(http://4.bp.blogspot.com/_uyMOwnaw7G8/SowoFCQta-I/AAAAAAAAAH8/pLjzTDUD0Uc/s320/iso_cover.jpg)
ศรี อุปนิษัท
ศรี อุปนิษัท เป็นหนึ่งในคัมภีร์พระเวท ซึ่งเป็นอีกเล่มหนึ่งที่มีความสำคัญ
คัมภีร์พระเวท เป็นหลักคำสอนที่บอกให้เราใช้ชีวิตและทำตัวอย่างไร บนโลกวัตถุ
(โลกในยุคปัจจุบัน)
เช่น เรื่องการทำธุรกิจ การแต่งงาน การครองเรือน
ซึ่งข้อมูลส่วนมากของคัมภีร์จะเน้นเรื่องของการใช้ชีวิตบนโลก
อุปนิษัท เป็นที่รู้จักกันมากในแวดวงวิชาการ ซึ่งที่จริงแล้ว อุปนิษัทในโลกนี้
มีมากกว่า 100 เล่ม แต่เล่มที่สำคัญๆ จะมีอยู่ประมาณ 10 เล่ม
สมาคมนานาชาติเพื่อคริชณะจิตสำนึก
( International Society for Krishna Consciousness )
เป็นสมาคมที่มีสมาชิกและวัดอยู่ทั่วโลก และเป็นที่ยอมรับทางด้านปรัชญา
ได้ร่วมศึกษาปรัชญาอุปนิษัทมาเป็นเวลานาน
อุปนิษัท เป็นจุดเริ่มต้นของชีวิตทิพย์ สำหรับความหมายของคำนี้ ก่อนอื่นให้เรา
ทำความเข้าใจโลกใบนี้เสียก่อน และมองโลกอย่างที่เป็นอยู่
และหากเราเริ่มตั้งคำถามว่า มีอะไรเหนือไปกว่าความสุขบนโลกใบนี้
คำตอบนั้นคือ ชีวิตทิพย์
สมาคมนานาชาติเพื่่อคริชณะจิตสำนึก มีหนังสือสำคัญ 2 เล่ม เป็นหลักในการสอน
ให้กับสมาชิกของสมาคมที่มีอยู่ทั่วโลก คือ
ภควัทคีตา
ชรีมัด บากะวะทัม
คัมภีร์พระเวทที่มีอยู่ในจำนวนหลายเล่มนั้น ได้เน้นไปที่การช่วยให้เรามีชีวิต
อยู่อย่างเป็นสุข
ซึ่งเท่ากับว่า เราจะมีความสุขในโลกที่เต็มไปด้วยวัตถุใบนี้
แต่โดยภาพรวมแล้ว อุปนิษัททุกเล่มเป็นหนังสือแห่งปวงปรัชญา ซึ่งอาจยาก
ต่อการทำความเข้าใจ
ในปัจจุบัน คนจำนวนมากจะอ่าน ภควัทคีตา และ ชรีมัด บากะวะทัม
สาเหตุหลัก เพราะ อาจารย์ที่ยึดหลักคำสอนตามพระคัมภีร์ในเวลาปัจจุบัน รู้สึกว่า
ตนเองตกต่ำลง และจะหาคนที่มาเป็นครูผู้สอนเรื่องเหล่านี้ได้ยากมาก
เพราะผู้ที่จะสอนได้ ต้องเป็นผู้ที่สมบูรณ์จริงๆ
ซึ่งต้องมีจิตใจมั่นคง ควบคุมตนเองได้ และในปัจจุบัน เราหาพราหมณ์ที่มี
ความพร้อมในทุกด้าน เช่นในสมัยโบราณไม่ได้
และไม่มีคนที่เป็นตัวอย่าง ที่สามารถทำได้ถูกต้องตามคัมภีร์
คนในปัจจุบันจึงลดความเคารพในคัมภีร์ลง
อุปนิษัทอาจไม่ใช่คัมภีร์ของไวชะณะวะโดยตรง แต่ในคัมภีร์บอกไว้ว่า
ผู้ที่สมบูรณ์สูงสุด มีทุกอย่าง นอกเหนือไปจากประสบการณ์ของเรา ซึ่งก็คือ
พระผู้เป็นเจ้าต้องมีบุคลิกภาพ และมีความสมบูรณ์สูงสุด
คำสอนของศาสนาหลักๆในโลกนี้ส่วนมากจะไม่เน้นความเชื่อในรูปลักษณ์
ซึ่งอาจยกตัวอย่างได้จากในประเทศอินเดีย
จะมีกลุ่มผู้ที่นับถือในแนวทางไร้รูปลักษณ์ของพระเจ้า เช่นนี้ เป็นจำนวนมาก
และทางโลกตะวันตก ก็มีอยู่จำนวนมากเช่นกัน
ซึ่งสาเหตุหลักมาจากการที่โลกเปลี่ยนไป ผู้คนหันไปสนใจวัตถุนิยมกันมากขึ้น
เรามุ่งเน้นไปที่การกินดี อยู่ดี มีเสื้อผ้าสิ่งของ เครื่องใช้ บ้าน รถยนต์
และเลือกมีความสุขในช่วงเวลาของชีวิต
ผู้คนจึงจิตใจตกต่ำลง และหันหลังให้กับพระเจ้า
มีผู้ไม่เชื่อในรูปลักษณ์จำนวนมากกล่าวไว้ว่า พระเจ้าไม่มีรูปลักษณ์
ซึ่งในความเป็นจริง เราทุกคนมีสิทธิ์ที่จะเลือกได้
แต่ในความเป็นจริง ยังมีความจริงอีกอย่างหนึ่งคือ ผู้ที่ไม่เชื่อและเคารพ
ในรูปลักษณ์ของพระเจ้า ในท้ายที่สุด จะเริ่มเบื่อหน่ายพระเจ้าที่ไม่มีรูปลักษณ์
และกลับไปหาโลกวัตถุอย่างถาวร
ส่วนคัมภีร์ที่กล่าวมาตั้งแต่เริ่มต้นของบทความนี้ จะเน้นไปที่
" ไม่มีอะไรสูงไปกว่าทิพย์ "
เพราะหากรูปลักษณ์ของมนุษย์ เป็นสิ่งที่ธรรมชาติจัดสรรมาให้เรา
เพื่อบรรลุถึงสัจธรรมที่สมบูรณ์ได้
ผู้เบาปัญญา จะต่อว่าพระเจ้าว่า ทำให้เขาได้รับความทุกข์
และไม่จัดสรรอะไรให้พวกเรา
แต่ในความเป็นจริง เรามีทุกข์ เพราะเรานำสิ่งที่พระเจ้าจัดสรรให้
มาใช้ในทางที่ไม่ถูกต้อง
และเราไม่สามารถมองเห็นพระเจ้าได้ เพราะพระเจ้าอยู่เหนือสามระดับ
แห่งธรรมชาติวัตถุ และเรายังอยู่ในสามระดับนั้น
ผู้ที่ไม่เชื่อในรูปลักษณ์มักจะกล่าวว่า พระเจ้าคือทุกอย่าง และทุกที่
จนกระทั่งในที่สุด ก็มีคนกล่าวว่า เราคือพระเจ้า และตั้งตัวเป็นพระเจ้าเสียเอง
อุปนิษัทกล่าวว่า พระเจ้าคือทุกอย่าง ทุกแห่งหน พระองค์มีบุคลิกภาพ
และพระองค์มีความสมบูรณ์สูงสุด ทรงอยู่เหนือโลกวัตถุ
ไม่ได้อยู่ใต้กฏเกณฑ์ของธรรมชาติวัตถุ
ไม่ว่าจะอย่างไร พระเจ้าก็จะไม่สูญเสียความเป็นพระองค์เอง
เช่นเดียวกับการที่เราเอาส่วนที่สมบูรณ์ออก ส่วนที่เหลือก็ยังคงสมบูรณ์
เรียบเรียง : Ya Prabhuji : edit and rearrange
เขียนโดย ISKCONBangkok
http://iskconbkk.blogspot.com/
http://fws.cc/leavesofeden/index.php?topic=1512.0 (http://pic.fws.cc/emo/1/23.gif)
อนุโมทนาสาธุที่มาทั้งหมดมากมายค่ะ