โมทนาสาธุครับ :46:
(psombat)
สวัสดีครับ มาทักทายและ โมทนา บุญด้วยประการทั้งปวงครับ
ผลของการสแกน เนื้อของพระกริ่ง
g คือ ทองคำ
s คือ เงิน
c คือ ทองแดง
(http://board.palungjit.com/attachment.php?attachmentid=1079310&d=1281154379)
sithiphong สงวนลิขสิทธิ์
.
คุณหนุ่มอยู่ตรงไหนชิ้ชัดเลยครับ :06:
(http://board.palungjit.com/attachment.php?attachmentid=1069413&d=1280586937)
นี่คือ แผ่นทองคำ ที่เขียนอธิบายพิมพ์ของพระวังหน้าพระแก้วมณีโชติ (บรรทัดแรก) ไม่เห็นพี่พูดถึงเลยครับ พอจะขยายความให้น้องๆบ้างมั๊ยครับ
ซึ่งมีอยู่หลายแผ่นมาก
ผมนำมาลงให้ชมเป็นตัวอย่างครับ
(http://board.palungjit.com/attachment.php?attachmentid=344178&d=1213982322)
.
นี่คือ แผ่นทองคำ ที่เขียนอธิบายพิมพ์ของพระวังหน้าพระแก้วมณีโชติ (บรรทัดแรก) ไม่เห็นพี่พูดถึงเลยครับ พอจะขยายความให้น้องๆบ้างมั๊ยครับ
ซึ่งมีอยู่หลายแผ่นมาก
ผมนำมาลงให้ชมเป็นตัวอย่างครับ
(http://board.palungjit.com/attachment.php?attachmentid=344178&d=1213982322)
.
ขอบคุณครับ
วันนี้ คุณNatachai และผม ได้เป็นตัวแทนคณะกองทุนหาพระถวายวัด อัญเชิญพระบูชา หลวงปู่พระอุปคุตเถระเจ้า ปางภัตตกิจ หน้าตัก 9" และพระพิมพ์ของวังหน้า จำนวน 1,000 องค์ ไปถวายท่านเจ้าอาวาสวัดบางบำหรุ
ท่านเจ้าอาวาสวัดบางบำหรุ ได้ร่วมทำบุญกับกองทุนหาพระถวายวัด จำนวน 30,000 บาท
มาโมทนาบุญกับท่านเจ้าอาวาสวัดบางบำหรุ และคณะกองทุนหาพระถวายวัดกันครับ
ผมได้นำรูปของพระอุโบสถ ที่กำลังบูรณะ มาฝากทุกๆท่าน และขอเชิญชวนทุกๆท่าน ไปร่วมทำบุญบูรณะพระอุโบสถกันครับ
(http://board.palungjit.com/attachment.php?attachmentid=1081741&d=1281278583)
.
ขอบคุณครับ
บังเอิญไปอ่านเจอใน "http://www.212cafe.com/freewebboard/view.php?user=prasomdej&id=2865"
เขาบอกว่า "... พระแก้วมณีโชติ
ท้าวมหาพรหมสร้าง , สีม่วง: มหาโชค มหาลาภ มหาเศรษฐี, สีหลือง: เสริมบารมี, สีแดง: มหาอุตม์ปืนแตก, ประกายเงิน: มหาเศรษฐี พระมหาทรัพย์ พลังดีเยี่ยม เสริมดวง
" ก็พอดีกับพี่ post แผ่นทองจารึกด้วย :)
วันนี้ คุณNatachai และผม ได้เป็นตัวแทนคณะกองทุนหาพระถวายวัด อัญเชิญพระบูชา หลวงปู่พระอุปคุตเถระเจ้า ปางภัตตกิจ หน้าตัก 9" และพระพิมพ์ของวังหน้า จำนวน 1,000 องค์ ไปถวายท่านเจ้าอาวาสวัดบางบำหรุ
ท่านเจ้าอาวาสวัดบางบำหรุ ได้ร่วมทำบุญกับกองทุนหาพระถวายวัด จำนวน 30,000 บาท
มาโมทนาบุญกับท่านเจ้าอาวาสวัดบางบำหรุ และคณะกองทุนหาพระถวายวัดกันครับ
ผมได้นำรูปของพระอุโบสถ ที่กำลังบูรณะ มาฝากทุกๆท่าน และขอเชิญชวนทุกๆท่าน ไปร่วมทำบุญบูรณะพระอุโบสถกันครับ
(http://board.palungjit.com/attachment.php?attachmentid=1081741&d=1281278583)
.
โมทนาสาธุครับ :32: รูปอะไรครับเนี่ย ?
(http://board.palungjit.com/attachment.php?attachmentid=1079407&d=1281158273)
(http://board.palungjit.com/attachment.php?attachmentid=1079407&d=1281158273)
ขอบคุณครับพี่สิทธิพร
.
หวัด D ครับพี่หนุ่ม :02:
(http://board.palungjit.com/attachment.php?attachmentid=1093272&d=1281957671)
พระสมเด็จ รุ่นที่มีพระบรมฯ , พระธาตุ และน้ำประสาน โรยอยู่ด้านหน้าองค์พระสมเด็จครับ
.
(http://board.palungjit.com/attachment.php?attachmentid=1093273&d=1281957671)
พระสิวลี (ขนาดห้อยคอ) ของวังหน้า
หลวงปู่พระสิวลีเถระเจ้า ท่านอธิษฐานจิตเอง
.
ผมมาตามคำเฉลยวันละหลายรอบแล้ว และแล้วก็มาเสียที สุดยอดครับพี่ :13:
สำหรับพระสมเด็จ เนื้อผงยาวาสนาและผงยาจินดามณีครับ
(http://www.palungjit.com/board/attachment.php?attachmentid=175497&stc=1&d=1180245229)
รูป ผมขอสงวนลิขสิทธิ์ครับ
องค์ซ้ายมือ หลวงปู่พระอานนท์เถระเจ้า
หลวงปู่พระอานนท์เถระเจ้า อธิษฐานจิตเอง
องค์ขวามือ หลวงปู่พระอุปคุตเถระเจ้า
หลวงปู่พระอุปคุตเถระเจ้า อธิษฐานจิตเอง
(http://board.palungjit.com/attachment.php?attachmentid=1105075&d=1282624450)
.
พระกริ่งปวเรศ เนื้อทองคำ
เก๊
(http://board.palungjit.com/attachment.php?attachmentid=721305&d=1281154379)
สององค์นี้หล่ะครับ? :)
สององค์นี้หล่ะครับ? :)
อ่า จำพวงมาลัยได้ อิอิ
.
สององค์นี้หล่ะครับ? :)
อ่า จำพวงมาลัยได้ อิอิ
.
ผมจำโต๊ะหินขัดได้ดีครับ หุหุ สงสัยจะขลังมากเลยนะ ตลอดระยะเวลาการมาพักของสำคัญที่นี่ หุหุ
ประเดี๋ยวผมจะทยอยนำก้น(เฉพาะฐาน)พระกลุ่มนี้มาลง คิดว่าไงครับ?
:45:
วันนี้ คณะกองทุนหาพระถวายวัด ได้มีกิจกรรมในงานบุญ คือการนำพระพิมพ์ต่างๆ นำมาทำความสอาด เพื่อที่จะไว้ถวายพระภิกษุ หรือ นำไปบรรจุในพระเจดีย์ต่างๆ หรือ ฐาน่ชุกชี หรือ สถานที่ที่มีความเหมาะสม
ในงานวันนี้ พระพิมพ์ต่างๆ ที่นำไปล้าง น่าจะอยู่ที่ประมาณ 3-4000 องค์ ซึี่งส่วนใหญ่จะเป็นพระวังหลวง ที่กลุ่มหลวงปู่องค์อภิญญาใหญ่ (เช่น หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน , หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า เป็นต้น) อธิษฐานจิต ซึ่งสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี ท่านมีพระเมตตามาบอกพี่ท่านหนึ่งทางสมาธิ หลวงปู่ท่านบอกว่า ให้ชื่อรุ่นนี้ว่า "ของดี รัตนโกสินทร์"
นอกจากการล้างพระแล้ว ทางคุณมลและครอบครัวได้ทำอาหารมาเลี้ยงท่านที่มาร่วมในกิจกรรมการล้างพระ ผมเองก็ได้ร่วมทำบุญในส่วนนี้
ผมและน้อง ส.เพ็งผล ได้ร่วมกันทำบุญค่าน้ำ ค่าไฟ ที่บ้านท่านอาจารย์ประถม ด้วย
นอกเหนือจากนี้ หลายๆท่านที่ไปร่วมงานกิจกรรมนี้ ได้ร่วมทำ่บุญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้งด้วย
มาโมทนาบุญกับคณะกองทุนหาพระถวายวัด และทุกๆท่านที่ร่วมทำบุญกันในวันนี้ครับ
.
