ใต้ร่มธรรม

คลายวิถีทุกข์ด้วยธรรมะ => ธรรมะเสวนา => ข้อความที่เริ่มโดย: ฐิตา ที่ มีนาคม 02, 2013, 02:58:48 pm

หัวข้อ: เล่าให้ฟัง-มนุษย์แท้? :PULING的主頁 [1]
เริ่มหัวข้อโดย: ฐิตา ที่ มีนาคม 02, 2013, 02:58:48 pm
(https://lh3.googleusercontent.com/-i22U-Aa6yBQ/UK08I6q7PDI/AAAAAAAA_hU/Cq2cfX_FA0w/s646/%5B-ouki7gyuhjkl.jpg)

เล่าให้ฟัง-มนุษย์แท้? :PULING的主頁

ความแตกต่าง ระหว่างมนุษย์ และสัตว์
“กิน นอน ขับถ่าย สืบพันธุ์ กลัวภัย เสมอกัน ต่างกันที่มนุษย์มี มโนธรรม”
โดยร่างกาย มนุษย์ อ่อนแอกว่าสัตว์ โดยน้ำหนักเท่ากัน
แต่มนุษย์ มีระบบ
-เซนเซ่อร์ (อวัยวะรับรู้สึก)
-ประเมินผล สั่งการ (จากสมอง)ที่

“สามารถเรียนรู้ คาดการณ์ ปรับปรุงและ ใช้เครื่องมือ สื่อสาร แบ่งปันความรู้ และทำงานเป็นทีมได้”
“”””””””””””””””””””””””””””””””

(https://lh5.googleusercontent.com/-NUBPqPzq5nU/ULKANFk2ZpI/AAAAAAAA_uw/j13tifIjq-0/w497-h373/g6798.jpg)

สัมมาทิฐิ ในพุทธศาสนา มีสองระดับ
-ระดับ เพื่อให้ ยกระดับ ภูมิจิต ภูมิธรรม ภูมิปัญญา โดยการ ”ละชั่ว เจริญกุศลให้ยิ่ง”
ใช้ทิฐิของ สัสสตทิฐิ (เชื่อว่า ตายแล้วเกิด) มีลักษณะคือ

-เชื่อว่า ชาตินี้มี (และยังมีชาติภพ ของจิตที่เกิดจากการปรุงแต่ง ของจิตสำนึก อันมี ความคิด อารมณ์พาไป เกิดดับวันหลายพันรอบ)
-เชื่อว่าชาติหน้ามี (คือมีการเกิดใหม่ ตามแรงกรรม ที่ อกุศล กุศล ศูนย์ให้รางวัลลงโทษ แรงขับชีวิต พาไป)
-เชื่อว่า บุญคุณบุพการีมี (ตั้งแต่ระบบชีวาลัย ที่ให้โอกาสเราเกิด พ่อแม่ ศาสดา ครูบาอาจารย์ ผู้ทำคุณให้เราก่อน)
-เชื่อว่า ทานมีผล (ทานเป็นการ ฝึกให้มีสุขจากการให้ พัฒนาเป็นจาคะ ขูดเกลากิเลส ออกจากชีวิตต่อไป)
-เชื่อว่าพิธีกรรมมีผล ( พิธีที่เปลี่ยนแปลง กายกรรมสาม วจีกรรมสี่ มโนธรรมสาม มีผลต่อชีวิตจริง)
-เชื่อว่า ผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ มีคุณธรรมสูงส่งเป็น อริยะบุคคลมี
-เชื่อว่า การเกิดโดยผุดขึ้น เป็นตัวเต็มวัยทันทีมี (เช่นปรุงจิตด้วยความสุขเป็นเทวดา ปรุงจิตด้วยความทุกข์ทรมาน เป็นสัตว์นรกเป็นต้น
“”””””””””””””””””””””””””””””””””””””””

(https://lh3.googleusercontent.com/-1AJB-gRuumw/UIFtK4CGk4I/AAAAAAAA70U/0xOKZqp_dzE/w497-h373/07123-496.gif)

สัมมาทิฐิ ที่”ทำนิพพานให้แจ้ง
คือพัฒนาชีวิต พ้นทุกข์ สุข สู่ความเย็น กาย เย็นใจ เย็นปัญญา โดยการ มี

-เจโตวิมุติ......หลุดพ้น จากราคะ โทสะ ด้วย ความหนักแน่นมั่นคงอารมณ์ของจิต ที่ฝึกดีแล้ว
-ปัญญาวิมุติ...หลุดพ้นจาก โมหะ ความหลงในสมมติโลก ด้วยญาณปัญญา
 ที่อยู่เหนือ สัญชาติญาณ จิตวิญญาณ  โลกียะปัญญา

-ทำอาสวะให้สิ้น..หลุดพ้นจากขยะปรุงแต่งจิต
ที่เป็นความรู้ จากภายนอก ที่เราเลียนแบบ
ที่เป็น แรงขับ สัญชาติญาณชีวิต และการให้รางวัล ลงโทษ ของเราเอง
ที่เป็นความทรงจำ ที่เราประทับใจ ผ่านการมองวัฒนธรรม
ที่เป็นทักษะ  ”วิธีการคิด”  การชงอารมณ์ของเราเอง
...........................

(https://lh5.googleusercontent.com/-R6xE9IsT9BE/UPUrRQL2suI/AAAAAAABI9o/D2Xg14ZI1-k/w497-h373/uyer.jpg)

ทั้งหมด ต้องเอามา
-แยกการเรียนรู้ ที่เป็นเงื่อนไข
แยกอารมณ์ ออกจากความคิด ด้วยการหายใจทิ้งความรู้สึก จากทุกอารมณ์

-ล้างเงื่อนไขเดิม
จนอารมณ์ ไม่อยู่ในอำนาจ ความคิด อีกต่อไป เป็นเสรีภาพของชีวาในชีวิตที่แท้จริง อิๆ

(https://lh5.googleusercontent.com/-4x6TK_fi5K4/VLEmRvaxrUI/AAAAAAAArA8/pYL8ehxo3pQ/w346-h362/58%2B-%2B1)

-และปรุงใหม่ทั้งหมดแบบ ”เย็นๆ มีมโนธรรมอันดีงาม“ อิๆ
นิพพานนั้น ไม่ทุกข์ ไม่สุข แต่เย็น (พุทธทาส)
นิพพานนั้น อยู่ไม่ไกล จากปลายจมูก หายใจ ถึงขั้วหัวใจ ที่เย็น (หลวงปู่แหวน)
สาธุ

(https://lh6.googleusercontent.com/-Z7ZFlCSuM88/UK4N7GE_IBI/AAAAAAAA_nE/wN5iKmCWWko/w497-h373/rgtryjtyk%252Chj.jpg)
                       มนุษย์มีตาเนื้อ และตาปัญญา ด้วย อิๆ

หัวข้อ: Re: การมองสามชั้น ในการอ่านนิทานไซอิ๋ว :PULING的主頁
เริ่มหัวข้อโดย: ฐิตา ที่ มีนาคม 02, 2013, 03:52:04 pm


(https://lh5.googleusercontent.com/-x3ilq9uRLAg/UKlJMShigbI/AAAAAAAA_P4/YcK-70bIOtI/w497-h373/%253B%253Bpj.jpg)

//-การมองสามชั้น   ในการอ่านนิทานไซอิ๋ว
1.สนุก  หรรษา ขำขัน มันส์ในอภิจินตนาการเกินจริง
2."เห็น" ความหมายธรรมะ ที่ซ่อนเร้นอยู่

การจะเห็นได้ ต้องอาศัย"ตาปัญญาห้า"
2.1-พุทธะจักขุ
.....ปัญญา ที่ประกอบด้วยสติ กุมสภาพจิต เห็นการปรุงแต่งจิตตนเสมอ
2.2-ธรรมจักขุ
......ปัญญา ที่เห็นธรรมชาติตามจริง
ทั้งนิรมานธรรม..ธรรมชาติที่เกิด และเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
กายธรรม.........ธรรมชาติ
ที่เป็นกฎ(ธรรมฐิติ)

(https://lh4.googleusercontent.com/-JRmz1glN05A/UTF77IueLNI/AAAAAAADX0M/iNtSczAuGK0/w397-h273/Amazing%2BVan%2BCat.jpg)

วิวัฒนาการ(ธรรมนิยาม)
เป็นเหตุปัจจัยปรุงแต่งต่อเนื่อง(อีทัปปัจจยตา)
และธรรมที่พ้นอุปาทาน ทุกข์ โดยไม่เนิ่นช้า(นิปปปัญจธรรม)

-สัมโภคกายธรรม
กายแห่งความสุข
สุขใน มนุษย์สมบัติ(เป็นที่ยอมรับ ในสังคม มีมนุษย์ธรรม)
สุขในสวรรค์สมบัติ(หรรษา ภาคภูมิ สมใจ สะใจ )
สุขในพรหมสมบัติ(เมตตา กรุณา มุฑิตา อุเบกขา สันโดษ สมถะ)
สุขในนิพพานสมบัติ(วิมุติสุข) พ้นจากเพลิงทุกข์ เพลิงกิเลส ทำอาสวะสิ้นแล้ว

2.3-สมันตะจักขุ
......ปัญญาที่เป็นความรู้รอบตัว หลากหลายสาขา ทั้งศาสตร์และศิลป์
2.4-ญาณ ฌานจักขุ
.....ปัญญา ที่เกิดจากองค์ฌาน ญาณ ที่ได้จากการทำ สมถะ วิปัสสนา
2.5-ทิพย์จักขุ
.....ปัญญา ที่เห็นธรรมชาติ เรื่องราว อันละเอียด ลึกซึ้ง เกินกว่ามนุษย์ทั่วไปจะเข้าใจได้
..................................................

(https://lh6.googleusercontent.com/-NUL5KyIpYgI/UTBT1_K2jcI/AAAAAAAAr-c/9w-2kl37_Io/w497-h373/Z7FpC.gif)

หัวข้อ: Re: หงอคง ก็คือ"โพธิ์ปัญญา" :PULING的主頁
เริ่มหัวข้อโดย: ฐิตา ที่ มีนาคม 02, 2013, 04:20:48 pm
(http://aasujournalofhistory.files.wordpress.com/2011/07/c1.jpg)

ฝึกจิต แบบลิง คือแบบไซอิ๋ว
   //-ตอนนี้ มาแทนค่าของ ท่านมาร ที่ใครๆก็ ทั้งเกลียดทั้งกลัว
-เทวบุตรมาร............(ความต้องการ สมใจ สะใจ ในชีวิต)
เป็นซูโม่หรือนักยูโดก็แล้วกัน
ที่ชอบโยนชีวาในชีวิต ไปสู่ภูมิจิตต่างๆ ตามอารมณ์พาไป อิๆ

-กิเลสมาร................(แรงขับชีวิต ได้คือสุข เสียไปคือทุกข์)
เป็นนักวางเพลิง เผลอไม่ได้
ท่านชง ราคะ โทสะ โมหะ เผา หู ตา จมูก ลิ้น กาย ใจ
ให้หาเรื่องใส่ตน และคนรอบข้าง อิๆ

-อภิสังขารมาร.........(ความคิด แบบ ขาดสติกุมสภาพจิต...หดหู่ ฟุ้งซ่าน พายเรือในอ่าง)
เป็นพ่อมด แม่มด ที่ชอบลองสร้าง เคมีแปลกๆ ปรุงยาพิษเล่นอิๆ
-ขันธ์มาร...............(ชีวะยนต์ คอมพิวเตอร์มีชีวิต ที่ปรุงแต่งเป็น”เรา”)
เป็นแฮกเกอร์ เจ้าปฏิบัติการ คอมพ์ที่มีชีวิต คิดค้นไวรัส เจาะสมองเล่น อิๆ

-มัจจุราชมาร..........(เวลา)
เป็นกระต่ายแสนกล ในนิยาย เอลีส ในเมืองมหัศจรรย์ ที่ชอบ"มาสายทุกที"
-ทรัพย์..................เป็นของเฮเดส เจ้านรก อิๆ ใครคิดว่าเป็นของตู โดนบีบหัวใจแน่ๆ
และท่านยังมี...........ธิดาฤดูใบไม้ผลิ เป็นศรีภิริยา ที่ยั่วยวนใจด้วย ระวังเดี๋ยวผิดศีลข้อกามาฯอิๆ
............................

      //-แทนค่าได้หมด แล้วลิง จะจัดการ อยู่ร่วม อยู่รอด กับ เจ้าพวกนี้ได้ไง
ต้องฝึกๆๆๆ สติไวดั่งสายฟ้า
ใช้กระบองยืดได้หดได้ ของหงอคง(ควบคุมจินตนาการ)ให้เป็น
................................

//-มาถึงวันนี้ แม้นจิตยังไม่แกร่งดังเพชร
แต่ก็มีสายฟ้าฟาด พลิกจิต ได้ทันเป็นส่วนใหญ่
แต่ก็ไม่ประมาท ฝึกทุกอย่าง ให้เป็นทักษะ ฝีมือ อิๆ

-ทักษะ ในการดูแลชีวิตชีวาให้แข็งแรง แฮงบ่ตก ว่าซั่นอิ
-ทักษะอาชีพสุจริต
-ทักษะ จิตที่ เอื้อเฟื้อ และห่าง อุปทานทอารมณ์ทุกข์
-ทักษะการ สื่อสารทางบวก กับสังคม
-ทักษะ ในการ"พลิกจิต" และปรุงคำพูดที่เป็นวาจาสุภาษิต สอนตนเอง อิๆ
บาย

(รู้จัก..จิต....และวางแผน ฝึกจิตแบบลิง)
(อ่าน ภาษาคน ภาษาธรรม จากไซอิ๋วประกอบ ต่อนะครับ)
http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=maekai&group=15 (http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=maekai&group=15)
*************************

(http://media-cache-ec0.pinimg.com/736x/18/14/80/181480810f6b711ca9adc6a47dad6b3e.jpg)

//-ไซอิ๋ว "เดินทางสู่ตะวันตก"
เป็นนิทานธรรมะ ที่ลิขิตจาก ประวัติศาสตร์จริง
ในยุคราชวงค์ถัง
ที่พระถังซำจั๋ง เดินทางไป ค้นหา "หลักการที่ถูกต้องของพุทธศาสนา" ในดินแดนชมพูทวีป
ใช้เวลาเดินทาง ศึกษา และกลับมา 19ปี

//-เมื่อ ท่านเขมานันทะ(ขณะเขียน เดินทางไกลกับไซอิ๋ว)
เป็นผู้เปิดมิติ ธรรมวิภาค ว่า"ไซอิ๋วซ่อนปริศนาธรรม เดินทางภายในสู่นิพพาน"
ดช.ปู่ลิง ก็แกะ หาความหมาย ในทัศนะของลิงบ้างอิๆ
อาจตรงกับท่านอ.เขมานันทะ หรือต่าง
ก็เป็นเพียง"อัตโนมติ"(ความเห็นส่วนตัว)
พวกเรา ควรลองหัด ตีความหมายจาก
บุคลาธิฐาน(ภาษาอภิจินตนาการ) มาเป็น ธรรมาธิฐาน(ภาษาหลักการเหตุผล) ด้วยตนเองบ้าง
เพื่อ ปลุก สัมมาทิฐิ โพธิปัญญา(ปัญญาที่ให้แส่งส่องทางชีวิตและร่มเงาที่เย็นแก่ชีวิต)

//-กำลังคิดรวบรวมไซอิ๋วที่กระจัดกระจาย มารวมไว้ที่เดียวกัน
และอ่าน ประกอบดนตรี ไว้ให้พวกเราฟัง ครับผม
เป็นพุทธะโพธิสัตว์บูชา ในเทศกาล เข้าพรรษา 2011 นี้

//-ปัญญามนุษย์มีสาม -โลกียะปัญญา -โลกุตตระปัญญา -โพธิปัญญา
****************************

(http://media-cache-ec0.pinimg.com/736x/05/eb/27/05eb27877e191ba0f9f4070edb7159ec.jpg)

PULING 2011-08-09 08:51
//-ปัญญาสาม
1.โลกียะปัญญา
ปัญญาเพื่อ อยู่รอด อยู่ร่วม สุขกับโลกธรรม
2.โลกุตตระปัญญา
ปัญญา ที่ล้างขยะปรุงแต่ง และเครื่องผูกมัด(สังโยชน์)
จนจิต ความสุขพบอิสระภาพ
ยกระดับ ภูมิจิต ภูมิธรรม ภูมิปัญญา ให้ยิ่ง
3.โพธิปัญญา
ปัญญาฉลาดเลือก
ให้แสงสว่าง ความสุขไร้เงื่อนไข ร่มเงา แก่ทุกชีวิต
......................

//-ปัญญามีสาม
ร่างกายมนุษย์ มีสำรองให้ใช้ ห้าร่าง
เรารู้จักวิธี ปลุก ปัญญา กาย เราตื่นมา เป็นประโยชน์หรือไม่ อิๆ
"""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""

(http://media-cache-ec0.pinimg.com/736x/e5/c0/c6/e5c0c601409a2043ee4fd0958af2f22a.jpg)

//-ตราบใดที่โลกยังไม่แตก ไซอิ๋ว ก็คงมีการเล่าขาน...สร้างใหม่
//-ดูไซอิ๋วแล้ว มาปราบปีศาจในใจตนด้วย อิๆ
-พลาด.......ลงโทษ
-พลาด.......ทำคุณไถ่โทษ
-พลาด........กลับร้ายเป็นดี
-ชีวิตแท้คือ.........ทำหน้าที่เพื่อหน้าที่
-เมื่อจบบทบาท.....ต้องกลับบ้าน

จากว่าง...............สู่ว่าง
จากอนัต์..............สู่อนันต์
หนัก..................ก็วาง
วางก็..................เบา
ไม่เอา.................ก็หลุดพ้น จากสังโยชน์ทั้งปวง
ไม่มีที่ให้เอง.........(กิเลส ตัณหา อุปาทาน กรรม วิบาก วิบัติ อาศัยได้อีกแล้ว) อิๆ

ไม่มี...................กาล สถานที่ ขวางกั้น ได้อีกต่อไป
เป็นเสรีชน คนปนลิง.....ตีลังกา ท่องทุกมิติธาตุธรรม ด้วยใจเอื้อเฟื้อ อิๆ
ดังนั้นชีวิต.................. พบกันแล้วต้องจาก
มีวาสนา......................จึงมาพบกัน
จะจากเป็น.................. หรือจากตาย.....ต้องฝึก
ความตายอยู่ที่...............ปลายจมูก
หมดลม.......................ก็ต้องลงจากเวที อิๆ
จบ..ลงเวทีให้เป็น....ดีกว่า"โดนไล่ลง" อิๆ
....................................................

//-อันโชคลาภ......... วาสนา
ดุจเมฆา..................หน้าฝน
เชือกผูก ................ไว้ไม่ได้ รั้งไว้ก็ไม่อยู่
หมดฤดู..................ก็จากไป
.........................................

(http://media-cache-ak0.pinimg.com/736x/7e/b8/48/7eb848318ee5d365c6ef1b86f518b18f.jpg)

//-ตอนหน้า เล่า เครื่องมือชมไซอิ๋ว
เพื่อ
ไพเราะเบื้องต้น................สนุกกับเรื่องราว อภิจินตนาการ
ไพเราะเบื้องกลาง..............รู้ความหมายที่ซ่อนไว้
ไพเราะในที่สุด..................เอาไปใช้ในชีวิตประจำวันได้จริง อิๆ บาย

โพสต์เมื่อ 23rd August 2011 โดย puling222
ป้ายกำกับ: ไซอิ๋ว นิทานธรรมะ ปู่ลิง
- http://www.appreciative-community.com/appreciative-community/home/space.php?uid=21&do=blog&id=521 (http://www.appreciative-community.com/appreciative-community/home/space.php?uid=21&do=blog&id=521)


(http://media-cache-ec0.pinimg.com/736x/85/25/3b/85253b086a16cc9e921fe5ee67abad61.jpg)

//-หงอคง ก็คือ"โพธิ์ปัญญา"
ต้องใช้เวลา พัฒนา"บวช" เข้าสู่ทางกุศล มรรค(พบทางสว่าง) ผล(รับผลสำเร็จ)
และต้องมีทีม ที่เป็น "อินทรีย์ ที่เปลี่ยนเป็นพลังชีวิตชีวา" มาช่วย
เป็น"อินทรีย์ห้า เจริญเป็นพละห้าคือ"

-ศรัทธา............คือพระถัง
ที่ตั้งใจไปค้นหาหลักการจริงๆ ของพุทธศาสนา มาเป็นหลักการของชีวิต

-วิริยะ.............คือม้าขาว ความวิริยะพากเพียร
ต้องมีธูปหอม (ให้กำลังใจตนเอง)
แส้ที่ทำจากเอ็นเสือ (ดูถูกตนเองให้เกิดมานะพยายาม)
"วันคืนที่ผ่านมาเรา ยกระดับภูมิจิต ภูมิธรรม ภูมิปัญญา ได้มากน้อยแค่ไหน?"

(http://media-cache-ak0.pinimg.com/236x/04/f0/c5/04f0c586f871b3014ce2ac2a7d5d4947.jpg)

-สติ............ตือบ่วยก่าย ต้องมีศีลกำกับ(มีคราดเก้าซี่ สังฆคุณ)
และเฝ้ากระแส ปิติสุขภายใน ไม่หลงในกุญแจความสุข ที่เป็นมายาภายนอก
-สมาธิ..........ซัวเจ๋ง สมาธิที่เกิดจากสมถะ ช่วยให้"อารมณ์หนักแน่น"
มี พลั่วพระธรรม ด้านหนึ่งเป็นเสียมแบนรูประฆัง(มีสติในหน้าที่)
ด้านหนึ่ง เป็นรูปจันทร์เสี้ยว (หมายถึงเวลา)
วิปัสสนา (หนุนปัญญา สู่ความรู้แจ้ง)
**********************************

(http://www.dhammathai.org/webboard/data/imagefiles/5888.jpg)

//-ไซอิ๋ว เป็นอาหารอร่อย ของ""โลกจินตนาการ"
-เป็นอาหารทิพย์ ของ ปัญญา
-เป็นความเข้าใจดี ระหว่างวัฒนธรรม
-เป็นสื่อการการ ค้นคว้า สร้างสรร นวัตกรรมใหม่ๆ
.........................
//-ดังนั้น ไพเราะในเบื้องตน จาก จินตนาการเกินจริง
-ข้างในยังอิงธรรมะ ปลุกให้ มโนธรรมตื่น
-และเอา ไปปรับใช้ เมื่อเราผัสสะโลกธรรม ได้ ตามกำลังสติปัญญาที่ ฝึกดีแล้ว อิๆ
........................

//-ถ้ามองผ่าน"วัฒนธรม"
ไซอิ๋ว มีส่วนผสม วัฒนธรรมกรีกแบบเทวะนิยม
ที่เข้ามาสู่อินเดีย กับกองทัพอเล็กซานเดอร์มหาราช
และผสมกับวัฒนธรรมภารตะ
เป็นรามายณะ มีหนุมาน ลิงที่ภักดีต่อสัจจะ(ราม)
แสงแห่งโลกุตระธรรม ที่แผ่ไพศาล เป็น

-เถรวาท (ภิกษุ ขนของ เทียมแพะ ขึ้นทางลัด)
-มหายาน(ภิกษุ ขนของ เทียมโค ไปทางราบยาวไกล)
ตอนเมืองฆ่าพระ
-เซน (สมณะโอเช้า ผู้มีนิวาสอยู่บนรังกา)สอน ขันธุ์ห้าเป็นของว่าง แก่พระถัง
....มาผสมกับ...เต๋า....ขงจื้อ
มาเป็น"ไซอิ๋ว" นิทานการเดินทางสู่ตะวันตก(นิพพานภายในใจ)
อย่างมหัศจรรย์ อิๆ
................................

//-ดังนั้น ตัวละคร สถานที่ อาวุธวิเศษ พฤติกรรม เนื้อเรื่อง
มีปริศนาธรรมซ่อนไว้ ตลอดอิๆ
และยังเป็น"สื่อโฆษณา" แนะนำ เซียน พระโพธิสัตว์ อย่างเป็นทางการ
ที่สำคัญคือ มหาโพธิสัตว์กวนอิม หรือ"พระอวโลกิเตศวร"
คู่กับ"โพธิปัญญา"(ปัญญาที่เอื้อเฟื้อต่อสามโลก หรือ หงอคง)
ให้ชาวโลกได้รู้จัก อิๆ
...............................

(http://img.scoop.it/tmPLFa_75Q0UPDGYigJn6jl72eJkfbmt4t8yenImKBVvK0kTmF0xjctABnaLJIm9)

//-ปฐมบท
1.เรี่มจากการประชุมสภา พุทธจักร
พระถังในอดีต หลับขณะ พระยูไลเทศน์
เลยต้องมาเกิด เพื่อ"ทำคุณไถ่โทษ" เดินทางไปอัญเชิญ
หลักการของพุทธธรรมมาให้แผ่นดินถัง (มหาปรัชญาปริมิตาสูตร)

2.กำเนิดโพธิจิต โพธิปัญญา
หงอคง(ว่างอย่างยิ่ง)
จากไข่หิน ที่กาลเวลา แสงสุริยันจันทรา เห่กล่อม มานานเป็นล้านๆปี
ระเบิด มีลิงเผือกน้อย
อาศัยที่ภูเขา บุปผา ผลาผล อันงาม และพบถ้ำม่านน้ำ(ทางสู่สวรรค์)
และแสวงหาอมฤตธรรม(ทำอย่างไรจะไม่ตาย)

เรียนวิชาเซียน และวิชาอมตะ แต่ต้องคำสาปในวิชาว่า
500ปี จะถูก "ภัยสาม"สายฟ้าฟาด ไฟสวรรค์เผา และลมกรดพัด ฉีกร่างเป็นชิ้นๆ
และรับวิบากกรรม"ร้อยแปด"(ตัณหาร้อยแปด?)
....จากนั้น ได้อาวุธคู่มือ จากแดนบาดาล(จิตในสำนึก)
กระบองอู่ยี่(ปลอกทองสมใจนึก)"จินตนาการ"
เสื้อเกราะทองคำ(พาหุสัจจะ ศิลป์) ความรอบรู้ และลึกซึ้งในสาขาวิชาการ

รองเท้าไยบัว (ความใฝ่รู้)
หมวกหางหงส์(วิสัยทัศน์)
....อาละวาดนรก ทำลายบัญชี เกิดตาย จึงเป็นอมตะ
"โพธิจิต ไม่มีวันตายจากใจมนุษย์ แต่บางคนจะหลับจนตายก็ไม่รู้จัก" อิๆ

....อาละวาดสวรรค์
เข้าใจมโนธรรม และดูถูก ว่าเป็น แค่ ของเล่น อิๆ
....พบพระยูไล ถูกจองจำใต้ภูเขาห้ายอด
พบโลกุตระธรรม เริ่มรู้ว่า "ขันธุ์ห้า เป็นของหนัก"
....พระโพธิสัตว์กวนอิม ให้รอพระถัง
ต้องรวมทีม อินทรีย์ภายใน
ศรัทธา....พระถัง
วิริยะ......ม้าขาวเจ้าชายมังกร
สติ.........ตือบ่วยก่าย(ศีล?)
สมาธิ......ซัวเจ๋ง
โพธิปัญญา....ตัวหงอคงเอง

เข้าไป จัดระเบียบ ชีวิตชีวา
"สร้างจิตภาพ กายภาพใหม่"
ด้วยการ ไปเปลี่ยน กิเลสให้เป็นโพธิ
กลับร้ายเป็นดี ตามเนื้อเรื่อง ในไซอิ๋ว อิๆ
......................

จากจิต...............โลกียะ
มาพบจิต.............มโนธรรม
มาพบจิต.............โลกุตระ
มาพบจิต..............โพธิจิต
มาพบจิต..............สากลจักรวาล

(https://s-media-cache-ak0.pinimg.com/736x/34/81/6f/34816f2c6569696b393b9f2faa4f5af9.jpg)
พบเสรีภาพความสุข ท่องโลก ธรรม แบบ คนดี อยู่ที่ตัวเราเอง
ต้องลงไปชำระจิต ให้หมดอาสวะ อิๆ.

Suraphol Kruasuwan
Shared publicly  -  Sep 22, 2013
:https://plus.google.com/u/0/102795770125676715056/posts
:http://www.dhammathai.org/webboard/view.php?No=5888&visitOK=1
หัวข้อ: Re: พ้นอุปาทานตัณหา :PULING的主頁
เริ่มหัวข้อโดย: ฐิตา ที่ มีนาคม 02, 2013, 04:27:31 pm


(https://lh6.googleusercontent.com/-sTcHWkEXlWc/UOwUStd_nNI/AAAAAAABGeY/Npqu0TNHE58/w497-h373/883311.jpg)

-ปัญญา.......ต้องยกระดับ
โลกียะปัญญา (ปัญญารอบรู้โลก ทำมาหากิน)
สู่ โลกุตระปัญญา (ปัญญายกชีวิตชีวา พ้นอุปาทานตัณหา )
สู่โพธิ์ปัญญา(ปัญญาที่ให้แสงสว่าง เบิกบาน ร่มเงาแก่ชีวิตตน และคนรอบข้าง)
3.เห็นวิธี ที่เอาหลักการเหตุผล ไปใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน
.......

(https://lh5.googleusercontent.com/-Bu8iZMlmDkI/US-FvzICQtI/AAAAAAADWwU/oYs5F4RLSG8/w497-h373/supermoon_in_wonderland_by_dienutza-d4yt0cf.gif)

//-สหายเอ๋ย หรรษาขำขัน.................................ในนิทานธรรม
เห็นสัจจะธรรมซ่อน..........................................เป็นสุขี

เอาไปใช้ เป็นประโยชน์ตนท่าน...........................อัศจรรย์ในชีวาในชีวี
การพบไซอิ๋วนี้.................................................ย่อมมีแต่คุณเอยฯ
.........................

(https://lh3.googleusercontent.com/-PHGHEPlJq1c/UJDwsFIyM5I/AAAAAAAA9PM/leal6gYZtvI/w497-h373/0928a-496.gif)

//-อ่านแล้วสนุก............เพลินใจ
อ่านแล้วปัญญาเห็น.......ปรมัตถธรรมซ่อนในนั่น
เอาไปปรับใช้...............ฝึก สัมมาสติ โพธิปัญญา เห็นทั้งนอก ใน แจ้งด้วยกัน
ใครทำได้อย่างนี้นั่น.......ชีวิต พึงรื่นรมย์ เป็นมงคลชีวาในชีวิตเอยฯ
สาธุ
PULING 2012-04-13 04:04

(https://lh6.googleusercontent.com/-m6B5NMS8QqA/UTBCh3XCtWI/AAAAAAADXMo/Les8NW7eSHw/w497-h373/Scotland.jpg)
-http://www.appreciative-community.com/appreciative-community/home/space.php?uid=21&do=blog&id=695

หัวข้อ: Re: มนุษย์แท้? :PULING的主頁
เริ่มหัวข้อโดย: ฐิตา ที่ พฤษภาคม 24, 2013, 07:06:49 am


(https://lh6.googleusercontent.com/-6vAAtdzn_KU/UZ6TEcJi-3I/AAAAAAAAZIQ/KI2eGNTZARE/w506-h380-o/IMG_0051.JPG)

//-การเกิดขึ้นของพระพุทธเจ้าในโลกนี้ เพื่อ อนุเคราะห์ สามโลก
1.สังขารโลก
โลกที่เกิดจากการปรุงแต่ง เป็น"เรา" แต่ละคน
ด้วยการ ฝึกเจริญสติ ล้างจิต พ้นขยะปรุงแต่งจิต
เลิกชงอารมณ์ทุกข์ ซ้ำเติมเวทนาทุกข์
และปรับตัว อยู่ร่วม อยู่รอด กับ สภาวะทุกข์ อย่างมีมโนธรรม

2.สัตว์โลก
เพื่อน สังคม เกิดแก่เจ็บตาย
ด้วย"ธรรมบาล"
ส่งเสรีมให้มีคน ประเภค
-เป็นบุพการี มีกตัญญู(ทำคุณและตอบแทนคุณ)
-มีหิริ โอตัปปะ(ละอาย เกรงกลัวต่อผลความชั่ว)
-มีมงคล และทักษิณาทาน(สุขจากการทำหน้าที่ดีๆ โชคดี สุขจากการแบ่งปัน)

3.โอกาสโลก
ระบบชีวาลัยอันเปราะบาง ที่ลอยในอวากาศ
ช่วยกันรักรักษ์ สมดุลย์ ให้ยั่งยืน
สาธุ


(https://lh6.googleusercontent.com/-7RekA9yFjqk/UZ0yCDbKRQI/AAAAAAAAY6s/2eldBON_Y5E/w506-h380-o/IMG_0012.JPG)

ทางแห่งการบรรลุธรรม
//-พระพุทธเจ้า บรรลุธรรม และสรุปว่า
-ดวงตา ญาณ ปัญญา วิชชา แสงสว่าง เกิดขึ้นแก่พระองค์
ใครจะพ้นเพลิงกิเลส เพลิงทุกข์ ด้วยการทำอาสวะให้สิ้น
ก็เดินตามทางสว่างนี้

-ทุกข์นั้น.......................................ได้กำหนดรู้แล้ว
-เหตุแห่งทุกข์.................................ได้ละแล้ว
-การหลุดพ้นอารณ์ทุกข์ อย่างสิ้นเชิง.....เป็นประสบการณ์ตรงด้วยตนเอง
-ทางแห่งการดับไม่เหลือแห่งทุกข์(มรรคแปด)..ต้องเจริญให้ยิ่ง
//-หากใครเอาไปทำให้พอกพูนอาสวะ ก็คงไกลเป้าหมาย
พิจารณาเองเอานะ อิๆ

1.สภาวะทุกข์
ฝึกทำใจให้ยอมรับ ในกฎไตรลักษ์

2.เวทนาทุกข์
ฝึกอดทน
-ทนต่อคำสรรเสริญ นินทา
-ทนต่อการฝึกตน ยกระดับภูมิจิต ภูมิธรรม ภูมิปัญญาให้ยิ่ง
-ทนต่อ การนำตน ครอบครัว ชุมชน สังคม สู่ทางสว่าง

3.อารมณ์ทุกข์
ฝึกเลิกชงอารมณ์ทุกข์ซ้ำเติมเวทนาทุกข์
ฝึกเลิกชง ความคิด อารมณ์ อุดมการณ์ ความรู้
ที่สร้างอารมณ์ทุกข์ ด้วย การ
ปลุก สัมมาสติ โพธิปัญญาตื่น
กำหนดรู้ ทุกอารมณ์ และทิ้ง
.........................................................

"การปฏิบัติธรรมคือ มีสติปัญญารักษา ไม่ให้อารมณ์ทุกข์เกิด
เมื่อเกิด ก็กำหนดรู้และละเสีย"
(วรธัมโม สวนโมกข์)


(https://lh3.googleusercontent.com/-I5QQzWYawdE/UaJw57rUBrI/AAAAAAAAZuo/uE0Az8k8KPg/w506-h380-o/IMG_0127.JPG)

ทุกข์ที่ประสบ แยกเป็นสาม เช่นนั้นเอง
ปลุกสัมมาสติโพธิปัญญาตื่น มากุมสภาพจิต พลิกจิตสู่ทางกุศล วิมุติ
ไม่ทุกข์ ไม่สุข แต่"เย็น"
1.สภาวะทุกข์..............มองเห็น ยอมรับสภาพ
2.เวทนาทุกข์..............ฝึกให้อดทน
3.อารมณ์ทุกข์.............ปลุกสัมมาสติ โพธิปัญญาตื่น
เลิกชงอารมณ์ทุกข์ซ้ำเติมเวทนาทุกข์


(https://lh3.googleusercontent.com/-3Q8Fc_IGWYM/UaJoG-CKwSI/AAAAAAAAZtM/a6OdMLCzOkA/w506-h380-o/IMG_0103.JPG)

No mud no lotus
(zen)
ไม่เจอทุกข์ ไยจะพบธรรม


(https://lh4.googleusercontent.com/-0P3Ig3MFKZE/UZybjnd9j9I/AAAAAAAAHe4/vWA6EGy8mak/w506-h384-o/photo.jpg)

"ธรรมชาติ มนุษย์คือ
คืนสู่ ความสงบ สว่าง ว่าง เย็น


(https://lh4.googleusercontent.com/-l9b0aRzynmA/UaKQ1FB9fzI/AAAAAAAAZvU/ifrRvwJrMJo/w506-h380-o/IMG_0183.JPG)

อย่าให้"มูลค่า" สมมุติโลก หลอกใช้เราจนตาย
กลับมาสู่โลกของ"คุณค่า" ของธรรมชาติ ที่แท้จริง นิรันดิ์ นะครับ

(https://lh3.googleusercontent.com/-mgQBjGaD4Rc/UaeWStw1IfI/AAAAAAAAaZs/v-Pop_DzfkQ/w506-h380-o/IMG_0041.JPG)

นาญฺโญ อญฺญํ วิโสธเย
ผู้อื่นพึงทำให้ผู้อื่นบริสุทธิ์ไม่ได้
ผู้รู้จึงเร่ง
ละ กรรมดำ
เจริญ กรรมขาว
ทำจิตให้วิสุทธิ์ ด้วยการทำอาสวะให้สิ้น
จึงได้ชื่อว่า เป็นผู้ฉลาดในการประพฤติธรรม

(https://lh4.googleusercontent.com/-sRBCZuNbo98/UakOTYWFHLI/AAAAAAAAahI/kzkUHXyhQU8/w506-h380-o/IMG_0024.JPG)

ชีวิตเป็นสิ่งปรุงแต่ง
ชงความคิด อารมณ์ อุดมการณ์ ความรู้ ความอยาก
แรงขับชีวิตอย่างไร
"อัตตา" เราก็เป็นอย่างนั้น
แต่ธรรมชาติที่แท้จริง
เป็น"อนัตตา"
คือเป็นไปตาม กฎ เหตุ ปัจจัยปรุงแต่ง
ไม่ได้เป็นดังใจ
สติปัญญามองเห็น มายาลีลาโลก เป็นปราญ์
ฉลาดพลิกจิตตน สู่กุศล เย็นดุจสายฟ้า เป็นพุทธะ

(https://lh3.googleusercontent.com/-jgWmWp_h-TI/UadsnkTx5SI/AAAAAAAAaXU/iWSMMc_cZUE/w506-h380-o/a1.jpg)

"ปรารถนาใด...............ในใต้หล้า
มิผิดฟ้า ........................ทำนองธรรม
สมมโนรส.....................ทุกวารวัน
สุขภาพดีนั้น..................นิรันดร์ นิรันดร์เอยฯ"

(https://lh4.googleusercontent.com/-AVvFni8u2Tk/Uafn33sdY0I/AAAAAAAAagM/VUKllC04oYY/w506-h380-o/IMG_0019.JPG)

สาธุ
Suraphol Kruasuwan

(https://lh3.googleusercontent.com/-imtHYmD0Aig/UZ6SOTAhX8I/AAAAAAAAZHw/PsMkltx-TRc/w506-h380-o/IMG_0041.JPG)

หัวข้อ: Re: คำสอนสำคัญในวันวิสาขบูชา คือ "ธรรมจักรกัปวัตนสูตร"
เริ่มหัวข้อโดย: ฐิตา ที่ พฤษภาคม 24, 2013, 04:42:22 pm


(https://lh3.googleusercontent.com/-qiNvaYduB1o/Uhzm19a7cjI/AAAAAAAAFyM/iPvAUOp1C_k/w426-h453/photo.jpg)

วันสำคัญ ของชาวพุทธ
คือวัน วิสาขบูชา
วันประสูติ ตรัสรู้ ปรินิพพาน
คำสอนสำคัญ ในวันนี้คือ
"ธรรมจักรกัปวัตนสูตร"
การหมุนของ วงล้อแห่งอริยะธรรม
หมุนเพื่อทำลาย อวิชชา ความไม่รู้ สามประการ
-ไม่สามารถ จำอดีต เอามาตกผลึกชีวิตได้
-ไม่รู้ว่า การปรุงแต่ง วจี จิต กาย จะนำไปสู่อนาคตอย่างไร?
-ไม่รู้วิธี ตั้งสติกุมสภาพจิต ทุกปัจจุบันขนณะ
............................................

-ทุกอารมณ์ทุกข์...........................................ต้องกำหนดรู้
-เหตุแห่งการปรุงอารมณ์ทุกข์......................ต้องละให้สิ้น
-ความเย็นแห่งชีวิต เพราะการเข้าใจแจ้ง.....ต้องทำเป็นประสบการณ์ตรงด้วยตนเอง
-วิถีชีวิต ที่เดินด้วยปัญญา ศีล สมาธิสู่วิมุติ.....ต้องเจริญให้ยิ่ง


(https://lh4.googleusercontent.com/-hX72UtndrZE/UZZwROWlS8I/AAAAAAABf6o/V6oUNvthgfo/w618-h376-no/28Fkv.jpg)

//-ปฏิบัติธรรม ไปทำไม?
-เพื่อฝันถึงสวรรค์ หนีจากนรก
-เพื่อเอา "ความจริงของธรรมชาติ ที่มีอยู่แล้ว
"มาปรับใช้กับชีวิตประจำวัน
ให้เราเบียดเบียน ซึ่งกันและกันน้อยลง
ระบบชีวาลัยน่าอยู่ สมดุลย์ยั่งยืนขึ้น
และไม่เป็นทาส กิเลส ตัณหาอุปทาน


(https://lh3.googleusercontent.com/-8jfB4iN6APM/UZ7yu654IBI/AAAAAAAAZME/PqECKYU4E3Y/w506-h380-o/IMG_0065.JPG)

//-เลือกทางเอาเอง อิๆ
-บางคนชอบ ไหลตามกระแสโลก
-บางคนชอบ ทวนกระแสโลก
-บางคนชอบ ขวางโลก
-บางคนชอบ ข้ามและอยู่เหนือกระแสโลก
แต่ลิง ยังเต็มไปด้วยความรักใน
กิเลส ตัณหาอุปาทาน ว่าเป็น"แรงขับของชีวิต"
จึงชอบขี่มัน ไปทำสิ่งดีๆให้แก่ตนและระบบชีวาลัย อิๆ


(https://lh3.googleusercontent.com/-FJMU9br1xaU/UhyQEwH2vKI/AAAAAAAAXKE/Ddm5_vz37Ig/w526-h384/IMG_1417HDR.jpg)
G+ Suraphol Kruasuwan
หัวข้อ: Re: มนุษย์แท้? :PULING的主頁
เริ่มหัวข้อโดย: ฐิตา ที่ มิถุนายน 03, 2013, 06:41:56 pm


                  (https://lh3.googleusercontent.com/-mkSksJd2Q08/UaZ7R6QntOI/AAAAAAAAaTA/JQ6zKIqTl7A/w506-h380-o/a6.jpg)

//-กิจกรรม มนุษย์ ที่ต้องแสวงหา
ตามสายตาฤๅษี วัฒนธรรมภารตะ
1."กิจกรรม มนุษย์ใน กามาฉวจรภูมิ"
คือยังอาศัย กิเลสกาม วัตถุกาม เสพ ปรุงแต่งชีวิต
" อบายภูมิ มนุษย์ เทวภูมิ " ต่างต้อง มี"กามเป็นเครื่องอยู่"

(https://lh3.googleusercontent.com/-1QRgeeCvDzQ/Ua64ZjYqn1I/AAAAAAAAbQM/VRS5gyDiWmg/w506-h380-o/a2.jpg)

จึงต้องแสวงหา
-ชีวิตที่ เอาตัวรอด ดี สะดวกสบาย เป็นที่ยอมรับ มีผู้ชื่นชม(ชีวะ)
-ผลประโยชน์(อรรถะ)
-ความติดใน หรรษาธรรม(กาม)
2."กิจกรรม ของ รูปาวจร อรูปาวจรภูมิ"
คือผู้เปลี่ยน ความต้องการ กาม เป็น พลังจิต พลังสติปัญญา
-เป็นนักปรัชญา (ทิฐิ)
-เป็นนักธรรมชาติวิทยา(มายะ)
-เป็นผู้แสวงหาทางสว่างของชีวิต(โมกษะ)
3."กิจกรรม ของผู้พัฒนา เพื่อพ้น อำนาจ กระแสโลก และแรงขับธรรมชาติ"
หรือ อริยะภูมิ

(https://lh6.googleusercontent.com/-76nbARZlSmc/UavEbHEn_qI/AAAAAAAAa8c/TkMkro6j5A8/w506-h380-o/IMG_0087.JPG)

//-มนุษย์จะใช้ชีวิต พัฒนาตนเองตามวัย
-วัยเรียน
-วัยล่า
-วัยละ
-วัยหลุด พ้นจาก ความติด
ก็จะได้ความสุข จากกุญแจความสุข
-จาก กามสุข........เสพกิเลสกาม วัตถุกาม
-จากญาณสุข........เสพความรู้เป็นอาหาร
-จากฌานสุข........เสพผลสมาธิ เป็นอาหาร
-จากวิมุติสุข.........เสพ ความหลุดพ้น จาก โลกียะธรรม เป็นอาหาร

(https://encrypted-tbn0.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcS6v-v-gxh6itGOjdMHg9bstsu3-HHTN6-prgZO3DCMQw0_NvFs) (https://encrypted-tbn0.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcQSObK3kbiJvzeAVnq9W42ULkOMb4iEXAIfe7w9BJDV-OuvRwohDQ) (https://encrypted-tbn0.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcRRJo9iFJPz4IDJWlf2JD2paUrKpeLu_y6nvu7esjRL4KSvId4_)

//-ชีวิต จึงเฉกเช่น การพัฒนาการของผีเสื้อ
-เป็นไข่หนอน
-เป็นหนอน
-เป็นดักแด้
-เป็นผี้เสื้อ ผู้เสพแต่น้ำหวาน จากดอกไม้ และมีปีกแห่งเสรีภาพ ที่จะโบยบิน

(https://encrypted-tbn3.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcSSYQzUGzipU1yBuTEeC96-KRm2li2NLpmzg_RXIbhX6lbWfTNlJA) (http://www.oknation.net/blog/home/blog_data/678/37678/blog_entry1/blog/2010-03-20/comment/573118_images/5_1269024832.jpg)

ชีวิต ใครชีวิตมัน เลือกเอาเอง อิๆ
"บัดนี้ เราขอเตือนท่านทั้งหลายว่า
สังขารทั้งหลาย มีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา
จงยังกิจของตน(ละอกุศล เจริญกุศล สู่วิมุติชีวิตที่เย็น
ด้วยการ ล้างขยะปรุงแต่งชีวิตให้หมด
หรือ ทำอาสวะให้สิ้น) ด้วยความไม่ประมาทเถิด"
นี่เป็นปัจฉิมวาจา พุทธเจ้า
สาธุ พระผู้มีพระภาค พระองค์นั้น ด้วย กตัญญู


(https://lh6.googleusercontent.com/-ZQB1Png0ktI/UanTKTxPUMI/AAAAAAAAeF4/rXToSqOEHSg/w506-h380-o/photo.jpg)

ฝนรั่วรด หลังคาที่มุงไว้ไม่ดีฉันใด
กิเลส ก็ทำให้จิตผู้ประมาทที่ไม่ได้ฝึกแปดเปื้อนฉันนั้น
(พุทธสุภาษิต) สาธุ


(https://lh6.googleusercontent.com/-aFEqghetYX0/Uaz5IsEfjLI/AAAAAAAAbHs/vKxaIDBbIyM/w506-h710-o/1%E0%B8%9F%E0%B8%B2%E0%B8%9C%E0%B9%88%E0%B8%B2.gif)

Blitz with good eyesight would see everything.
Spiritual practice,
then it's because the emotional distress. And before the fire.!
บรุษสายตาดี เห็นทุกสิ่งกระจ่าง ชั่วที่มีแสงฟ้าแลบ
จิตที่ฝึกดีแล้ว
ย่อมเห็นเหตุ สร้างอารมณ์ทุกข์ และ ดับเหตุชั่วพริบตา!

(https://lh4.googleusercontent.com/-oN5qtZQwT0A/UaylqsFYv3I/AAAAAAAA6Iw/SepdsVGabmA/w506-h303-o/IMG_1575.JPG)

"การปฏิบัติธรรมคือ ใช้สติปัญญา รักษาใจไม่ให้(อารมณ์)ทุกข์เกิด
เมื่อเกิด ก็กำหนดรู้และละเสีย(โดยฉับพลันทันที)"
.....วรธัมโม สวนโมกข์....

-จิตปถุชน.........คือจิตแบบแผลเก่า เต้นไปตามกระแส อกุศล กุศล กระแสโลก วิบาก กรรม
-จิตพระเสขะ....คือจิตแบบสายฟ้า พลิกสู่ทางกุศล วิมุติ ได้รวดเร็วดุจสายฟ้า
-จิตพุทธะ..........คือจิตแบบเพชร แข็งแกร่ง ไม่หวั่นไหวต่อโลกธรรม
ดุจเพชรไม่เก็บแสงใดๆไว้ในตนเลยฯ


(https://lh5.googleusercontent.com/-sLhJX_ATZIQ/Ua9e42A1TuI/AAAAAAAAEuI/1bpyb8Xy4XM/w606-h481-o/nice_10.jpg)

พระพุทธเจ้าในอดีต......ปรินิพพานไปแล้ว
พระพุทธะเจ้าอนาคต....ยังมาไม่ถึง
พึ่งแสง สุทธิ ปัญญา เมตตา ขันติในตน...คือพุทธคุณที่แท้จริง
สาธุ

                (https://encrypted-tbn2.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcStQHGYXExhEWvNOnKNzjZWeMcWeITWxY372EMyHyIf9s8eAdxIbg)
                   G+ Suraphol Kruasuwan

หัวข้อ: Re: ความจริง ของผู้ชนะศัตรูภายในตนเอง :PULING的主頁
เริ่มหัวข้อโดย: ฐิตา ที่ มิถุนายน 09, 2013, 11:38:23 am

(https://lh3.googleusercontent.com/-sik3lhZKHOA/UcHQm5KoqdI/AAAAAAABc5k/pf0XkXMIIvE/w626-h467/y_kLKldwH48.jpg)

ความจริง ของผู้ชนะศัตรูภายในตนเอง
-ทุกข์...ต้องกำหนดรู้
-เหตุแห่งทุกข์ คือ อุปาทานในตัณหา และ อุปาทานในขันธ์ห้า..ต้องละ
-ความเย็นที่เกิดจากความดับไม่เหลือเหตุทุกข์..ต้องทำประจักษ์ด้วยตนเอง
-วิถีชีวิตเพื่อชนะอุปสรรค์ภายใน..มี ปัญญา ศีล สมาธิ วิมุติ ต้องเพียรเจริญให้ยิ่ง
...............................................

(https://lh6.googleusercontent.com/-ICl3p_RafsU/UZ5klWFKNHI/AAAAAAAAZQw/2v7GqJrlHq4/w506-h380-o/tumblr_mmt7mf63mz1snnj7so1_500.jpg)

ทุกข์ที่ควรกำหนดรู้ และ พิจารณา เห็นความจริง
มี
1.สภาวะทุกข์(ความเปลี่ยนแปลงไม่อาจทนอยู่ในสภาพเดิม
เพราะต้องเป็นไปตาม กฎเหตุปัจจัยปรุงแต่ง)
2.เวทนาทุกข์ จากระบบประสาททำงาน
ต้องฝึกให้อดทน ปรับตัวกับสิ่งแวดล้อม ได้ดี
3.อารมณ์ทุกข์ ต้องฝึกพลิกจิต สู่กุศลวิมุติ
เลิกชงอารมณ์ทุกข์ซ้ำเติม เวทนาทุกข์
และหวั่นไหวต่อ สภาวะ ทุกข์
.......................................

(https://lh3.googleusercontent.com/-XrK6ycmd_h0/Ua4WJtTK5yI/AAAAAAAAGcg/vJhGck6wDlc/w330-h247-no/2013+-+1)

ทุกข์ทั้งสิบประการที่พระพุทธเจ้าค้นพบ
จากออกบรรพชาจนตรัสรู้คือ
1.เกิดแก่ เจ็บตายเป็นทุกข์
2.ดินฟ้าอากาศแปรปรวน ก็เป็นทุกข์
3.มีพยาธิรบกวน เจ็บไข้ได้ป่วย ก็เป็นทุกข์
4.ความหิว ดิ้นรนหาอาหาร(ปัจจัยดำรงชีพ) ทำมาหากิน ก็เป็นทุกข์
5.สวมหัวโขน(ความแตกต่าง ในฐานะ อาชีพ หน้าที่)ก็เป็นทุกข์จาก( โลกธรรมแปด)

(https://lh6.googleusercontent.com/-E-SAwwGViac/UhoArTYi5BI/AAAAAAAAKWU/AHieNw6vLqE/w426-h240/stars.gif)

6.ทะเลาะวิวาท สงคราม ก็เป็นทุกข์
7.ระคะ โทสะ โมหะ เผาใจก็เป็นทุกข์
8.วิบาก ผลจาก กิเลส กรรม ตามมาย่ำยี ก็เป็นทุกข์
9.ปรารถนา สิ่งใดไม่ได้สิ่งนั้นก็เป็นทุกข์
10.อารมณ์ทุกข์ เกิดจาก อุปาทาน ยึดติดว่า ตัณหา
และรูปนามที่ปรุงแต่ง เป็นตนของตนที่แท้จริง ก็เป็นทุกข์


(https://lh6.googleusercontent.com/-q9s5qOUhriU/UbPSrMu6R9I/AAAAAAAAFuk/k45PeK7PHmM/w506-h316-o/photo.jpg)

ตัณหาที่ มีอุปาทานไปยึดแล้วเกิด อารมณ์ทุกข์คือ
-ความอยากยึดติดในสิ่งที่ติดหลงใหล(กามตัณหา)
-ความอยากทะยานอยาก เป็นใหญ่ให้ยิ่ง
เป็นทาสความสมใจสะใจ(ภาวะตัณหา)
-ความปรารถนา ทำลายล้างสิ่งที่ไม่ถูกใจ(วิภาวะตัณหา)
.............................

(https://lh6.googleusercontent.com/-m7rp4f4OIDk/Ua-1xBR6FdI/AAAAAAAAHAA/3CHyrjizX84/s506-o/2013+-+1)

อุปาทาน ในชีวิตที่ประกอบด้วยรูปกับนาม
ทำงานกัน เป็นชีวะยนต์(เครื่องยนต์ คอมพิวเตอร์ที่มีชีวิต)
ว่าเป็นตัวตนที่เที่ยงแท้ถาวร
ซึ่งจริงๆ แปรเปลี่ยนตามเหตุปัจจัยปรุงแต่ง
เหตุปัจจัยปรุงแต่งชีวิตที่ดีกว่า

พ้นอำนาจอุปาทานคือ  (https://lh5.googleusercontent.com/-MYV0wmvkP8s/UaH4h4ZVXBI/AAAAAAAAElw/GbiMkOB4ub8/s140-no/2013+-+1)
-รู้ว่าเป็นอกุศล ก็ละ
-รู้ว่าเป็นกุศล ก็ เจริญให้ยิ่ง
-ชำระใจ ให้ วิสุทธิ์ วิเศษ วิเวก วิราคะ
วิสังขาร วิมุติ วิโมกข์ นิพพาน(ไม่ทุกข์ไม่สุข แต่เย็น)
ด้วยการ อยู่ในที่สงบสงัด

-(https://lh3.googleusercontent.com/-NDi2P9XbR28/UZ-ujl-96dI/AAAAAAAAES8/Af6h84nvNMI/w506-h461-o/2013+-+1)  เอาอดีตมาถอดบทเรียน
-ตกผลึกเห็นเส้นทาง การเกิดดับอารมณ์
-ทิ้งเหตุปรุงแต่งที่ทำให้ใจเศร้าหมอง
-ประกอบจิตใหม่ ที่มีสติปัญญา เห็นกฎเหตุธรรมชาติ
มีสติ สมาธิ เบิกบานในปัญญาเห็นเคารพกฎธรรมชาติ
ฝึกฝน จน
"ผัสสะโลกธรรม.........ด้วยสติ กุมสภาพจิต

(https://lh5.googleusercontent.com/-r_0JXQH8zF4/UbJGec8ZnKI/AAAAAAAAHw0/07jB10V3yYM/s506-o/photo.jpg)

จิตยัง...........................เบิกบาน ในปัญญา เสมอนั่น
จิตยังมั่นคง.................อยู่ในมโนธรรม ที่จริงดีงามกัน
ใครทำได้อย่างนี้นั้น....ชีวิตย่อมประสบพบโชคดี"

(https://lh6.googleusercontent.com/-OPCBzMD3vZ4/Ua9JcJRP67I/AAAAAAABgX8/-fzOkeMHJLw/s306-o/papiervogel34.jpg)

สาธุ
G+ Suraphol Kruasuwan

(https://lh5.googleusercontent.com/-gLvvxNKbrDo/UadPqyTU4HI/AAAAAAACXc8/1nmgonHB7AA/w406-h410-o/amigos+by+gtk+2010.jpg)
หัวข้อ: Re: ลาภ.. อันประเสริฐ :PULING的主頁
เริ่มหัวข้อโดย: ฐิตา ที่ มิถุนายน 22, 2013, 06:38:21 pm

(https://lh3.googleusercontent.com/-qV31jfLehak/UcVIJE-LgWI/AAAAAAAAd0M/QpQ1od2EurI/w506-h674-o/a3.jpg)

//-สุขภาพดี........คือประเสริฐลาภ
มีมิตรอุปการะ........เป็นยิ่งกว่า..
..ญาตินั่น


(https://lh5.googleusercontent.com/-ldOe2GKC6-E/UcV1Ix9O53I/AAAAAAACTio/SK-f-XFA4Zs/w506-h337-o/603724_337873419672935_56835438_n.jpg)

อิ่มใจทุกขณะจิต......คือยอดทรัพย์ที่แท้จริงกัน
พ้นเพลิงทุกข์...
เพลิงกิเลสนั้น... คือยอด บรมสุขเอยฯ


(https://lh5.googleusercontent.com/-mt-CCjvKqgE/UcV2wwy1hZI/AAAAAAACTmo/7sxPHm0Q22s/w302-h403-no/1005133_514067825314118_624658771_n.jpg)

//-สุขภาพดี คือ ไม่เป็น...
-โรคทางกาย....เรียนรู้สุขนิสัย และ..
เอามาปรับใช้
-โรคจิต........เรียนรู้วิธี อบรมจิต..
ให้พ้น อำนาจ กิเลส ตัณหา อุปาทาน
-โรควิญญาณ.....ปรับปรุงอัพเดทความรู้ใหม่
ทั้งมองโลก และ มองใจปรุงแต่งตน


(https://lh6.googleusercontent.com/-YT8sATi0n8o/UuhHMCgZ5rI/AAAAAAADUK4/h0KnnkXvCsk/s233/16.gif)

สันโดษ หรืออิ่มใจทุกขณะจิต..
คือยอดทรัพย์
-ถ้ามีผู้เมตตาให้... ต้องมี ยถาลาภสันโดษ
ไม่เรียกร้อง
-ถ้าทำงาน..........ต้องมี พละสันโดษ
ทำเต็มกำลังความสามารถ


(https://lh4.googleusercontent.com/-09_-TijM3U0/UcSUyXKaPqI/AAAAAAAAFJQ/OcV0giV0shI/w506-h337-o/photo.jpg)

-ถ้ามีครอบครัว..... ต้องมีสาทาระสันโดษ..
อิ่มใจในคู่ครอง บริวารของตน
-ถ้ามีความสามารถไม่จำกัด.. ต้องมี สารุปสันโดษ
ต้องรู้จักพอดี
ไม่งั้นใช้ตนเองเป็นวัว เป็นควายจนตาย
-ถ้าดูแลสังคม มีหัวโขนสวม.. ต้องมี สาธารณะสันโดษ
ไม่โลภ... เอาสาธารณะสมบัติ เป็นของตน.. พวกตน


(https://lh6.googleusercontent.com/-7o_S-WFYQDg/UFDWOvA3SFI/AAAAAAACe6o/HwUtw25jrHQ/w506-h395-o/1.jpg)

เพลิงทุกข์เพลิงกิเลส พ้นได้
-รู้ว่าชั่ว......ต้องรีบ ลด ละ เลิก
-รู้ว่าเป็นกุศล..ต้องเร่งเจริญให้เกิดพลังชีวิต
-ชำระจิต.....ให้ สงบ สะอาด สว่าง พ้นอาสวะทั้งปวง


(https://lh6.googleusercontent.com/-X5ZAGR65NqU/UcVvv_jK7II/AAAAAAAAs4c/KH6Vbg7ehSs/w506-h316-o/forest+river.jpg)

Suraphol Kruasuwan

(https://lh6.googleusercontent.com/-0kTYVwzjIgw/UFDX3XjE7QI/AAAAAAACe8s/7k3Z945395c/w546-h340-p-o/1+%2824%29.jpg)
หัวข้อ: Re: มนุษย์แท้? :PULING的主頁
เริ่มหัวข้อโดย: ฐิตา ที่ มิถุนายน 22, 2013, 08:11:28 pm


(https://lh6.googleusercontent.com/-lDourX24bcU/Ub5Ow1BDglI/AAAAAAAAc0k/BDPjheroSIA/w506-h378-o/a2.jpg)

//-ธรรมะของพุทธเจ้า
นอกจากอิงสติปัญญา ที่ฝึกดีแล้ว
ยังมี"ความคิดสูตรสำเร็จ" หลากหลาย


(https://lh3.googleusercontent.com/-T9UDkXUL2UA/UcAcY9awOcI/AAAAAAAAc_g/ibvkxfu6gLs/w506-h380-o/IMG_0053.JPG)

//-หัวใจเศรษฐี
ที่ท่านสาระเนยก มาเป็นตัวอย่างที่ดี
อุ อา กา สะ
..............................


(https://lh5.googleusercontent.com/-EXiGXFPU_zc/Ub8E4Mek2kI/AAAAAAAAc6k/GxSON8oB_oE/w506-h380-o/IMG_0088.JPG)

//-สำหรับการทำธุระกิจ ที่ดช.ปู่ลิงใช้ มาตลอดคือ
1.จักขุมา
มีวิสัยทํศน์ จากสี่ตาปัญญา
-พุทธจักขุ
ใช้สติปัญญา แยกแยะ ตรวจสอบ วางแผน


(https://lh4.googleusercontent.com/-SvR6Zj9WFrE/UaPbF1EMnXI/AAAAAAAAZ5Y/kdookcMcJcM/w506-h380-o/IMG_0061.JPG)

-ธรรมจักขุ
มองธรรมชาติทั้งด้าน คุณ โทษ ธรรมชาติธรรมดา
-สมันตะ จักขุ
มองด้วยความรู้รอบตัวหลากหลายสาขา แบบ"ตาสับประรด"
-ทิพย์จักษุ
ใช้ความละเอียดรอบคอบ มองผลกระทบ ก่อนตัดสินใจ


(https://lh6.googleusercontent.com/-Plq1XZ8q_0E/Ubhf1bi5WAI/AAAAAAAATmw/LHi7S2Pve4w/w506-h494-o/2DUoo.gif)

2.วิธุโร
บริหารจัดการแบบโปร่งใส โปร่งแสง
โดยเฉพาะผลประโยชน์ ต้องตกลงกันก่อนทำงานร่วมกัน
ได้มาต้องแบ่งทันทีไม่มียึกยักอิๆ

3.นิสัยดี จนไม่ขาดผู้อุปถัมภ์
ตามปกติลิงชอบ ยอมเสียเปรียบ
มากกว่า ที่"ชนะ"ทุกเรื่องอิๆ
..................

(https://lh3.googleusercontent.com/-wWRrOAuDWFM/UcMFvVHveiI/AAAAAAAAdco/Q0BxgjPqv-w/w506-h380-o/a5.jpg)
//-ขอบคุณที่เอาสิ่งดีๆมาฝากกัน
Suraphol Kruasuwan

หัวข้อ: Re: ความจริงทั้งสี่ :PULING的主頁
เริ่มหัวข้อโดย: ฐิตา ที่ มิถุนายน 22, 2013, 09:15:42 pm

(https://lh3.googleusercontent.com/-ForZCF1cgOg/Ub5SNJPRFbI/AAAAAAAAc24/hdmJ2MpLaVU/w506-h380-o/%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B8%88%E0%B8%A3-6DSC07478.JPG)

ให้ หยาบ ปราณีต ชิวๆ ต่างกัน อิๆ
1.จริงสมมุติ(สมมุติสัจจะ)
เป็นความจริง มนุษย์สมมุติ และยอมรับกัน
ภาษา วัฒนธรรม กฎหมาย ดี ชั่ว
ดังนั้น"ดี ชั่ว" แต่ละวัฒนธรรม สมมุติไม่เหมือนกัน
เช่น สังคมหนึ่ง ใครไปโกงชาติ สุดยอด เจ๋ง
อีกสังคม รับไม่ได้ ต้อง ทวงคืน ทวงแค้น อิๆ

2.จริง ที่เป็น กฎ เหตุปัจจัย ของธรรมชาติ(ธรรมสัจจะ)
ธรรมชาติ ก็ทำหน้าที่ไป ถึงแม้นไม่มีพวกเราแล้วอิๆ

3.จริงที่เป็นประโยชน์สุงสุดของชีวิต(ปรมัตถ์สัจจะ)
บางวัฒนธรรมก็ไปสู่สวรรค์
บางวัฒนธรรม ก็ไปรวมรวม ร่าง จิตวิญญานสากล หรือ กับพระเจ้า(ปรมันต์)
บางวัฒนธรรม ก็ เสพสุข เสพเสี่ยง เสพเสียว ตอนตัวเป็นๆนี่แหละอิๆ
จริงก็ยังเป็นสมมุติ แต่เป็นสมมุติที่เป็นอุดมคตินิยม ละเอียดอ่อน

4.จริง ที่ รู้เหตุ และเปลี่ยนแปลงชีวิตได้(อริยสัจจะ)
เหตุแห่งปัญหาชีวิต คือทาสอารมณ์ทุกข์
และวิธีออก จาก อุปาทานในตัณหา อันเป็นเหตุทุกข์
ด้วยการปลุกสัมมาสติ โพธิปัญญาตื่น
มาดูแลการปรุงจิต ที่เป็นผู้บริหารชีวิต
ไม่ทำอะไรเลอะเทอะ เซ่อซ่า จนทำให้
ตน ครอบครัว สังคม สิ่งแวดล้อม ทุกข์มทรมาน ร่วมกัน อิๆ
และทำหน้าที่ดีๆ ที่เป็น มงคลต่อชีวิตเป็น
อิๆ
...............................


(https://lh6.googleusercontent.com/-7HPrwoY_p0M/Ub5QNPHWDSI/AAAAAAAAc2A/wCKE9CwCYWQ/w506-h380-o/A16.jpg)

//-ความจริงทั้งสี่ เอามาประกอบการ คิด
ยามเราผัสสะข้อมูลจากโลกภายนอก
เก็บเอาของเก่ามาคิด ชงอารมณ์อุดมการณ์
เปลี่ยนพฤติกรรม ในทางดีได้ ถ้าเรา"สายตา และใจกว้างพอ" อิๆ

"ผัสสะ กระแสโลกธรรม........ด้วยสติกุมสภาพจิต
จิตย่อมเบิกบาน......................ไร้กิเลสมาปนนั่น
จิตยังมั่นคง..............................ในอารมณ์ ปัญญา มโนธรรมแจ่มแจ้งกัน
ใครทำได้ดั่งนี้นั้น.....................ชีวิตชีวา ย่อมประสบแต่โชคดี"

ถอดความจาก มงคลสูตร ครับผม
สาธุ
:http://puling-222.blogspot.com/2011/03/blog-post_27.html?view=flipcard

(https://s-media-cache-ak0.pinimg.com/736x/f4/6e/a1/f46ea19d63a66702e41b6ae0eefb4974.jpg)
หัวข้อ: Re: พุทธธรรม สองระดับ :PULING的主頁
เริ่มหัวข้อโดย: ฐิตา ที่ มิถุนายน 22, 2013, 10:28:55 pm


(https://lh3.googleusercontent.com/-4hkPVm7_JQQ/UBY50-L55bI/AAAAAAACBcw/Wft-JIpno4M/w846-h465-o/%D1%86+%28478%29.jpg)

//-ถ้าเข้าใจ พุทธธรรม สองระดับ
-ระดับ ให้เห็นคุณค่า ละชั่ว ทำดี
ก็จะอิงความเชื่อ แบบจิตนิยมโบราณ
(สัสตทิฐิ)

-ระดับ ชำระใจให้ผ่องแผ้ว หรือ" ทำนิพพานให้แจ้ง"
ก็จะ จัดการกับ อคติ มายาคติภายใน
ตอนผัสสะโลก ด้วยอายตนะ นี่แหละ


(https://lh6.googleusercontent.com/-SdAbFWcEcwM/UbmGyB5up1I/AAAAAAACA-A/hbibXLjA_e0/w506-h449-o/1017499_465941463502809_1831777216_n.jpg)

ในการปรุงบุคลิกภาพ แต่ละครั้ง ที่ผัสสะโลกธรรม
จะทำให้ เกิดเป็น นรก สวรรค์ อยู่ที่
จุดยืน วิสัยทัศน์ วิธีคิด วิธีชงอารมณ์ของเราเอง เช่น
-ฝนตก เรามีอารมณ์เบิกบาน เป็นมิตร จิตใสๆ
เอ้อ ชาวนาจะได้มีน้ำทำนา ประชาได้มีอาหารอิ่มท้อง อิๆ
เกิดสวรรค์ ร่างกายผลิตสารแห่งความสุข ทันทีอิๆ

-ฝนตก รถติด อีกแย้ว เซ็งเป็ด อิๆ
ร่างกายก็ผลิตฮอร์โมนคอร์ติโซน
ทำให้กระวนกระวาย และเริ่มคิดหดหู่ ฟุ่งซ่าน
ประตูนรกจากผัสสะก็เปิดรับทันที
ไปสู่ความ.. ย้ำคิด ย้ำทำ ย้ำแค้น
หาเรื่องแช่งฟ้าดิน รัฐบาลต่อไป อิๆ


(https://lh4.googleusercontent.com/-G0YnZPORBvs/UEdMIKpUc1I/AAAAAAAABD4/91c0N-tKsV4/w400-h571-no/water+world1.jpg)

(ปริฬาหสูตร , สํ.ม.๑๙/๑๗๓๑-๑๗๓๓.)
“ดูก่อนภิกษุ นรกชื่อว่าผัสสายตนิก 6 เราเห็นแล้ว ในผัสสายตนิกนรกนั้น
สัตว์จะเห็นรูปอะไรด้วยจักษุ
ก็ย่อมเห็นแต่รูปอันไม่น่าปรารถนา ย่อมไม่เห็นรูปอันน่าปรารถนา
....จะฟังเสียงอะไรด้วยหู ก็ย่อมฟังแต่เสียงอันไม่น่าปรารถนา
....จะรู้แจ้งธรรมารมณ์อะไรด้วยใจ ก็ย่อม >
> รู้แจ้งแต่ ธรรมารมณ์อันไม่น่าปรารถนา
> ย่อม.. ไม่รู้แจ้ง ธรรมารมณ์อันน่าปรารถนา...”


