ใต้ร่มธรรม

ริมระเบียงรับลมโชย => ดูหนัง ดูเรา ดูโลก ( Movie and Wisdom ) => ข้อความที่เริ่มโดย: มดเอ๊กซ ที่ ธันวาคม 14, 2010, 09:14:32 am

หัวข้อ: "Seasons Change" ... เพราะ'ชีวิต'เปลี่ยนแปลงบ่อย
เริ่มหัวข้อโดย: มดเอ๊กซ ที่ ธันวาคม 14, 2010, 09:14:32 am

"Seasons Change" ... เพราะ'ชีวิต'เปลี่ยนแปลงบ่อย


(http://www.bloggang.com/data/onceupon/picture/1157645191.jpg)

ผมเชื่อว่า ชีวิตของคุณๆทุกคน ล้วนแล้วแต่ต้องมีสักเสี้ยวเวลาหนึ่งที่เคยผ่านทางแยกมาแล้วทั้งนั้น ทางแยกในที่นี้ ไม่ใช่ทางแยกตามท้องถนน แต่เป็นทางแยกของชีวิต...

ทางแยกของชีวิต ... มันคือทางแยกที่คุณยังไม่ได้คิดถึงในเวลาที่คุณกำลังขับเคลื่อนชีวิตให้เดินหน้าไปตามทางสายตรง ทางโค้ง คุณก็หมุนพวงมาลัยไปตามมันโดยไม่ต้องคิดถึงอะไร ใช้ชีวิตไปตามทางที่มันกำหนดเอาไว้ แต่เมื่อคุณมาถึงทางแยกนั้นแล้ว คุณก็ไม่ทันได้รู้ตัวว่าในที่สุดนี่เป็นเวลาที่คุณต้องเลือกที่จะกำหนดทางที่คุณจะไปแล้ว คุณต้องเลือกเพียงทางใดทางหนึ่ง ที่มันดีที่สุด เหมาะที่สุด และเป็นตัวคุณที่ใช่ที่สุด เพราะถ้าคุณได้เลือกไปแล้ว คุณไม่มีทางสามารถที่จะรีเทิร์นกลับมาในตอนที่เรารู้ตัวว่ามาผิดทาง เหมือนเช่นตอนที่เราขับรถ

ในตอนนี้คนหลายคนอาจจะรู้ตัวแล้วว่า ทางที่เลือกมานั้นใช่ทางที่เขาต้องการจริงหรือเปล่า ถ้าใช่ในสิ่งที่เป็นเขาก็ถือเป็นความโชคดี แต่ถ้าไม่ใช่ก็กลายเป็นเวรเป็นกรรมไปซะแล้ว...

แต่ก็มีคนอีกหลายคนที่เขายังไม่รู้ตัวว่า ทางที่เขาเลือกมานั้นใช่ทางที่เขาต้องการจริงหรือเปล่า ...บางคนก็คิดว่ามันใช่แล้ว ดีแล้ว เหมาะแล้วที่มาทางนี้ ทั้งๆที่ยังไม่เห็นว่าข้างหน้าจะมีอุปสรรคใดขวางกั้น มีหลุมมีบ่อ มีหล่มหรือเปล่าก็ไม่รู้ คนหลายคนล้วนเคยผิดพลาดจากความคิดที่ว่านี้มานักต่อนักแล้ว ถ้าไม่เจอกันกับทางตัน บางคนก็ถึงกับชีวิตพลิกคว่ำไปเลยก็ยังมี

(http://www.bloggang.com/data/onceupon/picture/1157645691.jpg)

เด็กหนุ่มวัยมัธยมต้นอันหัวเลี้ยวหัวต่ออย่าง "ป้อม" ต้องประสบปัญหากับการเลือกทางแยกที่เหมาะสมกับเขามากที่สุด... ทางแยกของชีวิตเด็กม.4 ทางแยกที่จะกำหนดอนาคตในหน้าที่การงานของเขา

พ่อแม่ของป้อม ปรารถนาให้ป้อมได้เลือกเรียนในเส้นทางของอาชีพที่มั่นคง อาชีพที่สามารถทำเงินให้กับครอบครัวได้ดี อย่างเช่น การเป็นหมอ ...ความต้องการของพ่อแม่ของป้อม ก็ไม่ได้แตกต่างไปกับพ่อแม่คนอื่นๆหรอก (รวมไปทั้งพ่อแม่ของผมด้วย) เขาอยากให้เราเป็นในสิ่งที่ดีที่ควรในสายตาของเขา เขาต้องการควบคุมรถคันนี้ (ซึ่งหมายถึงเรา) ให้ขับเคลื่อนไปในเส้นทางที่ปูด้วยยางมะตอย อันไม่ขรุขระและราบเรียบ (ก็คงไม่มีใครเลือกทางให้ลูกไปบนถนนสายทุรกันดาร ที่มีแต่กรวดหินดินทรายหรอก)


(http://www.bloggang.com/data/onceupon/picture/1157646057.jpg)

ถึงแม้ป้อมจะรู้ถึงความปรารถนาที่พ่อแม่มีให้กับเขาก็ตามที ตัวป้อมเองกลับเลือกที่จะไปอีกทางหนึ่งซึ่งไม่ใช่สิ่งที่เขาปรารถนาตามใจพ่อแม่ แต่เป็นสิ่งที่เขาชอบ เขารัก เขาหลง ...เพราะทางๆนั้นเป็นทางที่ ยอดดวงใจ ของเขาเลือกจะเดินไป ป้อมต้องการที่จะให้ผู้หญิงที่เขาแอบรัก เป็นคนขับเคลื่อนชีวิตของเขามากกว่า คนที่รักเขามานานตลอดชีวิต


(http://www.bloggang.com/data/onceupon/picture/1157645909.jpg)

ป้อม เข้าข่ายของกลุ่มคนที่คิดไปเองว่า ทางที่เขาเลือกนั้นใช่ที่เขาต้องการแล้ว... อาจใช่ตรงที่ป้อมเลือกจะไปด้วยความตั้งใจจริง (เขาสามารถฝึกฝนตัวเองให้กลายเป็นมือกลองฝีมือเยี่ยมยุทธได้ในเวลาอันสั้น) แต่เพราะมันไม่ใช่สิ่งที่เขาชอบ เขารัก เขาหลง มาตั้งแต่ต้น เขาเลือกจะมาเพราะตัวแปรอื่นหน่วงนำให้เขามามากกว่าที่เขาคิดจะมาด้วยตัวเอง

ป้อม ก็เหมือนกับคนหลายๆคน ที่ต่างก็มีปัจจัยแวดล้อมช่วยดึงดูดให้เราเห็นดีเห็นงาม ในทางที่เราเลือกจะไป ...โดยยังไม่ทันได้คิดไปถึงเส้นทางอื่นๆ ซึ่งมันไม่มีอะไรให้รู้สึกทะยานอยากได้มากเท่าทางเส้นนี้แล้ว คนเราต่างก็คิดกันไปเองว่า ถ้าเราเกิดหันเหความคิดเปลี่ยนไปในเส้นทางที่โดนจงใจให้ต้องไปนั้น มันก็คงจะกลายเป็นความทุกข์มหันต์ซะมากกว่า


(http://www.bloggang.com/data/onceupon/picture/1157646234.jpg) (http://"http://www.bloggang.com/data/onceupon/picture/1157646234.jpg")

ความรู้สึกที่เราอยากทำ มักเอาชนะ ความรู้สึกที่เราจำใจทำเสมอ ...แต่ก็ไม่แน่เหมือนกันว่า ในทางที่เราไปเพราะจงใจต้องทำนั้น อาจจะมีดีที่ปลายทาง อาจจะประสบความสำเร็จในท้ายที่สุด (ดังจะเห็นได้จากเศรษฐีผู้ร่ำรวยบนกองเงินกองทอง หลายต่อหลายคนโดนบังคับให้ต้องทำในสิ่งที่ไม่อยากทำมาก่อนแทบทั้งนั้น) ในขณะที่ถ้าเราเลือกจะไปในทางที่เราอยากทำ จนเมื่อได้ลองขับเคลื่อนไปไกลแล้ว ความรู้สึกที่ไม่ชอบธรรม อาจจะผุดขึ้นมาในหัวเพียงเพื่อบอกเราว่า "คุณมาผิดทาง" ในตอนที่สายไปเสียแล้ว

เพราะเราไม่สามารถย้อนเวลากลับไปแก้ไขอดีตได้อีกแล้ว เพียงถ้าเราได้ผ่านทางแยกของชีวิตนั้นไป มันก็จะไม่มีจุดรีเทิร์นปรากฏให้เราเห็นอีก กับสิ่งที่เราจะพบได้ในอนาคตนั้นไม่สามารถคาดเดาได้ว่าจะเป็นอย่างไร ก็ไม่แน่ว่ามันอาจจะมีทางแยกใหม่ๆมาเสนอให้เราต้องเลือกอีกก็เป็นไปได้ ...ในเมื่อชีวิตจะต้องเปลี่ยนแปลงไป เป็นเราที่กำหนดความบ่อยของมันไม่ได้


(http://www.bloggang.com/data/onceupon/picture/1157646272.jpg)

Seasons Change เพราะอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย ... หนังไทยโรแมนติกคอมเมดี้น่ารักละไม อีกหนึ่งหนังจีทีเฮชที่ผมประกาศกร้าวแต่แรกพบข่าวว่า ต้องดูให้ได้ กับสาเหตุที่ทำให้ผมรู้สึกอย่างนี้ คงเป็นเพราะอารมณ์ผมไม่เคยเปลี่ยนแปลง จากความประทับใจที่มีต่อ "แฟนฉัน" และ "เพื่อนสนิท" ทำให้ผมกล้าที่จะคาดหวังในงานเดี่ยวชิ้นต่อมาของหนึ่งในหก ผู้กำกับแฟนฉันคนนี้ ว่าเขาคงทำออกมาได้ไม่ใช่ก็ต้องใกล้เคียงสองเรื่องนั้น(ที่ผมรัก)อยู่แล้ว


(http://www.bloggang.com/data/onceupon/picture/1157646404.jpg)

เรื่องราวของ SC เหมือนจงใจจะพยายามทำให้เป็นส่วนเชื่อมของเรื่องราวใน แฟนฉัน และ เพื่อนสนิท ด้วยการสร้างพลอตเรื่องที่มีส่วนประกอบของหนังสองเรื่องนั้นมาลงในเรื่องเดียวกัน... "รักครั้งแรก" และ "รักเพื่อนสนิท" คือจุดสองจุดที่นำเอามาโยงผูกไว้ด้วยกันในหนังเรื่องนี้

"รักครั้งแรก" ระหว่าง ป้อม กับ ดาว ...หนึ่งคนที่ได้เป็นแค่ปลื้มอยู่ห่างๆ ส่วนอีกคนก็เป็นนางฟ้าที่ใครๆก็อยากอยู่ใกล้ๆ และ "เพื่อนสนิท" ระหว่าง ป้อม กับ อ้อม ...หนึ่งคนที่คิดแค่คำว่า "เพื่อน" ส่วนอีกคนคิดมากกว่าคำว่า "เพื่อน"


(http://www.bloggang.com/data/onceupon/picture/1157646474.jpg) (http://"http://www.bloggang.com/data/onceupon/picture/1157646474.jpg")

ไม่ใช่แค่พลอตที่จงใจเดินตามหนังเรื่องก่อนๆของเพื่อนๆกลุ่ม 365 เท่านั้น ...Seasons Change ต้องเรียกว่าตั้งใจสร้างขึ้นมาเพื่อหวังจะเป็นการรำลึกนึกถึงชีวิตวัยเด็ก เหมือนที่เหล่าผู้กำกับกลุ่มนี้พร้อมนัดกันทำกับหนังที่พวกเขาทำด้วยตัวเองทุกเรื่อง


(http://www.bloggang.com/data/onceupon/picture/1157646529.jpg) (http://"http://www.bloggang.com/data/onceupon/picture/1157646529.jpg")

ผู้กำกับ ต้น-นิธิวัฒน์ ธราธร ...ยังคงเรียกนำบรรยากาศกลิ่นอายอันอบอวลไปด้วยความหลังมาฝากฝังเอาไว้กับหนังเรื่องนี้ให้คละคลุ้งกันไปทั้งเรื่อง ไม่ว่าคุณจะยังไม่ถึงมัธยม กำลังอยู่มัธยม เพิ่งผ่านพ้นมัธยม หรือจำไม่ได้ว่าเคยเป็นมัธยมกี่ปีมาแล้ว SC ก็ไม่ต่างจาก แฟนฉัน เพื่อนสนิท หรือ เด็กหอ ที่ภาพเหล่านี้จะสามารถกัดกร่อนใจคนรักความหลังได้ดีชะนักแล เอาเพียงแค่ฉากแรกเริ่มของหนัง ...ก็ทำให้ผมแอบเคลิ้มไปนึกถึงวันเก่าๆ (ซึ่งยังไม่นานมานี้) ในวันที่ผมยังยืนแอบมองรุ่นพี่ผู้หญิง(ซึ่งเขาว่ากันว่าเป็นดาวโรงเรียน) อยู่ห่างๆอย่างห่วงๆ จนเป็นอันไม่ต้องทำอะไร


(http://www.bloggang.com/data/onceupon/picture/1157646659.jpg) (http://"http://www.bloggang.com/data/onceupon/picture/1157646659.jpg")

แต่นั่นไม่ใช่เป้าประสงค์ที่ผมจะมาดู Seasons Change เพื่ออยากรำเลิกรำลึกถึงความหลังแต่อย่างใด ผมอยากดูหนังเรื่องนี้ เพราะ อยากดูเรื่องราวของ "ความรัก" ซะมากกว่า ...ก็เพราะพลอตเรื่องที่ผสมโรง แฟนฉัน เข้ากันกับ เพื่อนสนิท นี่แหละ ที่ทำให้ผมอยากจะรู้นักว่า SC จะสามารถคลุกเคล้าเอาสองส่วนความประทับใจนี้เข้ากันได้ดีหรือเปล่า ? จะโดนใจผมหรือเปล่า ? และผมจะรักหนังเรื่องนี้อย่างที่ผมเคยรักสองเรื่องนั้นได้หรือเปล่า ?


(http://www.bloggang.com/data/onceupon/picture/1157646580.jpg) (http://"http://www.bloggang.com/data/onceupon/picture/1157646580.jpg")

ในองก์แรก หน้าร้อน (จากสามองค์ที่ถูกแบ่งตัดตอนออกให้เป็นเรื่องราวในฤดูกาลทั้งสาม ...ร้อน ,ฝน ,หนาว) หนังเริ่มด้วยการปูพรมเรื่องราวของตัวละครหลักทั้งสาม ...โดยเกริ่นนำถึงความ(แอบ)รักที่ป้อมมีให้ต่อดาว เพื่อนสาวรั้วบดินทร์ที่ไม่เคยได้อยู่ใกล้ชิด และไม่คิดตีสนิท ก็อย่างที่ผมบอกไปนั่นแหละ เพราะความ(แอบ)ชอบทำให้ป้อมตัดสินใจที่จะเดินตามไปในเส้นทางเดียวกันกับดาว มันจึงเป็นที่มาของการเข้ามาสู่ในรั้ววิทยาลัยดุริยางคศิลป์ และเป็นต้นเหตุที่ทำให้ป้อมต้องพาลพบกับ "อ้อม" เพื่อนสาวที่ไม่เคยเห็นหน้าไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ทั้งๆที่พ่อของป้อมก็ดันเป็นซี้ย่ำปึ้กกับพ่อของอ้อมซะด้วยนี่


(http://www.bloggang.com/data/onceupon/picture/1157646721.jpg) (http://"http://www.bloggang.com/data/onceupon/picture/1157646721.jpg")

ในองก์สอง หน้าฝน หนังสร้างเงื่อนไขให้ตัวละครทั้งสามเกิดความผูกพันกับคนดู ด้วยการกำหนดสถานการณ์ให้ตัวละครได้มีปฏิสัมพันธ์กันเอง ในฉากน่ารักๆหลายๆฉาก


(http://www.bloggang.com/data/onceupon/picture/1157646783.jpg)

ในองก์สุดท้าย หน้าหนาว หนังพาคนดูมาสู่บทสรุปของเรื่องราวที่ไม่ลงตัวระหว่าง "ความรัก" กับ "ความต้องการ"

ช่วงเวลาทั้งสามองค์ ภายในเวลาสองชั่วโมงหนัง ...ดำเนินไปด้วยความราบเรียบ ไม่มีการกระตุ้นอารมณ์คนดูให้มากล้น พยายามสร้างความซึมซับซึมลึกให้เกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ ปล่อยไปตามที่ใจคนดูนึกคิดและรู้สึก ...เพราะการที่หนังไม่พยายามเร่งเร้าตัวเอง ก็เลยเป็นผลดี ที่ทำให้คนดูเกิดอารมณ์อยากติดตามหนังได้ด้วยตนเอง ไม่ต้องอาศัยปัจจัยแวดล้อมที่หนังใส่เข้ามาเพื่อหวังกระทบกับความรู้สึกคนดูอย่างตรงๆ เหมือนเป็นคลื่นน้ำเบาๆกระเทาะก้อนหิน ที่จะไม่รู้สึกอย่างปุบปับ แต่มันจะกัดเซาะให้กร่อนไปทีละเล็กทีละน้อยอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว


(http://www.bloggang.com/data/onceupon/picture/1157646873.jpg) (http://"http://www.bloggang.com/data/onceupon/picture/1157646873.jpg")

ในขณะที่ส่วนของเนื้อหนังเองก็ยังเล่าเรื่องของมันไปด้วยความเรื่อยๆเปื่อยๆ ...แต่ผกก.ต้น ก็เลือกที่จะสร้างความแตกต่างในอารมณ์กับเวลา 2 ชั่วโมงนี้ ด้วยการทำตัวหนังให้มีโทนของความเป็นคอมเมดี้ ซึ่งมันก็ไม่แตกต่างแปลกใหม่อะไรหรอก กับหนังของทีมผู้กำกับ 365 ฟิล์มสที่ทุกเรื่องย่อมต้องเป็นแบบนี้อยู่แล้ว


(http://www.bloggang.com/data/onceupon/picture/1157646928.jpg) (http://"http://www.bloggang.com/data/onceupon/picture/1157646928.jpg")

