ใต้ร่มธรรม
แสงธรรมนำใจ => จิตวิวัฒน์ กระบวนการนิวเอจ นิเวศแนวลึก => ข้อความที่เริ่มโดย: honeypor ที่ กรกฎาคม 29, 2010, 03:25:04 pm
หัวข้อ:
+ความไม่เหมือนที่แตกต่าง ทูตสวรรค์ในคริสตศาสนาและเทวดาในศาสนาอื่น++
เริ่มหัวข้อโดย:
honeypor
ที่
กรกฎาคม 29, 2010, 03:25:04 pm
สภาวะของทูตสวรรค์
จำนวนของทูตสวรรค์นั้นเหลือคณนา เป็นจิตที่รับใช้พระเจ้าไปช่วยเหลือมนุษย์ เป็นภาพสะท้อนฤทธิ์อำนาจของพระเจ้า
ในพระคัมภีร์ไบเบิ้ลกล่าวว่า
พระเจ้าทรงกล่าวถึงบรรดาทูตสวรรค์ว่า “ทรงใช้ลมเป็นทูตนำสาร ทรงใช้เปลวเพลิงเป็นผู้รับใช้ของพระองค์” (ฮบ 1:7)
พระศาสนจักรจึงสรุปคำสอนว่า “ ความมีอยู่จริงของจิตบริสุทธิ์ที่ไม่มีร่างกายซึ่งพระคัมภีร์เรียกเป็นประจำว่าทูตสวรรค์
เป็นข้อความจริงของความเชื่อ ”
บรรดาทูตสวรรค์ “ เป็นผู้รับใช้และผู้ส่งข่าวของพระเจ้า ” “ ทูตสวรรค์ในฐานะที่เป็นจิตล้วนจึงมีสติปัญญาและอำเภอใจ เป็นบุคคลที่ถูกสร้างและไม่รู้จักตาย มีความศักดิ์สิทธิ์ครบครันเหนือกว่าสิ่งสร้างทั้งหลายที่มองเห็นได้ ”
(http://www.belongtothetruth.com/Holy/angel02/pic/001.jpg)
บทบาทหน้าที่ของบรรดาทูตสวรรค์
นอกจากบรรดาทูตสวรรค์จะเป็น “ เป็นผู้รับใช้และผู้ส่งข่าวของพระเจ้า ” ทูตสวรรค์จำนวนมากยังมีหน้าที่ประจำอื่นๆ
ปกป้องดูแลทวีป ประเทศชาติ หรือเมือง
เราทราบว่ามีทูตสวรรค์อุปถัมภ์ของชาติต่างๆ นับตั้งแต่ศตวรรษที่ 4 นักบุญเกลเมนแห่งอาเล็กซานเดรียกล่าวว่า “ พระเจ้า
ทรงบัญชาให้ทูตสวรรค์แยกย้ายกันไปอยู่ตามชาติต่างๆ ”
ในพระคัมภีร์มีการกล่าวถึงเทวดาอารักขาพวกกรีกและพวกเปอร์เซีย นักบุญเปาโล กล่าวถึงทูตสวรรค์ที่อารักขามาซิโดเนีย
และอัครเทวดามีคาแอล นอกจากเป้นจอมทัพสวรรค์ ยังถือว่าเป็นผู้อารักขาประชากรอิสราแอลด้วย
พระสันตะปาปาจอห์น ปอล ที่ 2 ตรัสเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 1986 ว่า “ เราพอที่จะยืนยันได้ว่าหน้าที่ของบรรดาทูตสวรรค์
เป็นเสมือนทูตของพระเจ้าทรงชีวิตที่สัมพันธ์ไม่เฉพาะกับแต่ละบุคคลหรือกับบุคคลที่ได้รับการเลือกสรรเท่านั้น แต่กับคนทั้ง
ชาติด้วย ”
(http://www.belongtothetruth.com/Holy/angel02/pic/002.jpg)
ทูตสวรรค์เป็นผู้พิทักษ์เราแต่ละคน
คริสต์ศาสนามีข้อคำสอนที่ว่า มีทูตสวรรค์ดูแลเราแต่ละคนอยู่ พระเยซูคริสต์ได้ตรัสเรื่องนี้มีบันทึกไว้ในพระคัมภีร์ว่า
“จงระวังให้ดี อย่าดูหมิ่นคนธรรมดา ๆ เหล่านี้คนใดเลย เราบอกท่านทั้งหลายว่า ตลอดเวลาในสวรรค์ ทูตสวรรค์ของเขา
เฝ้าชมพระพักตร์พระบิดาของเราผู้สถิตในสวรรค์ ” (มธ 18:10)
ทูตสวรรค์ผู้พิทักษ์เรา ท่านจะอยู่กับเราตลอดเวลา ท่านพิทักษ์เราจากพลังชั่วทุกอย่าง กี่ครั้งแล้วที่ท่านได้ช่วยเราให้รอด
พ้นจากภยันตรายทั้งกายและใจ ท่านได้ช่วยเราให้รอดพ้นจากการประจญล่อลวงอย่างนับครั้งไม่ถ้วน
ในศตวรรษที่ 5 มีเหตุการณ์ที่บันทึกในประวัติศาสตร์ที่ อัตตีลา นำทัพชาวฮั่นบุกตีทั่วยุโรปจนมาถึงกรุงโรม
และกลับถอยทัพกลับไปเฉยๆเมื่อพบกับพระสันตะปาปาเลโอ(ปัจจุบันได้รับการประกาศเป็นนักบุญแล้ว) ว่ากันว่าเวลา
ที่นักบุญพระสันตะปาปาเลโอองค์ใหญ่ออกจากกรุงโรมเพื่อจะได้ไปพบกับอัตตีลา กษัตริย์ของพวกฮั่นซึ่งต้องการยึดกรุง
โรมนั้นทูตสวรรค์ได้ปรากฏมาอย่างยิ่งใหญ่หลังพระสันตะปาปา อัตตีลามีความเกรงกลัวต่อปรากฏการณ์นี้มากจนถึงกับ
ได้สั่งให้กองทัพถอยทัพกลับจากสถานที่แห่งนั้น เป็นไปได้ไหมว่านั่นเป็นอารักขเทวดาของพระสันตะปาปา แต่ที่แน่นอน
ที่สุดคือ กรุงโรมได้รอดพ้นจากโศกนาฏกรรมที่น่าสะพรึงกลัวนั้น เป็นความจริงที่ถูกบันทึกในประวัติศาสตร์โลก
หัวข้อ:
Re: +ความไม่เหมือนที่แตกต่าง ทูตสวรรค์ในคริสตศาสนาและเทวดาในศาสนาอื่น++
เริ่มหัวข้อโดย:
honeypor
ที่
กรกฎาคม 29, 2010, 03:27:22 pm
ความเข้าใจแบบผิดๆ เรื่องทูตสวรรค์ และ ปีศาจ
มีภาพยนตร์ การ์ตูน หรือ เกมมากมายที่นำเรื่อราวของทูตสวรรค์มาใช้ และนำไปใช้กันอย่างผิดๆ เป็นต้นการนำทูตสวรรค์
ไปใช้เสมือนหนึ่งว่าเป็นสิ่งมีชีวิตปกติธรรมดา เป็นเผ่าๆหนึ่งที่อยู่ในโลก ไม่แตกต่างอะไรจากสิ่งมีชีวิตปกติอื่นๆเสียเท่าไหร่
เป็นต้น ซึ่งภาพลักษณ์ที่บิดเบี้ยวหลายๆแบบนี้เราสามารถพบเห็นได้ตามการ์ตูนและสื่อต่างๆทั่วไป ที่อาจทำให้เราเข้าใจ
ธรรมชาติของทูตสวรรค์ผิดไปจากความเชื่อสากลเรื่องทูตสวรรค์
(http://www.belongtothetruth.com/Holy/angel02/pic/003.jpg)
ในพระคัมภีร์มีการพูดถึงธรรมชาติของทูตสวรรค์ไว้อย่างชัดเจนว่า
ทูตสวรรค์คือสิ่งมีชีวิตที่มีจิตวิญญาณ มีความฉลาด มีอารมณ์ และ เจตนารมณ์ ทูตสวรรค์มีความฉลาด
ทูตสวรรค์เป็นวิญญาณ ที่ไม่มีรูปร่าง แต่การไม่มีรูปร่างไม่ได้หมายถึงว่าทูตสวรรค์ไม่มีตัวตน
ความรอบรู้ของทูตสวรรค์มีความจำกัดเพราะทูตสวรรค์เป็นสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมา ซึ่งหมายความว่าเหล่าทูตสวรรค์ไม่ได้รอบรู้
ปหมดทุกอย่างเหมือนอย่างที่พระเจ้าทรงรอบรู้ แต่ทูตสวรรค์จะมีความรอบรู้มากกว่ามนุษย์ ทูตสวรรค์ถูกสร้างขึ้นมาใน
จักรวาลให้อยู่ในระดับสูงกว่ามนุษย์ ดังนั้นเหล่าทูตสวรรค์จึงมีความรู้ที่มากกว่าโดยปริยาย ทูตสวรรค์ได้รับสติปัญญาจากการ
เฝ้าดูกิจกรรมของมนุษย์มาเป็นเวลาช้านาน ทูตสวรรค์ไม่จำเป็นที่จะต้องศึกษาอดีตเหมือนมนุษย์; ทูตสวรรค์ประสบการณ์
เหล่านั้นมาแล้วจึงรู้ว่าคนอื่นๆ มีปฏิกิริยาหรือตอบโต้อย่างไรในสถานการณ์นั้นๆ และสามารถทำนายค่อนข้างจะถูกต้องว่า
เราจะมีปฏิกิริยาอย่างไรในสถานการณ์ที่คล้ายคลึงกัน แม้ว่าทูตสวรรค์จะมีเจตนารมณ์ แต่พวกเขาก็ต้องจำนนต่อเจตนารมณ์
ของพระเจ้าเช่นเดียวกับสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ที่พระองค์ทรงสร้าง ทูตสวรรค์ที่ดีถูกพระเจ้าส่งมาให้ช่วยผู้ชอบธรรม
(http://www.belongtothetruth.com/Holy/angel02/pic/004.jpg)
ทูตสวรรค์เป็นสิ่งที่ทรงสร้างที่แตกต่างไปจากมนุษย์โดยสิ้นเชิง มนุษย์ไม่ใช่ทูตสวรรค์ และทูตสวรรค์ไม่ใช่มนุษย์ และมนุษย์
เองก็ไม่ได้กลายเป็นทูตสวรรค์เมื่อเสียชีวิตลง ซึ่งตรงข้ามกับความเข้าใจที่ผิดว่ามนุษย์ที่ทำความดี ตายไปจะได้เป็น
ทูตสวรรค์เป็นเทวดาจากการ์ตูนหรือเกมบางอัน ที่สับสนความเชื่อของเทวดาพุทธและพราหมณ์เข้ามา
ไม่มีปีศาจดี ไม่มีทูตสวรรค์ชั่ว
หลายๆครั้ง เราพบมุขการ์ตูนหรือเกมส์ ที่แสดงภาพของทูตสวรรค์และปีศาจเป็นเรื่องของเผ่าที่ต่างกัน แถมมีปีศาจจิตใจดี
หรือทูตสวรรค์จิตใจชั่ว สิ่งนี้คือความสับสนจากเทวดาและมารในทางพุทธหรือพราหมณ์ เพราะในทางหลักความเชื่อคริสต์
ศาสนา พระเจ้าไม่ได้สร้างปีศาจหรือซาตานปีศาจคือทูตสวรรค์ที่หลงผิดคิดชั่วและนั่นทำให้ทูตสวรรค์จะไม่เป็นทูตสวรรค์อีก
ต่อไป แต่กลายเป็นปีศาจทันที ทูตสวรรค์ จึงไม่ใช่ชื่อเผ่าที่มีรูปร่างหน้าตาแบบมีปีกขาวๆ แต่เป็นชื่อเรียกจิตที่ดีที่รักมนุษย์
ถ้าจิตใดเกลียดมนุษย์และคิดชั่วเราจะเรียกจิตนั้นว่าปีศาจ ดังนั้น หากจิตใดเคยดีงามความงดงามนั้นออกมาจากความรักและ
ความดีของจิตนั้น จิตใดเปลี่ยนไปเป็นชั่วหรือเลวร้ายจิตนั้นก็สกปรกน่าเกลียดกลายเป็นปีศาจโดยอัตโนมัติ เพราะทูตสวรรค์
เป็นจิตล้วนๆไม่ได้มีกายเนื้อคอยบดบังจิตใจแท้จริงแบบเรา ดังนั้นการที่ชั่วช้าโดยยังมีการสะท้อนภาพของตนให้ภายนอก
ดูสวยงามจึงเป็นไปไม่ได้ จึงไม่มีปีศาจใจดี หรือทูตสวรรค์ใจชั่ว
(http://www.belongtothetruth.com/Holy/angel02/pic/005.jpg)
ดังนั้นปีศาจก็คือทูตสวรรค์ที่ทำการกบฎขัดต่อน้ำพระทัยของพระเจ้าและได้ตกสวรรค์ แปดเปื้อนความชั่วร้ายจนกลายเป็น
“ปีศาจ” ไป หากปีศาจหรือจิตชั่วร้ายกลับใจใหม่หาแสงสว่างเปลี่ยนเป็นจิตที่ดี ก็จะกลับเป็นทูตสวรรค์ไม่ใช่ ปีศาจ อีกต่อไป
แน่นอนไม่มีการเป็นพ่อเป็นแม่ แต่งงานมีลูก มีพี่มีน้องออกมาอย่างที่การ์ตูนบางเรื่องทำด้วย เพราะทูตสวรรค์ทั้งหมดมาจาก
พระเจ้าผู้เป็นผู้สร้างแต่พระองค์เดียว ไม่มีเพศ ทูตสวรรค์จึงไม่ต้องมีการสืบพันธุ์หรือมีเรื่องเกี่ยวกับเพศ แต่ภาพลักษณ์ที่ดู
เป็นชายหรือหญิง มาจากบุคลิคที่จิตนั้นสะท้อนออกมาประกอบกับการรับรู้ของผู้เห็นนิมิต แปลออกมาให้ดูเป็นชายหรือหญิง
แต่ไม่ใช่เพศแบบของมนุษย์แน่นอน
หัวข้อ:
Re: +ความไม่เหมือนที่แตกต่าง ทูตสวรรค์ในคริสตศาสนาและเทวดาในศาสนาอื่น++
เริ่มหัวข้อโดย:
honeypor
ที่
กรกฎาคม 29, 2010, 03:30:55 pm
ความเชื่อเรื่องเทวดาในศาสนาต่าง ๆ
แทบทุกศาสนาในโลกนี้ยอมรับในการมีอยู่ของเทพเทวดา...หรือแม้ไม่เชื่อเรื่องเทวดา อย่างน้อยที่สุด ก็ยังมีการกล่าวถึงใน
เรื่องของชาวฟ้าชาวสวรรค์ ซึ่งนอกจากความเชื่อเรื่อง ทูตสวรรค์ของทางศาสนาคริสต์แล้ว ศาสนาอื่น ๆ ในโลก ไม่ว่าจะเป็น
ศาสนาเก่าแก่โบราณอย่างกรีก โรมัน อียิปต์โบราณ หรือศาสนาที่ยังมีผู้นับถือในปัจจุบัน อย่าง ฮินดู อิสลาม ชินโต พุทธ ก็ล้วน
แต่มีการพูดถึงเทวดาด้วยกันทั้งสิ้น แต่มีมุมมองที่ต่างกันในรายละเอียด
ความเชื่อเรื่องเทวดาของทางพุทธ และ พราหมณ์
(http://www.belongtothetruth.com/Holy/angel02/pic/006.jpg)
ในทางพุทธนั้น ถ้าเราศึกษาถึงที่มาของเทวดาต่างๆ ที่สังคมไทยรู้จักและนับถือกันอยู่ในปัจจุบันนี้ ก็จะพบว่า เทวดาต่างๆ
เกือบทั้งหมด นั้นมาจากคัมภีร์หลักของศาสนาพราหมณ์ - ฮินดู และ พุทธศาสนา และถ้าว่าตามคัมภีร์ชั้นปฐมภูมิของทั้ง 2
ศาสนานี้ต่าง ก็กล่าวไว้ในทำนองเดียวกันว่า มีสิ่งที่อยู่เหนือประสาทสัมผัสธรรมดาของมนุษย์บางประเภทเรียกว่า "เทวดา"
ซึ่งมีคุณสมบัติและความสามารถพิเศษเหนือมนุษย์ธรรมดาอยู่เป็นจำนวนมาก ถึงแม้จะมีการยอมรับตรงกันว่าเทวดามีจริง
แต่สถานภาพของเทวดาในพุทธศาสนาและศาสนาฮินดูกลับแตกต่างกันเป็นอย่างมาก เมื่อเทวดามีสถานภาพที่ต่างกัน ทั้ง 2
ศาสนาจึงได้บัญญัติหรือสอนวิธีที่มนุษย์จะพึงปฏิบัติหรือมีปฏิสัมพันธ์ต่อเทวดาไว้ต่างกันอีกด้วย
ศาสนาฮินดู หรือศาสนาอย่างชินโต ที่เป็นศาสนาพหุเทวนิยม เทวดาคือแก่นหลักของศาสนา เทวดาทุกองค์ได้รับการยกย่อง
ในฐานะเทพเจ้า เป็นอำนาจเหนือธรรมชาติที่มีอิทธิพลเหนือมนุษย์ เทวดาคือที่มาของศีลและธรรมของศาสนา แต่ในอีกฝั่ง
หนึ่ง เช่น ศาสนาพุทธในบางนิกาย เทวดาไม่ใช่แก่นหลักของศาสนา เทวดาไม่ได้อยู่ในฐานะที่ได้รับการยกย่องนับถือจาก
ศาสนิกชนเช่นเดียวกับเทพเจ้าในศาสนาฮินดู เพราะเทวดาไม่มีอิทธิพลให้คุณให้โทษเหนือมนุษย์ แต่เทวดาในทางพุทธ
ศาสนา เป็นเพียงองค์ประกอบหนึ่งที่จะช่วยเติมเต็มความสมบูรณ์ในความเชื่อทางศาสนา หรืออย่างน้อยที่สุด ในความเชื่อ
ความเข้าใจของพุทธศาสนิกชนบางหมู่เหล่า เทวดาก็เป็นตัวอย่างที่ดีของ “รางวัล” ที่จะพึงตอบแทนให้แก่ผลกรรมดีที่
ศาสนิกชนได้ปฏิบัติไป
ในคัมภีร์พระสุตตันตปิฎก คำว่าเทวดาเป็นคำใช้เรียกชาวสวรรค์ที่มีกำเนิดเป็นโอปปาติกะ คือมีกำเนิดด้วยการผุดขึ้นทันที
โดยอาศัยอำนาจแห่งกุศลกรรมที่เคยทำไว้เมื่อครั้งยังเป็นมนุษย์หรือสัตว์เดรัจฉานเป็นผู้จัดสรร ถ้าหากต้องการจะใช้เรียก
เจาะจงเพศ จะเรียกเทวดาเพศชายว่า เทพบุตร และเรียกเทวดาเพศหญิงว่า เทพธิดา ส่วนในคัมภีร์พระเวทสังหิตา ไม่มีคำ
เรียกเทวดาเพศชายเป็นคำเฉพาะ คงมีแต่คำเรียกเทวดาเพศหญิง โดยใช้คำว่า เทวี ต่อท้ายชื่อ
(http://www.belongtothetruth.com/Holy/angel02/pic/007.jpg)
ประเด็นที่แตกต่างกันระหว่างเทวดาในคัมภีร์ของทางพุทธกับทางพราหมณ์ คือ เทวดาในคัมภีร์พระสุตตันตปิฎกไม่มีบิดา
มารดา แต่มีกรรมดีที่ได้ทำไว้เมื่อครั้งมีชีวิตเป็นผู้ให้กำเนิด ซึ่งการเกิดในลักษณะนี้เรียกว่า "โอปปาติกะ" คือเกิดผุดขึ้น
โตเต็มที่ในทันที แม้เมื่อเกิดเป็นเทวดาแล้วก็ยังอยู่ในภาวะของปุถุชนและยังต้องเวียนว่ายตายเกิดเช่นเดียวกับมนุษย์จน
กว่าจะสิ้นกิเลสอาสวะ เทวดาจึงอยู่ในฐานะต่ำกว่าพระอริยเจ้า ในขณะที่เทวดาในคัมภีร์พระเวทมีมารดาบิดาเป็นผู้ให้กำเนิด
เมื่อเจริญเติบโตถึงวัยหนุ่มสาวแล้วก็คงอยู่ในวัยนี้ตลอดไป ไม่มีการเปลี่ยนแปลง มีชีวิตเป็นอมตะและมีความยิ่งใหญ่
