ใต้ร่มธรรม
คลายวิถีทุกข์ด้วยธรรมะ => ปัญหาชีวิต ความทุกข์ ความรัก => ข้อความที่เริ่มโดย: lek ที่ กันยายน 22, 2010, 08:46:12 pm
-
มาลองสังเกตุทุกข์กันดูสิ...
ว่ามันให้อะไรดีๆสำหรับเราบ้าง
ตั้งแต่เราเกิด..แก่..เจ็บ...ตาย
ไม่มีใครที่ไม่ประสบพบเจอกับความทุกข์
มีแต่คนที่ต้องเจอกับปัญหากับความทุกข์ทั้งสิ้น
แต่คนที่ใช้วิกฤตให้เป็นโอกาสสำหรับตัวเองนั้น
มีปัญญาแตกต่างกันไปในการแก้ไขสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
มาลองพิจารณาตัวเราเองกันดูว่า...
เวลาเราเจอความทุกข์เจอปัญหาแล้วนั้น...
เราทำอย่างไรกับมัน...
ลองมาสังเกตกันดูนะ...
มาเล่าให้อ่านกันบ้างนะ...
มาแบ่งปันกัน...
วันนี้...ได้รู้จักการอยู่ร่วมกับสังคมโลกมนุษย์
การมีผลประโยชน์ร่วมกัน...ทำให้อยู่ร่วมกันได้
หากเราหมดผลประโยชน์..ไม่ว่าจะเป็นด้านใดก็แล้วแต่
ผู้ที่ฉลาดมักจะไม่อยากอยู่กับคนที่ไร้ประโยชน์สำหรับเขา
ฉลาดในที่นี้คือ ฉลาดต่อตัวเอง...(เห็นแก่ตัวนั่นแหละ)
เราเองก็เป็นเหมือนเขาอีกนั่นแหละ...ถึงได้คิดแบบเขา (เอิ๊กๆๆๆ)
เรียกว่า รู้เขารู้เรา ตามแบบฉบับคนเห็นแก่ตัวนั่นเอง แฮ่ๆๆๆ
ทำให้คิดถึงเพลงที่เพิ่งได้ยินไป...อย่าเห็นแก่ตัว
อย่าหัวแก่เต็น...อย่าเห็นแก่ตัว...อย่าหวง....อิอิอิ :22:
-
:45:ขอบคุณนะค่ะคุณเล็ก :13:
-
:13: อนุโมทนาครับพี่เล็ก
-
ความทุกข์ในบางครั้ง...รู้สึกว่ามันไม่ดีเลย...ไม่ชอบมันเลย
มันทำให้จิตใจเราย่ำแย่...ท้อแท้...เหนื่อยหน่ายกับชีวิตที่เหลืออยู่
รู้สึกว่าทุกข์มันหนัก...มันกดดันจิตใจ...มันใจร้ายกับเราเหลือเกิน
รู้สึกว่าทุกข์มันไม่ยอมลดลาวาศอกกับเราเลยเหรอเนี่ย...
ความทุกข์มันจะอะไรกันนักกันหนากับเรานะ...ตามหลอกหลอนอยู่ได้
ปั่นป่วนทั้งจิตใจและร่างกายของเราอยู่ตลอดเวลาที่เราเปิดโอกาสให้
แต่บางทีความทุกข์ในบางครั้ง...ก็รู้สึกว่ามันดีจังเลยนะ...ถึงจะไม่ค่อยชอบ
แต่ก็ต้องขอบคุณที่มีความทุกข์เช่นนี้เกิดขึ้น...มันทำให้จิตใจเราได้เรียนรู้
ว่าใจเราจะจัดการกับความทุกข์ที่เกิดขึ้นเพราะเราเองให้มันผ่านไปได้อย่างไร
ระหว่างที่เรากำลังเจอกับความทุกข์อยู่นั้น...เพียงแต่เราเงยหน้าดูรอบข้างบ้าง
ก็จะเห็นว่าเราไม่เหงาเลยกับการต้องพบกับความทุกข์...เพราะยังมีอีกมากมาย
ที่เขาจะต้องทนทุกข์ทรมานกับความทุกข์เช่นเดียวกับเรานี่เอง...
แล้วเราก็มองวิธีที่แต่ละคนจัดการกับปัญหากับความทุกข์ที่เขาเหล่านั้นเจอ...
มองไปแล้ว...ก็เหมือนเกม...เกมนึง...ระหว่างเรากับปีศาจความทุกข์ที่ปรากฎตัวขึ้น
ประจันหน้ากัน...มันโจมตีเราเจ้าปีศาจร้าย...(แต่เป็นเพราะเราสร้างปีศาจร้ายให้มันเกิดขึ้น)
มันใช้ท่วงท่าวิชามารจัดการกับเรา...จนเราแทบจะตั้งรับไม่ไหว...(พระเอกนางเอกเริ่มจะแย่แล้ว)
แต่สุดท้าย...เราก็ฮึ๊ดสู้กับเจ้าปีศาจร้าย...แม้ว่าจะสะบักสะบอมแทบทนไม่ไหว...
ฮึ๊บๆๆๆฉันจะต้องจัดการกับเจ้าปีศาจร้ายตัวนี้ให้ได้...ว่าแล้วก็ปล่อยแสงพิฆาตปีศาจ(แนวแค้นเหอๆ)
เจ้าปีศาจความทุกข์มันก็ฮึ๊ดสู้เราเช่นกัน...เราสู้มันเพราะความแค้น...ความโกรธ...
ทำให้เราสู้อย่างไม่มีสติ...ก็เลยนัวเนีย...กอดไปกอดมากับเจ้าปีศาจร้ายอยู่ตั้งนาน...
จนกระทั่งรู้สึกว่าทั้งเราและเจ้าปีศาจร้ายเริ่มอ่อนแรงลงทั้งคู่...(คิดถึงมวยยกท้ายๆ อิอิ)
สุดท้าย...ฉันไม่โกรธไม่โทษเจ้าปีศาจความทุกข์แล้ว...พอดีกว่า...เจ็บทั้งคู่...เหนื่อยทั้งคู่
ฉันยอมรับเจ้าปีศาจความทุกข์ไว้เป็นเพื่อนดีกว่า...ผูกมิตรกัน...ให้อภัยกัน...(แล้วก็ยิงฟันใส่กันปิ๊งๆๆ)
ปีศาจความทุกข์เอ๋ย...เธอคือเพื่อนฉัน...คือครูของฉัน...ขอบคุณเธอนะที่ให้บทเรียนกับฉัน...
ที่สำคัญ...เธอให้สติกับฉัน...ว่าเธอคือปีศาจความทุกข์ที่ผ่านมาและก็ผ่านไป...ต้องจากกันไปสักวัน
ฉันเองก็เหมือนกัน...ฉันก็ต้องลาจากเธอไปในสักวันเช่นกัน...ก็ฉันก็แค่คนๆนึงที่เกิดมาต้องตายนี่นา :19:
-
ฉันพยายามที่จะฝืนใจตัวเอง...
ไม่ไปเกี่ยวข้องกับเขาเหล่านั้น...
เพราะฉันกลัวใจตัวเอง...
กลัวที่จะตกเป็นทาสกิเลสใจตัวเอง
ฉันพอจะเดาได้ว่า...
ถ้าฉันยอมทำตามกิเลสของตัวเอง
ผลมันจะออกมาเป็นอย่างไร...
มันก็มีแต่ทุกข์กับทุกข์นะสิ...
แล้วฉันยังจะรนหาที่เป็นทุกข์อีกหรือ...
หรือว่าจะมีทุกข์ไว้เป็นเครื่องทดสอบใจดีล่ะ
สุดท้าย...ถามใจตัวเองไปๆมาๆ...
คำตอบมันก็ยังคงคลุมเคลือไม่แน่ชัด...
และแล้วเวลาก็ล่วงเลยผ่านมาพอสมควร...
สิ่งที่ฉันลังเลในตอนนั้น...บัดนี้...
ฉันไม่เหลืออะไรเคลือบแคลงสงสัยอีกต่อไป
-
ทุกข์กับการต้องมีเพื่อน...
ต้องทำอะไรเหมือนๆกับเพื่อนที่คบอยู่
ต้องฝืนทำในสิ่งที่ไม่ได้ต้องการจะทำเลย
รู้สึกว่าตัวเองขาดอิสระในห้วงเวลาของตัวเองไป
แต่ถ้าไม่มีเพื่อน...
ก็รู้สึกว่าบางช่วงเวลามันมีอะไรขาดหายไป
รู้สึกว่าเราแปลกแยกแตกต่างจากคนธรรมดาทั่วไป
รู้สึกว่าอยากบอกอะไรให้เพื่อนฟังเกี่ยวกับสิ่งต่างๆที่เรารับรู้มา
รู้สึกว่าอยากให้เพื่อนได้รู้อะไรอย่างที่เรารู้...
แล้วก็อยากรู้เรื่องราวต่างๆที่เพื่อนรับรู้แลกเปลี่ยนกลับคืน
เพราะว่า....เรายังอยากได้อะไรจากเพื่อนอยู่...
เรายังทำใจที่จะให้อย่างเดียวไม่ได้...เราจึงรู้สึกว่า
เราขาดอะไรบางอย่างไป...ขาดเพื่อนที่เข้าใจเรา...
แต่ที่แท้จริง...เราขาดความเข้าใจตัวเองไปเสียแล้ว :14:
-
ทุกข์กับการต้องมีเพื่อน...
ต้องทำอะไรเหมือนๆกับเพื่อนที่คบอยู่
ต้องฝืนทำในสิ่งที่ไม่ได้ต้องการจะทำเลย
รู้สึกว่าตัวเองขาดอิสระในห้วงเวลาของตัวเองไป
แต่ถ้าไม่มีเพื่อน...
ก็รู้สึกว่าบางช่วงเวลามันมีอะไรขาดหายไป
รู้สึกว่าเราแปลกแยกแตกต่างจากคนธรรมดาทั่วไป
รู้สึกว่าอยากบอกอะไรให้เพื่อนฟังเกี่ยวกับสิ่งต่างๆที่เรารับรู้มา
รู้สึกว่าอยากให้เพื่อนได้รู้อะไรอย่างที่เรารู้...
แล้วก็อยากรู้เรื่องราวต่างๆที่เพื่อนรับรู้แลกเปลี่ยนกลับคืน
เพราะว่า....เรายังอยากได้อะไรจากเพื่อนอยู่...
เรายังทำใจที่จะให้อย่างเดียวไม่ได้...เราจึงรู้สึกว่า
เราขาดอะไรบางอย่างไป...ขาดเพื่อนที่เข้าใจเรา...