(http://2.bp.blogspot.com/-2Zv3OrCSHu4/UXzztgpurvI/AAAAAAAAF88/aStp7Ay9A40/s640/hNDS.jpg)

(ขณสูตร, สํ.สฬ.๑๘/๒๑๔.)
พระพุทธดำรัสนี้ เป็นการนำเสนอ นรกที่เกิดขึ้นพร้อมกับการได้เห็น ได้ฟัง ได้กลิ่น ได้ลิ้มรส ได้สัมผัสทางกายและทางใจซึ่งสิ่งที่ไม่น่าพอใจ นรกชนิดนี้อาจเกิดขึ้นทั้งในขณะที่มีชีวิตเป็นมนุษย์อยู่และหลังจากตายไปเกิดในภพใหม่แล้ว เป็นการแสดง “ภาวะ” ไม่ใช่แสดงถึง “สถานที่” นอกจากนี้ ยังตรัสเปรียบเทียบความเร่าร้อนในนรกชื่อว่า “ปริฬาหะ” กับความเร่าร้อนของพวกสมณพราหมณ์ผู้ไม่รู้แจ้งทุกข์ เหตุเกิดทุกข์ ความดับทุกข์ และข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์ในโลกมนุษย์นี้


(https://lh5.googleusercontent.com/-Ok3EGV0oiXU/UagJHC5lmtI/AAAAAAABAGE/1SAJpOoOWAo/w506-h930-o/animated-sunset.gif)

(ปริฬาหสูตร , สํ.ม.๑๙/๑๗๓๑-๑๗๓๓.)
“....นรกชื่อว่าปริฬาหะมีอยู่ ในนรกนั้นบุคคล ยังเห็นรูป อย่างใดอย่างหนึ่งด้วยนัยน์ตาได้ (แต่)เห็นรูปที่ไม่น่าปรารถนาอย่างเดียว ไม่เห็นรูปที่น่าปรารถนา...ดูก่อนภิกษุ ความเร่าร้อนอื่นที่มากกว่า และน่ากลัวกว่าความเร่าร้อนนี้ มีอยู่.....สมณพราหมณ์เหล่าใดเหล่าหนึ่ง ย่อมไม่รู้ชัดตามความเป็นจริงว่า นี้ทุกข์ ......ย่อมยินดี ย่อมปรุงแต่งครั้นปรุงแต่งแล้ว ย่อมเร่าร้อน ....”
                        -  Jun 19, 2013 /Suraphol Kruasuwan

(https://lh3.googleusercontent.com/-DNEo62B3ln0/UcEwpZEl5YI/AAAAAAAAdKc/Ev5LAxBXu0w/w506-h380-o/b2.jpg)

หัวข้อ: Re: มนุษย์แท้? :PULING的主頁
เริ่มหัวข้อโดย: ฐิตา ที่ กรกฎาคม 19, 2013, 08:33:56 pm


             (https://lh6.googleusercontent.com/-HPXX_unxCV8/Ueg6CcgwfFI/AAAAAAAAiu8/u80jWIjJqXg/w550-h294-no/219131-5131557fbf343.jpg)

ความหมายของคำว่า "ไกวัลยธรรม"
ร่องรอยของ สิ่งที่เรียกว่า "ไกวัลยธรรม" ที่อยู่ในรูป พระพุทธภาษิต
อันขึ้นต้น ด้วยคำว่า "อุปฺปาทา วา ภิกฺขเว ตถาคตานํ, อนุปฺปทา วา ตถาคตานํ"
อย่างนี้ มีอยู่ ๒ ชุด ชุดหนึ่งหมายถึง
"ไตรลักษณ์" คือ
-อนิจจัง
-ทุกขัง
-อนัตตา
อีกชุดหนึ่งหมายถึง
"อิทัปปัจจยตา" คือ ปฏิจจสมุปบาท
ดังปรากฏจากพระไตรปิฎก ดังนี้ -

อุปฺปาทา วา ภิกฺขเว ตถาคตานํ, อนุปฺปาทา วา ตถาคตานํ.
- ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
เพราะเหตุที่ตถาคตทั้งหลายจะเกิดขึ้นก็ตาม
พระตถาคตทั้งหลายจะไม่เกิดขึ้นก็ตาม

ฐิตา ว สา ธาตุ - ธรรมธาตุนั้น ตั้งอยู่แล้วนั่นเทียว

ธมฺมฎฐิตตา ธมฺมนิยามตา
- ตั้งอยู่ในฐานะเป็นธรรมดาแห่งธรรม เป็นกฏตายตัวแห่งธรรม

สพฺเพ สงฺขารา อนิจฺจา ติ.
-ว่า สังขารทั้งหลายทั้งปวง ไม่เที่ยง.

ดังนี้เป็นต้น นี้อย่างหนึ่ง เป็นเรื่องเกี่ยวกับไตรลักษณ์. (๑๔)

อีกอย่างหนึ่ง เกี่ยวกับเรื่อง อิทัปปัจจยตา หรือ ปฏิจจสมุปบาท
มีบาลีที่ขึ้นต้นอย่างเดียวกัน คือ

อุปฺปาทา วา ภิกฺขเว ตถาคตานํ,
อนุปฺปาทา วา ตถาคตานํ.
- ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เพราะเหตุที่ตถาคตทั้งหลายจะเกิดขึ้นก็ตาม
พระตถาคตทั้งหลายจะไม่เกิดขึ้นก็ตาม

ฐิตา ว สา ธาตุ - ธรรมธาตุนั้น ตั้งอยู่แล้วนั่นเทียว
ธมฺมฏฐิตตา - ตั้งอยู่ในฐานะเป็นธรรมดาแห่งธรรม
ธมฺมนิยามตา - เป็นกฏตายตัวแห่งธรรม
อิทปฺปจฺจยตา - ความที่เมื่อมีสิ่งนี้ๆ เป็นปัจจัย สิ่งนี้ๆ ย่อมเกิดขึ้น
อวิชฺชา ปจฺจยา สงฺขารา ติ. - ว่า เพราะอวิชชาเป็นปัจจัย สังขารทั้งหลายจึงเกิดขึ้น.

ดังนี้เป็นต้น นี่เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับ
อิทัปปัจจยตา หรือ ปฏิจจสมุปบาท. (๑๕)

ในความหมายนี้ เมื่อกล่าวโดยสรุป ก็ได้แก่ความหมายตามคำต่างๆ เหล่านี้ คือ -
ตถตา
อวิตถตา
อนญฺญถตา
อิทปฺปจฺจยตา

- ความเป็นอย่างนั้น
- ความไม่ผิดไปจากความเป็นอย่างนั้น
- ความไม่เป็นไปโดยประการอื่น
- แต่จะเป็นไปตามความที่ "เมื่อมีสิ่งนี้เป็นปัจจัย สิ่งนี้ๆ จึงเกิดขึ้น".

เมื่อพิจารณาโดยรอบคอบแล้ว ทุกท่านจะพบ ด้วยตนเองว่า
ทุกคำ มีความหมาย ระบุถึง สิ่งเดียวกัน คือ
- สิ่งที่มีสภาวะเป็นหนึ่ง
- ซึ่งตั้งอยู่อย่างถาวร ไม่เปลี่ยนแปลง
สิ่งนั้นแลที่ได้นามว่า "ไกวัลยธรรม". (๑๖)

คำว่า "ตถาคต" แปลว่า "มาอย่างไร ไปอย่างนั้น"
ถ้าหมายถึง พระพุทธเจ้า ก็กล่าวได้ว่า "มาอย่างพระพุทธเจ้า ไปอย่างพระพุทธเจ้า"
ทีนี้ ในความหมายที่ พระพุทธเจ้าจะเกิดขึ้น หรือไม่ก็ตาม
สิ่งที่เรียก "ไกวัลยธรรม" เป็นสิ่งที่ตั้งอยู่แล้วอย่างนั้น (ฐิตา ว สา ธาตุ)
ไม่เปลี่ยนแปลง สิ่งที่เป็นตถาคตทั้งหลาย
จะเปลี่ยนแปลง ไปอย่างใด มันก็ยัง ตั้งอยู่อย่างนั้น อย่างไม่ฟังเสียงใคร. (๑๗)

พุทธทาส ธรรม
***************

(https://lh5.googleusercontent.com/-69rmgybpl5I/UYS9AfLLj2I/AAAAAAAAvcQ/iTKK6QbpySc/w606-h438-o/il+suono+della+pioggia+%2C+by++Vadim+Trunov.jpg)

ธรรมธาตุทั้งหมด
กฎของธรรมชาติทั้งหมด
วิวัฒนาการของธรรมชาติทั้งหมด
กฎของการเป็นเหตุปัจจัยปรุงแต่ง จนเป็นสรรพสิ่งหลากหลาย
การมาจุติ และกลับไป ของพุทธเจ้าทั้งหลาย
ก็ มีอยู่อย่างนั้น มีมาก่อน และจะมีต่อไป
แม้นว่า เราจะเกิด หรือ อยู่ จากไปจากโลกนี้

แต่ถ้าเราพบทาง ที่
-พ้นเพลิงกิเลส
-พ้นเพลิงทุกข์
-ปลุกจิตมหาเมตตากรุณาตื่น มาเอื้อเฟื้อ ตน ครอบครัว ชุมชน
สังคม สิ่งแวดล้อม ให้มีสันติสุข สันติธรรม ดี ด้วยกัน ร่วมกัน

ด้วยการ ฝึกเปลี่ยนแปลง ตนเอง
ทั้งกายหยาบ ที่เกิดจากกิเลสตัณหา สร้างมา
กายละเอียด ที่เราปรุงแต่ง ด้วยจิตสำนึก
กายทิพย์ สติปัญญา ที่รอบรู้ รอบคอบ ประกอบแล้วดี
จิตแท้ จิตเดิม ที่สว่างราวอาทิตย์พันดวง
และ เคารพธรรมเที่ยงแท้ ที่ทำให้เราพ้นจาก
ความติด ความพยาบาท ความคิดเบียดเบียนตนเองและผู้อื่น
การเกิดมาชาตินี้ เราก็ เป็น"มนุษย์แท้" ในแนวคิดของพุทธธรรมได้

"ตถาคต เป็นเพียงผู้ชี้ทาง
การเดินทางเป็นของท่านทั้งหลาย"(พุทธพจน์)


(https://lh4.googleusercontent.com/-JCYrRnyO9CI/UbQxkzhupHI/AAAAAAAAiuQ/a9uRqeQkJyM/w306-h457-o/245c.gif)

Suraphol Kruasuwan
ศุกร์ ๑๙/๗/๒๕๕๖
 Extended circles  -  1:55 AM

(https://lh6.googleusercontent.com/-RUOB4qY_azw/UejpD9M18fI/AAAAAAADp3E/uAgDBbFMG8A/w506-h285-o/1074850_362051583921657_1019339147_o.jpg)

หัวข้อ: Re: มนุษย์แท้? :PULING的主頁
เริ่มหัวข้อโดย: ฐิตา ที่ สิงหาคม 22, 2013, 01:29:13 am


(https://lh5.googleusercontent.com/--WkLDe4vwmY/Uf-PpH-O9nI/AAAAAAAAmRY/l172TG-sWI8/w526-h420/IMG_0058.JPG)

พึ่งเข้าวงการถ่ายภาพนก วันที่4กพ.นี่เอง
พบนักถ่ายภาพนก และนักอนุรักษ์ แลกเปลี่ยน ความหลัง และแรงผลักดัน
ให้มาเป็นนักอนุรักษ์ มีท่านหนึ่งเล่าว่า ช่วงเป็นวัยรุ่น ชอบ ดัก จับนก มาขัง
มีกรงนกนานาชนิดแขวนรอบบ้าน
วันหนึ่ง เรือเทียบท่า มีคนจูงจักรยานยนต์ลงเรือ จึงไปช่วยจับ เอารถลงเรือ
เลยถุกจับข้อหา"ร่วมโจรกรรม" ถูกขัง ต้องเสียเงินทอง มากมาย
กว่าจะเป็นอิสระ ตั้งแต่นั้นมา"รู้รสชาติ ของการขาดอิสระภาพ"
"ใครอยากรู้ลองไปนอนในกรง โรงพักก็พอ สักสองวัน สายตาจะแจ่มแจ้ง"
-ยังมีอีก เล่าต่อคราหน้า
 พักผ่อน กันนะครับ
,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,

(https://lh4.googleusercontent.com/-9A0JEoKALHo/Uf_L6YCtbkI/AAAAAAAAmSg/jCMC_3NVJl8/w426-h320/av2.jpg)
นกเขาเขียว (Emerald Dove)
ภาพจาก..... http://lomluang.com/birdboard/b1/t3409/ (http://lomluang.com/birdboard/b1/t3409/)

ประสบการณ์ คนอนุรักษ์นก เรื่องที่2
//-เพื่อนปู่ลิง(ชื่อที่เพื่อนรู้จักของผม) ยิงปืนแม่น
และเป็นนักพิทักษ์ สัตว์เลี้ยง ในบ่อปลา มีปลาช่อน เหยี่ยวมากินลูกไก่ ใช้บริการฟรีได้

-วันหนึ่ง เพื่อน ที่เลี้ยงไก่แจ้ โทรมา ขอความช่วยเหลือ
พังพอน หนึ่งฝูงมาจับลูกไก่ไปต่อหน้าต่อตา
-เพื่อนก็มาบริการ เก็บกวาด พ่อ แม่ และลูกพังพอน ไปสี่ตัว เหลืออีกตัวรอดไปได้
แกก็มาเฝ้า ทุกวัน จนกระทั้งวันหนึ่ง เห็นเจ้าตัวที่เหลือ วิ่งเข้าไปในพงหญ้า
สักพักเห็น พงหญ้าอีกด้าน เรี่มไหวตัว จึงยิงด้วยลูกปลาย เห็นนกเขาเขียว บินขึ้นไปหนึ่งตัว
เข้าไปดู พบนกเขาเขียว ปีกหักซุกกอหญ้า ด้วยความสงสาร
จึงไปดามปีก และเอาไปพักฟื้นที่บ้าน นกเขาเขียวตัวที่รอด ก็บินตาม
มาเฝ้ากรงที่ขัง ไม่ห่าง

-จนนกเรี่มหายดี แต่ยังบินไม่ได้ และเชื่อง กล้ามากินถั่วเขียวที่มือ
-ด้วยความเผลอเรอ เจ้าเหมียวข้างบ้าน มากัดนกตัวนี้สาหัส
เกินเยียวยา ต้องช่วยให้ตายพ้นทุกข์ทรมาน
-วันนี้ เพื่อนปู่ วางปืน มาจับกล้อง และเดินสาย สอนเยาวชน อนุรักษ์ธรรมชาติ

สาธุครับ นึกถึงคาถาองคุลีมาร
"ดูก่อนน้องหญิง เพราะความไม่รู้(อวิชชา) เราจึงหลงปลงชีวิตสัตว์อื่น
บัดนี้เรารู้แล้ว และเกิดใหม่ในอริยะชาติ
การเอาชีวิต สัตว์อื่นไม่มีสำหรับเรา
ด้วยสัจจะวาจานี ขอให้น้องหญิงและบุตรในครรภ์ จงปลอดสวัสดีเทอญฯ

(องคุลีมาร เป็นโจรป่า ประหารชีวิตเอานิ้วมือ มาเป็นพวงมาลัยห้อยคอ
ต่อมาพบพุทธเจ้า และกลับใจ บวชเป็นอริยสาวกสำคัญ
คนท้องมาพบตกใจ คลอดลูกไม่ได้ ท่านจึงกล่าว สัจจะกริยานี้)
อดีตมิหวลคืน แต่เราช่วยกันฟื้นฟู โลก ด้วย กาย กร เกศ โกมล
และความเพียร ได้ครับผม สาธุ

(https://lh4.googleusercontent.com/-0bM3M_JIDfg/Uf_XtVwzreI/AAAAAAAAmUA/QgL7ZSdSccg/w426-h327/IMG_0007.JPG)
      G+ Suraphol Kruasuwan

หัวข้อ: Re: มนุษย์แท้? :อาสวะ สาสวะ อนาสวะ.. ในพุทธธรรม
เริ่มหัวข้อโดย: ฐิตา ที่ สิงหาคม 27, 2013, 04:21:00 pm

(https://lh4.googleusercontent.com/-ttDsXfM5578/UhwVEr3FqmI/AAAAAAAAoQo/i6_U3pDhFKQ/w346-h456/aabb.gif)
 
อาสวะ สาสวะ อนาสวะ....ในพุทธธรรม
พุทธศาสนา สามมิติ
1.พุทธศาสนา เพื่อสืบทอด วัฒนธรรมของพระศาสนา
พุทธศาสนา ที่เป็นวัฒนธรรม จะประกอบด้วย
1.1-ศาสนธรรม.....คำสั่งสอน
มีทั้งคำสั่งสอน ของพระพุทธเจ้า และ เถระ ความเห็นอาจารย์ รวมเป็น พระปิฎก ฯลฯ
ในรูปแบบ
....ธรรมาธิษฐาน
อธิบายเป็นภาษา หลักการ เหตุผล
....บุคลาธิษฐาน
เป็นภาษาวรรณคดี มีอภินิหารเหนือจริง สมมุติเป็นบุคคลตัวตน
แต่ถอดความ มี ธรรมมาธิษฐาน ซ่อนอยู่ เช่น ชาดก ทศชาติ
ก็คือ บารมี สิบ ที่ควรเจริญให้ยิ่ง
....อวจนะภาษา
ภาษาที่ไม่ใช่คำพูด เช่นภาษาท่าทาง ภาษาจิต ภาษาศิลป์
1.2 ศาสนวัตถุ เช่นวัด พุทธศิลป์
1.3ศาสนกิจกรรม
เช่นประเพณี พิธีกรรม แต่ละวัฒนธรรมแตกต่างกันไป
...................................

2.พุทธศาสนาที่เป็น"ธรรมบาล"
หลักคุ้มครองสังคม ให้มี สติ สันติ อหิงสา สามัคคี ดีด้วยกัน
มีหลักธรรมอยู่สามคู่
-ให้ มีบุพการี-กตัญญูชน มากขึ้นในสังคม
มีคนที่ยินดี ทำบุญคุณให้ผู้อื่น มีคนที่ยินดี ตอบแทนบุญคุณนั้น
-ให้ มี หิริ -โอตตัปปะ
มีคนที่ รู้จักละอาย และเกรงผลร้ายของ อกุศล และเลิกทางอบายมุข
-ให้มี มงคลชีวิต และสุขจากการแบ่งปัน หมุนเวียน
วัตถุปัจจัยดำรงชีพ ความรู้ โอกาส อภัยแก่กัน
.........................

(https://lh3.googleusercontent.com/-zMx3Y1Nein4/UuX2o89G-ZI/AAAAAAAAEC0/KgByz1m18zw/w383-h249/giphy.gif)

3.พุทธศาสนา ที่"ทำนิพพานให้แจ้ง"
คือฝึก ให้พ้น เพลิงอารมณ์ทุกข์ เพลิงกิเลส
พ้น อุปาทานสี่ ด้วย การ"ทำอาสวะให้สิ้น"
พุทธศาสนา จึงมี"สัมมาทิฐิ" สองชั้น
-พุทธศาสนา ที่เป็น เพื่อสืบวัฒนธรรม เป็นธรรมบาล
ที่มุ่งให้มนุษย์ ละอกุศล เจริญกุศล
จึงมีสัมมาทิฎฐิ แบบ"สัสสตทิฐิ" หรือ"จิตนิยม"
หรือสัมมาทิฎฐิแบบ"สาสวะ"
...........................

(https://lh3.googleusercontent.com/-g7N9N5q0o_Q/UhqMFVdSSAI/AAAAAAAGBv4/OANZUbcSEEE/w426-h239/cQkoNgr.gif)

๗. มหาจัตตารีสกสูตร (๑๑๗)   
[๒๕๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็สัมมาทิฐิเป็นไฉน
ดูกรภิกษุทั้งหลายเรากล่าวสัมมาทิฐิเป็น ๒ อย่าง คือ
-สัมมาทิฐิที่ยังเป็นสาสวะ
เป็นส่วนแห่งบุญให้ผลแก่ขันธ์ อย่าง ๑
-สัมมาทิฐิของพระอริยะ ที่เป็นอนาสวะ
เป็นโลกุตระเป็นองค์มรรค อย่าง ๑ ฯ
----------------................
---------------...................

[๒๕๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย สัมมาทิฐิที่ยังเป็นสาสวะ
เป็นส่วนแห่งบุญให้ผลแก่ขันธ์ เป็นไฉน คือ
 ความเห็นดังนี้ว่า
-ทานที่ให้แล้ว มีผล
-ยัญที่บูชาแล้ว มีผล
-สังเวยที่บวงสรวงแล้ว มีผล
-ผลวิบากของกรรมที่ทำดี ทำชั่วแล้วมีอยู่
-โลกนี้มี
-โลกหน้ามี
-มารดามี บิดามี
-สัตว์ที่เป็นอุปปาติกะมี
-สมณพราหมณ์ทั้งหลาย ผู้ดำเนินชอบ ปฏิบัติชอบ
ซึ่งประกาศโลกนี้โลกหน้าให้แจ่มแจ้งเพราะรู้ยิ่งด้วยตนเอง ในโลก มีอยู่
 นี้สัมมาทิฐิที่ยังเป็นสาสวะ เป็นส่วนแห่งบุญ
ให้ผลแก่ขันธ์ ฯ
------------------..................
------------------..................

