ใต้ร่มธรรม

บอร์ดหลักของเว็บ => ห้องแนะนำการใช้เว็บบอร์ดใต้ร่มธรรม => ห้องทดสอบ => ข้อความที่เริ่มโดย: แก้วจ๋าหน้าร้อน ที่ กรกฎาคม 02, 2010, 10:10:26 pm

หัวข้อ: ทดสอบคัดลอกข้อความภาพประกอบข้อความ
เริ่มหัวข้อโดย: แก้วจ๋าหน้าร้อน ที่ กรกฎาคม 02, 2010, 10:10:26 pm
(http://palungjit.com/feature/data/513/medium/01038_46.jpg) (http://palungjit.com/feature/showphoto.php?photo=23015&size=big&cat=)



กสิณคือการจดจำภาพวัตถุใดๆ   ที่เราเลือกมาเป็นต้นแบบให้ได้ทั้งหมด   แต่การที่จะสามารถจดจำภาพนิมิตได้อย่างละเอียดนั้น   จำต้องอาศัยความพยายามในการเพ่งเป็นอย่างมาก   กว่าที่จะสร้างให้เกิดเป็นภาพนิมิตติดตาติดใจ ชนิดที่ว่าหลับตาก็เห็น ลืมตาก็เห็น   ซึ่งหมายถึงการสำเร็จนิมิตกสิณ   

ในการที่จิตจะจดจำภาพนิมิตอันเป็นรูปแบบหยาบให้ได้   ผู้ปฏิบัติจำเป็นต้องใช้การเพ่งมองวัตถุด้วยตาเท่านั้น   ทั้งนี้เนื่องจากภาพนิมิตไม่อาจกำหนดสร้างให้บังเกิดขึ้นได้ด้วยการจินตนาการหรือการนึกคิดเอา   

หลายคนที่ฝึกการเพ่งกสิณแล้วไม่ประสบผลสำเร็จในการสร้างภาพนิมิตล้วนมีสาเหตุมาจากการให้เวลากับการเพ่งมองวัตถุต้นแบบน้อยเกินไป   ซึ่งถ้าผู้ปฏิบัติเพ่งมองวัตถุต้นแบบในเวลาไม่นานพอที่จิตจะรับเอากรรมฐานกองนี้ไปทำเอง   จิตก็ย่อมไม่อาจที่จะจดจำภาพนิมิตกสิณได้

นอกจากนี้   วัตถุต้นแบบที่จะเลือกนำมาใช้เพ่งก็นับเป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบที่สำคัญต่อการเพ่งกสิณ   ด้วยเพราะวัตถุแต่ละชนิดล้วนมีความแตกต่างกันไป   ดังนั้นขีดความสามารถในการที่จิตจะจดจำภาพเอาไว้และแปรสัญญาณภาพให้กลายไปเป็นภาพนิมิต   ที่ปรากฏขึ้นภายในจอจิตก็ย่อมมีความแตกต่างกันไปด้วย เช่น   ผู้ปฏิบัติบางคนอาจสามารถเรียกนิมิตในการเพ่งดินได้ดีกว่าการเพ่งน้ำหรือการเพ่งอากาศ   เป็นต้น

เมื่อเป็นเช่นนั้นก็หมายความว่าการที่ผู้ปฏิบัติตัดสินใจเลือกที่จะเพ่งกสิณน้ำกับการเลือกเพ่งกสิณไฟจึงมีความหมายที่แตกต่างกันในการปฏิบัติเป็นอย่างมาก   ทั้งนี้   เพราะผู้ที่มีจริตภายในจิตใจที่แตกต่างกันย่อมต้องใช้อุบายการเพ่งกสิณที่แตกต่างกัน   ซึ่งหากผู้ปฏิบัติตัดสินใจเลือกการเพ่งผิด   นอกจากจะส่งผลให้การเพ่งกสิณไม่ประสบความสำเร็จแล้ว   อาจยังจะก่อให้เกิดอันตรายแก่ตัวผู้ฝึกเพ่งกสิณเองอีกด้วย

ดังนั้น   การที่ผู้ปฏิบัติจะฝึกเพ่งได้ประสบผลสำเร็จหรือไม่   จึงต้องขึ้นอยู่กับจริตของผู้ฝึกเพ่งกสิณด้วย   ซึ่งก่อนที่ผู้ปฏิบัติจะตัดสินใจว่าจะเลือกเพ่งกสิณชนิดใด   ทางที่ดีควรอาศัยการพิจารณาของครูบาอาจารย์ว่าท่านจะมอบกสิณชนิดใดให้เรานำมาปฏิบัติ

เพราะครูบาอาจารย์ท่านเป็นผู้รู้และมีประสบการณ์ในการเพ่งกสิณมานาน   ท่านย่อมสามารถมองเห็นและพิจารณาได้เป็นอย่างดี   เพื่อที่ผู้ฝึกเพ่งกสิณจะได้ก้าวหน้าในการปฏิบัติสมาธิภาวนาอบรมจิตด้วยอุบายการเพ่งกสิณ   

แต่ทว่าในกรณีของผู้ปฏิบัติมีความชื่นชอบในการเพ่งกสิณไฟ   ที่ต้องการทดสอบพลังจิตของตนว่ามีการพัฒนาหรือไม่อย่างไร   ก็สามารถกระทำได้ด้วยการเรียกนิมิตกสิณไฟให้ปรากฏทั้งในยามที่หลับตาทำสมาธิ   และการลืมตาทำสมาธิ   ซึ่งผู้ที่สำเร็จวิชากสิณไฟและสามารถเรียกภาพนิมิตกสิณไฟให้ปรากฏได้นั้น

ย่อมจะสามารถเห็นภาพนิมิตกสิณไฟได้ทั้งในขณะที่ลืมตาทำสมาธิและหลับตาทำสมาธิ   

การฝึกเรียกนิมิตกสิณในขณะลืมตา   สามารถทำได้โดยให้ฝึกเพ่งมองไปยังผนังที่มีสีขาวแล้วกำหนดจิตให้เป็นสมาธิ   จากนั้นจึงกำหนดเรียกภาพกสิณนิมิตไฟให้ปรากฏขึ้นที่ผนัง   ซึ่งจะปรากฏเป็นภาพดวงนิมิตกสิณวงกลมสีเหลืองอ่อนคล้ายพระจันทร์   แต่หากสมาธิมีพลังสูงขึ้นภาพนิมิตกสิณนั้นจะมีขนาดเล็กลงและมีสีเข้มขึ้นเรื่อยๆ

กรณีที่ผู้ปฏิบัติมีพลังจิตสูง   ภาพกสิณนิมิตที่ปรากฏจะมีสีเข้มมาก จากสีเหลืองจะเข้มขึ้นจนกลายเป็นสีแดงเข้ม   และเป็นสีน้ำเงินเข้มในที่สุด   

เมื่อดวงกสิณนิมิตมีสีน้ำเงินเข้มและมีขนาดเล็กลงมากที่สุดจะเกิดความร้อนในบริเวณที่เราเพ่งกำหนดมองไป   ความร้อนที่เกิดขึ้นนี้สามารถปรากฏได้ทั้งในมิติแห่งโลกธาตุที่เราอาศัยอยู่   และในมิติแห่งโลกวิญญาณ ด้วยเหตุนี้จึงเรียกพลังอำนาจของความร้อนที่ได้รับนี้ว่า   "พลังแห่งกสิณไฟ"

หลังจากที่ผู้ปฏิบัติทำการฝึกเพ่งเรียกนิมิตกสิณให้ปรากฏบนผนังที่มีสีอ่อนหรือสีขาวได้จนเป็นที่ชำนิชำนาญดีแล้ว   ก็ไม่จำเป็นต้องเรียกภาพนิมิตกสิณไฟให้ปรากฏเฉพาะบนพื้นผนังสีขาวอีกต่อไป   คราวนี้ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนๆ   ก็ย่อมจะสามารถเรียกภาพนิมิตกสิณไฟให้ปรากฏเป็นภาพซ้อนตัวขึ้นมาได้   อีกทั้งยังสามารถใช้พลังอำนาจจิตบีบดวงนิมิตกสิณนั้นให้มีขนาดเล็กลงได้ตามใจปรารถนาอีกด้วย.


อ.บูรพา   ผดุงไทยการฝึกเพ่งเรียกนิมิตกสิณ | ไทยโพสต์ (http://www.thaipost.net/tabloid/060610/23084)

ที่มาคัดลอกจาก
http://board.palungjit.com/f4/การฝึกเพ่งเรียกนิมิตกสิณ-242785.html