ใต้ร่มธรรม

อิ่มกาย อิ่มใจ => สุขภาพกับชีวิต => ข้อความที่เริ่มโดย: rain.... ที่ พฤศจิกายน 22, 2010, 11:19:17 pm

หัวข้อ: หยุดพฤติกรรม “ทำร้ายเข่า"
เริ่มหัวข้อโดย: rain.... ที่ พฤศจิกายน 22, 2010, 11:19:17 pm
หยุดพฤติกรรม “ทำร้ายเข่า"
  โดยมากแล้ว อาการปวดเข่าเป็นสิ่งที่บรรดาวัยรุ่นและวัยทำงานไฟแร งทั้งหลายมองว่าเป็น อาการเจ็บป่วยที่แสนจะไกลตัว และเป็นธรรมดาของภาวะสูงอายุ แต่ที่ผู้คนจำนวนไม่น้อยไม่เคยรู้เลยก็คือ ข้อเข่าเสื่อมไม่ใช่ภาวะที่เกิดขึ้นเฉพาะผู้สูงอายุเ ท่านั้น แต่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย แล้วแต่ลักษณะนิสัยและการดำเนินชีวิตของแต่ละคน และที่น่ากังวลไปกว่านั้นก็คือ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญระบุชัดว่า แนวโน้มการเกิดขึ้นของข้อเข่าเสื่อมนั้น นับวันจะเกิดขึ้นกับคนที่อายุน้อยลงเรื่อยๆ

...ที่สำคัญก็คือ พฤติกรรมทั้งหลายทั้งปวงที่เราคิดว่าเป็นพฤติกรรมปกต ิ ทำเป็นประจำทุกวัน และไม่น่าจะอันตรายอะไร กลับเกี่ยวข้องกับการเกิดข้อเข่าเสื่อม และเป็นความเสี่ยงที่หลายๆ ทำกันเป็นประจำเสียด้วย!?

รศ.นพ.พัชรพล อุดมเกียรติ แพทย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านออร์โธปิดิกส์ กระดูกและข้อภาควิชาศัลยศาสตร์ออร์โธปิดิคส์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ให้ภาพเค้าโครงของหัวเข่ามนุษย์ให้เข้าใจอย่างง่ายๆ ว่า ข้อเข่าประกอบด้วยกระดูก 3 ส่วน คือ กระดูกส่วนล่างของกระดูกต้นขา กระดูกส่วนบนของกระดูกหน้าแข้งและกระดูกสะบ้า บริเวณที่กระดูก 3 ชิ้น ที่สัมผัสกันจะมีกระดูกอ่อนผิวข้อปกคลุมอยู่ ปกติแล้วกระดูกอ่อนผิวข้อจะหนาประมาณด้านละ 3-4 มิลลิเมตร

“โรค ข้อเข่าเสื่อม เกิดจากการที่กระดูกอ่อนผิวข้อนั้นถูกทำลาย ตามปกติกระดูกอ่อนผิวข้อจะมีเรียบลื่น เป็นมัน ทำหน้าที่ช่วยให้การเคลื่อนไหวของข้อเป็นไปอย่างเรีย บลื่นไม่สะดุด ช่วยกระจายแรงและลดแรงกดกระแทกที่เกิดขึ้นกับข้อต่อ ซึ่งในผู้ป่วยที่เป็นโรคข้อเข่าเสื่อมจะพบว่ากระดูกผ ิวข้อจะบางลง มีการแตกและเปื่อยยุ่ย จนในที่สุดจะมีการสูญเสียกระดูกอ่อนผิวข้อไป ระหว่างนี้อาจมีการอักเสบของเยื่อบุข้อทำให้มีน้ำในข ้อมากขึ้นจนมีการบวมของ ข้อเข่าให้สังเกตได้และจะมีกระดูกงอก ตามขอบผิวข้อเดิม ร่วมกับจะมีการโก่งผิดรูปของข้อเข่าในระยะท้ายของโรค ” แพทย์ผู้เชี่ยวชาญรายนี้ให้ข้อมูลต่อไปอีกว่า โดยมากแล้ว ผู้ป่วยที่เป็นโรคข้อเข่าเสื่อม ส่วนใหญ่จะมีการเจ็บปวดที่หลากหลาย อาจรู้สึกปวดตื้อๆ เจ็บแปลบๆ เจ็บเสียวตามแนวบริเวณข้อเข่า ซึ่ความเจ็บปวดนี้มีแนวโน้มจะเป็นมากขึ้นตามลักษณะกา รทำลายผิวข้อนี้มีมาก ขึ้น

รศ.นพ.พัชรพล ยังแสดงความเป็นห่วงเกี่ยวกับความเสี่ยงในการเกิดโรค ดังกล่าวนี้ว่า แม้โรคนี้มักจะเกิดในผู้ป่วยที่มีการเกิดอุบัติเหตุท ี่บริเวณข้อเข่า หรือมีประวัติป่วยเป็นโรคที่เกี่ยวกับกระดูกและข้อ เช่น เกาต์ รูมาตอยด์ หรือมีประวัติการติดเชื้อในข้อเข่า แต่ก็ยังมีพฤติกรรมที่คนส่วนใหญ่คิดว่าเป็นพฤติกรรมป กติและไม่อันตราย ทว่าในความเป็นจริงแล้ว พฤติกรรมธรรมดาๆ ก็กลายเป็นการทำร้ายหัวเข่าและเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิ ดโรคข้อเข่าเสื่อมได้ โดยไม่รู้ตัว

“หลายคนไม่ทราบเลยว่า ท่านั่งธรรมดาสไตล์คนไทยอย่างการนั่งขัดสมาธินี่ก็เป ็นการทำร้ายข้อเข่า การนั่งพับเพียบด้วย และที่ห่วงที่สุดคือคุณผู้หญิงทั้งหลายที่สวมรองเท้า ส้นสูง เวลาสวมรองเท้าส้นสูง เข่าจะต้องรับน้ำหนักตัวเต็มที่ ถ้าใส่ประจำก็ทำให้เข่าเสื่อมได้เช่นกัน คือธรรมดาไม่ทำอะไร นั่งเฉยๆ ไม่ถูกท่าก็ทำร้ายหัวเข่าแล้ว แค่นั่งแล้วงอเข่าเกิน 90 องศาก็จะเกิดแรงกดจากกล้ามเนื้อรอบๆ เข่า กระดูกหัวเข่าจะถูกบีบ ก็เป็นสาเหตุทำให้ข้อเสื่อมเร็วเหมือนกัน รวมถึงการทำกิจกรรมต่างๆ ที่มีแรงกระแทกแรงๆ ต่อเข่า โดยเฉพาะในคนที่น้ำหนักมาก ต้องระวังเป็นพิเศษ”

รศ.นพ.พัชรพลแนะนำด้วยว่า อาการปวดเข่ารวมถึงโรคข้อเข่าเสื่อม แม้ไม่ได้เป็นโรคที่อันตรายถึงชีวิต แต่ก็เป็นโรคที่สร้างความทุกข์ทรมาน และกระทบกับคุณภาพชีวิตโดยตรง อีกทั้งเป็นโรคที่ป้องกันได้ จึงฝากข้อมูลดีๆ ไปยังผู้อ่าน ให้ใส่ใจสุขภาพและป้องกันอาการปวดเข่าและโรคข้อเข่าเ สื่อม ด้วยการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ควบคุมน้ำหนักให้ได้ตามมาตรฐานดัชนีมวลกาย เพื่อลดภาระการรับน้ำหนักของข้อเข่า หลีกเลี่ยงพฤติกรรมการทำร้ายข้อเข่าต่างๆ และออกกำลังกายสร้างความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อรอบเข่า

“สร้าง กล้ามเนื้อรอบเข่าให้แข็งแรงง่ายๆ ด้วยการนั่งเหยียดขาตึงแนบพื้น พร้อมกับกระดกปลายเท้าเข้าหาตัว สลับกับการจิกเท้าไปข้างหน้า หากทำจะรู้สึกตึงหน้าแข้งและเมื่อย ทำเป็นประจำจะช่วยให้กล้ามเนื้อรอบเข่าแข็งแรงขึ้น”

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญรายนี้ทิ้งท้ายด้วยว่า แต่หากวิถีการออกกำลังกายและการดูแลตัวเองให้ห่างจาก การปวดเข่าและเข่า เสื่อมได้ผลไม่ทัน ผู้ป่วยพบว่าตัวเองเป็นโรคนี้เสียแล้วก็อย่าเพิ่งตกใ จ และขอให้มาพบแพทย์โดยด่วนทันทีที่พบความผิดปกติ เช่นรู้สึกปวดหรือเสียวบริเวณข้อ เพราะยิ่งพบเร็วก็จะยิ่งหาสาเหตุและรักษาได้เร็ว

“ทุก วันนี้การผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าทันสมัยขึ้นมาก แผลเล็กลงเยอะ เจ็บน้อยลง และใช้เวลาพักฟื้นน้อยลงด้วย แต่สิ่งที่คนไข้ต้องทำคือ เมื่อพบว่ามีอาการผิดปกติ ต้องรีบมาหาหมอ จะได้รักษาได้ทันท่วงที” รศ.นพ.พัชรพลกล่าว
 :07: :07:  http://www.junjaowka.com/webboard/showthread.php?p=375975
หัวข้อ: Re: หยุดพฤติกรรม “ทำร้ายเข่า"
เริ่มหัวข้อโดย: แก้วจ๋าหน้าร้อน ที่ พฤศจิกายน 23, 2010, 12:31:58 am
 :06: ขอบคุณครับน้องฝน เข่าพี่ดีนะ รอดๆ