ใต้ร่มธรรม

แสงธรรมนำใจ => ดอกบัวโพธิสัตว์ => ศิษย์โง่ไปเรียนเซ็น => ข้อความที่เริ่มโดย: ฐิตา ที่ กันยายน 23, 2010, 01:16:38 pm

หัวข้อ: งามอย่างเซน ของภิกษุณีชุนโด อาโอยาม่า
เริ่มหัวข้อโดย: ฐิตา ที่ กันยายน 23, 2010, 01:16:38 pm
(https://i2.24x7th.com/df/0/ui/post/2015/09/02/3/b/b3a3eb24b39f8da93dc1995103b80d10.jpeg)
งามอย่างเซน
ของภิกษุณีชุนโด อาโอยาม่า

ทุกคนปรารถนาที่จะร่ำรวยมากกว่ายากจน ปรารถนาที่จะมีร่างกายที่แข็งแรงมากกว่าเจ็บป่วย ปรารถนาที่จะประสบความสำเร็จมากกว่าล้มเหลว ไม่ว่าตลอดชีวิต คุณจะทำงานหนักแค่ไหน อาจมีบางครั้งที่คุณต้องอดอยากปากแห้ง และไม่ว่าคุณจะไม่ชอบความเจ็บป่วยไข้สักเท่าไร คงต้องมีบ้าง ที่จะถึงเวลาที่คุณไม่สบาย และความเจ็บป่วยไม่สบายนั้นอาจถึงขั้นนำความตายมาสู่คุณด้วยซ้ำไป คุณก็ไม่มีทางหนีไปได้ ไม่ว่าคุณจะมีความมั่นใจหรือความสามารถเท่าไรก็ตาม สักวันหนึ่งคุณอาจจะต้องประสบกับความล้มเหลวก็เป็นได้…

 
...ความสุขที่ขึ้นอยู่กับว่าคุณอยากได้อะไรหรือคุณอยากเป็นอะไรนั้น เป็นเพียงความสุขที่มีเงื่อนไข ไม่ใช่ความสุขที่แท้จริง ความเป็นจริงก็คือไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม มันก็สักแค่เกิดขึ้น หากคุณป่วย ก็สักแค่ป่วย หากคุณจน ก็สักแค่จน หากคุณไม่ยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้นกับคุณในขณะนั้นๆ คุณจะไม่มีทางที่จะรู้จักกับความสุขได้เลย การเผชิญหน้ากับสิ่งใดก็ตาม และยอมรับมันให้ได้ ด้วยวงแขนที่เปิดรับในกรณีที่มันไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ จะเปิดทัศนคติของคุณให้สามารถ เห็นได้ว่าชีวิตที่สวยงามนั้นเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ เมื่อใดก็ตามที่คุณมีทัศนคติเช่นนี้  คุณก็ถึงสวรรค์แล้วไม่ ไม่ว่าที่ใด เวลาไหน และในสถานการณ์ใด


                                เนื้อหาบางตอนจากหนังสือ งามอย่างเซน ของภิกษุณีชุนโด อาโอยาม่า
หัวข้อ: Re: งามอย่างเซน ของภิกษุณีชุนโด อาโอยาม่า
เริ่มหัวข้อโดย: แก้วจ๋าหน้าร้อน ที่ กันยายน 23, 2010, 09:32:10 pm
 :13: อนุโมทนาครับพี่แป๋ม
หัวข้อ: Re: งามอย่างเซน ของภิกษุณีชุนโด อาโอยาม่า
เริ่มหัวข้อโดย: มดเอ๊กซ ที่ กรกฎาคม 20, 2016, 11:13:09 am
(http://www.decitre.fr/gi/40/9782911074240FS.gif)

งามอย่างเซน เมล็ดพันธุ์แห่งธรรม จากมุมมองของผู้หญิง ( ภิกษุณีชุนโด อาโอยาม่า )

หนังสืองามล้ำค่าเล่มนี้ ได้ส่งมาให้ดิฉันตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคม 2549 โดยประชา หุตานุวัตร กัลยาณมิตรผู้ให้แสงสว่างทางธรรมและปัญญาแก่ดิฉันตลอดเวลาสามสิบปีที่ผ่านมา (ตั้งแต่ครั้งที่ท่านยังบวชอยู่ที่สวนโมกข์) เป็นบรรณาธิการร่วมกับโทโมมิ อิโต แห่งมหาวิทยาลัยโกเบ เขียนโดยภิกษุณีชุนโด อาโอยาม่า แปลโดย ช่อฟ้า เจตนาวีระบุตร
 