[๒๕๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็สัมมาทิฐิของพระอริยะ
ที่เป็นอนาสวะเป็นโลกุตระ
เป็นองค์มรรค เป็นไฉน
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
-ปัญญา ปัญญินทรีย์ปัญญาพละ
- ธัมมวิจยสัมโพชฌงค์
-ความเห็นชอบ องค์แห่งมรรค
ของภิกษุผู้มีจิตไกลข้าศึก มีจิตหาอาสวะมิได้
 พรั่งพร้อมด้วยอริยมรรค เจริญอริยมรรคอยู่นี้แล
 สัมมาทิฐิของพระอริยะที่เป็นอนาสวะ เป็นโลกุตระ เป็นองค์มรรค ฯ

-ภิกษุนั้นย่อมพยายามเพื่อละมิจฉาทิฐิ เพื่อบรรลุสัมมาทิฐิ ความพยายามของเธอนั้น เป็นสัมมาวายามะ ฯ
-ภิกษุนั้นมีสติละมิจฉาทิฐิได้ มีสติบรรลุสัมมาทิฐิอยู่ สติของเธอนั้นเป็นสัมมาสติ ฯ
-ด้วยอาการนี้ ธรรม ๓ ประการนี้ คือ สัมมาทิฐิ สัมมาวายามะ สัมมาสติ ย่อมห้อมล้อม เป็นไปตามสัมมาทิฐิของภิกษุนั้น ฯ

(https://lh4.googleusercontent.com/-2o-hKiIXkqg/UhtHqF6SIRI/AAAAAAAA8u8/-qYgMjVqoaQ/w346-h245/268215_364092836994069_1575406451_n.jpg)
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v.php?B=14&A=3724&Z=3923
หัวข้อ: Re: มนุษย์แท้? :PULING的主頁
เริ่มหัวข้อโดย: ฐิตา ที่ สิงหาคม 27, 2013, 04:51:37 pm

(https://fbcdn-sphotos-e-a.akamaihd.net/hphotos-ak-frc3/1505427_634247833299152_798549284_n.jpg)

ดังนั้น วันนี้เรา พบคำในพุทธธรรมคือ
-อาสวะ....ขยะปรุงแต่งจิต ที่เป็นอุปสรรค์พัฒนา ภูมิจิตภูมิปัญญา ต้องฝึก ลด ละ เลิก ล้างให้หมดจากใจ ไม่หลงเอา อุจเฉททิฐิ (วัตถุนิยม)มาเป็นเครื่องนำทางชีวิต
-สาสวะ...ขยะปรุงแต่งจิต ฝ่ายกุศล ที่ต้องยึดในเบื้องต้น เพื่อ ให้จิต ยินดีในการ ละอกุศล เจริญกุศล จนเคารพความดีตนเองได้
-อนาสวะ...ขยะปรุงแต่งจิต ที่เป็นกุศล ก็ต้องละทิ้ง เพื่อพ้น ความยึดติด ในอุปาทานในตัณหา อุปาทานในขันธุ์ห้า
อันเป็นเหตุ แห่งเพลิงทุกข์ เพลิงกิเลส ที่ทุกคนต้องดับ
จนชีวิตไม่เป็นทาส ทุกข์
ไม่เป็นทาส สุข
อาลัยในอกุศล และกุศล
แต่เย็น สาธุละ
สัมมาทิฎฐิ ที่ เพื่อ"ทำอาสวะให้สิ้น"
จึงต้องอยู่ท่ามกลาง จิตนิยม(สัสสตทิฐิ) และวัตถุนิยม(อุจเฉททิฐิ)
ด้วยสติปัญญา กุมสภาพจิต เบิกบาน มั่นคงในอริยธรรม มนุษย์ธรรม นั่นเอง

                    (https://lh5.googleusercontent.com/-eLl2a3XObN0/UhxtjBvmstI/AAAAAAAAR0U/hnQ6Z6DAU1o/w326-h439/1011653_673919329304583_472680988_n.jpg)

"ติดชั่ว ติดดี อัปรีย์พอกัน"(พุทธทาส)
อัปรีย์คือ ไม่น่ารัก
เพราะติด ชั่ว ก็ทุกข์แบบคนชั่ว
ติดดี ก็ยังทุกข์แบบคนดี
พุทธศาสนา ต้องการ พ้นทั้งอุปทาน ทุกข์ สุข ด้วยการ
ล้างขยะปรุงแต่งจิต(ทำอาสวะให้สิ้น)
ด้วยการฝึกตน ตาม ธรรมอันไม่เนิ่นช้า (นิปปปัญจธรรม)
หรือ โพธิปักขิยธรรม37 เป็นธรรมะภาคปฏิบัติ
ไม่ใช่ทฤษฎี สาธุ

(https://lh3.googleusercontent.com/-K_hKiyUZuAs/UuhlAAnC_4I/AAAAAAACZNY/FwIcjdxxTtk/w333-h437/1606457_690404741010230_1910371588_o.jpg)
G* Suraphol Kruasuwan
สนทนาธรรมตามกาล  27.8.2556 -  9:55 AM
:http://www.appreciative-community.com/appreciative-community/home/space.php?uid=21
หัวข้อ: Re: มนุษย์แท้? :PULING的主頁
เริ่มหัวข้อโดย: ฐิตา ที่ กันยายน 27, 2013, 04:03:40 pm

(https://lh6.googleusercontent.com/-Cejg4hi0dqw/Uj-KgEQG-GI/AAAAAAAArog/hBjvGIhjO5k/w346-h260/a4.jpg)

ชนะความโกธร
[๖๓๓]  พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า
                            ผู้ไม่โกรธ  ฝึกฝนตนแล้ว  มีความเป็น
                   อยู่สม่ำเสมอ     หลุดพ้นแล้ว     เพราะรู้ชอบ
                   สงบ   คงที่อยู่    ความโกรธจักมีมาแต่ที่ไหน

                   ผู้ใดโกรธตอบบุคคลผู้โกรธแล้ว     ผู้นั้นเป็น
                   ผู้ลามก  กว่าบุคคลนั้นแหละ        เพราะการ
                   โกรธตอบนั้น        บุคคลไม่โกรธตอบบุคคล
                   ผู้โกรธแล้ว       ชื่อว่า    ย่อมชนะสงครามอัน
                   บุคคลชนะได้โดยยาก      ผู้ใดรู้ว่าผู้อื่นโกรธ

                   แล้วเป็นผู้มีสติสงบเสียได้     ผู้นั้นชื่อว่าย่อม
                   ประพฤติประโยชน์แก่ทั้งสองฝ่าย     คือ  แก่
                   ตนและแก่บุคคลอื่น              เมื่อผู้นั้นรักษา
                   ประโยชน์อยู่ทั้งสองฝ่าย     คือ  ของตนและ
                   ของบุคคลอื่น       ชนทั้งหลายผู้ไม่ฉลาดใน
                   ธรรมย่อมสำคัญบุคคลนั้นว่า     เป็นคนเขลา
                   ดังนี้.
สาธุ

(https://fbcdn-sphotos-b-a.akamaihd.net/hphotos-ak-ash4/p480x480/1375966_613149398730947_522865622_n.jpg)
http://www.dhammahome.com/front/webboard/show.php?id=15506
หัวข้อ: Re: มนุษย์แท้? :PULING的主頁
เริ่มหัวข้อโดย: ฐิตา ที่ กันยายน 27, 2013, 04:07:47 pm

(https://lh3.googleusercontent.com/-g4b1AQhoQFk/UkU_FLgY-yI/AAAAAAAAFjk/oemoz8v-PfI/w702-h395-no/safe_image.jpg)
 
//-หนึ่งใน บทสวดที่ถือว่า เป็นมงคล ของชาวพุทธ คือ บทสวดพาหุง
 แปลว่า"ชัยชนะอันยิ่งใหญ่ ของพระพุทธเจ้า"
มีชัยชนะสำคัญ แปดครั้ง ที่ได้รับการสรรเสริญ
จะขอถอด ความหมาย เป็นแนวทาง ครับผม


             (https://encrypted-tbn0.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcS4TIi-8zPAVwLvxjyk4h71jtFnxYNISQ9FbnfmgLpfDuK9FoGnIw)

1.ชนะมาร
มาร หมายถึง ผู้ขัดขวาง การ เข้าถึง ธรรมะที่ทำให้หลุดพ้นจาก
เพลิงทุกข์ เพลิงกิเลส โดยการเรียนรู้แบบล้างเงื่อนไข(ทำอาสวะสิ้น)
มีอยู่ห้า ประการคือ

-ขันธุ์มาร
คือระบบคอมพิวเตอร์ที่มีชีวิต ประกอบเป็นเรา
เป็นสิ่งที่ปรุงแต่ง ขบวนการธรรมชาติ ธรรมดา หากไปยึดว่า เป็นตัวเรา ของเราจริงๆ
ก็เป็นเหตุแห่ง การสร้างอารมณ์ทุกข์
องค์ประกอบคือ
..รูป(ข้อมูลที่เป็นพลังงานวัตถุ)
..เวทนา(ประสาทการรับรู้)
..สัญญา(ความทรงจำ ทั้งสัญชาติญาณ การเรียนรู้)
..สังขาร(การปรุงแต่ง เป็นคำสั่ง เป็นเจตนา เป็นบุคลิกภาพ)
..วิญญาณ(ความรู้ทีประสาทรับรู้นำเข้า จาก หู ตา จมูก ลิ้น กาย ใจ เกิดการเรียนรู้ใหม่ๆ)

-อภิสังขารมาร
การคิด โดยขาดแสงสว่างแห่ง สติปัญญากำกับ(ขาดวิชชา)
ทำให้เกิด ขบวนการสร้าง ความรู้สึก ความอยาก ความยึด อารมณ์ จนเกิดบุคลิกภาพใหม่
ของอารมณ์ทุกข์ เวทนาทุกข์ สภาวะทุกข์

-กิเลสมาร
ความ ต้องการ ความจำเป็น ความอยาก ที่ขาดการควบคุม ฝึกฝนสู่ทางกุศล

-เทวบุตรมาร
คือ ความสมใจ สะใจ ในการได้รางวัลของชีวาในชีวิต
หรือไม่ได้ดั่งใจ ทำให้เกิบุคลิกภาพต่างๆ
ทั้งที่ต่ำกว่ามาตราฐาน มนุษย์(อบายภูมิ มี นรก อสุรกาย เดียรัจฉาน เปรต)
ทั้งที่เป็นมนุษย์(ยอมรับ กฎ กติกา มารยาท กฎหมาย ของวัฒนธรรม สังคม)
ทั้งที่สูงกว่ามนุษย์(เทวดา ผู้มีแสงแห่งความสุขจาก หรรษา ภาคภูมิใจ สมใจ สะใจ)
ทั้งที่ สงบ สันโดษ สมถะ มีเมตตา กรุณา
(รูปพรหม ยินดีในอารมณ์มั่นคง จากการฝึกกสิญ
...อรูปพรหมพรหม..ยินดีในอารมณ์มั่นคง เพราะ ยอมรับ ความรู้ที่ยิ่งใหญ่ของจักรวาล)

-มัจจุราชมาร
คือเวลา ที่กลืนกิน ทุกสรรพสิ่ง รวมทั้งตัวเวลาเอง
....มารที่พระพุทธเจ้า คือ ความสมใจ สะใจ ในความดีที่เคยบำเพ็ญมา(ติดดี)
ชนะโดย อุทิศให้ ไม่หลงยึดว่าเป็นของพระองค์เอง

2.ชนะ ความอยากโอ้อวดตน(ยักษ์)
โดยการ อดทน ฝึกฝน จำแนก แจกแจง ธรรมชาติ ตามความเป็นจริง

3.ชนะสัญชาติญาณ อารมณ์แห่งการการทำลายล้าง(ช้างดุร้าย)
ด้วยมหาเมตตา มหากรุณา

4.ชนะ วัตถุนิยม
(อุเฉท ทิฎฐิ อเหตุกะทิฐิ อกริยาทิฎฐิ)
ความเชื่อว่า ตายแล้วสูญ ด้วย โลกุตระฤทธิ์
ตำนาน กล่าวถึงอุงคุลีมาร ผู้ฆ่าคน เอานิ้วมือร้อยเป็นพวงมาลัย
เพราะเชื่อว่า ตายแล้วสูญ.. บาป บุญไม่มี ...คุณของบุพการีไม่มี
ชาตินี้ไม่มี(ทุกอย่างเป็นปฏิกริยาทางวัตถุ)
ชาติหน้าไม่มี(การเวียนว่ายตายเกิดไม่มี)
ผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ เป็นอริยะบุคคลไม่มี
การเกิดแบบ ผุดขึ้นเป็นตัวเต็มวัยทันทีไม่มี(โอปาปาติกะ)
ทรงชนะโดย จำแนกแจกแจงให้ เห็น อิทฤทธิ์ บุญฤทธิ์ โลกกุตระฤทธิ์

5.ชนะความอิจฉา ของชนชั้นฉกามาวจรภูมิ
ด้วยความสงบ สงัด จากอุปธิทั้งปวง
ตำนาน นางจิญจา อ้างว่าท้องกับพระองค์
แต่ท้องเป็นปีไม่คลอด เพราะนางแกล้ง เอาหมอนผูกไว้หน้าท้อง

6.ชนะ สัสสตทิฎฐิ
สัจจกนิครณ์ ต้องการโต้วาที ชนะพุทธเจ้า ว่าสัสสตทิฐิ คือ ปรัชญาสูงสุด
ทรงชี้ให้เห็น กฎไตรลักษ์ สูงสุด ของธรรมชาติ
กฎอนัตตา ทุกสิ่งกำลังเป็นไปตาม กฎเหตุปัจจัย ปรุงแต่ง ไม่เป็นดั่งใจบังคับได้

7.ชนะ กฎป่า
สัญชาติญาณ ดิบ ที่ อยากชนะ ยิ่งใหญ่ อมตะ ของมนุษย์
โดยการ ให้ ผู้นำธรรมชาติ ชี้แจงแทน(พระโมคคัลลานะ)

8.ชนะ ความเชื่อ วิสุทธิ์สูงสุด
ปฎิบัติธรรม ไม่เป็นไปเพื่อ ชื่อเสียง ลาภสักการะ ความบริสุทธิ์แห่งอาหาร
อนิสงค์แห่ง ศีล สมาธิ ปัญญา
แต่เพื่อหลุดพ้น เพลิงอารมณ์ทุกข์ เพลิงกิเลสความอยาก อย่างสิ้นเชิง

(http://www.oknation.net/blog/home/blog_data/765/51765/images/p23779139.jpg)
ตำนาน เทศน์โปรด ผกาพรหม
หัวข้อ: Re: มนุษย์แท้? :PULING的主頁
เริ่มหัวข้อโดย: ฐิตา ที่ กันยายน 27, 2013, 04:09:07 pm

(https://lh6.googleusercontent.com/-FaqV13oajIM/Uj4js7jvNyI/AAAAAAAArkY/l5kV6BdCXH4/w546-h460/IMG_0045.JPG)

//-ระยะทาง อนันต์ สู่อนันต์........เกินจินตนาการฝัน
บ้านเรา อยู่แห่งหน หาว............แห่ง ใดกัน
หรือเป็นเพียง ภาพฝัน................จินตนาการเรา?

//-ไร้รูป ไร้นาม.......................เป็นเพียง เสี้ยวเศษเร็วกว่า ....แสง
ลีลา มายา สำแดง.....................เวลา อวากาศ มิอาจกั้น
ด้นเหิรหาว ลิ่วมา.....................รอบโลกกา อัศจรรย์
วันหนึ่งนั้น มาติดกับ.................ในระบบชีวาลัย

//-วันที่ หม่นหมอง.....................ให้ครวญคิด
ชีวิต ยามชีวา ...........................นั้นห่างหาย
มีเพียงศิลปะ กล่อมจิตเจ้า..............ประโลมใจ
เพียงสายไย เล็กๆ ห่วงโลก...........เคารพธรรมฯ
***************

//-จิตเดิม.................................เป็นเช่นนั้น
จิตปรุงแต่ง...............................ลีลา มายา ร่ายรำเล่น
ชีวิต ผ่านมา จากไป....................ดังสายลมเย็น
โลกฤๅเพียง เวทีละคร เรียน เล่น....เช่นนั้นเอยฯ
*****************

พบกับความจริงของธรรมชาติ ผ่าน
-ความภักดี ในเทพเทวะ
-ทำหน้าที่ ที่เป็นมงคล
-ค้นหาตัวตน ของตนเอง
-เรียนรู้ตลอดชีวิต สุขจากจิตอาสา
ไม่ว่าจะเดินทางไหน
ถ้าพ้น ไม่เป็นทาส ทุกข์ หลงสุข พบชีวิตที่ เย็น
นับว่า การเกิดครานี้ มิสูญเปล่า

Jonathan Livingston Seagull - Dear Father
Shared publicly  -  Sep 22, 2013


(https://lh4.googleusercontent.com/-AToqNhYZ8_E/Uj2pHgy-N_I/AAAAAAAArfA/l8SPaFQL2cM/w546-h460/IMG_0035.JPG)
 
//-อยากเป็นนักปราชญ์ มีสี่ประการ
1.เรียนรู้ ศาสตร์ศิลป์....รอบรู้เรื่อง"โลก"
2.เรียนรู้ ธรรม กฎ วัฒนธรรม...รอบรู้เรื่อง"ธรรมชาติ"
3.เรียนรู้ ภาษา ทั้งภาษาคน ภาษาสัญญาลักษ์ ภาษาท่าทาง ภาษาศิลป์
4.เรียนรู้ ฝึกฝน มีปฏิภาณ ไหวพริบ
******************************

//-จะเป็นพุทธะ ต้องฝึกเปิดตาปัญญา (วิสัยทัศน์)ทั้งห้าปัญญา
-ตาปัญญาพุทธะ....ที่พิจรณา ด้วย สติปัญญา ไม่ใช้อารมณ์ ไม่ลำเอียง อหังการ
-ตาธรรมะ.........เข้าใจธรรมชาติ ทั้ง สมมุติ ธรรม ปรมัตถะ อริยะ
-ตาสมันตะ........ความรู้รอบตัว ศาสตร์ศิลป์ อัพเดทเสมอ
-ตาญาณ ฌาน.....ความรู้เช่นทศพลญาณ และ สหัชญาณ ที่เป็นผลของสมาธิฌาน
-ตาทิพย์.........ความสามารถเข้าใจสิ่งที่ละเอียยด ลึกซึ้ง
*******************************

นักปราชญ์ จึงไม่ใช่ พุทธะเสมอไป
เพราะ นักปราชญ์ ..........ทำ"อาสวะให้สิ้น".....ไม่เป็นอิๆ
จึงตกเป็นทาส ขยะปรุงแต่งจิต ที่จิตสำนึกตน ที่ปรุงและเสพจาก
-ตรรกะ..เหตุผลที่ตนเอง เชื่อ ชอบ
-จินตนาการ...ที่ปรุงแต่งแบบ ใส่ไข่ใส่นม เว่อร์เกิดเหตุ
-มโนธรรม....ยึดเอามโนสำนึกตน เป็นใหญ่
-ทักษะ......เทคโน เทคนิค แทคติก ทักษะ..ที่ตนใช้แล้วได้ผล
ในการส่งเสริม แรงขับชีวิตตนเอง

-อยากชนะ
-อยากยิ่งใหญ่
-อยากเป็นอมตะ
-อยากเป็น ที่หนึ่งในสังคม

สาธุ  / Suraphol Kruasuwan
สนทนาธรรมตามกาล  -  Sep 22, 2013

(https://lh4.googleusercontent.com/-8wNfofIvS20/UkCoMpB6Q4I/AAAAAAAAr0s/FSfzMGjwXQk/w426-h240/maxresdefault.jpg)
G+ Suraphol Kruasuwan
หัวข้อ: Re: มนุษย์แท้? :PULING的主頁
เริ่มหัวข้อโดย: ฐิตา ที่ กันยายน 27, 2013, 07:32:56 pm

(https://fbcdn-sphotos-a-a.akamaihd.net/hphotos-ak-frc3/p480x480/996615_613694128676474_1663436038_n.jpg)

เอามา เล่าให้ฟัง เผื่อ ฟังแล้ว จับใจความ คิดตาม
อาจมีประโยชน์คือ
-ไพเราะเบื้องต้น
-ไพเราะเบื้องกลาง(รู้ความหมาย)
-ไพเราะในที่สุด (เอาไปปรับใช้ ในชีวิตประจำวันได้จริงๆ)
สาธุ


(https://lh5.googleusercontent.com/-3Z6w_ltzmv0/UkGgwsNdS3I/AAAAAAAAr7U/ucHLzAha3j4/w426-h320/funny-skeleton_00359796.jpg)

วิสัยทัศน์ ที่ มองเห็น
อนิจจัง ทุกขขัง อนัตตา
มาเปรียบเทียบกับ "สังขาร ของท่านเอง"
จึง ถอนอาลัย คลายกำหนัด ตัดวัฎฏะ สิ้น
พ้นอำนาจ เพลิงอารมณ์ทุกข์ เพลิงกิเลส
***************


(https://lh4.googleusercontent.com/-seqjsB7sqwE/Ujkxref6LCI/AAAAAAAArEU/-_UOYUQconY/w346-h260/IMG_0016.JPG)

"กรรมดำ กรรมขาว กรรมไม่ดำไม่ขาว"
-การละ กรรมดำ คือ อกุศล
-เจริญกรรมขาว คือ กุศล
-กรรมไม่ดำไม่ขาว คือวัตรที่พ้นสังโยชน์
คือที่สุดของชีวิต
อย่าประมาท กรรมเวลา มัจจุราช ไม่เคยคอยใคร
ชีวิตต้องเลือก....สาธุ
*********************

หิตายะ สุขายะ
หมายถึงการเกิดขึ้นของพระพุทธเจ้า
-"เพื่อประโยชน์"

..ประโยชน์ตน คือมีสัมมาสติ
โพธิปัญญาตื่น พ้นเพลิงอารมณ์ทุกข์ เพลิงกิเลส
.เพื่อประโยชน์ของสังคม
ด้วยธรรมบาล มงคล และสุขจากจิตอาสา และแบ่งปัน
..เพื่อโอาสโลก
คือระบบชีวาลัย สิ่งแวดล้อม ที่ไม่ควรเบียดเบียน ทำลายสมดุลย์
-เพื่อความสุข"..
พ้นจากกามสุข...สงบมั่นคงในฌานสุข...
เย็นหรือนิพพาน เพราะไม่ร้อน จากกุญแจ สุขและทุกข์
********************

พุทธะคุณวิเศษ ห้า
1.-เป็นผู้บอกทางข้ามห้วงน้ำที่ข้ามยาก
คือ กาม ภพ ทิฐิ อวิชชา
2.-เป็นผู้บอกวิธีอยู่เหนือสามภพ
คือ กามภพ รูปภพ อรูปภพ พบพุทธภูมิ
3.-เป็นผู้รักษาโรค คือ กิเลส ตัณหา อุปาทาน ที่เป็นอุปสรรค์พัฒนาชีวิต
4.-เป็นผู้เปล่งแสงแห่งความสุขจาก มีความเมตตา กรุณา อันหาประมาณมิได้
5.-เป็นผู้มี สัมมาสติ โพธิปัญญาที่ตื่นแล้ว
กุมสภาพจิต อย่างยั่งยืน
สาธุ

(https://lh4.googleusercontent.com/-1oNcoSS87no/UkT8ltcpXaI/AAAAAAAAsH4/XNCwADqdykk/w346-h260/A5.jpg)
 
//-ธรรมชาติ สิบมิติ
ท่านอาจารย์พุทธทาส เรียบเรียงมา "เก้า ตา" ปู่ลิงเพิ่มอีกหนึ่ง เป็นสิบ
-อนิจจตา.....สิ่งปรุงแต่ง หรือสังขาร ย่อมเปลี่ยนแปลง
-ทุกขตา.....สิ่งปรุงแต่ง ย่อมทนอยู่ในสภาพเดิมไม่ได้
-อนัตตา.....ธรรมชาติทั้งหมด ย่อมเป็นไปตาม กฎ เหตุปัจจัย มิได้เป็นดั่งใจปราถนา
(ยุคนั้น มีความเชื่อเรื่องอัตตา"จิตเป็นใหญ่" นิรัตตา"กาย หรือวัตถุเป็นใหญ่")
-ธรรมฐิติตา...กฎของธรรมชาติ ซ่อนอยู่ในทุกสิ่ง
-ธรรมนิยาม...ธรรมชาติวิวัฒนาการ จากสิ่งไม่ซับซ้อน เป็นสิ่งซับซ้อน
-อีทัปปจยตา..ความเป็นเหตุผล ปรุงแต่งต่อเนื่อง
ของสิ่งต่างๆ จะปรุงเป็นสุข ทุกข์ อยุ่ที่ใครใช้อะไรมาปรุงฯ
-ตถาตา......ธรรมชาติอยู่ใน"กระแสเดียวกัน" เป้นธรรมดาเช่นนั้นเอง
-สุญญตา.....เมื่อจิตว่างจาก อุปทาน ตัณหา กิเลส จึงเห็นธรรมชาติตามจริง
-อตัมมยตา....ธรรมชาติล้วนเป็น ของปลอมที่ มายา ธรรมชาติสังเคราะห์ขึ้น
"เองเป็นของปลอมโว้ย"
"ตูไม่เอากับเองแล้วโว้ย"อิๆ

-อพยากตาธรรม...เมื่อจิตไม่ลำเอียงในของคู่(นันทวันธรรม)
เช่น ดี...ชั่ว
ชอบ....ชัง
ผิด.....ถูก
ได้.....เสีย
ย่อมหลุดจาก อุปทวะ อาสวะกิเลสทั้งปวง เพราะ"ไม่ยึดมั่นถือมั่น ในธรรมที่มาปรุงแต่งนั้น"
”สัพเพ ธัมมา นาลัง อภินิเวสายะ”

พุทธทาส ความว่างคือยารักษาสรรพโรค"
สนทนาธรรมตามกาล  -  Sep 19, 2013


(https://lh6.googleusercontent.com/-dSu37q95Ido/Ujv1VSjXv5I/AAAAAAAArZA/MIAKtR5fHCI/w346-h330/01977_45.jpg)

๑. มคฺคานฏฺฐงฺคิโก เสฏฺโฐ
สจฺจานํ จตุโร ปทา
วิราโค เสฏฺโฐ ธมฺมานํ
ทิปทานญฺจ จกฺขุมา ฯ ๒๗๓ ฯ

ยอดแห่งมรรคา คืออัษฎางคิกมรรค
ยอดแห่งสัจจะ คืออริยสัจสี่ประการ
ยอดแห่งธรรม คือความปราศจากราคะ
ยอดแห่งมนุษย์ คือพระผู้เห็นแจ้ง

Best of paths is the Eightfold Path.
Best of truths is the Four Noble Truths.
Best of conditions is Passionlessness.
Best of men is the Seeing One.

(https://lh6.googleusercontent.com/-GvRnOuLYRE4/UkTj1oGbwZI/AAAAAAAAsHM/OF5S5xH5I9Y/w646-h429/9_zps3ef7b696.jpg)
:http://www.dhammathai.org/dhammapada/dp20.php
:https://plus.google.com/u/0/102795770125676715056/posts
หัวข้อ: Re: จักรวาล ในสายตาปู่ลิง Heaven on earth :PULING的主頁
เริ่มหัวข้อโดย: ฐิตา ที่ มกราคม 29, 2014, 01:33:11 pm

(https://lh4.googleusercontent.com/-F8McX8eMJC8/Uuh2CH2yOiI/AAAAAAABBpc/83jNg4jGE4E/w508-h332/A27.jpg)
ขอบคุณภาพ จากเวบลมหลวง

Heaven on earth
ค้นหาสวรรค์บนดิน
เพื่อสุขภาพจิต วิญญาน ที่ดี
//-นรก สวรรค์ มีจริง?
.............................
//-นรกในใจ สมองมนุษย์มีศูนย์ ความทรงจำ ให้รางวัล ลงโทษ
ทุกครั้ง ที่ รู้สึก ไม่สบายใจ ไม่สบายกาย
ร่างกายก็จะหลั่งฮอร์โมน ลดกิจกรรมชีวาในชีวิต
จนกว่า ความคิดจะชง อารมณ์ใหม่ มาทดแทน

//-นรกในสังคม
มนุษย์แม้นจะมีมโนธรรม
มีศาสนา วัฒนธรรม สอนให้ยับยั้งชั่งใจ อภัย สุขจากการแบ่งปัน
แต่แรงขับชีวิต ทำให้เราอยาก
ชนะ ยิ่งใหญ่ อมตะ พอไม่ล่ายดั่งใจก็"ทุกข์" ตกนรกในใจ
บางที แถม ไปล่า ไปไล่ ไปทำลาย ฉกฉวยผลประโยชน์
จากสังคมและ ระบบชีวาลัย

(https://lh3.googleusercontent.com/-KHuNWU4KwXA/UurMNMEMYuI/AAAAAAAAF_o/Z0f70-j6LTQ/w533-h400/2014+-+1)

เพราะกำพืดมนุษย์คือ นักล่า นักเก็บเกี่ยวผลประโยชน์
นัก ฉกฉวยผลประโยชน์จึง"สร้างนรกบนดินขึ้น"
//-นรกในสิ่งแวดล้อม
หลายแห่งไม่เหมาะแก่ ชีวิตมนุษย์อาศัย
แถมเรายังทำลายสิ่งแวดล้อม จนไม่เหมาะแก่ มนุษย์อาศัย
ในนาม"พัฒนา" อิๆ แบบ"อุสาหากรรม"
และเป็นทาสความคิดแบบ"จีดีพี"(จี้จนพัง)
//-นรกในอวกาศ
แน่นอน มนุษย์อยู่ไม่ได้ ถ้าไม่มีชุดอวากาศ
............................................


(https://lh6.googleusercontent.com/-vRS2wKDDTmk/Uu8-RqQ60BI/AAAAAAABuwk/Jflxp-Gh1UQ/w433-h327/1798352_754005887957665_1288926241_n.jpg)

//-ทางสู่นรก หรือทางสู่อบายภูมิ
-คบคนชั่ว
-เป็นทาสสารเสพติด สมัยนี้มีวัตถุเสพติด
เช่นน้อง BB เข้าไปด้วยอิๆ
เมื่องไทย 80% เป็นทาสสุรา
-เล่นพนัน
-เที่ยวกลางคืน
-ติดเซ็กส์
-งานหนักไม่เอา รับจ๊อบ ก่อม๊อบดีก่า อิๆ
...สมัยนี้ ต้องเติม...ความหลงใน กะลา ครอบกะโหลกด้วย
...............................................

(https://lh5.googleusercontent.com/-1H4fKelYaRQ/Uu81FcVDDNI/AAAAAAACXwU/z8uAcgnw73I/w533-h363/Capturar.PNG)

//-สมองมนุษย์มี โปรแกรม "จิตสำนึก" ชงบุคลิกภาพ จาก..
..ความคิด อารมณ์ อุดมการณ์ ความรู้ ตอนกลางวัน

-ตอนกลางคืน จะมีโปรแกรม ตุลาการ สถาปานิก วิศวะกร
เอาข้อมูล 7วันย้อนหลัง มาตัดสิน
สร้างร่างกายให้ทรุดโทรม หรือ ดีขึ้น ได้
-และ อารมณ์ร้าย ที่เราชงตอน"ขาดสติ"
เป็นอาหารชั้นดี ของ"น้องมะเร็ง"
..........................................
//-ไม่เชื่อนรก ก็ช่างหัว"คน"
.........................................
//-สวรรค์ภพหน้า............แสนไกล
สวรรคสังคมใด..............ใครบังคับได้นั่น
สวรรค์ในอก..................สติตื่นขจัดอาสวะ เห็นพลัน
เวลา กรรม มัจจุราช........บ่เคย คอยใครฯ อิๆ
...................................

จักรวาล ในสายตาปู่ลิง
Suraphol Kruasuwan originally shared to :G+

(https://lh4.googleusercontent.com/-fT4X0nO2azE/UuhDoSGs3UI/AAAAAAACOrI/yV1QtE-nkbo/w533-h628/12365_622212891183523_1606688243_n.jpg)

Universe จักรวาล
//-มองด้วย ตาเนื้อ
-มองด้วย ตาจินตนาการ
-มองด้วย ตาความรู้ ความเข้าใจ
-มองด้วย ตาจิต อันเมตตา อันหาประมาณมิได้
-มองผ่าน ตาอารมณ์ปืติสุข
-มองผ่าน ตาทิพย์
คุณเห็นอะไร?

(https://lh6.googleusercontent.com/-xV3l_esXfVk/Uu79ipltXAI/AAAAAAABCQg/F9KQjlSJK5k/w533-h400/AAA4558.jpg)

"เดิม สรรพสิ่งไซร์..................หนึ่งเดียว
เคยเกาะเกี่ยว กลมเกลียว.......ผูกมั่น
มาแยก เป็นล้านแสน..............อนันต์
เป็นรูป นามขันธุ์ ต่างๆ...........อนิจจังฯ"

G+ Suraphol Kruasuwan
3.2.2557

(https://lh6.googleusercontent.com/-wLYqWEF1vcM/Uu0JCz5N-kI/AAAAAAAA5EM/aFggl0sMVFM/w533-h300/01.02.14+-+1)
หัวข้อ: Re: มนุษย์แท้? :PULING的主頁
เริ่มหัวข้อโดย: ฐิตา ที่ กุมภาพันธ์ 27, 2014, 11:35:51 pm

(https://lh3.googleusercontent.com/-6K-H66yDrFQ/UeULoZAp54I/AAAAAAAAiTM/RboFKBMb9m8/w506-h380-o/a2.jpg)

Mark King
ตัวเลือกสำหรับเรื่องราวนี้
... บัวนั้นมีหลายเหล่า และบัวทุกเหล่า
ก็หาพ้น วัฏสงสาร ไม่

(https://lh3.googleusercontent.com/-9UmGgTAP1pc/UvRIAtH-whI/AAAAAAABCvo/Qk1VvASEsJs/w433-h255/a000.jpg)

... ตัวเรา ก็เช่นกัน ชีวิตช่างสั้นนัก
ขอหลุด ขอพ้น ได้เบ่งบาน เบิกบานเป็นสุข
ใต้แสงแห่งธรรม พอแล้ว ....
มิช้ามินาน ก็เจ็บ ก็แก่ ก็ตายด้วยกันทั้งสิ้น .... สาธุ /|\
Feb 8, 2014
..
..

(https://lh3.googleusercontent.com/-hbkfXEsIcRM/UvKYKgEuIPI/AAAAAAABClk/FcYy7yIxq5E/w433-h300/AAA5344.jpg)

ปลายจีวร คนเมืองพระ -ทาน
หมายถึงการให้ การให้สิ่งของที่สมควรและจำเป็นแก่ผู้รับ
เพื่ออนุเคราะห์ให้เกิดความสุขก็ดี ให้เพื่อบรรเทา..
..มัจฉริยะ ความตระหนี่ที่มีอยู่ในใจก็ดี ให้เพื่อให้จิตใจ
อ่อนโยน เป็นบาทแก่ การเจริญสมถะ
และวิปัสสนาก็ดี ล้วนแต่ได้ชื่อว่าทานทั้งสิ้น

อภัยทาน การให้อภัยกันและกัน ไม่ถือโทษกัน
ไม่พยาบาทปองร้ายกัน ก็เป็นทาน
ธรรมทาน การให้ธรรมะด้วยประสงค์ที่จะให้ผู้อื่นเกิดปัญญา ก็เป็นทาน
และเป็นทานที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า เลิศกว่าทานทั้งปวง

ปัตติทาน การให้ส่วนบุญ การที่เราทำบุญแล้วอุทิศหรือแบ่งบุญให้ผู้อื่น
โดยไม่หวงแหน เป็นการสละมัจฉริยะ ความตระหนี่ออกจากใจ ก็เป็นทาน
ปัตตานุโมทนา การพลอยยินดีในบุญที่ผู้อื่นทำแล้ว เป็นการกำจัด
ความริษยาในใจ ก็เป็นทาน

(https://lh6.googleusercontent.com/-QIl7cFENrQQ/UwWCNcmzNRI/AAAAAAABEVk/WfuRJMWpQWs/w533-h400/IMG_0748.JPG)

และศีล ๕ ท่านก็เรียกว่า มหาทาน
เพราะให้ความไม่มีเวร ไม่มีภัยแก่สัตว์ทั้งหลาย /

(https://lh5.googleusercontent.com/-XmaUUJs8kP8/Uvgez46Uv5I/AAAAAAABDDY/sOKDaIAo8oo/w433-h300/c4.jpg)

สาธุ ให้โอกาส ชีวิตที่ด้อยโอกาส เป็นทักษิณาทาน
เพื่อประโยชน์และความสุข ตน สังคม ระบบชีวาลัย สาธุ
..
..

(http://shop.cosm.org/images/products/detail/DYING.jpg)

ปลายจีวร คนเมืองพระ -ตัวเลือกสำหรับเรื่องราวนี้
ตายแบบไหน ?
๑. ขณิกมรณะ
การตายชั่วขณะ หมายถึงการตายของรูปนามขันธ์ ๕
ซึ่งตายอยู่ทุกขณะจิต
สัตว์ที่ประกอบด้วยรูปนามขันธ์ ๕ จึงตายอยู่ทุกขณะเป็นธรรมดา
แต่หากตายแล้วไม่ตายกลับเกิดใหม่สืบทอดอยู่ทุกขณะ
สัตว์ทั้งหลายจึงดำรงชีวิตอยู่ได้จนหมดอายุ
๒. สมมติมรณะ
การตายโดยสมมติ การที่สัตว์ทุกชนิดตาย ชื่อว่าตายโดยสมมติ
การตายที่รู้จักกันทั่วไป และทุกคนยอมรับรู้ว่านี่แหละคือความตาย
แต่ความจริงยังหาตายจริงๆ ไม่ เพราะตายแล้วยังต้องเกิดอีก (เว้นพระอรหันต์)
๓. สมุจเฉทมรณะ
 ตายโดยสิ้นเชิง (ปรินิพพาน) ไม่มีการกลับมาเกิดใหม่อีก
การตายอย่างนี้มีเฉพาะพระอรหันต์เท่านั้น /

(http://www.juanasensio.com/media/01/00/21155648.jpg)

//-มุมมองของปู่ลิง
-ตายชั่วคราวเมื่อความคิดเปลี่ยน บุคลิกภาพเปลี่ยน
เป็นคนใหม่ในร่างเดิม
-ตายสมมุติ ตามมติชาวบ้านทั่วไป
-ตายถาวร คือ กิเลส ตัณหา อุปาทาน ตาย.. จากเหตุปรุงแต่ง
เพลิงอารมณ์ทุกข์ เพลิงกิเลส ก็ดับถาวร สาธุ
..
..

(http://www.murraymitchell.com/wp-content/uploads/2012/01/silhouette_of_a_girl.jpg)

//-หนึ่งในความหมายของอนัตตาคือ
ทุกสิ่งกำลังเป็นไปตามกฎเหตุปัจจัยปรุงแต่งหาได้เป็นดั่งใจใคร
จิต เป็นสังขารธรรม การฉลาดเลือกปรุงจิต เป็นสิ่งที่ควรเจริญ
จิต...ปรุงอกุศลก็ได้ วิบาก วิบัติ ทุคติ
จิต..ปรุงด้วยกุศล ก็ได้ บุญ กุศล มงคล บารมี สุขคติ
จิต...ปรุงด้วยโพธิปักขิยะธรรม นิปปปัญจธรรม
ก็ได้ วิมุติ วิโมกข์ นิพพาน วิชชา วิสุทธิ์ วิเศษ วิเวก วิราคะ เป็นที่สุด สาธุ
Feb 8, 2014

(https://lh3.googleusercontent.com/-jMq5zmAEzpY/UvgQQaY18RI/AAAAAAABDBM/aDWQVT0Mhng/w433-h300/A7_n.jpg)
 
ชีวิตนั้น งดงาม เปราะบาง
เวลา กรรม มัจจุราช ไม่เคยคอยใคร
สุขจาก คิดถึงความดี ทุกลมหายใจเข้าออกนะ
ถ้าชาติหน้ามี เราสู่สุคติแน่นอน
ถ้าชาติหน้าไม่มี พลัง ความจริง ดี งาม สุข
ย่อม อยู่กับเรา และเผื่อแผ่ สู่ชีวิตรอบตัวด้วย สาธุ

Life is beautiful, fragile
The fate of death wait for no man.
Think of the great joys of my breath.
If the Reincarnation We certainly rest in peace
If no national power actually pretty happy.
Dwell with us and generously to the world around them.
amen -Feb 10, 2014

(https://lh5.googleusercontent.com/-OFEebVqNXK0/UwQW1SWrU5I/AAAAAAABEBc/xr8yNokPGkM/w333-h200/IMG_0558.JPG)

แตกต่าง............ไม่จำเป็นแตกแยกเสมอไป
ความแตกต่าง......คือความงดงามที่ธรรมชาติมอบให้มา.
กิเลส และ อารมณ์ >>
>> ที่ไร้การควบคุม.. ทำให้เราเป็นทาส ทุกสิ่ง สาธุ
..
..

(https://lh6.googleusercontent.com/-lv6O8YVfhNU/UwPYrj_wibI/AAAAAAABEAg/whQVLHUgldY/w333-h599/google_img20140218-4533-1p0a5d5.jpg)

Wisdom is the light of life
ปัญญาญาณ เป็นแสงสว่างของชีวิตที่มีชีวา
OMAR AKRAM - Angel Of Hope

แสง สุริยัน จันทรา ดารา..............ส่องได้ วันคืน
ประทีบชื่น ส่องทาง....................มืดค่ำ
แสงสัมมาสติ โพธิปัญญา นำ.........ทางชีวิต ทุกขณะจิตกัน
ผู้รู้นั้น จึงเพียรเพ่ง.....................ฝึกฝน จิตตนฯ
Feb 19, 2014
..
..

(https://lh6.googleusercontent.com/-YWFbQx4jnr8/Uv_YpLw2M-I/AAAAAAABDmE/lEPubxgo4Yg/w433-h277/00425_12.jpg)

เจริญธรรมไหน สังขารก็ปรุงแต่งชีวิตเราเป็นเช่นนั้น..
เรี่มต้นเปลี่ยนแปลงชีวิต ด้วยการเจริญวาจาสุภาษิต....
พูดความจริง
-ที่มีประโยชน์
-ไพเราะ ประกอบด้วยเมตตา
เหมาะสมกับผู้ฟัง
-รู้กาละที่จะกล่าวและหยุด...
วจีสังขารเปลี่ยน จิตสังขารก็เปลี่ยน กายสังขาร(บุคลิกภาพ)เราก็เปลี่ยน สาธุ
การเปลี่ยนแปลงภูมิจิต ภูมิธรรม ภูมิปัญญา เริ่มจากฝึกเปลี่ยน
ความคิด คำพูด ที่เป็นมงคลแก่ตนเอง สาธุ
Feb 16, 2014

มงคลชีวิต
http://puling-222.blogspot.com/2011/01/blog-post_7277.html (http://puling-222.blogspot.com/2011/01/blog-post_7277.html)

(https://lh6.googleusercontent.com/-m4aolJVBll8/UwFDMzVNoQI/AAAAAAABDzY/vTHHPwS660M/w533-h437/A99_n.jpg)

"ปัจฉิมวาจา"
"ดูกร ภิกษุทั้งหลาย เราขอเตือนท่านทั้งหลายว่า
สังขารทั้งหลาย ย่อมมีความเสื่อม เป็นธรรมดา
เธอทั้งหลาย จงยังประโยชน์ตน และประโยชน์
ให้ถึงพร้อม ด้วย ความไม่ประมาทเทอญฯ"
ประโยชน์ตน คือ....ฝึกฝนตนเองให้พ้นเพลิงทุกข์ เพลิงกิเลส
ด้วยการทำอาสวะให้สิ้น
ประโยชน์ท่าน........คือมีจิตเอื้อเฟื้อ เมตตากรุณา ทักษิณาทาน
ต่อตนและโลกเสมอกัน
หรือ มี โลกุตรจิต กับโพธิจิต เจริญไปด้วยกัน
..
..

(http://lh3.googleusercontent.com/-XgXYIbvFLDY/AAAAAAAAAAI/AAAAAAAAAC4/ra3UXoB0GEw/s512-c/photo.jpg)

7.มองโลกด้วยความว่าง และถอน ตัวตูของตู เป็นสุขในโลก
"ดูกร โมฆราช เธอจงมองดูโลก อันงามประหนึ่งราชรถ
คนโง่หลงอยู่ ผู้รู้หาข้องไม่
และเป็นที่มัจจุราชหา เธอ ไม่พบ"
พระโมฆราช ป่วยเป็นโรคผิวหนังพุพอง
ทรมานทางกาย แต่ จิตวิญญาณเบิกบาน
เพราะ ฝึก มองโลกด้วยความว่าง
ว่างจาก การปรุงแต่งของ กิเลส ตัณหา อุปาทาน
ว่างจาก การยึดมั่นถือมั่นว่า ชีวิตนี้ เป็นตัวกู ของกูถาวร อิๆ

(http://ashpicyard.files.wordpress.com/2011/11/girl-silhouette.jpg)

8.สุขใดเท่า สงัดในกิเลสไม่มี
ผู้แสวงหาเกียรติ..ย่อมทุกข์
ผู้แสวงหากามคุณ..ย่อมทุกข์
ผู้แสวงหา กินไม่รู้จักพอ ..ก็ทุกข์
ผู้ พ้นจากอำนาจหลอกลวง ของ เกียรติ กาม กิน(บริโภคนิยม)
ย่อม สงบ สงัด ในท่ามกลางความเคลื่อนไหว
ผู้นั้น จึงเป็นผู้ มีสุขที่แท้จริงในโลก
Feb 17, 2014

(https://lh5.googleusercontent.com/-6m8fx3yyUqc/Uv1s5XyCH7I/AAAAAAABDdI/GAKtfNQptzc/w333-h200/IMG_0156.JPG)

G+ Suraphol Kruasuwan
สนทนาธรรมตามกาล  - 

(https://lh3.googleusercontent.com/-Mslrju4_DdA/UvzoJFe-9WI/AAAAAAABDYg/UU1iuACoIxA/w533-h400/IMG_0219.JPG)
นกกางเขนข้างสีส้ม ( Orange-flanked Bush-Robin )
:lomluang.com/birdboard
หัวข้อ: Re: มนุษย์แท้? :PULING的主頁
เริ่มหัวข้อโดย: ฐิตา ที่ พฤษภาคม 13, 2014, 05:13:23 pm

(https://lh3.googleusercontent.com/-ri16lhPQ40Q/U24uo_b3UKI/AAAAAAABOrg/4i3Auvxay6o/w415-h553-no/IMG_3408.JPG)

"ของขวัญวันวิสาขบูชา"
ชีวิต คือการเรียนรู้
การเรียนรู้สูงสุด ที่ให้คุณต่อชีวิตที่มีชีวาคือ
"เรียนรู้สร้างสุขภาพ กาย จิต วิญญาญ สังคม สิ่งแวดล้อมให้ดีด้วยกัน"
..
..
วิชชา ที่ดีต่อ สุขภาพ กาย จิต วิญญาญ
คือ"วิชชา ทำอาสวะให้สิ้น หรือวิชชา ล้างขยะปรุงแต่งในใจ"
"ของขวัญวันวิสาขบูชา"
ชีวิต คือการเรียนรู้
การเรียนรู้สูงสุด ที่ให้คุณต่อชีวิตที่มีชีวาคือ
"เรียนรู้สร้างสุขภาพ กาย จิต วิญญาญ สังคม สิ่งแวดล้อมให้ดีด้วยกัน"
.........................................

(https://lh4.googleusercontent.com/-yDlQ66hoRlM/U24t3xrSQoI/AAAAAAABOq0/T-87LPsdvpg/w346-h260/IMG_3356.JPG)

การมีเงื่อนไข (conditioning)
.
.....การเรียนรู้แบบมีเงื่อนไข (Conditioned reflex หรือ Associative learning) เป็นการเรียนรู้แบบที่มีต่อสิ่งเร้าสองสิ่ง สิ่งเร้า สิ่งหนึ่งเป็นสิ่งเร้าแท้ และสิ่งเร้าอีกสิ่งหนึ่งเป็นสิ่งเร้าเทียมโดยสิ่งเร้าเทียม จะทำหน้าที่แทนสิ่งเร้าแท้ได้ โดยที่มีผลตอบสนอง เช่นเดียวกับสิ่งเร้าแท้
.....อีวาน พาฟลอฟ (Ivan Pavlov) ได้ทดลองในสุนัข โดยให้อาหารสุนัข เมื่อสุนัขได้อาหารจะเกิดพฤติกรรมแบบรีเฟล็กซ์อย่างง่ายขึ้น คือ น้ำลายไหลออกมาขณะที่กินอาหาร ต่อมา พาฟลอฟ ให้อาหารพร้อมกับสั่นกระดิ่งไปด้วยหลายๆ ครั้ง สุนัขจะมีน้ำลายไหลออกมาด้วยเสมอ เพียงแต่ พาฟลอฟสั่นกระดิ่งเท่านั้น สุนัขก็เกิดอาการน้ำลายไหลแล้วทั้งๆ ที่ตามปกติ เสียงกระดิ่ง ไม่สามารถทำให้สุนัขน้ำลายไหลได้
http://www.thaigoodview.com/node/133302 (http://www.thaigoodview.com/node/133302)
..................................................................

