ใต้ร่มธรรม
อริยะสงฆ์ผู้ปฏิบัติธรรมอันดี => มาลาบูชาครู => หลวงปู่พุทธอิสระ => ข้อความที่เริ่มโดย: มดเอ๊กซ ที่ พฤศจิกายน 23, 2010, 03:48:07 pm
-
(http://www.plan-holiday.com/uploads/812f57.jpg)
ปุจฉา
ติดใจการตอบข้อปุจฉาของหลวงปู่ ที่ชี้ให้เห็นประเด็นปัญหาที่เกิดขึ้นแล้วและกำลังจะเกิดขึ้นอีก ด้วยมุมมองของผู้มีปัญญา จึงขอโอกาสเข้ามาร่วมถามต่อจากคราวก่อน ที่พูดถึงเรื่องอโคจรไปแล้วในส่วนของโคจรละครับ มันเป็นไฉน ขอหลวงปู่เมตตาตอบ
วิสัชชนา
ขอยกเอาเรื่อง"โคจร" สถานที่ที่พระพุทธเจ้าท่านอนุญาตให้ไปได้มาเสนออย่างที่ถามว่า โคจรเป็นไฉน ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ไม่ควรเข้าใกล้หญิงเเพศยา(หญิงขายตัว) หญิงหม้าย สาวทึนทึก ภิกษุณี กะเทย และร้านสุรา ไม่ควรคลุกคลีด้วยพวกพระราชา พวกข้าราชบริพาร พวกนอกศาสนา แม้พวกคฤหัสที่เขาไม่ศรัทธา แม้ศรัทธาภิกษุนั้นก็มิควรสนิทสนมมากจนเกินงาม
อีกอย่างหนึ่ง เวลาภิกษุเดินไปตามถนนสู่ละแวกบ้าน ต้องเป็นผู้สำรวมกาย วาจา ตา ใจ ไม่หลุกหลิกล่อกแล่ก รุ่มร่าม
อีกอย่าง แม้ภิกษุได้เห็นก็ดี ได้ยินก็ดี ได้สัมผัส และได้ดมกลิ่นก็ดี ที่ไม่ผิดในธรรมวินัย ต้องไม่ยึดถือสิ่งนั้น ๆ เป็นใหญ่ เช่นนี้ก็ชื่อว่าโคจร
อีกอย่างหนึ่ง ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้เว้นขาดจากการละเล่นที่เป็นข้าศึกแก่กุศล เช่นนี้ก็ได้ชื่อว่า ผู้มีโคจร
สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงเที่ยวไปในแดนที่เป็นของบิดาเธอ อันเป็นโคจร มารย่อมไม่ได้ช่อง ไม่ได้อารมณ์ ก็แลที่ที่เป็นแดนของบิดาเธอนั้น ได้แก่ มหาสติปัฏฐาน 4 อันมี
กายานุปัสสนาสติปัฏฐาน คือมีสติพิจารณาภายในกาย
เวทนานุปัสสนาสติปัฏฐาน มีสติพิจารณาเวทนาคือความรู้สึกในอารมณ์ต่างๆ
จิตตานุปัสสนาสติปัฏฐาน มีสติพิจารณาอยู่เฉพาะในจิต ให้รู้ว่ามีอารมณ์อะไรมาเกาะกุมปรุงแต่ง
ธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐาน มีสติพิจารณาในหัวข้อธรรมต่างๆ เป็นอารมณ์
เหล่านี้ชื่อว่าโคจร เป็นแดนแห่งบิดาเรา มารจักมิอาจกรายกล้ำเข้ามาทำร้าย
จบเรื่องโคจร คือที่ที่ควรไป กิริยาที่ควรทำ ธรรมที่ควรน้อมนำมาใส่ตัว แม้บุคคลที่ควรเข้าใกล้แต่พองาม ทั้งหมดนี้เป็นข้อปฏิบัติที่ทำให้ชาวบ้านเขามองว่า ภิกษุงาม นักบวชดี สมณสงบ พระประเสริฐ ครับท่าน
ไหน ๆ ก็ตอบเรื่อง โคจรแล้ว ยังมีหน้ากระดาษเหลือ ขอแถมด้วยศีลและวัตร
พระมหาเถระรูปหนึ่ง ทูลถามพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ศีลและวัตรเป็นอย่างไร
พระพุทธองค์ทรงตรัสตอบว่า ภิกษุในธรรมวินัยนี้เป็นผู้เห็นภัยในโทษทั้งหลายแม้น้อยนิด ศึกษาในพระวินัยทั้งหลายแล้วสำรวมในปาฏิโมกข์ สำรวมในศีล ถึงพร้อมด้วยอาจาระ มรรยาทดีงาม และโคจรที่อันควร เช่นนี้ชื่อว่า ศีล
ภิกษุในธรรมวินัยนี้เป็นผู้เห็นภัยในวัฏฏะ สมาทานความเพียรปฏิบัติบำเพ็ญในสมถะและวิปัสสนา เช่นนี้จึงได้ชื่อว่า วัตร
แม้สมาทานปฏิบัติในหลักของธุดงค์
อารัญญิกังคธุดงค์ คืออยู่ป่า
ปิณฑปาติกังคธุดงค์ เที่ยวบิณฑบาต
ปังสุกูลิกังคธุดงค์ นุ่งห่มผ้าบังสุกุล
เตจีวริกังคธุดงค์ ใช้ผ้า 3 ผืน
สปทานจาริกังคธุดงค์ เดินบิณฑบาตเป็นแถว
ขลุปัจฉาภัตติกังคธุดงค์ ไม่รับลาภหรืออาหารที่นอกเหนือจากของบิณฑบาต
เนสัชชิกังคธุดงค์ ถืออิริยาบถ 3 คือ นั่ง ยืน เดิน ไม่นอน
ยถาสันถติกังคธุดงค์ มีที่อยู่ตามมีตามได้หรือสุดแต่เขาจัดให้ ไม่ขวยขวายให้มากขึ้นกว่านั้น
แม้ข้อธุดงค์ทั้งแปดนี้ก็จัดว่าเป็นวัตร...
จบศีลและวัตร
ปีใหม่นี้ ่ขอให้ท่านทั้งหลายได้ลองทบทวนเรื่องราวและสิ่งที่ผ่านเข้ามา แล้วออกไปจากชีวิตท่าน ว่าแต่ละนาที ชั่วโมง วัน เดือน และก็ปี กำไรหรือขาดทุน แต่มิได้หมายถึงกำไรตัวเลข ขาดทุนตัวเลขนะ หมายถึงอารมณ์ท่านต่างหากเล่า ว่าได้กำไรมากน้อยแค่ไหน อาตมาเคยไปบรรยายให้นักศึกษาคณะเศรษฐศาสตร์ปี 4มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ได้ฟังว่า จักมีประโยชน์อะไร หากเรากำไรตัวเลข แล้วต้องมาทนทุกข์ทรมานนั่งขาดทุนอารมณ์อยู่ทุกวันเวลา ด้วยความปรารถนาดีอย่างยิ่ง
ปีใหม่นี้ไม่อวยพรกันละ แต่อยากจะบอกว่า "ทำดี พูดดี คิดดี ดีกว่าพรใดๆ ในโลก"
http://www.manager.co.th/Dhamma/ViewNews.aspx?NewsID=9470000103185 (http://www.manager.co.th/Dhamma/ViewNews.aspx?NewsID=9470000103185)
-
:45: อนุโมทนาครับพี่มด^^