ใต้ร่มธรรม

อริยะสงฆ์ผู้ปฏิบัติธรรมอันดี => มาลาบูชาครู => หลวงปู่มั่น => ข้อความที่เริ่มโดย: ฐิตา ที่ พฤษภาคม 23, 2012, 01:06:03 am

หัวข้อ: อุบายปัญญา :หลวงปู่มั่น
เริ่มหัวข้อโดย: ฐิตา ที่ พฤษภาคม 23, 2012, 01:06:03 am


(http://a5.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc7/p480x480/578072_391215620911539_247359951963774_1143967_107274958_n.jpg)

อุบายปัญญา :หลวงปู่มั่น

"ผู้ปฏิบัติพึงใช้อุบายปัญญาฟังธรรมเทศนาทุกเมื่อ
ถึงจะอยู่คนเดียวก็ตาม คืออาศัยการสำเหนียก
กำหนดพิจารณาธรรมอยู่ทั้งกลางวันและกลางคืน
ตา หู จมูก ลิ้น กาย ก็เป็นรูปธรรมที่มีอยู่ปรากฏอยู่
รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ก็มีอยู่ปรากฏอยู่
ได้เห็นอยู่ ได้ยินอยู่ ได้สูด ดม ลิ้ม เลีย และสัมผัสอยู่
 
จิตใจเล่า? ก็มีอยู่
ความคิดนึกรู้สึกในอารมณ์ต่างๆ ทั้งดีและร้ายก็มีอยู่
ความเสื่อม ความเจริญ ทั้งภายนอกภายใน ก็มีอยู่
ธรรมชาติอันมีอยู่โดยธรรมดา เขาแสดงความจริงคือ..
ความไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา ให้ปรากฏอยู่ ทุกเมื่อ

เช่นใบไม้มันเหลืองหล่นร่วงลงจากต้น
ก็แสดงความไม่เที่ยงให้เห็น ดังนี้เป็นต้น
เมื่อผู้ปฏิบัติมาพินิจพิจารณาด้วยสติปัญญา
โดยอุบายนี้อยู่เสมอแล้ว ชื่อว่าได้ฟังธรรมอยู่ทุกเมื่อ
ทั้งกลางวันและกลางคืน"

~ หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ~

หัวข้อ: Re: โอวาทธรรม ~ กิเลสก็ดี ธรรมก็ดี :หลวงปู่มั่น
เริ่มหัวข้อโดย: ฐิตา ที่ พฤษภาคม 23, 2012, 01:53:17 am


(http://a7.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash4/p480x480/428003_264970033572804_264337953636012_595706_525405806_n.jpg)

โอวาทธรรม :กิเลสก็ดี ธรรมก็ดี :หลวงปู่มั่น

"..... กิเลสก็ดี ธรรมก็ดี มิได้อยู่กับกาลสถานที่ใดๆ ทั้งสิ้น
คือเกิดขึ้นที่ใจ เจริญขึ้ืนที่ใจ และดับลงที่ใจดวงรู้ ดวงนี้เท่านั้น.."

“ทุกคนที่เกิดมาไม่ได้ไปติด คือยึดมั่นที่อื่นหรอก
โดยเฉพาะก็มายึดมั่นถือมั่นที่ ผม-ขน-เล็บ-ฟัน-หนัง นี้เอง
ให้พยายามพิจารณาให้ตามความเป็นจริง
แก่การยึดถือ ผม-ขน-เล็บ-ฟัน-หนัง เป็นสิ่งสวยงาม
ด้วยสามารถแห่งกำลังสมาธิ ก็จะเป็นทางไปสู่ความเป็นอริยเจ้าได้”

โอวาทธรรมหลวงปู่มั่น ภูริทัตตเถระเจ้า

(http://ts2.mm.bing.net/th?id=I4644552436680025&pid=1.1)

“กัมมัฏฐานสอนบุคคล ให้เป็นอริยบุคคลได้จริงแค่ไหน
พูดกันไปได้ไม่มีที่สิ้นสุด อยากรู้ต้องปฏิบัติ
เปิดใจให้กว้าง อย่าขวางทางธรรม
พระพุทธเจ้าพูดอะไรไว้ สิ่งนั้นต้องเป็นหนึ่งเสมอไป”

คนที่ "หลง" จึงต้อง..แสวงหา
ถ้า "ไม่หลง" ก็..ไม่ต้องหา
จะ..หาไป ให้ลำบาก..ทำไม
อะไรๆ ก็มีอยู่กับตัวเองอย่างสมบูรณ์อยู่แล้ว
จะตื่นเงา..ตะครุบเงา ไปทำไม
เพราะรู้แล้วว่า เงา..ไม่ใช่ตัวจริง

พระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ
วัดป่าภูริทัตตถิราวาส จังหวัดสกลนคร

(http://ts4.mm.bing.net/th?id=I4741073240852739&pid=1.1)

-http://www.facebook.com/pages/ปรมัตถธรรม/264337953636012

หัวข้อ: Re: การดูกิเลสและแสวงธรรม (หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต)
เริ่มหัวข้อโดย: ฐิตา ที่ มิถุนายน 01, 2012, 07:55:01 pm


(http://6.share.photo.xuite.net/lam1112/1699a71/4143831/185245338_m.jpg)

การดูกิเลสและแสวงธรรม (หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต)

“ การดูกิเลสและแสวงธรรม
ท่านทั้งหลายอย่ามองข้ามใจ
ซึ่งเป็นที่อยู่ของกิเลส
และเป็นที่สถิตอยู่แห่งธรรมทั้งหลาย
กิเลสก็ดี ธรรมก็ดี
ไม่ได้อยู่กับกาลสถานที่ใด ๆ ทั้งสิ้น
แต่อยู่ที่ใจ คือเกิดขึ้นที่ใจ เจริญขึ้นที่ใจ
และดับลงที่ใจดวงรู้ ๆ นี้เท่านั้น ”

(http://t0.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcRlsD57BClS1_XZuHNpcAVuvsvWVT2_3D41gHjKkWc5awRnOfUySw)

-http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=rb515&month=25-05-2011&group=16&gblog=36
pics -http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=chomporn&month=14-09-2011&group=38&gblog=50