:37:กวักเดี่ยวองค์จิ๋วกะกวักคู่องค์ใหญ่ แบบไหนแรงกว่าพี่
มากล่าวยินดีต้อนรับ ชาววังหน้าที่พลังจิตที่เข้ามาในเว็บใต้ร่มธรรมยินดีต้อนรับคณะรักษ์พระวังหน้าและตัวเอง หุหุ :47:
NATACHAI
nongnooo
Pinkcivil
tawatd
ปฐม
พรสว่าง
ส. เพ็งพล
เจ้าสัวน้อย
เฉลิมพล
เอ๋เชียงใหม่
และ ผมเอง(อีกชื่อ) คือโชคชัยชนะ
ยินดีต้อนรับทุกๆท่านครับ
:13:
.
มีลายแทงให้ดูโด้ยยยยยย...ดูเหมือนอะไรที่ไม่ได้เห็นที่นั่น กลับมาเห็นที่นี่..!!!
มีลายแทงให้ดูโด้ยยยยยย...ดูเหมือนอะไรที่ไม่ได้เห็นที่นั่น กลับมาเห็นที่นี่..!!!
มาละ อ่านจบแล้ว..
พระสมเด็จ เนื้อทองคำพึงเคยเห็นเต็มๆๆชอบมากครับพี่ :46: :46:
แบบว่า ดูกันจะๆ ครับ
(http://board.palungjit.com/attachment.php?attachmentid=1126244&d=1283874418)
(http://board.palungjit.com/attachment.php?attachmentid=1128724&d=1284042126)
สมเด็จอัศนี ( องค์นี้ ปี พ.ศ.2412)สวยมากเลยพี่
(http://board.palungjit.com/attachment.php?attachmentid=197257&d=1187416547)
ท่านผู้อธิษฐานจิต
1.สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี
2.สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ (พระองค์เจ้าฤกษ์) วัดบวรนิเวศวิหาร
3.สมเด็จพระพุฒาจารย์ทัด
4.พระพุฒาจารย์ มา อินทโร
:06:
:yoyo103:
:yoyo039: :yoyo031: :yoyo003:อ่าใช่ครับ ขอบคุณมากครับ
ขอบคุณครับ พระกริ่งปวเรศ 2434 หากปล่อยทิ้งไว้สัก 10 วันจะเห็นเนื้อภายในมีวรรณะดั่งสีทองคำ และหากปล่อยทิ้งไว้สัก 3 เดือนมองผ่านๆ คนไม่รู้จะมองคล้ายๆวรรณะทองเหลือง
หากพระกระทบกันจะมีเสียงก้องกังวานคล้ายเสียงลูกแก้วกระทบกัน
:yoyo072:
นำมาฝากกันแต่เช้า เดี๋ยววันนี้ งานยังยุ่งมากเหมือนเมื่อวานสวยขนาดนี้ ขออนุญาตอัญเชิญมาชมสักองค์นะครับท่านพี่ :08:
ตอนกลับมาจากอบรม งานเต็มโต๊ะ ต้องพยายามรีบเคลียร์งานออกไปให้ได้มากที่สุดครับ
จตุคามรามเทพ (รุ่นนี้ เป็นรุ่นสมัยรัชกาลที่ 5ครับ)
ขอเชิญทัศนา
(http://board.palungjit.com/attachment.php?attachmentid=1146799&d=1285205347)
:yoyo003: :yoyo0008:โมทนาสาธุครับท่าน :46:
วันนี้ผมได้โอนเงินทำบุญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง 30,000 บาท(สามหมื่นบาท) โดยได้รับความอนุเคราะห์จากคุณหนุ่ม รายละเอียดตามเอกสารการโอนเงิน
" อิทัง ปุญญะ พลัง " ผลบุญใดที่ข้าพเจ้า ได้บำเพ็ญมาแล้ว ณ โอกาสนี้ ข้าพเจ้าขออุทิศส่วนกุศลนี้ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายที่เคยล่วงเกินมาแล้ว แต่ชาติก่อนก็ดี ชาตินี้ก็ดี ขอเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย จงโมทนาส่วนกุศลนี้ ขอจงอโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้าตั้งแต่วันนี้ตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพาน
และข้าพเจ้า ขออุทิศส่วนกุศลนี้ให้แก่พระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระธรรม และพระอริยสงฆ์ทั้งหลาย ครูบาอาจารย์ทั้งหลายสืบๆกันมา เทพเจ้าทั้งหลายที่ปกปักษ์รักษาข้าพเจ้า และเทพเจ้าทั้งหลายทั่วสากลพิภพ และพญายมราช ขอพระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระธรรม และพระอริยสงฆ์ทั้งหลาย ครูบาอาจารย์ทั้งหลายสืบๆกันมา เทพเจ้าทั้งหลายและพญายมราช จงโมทนาส่วนกุศลนี้ ขอจงเป็นสักขีพยานในการบำเพ็ญกุศลของข้าพเจ้าในครั้งนี้ด้วยเถิด
และขออุทิศส่วนกุศลนี้ให้แก่ท่านทั้งหลายทั้งหลายที่ล่วงลับไปแล้ว ที่เสวยความสุขอยู่ก็ดี ที่เสวยความทุกข์อยู่ก็ดี เป็นญาติก็ดี มิใช่ญาติก็ดี ขอท่านทั้งหลายจงโมทนาส่วนกุศลนี้ พึงได้รับประโยชน์ความสุขเช่นเดียวกับข้าพเจ้าจะพึงได้รับ ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้เถิด
ผลบุญใดที่ข้าพเจ้า ได้บำเพ็ญมาแล้ว ณ โอกาสนี้ ขอผลบุญนี้จงเป็นปัจจัยให้ข้าพเจ้า จงมีความคล่องตัวทุกประการจงมีแก่ข้าพเจ้า และความไม่มีจงอย่าเกิดแก่ข้าพเจ้า ขอผลบุญนี้จงเป็นปัจจัยให้ข้าพเจ้า ( ทั้งหลาย ) ได้เข้าถึงซึ่งพระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้เถิด
อะระหัง สัมมา สัมพุทโธ ภะคะวา พุทธัง ภะคะวันตัง อภิวาเทมิ ( กราบ )
สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม ธัมมัง นะมัสสามิ ( กราบ )
สุปฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ สังฆัง นะมามิ ( กราบ )
.......โมทนาบุญทุกประการครับ
เรียนท่าน NATACHAI:39:นับถือครับ ...ข้อความสำคัญๆสุดท้ายนะ ... สุดยอด!
จตุคามรามเทพ จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
จตุคามรามเทพ หมายถึงเทพรักษาพระบรมธาตุจังหวัดนครศรีธรรมราชสององค์ คือ ท้าวขัดตุคาม และ ท้าวรามเทพ ซึ่งเดิมในความเชื่อของศาสนาพราหมณ์เป็นเทพชั้นสูง และมีอยู่ทั่วไปทุกภาคของประเทศไทย แต่เมื่อภูมิภาคแถบอุษาคเนย์นี้รับอิทธิพลของพุทธศาสนาเข้ามา ท้าวขัดตุคาม และ ท้าวรามเทพ จึงถูกเปลี่ยนสถานะเป็นเทวดารักษาพระบรมธาตุและเปลี่ยนชื่อให้เป็นมงคลเป็น ท้าวจตุคาม และสถิตอยู่บนที่บานประตูทางขึ้นพระบรมธาตุ ในปี พ.ศ. 2530 เมื่อมีการตั้งดวงเมืองนครศรีธรรมราชขึ้นใหม่ จึงมีการอัญเชิญจตุคามรามเทพไปสถิต ณ ที่นั้นเป็นต้นมา
ความหมายและความเชื่อ
ชาวนครศรีธรรมราชมีคติความเชื่อที่ว่า องค์จตุคาม คือ พระเสื้อเมือง จตุ หมายถึง สี่ คาม (คาม-มะ) เขตคาม หมายถึง อาณาเขตหรือบ้าน เมื่อรวมกันนัยความหมายที่มากกว่าความเป็นทิศทั้ง 4 ของบ้าน หรืออาณาเขต คือทิศทั้งสี่ซึ่งหมายถึงทิศที่มีท้าวจตุโลกบาลทั้งสี่ดูแลอยู่ ความหมายของจตุคามจึงเป็น ตำแหน่งของผู้เป็นใหญ่ทั้งสี่ทิศมีท้าวจตุมหาราช ปกป้องคุ้มครองดูแล พระเสื้อเมืองจึงมีความหมายที่ควรเป็นตำแหน่งๆหนึ่ง เพียงแต่ปราชญ์โบราณของเมืองสมมติขึ้นเป็นท้าวจตุคาม ผู้เป็นใหญ่ใน 4 ทิศ
องค์รามเทพ คำว่า ราม มีรากฐานมาจากพระราม ที่หมายถึงพระนารายณ์อวตารลงมาเป็นพระมหากษัตริย์ คำว่าเทพ ก็คือเทวดา นัยความหมายคือเป็นพระมหากษัตริย์ที่เป็นสมมติเทพเมื่อองค์รามเทพเป็นพระทรง เมือง คำว่าทรงเมืองพ้องกับคำว่า ครองเมือง นั่งเมือง หรือผู้ปกครองบ้านเมืองซึ่งก็คือเจ้าเมืองหรือพระมหากษัตริย์
เชื่อกันว่าเดิมนั้น องค์จตุคามรามเทพ เป็นกษัตริย์ในสมัยอาณาจักรนครศรีธรรมราช มีพระนามอย่างเป็นทางการว่า พระเจ้าจันทรภาณุ เป็นกษัตริย์พระองค์ที่ 2 ของราชวงศ์ศรีธรรมาโศกราช เชื่อว่ามีพระวรกายเป็นสีเข้ม เป็นกษัตริย์นักรบที่แกร่งกล้า เมื่อสถาปนาอาณาจักรศรีวิชัยได้อย่างมั่นคงแล้ว จึงได้สมัญญานามว่า " ราชันดำแห่งทะเลใต้ " หรือมีอีกราชสมัญญานามนึงว่า " พญาพังพกาฬ " และต่อมาสำเร็จวิชาจตุคามศาสตร์ และทรงบำเพ็ญบุญเพื่อสร้างบารมีอธิษฐานจิตเป็นพระโพธิสัตว์ เพื่อบรรเทาทุกข์แก่มนุษย์ทั้งปวง
ตราประจำจังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งมีรูปพระบรมธาตุอยู่ตรงกลาง
แต่หากเชื่อกันว่าจตุคามรามเทพคืออดีตกษัตริย์ศรีวิชัยแล้ว ดังเช่นพระเจ้าวิษณุราชที่ ปรากฏในหลักจารึกกรุงศรีวิชัย อยู่ในราว พ.ศ. 1318 ผู้สร้างพระบรมธาตุเมืองนครฯ จะดูขัดแย้งกันเพราะ เป็นยุคสมัยที่ห่างจากพระเจ้าจันทราภาณุ ก่อนถึง 400 ปี
พระบรมธาตุปรากฏชัดว่า มีสององค์ คือองค์จตุคามกับท้าวรามเทพ แต่ภายหลังได้รวมเป็นองค์จตุคามรามเทพเพียงองค์เดียว ก็มิได้ผิดจากหลักศาสตร์ของการสร้าง เฉกเช่นการอธิบายในหลักของตรีมูรติ ของศาสนาฮินดูที่เป็นการรวมกันของมหาเทพทั้ง 3 พระองค์ ดังนั้น จตุคามรามเทพ จึงหมายถึง ดวงพระวิญญาณแห่งอดีตบูรพกษัตริยาธิราชเจ้าผู้มาสถิตย์เป็นผู้คุ้มครองดูแล บ้านเมืองทั้งสี่ทิศทรงฤทธิ์อำนาจอย่างเต็มเปี่ยม ทั้งยังเพียบพร้อมไปด้วยบารมีธรรม 10 ประการ แห่งพระโพธิสัตว์ ผู้มีความเมตตาต่อมนุษย์ผู้ทุกนาม เป็นพระเทวราชโพธิสัตว์
จตุคามรามเทพ มีบริวารเป็นทหารกล้า 4 นาย คือ พญาชิงชัย, พญาหลวงเมือง, พญาสุขุม และพญาโหรา เป็นกำลังหลักในการปราบพราหมณ์ที่เคยปกครองเมืองอยู่ก่อน เมื่อได้บ้านเมืองแล้ว ก็ได้สร้างพระบรมธาตุ สถาปนาเมือง 12 นักษัตร หรือกรุงศรีธรรมาโศกราช ฝังรากฐานพระพุทธศาสนาอย่างถาวร จนได้รับเทิดพระเกียรติว่า พญาศรีธรรมาโศกราช หรือ พระเจ้าศรีธรรมาโศกราช
ปัจจุบัน จตุคามรามเทพ ได้รับความนับถืออย่างกว้างขวาง โดยเชื่อว่าทรงฤทธานุภาพในทุก ๆ ด้าน ตามจารึกของชาวศรีวิชัยได้บอกว่า " มีอานุภาพดุจดังพระอาทิตย์และพระจันทร์ ที่ขจัดความมืดมัวในโลก " การขออธิษฐานจากพระองค์นั้นทำได้โดยมีเงื่อนไข 3 ประการ
1. อธิษฐานขอในสิ่งที่เป็นไปได้ โดยไม่ขัดต่อศีลธรรม
2. เมื่อได้รับสิ่งที่หวังแล้ว ต้องรักษาสัจจะที่ได้ให้ไว้กับพระองค์
3. ควรจะสร้างกุศลกรรมถวายแด่องค์จตุคามรามเทพ
แต่ที่สำคัญ อย่าลำพังเพียงอธิษฐาน ต้องสร้างกุศลกรรมให้แก่ตนเองให้ครบทุกด้านด้วย คือ ให้ทาน รักษาศีล และบำเพ็ญภาวนา
ภาพลักษณ์ของจตุคามรามเทพ โดยมากจะปรากฏเป็นองค์เทพบุตรในท่านั่ง มี 4 กร ถืออาวุธต่าง ๆ และนายทหาร 4 นาย นั้น จะปรากฏในรูปของหนุมาน 4 กร ถืออาวุธในท่วงท่าต่าง ๆ ทั้งนี้ก็เป็นไปตามศิลปะศรีวิชัยที่มักสร้างสัญลักษณ์ขึ้นมาแทนความหมายต่าง ๆ
ประวัติ
ในการจัดสร้างรูปเคารพขององค์จตุคามรามเทพ เมื่อปี พ.ศ. 2530 เป็นครั้งแรกในรูปแบบพระผงสุริยัน-จันทรา ดวงตราพญาราหู มีแวดล้อมด้วยพระราหู 8 ตน ตรงกลางมีรูปของเทวรูปประทับนั่ง 2 เศียร 4 กร ทรงเครื่องอาวุธ และผู้สร้างในสมัยนั้นก็ให้ความหมายไว้ว่าคือรูปจำลองสมมติของพระโพธิสัตว์ อวโลกิเตศวร เป็นตัวแทนขององค์จตุคามรามเทพกษัตริย์แห่งศรีวิชัย
จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2538 ทางโหราศาสตร์เกิดสุริยคราสพาดผ่านประเทศไทย ซึ่งเกิดกระแสตื่นตัวไปทั่วประเทศในเรื่องของพระราหูกินเมือง ประชาชนต่างก็หาวัตถุมงคลหาเครื่องรางของขลังมาแขวนติดตัวเพื่อแก้เคล็ดและ สะเดาะเคราห์ ประกอบกับนิตยสารพระเครื่องกรุงสยาม ได้ลงประวัติการสร้างทำให้มีคนรู้จักบ้าง จึงได้มีการเช่าหากันไปในบางส่วน
ในต้นปี พ.ศ. 2550 จตุคามรามเทพได้รับความนิยมอย่างยิ่ง จนกลายเป็นกระแสในสังคมไทย จากข่าวการพระราชทานเพลิงศพของขุนพันธรักษ์ราชเดช อดีตนายตำรวจมือ ปราบ ผู้ริเริ่มการจัดสร้างจตุคามรามเทพขึ้นเป็นบุคคลแรก ได้มีการสร้างจตุคามรามเทพขึ้นในวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ มีหลายรุ่น พระเกจิหลายองค์ปลุกเสก หลายคนพากันแย่งชิงจนเกิดเป็นเหตุให้ฆาตกรรมกัน ก็มี และผลจากกระแสนี้ส่งผลให้จตุคามรามเทพรุ่นแรกที่ผลิตออกมาในปี พ.ศ. 2530 มีราคาพุ่งไปถึงกว่า 40 ล้านบาท จากเดิมที่มีราคาเพียง 49 บาทเท่านั้น
กระแสความศรัทธาได้พุ่งทะยานขึ้นจากรุ่นสู่รุ่น กลายเป็น พุทธพาณิชย์ และแฟชั่นบูชาขยายวงกว้างไปทุกชนชั้น จตุคามรามเทพได้ถึงจุดความนิยมสูงสุดกลายเป็นวัตถุบูชาที่ถูกผลิตขึ้นมากมาย ใกล้หนึ่งพันรุ่นที่มีการปลุกเสกแบบรายวัน เกือบทุกวัด เกือบทุกแผงพระ และแม้แต่ร้านอาหาร โรงแรม ห้างสรรพสินค้า สถาบัน และองค์กรต่าง ๆ นำจตุคามรามเทพมาจัดจำหน่ายเชิงพาณิชย์ทั้งการกุศลและไม่ใช่กุศล
สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) มีการประเมินมูลค่าเงินหมุนเวียนของจตุคามรามเทพมีมูลค่าสูงถึง 2.2 หมื่นล้านบาท ผลักดันจีดีพีของประเทศโตขึ้น 0.1-0.2 % ในภาวะเศรษฐกิจซบเซา และทำให้กรมสรรพากรพิจารณาการจัดเก็บภาษีจากการสร้างและเช่าบูชาจตุคามรามเทพด้วย
คาถาสำหรับบูชาจตุคามรามเทพ
ตั้งสมาธิให้จิตใจสงบจากนั้นท่อง ( นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมามัมพุทธัสสะ) 3 จบ แล้วให้กล่าวตามบทสวดดังต่อไปนี้ "จะตุคามรามะเทวัง โพธิสัตตัง มะหาคุณัง มะหิทธิกัง อะหัง ปูเชมิ สิทธิลาโภ นิรันตะรัง นะโมพุทธายะ" ข้าพเจ้าขอบูชา ท้าวจตุคามรามเทพโพธิสัตว์ ผู้มีพระคุณอันยิ่งใหญ่ มีฤทธานุภาพไพศาล ขอความสำเร็จและลาภ จงมีแก่ข้าพเจ้า เป็นนิรันดร
อ้างอิงจาก...http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%88%E0%B8%95%E0%B8%B8%E0%B8%84%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%9E
............. * พระวัชรสัตว์นาคปรก *......................
เป็นพระพุทธรูปนาคปรกทรงเครื่อง ด้านหลังมีตัวนาคแผ่พังพาน เป็นพระวัชรสัตว์ในลัทธิวัชรยานของกัมพูชา คำว่า วัชรสัตว์ เป็นพระนามที่เขมรใช้เรียกพระอาทิพุทธะหรือพระมหาไวโรจนะ พระพุทธเจ้าองค์ที่ 6 ของพุทธศาสนาลัทธิวัชรยาน ซึ่งศิลปเขมรนิยมสร้างออกมาในรูปแบบพระพุทธรูปนาคปรก
................ผู้สร้างออกแบบในสมัย ร.5 ท่านไม่ได้สร้างรูปเหมือนของท้าวจตุคามรามเทพ แต่ที่สร้างเป็น พระวัชรสัตว์นาคปรก คนไม่รู้เดวก็ได้งงและเข้าใจผิดได้นะจ๊ะ...ผมว่าอะไรคล้ายๆมีเยอะแต่ถามท่านซะหน่อยใช่ท่านป่าว
เรียนท่าน NATACHAI
งั้นที่ถูกต้อง เราควรอาราธนาบูชา หรือกล่าวพระนามท่านว่าอย่างไรครับผม
พระวัชรสัตว์นาคปรกหรือพระอาทิพุทธะหรือพระมหาไวโรจนะ
หรือพระพุทธเจ้าพระองค์ที่ 6 นั้น ใช่พระองค์เดียวกับพระมังคละพุทธเจ้าหรือไม่
01-10-2010, 11:32 PM #41081
:::เพชร:::
สมาชิก
กรรมที่นำไปสู่นรก
ท่านสาธุชนพุทธบริษัททั้งหลาย และพระคุณเจ้าที่เคารพ วันนี้อาตมามีโอกาสพบกับบรรดาท่านพุทธบริษัทตามปกติ เอายังงี้ก็แล้วกันนะ คือว่าเราพูดกันถึงเหตุมานานแล้ว การที่นำเอาเรื่องราวของหลวงพ่อปานและคณะศิษยานุศิษย์ก็ดี หรือว่าพระรุ่นท่าน พระเพื่อนท่านก็ตาม เอามาเล่าให้บรรดาท่านพุทธบริษัทฟัง อันนี้เป็นเหตุ เหตุที่บอกก็บอกว่าถ้าใครทำความดีแบบนั้น ใครทำความชั่วแบบนั้นจะไปสู่อบายภูมิ หรือว่าไปสู่สวรรค์ ไปสู่พรหมไปสู่นิพพาน นี่เรียกว่าเราเล่าต้นทาง แล้วก็พาดพิงไปถึงปลายทางว่า ถ้าทำแบบนี้ละก็ ท่านจะต้องไปนรก หรือว่าไปสวรรค์ ไปทำแบบนี้ละก็ ท่านจะต้องไปนรก หรือว่าไปสวรรค์ ไปพรหมโลก หรือไปนิพพาน ตอนต้นเรากล่าวกันอย่างนั้น
ต่อจากนี้ไป จะขอให้เรื่องที่พูดนี้ เรียกกันว่าเรื่อง "ไตรภูมิ"
ไตรภูมิ แปลว่า ภูมิสาม ภูมิ ก็แปลว่า แผ่นดินหรือสถานที่อยู่ เป็นสถานที่ที่อยู่กัน เราเรียกกันว่าภูมิ สำหรับภูมิในที่นี้ จะกล่าวถึงอบายภูมิ แล้วก็สวรรค์ พรหมโลก ดีไม่ดี ก็จะย่องพูดถึงเรื่องนิพพานสักนิดหนึ่ง เพราะกันตัวอาตมาเองเป็นมิจฉาทิฏฐิ สำหรับคนอื่นไม่เกี่ยว อาตมาน่ะเป็นห่วงตัวเอง ห่วงความเป็นมิจฉาทิฏฐิของตัวเอง ที่เทศน์ว่าพระนิพพานสูญมานาน ใครเขาจะถามถึงพระนิพพานก็บอกเลย บอกว่าพระนิพพานนี่มีสภาพสูญ มีอุปมาดุจหนึ่งว่าควันไฟที่ลอยไปในอากาศ จะมีที่เกาะที่พักมันก็ไม่มีฉันใด แม้พระที่เข้าสู่พระนิพพานก็เหมือนกัน มีสภาพเหมือนควันไฟ นี่ไปค้านกับคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เข้า เพราะว่าไปค้นในพระไตรปิฎก ไปพบเอาตอนที่พระพุทธเจ้าทรมานท้าวผกาพรหมที่ท้าผกาพรหมท่านบอกว่า พรหมเท่านั้นแหละเป็นความสุขสูงสุด และพรหมไม่เป็นอนัตตา พรหมเป็นอัตตาไม่มีการสลายตัว
ทั้งนี้ก็เพราะว่าอาศัยพวกระฆังเล็ก ๆ ทั้งหลายสนับสนุนยุยงส่งเสริม เห็นว่าท่านผกาพรหมเป็นพรหมที่มีวาสนาบารมีมากก็เลยยุท่านส่งเดชเข้าให้ ท่านผกาพรหมก็เมามัน ไอ้เสียงคนนี่ บรรดาท่านพุทธบริษัทกรอกหูนาน ๆ มันอดจะเขวไม่ได้หรอก เป็นเรื่องธรรมดา
ทีนี้ในเมื่อท่านผกาพรหมท่านมาเข้าแล้วท่านก็เลยคิดว่าในเมื่อพรหมเป็นอมตะ เป็นแดนไม่ตาย เป็นแดนที่มีความสุขมากที่สุด เวลานี้พระสมณโคดมออกจากตระกูลศากยราชมาบวชแล้วก็ประกาศว่า สิ่งที่สูงสุดยิ่งกว่านั้นมีอยู่ คือ พระนิพพาน ยิ่งกว่าพรหม สูงกว่าพรหมมีพระนิพพานเป็นที่ไป แล้วก็เป็นแดนสูงสุด มันจะจริงหรือไม่จริงเราไม่เชื่อ เมื่อพระพุทธเจ้าทราบวาระน้ำจิตของท่านผกาพรหมก็เสด็จไปสู่พรหม ท้าทายกันด้วยเรื่องฤทธิ์ต่าง ๆ เพื่อเป็นการทรมาน ในที่สุดพระพุทธเจ้าก็บอกว่า หากว่าท่านเก่งจริงละก้อ เล่นซ่อนหากับเรา พระพุทธเจ้าให้ท้าวผกาพรหมซ่อนก่อน จะซ่อนที่ไหนก็ตาม พระพุทธเจ้าก็มองเห็น ในที่สุดหมดท่า ก็ให้พระพุทธเจ้าซ่อนบ้าง พระพุทธเจ้าท่านไม่ได้ซ่อน ท่านประทับนั่งอยู่ตรงนั้นแล้วก็ทำให้ท้าวผกาพรหมไม่เห็น พระองค์ก็ทรงแสดงเสียงให้ ปรากฏท้าวผกาพรหมก็มองไม่เห็นว่าองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าอยู่ตรงไหน เป็นอันว่าท้าวผกาพรหมยอมแพ้พระพุทธเจ้า
ฉะนั้น พระพุทธเจ้าจึงทรงตรัสว่า ผกาพรหมเธอเป็นมิจฉาทิฏฐิ เพราะคำป้อยอของคนอื่น บรรดามารทั้งหลาย คำว่า มารในที่นี้ไม่ได้แปลว่า ยักษ์ มาร แปลว่า ผู้ฆ่า คือ ความเห็นที่ไม่ถูกทางของบุคคลผู้ยุยงส่งเสริม พยายามเกลี้ยกล่อมชักจูงเธอให้เห็นผิด เธอเกิดเป็นพรหมชั้นสูงแล้วมาเกิดเป็นพรหมชั้นต่ำแล้วก็ต่ำลงมา อาศัยที่เธอบำเพ็ญบารมีมามาก ไปเป็นพรหมเสียหลายร้อยกัปหลายพันกัปจึงลืมสภาวะเดิม ลืมเรื่องของการจุติ การเกิดการตายในแดนที่ไม่ใช่พระนิพพาน ต่อจากนี้ไปเธอจงเป็นผู้เห็นถูก
ในที่สุดท้าวผกาพรหมก็ยอมรับคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าจึงได้ทรงตรัสว่า ดินแดนที่มีสุขยิ่งกว่านี้มีอยู่ นั่นคือ พระนิพพาน
เห็นไหมเล่า บรรดาญาติโยมพุทธบริษัท พระพุทธเจ้าทรงยืนยันพระนิพพานว่าเป็นดินแดนพิเศษ เป็นทิพย์พิเศษสูงยิ่งกว่าพรหม คราวนี้เรื่องของพรหม เรื่องของเทวดา เรื่องพระนิพพานนี่ ถ้าเรายังไม่เห็น เราก็อย่าพึ่งรับรองกันนักว่าอะไรจริง อะไรไม่จริง ถ้าใครเขาถามขึ้นก็บอกว่าพูดตามตำรากันไว้ก่อน ต่อมาเมื่อเราเข้าถึงทิพจักขุญาณ แล้วก็สามารถเจริญวิปัสสนาถึงระดับพอที่จะเห็นพระนิพพานได้ ตอนนั้นเราค่อยพูดกันเรื่องพระนิพพาน จะพูดกันได้ตอนไหน ก็ตอนที่ท่านทั้งหลายเจริญสมถะพอสมควรจนได้ทิพจักขุญาณแล้ว แล้วก็เจริญวิปัสสนาญาณให้เข้าถึงโคตรภูญาณ โคตรภูรู้จักไหม? ถ้าไม่รู้จักก็จะบอกว่า อยู่ระหว่างโลกียะ กับ โลกุตตระ ส่วนหนึ่งของใจยังเป็นโลกียชน อีกส่วนหนึ่งของใจจะเป็นโลกุตตรชน จะเป็นพระโสดาบัน ตอนนั้นแหละท่านทั้งหลายจะอาศัยทิพจักขุญาณเห็นพระนิพพานได้แบบสบาย ๆ ตอนนั้นแหละบรรดาญาติโยมพุทธบริษัททั้งหลาย เราพูดกันถึงเรื่องพระนิพพาน
เวลานี้ท่านเห็นเปรตบ้างไหม? เปรตมีสภาพหยาบที่สุด ถ้าหากว่าท่านไม่สามารถจะเห็นเปรตก็อย่าเพิ่งพูดเรื่องของพระนิพพาน ถ้าพูดแล้วมันผิด ที่นี้เรื่องของพระกรรมฐานนี่นะ บรรดาญาติโยมพุทธบริษัท มีหลวงพี่องค์หนึ่งท่านสอนมาทางอากาศ ว่าอย่าเที่ยวนำพูดเพ้อเจ้อไปนะ เรื่องกรรมฐานนี่ ต้องพูดเฉพาะในเวลาที่สมควร ถ้ายังไม่ถึงเวลาสมควรมาพูดละ ดีไม่ดีเป็นอวดอุตตริมนุสสธรรม ตีความหมายเป็นอย่างงั้นนะ
อาตมาฟังแล้วก็สงสัย ไม่รู้ว่าพระอะไร ได้ยินแต่เสียง ก็อยากจะถามท่านเสียตอนนี้เลยว่า ไอ้ "เวลาสมควร" น่ะ มันตรงไหนเวลาเท่าไหร่ เมื่อไรจึงจะสมควร เวลานี้บรรดาท่านพุทธบริษัทที่เป็นฆราวาสเขาเจริญพระกรรมฐานกัน มีหลายท่านได้ทิพจักขุญาณ ไปนั่งอายเขามานี่หลายคนแล้วนะ จะบอกให้ ผู้หญิงบางทีเรียนนอกเรียนนามาตั้งแต่อายุ ๖ ขวบ ๗ ขวบ กว่าจะเข้ามานับถือพระพุทธศาสนาก็ ๓๐ ปีเศษ เขาได้ทิพจักขุญาณ เขาสามารถใช้กำลังจิตรักษาโรคก็ได้
นี่อำนาจพระกรรมฐานเข้าไปถึงฆราวาสแล้วหลวงพี่ แล้วถ้าหล่วงพี่ยังจะมรานั่งคอยเวลา "สมควร" น่ะ นี่ถามจริง ๆ เถอะพ่อคุณ บวชเข้ารมาเวลานี้น่ะ ปฏิบัติตามพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าหรือเปล่า?
ที่พระพุทธเจ้าทรงบอกว่า การบวชจะต้องถือกฎ ๓ อย่าง เป็นสำคัญ
๑. อธิศีลสิกขา รักษาศีลยิ่งกว่าฆราวาส
๒. อธิจิตสิกขา ทำจิตให้มั่นคงในสมาธิที่เรียกกันว่า ได้ฌาน
๓. อธิปัญญาสิกขา ทำจิตใจของเราให้ผ่องใสจากกิเลส
นี่คงจะบวชเข้ามาแล้วก็ทำตัวเป็นฆราวาสเอาเอ่น แล้วเวลาพูดก็เห็น อ้างพระอาจารย์อะไรต่อพระอาจารย์อะไร พระอาจารย์ทั้งหลายเหล่านั้นยังเมาอยู่ในลาภ ยศ สรรเสริญ สุข ตามธรรมดาน่ะ พระที่บวชเข้ามาน่ะ เขาเกาะพระพุทธเจ้ากันนะ เขาไม่ได้เกาะพระที่มีกิเลส ก็หลวงพี่ไปเกาะพระที่มีกิเลสเป็นสรณะ แล้วกิเลสมันจะหมดหัวได้ยังไง แสดงว่า กิเลสยังเต็มหัวอยู่
เรื่องของพระกรรมฐานเป็นเรื่องธรรมดาที่พุทธบริษัทควรรู้ ถ้าเราไม่พูดเมื่อไรเขาจะรู้ จะมานั่งหลอกลวงเขากินอยู่ หรือว่าเราบวชเข้ามาแล้วน่ะ ดียังงั้นดียังงี้ ควรแก่การไหว้ สักการะของบรรดาพุทธบริษัท แต่ความจริงแล้วจะพูดเรื่องพระกรรมฐานก็บอกไม่สมควร นีมันดีหรือหลวงพี่?
จำไว้นะ จำไว้ให้ดีว่า เราบวชเข้ามาแล้ว จงเอาสวรรค์ เอาพรหมโลก เอาพระนิพพานเป็นปัจจัยของเรา เอาสิ่งทั้งสามประการเป็นที่พึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งก่อนที่เราจะบวช เวลานี้นักปรูดทั้งหลาย ( ไม่ใช่นักปราชญ์ ) ตัดความสำคัญออก
เมื่อก่อนนี้เวลาเขาจะบวชกับอุปัชฌาย์ว่า
"นิพพานนัสสะ สัจฉิกิริยายะ เอตัง กาสาวัง คะเหตวา" ซึ่งแปลเป็นใจความว่า "ข้าพเจ้าขอรับผ้ากาสาวพัสตร์เพื่อทำให้แจ้งซึ่งพระนิพพาน"
แต่เวลานี้นักปรูดทั้งหลายตัดทิ้งไป ใช้อะไรเสียก็ไม่ทราบ ไปขึ้น เอสาหัง ก็ปรารภพระนิพพานในเบื้องต้นเหมือนกัน ในเมื่อเราบวชเข้ามาปรารภพระนิพพาน แล้วเวลาเราบวชเข้าแล้วจริง ๆ เราจะมาปรารภ ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข เพื่อประโยชน์อะไร
เป็นอันว่า หลวงพี่เข้าใจผิดเสียแล้วนะ หลวงพี่นะดีไม่ดี ผมจะบอกว่า หลวงพี่นั่นแหละ เวลานี้กำลังใจยังทรามกว่าฆราวาสที่เป็นผู้หญิงหลายคนที่เขาปฏิบัติตนได้ดี กว่าหลวงพี่นะ เพราะเห็นว่าควรแล้ว
เวลานี้กรรมฐานตั้งสำนักกันอย่างกับดอกเห็ด มีทั่วประเทศ มีกระทั่งนอกประเทศ ถ้าเวลานี้ยังไม่สมควรพูดเรื่องกรรมฐาน เวลาไหนมันจะควร หรือว่าจะรอให้กิเลสมันเลยหัวไปสักหน่อยแล้วจึงจะควร อันนี้เราฟังกันไว้แล้วก็คิดด้วยนะ ถ้าหลวงพี่องค์นั้นรับฟังละก้อเอาไปคิดด้วย แล้วก็จงรู้ตัวเสียด้วยว่าเราทำเราพูดน่ะมันไม่ควร
เอาละ บรรดาญาติโยมพุทธบริษัท อาตมาเป็นคนปากเสียเป็นปกติ แต่เสียแบบนี้เสียในฐานะเพื่อจะตักเตือนเพื่อนพระด้วยกัน ให้บวชให้เป็นพระ ไม่ใช่บวชเข้ามาแล้ว แล้วก็จะเอาปฏิปทาอย่างอื่นมาใช้ ประเดี๋ยวจะพูดให้ฟัง เรื่องทะเลาะกันแล้วนะ หลวงพี่องค์นั้นก็เหมือนกัน ทีหลังจะทะเลาะกับผลละก้อ ฟังเรื่องต่อไปว่าท่านชอบอะไร
วันนี้ เรามาเริ่มเรื่องไตรภูมิกัน แล้วเราจะไปไหนกันก่อนล่ะ มีอบายภูมิสี่ คือ นรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดียรัจฉาน นี่จัดเป็นภูมิที่หนึ่ง ภูมิที่สองก็ได้แก่ สวรรค์ชั้นกามาวจรสวรรค์ ภูมิที่สามก็ได้แก่ พรหม พระนิพพานยังไม่เกี่ยว สามภูมินี่เราจะไปไหนกันก่อน ขอชวนบรรดาญาติโยมพุทธบริษัท และพระคุณเจ้าที่เคารพ ไปเที่ยวนรกกันก่อนดีกว่า
ต่อจากนี้ไป เราไปทัศนาจรนรกกัน แน่ะ พูดทันสมัยเสียด้วย ไอ้ทัศนาจรนี่น่ะ มันเป็นศัพท์บาลีแกมไทย ทัศนะ จระ จระเป็นภาษาบาลี ไทยล่อจรเข้าให้ ก็เรียกว่าเที่ยวไปดูนรก ทัศนาจร แปลว่า เที่ยวดู ดูอะไร ดูนรก ตานี้เราจะไปนรก เราก็มาคิดดูว่า เราจะไปอยู่เลยหรือว่าเราจะไปเที่ยว ถ้าบรรดาท่านพุทธบริษัทมีความสมัครใจจะอยู่นรกขุมไหน ตามอาตมาไปแล้วก็สมัครใจอยู่ได้เลย อาตมาจะบอกปฏิปทาให้ว่า เขาบำเพ็ญบารมีอะไร? จึงจะอยู่ขุมนรกนั้นได้ แต่ใครไม่อยากอยู่ก็ไปเที่ยวเฉย ๆ ก็แล้วกัน เวลากลับก็กลับด้วยกัน
ทีนี้เวลานำเที่ยวเวลานี้ใช้ยานอะไรเป็นพิเศษ? ไม่ยาก ใช้ยานหนังสือ เรียกว่าใช้ยานหนังสือเอาพระไตรปิฎกเป็นหลัก นี่.. คนชั้นดีเขาต้องทำยังงี้นะ นี่..ไม่มีใครเขายกก็ยกมันเองละ ไปมัวคอยชาวบ้านยกย่องสรรเสริญ เมื่อไรเขาจะยก ก็เอาพระไตรปิฎกเป็นหลัก แล้วก็เอาเรื่องที่พระคณาจารย์ทั้งหลายที่ทรงฌาน ทรงญาณพิเศษ อย่างพระโมคคัลลาน์ไปพบเห็นมา เอามาพูดต่อ รวมกันเข้าไป ญาติโยมทั้งหลายจะได้ทราบว่าตอนนี้ ที่นี้นรกชั้นนี้ สวรรค์ชั้นนี้ วิมานแบบนั้น เขาบำเพ็ญบารมีอะไรเข้าไว้ จึงจะได้อยู่อย่างนั้น นี่เป็นอันว่าเข้าใจ
ทีนี้ต่อจากนี้ไป ก่อนที่จะเดินทางไปนรก เราก็มาหาทุนกันก่อน ไปไหนไม่มีทุนนั้นไม่ได้ ทุนในทสี่นี้ไม่ใช่เงิน ไม่ใช่ทอง แต่ว่าเป็นทุนการบำเพ็ญบารมี เรามาพูดกันเสียก่อนว่า บารมีทสี่จะทำให้คนลงนรกน่ะ มันมียังไง เขาจึงได้ลงกันได้
นรกน่ะ แบ่งเป็น ๒ ประเภท คือ
นรกขุมใหญ่ และ ยมโลกียนรก
แล้วก็เฉพาะนรกขุมใหญ่แต่ละขุมกันมีนรกบริวารด้านละ ๔ ขุม ๔ ด้าน เป็นอันว่านรกขุมใหญ่ ๑ ขุม มีนรกบริวาร ๑๖ ขุม แต่ว่าสัตว์นรกที่จะผ่านนรกบริวารก็ผ่านแต่เพียง ๔ ขุม เพราะออกด้านใดด้านหนึ่งก็ผ่านสี่ขุม นรกขุมใหญ่นี่เราเรียกกันว่า นรกแป๊ะเจี๊ยะ หมายความว่า ลงโทษไม่จำกัดโทษ ไม่ใช่แยกประเภท
สำหรับยมโลกียนรกนั่นแยกประเภท คือ หมายความว่า ถ้าคนใดทำกรรมชั่วไปลงนรกขุมใหญ่ก่อน ลงขุมนี้เวลาจะออกจากขุมนี้ผ่านนรกบริวาร ๔ ขุม ถ้ากรรมชั่วอย่างหนักยังไม่หมดก็ไปลงขุมโน้นต่อไป ออกจากขุมนั้นก็ผ่านนรกบริวารอีก ๔ ขุม นรกขุมใหญ่นี้ เรียกกันว่า นรกแป๊ะเจี๊ยะ ไม่จำกัดโทษ ตรงกันข้ามกับยมโลกียนรก เขาแยกโทษเข้าไว้
ทีนี้มาว่ากันไป นรกขุมใหญ่มีโทษอะไร นี่ศึกษาบารมีการลงนรกเสียก่อน คนที่จะลงนรกต้องสร้างบารมี ต้องบำเพ็ญบารมี ถ้าบารมีไม่ถึงเขาก็ขับไปสวรรค์บ้าง ขับไปพรหมโลกบ้าง ขับมาเกิดเป็นมนุษย์บ้าง เป็นสัตว์เดียรัจฉานบ้าง เป็นเปรตบ้าง เป็นอสุรกายบ้าง เขาไม่ยอมให้ลง แต่ถ้าหากว่ามีบารมีสมควร เขาก็ยินดีรับเอาไว้ในนรก นี่เฉพาะนรกขุมใหญ่นะ
บรรดาพระคุณเจ้าที่เคารพที่กำลังรับฟัง และ บรรดาญาติโยมพุทธบริษัท จะพูดให้ฟังว่านรกขุมใหญ่มีอะไรบ้างที่เราจะได้ไปน่ะ ต้องสร้างบารมีอะไร บารมีที่จะลงนรกขุมใหญ่นั้น ท่านกล่าวว่า ต้องสร้างบารมี ๑๐ อย่างครบถ้วน สุดแล้วแต่หนักเบา ถ้าสร้างเบาหน่อยก็ลงนรกขุมที่ ๑ หนักลงไปอีกนิดก็ลงนรกขุมที่ ๒ หนักลงไปอีกหน่อยก็ลงนรกขุมที่ ๓ หนักไปตามลำดับ ถ้าหนักเต็มที่ลงนรกขุมที่ ๘ เรียกว่า อเวจีมหานรก แล้วก็มีนรกพิเศษอีกอย่างหนึ่ง ถ้าหนักล้นเกินไปละก้อ ลงโลกันตนรก แล้วจึงจะถอยมาสู่อเวจีมหานรก
บารมีที่เขาปฏิบัติ ๑๐ อย่าง ก็คือ กรรมบถ ๑๐ ใครไม่เคารพกรรมบถ ๑๐ ต้องลงนรกขุมใหญ่ ๑๐ หรือเรียกว่า ใครไม่เคารพในกรรมบถทั้ง ๑๐ ประการ มีโอกาสได้อยู่นรกขุมใหญ่สบาย ๆ มีวาสนาบารมีมาก
กรรมบถทั้ง ๑๐ ประการ ที่ควรเว้นมีอะไร คือ
๑.เราต้องไม่ฆ่าสัตว์ ถ้าเราฆ่าสัตว์ ก็เรียกว่า เราไม่เคารพในกรรมบถข้อนี้
๒.การลักทรัพย์
๓.การประพฤติผิดในกาม ทั้งเมียเขา ทั้งลูกเขา ทั้งผัวเขา ทั้งลูกจ้างของเขา ขี้ข้าเขา ทาสเขา ทั้งนั้น จิปาถะ ถ้าไม่ได้รับอนุญาตถือว่าเป็นการไม่เคารพในกรรมบถ ๑๐
๔.ไม่พูดโกหกมดเท็จ
๕.ไม่ส่อเสียดยุยงส่งเสริมให้เขาแตกร้าวกัน
๖.ไม่พูดคำหยาบ
๗.ไม่พูดจาเพ้อฝัน เลอะเทอะหาประโยชน์มิได้
๘.ไม่เพ่งเล็งอยากจะลักทรัพย์ ขโมยทรัพย์ ปล้นทรัพย์ แย่งทรัพย์ คดโกงทรัพย์ของบุคคลอื่น
๙.ไม่จองล้างจองผลาญ ที่เรียกกันว่า ความพยาบาท
๑๐.ไม่มีความเห็นไม่ตรงกับพระพุทธเจ้า ไอ้ส่วนที่เลวคิดว่าดี ส่วนที่ดีคิดว่าเลว ที่พระพุทธเจ้าตักเตือนแล้วไม่เอา
นี่การบำเพ็ญบารมีเพื่อจะอยู่ในนรกขุมใหญ่ บำเพ็ญกันให้ครบ ๑๐ อย่างดีไหม บรรดาญาติโยมพุทธบริษัท
เอ๊ะ..๑๐ อย่างนี่ ไม่มีน้ำเมาไว้ด้วยนะ น่ากลัวนรกขุมใหญ่นี่เขาไม่รับคนชอบดื่มเหล้า คนชอบดื่มเหล้านี่ควรจะดีใจนะ นรกขุมใหญ่เขาไม่รับแล้ว มันดีไม่พอ อย่าลืมนะบรรดาท่านผู้ฟัง และญาติโยมพุทธบริษัทที่กำลังรับฟัง และพระคุณเจ้าที่เคารพ อยากจะไปนรกท่องให้ดีนะ เฉพาะนรกขุมใหญ่
๑. พยายามฆ่าสัตว์เข้า
๒. ลักทรัพย์ ขโมยทรัพย์ ปล้นทรัพย์ แย่งชิงทรัพย์ คดโกงทรัพย์ ใครเขามาทำบุญสุนทาน กันเข้ากระเป๋าไว้บ้าง
๓. ไอ้เรื่องกาเมสุมิจฉาจาร เหมาะเมื่อไรว่าเมื่อนั้น ไม่ต้องห่วง ไม่ต้องเลือกจะเป็นลูกใคร เมียใคร ขี้ข้าใคร คนรับใช้ใคร ลูกจ้างใคร ไม่เกี่ยว มีโอกาสจัดการเรื่อยไป แล้วผัวใครด้วยนะ
๔. เรื่องความจริงไม่ต้องพูดกัน โกหกมันดะ
๕. ยุยงส่งเสริมให้แตกร้าวกันเสีย มันสนุกดี มันทะเลาะกันได้ มันตีกันได้ มันฆ่ากันได้ เราสบายใจ
๖. เรื่องวาจาสุภาพอย่าไปพูดมัน พูดหยาบ ๆ คาย ๆ มึงวาพาโวย ด่าพ่อล่อแม่ใครก็ได้ตามอัธยาศัย
๗. เรื่องที่เป็นเรื่องอย่าพูด พูดมันแต่เรื่องที่เลอะเทอะเปรอะเปื้อน
๘. ทรัพย์สินของใครมีอยู่ ถ้าชอบใจ ตั้งใจเลยว่า เราจะขโมยของเขา
๙. จองล้างจองผลาญ จ้องประหัตประหารมันเรื่อยไปไม่ว่าใคร
๑๐. คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าไม่มีความหมาย เราไม่เชื่อ มาพูดอะไรกัน เรื่องสวรรค์ เรื่องนรก เรื่องอะไรต่ออะไรไม่เห็นมีความหมาย เราไม่เชื่อ
เอาละ บำเพ็ญบารมี ๑๐ อย่าง อย่างนี้พอ พอที่จะลงนรกขุมใหญ่ได้แบบสบาย ๆ พระยายมไม่รังเกียจ
ตานี้ มานรกขุมเล็กอีก ๑๐ ขุม เรียกกันว่า ยมโลกียนรก ทำรับเฉพาะ เรียกว่ารับเฉพาะ ไม่ใช่นรกแป๊ะเจี๊ยะ ทำอย่างนี้อยู่ขุม ๑ ได้ ทำอย่างนี้อยู่ขุม ๒ได้ เขาเรียกกันว่าอะไร จะพูดบารมีให้ฟัง เวลามันใกล้จะหมด
ถ้าอยากจะอยู่นรกขุมที่ ๑ ฆ่าสัตว์ให้หนัก
อยากจะอยู่นรกขุมที่ ๒ เจ้าชู้ให้หนัก
อยากจะอยู่นรกขุมที่ ๓ ลักขโมยให้หนัก คดโกงเขาให้หนัก
ขุมที่ ๔ ดื่มน้ำเมาให้หนัก
ขุมที่ ๕ โกงเงินทำบุญให้หนัก ทายกกับพระนี่ระวังนะ ระวัง ถ้าชอบใจอยู่ ขุมที่ ๕ สำหรับยมโลกียนรก โกงให้หนัก
ขุมที่ ๖ เป็นข้าราชการ โกงให้หนัก
ขุมที่ ๗ เรื่องซื่อตรงไม่มีสำหรับเขา
ขุมที่ ๘ เรื่องเมตตาปรานี ไม่มีสำหรับเขา
ขุมที่ ๙ ด่าดะไม่เลือกว่าใคร
ขุมที่ ๑๐ ซ้อมคู่ครองให้หนัก
นี่เป็นบารมีสำหรับยมโลกียนรกส่วนใหญ่ คนฆ่าสัตว์แล้วก็เลยลงนรกขุมใหญ่มาก่อน พ้นจากนรกขุมใหญ่แล้วเข้านรกบริวาร ๔ ขุม แล้วจึงมาเข้าขุมที่ ๑
นี่เขามาคิดบัญชีกันต่างหากเฉพาะอย่าง สำหรับนรกขุมใหญ่น่ะ เป็นนรกแป๊ะเจี๊ยะ ไม่ยอมคิดบัญชีให้ เรียกว่าอะไร ๆ ก็ไปรวมอยู่ก่อน เสร็จจากนรกขุมใหญ่ ก็มาไล่เบี้ยกันทีหลังว่าแกมีโทษอะไรบ้าง ฉันจะจัดการกับแกตามโทษนั้น
เอาละ บรรดาญาติโยมพุทธบริษัททุกท่าน นี่พูดไปพูดมา พูดมาพูดไป ก็เห็นว่าจะหมดเวลา ๓๐ นาทีเสียแล้วกระมัง เพราะดูเวลามันก็หมดแล้วนี่ เมื่อหมดแล้วสำหรับพุธนี้ ก็ยังไม่ได้อะไร เพียงแต่ได้อารัมภบทมาบำเพ็ญบารมีลงนรกกัน เมื่อรู้บารมีแล้ว ก็ตั้งใจไว้จะไปนรกขุมไหน เอาละ สำหรับวันนี้ก็หมดเวลาแล้ว อาตมาก็ขอลาก่อน ขอความสุขสวัสดิ์พิพัฒนมงคลสมบูรณ์พูนผล จงมีแด่บรรดาท่านศาสนิกชนผู้รับฟังทุกท่าน สวัสดี
ที่มา.......
__________________
(http://www.putthawutt.com/html/menu.html)
มาร่วมโมทนาบุญกับบุญกฐิน ณ วิเวกสถาน ถ้ำระฆังทองเอือมระอาศรัทธาธรรมโมทนาสาธุครับ
1.คณะกองทุนหาพระถวายวัด (รองประธาน)
1.1พี่เมตตา
1.2คุณปฐม
1.3คุณพรสว่างและครอบครัว
1.4คุณธวัช
1.5ผมและภรรยา
2.พี่สิทธิพร
3.คุณแด๋น
4.พี่สมสิทธิ์
5.พี่แอ๊ว
6.คุณศรุต
7.คุณnongnooo
8.คุณสมบัติ
เพื่อนที่ทำงาน
9.คุณปฐม
10.คุณจรัล
11.คุณวันทนา
มาโมทนาบุญร่วมกันครับ
อย่าลืมกรวดน้ำกันครับ
มาแจ้งข่าว
บ้านคุณณฑนน น้ำไม่ได้เข้าตัวบ้าน เนื่องจากอยู่ที่สูง แต่เดินไปที่ซอยบ้าน น้ำครึ่งเอว
บ้านคุณเฉลิมพล ตอนนี้กำลังใช้กระสอบทรายกั้นน้ำอยู่ น้ำยังทรงๆตัวอยู่
ส่งกำลังใจไปช่วยคุณณฑนน , คุณเฉลิมพล และชาวโคราช และผู้ประสบภัยน้ำท่วมกันครับ
.
มาแจ้งเรื่องของผ้าไตร
ผ้าไตรที่ทางสมาชิกชมรมรักษ์พระวังหน้า , คณะพระวังหน้า และคณะกองทุนหาพระถวายวัด ทุกๆท่าน ร่วมกันทำบุญ รวม 30 ชุด
พี่แอ๊วได้ติดต่อกับช่างที่ทำชุดผ้าไตร ที่ถูกต้องตามพระธรรมวินัย และทางช่างก็ได้ลดราคาให้ในราคาพิเศษ ชุดละ 2,000 บาท รวมทั้งหมด(ที่สั่งทำ) 29 ชุด
ผมจะโอนเงินค่าผ้าไตรให้พี่แอ๊ว ในวันอังคารที่ 26 ตุลาคม 2553 พร้อมกับเงินกฐิน
ส่วนผ้าไตร ทางช่างจะนัดกับทางพี่แอ๊ว ในการนำส่งให้กับพี่แอ๊วในวันพฤหัสที่ 28 ตุลาคม 2553 ครับ
สำหรับรายนามผู้ร่วมทำบุญผ้าไตร
1.ชมรมรักษ์พระวังหน้า 1 ชุด
2.คณะกองทุนหาพระถวายวัด 1 ชุด
3.ผมและ ผบทบ. 1 ชุด
4.คุณธวัช 1 ชุด
5.คุณศรุต 1 ชุด
6.คุณdragonlord 1 ชุด
7.พี่เปี๊ยก 1 ชุด
8.คุณณฑนน 1 ชุด
9.คุณพรเกียรติ 5 ชุด
10.พีีแอ๊ว 3 ชุด
11.คณะพี่สิทธิพร 13 ชุด
รวมทั้งหมด 29 ชุด
ส่วนอีก 1 ชุดเป็นของพี่ใหญ่
โมทนาบุญทุกประการครับ
.
http://board.palungjit.com/f179/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B2-%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%9E%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81%E0%B8%AD%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%81-%E0%B8%96%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%88%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%94%E0%B9%89-22445-2097.html
รายนามผู้ร่วมบุญกฐิน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (เฉพาะชุดผ้าไตร) ไม่รวมเงินกฐิน
No. ผู้ร่วมทำบุญ ทำบุญชุดผ้าไตร ทำบุญชุดผ้าไตรชุดละ
1. พี่ใหญ่ และครอบครัว 1 ชุด ไปรับผ้าไตรแล้ว
2. ชมรมรักษ์พระวังหน้า 1 ชุด 2,000.00
3. คณะกองทุนหาพระถวายวัด 1 ชุด 2,000.00
4. sithiphongและครอบครัว 1 ชุด 2,000.00
5. ภรรยา.sithiphongและครอบครัว 1 ชุด 2,000.00
6. คุณtawatd และครอบครัว 1 ชุด 2,000.00
7. คุณchantasakuldecha และครอบครัว 1 ชุด 2,000.00
8. คุณdragonlord และครอบครัว 1 ชุด 2,000.00
9. คุณjirautes และครอบครัว 1 ชุด 2,000.00
10. คุณพิชญ์สินี ชาญปรีชญา และครอบครัว และคณะเพื่อนๆ 3 ชุด 6,000.00
11. คณะคุณPinkcivil 5 ชุด 10,000.00
12. คุณพิทักษ์ และพนักงานในหน่วยงาน 1 ชุด 2,000.00
13. คุณศักดา , คุณศุภลักษณ์ และพนักงานในหน่วยงาน 1 ชุด 2,000.00
14. คุณธนะรัตน์ และพนักงานในหน่วยงาน 1 ชุด 2,000.00
15. คุณผจญศึก และพนักงานในหน่วยงาน 1 ชุด 2,000.00
16. คุณพรรษพนธ์ และพนักงานในหน่วยงาน 1 ชุด 2,000.00
17. คุณภาคภูมิ และพนักงานในหน่วยงาน 1 ชุด 2,000.00
18. คุณสัญชัย และพนักงานในหน่วยงาน 1 ชุด 2,000.00
19. คุณผจญศึก และพนักงานในหน่วยงาน 1 ชุด 2,000.00
20. คุณธนะรัตน์ และพนักงานในหน่วยงาน 1 ชุด 2,000.00
21. คุณภาคภูมิ , คุณอุดมสิทธิ์ และพนักงานในหน่วยงาน 1 ชุด 2,000.00
22. คุณชัยรัตน์ และพนักงานในหน่วยงาน 1 ชุด 2,000.00
23. คุณนิวัตร์ และพนักงานในหน่วยงาน 1 ชุด 2,000.00
24. พนักงานบริษัท พรีบิลท จำกัด(มหาชน) และบริษัทในเครือ 1 ชุด 2,000.00
รวมทั้งสิ้น 30 ชุด 58,000.00
วันนี้ ผมได้นิมนต์พระอาจารย์นิล และ พระอาจารย์รูปหนึ่ง ไปถวายเพลที่บ้านท่านอาจารย์ประถม
และท่านที่ได้ร่วมทำบุญสังฆทานยา ผมได้ดำเนินการถวายยาแด่พระอาจารย์นิล และ พระอาจารย์รูปหนึ่งเรียบร้อยแล้ว
คณะกองทุนหาพระถวายวัด ได้ถวายพระพิมพ์เป็นที่รักของสามโลก แด่พระอาจารย์นิล 200 องค์ ถวายแด่พระอาจารย์รูปหนึ่ง 200 องค์
มาโมทนาบุญร่วมกัน
วันนี้ ผมได้นำเงินจำนวน 20,009 บาท ไปมอบให้ท่านอาจารย์ประถม เป็นค่าหนังสือวิเคราะห์พระสมเด็จฯ
ท่านอาจารย์ประถม ได้นำเงินจำนวน 9,000 บาท ร่วมทำบุญดังนี้
1.ร่วมทำบุญกฐิน(ช่วยเหลือวัดที่ถูกน้ำท่วม10 วัด (อยุธยา) ปิดรับบริจาค 6 พ.ย. 53 ) จำนวน 4,500 บาท
2.ร่วมทำบุญกับพระอาจารย์รูปหนึ่ง จำนวน 4,500 บาท
ท่านอาจารย์ประถม ท่านให้ผมมาแจ้งให้พี่สิทธิพร , ทุกๆท่านที่ได้ร่วมทำบุญหนังสือวิเคราะห์ฯ ให้มาโมทนาบุญกัน
ขอโมทนาบุญกับท่านอาจารย์ประถม , พี่สิทธิพร และ ทุกๆท่านที่ได้ร่วมทำบุญหนังสือวิเคราะห์ฯครับ
.
หลังจากนั้น เดินทางไป สนส.บ่อเงินบ่อทอง ผม,ผบทบ.ผม , คุณtawatd ,น้องปฐม ,น้องpsombat และพี่ประทีป ได้ร่วมทำบุญในงานกฐิน สนส.บ่อเงินบ่อทอง
(http://board.palungjit.com/attachment.php?attachmentid=1238460&d=1290344134)
(http://board.palungjit.com/attachment.php?attachmentid=1238461&d=1290344134)
ขอโมทนาบุญกับคุณtawatd ,น้องปฐม ,น้องpsombat และพี่ประทีป ด้วยครับ
เงินกฐินทุกบาททุกสตางค์ หลวงพ่อแผนท่านบอกว่า ท่านจะนำไปสร้างศาลาปฎิบัติธรรมครับ
นำมาบอกบุญกันต่อด้วยเช่นกัน หากท่านใดมีความประสงค์ที่จะร่วมทำบุญสร้างศาลาปฎิบัติธรรม ตามรายละเอียดด้านล่างครับ
ขอความเมตตาช่วยต่อชีวิตพระเณรบช.ออมทรัพย์ 2030-06304-5 บัญชี รร.พระปริยัติธรรมบ่อเงินบ่อทองบมจ.ธ.กรุงไทย สาขาพนมสารคาม
(http://board.palungjit.com/attachment.php?attachmentid=1238462&d=1290344134)
(http://board.palungjit.com/attachment.php?attachmentid=1238463&d=1290344134)
(http://board.palungjit.com/attachment.php?attachmentid=1238466&d=1290344160)
.
มาโมทนาบุญร่วมกันครับ
http://board.palungjit.com/f179/%E0%...2445-2135.html
.