ใต้ร่มธรรม
วิถีธรรม => จิตภาวนา-ปัญญาบารมี => ข้อความที่เริ่มโดย: ฐิตา ที่ ธันวาคม 31, 2010, 01:49:01 pm
-
กิจของจิตโดยย่อ
1.ปฏิสนธิกิจ (เกิด)
2.ภวังคกิจ (ดำรงภพชาติ)
3. อาวัชชนกิจ (รู้ว่าอารมณ์กระทบ)
4.ทัสสนกิจ (เห็น)
5. สวนกิจ (ได้ยิน)
6.ฆายนกิจ (ได้กลิ่น)
7.สายนกิจ (ลิ้มรส)
8.ผุสสนกิจ (สัมผัสทางกาย)
9.สัมปฏิจฉันนกิจ (รับอารมณ์)
10.สันตีรณกิจ (พิจารณาอารมณ์)
11.โวฏฐัพพนกิจ (ตัดสินอารมณ์)
12.ชวนกิจ (แล่นไปในอารมณ์)
13.ตทาลัมพณกิจ(รับอารมณ์ต่อจากชวนจิต)
14.จุติกิจ (ตาย)
http://agaligohome.fix.gs/index.php?topic=2136.msg7815;topicseen#msg7815 (http://agaligohome.fix.gs/index.php?topic=2136.msg7815;topicseen#msg7815)
สุขใจดอทคอม
อนุโมทนาสาธุที่มาทั้งหมดมากมายค่ะ
-
ชนิดของจิตในพระอภิธรรม
อกุศลจิต คือ อกุศล+จิต หมายความว่า
จิตมีอกุศลปรุงแต่งอยู่ ๑๒ ชนิด
อเหตุกจิต คือ อเหตุก+จิต หมายความว่า
จิตไม่มีโลภะ โทสะ โมหะ,อโลภะ อโทสะ อโมหะเป็นเหตุให้เกิด ๑๘ ชนิด
กามาวจรจิต คือ กามาวจร+จิต หมายความว่า
จิตที่ท่องเที่ยวอยู่ในอารมณ์อันน่ารักใคร่ ๒๔ ชนิด ได้แก่ บุคคลชั้นเทพ ๖ ชั้น
รูปาวจรจิต คือ รูปาวจร+จิต หมายความว่า
จิตที่ท่องเที่ยวในรูปพรหม ๑๕ ชนิด
อรูปาวจรจิต คือ อรูปาวจร+จิต หมายความว่า
จิตที่ท่องเที่ยวอยู่ในอรูปพรหม ๑๒ ชนิด
โลกุตตรจิต หมายความถึง
มรรคและผลที่เข้าไปประกอบจิตทำให้อยู่เหนือโลก (อารมณ์) รวม ๘ ชนิด
และในแต่ละชนิดเหล่านี้ ต่างก็มีปัญจมฌาน (ฌาน ๕) ประกอบอยู่ด้วย
ดังนั้น จึงเป็นจิตโดยละเอียด เท่ากับ ๘x๕ คือ ๔๐ ชนิด
เพราะฉะนั้น
ในพระอภิธรรมจึงมีจิต โดยย่อ ๘๙ ชนิด โดยละเอียด ๑๒๑ ชนิด
การที่เรียก จิต เป็น ชนิด
เรียกตามชนิดของอารมณ์ที่เข้ามาปรุงแต่ง
แต่ในพระอภิธรรม เรียกระบุเป็น ๘๙ ดวง และ ๑๒๑ ดวง...
agaligohome * สุขใจดอทคอม
อนุโมทนาสาธุที่มาทั้งหมดมากมายค่ะ
-
:13: อนุโมทนาครับ ขอบคุณครับพี่แป๋ม
-
จิตตสังขาร (ได้แก่ เจตนาเจตสิก ที่ประกอบกับ
อกุศลจิต ๑๒ มหากุศลจิต ๘ รูปาวจรกุศลจิต ๕ อรูปาวจรจิต ๔
หรือเรียกว่า เจตนา ๒๙ )
ที่ชื่อว่า จิตตสังขาร เพราะอรรถว่า เป็นสังขาร (การปรุงแต่ง) อันจิตเป็นไป หรือเพราะจิต หรือเป็นไปแต่จิต
ชื่อว่า วจีสังขาร กายสังขาร และจิตตสังขาร ที่พระธัมมทินนาเถรีกล่าวในประโยคอาทิว่า
“ดูก่อนวิสาขะผู้มีอายุ เมื่อภิกษุเข้าสัญญาเวทยิตนิโรธ วจีสังขารย่อมดับก่อน
ต่อจากนั้นกายสังขารก็ดับ ต่อจากนั้นจิตตสังขารก็ย่อมดับ” ๓ ดังนี้
วจีสังขาร ได้แก่ วิตก วิจาร
กายสังขาร ได้แก่ ลมหายใจเข้า ลมหายใจออก
จิตตสังขาร ได้แก่ สัญญา และเวทนา
ดูกรคฤหบดี ลมหายใจเข้าและลมหายใจออกเป็นของเกิดที่กาย
ธรรมเหล่านี้เนื่องด้วยกาย
ฉะนั้น ลมหายใจเข้าและลมหายใจออกจึงชื่อว่ากายสังขาร
บุคคลย่อมตรึกตรองก่อนแล้ว จึงเปล่งวาจาภายหลัง
ฉะนั้น วิตกวิจาร จึงชื่อว่าวจีสังขาร
สัญญาและเวทนาเป็นของเกิดที่จิต ธรรมเหล่านี้เนื่องด้วยจิต
ฉะนั้น สัญญาและเวทนาจึงชื่อว่าจิตตสังขาร ฯ
-
จิตตสังขาร... เมื่อดับไป... ก็ยังไม่ใช่พระนิพพาน
ได้แต่เข้าไปอาศัยอยู่ใน สัญญาเวทยิตนิโรธ เท่านั้น
สัญญาเวยิทนิโรธนั้น ไม่ใช่พระนิพพาน...
กามภูสูตร
สังขาร ๓ และวิธีดับ
ปัญหา กายสังขาร วจีสังขาร จิตตสังขารคืออะไร และสังขารทั้ง ๓ นี้ดับไปเมื่อใด ?
พระกามภูตอบ "ดูก่อนคฤหบดีลมหายใจเข้าและหายใจออก
ชื่อว่ากายสังขาร...ลมหายใจเข้าหายใจออกเป็นของเกิดที่กายธรรมเหล่านี้เนื่องด้วยกาย
ฉะนั้น...จึงชื่อว่ากายสังขาร...
"วิตกวิจารชื่อว่าวจีสังขาร...บุคคลตรึกตรองก่อนจึงเปล่งวาจาภายหลัง
ฉะนั้น วิตกวิจารจึงชื่อว่า วจีสังขาร...
"สัญญาและเวทนาชื่อว่าจิตตสังขาร...สัญญาและเวทนาเป็นของเกิดที่จิต
ธรรมเหล่านี้เนื่องด้วยจิตฉะนั้น...จึงชื่อว่าจิตตสังขาร
"ดูก่อนคฤหบดี เมื่อภิกษุเข้าสัญญาเวทยิตนิโรธอยู่ วจีสังขารดับก่อน
ต่อจากนั้นกายสังขารดับต่อจากนั้นจิตตสังขารจึงดับ..."
กามภูสูตรที่ ๒
agaligohome * sookjai.com
อนุโมทนาสาธุที่มาทั้งหมดมากมายค่ะ