(http://www.bloggang.com/data/tilltomorrow/picture/1287999572.jpg)
มโนคำนึงเสถียร โพธินันทะ
สิ่งที่ มนุษยชาติปรารถนา
อย่างยิ่งก็คือความสุข พระพุทธศาสนาของเรา
ได้สอนถึงวิธีการบรรลุความสุขอย่างมีเหตุผลประกอบด้วยธรรม เราจะเห็นได้ว่า พระพุทธองค์มิได้สอนแต่เฉพาะพวกนักปรัชญา หรือสมณะเท่านั้น
แต่แม้บุคคลธรรมคา เช่นชาวไร่ชาวนาตลอดจนเด็ก ๆ ที่รู้เดียงสาแล้ว คำสอนของพระองค์ก็ยังเป็นประโยชน์ ต่อการดำรงชีวิตของเขาเหล่านั้นอย่างมากที่สุด
ถ้าแหละเขาทั้งหลายได้ปฏิบัติประพฤติตาม
ทั้งนี้เพราะพระพุทธศาสนาไม่ใช่เป็นสิ่งที่
ลึกลับจนเกินปัญญาของมนุษย์
ที่จะพิจารณาไปถึงเลย พระพุทธศาสนาจะเป็นของยากเย็น
ก็เฉพาะบุคคลที่ไม่เคยคิดสนใจ
และไม่ยอมที่จะสนใจเท่านั้น พระพุทธองค์ไม่ได้สอนให้เราหลบหนีชีวิตอย่างขี้ขลาด
แต่พระองค์ตรัสว่าเราจะต้องเข้มแข็ง
กล้าผจญต่อชีวิตด้วยความรู้เท่าทัน
และการรู้เท่าทันนั้น ที่สามารถนำความพ้นทุกข์ ให้แก่เราได้ความทุกข์ที่มนุษยชาติต้องทรมานอยู่นั้น เป็นผลที่มนุษย์ก่อขึ้น การทำลายความทุกข์
ไม่ใช่ทำลาย
ที่ผลของมัน เราจะต้องแก้ไขเหตุของมันต่างหากและการแก้ไขเหตุนั้น
ก็มิใช่เป็นการแก้ไข
ชนิดไปอ้อนวอนสิ่งลึกลับที่ไหน หรือการแก้ไขที่สิ่งภายนอกเช่น
เศรษฐกิจและสังคม
ด้านเดียว เพราะการแก้ไขแต่สิ่งภายนอกด้านเดียว ย่อมนำมาซึ่งการ
นองเลือด การ
เบียดเบียนประโยชน์ของกันและกัน และ ผลสำเร็จที่เกิดจากการแก้ไขนั้นเล่า
ก็เป็นผลสำเร็จที่ตั้งอยู่บน
ฐานแห่งการใช้อำนาจบังคับและระบายสีงดงาม
แต่เพียงภายนอก ส่วนภายในส่วนลึกของหัวใจ
ก็ยังคงไม่ต่างอะไรกับความรู้สึกของมนุษย์ในยุคหิน
คือความเห็นแก่ตนเห็นแก่คณะพรรคของตน และการมุ่งมาตรความร้ายกาจเข้าหากัน
ซึ่งแม้การปฏิบัติเพื่อสนองกิเลสเหล่านี้ จะมีวิธีการอันชาญฉลาดแนบเนียนกว่าการปฏิบัติของมนุษย์ยุคหินก็ตาม ความจริงมิได้พิสูจน์แก่เราหรอกหรือว่า
สัญชาตญาณ
แห่งการเอารัดเอาเปรียบของสัตวโลกนั้น มิอาจแก้ไขได้แม้ด้วยการศึกษา
หรือลัทธิเศรษฐกิจใด ๆ เรามีหลักประกันอะไรเล่า ที่ยืนยันได้ว่า ถ้ามนุษยชาติ
มีการกินอยู่หลับนอนสบายแล้ว สงครามจะไม่เกิดขึ้นอีก ? แม้พระมหาจักรพรรดิราชในประวัติศาสตร์ อาทิเช่น อเล็กซานเดอร์, เจ็งกีสข่าน,
นะโปเลียน ๆลฯ ก็ยังมีความรู้สึกพระองค์ว่ายากจน มีอาณาเขต
ไม่พอครอบครอง ในคัมภีร์ชาดก กล่าวถึง
พระเจ้ามันธาตุราชผู้บรมจักรพรรดิราช มีอาณาเขตแผ่ไปในทวีปทั้ง ๔ ยังทรงไม่รู้สึกพอพระทัยในความสุขที่ได้รับ จนในที่สุด
เสด็จขึ้นไปเสวยความสุขในสวรรค์ชั้นดาวดึงส
์ร่วมกับพระอินทร์ จนพระอินทร์ล่วงลับ
