ใต้ร่มธรรม
บล็อก => บทความ (Blog) => ข้อความที่เริ่มโดย: lek ที่ ตุลาคม 27, 2011, 08:39:39 pm
-
ช่วยให้ผีเสื้อบิน
ในระหว่างทานข้าวกลางวัน วนิดาซึ่งเป็นซีอีโอ ถามกิตติ
ผู้บริหารระดับสูงคนหนึ่งที่รายงานตรงต่อเธอว่า
' กิตติ พี่สังเกตว่าคุณไม่เคยปิดมือถือเลย แม้กระทั่งเวลาประชุม
แล้วพี่ก็เห็นคุณขอตัวออกไปจากที่ประชุมกลางครันเพื่อรับโทรศัพท์
พี่อยากรู้ว่าเป็นโทรศัพท์ของใครหรือ ทำไมมันสำคัญ
ขนาดรอจนจบประชุมไม่ได้ พี่เห็นเป็นประจำเลยนะ '
กิตติมีท่าทีอึดอัด เขาตอบว่า ' ไม่มีอะไรหรอกครับ
เรื่องส่วนตัวนะครับ ผมขอโทษ '
วนิดายิ้มแบบผู้ใหญ่ใจดี เธอเงียบไปสักครู่จึงพูดต่อ
' กิตติ เราสองคนทำงานด้วยกันมาพอสมควร
คิดว่าพี่เป็นพี่สาวของคุณก็ละกัน เพราะพี่อายุมากกว่าคุณ
สองสามปี มีอะไรก็เล่าสู่กันฟังซิคะ เผื่อว่าพี่อาจจะแนะนำอะไร
ให้ได้บ้าง ' วนิดาเลือกใช้แนวทางพี่น้อง แทนที่เธอจะตำหนิเขา
โดยตรงในเรื่องพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมในที่ประชุม
แบบเจ้า นายกับลูกน้อง
วิธีนี้ได้ผล ! กิตติสารภาพออกมาแบบกระอักกระอ่วน
' ก็...คือ ว่า...พี่อย่าโกรธผมนะครับ มันเป็นโทรศัพท์มาจาก
ลูกสาวผมเอง เธอเพิ่งไปเรียนไฮสคูลที่ออสเตรเลีย
เมื่อไม่กี่เดือน โรงเรียนที่ลูกสาวผมเรียนนี้ค่อนข้างจะเข้มงวด
แถมมีการบ้านจมเลย ตอนลูกสาวผมเรียนที่นี่
ผมช่วยติวและทำการบ้านร่วมกับเธอบ่อยๆ ลูกคนเดียว
เธอคือดวงใจของผมเลยครับ ผมบอกเธอว่า ไปอยู่นั่น
ติดขัดเรื่องการบ้านละก็ โทรมาหาผมได้ทุกเมื่อ
ไม่ว่าจะเป็นเวลาใด ผมจะคอยช่วยเหลือเธอ
ผมไม่ต้องการเห็นเธอล้มเหลว ตอนค่ำ เมื่อกลับบ้าน
ผมก็แทบจะไม่ได้พักผ่อน แต่จะไปช่วยเธอทำการบ้านแล้วก็
แฟ็กซ์ส่งไป เรื่องคณิตศาสตร์บ้าง ภาษาอังกฤษบ้าง
ผมอยากให้เธอประสบความสำเร็จ ผมต้องขอโทษที่
บริหารเวลาไม่ค่อยได้เรื่อง ' กิตติจบเรื่องลงด้วยท่าทีละอายใจ
วนิดาแสดงความเห็นใจ ' เรื่องของคุณมันฟังแล้วคุ้นๆ มากเลย
พี่พอจะจินตนาการออกถึงความลำบากใจของเธอ
พี่เองก็มีลูกสาวเรียนปริญญาโทอยู่ที่อเมริกา พี่เคยทำ
แบบคุณเหมือนกัน เพราะลูกสาวพี่จบตรี แล้วไปต่อโทเลย
จึงไม่มีประสบการณ์ในการทำงาน ดังนั้นพอทำกรณีศึกษา
ก็มักจะไม่ทันเพื่อนเขา หรือไม่เข้าใจ แถมยังไม่กล้าถาม
อาจารย์อีก พี่เลยต้องช่วยทำเคส แล้วก็อีเมล์ไปให้เธอ
แต่ว่าตอนนี้พี่หยุดช่วยเธอแบบนั้นแล้วล่ะค่ะ '
กิตติถามด้วยความประหลาดใจ ' ทำไมล่ะครับ พี่ไม่รักเธอแล้วหรือ
หรือว่าพี่เห็นว่างานมีความสำคัญกว่าครอบครัวครับ '
วนิดาตอบพร้อมกับยิ้มอย่างอารมณ์ดีว่า ' พี่ยังรักลูก
และเห็นคุณค่าของครอบครัวและงานเหมือนเดิม
พี่ โชคดีที่มีเพื่อนชาวอเมริกันคนหนึ่ง เขาสังเกตเห็นวิธีที่พี่ช่วยลูกสาว
แล้ววันหนึ่งเขาก็ให้หนังสือเล่มหนึ่ง ชื่อ The Power of Failure
โดย Charles C. Manz และมีการแปลเป็นไทยในชื่อ วิกฤติคือโอกาส
โดยพสุมดี กุลมา เรียบเรียง โดย นราทิป นัยนา เพื่อนอเมริกัน
เขาคั่นเรื่องๆ หนึ่งให้พี่อ่านโดยเฉพาะเลย พี่จะเล่าให้เธอฟัง '
..... มีชายคนหนึ่งนั่งมองผีเสื้อที่กำลังดิ้นรนจะออกจากรังไหม
เจ้าผีเสื้อดิ้นรนไปซักพัก จนกระทั่งใยรังไหมเริ่มขาดเป็นรูเล็กๆ
ชายคนนั้นมองด้วยความสนใจ เจ้าผีเสื้อดูเหมือนจะหยุดไป
ที่จริงผีเสื้อมันพักเพื่อที่จะดิ้นรนต่อไป แต่ว่าชายคนนั้น
คิดไปเองว่าผีเสื้อคงติดใยรังไหม ไม่สามารถจะออกมาได้ด้วยตนเอง
ด้วยความหวังดี เขาจึงนำกรรไกรขนาดเล็กมาตัดใยรังไหมนั้น
ทำให้รูมันขยายใหญ่ขึ้น เจ้าผีเสื้อเห็นรูขยายใหญ่ขึ้นมันก็คลานต้วมเตี้ยมออกมา
แต่เขาสังเกตว่าตัวมันมีขนาดเล็กกว่าปกติ ปีกเหี่ยวย่น แถมลำตัวของเจ้าผีเสื้อ
ก็ มีลักษณะบวมผิดปกติ กลายเป็นว่าในขณะที่ผีเสื้อต้องดิ้นรนออกแรงตะเกียกตะกาย
เพื่อพยายามจะดันตัวมันออกจากรังไหมนั้น เป็นกระบวนการธรรมชาติ
ที่จะกระตุ้นให้ของเหลวชนิดหนึ่งที่อยู่ในลำตัวผีเสื้อ เคลื่อนที่มาสู่ปีก
เพื่อทำให้ปีกแข็งแรงเพียงพอจะบินได้ ด้วยความปรารถนาดีของชายคนนั้น
ผีเสื้อตัวนี้ปีกจึงเหี่ยวย่น ไม่แข็งแรงเพียงพอจะบินได้ แถมยังมีรูปร่างพิกลพิการ
เพราะของเหลวที่ควรจะอยู่ที่ปีก ดันไปติดคั่งค้างอยู่ที่ลำตัว
เจ้าผีเสื้อตัวนี้ออกจากใยมาได้ด้วยความสบาย แต่ต้องพิกลพิการ
และบินไม่ได้ไปชั่วชีวิตของมัน
อุปสรรคและความล้มเหลวในชีวิตของคนก็คล้ายๆกันกับสิ่งที่เจ้าผีเสื้อเผชิญ
ไม่ว่าจะเป็นการเรียนรู้ ความก้าวหน้าในชีวิต การพัฒนาทักษะ ความกล้าหาญ
ความมุ่งมั่น ล้วนแล้วแต่น่าสงสารและน่าเห็นใจ แต่จะได้คุณค่ามา
ก็ด้วยการล้มเหลวอย่างถูกวิธี เราจะคาดหวังว่าจะประสบความสำเร็จในชีวิต
โดยไม่มีความล้มเหลวนั้นเป็นไปไม่ได้ เมื่อเราเผชิญอุปสรรค
แล้วเราหลีกเลี่ยงที่จะแก้ไขหรือต่อสู้กับมัน เท่ากับว่าเรากำลังเสียโอกาสสำคัญ
ในการเรียนรู้บทเรียนที่จำเป็นอย่างยิ่งต่อความสำเร็จในชีวิตของคน
กิตติฟังด้วยความสนใจ ' โอ้โฮ เรื่องนี้จุดประกายน่าดูครับ
แต่ผมกลัวว่าลูกผมจะเกลียดผมนะซีครับ '
วนิดาเสริมต่อ ' มีคำพูดที่ว่า 'No pain No gain' ไม่เจ็บไม่ได้เรียนรู้
ที่จริงพวกเรานะผิดเองที่ป้อนลูกๆ เรามากไป สำหรับกรณีของพี่ พี่อธิบายให้ลูกเขาเข้าใจด้วย
การเล่าเรื่องนี้แหละ หลังจากนั้น พี่ก็ขอโทษสำหรับการให้ความช่วยเหลือลูกแบบผิดๆในอดีต
ลูกๆของเราเขาฉลาดพอจะเข้าใจเรื่องราวเหล่านี้นะ ...
กิตติคุณลองมองไปรอบๆ ตัวเราสิ เรามีพนักงานที่มีความรู้มาจากครอบครัวที่มีฐานะ
หลายคนที่เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ พวกเขาไม่อดทนต่อปัญหาและอุปสรรค คนที่ควรถูกตำหนิ
คือ พ่อแม่ของเขา คุณอยากถูกคนอื่นเขาต่อว่าแบบนี้ในอนาคตไหมละ
แถมลูกๆ ของเรายังอ่อนแอไม่สามารถจะฟันฝ่าปัญหาอุปสรรคได้ ..
... คุณมีสิทธิ์เลือกนะ … '
ขอบพระคุณฟอร์เวิตเมลล์ดีๆจากกัลยาณมิตร
-
:24: :24: :24:
หาอริยทรัพย์ให้ลูกไม่เป็นทั้งคู่อ่าครับ
คนนึงตามตกไปในสังสารกับลูก
อีกคนนึงปล่อยลูกเวียนว่ายในสังสาร ตามยถากรรม
เป็นพ่อแม่ที่ ใช้ไม่ได้ทั้งคู่อ่า
สงสารลูก ไม่น่ามีพ่อแม่เยี่ยงนี้เลยอ่า
กรรมแท้ๆๆ
หัดไปดูกันสิว่า พระพุทธเจ้าสอนลูกอย่างไรมั่งอ่า
จะได้เป็นพ่อแม่ที่หูตาสว่างมั่งครับ
:24: :24: :24:
-
:13: ขอบคุณครับพี่เล็ก