(http://www.thaiplumvillage.org/thpv_images/etc/zen2010_02.jpg)
Zen 2010 จากสวนโมกข์สู่หมู่บ้านพลัม
สารคดีพิเศษ 9 ตอน ออกอากาศทุกวันพุธ เวลา23.00น. ช่อง 9
เริ่ม 21 กรกฎาคม 2553
[youtube]http://www.youtube.com/watch?v=HDGYpLpaHyA&feature=player_embedded[/youtube]
ชมสารคดี
ตอนที่ 1 (พ. 21/07/2553) : ช่วงที่ 1 (http://www.mcot.net/cfcustom/cache_page/81227.html) | ช่วงที่ 2 (http://www.mcot.net/cfcustom/cache_page/81228.html) | ช่วงที่ 3 (http://www.mcot.net/cfcustom/cache_page/81230.html) | ช่วงที่ 4 (http://www.mcot.net/cfcustom/cache_page/81231.html)
:43:
http://www.thaiplumvillage.org/thpv_vdo_zen2010.html
(http://board.palungjit.com/pic/back_tran.gif)
ชัชรินทร์ ไชยวัฒน์
คุณ “สุทธิชัย หยุ่น”ผู้ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในปรมาจารย์วงการข่าวสารเมืองไทย พาไป “เข้าวัด” ตามหาธรรมะกันแทนที่ ไล่ตะลุยไปตั้งแต่วัดสวนโมกขพลาราม อำเภอไชยา ของท่านพุทธทาสภิกขุ ไปยันถึง “วัด(หมู่บ้าน)พลัม”ที่ประเทศฝรั่งเศส ของท่าน “ติช นัท ฮันท์”
(http://www.innnews.co.th/chatcharin/236337[0].jpg)
(http://www.innnews.co.th/chatcharin/236337[1].jpg)
เมื่อวันพุธที่ 21 กรกฏาคมที่ผ่านมา...เปิดดูที.วี.ช่อง 9 ไปเจอรายการของคุณ “สุทธิชัย หยุ่น”ผู้ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในปรมาจารย์วงการข่าวสารเมืองไทย แต่มาคราวนี้คุณ “สุทธิชัย” ไม่ได้ชวนพาไปดูเรื่องวุ่นๆ ประเภทการเมือง เศรษฐกิจ ไม่ว่าในประเทศ หรือต่างประเทศ แต่พาไป “เข้าวัด” ตามหาธรรมะกันแทนที่ ไล่ตะลุยไปตั้งแต่วัดสวนโมกขพลาราม อำเภอไชยา ของท่านพุทธทาสภิกขุ ไปยันถึง “วัด(หมู่บ้าน)พลัม”ที่ประเทศฝรั่งเศส ของท่าน “ติช นัท ฮันท์”เอาเลยถึงขั้น...
ดูเหมือนว่ารายการนี้จะตั้งชื่อเฉพาะเอาไว้ว่า “Zen 2010” ซึ่งจะเป็นรายการเดียวกันกับรายการปกติของ “สุทธิชัย หยุ่น”ที่ชื่อว่า “ชีพจรโลก”หรือไม่?เพียงใด? ยังไม่ถึงกับแน่ใจ แต่ที่แน่ๆ ก็คือ...เมื่อได้เห็นสีหน้า สีตา ความมุ่งมั่น ตั้งอกตั้งใจ ของคุณ “สุทธิชัย”ในการนำเสนอรายการครั้งนี้ ก็เกิดความปลาบปลื้ม ดื่มด่ำ แบบที่ไม่รู้ว่าจะบรรยายออกมายังไงดี คล้ายๆกับเวลาได้รับแจกซองกฐิน หรือซองทอดผ้าป่าอะไรประมาณนั้น..คือรู้สึกได้อิ่มบุญ อิ่มธรรม ตามคุณ “สุทธิชัย”ไปด้วย...
เหมือนๆกับเวลามีใครมาพูดให้ฟังว่า...อดีตผู้นำนักศึกษา ผู้ซึ่งเคยผ่านหนาวผ่านร้อน ผ่านเลือดผ่านเนื้อ หรือผ่านประสบการณ์การปฏิวัติ ทั้งในเมือง ในป่า อย่างอาจารย์ “เสกสรรค์ ประเสริฐกุล”ได้หันไปหาธรรมะ หันไปปลีกวิเวกหลายต่อหลายปีมาแล้ว ความรู้สึกที่อุบัติขึ้นมาโดยฉับพลันทันที นอกจากจะเป็นความยินดี ความปรารถนาดีโดยบริสุทธิ์แล้ว ยังตามมาด้วยความรู้สึกเคารพ ศรัทธา ยิ่งขึ้นไปอีก แม้นจะเดาๆได้ว่า...ท้ายที่สุดแล้ว จุดหมาย ปลายทางของมวลมนุษย์ ไม่ว่าจะแบบไหน? เป็นใคร? เพศไหน? สัญชาติไหน? สถานะไหน? ยังไงๆก็ต้องวกมาหาจุดๆนี้ด้วยกันทั้งนั้น แต่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะปลื้มม์ม์ ในฐานะของคนที่เคยรู้จักมักจี่ เคยผ่านหน้าผ่านตากันมาบ้าง
แน่นอนว่า...หนึ่งในตัวชูโรงของรายการคราวนี้ ก็คงหนีไม่พ้นท่าน“ว. วชิระเมธี” ผู้ซึ่งอาจต้องถือเป็น “ไอดอล”ของพระรุ่นใหม่ และคนรุ่นใหม่ ไปพร้อมๆกัน ท่าน ว. วชิระเมธีนั้น...ไม่ว่าจะในแง่พระหนุ่ม หรือคนหนุ่ม แต่เรียกได้ว่า...เป็นบุคคลผู้ซึ่งนอกจากจะแสดงออกให้เห็นถึงไหวพริบ ปฏิภาณ ปัญญาญาน อันคมกริบ พอๆกับมีดโกนยิลเลตต์รุ่นทวิน แอคชั่นแล้ว ความมุ่งมั่น ตั้งใจ และเจตนารมณ์อันแรงกล้าในอันที่จะพิทักษ์พระศาสนา แพร่ กระจายสัจจธรรมความรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไปยังสรรพสัตว์ทั้งหลาย ยังทำให้นับวัน...ท่านไม่ได้แค่ “คม”เพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยัง “ชัด”และ “ลึก”ยิ่งขึ้นเรื่อยๆ...
(http://www.innnews.co.th/chatcharin/236337[2].jpg)
(http://www.innnews.co.th/chatcharin/236337[3].jpg)
สำหรับรายของคุณ “สุทธิชัย”นั้น...การหันมาให้ความสนใจต่อ “ธรรมะ”ในตอนอายุปูนนี้ อันที่จริงคงไม่ถือเป็นเรื่องแปลกซักเท่าไหร่ แต่ก็อย่างว่า...ขึ้นชื่อว่า “สุทธิชัย”แล้ว ระดับมันสมองโตเท่าบาตรพระ ไหวพริบ ปฏิภาณ ซึ่งเคยแสดงให้เห็นในวิชาชีพสื่อมวลชนมาโดยตลอด การหันมาให้ความสำคัญต่อธรรมะ ต่อศาสนา ของคนระดับนี้ จึงเป็นอะไรที่น่าตื่นตา ตื่นใจ ไม่น้อยทีเดียว หรืออย่างน้อย...นอกจากจะนำมาซึ่งประโยชน์ต่อตัวเองแล้ว ยังน่าที่จะก่อให้เกิดผลพวงที่เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นตามมาด้วยไม่มากก็น้อย...
และที่น่าสนใจเอามากๆก็คือว่า...ลูกชายหัวแก้ว หัวแหวน ของคุณ “สุทธิชัย” คือคุณน้อง “ปราบดา หยุ่น”ผู้อาจเรียกได้ว่า...ถือเป็น “ไอดอล” หรือเป็นตัวแทนของคนในยุคสมัยใหม่ๆของสังคมไทย อันเป็นที่ยอมรับในหลายต่อหลายวงการ ไม่ว่าจะเป็นวงการนักเขียน วงการหนัง หรือวงการโฆษณา ก็แล้วแต่ ก็กลับหันมาแสดงออกถึงความสนใจต่อเรื่องราวของธรรมะ และศาสนา ไม่น้อยไปกว่าคนรุ่นพ่ออย่างคุณ “สุทธิชัย” และได้รับหน้าที่เป็นหนึ่งในพิธีกร ที่พาผู้ชมตระเวณไปเข้าวัด ได้อย่างกลมกลืน ลงตัวเป๊ะๆ...
เท่าที่ได้ดูรายการคราวนี้...ถือเป็นตอนแรก เพราะยังมีตอนต่อไปให้ติดตามในแต่ละสัปดาห์อีกประมาณ 2-3 ครั้ง แต่ช่วงท้ายรายการ เมื่อมีการตัดภาพมายังคำพูด ความรู้สึกในใจ ของ“ปราบดา หยุ่น” ที่มีต่อเรื่องราวทางธรรมะ ทางศาสนา พอสรุปได้คร่าวๆว่า...ในแง่ความรับรู้ ความเข้าใจ ของคนหนุ่มรายนี้ จัดอยู่ในขั้น “ไม่ธรรมดา”หรือไม่ใช่แค่ผิวๆเท่านั้น อาจจะโดยประสบการณ์ที่เคยผ่านเมืองนอก เมืองนา หรือโดยอะไรก็แล้วแต่ การแสดงออกถึงความเข้าใจต่อหลักคิดของชาวตะวันตก แล้วไม่ได้ติดยึด...แต่สามารถมองทะลุ จนสัมผัสกับคุณค่าดั้งเดิมของแนวคิดแบบตะวันออก ที่ให้ความสำคัญกับธรรมะ หรือธรรมชาติ มากกว่าที่จะหมกมุ่นอยู่กับการเอาตัวตนของมนุษย์เป็นศูนย์กลาง อันนี้ต้องเรียกว่า...ดีไม่ดี “สุทธิชัย”อาจจะต้องยอมลดตัวเป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาส ยกตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอให้ลูกชายไปแทนที่เอาเลยก็ไม่แน่???
(http://www.innnews.co.th/chatcharin/236337[4].jpg)
(http://www.innnews.co.th/chatcharin/236337[5].jpg)
แทบจะเรียกได้ว่า...หลายสิ่งหลายอย่างที่ปราชญ์แห่งวงการศาสนา อย่างท่าน “พุทธทาสภิกขุ”ได้ขุด “ขุมทรัพย์จากพระโอษฐ์”นำมาวางกองเอาไว้ หรือนำมาเจียรนัยเป็นเพชร เป็นพลอย แต่ท่าน“ว.วชิระเมธี” ก็สามารถนำมาเข้ารูป เข้ารอย นำมาออกแบบทำเป็นเครื่องประดับอัญมณี เป็นจิเวลลี่ ตีตลาดคนรุ่นใหม่ รุ่นกลาง รุ่นเล็ก รุ่นใหญ่ที่ต่างเอาไปคล้อง ไปแขวน เป็นสร้อย เป็นแหวน โดยไม่รู้สึกว่าเชยซ์ซ์ หรือตกรุ่น เอาเลยแม้แต่น้อย... “ธรรมะ”แท้ๆ ที่ไม่ได้มีไว้เพื่อคนรุ่นหนึ่ง รุ่นใด แต่มีไว้เพื่อมวลมนุษยชาติและสรรพสัตว์ทั้งหลาย ก็เลยได้รับการสืบทอด สืบต่อไปโดยไม่ขาดสาย หรือโดยไม่ก่อให้เกิดความขัดเขิน สำหรับคนในยุคที่ศีลธรรมกำลังเหี่ยวปลายอย่างเช่นทุกวันนี้...
ดูรายการ “Zen 2010”ของคุณ “สุทธิชัย”ในตอนแรก แม้จะยังไม่ถึงกับมีการเจาะลึกไปถึงแก่นธรรมะ ศาสนา อะไรกันมากมาย แต่ก็ทำให้เกิดความรู้สึกปลาบปลื้ม ดื่มด่ำ อยู่ไม่น้อย รวมทั้งยังทำให้เกิด “ความหวัง”บางอย่าง บางประการขึ้นมาบ้างรางๆ โดยเฉพาะเมื่อได้เห็นคนเก่ง คนดัง คนรุ่นเก่า รุ่นใหม่ หรือคนที่ใครต่อใครก็สามารถนำเอามาเป็น “แบบ”ได้ ต่างเดินมุ่งหน้าเข้าวัดกันเป็นสายๆ แสดงออกถึงความกระตือรือล้น ความเอาจริงเอาจัง ในการหันมาให้ความสนใจ และให้ความสำคัญ กับสิ่งซึ่งถือได้ว่าเป็น “จุดมุ่งหมายของความเป็นมนุษย์” ที่ไม่ว่าจะเกิดมาในชาติหนึ่ง ชาติใด ยุคใด สมัยใด ถ้าหากไม่ผ่านขั้นตอนของการทำความเข้าใจ การค้นหาความรู้ต่อสิ่งๆนี้แล้วไซร้ โอกาสที่จะเป็นมนุษย์ได้อย่างเต็มภาคภูมิคงไม่ใช่เป็นเรื่องง่ายๆ...
อย่างที่นักปราชญ์ชาวอินเดียท่านว่าเอาไว้นั่นแหละว่า... “ชาวอินเดียโบราณถือเป็นคติว่า...จงอยู่เพื่อหาความรู้ ไม่ใช่หาความรู้เพื่ออยู่ คติชีวิตนี้ไม่ได้คัดค้านการศึกษาเล่าเรียนวิชาชีพ เพื่อใช้เป็นเครื่องมือประกอบอาชีพให้เป็นอยู่สุขสบายในโลกนี้เท่าที่จะพอหาได้ ว่าไม่มีความจำเป็น เพียงแต่ถือว่า...นั่นไม่ใช่จุดประสงค์สูงสุดเท่านั้น มีคนจำนวนไม่น้อย ที่มีความรู้สูง(ทางโลก) แต่ใช้ความรู้ไปในทางที่ผิด เพื่อประโยชน์แก่ตนและพรรคพวกของตนเพียงอย่างเดียว และมีคนอีกจำนวนไม่น้อยเหมือนกัน ที่มีความรู้ดีในหลายสิ่ง หลายอย่าง แต่ไม่รู้จักตัวเองเลย การอยู่เพื่อหาความรู้นั้น จึงหมายความว่า เพื่อศึกษาให้รู้ว่าตัวเราคืออะไร เกิดขึ้นมาอย่างไร มีเงื่อนไขหรือปัจจัยอะไรให้เกิด ให้เป็นอยู่ ตลอดจนให้เป็นไปอย่างไรต่อไป เมื่อรู้แจ้ง เห็นจริง ในเรื่องเหล่านี้แล้ว ก็จะไม่หลงผิด ไม่ยึดมั่น ถือมั่น อยู่กับสิ่งที่เป็นมายาของโลกอีกต่อไป แต่จะใช้ชีวิตอันน้อยนิดในโลกนี้ ให้เป็นคุณประโยชน์แก่ตนและผู้อื่น ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้...” เอวังก็มีด้วยการขออนุโมทนา ต่อซองกฐิน และซองผ้าป่าของคุณ “สุทธิชัย”และทีมงาน โดยประการละฉะนี้...
------------------------------------
http://www.innnews.co.th/chatcharin.php (http://www.innnews.co.th/chatcharin.php)#
(http://beadmeup.is.in.th/data/4/42/051_1279867335.jpg)
เซน 2010…จาก 'พุทธทาสภิกขุ' ถึง 'ติช นัท ฮันห์'
Tags :เซน,สวนโมกข์,พุทธทาส,ติช นัท ฮันห์,หมู่บ้านพลัม
ที่มา... นสพ.กรุงเทพธุรกิจ วันพุธที่ 21 กรกฎาคม 2553
บทความโดย... สุทธิชัย หยุ่น
วันนี้ขอหลบจากความเป็น “คนบ้าข่าว” เพื่อชักชวนให้ท่านผู้อ่านเดินทางไปกับผม... เป็นการเดินทางแห่งจิตวิญญาณ เพื่อการแสวงหาวิธี “พ้นทุกข์”
...มองลึกเข้าข้างทางธรรมะ และจิตใจแทนที่จะตระเวนกับข่าวทางโลกแห่งความสับสนวุ่นวาย
“เซน 2010 จากสวนโมกข์สู่หมู่บ้านพลัม จากพุทธทาสภิกขุถึงติช นัท ฮันห์” เป็นชื่อสารคดีพิเศษ 9 ตอนจบ เพื่อพาท่านย้อนไปดูชีวิต และคำสอนของท่านพุทธทาส ที่สวนโมกขพลาราม หรือ “สวนป่าอันเป็นกำลังแห่งความหลุดพ้นจากทุกข์”
และข้ามไปใช้ชีวิตที่ “หมู่บ้านพลัม” ที่ฝรั่งเศส เพื่อฝึกทำสมาธิกับหลวงปู่ “ติช นัท ฮันห์” ซึ่งเป็นปรมาจารย์ด้านพุทธศาสนานิกายเซนผู้เน้นว่าใครๆ ก็พ้นทุกข์ได้หากรู้จัก “อยู่กับปัจจุบันขณะ...ที่นี่ เดี๋ยวนี้”
สองปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ทางพุทธศาสนานั้น แม้จะไม่เคยพบปะกันระหว่างที่ท่านพุทธทาสมีชีวิตอยู่ แต่วิธีคิดและแนวการสอนหลักธรรมของทั้งสองท่านมีความกระจ่างชัด เข้าใจง่าย และที่สำคัญ คือ นำมาใช้ในทางปฏิบัติ เพราะถ้าปฏิบัติไม่ได้ หรือไม่นำมาปฏิบัติ ย่อมไม่ใช่เซน
เราเกิดมาทำไม “ความว่าง” คืออะไร บาปบุญคุณโทษมีจริงหรือเปล่า ตายแล้วเราไปไหน
เหล่านี้ล้วนเป็นคำถามสำหรับ “ผู้ร่วมทุกข์” อย่างเราๆ ท่านๆ...และแม้ในชีวิตแห่งการทำข่าวประจำวัน ของผมจะวนเวียนอยู่กับใคร อะไร ที่ไหน เมื่อไร ทำไม แต่คำถามที่ลุ่มลึกกว่า มีความหมายกว้างไกลกว่า คือ คำถามที่ถามว่า “อะไรคือธรรมะในใจ”
ดั่งที่ท่านพุทธทาสเคยกล่าวไว้ “ไม่ทำตามที่สอน อย่ามาออดอ้อนเรียกอาจารย์”
ณ หมู่บ้านพลัมนั้นผมมีโอกาสได้สอบถามความเห็นของพระรุ่นใหม่ ที่ติดตามวิเคราะห์ผลงานของท่านพุทธทาสอย่างใกล้ชิดรูปหนึ่ง คือ ท่าน ว.วชิรเมธี
และเพื่อให้ฆราวาสที่สนใจ “เซน” ทั้งในความหมายของท่านพุทธทาส และติช นัท ฮันห์ ผมก็ชวนนักเขียน ปราบดา หยุ่น ไปร่วมสนทนาธรรมที่หมู่บ้านพลัมด้วยเช่นกัน
“เซน2010” จึงเป็นการเดินทางครั้งใหม่ของผม เป็นการแสวงหาคำตอบอีกด้านหนึ่งของข่าว เพื่อเข้าถึงความหมายของธรรมะ โดยเฉพาะในภาวะสับสนอลหม่านของสังคมไทยวันนี้
ขอเชิญชวนท่านผู้อ่านติดตามได้ตั้งแต่ตอนแรกที่จะออกอากาศคืนนี้(วันพุธที่ 21 ก.ค.) ทางช่อง 9 เวลา 5 ทุ่ม และเวลาเดียวกันของทุกวันพุธทั้งสิ้น 9 สัปดาห์
เพื่อร่วมกันค้นหาอีกมิติหนึ่งของความเป็นคนไทยวันนี้ครับ