ใต้ร่มธรรม

คลายวิถีทุกข์ด้วยธรรมะ => ธรรมะเสวนา => ข้อความที่เริ่มโดย: เงาใจ ที่ กรกฎาคม 29, 2012, 11:22:58 am

หัวข้อ: นิทานเซน
เริ่มหัวข้อโดย: เงาใจ ที่ กรกฎาคม 29, 2012, 11:22:58 am
 :01: :01: :01:

หลวงพ่อกำลังนั่งอยู่หน้ากุฏิขณะโยมเดินเข้ามา
โยม   กำลังทำอะไรอยู่ครับหลวงพ่อ ?
หลวงพ่อ    กำลังดูทีวี
โยม   ทีวีอะไรของหลวงพ่อหรือครับ  วัดเราไฟฟ้ายังไม่มีเลย
หลวงพ่อ    มันเป็นทีวีรุ่นใหม่  ไร้สาย  ไม่ต้องเสียบไฟ
โยม   จริงหรือ ?   
หลวงพ่อ     จริงซิ  โยมเคยดูทีวีใช่ไหม ?
โยม   เคยครับ
หลวงพ่อ    ทีวีมันมี 6 ช่อง  เมื่อเธอกดสวิทช์ช่องใดช่องหนึ่ง  จะมีสัณญานภาพเข้ามา  ทำให้เกิด ภาพขึ้นที่หน้าจอ  เรื่องราวต่าง ๆ  ไม่ว่าหนังหรือละครก็เกิดขึ้น  เมื่อเธอเปลี่ยนช่อง  ภาพและเรื่องราวต่าง ๆในช่องเก่าก็หายไป  ภาพเรื่องราวในช่องใหม่ก็ปรากฏ เมื่อปิดสวิทช์ ภาพต่าง ๆ ก็หายไปเหลือแต่จอภาพว่างเปล่า                 
              กายก็เหมือนกับเครื่องทีวีนั่นแหละ  มี ตาหู จมูก ลิ้น กาย ใจ  เป็นช่องรับสัณญาณอยู่ 6 ช่อง  ส่วนจอภาพนั้นคือจิต   เมื่อมีสัณญานเข้ามากระทบทางใดทางหนึ่งไม่ว่า ตา หู จมูก ลิ้น กาย หรือใจ   ก็จะเกิดความรู้สึกนึกคิดเป็นภาพภาพหรือเรื่องราวต่าง ๆ เกิดขึ้นที่จอภาพคือจิตได้รับรู้   เมื่อเรื่องราวที่รับรู้จบลง  ภาพต่าง ๆ ก็หายไปเหลือจอภาพว่างเปล่า  จิตมันก็ว่างเปล่าเหมือนกับจอภาพนั้นเหมือนกัน  จนกว่าจะมีสัณญานมากระทบทางช่องใดช่องหนึ่งขึ้นมาอีก มันก็จะเกิดขบวนการดังกล่าวขึ้นมาใหม่
         ไม่มีคนหรือใครอยู่ในทีวีอย่างแน่นอนฉันใด    ในกายกับจิตก็ไม่มีคนหรือใครอยู่ในนั้นเหมือนกัน  ทั้งหมดเป็นขบวนการขึ้นตามเหตุปัจจัยให้กลไกคือความรู้สึก นึก คิด มันทำหน้าที่ไปตามเรื่องตามราวของมันอยู่อย่างนั้น แต่เมื่อขบวนการทั้งหมดถูกสมมุติเรียกว่าเราบ้าง  เรียกว่าคนบ้าง  เรียกขันธ์ห้าบ้าง   หรือเรียกว่าทีวีไร้สาย  มันก็เป็นเพียงชื่อต่าง ๆ  ที่เรียกขบวนการที่เกิดขึ้นจากการปรุงแต่งของความรู้สึก นึก คิด ทั้งนั้น  เรา คน หรือขันธ์ห้าจึงไม่ใช่สิ่งที่มีอยู่จริง  จึงเหลือแต่ขบวนการที่เกิดเกิดขึ้นแล้วก็ดับหายไป  ซึ่งเป็นเพียงมายาไม่ใช่ความจริงอีกเหมือนกัน   โลกนี้จึงว่างเปล่าจากการเป็นใครหรือเป็นอะไรได้จริง ๆ  เป็นเพียงสมมุติที่ยอมรับกันเหมือนกับหนังหรือละครในทีวีซึ่งเป็นเรื่องไม่จริงนั่นแหละ  โยมว่าจริงไหม ?
โยม    คงจริงอย่างหลวงพ่อว่าแหละครับ  แต่แบบว่าผมยังงง ๆ อยู่นะครับ
หลวงพ่อ     ถึงจะงงอย่างไร  มันก็แค่ ความรู้สึกนึกคิดที่เกิดแล้วดับหายไป   มันไม่ใช่โยมหรอก  ดูให้ดีซิ
หัวข้อ: Re: นิทานเซน
เริ่มหัวข้อโดย: ดุจเม็ดทราย ที่ กรกฎาคม 31, 2012, 08:40:26 am
ที่แท้จิตมันว่างเพราะไม่มีตัวตน คนสัตว หรืออะไรอยู่ในจิตได้จริง ๆ
 เพราะจิตไม่ได้มีตัวมีตนอยู่จริง

แล้วที่เล่ามาทั้งหมดนี่มันเป็นอะไรหรือครับ ?
 :35: :35: :35:
หัวข้อ: Re: นิทานเซน
เริ่มหัวข้อโดย: เงาใจ ที่ สิงหาคม 03, 2012, 05:51:29 am

แล้วที่เล่ามาทั้งหมดนี่มันเป็นอะไรหรือครับ ?
 :35: :35: :35:ส
[/quote]

ถ้าไม่รู้ทาง หา  จี.พี.เอส มาติดรถสักเครื่องก็น่าจะดีนะครับ
หัวข้อ: Re: นิทานเซน
เริ่มหัวข้อโดย: ดุจเม็ดทราย ที่ สิงหาคม 15, 2012, 08:31:57 am
ถ้าไม่รู้ทาง หา  จี.พี.เอส มาติดรถสักเครื่องก็น่าจะดีนะครับ
[/quote]


อยากได้ จี.พี.เอส รุ่นไร้สาย ไม่ใช้ไฟ  ไม่ทราบพอจะหาให้สักเครื่องได้ไหม ? ครับ
 :25: :25: :25:
หัวข้อ: Re: นิทานเซน
เริ่มหัวข้อโดย: เงาใจ ที่ สิงหาคม 16, 2012, 03:29:42 am
อย่าว่าแต่รุ่นไร้สาย ไม่ใช้ไฟเลย แม้แต่รุ่นไม่มีตัวเครื่องยังมีเลย
ลองหาในจิตในใจดูซิครับ  มีทุกรุ่นเลย
 :10: :10: :10:
หัวข้อ: Re: นิทานเซน
เริ่มหัวข้อโดย: ดุจเม็ดทราย ที่ สิงหาคม 24, 2012, 09:06:33 am
เจออยู่ในจอทีวี  แต่เอาออกมาไม้ได้ครับ
 :08: :08: :08:
หัวข้อ: Re: นิทานเซน
เริ่มหัวข้อโดย: เงาใจ ที่ สิงหาคม 25, 2012, 05:23:49 pm
เจออยู่ในจอทีวี  แต่เอาออกมาไม้ได้ครับ
 :08: :08: :08:

  จอทีวีมันมองเห็นจับก็ต้องได้ ยังเอาสิ่งที่เห็นว่ามีอยู่ออกมาไม่ไดั  เพราะมันไม่มีอะไรอยู่ในจอได้จริง ๆ
แล้วจิตที่ไม่มีตัวตน มองไม่เห็นจับต้องไม่ได้นี้เล่า จะมีอะไรอยู่ในจิตได้จริงๆหรือ ?
แล้วทุกข์กับเรื่องอะไรกันเล่า ?
หัวข้อ: Re: นิทานเซน
เริ่มหัวข้อโดย: ดุจเม็ดทราย ที่ สิงหาคม 28, 2012, 08:09:15 pm


