ใต้ร่มธรรม
บล็อก => บทความ (Blog) => ข้อความที่เริ่มโดย: rain.... ที่ มกราคม 31, 2011, 12:46:14 pm
-
:13: :13: :13: :13:
กล่องข้าวที่หายไป
:19: :19: :19: :19:
ผมพลันรู้ตัวขึ้นมาทันทีว่า “กล่องข้าวสีฟ้า”
ที่เคยคิดว่ามันหายไปแล้วนั้น
แท้จริงมันไม่ได้หายไหนเลย...
----------------------------------------------------
ผมนำ “กล่องข้าว” ไปกินที่โรงเรียนครั้งแรกตอน ม.1
เหตุผลสำคัญจริงๆก็คือทำตามเพื่อน
ในชั้นเรียนนั้นมีเพื่อนนำอาหารมากินตอนพักเที่ยงกันกว่าครึ่งห้อง
ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง มีทั้งที่ใส่ปิ่นโต ใส่กล่อง และบางคนใส่ห่อมาก็มี
เมื่อถึงเวลาพักก็เอามาแลกเปลี่ยนแบ่งปันกันกิน
ถามเพื่อนว่าทำไมเอาข้าวมากิน
ส่วนใหญ่บอกว่าซื้อกินเองแพง ไม่มีเงินพอ
บางคนบอกว่าอาหารที่โรงอาหารไม่อร่อย กินของแม่อร่อยกว่า
เลยนำอาหารที่บ้านมาเอง และบางคนเห็นเพื่อนกินข้าวกล่องกันเยอะๆ
ดูแล้วสนุกดี ...
แถมบางคนก็เป็นเพื่อนสนิท ไม่อยากจะแยกกัน
ก็เลยเอามากินเป็นเพื่อนด้วย
ผมเป็นหนึ่งในกลุ่มหลังนี้
ที่บ้านมีปิ่นโตอยู่แล้ว แต่ผมไม่สะดวกกับการหิ้วปิ่นโต เพราะบ้านอยู่ต่างอำเภอ
ขณะที่โรงเรียนอยู่ในตัวจังหวัด ถ้าต้องหิ้วปิ่นโต และโหนรถสองแถวด้วยคงลำบาก
แม่จึงซื้อกล่องข้าวอันใหม่ให้จำได้ว่าเป็นกล่องสีฟ้า
ข้างในนอกจากมีพื้นที่ใส่ข้าวแล้วยังแบ่งเป็นช่องเล็กๆ ใส่อาหารได้ถึง 3 ช่อง
สำหรับบางคน การห่อข้าวเป็นความสะดวกและเรียบง่าย
แต่กับผมไม่ใช่เพราะที่บ้านปกติ จะซื้ออาหารสำเร็จมาทาน
เนื่องจากแม่ผมไม่ค่อยแข็งแรง
ไม่สบายด้วยโรคมากมายรุมเร้า
ทั้งโรคหัวใจ โรคความดัน โรคอ้วน และไขมันในเส้นเลือดสูง
แต่ผมไม่อยากจะซื้อแกงถุงสำเร็จรูปเพราะธรรมเนียมของการกินข้าวกล่องที่โรงเรียน
คือต้องเป็นอาหารที่ทำมาจากบ้าน มีการชื่นชมและอวดฝีมือของแม่ๆกัน
ถ้าซื้อแกงไปก็เสียฟอร์ม
เมื่อผมบอกแม่ว่าอยากได้อาหารที่แม่ทำเองไปอวดให้เพื่อนเห็นฝีมือบ้าง
ท่านก็ยิ้มรับคำ
จากนั้นทุกเช้าแม่จะต้องฝืนสังขารลุกขึ้นมาหุงข้าวเตรียมอาหารให้
ปัญหาต่อมาคือ...
ตอนเด็กๆ ผมไม่กินผัก และไม่กินพวกไข่ต้ม ไข่เจียว แม่จึงต้องทอดไก่ ทอดเนื้อ
หรือทำแกงต่างๆ ให้ ซื่งต้องใช้เวลาและขั้นตอนต่างๆ นานพอสมควร...
แต่กระนั้น...
ทุกเช้า “กล่องข้าวสีฟ้า” ของผม ก็ถูกเตรียมพร้อมไว้เรียบร้อยเสมอ
...............................................
