไม่ได้เจอกัน
ไม่ได้รับรู้เรื่องราว ไม่ได้แบ่งปันสิ่งดีๆ ไม่ได้รับสัมผัสดีๆ
แต่กำแพงกั้นที่ขวางกั้นเขาและเราบางครั้งก็ทำให้รู้สึกดี
เพราะมันไม่ต้องคาดหวังและไม่ต้องสร้างความทุกข์ให้มันเพิ่มมากขึ้น
เพราะเมื่อเราเจอกันเราก็ได้มอบสิ่งดีๆให้กัน พอเราจากกันไป
สิ่งดีๆเหล่านั้น ทำให้เราอยากได้รับไม่จากไป แต่มันเป็นไปไม่ได้
เพราะเราต้องจากกัน แล้วความเคยชินก็ทำร้ายเรา ความคิดถึง
ความทรงจำดีๆ ทำให้เราเคยตัว อยากได้รับอีกเรื่อยๆเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
แต่มันก็ไม่ใช่ แล้วความจริงเหล่านี้ ก็ทำให้เราเข้าใจ และยอมรับ
กับปัจจุบันว่ามันไม่มีอะไรแน่นอน ได้รู้จักความเป็นจริง
-
รู้มาก...ยังมีทุกข์
รู้จริง...พ้นทุกข์
-
หลงรักเลย (http://www.youtube.com/watch?v=7_6aOJG0XZY#ws)
.
.
.
:19:
-
Nadech (ณเดชน์) - หลงรักเลย - [ official audio ] (http://www.youtube.com/watch?v=6yFuUTdrnzc#ws)
:13: .. .. :13: .. .. :13:
ณเดชน์- หลงรักเลย Eng Sub (http://www.youtube.com/watch?v=oeJ0_IrdQAU#)
☺
.
.
.
.
-
[Audio] คำยินดี - Klear (http://www.youtube.com/watch?v=XOVavPj8DpI#ws)
^^.. :13:
-
ฉัน...ในวันอ่อนแอ (http://www.youtube.com/watch?v=DgyjQFaZk10#)
:yoyo098:
-
รถอีซูซุ มิวเซเว่น
คนโง่...มองจนรู้สึกทุกข์เข้ามาทำร้ายจิตใจ
คนฉลาด...มองคิดถึงความสุขในอดีตเอามาทำให้ใจมีความสุข
คนมีปัญญา...มองเป็นแค่ธาตุที่รอวันสลายไปในที่สุด คนที่มองนี่ก็ตายเช่นกัน
-
เราไม่รู้ทัน...
มันผ่านไปแล้ว...
ขณะนี้ไม่พอใจ...ก็เป็นทุกข์
ขณะนี้พอใจ...ก็เป็นสุข
เรารู้ทััน...
มันผ่านไปแล้ว
เฉยๆ
เราไม่รู้ทนไม่พอใจมันก็ทุกข์
เรารู้ทนพอใจมันก็สุข
-
ปล่อยมันเป็นไป...
ให้มันเป็นไปตามธรรมชาติ
บังคับอะไรไม่ได้...
แต่บางครั้งมันก็บังคับได้บ้าง
อะไรมันก็ไม่แน่นอน
แต่บางที...มันก็มีความแน่นอน
-
(https://fbcdn-sphotos-c-a.akamaihd.net/hphotos-ak-prn1/58042_582619475095750_1428133910_n.jpg)
-
(https://fbcdn-sphotos-a-a.akamaihd.net/hphotos-ak-prn1/533947_550263701672366_113329705_n.jpg)
☺ .. :19:
-
เพลง ทำดีได้ดี (http://www.youtube.com/watch?v=HkNZoqn_RzI#)
-
ปล่อย อ้น ธวัชชัย ชูเหมือน (http://www.youtube.com/watch?v=BjK1juDL728#)
-
ปล่อย - Bodyslam feat.ป๊อด ธนชัย (http://www.youtube.com/watch?v=xT5GKUfJfaY#)
ฝืนข่มเหมือนคนไม่มีน้ำตา ฝืนทนกับความช้ำของวันวาน
กับเรื่องราวที่ผ่านมา เมื่อทุกสิ่งวกวนข้างในหัวใจ
ทุกคำยังตอกย้ำทำลายใจ ว่ารักคงไม่กลับมาอีกแล้ว
เปลี่ยนวันที่ใจนั้นเปลี่ยน วันที่คนหนึ่งคนทิ้งกัน
วันที่เธอต้องกลืนต้องเก็บ วันที่ทรมาน
วันที่เกินจะทนรับมันเอาไว้
อยากจะร้องบ้างไหม ร้องให้กับมันสักที
ร้องสักครั้ง ร้องพอให้มีน้ำตามาแบ่งเบา
ร้องจนกว่าจะลืมเรื่องราว
เมื่อรักเปลี่ยน เหลือเธอที่ยังเหมือนเดิม
หัวใจเหนื่อยเพียงไหนที่เฝ้าคอย
แต่รักคงไม่กลับมาอีกแล้ว
ปล่อย วันนี้เธอแค่ปล่อย
วันนี้เธอเข้าใจเสียที วันที่โลกทั้งใบนั้นเปลี่ยน
เธอก็คงต้องปล่อย พอเสียทีอย่าทน
รั้งมันเอาไว้อยากจะร้องก็ร้อง
ร้องให้กับการร่ำลา ร้องสักครั้ง
ร้องให้กับคนที่คงไม่กลับมา ร้องจนกว่าจะหมดน้ำตา
ก็ปล่อยให้ใจร้องสักครั้ง ร้องจนกว่ามันจะชินและชา
ร้องครั้งนี้ร้องให้กับรักและวันเวลา ให้หยดน้ำตา
มันลบภาพในหัวใจ
ปล่อย วันนี้เธอแค่ปล่อย
พอเสียทีอย่าทนรั้งมันเอาไว้
อยากจะร้องก็ร้องร้องให้กับการร่ำลา
ร้องสักครั้ง ร้องให้กับคนที่คงไม่กลับมา
ร้องจนกว่าจะหมดน้ำตา ก็ปล่อยให้ใจร้องสักครั้ง
ร้องจนกว่ามันจะชินและชา
ร้องครั้งนี้ ร้องให้กับรักและวันเวลา
ให้หยดน้ำตามันลบภาพในหัวใจ
วันนั้น สิ่งนั้น จะรั้งไว้ทำไม
วันนี้ พรุ่งนี้ ความฝันยังยาวไกล
ความรักวันนั้น เรียนรู้มันเอาไว้
สุดท้าย ชีวิตมันสวยงามเพียงใด
ปล่อย วันนี้เธอแค่ปล่อย
พอน้ำตามันลดเลือนไป สักวันก็คงเข้าใจ
-
มงคลชีวิต38ประการ (http://www.youtube.com/watch?v=K1hYCnIDdZk#)
-
คิด...
มันโผล่ไปเป็น...ทุกข์
มันโผล่ไปเป็น...สุข
ในสิ่งเดียวกันนั่นแหละ
ฉลาด...คิดบวกเป็นสุข
โง่...คิดลบเป็นทุกข์
-
:13: ครับพี่เล็ก
-
คิด...
หวลย้อนกลับไปอดีต...
สิ่งดีๆที่เกิดขึ้นในอดีต...
อยากให้มันย้อนกลับคืนมา...
แต่...
มันก็ไม่ได้ย้อนกลับคืนมา...
มันย้อนได้แค่ความคิดถึง...
มันก็เลยเกิดความทุกข์ที่มันไม่ได้อย่างที่ต้องการ...
สุดท้าย...มันก็ได้แค่ทำใจ...
ยอมรับกับปัจจุบันที่เป็นอยู่...
ว่ามันเป็นเพียงแค่อดีตที่ผ่านไปแล้ว...
ได้แค่ยิ้มเล็กๆซึมซับสิ่งดีๆเอาไว้...
และปล่อยความต้องการที่มันเป็นไปไม่ได้ไป...
ช่างมันเถอะ...อย่างน้อย...สิ่งดีๆมันก็เคยเกิดขึ้น
ถึงแม้มันจะไม่เกิดขึ้นอีก...แต่อย่างน้อยมันก็เคยเกิดขึ้น
สิ่งที่เกิดขึ้น...มันก็นำมาซึ่งสุขและทุกข์นั่นเอง...
-
สิ่งที่เกิดขึ้นกับเราที่ยังมีตัวตน
มันจึงมีความทุกข์เกิดขึ้น
ความทุกข์ที่เกิดขึ้นมันมีทั้ง
ทุกข์ที่หนักและเบา
ทุกข์ที่มันเข้ามามันก็จะออกไป
ทุกข์มันจะอยู่อย่างนั้น
เราจะเป็นผู้ที่นำทุกข์นั้นมาแปลงสภาพ
ให้มันใหญ่ขึ้นให้มันเล็กลงให้มันหายไป
อยู่ที่ระดับสติปัญญาของเราว่าจะรู้อะไร
กับสิ่งที่ผ่านเข้ามา...
ถ้าเรายังไม่รู้...เราก็จะยังหลงไปนั่นนี่
แต่ถ้าเรารู้...เราก็จะวางปล่อยมันไปอย่างนั้น
-
หนักอึ้ง
ลอยสูง
เบาสบาย
-
:13: ไฟดับ น้ำไม่ไหล นั่งเปิดคอม ไม่ได้ ให้หนักอึ้ง ครับพี่เล็ก อิอิ
ขอบคุณครับพี่เล็กครับ
-
อดใจไว้ไม่ไหว
มันก็เลยตกลงไปใน
วังวนทุกข์อีกจนได้
เข้าไปเวียนว่ายกองทุกข์
หลงตักตวงความสุขจอมปลอม
ในท้ายสุดสุขปลอมก็คือทุกข์ย้อนกลับ
โทษใคร...มัวโทษใคร
ความไม่รู้ของเรา
-
รู้สึกดีใจที่ได้เกิดมา
พบเจอสิ่งดีๆต่างๆ
แม้บางครั้งจะได้พบเจอสิ่งไม่ดี
แต่สิ่งที่ไม่ดีทั้งหลายนั้น
ก็คือสิ่งดีๆสะท้อนกลับมานั่นเอง
เพราะสิ่งที่ไม่ดี หรือความทุกข์ทั้งหลาย
สอนให้เราเห็นว่ามันเป็นยังไง
ขอบคุณจริงๆขอบคุณจังๆ
-
ทุกข์...
กำเนิดจากความไม่รู้
กำเนิดจากความเคยชิน
กำเนิดจากความเหนียวหนึบ
กำเนิดจากความไม่อดทน
กำเนิดจากความมักง่าย
กำเนิดจากความยึดมั่นถือมั่น
กำเนิดจากความต่อเนื่อง
กำเนิดจากความติดข้อง
ฯลฯ สรุปมันยังยึดว่ามีตัวเรา
ตัวเรามันยังไม่รู้ตามจริง
สลัดไม่ออก...แบกต่อไป
-
ยังอยากอยู่ในโลก
ก็มีแต่ทุกข์กับทุกข์
ก็มีแต่ทนกับทน
ก็มีแต่ชินกับชิน
ก็มีแต่เกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป
ก็มีแต่ความไม่แน่นอน
ก็มีแต่เกิดแก่เจ็บตาย
ก็มีแต่ดีกับชั่ว
ก็มีแต่พอใจไม่พอใจเฉยๆ
ก็ยังมีตัวตนเราเขลา
ก็ยังมีอารมณ์ตามกำลังสติปัญญาที่ยังอ่อนแอที่ยังไม่รู้รอบไม่รู้ทัน
-
ใช้ชีวิตธรรมชาติ
กิน(เข้า) ถ่าย(ออก)
ตื่น(ขึ้น)นอน(ลง)
ใช้/จ่าย ได้/เสีย
เอา/ไม่เอา พอ/ไม่พอ
ดี/ร้าย ธรรมดา...
ชีวิตคือชีวิตเหมือนๆกัน
บทบาทที่สวมต่างกันออกไป
ความต้องการตามความเคยชิน
เหตุปัจจัยตามที่สร้างมาและสร้างต่อไปในปัจจุบัน
ความจริงก็คือความจริง...
เคยชินกับการหลอกตัวเอง...
และเลยเถิดไปหลอกคนอื่น...
วังวนแห่งความหลอกลวง...
โดนหลอกลวงต่อเนื่องไม่รู้จักจบจักสิ้น...
ความจริงมันลึกนัก...
ไม่พยายามมองให้ลึกพิจารณาให้ซึ้ง...
ก็มองเห็นแต่เปลือกนอกมายา...
ความหยาบความตื้นจึงยังฉาบไปด้วยทุกข์
-
แม้ว่าเธอจากไปไกลแสนไกล
แต่เหมือนเธอยังอยู่ใกล้ๆตรงนี้
บางครั้งคิดเข้าข้างตัวเองเสมอๆ
ว่าเธอยังคอยเตือนสติและให้กำลังใจ
และคอยคุ้มครองเราอยู่ตลอดเวลา
ขอบคุณเธอมากในอดีตที่ผ่านไปแล้ว
ขอบคุณเธอในปัจจุบันที่ยังมีกันเสมอ
ขอบคุณเธอในอนาคตที่แม้จะไม่มีฉันอยู่แล้วก็ตาม
-
ฉันก็ยังเป็นฉันที่ยังทำตัวไม่ดีเวลาอยู่ใกล้เธอ
ฉันก็ยังเป็นฉันที่ยังคาดหวังอยากได้อะไรต่อมิอะไร
ฉันก็ยังเป็นฉันที่ยังไม่พอใจในสิ่งที่มีอยู่แม้มันจะดีอยู่แล้วก็ตาม
ฉันก็ยังเป็นฉันที่ยังชอบคิดเปรียบเทียบระหว่างฉันกับคนอื่นทำให้ต้องเป็นทุกข์บ่อยๆ
ฉันก็ยังเป็นฉันที่ยังไม่อดทนต่อความเป็นไปที่มันก็ต้องผ่านไปอยู่แล้วก็ตาม
ฉันก็ยังเป็นฉันที่ยังคงรอคอยบางสิ่งบางอย่างเพราะยังกลัวแทนที่จะเปิดประตูรับมัน
-
เรื่องผิดๆถูกๆทางโลก
เราควรยอมรับว่าเราทำอะไรลงไป
หากทำผิดก็ควรปรับปรุงแก้ไข
หากทำถูกก็ทำมันต่อไป
ทำปัจจุบันให้มันดี
หากทำปัจจุบันผิดพลาดไป
ก็ไม่เป็นไรผิดพลาดได้แต่อย่าบ่อย
พยายามทำดีทำให้ถูกในปัจจุบันต่อไป
สิ่งที่เราทำในปัจจุบันนั่นแหละ
มันเป็นผลสืบเนื่องต่อๆไป
-
เคยมั๊ย...รู้สึกอายและไม่กล้าที่จะทำในสิ่งที่ถูกต้อง
เคยมั๊ย...แพ้ใจตัวเองทำในสิ่งที่รู้อยู่แล้วว่ามันไม่ควรทำ
เคยมั๊ย...ทำไม่ดีกับคนที่ดีกับเราทั้งๆที่อีกใจก็ไม่ได้อยากทำไม่ดีเลย
เคยมั๊ย...รู้สึกหมั่นไส้คนที่ทำดีกับเราแล้วเราก็ทำอะไรไม่ดีใส่คนที่ดีกับเรา
เคยมั๊ย...ตอนที่เขาอยู่เขาทำดีกับเราแต่เรากลับมองไม่เห็นค่าแต่พอเขาจากไปแล้วเรากลับค่อยเห็นค่าความดีของเขาแต่มันก็สายไปแล้วเขาจากไปแล้วไม่กลับมาอีกแล้วสุดท้ายเรานั่นแหละที่ยังเสียใจ เพราะสูญเสียโอกาสดีๆที่จะทำดีกับคนที่ทำดีกับเรา แล้วเราก็ต้องทุกข์กับมันไปตลอดทุกครั้งที่รู้สึกคิดถึงสิ่งดีๆที่เขาเคยทำให้เรา แต่เรากลับไม่เคยทำสิ่งดีๆตอบแทนให้กับเขา
-
ความจริงบางอย่างที่เราไม่เคยรู้
พอเราได้รู้ความจริงในภายหลังแล้ว
อยู่ที่เราว่าจะยอมรับความจริงมันได้มั๊ย
และจะอยู่กับความจริงที่รู้แล้วนั้นอย่างไร
หากเราทำใจยอมรับมันได้แล้วว่ามันคือความจริง
เราก็จะไม่ฝืนไม่ยึดไม่เอาความจอมปลอมมันไว้
แต่ถ้าเรายังยอมรับความจริงไม่ได้เพราะยังเคยชินกับความหลอกลวง
เรานั่นเองจะต้องทนทุกข์อยู่กับสิ่งจอมปลอมที่หลอกเราให้เราต้องทุกข์
มันก็อยู่ที่เราแล้วล่ะว่าจะทำอย่างไรกับตัวเราเองเลือกเอง...
-
บางครั้งสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น
แต่เรากลับคิดไปโน่นนี่นั่น
มันกลับไม่เป็นไปอย่างที่เราคิด
แต่บางครั้งเราไม่ได้คิดว่ามันจะเกิดขึ้น
แต่มันกลับเกิดขึ้นโดยที่เราไม่ได้คาดคิด
นี่คือ ความไม่แน่นอน
-
ไม่รู้จักพอ ไม่มีสามัญสำนึก
ไม่ละอายใจ ไม่ซื่อสัตย์
มุมมืดที่ทำให้เรากระทำในสิ่งที่ผิดพลาดเป็นทุกข์
มุมสว่าง คือ ความรู้จักพอ
มีสามัญสำนึก รู้จักละอายใจ
และความซื่อสัตย์ จะทำให้เราเป็นปกติสุขได้
แม้บางครั้ง มันจะเป็นทุกข์ลึกๆก็ตามแต่สบายใจกว่าในมุมสว่าง
มุมมืด มุมซ่อนเร้น
มุมสว่าง มุมเปิดเผย
-
เรามีทั้งมุมมืด และ มุมสว่าง
การปรับสมดุลระหว่างความคิด
จึงอยู่ที่ระดับสติปัญญาของเรา
ว่าจะรักษาใจเราให้เป็นทุกข์หรือสุข
เมื่อทุกข์มากๆเข้าทุกข์มันก็จะลดลง
เมื่อทุกข์ลดลงก็จะรู้สึกเป็นสุขมากขึ้น
เมื่อสุขมากขึ้นจนถึงที่สุดทุกข์ก็คืบคลาน
เข้ามาแทนที่ความสุขเป็นการลดระดับของ
ความสุข เมื่อความสุขลดระดับลง
ความทุกข์ก็จะเข้ามาแทนที่ความสุขนั้นๆ
-
อารมณ์ความรู้สึกที่มันมีเกิดขึ้น
หลากหลายอารมณ์ความรู้สึกต่างๆ
เกิดการเปรียบเทียบทำให้เกิดทั้งหลงทุกข์และหลงสุข
ตอนไม่มีสติ ตกอยู่ในห้วงอารมณ์ใดอารมณ์หนึ่ง
มันจมลึกหลงไปในห้วงอารมณ์ที่มันมีแต่ความคิดต่างๆ
สติมันตามไม่ทันว่ากำลังคิดอะไรอยู่
อารมณ์คิดอะไรต่ออะไรไปอะไรและอะไรอะไรก็เลยมากมาย
-
...
บัณฑิตหนุ่มผู้หนึ่งจะเดินทางไปสมัครทำราชการในเมืองหลวง
เมื่อไปร่ำลาอาจารย์ของเขา อาจารย์จึงได้อบรมสั่งสอนว่า
การไปรับราชการทำงานอยู่ในราชสำนักนั้น
จะต้องรักษาเกียรติและรักษาหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด
เมื่อเข้าไปเป็นคนใหม่ ต้องรู้จักเคารพผู้อาวุโสด้วย
...
บัณฑิตหนุ่ม ได้ฟัง ก็ตอบอย่างยิ้มแย้มว่า
ข้าทราบดีขอรับท่านอาจารย์
.
ดังนั้นข้าจึงได้เตรียมหมวกไปด้วย 100 ใบ
หากข้าพบใครก็จะให้หมวกเขา 1 ใบ
รับรองว่าทุกอย่างจะราบรื่นแน่นอนขอรับ
อาจารย์ได้ยินเช่นนั้น จึงกล่าวว่า
เจ้าเป็นถึงบัณฑิตสมควรแล้วหรือที่จะยกย่องชมเชยทุกคนที่พบปะ
บัณฑิตหนุ่ม ยิ้มเล็กน้อย และรีบชี้แจงว่า
คนส่วนใหญ่ในโลกนี้ล้วนแต่ชอบการยกยอปอปั้น
ใครจะเหมือนอย่างท่านอาจารย์ล่ะขอรับ
ท่านอาจารย์ไม่เคยหวั่นไหว จากการยกย่องชมเชยใดๆทั้งสิ้น
อาจารย์พยักหน้า พลางกล่าวว่า
ถูกต้องแล้ว เจ้าเข้าใจได้ถูกต้องแล้ว
บัณฑิตหนุ่มค้อมศีรษะคารวะกราบอาจารย์แล้วยิ้มแย้มเอ่ยขึ้นว่า
บัดนี้หมวกของข้าเหลือแค่ 99 ใบแล้ว ขอรับท่านอาจารย์
…..
ที่มา : นิทานจีนสอนลูกรัก ของ มิตรเมธี
-
บรอนนี่แวร์ พยาบาลชาวออสเตรเลียน
ได้รวบรวมข้อเสียใจก่อนตาย 5 ข้อ
ที่ผู้ป่วยที่ใกล้เสียชีวิต ได้กล่าวไว้มากที่สุด
ก่อนที่พวกเขาจะเสียชีวิต
ในหนังสือของเธอที่ชื่อว่า
The Top Five Regrets of the Dying
เมื่อผู้ป่วยถูกถามว่า
อะไรที่พวกเขารู้สึกเสียใจที่สุด และหาก
พวกเขาย้อนเวลากลับไปแก้ไขได้มากที่สุด
ข้อ1 ฉันหวังว่า....
ฉันกล้าพอที่จะใช้ชีวิตตามความต้องการของตัวเอง
ไม่ใช่ชีวิตที่คนอื่นคาดหวังจะให้ฉันเป็น
เป็นข้อเสียใจที่ถูกกล่าวมากที่สุด
เมื่อผู้ป่วยรู้ตัวว่าเวลาที่เหลือในชีวิตใกล้จะหมดลง
และพวกเขารู้ว่าความหวังในชีวิตบางอย่าง
ไม่สามารถทำให้เป็นจริงได้อีกแล้ว
สุขภาพนั้นทำให้คุณมีอิสระในการเลือก
และมีเพียงไม่กี่คนที่รู้เช่นนั้น
หลายคนกว่าจะตระหนักได้ก็ต่อเมื่อ
พวกเขาไม่มีสุขภาพที่ดีเสียแล้ว…
............
ข้อ2 ฉันหวังว่าฉันไม่ได้ทุ่มเทให้กับงานมากขนาดนี้
ข้อนี้เป็นสิ่งที่แวร์พบกับผู้ป่วยชายทุกคน
พวกเขาคิดถึงชีวิตวัยเด็กของลูกๆ
และความสัมพันธ์ระหว่างเขากับคนรัก
ผู้หญิงบางคนเสียใจในเรื่องนี้บ้าง
แต่มักจะเป็นผู้หญิงที่อยู่ในวัยชรา…
...........
ข้อ3 ฉันหวังว่าฉันกล้าพอที่จะเปิดเผยความรู้สึกที่แท้จริง
หลายคนเก็บความรู้สึกไว้เพราะไม่อยากเสียมิตรภาพ
กับผู้อื่น ทำให้หลายคน ไม่สามารถเปิดเผย
ศักยภาพที่แท้จริงของตัวเอง
หลายคนกลายเป็นผู้ป่วย จากความรู้สึกขมขื่น
ในจิตใจและการต้องทนอยู่กับความรู้สึกนั้นๆ..
.............