ดิฉันมัวแต่ยุ่งกับภารกิจต่าง ๆ จึงวางหนังสือเล่มนี้ไว้บนโต๊ะเสียเกือบปี จนสัปดาห์นี้รู้สึกเหน็ดเหนื่อย เคร่งเครียด สับสน อยากปล่อยวาง ชำระล้างจิตใจ ได้หันมามองเห็นหนังสืออันเป็นประดุจน้ำทิพย์ชโลมใจเล่มนี้ จึ้งตั้งใจอ่าน เพื่อให้ของขวัญแก่ตนเอง

"จากบรรณาธิการ" ได้เกริ่นนำไว้ในย่อหน้าแรกว่า "หนังสือเล่มนี้เป็นถ้อยคำไพเราะที่กลั่นกรองออกมาจากหัวใจที่งดงาม แจ่มใส ของผู้หญิงคนหนึ่งที่ปฏิบัติธรรมมาตลอดชีวิต ตั้งแต่วัยเด็กจนเลยมัชฌิมวัย แม้เธอจะเป็นอาจารย์เซนที่เป็นผู้หญิงและเป็นชาวญี่ปุ่น แต่เนื้อหานั้นสัมผัสใจทุกคนที่เปิดกว้าง ไม่ว่าเพศพันธุ์ไหน นี่จะเป็นหนังสือธรรมะร่วมสมัยอีกเล่มหนึ่งที่อ่านแล้วอ่านอีกได้โดยรสไม่จืด ตราบใดที่เรายังว่ายวนอยู่ในวัฏสงสารแห่งสุขและทุกข์ เพราะหนังสือจะคอยให้กำลังใจและเตือนให้เราระลึกว่าในชีวิตของเรานั้น ยังมีแหล่งน้ำใสสะอาดอีกแหล่งหนึ่งที่อยู่เหนือสุขเหนือทุกข์ เหนือผิดเหนือถูก เหนือดีเหนือทราม ไม่ว่าเราจะเรียกแหล่งน้ำนั้นว่า บรมธรรม สุขาวดี ปรมาตมัน พระผู้เป็นเจ้า หรือกฎธรรมชาติก็ตาม ข่าวดียิ่งกว่านั้นคือ ถ้าเราปรับคลื่นปัญญาเป็น เราย่อมสามารถเข้าถึงแหล่งน้ำใสสะอาดนี้ได้ทุกคน ทุกขณะ ทุกสถานที่ ทุกสถานการณ์ของชีวิต อย่างน้อยก็เป็นการชั่วคราว"

"จากผู้แปล" คุณช่อฟ้า เริ่มต้นอย่างจริงใจด้วยหัวใจที่เบิกบานของเธอว่า

"ขโมยยังเหลือ
ดวงจันทร์
ไว้ที่หน้าต่าง

(เรียวกัน)

หลาย ๆ คนในบ้านเราอาจเริ่มรู้จักเซน จากกลอนบทสั้น ๆ แต่ไพเราะและมีความหมาย และด้วยความประทับใจจากกลอนบทสั้นๆเหล่านี้เอง ก็นำพาให้เราเข้าไปเรียนรู้และรู้จักเรื่องราวต่างๆ อีกมากมายอันเกี่ยวเนื่องกับเรื่องของเซนหรือปรัชญาเซน

ข้าพเจ้าจัดได้ว่าเป็นคนหนึ่งที่อยู่ในกลุ่มคนประเภทนี้เช่นกัน ที่หาความเพลิดเพลิน หาความสุข หาความอิ่มใจ และหาความรู้ไปเรื่อย ๆ อย่างไม่ได้เคร่งครัดอะไรนัก จวบจนกระทั่งวันหนึ่ง อยู่ดีๆ พี่ประชาก็ยื่นหนังสือเล่มหนึ่งให้ข้าพเจ้า แล้วบอกว่าเพิ่งได้มาจากเพื่อนชาวญี่ปุ่น อ่านแล้วเพลิน สนุกดี วางไม่ลง ทั้งยังได้ข้อคิดมากมายหลายอย่าง ลองเอาไปอ่านดูหน่อยไหม ว่าชอบหรือเปล่า และสนใจแปลหรือเปล่า ถ้าสนใจ ให้แปลไปเลย ข้าพเจ้ายิ้มและรับมาเปิดดู แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะโชคหรือเป็นเพราะอะไร เพียงบทแรกที่ข้าพเจ้าพลิกเข้าไปอ่าน ข้าพเจ้าก็ชอบและประทับใจเป็นอย่างมาก เพราะรู้สึกว่า อืม.... การอธิบายและการสอนแบบนี้ดีจังเลย ทำให้เราเข้าใจ ตอบ และมองอะไรได้อีกมุมมองหนึ่ง ดีขึ้นจริง ๆ จำได้ว่านอกจากความประทับใจแล้ว ความรู้สึกที่เกิดขึ้นต่อมาก็คืออยากให้คนอื่นได้รับรู้เรื่องราวอย่างนี้บ้าง ว่าแล้วก็ลองเปิดดูเรื่องอื่น ๆ ต่อไปอีก เพื่อดูทั้งในส่วนของเนื้อหาและภาษาว่าจะยากเกินไปหรือไม่ เมื่อพิจารณาดูแล้วว่าไม่ยากจนเกินไปและพอไหว ข้าพเจ้าจึงรับปากและเริ่มแปลมาตั้งแต่นั้น

ข้าพเจ้าแปลหนังสือเล่มนี้อย่างมีความสุข วันละบทสองบทหรือสามบทบ้าง แล้วแต่เวลาและสติปัญญาจะเอื้ออำนวย วันไหนที่แปลสนุกหรืออยากรู้เรื่องตอนต่อๆไปมาก หรือมีเวลาเยอะหน่อย ก็จะแปลยาวหน่อย แต่วันไหนที่มีเวลาไม่มากนัก ก็อาจจะแปลได้นิดเดียว แล้วก็ต้องเก็บเอาความอยากรู้อยากเห็นเรื่องราวตอนต่อๆไปเอาไว้ในใจ"

สำนักพิมพ์เสมสิกขาลัย ใช้กระดาษถนอมสายตา และออกแบบหนังสือได้อย่างสวยงาม อ่อนโยน มีภาพวาดช่อดอกไม้ (ดูคล้ายดอกซากุระ) ประดับอยู่เกือบทุกหน้า จึงช่วยทำให้การอ่านหนังสือเล่มนี้เป็นความรื่นรมย์แห่งชีวิตโดยแท้

เมื่อได้อ่านชื่อบทต่าง ๆ ทั้ง 58 บท จากสารบัญ ดิฉันรู้สึกว่าทุกบทน่าสนใจที่จะอ่านอย่างใคร่ครวญ ดิฉันเลือกอ่านบทที่สอง "ฉันอยากเป็นบุคคลที่สวยงาม" ซึ่งมีข้อความดังนี้

ผู้คนส่วนมากมักไม่ตระหนักว่าทั้งใบหน้าและกิริยาอาการต่างๆทางกายของตนเองที่แสดงออกมาในทุกๆปัจจุบันขณะอยู่นั้น สามารถเปิดเผยถึงเรื่องราวทั้งที่ผ่านเข้ามาและออกไปในชีวิตของตนเองทั้งหมดได้อย่างล่อนจ้อนมากมายเพียงใด การปรากฏโฉมออกมาได้อย่างเปลือยเปล่าเช่นนี้นอกจากเป็นเรื่องที่น่าอายแล้วยังเป็นเรื่องที่น่าตกใจ

ทั้งหมดที่เราคิด พูด และทำมาตั้งแต่เกิด ล้วนเป็นตัวสรรสร้างและปั้นแต่งใบหน้า ร่างกาย และบุคลิกของเราขึ้นมา เพียงแค่แวบเดียว บุคคลที่มีดวงตาเห็นได้ชัดแจ้งจะสามารถรับรู้ประวัติความเป็นมาของเราได้ตั้งแต่ต้นเลยทีเดียว

น่าจะเป็นลินคอล์นที่เคยกล่าวเอาไว้ว่า มนุษย์นั้นต้องรับผิดชอบต่อหน้าตาของตนเองเมื่ออายุสี่สิบปีไปแล้ว ใบหน้าและร่างกายที่ดูเสมือนว่าได้รับการแกะสลัก ขัดเกลา และปรับแต่งอย่างต่อเนื่องมาตลอดตั้งแต่เกิดโดยสิ่วที่มองไม่เห็นนั้น เมื่ออายุเข้าสู่ช่วงวัยสี่สิบ ใบหน้าและร่างกายจะเผยความสวยงามและความน่าเกลียดทั้งมวลออกมา โดยที่ไม่สามารถอำพรางซ่อนเร้นได้ด้วยเครื่องสำอางหรือเครื่องนุ่งห่มใด ๆ

ยาอิจิ อะอิสุ กวีญี่ปุ่นรุ่นใหม่และศิลปินนักเขียนอักษรศิลป์ (Calligrapher) เคยเขียนถึงคนสนิทไว้ว่า "เพื่อนของฉัน การที่เราดำรงสติในทุก ๆสิ่งที่คิดและทำ และมีหัวใจที่สงบและสันตินั้น ฉันหวังว่าฉันจะกลายเป็นบุคคลที่สวยงาม" ข้าพเจ้ารู้สึกว่าตนเองต้องการจะแก่เฒ่าด้วยหนทางเช่นนี้ด้วยเช่นกัน

ผู้คนส่วนมากมักไม่ตระหนักว่าทั้งใบหน้าและกิริยาอาการต่างๆทางกายของตนเองที่แสดงออกมาในทุกๆปัจจุบันขณะอยู่นั้น สามารถเปิดเผยถึงเรื่องราวทั้งที่ผ่านเข้ามาและออกไปในชีวิตของตนเองทั้งหมดได้อย่างล่อนจ้อนมากมายเพียงใด การปรากฏโฉมออกมาได้อย่างเปลือยเปล่าเช่นนี้นอกจากเป็นเรื่องที่น่าอายแล้วยังเป็นเรื่องที่น่าตกใจ

ทั้งหมดที่เราคิด พูด และทำมาตั้งแต่เกิด ล้วนเป็นตัวสรรสร้างและปั้นแต่งใบหน้า ร่างกาย และบุคลิกของเราขึ้นมา เพียงแค่แวบเดียว บุคคลที่มีดวงตาเห็นได้ชัดแจ้งจะสามารถรับรู้ประวัติความเป็นมาของเราได้ตั้งแต่ต้นเลยทีเดียว

น่าจะเป็นลินคอล์นที่เคยกล่าวเอาไว้ว่า มนุษย์นั้นต้องรับผิดชอบต่อหน้าตาของตนเองเมื่ออายุสี่สิบปีไปแล้ว ใบหน้าและร่างกายที่ดูเสมือนว่าได้รับการแกะสลัก ขัดเกลา และปรับแต่งอย่างต่อเนื่องมาตลอดตั้งแต่เกิดโดยสิ่วที่มองไม่เห็นนั้น เมื่ออายุเข้าสู่ช่วงวัยสี่สิบ ใบหน้าและร่างกายจะเผยความสวยงามและความน่าเกลียดทั้งมวลออกมา โดยที่ไม่สามารถอำพรางซ่อนเร้นได้ด้วยเครื่องสำอางหรือเครื่องนุ่งห่มใด ๆ

ยาอิจิ อะอิสุ กวีญี่ปุ่นรุ่นใหม่และศิลปินนักเขียนอักษรศิลป์ (Calligrapher) เคยเขียนถึงคนสนิทไว้ว่า "เพื่อนของฉัน การที่เราดำรงสติในทุก ๆสิ่งที่คิดและทำ และมีหัวใจที่สงบและสันตินั้น ฉันหวังว่าฉันจะกลายเป็นบุคคลที่สวยงาม" ข้าพเจ้ารู้สึกว่าตนเองต้องการจะแก่เฒ่าด้วยหนทางเช่นนี้ด้วยเช่นกัน

จาก http://group.wunjun.com/agaligohome/topic/216533-5756 (http://group.wunjun.com/agaligohome/topic/216533-5756)