แต่ที่แท้จริง...เราขาดความเข้าใจตัวเองไปเสียแล้ว :14:
:06:
บางครั้งเพื่อนก็ไม่เข้าใจเราครับ แอบงอนเพื่อนเหมือนกัน
แล้วก็กลับมาคิดว่า แล้วเราจะงอนทำไม ก็เพื่อนเรานี่ เดี๋ยวเค้าจะเข้าใจเราเอง เพราะอย่างไรเค้าก็เพื่อนเรา
^^ มิตรภาพก็ละเอียดอ่อนนะครับ แอบตะโกนเบาๆให้เค้ารู้ว่า ขอโทษนะเพื่อน ให้เค้าได้ยิน ถ้าเงียบ ก็จะไม่รู้กัน
ผ่อนหนักผ่อนเบาบ้าง อย่าให้ใจหนักเพราะเรื่องไม่ใหญ่โตอะไร
ธรรมะอวยพรครับพี่เล็ก^^
-
บางครั้ง...ความเงียบ...กับเวลา
มันก็ช่วยอะไรเราได้เหมือนกัน...
เพราะความจริงมันจะกระจ่างชัด
ในตัวของมันเอง...
การกระทำของคนเราในขณะปัจจุบัน
จะสะท้อนบ่งบอกตัวตนของแต่ละคนเอง
หากเสแสร้งแกล้งทำ...ทำได้ไม่นาน...
สักวันธาตุแท้ก็จะเผยออกมาจนได้สักวัน
แต่สุดท้าย...การให้อภัย...คือที่สุดของการอยู่ร่วมกัน
ให้อภัยสิ่งภายนอกกันแล้ว...
ก็อย่าลืมให้อภัยกลับมายังภายใน...จิตใจตัวเอง :46:
-
ช่วงเวลาแห่งความสุข... | ช่วงเวลาแห่งความทุกข์...
มันเกิดขึ้น...ฉันพอใจ... | มันเกิดขึ้น...ฉันไม่พอใจ...
อยากให้มันอยู่อย่างนี้นานๆ | ไม่อยากให้มันอยู่อย่างนี้นานๆ
แต่แล้วมันก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว | แต่แล้วมันก็ผ่านไปอย่างเนิ่นช้า
ขณะที่ความสุข..ค่อยๆลดระดับลง | ขณะที่ความทุกข์...ค่อยๆลดระดับลง
ในช่วงเวลานั้น...ฉันรู้สึกไม่พอใจ | ในช่วงเวลานั้น...ฉันรู้สึกพอใจ
ในขณะที่ฉันรู้สึกไม่พอใจนั้นเอง... | ในขณะที่ฉันรู้สึกพอใจนั่นเอง...
ฉันรู้สึกเป็นทุกข์ขึ้นมาในทันทีทันใด | ฉันรู้สึกเป็นสุขขึ้นมาในทันทีทันใด
-
สุขและทุกข์...เราสร้างมันให้เกิดขึ้น
แต่ส่วนใหญ่เรากลับคิดว่า...ผู้อื่นสร้างให้
หากเราไม่มีเขาทำให้เราสุขและทุกข์
ก็คงไม่มีเราที่มีทั้งสุขและทุกข์อย่างนี้
ความจริง...มันคืออะไร...ลองสังเกตุสิ
ไม่ใช่เพราะใครเลยที่จะทำให้เราสุขและทุกข์ได้
มันเป็นเพราะเราล้วนๆเลยที่สร้างให้มันเกิดขึ้น
ถ้าไม่มีเรา...เขาก็จะไม่มี...
แต่ถ้าไม่มีเรา...เราก็จะไม่รู้
ต้องมีเราก่อน...จึงจะรู้ได้
เราก็คือทุกข์สุขนั่นเอง...
หากมีเราก็จะมีทุกข์และสุข
ถ้าไม่มีเราก็จะไม่มีทุกข์และสุข :37:
-
การมองเห็นว่าคนอื่นเป็นอย่างไรนั้น....
มันสะท้อนความเป็นตัวตนของเราออกมา...
เช่น...การมองว่าคนอื่นนิสัยไม่ดี...
มันก็เหมือนว่า...เราเนี่ยแหละ...ก็นิสัยไม่ดีเช่นกัน
เหมือนเราเผลอว่าคนอื่นว่า...โง่...
แต่ที่แท้...เราที่เผลอว่าคนอื่นว่าโง่...กลับโง่ยิ่งกว่าเขา
หรือจะเป็นมองว่าคนอื่นไม่เก่งเท่าเรา...
ก็คือการสะท้อนความไม่เก่งของเราออกมาอย่างชัดเจน :27:
-
[youtube]http://www.youtube.com/watch?v=hYuFr5ECnxs[/youtube]
-
ขอบพระคุณท่านแปดคิวขอรับ :45:
"ทุกข์จัง...ธรรมดา ทู๊กจัง...ทำหม่าด๊า..ทำมาดา" :47:
ทุกข์เพราะกลัว
ทุกข์เพราะไม่รู้
ทุกข์เพราะไม่เคย
ทุกข์เพราะระแวงสงสัย
ทุกข์เพราะเห็นความเปลี่ยนแปลง
ทุกข์เพราะมีตัวตน
:06:
-
ในความเกี่ยวข้อง...มีอยู่รอบๆเรา
หากเราคว้าเอื้อมไปเอามายึดไว้...
สิ่งภายนอกนั้น...ก็จะเข้ามาพันธนาการ
หากเรายิ่งดิ้นยิ่งทุรุนทุรายก็อาจจะทำให้
ยิ่งมัดแน่น ยิ่งยุ่งเหยิง มากขึ้น...
การแก้พันธนาการของแต่ละสติปัญญา
จึงแตกต่างกันไปตามวิธีการแก้ไข...
บางคน...พันธนาการรัดแน่นพันยุ่งอยู่อย่างนั้น
บางคน...พันธนาการค่อยๆคลายเสื่อมไปตามกาล
บางคน...พันธนาการถูกตัดขาดหลุดออกอย่างง่ายดาย
อะไรคือความแตกต่างระหว่างสิ่งเหล่านั้น...
อยู่ที่สติปัญญาในการพิจารณา...
ปฏิบัติได้จริงตามความเข้าใจ....
หากรู้ทันแล้ว...รู้ที่ทันนั้น...เปรียบเหมือนไม่รู้อะไรนั่นเอง
ทุกข์หรือพันธนาการ...ก็จะยังมี...สำหรับเราที่ยังยึดว่ามีเพราะยังไม่รู้ทัน
-
ทุกข์เกี่ยวกับความผิดปกติทางกายและทางใจ
ทุกข์ทางกาย...เราจะรู้ได้...ก็ด้วยใจเข้าไปรับรู้
สรุปใจเป็นนาย...กายเป็นบ่าว...
ความเจ็บป่วย..ความเสื่อมทางกาย...
เป็นวัฎจักรวนเวียนที่หลีกหนีไม่พ้น...
ใจจึงมีหน้าที่...รับรู้แล้วก็ยอมรับ...
แล้วก็อดทนรับสภาพทุกสภาพทางกายให้ได้
เมื่อผ่านความอดทนไปได้...ก็จะเข้าใจความเป็นเช่นนั้นเอง
ว่ามันเป็นเพียงความชั่วคราว...ที่ตั้งอยู่เพียงไม่นาน...
ก็พลันดับลงไปในที่สุดนั่นเอง... :17:
-
ในความเกี่ยวข้อง...มีอยู่รอบๆเรา
หากเราคว้าเอื้อมไปเอามายึดไว้...
สิ่งภายนอกนั้น...ก็จะเข้ามาพันธนาการ
หากเรายิ่งดิ้นยิ่งทุรุนทุรายก็อาจจะทำให้
ยิ่งมัดแน่น ยิ่งยุ่งเหยิง มากขึ้น...
การแก้พันธนาการของแต่ละสติปัญญา
จึงแตกต่างกันไปตามวิธีการแก้ไข...
บางคน...พันธนาการรัดแน่นพันยุ่งอยู่อย่างนั้น
บางคน...พันธนาการค่อยๆคลายเสื่อมไปตามกาล
บางคน...พันธนาการถูกตัดขาดหลุดออกอย่างง่ายดาย
อะไรคือความแตกต่างระหว่างสิ่งเหล่านั้น...
อยู่ที่สติปัญญาในการพิจารณา...
ปฏิบัติได้จริงตามความเข้าใจ....
หากรู้ทันแล้ว...รู้ที่ทันนั้น...เปรียบเหมือนไม่รู้อะไรนั่นเอง
ทุกข์หรือพันธนาการ...ก็จะยังมี...สำหรับเราที่ยังยึดว่ามีเพราะยังไม่รู้ทัน
ทุกข์เกี่ยวกับความผิดปกติทางกายและทางใจ
ทุกข์ทางกาย...เราจะรู้ได้...ก็ด้วยใจเข้าไปรับรู้
สรุปใจเป็นนาย...กายเป็นบ่าว...
ความเจ็บป่วย..ความเสื่อมทางกาย...
เป็นวัฎจักรวนเวียนที่หลีกหนีไม่พ้น...
ใจจึงมีหน้าที่...รับรู้แล้วก็ยอมรับ...
แล้วก็อดทนรับสภาพทุกสภาพทางกายให้ได้
เมื่อผ่านความอดทนไปได้...ก็จะเข้าใจความเป็นเช่นนั้นเอง
ว่ามันเป็นเพียงความชั่วคราว...ที่ตั้งอยู่เพียงไม่นาน...
ก็พลันดับลงไปในที่สุดนั่นเอง... :17:
อะไรคือความแตกต่างระหว่างสิ่งเหล่านั้น...
อยู่ที่สติปัญญาในการพิจารณา...
ปฏิบัติได้จริงตามความเข้าใจ....
หากรู้ทันแล้ว...รู้ที่ทันนั้น...เปรียบเหมือนไม่รู้อะไรนั่นเอง
:12: :13: อนุโมทนาสาธุธรรมค่ะ...
-
จำได้ว่าครั้งนึง...นั่งรถตู้จะไปทำงาน
ออกจากบ้านก็สายแล้ว...รถก็ยังติดอีก
กระสับกระส่ายสิงานนี้...สายแน่...งานเข้า
เหลือบมองนาฬิกา...โห ...กระวนกระวายใจ
เหลือบมองวิวทิวทัศน์ผ่านหน้าต่างรถ...
โห...หนทางยังอีกยาวไกล...ตายๆๆๆๆงานนี้
เฮ่อ...หลับตาดีก่า...สงบจิตสงบใจซักหน่อย
ไม่อยากรับรู้อะไรแระ...ฟังเสียงหัวใจเต้น...
ดูลมหายใจเข้าและออก...หน้าท้องพองๆยุบๆ
ลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง...อืม มันจำได้นี่นา...
ว่าเวลาเท่าไหร่...ว่าตอนนี้อยู่ไหน...
มันมีตัวเราที่ยังต้องทำตามหน้าที่ว่ามีอะไร...
มันมีเขาที่คอยบังคับเราไว้ตามกฎระเบียบ...
ถึงจะเครียดจะทุกข์ไป...มันก็ช่วยให้รถบินไม่ได้หรอก
ทำใจดีๆ คงจะดีกว่ามั้ง...ว่าแล้วก็...หลับตาลงอีกครั้ง
ลืมตาขึ้นมาอีกที...อ่าวถึงแล้ว...อ่าวเฉียดฉิวเลย...
อ่าว...รอดอย่างหวุดหวิด...อืม ...คิดกังวลมากไปเยอะเลย
กลัวไม่ทัน...กลัวนั่นกลัวนี่...โทษนั่นโทษนี่ไปเรื่อย...
