ใต้ร่มธรรม
คลังธรรมปัญญา => พรรณาอักษร => ข้อความที่เริ่มโดย: ทักสิทธิ์ ที่ ตุลาคม 15, 2011, 12:23:56 am
-
แคนโต้ คือ บทกวีประเภทหนึ่ง
มีลักษณะเป็นกลอนเปล่า 3 บรรทัด
แคนโต้เป็นเพียงบทกวีที่ประกอบไปด้วยกลุ่มถ้อยคำสั้นๆ
แต่สิ่งที่น่าแปลกก็คือ เมื่อกลุ่มคำเหล่านี้
ถูกจัดเรียงเป็นสามบรรทัดแล้ว
กลับเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง
เมื่อได้อ่านแคนโต้ของใครผู้ใดก็ตาม
เป็นความยาวต่อเนื่องจำนวนมาก
คุณจะกลายเป็นผู้ล่วงล้ำ เข้าไปรับรู้ถึงอารมณ์
และห้วงความคิดคำนึงของชีวิตใครผู้หนึ่ง
ในลักษณะปะติดปะต่อ
และในยามที่คุณเผชิญหน้ากับถ้อยคำสั้นๆเหล่านั้น
คุณจะได้พบกับความหมายบางอย่าง
ผ่านความอ่อนไหว จากชีวิตเล็กๆบนโลกนี้
แคนโต้ เป็นบทกวีไทยร่วมสมัย เกิดขึ้นโดยคนไทย
มีลักษณะเป็นลูกผสมระหว่างตะวันออกและตะวันตก
รูปแบบคล้ายกวีไฮกุของญี่ปุ่น มีความแตกต่างกันเล็กน้อย
ตรงที่ไฮกุจะเน้นไปทางการแสวงหาความหลุดพ้น
แต่แคนโต้นั้นเดี๋ยวดี เดี๋ยวร้าย
ในประเทศไทยมีผู้เขียนบทกวี 3 บรรทัดอยู่บ้างประปราย
แต่คนที่นิยาม การรวมกลุ่มของบทกวี 3 บรรทัด
ที่มีความยาวต่อเนื่อง 400 บทขึ้นไปว่า 'แคนโต้' นั้น คือ ฟ้า พูลวรลักษณ์
ฟ้า พูลวรลักษณ์ ได้ตีพิมพ์บทกวีแคนโต้หมายเลขหนึ่ง ในปี พ.ศ. 2515
และแคนโต้หมายเลขสองในปี พ.ศ. 2543
ต่อมาได้คัดเลือกกลุ่มห้าแคนโต้กลุ่มที่หนึ่ง ในปี พ.ศ. 2546
ห้าแคนโต้กลุ่มที่สอง ในปี พ.ศ. 2548
และกลุ่มสาม ในปี 2550
การเกิดขึ้นของ web thaicanto นอกจากจะเป็นพื้นที่
เพื่ดเปิดโอกาสให้ผู้ที่ชื่นชอบแคนโต้ ได้แสดงออกและแลกเปลี่ยนพูดคุยแล้ว
ผู้จัดทำมีความหวังเป็นอย่างยิ่งว่า จะได้ค้นพบห้าแคนโต้กลุ่มใหม่ในอีกไม่ช้านี้
ขอบคุณ WWW.THAICANTO.COM (http://WWW.THAICANTO.COM)
ตัวอย่างแคนโต้ที่โพสต์ลงในThaicanto
แสงแดด
ตักความมืดอ่อนหวาน
ออกไปจากชามกลางคืน
กลางคืน
ถูกรับเชิญมา
เป็นแขกในมื้อนี้
ผมหยุดรถเป็นระยะ
เก็บถ้อยคำที่พบเจอ
ตามรายทาง
ในการพบกันครั้งแรก
เร็วเกินไปหากผมจะพูดกับใครสักคนว่า
ยินดีที่ได้รู้จัก
คืนนั้นผมยังจำได้ดี
เรืองรองของทะเลหิ่งห้อย
มากมายจนไร้ค่า
โดย ชามกลางคืน
ซุกตัวอยู่ภายในห้อง
แอบยื่นเท้าออกนอกหน้าต่าง
ล้อเล่นกับลมหนาว
โดย: White Pupa
หยดน้ำบนกิ่งไผ่
แวววาว
ดังไข่มุก
โดย: กุ๊กไก่ V7
เรียนหนัก
เพราะ
ถือหนังสือเยอะ
โดย: เด็กเรียน
เมื่อฉันเดินออกจากโลก(ของฉัน)
พบว่า
รอบๆฉันมีโลกอื่นอีกมากมาย
โดย: เด็กสีเทา
ค่ำคืนเงียบเหงา
ฝนตกลงมา
เป็นพระจันทร์
โดย: นักนับใบไม้
เมื่อร่างกายได้รับการกดดันมากที่สุด
เมื่อเราพาความลำบากนั้นผ่านไป
เมื่อนั้นใจจะได้รับการผ่อนคลายมากที่สุด
โดย: 600
ป้าคนนั้น
บอกว่า
เราคนไทยต้องยืนตัวตรง ๆ
โดย: เกลียดฉันบ้างเถิด
ใต้พระบาท
ความเดือดร้อน
หายไปแล้วกว่าครึ่งหนึ่ง
โดย : อสุราแคนโต้
เพลิงตัญหาแห่งข้าพ
มิอาจดับได้ด้วยธารน้ำแข็งแห่งปัญญา
เพียงชั่วข้ามคืน
โดย : เ มื่ อ ว า น ฉั น เ ห ง า
กี่เช้าที่ฉันยังคิดเสมือนว่ามันยังไม่เช้า
กี่ตื่นที่ฉันยังแคลงใจว่ามันยังเป็นเพียงความฝัน
ฉันถูกนาฬิกากับปฏิทินยื้อแย่งเอาวันเวลาไป
โดย : อสุราแคนโต้
อย่าถามฉัน
คำตอบของฉัน
หายเข้าไปในหัวใจหมดแล้ว
โดย : Silversand
ตะเกียงนิพพาน
ริบหรี่กลางพายุฝนแห่งตัญหา
หิ่งห้อยเวียนเติมแสง
โดย : เมื่อวานฉันเหงา
การตาย
คือกระบวนการขับของเสีย
ออกจากวิญญาณ
โดย : อสุราแคนโต้
ขอให้สนุกกับสามบรรทัดนะครับ
-
ยิ่งอ่านยิ่งเพลินค่ะ ขอขอบคุณสำหรับความรู้ใหม่ๆที่มีมาแบ่งปันนะคะ :12:
-
:13:
ไม่ธรรมดา สุโค่ย ปลายกวีมีธรรม
ขอบคุณครับ ผมพึ่งรู้ว่า บทกวีแคนโต้มีมานานมากแล้วนะครับ ความรู้ๆ
-
ว่างๆไปที่ http://www.facebook.com/pages/%E0%B8%AD%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B9%81%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B9%82%E0%B8%95%E0%B9%89/201825986539436 (http://www.facebook.com/pages/%E0%B8%AD%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B9%81%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B9%82%E0%B8%95%E0%B9%89/201825986539436)
เพจส่วนตัวผมเองคร้าบบบ
แต่ถ้าไม่ว่างก็ไปกดไลค์เฉยๆก็ได้นะครับ
-
:25: :25: :25:
ก๊ากๆๆ เพราะว่าง...อ่า
เลยไม่มีเพจส่วนตั๊ว ส่วนตัว
สามบันทัดพอดี ก๊ากๆๆๆๆ
:25: :25: :25:
-
คิดถึงสามบันทัดดังสิ่งเหล่านี้
...
เป็นทุกข์จัง
ไม่แน่นอน
ไร้ตัวตน
...
ศีล
สมาธิ
ปัญญา
...
เรา
เขา
ไม่มีเราไม่มีเขา
...
กาย
ใจ
ลมหายใจ
...
อยู่ในโลก
อยู่บนโลก
อยู่นอกโลก
...
คิด
ฝัน
ตื่น
...
-
คิดถึงสามบันทัดดังสิ่งเหล่านี้
...
เป็นทุกข์จัง
ไม่แน่นอน
ไร้ตัวตน
...
ศีล
สมาธิ
ปัญญา
...
เรา
เขา
ไม่มีเราไม่มีเขา
...
กาย
ใจ
ลมหายใจ
...
อยู่ในโลก
อยู่บนโลก
อยู่นอกโลก
...
คิด
ฝัน
ตื่น
...
เง่ย คุณพี่เล็ก
สามบันทัดที่ไหนอ่า เล่นเป็นสิบแย้ว :25: :25: :25:
-
ถ้าตั้งใจให้เป็นแคนโต้มันก็เป็นแคนโต้ อย่าลืมว่าแคนโต้เป็นบทกวี บทกวีมักชอบเล่นกับจินตนาการ ดูดกลืนจินตนาการเป็นอาหาร
นอกจากนี้ บทกวีคือระยะการสื่อสารระหว่างผู้เขียนสู่ผู้อ่าน ข้าน้อยก็รู้ๆมาแค่นี้ละ ส่วนสามบรรทัดที่พ่อเจ้าพระคุณเล็กเขียนนั่น
อืมมมม ดูกันเองละกันครับ ผมชอบ
หลายบทอยู่เหมือนกัน
-
:06:เรียกว่า ดูเป็น ดูเว้นวรรคถูก
โลกนี้ก็แค่นี้ล่ะ
สองด้าน ยึดกันเอา หรือจะเลือกไม่ยึดเลย
....
ยึดเอา พอใจ ก็เป็นสุข
ยึดเอา ไม่พอใจ ก็เป็นทุกข์
ไม่ยึด เพียงพอ ก็สบายบรื๊ออออ
-
แต่นักกวีแคนโต้มักหลงทางว่า แคนโต้ คืออะไรก็ได้สามบรรทัด
ถ้าเป็นไปตามตรรกกะดังกล่าว ก็เอาหนังสือวิชาฟิสิกส์มาจัดเรียงทีละสามบรรทัด
ก็สามารถอ้างได้ว่านั่นคือแคนโต้ ซึ่งความจริงแล้วบ่จ้ายเลย
หลักๆแล้ว สามบรรทัดเป็นเอกภาพต่อกัน แต่เมื่อรวมกันแล้วจะเกิดพลัง
แต่ผมเคยรู้จากการพบปะกวีแคนโต้คนอื่นๆอ้างถึงคุณฟ้า คนที่คิดค้นแคนโต้ขึ้นมา
ว่าบางทีสามบรรทัดก็อาจมากเกินไปสำหรับแคนโต้
บางทีสามบรรทัดก็น้อยเกินไปสำหรับแคนโต้
มาถึงตรงนี้ชักจะงงแล้วใช่มั้ยละครับ
เช่นกันครับ ผมเขียนเองก็งงเองเหมือนกัน(เอ๊ะ ยังไงวะเรา)
:01:
ช่างเหอะครับ จะเขียนอะไรก็เขียน จะพิมพ์อะไรก็พิมพ์ ขอให้สนุกกับสิ่งที่ทำก็พอ
ผมขอตัวไป :01: งงต่อก่อนนะครับ
-
หนังสือของคุณฟ้า พูลวรลักษณ์
พี่อ่านแล้วมึนงงมากค่ะ :06:
-
A :การสื่อสารระหว่างผู้อ่านกับผู้เขียนมันมีช่วงเวลาสักเท่าไหร่ถึงจะเข้าใจกันได้
ฺB:หนูว่าบางที่มันก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่ามีคนเข้าใจเราหรือไม่ บทกวีมันก็บอกเรื่องราวในชีวิตของคนคนหนึ่งว่า
ครั้งหนึ่งฉันเคยมาที่นี่ และเคยมีหน้าตาเป้นแบบนี้
เอามาจากบทสนทนาในระหว่างที่มีทติ้งบอร์ดของไทยแคนโต้ครับคนถามเป็นพี่คนนึงชื่อพี่นุ คนตอบเป้นน้องคนหนึ่งชื่อน้องภูครับ
ผมว่าคำตอบของน้องภูน่าจะตอบคำถามกับคนที่อ่านหนังสือแล้ว :01: งง
-
อาจใช้จินตภาพเชิงซ้อนมั้งครับ
แบบว่า เป็นอีกคนที่มาเขียน แทนคำตอบของอีกคน แต่ก็เป็นคนคนเดียวกัน
แฮๆ ผมอ่านแล้วผมก็ยังง :06:
-
บทสนทนาน่าสนใจค่ะ
ในมุมมองของพี่มีสองประเด็นค่ะ
อย่างที่หนึ่งคือ ถ้ากวีเขียนเพื่อถายทอดความในใจ ความคิดโดยไม่สนใจผู้อ่าน
กวีก็ไม่น่าจะต้องทำหนังสือมาขายนะคะ เพราะควรเก็บเอาไว้อ่านคนเดียว
อย่างที่สอง ความคิดและความหมายในบทกวีเมื่อถูกถ่ายทอดลงในกระดาษหรือที่สาธารณะเพื่อเข้าสู่สายตาของมวลชนแล้วนั้น
บทกวีนั้นๆถือเป็นของกลางเป็นสาธารณะ ที่สุดแท้แต่ใครจะตีความและเข้าใจ
กวีก็ไม่ควรจะถือสิทธิ์เป็นเจ้าของบทกวีนั้นๆ อีกต่อไป
และไม่ควรหงุดหงิดรำคาญใจเมื่อมีคนอ่านบอกว่าไม่รู้และไม่เข้าใจ...
การถ่ายทอดความคิดและความหมายผ่านตัวหนังสือเป็นศิลปะที่กวีควรจะบรรจงสรรสร้างอย่างมีวรรณศิลป์ค่ะ
ดังนั้นสำหรับพี่ กวีที่เก่งและมีความคิดดีก็ควรจะมีศิลปะในการนำเสนอที่ดีให้คนอ่านเข้าใจด้วยได้ค่ะ
ปล. แต่ในกรณีที่ผู้รับสารด้อยประสบการณ์ หรือมีมุมมองคับแคบ หรือเขลาปัญญาเกินกว่าจะเข้าใจบทกวีนั้นๆได้ (เช่นพี่ :06:)
ก็ช่างหัวคนอ่านเถอะนะคะ :12:
-
จะให้ลองนึกถึงสถานการณ์หนึ่งๆที่มีคนมาเราให้เราฟัง คนเล่าเล่าไปเล่ามาแล้วร้องไห้
ด้วยประโยคธรรมดาๆ คนฟังก็อาจจะรู้เรื่อง แต่ไม่อาจรู้สึกไปกับเรื่องเล่า
แต่สิ่งที่เสทือนอารมณของคนฟังคือการร้องไห้ ฉนั้นเราอาจจะไม่รู้เรื่องแต่เราคงพอจะรู้สึกได้ครับ
แต่ถ้าเราทั้งไม่เข้าใจ ไม่รู้เรื่อง ไม่รู้สึกกับบทกวีนั้นๆ ก็ไปอ่านบทอื่น เล่มอื่น เรื่องอื่นครับ
คนเราที่มีปัญหาทุกวันนี้เพราะเอาตัวเองไปผูกกับปัญหาครับ
ผมเองก็มีบางครั้งที่ทั้งอ่าน และเขียน ไม่รู้เรื่อง ครับ
ให้ลองไปฟังเพลงของ อพาร์ทเม้นคุณป้า (อันนี้ก็กวีอีกละ) ถึงบางครั้งจะไม่รู้เรื่องแต่มันก็เพราะดี
ฉันแปลบทกวีของตัวเองไม่ได้
มันไม่ได้แปลว่า
บทกวีของฉันไม่มีความหมาย
-
ฉันแปลบทกวีของตัวเองไม่ได้
มันไม่ได้แปลว่า
บทกวีของฉันไม่มีความหมาย
:13: บทนี้ถูกใจจังครับ
ภาษาเรียบง่ายดีครับ ผมว่าเพราะดีนะ
-
เกิดขึ้น(ลง)
ตั้งอยู่(ไม่อยู่)
ดับไป(ไม่ไป)
....................
เหตุ
ผล
no reason
.....................
น้ำท่วม
หนาวงั๊ก
ร้อนโว้ย
......................
-
บางทีคนเราก็ต้องอดทน
เพื่อจะได้ผ่านพ้นอดีต
และไม่ผิดหวังกับสิ่งที่ยังมาไม่ถึง
................
สิ่งใหม่ๆนำมาซึ่งสุขและทุกข์
เมื่อความน่าเบื่อเดินทางมาถึง
สุขก็กลับกลายทุกข์ก็กลับเกิน
.................
บทเรียนทำให้เราได้เรียนรู้
การเรียนรู้ทำให้มีหนทางเลือก
เลือกเอาจะด้อยลงหรือพัฒนาขึ้น
...................
เพราะไม่ติดในกรอบ
ทำให้ไม่เข้าใจกรอบ
ก็เลยต้องอยู่นอกกรอบ
....................
คนเราเกิดมามีชีวิตแตกต่างกันไป
ไม่มีใครเหมือนใครได้ทุกอย่าง
แต่มีเหมือนกันคือเกิดและตาย
.....................
-
ความเปลี่ยนแปลงทำให้เราเรียนรู้การปรับตัว
เพื่ออยู่ให้ได้รับให้ได้กับสภาพความเป็นไป
รับได้หรือไม่ได้มันก็ต้องดำเนินเพื่อผ่านมันไป
-
:13: :19: :07:
-
:19:
บ้างครั้งเพื่อเป้าหมายเราคงต้องถามตัวเอง
ว่าต้องเหยียบอะไรไปบ้าง
เพื่อให้ไปถึงจุดที่สูงที่สุด
:19:
-
ในสิ่งเดียวกันนั้น
กับคนละคนนั้น
ย่อมแตกต่างกันได้
.......
คนต่างความคิดนั้น
ทำให้สิ่งเดียวกันนั้น
จะดีหรือไม่ดีก็ได้
.......
ความรู้สึกที่แสดงออกมานั้น
กับคนแต่ละคนนั้น...
จะสุขหรือทุกข์ก็เป็นไปได้
.......
คนแต่ละคนนั้น...
ความรู้ที่ต่างระดับกันนั้น
ทำให้มองอะไรต่างกันไปได้
.......
คนที่รู้แจ้งทุกอย่างแล้วนั้น
สิ่งต่างๆที่เปลี่ยนแปลงไปนั้น
กลับไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลย