(http://www.madoomovie.com/media/0814CAST%20AWAY%20คนหลุดโลก.jpg)
ธรรมะจากภาพยนต์ Cast Away
กุมภาพันธ์ 2544
Font : CordiaUPC
ไปดูหนังเรื่องนี้มาแล้ว ดีมากๆเลย ไม่ควรพลาด โดยเฉพาะสถานการณ์บริษัทที่เป็นเช่นนี้
ใครที่ดูแล้ว ควรอ่านบทวิจารณ์ ด้วยนะ จะได้รู้ว่าเราพลาดอะไรจากที่ผู้สร้างตั้งใจจะมอบเป็นแง่คิดแก่เรา
CAST AWAY
ชัค โนแลนด์ (แสดงโดยทอม แฮงค์) พนักงานบริษัท FEDERAL EXPRESS (FedEx)
ทำงานทางด้านรับ-ส่งพัสดุไปรษณีย์ข้ามทวีป
เขากำลังเดินทางไปกับเครื่องบินของบริษัทที่เดินทางข้ามมหาสมุทรแปซิฟิค
ในเที่ยวนั้นเครื่องบินผ่านสภาพอากาศที่เลวร้ายซึ่งทำให้เครื่องบินเสียการทรงตัวตกลงในมหาสมุทร
ชัค รอดชีวิตมาเพียงคนเดียว
แต่แพชูชีพก็พาเขาไปติดที่เกาะร้างเล็กๆเกาะหนึ่งกลางมหาสมุทร
ที่นั่นไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกใดๆเหมือนบนแผ่นดินใหญ่
ชัคต้องต่อสู้ทุกอย่างเพื่อเอาชีวิตรอด ตั้งแต่การหาน้ำ หาอาหารกิน การก่อไฟเพื่อใช้ประโยชน์ การหาที่อยู่อาศัย
ความเงียบเหงาบนเกาะทำให้เขาแทบเป็นบ้า
เขามีเพียง ”คุณวิลสัน” เป็นเพื่อนคุยเท่านั้น
คุณวิลสันคือลูกวอลเลย์บอลที่มากับกล่องพัสดุที่มากับเครื่องบิน
ชัคเขียนหน้าตาลงบนลูกบอล แล้วตั้งชื่อว่าวิลสันตามยี่ห้อของมัน
วิลสันไม่มีชีวิตและพูดไม่ได้แต่สิ่งที่ชัคพูดด้วยคือโต้ตอบเสียงจากจิตใจอีก
ด้านหนึ่งของเขาเอง นี่เป็นแง่คิดหนึ่งที่เห็นได้
ว่าคนเราไม่อาจอยู่ได้อย่างปกติสุขโดยปราศจาก”เพื่อน”
ชัคต้องคุยกับลูกบอลเหมือนคนบ้า แต่จริงๆเขากำลังป้องกันตัวเองไม่ให้บ้า
คนที่ติดเกาะที่อยู่ลำพังคนเดียวพยายามสร้างเพื่อนจากสิ่งที่อยู่รอบตัวและใช้
คำพูดจากจิตอีกด้านหนึ่งของตัวเองเป็นเสียงแทนคำพูดสิ่งไร้ชีวิตนั้น
น่าแปลกที่คนบางประเภทที่อยู่ท่ามกลางผองเพื่อนมากมายกลับพยายามทำลายล้างเพื่อนเสีย เพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจและความโก้เก๋แบบโง่ๆของตัวเอง
คนที่น่าสงสารเหล่านี้ไร้สำนึกถึงความสำคัญของคำว่า”เพื่อน”
จึงจัดว่าเป็นคนที่น่าสมเพชเวทนาอย่างแท้จริง
“เพื่อน”จึงเป็นสมบัติล้ำค่าที่คนมีปัญญาพึงเสาะหาเพิ่มเติมอยู่เสมอ
ตลอดเวลาที่อยู่บนเกาะ ชัคเฝ้ามองหาช่องทาง
หาวิธีที่จะทำให้เขาหลุดออกมาจากเกาะเพื่อกลับไปหาเคลลี่(แสดงโดยเฮเลนฮันท์)
หญิงคนรักที่เขาสัญญาไว้ก่อนจะขึ้นเครื่องบินเที่ยวนั้นว่าจะกลับไปหาเธอ