ไม่สงบจิตไม่สงบใจเลยขณะที่กังวล...เพราะมีตัวตน...
มีความจำได้...มีความนึกคิดปรุงแต่งเรื่องราวไปหลากหลาย
มีแล้วทุกข์จริงๆเลยอ่ะนะ...แต่ก็ดีเหมือนกัน...ตื่นเต้นในชีวิตดี
รสชาติของชีวิต... :30:
-
ความเจ็บป่วยเจ็บปวดของร่างกาย...
มันมีเกิดขึ้นเป็นพักๆ...แล้วก็หายเป็นพักๆ
มันจะเกิดขึ้นให้เราได้สังเกตพิจารณามัน
เราไม่อยากให้มันเกิดขึ้นหรือมาหรอก...
แต่มันก็ห้ามไม่ได้...มันจะเกิดก็ต้องมา...
แต่มันก็ยังดี...มาบ้าง...ไม่มาบ้าง...
ตอนมันมา...ก็อยู่ที่เราแล้ว...ว่าจะอยู่กับมันอย่างไร
จะอยู่ดูมันอย่างสงบ...หรือหวาดกลัว...
หรือโกรธเคืองโมโหมัน...หรือจะให้อภัยมัน
หรือจะขอโทษมันดี...บางทีสับสนเหมือนกัน
สุดท้ายก็ต้องยอมรับกับทุกครั้งที่มันมาเกิดขึ้น
ก็มันเป็นมัน...ส่วนเราก็เป็นมัน...ส่วนมันก็เป็นเรา
บางครั้งเหมือนจะแยกมันออกได้นะ...แต่ก็ไม่
แต่บางครั้งก็รู้สึกว่า...มันไม่ได้มีหรอก...
ที่มันมีได้...เพราะเราไปรู้สึกเอง...ว่ามีมัน...
-
นั่งมองดูชีวิตของคนสองคน...ต่างกันคนละขั้วเลย
อีกคนก็บ้างาน...มีเวลาว่างไม่ได้...ต้องหางานมาทำตลอดเวลา
อีกคนก็ขี้เกียจทำงาน...มีเวลาเยอะแยะแต่ก็เหมือนไม่มีเวลา
สำหรับพักผ่อนเลยทีเดียว...วันๆหมดไปกับความว่างเปล่า...
คิดแล้วก็ทุกข์...ไปทุกข์แทนเขาซะงั้น...บ้านะเนี่ย... :38:
-
วันนึงรู้สึกไม่สบายปวดหัวตุบๆ อย่างแรงมากๆ
เลยขอให้พระท่านช่วย แล้วนอนจับความรู้สึกนั้นไปเรื่อย จนหลับไป
อีกทีเจอเรื่องทุกข้มากๆ ก็จดบันทึกตามดูจิตใจแต่ละวันว่าเป็นอย่างไร วันนี้มันยังทุกข์ไหม เศร้าไหม
จนมันหายไป
-
ป่วยไม่สบายกายไม่สบายใจ
มันหายได้เองเป็นเป็นหายหาย
จะเกิดขึ้นเมื่อไหร่อย่างไร...
จะอยู่ได้สั้นยาวเวลาแค่ไหนเท่าไหร่
จะหายไปเองเมื่อไหร่อย่างไร...
สิ่งที่คอยให้ค่า...ก็คือเรานั่นเอง
หากมีเรา...เขาก็มา
หากไม่มีเรา...เขามาแต่เราไม่มี
เขาก็เลยไม่มี...เมื่อเราไม่ได้มา :38:
-
บางทีเรื่องนิดเดียว....ก็ทำให้เป็นเรื่องราวใหญ่โตลุกลามได้
เพราะเราไม่ผ่านมันไป...แต่กลับไปต่อ..ไปรื้อ...ไปค้น..
ก็เลยทำให้เรื่องนิดๆกลายเป็นเรื่องใหญ่โตมโหฬารไป...
แต่เรื่องราวที่ใหญ่โตมโหฬาร...มันก็ให้อะไรดีๆเหมือนกัน
หลังจากที่ต่างฝ่ายที่เกี่ยวข้องโดนผลกระทบไปหมดแล้ว
หากรู้จักพิจารณาเรื่องราวที่เกิดขึ้นมาแล้วนั้น...
ดูไปก็เรื่องเล็กๆแต่เอามาทำให้มันใหญ่เพราะเรานี่เอง
สุดท้ายเรื่องใหญ่แค่ไหนก็ต้องจบลงไป...แต่ก็อาจครุกรุ่น
ขึ้นมาอีกเมื่อไหร่ตอนไหนก็ได้...
ก็อยู่ที่เราจะขุดขึ้นมาให้มีเรื่องหรือเปล่า....
หรือรื้อเอามา...มันก็จะมาได้ทุกเมื่อ...
ก็อยู่ที่เราแล้วล่ะ...จะยังไงกับมันล่ะ...
-
เพราะมัวแต่ไปจดจ่อกับสิ่งหนึ่ง
อีกสิ่งหนึ่งจึงลืมไปเสียจนหมด
เช่น...มัวแต่เล่นคอม ลืมหิวลืมภาระหน้าที่....
เช่น...มัวแต่ห่วงคนอื่นห่วงงาน...ลืมห่วงตัวเอง
(มัวแต่หลงห่วงตัวเอง...ลืมห่วงตัวเอง...หลงหล่อสวยรวยเกียรติอำนาจบารมีจนหลงตัวเอง)
เช่น...มัวแต่ทำร้ายผู้อื่น...ลืมว่านั่นหน่ะกำลังทำร้ายตัวเองเช่นกัน
เช่น...มัวแต่ทุกข์...ลืมสุข...
เช่น...มัวแต่หลงสุข...ลืมทุกข์ :38:
-
ความไม่รู้...เกิดขึ้นได้เป็นธรรมดา
ความรู้เป็นโทษ...เกิดขึ้นได้เป็นธรรมดา
ความรู้...มาก็ยึดไว้ใช้ประโยชน์
ความรู้จะเป็นประโยชน์เมื่อใช้ให้เป็น...
ความไม่รู้จักใช้...กลับเป็นโทษย่อมเกิดขึ้นได้
ความรู้หากใช้เพื่อเห็นแก่ตนเบียดเบียนผู้อื่นย่อมเป็นโทษย่อมเกิดขึ้นได้
เรียนรู้ในสิ่งที่เป็น...พิจารณาในสิ่งที่เกิดขึ้น
เมื่อไม่รู้...เรียนรู้ศึกษาเพื่อรู้...ก็รู้ได้
เมื่อรู้แล้ว...สิ่งที่รู้ได้ให้อะไรไว้บ้าง...วางรู้เป็น
หากหลงในรู้แล้ว...ก็จะติดใจ...จนไม่รู้ตัวว่าตัวเองกำลังหลงรู้อยู่
แบ่งปันที่รู้...รู้จากตัวเอง...รู้จากผู้อื่น...จนไม่มีทั้งตัวเราเองและผู้อื่น
-
รู้สึกไปเอง...คิดไปเอง...ทำให้เราทุกข์เอง
อยากให้เป็นอย่างนั้น...อยากให้เป็นอย่างนี้
แต่ก็กลัวว่าจะเป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้...
ความอยากมันโผล่ขึ้นมา...ความกลัวก็ตามมาปุ๊บ
ถ้าความอยากชนะ...ความกลัวก็จะหายไปชั่วคราว
แต่ถ้าความกลัวชนะ...ความอยากก็จะหายไปชั่วคราว
ผลัดกันมาผลัดกันไปอยู่อย่างนี้...ก็ทุกข์อยู่อย่างนี้
สงสัยว่า...ดีกว่าไม่มีอะไรทำมั้ง...ท่าทางจะบ๊อง :38:
-
ภาษาสื่อออกมาให้รับรู้...
ปรุงไปได้สองแง่สามง่าม
แล้วแต่ว่าจะพอใจจะปรุงยังไง
ปรุงดีก็ดีไป..ปรุงไม่ดีก็แย่ไป
ปรุงมันก็มีอย่างนั้นของมันนั่นแหละ
ไม่ปรุงมัน...มันก็ไม่มีอย่างนั้นนะแหละ
สิ่งที่รับรู้ปรุงมา...มักเข้าข้างตัวเอง
สุดท้ายเมื่อความจริงมันไม่ใช่อย่างที่ปรุงไว้
ก็ทุกข์ล่ะสิ...งานนี้...ก็ทำตัวเองทั้งนั้น
เรียกว่า "รนหาที่" รนหาทุกข์ให้เข้ามาทำร้ายตัวเอง
จะว่าทำร้ายก็ใช่หรือจะเรียกว่าเพิ่มภูมิต้านทานให้ตัวเองก็ดี
-
เคยรู้สึกหวาดกลัวความสุขความโชคดี
เพราะทุกครั้งที่สิ่งเหล่านี้ผ่านเข้ามา...
เหมือนจะนำสิ่งที่เป็นตรงกันข้ามตามมาด้วยทุกครั้ง
เหมือนพายุบ้าคลั่งผ่านพ้นไป...
ความสงบสดใสแห่งท้องฟ้าท้องทะเลก็ย่อมตามมา
ขณะที่มีความสุขความโชคดี...ถ้าลืมตัวหลงไหลไป
ก็ทำให้มีแต่นำความเดือดร้อนกลับมาเสมอๆ...
เพราะมัวหลงระเริงกับความสุขความโชคดี...
จนไม่ทันเตรียมใจว่าสิ่งเหล่านี้นั้นไม่แน่นอน
พอมันหายไปก็เลยรับไม่ได้ทนไม่ได้ก็เป็นทุกข์ซะ
-
อย่าคิดว่าตัวเองฉลาดกว่าเขา...
อย่าเอาเปรียบคนอื่นเพราะคิดว่าฉลาดกว่า
อย่าคิดว่าคนอื่นรู้ไม่ทันแล้วฉวยโอกาส
ที่จะเอาผลประโยชน์จากพวกเขาเหล่านั้น
สุดท้ายทำอะไรใครไว้...ก็ต้องได้รับผลกรรม
ที่ตนทำไว้...เคยรู้สึกมั๊ยล่ะ...
ว่าเหตุการณ์นี้มันเคยเกิดขึ้นแล้ว...
เพียงแต่สลับตัวกันเป็นแค่นั้นเอง...
อย่าเอาแต่ได้...ไม่มีใครรู้...แต่เรารู้อยู่เต็ม...อก
-
:27: ผมเคยคิดบ่อยๆครับว่าตัวเอง โง่เขลาเบาปัญญามากมาย
ไม่รู้เหมือนกันว่าวันไหนจะฉลาดและเป็นคนที่เข้าใจในธรรมชาติของจิตใจที่ละเอียดอ่อนของตนเองได้อย่างถ่องแท้
^^ ขอบคุณครับพี่เล็ก
-
:07:ขอบพระคุณเช่นกันขอรับคุณแก้วฯ :13:
-
หลายๆครั้งเมื่อคุยอยู่กับตัวเอง
เหมือนว่ามีคนอยู่ 3 คนกำลังคุยกัน
คนนี้พูดอย่างนี้ อีกคนนั้นก็พูดอย่างนั้น
แล้วก็จะมีอีกคนนึงคอยรับฟังอยู่ห่างๆ
ถ้าคนนี้กับคนนั้นเริ่มขัดแย้งกันแล้ว
อีกคนนึงจะเข้ามาช่วยห้ามไว้เสมอๆ
และยังช่วยตัดสินใจให้ด้วยเป็นบางครั้ง
แต่...บางครั้งคนนึงคนนั้นก็หายไปเสียเฉยๆ
บางครั้ง...คนนี้ก็เอาชนะทำตามที่ต้องการได้
ส่วนคนนั้นเมื่อแพ้ก็หายไปซะเฉยๆ
จะกลับมาก็ตอนที่คนนี้ทำลงไปเรียบร้อยแล้ว
บางครั้งคนนั้นก็เยาะเย้ยบางครั้งก็ปลอบใจ
สุดท้าย...คนนึงคนนั้นก็จะกลับมาสรุปให้
แต่ก็ไม่ทุกครั้งอีก...แค่เฉพาะที่คนนี้และคนนั้น
จะเปิดโอกาสยอมรับคนๆนั้นเข้ามาให้ช่วยเท่านั้น
บางครั้งคนนี้และคนนั้นก็ดื้อ...จะหวังเอาชนะฝ่ายเดียว
ก็ยังดียังมีคนนึงคอยอยู่ตรงกลางระหว่างคนนี้และคนนั้นเสมอ :yoyo050:
-
ความสุขที่ทำให้ติดใจ...ยึดติดไว้
ไม่ยอมสลัดทิ้งก็มีแต่จะทำร้ายตัวเราเอง
ความทุกข์ที่อยากจะหนีไปให้ไกลๆ
ไม่อยากจะเอาไม่อยากจะยึดไว้...
อยากที่จะสลัดทิ้งไปแต่สุดท้าย...
ความอยากที่จะสุขมันก็กลับมา
หลอกหลอนใจเราเองอีกแล้ว... :30:
-
ทุกข์แต่ละหยด...กระเพื่อมได้ทุกครั้ง
ที่เราโยนให้ใจเราลงไปในวังวนแห่งความทุกข์
ทุกข์ที่เราปั้นแต่งให้ก้อนใหญ่แค่ไหน...
เมื่อโยนกระทบใจเราหนักเบาก็เกิดระลอกคลื่น
ให้สัมผัสให้เห็นให้รับรู้เป็นระยะเวลาแล้วแต่ใจเรา
ทุกข์แต่ละครั้งที่เกิดขึ้นเป็นระลอกคลื่นนั้นจะหายไปเอง
หากเราไม่ปั้นทุกข์ก้อนใหม่แล้วก็โยนกระทบใจเราใหม่
แต่เพราะทุกข์นั้นเป็นธรรมชาติที่เคยชินมาเนิ่นนาน
เพราะสะสมก้อนทุกข์มานานโขหลายกองอยู่ข้างๆรออยู่
หากเผลอเมื่อไหร่ความเคยชินก็จับก้อนทุกข์โยนเสมอ
ระลอกคลื่นก็เกิดขึ้นอีกครั้ง...น้ำก็ไหวๆสักพักแล้วก็สงบเอง
ทุกครั้งที่เกิดระลอกคลื่นบนผิวน้ำ...เราแยกให้เป็นความต่าง
แต่แท้จริงแล้วน้ำก็คือน้ำ สิ่งที่เห็นก็คือน้ำ สิ่งใช่ระลอกคลื่น
เพียงแต่เรามองให้เห็นถึงความต่าง จึงเห็นระลอกคลื่น...
บางครั้งระลอกคลื่นเกิดขึ้นหลายระลอก...แล้วก็ปะทะกระทบกัน
สุดท้ายก็สะท้อนกลับกับอีกคลื่นแล้วก็พลันนิ่งสงบเช่นเดิม
ความเป็นไปทำให้เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นก็จะดับไปธรรมดาเช่นนั้นเอง
ขอบพระคุณท่านร๊อคที่สนทนาเรื่องระลอกคลื่นนี้ :07:
-
ทั้งๆที่เป็นความทุกข์....
แต่ก็หลอกตัวเองว่ามันคือความสุข
เพราะความไม่รู้...มองไม่ลึกถึงความจริง
หยิบจับเพียงเปลือก...มองอะไรตื้นๆ
เป็นเพราะความมักง่าย...เห็นแก่ตัว
จึงหลงแต่จะบำรุงบำเรอความสุขให้แก่ตัวเอง
สุดท้าย...ก็หลอกว่าตัวเองได้รับความสุข
แล้วก็หลงติดกับอยู่กับความสุขจอมปลอม
แล้วเมื่อไหร่ที่ความสุขจอมปลอมลดระดับลง
ก็กลับมาทุกข์เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา....
-
ฟาร์มแห่งนี้....
อยู่ที่ใจเราเพาะปลูก...
จะปลูกต้นทุกข์หรือสุข...
ก็อยู่ที่เราคัดสรรเมล็ดพันธ์มาเอง
จะปลูกได้ต้นขนาดไหน...
ก็อยู่ที่เราอีกนั่นล่ะ...
จะดูแลต้นทุกข์ต้นสุขอย่างไร
ต้นทุกข์ต้นสุขจะเจริญงอกเงยยังไง
ก็อยู่ที่เราเป็นผู้เพาะปลูกนั่นเอง...
ฟาร์มแห่งนี้ผสมปนเปกันไป...
มีทั้งฟาร์มต้นทุกข์และต้นสุข...
แบ่งแยกกันอยู่คนละฟากฝั่ง...
ตัดกันด้วยความแตกต่างที่กลมกลืน
แต่งแต้มสีสันต้นทุกข์คือสีแดงมองไปไกลตา
และต้นสุขคือสีเขียวชอุ่มมองไปลิบลิบไกลโพ้น
ขณะนี้สำรวจต้นทุกข์และต้นสุข....
ฟาร์มแห่งนี้หลงปลูกต้นทุกข์และต้นสุข
จนงอกงามน่าหลงไหลน่าชื่นชมน่าติดตาม
ตรงกลางระหว่างต้นทุกข์และต้นสุขนั้น...
มีถนนทอดยาวตัดกลางแบ่งครึ่งอย่างชัดเจน
ทางเดินนั้นไม่มีต้นอะไรงอกงามขึ้นมา...
เป็นเพียงทางโล่งโปร่งสบายตาสบายใจ...
ทอดยาวไปไกลสุดลูกหูลูกตา...
-
อะพิโท่ถังกะลังมังเอ๊ย...
ทุกข์เรา...มันก็แค่นี้เอ๊ง....
ทุกข์คนอื่นเค้ามากมายกว่าเรานัก
ทุกข์ของเรามันก็แค่จิ๊บๆ...
ยังจะมามัวเศร้ามากมายทำไมกัน
ไม่แหกตาแหกใจไปดูคนอื่นเค้าเลย
ว่าเขาทุกข์มากมายกว่าเรากี่เท่า...
อ่าวแล้วนี่ชะล่าใจทุกข์ฉาบฉวยตัวเองอีกนะ
แม้อาจจะเป็นทุกข์เพียงเล็กน้อย...
มันก็ขึ้นชื่อแล้วว่า "ทุกข์" มันก็ตามตอดเราไม่หยุดนั่นล่ะ
ไม่รำคาญบ้างเลยเหรอไงนะ...
ยอมให้มันตอดอยู่ได้...ตอดแล้วก็ตอดอยู่นั่นล่ะ
อืม...บางทีมันตอดแล้วก็มันส์ดีเหมือนกันแหะ
นี่แหละ "กรรม" ทำอยู่ได้ เป็นอยู่ได้ มีอยู่ได้
แต่สุดท้ายอีกนั่นล่ะ มันก็ดับไปของมันเช่นนั้นเองอีก
วนเวียนซ้ำซากจำเจอยู่อย่างนี้...มาเนิ่นนาน นานนนนน :38:
-
ทวนอดีต...คืออดีตที่ผ่านแล้ว
ทั้งตลกทั้งสลดทั้งอายทั้งได้เรียนรู้
อดีตเป็นครูสอนให้รู้จักอยู่กับปัจจุบัน
ส่วนอนาคตเป็นความหวังเพื่ออยู่กับปัจจุบัน
ปัจจุบันจะดำเนินไปอย่างนี้...
และปัจจุบันพลันจบไปอย่างนั้น... :16:
-
จะทำอย่างไร...กับคำถามที่ผุดขึ้นมาข้างใน
คำตอบมันมีทุกคำตอบในทุกๆคำถาม...
แต่คำตอบที่มีอยู่นั้น...จะถูกใจเราหรือไม่....
เราเป็นผู้เลือก...ตามที่ใจเราจะไหวเอน...
บางคำตอบ...ไม่มี...
เพราะเป็นคำถามที่ไม่มีคำตอบ...
เพราะความจริงแล้ว...คำถามนั้นไม่ควรมีนั่นเอง
-
ความทุกข์...ที่เกิดจากความคิด
คิดอยากเปลี่ยนแปลงสิ่งภายนอก
แล้วสิ่งภายนอกกลับไม่เปลี่ยนแปลง
ไปตามความคิดอยากที่เกิดขึ้นภายใน
แม้ภายในความคิดจะมีความหลงไหล
มีความสุขเพียงชั่วครู่ชั่วยามขณะที่คิด
แต่สุดท้ายก็ต้องเผชิญกับความจริง...
ว่าทุกสิ่งทุกอย่างไม่เป็นไปตามที่ต้องการ
การยอมรับจึงต้องวนเข้ามาทำให้ใจทำงานอีก
ตราบใดที่ยังไม่พอใจกับสิ่งที่มีอยู่นั้น...
ยังขวนขวายไขว่คว้าสิ่งภายนอกใจกายเรา
เมื่อไขว่คว้าไม่ได้ก็ยังต้องรู้สึกผิดหวังร่ำไป
เพราะถูกหวังก็ย่อมต้องผิดหวัง...คู่กันเป็นธรรมดา
-
ในบางมุม...เรานั้นเหมือนมีอะไรคล้ายกัน
แต่ในบางมุมนั้น...เราช่างแตกต่างกันเหลือเกิน
แต่ความเป็นจริงแล้ว...เราไม่ได้แตกต่างกันเลย
เราเกิดมารอวันตายเหมือนกัน...
เราเกิดมาเพื่อพบกับปัญหาและความทุกข์เหมือนกัน
เราเกิดมาเพื่อเผชิญกับสิ่งต่างๆเหมือนๆกัน
แต่จะแตกต่างก็ตรงความคิด...ความจำ...
วิธีการแก้ปัญหา...วิธีที่จะรู้จักเข้าใจและใช้ชีวิต...
แต่ละคนก็มีวิธีหาทางออกแตกต่างกันไป...
ทางออกที่เป็นความสุขที่แท้จริง...มีเพียงทางเดียว
ทางออกทางนั้น...รอคุณค้นหาเพื่อสู่ทางรอดอันแท้จริง
-
ยึด...จึงมี...จึงเป็นทั้งสุขและทุกข์
ปล่อย...จึงไม่มี...เป็นทุกข์สุขที่ไม่มี
บางครั้ง...ยึด
บางครั้ง...ปล่อย
วังวนหมุนเวียนเนิ่นนาน...
น่าสงสาร...ยามเป็นทุกข์...
น่ายินดี...ยามเป็นสุข...
สลับสับเปลี่ยนอยู่อย่างนี้...
-
รับรู้...หวั่นไหว...ใจโลดแล่น
ร้องไห้...ยิ้มไป...ตามลำดับ
ผ่านแล้ว...พ้นไป...จึงลาลับ
กลับไป...กลับมา...ปล่อยมันไป
-
การเรียกร้องความสนใจ...ความเห็นใจ...ความเข้าใจ
เพราะว่าลึกๆข้างในเราอ่อนแอ...และรู้สึกถึงความขาด
เพราะเรารู้สึกว่าเรายังไม่สมบูรณ์แข็งแรงในตัวเอง...
จึงต้องการที่พึ่งทั้งทางความคิดความรู้สึกในจิตใจ...
ที่มันแอบซ่อนความแข็งแกร่งไว้ลึกๆจนเราไม่รู้...
ว่าที่แท้เราสามารถเรียกมันขึ้นมาปกป้องเราด้วยตัวเราเองได้
เพราะสติ...ไม่แน่นอน...เกิดขึ้นเฉพาะกับผู้ที่ฝึกฝนการใช้สตินั่นเอง
เพราะฉะนั้น...เราเป็นเพียงผู้กำลังฝึกสติและปัญญา...
จึงควรไตร่ตรองพิจารณาเหตุปัจจัยต่างๆที่ผ่านเข้ามา...
และรู้จักที่จะแก้ไขฝ่าฟันและยอมรับกับทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้ได้
ตราบใดที่เรายังระบุถึงทุกสิ่งทุกอย่างว่ามี...เราก็จะต้องอยู่กับสิ่งที่มี
เมื่อใดที่เราไม่ต้องมาระบุกับสิ่งที่มีอยู่นั้น...อิสระเสรีจะเกิดขึ้นเอง...
-
เคยรู้สึกว่า "ไม่มีที่อยู่" กันบ้างไหม....
ไม่รู้ว่าจะเอาตัวเองไปวางไปตรงไหนได้บ้าง
มันคับ...อก...คับ...ใจ...แทบจะอยู่ไม่ไหว
อย่างที่เขาเคยว่าไว้....คับที่อยู่ได้คับใจอยู่ยาก
หากอยู่ที่ไหนก็แล้วแต่รู้สึกว่าอยู่ยาก...
เพราะใจเราไม่พอใจกับความเป็นอยู่ตรงนั้นนั่นเอง
ไม่ว่าที่ไหนก็อยู่ได้เพียงแต่เรารู้จักปรับใจยอมรับ
ลองปรับดูก่อนว่าใจเราจะยอมรับความเป็นอยู่นั้นได้ไหม
หากปรับแล้วอดทนก็แล้วยังอยู่ไม่ได้...ก็ปล่อยวางมันไป
ไปหาที่อยู่ใหม่ที่เราพอใจกับมันจะได้พ้นพันธนาการ...
เป็นอิสระกับใจ...ทั้งนี้ทั้งนั้น...หากหาความพอดีไม่เจอ
ก็ยังต้องวนเวียนอยู่กับการอยู่ยากอยู่ร่ำไป....
-
เมื่อเราคาดหวัง...ต้องเผื่อใจไว้เมื่อยามผิดหวัง
ยิ่งคาดหวังไว้มาก...ความผิดหวังจะส่งผลกับความรู้สึกมากเช่นกัน
หากคาดหวังไว้น้อย...ความผิดหวังก็น้อยเช่นกัน...
หากไม่ได้คาดหวังอะไรเลย...ก็ไม่เกิดความรู้สึกใดๆเช่นกัน
แต่...คนเรานั้นเกิดมามีความต้องการกันเกือบทุกคน...
แล้วแต่ว่าใครจะมีมากมีน้อยกว่ากัน...อยู่ที่นิสัยของแต่ละคน
และอยู่ที่รู้จักพิจารณาถึงหลักเหตุผลตามกำลังสติปัญญาของแต่ละคน
ประสบการณ์บทเรียนแต่ละคนจะต้องได้ประสบพบเจอกันทุกคน...
เพราะทุกคนเกิดมาต้องพบกับปัญหากันทุกคน...เป็นทุกข์ทุกคน...
แต่ว่าแต่ละคนนั้นจะมีวิธีแก้ไขปัญหาและจัดการกับทุกข์ของตัวเอง
ให้ทุกข์นั้นผ่านพ้นไปตามลำดับตามวิธีของแต่ละคน...
-
:13: ขอบคุณครับพี่เล็ก อนุโมทนากับทุกคำกลอน ทุกๆกวีธรรมครับ
-
ความฝัน...มันก็ทำให้เราเป็นทุกข์ได้
ก็หลงไปกับเรื่องราวที่มันเกิดขึ้น...
สร้างเรื่องต่อราวให้มันเลยเถิดไปไกล
ยังไม่ได้เกิดขึ้นจริงก็คิดต่อไปเรื่อย...
หลงตัวเองไปเรื่อยจนกู่ไม่กลับ...
สุดท้ายก็หลงคิดฟุ้งซ่านไปซะเยอะ
กับความฝันที่มันจบไปแล้วตั้งนาน...
แต่เราไม่ยอมให้มันจบไป...เอามาหลอนอีก
หลอกตัวเองไปอย่างนั้นอย่างนี้มากมาย...
แค่ความฝันยังหลอกหลอนได้ขนาดนี้...
แล้วมายาที่เราสร้างขึ้นมาอีกล่ะจะขนาดไหน
ทุกข์มันเข้าไป...ทุกข์ให้มันรู้ดำรู้แดง... :16:
-
:06: ใต้ร่มธรรมสร้างมาจากความฝันเหมือนกันครับ
-
เพราะมักง่าย...กลายเป็นประมาท
เป็นหนทาง...ทำให้เกิดทุกข์...
เพราะฉะนั้น...กับความละเอียด
ยังอยู่ในแนวตื้นๆ...ก็ยังไม่หลุดพ้นจากทุกข์ได้
ความละเอียดเชิงลึก...จึงต้องขุดให้เข้าใจ
หากรู้ทันเข้าใจโดยรอบแล้วนั้น...
ไม่มีอะไรมาเกาะทำให้เราหลงเข้าไปยึดติดได้อีก
เพราะฉะนั้น...ไม่ว่าอะไรเราจะปล่อยมันไปอย่างอิสระเสรี
-
ความสุข...เรารู้สึกว่ามันผ่านไปเร็ว
เพราะว่าตอนเราสุขนั้นเราหลงไปกับสุข
จนไม่คิดว่ามันจะต้องจบจากกับความสุขเหล่านั้น
เพราะความสุขเหล่านั้นจางลง....
เราจึงอยากให้ความสุขเช่นนั้นอยู่กับเราต่อไป
แต่มันจะเป็นเช่นนั้นไม่ได้...
เพราะเรายังคงวนเวียนคอยให้ค่ากับสิ่งต่างๆ
มีทั้งความพอใจความไม่พอใจ...
ปรุงแต่งให้เกิดทั้งทุกข์และสุขอยู่ตลอดเวลา
เพราะฉะนั้นไม่น่าแปลกใจเลย...
หากความทุกข์...เราจะรู้สึกว่ามันผ่านไปช้าเหลือเกิน
เพราะเรามัวแต่ทุกข์จนลืมไปว่ามันผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว
พอรู้ตัวอีกทีมันก็ยังทุกข์อยู่นั่นแหละ...เราจึงรู้สึกว่ามันนาน
นานเสียจนไม่น่าจะทนไหว...ทุกข์มันโหดร้ายกับเราเหลือเกิน
โทษมันนะ...จนลืมว่าตัวเองนั่นล่ะ ตัวการทำให้ตัวเองทุกข์ :38:
-
มีทุกข์เยอะจัง ตั้งสี่หน้า สี่สิบเก้าทุกข์แน่ะ..
ขอแสดงความยินดีกับ จขท.
-
ยังประดาหน้ามาอีกเยอะนะ...
เฮ่อ...ตะกี๊ก็ทุกข์อีกแล้ว
ทุกข์มา...แล้วก็ทุกข์ไป... :17:
-
อิจฉาคนมีทุกข์
แค่อิจฉาเฉยๆ แต่ไม่อยากมี..
โบราณว่าไว้ "เมื่อความทุกข์มาโปรด ความสุขก็โปรยปราย"/ แต่บางครั้งจะเชื่อโบราณมากนักก็ไม่ได้.. :12:
-
ไม่อยากมี...แต่ก็ทำให้มันมีจนได้
ทุกข์อ่ะไม่ชอบ...แต่ก็จะเอาทุกข์มาอยู่นั่นล่ะ...
ทุกข์ลดระดับ...เดี๋ยวมันก็สุขเองนั่นล่ะ
ทุกข์มันน่าเบื่อเหมือนกันถ้าทุกข์บ่อยๆนานๆ
เพราะฉะนั้น..เดี๋ยวมันก็หาทางออกของมันเองนั่นล่ะ
จะหาทางออก...หรือจะปิดประตูขังตัวเองอยู่กับความทุกข์
ก็ตามแต่ใจจะแต่งแต้มเรื่องราวทั้งหลายแหล่นั่นล่ะ...
-
ไม่อยากมี...แต่ก็ทำให้มันมีจนได้
ทุกข์อ่ะไม่ชอบ...แต่ก็จะเอาทุกข์มาอยู่นั่นล่ะ...
ทุกข์ลดระดับ...เดี๋ยวมันก็สุขเองนั่นล่ะ
ทุกข์มันน่าเบื่อเหมือนกันถ้าทุกข์บ่อยๆนานๆ
เพราะฉะนั้น..เดี๋ยวมันก็หาทางออกของมันเองนั่นล่ะ
จะหาทางออก...หรือจะปิดประตูขังตัวเองอยู่กับความทุกข์
ก็ตามแต่ใจจะแต่งแต้มเรื่องราวทั้งหลายแหล่นั่นล่ะ...
คนแกร่บ่น..
-
แก่แล้วแก่เลย...
แต่ก็ชอบย้อนกลับไปบ่นถึงอดีต :06: :25:
-
ทุกข์เพราะ...มีฉัน
ฉันเป็นสาเหตุปัญหา
ฉันสร้างเธอขึ้นมา...
หลงคิดว่าเธอทำร้ายกัน
ที่แท้ฉันนั้นเอง...ทำตัวเอง
เพราะฉันไม่รู้ไม่เข้าใจ...
เผลอทำร้ายตัวเองและคนอื่น
เพราะฉันไม่ระวังใจ...
ไม่ระวังความคิด...
ไม่ระวังคำพูด...
ไม่ระวังการกระทำ...
ฉันจึงต้องเป็นเช่นนี้...นี่เอง :06:
-
ฉันโทษ...ความหิว...ความเหนื่อย
ทำให้ฉันเป็นมารร้ายที่คลุ้มคลั่ง...
คิดอะไรพูดอะไรทำอะไรที่ไม่ดีออกไป
ฉันพยายามที่จะควบคุมสติให้ได้...
