สำหรับบุคคลทั่วไป ที่ยังเรียกตัวเองว่าเป็น "คน"นั้น ย่อมเป็นผู้ที่ยังมีความวุ่นวายในใจอยู่นั่นเอง ดังนั้นไม่ว่าจะทำอะไรก็จะก่อให้เกิดปัญหา และเกิดความวุ่นวายอยู่ร่ำไป
เรามักจะเคยได้ยิน พุทธดำรัสที่ว่า " ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์" เพราะเหตุใดจึงตรัสเช่นนั้น ก็เนื่องจากว่า การที่เรามีความรัก อะไรก็ดูสวยงามไปหมด ณ เวลานั้น ความสุขย่อมก่อเกิดแก่เรา แต่ในวันที่เราผิดหวัง หรือความรักเริ่มจืดจางลงไป ความทุกข์ก็เริ่มคืบคลานเข้ามาแทนที่ความสุขดัง นั้นเราจึงต้องมาเรียนรู้ว่า การมีความรักอย่างไร จึงจะก่อให้เกิดความสุขแก่เราได้ แล้วทุกท่านคิดว่า มีวิธีใดบ้างที่สามารถทำให้เรามีความรักอย่างยั่งยืนได้บ้าง นอกจากการหันมาพึ่งทางธรรม แต่หลายคนมักคิดว่า " ธรรมะ " เป็นเรื่องของคนแก่ หรือผู้สูงอายุที่ต้องเข้ามาเรียนรู้ หรือใส่ใจ ถ้าวัยรุ่น คนหนุ่มสาวคนใด หลงเข้ามาสนใจในธรรม มักจะถูกมองว่าเป็นคนคร่ำครึ ล้าหลัง หรือเป็นคนไม่ทันสมัย หัวโบราณบ้าง แต่ที่จริงแล้ว " ธรรมะให้อะไรกับเรามากมาย " และไม่ว่าจะเป็นเด็ก คนหนุ่มสาวหรือผู้สูงอายุ ทุกชนชั้น ย่อมสามารถได้รับความสุขจากการเข้ามาเรียนรู้หรือปฏิบัติธรรม (ซึ้งในรสพระธรรม) ได้เช่นเดียวกัน เดี๋ยวจะมาเขียนต่อนะค่ะ ตอนนี้หิวข้าวแล้วค่ะ
(http://1.bp.blogspot.com/-znwatEIAthQ/T2E4-_XACoI/AAAAAAAAAc8/FMPn8kY5lz8/s200/%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%81.jpg)
มา ต่อกันเลยนะค่ะ ทำไมถึงบอกว่าการมีธรรมะแล้วทำให้ความรักยั่งยืน ก็เพราะคนที่ศึกษาทางธรรมย่อมรู้ว่า ใครก็ตามที่มีธรรมะในหัวใจ เขาคนนั้นย่อมเป็นคนดี แค่เพียงผู้ที่ศึกษาเท่านั้น แต่ถ้าพูดถึงผู้ปฎิบัติทางธรรมด้วยแล้ว บุคคลเหล่านั้นย่อมได้ยกระดับจิตใจของตัวเองให้สูงขึ้น สูงค่ามากกว่าคำว่า "คนดี"เสียอีก เรามาดูกันว่า ในพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า ท่านสอนอะไรกับคนที่รักกัน และต้องใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างไรบ้าง
เรื่องแรกคือพรหมวิหารธรรม 4 ข้อ คือ
1.เมตตา คือ ความปรารถนาให้ผู้อื่นได้รับสุข
2.กรุณา คือ ความปรารถนาให้ผู้อื่นพ้นทุกข์
3.มุทิตา คือ ความยินดีเมื่อผู้อื่นได้ดี
4.อุเบกขา คือ การรู้จักวางเฉย
พรหมวิหาร ธรรมทั้ง 4 ข้อนี้ เป็นคุณธรรมพื้นฐาน ที่จะทำให้คนที่รักกันครองคู่กันอย่างยั่งยืน และพระพุทธเจ้าได้ทรงแสดงหน้าที่ของสามีภรรยาไว้ดังนี้
สามีต้องปฏิบัติบำรุงภรรยา ดังนี้
๑) ยกย่องให้เกียรติในฐานะภรรยา
๒) ไม่ดูหมิ่น
๓) ไม่นอกใจ
๔) มอบความเป็นใหญ่ในงานบ้าน
๕) ให้เครื่องประดับเป็นของขวัญตามโอกาสอันควร
ภรรยาต้องปฏิบัติบำรุงสามี ดังนี้
๑) จัดการงาน (http://jobbydee.blogspot.com/2011/12/part-time.html)บ้านให้เรียบร้อย
๒) สงเคราะห์ญาติมิตรทั้งสองฝ่ายด้วยดี
๓) ไม่นอกใจ
๔) รักษาทรัพย์สมบัติที่หามาได้
๕) ขยันไม่เกียจคร้านในงานทั้งปวง
หากคน ที่รักกัน หรือสามีภรรยา ที่ครองรัก ครองเรือนร่วมกัน ปฎิบัติตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ถือว่าเป็นคนที่มีธรรมะในหัวใจแล้ว ดังนั้นเมื่อเรามีธรรมะแล้ว ความรักก็จะยืนยาว โดยการให้เกียรติ ซึ่งกันและกันนั่นเอง เมื่อเป็นเช่นนี้การมีธรรมะในหัวใจจึงทำให้ความรักยั่งยืนด้วยประการฉะนี้แล
นอก การมีธรรมะทำให้เรามีความรักที่ยั่งยืนแล้ว การมีธรรมะยังทำให้เราประสบความสำเร็จในด้านอื่นๆอีกด้วย เช่นการใช้ชีวิตประจำวัน หรือแม้แต่การงาน (http://jobbydee.blogspot.com/2011/12/part-time.html)
สำหรับบุคคลทั่วไป ที่ยังเรียกตัวเองว่าเป็น "คน"นั้น ย่อมเป็นผู้ที่ยังมีความวุ่นวายในใจอยู่นั่นเอง ดังนั้นไม่ว่าจะทำอะไรก็จะก่อให้เกิดปัญหา และเกิดความวุ่นวายอยู่ร่ำไป
เรามักจะเคยได้ยิน พุทธดำรัสที่ว่า " ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์" เพราะเหตุใดจึงตรัสเช่นนั้น ก็เนื่องจากว่า การที่เรามีความรัก อะไรก็ดูสวยงามไปหมด ณ เวลานั้น ความสุขย่อมก่อเกิดแก่เรา แต่ในวันที่เราผิดหวัง หรือความรักเริ่มจืดจางลงไป ความทุกข์ก็เริ่มคืบคลานเข้ามาแทนที่ความสุขดัง นั้นเราจึงต้องมาเรียนรู้ว่า การมีความรักอย่างไร จึงจะก่อให้เกิดความสุขแก่เราได้ แล้วทุกท่านคิดว่า มีวิธีใดบ้างที่สามารถทำให้เรามีความรักอย่างยั่งยืนได้บ้าง นอกจากการหันมาพึ่งทางธรรม แต่หลายคนมักคิดว่า " ธรรมะ " เป็นเรื่องของคนแก่ หรือผู้สูงอายุที่ต้องเข้ามาเรียนรู้ หรือใส่ใจ ถ้าวัยรุ่น คนหนุ่มสาวคนใด หลงเข้ามาสนใจในธรรม มักจะถูกมองว่าเป็นคนคร่ำครึ ล้าหลัง หรือเป็นคนไม่ทันสมัย หัวโบราณบ้าง แต่ที่จริงแล้ว " ธรรมะให้อะไรกับเรามากมาย " และไม่ว่าจะเป็นเด็ก คนหนุ่มสาวหรือผู้สูงอายุ ทุกชนชั้น ย่อมสามารถได้รับความสุขจากการเข้ามาเรียนรู้หรือปฏิบัติธรรม (ซึ้งในรสพระธรรม) ได้เช่นเดียวกัน เดี๋ยวจะมาเขียนต่อนะค่ะ ตอนนี้หิวข้าวแล้วค่ะ
(http://1.bp.blogspot.com/-znwatEIAthQ/T2E4-_XACoI/AAAAAAAAAc8/FMPn8kY5lz8/s200/%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%81.jpg)
มา ต่อกันเลยนะค่ะ ทำไมถึงบอกว่าการมีธรรมะแล้วทำให้ความรักยั่งยืน ก็เพราะคนที่ศึกษาทางธรรมย่อมรู้ว่า ใครก็ตามที่มีธรรมะในหัวใจ เขาคนนั้นย่อมเป็นคนดี แค่เพียงผู้ที่ศึกษาเท่านั้น แต่ถ้าพูดถึงผู้ปฎิบัติทางธรรมด้วยแล้ว บุคคลเหล่านั้นย่อมได้ยกระดับจิตใจของตัวเองให้สูงขึ้น สูงค่ามากกว่าคำว่า "คนดี"เสียอีก เรามาดูกันว่า ในพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า ท่านสอนอะไรกับคนที่รักกัน และต้องใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างไรบ้าง
เรื่องแรกคือพรหมวิหารธรรม 4 ข้อ คือ
1.เมตตา คือ ความปรารถนาให้ผู้อื่นได้รับสุข
2.กรุณา คือ ความปรารถนาให้ผู้อื่นพ้นทุกข์
3.มุทิตา คือ ความยินดีเมื่อผู้อื่นได้ดี
4.อุเบกขา คือ การรู้จักวางเฉย
พรหมวิหาร ธรรมทั้ง 4 ข้อนี้ เป็นคุณธรรมพื้นฐาน ที่จะทำให้คนที่รักกันครองคู่กันอย่างยั่งยืน และพระพุทธเจ้าได้ทรงแสดงหน้าที่ของสามีภรรยาไว้ดังนี้
สามีต้องปฏิบัติบำรุงภรรยา ดังนี้
๑) ยกย่องให้เกียรติในฐานะภรรยา
๒) ไม่ดูหมิ่น
๓) ไม่นอกใจ
๔) มอบความเป็นใหญ่ในงานบ้าน
๕) ให้เครื่องประดับเป็นของขวัญตามโอกาสอันควร
ภรรยาต้องปฏิบัติบำรุงสามี ดังนี้
๑) จัดการงาน (http://jobbydee.blogspot.com/2011/12/part-time.html)บ้านให้เรียบร้อย
๒) สงเคราะห์ญาติมิตรทั้งสองฝ่ายด้วยดี
๓) ไม่นอกใจ
๔) รักษาทรัพย์สมบัติที่หามาได้
๕) ขยันไม่เกียจคร้านในงานทั้งปวง
หากคน ที่รักกัน หรือสามีภรรยา ที่ครองรัก ครองเรือนร่วมกัน ปฎิบัติตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ถือว่าเป็นคนที่มีธรรมะในหัวใจแล้ว ดังนั้นเมื่อเรามีธรรมะแล้ว ความรักก็จะยืนยาว โดยการให้เกียรติ ซึ่งกันและกันนั่นเอง เมื่อเป็นเช่นนี้การมีธรรมะในหัวใจจึงทำให้ความรักยั่งยืนด้วยประการฉะนี้แล
นอก การมีธรรมะทำให้เรามีความรักที่ยั่งยืนแล้ว การมีธรรมะยังทำให้เราประสบความสำเร็จในด้านอื่นๆอีกด้วย เช่นการใช้ชีวิตประจำวัน หรือแม้แต่การงาน (http://jobbydee.blogspot.com/2011/12/part-time.html)
ที่มา
http://jobbydee.blogspot.com/2011/05/blog-post.html (http://jobbydee.blogspot.com/2011/05/blog-post.html)
http://board.palungjit.com/f9/%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%81-137571.html (http://board.palungjit.com/f9/%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%81-137571.html)
:06: คัดลอกมาก็ได้นี่ครับ ค่อยๆฝึกเดี๋ยวก็เก่งครับ
ทุกๆที่มีปัญหาหมดครับ ขึ้นอยู่กับเราว่าจะมองปัญหาอย่างไร