(https://lh3.googleusercontent.com/-JdUEh2J0qeI/U29W7L_v8wI/AAAAAAAAhDg/d--HjdG6Iy8/w346-h602/2014+-+1)

พระพุทธเจ้าสอน ความรู้ที่ล้างเงื่อนไข(ทำอาสวะให้สิ้น)
1.หาที่สงบสงัด ปล่อยความคิด จูงอารมณ์ประทับใจทั้ง บวก ลบออกมา
2.หายใจอย่างมีสติรู้สึกผลอารมณ์นั้นที่ขั้วหัวใจ
3.หยุดคิด(แยกฟืนออกจากไฟ) เพ่งดูอารมณ์ ทุกลมหายใจเข้าออก
จะพบว่าอารมณ์ค่อยๆดับไป(เพราะถูกสติกำหนดรู้)
4.เอาความคิดเดิมฉายขึ้นมาอีก...อารมณ์เกิด แต่ เบาบางลง
(เพราะสิ่งใดเกิดขึ้นเป็นธรรมดา ย่อมดับเป็นธรรมดา)
5.ทำซ้ำๆ...จนคิดแล้วเฉยๆ ขำๆ...คุณชนะอารมณ์ ยกที่หนึ่ง
ทำกับทุกความคิด อารมณ์ที่"เผาใจคุณ"
6.ฝึกคิดแต่ทางกุศล แทนอกุศล
7.ฝึกให้เหลือแต่ อารมณ์ปิติ สุข อุเบกขา เอกัคคตา(จิต สติ ธรรม เป็นหนึ่งเดียว)
.......................................

(https://lh3.googleusercontent.com/-Cl_-DZonmBo/U21OQkafKzI/AAAAAAABOiQ/gRg0nUn4l0Y/w346-h260/1.aaii.JPG)

//"ชนะโลกเป็นจักรพรรดิ์
ชนะอารมณ์ทุกข์ กิเลสภายใน เป็นพุทธะ"
ดวงตาเกิดขึ้นแล้วแก่เรา
ญาณ เกิดขึ้นแล้วแก่เรา
ปัญญา เกิดขึ้นแล้วแก่เรา
วิชชา เกิดขึ้นแล้วแก่เรา
แสงสว่าง เกิดขึ้นแล้วแก่เรา
ว่า
-ทุกข์....ควรกำหนดรู้ ได้กำหนดรู้ ได้กำหนดรู้แจ้งแล้ว
-เหตุแห่งทุกข์...ควรละ ได้ละแล้ว ได้ละจนหมดเชื้อมิเหลือสิ้นแล้ว
-อาการดับไม่เหลือแห่งทุกข์ ควรทำให้แจ้ง ทำให้แจ้ง ทำให้แจ้งตลอดสายแล้ว
-ทางปฏิบัติเพื่อการดับทุกข์ ควรเจริญ ได้ เจริญ ได้เจริญแล้ว
...........................................

(https://lh6.googleusercontent.com/-wNbeYxT7jSY/U2t0hscg1oI/AAAAAAABOYY/XosMWrYi0q8/w702-h527-no/IMG_3021.JPG)

ตะโป จะ พรหมมะจะริยัญจะ
อะริยะสัทธานะ ทัสสะนัง
นิพพานะสัจฉิกิริยา จะ
เอตัมมัง คะละมุตตะมัง
//-อุดมการณ์เป้าหมายชีวิต สุงสุดที่ดีคืออะไร?
ชำระจิต ให้ สงบ................................สะอาดสว่าง
มีเมตตา กรุณา มุฑิตา อุเบกขา .............เป็นร่มเงาให้ชีวิตนั้น
เห็นแจ้ง ทางเจริญเสื่อม ......................ในใจทุกขณะจิตกัน
พบผล หลุดพ้นอุปทานตัณหา................ ด้วยทำอาสวะสิ้น ด้วยตนเองเอยฯ

(https://lh5.googleusercontent.com/-brgHBI7VlEM/U3Gr7j3U5iI/AAAAAAABPCg/rTwpKcwyKvE/w346-h260/IMG_3671.JPG)
Suraphol Kruasuwan
Shared publicly  -  13.5.57 - 12:23 PM
- http://puling-222.blogspot.com/2011/01/blog-post_7277.html (http://puling-222.blogspot.com/2011/01/blog-post_7277.html)
หัวข้อ: Re: มนุษย์แท้? :PULING的主頁
เริ่มหัวข้อโดย: ฐิตา ที่ พฤษภาคม 13, 2014, 07:25:26 pm

(https://lh3.googleusercontent.com/-vQGdt0LCiUI/U3Gh7uAPkeI/AAAAAAAD_8g/1jFLAgNPUdo/w546-h396/IMAG2851_BURST003-MOTION.gif)
 
เจ้าเกิดมามีอะไรมาด้วยเล่า.
เจ้าจะเอาแต่สุขสนุกไฉน.
เจ้ามาเปล่าแล้วเจ้าจะเอาอะไร.
เจ้าก็ไปตัวเปล่าเหมือนเจ้ามา ...
บทธรรมกวีนี้ บางก็บอกว่า เป็นธรรมลิขิตของ"หลวงพ่อโต"
แต่ ผมพบครั้งแรก ในห้องสมุดวัดอุโมงค์เชียงใหม่ เมื่อ40ปี ยังทันสมัยเสมอ

-เรามาตัวเปล่า คนเดียว
-เราต้องจากไป ตัวเปล่า คนเดียว
-เราควรฝึก อยู่อย่างตัวเปล่า คนเดียว
-อยู่กับความเหนือ ทุกข์ สุข..อยู่กับความเย็น
...เย็นวาจา....ใจก็เย็น...กายก็เย็น...สาธุ
............................

การหมุน กาลจักรมีสองแบบ
1.-แบบ"ตามกระแส โลก ธรรม"
โดยมี อวิชชา นำพาให้เกิดการปรุงแต่ง
ความคิด อารมณ์ ปลุก กิเลส ตัณหา อุปทาน นำไปสู่ภพ ภูมิ
ที่สุดทำให้ จิตแล่นไปในภพภูมิ ที่มนุษย์ทั่วไป ทำอยู่เป็นปกติเช่น
-ฉกามาวจรภูมิ...คือ อบายภูมิ มนุษย์ เทวดา
-รูปภพ..คือรูปพรหม ทั้งหมด
-อรูปภพ..คือ อรูปพรหม ทั้งหมด

2.แบบ ทวนกระแสโลก
-โดยมิ"วิชชา" คือเห็นอดีต(ตกผลึกความคิด)
-รู้เท่าทันในปัจจุบัน(สติ กำหนดรู้ ทันความคิด อารมณ์ที่กำลังปรุงแต่ง)
-เห็นผลที่เกิดในอนาคต(รู้ทางที่ ความคิด อารมณ์ ที่ปรุงโดยขาดสติ ปัญญา พาไปเกิดในภูมิต่างๆ)
......................

(https://lh4.googleusercontent.com/-O61d6JMT7Kg/U2gkjBfvDqI/AAAAAAABOBY/BNk0FGuTENY/w602-h427-no/IMG_2739.JPG)

//-เมื่อจิตใจ เกิด ความ ตื่นเต้น วิคกกังวล กลัว ย้ำคิด ย้ำทำ ย้ำแค้น
ให้หายใจยาวๆ ช้าๆ กำหนดรู้"รู้สึก" ของอารมณ์นั้น
จ้องหน้า ดูว่า หน้าตา อารมณ์นั้น จริงๆ เป็นอย่างไร?
ไม่คิด ไม่หนี ไม่สู้ ดู ให้เห็น
พระอนิจจัง
พระทุกขัง
พระอนัตตา
ทำลาย อารมณืนั้น(สิ่งใดเกิดขึ้นเป็นธรรมดา ย่อมดับ
ด้วยอำนาจไตรลักษ์ และอำนาจ จิตที่ฝึกดีแล้ว)
จนเห็นเป็นเรื่อง ขำๆ หรรษา เกิดปิติ
นั่นคือทาง"หมุนกาลจักร ทวนกระแส"

-ทุกข์นั้น.....ต้องกำหนดรู้
-เหตุแห่งทุกข์ คือ อุปทานในตัณหา ต้องละโดยเด็ดขาด
-ความเย็นแห่งชีวิต พ้นทุกข์ เหนือสุข
เพราะสิ้นเชื้อไม่เหลือเศษ เหตุทุกข์
ต้องประจักษ์ เป็นประสบการณ์ตรงแก่ตนเอง
-ทางแห่งการฝึกฝน ปัญญา วาจา กาย ใจ
ชำระใจให้เกิด เจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติ ทำอาสวะสิ้น ต้องรีบทำเอยฯ
เมื่อชนะอารมณ์ ตื่นเต้น กังวล กลัว ที่เป็นอาหารของอสูร ได้แล้ว
ก็ลองฝึกจัดการอารมณ์อื่นๆ ที่ไม่พึงปรารถนา ต่อไป สาธุ

"เวลา จากตื่น ถึงหลับ
เวลาจากเกิดถึงตาย
เราจะใช้ทำอะไร?
จะวิ่งหนีทุกข์ ซบออกความสุข
หรือ ทำความเย็นแห่งชีวิตให้ปรากฎ ด้วยตนเอง"
เวลา กรรม มัจจุราช ไม่เคยคอยใคร?
..................
สาธุ 

(https://lh6.googleusercontent.com/-i6N9UxTO_gE/U2gJedZoaSI/AAAAAAABOAY/RcTNh_33aik/w346-h260/IMG_2735.JPG)
G+ Suraphol Kruasuwan
สนทนาธรรมตามกาล  -  May 6, 2014
หัวข้อ: Re: มนุษย์แท้? :PULING的主頁
เริ่มหัวข้อโดย: ฐิตา ที่ พฤษภาคม 13, 2014, 07:37:20 pm

(https://lh4.googleusercontent.com/-qQwLy8oy5Ss/U2eiQe2DRGI/AAAAAAABN_Q/SVE5EX4zO48/w602-h427-no/IMG_2748.JPG)
 
//-บุคคล ไม่พึง........คำนึงถึงอดีต ด้วยอาลัย
ไม่พึง.......................กังวลถึงอนาคต ที่ยังมาไม่ถึง
พึงทำปัจจุบัน...........ให้ถึงพร้อม ด้วยความไม่ประมาทฯ
(พุทธพจน์)
.................................

ดังนั้นเราเป็นชาวพุทธ ผู้ใช้ สัมมาสติ โพธิปัญญา เคารพธรรม
ปลุกให้ตื่น มาปกครองชีวิต
ต้องฝึกสลัดตนออกจาก ความเชื่อ ที่ เป็นฐานล่างของศรัทธาชน
ที่มุ่ง ให้ ละชั่ว ทำดี แต่ไม่ได้สอนให้ พ้น ติดดี ล้างใจให้หมดขยะปรุงแต่งจิต
(ทำอาสวะให้สิ้น)
-เชื่อเรื่อง กรรมเก่า
-เชื่อเรือง ผู้มีฤทธิ์ จะบันดาลให้ตนพ้นทุกข์
-เชื่อเรื่อง ทุกอย่างเป็นเรื่องบังเอิญ
-เชื่อเรื่องทุกอย่าง เป็น ปฏิกริยาของธาตุ(ศีลธรรมไม่เกี่ยว)
...........................
แม้นแต่เรื่องกรรม ต้องทำความเข้าใจ"กรรมปัจจุบัน"
จะไปมัวอธิบายข้ามภพ ข้ามชาติ เสียเวลาชีวิต จิตตก
.........................

//-พุทธะเจ้าได้ สมญานามหนึ่งว่า
"กรรมวาที"
ในขณะที่ มีผู้เชื่อว่า ความเป็นไป ทั้งหลายเกิดจาก
-กรรมเก่า
-ผู้มีฤทธิ์บรรดาล
-เป็นเรื่องบังเอิญ
พระพุทธองค์ตรัสว่า "สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม"
อาจมีผู้ชอบเรื่อง
กรรม2 กรรม3 กรรม4 กรรม12

//-ลองพิจรณา กรรม4 ดุ
1.กรรมเป็นกำเนิด...การกระทำพ่อแม่มีผลต่อลูกไหม พ่อที่ทำให้ลูกเกลียด ลูกก็จะแสดงปมด้อยนี้ออกมา อิๆ
2.กรรมเป็นเผ่าพันธุ์...กรรมพันธุ์มีผล ความรู้ด้าน กรรมพันธุ์ พบแผนที่ ชีวิต ยีนส์
ที่กำหนด ร่างกาย จิตใจ โรคภัย ในอนาคตได้
3.กรรมเป็นปฏิสารณะ..สิ่งแวดล้อม มีผลต่อชีวิตไหม? โลกร้อน เป็นไง
4.กรรมเป็นเจตนา..ทำอย่างไร ได้อย่างนั้น

//-ชีวิต จึงเป็น"ผลของการผสม ของกรรม ทั้งสี่"
แต่ข้อไหน จะมีอธิพลมากน้อย แล้วแต่
"กำลังสติปัญญา ในการเลือกด้วย"
เช่น
พ่ออาจโหด
กรรมพันธุ์ อาจปรุงมาแบบหล่อไม่เสร็จ
สิ่งแวดล้อม เจอแต่พวก มูลสุกรไหล
แต่ ตั้งเจตนาไว้ จะเป็นผู้มีความรู้คู่คุณธรรม
และเว้นที่ อโคจร อบายมุข ชีวิตก็ต่างออกไป
ลดอธิพล ของ กรรมอย่างอื่นได้ อิๆ
"ดังนั้น จะไหลตามกรรม ทวนกระแสกรรม
อยู่เหนือกรรม ด้วยสติปัญญา มนุษย์ธรรมที่ฝึกดีแล้ว อยู่ที่"เจตนาของเราเอง"
.......................................

"ลัทธิอื่น ที่มีมาก่อนพุทธศาสนา
สอนให้เชื่อเรื่อง กรรมลิขิต ผู้มีฤทธิ์บันดาล
พุทธศาสนา สอนให้ ลิขิตกรรม"
1.ศีล มีข้อเดียวก็พอ
รู้ว่าชั่ว เป็นอกุศล(ฉลาดแบบโง่ๆ) ก็ลด ละเลิก
2.ธรรม มีข้อเดียว
รู้ว่า เป็นสิ่งที่ จริง ดี งาม สุข เป็นกุศล(ฉลาดในทางพัฒนาทางดี)
ก็เจริญให้ยั่ง
3.วิมุติ มีข้อเดียว
เลิกเป็นทาส อารมณ์ทุกข์ อารมณ์สุข เป็นอารมณ์"เย็น"
....ดังนั้นเราต้องมาลิขิตกรรมให้ตนเอง.....
(พุทธทาส)
........................................

วิธีที่จะให้เย็น ดูจาก พุทธเจ้าสอนพระมหาโมคคัลลาน
1.เธอต้องไม่ชูงวง
คือต้องไม่ อวดเบ่ง พองลม มีนิสัยน้อมน้อมอ่อนโยน แต่ไม่อ่อนแอ
2.เธอต้องไม่ปรุงวาทะ อันเป็นสื่อแห่งการทะเลาวิวาท โต้เถียงแบบไร้สาระ
3.เธอต้องไม่ สุมหัว มัวคลุกคลี กับหมู่คณะ จะเสียประโยชน์

-ประโยชน์ตน....ต้องฝึกทำอาสวะให้สิ้น
พ้นอำนาจ เพลิงอารมณ์ทุกข์ เพลิงกิเลส
-ประโยชน์สังคม ..ต้องมีธรรมบาล
-ประโยชน์เพื่อโอกาสโลก ระบบชีวาลัย คือโลกที่ลอยอยู่ในอวกาศ
ต้องศึกษาการรักษ์ สมดุลย์
.............................

วาจาเย็น..............จิตก็เย็น
จิตเย็น..................บุคลิกภาพก็เย็น
บุคลิกภาพเย็น......กายก็เย็น
ความเย็นก็จะโอบอุ้มชีวิตให้มีชีวา เผื่อแผ่ กับชีวิตรอบข้าง
สาธุ

(https://lh5.googleusercontent.com/-_OMe7Ukbgp4/U2qR_yP7nNI/AAAAAAABORI/TxzwuEn6w4Q/w446-h360/A19+%283%29.jpg)
G+ Suraphol Kruasuwan
สนทนาธรรมตามกาล  -  May 6, 2014
จากธรรมะวันละนิด จิต สงบ สะอาด สว่าง เย็น
- http://lomluang.com/birdboard/b1/5-3750/new/#new (http://lomluang.com/birdboard/b1/5-3750/new/#new)
หัวข้อ: Re: โลก ถูกปกครองด้วย.. / อย่าเชื่อ เล่าให้ฟัง :PULING的主頁
เริ่มหัวข้อโดย: ฐิตา ที่ มิถุนายน 29, 2014, 08:01:00 am
(https://lh4.googleusercontent.com/-qNRRMF_kXmg/Uy7GP-GZYCI/AAAAAAAAZeA/P1t_5i570bc/w620-h413-no/5+-72.jpg)

Good morning
หรรษากับวันใหม่
Suraphol Kruasuwan originally shared to
สมาคม คำฅน (สนทนาประสาคำฅน):
 
//-โลก ถูกปกครองด้วย ยุค
1.จอมเทพ
อะไรเกิดขึ้น เทพเจ้า อยู่เบื้องหลังทั้งสิ้น
อ๋อลืมไปจักรวาลนี้ เทพ อสูรร่วมสร้างอิๆ

(https://lh3.googleusercontent.com/-8XeAnWQ_0vQ/VNYTdbsWlUI/AAAAAAABodg/-8Vef2UH-kE/w702-h416-no/7%2B-%2B1)

2.จอมศาสดา
ทุกศาสดา สอน ละชั่ว ทำดี
พุทธเจ้าสอน
-รู้ว่าชั่วก็ละ
-รู้ว่าเป็นกุศล(ฉลาดทางเจริญ พ้นทางเสื่อม) ก็เจริญให้ยิ่ง
-รู้วิธี ล้างใจพ้นขยะปรุงแต่ง อิๆ จนพ้นอุปทานอารมณ์ทุกข์ด้วยตนเอง
-มีจิตเอื้อเฟื้อ โลก เคารพกฎ กติกา มายาท ของธรรมชาติ

3.จอมทัพ
นอกจาก ครองโลก ยังเอาวัฒนธรรม ไปส่งมอบ สังเคราะห์ เร่งการ พัฒนาการ
4.จอมขมังเวทย์
มนุษย์ เป็น
-นักล่า
-นักเก็บเกี่ยว
-นักฉกฉวยผลประโยชน์
-นักรวบรวมทรัพยากร
-นัก สร้างสรร นวัตกรรม

นวัตกรรม ที่เปลี่ยน วัตถุ พลังงาน มาบริการมนุษย์ ให้ความสะดวก สบาย
ต่อความสามารถ มีสมองที่สอง(คอมพิวเตอร์)มาต่อยอด
จนมาถึงยุค ไอที ยุคโลกกาภิวัตน์
เพราะฝีมือจอมขมังเวทย์(วิทยาศาสตร์ประยุกต์ )ทั้งสิ้นอิๆ
และนักออกแบบ ระบบการเมือง เศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อมด้วย

5.ยุคจอมนารี
ต่อไปนี้"จิตเอื้อเฟื้อ"(โพธิจิต) ดังมาดร รัก รักษ์ ลูกในครรภ์
จะครองโลก ต่อไป
ไม่เกี่ยวกับ นารีขี่ม้าขาว แล้ว น้ำท่วมโลก กิเลสท่วมใจนะ อิๆ

6.ยุคเติบโตแบบคู่ขนาน
มนุษย์จะแตกต่าง แต่ไม่แตกแยก
อำนาจคือ การเจรจา แบ่งปันกันฉันท์มิตร
30ปีต่อไป ใครที่ไม่สนใจรัก รักษ์โลก ย่อมพบวิปโยค อย่างแสนสาหัส
ใครหันมารัก รักษ์ ตน สังคม สิ่งแวดล้อม จะ"ดีด้วยกัน" สาธุ
อย่าเชื่อ เล่าให้ฟัง

(https://lh5.googleusercontent.com/-oMN8eX_PUUU/U69EZ4e8n5I/AAAAAAABWeA/6Z4NtKvPXQg/s346/13+-+1.jpg)
Suraphol Kruasuwan
Shared publicly  -  5:41 AM
หัวข้อ: Re: อย่าเชื่อ เล่าให้ฟัง :PULING的主頁
เริ่มหัวข้อโดย: ฐิตา ที่ มิถุนายน 29, 2014, 08:05:30 am

                    (http://media-cache-ak0.pinimg.com/236x/65/da/23/65da2360be3486b9ece6f47a6fd71de1.jpg)
 
ดูแลสมอง...นะครับ
บทความ เนื้อเรื่อง หรือ คำอธิบาย โดยละเอียด
ไม่มีใครอยากสมองกลวง ตีบ ตัน หรือสมองโดนทำลายจนร่างกายกลายเป็น "ผัก" เหี่ยวๆ บนเตียงคนไข้ แต่ตลอดชีวิตเราอาจจะไม่รู้ว่าพฤติกรรมหลายๆ อย่างของเรานั่นเองที่เป็นตัวทำลายประสิทธิภาพสมองทางอ้อม

คอลัมน์ "Health news" โดย "มินนี่"
ในนิตยสาร "VOLUME" ฉบับเม.ย.
นำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับสมองน่าสนใจ ลองอ่าน...

