(http://www.q1133.com/images/30_0.jpg)
(http://t0.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcSWRoyjb9jsnfSDgYCwgP_e-1KJhX7CMypptbYFPSFM6mo-Zyc&t=1&usg=__XT5sitn5PaDV6OSN_YtTT0t1w9k=)
การกินเจตามนัยแห่งพุทธศาสนามหายาน
ที่มาของการกินเจนั้นก็มีต่างๆกันไปตามแต่ข้อมูลที่จะหากันได้แต่สำหรับพุทธศาสนามหายานนั้นมีเหตุผลที่เดียวที่สั้นๆและง่ายๆว่า “มหากรุณาไม่อาจกินเนื้อสรรพชีวิต” ถ้าคุณมีมหากรุณาแล้วคุณจะรู้เองว่าเนื้อสัตว์เป็นสิ่งที่ควรกินหรือไม่ ด้วยเหตุผลทางอนามัยศาสตร์และระบาดวิทยามนุษย์จะไม่บริโภคเนื้อสัตว์ที่ตายเองตามธรรมชาติเพราะไม่มั่นใจว่าสัตว์ที่ตายนั้นตายด้วยโรคหรือไม่ ด้วยเหตุนี้เนื้อสัตว์ทั้งหมดที่บริโภคนั้นมาจากการฆ่าทั้งสิ้น จากสถิติในปัจจุบัน (ภายใน 5 ปีที่ผ่านมานี้) ประเทศไทยมีจำนวนไก่ที่เลี้ยงไม่น้อยกว่า 200 ล้านตัวต่อปีซึ่งจำนวนดังกล่าวนี้ไม่ใช่การเลี้ยงเพื่อดูเล่นหากแต่เป็นการเลี้ยงเพื่อการฆ่ามาเป็นอาหารของมนุษย์ นี่นับเพียงเฉพาะไก่อย่างเดียวเท่านั้นยังมากมายถึงขนาดนี้ถ้ารวมสัตว์ชนิดอื่นจะมีมากมายขนาดไหน เนื้อสัตว์แต่ละคำที่มนุษย์กินเข้าไปนั้นสำหรับคนที่ทานอาจเป็นเรื่องปกติแต่สำหรับสัตว์นั้นมันต้องแลกมาด้วยความกลัว, เสียงกรีดร้อง, หยาดน้ำตา, เลือด และชีวิต นี่คือสิ่งที่คุณจะพบเห็นได้ที่โรงฆ่าสัตว์ขณะเดียวกันก็คือสิ่งที่มนุษย์ที่มักกล่าวอ้างตนว่าเป็นสัตว์ประเสริฐยัดเยียดให้สิ่งมีชีวิตที่เป็นเพื่อนร่วมโลก
(http://t3.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcTldjUkMRPO-bQ__4LX3bT0T28eNV5fSJW8ILxqaNGlqwv9pgI&t=1&usg=___FWwxutJFTw46Sz4MZyT02JQUbI=)
คำว่า “เจ” 《斋》 ตรงกับภาษาจีนกลางว่า “ไจ” มีความหมายถึงศีล 8 ขึ้นไป (ศีล 8 ของมหายานกับเถรวาทตรงกัน) ซึ่งไม่มีข้อกำหนดเกี่ยวกับการงดเว้นบริโภคเนื้อสัตว์ แม้จะเป็นการเข้าใจผิดในการใช้ภาษาแต่นั้นก็ไม่ใช่สาระสำคัญเพราะด้วยเหตุที่ว่าในหมู่ประชาชนโดยเฉพาะคนจีนนั้นเข้าใจตรงกันว่าการกินเจคือการงดเว้นบริโภคเนื้อสัตว์ (ซึ่งจะกล่าวว่าผิดก็ไม่ถูกนักเพราะแม้จะไม่กล่าวถึงโดยตรงแต่ก็มีความสัมพันธ์โดยอ้อมกับศีลข้อ 1 คือละเว้นการฆ่า) คนจีนนั้นแม้จะมีประเพณีเทศกาลกินเจในทุกๆปีแต่ในขณะที่เทศกาลอื่นกลับเต็มไปด้วยการฆ่าเป็ดไก่และสัตว์ชนิดอื่นๆเพื่อนำมาเซ่นไหว้เทพเจ้าและบรรพบุรุษ (ในข้อนี้ไม่ได้ตำหนิชาวจีนนะครับเพราะผมเองก็เป็นคนจีน) ตลอดจนถึงวันเกิดของเทพเจ้าองค์ต่างๆ แม้แต่ในตะวันตกในเทศกาลวันขอบคุณพระเจ้า (Easter day) มีการฆ่าไก่งวงในวันเดียวมากกว่า 1 ล้านตัว ซึ่งถ้าสัตว์เหล่านั้นได้คงบอกว่า “วันฉลองของเขาคือวันตายของเรา”
(http://www.lottery-thai.com/images/1191902114/1191903149.JPG)
เจตนานั้นเป็นตัวกรรมนี่เป็นคำสอนที่สำคัญของพระพุทธศาสนา ว่าถ้าวันนี้คุณกินเจเพราะอยากให้ตนและคนที่เกี่ยวข้องกับคุณ (มีพ่อแม่, ลูกหลาน, เพื่อนฝูงเป็นต้น) ได้บุญ, ร่ำรวย, หายป่วย, มีสุขภาพแข็งแรง, ประสพความสำเร็จในหน้าที่การงาน ฯลฯ แล้ว ขอเรียนว่ายังห่างไกลกับพุทธศาสนามหายานมาก มหากรุณาจิตไพศาลโดยไม่แบ่งแยกว่าเขาคนนั้นจะเป็นใครเป็นคนหรือเป็นสัตว์หรือไม่ การกินเจหรือการทำกุศลทั้งปวงหากทำเพื่อประโยชน์แห่งสรรพชีวิตผลานิสงส์ย่อมพ้นประมาณ แต่ถ้าทำด้วยความโลภกุศลนั้นจะเป็นเพียงแค่ “เปลือก” นี่เป็นเหตุผลว่าคนที่เห็นแก่ตัวทำบุญมากแต่ได้ผลน้อยขณะที่พระโพธิสัตว์แม้ทำกุศลน้อยแต่ได้อานิสงส์มาก
ด้วยเหตุนี้พระโพธิสัตว์ในแต่ละชาติที่ผ่านไปจึงพัฒนาขึ้นมากไม่ว่าจะด้านใดๆก็ตาม และทุกสิ่งทุกอย่างที่พระโพธิสัตว์มีไม่ใช่เพื่อตนและพวกพ้องแห่งตนหากแต่เพื่อสรรพชีวิตโดยไม่จำกัดว่าสรรพชีวิตดังกล่าวนั้นจะเป็นอย่างไรมีนิสัยและความประพฤติอย่างไร หลายคนอาจจะปรารถนาพระโพธิญาณแต่ต้องถามว่าเพื่ออะไรถ้าเพื่อสรรพชีวิตนั้นย่อมประเสริฐ แต่ถ้าเพื่อตนจะได้มีสถานะที่สูงส่งหรือมีอิทธิฤทธิ์หรือเพราะแค่ความ “อยาก” จะเป็นแล้วความปรารถนานั้นย่อมไม่มีวันสำเร็จไม่ว่าจะพยายามสักแค่ไหนก็ตาม การเข้าถึงพระพุทธศาสนามหายาหาใช่อยู่ที่เครื่องแบบภายนอกแบบบรรพชิตจีน, หาใช่อยู่ที่การกราบไหว้พระพุทธเจ้าและพระโพธิสัตว์สัตว์ทั้งหลายตลอดจนถึงหาใช่การสวดสาธยายมนต์และธารณีต่างๆ เพราะถ้าคุณไม่มีมหากรุณาจิตแล้วย่อมไม่มีประโยชน์
(http://img412.imageshack.us/img412/4936/14195707.jpg)
พระพุทธศาสนามหายานถึงพร้อมด้วยเหตุ 3 ประการคือ ศรัทธา, มหากรุณาและปัญญา หลายคนชำนาญพระสูตรมหายานมาก, หลักธรรมเช่นไร?, โพธิสัตว์จริยาเป็นเช่นไร? แต่ถ้าในชีวิตประจำวันยังสาละวนอยู่กับว่าตนอยากได้ไม่อยากได้อะไร, ชอบหรือไม่ชอบอะไร โดยลืมความต้องการและความทุกข์ยากของคนอื่น,ของสังคมและของสรรพชีวิตนั่นก็แปลว่ายังห่างไกลจากมหายานมาก พระพุทธศาสนามหายานนั้นไม่ได้สอนว่าให้คุณปฏิบัติตนเพื่อวันข้างหน้าคุณจะเข้าถึงความเป็นพระโพธิสัตว์ แต่สอนว่าถ้าวันนี้คุณมีปณิธานและตั้งใจทำจริงๆวันนี้และเดี๋ยวนี้คุณก็คือพระโพธิสัตว์โดยไม่ต้องรอวันพรุ่งนี้หรือวันไหนๆ และในพระสูตรมหายานยังกล่าวว่า “ไม่เรียนเถรวาทแล้วค่อยเรียนมหายานไม่ใช่ศิษย์ตถาคต” เพราะด้วยเหตุที่ว่าถ้าจับหลักไม่ได้แล้วพระพุทธเจ้าศาสนามหายานก็จะกลายเป็นเทวนิยมไป ด้วยเหตุนี้ในการศึกษาพุทธศาสนามหายานจึงมีการเทียบเคียงตลอดเวลาว่า หลักธรรมข้อนี้หมวดนี้เถรวาทแสดงไว้ว่าอย่างไรและมหายานแสดงไว้ว่าอย่างไรซึ่งพระไตรปิฎกและคัมภีร์ต่างๆของเถรวาทนั้นได้แปลไปเป็นภาษาจีนนานมากแล้ว
แน่นอนการกินเจนั้นเป็นสิ่งที่ดีแต่ไม่หมายความว่าคนที่ไม่กินเจเป็นคนที่เลว พระพุทธศาสนามหายานแสดงว่าสรรพชีวิตทั้งปวงเสมอภาค สุนัข, นักโทษ, พระพุทธเจ้า ล้วนมีพุทธภาวะไม่แตกต่างกัน, ไม่เพิ่มและไม่ลด, ไม่มากและไม่น้อยกว่ากัน คนที่ยังไม่กินเจนั้นเพียงเพราะว่าเหตุปัจจัยยังไม่ถึงพร้อมเมื่อใดถึงที่เหตุถึงพร้อมผลย่อมเกิดอย่างไม่ต้องสงสัย ในทางกลับคนที่ทานเนื้อสัตว์แล้วสำนึกบุญคุณของสัตว์ที่มาเป็นอาหารแก่ตนเพียงครั้งเดียวย่อมประเสริฐกว่าคนที่กินเจด้วยความโลภตลอดชีวิต ที่สำคัญคุณสามารถกินเจเมื่อไหร่ก็ได้เมื่อสะดวกและมีศรัทธา (ตลอดชีวิตได้ยิ่งดี) หรือไม่จำเป็นต้องทานทั้ง 3 มื้อใน 1 วัน อาจเป็นมื้อใดมื้อหนึ่งก็ได้
และที่กล่าวมาข้างต้นนี้คือสารัตถะแห่งมหายานและการกินเจโดยสังเขป (เท่าที่สติปัญญาของผมจะพอมี) และถ้าจะพอมีบุญกุศลอยู่บ้างก็ขออุทิศแก่สรรพชีวิตทั้งปวงจะเป็นผู้นิรทุกข์เข้าถึงความสุขในทุกสถานในการทุกเมื่อเข้าถึงพระอมตะธรรมคือพระนิพพานอันได้แก่สาวกญาณ,ปัจเจกญาณ และสัมมาสัมโพธิญาณตามแต่ปรารถนาด้วยกันทุกท่านเทอญ...
(http://t1.gstatic.com/images?q=tbn:6bx5Z5HLdz93LM:http://gotoknow.org/file/phongphan/07.1.jpg)
ขอบพระคุณที่ทั้งหมดมากมายค่ะ
q112233@windowslive.com
http://www.q1133.com/index.php/dharma-/79-vegetarian (http://www.q1133.com/index.php/dharma-/79-vegetarian)