(http://movie.mthai.com/wp-content/uploads/2010/11/poster_ha1.jpg)
และแล้วภาคแรกของตอนสุดท้าย แห่งตำนานพ่อมดน้อย แฮร์รี่ พอตเตอร์ ก็ถึงเวลาแล้ว และสมค่ากับที่ชาวมักเกิ้ลรอคอยกันมา สำหรับ แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับเครื่องรางยมทูต ภาค 1 ที่มาครั้งนี้เราแทบจะไม่เห็นโรงเรียนเวทมนตร์ ฮอกวอตต์ กันเลย
(http://movie.mthai.com/wp-content/uploads/2010/11/baguette-albus-film.jpg)
หลังจากภาคที่แล้ว “เจ้าชายเลือดผสม” เราต้องสูญเสียอาจารย์เคราขาว ดัมเบิ้ลดอร์ ไปอย่างไม่มีวันกลับ พูดแล้วเศร้าจิต เพราะอาจารย์ใหญ่ถูกทำลายโดยฝีมือของคนที่ไว้ใจอย่าง “เซเวอร์รัส สเนป” (ซึ่งเราดูแล้วไม่รู้เลยว่า สเนป อยู่ฝ่ายไหน แสดงได้เนียน สมบทบาทอย่างมาก) ไปต่อหน้าต่อตา แฮร์รี่ ที่ต้องซ่อนบังอำพรางตัวเองให้รอด โดยที่ไม่สามารถช่วยเหลืออาจารย์สุดที่รักไว้ได้เลย
(http://movie.mthai.com/wp-content/uploads/2010/11/HP7A-TR2-103.jpg)
และเมื่อมาภาคนี้ “เครื่องรางยมทูต” เป็นปฐมบทของการตามหาจิตวิญญาณที่ซุกซ่อนอยู่ใน ฮอร์ครักซ์ ซึ่งเป็นที่สิงสถิตขอวิญญาณ “ลอร์ด โวลเดอร์มอร์” พ่อมดแห่งศาสตร์มืดที่กำลังมีพลังกล้าแข็งขึ้นทุกขณะ คราวนี้การเดินทางของแฮร์รี่ พอตเตอร์, เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์, และ รอน วิสลีย์ ไม่ได้ง่ายดายดั่งเช่น 6 ภาคที่ผ่านมา เพราะภาคนี้พวกเขาจะไม่มีคำปรึกษาจากอาจารย์ใหญ่ ดัมเบิ้ลดอร์ อีกต่อไป
ตัวหนังเปิดเรื่องมาด้วยการทิ้งความทรงจำไว้เบื้องหลัง การตัดขาดจากสิ่งที่คุ้นเคยของทั้งแฮร์รี่ และ เฮอร์ไมโอนี่ ที่ต่างต้องลบความทรงจำของคนที่รักยิ่ง เพื่อให้พวกเขาอยู่รอดปลอดภัยจากสงครามที่กำลังปะทุอยู่นี้ ซึ่งลุกลามกลายเป็นการทำลายล้างชาวมักเกิ้ลอย่างเราเราด้วย
(http://movie.mthai.com/wp-content/uploads/2010/11/HP7-1-FP-0071.jpg)
การต่อสู้ครั้งนี้ไม่มีใครรู้ได้ว่าจะมีผลออกมาเป็นเช่นไร (นอกจากชาวมักเกิ้ลที่อ่านหนังสือจบแล้ว) ตามมาด้วยการหายุทธวิธีรับมือจากศาสตร์มืด ด้วยการวางแผนจาก “อลาสเตอร์ มู้ดดี้” หรือที่เรารู้จักย่อ ๆ ว่า ‘แม้ด-อาย’ มู้ดดี้ โดยให้ทุกคนในภาคีดื่มน้ำยาสรรพรส เพื่อแปลงเป็น แฮร์รี่ พอตเตอร์ เพราะตัวแฮร์รี่นั้นมีอายุยังไม่ครบกำหนด จึงทำให้ทางกระทรวงเวทมนตร์ ซึ่งทางทีมภาคีคิดว่ามีหนอนบ่อนไส้อยู่ สามารถจับตาดูความเคลื่อนไหวของแฮร์รี่ได้ตลอดเวลา และเพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้แฮร์รี่ ตกเป็นเป้าหมายเดียว ทางแม้ด-อาย พร้อมชาวภาคี จึงร่วมใจกันสร้างสถานการณ์หลอกนี้ขึ้น เพื่อช่วยเหลือแฮร์รี่ ให้รอดพ้นจากฝ่ายโวลเดอร์มอร์
ฉากเปิดเรื่องนี้ทำให้คนดูได้รู้ว่าสถานการณ์ในโลกพ่อมดเปลี่ยนไปแล้ว เพราะถูกศาสตร์มืดเข้ายึดครอง แม้กระทั่งโรงเรียนฮอกวอตส์ ก็ยังถูกศาสตร์มืดครอบคลุม ใครที่ไม่ใช่พ่อมด แม่มด บริสุทธิ์ จะถูกทำลาย..
เรื่องราวเข้มข้นของการต่อสู้มีขึ้นสลับกับฉากดราม่า ที่ทำให้คนดูจมเข้าสู่วังวนในโลกแห่งพ่อมด ที่ครั้งนี้ไม่ได้สวยหรูเหมือนอย่างภาคที่แล้ว ๆ มา การทำงานของตัวละครต้องเข้มข้นขึ้นมาก ต้องเอาใจใส่พิถีพิถันในการแสดงเพื่อดึงความสนใจคนดูให้รู้สึกว่าอยู่ร่วมในการต่อสู้เพื่อเอาชีวิตให้รอดของแฮร์รี่ พอตเตอร์ ที่ยังคงต้องการความช่วยเหลือจาก เฮอร์ไมโอนี่ และ รอน
โดยหลัก ๆ แล้วตัวละครในภาคที่ 1 ของบทสรุปนี้ เด่น ๆ เลยจะอยู่ที่ตัวละครเอก 3 ตัว นั่นคือ แฮร์รี่ พอตเตอร์, เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ และ รอน วิสลีย์ น้ำหนักของเรื่องราวจะตกหนักอยู่ที่ความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อน (รัก) ที่มาถึงทางแยก และทุกคนต้องให้โอกาสแต่ละคนได้คิด และเข้าใจ พร้อมกับการยอมรับในบทสรุปที่มันเป็นไป
(http://movie.mthai.com/wp-content/uploads/2010/11/Untitled-18.jpg)
ในภาคนี้เรายังได้เห็นอาการลังเลของคนที่เราแสนเกลียดชังอย่าง ลูเซียส มัลฟอยด์ ที่ต้องเผชิญหน้ากับความถูกต้องกับความกลัวเกรง อีกทั้งเนื้อหาทั้งหมดไม่ได้ดราม่าไปซะทุกตอน แต่ยังมีการแทรกความฉลาด น่ารัก ของ ตัวเอล์ฟ อย่าง ครีเชอร์ และ ด๊อบบี้ มาให้เราได้หัวเราะพักหายใจหายคอกันบ้าง หรือแม้แต่ตอนที่ รอน วิสลีย์ พูดในบางครั้งก็ยังทำให้คนดูหัวเราะฮาครืนไปได้อีกเช่นเดียวกัน
(http://movie.mthai.com/wp-content/uploads/2010/11/zxkreacher.jpg)
บทภาพยนตร์ของภาค 1 ถึงแม้ว่าจะไม่ได้คัดมาทุกบรรทัดของหนังสือที่ เจ.เค. โรลลิ่ง แต่งขึ้น แต่ทว่า ก็ยังทำหน้าที่ของบทภาพยนตร์ที่สมบูรณ์แบบได้ดีเยี่ยม เนื้อหาเรื่องราวเน้นย้ำถึงมิตรภาพ การช่วยเหลือกันและกันในยามยาก และการตีความหมายจากพินัยกรรมจากอาจารย์ใหญ่ที่ทิ้งไว้เพื่อเป็นตัวช่วยให้แฮร์รี่ เดินทางไปสู่หนทางที่ถูกต้อง
(http://movie.mthai.com/wp-content/uploads/2010/11/normal06359dj.jpg)
การนำเสนอเรื่องราวในภาคนี้ เหมือนแทรกคำสอนให้เห็นอยู่อย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะเป็น การช่วยเหลือจาก ด๊อบบี้ เอลฟ์ ที่แฮร์รี่ เคยช่วยเหลือไว้ ตอนนี้เราก็ได้เห็นว่าการช่วยเหลือผู้อื่นโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนนั้น เมื่อยามคับขันเราก็จะได้ความช่วยเหลือนั้นตอบกลับมาด้วยเช่นเดียวกัน นับเป็นความฉลาดของผู้เขียนที่โยงใยความหมาย ความสัมพันธ์ตั้งแต่เล่มแรกมาจนเล่มสุดท้ายได้อย่างดีเยี่ยมเลยทีเดียว ควรค่าแล้วกับการเป็นวรรณกรรมเยาวชนที่น่าให้การสนับสนุนอย่างแรง
กลับมาพูดถึงตัวหนังกันต่อ ในด้านการโชว์สเปเชียลเอฟเฟกซ์ของเรื่องนี้ก็ดูได้อย่างสมจริง มีจินตนการผสมผสานทำให้คนดูรู้สึกมีอารมณ์ร่วมและเอาใจช่วย การแสดงของทุกตัวละคร ต่างทำหน้าที่เติมเต็มให้กันและกันได้อย่างสมบูรณ์ โดยเฉพาะ 3 ตัวละครหลักที่ครั้งนี้นับได้พัฒนาฝีมือทางการแสดงมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด (ถึงแม้ว่า แฮร์รี่ พอตเตอร์ จะโตขึ้นแล้วไม่หล่อก็เถอะ)
ขัดใจก็แต่บทสรุปของภาคที่ 1 กลายเป็นจุดเริ่มต้นของภาคที่ 2 ที่ทำให้คนดูอย่างเราค้างคาใจ อยากจะชมภาคที่ 2 ในเร็ววัน แต่คงต้องบอกไว้ก่อนว่า หนังเรื่องนี้เป็นหนังที่เหมาะสำหรับเด็กที่โตขึ้นมาอีกหน่อย และสำหรับชาวมักเกิ้ลที่เป็นสาวกของพ่อมดน้อยนี้ ให้คะแนนความนิยมชมชอบไปเลย 4.5 ดาว (ดีแล้วล่ะ แต่ขัดใจตอนจบอย่างที่บอก)
โดยซายากะ โฮมส์-ดอยล์
http://movie.mthai.com/movie-review/82382.html (http://movie.mthai.com/movie-review/82382.html)