ใต้ร่มธรรม

อิ่มกาย อิ่มใจ => สุขภาพกับชีวิต => ข้อความที่เริ่มโดย: sithiphong ที่ มิถุนายน 03, 2011, 10:37:07 pm

หัวข้อ: เชื้ออีโคไลระบาดทั่วยุโรป พบผู้ติดเชื้อเพิ่มกว่า 1,500 คนแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ มิถุนายน 03, 2011, 10:37:07 pm
เชื้ออีโคไลระบาดทั่วยุโรป พบผู้ติดเชื้อเพิ่มกว่า 1,500 คนแล้ว


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล

          เมื่อวันที่ 2 มิถุนายนที่ผ่านมา สำนักข่าวเอพี (AP) รายงานว่า เชื้อแบคทีเรีย "อีโคไล" ที่ปนเปื้อนในผักเริ่มระบาดเป็นวงกว้างขึ้นไปทั่วยุโรป ล่าสุดยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 18 คน และล้มป่วยอีกกว่า 1,500 คนแล้ว ขณะที่นักวิทยาศาสตร์ชี้นี่เป็นการระบาดของเชื้อโรคในอาหารที่รุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์

          รายงานระบุว่า หลังจากที่เชื้อแบคทีเรีย "อีโคไล" ระบาดในเยอรมนี คร่าชีวิตประชาชนไป 15 คน และล้มป่วยอีก ประมาณ 1,200 คน ตลอดสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ล่าสุด มีรายงานว่า ขณะนี้เชื้อแบคทีเรียดังกล่าว ได้ระบาดขยายวงกว้างไปทั่วยุโรปแล้ว โดยในอังกฤษ พบผู้ป่วยติดเชื้ออีโคไลแล้ว 7 ราย และเสียชีวิตอีก 1 ราย ขณะที่ประชาชนที่ติดเชื้ออีโคไลทั่วยุโรปตอนนี้ เพิ่มขึ้นมากกว่า 1,500 คนแล้ว ซึ่งกว่า 500 คน มีอาการระบบไตล้มเหลวรุนแรงและอาจจะเสียชีวิต ทำให้หลายประเทศในยุโรปต้องประกาศห้ามประชาชนทานผักสดทุกชนิด ส่งผลให้ธุรกิจค้าผักสดขาดทุนหลายพันล้านบาท

         จากเหตุการณ์ดังกล่าว องค์การอนามัยโลก หรือ WHO ได้ออกมาเปิดเผยว่า ขณะนี้ทาง WHO ยังคงเฝ้าติดตามสถานการณ์การระบาดของเชื้อแบคทีเรียอีโคไลอย่างใกล้ชิด เพราะเป็นเชื้ออีโคไลสายพันธุ์ใหม่ที่มีอันตรายกว่าเดิมมาก ทำให้ท้องเสียอย่างรุนแรง ถ่ายเป็นเลือด เม็ดเลือดแดงแตก และระบบไตล้มเหลว เป็นอันตรายถึงชีวิต จึงถือเป็นเชื้อโรคในอาหารที่มีพิษรุนแรงมากที่สุดในประวัติศาสตร์ เพราะนอกจากมันจะส่งผลร้ายดังที่กล่าวมาแล้ว เชื้อแบคทีเรียตัวนี้ยังติดต่อกันได้ถ้ามีความแข็งแรงพอ โดยไม่จำเป็นต้องรับเชื้อโดยตรงจากการบริโภคผักเลย

           ส่วนทางด้านประเทศเยอรมนี ที่เป็นพื้นที่แพร่เชื้อแหล่งใหญ่ที่สุดในขณะนี้ ทางการยังคงประกาศเตือนให้ประชาชนงดบริโภคผักสดชั่วคราว เพราะยังไม่สามารถระบุได้ชัดเจนว่า เชื้ออีโคไลสายพันธุ์ใหม่นี้แพร่ระบาดมาจากไหน อีกทั้งยังแนะนำให้ประชาชนล้างมือเพื่อป้องกันการติดเชื้อระหว่างคนสู่คนอีกด้วย






[1 มิถุนายน] เยอรมนีสั่งห้ามกินผัก หลังคนตาย-ป่วยอื้อ เพราะกินแตงกวา

          เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคมที่ผ่านมา สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ชาวเยอรมันเสียชีวิตกว่า 15 คน และล้มป่วยอีกหลายร้อยคน หลังทานแตงกวาที่วางขายตามท้องตลาด จนทางการต้องออกประกาศเตือนห้ามทานผักสดทุกชนิด

          รายงานระบุว่า ในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา มีประชาชนจำนวนหลายร้อยพากันล้มป่วยด้วยโรคอาหารเป็นพิษ ขณะที่อีก 15 คนเสียชีวิตหลังมีภาวะอาหารเป็นพิษโดยไม่ทราบสาเหตุ ทำให้สถาบันศึกษาวิจัยโรคแห่งชาติของเยอรมนี ต้องนำศพผู้เสียชีวิตไปชันสูตร และพบว่า ผู้เสียชีวิตแต่ละรายล้วนได้รับเชื้อแบคทีเรีย "อีโคไล" เช่นเดียวกันทั้งหมด ซึ่งต่อมาก็มีการตรวจพบว่า แบคทีเรียดังกล่าวนี้ มาจากแตงกวาที่วางขายในท้องตลาด ที่นำเข้าจากต่างประเทศ และขณะนี้ก็มีผู้ป่วยที่ทานแตงกวาและป่วยเป็นโรคอาหารเป็นพิษทั่วประเทศแล้วเกือบ 1,200 คน

          จากการแพร่ระบาดของเชื้อดังกล่าว ทางด้านศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคของยุโรป ในกรุงสตอกโฮล์ม ได้ออกมาเปิดเผยว่า นี่เป็นการแพร่ระบาดของเชื้อโรคที่ร้ายแรงที่สุดในโลก และในเยอรมนีเลยทีเดียว โดยผู้ที่ได้รับเชื้อดังกล่าว จะมีอาการท้องร่วง ปวดท้องอย่างรุนแรง ถ่ายเป็นเลือด ตับได้รับความเสียหายอย่างฉับพลัน และทำให้เสียชีวิตได้

          ซึ่งจากความร้ายแรงของเชื้อดังกล่าวนี้ ทำให้ทางการเยอรมนีต้องออกประกาศห้ามประชาชนบริโภคผักสดทุกชนิดแล้ว เนื่องจากเกรงว่าจะมีเชื้อแบคทีเรียอีโคไลในผักชนิดอื่นด้วย พร้อมกับได้สั่งห้ามนำเข้าผักสดทุกชนิดจากประเทศสเปนด้วย หลังจากมีการตรวจพบเชื้อดังกล่าวในแตงกวาชีวภาพที่นำเข้าจากสเปน ทำให้การส่งออกแตงกวาและผักสดของสเปนต้องหยุดชะงัก เกษตรกรในสเปนขาดทุนรวมกันแล้วกว่า 9,300 ล้านบาท

          นอกจากนี้ ยังมีรายงานอีกว่า เชื้อแบคทีเรียอีโคไล ไม่ได้ระบาดเฉพาะในเยอรมนีเท่านั้น เพราะในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ยังตรวจพบผู้ป่วยจากเชื้อแบคทีเรียดังกล่าวทั่วยุโรปรวมแล้วกว่า 1,000 คน ไม่ว่าจะเป็นผู้ป่วยในสเปน สวีเดน ฝรั่งเศส อังกฤษ เดนมาร์ก และเนเธอร์แลนด์ โดยผู้ป่วยเหล่านี้ส่วนใหญ่จะมีความเชื่อมโยงกับผู้ที่เพิ่งเดินทางกลับจากเยอรมนี

          ทั้งนี้ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีการระบาดของเชื้อแบคทีเรียอีโคไล เพราะก่อนหน้านี้ ก็มีการระบาดในญี่ปุ่นเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาเช่นกัน โดยมีการตรวจพบเชื้อดังกล่าวในบาร์บีคิวจากร้านอาหารแห่งหนึ่งในโตเกียว ทำให้ชาวญี่ปุ่นเสียชีวิต 4 คน และล้มป่วยอีกไม่ต่ำกว่า 20 คน



.

http://hilight.kapook.com/view/59371

.
หัวข้อ: Re: เชื้ออีโคไลระบาดทั่วยุโรป พบผู้ติดเชื้อเพิ่มกว่า 1,500 คนแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ มิถุนายน 04, 2011, 04:39:00 pm
เผยอีโคไลตัวใหม่ ทนยาปฏิชีวนะได้





เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล

          นักวิทยาศาสตร์ระบุ อีโคไลตัวใหม่นอกจากจะผลิตสารพิษร้ายแรงได้ ยังสามารถฝังตัวในลำไส้ผู้ป่วย ซ้ำร้ายทนทานยาปฏิชีวนะได้สูง คาดใช้เวลานับเดือนกว่าจะหาทางแก้ได้

          องค์การอนามัยโลกระบุว่า แบคทีเรียอีโคไลที่กำลังระบาดคร่าผู้ติดเชื้อชาวยุโรป 17 ราย และทำให้ล้มป่วยอีก 1,624 ราย เป็นเชื้ออีโคไลสายพันธุ์ใหม่ ด้านผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าแหล่งที่มาของโรคน่าจะอยู่ในเยอรมนีเอง

          โดยปกติแบคทีเรีย "เอสเคอริเคียโคไล" หรืออีโคไล ไม่มีอันตราย แต่สายพันธุ์ใหม่ที่สังหารผู้ได้รับเชื้อในยุโรปนั้น มีชื่อสายพันธุ์ว่า "0104:H4" และจัดอยู่ในสายพันธุ์ที่สามารถผลิตสารพิษชิกะท็อกซิน

          อีโคไลสายพันธุ์นี้สามารถฝังตัวเองในลำไส้ใหญ่แล้วผลิตสารพิษออกมาสู่ร่างกายเหยื่อ ทำให้มีอาการคลื่นไส้และท้องร่วง ไปจนถึงมีอาการ "เม็ดเลือดแดงแตก-ไตวาย" (เอชยูเอส) ซึ่งมีอันตรายถึงชีวิต

          ดร. โรเบิร์ต ต็อกซ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านเชื้อโรคที่แพร่กระจายผ่านอาหาร แห่งสำนักงานควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐ ระบุว่า ขณะนี้ในเยอรมนีมีผู้ป่วยอาการเอชยูเอสทั้งหมด 470 รายแล้ว นับว่ามีจำนวนเป็น 10 เท่า ของการแพร่ระบาดเชื้ออีโคไลสายพันธุ์ใกล้เคียงกันในสหรัฐปี 2537

          สถาบันพันธุกรรมวิทยากรุงปักกิ่ง ซึ่งจัดวางรหัสพันธุกรรมของเชื้ออีโคไลสายพันธุ์ใหม่ ชี้แจงว่า อีโคไลสายพันธุ์ใหม่นี้มีความทนทานต่อยาปฏิชีวนะ ดร.ต็อกซ์กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าเหตุใดเชื้อสายพันธุ์จึงมีภูมิต้านทานยาสูง และแนะนำว่าไม่ควรใช้ยาปฏิชีวนะในการรักษาผู้ป่วย เพราะอาจจะทำให้เชื้อดื้อยามาขึ้น

          การแพร่ระบาดของเชื้อโรคยังส่งผลต่อการค้าและทำให้เกิดความขัดแย้งในทวีปยุโรป ด้านรัสเซียได้สั่งแบนสินค้าพืชผักที่นำเข้าจากยุโรป ส่งผลให้สหภาพยุโรปวิจารณ์ท่าทีดังกล่าวและเรียกร้องให้ยกเลิกการแบนสินค้าโดยทันที ส่วนเยอรมนี ออกมาขอโทษสเปนหลังก่อนหน้านี้กล่าวหาว่าผักนำเข้าจากสเปนเป็นต้นเหตุการระบาด แต่ผลการพิสูจน์พบว่าไม่มีความเกี่ยวข้องกัน


.

http://hilight.kapook.com/view/59371

.
หัวข้อ: Re: เชื้ออีโคไลระบาดทั่วยุโรป พบผู้ติดเชื้อเพิ่มกว่า 1,500 คนแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ มิถุนายน 05, 2011, 06:55:53 am
สธ.เผยยังไม่พบผู้ติดเชื้ออี.โคไลในไทย เตือนพวกนิยมกินผักสด ระวังเป็นพิเศษ

นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าววันที่ 4 มิถุนายน ถึงการแพร่ระบาดของโรคอุจจาระร่วง จากเชื้อแบคทีเรียอี.โคไลทางแถบยุโรปว่า จากการเฝ้าระวังของสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ไทยพบโรคอุจจาระร่วงทั่วไปในปี 2554 มีรายงานทั่วประเทศประมาณ 5.3 แสนราย เสียชีวิต 21 ราย และยังไม่พบผู้ป่วยติดเชื้ออี.โคไลชนิดรุนแรง ที่ทำให้เกิดอาการเม็ดเลือดแดงแตก และไตวาย

 

อย่างไรก็ตาม ขอให้ประชาชนบริโภคอาหารที่ปลอดภัยจากโรคระบบทางเดินอาหาร โดยการปรุงสุกผ่านความร้อน และกลุ่มของผู้ที่นิยมบริโภคผักสด ในรูปของผักสลัด ผักแนม หรือผักจิ้มน้ำพริกต่างๆ ขอให้ล้างผักก่อนด้วยน้ำสะอาดหลายๆ ครั้ง ควรล้างผักผ่านน้ำไหลนานประมาณ 2 นาที เพื่อป้องกันการปนเปื้อนของเชื้อโรค และที่ผ่านมากระทรวงสาธารณสุขมีระบบเฝ้าระวังโรคนี้อย่างเข้มแข็ง ทั้งด้านระบาดวิทยา และการตรวจเชื้อทางห้องปฏิบัติการ ขอให้คนไทยสบายใจได้ และไทยมีการนำเข้าผักจากยุโรปน้อยมาก เนื่องจากประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรม สามารถผลิตพืชผักบริโภคได้ตลอดปี

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1307171317&grpid=&catid=19&subcatid=1904

.
หัวข้อ: Re: เชื้ออีโคไลระบาดทั่วยุโรป พบผู้ติดเชื้อเพิ่มกว่า 1,500 คนแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ มิถุนายน 05, 2011, 06:59:40 am
สธ.เล็งระดมผู้เชี่ยวชาญถกเชื้อ "อี.โคไล" ระบาด 6 มิ.ย. แนะเลี่ยงกินผักสด-ผลไม้ต้องปอกเปลือก

นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 4 มิถุนายนถึงการแพร่ระบาดของเชื้อแบคทีเรีย อี.โคไล โอ 104Ž ในประเทศแถบยุโรป 12 ประเทศว่า ในวันที่ 6 มิถุนายนนี้ สธ.จะระดมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในสังกัด ทั้งกรมควบคุมโรค สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ หารือถึงมาตรการเฝ้าระวังว่า จะมีการออกมาตรการใดเพิ่มเติม นอกเหนือจากการเฝ้าระวังเชื้อในสถานพยาบาลต่างๆ ทั่วประเทศ

 

"อย่างไรก็ตาม ขอยืนยันว่าไม่จำเป็นต้องส่งเจ้าหน้าที่กรมควบคุมโรคไปประจำที่สนามบินนานาชาติ เนื่องจากสถานการณ์ยังไม่ถึงขั้นวิกฤต อีกทั้งประเทศไทยก็มีระบบตรวจสอบผู้โดยสารขาเข้าอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการให้กรอกเอกสารขาเข้า จะสอบถามเกี่ยวกับสุขภาพ ซักประวัติโรคเบื้องต้น ขณะเดียวกัน บริเวณด่านตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ก็มีระบบตรวจสอบผู้โดยสารกลุ่มนี้ด้วย หากพบโรคเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่ประจำ ตม.จะทำหน้าที่คัดกรองผู้ป่วยเอง โดยหากพบรายใดมีอาการป่วยที่อาจเข้าข่าย เจ้าหน้าที่จะซักประวัติ และขอที่อยู่ขณะพำนักหรืออาศัยภายในประเทศไทย เพื่อติดตามอาการ ทั้งหมดเป็นขั้นตอนที่มีอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องจัดตั้งทีมเฉพาะกิจไปประจำอีก"Žนพ.ไพจิตร์กล่าว และว่า นอกจากนี้ สธ.ได้ทำหนังสือขอความร่วมมือไปยังโรงพยาบาลต่างๆ ทั่วประเทศ ทั้งภาครัฐและเอกชน ให้เฝ้าระวังผู้ที่อาจมีอาการใกล้เคียงโรคนี้


นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ผู้อำนวยการสำนักโรคติดต่อทั่วไป สธ.กล่าวว่า เชื้อ อี.โคไล เป็นเชื้อที่อยู่ในลำไส้ของมนุษย์อยู่แล้ว เพียงแต่กรณีนี้มีการติดเชื้อจากภายนอก ชาวยุโรปเชื่อว่าอาจปนเปื้อนมากับอาหาร ทำให้เชื้อ อี.โคไล แตกต่างจากเดิม กลายเป็นสายพันธุ์ใหม่ โดยเชื้อดังกล่าวเป็นเชื้อแบคทีเรียชนิดหนึ่ง ที่เรียกว่า เอสทีอีซี (STEC-Shiga toxin-producing Escherichia coli) หรือ E.coli O 104 เป็นเชื้อก่อโรคที่มีความรุนแรงกว่าเดิม โดยเชื้อดังกล่าวจะไปสร้างสารพิษทำลายลำไส้ ทำให้ลำไส้มีเลือดออก และอุจจาระเป็นเลือด ขณะเดียวกันยังส่งผลให้เม็ดเลือดแดงแตกในกระแสเลือด อาจลุกลามไปทำลายไต ก่อให้เกิดไตวาย และหากรักษาไม่ทันจะเสียชีวิตในที่สุด ดังนั้น ควรป้องกันโดยการดูแลสุขอนามัย ยึดหลัก กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ ปรุงอาหารให้สุก เนื่องจากหากปรุงสุกด้วยความร้อนเกิน 70 องศาเซลเซียส จะทำลายเชื้อนี้ได้ และหากต้องการบริโภคผักผลไม้ก็ต้องล้างให้สะอาด

 

"หากกังวลมาก ช่วงนี้อาจหลีกเลี่ยงกินผักสด ส่วนผลไม้ก็ควรปอกเปลือก เนื่องจากเชื้อประเภทนี้จะติดบริเวณเปลือก แต่ไม่อยากให้กังวลมาก เพราะประเทศไทยนำเข้าผักผลไม้จากยุโรปน้อยมากŽ" นพ.โอภาสกล่าว


http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1307197366&grpid=00&catid=&subcatid=

.
หัวข้อ: Re: เชื้ออีโคไลระบาดทั่วยุโรป พบผู้ติดเชื้อเพิ่มกว่า 1,500 คนแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: แก้วจ๋าหน้าร้อน ที่ มิถุนายน 05, 2011, 11:33:23 pm
เรื่องนี้น่ากลัวครับ รู้สึกว่า เราจะทานเนื้อ ทานพักก็ไม่ได้เลย โรคเยอะไปหมด สงสัยต่อไปเราต้องทานอาหารแคปซูนซะแล้วล่ะครับพี่หนุ่ม

ขอบคุณครับพี่หนุ่มสำหรับเรื่องข้อมูล^^
หัวข้อ: Re: เชื้ออีโคไลระบาดทั่วยุโรป พบผู้ติดเชื้อเพิ่มกว่า 1,500 คนแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ มิถุนายน 06, 2011, 09:39:39 pm
ทานอะไรต้องระวังครับ

เดี๋ยวนี้ ใช้สารเร่ง สารเคมี เต็มไปหมดเลยครับ


.
หัวข้อ: Re: เชื้ออีโคไลระบาดทั่วยุโรป พบผู้ติดเชื้อเพิ่มกว่า 1,500 คนแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ มิถุนายน 09, 2011, 05:51:12 pm
.

 
 
“จุรินทร์”เผยผลตรวจอโวคาโดที่นำเข้าจากยุโรป เบื้องต้นพบเชื้ออี.โคไล แต่ยังไม่ทราบว่าเป็นเชื้อที่ทำให้เกิดสารพิษหรือไม่ ต้องใช้เวลาในการตรวจอีก 3-5วันจึงจะทราบผล
 
 



ย้ำการพบเชื้ออี.โคไลปนเปื้อนในผักผลไม้ เป็นเรื่องปกติทั่วไป ประชาชนไทยไม่ต้องวิตกกังวล ยังรับประทานผักผลไม้ได้ตามปกติ แต่ก่อนรับประทาน ต้องล้างน้ำให้สะอาดก่อน

วันนี้(9 มิถุนายน 2554)นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ความคืบหน้า การตรวจเชื้อแบคทีเรียอี.โคไลชนิดรุนแรง โอ 104 (Enterohaemorrhagic E.coli O104) จากตัวอย่างผัก ผลไม้นำเข้าจากยุโรป ของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ว่า หลังจากที่ด่านอาหารและยา ประจำท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิได้สุ่มเก็บ อโวคาโด จำนวน 2 กิโลกรัม ส่งตรวจเพาะเชื้อที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2554 ขณะนี้ทราบผลการตรวจในเบื้องต้น พบเชื้ออี.โคไล แต่ยังไม่ทราบว่าเป็นเชื้ออี.โคไลชนิดใด ทำให้เกิดสารพิษหรือไม่ จะต้องใช้ระยะเวลาในการตรวจวิเคราะห์สายพันธุ์อีกประมาณ 3-5 วันจึงจะทราบผล ส่วนกะหล่ำปลีปม จะทราบผลตรวจเบื้องต้นในเช้าวันพรุ่งนี้ (10 มิถุนายน 2554)


นายจุรินทร์ กล่าวต่อว่า การตรวจพบเชื้ออี.โคไลในอโวคาโดครั้งนี้ จัดเป็นเรื่องปกติ ประชาชนไทยไม่ต้องวิตกกังวล เนื่องจากโดยทั่วไป เชื้ออี.โคไล มีหลายชนิด และเป็นเชื้อที่มีอยู่ทั่วไปในผลิตภัณฑ์การเกษตร ผัก ผลไม้ ไม่เป็นอันตรายสำหรับประชาชน ยังสามารถรับประทานผัก ผลไม้ต่อไปได้ตามปกติ โดยก่อนที่จะนำมารับประทาน ควรล้างน้ำให้สะอาดก่อนหลายๆ ครั้ง โดยให้คลี่ใบถูให้สะอาดในกรณีที่เป็นผักที่มีกาบใบห่อ ซึ่งวิธีการล้าง อาจล้างด้วยการเปิดน้ำไหลจากก๊อกแรงพอประมาณ ให้ไหลผ่านผักสด ผลไม้นานอย่างน้อย 2 นาที หรือใช้สารละลายอื่นๆในการล้างควบคู่ด้วย เช่น น้ำส้มสายชู , เกลือ เป็นต้น หรือลอกหรือปอกเปลือกชั้นนอกของผักสดหรือผลไม้ทิ้งไป เพื่อลดสิ่งปนเปื้อน


ส่วนการรับประทานผักโดยปรุงผ่านความร้อน รวมทั้งผักลวก จะปลอดภัย เนื่องจากเชื้อแบคทีเรียจะตายเมื่อถูกความร้อน 70 องศาเซลเซียสขึ้นไป นายจุรินทร์กล่าว


........................... 9 มิถุนายน 2554



 


.

[url]http://www.moph.go.th/ops/iprg/include/admin_hotnew/show_hotnew.php?idHot_new=39019 (http://www.moph.go.th/ops/iprg/include/admin_hotnew/show_hotnew.php?idHot_new=39019)

.
หัวข้อ: Re: เชื้ออีโคไลระบาดทั่วยุโรป พบผู้ติดเชื้อเพิ่มกว่า 1,500 คนแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ มิถุนายน 11, 2011, 07:50:51 am
อีโคไล ระบาดหนัก! ดับแล้ว 30 ราย-ไทยพบในอโวคาโด


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

          "อี.โค ไล" ระบาดไม่หยุด ล่าสุด พบผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 30 ราย ขณะเจ้าหน้าที่เร่งหาที่มาเชื่อมรณะจากการตรวจสอบอาหารของผู้เสียชีวิต

          นางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีหญิงของเยอรมัน กล่าวว่า เจ้าหน้าที่หน่วยงานสาธารณสุข ได้พยายามอย่างสุดความสามารถ ในการแก้ปัญหาการระบาดของโรคที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย อี.โคไล

          ขณะที่ หน่วยงานสาธารณสุขในเมืองคัสเซิล ตอนกลางของประเทศเยอรมัน ได้ทำการตรวจสอบไปยังหน่วยงานที่ให้บริการด้านอาหาร ในงานเลี้ยงวันเกิด ใกล้กับเมืองเกอตติงเกน เมื่อวันที่วันที่ 28 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ซึ่งครั้งนั้น พบผู้ป่วย 8 คน จากการร่วมงานเลี้ยงดังกล่าว ซึ่งตอนนี้ยังอยู่ในช่วงของการทดสอบเชื้อ ด้านบริษัทกล่าวว่า จะให้ร่วมมืออย่างเต็มที่

          ส่วนยอดผู้ติดเชื้อล่าสุด พบแล้วกว่า 2,900 ราย ใน 12 ประเทศ และยอดผู้เสียชีวิตที่ได้รับการยืนยัน จากหน่วยงานในแฟรงค์เฟิร์ตของเยอรมนี วานนี้ (9 มิ.ย.) ระบุมีแล้วทั้งสิ้น 30 ราย

http://health.kapook.com/view27014.html

.



หัวข้อ: Re: เชื้ออีโคไลระบาดทั่วยุโรป พบผู้ติดเชื้อเพิ่มกว่า 1,500 คนแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ มิถุนายน 11, 2011, 08:48:36 am
เยอรมันยืนยันถั่วงอกต้นตออีโคไล

(http://www.posttoday.com/media/content/2011/06/10/229315D1F01D4606929E5F6D5618BB3B.jpg)

ศุนย์โรคติดต่อเยอรมันยืนยัน ต้นตอการระบาดของเชื้ออีโคไลมาจากถั่วงอก ขณะที่จำนวนผู้ป่วยมีถึง 3 พันคนและเสียชีวิตอย่างน้อย 30 ราย

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ไรน์ฮาร์ด เบอร์เกอร์ ประธานสถาบันโรเบิร์ตคอช ศูนย์โรคติดต่อแห่งชาติเยอรมนี ได้แถลงว่า ทางการเยอรมันได้พบต้นตอการระบาดของเชื้อแบคทีเรียอีโคไลแล้ว โดยพบว่าถั่วงอกเป็นต้นตอของการระบาด ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 30 ราย และป่วยถึง 3พันคน

เบอร์เกอร์เชื่อว่าต้นตอการระบาดมาจากฟาร์มออแกนนิกเล็กๆ ในรัฐโลว์เออร์แซกโซนี แม้การตรวจสอบฟาร์มดังกล่าวได้ผลเป็นลบ แต่หลักฐานยังชี้ว่าฟาร์มนี้น่าจะเป็นต้นตอของการปนเปื้อน

อย่างไรก็ตามแม้ว่าจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่กำลังลดลง แต่การระบาดยังไม่สิ้นสุด โดยหลายคนยังรู้สึกมีอาการป่วยหลังจากทานอาหารปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรียเข้าไปหลายวันก่อน

ด้านรัฐบาลเยอรมันได้ยกเลิกคำเตือนห้ามทานมะเขือเทศ แตงกวา และกะหล่ำดิบแล้ว

http://www.posttoday.com/%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81/93659/%E0%B9%80%E0%B8%A2%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%A2%E0%B8%B7%E0%B8%99%E0%B8%A2%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%96%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%B5%E0%B9%82%E0%B8%84%E0%B9%84%E0%B8%A5
.
หัวข้อ: Re: เชื้ออีโคไลระบาดทั่วยุโรป พบผู้ติดเชื้อเพิ่มกว่า 1,500 คนแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ มิถุนายน 12, 2011, 08:40:41 am
ไทยโล่ง! อโวคาโดไม่อันตราย-เจอในกะหล่ำปลีปมเพิ่มอีก

(http://img.kapook.com/image/Food/Fruit-Vegetable/avocado11.jpg)



เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

          ผลตรวจอีโคไลในอโวคาโด ยืนยันไม่ใช้เชื้อชนิดที่คร่าชีวิตชาวยุโรป สธ.ให้ขายต่อได้ ขณะที่ผลตรวจกะหล่ำปลีปมพบเชื้ออีโคไลอีก ยังไม่ทราบสายพันธุ์ เตือนประชาชนอย่าวิตก

          หลังจากที่กระทรวงสาธารณสุขแถลงข่าวพบแบคทีเรียอีโคไล ไม่ทราบชนิด ปนเปื้อนอยู่ในอโวคาโดที่นำเข้าจากยุโรปนั้น ล่าสุด เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ชี้แจงว่า จากการตรวจยืนยันทางชีวเคมีของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ในอโวคาโด พบว่าไม่ใช่เชื้ออีโคไลสายพันธุ์ โอ 104 ที่ระบาดและคร่าชีวิตผู้คนไปแล้วกว่า 30 รายในยุโรป โดยเชื้ออีโคไลที่พบในอโวคาโดนั้นพบได้ทั่วไปในสิ่งแวดล้อม และไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ จึงอนุญาตให้ผู้นำเข้าอโวคาโดสามารถจำหน่ายได้

          นายจุรินทร์กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เฝ้าระวังผักผลไม้นำเข้าจาก 13 ประเทศในยุโรปที่มีรายงานเชื้อแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่อง และให้วอร์รูมกรมควบคุมโรค ประชุมติดตามสถานการณ์โรคอย่างใกล้ชิด และต้นตอแหล่งแพร่เชื้อ จึงขอให้ประชาชนไทยมั่นใจในมาตรการป้องกันเฝ้าระวังของกระทรวงที่พร้อมปกป้องสุขภาพคนไทย ขอให้ประชาชนรับประทานผักผลไม้ตามปกติ ซึ่งโรคนี้เป็นโรคติดต่อทางอาหารและน้ำ หากประชาชนยึดหลักกินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ จะป้องกันไม่ให้ป่วยได้

          ขณะที่ นายอมรินทร์ นันทวิทยาภรณ์ หัวหน้ากลุ่มตรวจด่านอาหารและยา อย. กล่าวว่า ได้มีการเก็บตัวอย่างผักและผลไม้ อาทิ แครอต พริกหยวก กะหล่ำปลี และผลไม้รวมทั้งหมด 1 ตู้คอนเทนเนอร์ และจะนำผักผลไม้อย่างละ 1 กิโลกรัมไปตรวจสอบเชื้อดังกล่าว โดยจะนำไปตรวจที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข คาดว่าต้องใช้เวลาประมาณ 3-4 วัน ซึ่งสินค้าดังกล่าวมีทั้งพร้อมรับประทาน และต้องนำไปปรุงให้สุกก่อน โดยส่วนใหญ่เป็นสินค้านำเข้าจากอังกฤษ เบลเยียม สเปน และนำเข้ามาตั้งแต่วันที่ 5 พ.ค. ส่วนผลอโวคาโดที่ตรวจพบเชื้ออีโคไลเบื้องต้นยังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นเชื้อสายพันธุ์ใด ซึ่งในล็อตดังกล่าวนั้นมีการนำเข้ามา 420 ลัง และนำมาตรวจสอบหมดแล้ว

          "ประชาชนที่จะรับประทานผักและผลไม้ในช่วงนี้ ควรนำมาล้างให้สะอาดก่อน โดยอาจใช้น้ำส้มสายชูหรือเกลือก็ได้ หรือควรต้มให้สุกก่อนรับประทาน รวมทั้งได้ขอความร่วมมือไปยังผู้ประกอบการชะลอการนำเข้าผักผลไม้จากยุโรปแล้ว" นายอมรินทร์กล่าว

          วันเดียวกัน พญ.มาลินี สุขเวชชวรกิจ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) และคณะ ได้ลงพื้นที่ตรวจตลาดสดบางขุนศรี เขตบางกอกน้อย พร้อมทั้งระบุว่า แม้ยังไม่พบการแพร่เชื้ออีโคไลในไทย แต่ก็มีการแพร่ระบาดหลายประเทศในยุโรป กทม.จึงต้องเฝ้าระวังต่อเนื่อง และจะลงพื้นที่ให้ความรู้แก่ประชาชนในการป้องกันตัวเอง ไม่ให้เกิดความตื่นตระหนกตกใจ แต่รู้เท่าทัน

         และสำหรับความคืบหน้าการตรวจหาเชื้ออีโคไลในกะหล่ำปลีปม ล่าสุด นายแพทย์สถาพร วงษ์เจริญ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า จากการเก็บตัวอย่างผักผลไม้ ที่นำเข้าจากทางทวีปยุโรป อาทิ กะหล่ำปลีปม พริกหยวก แครอท นั้น เบื้องต้นพบว่า กะหล่ำปลีปม มีเชื้อ อี.โคไล ปนเปื้อนอยู่ แต่ยังไม่สามารถระบุสายพันธุ์ได้ชัดเจนว่า เป็นสายพันธุ์อันตรายที่ทำให้เกิดโรคหรือไม่ จะต้องมีการตรวจสอบลงลึกในรายละเอียดอีกครั้ง เพื่อหาสายพันธุ์ที่แท้จริง เนื่องจาก เชื้อ อี.โคไล บางสายพันธุ์ไม่เป็นอันตราย และสามารถพบได้ทั่วไปในบ้านเรา ซึ่งจะต้องมีการเก็บตัวอย่างเพิ่มเติม คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2-3 วัน ก็จะทราบผลว่า เป็นเชื้ออี.โคไล สายพันธุ์ใด ส่วนพริกหยวก แครอท ยังอยู่ระหว่างการตรวจหาเชื้อ อี.โคไล

         ทั้งนี้ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ยังฝากไปยังประชาชนอย่าวิตกกังวล เนื่องจากกระทรวงสาธารณสุขได้มีการเฝ้าระวังอยู่ตลอดเวลา รวมไปถึงท่านใดจะรับประทานผักและผลไม้ ในช่วงนี้ควรจะนำมาล้างให้สะอาดก่อน โดยอาจจะใช้น้ำส้มสายชู หรือเกลือก็ได้ หรือควรจะต้มให้สุกก่อนรับประทาน



อีโคไล


[10 มิถุนายน] อีโคไล ระบาดหนัก! ดับแล้ว 30 ราย-ไทยพบในอโวคาโด

          "อี.โค ไล" ระบาดไม่หยุด ล่าสุด พบผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 30 ราย ขณะเจ้าหน้าที่เร่งหาที่มาเชื่อมรณะจากการตรวจสอบอาหารของผู้เสียชีวิต

          นางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีหญิงของเยอรมัน กล่าวว่า เจ้าหน้าที่หน่วยงานสาธารณสุข ได้พยายามอย่างสุดความสามารถ ในการแก้ปัญหาการระบาดของโรคที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย อี.โคไล

          ขณะที่ หน่วยงานสาธารณสุขในเมืองคัสเซิล ตอนกลางของประเทศเยอรมัน ได้ทำการตรวจสอบไปยังหน่วยงานที่ให้บริการด้านอาหาร ในงานเลี้ยงวันเกิด ใกล้กับเมืองเกอตติงเกน เมื่อวันที่วันที่ 28 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ซึ่งครั้งนั้น พบผู้ป่วย 8 คน จากการร่วมงานเลี้ยงดังกล่าว ซึ่งตอนนี้ยังอยู่ในช่วงของการทดสอบเชื้อ ด้านบริษัทกล่าวว่า จะให้ร่วมมืออย่างเต็มที่

          ส่วนยอดผู้ติดเชื้อล่าสุด พบแล้วกว่า 2,900 ราย ใน 12 ประเทศ และยอดผู้เสียชีวิตที่ได้รับการยืนยัน จากหน่วยงานในแฟรงค์เฟิร์ตของเยอรมนี วานนี้ (9 มิ.ย.) ระบุมีแล้วทั้งสิ้น 30 ราย


อโวคาโด

อโวคาโด


[9 มิ.ย.] อีโคไลโผล่ไทย! สธ.เจอปนเปื้อนในอโวคาโดนำเข้า

          สธ.เผยพบอโวคาโดนำเข้าจากยุโร ปปนเปื้อนเชื้ออี.โคไล แต่ยังไม่ทราบชนิด อีก 5 วันรู้ผลชัด เตือนประชาชนไม่ต้องวิตก เพราะเชื้ออี.โคไลมีหลายชนิด มักอยู่ตามผักผลไม้ได้ทั่วไป แต่ไม่เป็นอันตรายต่อคน

          วันนี้ (9 มิถุนายน) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า หลังจากด่านอาหารและยา ประจำท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิได้สุ่มเก็บอโวคาโด จำนวน 2 กิโลกรัมที่นำเข้าจากยุโรป ส่งตรวจหาเชื้อแบคทีเรียอี.โค ไลชนิดรุนแรง โอ 104 (Enterohaemorrhagic E.coli O104) เมื่อวันที่ 6 มิถุนายนที่ผ่านมานั้น ล่าสุด ผลการตรวจในเบื้องต้น พบเชื้ออี.โคไล ในอโวคาโดตัวอย่างที่สุ่มเก็บมา แต่ยังไม่ทราบว่าเป็นเชื้ออี.โคไลชนิดใด ทำให้เกิดสารพิษหรือไม่ ซึ่งจะต้องใช้ระยะเวลาในการตรวจวิเคราะห์สายพันธุ์อีกประมาณ 3-5 วันจึงจะทราบผล ส่วนกะหล่ำปลีปม จะทราบผลตรวจเบื้องต้นในเช้าวันพรุ่งนี้ (10 มิถุนายน 2554)

          อย่างไรก็ตาม นายจุรินทร์ ยังย้ำว่า ขอให้ประชาชนไม่ต้องวิตกกังวลที่มีการตรวจพบเชื้ออี.โคไลในอโวคาโดครั้งนี้ เพราะถือเป็นเรื่องปกติ เนื่องจากเชื้ออี.โคไล มีหลายชนิด และเป็นเชื้อที่มีอยู่ทั่วไปในผลิตภัณฑ์การเกษตร ผัก ผลไม้ ซึ่งไม่เป็นอันตรายสำหรับประชาชน และยังสามารถรับประทานผัก ผลไม้ต่อไปได้ตามปกติ

          ทั้งนี้ นายจุรินทร์ ยังได้แนะนำว่า ก่อนที่จะนำผัก ผลไม้มารับประทาน ควรล้างน้ำให้สะอาดก่อนหลาย ๆ ครั้ง ด้วยการเปิดน้ำจากก๊อกแรงพอประมาณให้ไหลผ่านผักสด ผลไม้นานอย่างน้อย 2 นาที หรืออาจใช้น้ำส้มสายชู เกลือ ควบคู่ไปด้วย หากเป็นผักที่มีกาบใบห่อต้องคลี่ใบถูให้สะอาดก่อน รวมทั้งลอกหรือปอกเปลือกชั้นนอกของผักสดหรือผลไม้ทิ้งไป เพื่อลดสิ่งปนเปื้อน อย่างไรก็ตาม การรับประทานผักที่ปรุงผ่านความร้อนแล้วจะปลอดภัยที่สุด เพราะเชื้อแบคทีเรียจะตายเมื่อถูกความร้อน 70 องศาเซลเซียสขึ้นไป



อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก กระทรวงสาธารณสุข และ ไอ.เอ็น.เอ็น.

http://health.kapook.com/view27014.html

.



หัวข้อ: Re: เชื้ออีโคไลระบาดทั่วยุโรป พบผู้ติดเชื้อเพิ่มกว่า 1,500 คนแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ มิถุนายน 17, 2011, 07:56:31 pm
"อีโคไล" ป้องกันได้
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์   
16 มิถุนายน 2554 14:20 น.

(http://pics.manager.co.th/Images/554000007858201.JPEG)

ข่าวการระบาดของเชื้ออีโคไลในประเทศแถบยุโรปในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา สร้างความตื่นตระหนกให้กับผู้บริโภคทั่วโลกไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะมีผู้ป่วยหลายร้อยคน แถมยังมีผู้เสียชีวิตจากเชื้ออีโคไลนี้ด้วย

เจ้าเชื้ออีโคไลที่ว่านี้ เป็นแบคทีเรียซึ่งพบได้ในลำไส้ของมนุษย์และสัตว์ สามารถทำให้เกิดโรคระบบทางเดินอาหารที่รุนแรง โดยมีอาการที่สำคัญคือท้องเสียชนิดอุจจาระมีเลือดปน บางรายอุจจาระเป็นมูกเลือด และที่สำคัญคือมักพบว่าโรคนี้ทำให้เกิดภาวะไตวายร่วมด้วย เชื้อแบคทีเรียอีโคไลนี้สามารถมีชีวิตอยู่ได้ในสิ่งแวดล้อมทั่วไป โดยเฉพาะในมูลสัตว์ ดังนั้นหากคนกินอาหารหรือเครื่องดื่มที่มีเชื้อเหล่านี้เข้าไป ก็จะทำให้เกิดอาการท้องร่วง จนกระทั่งเกิดภาวะลำไส้อักเสบและมีอาการเลือดออกไม่หยุด เกิดอาการปวดท้องอย่างรุนแรงและพบเลือดปนกับอุจจาระ บางรายถึงกับเสียชีวิตได้

สำหรับในเมืองไทยแม้จะยังไม่มีผู้ป่วยหนักด้วยเชื้อตัวนี้ แต่ "108 เคล็ดกิน" ขอแนะนำว่าควรระวังรักษาสุขภาพตัวเองไว้ก่อน โดยมีวิธีป้องกันอย่างง่ายๆ โดยใช้วิธี "กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ" วิธีเดียวกับการป้องกันไข้หวัดใหญ่ 2009 ที่เพิ่งระบาดในประเทศไทยและทั่วโลกเมื่อไม่นานมานี้ เพราะเชื้อแบคทีเรียอีโคไลจะตายเมื่อผ่านความร้อนจากการปรุงอาหาร และการล้างมือก่อนกินอาหารก็เป็นวิธีฆ่าเชื้อโรคที่ได้ผล แต่สำหรับผู้ที่นิยมบริโภคผักสดเนื้อดิบ ต้องระมัดระวังให้มาก โดยควรล้างผักสดด้วยน้ำสะอาดหลายๆ ครั้ง แช่น้ำทิ้งไว้ 10-15 นาที และล้างผักผ่านน้ำไหลนานประมาณ 2 นาที เพื่อป้องกันการปนเปื้อนของเชื้อโรค หากเป็นผลไม้และผักสดที่มีเปลือกก็ควรปอกเปลือก รวมทั้งอาจใช้สารในการชะล้างสารปนเปื้อนออกไปร่วมด้วยก็ได้ เช่น ด่างทับทิม น้ำส้มสายชู หรือผงฟู ส่วนเนื้อดิบนั้นควรงดไปก่อนจะดีที่สุด


.

-http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9540000073617-

.
หัวข้อ: Re: เชื้ออีโคไลระบาดทั่วยุโรป พบผู้ติดเชื้อเพิ่มกว่า 1,500 คนแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ มิถุนายน 19, 2011, 09:06:57 pm
พบอีโคไลระบาดจากคนสู่คนครั้งแรกในเยอรมนี

สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อแบคทีเรียอีโคไลในเยอรมนี ล่าสุดเมื่อวานนี้ กระทรวงสาธารณสุขเยอรมนียืนยันว่า พบการติดเชื้ออีโคไลจากคนสู่คนเป็นครั้งแรกในประเทศ

รัฐมนตรีสาธารณสุขเยอรมนี แถลงยืนยันเรื่องดังกล่าว เมื่อวานนี้ ในระหว่างเดินทางไปยังสถาบันอนามัยแห่งมหาวิทยาลัยในมุนสเตอร์ โดยกล่าวว่า ผู้ป่วยที่แพร่เชื้ออีโคไลจากคนสู่คนรายแรกในเยอรมันเป็นผู้หญิง ซึ่งทำงานในห้องครัวร้านอาหารแห่งหนึ่งใกล้เมืองแฟรงค์เฟิร์ต โดยเธอติดเชื้อจากการรับประทานถั่วงอก และได้แพร่เชื้ออีโคไลไปยังคนอื่นๆ อีก 20 คน

ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อที่ห้องแล็บในเมืองฮัมบูร์ก อธิบายถึงการแพร่เชื้อจากคนสู่คนรายนี้ว่า ผู้ป่วยได้แพร่เชื้อจากการทำอาหารให้คนอื่นรับประทาน ซึ่งจากที่ทราบกันก็คือ แบคทีเรียอีโคไลในปริมาณเพียงเล็กน้อยก็เพียงพอที่จะแพร่ระบาดแล้ว และอาหารที่ผู้ป่วยปรุงหรือจัดเตรียมก็สามารถปนเปื้อนเชื้ออีโคไล

ส่วนกรณีที่พบเชื้ออีโคไล สายพันธุ์ใหม่และอันตรายนี้ที่น้ำในลำธารเมืองแฟรงค์เฟิร์ต เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมานั้น เจ้าหน้าที่สาธารณสุขเยอรมนี บอกว่า จะไม่เป็นอันตรายต่อประชาชน และจะไม่ส่งผลต่อระบบน้ำดื่ม ตราบใดที่ประชาชนปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น คือ อย่าเพิ่งลงไปว่ายน้ำในลำธาร หรือแม่น้ำบริเวณดังกล่าวและอย่าใช้น้ำจากลำธารมารดผักที่ปลูก

ด้านสถาบันโรคติดต่อเยอรมนี ออกแถลงการณ์วานนี้ เชื้อแบคทีเรียอีโคไล โอ 104 นี้ทำให้มีผู้เสียชีวิตในเยอรมนีไป 38 คน ในสวีเดน 1 คน ติดเชื้อ 3,408 คน โดยองค์การอนามัยโลกระบุว่า ผู้ป่วยกว่า 100 คนอยู่ใน 13 ประเทศทั้งยุโรป สหรัฐฯและแคนาดา อย่างไรก็ตามสถานการณ์ก็ดีขึ้นเรื่อยๆเนื่องจากผู้ติดเชื้อน้อยลง และจากการตรวจสอบยังไม่พบว่า มีการแพร่ระบาดครั้งใหม่

http://www.krobkruakao.com/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7/39734/%E0%B8%9E%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E0%B8%B5%E0%B9%82%E0%B8%84%E0%B9%84%E0%B8%A5%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B9%81%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%A2%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B8%B5.html

.
หัวข้อ: Re: เชื้ออีโคไลระบาดทั่วยุโรป พบผู้ติดเชื้อเพิ่มกว่า 1,500 คนแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ มิถุนายน 19, 2011, 09:13:39 pm
.

(http://www.krobkruakao.com/store/news/39734/1.jpg)

(http://www.krobkruakao.com/store/news/39734/2.jpg)

(http://www.krobkruakao.com/store/news/39734/3.jpg)

(http://www.krobkruakao.com/store/news/39734/18.jpg)






http://www.krobkruakao.com/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7/39734/%E0%B8%9E%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E0%B8%B5%E0%B9%82%E0%B8%84%E0%B9%84%E0%B8%A5%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B9%81%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%A2%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B8%B5.html

.


หัวข้อ: Re: เชื้ออีโคไลระบาดทั่วยุโรป พบผู้ติดเชื้อเพิ่มกว่า 1,500 คนแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ มิถุนายน 20, 2011, 08:56:47 pm
สธ.ย้ำหน่วยงานทั่ว ปท.เฝ้าระวัง"อี.โคไล" เกาะติดผู้ป่วยเม็ดเลือดแดงแตก ไตวาย

เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยภายหลังประชุมผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์กับเจ้าหน้าที่สำนักป้องกันโรค 12 เขตทั่วประเทศ เกี่ยวกับมาตรการควบคุมโรคจากเชื้อ อี.โคไล โอ 104 ว่า ได้เน้นให้สำนักควบคุมโรคแจ้งผู้ประกอบอาหารว่า หากเจ็บป่วยโดยเฉพาะด้วยโรคทางเดินอาหาร ให้หยุดประกอบกิจการจนกว่าจะหาย เพื่อไม่ให้แพร่เชื้อโรคไปยังผู้บริโภค นอกจากนี้ยังกำชับให้สร้างความเข้าใจประเด็นการติดต่อจากคนสู่คน เพราะอาจทำให้ประชาชนวิตกกังวล เนื่องจากโรคนี้เป็นโรคทางเดินอาหารชนิดหนึ่ง การติดต่อมาจากอาหารและน้ำ แต่ที่ต้องระวัง คือ พฤติกรรมที่ไม่ถูกสุขลักษณะ โดยเฉพาะผู้ปรุงอาหาร ซึ่งต้องย้ำเตือนผู้ประกอบทุกคน ซึ่งวันที่ 22 มิถุนายน จะหารือกับกรมอนามัยเพื่อเฝ้าระวังร้านอาหาร โดยเฉพาะแผงลอยตามตลาดนัด ซึ่งอาจควบคุมยาก
 
นพ.คำนวณ อึ้งชูศักดิ์ ผู้ทรงคุณวุฒิ กรมควบคุมโรค กล่าวว่า เชื้อ อี.โคไล ติดต่อจากน้ำ อาหาร ดังนั้นสิ่งที่ต้องระวัง คือ สุขอนามัยการกิน โดยปฏิบัติตามคำแนะนำ ของ สธ. โดยล้างมือก่อนประกอบอาหาร กินข้าว ปรุงอาหารให้สุก แยกเขียงอาหารดิบจากผัก จะสามารถป้องกันเชื้อได้
 
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ผู้อำนวยการสำนักโรคติดต่อทั่วไป กล่าวว่า ไทยอยู่ในกลุ่มที่ประเมินแล้วว่ามีความเสี่ยงน้อย แต่ไม่ได้หมายความปลอดภัย 100% เพราะเชื้ออยู่ในสิ่งแวดล้อมและอาหารที่เคลื่อนย้ายไปประเทศต่างๆ ดังนั้น สิ่งที่ต้องทำ คือ เพิ่มมาตรการเฝ้าระวังผู้ป่วยที่มีอาการเม็ดเลือดแดงแตก ไตวาย แม้จะไม่ได้เดินทางมาจากยุโรปก็ตาม ขณะที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ยังสุ่มตรวจอาหารที่มาจากยุโรป

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1308571381&grpid=&catid=19&subcatid=1904


.
หัวข้อ: Re: เชื้ออีโคไลระบาดทั่วยุโรป พบผู้ติดเชื้อเพิ่มกว่า 1,500 คนแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: magicmo ที่ กุมภาพันธ์ 11, 2012, 04:11:08 pm
ขอบคุณมากๆนะคับท่าน