ไปแล้วถึง ๓๖ องค์ ท้าวเธอก็ยังรู้สึกว่าความสุขที่ได้รับนั้นน้อยนิดเดียวเท่านั้น คิดใคร่จะแย่งสมบัติของพระอินทร์มาครอบครองเสียเองฉะนี้
(http://www.bloggang.com/data/tilltomorrow/picture/1287999210.jpg)
เป็นสิ่งที่เป็นไป
ไม่ได้เลย ตราบใดใจของมนุษย์ยังเกลือกกลั้วอยู่กับอกุศลบาปธรรม มีจุดดำแห่งอหังการติดตรึงอยู่ ตราบนั้นการประกอบกรรมใด ๆ ของมนุษย์ จะบริสุทธิ์ิ์ พอที่จะอำนวยความสวัสดี
ให้แก่ตนเองและโลกหาได้ไม่ และดังนั้นเรา
จึงต้องปฏิวัติใจของตนเอง ก่อนที่จะคิดไปปฏิวัติผู้อื่น หรือก่อนที่จะคิดไปปฏิวัติ
ต่อสิ่งภายนอก เมื่อทุก ๆ คนต้องลงมือปฏิวัติ. ขัดเกลาจุดดำแห่งอหังการของตนเองแล้ว
โลกก็หมุนไปสู่สภาพแห่งความร่มเย็น
เป็นการปฏิวัติสังคมไปในตัวเองเสร็จ
การแก้ไขจากภายในออกไปหาภายนอกจึงเป็นผลสำเร็จอย่างบริสุทธิ์ ปลดความทุกข์
ทรมานของปวงมนุษย์ทั้งทางใจ
และทางกายให้หมดสิ้นไปได้ โดยมิต้องใช้อาวุธหรืออำนาจอาญาใด ๆ เลย
พระพุทธศาสนาไม่ได้ปฏิเสธว่า เหตุภายนอกหรือผลทางวัตถุไม่มีค่า
เช่นโรคภัยของมนุษย์เป็นต้น พระพุทธองค์ตรัสว่า
โรคบางอย่างเกิดเพราะกรรมในอดีต
เป็นสมุฏฐานก็มี เกิดจากลมฟ้าอากาศอาหารและความวิปริตของธาตุในร่างกาย
เป็นสมุฏฐาน ก็มี พระองค์หาได้ตรัสว่า พฤติกรรมของมนุษย์
ล้วนเป็นกรรมเก่าบันดาลเสมอไปไม่ แต่พระพุทธองค์ตรัสว่า
ผู้ที่สามารถชนะใจของตนเองได้
ก็สามารถจะชนะความวิปริตและทุกข์ทางร่างกายเหมือนกัน
โดยวิธีไม่ไปยึดถือเกาะเกี่ยวกับมันจนเกินไป สิ่งแวดล้อมอาจจะสำคัญเฉพาะ
ผู้ที่ยังมี
ใจอ่อนแอ แต่สำหรับพระอริยบุคคลแล้ว
สิ่งแวดล้อมจะไปทำ
ความหวั่นไหวหรือเปลี่ยนแปลงอะไรในท่านไม่ได้เลย
เพราะฉะนั้นใจจึงเป็นผู้นำโลกและมีความสำคัญกว่าวัตถุ
ความมุ่งหมายในการ
แก้ไขปรับปรุงภาวะของใจ มิใช่มุ่ง ให้ทุกคนต้องหลุดพ้นอย่างพระอรหันต์
แต่หมายความว่า
อย่างน้อยที่สุดเราจะต้องบรรเทากิเลสในจิตของตน
ให้ลดน้อยลงมากว่าระดับเดิม อย่างน้อยก็ด้วยการปฏิบัติตนตามศีล ๕ และประพฤติตน
ตามธรรมมีเมตตากรุณาเพียงเท่านี้ก็พอแล้ว ที่จะนำสันติสุขมาให้แก่ตนเองและแก่สังคม
และเพราะฉะนี้กระมัง
พระราชาธิราชเทวานัมปียะศรีอโศกผู้ยิ่งใหญ่แห่ง
ปาฏลีบุตร หลังจากการแผ่อานาๆด้วยแสนยานุภาพทั่วแผ่นดินชมพูทวีปแล้วกลับได้รับแต่ความสลดใจ
และทรงตระหนักในความจริงว่า
“
ชัยชนะที่แท้จริงและมั่นคง คือชัยชนะด้วยธรรมานุภาพ”
(http://thaipoem.com/forever/img/storymember/5658-23601.jpg)
http://www.dharma-gateway.com/ubasok/ubasok-main-page.htm
Pics by : Google
อกาลิโกโฮม * สุขใจดอทคอม
อนุโมทนาสาธุที่มาทั้งหมดมากมายค่ะ