ใต้ร่มธรรม

ริมระเบียงรับลมโชย => ดูหนัง ดูเรา ดูโลก ( Movie and Wisdom ) => ข้อความที่เริ่มโดย: มดเอ๊กซ ที่ ตุลาคม 30, 2010, 10:05:42 am

หัวข้อ: NOT ONE LESS (1998) เหว่ยหมิงฉี ครูวัยใสใจแสนซื่อ
เริ่มหัวข้อโดย: มดเอ๊กซ ที่ ตุลาคม 30, 2010, 10:05:42 am
NOT ONE LESS (1998) เหว่ยหมิงฉี ครูวัยใสใจแสนซื่อ


 ผู้กำกับ จาง อี้ โหมว
 Starring: Wei Min zhi  ,Zhang Hui Ke


(http://i113.photobucket.com/albums/n219/pnottimez/030107/NOTONELESS01.jpg) (http://"http://photobucket.com/") 

               เริ่มเรื่อง ที่หมู่บ้านชุ่ยกวนชนบทอันไกลโพ้นของประเทศจีน ผู้ใหญ่บ้านกำลังเดินพาเด็กสาว ตัวน้อยไปที่โรงเรียน ประจำหมู่บ้านที่ทั้งเล็กและโทรม (มีแค่ห้องเรียนเดียว) พอมาถึงโรงเรียนผู้ใหญ่บ้านก็ถามหาอาจารย์เกากับเด็กๆ บอกว่าตนได้พาคนที่จะมาสอนแทนอาจารย์เกามาให้ แล้วผู้ใหญ่ก็รีบขอตัวกลับทันทีเด็กสาวที่ดูจะเป็นเด็กนักเรียนมากกว่าคนจะมาสอนแทน ทำเอาอาจารย์เกา งงเป็นไก่ตาแตก เค้ารีบถามถึงอายุ และการศึกษา พอทราบว่า เธอชื่อ เหว่ยหมิงฉี มีอายุเพียง 13 ปี และจบชั้นประถมจากโรงเรียนประจำหมู่บ้านเท่านั้น อาจารย์เกาถึงกับเหวอไปเลย อาจารย์จึงรีบถามเหว่ยหมิงฉี กลับไปว่า ผู้ใหญ่บ้านเค้าบอกอะไรกับเธอเหรอ (คงอยากรู้ว่าผู้ใหญ่บ้านไปหลอกเด็กที่ไหนมาเฝ้าโรงเรียนฟ่ะ) เหว่ยหมิงฉีตอบอย่างซื่อๆใสๆว่า ผู้ใหญ่บ้านก็บอกว่า แม่อาจารย์เกาน่ะล้มป่วย แล้วอาจารย์ต้องไปเยี่ยมทำให้ต้องหยุดสอน 1 เดือน ก็เลยจ้างตนมาสอนแทน อาจารย์เกาอึ้งไปเล็กน้อย แล้วบอกว่า เรามีเด็ก เกรด 1 ถึง เกรด 4 อยู่ 28 คนนะ(คงประมาณว่าหนูจะไหวเหรอไม่ใช่เลี้ยงเด็กแค่ 1-3คนนะ)

                  หลังจากนั้น อาจารย์เกา ก็รีบพาคุณครูจำเป็นอย่างเหว่ยหมิงฉี ไปหาผู้ใหญ่บ้าน ด้วยอารมณ์ พ่อไม่ปลื้ม.... ผู้ใหญ่บ้านก็ให้เหตุผลไปว่า หมู่บ้านนี้มันไกลอ่ะไม่มีใครอยากมาหรอก หาคนน่ะยากนะ อาจารย์เกา ก็บอกว่า เราเคยมีนักเรียน 40 คนแล้วตอนนี้ก็ลาออกไป 10 คนแล้ว ถ้าเป็นแบบนี้ใครจะมาเรียน เด็กคนนี้จะสอนไหวเหรอ ผู้ใหญ่บ้านก็ได้แต่ตอบไปว่า มันก็แค่เดือนเดียวเอง และบอกปัดไปว่าเดี๋ยวผมหาทางให้อีกทีนะ แต่ตอนนี้อยากให้อาจารย์กลับไปก่อน อาจารย์เกาเลยต้องกลับอย่างกังวลใจ พอมาถึงที่พักโรงเรียน(มันก็คือห้องเรียนเก่าๆนั่นแหละ) อาจารย์เกาได้ถาม ครูตัวน้อย เหว่ยหมิงฉี ว่าเธอทำอะไรได้บ้าง เธอตอบแบบเอียงอายตามประสาเด็กๆว่า ร้องเพลงได้ อาจารย์เกาบอกให้ลองร้องเพลงให้ฟัง หน่อย เหว่ยหมิงฉี จึงขับขานพร้อมรีวิวประกอบเพลงอย่างเงอะๆงะๆ เพลงที่เธอร้องเป็นเพลงในแนวชาตินิยม (ประมาณเชิดชูท่านผู้นำเหมาเจ๋อตุง ) อาจารย์เกาเห็นแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจพร้อมกับชี้แนะว่าท่าเต้นต้องขึงขังกว่านี้(มันเพลงปลุกใจนะไม่ใช่เพลงร่ายรำ)แถมเธอยังร้องผิดอีก อาจารย์เกาบอกให้เธอไปร้องเพลงให้ถูกแล้วก็ให้สอนนักเรียนแล้วกันแต่จะให้สอนร้องเพลง อย่างเดียวทั้งเดือนได้ยังไง อาจารย์เกาเลยให้เหว่ยหมิงฉีคัดบทความตามหนังสือลงกระดานดำ ให้นักเรียนลอกตาม โดยให้คัดวันละบท พอแดดส่องถึงเสา ค่อยให้เด็กกลับบ้านได้(ประมาณนาฬิกาไม่มีดูแดดเอาแล้วกัน) ....แล้วถ้าวันที่แดดไม่มีอ่ะ เหว่ยหมิงฉีถามแบบซื่อๆ อาจารย์เกาก็ตอบว่าถ้าฝนจะตกก็ให้กลับเร็วได้ แต่ถ้าตกหนักเธอต้องไปส่งนักเรียนนะ เหว่ยหมิงฉี ถามต่ออย่างตั้งใจว่าถ้าเด็กคัดลายมือเสร็จเร็วจะทำไง อาจารย์เกาแนะว่าให้ไปเล่นข้างนอกได้แต่อย่าให้ทะเลาะกัน พร้อมทั้งให้ชอร์คเขียนกระดานไว้เท่าจำนวนวันที่ไม่อยู่คือ 26วัน โดย เหว่ยหมิงฉี จะต้องใช้ชอร์คได้เพียงวันล่ะ 1 แท่งเท่านั้น (แถมท้ายบอกว่าอย่าเขียนตัวเล็กเกินไปเด็กจะตาเสีย ตัวใหญ่เกินก็ไม่ได้ เพราะมันเปลืองชอร์คพร้อมบ่นพึมพำว่าโรงเรียนจนต้องประหยัด) หลังจากนั้นก็พามาดูที่ใช้หลับนอน(ห้องพักครู) พร้อมแนะนำเด็กๆที่นอนอยู่โรงเรียนและที่ทำอาหาร เหว่ยหมิงฉี ถาม อาจารย์เกาว่า ผู้ใหญ่บอกเธอว่าเธอจะได้ค่าจ้าง 50 หยวน จากการทำงานนี้ อาจารย์เกาบอกว่าตัวอาจารย์เองไม่ได้เงินเดือนมา 6 เดือนแล้วจะเอาเงินจากไหนมาให้เธอ ถ้าอยากได้ ก็รอรับเงินที่ผู้ใหญ่บ้านแล้วกัน เช้ารุ่งขึ้น อาจารย์เกาต้องเดินทาง เหว่ยหมิงฉี วิ่งตามถามถึงค่าจ้างอีก อาจารย์เกา บอกให้เธอว่าจะให้หลังจากกลับมา และระหว่างที่เขาไม่อยู่ เธอจะต้องดูแลไม่ให้นักเรียนในชั้นลดจำนวนลงแม้แต่คนเดียว และถ้าสามารถทำได้ตามนั้นเขาสัญญาจะให้เงินเพิ่มอีก 10 หยวน