เหนือมนุษย์ทุกระดับ ส่วนความเชื่อเทวดาในสังคมไทยนอกจากยังคงเชื่อและนับถือผีแบบดั้งเดิมแล้วสังคมไทยก็ได้ยอมรับ
นับถือเทวดาที่มาจากวัฒนธรรมอื่นโดยเฉพาะวัฒนธรรมอินเดียอีกด้วย และคนส่วนใหญ่ที่นับถือเทวดาก็เพราะหวังพึ่งพา
อำนาจจากเทวดาหรือหวังผลประโยชน์จากเทวดาเป็นสำคัญ
ทวดาเหล่านี้ แม้จะมีจิตใจไม่ดีขึ้นมา เช่น คิดอิจฉา หรือผิดลูกเมีย หากยังไม่หมดกรรมที่จะไปจุติใหม่ก็ยังคงสถานะเทวดา
ต่อไป เช่นการลักลอบเป็นชู้ของพระอินทร์ ในตำนานต่างๆ
มารในพุทธศาสนา และพราหมณ์
มารในพุทธศาสนาไม่ได้เหมือนปีศาจในคริสต์ศาสนาตรงที่ ในทางพุทธ มาร เป็นอีกเผ่าหนึ่งไม่ได้เป็นเทวดาที่เปลี่ยนไปแบบ
ทางคริสต์ ตั้งแต่เกิดจนตายเป็นมาร มีลูกหลานสืบพันธุ์ก็เป็นเผ่ามาร มักแสดงภาพออกมาเป็นยักษ์ จึงมีคำกล่าวเรียกคู่กันใน
ภาษาไทยว่า “ยักษ์มาร” แต่อาจมีจิตใจดีงามกว่าเทพเทวดาบางองค์ สามารถบำเพ็ญเพียรเพื่อเกิดใหม่เป็นเผ่าพันธุ์ที่ดีกว่า
ได้ แต่เมื่อเกิดเป็นมารก็ยังคงสถานะเป็นมารอยู่ เช่นในเรื่องรามเกียรติ์ ภิเพกที่เป็นยักษ์กลับใจมาเข้าฝ่ายพระราม
(แต่ก็ยังเป็นยักษ์อยู่ดี) เป็นต้น
(http://www.belongtothetruth.com/Holy/angel02/pic/008.jpg)
เทวดาพุทธศาสนาและทูตสวรรค์ในคริสตศาสนา
ซึ่งหากเทียบกันแล้วจะเห็นว่าทางเทวดาของทางพุทธ จะแตกต่างจากทูตสวรรค์ของคริสต์ และเป็นที่มาของความสับสนของ
งบรรดาการ์ตูนและเกมส์ที่ผู้แต่งหรือผู้เขียนเป็นพุทธหรือชินโต แต่อยากเอาเรื่องทูตสวรรค์คริสต์มาใช้แต่กลับเอามาใช้ใน
บริบทความเชื่อเดิมของตัวเองไม่ใช่ตามความถูกต้องของทูตสวรรค์ของคริสตศาสนา
ในทางพุทธ ในสวรรค์เทวดาบางพวกยังเสพกาม มีนางอัปสรเป็นนางบำเรอเทวดาชาย ในทางฮินดูเทพเทวดาสมรสมีชายา
และมีบุตรธิดา แต่ในคริสตศาสนา ทูตสวรรค์ไม่กระทำสิ่งเหล่านี้
มธ 22:29
พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “ท่านคิดผิดแล้ว เพราะไม่เข้าใจพระคัมภีร์ และไม่รู้จักพระอานุภาพของพระเจ้า
เมื่อมนุษย์จะกลับคืนชีพ จะไม่มีการแต่งงานเป็นสามีภรรยากันอีก แต่เขาจะเป็นเหมือนทูตสวรรค์
หากจะเปรียบว่าเทวดาของพุทธเหมือนชาวสวรรค์แบบไหนของคริสต์ ก็อาจเทียบได้กับ “นักบุญ” มากกว่า “ทูตสวรรค์”
เพราะนักบุญในคริสต์ศาสนา ก็คือศาสนิกชนที่กระทำคุณงามความดเมื่อเสียชีวิตลงก็ได้รับรางวัลเป็นผลตอบแทนจาก
คุณงามความดีที่ได้กระทำมา ได้ไปอยู่ในสวรรค์จึงเรียกว่า “นักบุญ” ดังนั้น นักบุญทางคริสต์คือคนในโลกมาก่อนเหมือน
เทวดาทางพุทธ แตกต่างจากทูตสวรรค์ที่เป็นจิตที่ถูกพระเจ้าสร้างขึ้นเป็นทูตสวรรค์เลยโดยตรงและไม่เป็นมนุษย์มาก่อน
นอกจากนี้เทวดาทางพุทธจะยังสามารถหมดสถานะเทวดา กลับมาเกิดเป็นมนุษย์ หรือสัตว์ หรืออื่นๆ แต่ทูตสวรรค์จะเป็นจิต
ตลอดไปเพราะถูกสร้างมาเช่นนั้น หากทำผิดจะกลายเป็นปีศาจ ไม่มีการเกิดมามีเนื้อหนัง เป็นคน หรือสัตว์ ในโลก
นอกจากนี้ ทูตสวรรค์ มีหน้าที่รับใช้พระเจ้า ไม่ต้องการกินดื่ม แต่เทวดาในทางพุทธหรือพราหมณ์ เกิดเป็นเทวดาเพื่อเสวยผล
บุญที่ทำความดีมา อาจรับของเซ่นไหว้ ในรูปแบบอาหารต่างๆจากมนุษย์
ทั้งหมดนี้ คือบางส่วนของความแตกต่างที่ไม่เหมือนกัน ของบรรดาทูตสวรรค์และเทวดาในศาสนาอื่น ที่หลายๆคนรวมทั้ง
คริสตชนเองสับสนกันเสมอๆ แม้เราจะไม่สามารถรู้ทุกอย่างของฟ้าสวรรค์ แต่เราก็มีความรู้ในบางอย่างที่ทำให้ทราบและ
แยกแยะความแตกต่างได้
(http://www.belongtothetruth.com/Holy/angel02/pic/009.jpg)
สำหรับคริสตชนเราแล้ว ทูตสวรรค์ทุกองค์รักเราและเป็นเพื่อนเรา และท่านเหล่านั้นปรารถนาให้เราทุกคนได้กลับ
ไปอยู่ในสวรรค์ด้วยกันกับพวกท่านนิรันดร เราจงรู้จักขอความช่วยเหลือจากเพื่อนในสวรรค์ที่เต็มใจช่วยเราใน
กิจการดีตามพระประสงค์ของพระเจ้าทุกประการ
ขอทูตสวรรค์ทั้งหลายช่วยวิงวอนพระเจ้าเพื่อเราด้วยเทอญ
http://www.belongtothetruth.com/Holy/angel02/angel01.htm
หัวข้อ:
Re: +ความไม่เหมือนที่แตกต่าง ทูตสวรรค์ในคริสตศาสนาและเทวดาในศาสนาอื่น++
เริ่มหัวข้อโดย:
(〃ˆ ∇ ˆ〃)
ที่
กรกฎาคม 29, 2010, 03:59:45 pm
(http://t3.gstatic.com/images?q=tbn:KtpzuK9pvx5IFM:http://www.sopelana.net/Carpetas/sopelanagurea/sgurea/txopel/02urria_04/img/angel%26devil.jpg) :13: ... :12:
หัวข้อ:
Re: +ความไม่เหมือนที่แตกต่าง ทูตสวรรค์ในคริสตศาสนาและเทวดาในศาสนาอื่น++
เริ่มหัวข้อโดย:
แก้วจ๋าหน้าร้อน
ที่
กรกฎาคม 29, 2010, 09:28:36 pm
:13: ขอบคุณครับและอนุโมทนาครับพี่ปอ
หัวข้อ:
Re: +ความไม่เหมือนที่แตกต่าง ทูตสวรรค์ในคริสตศาสนาและเทวดาในศาสนาอื่น++
เริ่มหัวข้อโดย:
ฐิตา
ที่
กรกฎาคม 30, 2010, 11:32:35 am
:13:
:19: :19:
(http://i210.photobucket.com/albums/bb214/pukbass/th_Dookdig.gif)