  จอทีวีมันมองเห็นจับก็ต้องได้ ยังเอาสิ่งที่เห็นว่ามีอยู่ออกมาไม่ไดั  เพราะมันไม่มีอะไรอยู่ในจอได้จริง ๆ
แล้วจิตที่ไม่มีตัวตน มองไม่เห็นจับต้องไม่ได้นี้เล่า จะมีอะไรอยู่ในจิตได้จริงๆหรือ ?
แล้วทุกข์กับเรื่องอะไรกันเล่า ?
[/quote]


ทุกข์กับเรื่องมีไม่จริงกระมังครับ
หัวข้อ: Re: นิทานเซน
เริ่มหัวข้อโดย: เงาใจ ที่ สิงหาคม 31, 2012, 04:43:28 am

 :37: :37: :37:

หลวงพ่อเล่าว่า  วันหนึ่งมีโยมมาสนทนากับหลวงพ่อเกี่ยวกับการปฏิบัติธรรม
หลวงพ่อถามว่า  โยมปฏิบัติเพื่ออะไรหรือ ?
โยมตอบว่า  เพื่อออกจากทุกข์ครับหลวงพ่อ
หลวงพ่อถามว่า  ปฏิบัติอย่างไรหรือโยม ?
โยมบอกว่า  โดยหลักแล้วอุปาทานขันธ์ห้าเป็นตัวทุกข์ครับหลวงพ่อ  จะออกจากทุกข์ต้องละอุปาทานขันธ์ห้าครับ
หลวงพ่อ  แล้วทำอย่างไร ? จึงจะละอุปาทานขันธ์ห้าได้เล่าโยม ?
โยม  ต้องเจริญสติปัฏฐานสี่ครับหลวงพ่อ
หลวงพ่อ   แล้วโยมเจริญสติปัฏฐานสี่อย่างไร ? หรือโยม
โยม  ผมนั่งภาวนาโดยการพิจรนาลมหายใจเข้าออกทุกคืน   คืนละ 1-2 ช,ม ครับหลวงพ่อ
หลวงพ่อ นั่งภาวนาเพื่ออะไร หรือโยม ?
โยม  เพื่อให้จิตมันสงบจากนิวรณ์ 5 ครับ
หลวงพ่อ  แล้วมันสงบไหมล่ะ ? โยม
โยม  มันเอาแน่ไม่ได้ครับหลวงพ่อ  บางทีมันก็สงบ  บางทีก็คิดนั้นคิดนี่ไปเรื่อย
หลวงพ่อ  แล้วยังไงต่อ
โยม  ถ้าคืนไหน ?  จิตมันสงบดี  ผมก็พิจรนากายบ้าง  เวทนาบ้าง  พิจรนาจิตบ้าง  ครับหลวงพ่อ
หลวงพ่อ  พิจรนาเพื่ออะไรหรือโยม ?
โยม  เพื่อให้เห็นว่ามันเป็นอนิจจัง  ทุกขัง  อนัตตา  มันใช่ตัวไม่ใช่ตน  ไม่ใช่เรา  ไม่ใช่ของเรา  ยึดไว้ไม่ได้ครับ
หลวงพ่อ  ก็ถูกแล้วนี่  ว่าแต่ว่าโยมปฏิบัติมานานเท่าไรแล้ว ? ล่ะ
โยม  สิบกว่าปีเห็นจะได้ครับ 
หลวงพ่อ  แล้วมันออกจากทุกข์ได้หรือเปล่าเล่าโยม ?
โยม   ตอบตามตรงนะครับหลวงพ่อ  มันไม่ทุกข์ตอนมันนั่งนิ่งสงบ  และตอนพิจรนาครับ   แต่ตอนใช้ชีวิตประจำวันนี่มันยังมีเรื่องให้ทุกข์เหมือนเดิมครับ  ผมจึงอยากถามหลวงพ่อว่า  ทำไมมันจึงยังทุกข์ไม่เลิก ?  แล้วผมจะทำยังไงดีครับ ?
หลวงพ่อ  ถ้าทุกข์ไม่ใช่ของโยมๆจะทุกข์ไหม ?
โยม  คงไม่ครับหลวงพ่อ
หลวงพ่อ  ทุกข์ที่ว่านั่นน่ะมันเกิดที่ไหนหรือโยม ? 
โยม  เกิดที่จิตครับหลวงพ่อ
หลวงพ่อ   ถ้าโยมไม่นึกไม่คิดเลยมันจะทุกข์ไหม ?
โยม  ไม่ทุกข์ครับหลวงพ่อ
หลวงพ่อ  เอ้า  แล้วโยมคิดทำไม ?  ทำไม่หยุดคิดเสียล่ะโยม  จะได้ไม่ทุกข์
โยม  ห้ามไม่ได้ครับหลวงพ่อ  ยิ่งห้ามมันยิ่งยาวเลยครับ
หลวงพ่อ  ก็นั่นนะซี  มันห้ามไม่ได้หรอก  เพราะความคิดมันไม่ใช่โยม  ไม่ใช่ของโยม   ถ้ามันเป็นโยม  เป็นของโยม  โยมก็ต้องห้ามมันได้นะซี   จริงไหม ?
เออ  คงจริงครับหลวงพ่อ
หลวงพ่อ  ความคิดมันเป็นสังขารขันธ์ ของขันธ์ 5 เขา  มันเกิดชั่วขณะแล้วดับไป  มันมีไม่จริงหรอกโยม  ยึดไว้ก็ไม่ได้   แล้วไอ้ขันธ์ 5 นี่มันเป็นโยมหรือเปล่าล่ะ ?

โยม  ไม่ใช่ครับ
หลวงพ่อ   แล้วความทุกข์มันเป็นของโยมหรือของขันธ์ 5 เขาล่ะ ?
โยม   ของขันธ์ 5 ครับ
หลวงพ่อ  เอ้า!  แล้วโยมไปทุกข์กับมันทำไม เล่า ?
โยม  หลวงพ่อพูดได้น่าคิด นะครับ ?
หลวงพ่อ  คิดอีกก็ถูกหลอกอีกนั่นแหละโยม  เรื่องมีไม่จริงทั้งนั้นโยม
โยม  อืม !  แล้วหัวเราะ ฮึฮึ   
หัวข้อ: Re: นิทานเซน
เริ่มหัวข้อโดย: ดุจเม็ดทราย ที่ กันยายน 07, 2012, 08:22:06 am
นึกว่าเรื่องอะไร  ที่แท้ก็แค่เรื่องหลอก ๆ
 :25: :25: :25:
หัวข้อ: Re: นิทานเซน
เริ่มหัวข้อโดย: เงาใจ ที่ กันยายน 16, 2012, 02:43:58 am

นึกว่าเรื่องอะไร  ที่แท้ก็แค่เรื่องหลอก ๆ
 :25: :25: :25:
[/quote]

ถ้ารู้ว่ามันหลอก  ก็ไม่โดนหลอกให้ทุกข์กับเรื่องหลอก ๆ
เพราะไม่รู้ว่ามันหลอก   จึงโดนหลอกให้ทุกข์กับเรื่องหลอก ๆ
หัวข้อ: Re: นิทานเซน
เริ่มหัวข้อโดย: เงาใจ ที่ ตุลาคม 15, 2012, 04:58:15 am
ขณะออกบิณฑบาตรในเช้าวันหนึ่ง
พระอาคันตุกะที่มาขอจำวัด สัเกตุเห็นใบไม้ใบหนึ่งตกลงในคูที่อยูุ่ข้างทางเดินเล็ก ๆ ที่กำลังเดินออกจากวัด  ใบไม้ไหลไปอย่างรวดเร็วตามกระแสน้ำ
พระอาคันตุกะพูดขึ้นว่า  หลวงพ่อครับ  เมื่อคืนฝนบนเขาคงตกแรงมากนะครับ  วันนี้น้ำในคูขึ้นสูง   ไหลแรงและไหลเร็วมากเลยนะครับ

หลวงพ่อตอบว่า  ผมไม่เห็นมีน้ำที่ไหน ?  เห็นแต่ใจของท่านนั่นแหละที่ไหลไป

 :05: :05: :05: