(http://farm1.static.flickr.com/107/299170188_75e6d9f2a4.jpg)
อเนกชาติสํสารํ สนฺธาวิสฺสํ อนิพฺพิสํ
คหการกํ คเวสนฺโต ทุกฺขา ชาติ ปุนปฺปุนํ
คหการก ทิฏฺโฐสิ ปุน เคหํ น กาหสิ
สพฺพา เต ผาสุกา ภคฺคา คหกูฏํ วิสงฺขตํ
วิสงฺขารคตํ จิตฺตํ ตณฺหานํ ขยมชฺฌคา.
เราแสวงหานายช่างผู้ทำเรือน เมื่อไม่ประสบ จึงได้ท่องเที่ยว
ไปสู่สงสาร มีชาติเป็นอเนก ความเกิดบ่อยๆ เป็นทุกข์๑-
แน่ะนายช่างผู้ทำเรือน เราพบท่านแล้ว, ท่านจะทำเรือน
อีกไม่ได้, ซี่โครงทุกซี่๒- ของท่านเราหักเสียแล้ว
ยอดเรือน เราก็รื้อเสียแล้ว, จิตของเราถึงธรรมปราศจากเครื่อง
ปรุงแต่งแล้ว, เพราะเราบรรลุธรรมที่สิ้นตัณหาแล้ว.
>>> อรรถกถา ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท ชราวรรคที่ ๑๑
๘. เรื่องปฐมโพธิกาล [๑๒๕]
- ทรงกำจัดมารแล้วเปล่งอุทาน
---------------------------------------------------------------------------
(https://s-media-cache-ak0.pinimg.com/originals/f1/6d/a2/f16da2c8115484b9b907a830723e5ffa.gif)
อเนกชาติ…
- เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์
บทสวดมนต์แปล ฉบับสวนโมกข์ ที่ผมติดใจอยู่จนวันนี้บทหนึ่ง
ขึ้นต้นว่า...
อะเนกะชาติสังสารัง สันธาวิสสัง อะนิพพิสัง…
แปลว่า เมื่อเรายังไม่พบญาณ ได้ท่องเที่ยวไปในสงสารเป็นอเนกชาติ…
ทุกขา ชาติ ปุนัปปุนัง…
แปลว่า การเกิดทุกคราว เป็นทุกข์ร่ำไป
ในบทสวดนี้ท่านพูดถึงการ แสวงหาอยู่ซึ่งนายช่างปลูกเรือน
คือตัณหาผู้สร้างภพ และในที่สุดก็ว่า
นี่แน่ะนายช่างปลูกเรือน เรารู้จักเจ้าเสียแล้ว เจ้าจะทำเรือนให้เราไม่ได้อีกต่อไป
โครงเรือนทั้งหมดของเจ้าเราหักเสียแล้ว ยอดเรือนเราก็รื้อเสียแล้ว
จิตของเราถึงแล้วซึ่งสภาพที่อะไรจะปรุงแต่งไม่ได้อีกต่อไป
ความนี้ไพเราะนัก เพราะจิตที่ไม่ปรุงแต่งไปตามอำนาจของตัณหา
ก็จะไม่ตกเป็นเหยื่อของกิเลส
เมื่อไม่มีตัณหา ก็ไม่มีภพ คือไม่มีการเกิดขึ้นซึ่งความทุกข์
(https://s-media-cache-ak0.pinimg.com/236x/08/62/b0/0862b09f425a3f2342fb729bde42ad1c.jpg)
จิตเช่นนี้แหละ คือ ปัญญา ปัญญาที่รู้เท่าทันต่อทุกสรรพสิ่งในทุกสภาพ
เมื่อควบคู่กับสติ ปัญญาจะไม่ทำให้เรา
ตกเป็นทาสของมายาทั้งปวง อันแวดล้อมเราอยู่นี้ได้อีกต่อไป
เมื่ออยู่สวนโมกข์นั้น หลังจากบิณฑบาต ผมจะไปนั่งสวดมนต์ทำวัตรเช้า
บนศาลาโรงธรรมพร้อมกับพระรูปอื่น ๆ บทที่สวด มีทั้งบาลี และบทแปล
และการที่ต้องสวดบทแปลควบคู่ไปทีละวรรคนี้เอง จึงเป็นโอกาสดีให้ได้ขบคิด
และทำความเข้าใจในข้อธรรมนั้น ๆ ไปด้วย
การได้อยู่คนเดียวเงียบ ๆ ก็ยิ่งช่วยให้เราได้เรียนรู้ เรื่องของจิตตัวเอง มากขึ้น
เพราะการเรียนรู้และการปฏิบัติธรรมนั้นไม่มีเรื่องอื่น
นอกจากเรื่องของจิตตัวเดียว จิตของตัวเองนี่แหละ
ไม่ใช่เรื่องของกระบวนการ จิตศาสตร์ หรือ จิต ในความหมายทั่วไป
หากมุ่งลงมาที่จิตของตัวเองเท่านั้น ไม่มีอะไรนอกไปจากนี้
ที่สวนโมกข์นั้น มีคำพูดกันว่า ต้นไม้พูดได้ ก้อนหินพูดได้
คือ ไม้ทุกต้น หินทุกก้อน จะคุยกับเราได้ทันทีที่จิตเราสงบได้เท่ามัน
ผมเคยขึ้นไปนั่งบนเนินเขา และเคยขึ้นไปค้างคืนอยู่คนเดียวบนยอดเขานางเอน
ซึ่งอยู่ใกล้ ๆ กับสวนโมกข์นั้น
เมื่อเริ่มแรกสังเกตดู จิตผมระส่ำระสายและหวั่นไหวมาก มันเปล่าเปลี่ยวและวังเวง
(https://s-media-cache-ak0.pinimg.com/236x/a7/7e/70/a77e70ac35103c960697f9d0d9ba8699.jpg)
(https://lh5.googleusercontent.com/-ROkA42-siO0/Uh6kKaNYMYI/AAAAAAACQ6s/Y4W40VWR4rU/w426-h568/Dtao-Dum-8.jpg)
มองออกไปไกลๆ เห็นแต่ทิวไม้ลิบ ๆ ต่ำลงไปมีแต่ความเวิ้งว้าง
สงัดและวังเวง
จนได้ยินเสียงของความเงียบ แล้วจิตก็เริ่มนิ่ง เริ่มสงบ
นี่กระมังที่ว่า สิ่งแวดล้อมกำหนดจิต
ขณะเดียวกัน เมื่อจิตสงบ มันก็สามารถกำหนดสิ่งแวดล้อมได้ด้วย
การที่จิตผมระส่ำระสายหวั่นไหวเมื่อแรกนั้น แสดงว่าสิ่งแวดล้อม
กำลังกำหนดจิตผมอยู่ฝ่ายเดียว
(https://lh4.googleusercontent.com/--Tca6iIAfJ4/UTJtgJIdEMI/AAAAAAAAqJs/49WSZsbu3Vc/w450-h450/gdaytassie_BrianMatiash.jpg)
จิตผมตกอยู่ใต้อำนาจความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติแวดล้อมที่ข่มให้ผมกลัว
กระทั่งระส่ำระสายหวั่นไหว ผมกลัวอะไรหรือ ตอบว่าผมกลัวการอยู่คนเดียว
กลัวอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้จากสิ่งแวดล้อมที่ผมไม่รู้ไม่คุ้นชินกับมัน
กลัวสัตว์ร้าย กลัวคนร้าย กลัวงู กลัวเสืออะไรไปตามเรื่อง สรุป ก็คือ กลัวตาย
(http://t3.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcQ6oUsiG7QoYqXpHbK-4SA0QlM2uztzoPJMUxEQfTVbyojmS6d2EA)
ครั้นจิตเริ่มสงบลง นี่ก็อีก มันสงบได้อย่างไรเล่า ผมเฝ้าใคร่ครวญดู
จึงเริ่มรู้ว่า ด้วยผมกำลังคุ้นชินกับมันนั่นเอง
ธรรมชาติอันยิ่งใหญ่คงสงบอยู่อย่างนั้นตลอดเวลา ตั้งแต่ต้นจนถึงบัดนี้
ไม้ใหญ่ก็ยังโอนเอนไหวลม ขอบฟ้าเวิ้งว้างก็ยังคงเวิ้งว้างอยู่อย่างนั้น
เปลี่ยนไปแต่แสงแดดที่ค่อยคล้ำมัวสลัวลง และกับจิตผมนั่นเองที่มันเปลี่ยนไป
เปลี่ยนจากความระส่ำระสายหวั่นไหวมาเป็นความสงบ จิตเริ่มสงบไปกับความสงัดนั้น
ความเงียบ และความคิดอันกึกก้องอยู่ในจิตผมนี่เอง ที่มันกำลังคุยอยู่
เมื่อถึงตรงนี้ผมจึงเริ่มเข้าใจว่า ต้นไม้พูดได้ ก้อนหินพูดได้อย่างไร
ก็จิตเรานี่เอง ที่คิดอะไรอยู่ ธรรมชาติแวดล้อมนั่นแหละ ที่มัน
กำลังกำหนดและกระทำต่อจิตอยู่
เราไม่สามารถคิดอะไรได้เองลอย ๆ โดยปราศจากฐานที่ตั้งของความคิด
มันต้องมีสิ่งใดสิ่งหนึ่งประกอบความคิดเราอยู่เสมอ
การได้มีโอกาสลิ้มรส
กระบวนการทางจิตเหล่านี้มีคุณมหาศาลต่อผม และยังส่งผลมาจนวันนี้
(http://t0.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcSlSW4jqAyCr8J6Ozu6A1Fy7aWNrM9o_oQCC2sh3iwVQ-X6uqkw)
วันที่อะไร ๆ มันดูสับสนวุ่นวาย เต็มอยู่ด้วยการโฆษณาแข่งขัน แต่งถ้อยแต่งจริต
มากพิษมากภัยที่ทำให้จิตเราเตลิดเพริดไปได้ง่าย ๆ ทุกวัน
ทำอย่างไรเราจึงจะสงบนิ่งอยู่ได้ ในท่ามกลางความผันแปรเหล่านี้
นี่แหละเป็น เคล็ด
ถ้าเราสงบนิ่งไม่ได้ จิตเราจะถูกกำหนดโดยสภาพแวดล้อมที่พัลวันวุ่นวายอยู่นี้
นั้นก็คือ เราจะตกเป็นเหยื่อของการโฆษณา เป็นเหยื่อของค่านิยม
เราจะฟุ่มเฟือย เราจะลอยไปลอยมากับกิเลสมายาสารพัน
(http://gallery.photo.net/photo/16051872-md.jpg)
แต่ถ้าเราสามารถสงบนิ่งได้ จิตเราก็จะเป็นฝ่ายกำหนดบ้างละ
เราจะรู้จักเลือกสรรต่อการที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับสรรพสิ่งสารพันเหล่านี้
เราจะรู้วิธีที่จะจัดการกับมันตามความเหมาะสมกับประโยชน์ในทุกเรื่อง
ตรงนี้กระมัง ที่เป็นความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งแวดล้อมกับจิต
ในลักษณะที่เขาเรียกว่าเป็น วิภาษวิธี คือ
การต่างกำหนดซึ่งกันและกัน ระหว่างสิ่งแวดล้อมกับจิต ในอัตราที่เหมาะสม
ก่อนอื่นใดทั้งหมด มันต้องเริ่มต้นที่...
เราต้องหัดเป็นอยู่เรียบ ๆ เงียบ ๆ ง่าย ๆ ด้วยตัวคนเดียว..โดย...
ไม่รู้สึกเงียบเหงา ว้าเหว่ เปล่าเปลี่ยว ให้ได้เสียก่อน
ผมว่า บุคคลเป็นฉันใด ประเทศชาติบ้านเมืองก็เป็นฉันนั้น
คือ ถ้ามันเป็นตัวของตัวเอง(อิสระ)ไม่ได้ มันก็ต้องเป็นทาสเขาร่ำไป
- เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์
(http://t3.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcThvbzVTfMB7EmXa-d6XXLAD1uRgHhVLFeB8LEJO5k_gHGUxYEF)
นำมาแบ่งปันโดย...
ขมค่ะ -:http://www.sookjai.com/index.php?topic=2026.40
อนุโมทนาสาธุที่มาทั้งหมดมากมายค่ะ