นาฬิกาที่ติดรูปของเคลลี่ที่ชัคนำติดตัวมาด้วยเป็นเสมือนสิ่งเตือนใจและกำลังใจที่ชัคเฝ้าดูมันทุกวัน
แง่คิดตรงนี้คือการที่คนเรามีชีวิตอยู่หรือทำกิจกรรมสิ่งใดสิ่งหนึ่งอย่างมีเป้าหมายที่ชัดเจนและแน่วแน่
จึงจะมีโอกาสที่จะทำได้สำเร็จมากกว่าการปราศจากทิศทางหรือเป้าหมายที่จะไป
ชัคมีเป้าหมายของตัวเองว่าต้องกลับไปหาเคลลี่
เขาไม่ได้สนใจว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน
อะไรจะเปลี่ยนแปลงไปแล้วกับเคลลี่
เขาจะเจอสิ่งใดที่กลางทะเลและมีโอกาสรอดชีวิตหรือไม่
เขาเฝ้ามองหาหนทางจนกระทั่งถึงวันที่แผ่นโลหะขนาดใหญ่ลอยมาติดเกาะ
จึงเกิดความคิดที่จะใช้เป็นตัวช่วยในการเจาะกำแพงคลื่นที่ซัดเข้าหาตัวเกาะ(ซึ่งเคยทำให้เขาออกไปจากเกาะไม่ได้)
ชัคเฝ้าทำเชือกจากเปลือกไม้ที่ละฟุต
ตัดกิ่งไม้ทีละกิ่งด้วยใบมีดจากรองเท้าสเก็ตน้ำแข็ง
(จากในกล่องพัสดุที่ลอยมา) จนทำแพขึ้นมาได้สำเร็จ
จากนั้นก็เฝ้าดูรอวันที่ลมจะพัดออกจากฝั่ง
เพื่อออกแพไปกลางทะเล
จนวันสำคัญก็มาถึงชัคพาแพทะลุผ่านแนวคลื่นออกไปจนได้สำเร็จ
แต่ก็ใช่ว่าการที่คนเราทำสิ่งใดสำเร็จเรื่องหนึ่งจะประสพความสำเร็จโดยสมบูรณ์เสมอไป
แพที่ลอยออกมากลางทะเลโดยปราศจากเทคโนโลยีใดๆเข้ามาช่วยจึงต้องเสี่ยงภัยอันตรายอย่างหลีกเลี่ยง
ไม่ได้ทั้งพายุคลื่นลม และสิ่งที่ไม่ได้คาดฝันเช่น ปลาวาฬ
อีกครั้งหนึ่งที่ชัคต้องอยู่ในสภาพที่สิ้นหวังแผ่นโลหะที่เคยใช้บังความร้อนจากเปลวแดดก็หายไป
คุณวิลสันก็กลับตกน้ำไปเสียอีก
แพก็อยู่ในสภาพทรุดโทรมจนชัคต้องตัดสินใจทิ้งพายและปล่อยให้แพลอยไปตามยถากรรม
“เก่งต้องบวกด้วยเฮง”คำนี้เหมาะกับชีวิตจริงที่สุด
มีคนเก่งมากมายเอาตัวไม่รอด มีเพียงบางคนที่เก่งแล้วมี”เฮง”ช่วย
จึงไปสู่ความสำเร็จในสิ่งที่ตนเองประสงค์ได้ ชัคก็เช่นกัน
เขาโชคดีที่มีเรือบรรทุกสินค้าผ่านมาเห็นเข้าจึงมีโอกาสรอดและกลับคืนมาสู่บ้านเกิดจนได้
“ความมีโชคดี”เป็นสิ่งที่คนบางประเภทไม่อาจอดทนรอได้
และสถานการณ์ในชีวิตจริงก็ไม่ได้เป็นแบบเดียวกับแพที่อยู่กลางทะเลของชัค
จึงเกิดพฤติกรรมที่เรียกว่า”โกง”ขึ้นในโลก
เพื่อให้ได้ความสำเร็จมาสู่ตนเองเช่นกัน
คนจำนวนไม่น้อยที่ใช้พฤติกรรมที่เป็นการโกงจนได้รับในสิ่งที่
ตนเองต้องการเช่น ยศตำแหน่ง เงินทอง ฯลฯ
แต่เขาไม่รู้หรอกว่าเขาได้กำลังเปลี่ยนแปลงสังคมให้เป็นไปในทางของการ”โกง”ด้วย
เมื่อคนหนึ่งโกงแล้วได้ดิบได้ดีโดยไม่มีใครลงโทษ
คนอื่นๆอีกหลายคนก็จะเอาเยี่ยงอย่างกันไปหมดเพื่อให้ได้ดีเหมือนกัน
