ใต้ร่มธรรม
วิถีธรรม => กฏแห่งกรรม-ชาติภพ => ข้อความที่เริ่มโดย: sithiphong ที่ สิงหาคม 03, 2010, 06:52:00 pm
หัวข้อ:
พิภพมัจจุราช (พญายมราชเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย:
sithiphong
ที่
สิงหาคม 03, 2010, 06:52:00 pm
พิภพมัจจุราช (พญายมราช)
นโม 3 จบ
ปะโตเมตัง ปะระชีวินัง สุขะโตจุติ
จิตะเมตะ นิพพานัง สุขะโตจุติ
หัวข้อ:
Re: พิภพมัจจุราช (พญายมราชเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย:
sithiphong
ที่
สิงหาคม 03, 2010, 06:53:01 pm
พิภพมัจจุราช
โดย หลวงตาแพรเยื่อไม้
จัดพิมพ์โดย ธรรมสภา
พระพุทธเจ้าทรงตรัสถึงบุรพจริยา (ความเป็นมาแต่อดีต) ของพระองค์ ขออัญเชิญมาถอดใจความ ตามประสาของข้าพเจ้าดังนี้ :-
ในกาลอันล่วงมาแล้วนานไกล พระราชาองค์หนึ่ง ทรงพระนามว่า มฆเทว ครองนครมิถิลา วิเทหรัฐ มีพระราชจริยาเป็นที่นิยมเลื่อมใสของปวงชน จนสามารถกลายมาเป็นประเพณีของราชวงศ์ เพราะอนุชนผู้เกิดภายหลังยึดถือเอาเป็นแบบอย่างในการดำรงชีวิต ทรงรับสั่งกับเจ้าพนักงานกัลบกผู้มีหน้าที่เจริญพระเกศา (ตัดผม) ไว้ว่า เมื่อพบว่าเส้นผมบนพระเศียรเปลี่ยนสี (หงอก) เส้นแรกเมื่อใด จงทูลให้พระองค์ทรงทราบ
ครั้นกาลต่อมา เมื่อช่างกัลบกถอนผมเส้นแรกที่หงอกถวายให้ ทรงทอดพระเนตรผมเปลี่ยนสี ภายใต้เส้นผมคือสมอง ก็พลอยเปลี่ยน ทรงสลดสังเวช ดวงพระทัยกระทบกับอนิจจังลักษณะอย่างรุนแรง เห็นความไม่เที่ยงไม่แน่นอนของชีวิต เห็นความไม่น่าไว้วางใจของความสมบูรณ์พูนสุข ทรงรางวัลแก่กัลบกและประชุมโอรสธิดา รับสั่งเป็นบาทคาถา ซึ่งต่อมาภายหลังมีชื่อว่า คาถาหัวหงอกออกบวช
อุตฺตมงฺครุหา มยฺหํ อิเม ชาตา วโยหรา
ปาตุภูตา เทวภูตา ปพฺพชฺชาสมโย มมํ
“ผมหงอกงอกขึ้นบนหัวของพ่อแล้ว มันนำความหนุ่มของพ่อไป แต่ก็เป็นสิ่งที่นำความสว่างมามอบให้ (เทวทูต) จึงเป็นสมัยที่พ่อจะออกบวช.....”
ถ้าเป็นสมัยนี้ ปัญหาเรื่องหัวหงอก ก็คงจะแก้กันด้วยวิธีหาซื้อยามาย้อม เพราะอะไร ก็เพราะภายใต้เส้นผม (สมอง) ที่เปลี่ยนสียังไม่ยอมเปลี่ยนวิธีคิดนั่นเอง ส่วนพระเจ้ามฆเทว ทรงเปลี่ยนทุกอย่างในชีวิต ถอดถอนพระองค์จากความเป็นผู้ทรนงว่าทรงมีอำนาจ ความเป็นกษัตริย์ ถูกสลัดเปลี่ยนมือ เลิกถือเลิกกุม เพราะผมหงอกเส้นนั้นมันทำให้สะดุ้งวิตกดุจเห็นความตาย มาตีตราเตือนตัวอยู่บนหน้าผาก
ความรู้สึกสำนึกตัว ก่อให้เกิดความเสงี่ยมเจียมใจ ความเสงี่ยมทำให้ลดความอหังการ และเป็นหนทางให้ควบคุมความประพฤติ มิให้ก่อกรรมทำกิจในทางที่จะเกิดความเดือดร้อนแก่เพื่อนร่วมแผ่นดิน ความดีอันใดที่จะเกิดจากกายซึ่งกำลังเสื่อมอยู่ทุกขณะ จะถูกปรารภกระทำ เพราะค่าที่สำนึกเกรงว่าจะสายเกินกาล หัวหงอกแบบพระเจ้ามฆเทว ก่อให้เกิดคุณานุคุณแก่แผ่นดินอย่างมหามหัศจรรย์นักแล
พระจริยาวัตรของมฆเทวราช เป็นที่ประทับใจของอนุราชกษัตริย์ (ผู้สืบวงศ์ดำรงยศต่อมา) กษัตริย์แห่งวงศ์มฆเทวราชเมื่อพบว่า เส้นพระเกศาเส้นแรกบนเศียรหงอกเป็นต้องสละราชสมบัติปลงพยศลดมานะออกบวชทุกพระองค์ จนได้ชื่อว่า “วงศ์บรรพชิต”
สำหรับมฆเทวราชบรมกษัตริย์องค์แรก เมื่อสิ้นชีพก็ทรงอุบัติเป็นพรหม เมื่อทอดพระเนตรดูโลกโดยเฉพาะผู้สืบสายวงศ์กษัตริย์พบว่าทุกพระองค์ยังมั่นคงในการดำรงราชประเพณีสืบต่อกันมาก็ทรงชื่นชม
แม้กษัตริย์ต่อมาเมื่อสิ้นชีพสวรรคตแล้ว ก็อุบัติในสุคติภพพรหมโลก ประชาชนซึ่งตั้งตนตามพระโอวาทของกษัตริย์ ก็ประสบสวรรคสมบัติเมื่อสิ้นชีวิตลง ทำให้เทพยดาทวีจำนวน เมื่อเข้าสู่เทพสภาต่างสนทนาซักถามกันว่า ท่านได้สวรรค์สมบัติเพราะอาศัยใคร ทุกท่านตอบตรงกันว่าอาศัยมฆเทว จึงต่างยอมรับว่ามีอาจารย์เดียวกัน ต่างเทิดทูนยกย่องมฆเทวด้วยอำนาจกตัญญู เพราะต่างก็รู้กันอยู่ทั่วไปว่า พระองค์ทรงชี้ทางสวรรค์ให้แก่ตนๆ
ต่อมา มฆเทวพรหม ทรงจินตนาปริวิตกว่า อนาคตข้างหน้าวงศ์บรรพชิตของพระองค์ จักสืบต่อไปได้สักเพียงไหน ? ทราบด้วยญาณวิสัยว่า ประเพณีจักขาดตอนเมื่อสืบไปถึงกษัตริย์องค์ที่ ๘๓๙๙๘ (หย่อน ๘๔๐๐๐ สององค์) เพราะอัธยาศัยคนจะจืดจางจากความดี เหยียบย่ำประเพณีดูหมิ่นผู้ทรงศีลธรรม ไม่ยอมรับนับถือภูมิปัญญาของนักบวช หันไปนิยมแบบแผนขนบธรรมเนียมของคนนอกลัทธิศาสนา เด็กจักไม่เคารพผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่จักเลิกทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดี หัวหงอกจะเลิกออกบวช แต่จะขวนขวายหาอุบายอำพราง
พรหมไม่อาจวางอุเบกขาตามพรหมวิสัยได้ หวั่นไหวสังเวชเพราะกรุณาทรงสละพรหมสุข ลงปฏิสนธิในครรภ์มเหสีกษัตริย์มิถิลา เพื่อหวังสืบวงศ์กษัตริย์แม้เพียงชั่วรัชสมัยก็ยังดี ได้รับขนานพระนามว่า เนมิกุมาร ก็ทรงรับช่วงเสวยราชสมบัติเป็นกษัตริย์องค์ที่ ๘๓๙๙๙ ทรงดำเนินกุสโลบายขจัดกวาดล้างความคิดเห็นนิยมผิดๆ ของวิตถารชน และส่งเสริมฟื้นฟูวัฒนธรรมประเพณีอีกวาระหนึ่ง ช่วยให้คนมีใจสะอาด มีหิริโอตตัปปะอายชั่วกลัวบาป พระเจ้าพระสงฆ์ซึ่งมีทีท่าว่าจะหมดความหมายค่อยมีราคาขึ้นบ้าง เศรษฐีคหบดีมีใจกว้างด้วยเมตตาการุณย์
อีกวาระหนึ่ง ซึ่งปวงเทพเสพสังสันทนาการรำลึกถึงคุณผู้ยกระดับฐานะแห่งตนๆ ใคร่จะได้เห็นองค์มฆเทวซึ่งอวตารลงบริหาร กลียุคแห่งโลกสันนิวาสในนามว่าเนมิราช พากันวิงวอนท้าวสักกะให้ช่วยนำพาเนมิราชขึ้นมาสู่สวรรค์ เพื่อจะได้โอกาสถวายคารวะด้วยกตัญญู องค์อินทรเทพก็ทรงอนุโลมด้วยโมทนจิต รับสั่งให้มาตลีเทพสารถีนำเวชยันตราราชรถลงไปรับพระเจ้าเนมิราช ณ กรุงมิถิลา
ก่อนจากพิภพมนุษย์สู่เทวโลกทิพยสถาน เนมิราชทรงประสาธน์โอวาทแก่ประชาชน มิให้ประมาท ตลอดเวลาที่ทรงจากไปนี้ ขอให้ทุกคนวางตนเหมือนทารกกำพร้า เสงี่ยมสังวรอย่าระเริงเหลิงสุข ประสบทุกข์แล้วจะเป็นเหมือนเด็กน้อยที่ไม่มีคนปลอบประโลม หมู่ชนที่ขาดผู้นำที่ตั้งอยู่ในศีลธรรมก็ฉันเดียวกัน แต่หากได้ผู้นำที่อสัตย์แล้วไซร้ จะวิบัติรวดเร็วยิ่งกว่าทารกกำพร้าอนาถาเสียอีก
เมื่อมาตลีเทพสารถีชักเทวรถทยานเข้าสู่กรรมวิถีถึงทางสองแพร่ง ไม่แน่ใจว่าเนมิราชจักสมัครพระทัยเสด็จทางใด จึงหันมาทูลถามว่า “ทางหนึ่งไปสู่สถานที่ของคนบาป ส่วนอีกทางหนึ่งไปสู่ถิ่นสำนักของคนใจบุญ ข้าพเจ้าจะนำพระองค์เสด็จทางใดสุดแต่จะโปรด พระเจ้าค่ะ !”
เนมิราชทรงจินตนาว่า เทวโลกเราต้องไปอยู่แล้ว ควรจะถือโอกาสดูแดนนรกเป็นผลพลอยได้ จึงตรัสตอบมาตลีว่า “เราจะดูนรกอันเป็นที่อยู่แห่งเหล่าชนผู้มีกรรมเป็นบาปสถาน ที่อยู่แห่งเหล่าสัตว์มีกรรมหยาบร้ายกาจ แลคติแห่งเหล่าชนผู้มีศีลอันโทษประทุษร้ายแล้ว คือผู้ทำบาปด้วยอำนาจอกุศลกรรมบถ ๑๐ ก่อน”
แม่น้ำ “นรก” เวตรณี
เทพสารถี แสดงแม่น้ำเวตรณี ซึ่งเป็นด่านแรกของเมืองนรก แม่น้ำนรกนี้ข้ามยากเต็มไปด้วยมหาภัยคอยซัดสาดทุกข์โทษอันแสบเผ็ด แก่ผู้ตกไปสู่ห้วงกระแสของมัน ตามสำนวนโวหารของคัมภีร์ ที่ปราชญ์ทางภาษาท่านแปลไว้อ่านแล้วยากที่จะเข้าใจ สำนึกว่าทั้งผู้เขียนและผู้อ่านต่างก็เป็นคนธรรมดา ด้วยกันมิใช่ปราชญ์ จึงขอปรับปรุงภาษาเพื่อให้เกิดภาพพจน์ง่ายๆ ดังนี้
แม่น้ำ “นรก” เวตรณี นอกจากจะมีสายน้ำอันเผ็ดร้อนเป็นพิษเป็นภัยแล้ว ยังเต็มอยู่ด้วยเถาไม้น้ำปกแผ่ไปทั่วแผ่นผิวนที เครือเถาไม้มีหนามงอกออก เห็นแล้วน่าเสียวสยอง ขนาดหนามโตเท่าหอกใบพาย ประกายคมเป็นเปลวเพลิง สัตว์นรกตกไปสู่ห้วงนทีนี้จำนวนมาก กระแสน้ำพัดพาร่างไปกระทบหนามไม้เลื้อยถูกคมหนามกรีดขาดจากกัน เป็นท่อนเป็นตอน และยังมีเปลวไฟแลบรนซ้ำอีก
บางแห่งจะมีหลาวเหล็กโตเท่าลำตาล โผล่จากท้องน้ำลุกโพลง คอยเสียบแทง รับร่างสัตว์นรกที่พากันป่ายปีนเครือเถาเพื่อให้พ้นจากการเผาต้มของน้ำร้อน และตกหล่นลงยังคมหอกดุจปลาที่ถูกเสียบด้วยไม้แหลมแล้วย่างไฟ ต่ำจากดงหลาวเหล็กลงไปมีใบบัวเหล็ก ขอบใบแหลมคมดุจมีดโกน สัตว์ดิ้นรนหล่นจากการถูกทรมานของหลาวหอก แล้วยังต้องตกลงสัมผัสกับคมขอบใบบัว ปรากฏเห็น ดังเฉือนเชือดอวัยวะออกเป็นชิ้นๆ หยาดเลือดพร่างพรูจากร่างส่งกลิ่นคาวคลุ้ง มีแต่ควันและเปลวเพลิงคลุ้มตลบอยู่ชั่วนิจนิรันดร์
เนมิราชพักตร์ซีดด้วยความกลัว รับสั่งถามถึงสาเหตุที่สัตว์นรกต้องมาถูกธรรมชาติ เหนือแม่น้ำเวตรณีลงโทษเช่นนี้นั้นเพราะกระทำอะไรมา สารถีทูลว่า สัตว์เหล่านั้นครั้งที่เป็นมนุษย์ประพฤติ แต่บาปหยาบคาย เบียดเบียนข่มเหงผู้ที่ต่ำต้อยกว่า จ้องหาโอกาสแต่จะเอาเปรียบผู้อื่น ใจของเขาปราศจากเมตตาการุณย์ ไม่เคยเห็นใจใคร
จากนั้นเวชยันตรถก็พาเข้าสู่แดนสัตว์ร้าย เนมิราชทอดพระเนตรเห็น ตรัสถามอีก ฝูงหมา มีทั้งด่าง แดง ฝูงนกร้าย มีทั้งแร้งแลกามากมาย มีรูปลักษณะน่ากลัวนัก สีหน้าอาการแสดงความดุร้ายคุกคามอยู่ตลอดเวลา สัตว์เหล่านี้กำลังพากันเคี้ยวและจิกทึ้งสัตว์นรกอยู่ นั่น (สัตว์นรก) เขาทำบาปอันใด ?
ทูลว่า พวกนี้เห็นแก่ตัวอย่างร้ายกาจ มิเคยเอื้อเอ็นดูใคร ด่าว่าแม้กระทั่งสมณะ เบียดเบียนผู้ทรงศีลทรงธรรม คุกคามผู้มีปกติไม่เป็นพิษเป็นภัยต่อใครๆ คือพระเจ้า พระสงฆ์ ถูกเปรียบเปรยด้วยคารมและกระทบกระแทก ด้วยกรรมอันทารุณ เขาพากันเสวยผลบาป ถูกแร้งกาและหมู่หมานรกเคี้ยวกิน น่าอนาถกรรมของสัตว์
อีกแห่งหนึ่ง ที่เวชยันตรถผ่านไปถึงพื้นที่ สัตว์เหยียบยืนและย่างเดิน เป็นแผ่นเหล็กลุกรุ่งด้วยเปลวร้อน มีนายนิรยบาลควบคุมบังคับต้อนให้ฝูงสัตว์ผ่านไป จะหลีกเลี่ยงก็ไม่ได้ เพราะถูกนายนิรยบาลเอาท่อนเหล็กเคาะแข้งและหวดโบยอย่างไม่ปรานี สัตว์เหล่านี้เมื่อเป็นมนุษย์ชอบทรมานสัตว์ ทั้งเล็กและใหญ่ ด้วยเห็นเป็นความสนุกหาความสุข บนความทุกข์ของผู้อื่น จึงต้องเดินบนแผ่นเหล็กแดง ทุรกันดารเหลือ ใครก็ช่วยเขาไม่ได้ เขาทำของเขาเอง
สัตว์นรกร่ำไห้ มีกรัชกายไหม้เกรียมด้วยพิษเพลิง เสียงครวญครางราวกะพายุสะบัดพัดป่า สัตว์พวกนี้ขี้โกงเป็นหนี้แล้วหาทางหลีกเลี่ยง โกงเพื่อนได้ก็ชอบใจชมตัวเองว่าฉลาด ฉ้อราษฎร์บังหลวงเป็นหนี้ประชาชน บ้างก็เรี่ยรายทรัพย์เพื่อบุญกุศล แต่ยักยอกเสพสุขส่วนตน อนาถนัก
หม้อเหล็กใหญ่ ลุกโพลงด้วยไฟแสนร้อน สัตว์นรกบางจำพวกถูกจับโยนใส่ ถูกต้ม ถูกเคี่ยว ชั่วกาลนาน เพราะบาปเบียดเบียนประทุษร้ายสมณพราหมณ์ผู้มีศีล จึงตกโลหกุมภี นายนิรยบาลผูกคอสัตว์นรกด้วยโซ่เหล็กแดง กดคอให้หน้าก้ม รั้งดึงเส้นโซ่ทรมานแล้วสับคอด้วยมีดใหญ่โยนใส่กะทะทองแดง พวกนี้เป็นพรานนิยมการฆ่าว่าเป็นกีฬา จนแทบจะทำให้สัตว์ป่าสูญพันธุ์ แม้วิหคปักษาจะบินหลบภัยมาอาศัยร่มไม้ในอาราม ก็หาพ้นจากพวกพรานใจบาปเหล่านี้ไม่ สมแล้ว
แม่น้ำแห่งนี้น่ารื่นรมย์นัก มีท่าสะอาดขึ้นลงสะดวกมองเห็นสายน้ำฉ่ำชื่นปริ่มฝั่ง ผู้สัญจรจากถิ่นไกลเห็นแล้วน่าโผลงดื่มอาบระงับร้อน สัตว์นรกพวกนี้ถูกต้อนให้เดินฝ่าแดนเพลิงมาไกลแสนไกล พอถึงฝั่งน้ำก็ตะลีตะลานโผลงดับร้อน แต่ก็กลายเป็นล้มตัวลงคลุกฝุ่นทรายอันระอุ ที่ตั้งใจดื่มน้ำที่กอบด้วยฝ่ามือก็กลายเป็นแกลบกลืนไม่ลง ผิดหวัง พวกนี้มีอาชีพไม่บริสุทธิ์หากินทางหลอกลวง เอาฝุ่นทรายและแกลบปนลงในข้าวเปลือก ด้วยตั้งใจจะเอากำไรมากๆ เขาถูกคิดบัญชีในนรก ฯลฯ
สัตว์บางพวกถูกนายนิรยบาลตัดเฉือนร่างออกเป็นชิ้นๆ บางจำพวกดื่มกินมูตร (เยี่ยว) คูถ (ขี้) เคี้ยวกินบุพโพ (น้ำเหลือง) โลหิต (เลือด) บางพวกถูกจับแผ่ลงยังพื้น แล้วเอาขออันคมสับดึงลากทรมาน บางพวกถูกเบ็ดเกี่ยวลิ้นดึงเข้าๆ ออกๆ มีน้ำลายไหลเยิ้ม ฯลฯ
เปล่าเลย นายนิรยบาลมิได้ทำเล่นตามอำเภอใจ แต่ได้รับการยินยอมจากความเลวของเขาเอง
เทพประชุม
ในคัมภีร์ได้ประมวลภาพแลเหตุการณ์ในนรกมากล่าวไว้ว่าด้วยนิรยาบาย ยังมีรายละเอียดพิสดารมาก ว่าแดนอบายนิรยภพ เป็นแดน เป็นภพ สำหรับรองรับสนองผลอันแสบเผ็ดแก่สัตว์ผู้ประมาท ประกอบกรรม บาปทุจริต ในสมัยเป็นมนุษย์ซึ่งไม่เลือกว่าเขาจะเป็นคนชั้นไหน ยากดีมีจน สูงศักดิ์ หรือน้อยวาสนา ผู้ยิ่งใหญ่ที่ทรงอำนาจหรือไพร่ หากทำความชั่วแล้วเสมอกันในนรก
จากนั้นเนมิราชก็ถูกนำไปสู่เทวโลก พลางชมสมบัติเมืองสวรรค์ ท่านพรรณนาไว้ มีทั้งเทพบุตรเทพธิดา ทำให้จิตใจซึ่งสลดหดหู่มาตลอดเวลาที่ผ่านเรื่องเมืองนรก ค่อยแช่มชื่นขึ้น สรรพสิ่งบำเรอสุขที่ปรากฏอยู่ในมนุษย์ประการใดๆ ถูกประมวลพรรณนาไว้อย่างไม่บกพร่อง ซ้ำยังวิจิตรประณีตกว่าสมบัติมนุษย์ เทพบุตรเทพธิดาแต่ละตนล้วนแต่มีอดีตอันดีงามมาด้วยวิธีต่างๆ กันไป ทิพยสมบัติก็หยาบและประณีตผิดแผกกันไปตามเหตุ เช่น เทวธิดา ชื่อวารุณี มีวิมานปราสาท ๕ ยอด ล้วนแล้วไปด้วยแก้วอลงกรณ์งามบวรเกินเปรียบ ในอดีตนางมีความเลื่อมใสในพระสงฆ์ ผู้ทรงศีลาจารวัตร มีคุณสมบัติของอุบาสิกาสมบูรณ์ เทพบุตร ชื่อโสณทินนะฯ มีวิมานทองถึง ๗ องค์ อดีตกาลเขาผู้นี้สร้างวิหารถวายอุทิศต่อบรรพชิต และมีปกติบริจาคทานเนืองๆ รักษาอุโบสถศีลทุกวันอุโบสถ หากจะประยุกต์ตามกาลสมัย ก็ได้แก่ทำประโยชน์แก่สังคม
สวรรค์แดนแห่งความสุข ทวยเทพต่างตื่นเต้นต้อนรับเนมิราชกษัตริย์ แห่งมิถิลานคร แม้ท้าวสักกะจอมสวรรค์ก็ตรัสเชื้อเชิญ มอบดาวดึงส์ให้เป็นสิทธิ์ ขอพระองค์เสด็จอยู่ในหมู่เทพเจ้าผู้สำเร็จด้วยทิพยกามทั้งมวล เสวยทิพยกามารมณ์ในหมู่เทพยดาชาวดาวดึงส์ เนมิราช ทรงตอบรับไมตรีของจอมเทพด้วยบาทคาถาที่น่าฟัง ขอยกมาแสดงไว้ด้วย ฯลฯ
“สิ่งอันใดได้มาเพราะผู้อื่นให้ สิ่งนั้นสมบูรณ์เหมือนยืมยานพาหนะเขาใช้ หรือทรัพย์ที่ได้ด้วยการหยิบยืมผู้อื่น หม่อมฉันไม่ปรารถนาสมบัติที่ผู้อื่นให้ สมบัติของหม่อมฉันควรจะเกิดจากบุญซึ่งหม่อมฉันได้ลงมือกระทำเอง จึงควรอิ่มใจในสิทธิแห่งทรัพย์นั้น หม่อมฉันจักกลับไปบำเพ็ญกุศลให้มาก ร่วมกับเพื่อนมนุษย์ ด้วยการบริจาคทาน ประพฤติสม่ำเสมอด้วยไตรทวาร อันฝึกแล้วด้วยศีล และฝึกอินทรีย์ ซึ่งจะเป็นบ่อเกิดแห่งความสุข และไม่ตามเดือดร้อนหวั่นไหวภายหลัง”
การเสด็จสู่นรก – สวรรค์ ของเนมิราช เป็นผลดีแก่มวลมนุษย์ในยุคนั้นสมัยนั้นยิ่งนัก เพราะพระองค์ได้นำออกเป็นเนื้อหาแห่งพระโอวาท ประกาศเตือนสอนสั่งประชาชนให้ตั้งตนอยู่ในศีลธรรม ความดีแม้จะทำยากลำบากเพียงใด ก็ควรมีความอดทน ไม่ละทิ้ง ประกอบไปจนกว่าจะสำเร็จ ส่วนความเลวแม้จะสนุกสนานบานชื่นอย่างไรขณะทำ ก็พึงสังวรอย่าผ่อนตาม เพราะปลายทางของมันเสมือนยาพิษที่มีรสหวาน ฉะนั้นเมื่อสรุปพระโอวาทเนมิราช ก็มีความดังนี้
สัตว์ทั้งปวงตั้งอยู่ในอธรรมก็ตกนรกเบื้องต่ำ สัตว์ทั้งปวงย่อมหมดจดพิเศษเพราะประพฤติธรรมสูงสุด ความดีกับความชั่ว หามีผลเสมอเหมือนกันไม่ ความชั่ว (อธรรม) นำไปนรก ส่วนความดี (ธรรม) ส่งไปสวรรค์
มวลมนุษย์ยุคนั้น พากันมอบทิฐิ (ความเห็น) ศรัทธา (ความเชื่อ) ไว้ในพระโอวาทของเนมิราช บรมกษัตริย์แห่งวงศ์บรรพชิต จรรยามนุษย์ อันเป็นบาปทุจริตใดๆ ไม่มีปรากฏเป็นมลทินแก่โลกสันนิวาส นับว่าโลก ถูกนำดำเนินโดยการประคองของพระ เกิดสันติสุข สันติภาพ อันเป็นยอดปรารถนาของสังคม เนมิราช ทรงนำโลกด้วยธรรมอยู่ชั่วระยะหนึ่ง จากนั้นเมื่อเส้นพระเกศาบนเศียรหงอก ก็ทรงปลงภาระหลีกจากฆราวาสวิสัยเข้าสู่ไพรพฤกษ์ ประพฤติพรหมจรรย์ มีความวิเวกเป็นสหายที่สนิท กษัตริย์องค์ที่ ๘๔๐๐๐ มิได้ดำเนินตามรอยบาทของราชบรรพบุรุษจึงสิ้นสุดวงศ์สมณะแต่เพียงนั้น
โลกก็เริ่มวุ่นวายด้วยความฉลาดแกมโกงของมวลมนุษย์ ของเก่า ธรรมเก่า แบบแผนธรรมเนียมเดิม ถูกกล่าวหาว่าคร่ำครึ มนุษย์ที่สำคัญตัวเองว่าฉลาดก็พากันรื้อถอนโค่นล้าง ทำลายให้เสื่อมและสูญ แม้กระทั่งความเชื่อที่เคยมอบไว้กับนรก – สวรรค์มาชั่วกาลนานก็พลอยพินาศ จึงมีหิริโอตตัปปะ ความชั่วกลัวบาปกันเฉพาะในที่แจ้งเท่านั้น อนิจจา !
(ถอดความจากมหานิบาตชาดก ส.อ.ส.)
.......................... เอวัง ..........................
โพสโดยคุณamai ลานธรรมจักร
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=687 (http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=687)
หัวข้อ:
Re: พิภพมัจจุราช (พญายมราชเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย:
sithiphong
ที่
สิงหาคม 03, 2010, 06:54:07 pm
การไต่สวนของพญายมราชและหน้าที่ของพญายม
คตินิยมทางพระพุทธศาสนาที่ปรากฏในไตรภูมิพระร่วง และตามเรื่องราวของพระมาลัยเถระนั้น กล่าวเอาไว้อย่างชัดเจนว่าองค์พญายมราชนี้เป็นเทวดาชั้นผู้ใหญ่ที่มีคุณธรรมและมีจิตใจเมตตาเป็นอย่างยิ่ง มิได้เป็นภูตผีปีศาจแต่อย่างใด หากแต่พระองค์ทรงรับหน้าที่ในการปกครองดินแดนนรก ดินแดนแห่งการลงทัณฑ์มีหน้าที่ไต่สวนดวงวิญญาณต่างๆ ที่จำบุญบาปของตนไม่ได้
สำหรับการไต่สวนดวงจิตวิญญาณเพื่อตัดสินความนั้น พญายมจะตั้งคำถาม 5 ข้อ ให้ดวงวิญญาณตอบโดยมีรายละเอียดดังนี้
ข้อที่ ๑.พญายมราชจำทำการไต่ถามถึงปัญหาข้อที่ว่า “ดูกรท่านผู้เจริญ ท่านเคยเห็นเด็กแดงๆ ยังอ่อนนอนแบเบาะ นอนเปื้อนมูตรคูถของตนบ้างไหม เห็นแล้วรู้สึกอย่างไร?” ถ้าตอบว่าเห็น แต่ไม่มีความรู้สึกอย่างไร พญายมราชก็จะบอกให้ทราบว่าเจ้าเป็นผู้มีความประมาท ไม่กระทำความดีทางกาย วาจา ใจ ไม่เคยคิดเลยว่าการเกิดมานั้นเป็นทุกข์ ดังที่เห็นอยู่เมื่อท่านประมาทเช่นนี้นายนิรยะบาลจะทำการลงโทษท่าน แล้วพญายมราชก็ปลอบใจผู้กระทำบาปเหล่านี้ โดยถามเป็นปัญหาที่สองเพื่อว่าดวงวิญญาณนั้นๆ อาจคิดถึงบุญได้ยามเมื่อฟังปัญหาต่อไป
ข้อที่ ๒. เมื่อพญายมราชได้ปลอบโยนเอาอกเอาใจแล้วก็ได้ถามปัญหาข้อที่๒ว่า ”ดูกรท่านผู้เจริญ ท่านเคยเห็นคนแก่อายุ ๘0,๗0,๑00 ปี หลังโก่ง คดงอ ถือไม้เท้า เดินงกเงิ่น ผมหงอก หนังเหี่ยว ตกกระ ในหมู่มนุษย์บ้างไหม เห็นแล้วท่านรู้สึกอย่างไร?” ถ้าตอบว่าเห็นแต่ไม่มีความรู้สึกอย่างไร พญายมราชก็กล่าวชี้แจงให้ทราบว่าท่านเป็นผู้ประมาท ไม่พิจารณาเห็นโทษของความแก่ ไม่ขวนขวายในการทำบุญทำกุศล ตั้งอยู่ในความประมาทนายนิรยบาลจะลงโทษท่านต่อจากนั้นพญายมราชก็จะพูดปลอบใจ และถามปัญหาต่อไป
ข้อที่ ๓. พญายมราชจะถามว่า “ท่านเคยเห็นคนป่วยไข้ที่กำลังได้รับความทุกข์เวทนาบ้างหรือไม่ เมื่อเห็นแล้วรู้สึกอย่างไร?” ถ้าตอบว่าเห็น แต่ไม่รู้สึกอย่างไร พญายมก็จะชี้แจงให้ทราบถึงเหตุผลว่าการเจ็บป่วยนั้นเป็นทุกข์ที่ไม่สามารถจะหลีกเลี่ยงได้ จะต้องขวนขวายในการกระทำความดียิ่งๆขึ้น เพื่อให้พ้นจากสิ่งเหล้านี้ ท่านได้ชื่อว่าเป็นผู้ประมาทนายนิรยบาลจะลงโทษท่าน พญายมราชจะพูดปลอบอกปลอบใจและถามปัญหาข้อที่ ๔ ต่อไป
ข้อที่ ๔.พญายมราชได้ภามปัญหาด้วยจิตเมตตาต่อไปว่า “ท่านเคยเห็นคนที่ถูกจองจำ เช่น โจร ผู้ร้าย ผู้กระทำผิด ซึ่งถูกลงโทษด้วยวิธีต่างๆ เช่น การโบยด้วยแส้ โบยด้วยหวาย ตีด้วยกระบอง ตัดมือบ้าง ตัดเท้าบ้าง ตัดหูตัดจมูกบ้าง ตลอดจนยิงเป้า แขวนคอ นั่งเก้าอี้ไฟฟ้า หรือการฉีดยาพิษเข้าสู้ร่างกายเพื่อให้เสียชีวิตบ้างหรือไม่ เห็นแล้วรู้สึกอย่างไร?” ถ้าตอบว่าเห็น แต่ไม่รู้สึกอย่างไร พญายมราชจะชี้แจงให้ทราบว่าท่านเป็นผู้ตกอยู่ในความประมาท ไม่ขวนขวายในการทำบุญทำกุศล เพื่อให้พ้นจากวัฏสงสารเหล่านี้ นายนิรยบาลจะลงโทษท่านพญายมก็พูดปลอบโยนเอาอกเอาใจและถามปัญหาในข้อต่อไป
ข้อที่ ๕.พญายามราชก็จะถามปัญหาว่า “ท่านเคยเห็นคนตายบ้างหรือไม่ เห็นแล้วรู้สึกอย่างไร” ถ้ายังตอบเหมือนเดิมอีก คือเห็นแล้วไม่มีความรู้สึกอย่างไร และไม่ได้ขวนขวายในการที่จะกระทำคุณงามความดียิ่งๆขึ้น ก็ได้ชื่อว่าเป็นผู้ตกอยู่ในความประมาท ซึ่งไม่ใช่ความผิดของบิดามารดา ญาติพี่น้อง มิตรสหายหรือเทวดาดลใจแต่เห็นความผิดของท่านเอง นายนิรยบาลจะลงโทษท่าน เมื่อพญายมราชได้พูดปลอบใจแล้ว นายนิรยบาลก็จะจับผู้ประมาทนั้นมาจองจำ๕ ประการด้วยกัน คือ นำมือข้างที่ ๑ มาตรึงด้วยตะปูด้วยเหล็กแดง นำมือข้างที่ ๒ มาตรึงด้วยตะปูเหล็กแดง น้ำเท้าข้างที่ ๑ มาตรึงด้วยตะปูเหล็กแดง นำเท้าข้างที่ ๒ มาตรึงด้วยตะปูเหล็กแดง และตรึงตะปูที่ทรวงอกตรงกลางสัตว์เหล่านั้นย่อมเสวยทุกขเวทนาอย่างแรงกล้าอยู่ในนรก แต่ก็ยังไม่ตายตราบเท่าที่บาปกรรมยังไม่หมดสิ้น
ในการถามปัญหา ๕ ข้อนี้ ท่านจะคอยถามว่า ยามเมื่อมีชีวิตอยู่นั้นได้ทำบุญทำบาปอะไรไว้บ้าง นอกจากนี้ยังถามว่าเคยเห็นเด็กทารกที่นอนจมกองอาจมหรือไม่ เมื่อเห็นแล้วเคยรู้สึกสังเวชในการเกิดการเป็นการอยู่ เคยตรึงตรองถึงธรรมการเกิดขึ้นของมนุษย์หรือไม่ ต่อจากนั้นพญายมราชก็จะซักถามต่อไปอีกว่า เคยเห็นคนเจ็บป่วยไม่สบายหรือไม่เห็นแล้วรู้สึกอย่างไร สังเวชในธรรมของการเป็นการอยู่ของมนุษย์เราหรือไม่ เป็นคติเตือนใจเราเองได้หรือไม่ แล้วถามอีกว่าเคยเห็นคนแก่ชราหรือไม่ เมื่อเห็นแล้วเคยน้อยกลับมาดูตัวเองหรือไม่ว่าเราเองต้องแก่เหมือนกัน และไม่อาจหลีกเลี่ยงไปได้ เคยได้ตรึกตรองในสัจธรรมความจริงข้อนี้หรือไม่ สุดท้ายก็ถามย้ำอีกว่า แล้วเคยเห็นคนตายไหม เคยคิดหรือไม่ว่าตัวเราเองหรือไม่ว่าตัวเองต้องแก่ชราเช่นนั้นเหมือนกันไม่ว่าวันใดก็วันหนึ่งเคยนึกได้เช่นนี้บ้างไหม
การที่ท่านถามนี้ก็เพื่อว่าบุคคลใดก็ตามที่เคยเห็นแล้วพิจารณานึกได้ เกิดความสังเวชในชีวิตบ้าง นับว่าบุคคลนั้นยังมีจิตใจเป็นบุญกุศลยังมีจิตใจเป็นบุญเป็นกุศล เพราะจิตเคยเข้าสู่การพิจารณาสังเวชในธรรมเป็นไปตามที่พระองค์ท่านให้พิจารณา จิตที่พิจารณาถึงธรรมสังเวชเห็นความเกิด แก่ เจ็บ ตายได้ นับว่าบุคคลผู้นั้นมีปัญญาและมีจิตระเอียดอ่อน การที่จิตตกอยู่ในธรรมสังเวชนั้นแล จะเป็นบุญแก่จิตรของบุคคลผู้นั้นและนับเป็นบุญมหาสารได้ หากขณะที่องค์พญายมราชไต่สวนเราหมดแล้ว ยังไม่อาจระลึกในสิ่งที่เป็นบุญกุศลได้เลย แน่นอนว่าย่อมมีทุคติภูมิหรือนรกเป็นที่ไป
ก่อนที่พญายมราชจะส่งดวงวิญญาณทั้งหลายไปลงนรกนั้น พระองค์จะไต่สวนให้เที่ยงธรรมเสียก่อนว่า ดวงวิญญาณทั้งหลายนั้นเคยทำบุญกุศลอะไรบ้างหรือไม่ หากเคยทำบุญกุศลบ้างพระองค์จะได้ไปส่งไปยังสุคติ แต่หากดวงวิญญาณทั้งหลายเหล่านั้นไม่สามารถระลึกถึงกุศลได้เลย ก็แน่นอนว่าย่อมถูกส่งไปยังนรกชั้นต่างๆตามโทษทัณฑ์ที่ดวงวิญญาณนั้นจะได้รับอย่างสาสม
หากผู้ใดได้ประกอบกุศลกรรมอยู่เป็นนิจ ในดวงจิตก็จะมีความสำนึกในกุศลกรรมนั้น เมื่อถึงวันที่ต้องอยู่ต่อหน้าพระพักตร์ของพญายมราช ยามที่ได้ยินคำถามของท่านก็จะสามารถระลึกถึงจิตอันเป็นกุศลของตนได้และยอมได้ไปสู่สุคติภพในที่สุด
ที่มา : ไตรภูมิพระร่วง
ที่มา เว็บบอร์ด พลังจิต ดอทคอมการไต่สวนของพญายมราชและหน้าที่ของพญายม-89575.html
หัวข้อ:
Re: พิภพมัจจุราช (พญายมราชเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย:
Plusz
ที่
สิงหาคม 03, 2010, 07:09:42 pm
ขอบคุณค่ะ + งง นิด ๆ :44:
หัวข้อ:
Re: พิภพมัจจุราช (พญายมราชเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย:
sithiphong
ที่
สิงหาคม 03, 2010, 07:27:22 pm
อ้างจาก: ♥ MusicZ ™ ที่ สิงหาคม 03, 2010, 07:09:42 pm
ขอบคุณค่ะ + งง นิด ๆ :44:
ถามมาได้นะครับ
หากทราบ จะตอบให้ครับ
หากไม่ทราบ จะไปสอบถามผู้รู้ให้เช่นกันครับ
.
หัวข้อ:
Re: พิภพมัจจุราช (พญายมราชเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย:
ฐิตา
ที่
สิงหาคม 03, 2010, 09:46:56 pm
:13: ได้เคยอ่านที่คุณหนุ่มนำมาลงไว้แล้ว..
ขอบพระคุณสำหรับการแบ่งปันข้อมูลดีๆนะคะ...
หัวข้อ:
Re: พิภพมัจจุราช (พญายมราชเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย:
กระตุกหางแมว
ที่
สิงหาคม 04, 2010, 12:23:46 am
ขอบคุณครับพี่หนุ่ม
เวลาผมโดนถามผมจะได้ตอบถูก
ผมอยากไปสู่สุขคติ ไม่ใช่ไปนรก
(ใครบ้างอยากไป เหอๆ) :yoyo020:
หัวข้อ:
Re: พิภพมัจจุราช (พญายมราชเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย:
แก้วจ๋าหน้าร้อน
ที่
สิงหาคม 04, 2010, 01:16:47 am
:13: อนุโมทนาครับ ขอบคุณครับพี่หนุ่ม
หัวข้อ:
Re: พิภพมัจจุราช (พญายมราชเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย:
sithiphong
ที่
สิงหาคม 04, 2010, 11:24:41 am
จะให้เรื่องของการกรวดน้ำ และการอุทิศบุญ
ในกรณีของการกรวดน้ำ และอุทิศบุญนั้น จิตของเรายังไม่ได้รับการฝึกฝน(การปฎิบัติสมาธิภาวนา) มาอย่างดี ดังนั้น ในการอุทิศบุญ เราจะส่งบุญไปได้ไม่ไกล
วิธีการของพี่ก็คือ
การอัญเชิญพระแม่ธรณี มาร่วมในการโมทนาบุญที่เราทำ แล้วเราก็ขอความเมตตาจากพระแม่ธรณี ให้นำบุญที่เราทำ ไปน้อมถวาย หรือ ถวาย หรืออุทิศ ซึ่งจะลงไว้ในโพสต่อไป
เสร็จแล้วเราก็นำน้ำที่เราได้กรวด ไปเทที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ เพียงเท่านี้ครับ
.
หัวข้อ:
Re: พิภพมัจจุราช (พญายมราชเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย:
sithiphong
ที่
สิงหาคม 04, 2010, 11:28:54 am
วันนี้ข้าพเจ้า,ภรรยา และครอบครัว ได้...........
ขออาราธนาพระบารมีพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ ,พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ , คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรทั้งหมด ,พระอรหันต์ทุกๆพระองค์,พระมหาโพธิสัตว์และพระโพธิสัตว์ทุกๆพระองค์ ,คุณพระศรีรัตนตรัย ขอให้ คุณบิดา มารดา และทั้ง ๑๖ ชั้นฟ้า ๑๕ ชั้นดิน ผู้มีพระคุณ ญาติกาครูอุปัชฌาย์อาจารย์ ญาติสี่สกุลเจ็ดชั่วโคตรของข้าพเจ้า เจ้ากรรมนายเวร ปู่ ย่า ตา ยาย เทวดาประจำตัวข้าพเจ้า ,เทวดาประจำองค์พระพิมพ์ทุกองค์ ,พระบารมีพระมหากษัตริย์ทุกๆพระองค์ ,พระบารมีสมเด็จพระนเรศวรมหาราช,พระบารมีสมเด็จพระเอกาทศรถ,พระบารมีสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช, พระบารมีพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ,พระบารมีพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้า ,พระบารมีพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบารมีกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท ,พระยาพิชัยดาบหัก ,พระบารมีกรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ ,พระบารมีกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ,พระบารมีพระสยามเทวาธิราช ,พระภูมิ-เจ้าที่ที่บ้านข้าพเจ้า ,แม่ย่านางรถของข้าพเจ้า,ผู้ที่เสียสละให้กับแผ่นดินไทยทุกท่าน ,องค์ผู้อธิษฐานจิตพระพิมพ์ที่ข้าพเจ้ามีอยู่ทุกพระองค์ ,เทวดาผู้รักษา , เจ้าของและผู้สร้างพระพิมพ์หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร-พระพิมพ์สมเด็จเจ้าคุณกรมท่าทุกท่าน-พระพิมพ์ของวังหน้า,พระกรุวัดพระแก้วและวัตถุมงคลหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรทุกประเภทที่ข้าพเจ้ามีอยู่ ทุกท่าน, เพื่อนสนิทมิตรสหายทั้งหลาย เพื่อนสาราสัตว์น้อยใหญ่ เจ้ากรุงพาลี แม่พระธรณี แม่พระคงคา พระเพลิง พระพาย แม่พระโพสพ แม่นางกวัก พระภูมิ-เจ้าที่ ที่บ้านข้าพเจ้า ที่บ้านคุณพ่อ-คุณแม่ข้าพเจ้า ที่บ้านที่ข้าพเจ้าเคยอยู่ทุกๆที่ ที่ทำงานของข้าพเจ้า พระมหาฤาษีและพระฤาษีทุกๆตน พระพิรุณ พยายมราช นายนิริยบาล ทั้งท้าวจตุโลกะบาลทั้งสี่ ศิริพุทธอำมาตย์ ชั้นจาตุมะหาราชิกาเบื้องบนจนถึงที่สุด พรหมาเบื้องต่ำตั้งแต่มนุษย์โลก โดยรอบสุดขอบจักรวาลอนันตะจักรวาล และเทพยดาทั้งหลายตลอดทั้งอินทร์ พรหม ยม ยักษ์ คนธรรพ์ นาคา ขอให้มาอนุโมทนาในบุญกุศลที่ข้าพเจ้าได้ทำในครั้งนี้ด้วยเทอญ
อิมินาปุญญะกัมเมนะ ด้วยเดชะผลบุญแห่งข้าพเจ้า,ภรรยา และครอบครัว ได้ .............................. ขอน้อมถวายบุญกุศลแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ ,พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ ,คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรทั้งหมด ,พระอรหันต์ทุกๆพระองค์ ,พระมหาโพธิสัตว์และพระโพธิสัตว์ทุกๆพระองค์ ,คุณพระศรีรัตนตรัย
ขอถวายบุญกุศลแด่คุณบิดา มารดา ,องค์ผู้อธิษฐานจิตพระพิมพ์ที่ข้าพเจ้ามีอยู่ทุกพระองค์ , เทวดาผู้รักษา , เจ้าของและผู้สร้างพระพิมพ์หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร-พระพิมพ์สมเด็จเจ้าคุณกรมท่าทุกท่าน-พระพิมพ์ของวังหน้า,พระกรุวัดพระแก้วและวัตถุมงคลหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรทุกประเภทที่ข้าพเจ้ามีอยู่ ,ตัวข้าพเจ้าและทั้ง ๑๖ ชั้นฟ้า ๑๕ ชั้นดิน ผู้มีพระคุณ ญาติกาครูอุปัชฌาย์อาจารย์ ญาติสี่สกุลเจ็ดชั่วโคตรของข้าพเจ้า เจ้ากรรมนายเวร ปู่ ย่า ตา ยาย เทวดาประจำตัวข้าพเจ้า ,เทวดาประจำองค์พระพิมพ์ทุกองค์ ,พระมหากษัตริย์ทุกๆพระองค์ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช,สมเด็จพระเอกาทศรถ,สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช, พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ,พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้า ,พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท ,พระยาพิชัยดาบหัก ,กรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ ,กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ,พระสยามเทวาธิราช
ขอถวายบุญกุศลแด่พระภูมิ-เจ้าที่ที่บ้านข้าพเจ้า ,แม่ย่านางรถของข้าพเจ้า,ผู้ที่เสียสละให้กับแผ่นดินไทยทุกท่าน , เพื่อนสนิทมิตรสหายทั้งหลาย เพื่อนสาราสัตว์น้อยใหญ่ เจ้ากรุงพาลี แม่พระธรณี แม่พระคงคา พระเพลิง พระพาย แม่พระโพสพ แม่นางกวัก พระภูมิ-เจ้าที่ที่บ้านข้าพเจ้า ที่บ้านคุณพ่อ-คุณแม่ข้าพเจ้า ที่บ้านที่ข้าพเจ้าเคยอยู่ทุกๆที่ ที่ทำงานของข้าพเจ้า พระมหาฤาษีและพระฤาษีทุกๆตน พระพิรุณ พยายมราช นายนิริยบาล ทั้งท้าวจตุโลกะบาลทั้งสี่ ศิริพุทธอำมาตย์ ชั้นจาตุมะหาราชิกาเบื้องบนจนถึงที่สุด พรหมาเบื้องต่ำ และเทพยดาทั้งหลายตลอดทั้งอินทร์ พรหม ยม ยักษ์ คนธรรพ์ นาคา
ขออุทิศส่วนบุญกุศล ตั้งแต่อเวจีขึ้นมาจนถึงมนุษย์โลก โดยรอบสุดขอบจักรวาลอนันตะจักรวาล ท่านทั้งหลายที่ต้องทุกข์ ขอให้พ้นจากทุกข์ ท่านทั้งหลายที่ท่านได้สุข ขอให้สุขยิ่งๆขึ้นไป
ด้วยเดชะผลบุญแห่งข้าพเจ้าน้อมถวาย ,ถวายและอุทิศไปให้นี้ จงเป็นอุปนิสัยปัจจัยให้ถึงพระนิพพานในปัจจุบันและอนาคตเบื้องหน้าอันใกล้นี้ด้วยเทอญ ฯ
ด้วยเดชะบุญแห่งข้าพเจ้าน้อมถวาย ,ถวายและอุทิศนี้ไปให้ทุกๆพระองค์ ,ทุกๆองค์ ,ทุกๆท่าน “....ให้อธิษฐาน.......” จนกว่าข้าพเจ้าจะเข้าสู่พระนิพพานด้วยเทอญ
พุทธังอนันตัง ธัมมังจักรวาลัง สังฆังนิพพานัง ปัจจโยโหนตุ
หัวข้อ:
Re: พิภพมัจจุราช (พญายมราชเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย:
sithiphong
ที่
สิงหาคม 04, 2010, 11:37:33 am
ในคำกรวดน้ำ
สามารถปรับเปลี่ยนแปลง องค์ที่เราเคารพบูชา เข้าไปแทน รายชื่อในคำกรวดน้ำได้นะครับ
.
หัวข้อ:
Re: พิภพมัจจุราช (พญายมราชเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย:
sithiphong
ที่
มีนาคม 23, 2014, 07:44:31 pm
คนที่เคยมีตำแหน่งใหญ่ที่สุดในหน่วยงานที่ใหญ่
ปัจจุบัน คนนี้ตายแล้ว ไปอยู่อาศัยในนรก
ต่อให้ใหญ่แค่ไหน มีลูกน้องมากมาย แต่ถ้าทำชั่ว ต้องไปนรกเท่านั้น
ถ้ายิ่งมีตำแหน่งใหญ่แค่ไหน ใช้ตำแหน่ง ใช้อำนาจ เพื่อสร้างประโยชน์ให้ตัวเอง กรรมที่ได้กระทำลงไปมากขึ้นตามประโยชน์ทีาตนเองได้รับมา เป็นผลให้ไปอยู่นรกนานขึ้น
หัวข้อ:
Re: พิภพมัจจุราช (พญายมราชเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย:
sithiphong
ที่
เมษายน 05, 2014, 10:26:46 am
การพิจารณาโทษของพระยายม
-http://board.palungjit.com/f23/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%93%E0%B8%B2%E0%B9%82%E0%B8%97%E0%B8%A9%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%A1-408764.html#post7202393
-
หลวงพ่อเล่าเรื่อง...การพิจารณาโทษของพระยายม
โพสต์ในเว็บ พลังจิต เว็บ พระพุทธศาสนา ธรรมะ พระไตรปิฎก ลึกลับ อภิญญา วิทยาศาสตร์ทางจิต Buddhism Buddhist
"........ท่านสาธุชนพุทธบริษัททั้งหลาย และพระคุณเจ้าที่เคารพ เมื่อวันพุธก่อน กระผมได้นำท่านพุทธศาสนิกชนและบรรดาพระคุณเจ้าที่เคารพ ไปนั่งพักอยู่ที่ สำนักของพระยายม แล้วก็กำลังนั่งที่เก้าอี้แก้วมณี
อันนี้บรรดาญาติโยมพุทธบริษัทและพระคุณเจ้าอาจจะสงสัยว่า "สำนักของพระยายม" สำนักนี้ ถ้าเราอ่านตามหนังสือไตรภูมิจะรู้สึกว่า เป็นสำนักที่เต็มไปด้วยความโหดร้ายทารุณ มีแต่บุคคลที่น่ากลัว หน้าตาถมึงทึงด้วยประการทั้งปวง
แม้แต่พระยายมเองก็เหมือนกัน นักแสดงโทรทัศน์ทำเขาให้พระยายมเสียสองเขา แสดงว่าพระยายมมีเขาและมีสภาพดุร้าย
สำหรับคนของพระยายมก็เหมือนกัน ที่เรียกกันว่า ยมทูต อันนี้ เขามีสัญญลักษณ์ มีหัวกะโหลกไขว้ และมีหัวกะโหลกเป็นสัญญลักษณ์ อันไม่จริง ความจริงคนที่เขียนอย่างนั้น เป็นการวาดภาพเอาเอง
คล้าย ๆ กับว่าการเขียนรูปของโจร โจรผู้ร้ายเขามักจะเขียนหน้าตาถมึงทึงน่ากลัว มีหนวดเครารุงรัง แต่โดยที่แท้แล้ว โจรจริง ๆ มีรูปร่างหน้าตาสะสวยยิ่งกว่าเราเสียอีก
นี่แหละบรรดาท่านสาธุชนพุทธบริษัททั้งหลาย และบรรดาพระคุณเจ้าที่เคารพที่รักฟัง ความจริงไม่ตรงกัน คือ ถ้าหากมาฟังจากพระที่ท่านท่องเที่ยวในเมืองนรกได้ ท่านบอกว่า จะมีอาการเป็น ๒ อย่างด้วยกัน การเห็นในระยะแรกถ้ากำลังฌานของเราดี แต่ว่าวิปัสสนาญาณไม่ดี จะเห็นคนในที่นั้น หน้าตาไม่สะสวยไม่งดงาม มีหน้าตาน่ากลัว
แต่มาถึงขั้นวิปัสสนาญาณดีแล้ว เรียกว่า "วิปัสสนาญาณเข้าขั้น" เข้าระดับที่ไม่ถอยหลังลงมา มีอารมณ์แจ่มใจตัดอุปาทานได้เด็ดขาด อันนี้จะเห็นสำนักของ พระยายม อีกสภาพหนึ่ง คือ เป็นสภาพที่เต็มไปด้วยความสวยสดงดงาม
นี่..เรื่องของตาก็มีความสำคัญมาก ถ้าคุณตามัวเห็นของสวยก็มัวไปด้วย ส่วนคนเห็นตาดีก็เห็นได้ตามความเป็นจริง นี่ว่ากันถึงตาเนื้อ ตาเนื้อมีสภาพฉันใด ตาใจก็เหมือนกันนะ พระคุณเจ้าที่เคารพ ตาใจนี่มีความสำคัญมาก โดยมากมักจะยึดตาฌาน ตาเนื้อหรือความรู้สึก คือ มีความนึกคิดไว้ก่อนว่า สภาพของสวรรค์ เป็นยังงั้น นี่ความตรงกันระหว่างตากับความเป็นจริงมันมีอยู่ แล้วอารมณ์ของจิตก็เหมือนกัน ถ้าจิตของบุคคลใดมีอุปาทานอยู่ อันนั้นจะเห็นของจริงไม่ได้ เอาละ เรื่องนี้ขอผ่านไป เพราะเป็นหลักวิชาน่าเบื่อ
เป็นอันว่า เวลานี้ท่านพุทธศาสนิกชน และพระคุณเจ้าที่กำลังติดตามรายการทัศนาจรนรก กำลังนั่งอยู่ที่เก้าอี้แก้วมณี เห็นหรือไม่เห็น? เห็นหรือยัง? ถ้าไม่เห็นก็นึกเห็นเอาก็แล้วกัน เพราะความจริงไม่ได้พาไปจริง ๆ เป็นการเล่าสู่กันฟัง
ท่านทั้งหลายฟังไว้ แล้วโดยเฉพาะอย่างยิ่งนักปฏิบัติ ถ้าปฏิบัติถึงแล้วจะได้ไม่สงสัยว่า สภาพของสำนักของพระยายมเป็นยังไง เวลาที่เราได้ฌานโลกีย์อย่างต่ำ หรือว่าฌานโลกีย์อย่างสูง เราเห็นสภาพเป็นยังไง มัว ๆ เหมือนกับบ้านธรรมดา หน้าตาในสำนักนั้นเหมือนคนธรรมดา
ตานี้ พระที่ท่านได้อภิญญาด้วย แล้วก็ได้อรหัตผลว่ากันยังงี้ก็แล้วกัน ได้อรหัตผลด้วย แล้วก็ทรงอภิญญาด้วย บอกว่าไม่ใช่ยังงั้น ความจริง พระยายมมีความสวยสดงดงาม มีวิมานเป็นที่อยู่ บางท่านย่องเขียนเอาไว้ว่า พระยายมเป็น "เวมานิกเปรต" เป็นเปรตจำพวกหนึ่งที่อยู่วิมาน ว่าเข้าไปนั่น นี่ไม่ใช่พระอรหันต์ว่านะ คนกินเหล้าเขียนหนังสือให้ชาวบ้านอ่าน เขาเขียนยังงั้น เขาเลยเอาอารมณ์เหล้ามาเขียน
สภาพสำนักพระยายม
เป็นอันว่า เวลานี้ท่านนั่งอยู่ใน "สำนักของพระยายม" แล้วมองดูไปข้างหน้า หันหน้าไป ทางทิศตะวันตก นะ เรานั่งทางด้านทิศตะวันออก บริเวณอาคารหลังใหญ่ ภายในเป็นห้องโถงใหญ่ มองเห็นหรือไม่เห็น ไม่เห็นก็นึกตามไปก็แล้วกัน เป็นห้องโถงใหญ่ มีทางเข้าอีกด้านหนึ่ง ทางเดียวกับที่พามา
แต่ว่าเป็นประตูที่ ๒ เข้ามาทางพื้นราบเรียบ แล้วในบริเวณนั้นตอนกลาง ๆ ตรงประตูเข้า เข้ามาพอดี มีบัลลังก์สำหรับนั่ง มีพระยายมนั่งคอยพิพากษาโทษสัตว์ คำว่า สัตว์ในที่นี้ ก็หมายถึง คนที่ลงไปในนรก ที่เขามาเชิญตัวไป มีบัลลังก์ตั้งอยู่ตรงกลาง
ด้านหน้าของพระยายม เบื้องขวามีเทวดาท่านหนึ่งนั่งอยู่ มีเครื่องทรงพื้นสีแดง เครื่องทรงประดับไปด้วยแก้วมณีแพรวพราว สวยงาม หน้าตาสดชื่น โต๊ะอีกโต๊ะหนึ่ง อยู่เบื้องซ้ายของพระยายม มีนายบัญชีใหญ่นั่งอยู่ ถือบัญชี แต่งเครื่องทรงมีพื้นเป็นสีเหลืองแล้วก็เครื่องทรง ที่เสื้อกางเกงก็ประดับไปด้วยแก้วมณี
พระยายมเองก็เหมือนกัน มีเครื่องทรงเป็นพื้นสีเหลืองเป็นทอง แล้วก็มีเครื่องประดับไปด้วยแก้วมณี ความจริง พระยายม ก็ดี เทวดา คนที่เป็นหัวหน้าใหญ่ฝ่ายติดตามคนที่ตายก็ดี นายบัญชีก็ดี มีความสวยสดงดงามหน้าตาอิ่มเอิบ สวยงาม มีอารมณ์ยิ้มแย้มแจ่มใส ไม่มีใครหน้าบึ้งขึงจอ ไม่มีอาการดุร้าย ความโหดร้ายใด ๆ ไม่ปรากฏเลยในริ้วรอยของหน้าท่าน
อันนี้เรามาดูกันต่อไป ว่าพระยายมท่านจะทำยังไง โน่น..บรรดาท่านพุทธศาสนิกชน สำนักนี้ไม่มีเวลาว่างในการชำระความ เห็นไหม ข้างหน้านั่นใครตัวใหญ่ ๆ ในมือถืออาวุธ นำคนเข้ามาประมาณสัก ๕ - ๖ คน ทุกคนที่เดินติดตามเข้ามาหน้าซีดเซียว คล้าย ๆ กับว่าจะถูกพิพากษาลงโทษอย่างหนักเพราะกฎของกรรม
เมื่อเข้ามาถึงภายในแล้ว ทุกคนก็นั่งแสดงความเคารพแด่พระยายม พระยายมท่านก็หันไปถามนายบัญชีว่า คนนี้มีโทษอะไรบ้างในการทำความผิดในสมัยที่เป็นมนุษย์ นายบัญชีก็เปิดบัญชีดู แล้วก็รายงานความผิด คือ การทำความชั่วในสมัยที่เป็นมนุษย์ของคนนั้น แล้วพระยายมก็ถามเขาว่าทำความชั่วอย่างนั้นจริงไหม
เรื่องของเมืองผี เวลาเขาชำระคดี ไม่ต้องหาพยาน ผีไม่สับปลับเหมือนคน คนเรานี่หน้าตาดี ๆ นะ แต่ความจริง ความจริงใจนี่นะอาจจะหาไม่ได้สำหรับคนที่มีหน้าตาสวยแล้วก็มีฐานะดี แต่ เมืองผีไม่เป็นยังงั้น เมืองผีไม่มีอะไรโกหกกัน เมืองผีไม่มีอะไรปกปิดกัน สิ่งใดจริงเขาก็รับว่าจริง สิ่งใดไม่จริงเขาก็รับว่าไม่จริง
สมมติว่า ท่านพระยายมถามถึงความโหดร้ายต่าง ๆ ต้องรับทุกอย่าง เรื่องนั้นจริงเจ้าค่ะ เรื่องจริง จริงขอรับ รับจริงหมดทุกข้อ เรียกว่า ความผิดที่ปรากฎในบัญชีนี่รับหมดทุกข้อ ไม่มีการปฏิเสธ แล้วคราวนี้พระยายมจะทำยังไง เมื่อจำเลยสารภาพโทษ ก็สั่งจำคุกลดกึ่งหนึ่งตามอำนาจของศาลในเมืองมนุษย์ยังงั้นรึ?
ความจริงยังก่อน ท่านพุทธศานิกชน ท่านจะเห็นน้ำใจของพระยายมกันตอนนี้ ฟังให้ดีนะ ฟังกันไว้ แล้วก็จำกันไว้ รู้ตามความเป็นจริง ในเมื่อคนใดก็ตามที่เข้าไปในสำนักของพระยายม เมื่อนายบัญชีกล่าวโทษโจทย์ความผิดที่แล้วมา เมื่อจบลงไปแล้ว แล้วก็สัตว์นรก คือ คนที่ตายไปแล้วรับไปตามความเป็นจริง ตอนนี้พระยายมยังไม่สั่งตัดสิน ยังไม่ลงโทษตามกฎของนรก กลับย้อนถามถึงความดี ว่าท่านเคยอยู่ในเมืองมนุษย์น่ะ
1. เคยให้ทานไหม?
2. เคยรักษาศีลไหม?
3. เคยไปฟังเทศน์ไหม?
4. เคยเจริญสมถกรรมฐานบ้างไหม?
5. ความจริงท่านถามยาว ถามทีละข้อ ๆ
สมมติว่า เคยให้ทานแก่สัตว์เดียรัจฉานบ้างไหม? เคยให้ทานแก่คนยากจนเข็ญใจบ้างไหม? เคยช่วงสงเคราะห์ทำกิจการงานต่าง ๆ กับเพื่อนบ้านใกล้เรือนเคียงบ้างไหม? เคยทำงานเป็นส่วนสาธารณประโยชน์บ้างไหม? เคยช่วยเขาสร้างวัดวาอารามบ้างไหม? ใครเขาบอกบุญเรี่ยไร เคยทำบุญมาบ้างไหม? เคยรักษาศีลบ้างไหม? เคยฟังเทศน์ไหม? เคยเจริญสมถกรรมฐาน วิปัสสนากรรมฐาน เคยบูชาพระ เคยไหว้พระ เคยไหว้พ่อไหว้แม่ด้วยความเคารพบ้างไหม? อย่างนี้เป็นต้น
เรียกว่า ความดีทุกอย่างที่จัดว่าเป็นบุญที่พระพุทธเจ้าทรงสอน พระยายมนำหัวข้อมาถามนำ ถ้าถามแล้ว คนที่ตายไปนั้น เรียกว่า สัตว์นรก เขายังไม่ตอบ เขายังนิ่งอยู่ ท่านก็ปล่อยให้คิดสักประเดี๋ยวหนึ่ง แล้วก็ย้อนถามขึ้นต้นใหม่
รวมความว่า ถามกัน ๓ รอบ ค่อย ๆ ถามจี้จุดทีละจุด แต่ว่าท่านคนใดที่ถูกสอบสวนปรากฏไม่มีเลย นึกไม่ออก เมื่อนึกไม่ออกแล้ว ท่านก็จะบอกว่า นี่..เสียใจเหลือเกินนะ ที่ความดีที่ทำไว้นึกไม่ถึง จิตของเธอเวลาจะตาย เวลาจะมาที่นี่ จิตน้อมไปส่วนอกุศลมาก ก็เห็นจะต้องเป็นไปตามกฎของกรรม ท่านว่าอย่างนั้น ท่านก็บอกว่า
เอ้า..ถ้ายังงั้น ถ้านึกถึงความดีที่ทำไม่ได้ละก้อ ก็เป็นไปตามกฎของกรรม แล้วต่อจากนั้นไปนายนิริยบาล (ผีรักษานรก) ก็นำลงนรกไป ไปที่ทะเลเพลิง ไปตามอำนาจของความผิด นี่ดูจริยาของพระยายม
แล้วบรรดาท่านพุทธศานิกชนที่มาด้วย นั่งฟังแล้วก็นั่งดู ดูหน้าของพระยายม ดูหน้าของเทวดาฝ่ายติดตามคน คือ หัวหน้าใหญ่นะ ดูหน้าของนายบัญชี ทุกคนมีแต่อารมณ์ยิ้มระรื่นชื่นใจ น่าชื่นใจ รูปร่างหน้าตาก็อิ่มเอิบสวยสดงดงาม มีผิวเนื้อละเอียดค่อนข้างเหลือง นี่..เราจะเห็นถึงความดุร้ายได้ยังไง
ตานี้ สมมติว่าบังเอิญที่เขาถามถึงความผิด สัตว์นรกรับหมด แต่ว่ามาถามถึงความดี พอถามถึงความดีเข้า บังเอิญสัตว์นรกคนใดคนหนึ่งก็ตาม นึกถึงความดีอย่างใดอย่างหนึ่งได้
สมมติว่าเขาถามถึงว่า เคยปล่อยสัตว์ที่มันจะถึงแก่ความตายบ้างไหม? ให้มันรอดจากความตาย ถ้าคนนั้นนึกขึ้นมาได้ว่า เคยปล่อย คำเดียวเท่านี้แหละ โทษกรรมใหญ่ ๆ ที่เคยทำมาแล้วทั้งหมด พระยายมบอกว่า งดไว้ก่อน ขอให้งดไว้ก่อน นี่ ความดีของเขายังมีอยู่ ให้ไปรับผลของความดีก่อน
เห็นไหม..น้ำใจของพระยายม น้ำใจของเจ้าหน้าที่ในสำนักของพระยายม ไม่ใช่น้ำใจของสัตว์นรก เป็นน้ำใจของพรหม พระยายมก็ดี นายบัญชีก็ดี เทวดาผู้เป็นหัวหน้าติดตามคนก็ตาม มีน้ำใจเต็มไปด้วยพรหมวิหารสี่
ฉะนั้น สำนักของพระยายมนี้จึงไม่มีใครรูปร่างน่าเกลียดน่ากลัว คนที่ทรงพรหมวิหารสี่ มีเมตตาเป็นปุเรจาริก คือ หน้าคอยยิ้มเสมอ อารมณ์สดชื่น แล้วน้ำใจก็สดชื่น แล้วจะมีอะไรเป็นที่น่าเกลียดน่ากลัวไม่มี หนังสือเขาเขียนผิดไปเองต่างหาก เขาเข้าใจพลาดไป คิดว่าสำนักของพระยายมมีแต่คนโหดร้าย
หัวข้อ:
Re: พิภพมัจจุราช (พญายมราชเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย:
sithiphong
ที่
เมษายน 05, 2014, 10:27:40 am
แผนที่นรกดูซะ กันหลงทาง
http://www.tairomdham.net/index.php/topic,708.0.html (http://www.tairomdham.net/index.php/topic,708.0.html)
.
หัวข้อ:
Re: พิภพมัจจุราช (พญายมราชเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย:
sithiphong
ที่
พฤษภาคม 24, 2015, 09:04:37 am
หลวงพ่อฤาษีลิงดำ สำนักพระยายม1
https://www.youtube.com/watch?v=TpnkNGMu010 (https://www.youtube.com/watch?v=TpnkNGMu010)
-https://www.youtube.com/watch?v=TpnkNGMu010-
----------------------------------------------------------------------
สำนักพระยายมราช 2
https://www.youtube.com/watch?v=0wTXETfaGD8 (https://www.youtube.com/watch?v=0wTXETfaGD8)
-https://www.youtube.com/watch?v=0wTXETfaGD8-
----------------------------------------------------------------------
ไปพบคนที่สำนักพระยายม, พบเทวดาใหม่ หน้า A
https://www.youtube.com/watch?v=BRVRWMLWlpo (https://www.youtube.com/watch?v=BRVRWMLWlpo)
-https://www.youtube.com/watch?v=BRVRWMLWlpo-
----------------------------------------------------------------------
คาถาศักดิ์สิทธิ์ฺ เป็นประสบการณ์ของชายคนหนึ่งที่ตายไปและได้รับคาถานี้มาจากพญายมราช
https://www.youtube.com/watch?v=jT5rxphtOW4 (https://www.youtube.com/watch?v=jT5rxphtOW4)
-https://www.youtube.com/watch?v=jT5rxphtOW4-
.
หัวข้อ:
Re: พิภพมัจจุราช (พญายมราชเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย:
sithiphong
ที่
พฤษภาคม 24, 2015, 12:25:39 pm
บาป-บุญ มีจริงหรือ? - หลวงพ่อจรัญ ๑/๒
https://www.youtube.com/watch?v=dsR1WSaTz2U (https://www.youtube.com/watch?v=dsR1WSaTz2U)
-https://www.youtube.com/watch?v=dsR1WSaTz2U-
บาป-บุญ มีจริงหรือ? - หลวงพ่อจรัญ ๒/๒
https://www.youtube.com/watch?v=EtTp9oaESnw (https://www.youtube.com/watch?v=EtTp9oaESnw)
-https://www.youtube.com/watch?v=EtTp9oaESnw-
ท่องนรกกับพระมาลัย (อาจารย์สนธิชัย)
https://www.youtube.com/watch?v=bradxa1RRO4 (https://www.youtube.com/watch?v=bradxa1RRO4)
-https://www.youtube.com/watch?v=bradxa1RRO4-
ท่องขุมนรก ตอนที่ 1.wmv
https://www.youtube.com/watch?v=vT7gzFCWtlw (https://www.youtube.com/watch?v=vT7gzFCWtlw)
-https://www.youtube.com/watch?v=vT7gzFCWtlw-
ศีลข้อ 2 โทษภัยของการลักขโมย
https://www.youtube.com/watch?v=BmxLHiE5OJw (https://www.youtube.com/watch?v=BmxLHiE5OJw)
-https://www.youtube.com/watch?v=BmxLHiE5OJw-
ศีลข้อ 4 โทษภัยของการโกหก.mpg
https://www.youtube.com/watch?v=hotVKYVPDm0 (https://www.youtube.com/watch?v=hotVKYVPDm0)
-https://www.youtube.com/watch?v=hotVKYVPDm0-
.
หัวข้อ:
Re: พิภพมัจจุราช (พญายมราชเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย:
sithiphong
ที่
กรกฎาคม 11, 2015, 05:16:47 pm
หลวงพ่อฤาษีลิงดำ สำนักพระยายม1
https://www.youtube.com/watch?v=TpnkNGMu010 (https://www.youtube.com/watch?v=TpnkNGMu010)
-https://www.youtube.com/watch?v=TpnkNGMu010-
สำนักพระยายมราช 2
https://www.youtube.com/watch?v=0wTXETfaGD8 (https://www.youtube.com/watch?v=0wTXETfaGD8)
-https://www.youtube.com/watch?v=0wTXETfaGD8-
เมื่อพระไปพบพญายมราช ตอนที่ 1
https://www.youtube.com/watch?v=c-J6z-3khmo (https://www.youtube.com/watch?v=c-J6z-3khmo)
-https://www.youtube.com/watch?v=c-J6z-3khmo-
เมื่อพระไปพบพญายมราช ตอนที่ 2
https://www.youtube.com/watch?v=NS1QqJR8xUQ (https://www.youtube.com/watch?v=NS1QqJR8xUQ)
-https://www.youtube.com/watch?v=NS1QqJR8xUQ-
เมื่อพระไปพบพญายมราช ตอนที่ 3
https://www.youtube.com/watch?v=epc69AFbfX4 (https://www.youtube.com/watch?v=epc69AFbfX4)
-https://www.youtube.com/watch?v=epc69AFbfX4-
เมื่อพระไปพบพญายมราช ตอนที่ 4
https://www.youtube.com/watch?v=tXvAO9CAjyo (https://www.youtube.com/watch?v=tXvAO9CAjyo)
-https://www.youtube.com/watch?v=tXvAO9CAjyo-
เมื่อพระไปพบพญายมราช ตอนที่ 5
https://www.youtube.com/watch?v=RnT0C7O8nL4 (https://www.youtube.com/watch?v=RnT0C7O8nL4)
-https://www.youtube.com/watch?v=RnT0C7O8nL4-
เมื่อพระไปพบพญายมราช ตอนที่ 6
https://www.youtube.com/watch?v=jIksA205ws0 (https://www.youtube.com/watch?v=jIksA205ws0)
-https://www.youtube.com/watch?v=jIksA205ws0-
เมื่อพระไปพบพญายมราช ตอนที่ 7
https://www.youtube.com/watch?v=um5xU8QkmRU (https://www.youtube.com/watch?v=um5xU8QkmRU)
-https://www.youtube.com/watch?v=um5xU8QkmRU-
เมื่อพระไปพบพญายมราช ตอนที่ 8
https://www.youtube.com/watch?v=98T7yV9tK6o (https://www.youtube.com/watch?v=98T7yV9tK6o)
-https://www.youtube.com/watch?v=98T7yV9tK6o-
หัวข้อ:
Re: พิภพมัจจุราช (พญายมราชเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย:
sithiphong
ที่
กรกฎาคม 11, 2015, 05:21:27 pm
พญายม นิมนต์ ลพ ฤาษีลิงดำ ไปเป็นพยานช่วยผีตายใหม่ๆ
https://www.youtube.com/watch?v=zeEbjoCaHpU (https://www.youtube.com/watch?v=zeEbjoCaHpU)
-https://www.youtube.com/watch?v=zeEbjoCaHpU-