ความเป็นคอมเมดี้ที่ไม่แตกต่างของหนัง 365 ฟิล์มส ทุกเรื่อง หลักใหญ่ใจความสำคัญนั้นมันย่อมต้องเกิดขึ้นมาจากความเป็นธรรมชาติของนักแสดง ที่ไม่โอเวอร์แอ๊คจนล้น ไม่แสร้งทำจนไม่เนียน ทุกอย่างเกิดมาจากความอินที่คนเล่นซึมซับกับความขำของมันเอง ...และส่วนของความเป็นคอมเมดี้ที่แตกต่าง ใน SC มันก็อยู่ตรงที่ มุขทุกมุขที่หนังเอามาขายก็รู้สึกได้ว่า นี่เป็นเรื่องตลกธรรมดาสามัญที่เด็กมัธยมทุกคนต้องพบเจอ คงมีประสบการณ์กับมันมาบ้างแล้ว (ยกตัวอย่าง มุขหารค่าห้อง เด็กหอก็คงเคยมีโอกาสเจอกับเพื่อนงกเช่นนี้อยู่หรอก ,มุขเรียกชื่อพ่อ อันนี้เป็นต้องเคยโดนมาแทบทุกคน ,มุขเสี่ยวๆแซวสาว อันนี้เป็นเรื่องปกติสุขที่บุรุษหนุ่มเขาทำกัน) ผกก.ต้น ทำหนังเรื่องนี้ออกมาอย่างรู้แจ้งเห็นจริงในชีวิตวัยซ่าส์มัธยม เพราะแทบทุกอย่างที่หนังแอบมีใส่เล็กๆน้อยๆมานี้ ล้วนเคยผ่านเป็นกิจวัตรประจำวันในช่วงเวลานั้น ...แล้วถ้าตอนนี้คุณยังเป็นเด็กมัธยมด้วยแล้ว แน่นอนที่ต้องรู้สึกอินกับมันเป็นพิเศษ

มิเช่นนั้นคงไม่ผิดอะไร ที่ผมจะประทับใจและโดนกับความเป็นคอมเมดี้ของ Seasons Change อย่างรุนแรง เพราะมันมีความอินในวันนี้ที่ผมยังเป็นเด็กมัธยมคอยซับพอร์ตอยู่


(http://www.bloggang.com/data/onceupon/picture/1157647009.jpg) (http://"http://www.bloggang.com/data/onceupon/picture/1157647009.jpg")

ขณะที่ส่วนของความขำขันก็ตั้งตัวทำหน้าที่ดึงดูดความสนใจของคนดูไป พร้อมกันนั้นในส่วนของความหวานซ่านโรแมนติกกุ๊กกิ๊กที่เป็นเป้าหมายหลักของหนังก็ยังดำเนินไป โดยตัดสลับกับ เรื่องราวรองที่วางตัวเองให้เป็นหนังแนวครอบครัวไปด้วย ...SC สอดประสานแนวทางการเล่าทั้งสามได้อย่างกลมกลืนและลงตัว จังหวะทุกอย่างมันได้พอดีเป๊ะ การตัดต่อเชื่อมหนังดูต่อเนื่องเป็นเนื้อเดียวกัน
แม้หนังจะเปลี่ยนอารมณ์ของตัวเองเลยอย่างฉับพลัน แต่คนดูก็ยักไม่มีความรู้สึกที่สะดุดกึก


(http://www.bloggang.com/data/onceupon/picture/1157647113.jpg) (http://"http://www.bloggang.com/data/onceupon/picture/1157647113.jpg")

องก์แรก และองก์สองในความคิดของผมนั้น ถือว่าทำออกมาได้นุ่ม ลึก ละมุนใจ... ทุกอย่างที่เห็นในช่วงเวลานี้ กำลังได้ที่ ดูลงตัวไปซะหมด ทั้งจังหวะความสนุก และทำนองการเล่าเรื่อง แล้วกับทุกสิ่งที่อยู่ในเวลาชั่วโมงกว่าๆนี้นั้น ทำให้ผมยอมรับโดยดุษฎีเลยว่า Seasons Change ได้กำหัวใจผมไปเสียแล้ว ...


(http://www.bloggang.com/data/onceupon/picture/1157647256.jpg) (http://"http://www.bloggang.com/data/onceupon/picture/1157647256.jpg")

ผมคงได้พูดคำว่า "รัก" กับหนังเรื่องนี้แน่ๆ ถ้าองก์สุดท้ายนั้นจะไม่ทำให้ผมต้องเปลี่ยนใจ ...เพียงเพราะ ในเวลาอีกประมาณครี่งชั่วโมงที่เหลืออยู่นั้น ทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยดูดี ในองก์นี้กลับดาวน์ลงอย่างรู้สึกได้ชัดเจน จากอารมณ์ที่เคยอยู่ในระดับอิ่ม ก็ถูกทอนลงไปให้กลายเป็นแค่เกือบอิ่ม


(http://www.bloggang.com/data/onceupon/picture/1157647343.jpg)

องก์สามในความคิดของผมยังคงละมุนใจได้อยู่ แต่มันก็กลายเป็นความละมุนที่แข็ง และตื้นไปเสียหน่อย... เพราะหนังดูจะกระด้างกระเดื่องทางอารมณ์ที่พาคนดูไปได้ไม่สุดสักทาง ...กับฉากที่จะซึ้งมันก็ซึ้งดีอยู่หรอก แต่หนังกลับเลือกที่จะไม่พยายามพาตัวเองไปสู่จุดแตกของน้ำตา ทั้งๆที่มันก็มีทางไปให้ถึงได้อยู่แล้ว ...กับฉากที่จะแสดงความขัดแย้งของตัวละคร หนังเลือกที่จะไม่กดดันอารมณ์คนดูให้ต้องรู้สึกคล้อยตามอารมณ์ตัวละคร ...กับความกระด้างกระเดื่องที่เป็นอยู่นี้ จึงมีผลโดยตรงต่อความอินของผมต้องลดลงไปด้วย


(http://www.bloggang.com/data/onceupon/picture/1157647397.jpg) (http://"http://www.bloggang.com/data/onceupon/picture/1157647397.jpg")

ถึงแม้องก์ที่สามจะสามารถสรุปเรื่องราวที่ต้องการสื่อระหว่าง "ความรัก" กับ "ความต้องการ" ได้ดีอย่างที่ผมปรารถนาก็ตามที แต่เพราะความอินที่มันไปไม่ถึงจุดสูงสุดนั่นเอง ก็พาลให้ตอนจบดีๆของ SC ต้องเสียกระบวนรูปไปด้วย ...


(http://www.bloggang.com/data/onceupon/picture/1157647570.jpg) (http://"http://www.bloggang.com/data/onceupon/picture/1157647570.jpg")

{ตัวเอียงต่อไปนี้ มี SPOILER ยังไม่ได้ดูห้ามอ่านครับ}

ความอินถือเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ตอนจบ(ในความคิด)ของผม "แป้ก" แต่ก็โทษไปอย่างเดียวไม่ได้เหมือนกัน เพราะจะว่าไปอย่างละเอียดถี่ถ้วน วิธีการจบของมันก็ไม่ค่อยโดนใจผมซะเท่าไหร่ ...

สาเหตุที่หนึ่งคือ มันดูง่ายไปหน่อยสำหรับการคายปมในความสัมพันธ์ของป้อม-ดาว ที่ไม่มีการพูดจา ไม่มีการร่ำลา แม้จะได้คำพูด "ไม่ชอบกินผัก ทำไมไม่บอก" เป็นการจบกันที่ดูดี แต่หนังก็ไม่ยอมสานเรื่องต่อ เพียงเพื่อขอให้ป้อมและดาวได้อยู่ในสถานการณ์ พูดคุยก่อนจะจากลาอีกสักครั้ง ก็ในเมื่อหนังเลือกจะให้เป็นอย่างนั้น คนดูอย่างผมก็เลยไม่เข้าใจว่าสุดท้ายแล้ว หนังต้องการจะให้ความสัมพันธ์ของตัวละครทั้งสองนี้ไปจบลงที่ตรงไหนกันแน่ ...

สาเหตุที่สองเป็น ความเรื่องมากของผมเอง ที่รู้สึกว่า การสรุปเรื่องประกอบเพลง ฤดูที่แตกต่าง นั้น ดูธรรมดา และมักง่ายไปหน่อย ...ถ้าเป็นผม ผมจะให้มีการพูดบรรยายเรื่องราวของแต่ละคน โดยใช้เสียงของป้อม คลอไปพร้อมทำนองเพลงด้วย พอสรุปจบหมดแล้ว ก็เป็นเวลาที่เสียงพี่นภ จะได้ทีฮัมขึ้นมา เป็นการปิดไตเติลท้ายที่สวยงาม(ในจินตนาการของผม)



(http://www.bloggang.com/data/onceupon/picture/1157647503.jpg) (http://"http://www.bloggang.com/data/onceupon/picture/1157647503.jpg")

แม้ผมจะไม่ค่อยชอบองค์สุดท้ายและตอนจบก็ตามทีเถอะ แต่ก็เถียงไม่ได้เลยว่า ตัวหนังทั้งเรื่องไม่ว่าจะช่วงเวลาไหน ได้ความดีงามจากงานเขียนบทของผู้กำกับ และคนร่วมเขียนบท(เจ้าประจำของหนังจีทีเฮช) "อมราพร แผ่นดินทอง" ไปเต็มๆ ...ตัวหนังเปิดทางเปิดประเด็นอะไรไว้กี่อย่าง บทหนังก็สามารถตามไปปิดมันได้ทุกอย่างโดยครบถ้วน ไม่หลงเหลือความค้างคาใจอะไรไว้อีก (ขอยกเว้นที่ SPOIL ไปเรื่องนั้นเรื่องเดียวเลย)


(http://www.bloggang.com/data/onceupon/picture/1157647983.jpg) (http://"http://www.bloggang.com/data/onceupon/picture/1157647983.jpg")

อีกหนึ่งความดีงาม ที่สร้างเสน่ห์ความดึงดูดใจคนดูได้ตลอดเรื่อง เลยก็คือ การถ่ายภาพ ...กับโลเคชั่นที่เลือกมาเข้าฉากแต่ละที่ในม.มหิดลฯ นั้น ล้วนแต่ดูดี และดูสวย แทบทั้งนั้น เป็นผลพวงมาจากการที่ ผู้กำกับภาพเข้าใจเลือกใช้มุมกล้องถ่ายตัวละครกับฉากหลังได้เหมาะเหม็งกับการนำเสนอทางอารมณ์ของตัวหนังในฉากนั้นๆ ตอนไหนจะขอให้แฮปปี้หรือเศร้า คนดูก็รู้ได้เลยจากการดูภาพก็เพียงพอ


(http://www.bloggang.com/data/onceupon/picture/1157648150.jpg) (http://"http://www.bloggang.com/data/onceupon/picture/1157648150.jpg")

ว่ากันถึงส่วนสำคัญที่เป็นตัวส่งเสริมการขายของหนังเรื่องนี้ หมายความถึง เพลงประกอบ ...กับการนำเอาดนตรีคลาสสิคมาใช้เป็นเมนร่วมนั้น ช่วยยกระดับความงดงามให้ SC หนักแน่นขึ้นไปอีก ในแง่ของอารมณ์ทางภาคดนตรีทั้ง 4 ที่มีให้สอดประสานกันกับส่วนของตัวเรื่องที่แบ่งออกเป็นฤดู บทเพลง Four Seasons ที่เลื่องชื่อ ฟังแล้วเพราะทุกครั้งที่ได้ยิน จากนอกจอที่เคยว่าเพริศพริ้งในอารมณ์แล้ว พอไปใช้ในหนังเรื่องนี้ยิ่งโดนใจ เข้ากันไปได้อย่างเคลิ้ม

และที่ขาดไปไม่ได้เลย เพราะนี่ถือเป็นความกลมกล่อมที่ทำให้ Seasons Change ได้ใจคนดูแทบทุกคน ก็คือ การแสดงของทีมหนุ่มสาวหน้าใหม่ ...


(http://www.bloggang.com/data/onceupon/picture/1157649069.jpg) (http://"http://www.bloggang.com/data/onceupon/picture/1157649069.jpg")

บอล - วิทวัส สิงห์ลำพอง เป็น "ป้อม" เด็กผู้ชายปอนๆ บ้านๆ ที่หมายมั่นจะเด็ดดอกฟ้ามาเชยชม ... เขาทำได้ดีในบทของหมาวัด โดยให้สีหน้าที่ซ่อนแอบความรู้สึกลึกๆได้เนียน ,เขาเล่นตลกได้เจ๋ง ชอบฉากที่ป้อม พยายามจัดข้าวจัดของในห้องดนตรี เพื่อรอตีกลอง โดยไม่ต้องแสดงออกอะไรมาก เดินไปเดินมา แต่ก็ฮาได้ใจซะงั้น ,เขาเล่นดรามาใช้ได้ สื่ออารมณ์ของลูกที่รู้สึกผิด จนไม่กล้าคุยกับพ่อ โดยใช้ความนิ่งทางสายตามองพ่อได้ดูน่าเห็นใจ


(http://www.bloggang.com/data/onceupon/picture/1157648337.jpg) (http://"http://www.bloggang.com/data/onceupon/picture/1157648337.jpg")

ต่าย - ชุติมา ทีปะนาถ เป็น "อ้อม" สาวแก่นกะโหลกกะลา ที่ไม่แก่นพอจะออกปากบอกรักใคร ... เริ่มต้นงานหนังเรื่องแรก ก็ได้บทที่มีมิติให้เล่นเยอะเลยทีเดียว และเธอก็สามารถเอาความเป็นต่อที่ได้รับมาทำให้ อ้อม กลายเป็นตัวละครที่ผมเลือกจะเทหัวใจไปให้เต็มกระบุง (เสียงไวโอลินที่เธอสีในฉากนั้น มันบาดหัวใจผมจนน้ำตาซึม กับการสื่อสารทางอารมณ์ผ่านเสียงเพลงของต่ายในฉากนี้ เยี่ยมเด็ดดวงมากครับ)


(http://www.bloggang.com/data/onceupon/picture/1157648494.jpg) (http://"http://www.bloggang.com/data/onceupon/picture/1157648494.jpg")

นาถ - ยุวนาถ อาระยานิมิตสกุล เป็น "ดาว" สาวหวานเย็นชา ที่ไม่สนใจเรื่องอื่นใดนอกจากดนตรี ... โชคดีที่มีความสวย น่ารัก อ่อนโยน เป็นอาวุธพิชิตใจชายได้ชนะขาด แต่ก็โชคร้ายที่บทหนังไม่ค่อยส่งให้เธอได้มีบทบาทต่อตัวหนังเท่าที่ควร เสียดายโอกาสการขึ้นจอที่ดูจะพอๆกับคนอื่น แต่สุดท้ายก็ได้ใช้ศักยภาพน้อย เหมือนโดนสั่งให้มาหว่านเสน่ห์ความเคลิบเคลิ้มโดยเงียบๆ บนจอหนังเพียงเท่านั้น


(http://www.bloggang.com/data/onceupon/picture/1157648085.jpg) (http://"http://www.bloggang.com/data/onceupon/picture/1157648085.jpg")

ตัวละครประกอบคนอื่นๆ ก็ต่างพากันทำหน้าที่ได้ดีทุกคนเช่นกัน แต่ถ้าถามว่าผมชอบบทบาทของใครเป็นพิเศษ คนๆนั้นก็ต้องเป็นอาจารย์ของป้อมซัง ที่เคยเป็น เคนจัง จาก แก๊งชะนีฯ การแสดงของคุณยาโน คาซูกิ ยังได้ใจผมเหมือนเดิม ทุกฉากที่แกออกเป็นต้องแย่งซีนจนนักแสดงร่วมฉากแทบตกขอบจอไปเลย (พี่แตนคนสวยแห่ง "เพื่อนสนิท" ที่ว่าแน่ยังพ่ายแพ้พลังชาบูชาบูดูสิดู) เอาแค่ฉากเปิดตัวท่าใบ้ทายเพลงของเขาก็ได้ใจยิ่งไปกว่าไก่ย่างส้มตำในเรื่องที่แล้วซะอีก ...(เออ พี่แตน อย่าน้อยใจไปนะ ที่เรื่องนี้พี่ไม่ร้อนฉ่าทุกองศาได้ใจผมไป)


(http://www.bloggang.com/data/onceupon/picture/1157647792.jpg) (http://"http://www.bloggang.com/data/onceupon/picture/1157647792.jpg")

Seasons Change ... คุ้มค่าสมอยากที่สองชั่วโมงในโรงหนัง ได้แลกกันกับความสุขอันน่าจดจำอีกครั้งหนึ่ง ที่แม้มันจะไม่เยี่ยมเท่า "เพื่อนสนิท" ไม่อิ่มเท่า "แฟนฉัน" แต่มันก็ยังได้ชื่อว่าเป็นหนังไทยดีมีคุณภาพเท่าเทียมกัน...ขอร่วมแสดงอากัปกิริยายันว่า นี่คือหนังไทยในรอบปีนี้ที่ไม่ควรพลาด ก็เพราะว่า...อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย

 
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=onceupon&month=09-2006&date=08&group=2&gblog=27 (http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=onceupon&month=09-2006&date=08&group=2&gblog=27)



Seasons Change เพราะอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย (http://www.youtube.com/watch?v=p7kq17Dzt-k#)
หัวข้อ: Re: "Seasons Change" ... เพราะ'ชีวิต'เปลี่ยนแปลงบ่อย
เริ่มหัวข้อโดย: แก้วจ๋าหน้าร้อน ที่ มกราคม 07, 2011, 10:47:49 pm
Season change (http://www.youtube.com/watch?v=b7ZIaTCy0ek#)

เรื่องนี้ชอบครับ คิดถึงคนที่เรารักเลย ^^ ป่านนี้จะบ่นว่า อยากกลับบ้านอีกไหมนะ
ความรักไม่จำกัดนิยามครับ ถ้าเราได้เห็นเค้ามีความสุข เค้าจะอยู่ที่ไหน เค้าจะอยู่กับใคร ถ้าเค้ายิ้ม เราก็ยิ้ม