ข้อ4 ฉันหวังว่าฉันยังคงติดต่อกับเพื่อนของฉันอยู่
คนส่วนใหญ่เพิ่งจะนึกถึงมิตรภาพของเพื่อนเก่า
และหลายคนมัวแต่ยุ่งอยู่กับการใช้ชีวิตของตัวเอง
ปล่อยให้ความสัมพันธ์กับเพื่อนที่ดีหลุดลอยไป
หลายคนเสียใจที่ไม่ได้ให้เวลากับเพื่อนมาก
เท่าที่ผ่านมาทุกคนมักจะนึกถึงเพื่อนเก่า
เมื่อตอนที่รู้ว่าชีวิตมีเวลาเหลือไม่มากแล้ว…
.............
ข้อ5 ฉันหวังว่าฉันปล่อยให้ตัวเองใช้ชีวิตให้มีความสุขให้มากกว่านี้
หลายคนไม่ได้ตระหนักรู้ว่า ความสุขนั้น
เป็นทางเลือกที่ทุกคนมีได้ พวกเขายึดติดกับการใช้ชีวิต
ในรูปแบบเดิมๆ ซึ่งพวกเรารู้สึกปลอดภัย
จากความเคยชินในการใช้อารมณ์และการใช้ชีวิต
การกลัวการเปลี่ยนแปลงทำให้พวกเขาต้องเสแสร้ง
ในการอยู่ร่วมกันกับผู้อื่นรวมทั้งต้องเสแสร้ง
กับตัวเองด้วยและเมื่อตระหนักรู้แล้ว พวกเขาก็จะรู้ว่า
พวกเขาควรจะมีความสุขและใช้ชีวิตอย่างเต็มที่บ้าง
……………………
นี่แหละครับ เรื่องของความรู้สึกของคนเราก่อนตาย
หรือเมื่อรู้ว่าเวลาที่จะได้ใช้ชีวิตนั้นเหลือน้อยเต็มที
วันพุธว่า นี่เป็นสัจธรรมชีวิตและการใช้ชีวิตทีเดียว
หลายคนก็เป็นแบบนี้ เอาแต่ทำงานจนลืมทำบางสิ่ง
ลืมครอบครัว ลืมเพื่อน ลืมคนรัก ลืมดูแลตัวเอง
และใช้ชีวิตอย่างหักโหมจนเกินไป จนวันหนึ่ง
เมื่อร่างกายและสุขภาพเราอ่อนแอลง เริ่มคิดได้
และเมื่อนั้นเราก็หวนคิดถึงเรื่องราวในอดีต
อยากจะกลับไปซ่อมแซมแก้ไขมันใหม่
อดีตผ่านไปแล้วแก้ไขไม่ได้อีก ปัจจุบันแก้ได้
วางได้ กำหนดได้ ส่วนอนาคตก็คือผล
ของการกระทำทั้งในอดีตและปัจจุบัน
วันนี้คงอยู่ที่เราเลือกแล้วละครับว่า เราต้องการอะไร
จัดสมดุลย์ในชีวิตให้ดี ชีวิตก็จะมีความสุข
มีความสุขวันนี้ดีกว่ารอด้วยความหวังว่า
สักวันหนึ่งจะมีความสุขน่าจะดีกว่า…ว่าไหมครับ
......วันพุธ.......
………….
ที่มา: เรื่องเสียใจ 5 ข้อที่คนมักตระหนักก่อนตาย
วันที่ 17 มิถุนายน 2556 บรอนนี่แวร์
จากโพสต์ของรองศาสตราจารย์มานิตย์ จุมปา
…………….
-
ความเชื่อ...
เป็นความคิด...
ความคิดเกิดจากการรู้ตามจริง
และไม่รู้ตามความเป็นจริง
การแช่ง...
เป็นความคิด...
ทุกสิ่งอย่างเกิดขึ้นจากที่เราก่อกรรมไว้
เราก่อกรรมใดไว้ ผลกรรมย่อมสนองเรา
ไม่มีใครสามารถทำอะไรเราได้...
นอกจาก...เราทำตัวเราใจเราเอง
จากการที่เราต้องวนเวียนตกอยู่ในความหลงนั้น
เป็นเพราะเรามองอะไรแคบเกินไปเพียงไม่กี่ด้าน
เรามองไม่รอบด้าน เรายังมีความเชื่อที่ขาดความลึก
เมื่อเรามองไม่ลึก ทำให้เรามองเห็นแต่สิ่งที่ตื้นๆ
และเชื่อในสิ่งที่ตื้นๆ สิ่งที่หยาบๆ สิ่งที่ไม่ใช่ความเป็นจริง
บางครั้ง เราควรย้อนมองความคิดของตัวเราเองใหม่
ว่ามันเป็นความคิดที่มาจากความเชื่อแบบแคบเกินไปหรือไม่
บางความคิดเราเชื่อมั่นว่ามันถูก แต่เมื่อเรายอมให้ความคิดเรา
เป็นความคิดคนอื่นดูบ้าง แล้วเราก็ลองย้อนมองความคิดเดิม
มันอาจจะเปลี่ยนความคิดเดิมให้เป็นความคิดใหม่ได้เสมอ
ความคิดก็คือความคิด มันเปลี่ยนแปลงไปตลอด...
ความคิดดีๆบางทีเราก็ทำไม่ได้ เพราะเราไม่ยอมทำมัน
ความคิดไม่ดีบางทีเราก็เผลอทำทั้งๆที่รู้ว่ามันไม่ดี เพราะเราไม่ได้ระวังใจตัวเราเอง
สติปัญญาเรายังไม่ลึกซึ้งเกินพอที่จะชนะใจตัวเราเองได้
-
บางที ความคิด ความเชื่อ ของเรา
เราก็อยากจะไม่เหมือนใคร ไม่ซ้ำใคร
และเราก็อยากจะเอาชนะของเดิม
ให้เป็นความเชื่อความคิดใหม่ๆที่มันเกิดมาจากเรา
เพราะเราต้องการ เราอยาก...ให้มันเป็นสิ่งที่เกิดจากเรา
ทั้งๆที่ความเป็นจริง ไม่มีอะไรเป็นของเราเลย
แต่เราไปยึด ให้มันเป็นของเราต่างหาก...
ถึงไม่มีเรา มันก็มีของมันอย่างนั้นอยู่แล้ว
เมื่อเราคิดว่ามีเรา เราจึงคิดว่าที่มันเกิดขึ้นเป็นเพราะเรา
แต่ความเป็นจริงคือ มันไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา
-
บางครั้ง...
เราก็ต้องขอบคุณ...
สิ่งที่ไม่ดี...
สิ่งที่ทำให้เรารู้สึกไม่พอใจ
สิ่งที่ไม่ถูกต้อง...
มันเกิดขึ้น...
เพื่อให้เราย้อนมองใจเราเอง
ว่าเรารู้สึกกับมันอย่างไรบ้าง
ทุกข์ไหม...
ร้อนไหม...
อยากปรับปรุงแก้ไขให้ถูกต้องดีขึ้นด้วยใจรู้สึกยังไง
เมื่อเราทำได้...เรารู้สึกยังไง
เมื่อเราทำไม่ได้...เรารู้สึกยังไง
เมื่อถึงที่สุด...เราต้องทำอย่างไร
-
เมื่อ...มาร...มันโผล่
เราจะจัดการกับ...มารยังไง
เมื่อเราไม่รู้ตัวว่า...เรากำลังเป็นมาร
แล้วเราจะจัดการกับตัวเราได้ยังไง
เพราะเรามัวแต่หลงว่าเราเป็นพระเอก
เราจึงเป็นมารในคราบพระเอก...
ในส่วนสว่างของเรามันก็มี...
ในส่วนมืดของเรามันก็มี...
สว่างมากกว่าก็แวววับหน่อย
มืดมากกว่าก็ดำคล้ำหน่อย
เราเลือกที่จะสว่างหรือมืด
สว่างก็ผ่องใส มืดก็ขุ่นมัว
-
สิ่งที่เรากำลังคิดอยู่ เป็นเพราะเราตั้งค่าให้มันเป็นอย่างนั้นอย่างนี้
เดี๋ยวก็ชอบเดี๋ยวก็ไม่ชอบเดี๋ยวก็เฉยๆทั้งๆที่อาจเป็นสิ่งเดียวกัน
อีกเดี๋ยวก็อยากได้ในสิ่งๆนี้ อีกเดี๋ยวก็ไม่อยากได้เสียแล้ว
อีกเดี๋ยวก็เฉยๆไปซะงั้น มันอยู่ที่ความคิดเราที่ประกอบไปด้วยปัญญา
ปัญญามันทำให้เรามองอะไรได้ลึกซึ้งมากขึ้น ละเอียดมากขึ้น
และรู้จัีกปล่อยวางได้รวดเร็วมากขึ้นเรื่อยๆ
ยิ่งมีปัญญามากขึ้น ทุกข์ก็ค่อยๆลดลงเรื่อยๆ
-
สุดท้ายก็วนกลับมามีตัวตน
เพื่อคิดอะไรต่อมิอะไรกับชีวิต
ความอยากทำอะไรต่อมิอะไร
ไม่ได้ทำก็รู้สึกไม่พอใจ
ได้ทำแล้วก็พอใจจนเฉยๆไป
ชีวิตที่ลอยเท้งเต้ง...
มันวนเวียนอยู่กับความเป็นไป
ที่เราบรรจงสร้างตัวตนตัวเอง
เป็นเหมือนบทละครที่เราเอาตัวเรา
ไปเป็นตัวละครทำการแสดง...
มันแสดงในบทบาทที่มีบทบาทหน้าที่
จนบางครั้งเราอยากจะแหกบทออกไป
แต่แล้ว...เราก็ยังเป็นตัวละครตัวเดิม
สวมบทละครเดิมๆในโรงละครชี่วิตเดิมๆ
-
สิ่งที่ไม่ดี สิ่งที่ไม่อยากทำ แต่เลิกทำไม่ได้
มันคือการเลือกการตัดสินใจที่ประกอบด้วยสติปัญญาของเรา
เมื่อสติปัญญาของเรายังไม่แกร่งพอที่จะตัดสิ่งไม่ดีไป
สิ่งไม่ดีทั้งหลาย มันก็ยังคงวนเวียนกลับมาให้เราได้ประสบพบเจอ
เมื่อเราเลือกทำสิ่งไม่ดีเอง เราก็ต้องทนรับกับสิ่งไม่ดีที่จะต้องส่งผลย้อนกลับมา
เพราะฉะนั้น...เราจึงเป็นผู้เลือกที่จะทำสิ่งใดๆที่มันมีเหตุปัจจััยให้เราต้องพบ
และต้องตัดสินใจทำสิ่งที่ถูกต้องตามความเป็นจริงเป็นกลางอย่างมีสติปัญญา
โดยให้มีผลกระทบกับทุกฝ่ายน้อยที่สุดเท่าที่จะน้อยได้ ที่สำคัญ...
เกิดผลกระทบกับใจเราเองให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้...
-
เดินไปกับเด็ก7ขวบ
รองเท้าแตะมันขาด
ก็เลยก้มซ่อมรองเท้า
ถามเด็กว่าซื้อใหม่ดีมั๊ย
เด็กตอบว่ายังใส่ได้
ดีกว่าเดินเท้าเปล่า
อืม...ใช่ ใช่เลย
-
นั่งอยู่ข้างหน้าต่างมองไปบนท้องฟ้าที'มืดมิดมีดวงดาว1ดวงส่องสว่างสงบนิ่งฉับพลันมีโคมไฟลอยขึ้นมามากมายโคมไฟเหมือนชีวิตที่มีเกิดขึ้นลอยตั้งอยู่และสุดท้ายก็ดับลับลาล่วงหล่นลงมาในที่สุดโคมไฟแต่ละดวงก็แตกต่างกันไปตามเหตุปัจจัยชีวิตคนเราก็ไม่ได้แตกต่างกับโคมไฟเท่าไหร่ที่แตกต่างคงจะเป็นความคิดของคนแต่ละคนซะมากกว่าโคมไฟที่ดับลงเหมือนได้เสียงกระซิบว่า"ฉันต้องจากลาไปก่อนนะ"โคมที่ไร้แสงไฟค่อยๆล่วงหล่นลงมาอย่างช้าๆกลายเป็นขยะที่รอวันเน่าสลายไปในที่สุดโคมไฟที่ลอยขึ้นไปพร้อมกันแต่การดับกลับไม่พร้อมกันการลอยสูงหรือตํ่าก็แตกต่างกันไปแล้วแต่เหตุปัจจัยดวงดาวสงบนิ่งเปรียบเหมือนหลุดพ้นการเวียนว่ายตายเกิดโคมไฟเปรียบเหมีอนชีวิตมากมายที่สับเปลี่ยนหมุนเวียนการเกิดดับไม่รู้จักจบสิ้นเสียทีโคมแล้วโคมเล่า
-
นั่งอยู่ข้างหน้าต่างมองไปบนท้องฟ้าที'มืดมิดมีดวงดาว1ดวงส่องสว่างสงบนิ่งฉับพลันมีโคมไฟลอยขึ้นมามากมายโคมไฟเหมือนชีวิตที่มีเกิดขึ้นลอยตั้งอยู่และสุดท้ายก็ดับลับลาล่วงหล่นลงมาในที่สุดโคมไฟแต่ละดวงก็แตกต่างกันไปตามเหตุปัจจัยชีวิตคนเราก็ไม่ได้แตกต่างกับโคมไฟเท่าไหร่ที่แตกต่างคงจะเป็นความคิดของคนแต่ละคนซะมากกว่าโคมไฟที่ดับลงเหมือนได้เสียงกระซิบว่า"ฉันต้องจากลาไปก่อนนะ"โคมที่ไร้แสงไฟค่อยๆล่วงหล่นลงมาอย่างช้าๆกลายเป็นขยะที่รอวันเน่าสลายไปในที่สุดโคมไฟที่ลอยขึ้นไปพร้อมกันแต่การดับกลับไม่พร้อมกันการลอยสูงหรือตํ่าก็แตกต่างกันไปแล้วแต่เหตุปัจจัยดวงดาวสงบนิ่งเปรียบเหมือนหลุดพ้นการเวียนว่ายตายเกิดโคมไฟเปรียบเหมีอนชีวิตมากมายที่สับเปลี่ยนหมุนเวียนการเกิดดับไม่รู้จักจบสิ้นเสียทีโคมแล้วโคมเล่า
:06: โชคดีครับที่ผมไม่ได้ซื้อโคมลอยมาปล่อยกับเค้าครับ ข้างบ้านเค้าซื้อมาปล่อยเพียบ ช่วงนี้เห็นฮิตมาก
แถวอุดร-เมืองเลยข้างทางมีขายกันเพียบเลยครับ
:13: เราไม่มีตังค์ ถ้ามีตังค์คงได้ซื้อโคมลอยไปปล่อยกับเค้าบ้าง อยากได้ประสบการณ์เหมือนกันครับ
แต่ก็นะ บางครั้งเราไม่ปล่อยโคมอาจจะดีก็ได้...
:45: ขอบคุณครับพี่เล็ก
รักษาสุขภาพครับพี่เล็ก
-
ยังไงก็ตายแค่เร็วช้า
-
เพราะเรายังคิดไปถึงอดีต
และยังคาดหวังอนาคต
การคิดการคาดเป็นบ่อเกิดแห่งทุกข์
หากรู้ทันคิดรู้ทันคาดก็พบบ่อแห่งทุกข์
บ่อทุกข์มีไว้ให้เห็นไม่ใช่ลงไปจมแช่ในบ่อ
หากยังไม่เข้าใจก็เหมือนยังหลงจมแช่ในบ่อ
หาทางปีนป่ายออกจากบ่อทุกข์ไม่ได้
หลงเวียนว่ายในบ่อแห่งทุกข์ร่ำไป
เมื่อมองขึ้นไปเห็นปากบ่อก็ต้องพยายาม
ป่ายปีนให้พ้นบ่อแห่งทุกข์เพื่อพ้นวังวนบ่อทุกข์
หากเรายังไม่หลุดขึ้นมาจากปากบ่อก็ยังเป็นทุกข์
หากวันใดออกมาจากบ่อทุกข์นั้นแล้วก็เป็นอิสระจากทุกข์สักที
-
บางครั้งเราไม่รู้ตัวว่าเรากำลังทำอะไรอยู่จนมีคนอื่นหลายคนช่วยบอกเตือนสติ
ถ้าเป็นคนไม่กี่คนเราก็ยังไม่เชื่อนี่เป็นเพราะคนหลายคนพูดตรงกันเราจึงยอมรับ
ตรึกตรองใคร่ครวญแล้วพบว่าเรานี่เหลวไหลชอบว่าคนอื่นโดยหลงลืมไปว่า
เรานี่แหละเป็นเสียเอง เอาดีเข้าตัวเอาชั่วให้คนอื่นจนเคยชิน หลงตนว่าดี
จนหาความไม่ดีในตัวเองไม่เจอ
-
เพราะความไม่แน่นอนเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
เราจึงมักได้บทเรียนรู้จากความไม่เที่ยงนั้นอยู่เสมอ
จนสุดท้ายเราหลีกหนีความเที่ยงแห่งความตายไม่พ้น
และที่สุดแล้วเราควรหาความเที่ยงแห่งความไม่เกิดด้วย
เพราะความทุกข์นั้นมีอยู่รอบกายใจเราตลอดเวลา
เราจึงมักเป็นทุกข์อยู่เสมอหากเราไม่ระวังใจกายเรา
เราก็จะถูกความทุกข์นั้นเข้าครอบงำใจเราได้ตลอดเวลา
หากเราแยกทุกข์ออกจากใจกายได้เพราะรู้เข้าใจความเป็นจริงแล้ว
เราก็จะหลุดพ้นจากความทุกข์นั้นได้โดยยังอยู่กับทุกข์โดยพ้นจากทุกข์ได้
เพราะความจริงแล้วไม่มีตัวตนอะไรแต่เรายังไม่รู้ความเป็นจริงนั้น
เราจึงยังยึดความเป็นตัวตนไว้และนำพาทั้งความทุกข์ความไม่แน่นอน
ให้ยังคงวนเวียนอยู่กับตัวตนที่มีอยู่จนกระทั่งจะค้นพบความจริง
และสลัดตัวตนออกไปได้อย่างหมดจดจึงพ้นจากตัวตนที่นำพาทุกข์
นำพาความไม่แน่นอนมาให้อยู่ตลอดทุกลมหายใจที่มีอยู่ได้
ตราบใดที่เรายังสลัดตัวตนเราไม่หลุดพ้นเราจึงยังคงเป็นทุกข์
และต้องพบกับความเปลี่ยนแปลงไม่แน่นอนไปเรื่อยๆจนค่อยๆเข้าใจ
ค่อยๆเรียนรู้กับตัวตนที่มีอยู่กับความทุกข์ที่แวะเวียนมาและไป
ความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นนั้นจะผ่านไปเหลือไว้แต่ปัจจุบัน
และความคิดแห่งตัวตนที่มีจะยังคงเหลืออดีตและจะยังคงหวังอนาคตต่อไป
-
คิดน้อยโลกแคบ
คิดมากโลกกว้าง
คิดพอดีโลกพอเพียง
คิดรู้ทันโลกความเป็นจริง
-
อดีตที่ผ่านไปแล้วปล่อยให้ผ่านไป
อย่าปล่อยให้อดีตย้อนกลับมาทำร้ายใจเราได้
ความผิดพลาดเกิดขึ้นได้ทุกขณะ
เพราะฉะนั้นระวังทุกขณะปัจจุบันไม่ผิดพลาดซ้ำรอย
รู้จักให้อภัยตนเองก่อนเพื่อเรียนรู้การให้ผู้อื่น
ทำปัจจุบันดีแล้วย่อมยังผลดีเพียรพยายามดีจึงดีเอง
-
ตอนโลภอยากได้ขอของมันรู้ทันละอายใจ
หักห้ามใจให้หายอยากได้ก็หายโลภไปเอง
วัตถุสิ่งของมันยังอยู่แต่เราดันตายไปก่อนมัน
แล้วจะยังอยากได้มันมาเพื่ออะไร ยังไงเรา
ก็ต้องตายพลัดพรากจากสิ่งของและซากกายเราอยู่ดี
ได้มาแล้วก็ต้องจากกันไปตามความเป็นจริง
-
(https://fbcdn-sphotos-e-a.akamaihd.net/hphotos-ak-frc3/1483400_722419377771382_2116621053_n.jpg)
:13: . . ส า ธุ ! ♥ (http://emo.niyay.com/emotion/948504318.gif) . .
-
คุณฆ่าจิตใจ :06:
-
คุณฆ่าจิตใจ :06:
ใคร ฆ่า จิต คุณ ? .. :37:
จิต คุณ ฆ่า ใคร ? .. :14:
จิต ใคร ฆ่า คุณ ? .. :17:
จิต คุณ ฆ่า ใจ ? .. :39:
จิต ใจ ฆ่า คุณ ? .. :35:
:45: . .
-
คุยน้อยกลับคิดถึงมาก
คุยมากกลับคิดถึงน้อย
-
คุณฆ่าจิตใจ :06:
ใคร ฆ่า จิต คุณ ? .. :37:
ใจฆ่าใครคุณ
จิต คุณ ฆ่า ใคร ? .. :14:
จิต ใคร ฆ่า คุณ ? .. :17:
จิต คุณ ฆ่า ใจ ? .. :39:
จิต ใจ ฆ่า คุณ ? .. :35:
:45: . .
-
คุณฆ่าจิตใจ :06:
ฆ่าใจใครคุณ
ใคร ฆ่า จิต คุณ ? .. :37:
ใจฆ่าใครคุณ
จิต คุณ ฆ่า ใคร ? .. :14:
จิต ใคร ฆ่า คุณ ? .. :17:
จิต คุณ ฆ่า ใจ ? .. :39:
จิต ใจ ฆ่า คุณ ? .. :35:
:45: . .
-
คุณฆ่าจิตใจ :06:
ฆ่าใจใครคุณ
ใจ ฆ่า จิต คุณ ? .. :yoyo0007:
จิต ใจ ฆ่า คุณ ? .. :35:
ใจ คุณ ฆ่า จิต ? .. :yoyo010:
จิต ฆ่า ใจ คุณ ? .. :yoyo009:
:yoyo031:
-
ภาษาพาที
-
หลงคิด
หลงจำ
หลงทำ
-
ไม่คิด
ไม่จำ
ไม่ทำ
ไม่มี
:47:
-
แบกไปแบกมา แบกจนตาย
แบกอยู่แบกหาย แบกมีหลาย
แบกเอาแบกตน แบกมากมาย
แบกปล่อยแบกคลาย แบกวางเอง
-
หลงใหลได้หลงในกองกิเลส
ด้วยเพราะเหตุตามทวงลวงให้หลง
ปัญญาที่มียังไม่มั่นคง
อยู่เวียนวงต่อไปอีกยาวนาน
-
ศีลข้อ 3 กาเมสุมิจฉาจาร
หมายถึง การล่วงเกินผู้อื่น จะตัดสินว่าได้กระทำผิดในข้อนี้
โดยมีองค์ประกอบการตัดสิน คือ
- บุคคลนั้นไม่ควรล่วงเกิน คือ นอกเหนือจากตัวเราเอง ไม่ควรล่วงเกินทั้งสิ้น
- มีจิตคิดจะล่วงเกิน
- มีความพยายามและดำเนินการ
- ได้ล่วงเกินสมปรารถนา นับตั้งแต่อวัยวะถึงอวัยวะ เช่น การผิดประเวณี
หรือ การทำร้ายร่างกาย เป็นต้น
โดยส่วนใหญ่การกระทำผิดในข้อนี้ คนส่วนมากมักจะนึกถึงการประพฤติผิดในกาม
หรือการล่วงประเวณี อันเป็นการกระทำลามก ซึ่งบัณฑิตทั้งหลายพึงติเตียน นั้นคือ
การทำผิดลูกเมียเขา ซึ่งเป็นความประพฤติที่สังคมทั่วไปไม่ยอมรับ ผู้ที่กระทำจึง
ต้องมีพฤติกรรมที่ปิดบังและซ่อนเร้น การกระทำอกุศลเช่นนี้ ผลที่จะได้รับใน
ปวัตติกาล (ภายหลังการเกิด) คือ
1. มีผู้เกลียดชังมาก
เพราะการกระทำที่ผิดลูกเมียเขา ย่อมสร้างความโกรธแค้นให้กับบุคคลที่เกี่ยวข้อง
กับผู้เสียหาย ผลที่ได้รับคือ มีศัตรูและมีคนเกลียดชังมาก ในข้อนี้ทุกคนก็ต้องเคย
ประสบมา แต่อาจเป็นเพียงเศษกรรม เช่น เวลาที่มีเรื่องขัดใจกับใคร และมีการ
โต้เถียง ทำให้มองหน้ากันไม่ได้ หรือบางคนอาจมีตำแหน่งหน้าที่การงานสูง มียศถา
บรรดาศักดิ์ แต่ไม่เป็นที่สบอารมณ์ของลูกน้อง เป็นต้น.
2.มีผู้คิดปองร้าย
เพราะได้เคยสร้างศัตรูสร้างความเจ็บช้ำน้ำใจให้กับผู้อื่น ตัวอย่าง เช่น นักเรียน
บางคนเรียบร้อย ไม่เคยมีเรื่องราวอะไรกับใคร แต่ถูกนักเรียนโรงเรียนอื่นรุม
ทำร้ายจนบาดเจ็บ อันนี้ผลที่เขาถูกทำร้าย ก็เพราะอดีตชาติเคยทำปาบข้อ
กาเมสุมิจฉาจาร และที่ต้องบาดเจ็บก็เพราะได้เคยทำปาณาติบาต มานั่นเอง
แม้กระทั้งสามีภรรยามีเรื่องระหองแหง การใช้สายตาและคำพูดทำร้ายจิตใจกัน
ก็ถือว่าเป็นผลของการกระทำอกุศลในข้อนี้เช่นเดียวกัน.
3.ขัดสนทรัพย์
ไม่ว่าจะทำอะไรก็มีแต่ความฝืดเคือง เงินเดือนชักหน้าไม่ถึงหลัง ดังที่เราได้เห็น
บางคนต้องเข้าโรงรับจำนำประจำ เพราะอดีตได้สร้างความ ไม่รู้จักพอ นั่นเอง.
4.อดอยาก ยากจน
เพราะการประพฤติผิดในกามหรือการล่วงประเวณีนั้น เป็นการกระทำที่ตนเอง
เป็นผู้ไม่รู้จักพอ ไม่พอใจในสิ่งที่ตนเองมีอยู่ (สามี ภรรยา ของตนเอง) แล้วยัง
ไปเบียดเบียนผู้อื่น จึงเป็นการสร้างทางให้ตนเองต้องอดอยาก ยากจน.
5.เกิดเป็นหญิง
เพราะการกระทำอกุศลกรรมบถในข้อนี้จะเป็นไปแบบปิดบังซ่อนเร้น ไม่กล้า
เปิดเผย การกระทำที่ต้องหลบเลี่ยงเช่นนี้ จัดเป็นอำนาจอ่อนแบบที่เรียกว่า
สสังขาริก อันจะนำไปเกิดเป็นผู้หญิง ซึ่งเป็นเพศที่มีความลำบากมากว่าผู้ชาย
มีความอับอายในบางสิ่งบางอย่างมากกว่า มีเรื่องที่ต้องปกปิดมากกว่า นั่นเอง.
6.เกิดเป็นกระเทย
ซึ่งเป็นเพศที่สังคมส่วนใหญ่ยังไม่ยอมรับ เพราะเหตุที่ได้เคยกระทำ
กาเมสุมิฉาจาร ที่สังคมไม่ยอมรับ นั่นเอง
7.ถ้าเกิดเป็นชายก็จะเกิดในตระกูลต่ำ
เพราะในขณะที่ตาย จิตจับอารมณ์ที่ดีและเป็นอำนาจของ อสังขาริก คืออำนาจ
ที่เด็ดเดี่ยว ทำให้เกิดเป็นผู้ชาย แต่เหตุที่เคยประพฤติผิดในกามที่ยังให้ผลอยู่
จึงต้องเกิดในตระกูลต่ำและมีผลทำให้ขัดสนทรัพย์ และความอดอยากยากจน
ก็ตามมา.
8.ได้รับความอับอายอยู่เสมอ
คือเป็นคนเปิ่น ไม่ว่าจะทำอะไรก็จะเป็นที่ขบขันของคนอื่น พฤติกรรมที่แสดงออก
ไปจึงทำให้ตนเองต้องอับอาย เพราะเหตุที่เคยสร้างความอับอายไว้ให้ผู้อื่นนั่นเอง.
9.ร่างกายไม่สมประกอบ
คือ ร่างกายพิการ หรือเป็นผู้มีส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายผิดแผกแตกต่างไปจาก
คนอื่น เช่น มีความผิดปกติของอวัยวะบางส่วน อาจโตหรือเล็กผิดไปจากธรรมดา
เคยมีข่าวว่าหญิงคนหนึ่งมีอวัยวะเพศใหญ่โตผิดปกติ มีคนแห่กันไปดูมากมาย
เพราะมีร่างกายไม่สมประกอบ ซึ่งอาจทำให้ต้องได้รับความอับอายตามมา ทั้งนี้
เพราะอดีตชาติได้เคยล่วงเกินร่างกายของผู้อื่นนั่นเอง.
10.มากด้วยความวิตกกังวล
เพราะเหตุที่ได้เคยกระทำกรรมที่ต้องปกปิด กลัวว่าใครจะรู้เรื่องราวที่ตนเอง
กระทำมา จึงทำให้เกิดมาต้องเป็นคนที่มีแต่ความวิตกกังวล บางคนเมื่อมีหน้าที่
ที่จะต้องรับผิดชอบงานชิ้นหนึ่ง ก็มีแต่ความวิตกอยู่ตลอดเวลาจนงานนั้นสำเร็จ
นักเรียนบางคน พอใกล้สอบก็เกิดอาการท้องเสียบ้าง ปวดท้องบ้าง แต่เมื่อสอบเสร็จ
อาการปวดท้องนั้นก็หายไป สิ่งเหล่านี้ก็เป็นผลของความเครียด หรือความวิตก
กังวลนั่นเอง.
11.พลัดพรากจากผู้ที่ตนรัก
เพราะได้เคยทำพฤติกรรมที่เหมือนกับการไปพรากผู้เป็นที่รักของบุคคลอื่นหรือ
ผู้ที่มีเจ้าของ จึงทำให้ได้รับผลต้องสูญเสียหรือพลัดพรากจากผู้ที่ตนรัก เช่น
สามีภรรยาที่เคยรักกัน แต่ต้องมีเรื่องไม่เข้าใจกัน จนต้องเลิกร้างไปในที่สุด
หรือหนุ่มสาวที่ต้องอกหัก และแม้กระทั้งเด็กที่ต้องกำพร้า ขาดพ่อ ขาดแม่ ล้วน
เป็นผลจากการทำผิด กาเมสุมิฉาจาร ทั้งสิ้น.
-
รู้อยู่โทนโท่
แต่ยังทำ...
อย่างที่รู้ไม่ได้
ทำได้ที่ทำ...
ทำอย่างไรไว้
ย่อมได้ที่ทำ...
เตรียมใจไว้รอ...
-
เพื่อนแท้คอยเตือน
เพื่อนแท้
คือ คนที่เห็นความผิดเรา
และบอกให้เราแก้ไข
ส่วนเพื่อนปลอมๆ
ก็เห็นเหมือนกัน แต่มันไม่บอกเรา
กลับไปบอกให้คนอื่นฟัง
อ่านต่อ: http://www.xn--42ca2cua2b9f4e8a6c.net/1213#ixzz2xU1MOLYs
-
คิดไปถึงสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น
คิดไปถึงสิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้ว
สองสิ่งนี้เกิดขึ้นได้ง่ายและบ่อยๆ
แต่สิ่งที่เรามักจะไม่ค่อยรู้คือ...
ความคิดขณะปัจจุบันว่ากำลังคิดอะไร
ความรู้สึกตัวขณะปัจจุบันเป็นยังไง
อะไรคือความเป็นจริง
อะไรคือการปรุงแต่งตามความเคยชิน
เพราะเรายังไม่มีปัญญาเห็นตามจริงได้ทุกขณะ
เราจึงยังเป็นทุกข์อยู่ได้ตลอดเวลาที่เราไม่รู้ทันตามจริง
-
ทางโลก...
การเกิด...คือการถูกจองจำ
ครอบงำด้วยหูตาจมูกลิ้นกายใจ
การตาย...คือการถูกปลดพันธนาการ
อิสระจากหูตาจมูกลิ้นกายใจ
รู้ด้วยปัญญา...คืออิสระจากการถูกพันธนาการ
ไม่รู้ตามจริง...คือยังติดกับดักกับทุกข์ทั้งปวง
-
ปัจจุบันที่เกิดจากรู้จริงๆจึงหดหายไปกับอดีตอนาคต
สลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนอยู่กับความไม่รู้
อะไรที่ไม่ดีที่ทุกข์มันย่อมมีดีมีสุขรออยู่อีกด้านหนึ่ง
ความรู้บางอย่างที่ยังหลงก็จัดเป็นความไม่รู้อย่างหนึ่ง
รู้ทางโลกที่เต็มไปด้วยรู้ทางหูตาจมูกลิ้นกายใจเคยชินกับการปรุงแต่งทางความคิดความรู้สึก
มีอดีตที่วนเวียนมีอนาคตที่เฝ้ารอคอย
เชื่อว่ามีแต่ปัจจุบันที่จริงที่สุดสั้นที่สุด
อดีตอนาคตคือสิ่งลวงที่ยาวนานที่สุด
-
เห็น...อะไร
ใน...กาย...รู้สึก
ใน...ใจ...นึกคิด
เห็นอะไร...
อะไรนั้น...บ่งบอก
ปัญญารู้ตามจริง
ไม่รู้ตามจริง...ตามรู้
ตามต่อไป...
-
ยึดติดเดิมเสริมแต่งใหม่ใจปลอดสุข
ยึดแต่ทุกข์ปลุกแต่เศร้าเอาแต่เสีย
ยึดเอามาเป็นของตนคิดแล้วเพลีย
ยึดนัวเนียเคลียร์ไม่เป็นน่าเข็นใจ...
รู้แต่ยึดปล่อยไม่เป็นทิ้งไม่ได้
รู้เข้าใจเพียงแต่เปลือกไม่ผ่องใส
รู้แต่รู้ทำไม่ได้ทุกข์ต่อไป
รู้ทำใจค่อยค่อยไปใจเบิกบาน
คิดมากมายส่งไปไกลใกล้ไม่เห็น
คิดไม่เป็นติดมายาทุกข์เผาผลาญ
คิดอดีตอนาคตคิดอีกนาน...
คิดจนกาลปัจจุบันนั้นหายไป
-
ลมหายใจสูดเข้าออกดำรงอยู่
น้ำต้องรู้นำเข้าออกเพื่อถนอม
ดินหลุดออกสร้างใหม่อีกคงอยู่ออม
ไฟยังพร้อมเติมชีวิตรอดับเอย...
-
ละชั่วก่อนจึงทำดีใจผ่องใส
ละชั่วไปทำดีต่อจิตกุศล
ละชั่วได้ใจสบายดีที่ตน
ละชั่วจนวนทำดีจิตเบิกบาน
-
ทฤษฎีรู้ได้ทำนั้นไซร้ต้องหมั่นฝึก
รู้จักตรึกนึกแล้วตรองเหตุและผล
ฝึกใจกายฝึกที่ใกล้ในตัวตน...
พ้นไม่พ้นด้วยสติและปัญญา
-
อันพระธรรมนำจิตให้เป็นสุขพ้นจากทุกข์ใดใดที่หม่นหมอง
ดำเนินจิตคิดรู้คู่ใตร่ตรอง
หมั่นหมายปองแต่หนทางพระนิพพาน
นั่งธรรมะสมาธิดำหริเหตุ
ไม่เป็นเปรตมุ่งแสวงหาพาลุ่มหลง
ที่บวชก็เพื่อปลดก็เพื่อปลง
ละโลภโกรธหลงคงมีสุขสุขคืนวัน
--------------------------
-
ณ ขณะ ปัจจุบัน ทุกบทสอน
พินิจก่อน ให้ลงลึก ใจกายฐาน
ที่อยู่ใกล้ ให้หมั่นตรอง ใช่อยู่นาน
พ้นวันผ่าน ก็ต้องตาย วายชีวา
เช้ายังอยู่ สายก็ม้วย ชีพแสนสั้น
ให้รีบหมั่น มีศีลธรรม ประจำหนา
ตั้งสมาธิ เรียกสติ และปัญญา
จะนำพา พ้นจากทุกข์ สุขนิรันดร์
-
:08: :19: :36:
-
คิดออกมาพิจารณาที่คิดเถิด
คิดกำเนิดเกิดออกมาพาหวั่นไหว
รู้ไม่ทันย่อมหลงต่อความเป็นไป
รู้ทันไซร้ย่อมสบายไร้ทุกข์ใจ
-
เกิดและตายธรรมดาธรรมชาติ
สวมบทบาททำหน้าที่ตามกรรมหนอ
ละความชั่วก่อกรรมดีอย่ารีรอ
จิตจดจ่อใจเบิกบานสบายเอย
-
กิเลสนั้นเปรียบเสมือนยอดนักขาย
กลอุบายหลอกพาใจเราไหลหลง
เราหลงซื้อโง่หลงเชื่อเพราะงวยงง
จึงเหมือนกรงดักเราซื้อกิเลสบาน
-
ปีเก่าไปปีใหม่มาเวลาหดสั้น
รู้เท่าทันได้เพียงไหนเพียรฝึกกันหนา
ความเป็นจริงเราแค่รอเพียงวันเวลา
อยู่ตรงหน้าปัจจุบันนั้นทดสอบใจ
-
ดินน้ำลมไฟประชุมเกาะรวมกัน
ความแปรผันพลิกหมุนเปลี่ยนเวียนเข้าหา
ความเป็นทุกข์มีหายมีกร้ำกรายมา
เพียงปัญญาส่องลึกซึ้งตรึกรู้ทัน
-
ยามทุกข์มารู้ให้ทันดับทิ้งเสีย
ไม่งั้นเพลียยึดเอาทุกข์ติดกรงขัง
แม้ทุกข์อยู่หลุดพ้นได้สบายจัง
พ้นวนวังด้วยสติและปัญญา
-
ลมหายใจยังมี...ไปตามชอบ
ไปตามกรอบ...ตามธรรมตามวิถี
ตามหน้าที่...มีสุขอย่างพอดี
ทุกข์นั้นมี...รู้ทันเช่นนั้นเอง
-
กิเลสเอยหลอกใจให้เป็นทุกข์
ไร้ความสุขไม่พอก่อทุกขัง
ยังคงอยากยึดติดไร้กำลัง
จึงต้องพลั้งเป็นทุกข์ติดวงจร
พยายามฝึกใจให้เข้มแข็ง
ให้ใจแกร่งหาครูคอยพร่ำสอน
ทำได้บ้าง ไม่ได้ใจร้าวรอน
ค่อยๆผ่อนเพ่งพิจอย่างเป็นกลาง
ผ่านไปแล้วให้มันผ่านพ้นไป
เริ่มต้นใหม่ฝึกใจรู้สะสาง
ไม่ว่าผิดหรือถูกรู้จักวาง
รู้หนทางความจริงควรเพียรไป
-
และแล้วก็วนเวียนกลับมาอีกครั้ง
เป็นเพราะด้วยเหตุปัจจัยบางอย่าง
เป็นกงกรรมกงเกวียนบุญนำกรรมแต่ง
ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป
ทุกสิ่งผ่านเข้ามาและผ่านพ้นไป
เกิดแก่เจ็บตายวนเวียนไปอย่างนั้น
ธรรมดาได้ผ่านมาให้เรียนรู้และเข้าใจ
เป๋็นบททดสอบให้รู้ระดับสติปัญญาของตนเอง
ให้รู้ว่ายังมีเหลือกิเลสมากน้อยเพียงใด
มีสติปัญญามากน้อยเพียงใด...