(http://i113.photobucket.com/albums/n219/pnottimez/030107/NOTONELESS02.jpg) (http://"http://photobucket.com/")

                   ด้วยความเป็นเด็กและด้อยประสบการณ์ของเหว่ยหมิงฉี การดูแลเด็กนักเรียนในวันแรกจึงทุลักทุเล โดยเธอปล่อยให้เด็กๆเล่นกันเองที่ลานหน้าห้องเรียน จนกระทั่งเที่ยงวันผู้ใหญ่บ้านมาเห็นเข้าและจัดแจงพาเด็กๆเข้าแถวซ้ายหันขวาหันร้องเพลงชาติ เข้าห้องเรียนให้ พร้อมทั้งแนะนำตัว ครูคนใหม่ให้แทน
เหว่ยหมิงฉี เคร่งครัดตรวจสอบรายชื่อนักเรียนในชั้น โดยเธอมอบหมายให้นักเรียนในชั้น คัดลอกบทเรียนจากกระดานดำใส่สมุด (อย่างที่อาจารย์เกาบอก) เธอดูไม่ได้ใส่ใจหรือสนใจอะไรเลยว่าพวกเขาจะเรียนรู้อะไร แค่ขอให้พวกเขาอยู่ครบตามรายชื่อก็พอ หลังจากที่เธอเขียนเนื้อหาขึ้นกระดานแล้ว เหว่ยหมิงฉีก็จะออกไปนั่งนอกห้องเฝ้าระแวดระวัง ไม่ให้มีนักเรียนในชั้นแอบหนีออกไปได้แม้แต่คนเดียว

(http://i113.photobucket.com/albums/n219/pnottimez/030107/NOTONELESS03.jpg) (http://"http://photobucket.com/")

                   มีครั้งนึง ผู้ใหญ่บ้านพาคนคัดตัวนักกีฬาเยาวชน มาดูตัวนักเรียนในโรงเรียน คนค้ดตัวถูกใจในตัวนักเรียนหญิงในกลุ่มคนนึง แล้วตกลงจะนำเด็กคนนี้ไปแข่ง พอเช้าวันรุ่งขึ้นเหว่ยหมิงฉี ก็แอบเอานักเรียนหญิงคนนั้นไปซ่อน ครั้นพอเจ้าหน้าที่เจอเด็กและแอบพาเด็กขึ้นรถไป เหว่ยหมิงฉี ก็วิ่งตามอย่างไม่ลดละฝุ่นตลบโดยใจมุ่งมั่นคิดว่าเด็กต้องอยู่ครบโดยไม่สนใจว่าเด็กจะไปดีหรือเปล่า ในที่สุด เหว่ยหมิงฉี ก็ต้องเสียนักเรียนคนนั้นไป หลังจากนั้น เธอมุ่งมั่นและตั้งใจในการเฝ้าระวังเด็กนักเรียนมากกว่าเดิม แต่เธอก็ยังจะไม่ใส่ใจกับการเรียนการสอนนักเรียนเหมือนเดิม จนเมื่อเธอมีโอกาสได้ฟังความในใจของนักเรียนหญิงหัวหน้าชั้นที่เขียนไว้ในสมุดบันทึก ว่าวันก่อนที่มีการทะเลาะกัน ชอร์คหล่นลงพื้น ทั้งเพื่อนนักเรียนหัวโจก และครูต่างเหยียบชอร์คที่หล่น เธอเสียใจที่ ครูเหว่ย ไม่รักษาชอร์ค เหมือน อาจารย์เกา อาจารย์เกาบอกเสมอว่าโรงเรียนเราจนมีชอร์คน้อย จึงต้องช่วยกันรักษา ตัวเธอเองยังไม่กล้าแม้แต่จะทิ้งชิ้นที่เล็กที่สุด พอเห็นสิ่งที่ครูเหว่ยและเพื่อนทำอย่างนั้นแล้ว เธอรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก จุดนี้เองคงจะสะท้อนใจ ครูตัวน้อยขึ้นมาบ้างไม่มากก็น้อย ว่าเธอกำลังทำหน้าที่อะไร