สุดท้ายทั้งสังคมนั้นก็มีแต่การแก่งแย่งแข่งขันโกงกันไม่รู้จบรู้สิ้นหาความสงบสุขที่แท้จริงไม่ได้
ตัวอย่างในบางสถานที่
หัวหน้าบางคนที่อยากได้ตัวเลขค่าใช้จ่ายน้อยๆไปแลกกับตำแหน่งสูงๆก็ใช้วิธีข่ม
ขู่บังคับบีบให้บริวารของตนเองว่าห้ามมีค่าใช้จ่าย
(สำทับด้วยการขู่ไล่ออก
ขู่โยกย้าย ขู่ยึดเพจ ขู่ตัดค่าน้ำมัน ตัดค่าโทรศัพท์ ฯลฯ)
จนสุดท้ายลูกน้องหลายคนก็ต้องชักเนื้อตัวเองมาแก้ปัญหา
เมื่อหนักเข้ามากๆจนทนไม่ไหวก็ต้องลาออกไป
บางคนที่ไปไหนไม่ได้ก็ต้องไปโกงค่าแรงคนระดับล่างลงไปโดยยอมเสี่ยงกับกฎหมายบ้านเมือง
บ้างก็กลายเป็นคนตลบตะแลงปลิ้นปล้อนสารพัดเพื่อเอาตัวรอดจากสถานการณ์จนกลายเป็นนิสัยไม่ดีติดตัว
สุดท้ายผลกระทบที่กลับมาสู่องค์กรของก็คือความเสียหายที่มากกว่าเงินที่ประหยัด(โกง)มาได้
เช่น การลาออกของคนที่มีความสามารถ
การโกงกลับคืนเพื่อแก้แค้นและการชิงชังรังเกียจ
การสาปแช่งประนาม จากสังคมภายนอกองค์กร
การเหลือแต่คนประจบสอพลอไว้เป็นบริวารใก้ลตัว
ชัคไม่ได้เลือกวิธี”โกง”เป็นทางออกเมื่อชีวิตถึงทางตัน
เมื่อเขากลับมาพบหน้าเคลลี่
ซึ่งอยู่ในสถานะของคนที่แต่งงานมีครอบครัวไปแล้ว
เขาเกือบจะทำในสิ่งที่ผิดศีลธรรมโดยพา
เคลลี่หนี แต่วินาทีสุดท้ายคนทั้งสองก็หันมามองตากันอย่างเข้าใจ
ถ้าเขาเลือกใช้วิธี”โกง”
จะต้องมีปัญหาชีวิตอีกมากมายตามมาไม่รู้จบรู้สิ้น ทั้งจากสามีของเคลลี่
ทั้งความทุกข์ที่ไป
ตกกับลูกของเธอ และความทรมานใจของทั้งสองคน
ชัคจึงตัดสินใจจากเคลลี่มาโดยสงบ
เขาเลือกวิธี”ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไป สุดแต่สายลมพัดพามา”
เหมือนกับตอนที่เขาทิ้งพาย
ที่กลางทะเล เขาได้ทำทุกอย่างดีที่สุดแล้ว
ส่วนที่เหลือจึงไม่ต้องเสียใจอะไรอีก
ตอนท้ายของเรื่องผู้ประพันธ์ดูเหมือนจะให้รางวัลปลอบใจแก่ชัค
โดยให้เขานำพัสดุกล่อง
สุดท้ายที่ชัคไม่ได้แกะออกเพราะมันมีรูป”ปีก”ที่ช่วยให้ชัคเกิดไอเดียในการนำ แพออกจากเกาะมาได้สำเร็จ
ชัคนำกลับไปคืนเจ้าของโดยไม่รู้ว่าเจ้าของเป็น”คาวเกิร์ล”หน้าตาน่ารัก
อัธยาศัยดี
ซึ่งอาจกลายเป็นแฟนคนใหม่ของชัคก็ได้
เป็นการย้ำว่าบางทีสายลมก็พัดพาสิ่งที่ดีผ่านมาให้จนได้นั่นเอง.
พุทธวิธีบริหาร
Buddhist Style in Management
http://www.budmgt.com/lifeways/news/castaway.html (http://www.budmgt.com/lifeways/news/castaway.html)
Cast Away Soundtrack - Main Theme (Alan Silvestri) (http://www.youtube.com/watch?v=R4ov_YIfi4s#)