...แต่แล้วกินข้าวกล่องอยู่ได้ไม่นานนักผลก็ล้มเลิกโครงการนี้
เพราะรู้สึกอึดอัดกับคำถามและสายตาของคนรอบข้างเพราะเริ่มเป็นวัยรุ่น
จึงอายที่จะถูกมองว่าเป็นเด็กที่ห่อข้าวมากินเพราะความยากจน...
เมื่อกลับมาบอกยอกเลิกที่บ้าน โดยบอกเหตุผลว่าอายเพื่อนนั้น
แทนที่แม่จะโล่งใจเพราะไม่ต้องเหนี่อยอีก ท่านกลับอึ้งไปครู่หนึ่ง
แต่ก็ไม่พูดอะไรออกมา และจากวันนั้นมา...
ผมก็ไม่สนใจอีกว่าแม่จะเก็บกล่องข้าวสีฟ้าไว้ที่ไหน
...แม่ตายตอนผมเรียน ม.6 ไม่ทันอยู่จนเห็นผมเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัย
ทำงาน และมีครอบครัว ตามที่ท่านอยากจะเห็น
เราย้ายบ้านอีกหลายครั้ง
ทั้งข้าวของและคนในครอบครัวเริ่มกระจัดกระจายพลัดพรากกันไป ?
ไม่ใช่แต่เพียงกล่องข้าวใบนั้นหรอกที่หายไป...
ความทรงจำหลายอย่างก็สลายสูญ...
ขณะที่ชีวิตของผมก็ต้องดำเนินต่อไป
.....................................
...สองสามเดือนมานี้
ผมเริ่มทดลองที่นำอาหารจากบ้านใส่กล่องไปทานทำงานตอนพักเที่ยง แล้วก็ได้พบว่า
นอกจากจะได้ทานอาหารแนวสุขภาพที่เราควบคุมได้เต็มที่เพราะทำเองแล้ว
ยังสามารถช่วยประหยัดเงินได้มาก ซึ่งภาวะเศรษฐกิจอย่างนี้ค่อนข้างมีความจำเป็น
น่าแปลกที่การนำข้าวกล่องมากินครั้งนี้ผมไม่อายสายตาคนรอบข้างอีก...
หลังผ่านวันเวลาของชีวิต ผมเรียนรู้ว่า ถ้ากระทำในสิ่งที่มีเหตุผลพอ
ก็ไม่ต้องเกรงว่าใครจะหมิ่นหยาม...
ความหวั่นไหวมักจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อเราเริ่มดูถูกตัวเองต่างหาก
........................................................
เช้าวันนี้ ผมมองดูภรรยาจัดเตรียมอาหารใส่กล่อง
แค่ผัดผักบุ้งไฟแดงและปลาทูนึ่งสองตัวก็คงพออิ่มสำหรับมื้อเที่ยง
ร่างเล็กๆนั้นเคลื่อนไหวไปทั่วทั้งบริเวณครัวอย่างกระฉับกระเฉง
ทั้งๆที่เธอเองก็เพิ่งฟื้นไข้มาไม่นานนัก...
.........
...
ผมพลันหวนนึกถึงแม่ วูบขึ้นมา
เห็นภาพหญิงอ้วนวัยกลางคน ซ้อนทับอยู่กับภาพหญิงสาวร่างเล็กเบื้องหน้า...
แล้วน้ำใสในดวงตาผมก็ท้นเอ่อออกมา...
มองกล่องข้าวสีขาวเบื้องหน้า...
ผมพลันรู้ตัวขึ้นมาทันทีว่า
“กล่องข้าวสีฟ้า”
ที่เคยคิดว่ามันหายไปแล้วนั้น
แท้จริงมันไม่ได้หายไหนเลย...
เพียงแต่ผมค้นหามันพบ.....ช้าไปหน่อยเท่านั้นเอง....
..................................
.................................
--------------------------------------------------------------------------------
ขอบคุณ คุณสุวรรณา ชัยพรแก้วมากครับ ที่ส่งเรื่องดีๆมาให้เราได้อ่านกัน...
และขอขอบคุณโพสจากบ้านใส่ใจ http://www.carefor.org/content/view/163/151/
-
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวที่แสนน่าประทับใจค่ะ ^^
:13: