ใต้ร่มธรรม
ริมระเบียงรับลมโชย => รับสายลมเย็นหน้าระเบียง => ข้อความที่เริ่มโดย: sithiphong ที่ กรกฎาคม 14, 2012, 07:14:39 am
-
google วันนี้เป็นรูปวาดของ Gustav Klimt ครบรอบวันเกิด
http://www.google.co.th/ (http://www.google.co.th/)
(http://files.palungjit.com/attachment.php?attachmentid=2145109&d=1342225183)
-http://www.google.co.th/#q=Klimt&oi=ddle&ct=klimt12-hp&bav=on.2,or.r_gc.r_pw.r_qf.,cf.osb&fp=dd319ee75c0de2c&biw=1440&bih=728-
http://www.google.co.th/#q=Klimt&oi=ddle&ct=klimt12-hp&bav=on.2,or.r_gc.r_pw.r_qf.,cf.osb&fp=dd319ee75c0de2c&biw=1440&bih=728 (http://www.google.co.th/#q=Klimt&oi=ddle&ct=klimt12-hp&bav=on.2,or.r_gc.r_pw.r_qf.,cf.osb&fp=dd319ee75c0de2c&biw=1440&bih=728)
.
-
.
Gustav Klimt : วิจิตรอลังการในความโดดเดี่ยว
-http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=dudao&month=26-01-2008&group=1&gblog=80-
(http://files.palungjit.com/attachment.php?attachmentid=2145110&d=1342225183)
Adele Bloch-Bauer
ฉันเคยพูดถึงศิลปินคนหนึ่งที่เป็นเจ้าของภาพที่ราคาแพงที่สุดในโลก...ถึง 5,400 ล้านบาท
ภาพนั้นคือภาพเหมือนของหญิงที่ชื่อ อาเดเลอ บล็อค-เบาเออร์
ภรรยาของเจ้าของโรงงานน้ำตาลชาวยิว
ภาพเขียนสีทองนี้วาดเมื่อปี 1907 ได้ฉายาว่า "โมนาลิซาแห่งออสเตรีย"
ซึ่งคลิมท์ใช้เวลาวาดถึง 4 ปี ร่ำลือกันว่าเธอเป็นคนรักของศิลปิน
เป็นรักต้องห้ามที่ทั้งคู่เก็บซ่อนไว้และแสดงออกมาในภาพ
ศิลปินอาภัพคนนี้คือ “กุสตาฟ คลิมท์”( Gustav Klimt)
ศิลปินที่ใครๆบอกว่าเขาวาดภาพผู้หญิงได้งามที่สุด
ทว่าเขาคนนี้กลับไร้ผู้หญิงเพียงสักคนเดียวในชีวิตจริง
(http://files.palungjit.com/attachment.php?attachmentid=2145111&d=1342225183)
กุสตาฟ คลิมท์ เป็นชาวเวียนนาแต่กำเนิด เป็นลูกชายคนโตของช่างทอง
ที่มีส่วนในการปลูกฝังนิสัยทางด้านศิลปะให้แก่เขามาตั้งแต่เด็ก
งานของคลิมท์ส่วนใหญ่มีสีทองมลังเมลืองอยู่ในหลายภาพและเขาใช้มันได้อย่างกลมกลืน
คลิมท์ได้รับการศึกษาเบื้องต้นจากโรงเรียนใกล้ๆ บ้าน
ต่อมาได้เข้าเรียนในโรงเรียนประยุกต์ศิลป์ (School of Applied Art)
ซึ่งเป็นสถาบันประยุกต์ศิลป์ทันสมัยที่สุดของออสเตรีย
คลิมท์เป็นมัณฑนากรและจิตรกรที่มีความคิดก้าวหน้าที่ชอบทำกิจกรรมเพื่อวงการศิลปะด้วย
(http://files.palungjit.com/attachment.php?attachmentid=2145112&d=1342225183)
Title: Fulfillment
คลิมท์มักจะเขียนภาพแนวเหมือนจริง เขาสามารถเขียนภาพคนจากภาพถ่ายได้เหมือนจริง
และดูเป็นธรรมชาติราวกับเขียนมาจากคนต้นแบบ
นอกจากนี้สีทองยังเป็นสีที่เขาชอบใช้และดูจะมีความสำคัญในผลงานของเขาไม่ใช่น้อย
ส่วนผลงานในรุ่นหลังๆ ของเขาเริ่มจะมีรูปทรงที่มีลักษณะแบนและเรียบง่ายขึ้น
มีการใช้สีที่สดใสกว่าเดิม และสิ่งที่น่าสนใจในผลงานของกุสตาฟ คลิมท์
ซึ่งกลายเป็นเสน่ห์ดึงดูดผู้คนให้ชื่นชมผลงานของเขามากที่สุด
ก็คือ การเขียนรูปทรงของคนและลวดลายให้มีความผสานกลมกลืนกัน
จนดูราวกับว่า ทั้งสองสิ่งนั้นหลอมละลายเป็นหนึ่งเดียว...
(http://files.palungjit.com/attachment.php?attachmentid=2145113&d=1342225183)
Title: The Kiss (detail)
The Kiss เป็นผลงานเอกที่สร้างชื่อเสียงให้กับเขาเป็นอย่างมาก
ภาพนั้นบ่งบอกถึงความรู้สึกรักของชายหนุ่มหญิงสาวที่มีต่อกันอย่างดูดดื่ม
คนทั้งสองคุกเข่าอยู่บนพื้นที่เต็มไปด้วยดอกไม้หลากสีเรียงรายกันอย่างหนาแน่น
เป็นภาพที่อ่อนหวานนุ่มนวลมีชีวิตชีวาเป็นอย่างมาก
ผลงานชิ้นนี้เขียนเมื่อปี ค.ศ. 1907-1908 เป็นภาพสีน้ำมันบนผ้าใบ
ปัจจุบันอยู่ที่หอศิลป์ แห่งกรุงเวียนนา ออสเตรีย
ซึ่งคลิมต์เขียนเหมือนจริงเฉพาะส่วนที่เป็นศีรษะมือและเท้าเท่านั้น
ส่วนอื่นๆ ของร่างกายแสดงด้วยรูปทรงนามธรรม
(http://files.palungjit.com/attachment.php?attachmentid=2145114&d=1342225183)
Title: Viale Alberato
นอกจากภาพบุคคลที่เขาชอบรังสรรค์มันขึ้นมาแล้ว
คลิมท์ยังชอบเขียนทิวทัศน์อีกด้วย ทานตะวันดูจะเป็นไม้ดอกที่เขาชื่นชอบจะเขียนมาก
การเขียนภาพคนและภาพทิวทัศน์ของคลิมท์นั้นค่อนข่างจะแตกต่างกัน
ลวดลายที่แสดงความรู้สึกละเอียดอ่อนจะนำมาใช้กับการเขียนภาพคน
ในขณะที่เขาจะใช้ฝีแปรงที่บ่งบอกถึงความเด็ดเดี่ยวและเป็นอิสระกับงานทิวทัศน์
กุสตาฟ คลิมท์ ค่อนข้างเป็นคนเก็บตัว พูดน้อยกับสาธารณชน
ดังนั้นผลงานของเขาจึงกลายเป็นตัวสื่อสารแทนเขาเสมอ.
(http://files.palungjit.com/attachment.php?attachmentid=2145115&d=1342225183)
รูปแบบงานจิตรกรรมของคลิมท์มักจะมีรูปคน (figure)
แสดงเนื้อหาผสานกับองค์ประกอบนามธรรมที่มีสีสันงดงาม
ผลงานลักษณะนี้โดดเด่นมีลักษณะเฉพาะของตนเอง
แม้ว่าผลงานจิตรกรรมส่วนใหญ่ของเขาเมื่อดูผิวเผินแล้ว
จะเห็นว่าเป็นงานตกแต่งผนังที่มีรูปแบบทันสมัยและมีสีสวยเท่านั้น
หากแต่พิจารณาให้ลึกซึ้งแล้วจะเห็นว่ามีเนื้อหาสาระมีปรัชญาเฉพาะตัวของเขาแฝงอยู่
(http://files.palungjit.com/attachment.php?attachmentid=2145116&d=1342225183)
Title: Mother and Child (detail from The Three Ages of Woman)
ผลงานจิตรกรรมสำคัญที่แสดงแนวคิดและปรัชญาที่ลึกซึ้งของคลิมท์อีกชุดหนึ่ง
คือ The Three Ages of Woman/Death and Life
ผลงานจิตรกรรมชุดนี้มีสองชิ้น ชิ้นหนึ่งคือ The Three Ages of Woman
องค์ประกอบหลักของภาพเป็นรูปผู้หญิงสามวัย
คือ วัยเด็กที่อยู่ในอ้อมแขนของแม่
แม่คือ วัยสาวหรือช่วงกลางของชีวิตที่ยังมีความงดงามสดในอยู่
และปัจฉิมวัยคือ วัยชราที่ซูบผอมเหี่ยวย่น
ผลงานชิ้นนี้เป็นการเสนอให้เห็นสัจธรรมของการเปลี่ยนแปลงของสังขารมนุษย์
เช่นเดียวกับปรัชญาตะวันออกที่มีการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไปนั่นเอง
(http://files.palungjit.com/attachment.php?attachmentid=2145117&d=1342225183)
Death and Life, finished 1916 Vienna
ส่วนภาพที่ชื่อ Death and Life เป็นภาพจิตรกรรมสีน้ำมันเช่น เดียวกัน
เขียนเมื่อ ค.ศ. 1916 ขนาด 178 x 198 เซนติเมตร ปัจจุบันเป็นสมบัติของ Dr.Rudlf Leopold Collection กรุงเวียนนา
ภาพนี้จัดองค์ประกอบเป็นสองกลุ่มซ้ายและขวา ด้านขวาเป็นภาพกลุ่มสีสวยๆ
แสดงให้เห็นการดิ้นรนของผู้คนในสังคม
ส่วนซ้ายมือเป็นรูปโครงกระดูกซึ่งแสดงถึงความตายด้วยวรรณะสีเขียว
เนื้อหาของรูปแสดงให้เห็นความเป็นที่สุดของชีวิตมนุษย์ทุกคนก็คือความตาย
ดูเหมือนว่าตลอดชีวิตของคลิมท์ได้ทุ่มเทให้กับการสร้างสรรค์งานศิลปะทั้งหมด
จึงไม่ปรากฏว่าเขาแต่งงานหรือ มีครอบครัวแต่อย่างใด
ตลอดเวลาเกือบ 40 ปี ในชีวิตของเขาจึงเป็นช่วงเวลาของการทำงานศิลปะอย่างแท้จริง
(http://files.palungjit.com/attachment.php?attachmentid=2145118&d=1342225183)
Title: Virgin
แม้ว่าคลิมต์จะได้สร้างสรรค์ผลงานชิ้นเยี่ยมไว้ให้ประเทศออสเตรียและโลกไว้ไม่น้อยก็ตาม
แต่ช่วงเวลาที่เขามีชีวิตอยู่เขาก็ไม่ได้รับเกียรติและการยอมรับเท่าที่ควร
เขาถูกปฏิเสธจากรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการของออสเตรียถึงสี่ครั้ง
ก่อนที่จะได้เป็นสมาชิกกิตติมศักดิ์ ของสถาบันวิจิตรศิลป์แห่งเวียนนา (Academy of Fine Art, Vienna)
แต่สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งสำคัญในชีวิตของศิลปินที่แท้จริง
(http://files.palungjit.com/attachment.php?attachmentid=2145120&d=1342225199)
Title: The Tree of Life
ความสำเร็จและเกียรติของศิลปินที่แท้อยุ่ที่การได้ทุ่มเทชีวิตให้กับงานของตน
สุดท้าย ชีวิตของคลิมต์ก็เช่นเดียวกับศิลปินผู้ยิ่งใหญ่ในอดีต
ที่ต้องจบชีวิตลงด้วยยากจน โดดเดี่ยว
เขาล้มป่วยและต้องทนทุกข์ทรมานอยู่ในแฟลตในกรุงเวียนนา
ตั้งแต่วันที่ 11 มกราคมจนถึงวันที่ 6 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1918
เขาก็ถึงแก่กรรม ท่ามกลางผลงาน จิตรกรรมที่เขียนไม่สำเร็จจำนวนมาก....
(http://files.palungjit.com/attachment.php?attachmentid=2145121&d=1342225199)
ข้อมูลประวัติศิลปินจาก : ห้องศิลป์บุญชัย
-http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=dudao&month=26-01-2008&group=1&gblog=80-
.
-
150 ปี "กุสตาฟ คลิมท์" และ"รอยจูบ"อันเป็นนิรันดร์ บน"กูเกิล ดูเดิล"
-http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1342236497&grpid=01&catid=&subcatid=-
ภาพ"กูเกิล ดูเดิล" วันนี้ เป็นหนึ่งในภาพที่มีชื่อเสียงของ "กุสตาฟ คลิมต์" (Gustav Klimt ) ที่ใช้ชื่อว่า "The Kiss" หรือ"จูบ" ที่วาดระหว่างปี 1907–1908 โดยเป็นภาพเขียนสีน้ำมันบนผ้าใบ เนื่องในวันคล้ายวันเกิดปีที่ 150 ของเขา
(http://files.palungjit.com/attachment.php?attachmentid=2146915&d=1342312645)
กุสตาฟ คลิมต์ เป็นจิตรกรชาวออสเตรีย และมัณฑนากรหัวก้าวหน้าในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 อันเป็นช่วงเวลาที่"ศิลปะแนวใหม่" หรือ "Art Nouveau"กำลังเฟื่องฟูในยุโรป และเขายังถือเป็นหนึ่งในสมาชิกถาวรของกลุ่มเวียนนา เซสชั่น หรือกลุ่มสหพันธ์ศิลปินเวียนนา (Vereinigung Bildender Künstler Österreichs) ซึ่งเป็นองค์การของศิลปินที่คัดค้านศิลปะแนวอนุรักษ์นิยม
งานของเขาสวนใหญ่รวมถึงภาพวาด งานปั้น ภาพสเก็ตช์ และงานศิลปะรูปแบบอื่นๆ โดยสิ่งที่เขาเลือกใช้ในงานของเขาคือเรือนร่างของผู้หญิง ชื่อเชื่อกันว่าต้องการสื่อถึงการยั่วยวนทางอารมณ์
ผลงานของเขาแสดงให้เห็นถึงจุดเหลื่อมระหว่างศิลปะประยุกต์ ที่สร้างเพื่อการตกแต่ง กับงานวิจิตรศิลป์ที่ศิลปินสร้างขึ้นเพื่อเสนอสาระและคุณค่าในตัวงาน
"The Kiss" เป็นภาพเขียนสีน้ำมันและทองคำเปลวบนผืนผ้าใบ วาดระหว่างปี 1907–1908 โดยซึ่งถือเป็นยุคทองของเขา เพราะเป็นช่วงเวลาที่ผลงานส่วนใหญ่ของคลิมท์ ประกอบไปด้วยเทคนิคการใช้ทองคำเปลว
ภาพคู่รักในสีทองหลากหลายที่ตกแต่งอย่างวิจิตรและเต็มไปด้วยสัญลักษณ์ต่างๆ กำลังจูบกันบนฉากหลังที่เป็นสำริด บุคคลสองคนในภาพอยู่ตรงมุมของลานดอกไม้ ชายใส่เสื้อสีพื้นเป็นลายสี่เหลี่ยมสวมมงกุฎที่เป็นเถาไม้เลื้อย สตรีสวมเสื้อผ้าสีสรรค์จัดเป็นลายวงกลมและบนผมประดับแซมด้วยดอกไม้ ทั้งคู่ที่กอดกันล้อมรอบด้วยพื้นที่เป็นลายประสามเหลี่ยมเล็กๆ และลายก้นหอย ลักษณะการวางองค์ประกอบคล้ายคลึงกับในภาพ "สดุดีเบโทเฟน" (Beethoven Frieze) และ "Stoclet Frieze" ทั้งสองโอบกอดกันแนบชิดเป็นจุดเด่นหนึ่งเดียวกลางภาพ
คลิมท์เขียนผลงานชิ้นนี้ เมื่อมีอายุได้ 45 ปี ตอนนั้นเขายังอาศัยอยู่กับแม่และน้องสาวที่ยังไม่ได้แต่งงานอีก 2 คน ถึงแม้ว่าชีวิตของเขาจะฟังดูเรียบง่ายและธรรมดา แต่เชื่อกันว่า ในความเป็นจริงแล้ว คลิมท์หมกมุ่นในสตรีเพศ และมีการคาดเดาว่าในเวลานั้นเขาเป็นพ่อของลูกไม่ต่ำกว่า 3 คนจากผู้หญิงคนละคนกัน
คลิมท์มีความชื่นชอบผู้หญิงผมแดงเป็นพิเศษ จึงไม่น่าแปลกที่หญิงสาวในภาพ The Kiss เป็นสาวผมแดง เช่นเดียวกับหลายๆภาพ ที่ถูกเขียนขึ้นตลอดชีวิตการเป็นศิลปินของเขา
นักวิจารณ์ผู้หนึ่งเคยกล่าวไว้ถึงภาพนี้ว่า คลิมท์จงใจวาดให้เป็นรูปทรงคล้ายอวัยวะเพศชายที่ตั้งตรง และภาพแสดงถึงความรักและการเติมเต็มซึ่งกันและกัน ด้วยความสัมพันธ์ทางเพศระหว่างหญิงและชาย
ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญหลายคนเชื่อว่า บุคคลในภาพคือคลิมท์กับคนรักและคนสนิทของเขา เอมิลี่ ฟลือเกอ แต่บางฝ่ายมีความคิดเห็นว่าหญิงในภาพอาจเป็นนางเเบบที่มีชื่อในวงการว่า "ฮิลด้าผมแดง" (Red Hilda) เพราะเธอบอกกับหลานชายว่าตัวเธอคือนางแบบในผลงานชิ้นเอกชิ้นนี้ อย่างไรก็ตาม ไม่มีสิ่งใดสามารถยืนยันได้ว่าคำอ้างดังกล่าวเป็นความจริง
ปัจจุบัน ภาพเขียนดังกล่าว เป็นสมบัติของ Österreichische Galerie Belvedere พิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งกรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย
.