หนุ่มบ้านนอกยากจนคนหนึ่งเสี่ยงโชคเข้ามาหางานทำในกรุงเทพฯ ทั้งที่มิได้มีความรู้อะไรเลย เนื่องจากได้ทราบข่าวที่เพื่อนเล่าให้ฟังว่า มีโรงเรียนแห่งหนึ่ง ในกรุงเทพฯ กำลังรับสมัครนักการภารโรงไม่จำกัดวุฒิฯ จึงจับรถมากรุงเทพฯ
เขาเดินกางแผนที่ (ที่เพื่อนเขียนให้) สุ่มถามชาวบ้านถึงที่ตั้งของโรงเรียนนั้น ซึ่งกว่าจะเจอก็เหงื่อตกไปหลายปี๊บทีเดียว เมื่อได้เข้าไปแจ้งความจำนงที่แผนกธุรการ จึงมีเจ้าหน้าที่มาเรียกให้นั่ง และยื่นใบสมัครมาให้กรอกข้อความ
หนุ่มคนนั้นก็ยิ้มแหยๆ ยกมือไหว้แล้วบอกเสียงอ่อยกับเจ้าหน้าที่ว่า “ขอโทษครับพี่ ผม คือว่า ผม อ่านหนังสือไม่ออก เขียนหนังสือไม่ได้ครับ”
เจ้าหน้าที่ที่นั่งรับสมัครอยู่นั้นชักสีหน้าทันที “อะไรกัน คิดจะมาสมัครงานที่โรงเรียน ถึงจะตำแหน่งแค่นักการภารโรงถึงจะไม่ได้ใช้วุฒิการศึกษา แต่อย่างน้อยก็น่าจะอ่านออกเขียนได้บ้างนะ”
หนุ่มบ้านนอกหน้าซีด ยกมือไหว้เจ้าหน้าที่ประหลกๆ “ผมไม่รู้หนังสือจริงๆครับ แต่ช่วยรับผมไว้ทำงานด้วยครับพี่ ให้ผมแบกหาม กวาดถูอะไรก็ได้ ผมทำได้ทุกอย่าง ไม่เลือกงานครับ”
“แต่คงจะไม่ได้หรอก” เจ้าหน้าที่เก็บใบสมัครกับปากกาที่วางไว้ให้ คืนเข้าที่อย่างไม่มีเยื่อใย
“เรามาสมัครงานกับโรงเรียนนะ อย่างน้อยก็ต้องมีพื้นรู้หนังสือบ้างสิ ถ้าไม่รู้อะไรเลยอย่างนี้ก็เสียใจด้วยนะกลับบ้านไปเถอะพ่อหนุ่ม”
หนุ่มบ้านนอกได้แต่เดินออกจากโรงเรียนที่ตั้งความหวังว่า จะได้งานทำนั้นอย่างเงื่องหงอย และเมื่อไม่รู้ว่าจะทำอะไรได้ในกรุงเทพฯ จึงจำใจ กำเงินก้อนสุดท้ายจับรถซมซานกลับบ้านอย่างนกปีกหัก
แต่เมื่อกลับถึงบ้าน พลันก็นึกขึ้นได้ว่า ตนเองนั้นเพิ่งได้รับมรดก เป็นที่ดินสวนรกร้างเท่าแมวดิ้นตาย มาจากพ่อผู้ล่วงลับไป ด้วยความเจ็บใจ จึงเกิดเป็นแรงขยันมานะ ให้จับจอบเสียม หักร้างถางพง ที่ดินสวนเก่าที่รกร้างนั้น และค่อยๆพลิกฟื้นลงร่องผลไม้ไปทีละเล็ก ทีละน้อย อย่างฮึดสู้ ชะตาชีวิตด้วยความอดทน
อาจเป็นบุญของพ่อหนุ่มคนนี้ก็ได้ที่ปรากฏว่า หลายปีต่อมา สวนผลไม้ที่ได้ลงแรงไว้นั้นออกผลอย่างงดงาม และสร้างผลกำไรมากทบทวีขึ้นทุกปี กระทั่งสามารถเก็บเงินซื้อที่ดินในแปลงข้างเคียงได้อีกมาก ขยายอาณาเขตสวนของตนเอง จนกว้างขึ้น กว้างขึ้น และกว้างขึ้น
หลายสิบปีต่อมา จากความขยันขันแข็ง มานะอดทน และประสบการณ์ที่เพิ่มพูน บัดนี้หนุ่มบ้านนอกคนนั้นก็กลายเป็นชายชราที่คนทั้งเมืองรู้จักในนามของพ่อเลี้ยงสวนผลไม้ที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัด และ ในภูมิภาพนั้น