แต่มันก็ไม่เป็นผล...ฉันอาละวาดไปเรื่อยๆ
พร้อมกับกระซวกอาหารด้วยความโหยหิว
พร้อมกับการพักผ่อนหย่อนใจด้วยการทำร้ายใจคนอื่น
เป็นอาหารหวานยังไงอย่างนั้น...
เมื่อพายุอารมณ์แห่งความหิวและความเหนื่อยสงบลง
ฉันได้แต่สำนึกในความผิดที่ฉันได้ทำไปด้วยความไม่ระวัง
ฉันกลับมาทบทวนตัวเองในสิ่งที่ผิดพลาดที่ผ่านไปแล้ว
มันคือปีศาจมารร้ายชัดๆ...น่ากลัวมากมาย...
ฉันแพ้อารมณ์แพ้ใจตัวเอง...ด้วยการทำร้ายคนรอบข้าง
และที่สำคัญ...ฉันได้ทำร้ายใจฉันเองพร้อมกันไปด้วยอย่างไม่รู้ตัว
มันผ่านไปแล้วสินะ...ฉันพยายามจะลืม...แต่มันก็ยังตามหลอน
ฉันพยายามจะช่างมัน...เตรียมยอมรับสภาพกับสิ่งที่ฉันต้องเจอต่อไป
และจะพยายามระวังใจเมื่อยามหิวเหนื่อย...เพราะหิวและเหนื่อย...
มันเป็นเหมือนขนมล่อเจ้าปีศาจมารร้ายให้ตื่นขึ้นมาอาละวาดนั่นเอง
-
เมื่อทุกข์มันบ่มเพาะถึงขั้นสูงสุด...
มันจะค่อยๆทุเลาเบาบางลงเรื่อยๆ
ขณะที่มันค่อยๆทุเลาลงมานั้นเอง
เราจะพบว่าความสุขก็จะค่อยๆเติมเต็ม
ระหว่างสุ่ขและทุกข์มันจะยื้อยุดฉุดกันไปมา
แล้วแต่ว่าเราจะไปยึดไปจับด้านใดนั่นเอง
เหมือนเราต้มน้ำร้อน...
แรกๆน้ำไม่มีปฏิกิริยาอะไร...นิ่งๆ
เมื่อเริ่มเดือดได้ที่...น้ำมันกระเพื่อมปุดๆ
และค่อยๆเดือดพุ่งพล่านอย่างบ้าคลั่ง
จนเกิดฟองและระเหยไปเป็นไอน้ำ...
และในที่สุดน้ำก็ระเหยไปจนหมด....
ไม่มีความเดือด ไม่มีไอน้ำ ไม่มีอะไร
มีแต่หม้อ กับ หม้อนิ่งๆ แม้ไฟจะยังลุกโชนอยู่ก็ตาม :06:
-
เราคุยกันเป็นเหมือนเพื่อน...
เราจากกันแบบไร้พันธติดพัน
เธอให้ดอกไม้มาหลายดอก
ฉันบอกว่าขอบคุณสำหรับ...
พวงหรีดที่เธอให้มา...
เราจากเป็น...จึงได้เห็นพวงหรีดหลายช่อ
หากเราจากตาย...คงมีคนอื่นเห็นแทน...
ขอบคุณสำหรับความเป็นเพื่อน...
เราเป็นเพื่อนกัน เพื่อนเกิดแก่เจ็บตาย
:13: :13: :13: :13: :13: :13: :13:พวงหรีดเมื่อจากกันเป็นๆ
-
บางคน...นอนไม่กี่ชั่วโมง
แต่เพราะจิตใจเข้มแข็ง...
ก็เลยทำให้ร่างกายแกร่งไปด้วย
แต่ความไม่แน่นอนมันเป็นไปเสมอ
หากวันใด...จิตใจอ่อนแอ...
ร่างกายก็ทรุดเสื่อมไปเช่นกัน
ขอให้ระวังกายระวังใจไม่ประมาท
มีสติปัญญาในการใช้ชีวิตดูโลกใบนี้
เท่าที่ความเป็นไปจะเอื้ออำนวยให้
เมื่อเราเปรียบเทียบกับใคร...
ตัวตนของเราก็จะโผล่ออกมา
ความพอใจความไม่พอใจก็บังเกิดขึ้น
ทุกข์และสุขก็จะตามมาเป็นระลอกคลื่น
ทุกคนมีชีวิตเป็นแบบฉบับของเขา
เราก็มีแบบฉบับชีวิตของเรา...
แต่แบบฉบับชีวิตเขาทำให้ชีวิตเราดีขึ้นได้
และเช่นเดียวกันก็อาจทำให้ชีวิตเราแย่ลงเช่นกัน
รักษาความสมดุลให้พอดีอย่างพอเพียง
เป็นดั่งเช่นธรรมที่ได้เห็นมาแล้ว
-
เวลาเห็นคนอื่นมีความสุขกัน
รู้สึกยังไงลึกๆในใจสังเกตให้ดีๆ
ยินดีกับเขาหรือว่าอิจฉาเขา...
หากรู้สึกยินดีกับเขา...
เพราะหวังลึกๆอยากเป็นอย่างเขาด้วยก็ทุกข์
แต่ถ้ายินดีพอใจที่เขามีความสุขเราก็สุขร่วมไปด้วย
หากรู้สึกอิจฉาเขา...เหมือนจุดไฟเผาใจตัวเอง
เพราะอยากเป็นเหมือนเขาแต่กลับเป็นไม่ได้ก็ทุกข์
-
คิดอะไรไปก่อนที่มันยังไม่ได้เกิด
แล้วคิดแบบเลยเถิดแบบมั่วๆซั่วๆ
ก็เลยทำให้คิดแบบนั้นเป็นทุกข์ใจ
คิดพาเตลิดสร้างเรื่องราวอะไรมากมาย
คิดในสิ่งไม่ดีก็พาลทำให้ใจเป็นทุกข์
คิดในสิ่งดีๆก็พาลทำให้หลงไหลไปกับสุข
พอไม่เป็นไปอย่างที่คิดก็วนกลับมาทุกข์เหมือนเดิม
-
กดดันตัวเอง...
เป็นเพราะเราบีบคั้นใจตัวเอง
สร้างสภาวะขึ้นมาเอง...
คิดอะไรต่างๆวุ่นวายไปหมด
กลัวนั่นกลัวนี่ทั้งมากไปน้อยไป
คิดเล็กคิดน้อยคิดมากคิดมาย
รู้สึกว่ามีบางสิ่งบางอย่างบีบบังคับ
ไม่อิสระเพราะเหมือนมีบ่วงผูกมัดใจ
เอามายึดเอามามัดเอามารั้งใจตัวเอง
ทั้งกดทั้งทับให้มันหนักถ่วงจนทำอะไรไม่ถูก
ไม่มั่นใจในสิ่งที่ทำไปและสิ่งที่กำลังจะทำ
-
:13: ขอบคุณครับพี่เล็ก
-
คนชั่ว...บางทีเกิดมาเพื่อให้เราได้เปรียบเทียบ
ทำชั่วอย่างนั้นชั่วอย่างนี้...อย่างที่คนดีไม่ทำกัน
ชั่วแล้วได้อะไร...ชั่วแล้วเป็นยังไง...แสดงให้เห็น
เราเองก็ชั่วมาก่อน...และยังชั่วจนปัจจุบันนี้...
เห็นความชั่วของตัวเองกันบ้างไหม...
เห็นแล้วทำอย่างไรกับความชั่วของตัวเอง...
ความชั่วมีหลายระดับตั้งแต่โหดสุดจนเบาบางตามลำดับ
จะชั่วอย่างนี้อีกนานไหม...ต้องย้อนกลับมาถามใจตัวเอง
ทำชั่วไป...ก็ได้ชั่วตอบแทนอยู่อย่างนี้ย้อนกลับมา
ลองมองไปดูคนดีๆที่ทำความดี...มโนสำนึกจึงละอายใจ
คนดีๆเราก็นำเอามาเปรียบเทียบกับคนชั่วได้เพียงอยู่คนละฟากฝั่ง
คนชั่ว..หากเริ่มเห็นสิ่งดีๆที่คนดีทำ...แล้วละอายใจ
อยากกลับตัวกลับใจ...การอภัยให้กับตัวเองของคนชั่วจึงเริ่มต้นขึ้น
แต่ถ้าริษยาอยากได้อยากเป็นเหมือนคนดีแต่ใช้วิธีเบียดเบียน
ไม่มีคุณธรรม...ความชั่วมันก็จะยิ่งร้ายแรงเพิ่มขึ้นทวีคูณ...
ความร้ายแรงทั้งหมดทั้งหลาย...ก็ไม่ได้ไปที่ไหนเลย
มันก็อยู่ที่คนชั่วที่ทำชั่วนั่นเอง...กลับมาให้อภัยกับตัวเอง... :26: :22: :27: :07:
แล้วเราจะรู้จักให้อภัยกับผู้อื่น ไม่ว่าจะชั่วจะดีขอให้รู้ทันสิ่งที่ทำอยู่ :39:
-
คนชั่ว...บางทีเกิดมาเพื่อให้เราได้เปรียบเทียบ
ทำชั่วอย่างนั้นชั่วอย่างนี้...อย่างที่คนดีไม่ทำกัน
ชั่วแล้วได้อะไร...ชั่วแล้วเป็นยังไง...แสดงให้เห็น
เราเองก็ชั่วมาก่อน...และยังชั่วจนปัจจุบันนี้...
เห็นความชั่วของตัวเองกันบ้างไหม...
เห็นแล้วทำอย่างไรกับความชั่วของตัวเอง...
ความชั่วมีหลายระดับตั้งแต่โหดสุดจนเบาบางตามลำดับ
จะชั่วอย่างนี้อีกนานไหม...ต้องย้อนกลับมาถามใจตัวเอง
ทำชั่วไป...ก็ได้ชั่วตอบแทนอยู่อย่างนี้ย้อนกลับมา
ลองมองไปดูคนดีๆที่ทำความดี...มโนสำนึกจึงละอายใจ
คนดีๆเราก็นำเอามาเปรียบเทียบกับคนชั่วได้เพียงอยู่คนละฟากฝั่ง
คนชั่ว..หากเริ่มเห็นสิ่งดีๆที่คนดีทำ...แล้วละอายใจ
อยากกลับตัวกลับใจ...การอภัยให้กับตัวเองของคนชั่วจึงเริ่มต้นขึ้น
แต่ถ้าริษยาอยากได้อยากเป็นเหมือนคนดีแต่ใช้วิธีเบียดเบียน
ไม่มีคุณธรรม...ความชั่วมันก็จะยิ่งร้ายแรงเพิ่มขึ้นทวีคูณ...
ความร้ายแรงทั้งหมดทั้งหลาย...ก็ไม่ได้ไปที่ไหนเลย
มันก็อยู่ที่คนชั่วที่ทำชั่วนั่นเอง...กลับมาให้อภัยกับตัวเอง...