 (http://i113.photobucket.com/albums/n219/pnottimez/030107/NOTONELESS04.jpg) (http://"http://photobucket.com/")

                    อยู่มาวันหนึ่ง จางฮุ้ยเคอ นักเรียนชายในชั้นวัย 10 ขวบ ที่ดูจะทั้งฉลาดทั้งซน และเป็นหัวโจกประจำห้อง (จางฮุ้ยเคอ ชอบแกล้งเหว่ยหมิงฉี เสมอ) เค้าถูกพ่อแม่มารับตัวกลับบ้านไม่ให้มาเรียน จึงเป็นหน้าที่ของคุณครู เหว่ยหมิงฉี จะต้องไปตามให้มาเรียน และเธอก็มารู้ว่าครอบครัวลูกศิษย์มีปัญหาการเงิน จึงต้องให้จางฮุ้ยเคอ (เด็กแค่ 10ขวบ)ไปหาเงินมาจุนเจือครอบครัวที่ในเมือง เหว่ยหมิงฉีซึ่งในใจตอนนี้มีเพียงแต่คำฝากฝังของอาจารย์เกา ก็คิดหาทางที่พาตัว จางฮุ้ยเคอ กลับมาเรียนให้ได้ (โดยผู้ใหญ่บ้านคิดว่าเป็นเพียงเรื่องของครอบครัวเด็ก ไม่อยากเข้าไปยุ่ง) เด็กๆ กับคุณครูตัวน้อยจึงช่วยกันคิดหาเงินเพื่อให้ครูเดินทางเข้าเมืองไปตามจางฮุ้ยเคอ กลับมาเรียน เริ่มตอนนี้น่ารักมากเด็กๆช่วยกันคิดคำนวณ เงิน และช่วยกันหางานโดยไปขนอิฐ(ไม่แน่ใจว่าไปทำงานหรือไปป่วนงานกันแน่) เพื่อหวังเอาค่าแรงมาใช้เป็นค่าเดินทางและกินอยู่หลับนอน ด้วยความไร้เดียงสา น่ารักของเด็กและครูทำเอาเราอดอมยิ้มไม่ได้ในการทำภารกิจเหล่านี้

(http://i113.photobucket.com/albums/n219/pnottimez/030107/NOTONELESS05.jpg) (http://"http://photobucket.com/")

                    เหว่ยหมิงฉี ตัดสินใจเดินทางเข้าเมืองโดยการแอบขึ้นรถ(แล้วก็โดนไล่ลงกลางทางอย่างน่าสงสาร) เธอต้องเดินด้วยเท้าเข้าเมือง โดย เธอมีเงินติดตัวไม่ถึง 20 หยวน นั่นหมายถึงเธอไม่มีเงินพอจะอยู่ได้ หลายวันเพื่อตามหาจางฮุ้ยเคอ และไอ้การตามหาใครซักคนในเมือง นี่มันก็ช่างแสนจะลำบาก เหว่ยหมิงฉี ต้องเดินถามคนตามท้องถนน เพื่อไปตามที่อยู่ที่เธอทราบมา (ไมไม่ไปหาตำรวจนะ) แต่พอเธอเจอที่อยู่คนที่พาลูกศิษย์เธอมา เธอก็ได้ทราบว่าพลัดหลงกันที่สถานีรถบัส เหว่ยหมิงฉีจึงต้องจ้างวานคนที่พาลูกศิษย์เธอมาให้ช่วยตามหา(เพราะความไม่คุ้นเมือง) เธอเฝ้าเพียรหาและประกาศทางประชาสัมพันธ์(ในสถานีรถบัส)ทั้งวัน แต่ดูจะไร้ผลแถมยังต้องเสียเงินให้กับคนที่พามาด้วย เธอได้รับคำแนะนำให้ ติดประกาศและเขียนใบปลิวตามหา เธอนั่งเขียนทั้งคืน จนหมึกที่เขียนจางวันรุ่งขึ้นเธอก็เดินตามหาอย่างสะเปะสะปะน่าสงสารมาก)แล้วเธอก็ได้รับคำแนะนำอีกว่าให้ไปประกาศที่สถานีโทรทัศน์สิ ครูวัยใสใจซื่อจึงไปที่สถานีโทรทัศน์ เธอถูกปฏิเสธอย่างไร้ความเห็นใจ ว่าเข้าไม่ได้ แถมโดนไล่อย่างไม่ไยดี (เหมือนหน่สยงานราชการในไทยเลย) หนักๆเข้าเจ้าหน้าที่หน้ายักษ์ก็บอกเธอว่าต้องได้รับอนุญาติจากเจ้าของสถานีก่อน เหว่ยหมิงฉี ครูซื่อผู้มีความมุ่งมั่น ก็เฝ้าวิ่งถามหาชายทุกคนที่เข้าออกจากสถานีว่าเป็นเจ้าของสถานีไหม (โห...อึดจริงๆน้องหนู)


(http://i113.photobucket.com/albums/n219/pnottimez/030107/NOTONELESS06.jpg) (http://"http://photobucket.com/")

                     เงินเธอหมดไปกับใบปลิว อาหารเธอก็ไม่มีกิน เด็กตัวน้อยที่ต้องเร่ร่อน ก็หลับไปด้วยความเพลีย โชคดีที่มีเจ้าหน้าที่ภายในสถานีมาเจอและพาเธอไปหา ผู้อำนวยการสถานี และตรงนี้เธอก็มีโอกาสได้พูดตามหาลูกศิษย์ ออกอากาศ จางฮุ้ยเคอซึ่งสภาพชิวิตก็แทบไม่ต่างกับเด็กเร่ร่อน บังเอิญชาวบ้านจำเค้าได้จึงพามาดูทีวีว่าใช้คุณครูของตนหรือไม่ ภาพที่สุดสะเทือนใจ คือครู(ในทีวี) พูดด้วยน้ำตานองหน้าตามหาลูกศิษย์ พอ ลูกศิษย์ เห็นคุณครูในทีวี ก็ร้องไห้โฮออกมา (ทั้งคู่คงคิดถึงบ้านเกิดกันมาก......) เรื่องราวจบลงอย่างมีความสุข ครูและลูกศิษย์ ได้เจอกันและกลับหมู่บ้านของตน


(http://i113.photobucket.com/albums/n219/pnottimez/030107/NOTONELESS07.jpg) (http://"http://photobucket.com/")   

                 หนัง ซื่อๆใสๆไร้พิษภัยเรื่องนี้เป็นหนังในใจเรื่องนึงของเราเลยทีเดียว (ไม่รู้เป็นไงชอบผลงานรุ่นเก่าๆ อย่าง Road Home ,Not one less )ของอาจารย์ จางอี้โหม่วมากกว่ายุคหนังอลังการงานสร้างอย่างปัจจุบัน) คงเพราะความใส น่ารักของตัวละคร (เค้าบอกว่าทุกตัวละครเป็นชาวบ้านจริงๆ) หนังมีขบๆกัดๆรัฐบาลจีนที่สะท้อนปัญหาการศึกษาในชนบท(ที่คนหนีเข้าเมืองกันไปหมด) พอเข้ามาในเมืองก็เร่ร่อน นอนกันตามสถานี ตามเสาไฟกันเป็นเบือ ไร้ที่อยู่อาศัย ปัญหาความยากจนของชาวนาชาวไร่เพราะหนี้สิน หนังไม่ได้พูดตรงๆจนเครียดเกินไปแต่เป็นการดูแล้วเกิดคำถามขึ้นในใจแบบหยิกแกมหยอก ผ่านทางเนื้อหาของหนัง ส่วนตัวละครหลักอย่างเหว่ยหมิงฉี บทไม่ได้เชิดชูว่าเธอเป็นครูตัวอย่างผู้เสียสละน่านับถือน่ายกย่อง ในหนังเธอก็เป็นแค่เด็กที่ได้รับภารกิจ ให้เป็นครู และดูแลนักเรียนตัวน้อยให้ดีที่สุดก็เท่านั้น แต่หนังสะท้อนให้เห็นความมุ่งมั่นและตั้งใจของเธอ และความด้อยโอกาสทางการศึกษาของเด็กๆในชนบท ที่ทุกคนต่างมีสมองมีความคิด มีความมุ่งมั่นและตั้งใจไม่ต่างกับเด็กทั่วไปเพียงแต่ขาดโอกาส ขาดบุคลกร ขาดทรัพยากร (คุณครู) ไปอย่างน่าเสียดาย....
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=pnottimez&month=01-2007&date=21&group=1&gblog=11 (http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=pnottimez&month=01-2007&date=21&group=1&gblog=11)
หัวข้อ: Re: NOT ONE LESS (1998) เหว่ยหมิงฉี ครูวัยใสใจแสนซื่อ
เริ่มหัวข้อโดย: มดเอ๊กซ ที่ ตุลาคม 30, 2010, 10:12:17 am
Not One Less - Trailer (http://www.youtube.com/watch?v=tjUS6iJ-EiA#ws)


"NOT ONE LESS" ยิ้มทั้งน้ำตา หรือ น้ำตาพร้อมรอยยิ้ม..       

จาก http://www.bloommedia.co.th/webboard/viewtopic.php?f=21&t=527 ครับ

รายการโทรทัศน์ “เมืองจีนวันนี้”ในเรื่อง “การศึกษาในชนบท...

ผู้ดำเนินรายการ : มาตรฐานการศึกษาได้มาถึงระดับใหม่ ความรู้มีมากขึ้นด้วยโรงเรียนที่อยู่ในสังกัดมา 9 ปี แต่สำหรับบางคนกลับเป็นเรื่องที่ยากกว่า โดยเฉพาะในเขตชนบท พวกเขาขาดอุปกรณ์การสอนที่จำเป็นและเด็กๆจำนวนมากไม่ได้ไปโรงเรียนด้วยเหตุผลหลายอย่าง ในวันนี้ ดิฉันรู้สึกเป็นเกียรติที่จะได้แนะนำแขกพิเศษของเราซึ่งเป็นผู้ที่จะพูดถึงการศึกษาในชนบท ผู้ที่นั่งอยู่กับดิฉันในที่นี่ คุณเว่ยจากโรงเรียนประถมของหมู่บ้านชุยเจี้ยนเฉียน
ช่วยเล่าเรื่องของโรงเรียนให้เราฟังหน่อยซีคะ...

ผู้ร่วมรายการ : (อึกอักพูดอะไรไม่ออก)

ผู้ดำเนินรายการ : คุณเว่ยตื่นเต้นนิดหน่อยน่ะค่ะ จางหุยเคอะ เป็นนักเรียนชั้น ป. 3 ที่ซุยเจี้ยนเฉียน แม่ของเขาป่วยและครอบครัวมีหนี้สิน เขามาทำงานเพื่อจ่ายหนี้ของครอบครัว ครูเว่ยมาที่นี่ตามลำพังเพื่อตามหาจางหุยเคอะเพื่อให้เขากลับไปเรียนหนังสือ นักเรียนกำลังออกจากโรงเรียนมากขึ้นทุกวัน ครูคิดว่าทำไมถึงเป็นอย่างนั้นคะ...ไม่ต้องตื่นเต้น...

ผู้ร่วมรายการ : (ยังคงตื่นเต้น แต่ในที่สุดก็เอ่ยปาก) ครอบครัวพวกเขายากจน....(พูดไม่ออก)

ผู้ดำเนินรายการ : ทำไมครูต้องตามหาจางหุยเคอะ

ผู้ร่วมรายการ : (ยังคงตื่นเต้น พูดไม่ออก)

ผู้ดำเนินรายการ : ทำไมครูมาตามหาเขา

ผู้ร่วมรายการ : (ท่าทางสงบขึ้นคล้ายเป็นตัวของตัวเองเต็มที่ แต่ยังไม่พูด)

ผู้ดำเนินรายการ : สถานการณ์ของจางหุยเคอะ ลำบากขึ้นเรื่อยๆ เราหวังว่าสังคมจะยื่นมือมาช่วยพวกเขา ช่วยให้พวกเขาได้กลับไปเรียน เราจำเป็นต้องช่วยเด็กรุ่นหลังที่กำลังโตขึ้น เรารู้ว่าครูรู้สึกยังไง(หันไปทางผู้ร่วมรายการ)พูดอะไรกับผู้ชมหน่อยมั้ยคะ บางทีจางหุยเคอะอาจกำลังดูครูอยู่ก็ได้ มองที่กล้องแล้วพูดกับเขาหน่อยซีคะ มองที่เลนส์ค่ะ นึกภาพว่าจางหุยเคอะกำลังฟังครูอยู่ เขาต้องคิดถึงครูมาก พูดอะไรกับเขาซักหน่อยซีคะ

ผู้ร่วมรายการ : (เป็นตัวของตัวเองเต็มที่ น้ำตาค่อยๆรินไหล) จางหุยเคอะ เธอไปอยู่ที่ไหน ครูตามหาเธอทุกแห่ง...(ปาดน้ำตาสลับพูดกระท่อนกระแท่น) ครูเป็นห่วงมาก กลับมาเถอะ...”

นี่คือฉากที่กินใจผมที่สุดในหนังเรื่องนี้...

ในพื้นที่ชนบทอันยากจนของจีน เด็กหญิงคนหนึ่งเข้ารับหน้าที่ครูผู้สอนชั่วคราวแทนครูตัวจริง อายุเธอมากกว่านักเรียนเพียงไม่กี่ปี เด็กหญิงขี้อายคนนี้ต้องเข้ารับผิดชอบนักเรียนเป็นเวลา 1 เดือน พร้อมคำสั่งเมื่อว่า “ครบกำหนด นักเรียนทุกคนต้องอยู่ครบ ขาดไปแม้แต่คนเดียวก็ไม่ได้”มิฉะนั้นจะไม่ได้รับค่าจ้างสอน

ในชั้นเรียนเธอต้องผจญกับนักเรียนชายหัวโจก “ตัวแสบ”นามจางหุยเคอะที่ดื้อดึงและสุดแสนเจ้าเล่ห์ แต่แล้วเด็กชายคนนี้ก็หายไปจากชั้นเรียนสู่เมืองใหญ่เพื่อหางานหาเงินใช้หนี้ของมารดา คุณครูเด็กน้อยที่สุดแสนจะดื้อดึงไม่ยอมปล่อยเรื่องนี้เลยตามเลย แต่เธอกลับเดินทางตามหาลูกศิษย์หัวดื้อคนนี้ไปในเมืองเพื่อนำตัวเขากลับชั้นเรียนให้จงได้ ซึ่งเธอก็ต้องผจญกับความจริงอันเจ็บปวดของชีวิตคนเมือง แต่ในที่สุดด้วยความช่วยเหลือของสถานีโทรทัศน์ท้องถิ่นประจำเมืองนั้น ในที่สุดความดื้อดึงของครูน้อยก็ประสบกับคำตอบที่ต้องยิ้มทั้งน้ำตา...

ครับ...ทั้งหมดนี่คือเรื่องราวบางส่วนจาก “NOT ONE LESS” ที่ใครต่อใครคงส่ายหัวเพราะไม่เคยผ่านสายตามาเลย แต่ถ้าบอกว่าเป็นฝีมือกำกับของ “จางอี้โหมว” หลายท่านคงตาโต

จางอี้โหมวเป็นผู้กำกับหนังเรื่องนี้ซึ่งได้รับรางวัล “AUDIENCE AWARD, 1999 SAO PAOLO INTERNATIONAL FILM AWARD FESTIVAL” มาแล้ว

ผู้แสดงทั้งหมดไม่ใช่นักแสดงที่มีชื่อเสียง หน้าตาและบุคลิกสุดแสนจะธรรมดาเหมือนคนในชนทบททั่วไป ทำให้ผู้ชมสามารถวาดภาพชนบทของจีนได้อย่างชัดเจน ราวได้อยู่ในเหตุการณ์จริง แม้จะไม่มีตอนไหนที่ผู้ชมจะตีความได้ว่าเรื่องนี้เกิดในยุดสมัยใด แต่จากฉากและเรื่องราวประกอบก็พอจะเข้าใจได้ว่า คงเป็นเรื่องร่วมสมัยทุกวันนี้นั่นเอง

หนังเรื่องนี้ทำให้นึกถึงเพลงของวงจันทน์ ไพโรจน์ ที่คุณครูไทยถือเป็นเสมือนเครื่องเตือนใจ “แสงเรืองเรืองที่ส่องประเทืองอยู่ทั่วเมืองไทย คือแม่พิมพ์น้อยใหญ่...” นึกถึงเกียรติและศรัทธาที่คนไทยมีต่อครูกระทั่งยกย่องให้เป็น “พ่อแม่คนที่สอง”ของลูกหลาน

นึกถึงโรงเรียนในชนบทยากจนของเราที่ยังมีอยู่มากมาย...เด็กน้อยผู้น่าสงสารอย่างจางหุยเคอะยังมีอีกไม่น้อยในชนบท ภาพเด็กน้อยในเมืองใหญ่ที่ยืนมองอาหารด้วยความหิวโหยอาจเคยผ่านตาใครต่อใครโดยที่มิได้คิดอะไรมาก...เว้นแต่จะได้ดูหนังเรื่องนี้

และท้ายที่สุด นึกถึงอนาคตของเด็กไทยในระบบการศึกษาที่อยู่ภายใต้อำนาจของนักการเมือง “ผู้ทรงเกียรติ์”

“NOT ONE LESS” ที่ผมมีอยู่เป็น 1 ในชุดรวมฮิตของจางอี้โหมวที่ซื้อไว้เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ซึ่งนอกจากเรื่องนี้แล้วก็ยังมี “THE ROAD HOME”และ “RIDING HOME FOR THOUSAND OF MILES” เชื่อว่ายังคงพอหาได้ โดยอาจแยกซื้อหาเป็นแต่ละเรื่องไป

จะทยอยนำมาเล่าสู่กันฟังต่อไปครับ...

หัวข้อ: Re: NOT ONE LESS (1998) เหว่ยหมิงฉี ครูวัยใสใจแสนซื่อ
เริ่มหัวข้อโดย: แก้วจ๋าหน้าร้อน ที่ ตุลาคม 30, 2010, 08:18:43 pm
 :45: ขอบคุณครับพี่มด^^