อยู่มาปีหนึ่ง เมื่อเก็บเกี่ยวผลไม้มากมายมหาศาล และชำระบัญชีเรียบร้อยโดยฝีมือของลูกหลานที่เลี้ยงดู ให้การศึกษาและแจกงานให้ทำในสวนนั้นแล้ว พ่อเลี้ยงชราก็หอบเงินเป็นฟ่อน นั่งรถเข้ามาในตัวอำเภอ เพื่อขอเปิดบัญชีกับธนาคารเป็นครั้งแรก เมื่อได้แจ้งชื่อ-นามสกุล และความจำนงกับธนาคารแล้ว พนักงานแบงค์ถึงกับตื่นเต้นกันยกใหญ่ ผู้จักการสาขาถึงกับเดินมาต้อนรับด้วยตัวเองเลยทีเดียว
เมื่อได้พนมมือไหว้ลูกค้าใหญ่รายใหม่อย่างนอบน้อมแล้ว ผู้จัดการก็แตะข้อต่อศอก ยื่นใบเปิดบัญชีพร้อมปากกาปลอกทองให้กับพ่อเลี้ยงชรานี้อย่างพินอบพิเทา “ขอบพระคุณเป็นอย่างสูงครับ ทางเรารู้สึกเป็นเกียรติเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสบริการพ่อเลี้ยงในครั้งนี้ รบกวนพ่อเลี้ยงช่วยกรอกใบเปิดบัญชีด้วยครับ”
แต่พ่อเลี้ยงชราส่ายหน้าอย่างช้าๆ และยื่นปากกาปลอกทองคืนให้กับผู้จัดการพร้อมกับยิ้มให้พลางกล่าวเนิบๆ “พ่อหนุ่มช่วยกรอกรายการให้ลุงทีเถิด ลุงอ่านหนังสือไม่ออก เขียนหนังสือไม่ได้หรอก”
ผู้จัดการรับปากกาทองคืนมาโดยอัตโนมัติแบบงงสุดขีด พลางค่อยๆอ้อมแอ้มป้อนคำถามลูกค้ารายใหญ่ถึงใหญ่มากอย่างเกรงใจสุดๆ
“เอ่อ ผมไม่เคยทราบมาก่อนเลยครับ เอ่อ ขออนุญาตเรียนถามพ่อเลี้ยงด้วยความเคารพนิดหนึ่งเถิดครับ คือว่าพวกเราในจังหวัดนี้ก็ทราบกันดีอยู่ ถึงชื่อเสียงของพ่อเลี้ยง ในกิจการสวนผลไม้ที่ใหญ่โตและเจริญก้าวหน้าที่สุดในภูมิภาคนี้ แต่”
ผู้จัดการชะงักลงด้วยความเกรงใจแต่ในที่สุดก็หลุดปากถามออกมาด้วยความฉงนที่มิอาจจะเก็บไว้ได้จริงๆ “แต่พ่อเลี้ยงอ่านหนังสือไม่ออก และเขียนหนังสือไม่ได้หรือครับนี่?”
“พ่อหนุ่ม” พ่อเลี้ยงชรายิ้มให้กับผู้จัดการสาขาของธนาคารอย่างใจดี “ถ้าลุงอ่านหนังสือออก และเขียนหนังสือได้ล่ะก้อ” แกถอนหายใจอย่างยาว ก่อนจะพูดประโยคเด็ดที่ทำให้ผู้จัดการสาขาถึงกับอึ้งไปนานเลยว่า “ป่านนี้ ลุงก็คงได้เป็นภารโรงไปนานแล้วแหละ”
คุณค่าของคนเรานั้น ไม่ได้ขึ้นกับสิ่งที่คืนอื่นเขามองเรา แต่คุณค่าของเราขึ้นอยู่กับตัวเรา โอกาสที่ดีนั้นยังมีอยู่เสมอ ขอเพียงแต่ให้มองไปรอบๆ ตั้งใจทำในสิ่งที่ทำได้ และทำให้ เต็มความสามารถของเราแล้วดอกผลกำไรจะตามมาเอง
แหล่งที่มา : นิตยสารครอบครัวซาเลเซียน ปีที่ 53 กรกฏาคม 2553
:07: ขอบคุณมากเลยนะคะ ปอจ๋าเป็นเรื่องเล่าที่ซาบซึ้ง :11: ..และประทับใจในความเพียร+มองโลกในแง่ดีไม่ท้อถอย ไม่ปล่อยตัวเองจมปลักอยู่กับคำเหยียดหยามดูถูก แล้วยิ่งกดตัวเองในตกต่ำย่ำแย่ลง ไปตามคำดูถูก/สบประมาทของผู้เหยียดหยามตน แต่กลับแปรคำดูถูกนั้นให้เป็นพลังในการต่อสู้..ต่อไปค่ะ.. :13:
:13: ขอพระเจ้า :19: คุ้มครองปอ+ครอบครัวนะคะ ..รักษาสุขภาพด้วยค่ะ ^^..