แล้วเราจะรู้จักให้อภัยกับผู้อื่น ไม่ว่าจะชั่วจะดีขอให้รู้ทันสิ่งที่ทำอยู่
:13: เป็นกวีธรรมสวยงามมากครับพี่เล็ก ขอบคุณครับ
-
สิ่งที่กระทบกับใจ...ไม่พอใจใช่ไหม
ทุกข์ใช่ไหม...มีตัวตนเราเขาใช่ไหม
จะทำอย่างไรล่ะ...คิดจะทำอะไร...
ทำใจให้ดีๆสิ...ไม่ต้องหวังอะไร...
ไม่ต้องเอาชนะ...ไม่ต้องยอมแพ้อะไร
มันไม่ได้มีอะไรในสิ่งที่เข้ามากระทบ
แต่เราเองนั่นแหละ...ที่ไปดึงและยึดเอามา
ทำให้มันมีอะไรต่อมิอะไรป่วนปั่นใจจนสั่นไหวไปหมด
ไม่มีใครทำอะไรเราได้...มีแต่เราเท่านั้นทำร้ายเราเอง
ไม่เป็นไร...ไม่มีใครเข้าใจเรา...เราต้องพยายาม...
ที่จะเข้าใจตัวเอง...เพื่อสอนตัวเองให้ระวังใจตัวเอง :19: :38:
-
เพราะการเห็น...ไม่เท่ากัน
เผลอไปเห็นใครมันเห็นไม่ชัดหรอก
มันต้องเห็นตัวเองนี่สิ...ชัดแน่ๆ
กลับมาอยู่กับตัวเองซักพัก...
กลับมาทบทวนตัวเองซักหน่อย
สิ่งที่เกิดขึ้นมันดับไปแล้ว...
และมันจะเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ...
เพราะมันไม่ได้ดับสนิท...
เราจุดเหตุให้มันเกิดขึ้น...
ผลมันก็ลามตามมาเรื่อยๆ...
ผลจะสุขหรือทุกข์ก็ที่เรา...
-
ทุกข์เพราะยังไม่พอใจ...มันยังไม่พอดี
อยากให้เป็นอย่างนั้นอยากให้เป็นอย่างนี้
อยากไม่มีที่สิ้นสุดอยากไม่มีขีดจำกัด
แต่ก็เพราะอยากแบบนี้แหละ....
มันแสดงออกมาแล้วจุดประกายให้เห็นชัดดี
เห็นแล้วจะยังไงกับมัน...ใช้มันยังไง
ให้มันเป็นพลังด้านดีหรือเป็นพลังด้านเลว
ก็อยู่ที่เราจะรู้จักใช้มันแค่ไหน...ตามกำลัง
หรือจะโดนมันใช้...โดนมันฉุดกระชากลากถู
สะบักสะบอมเจ็บช้ำสาหัสก่อนถึงจะเข้าใจ
ไม่เจ็บไม่จำ...บทเรียนที่มีค่าเป็นครูผู้ยิ่งใหญ่
-
ก็เพราะเราอยากมีความสุขนี่เอง...
พอไม่ได้ตามอยาก...มันก็เลยวนกลับมาทุกข์
เราอยากให้มันเป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้...
พอมันไม่เป็นไปตามที่ใจเราต้องการ...
สุดท้ายใจเราเอง...ที่ต้องได้รับผลกระทบ
ก็เพราะใจเราเป็นต้นเหตุความรู้สึกต่างๆนี่เอง
เราไม่รู้ทันใจตัวเอง...ว่ามันรู้สึกอะไร...
เราจึงเผลอปล่อยให้ใจท่องเที่ยวไปไกล
กว่าจะมารู้สึก...ใจก็คว้าจับอะไรมาเยอะแยะ
เอากลับมาฝากมากมายและก่ายกองไปหมด
และสุดท้าย...ก็อยู่ที่ใจเราจัดการกับสิ่งที่มีอยู่
จัดการที่จะเก็บมันไว้...หรือจัดการที่จะหมกไว้ก่อน
หรือจัดการทิ้งมันไปให้หมด...อยู่ที่การจัดการ...
ผู้จัดการ (ใจ):19:...ท่านประธาน(จิต) :19:
ลูกน้องชั่วคราว(กาย)...เลขานุการ(ลมหายใจ)
-
:13: ขอบคุณครับพี่เล็ก
-
ความสุขเพียงชั่วคราว...มันก็จะผ่านพ้นไป
เมื่อความสุขชั่วคราวลดระดับลงไปนั่นเอง
ความทุกข์ชั่วคืนก็จะกลับคืนมาดังใจต้องการ
มันเป็นอยู่อย่างนั้นคล้ายๆนาฬิกาทราย...
กองทรายแห่งความทุกข์และความสุขชั่วคราวนั้น
เราเป็นผู้จับเหวี่ยงสลับขึ้นลงอย่างนั้นมายาวนาน
เมื่อใดก็ตาม...เราไม่จับสลับให้กองทรายต้องทำงาน
ก็ไม่มีเม็ดทรายที่ล่วงหล่นลงมาให้ได้เห็น...
มีแต่ความสงบไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆจากเม็ดทราย
-
ความเจ็บป่วยทางกาย....
ทำให้ใจเกิดความกลัว....
ความเกิดจากการจำได้....
และสร้างความกลัวขยายใหญ่ขึ้น
ส่งผลทำให้กายที่ป่วยอยู่แล้ว...
ส่งไปยังใจที่ไม่ได้ป่วยให้ป่วยตามไปด้วย
เมื่อใจเราได้รับการเยียวยา...
ขจัดความกลัวให้หายไปได้...
กายก็จะฟื้นคืนกลับมาได้ดังเดิม
-
แปลกมั๊ย...???...ที่เราไม่ชอบทุกข์...
แปลกมั๊ย...???...ที่เราชอบสุข...
แปลกนะ...ที่เราตั้งค่าให้เป็นอย่างนั้นอย่างนี้
นี่นะคือลำบากไม่สบาย...ไม่ชอบ...เป็นทุกข์
นี่นะคือสนุกสนานสบาย...ชอบ....เป็นสุข
-
เราเกิดมาพร้อมกับบ่วงพันธนาการร้อยแปดพันเก้า
เรามีหน้าที่ตัดบ่วงเหล่านั้นด้วยตัวเราเอง...
บ่วงหนาบางหลายชนิดหยาบละเอียดอ่อนแข็งสารพัด
อยู่ที่วิธีที่เราใช้ในการตัดทำลายบ่วงแต่ละอย่าง...
บ่วงแต่ละอย่างเป็นไปตามการใช้ชีวิตตามเวลาตามการกระทำและเจตนา...
วิธีที่จะตัดก็อยู่ที่ปัจจุบัน...เราจะจัดการกับมันอย่างไร...
เรารู้วิธีแค่ไหนระดับไหน...บ่วงจะหลุดไปมากน้อยแค่ไหน
ก็อยู่ที่เราเป็นผู้ทำหน้าที่ขจัดบ่วงต่างๆเหล่านั้นนั่นเอง
-
ทุกข์ของคนอื่น...ทุกข์จากภายนอก
ถ้าเราไม่ส่งใจไปร่วมรับความรู้สึกทุกข์เข้ามา
ก็ไม่ต้องรู้สึกทุกข์เข้ามาภายในใจตนเอง
แต่เพราะเรายังเผลอส่งใจไปรับความรู้สึก
ตามความเคยชินนี่เอง...ทำให้เป็นทุกข์ภายใน
ทั้งๆที่ทุกข์มันอยู่ภายนอกแต่เราก็เชิญและรับเข้ามาสู่ภายใน
จนทุกข์มันเกาะกุมพอกพูนหนาขึ้นตามระดับความต้องการ
"จะเป็นทุกข์...ไปอีกนานมั๊ย...
หา หา หา กันอีกนานมั๊ย...
หา ถามจริง...อีกนานมั๊ย...
เคลียร์กันหน่อย...เอ้าเคลียร์กันหน่อย
บึ๊ด...จั้ม...บึ๊ด...จั้ม...บึ๊ด" :38: :12:
-
ทุกข์เพราะอยากให้เขาคิดเหมือนเรา
ความคิดจะเหมือนกันได้อย่างไร...
ขนาดความคิดเราบางอย่างยังขัดแย้งกันเอง
ความคิดแต่ละครั้งก็เปลี่ยนแปลงไป...
ทำให้คิดไปถึงท้องฟ้าแต่ละวันก็ไม่เหมือนกัน
ลายมือแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน...
ช่วงชีวิตลายมือเรายังมีการเปลี่ยนแปลง
นับประสาอะไรกับความคิดที่มันไม่จริงทั้งหลาย
-
:13: ขอบคุณครับพี่เล็ก หลายๆคติธรรมอ่านแล้วเข้ากับบางช่วงที่เรารู้สึกเลยครับ^^
-
ก็เราเกิดมาล้วน "เป็นทุกข์"
ก็เราต่างต้องผจญกับ "ความไม่เที่ยง"
สุดท้ายเราก็ต้อง "ไร้ตัวตน" :30:
-
ทุกข์อย่างเดียวกัน...
แต่ละคนต่างให้ค่า...
ในทุกข์นั้นต่างกันไป
จะทุกข์มากทุกข์น้อย
หรือไม่ทุกข์เลย...
ก็อยู่ที่ระดับความอดทน
ระดับความเข้าใจที่มีในแต่ละคน
-
เห้ๆๆ...
มาๆๆ...
ไปๆๆ...
-
อด...
ทน...
พระ...
ยา...
ยาม...
-
ของเก่าๆ...ทิ้งๆไปเถอะ
เสียดายนะสิ...อยากซ่อมแซมนะ
สงสารมัน...อยู่กันมานาน
มันช่วยเราไว้เยอะแยะ...
แต่บัดนี้มันเป็นแค่ของเก่า
ที่เราจะต้องโละทิ้ง...
เพราะมีของใหม่รอแทนที่
ฉันจะเก็บเธอไว้นะ...
อีกใจนึงก็บอกว่า...
ทิ้งไปเถอะ...มันหมดสภาพที่จะเก็บไว้ทำอะไรได้แล้วล่ะ
อีกใจก็ค้าน...เอาไปซ่อมแซมก็ยังใช้ได้อยู่นะ
แต่อีกใจก็นึก...ของใหม่รออยู่ดีกว่าใหม่กว่านะ
แล้วอีกใจก็บอกว่า...ของใหม่มันก็ต้องเก่าสักวันหนึ่ง
สุดท้ายถ้าเก็บของเก่าที่ซ่อมแซมไว้เผื่อได้ใช้นะ
และแล้ว ของเก่าก็เต็มบ้านไปหมด กำ :38:
-
จ๊าก...ปุ้งๆๆๆๆ
11.59 น. -..-
ตื่นมาเค้าดาวน์...
ดูพลุที่เค้าฉลองกัน
แบบไม่ได้ตั้งใจ...
แล้วก็หลับต่อ...
มันไม่ได้แตกต่างอะไรเลย
เราให้ความสำคัญต่างหาก :19:
-
อยากรู้นะ...ว่าเธอจะเป็นยังไงบ้าง
สบายดีมั๊ย...เจอปัญหาอะไรบ้าง
เจ็บป่วยไข้ทางกาย...บ้างไหมนะ
แล้วป่วยทางใจ...มีบ้างไหม...
คิดถึงเธอมากเกินไป...
จนลืมคิดถึงตัวเองเลย...
ขณะ...ที่ฉันกำลังคิดถึงเธอ
ฉันลืมคิดถึงตัวเองไป...
ฉันจะกลับมาคิดถึงตัวเองดีกว่า
ฉันจะไม่คิดถึงเธอแล้ว...
เพราะเธอก็อยู่แบบของเธอ
ฉันก็อยู่ส่วนของฉัน...
ส่วนของฉันมันเล็กๆ...
ส่วนของฉันที่แบ่งให้เธอมักใหญ่ๆ
เล็กๆก็ดีนะ...ใหญ่เกินไปเหนื่อยเหลือเกิน
-
ไปเถอะ....ไปตามทางของเธอ
ฉันก็มีทางไปของฉัน...
ไม่แน่เส้นทางเราคงได้บรรจบพบกันอีก
และเมื่อพบกัน...ก็ต้องแยกกันอีกนั่นแหละ
-
ฉันทบทวนตัวฉันเอง
ฉันเริ่มเปลี่ยนแปลงไปนะ
ฉันสามารถอดทนกับบางสิ่งได้มากขึ้น
แต่บางครั้งความอดทนก็มีขีดจำกัด
ฉันก็ยังคงอ่อนแอเหมือนที่เคยเป็นมา
แต่ฉันรู้นะว่าฉันจะต้องเข้มแข็งให้ได้
เพราะทุกครั้งที่ฉันอ่อนแอนั้น...
มันก็แค่ชั่วคราวเพียงเพราะไม่อดทน
-
:45: อนุโมทนาครับพี่เล็ก
-
กาย...มีความรู้สึกต่างๆเกิดขึ้น
ใจ...ก็รับรู้ความรู้สึกแล้วทำการแสดงต่อไป
ในที่สุด...การแสดงบทละครฉากนี้ก็จบลง
แล้ว...การแสดงบทใหม่ก็จะเริ่มต้นอีกครั้ง
-
การเข้าใจคนอื่น...ว่ายากแล้ว
การเข้าใจตัวเอง...ยากยิ่งกว่า
การเปลี่ยนแปลงคนอื่น...ว่ายากแล้ว
การเปลี่ยนแปลงตัวเอง...ยากยิ่งกว่า
สุดท้ายแล้ว...
การเข้าใจตัวเองและเปลี่ยนแปลงตัวเองได้นั้น
กลับทำให้เห็นอะไรต่อมิอะไรได้ชัดเจนขึ้น...
มีอยู่ 2 ทาง ให้เลือกไป...
ดีขึ้น...หรือเลวลง...
ชักเย่อไปๆมาๆ...
ไม่แพ้ก็ชนะ...
ตราบใดที่ยังมีเชือก...
ก็ยังต้องดึงฉุดเหนี่ยวรั้งเต็มที่
เพื่อหวังผลอะไรบางอย่าง...
ฝ่ายดีชนะก็ดีไปรับรางวัลผลชนะไป
ฝ่ายเลวชนะก็รับกรรมไปที่ทำเลวไป
เชือกมีไว้เพื่อให้เราเลือกฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
เชือกค่อยๆผุกร่อนลงไปทุกขณะ...
-
ที่เข้าใจยาก...ก็ไม่ต้องไปเข้าใจมัน
ปล่อยมันไปก่อน...ไว้สบโอกาสเมื่อไหร่
จะพยายามทำความเข้าใจใหม่ก็แล้วกัน
ที่เข้าใจง่ายๆ...ก็รีบทำความเข้าใจเสีย
เข้าใจแล้ว...ก็ทำให้ได้อย่างที่เข้าใจ
สู้ต่อไป...ชีวิต
-
ตื่นทางโลก รู้ทางโลก เบิกบานแบบ รกๆ
ค่อยๆตื่นทางธรรม รู้ทางธรรม เบิกบานแบบสดใสๆ
-
ใช้อารมณ์ให้เป็นประโยชน์
มากกว่าเป็นโทษทำร้ายตัวเอง
แนวปฏิบัติเช่นนี้สอนให้รู้จัก
ที่จะอยู่ร่วมกับโลกอย่างเป็นสุข
ไม่ใช้อารมณ์ให้เป็นทั้งโทษและทั้งประโยชน์
หมายถึงรู้ทันอารมณ์ที่เกิดขึ้น...
เมื่อรู้ทัน...ก็เลยไม่ต้องใช้อารมณ์
จึงไม่ต้องอยู่ร่วมกับโลก...หลุดพ้นจากโลก
เข้าสู่โลกมืด...ทุกอย่างไร้ความหมาย
อิสระเสรี...
-
กำลังเป็นทุกข์....
เพราะเราสร้างมันขึ้นมาเอง
เรากำเนิดตัวตนเราขึ้นมา
จนทำให้ตัวตนเรากำหนดเขาขึ้นมา
เมื่อมีทั้งเราและเขา...
เราก็มีอารมณ์ความต้องการต่างๆ
ตามความคุ้นเคยและการลอกเลียนแบบ
เมื่อความต้องการไม่ได้ตามที่ต้องการ...ก็ทุกข์
เมื่อเป็นไปตามต้องการก็สุข...
แต่ทุกอย่างล้วนไม่แน่นอน...
มีการเปลี่ยนผันแปรไปตลอด...
จึงต้องเกิดความรู้สึกขึ้นๆลงๆทุกข์ๆสุขๆร่ำไป
-
ฉันก็คงต้องทำใจ...
กับการสูญเสียใจตัวเองครั้งนี้
เพราะฉันสร้างให้มันเกิดมี...
เมื่อมันไม่มีฉันจึงต้องสูญเสียมันไป
กลับมาทบทวนเห็นความเป็นจริง
ในทุกสิ่งล้วนอิสระเสรีต่อกัน...
มีแต่เราเท่านั้น...ที่คว้าจับมาเกี่ยวข้องกัน
เราเป็นสาเหตุ...ของทุกสิ่ง
กลับคืนสู่ความเป็นจริง...
ดับเหตุ...ไร้ผล...แต่จงทำดี
-
อาการ"เหลิง"ทำให้เราเป็นทุกข์ในภายหลัง
เหลิงกับหลงคล้ายกันจนแยกแทบไม่ออก
เมื่อเรามีอะไรที่เราคิดว่าเป็นสิ่งที่ดีให้ความสุขกับเรา
เราก็เหลิงคิดว่ามันจะไม่หายไปไหนจะอยู่กับเราได้ตลอด
แต่สุดท้ายมันก็ไม่ใช่...มันต้องจากเราไปสักวัน
ไม่ช้าก็เร็วมันต้องหายไปจากเรา...ไม่ก็เราไปจากมัน
-
ต่างคนต่างอยู่....
ต่างก็มีทั้งทุกข์และสุข
ต่างก็มีอิสระเสรีตามทางเดินของตน
ต่างก็มีความคิดความฝันความหวังกันทุกคนไป
ต่างก็มีกรรมตามแบบฉบับของตนตามที่ทำมาและที่ทำอยู่
-
เธอต้องรักตัวของเธอเองบ้างนะ
ไม่ใช่อะไรก็ห่วงแต่คนอื่น...
ทำอะไรก็ทำเพื่อคนอื่นไปเสียหมด
เธอรู้มั๊ย...เธอทุ่มเททำให้คนอื่นแบบนี้
จนลืมดูแลตัวเองแบบนี้...
เท่ากับเธอทำร้ายคนอื่นที่เธอรักด้วยนะ
เพราะถ้าเธอเป็นอะไรไป...
ก็หมายถึงทำร้ายคนที่เธอรักด้วยเหมือนกัน
เธอคงลืมข้อนี้ไปสินะ...
ถ้าคนที่เธอรัก...เค้าขาดเธอไป...
จากที่เธอให้อะไรต่อมิอะไรกับคนที่เธอรัก
แล้ววันหนึ่งเธอหายไปจากไป...
วันนั้นแหละ คนที่เธอเคยดูแลเค้าจะทุกข์แค่ไหน
เธอจึงจำเป็นที่จะต้องดูแลตัวของเธอเองบ้าง...
เพื่อที่จะได้ดูแลคนที่เธอรักนานๆยังไงล่ะ
-
ทุกครั้งที่คิดถึง
ทำให้รู้ว่าเราหลงคิด
คิดเข้าข้างตัวเอง
สร้างฉากหลงตัวเอง
คิดในสิ่งที่มันไม่เกิดขึ้น
จินตนาการต่างๆนานา
เธอไม่เคยรู้สึกแบบนี้
แต่เรากลับรู้สึกคนเดียว
หลงคิดว่าเธอจะรู้สึกเหมือนกัน
แต่ในความจริงมันไม่ใช่
มีแต่เราที่คิดไปเองคนเดียว
บ้ามั๊ยล่ะคิดอะไรออกไปอย่างนี้
ก็ดีเหมือนกันที่คิดออกมา
ทำให้รู้ว่าเรานี่ยังหลงคิดอะไรอยู่
ถ้าไม่รู้ตัวว่าหลงจะหาทางกลับเจอมั๊ย
รู้ตัวว่าหลงเมื่อไหร่จะได้หาทางกลับให้เจอ
-
อากาศที่มันเปลี่ยนแปลงไปมา
มันเป็นเช่นนั้นของมันเอง...
เราก็ร่วมรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงนั้น
เพราะเราร่วมรับรู้ไปกับสิ่งที่เปลี่ยนแปลง
คือความทรงจำที่เราเอามาเปรียบเทียบ
ทำให้เรารู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลง...
-
เพราะจำได้ไง...มันเลยไม่ลืม
ไม่ลืมว่าเป็นตัวเราของเรา...
มันก็เลยจำซะจนเคยชิน...
มันก็เลยมีอะไรมากมายจนเคยตัว
เดี๋ยวก็คิดจุกคิดจิกคิดอะไรสารพัดสารพัน
คิดอะไรเรื่อยเปื่อยไม่เป็นความจริง...
ความไม่จริงมันก็เลยคอยตามหลอกหลอน
เราก็หลงให้หลอกอยู่เรื่อยเพราะมันเคยชิน
-
เพราะว่ามันไม่เป็นไปอย่างที่เราต้องการ
เราเลยรู้สึกไม่พอใจผิดหวังผิดเป้าหมาย
พอวางไม่ได้มันก็เลยวนเวียนเรื่องเดิมๆ
เรื่องเดิมมันก็หนักขึ้นเรื่อยๆไปตามระดับของมัน
เพราะเราไม่รู้จักวาง แต่กลับเลือกแบกอยู่นั่นล่ะ
-
วันหยุดวันพักผ่อนของใครหลายคน
กลับเป็นวันที่คนบางคนรู้สึกเสียดาย
ที่ขาดบางสิ่งบางอย่างจากวันที่หยุด
ไม่มีได้ตลอดไม่มีเสียตลอด...
มีได้มีเสีย สลับสับเปลี่ยนไปอย่างนี้
เมื่อได้ก็ไม่ลืมว่ายังต้องเสีย...
เมื่อเสียก็ไม่ลืมว่ามันยังมีวันได้...