สมองมนุษย์เปราะบางอ่อนไหวต่อสิ่งกระตุ้น ทั้งที่เป็นสารเคมี คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า และกัมมันตภาพรังสี สิ่งเหล่านี้เสมือนไม่มีตัวตน แต่มีผลอย่างยิ่งต่อสมองทั้งความคิด อารมณ์ และความรู้สึก

(http://media-cache-ak0.pinimg.com/236x/85/fb/b0/85fbb036247c73dc426a332ea5125a9d.jpg)

โดยเฉพาะ 5 พฤติกรรมต่อไปนี้ จะทำลายสมองโดยไม่รู้ตัว
1. คิดในทางไม่ถูกต้อง
คือ ทำผิดทำนองคลองธรรม ผิดจริยธรรม ผิดศีลธรรม หรือผิดกฎหมาย เช่น คดโกง ประจบประแจง เอาดีเข้าตัว เอาชั่วใส่คนอื่น คอร์รัปชั่น การทำผิดประเพณีปฏิบัติของสังคม โดยที่ไม่ต้องได้รับการลงโทษ สิ่งเหล่านี้เป็นวิธีหนึ่งในการทำลายประสิทธิภาพการทำงานของสมองเรา

2. โกหกเป็นประจำ
การโกหกทำให้สมองต้องทำงานหนักกว่าปกติ จริงๆ แล้วสมองของเรายิ่งทำงานหนักก็ยิ่งดี แต่คนโกหกประจำสมองต้องทำงานหนักเป็นพิเศษในการพยายามจำสิ่งที่โกหกเอาไว้ นี่เป็นตัวอย่างชัดเจนของการใช้สมองทำงานหนักอย่างไม่สร้างสรรค์ และทำลายประสิทธิภาพการทำงานของสมอง

(http://media-cache-ak0.pinimg.com/236x/3d/1d/c3/3d1dc3458762607d7e0290e033acd6b7.jpg)

3. เจ้าคิดเจ้าแค้น
คนเจ้าคิดเจ้าแค้นเป็นประจำจะมีสภาพเป็นคนหมกมุ่นอยู่กับความคิดที่ไม่เป็นมงคล สมองจะถูกทำลายเสมือนหนึ่งถูกอาบด้วยยาพิษเป็นประจำ อะไรที่ปล่อยวางได้ก็ปล่อยวางไปบ้างเถอะ

4. ความเครียด ความฟุ้งซ่าน
ทำให้สมองต้องทำงานหนักอย่างผิดทาง ทำให้สมองหลั่งสารหรือขาดสารบางอย่างที่หล่อเลี้ยง จึงกระตุ้นให้เกิดอาการซึมเศร้าหรือฟุ้งซ่านอย่างหนัก อาจถึงขั้นขาดสติยั้งคิด ทำร้ายตนเอง หรือฆ่าตัวตายได้

(http://media-cache-ak0.pinimg.com/236x/2a/0f/81/2a0f8112f9aaf8f00a22c22a13c4f9fc.jpg)

5. ไม่ยอมคิด
ตรงกันข้ามกับคนที่คิดมากอย่างผิดทาง ส่งผลให้ประสิทธิภาพการทำงานของสมองลดลงอย่างหนัก คนที่ไม่ยอมคิดอะไรเป็นพิเศษขึ้นมาเลย นอกเหนือไปจากการคิดเพื่อใช้ชีวิตอยู่ไปวันๆ เช่น การกินอาหาร การทำงานตามหน้าที่อย่างเคร่งครัดเท่านั้น ฟังเผินๆ อาจดูคล้ายผู้บรรลุในสัจธรรมแห่งชีวิต แต่นั่นก็เป็นสาเหตุในการทำลายประสิทธิภาพของสมองอีกทางหนึ่ง หรือเรียกง่ายๆ ว่า "สมองฝ่อ" นั่นเอง

(http://media-cache-ak0.pinimg.com/736x/eb/8a/da/eb8adabbc67eb5833feece89d1846247.jpg)
Suraphol Kruasuwan
การสนทนา  -  Jun 26, 2014
แม้จะไม่มีข้อมูลแพทย์อ้างอิง แต่ก็เป็นข้อคิดเตือนใจที่ดี
ขอขอบคุณข้อมูลจาก

อ้างอิง เอเลี่ยน บนโลก
เอเลี่ยน หรือมนุษย์กลายพันธุ์
วิธีดูแลสมองที่ดี ต้องเว้นสิ่งที่มาทำลาย
และฝึก บริหาร กาย จิต วิญญาณ ปัญญา แผ่เมตตาให้ตนและผู้อื่นประจำ
รวมทั้งใช้ชีวิตแบบ ถูกสุขลักษณะด้วย

(http://media-cache-ak0.pinimg.com/236x/f5/b5/9e/f5b59e19d6e0a0d9404bc4ec2837d8c8.jpg)
หัวข้อ: Re: อย่าเชื่อ เล่าให้ฟัง :PULING的主頁
เริ่มหัวข้อโดย: ฐิตา ที่ มิถุนายน 29, 2014, 08:19:40 am
(https://lh6.googleusercontent.com/-Hq9bHEmyzLA/U6uMO3JA7LI/AAAAAAABVm0/An1CAKHyTas/w346-h238/sfsf5.jpg)

//-วิธี จัดการกับความทุกข์อย่างเด็ดขาด
พระพุทธเจ้าแยก ความทุกข์เป็นสามสภาวะ
และใช้ปรีชาญาณจัดการ กับ ทุกข์นั้น

1.สภาวะทุกข์
ความลำบาก ไม่ใช่ความทุกข์
ดูภาพ ลำบาก แต่ทุกคนยิ้มแย้ม
ฝึกทำใจรับสภาพ

2.เวทนาทุกข์
ตราบใดที่ระบบ รับรู้ร่างกายทำงานผิดปกติ ก็รู้ถึง เวทนานั้น
ฝึกอดทน พันเท่า

3.อารมณ์ทุกข์ จิตเราชงเอง กินเอง
ก็ฝึกชงอารมณ์ฌานมากินแทน
กินแค่ปิติ สุข อุเบกขา เอกัคคัตตา ก็พอ
รัก โกรธ โลภ หลง กลัว อิจฉา บ้าอำนาจ ฉลาดโกง เป็นทาสลัทธิบ้าๆ
กินมานานแล้ว ถ้าเบื่อ โยนทิ้งเสียบ้าง
จะได้ไม่เสียเวลา กับการชื่นชม ชีวาในชีวิตนะ
(วรธัมโม สวนโมกข์)
.................................

//-ฝึกทำใจรับสภาพ
-ฝึกอดทน
-ฝึกชงอารมณ์ฌานมาเสพ แทนขยะอารมณ์แบบชาวโลกย์
ฝึกสามอย่าง เกิดมามีกำไร
เพราะชนะเพลิงอารมณ์ทุกข์เพลิงกิเลส ในชาตินี้ สาธุ
..............................

(http://media-cache-ak0.pinimg.com/236x/35/a2/d3/35a2d371e3faee65b58408edf239b018.jpg)

เอกัคคัตตา คือ"จิตมีอารมณ์เป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ"
จิตเห็น สมมุติสัจจะ ธรรมสัจจะ อริยสัจจะ..ปรมัตถสัจจะ
พร้อมกัน..จิตไม่หลงผิด จากความเป็นจริง ของธรรมชาติแล้ว
.............................
//-มรรคมีองค์เดียว คือสัมมาทิฐิ
-ศีลมีข้อเดียวรู้ว่าชั่วก็ละโดยเด็ดขาด
-ธรรมมีข้อเดียว รู้ว่าเป็นกุศล ก็เร่งเจริญ
-ใจมันรก ก็ทิ้งขยะปรุงแต่งออกให้ชิวๆใสๆ
-ของกล้วยๆ แต่ มีใครทำบ้างหนอ? อิๆ
..................................

(https://s-media-cache-ak0.pinimg.com/736x/ab/99/ca/ab99ca072f959ae71838e3314ce92d5a.jpg)

ธรรมชาติมีสี่มิติเสมอ.
1.มีแย่..
2.มีดี..
3.มีเย็น...
4.มีสติปัญญาปรีชาญญาณที่ตื่น
มาเบิกบาน ขำๆกับลีลา มายา อนัตตา ของธรรมชาติ สาธุ
...............................

(https://s-media-cache-ak0.pinimg.com/736x/b5/e4/f0/b5e4f0c87e831cc734a637004fb4911e.jpg)

พระอจลนาถ "จิตพระผู้ไม่หวั่นไหว"
พระพุทธเจ้ามีคุณสมบัติจิตที่ เหนือ อบาย มนุษย์ เทวดา พรหม ห้าประการ

1.ทรงเป็นผู้ข้ามห้วงน้ำข้ามยากได้แล้ว(กาม ภพ ทิฎฐิ อวิชชา)
2.เป็นผู้อยู่เหนือภพ(กามภพ รูปภพ อรูปภพ)
3.เป็นผู้รักษาโรค(มีสุขภาพกาย จิต วิญญาณดี ไม่มีกิเลส ตัญหา อุปาทานรบกวนแล้ว)
4.เป็นผู้เปล่งแสงแห่งความสุขจากความเมตตากรุณาอันหาประมาณมิได้ แด่ทุกสรรพชีวิต
5.ทรงเปล่งแสงแห่งการรู้แจ้ง อยู่เหนือ ปรีชาญาณ ทั้งปวง
ด้วย สัมมาสติโพธิปัญญา ที่ตื่นแล้ว
.................................

(http://media-cache-ak0.pinimg.com/236x/2b/35/c2/2b35c21471cf8bffa0593b4a583ac0f4.jpg)

จิตของพระองค์จึง เปลี่ยนจาก
1.-จิตแผลเก่า(หวั่นไหวเพราะอุปกิเลส ที่จรมา)
2.-เป็นจิตแบบสายฟ้า(พลิกจิตจากสภาพอกุศล ตกต่ำ สู่ กุศล วิมุติทันที)
3.-เป็นจิตแบบเพชรมณี..แข็งแรง มั่นคง ไม่เก็บสิ่งใดๆไว้ แม้นแต่แสงสว่าง

ดังนั้น สาธุชนจึงขนานพระนามพุทธองค์ว่า"พระอจลนาถ"
พระผู้ไม่หวั่นไหว..สาธุ "โอมมณีปัทเมฮุ้ม" เพชรมณีที่อยู่เหนือดอกบัว
จิตแท้จิตเดิมเหมือนเพชร จิตปรุงแต่งด้วยกุศล ดุจดอกบัวที่บาน สาธุ
เมื่อชีวิตเราตกต่ำ พึงนึกถึงพุทธคุณทั้งห้าของ"จิตพระผู้ไม่หวั่นไหว"
และน้อมนำมาสู่จิตเรา เทอญ สาธุ

Suraphol Kruasuwan
Shared publicly  -  Jun 26, 2014

(https://lh4.googleusercontent.com/-CK-InqP9doA/U637hsnsJUI/AAAAAAABWF0/k85xiVDCHwk/w346-h227/97.jpg)


(https://s-media-cache-ak0.pinimg.com/474x/1a/f1/d5/1af1d5df335b54dc0b0803151432680d.jpg)

เดินทางหมื่นลี้ มีก้าวแรกเสมอ(เหมาเจต๋ง)
การเดินทางที่ยิ่งใหญ่คือ
"ความกล้าหาญที่จะเปลี่ยนนิสัยตนเอง"
"จักขุมา.......................มีวิสัยทัศน์ ที่เที่ยงตรง ชัดเจนไม่ลำเอียง
วิธุโร............................บริหารจัดการชีวิตและงาน อย่างโปร่งใส
นิสสยสัมปันโน.............มีนิสัยดี จนไม่ขาดผู้อุปถัมภ์"
รีบทำนะสหาย ถ้ายังหายใจอยู่
เวลา กรรม มัจจุราช ไม่เคยคอยใคร

(https://lh3.googleusercontent.com/-wSL7wlLoJuw/U6u46pHFalI/AAAAAAAAGTo/mYkH20X88ww/w346-h229/26%2BJUNE%2B142%2B-%2BCopy.JPG)
Suraphol Kruasuwan
originally shared to สมาคม คำฅน (สนทนาประสาคำฅน):
หัวข้อ: Re: มนุษย์แท้? :PULING的主頁
เริ่มหัวข้อโดย: ฐิตา ที่ สิงหาคม 09, 2014, 05:34:46 pm
(https://lh3.googleusercontent.com/-ED3P_hZNB8M/U-AAGGfa1JI/AAAAAAABiqI/jAFbZu_W1Bs/w346-h577/14%2B-%2B1.png)
 
มนุสโสสิ.....ท่านเป็นมนุษย์หรือเปล่า?
ถ้าเป็นต้องรู้จัก ธรรมะที่ทำให้เราเป็นมนุษย์
มนุษย์ เป็นบุตรพระมนู คือภาคหนึ่งของพระนาราย์อาวตาร
เมื่อ ผ่านแม่น้ำที่แบ่งภพ ก็ลืม ว่าตนเป็นลูกมหาเทพ
ฤาษีทั้ง7 ก็ส่งสารมาสอน"ความเป็นมนุษย์"ให้
เพราะ กิน นอน สืบพันธุ์ กลัวภัย คนกับเดียรัจฉานเสมอกัน
"มนุษย์ธรรม ทำให้ คนเป็นมนุษย์"

วิชาที่สอนประกอบด้วย
1.จักรสี่
-ภาษา
-วรรณคดี
-ประเพณี
-มนุษย์ธรรม

2.มนุษย์ธรรมสี่
-คุณธรรม
-จริยะธรรม
-วัฒนธรรม
-ปรมัตถธรรม

3.อาศรมสี่
วัยเรียน ศาสตร์ ศิลป์ ทักษะ ปฏิสันฐานธรรม พันธมิตร
วัยล่า แสวงหา ชีวิตที่ดี ผลประโยชน์ ความเพลินในการเสพหรรษาธรรม
วัยละ ละจาก กาม ภพ ทิฎฐิ อวิชชา อุปทานในตัณหา
วัยหลุดพ้น จุดตะเกียงส่องทางให้ชาวโลก

4.อริยะสัจสี่
ทุกข์ ปัญหา
สมุทัย เหตุแห่งปัญหา
นิโรธ การดับสิ้นแห่งปัญหา
มรรค วิธีทางปฏิบัติ เพื่อแก้ ป้องกัน บันเทา ยอมรับผล การแก้ปัญหา
สาธุ

(https://lh6.googleusercontent.com/-6PDVos2LNOM/U6DbM4IiuUI/AAAAAAABNGs/9W8_t0yVnZM/w346-h321/image.jpg)
Suraphol Kruasuwan
สนทนาประสาคำฅน  -  Aug 5, 2014


(https://lh5.googleusercontent.com/-FZ8inZPcJwk/U9_6SNPVGqI/AAAAAAABiok/dmd9eu_bNx0/w346-h301/Pra01625_37.jpg)
 
//-ลำดับ คำสอน ที่พระพุทธเจ้า สอนมากที่สุดคือ
พระศาสดาตรัสเทศนาอนุปุพพีกถา คือถ้อยคำที่ กล่าวโดยลำดับ
1.ทาน....สุขจากการแบ่งปัน พัฒนาสู่จาคะ
สละ ทั้งอกุศล และกุศล เพื่อ"สิ้นอาสวะ"
มีทั้ง
-วัตถุทาน ปัจจัยดำรงชีพ ทั้งสงเคราะห์ และอุปการะ แก่ผู้ด้อยศักยภาพ กว่าตน
-ธรรมทาน ความรู้ โอกาสในการพัฒนาชีวิต
- อภัยทาน

2.ศีล......ควบคุมกิเลส
ประเภค
- ก่อนกวน
-ก่อการ
-สั่งการ
ที่เป็นสัญชาติญาณดิบ ไปทำสิ่งดีแก่ชีวิต และสหาย

3.สัคคะ...สวรรค์บนดิน คือทำหน้าที่ดีๆ(มงคล)
ดูแลสังคมด้วยธรรมาภิบาล
-เคารพกฎหมาย
-มีมโนธรรมสำนึก ที่เข้มแข็ง
-ทำงานด้วยความโปร่งใส
-ประชาชนมีส่วนร่วม
-รับผิด ชอบ ร่วมกัน
-คำนึงถึงคุณค่า ผลประโยชน์ สังคม ชาติ เหนือ ส่วนตน
โลกก็เป็นสวรรค์บนดินได้

4.กามฑีนพ..โทษของความติด
(รวม พยาบาท เบียดเบียน หดหู่ ฟุ้งซ่าน เหงา เศร้าซึม )

5.เนกขัมะ...เทคนิคฝึกให้พ้นจาก ความติด
และกุญแจไขความสุขที่มีเงื่อนไข(ได้คือสุข เสียคือทุกข์)
พบสุขจาก สงบ สงัด สันโดษธรรม หรือพบนิรามิสสุข สุขที่ไม่มีเงื่อนไข(อามิสสุข ได้คือสุข เสียคือทุกข์)

6.ปัญญา....ปัญญาในพุทธศาสนาคือ
"วิสัยทัศน์" และหลักบริหารจัดการ อย่างรอบรู้ รอบคอบ ประกอบแล้ว"ดี"
-พุทธปัญญา..ใช้สติปัญญา แทนอารมณ์
-ญาณปัญญา..ปัญญาจากความรู้ หยั่งลงในปัญหา
-ธรรมะปัญญา..ใช้ความเข้าใจ ธรรมชาติ มาพิจารณา ความพอเหมาะพอดี
-สมันตะปัญญา..ใช้ความรอบรู้ ทุกสาขาวิชา ศาสตร์ และ ศิลป์ ทักษะดีๆมาช่วยคิดตัดสินใจ
-ทิพย์ปัญญา..ความรอบคอบลึกซึ้ง เห็นผลกระทบ ทั้งสามกาล
-โลกุตตระ ปัญญา...ปัญญาที่เป็นแสงส่องใจ ยามกระทบผัสสะโลกและธรรม
ที่ทำอาสวะให้สิ้น พ้น เพลิงกิเลส เพลิงทุกข์ จากการปรุงแต่งจิตตน
-โพธิปัญญา....ปัญญา ที่ปลุกจิตเอื้อเฟื้อ ให้ตื่น
ให้มาดูแล ชีวาในชีวิต ให้แสงส่องใจ ส่องโลก และให้ร่มเงา แก่ชีวิตตน สังคม โลก
...............................

//-ดังนั้นอภัยทาน จึงมีคุณค่าต่อชีวิต ที่ต้องการพัฒนา
ยกระดับ ภูมิจิต ภูมิธรรม ภูมิปัญญา สู่"ผู้ชนะ เพลิงกิเลส เพลิงทุกข์ในตน"
อภัยให้ผู้อื่น......เพราะ เขามี กรรม วัฒนธรรมต่างจากเรา
อภัยให้ตนเอง...เพราะ ความผิดพลาด เป็นจุดเรี่มต้นของการพัฒนาสู่ทางดี
.............................

สาธุครับผม
//-ทุกคนเกิดมามีหน้าที่
-หน้าที่ ต่อตนเองคือ"ทำอาสวะให้สิ้น"
-หน้าที่ ต่อสังคมคือ "รักษ์ ธรรมภิบาล"
-หน้าที่ ต่อโลกคือ "ดูแลรักษา โลก ให้งดงาม ยั่งยืน นานเท่านาน"
สาธุ

(https://lh6.googleusercontent.com/-F3xGiU6E6Uo/U8k4Rt1S3AI/AAAAAAABegM/PCGQuZhscfY/w346-h230/images%2B%287%29.jpg)
Suraphol Kruasuwan
Shared publicly  -  Aug 5, 2014
originally shared to ชาวพุทธ (สนทนาธรรมตามกาล):
หัวข้อ: Re: มนุษย์แท้? :PULING的主頁
เริ่มหัวข้อโดย: ฐิตา ที่ สิงหาคม 30, 2014, 08:55:14 pm
(https://lh4.googleusercontent.com/-nrS0MkPlZt0/U-LKf5w3Q_I/AAAAAAABjew/hWeUS6aubQE/w306-h475/01971_30.jpg)
 
//-ชีวิต เขียนบทโดย
1.กฎ วิวัฒนาการ พัฒนาการของจักรวาล
2.ชีวิตเขียนบทโดย"การเรียนรู้" จากวัฒนธรรม มนุษย์
3.ชีวิตเขียนบท ด้วย สติปัญญาฉลาดเลือกของเราเอง
...........................

ชีวิตเรา เป็น ชีวะยนต์ ขันธุ์ห้า
เครื่องยนต์ คอมพิวเตอร์ มีชีวิต ที่มีชีวา อิๆ
..........................

//-การจะอัพเกรดชีวิต ที่มีชีวา
เช่นเดียวกับ การบริหารจัดการ คอมพิวเตอร์
-สะแกนไวรัส
-ขจัดขยะข้อมูล
-เรียบเรียงข้อมูลให้กระทัดรัด
-โล๊ะโปรแกรม ที่ล้าสมัย
-ใส่โปรแกรมใหม่ๆ ที่มีประสิทธิ์ภาพ
-แล้วก็"ฝึก" จนเกิดทักษะ อิๆ
-และ อัพเดทโปรแกรม ล้างไวรัส ขยะ จัดระเบียบข้อมูล, ตามเวลาที่ควรทำ อิๆ
...........................

//-มีหลักคิด ที่ โลกตะวันตก บอกว่า"เป็นกฎของจักรวาล"
จะถอดความ มาเล้าสู่กันฟัง"แต่อย่าเชื่อ" อิๆ

1.กฎของแม่เหล็ก
แม่เหล็ก เกิดจากการจัดระเบียบ โมเลกุลอะตอม ให้เรียงตามขั้ว เหนือใต้
จนเกิดพลังดึงดูด โลหะหลายชนิด
เหล็กธรรมดา เอากระแสไฟฟ้าหมุนรอบ ก็จะกลายเป็นแม่เหล็กได้
ชีวิต จะเป็นคนธรรมดา ไม่ธรรมดา
อยู่ที่เรา เลือกที่จะฝึกฝนตนเอง อิๆ

2.กฎของการให้และรับ
ผู้ให้คือผู้รับ ลองให้ความเอื้อเฟื้อที่ดีแก่ ตน คนรอบข้าง ระบบชีวาลัยดู อิๆ

3.กฎแห่งกรรม
ทำอย่างไร เจตนาอย่างไร รับผลอย่างนั้น
-เจตนาของบุพการี
-เจตนาของระหัสกรรมพันธุ์
-เจตนาของ สิ่งแวดล้อม
-เจตนาของเราเอง เมื่อ เปลี่ยนความคิด อารมณ์ ความอยาก อิๆ
มีผลต่อเราทั้งสิ้น ฝึกควบคุมเจตนาตนเอง เป็นศรีแก่ชีวิตอิๆ

4.กฎแห่งจิตเหนือจิต
จิตที่มีศักยภาพ เหนือกว่า ย่อม ควบคุม จิตที่อ่อนกว่า
จิตที่เป็นสากลจักรวาล เช่น กฎธรรมดาของธรรมชาติ จึงเหนือ ทุกธรรมชาติ

5.กฎ ความสั่นสะเทือนของคลื่น
ลองฝึก หายใจช้าๆ ทำสมาธิสวดมนต์ คิดทางบวก
คลื่นสมองคุณก็จะเปลี่ยนในทางให้คุณ

6.กฎของจังหวะ เวลา โอกาส
โชค วาสนา มีแรงเหวี่ยงของตนเอง
ใจไม่ฟู ประมาท เมื่อได้ ไม่ร้องไห้เมื่อสุญเสีย อิๆ

7.กฎการหมุนเวียน พลังงาน
กามรมณ์คือพลัง เปลี่ยนเป็นพลังจิตได้ ถ้าคุณรู้วิธีฝึก
เปลี่ยนเป็นพลังสติ ปัญญาฉลาดเลือกได้ เมื่อจิตคุณกลับเป็นเด็กอีกครั้งอิๆ
และพลังจาก กาย กาม จิต ปัญญา ก็จะสว่างเป็นปรีชาญาณ
กลับมาดู ร่างกายให้เยาววั์ย มีชีวิตให้มีชีวา สาธุ

(https://s-media-cache-ak0.pinimg.com/736x/5a/ea/03/5aea03d5b6082d7f40f8ccb3eec5cd0b.jpg)

8.กฎ ของคู่ ทวิลักษ์
จากแรงโน้มถ่วง กับคลื่น ดึงกันอยู่
จากเวลา และอวกากาศ
จาก กฎธรรมชาติ และมโนธรรม
สร้าง"ความรู้สึกว่า เรามีอยู่"
ลองเรียนรู้จาก"เต๋า" ดู อิๆ
ทุกสิ่ง หมุนเวียน...เกิดดับ...สมดุลย์

9.กฎของทักษะ ความอดทน พากเพียร
คนออกกำลังก็ได้กำลัง
คิดได้ ลงมือฝึก รู้ผลด้วยตนเอง อิๆ

10.กฎสัมพันธภาพ
ทุกอย่าง ขึ้นอยู่กับ ใครเป็นผู้สังเกตุการณ์
เหตุผลเรา กับเหตุผลผู้อื่น ขึ้นกับ
จุดยืน วิสัยทัศน์ และทฤษฎีที่ใช้
บางที่ ทำตัวเป็นคนไร้เหตุผล"รับฟังได้ทุกเรื่อง"
แต่ไม่เอามาปรุงแต่ง ดุจแสงสว่างผ่านเพชรใส
ชีวิตอาจมีชีวา ถาวร อิๆ

11.กฎปฏิกริยาลูกโซ่
จากจุดเล็กๆ มีแรงเสรีม ให้รุ่ง เจริญที่สุด มีแรงตัดรอนให้อ่อน มีแรงตัดขาดให้ดับ
เพราะสิ่งที่เป็นเหตุปัจจัย ปรุงแต่งแก่กันจึงเกิดขึ้น
ดังนั้นต้อง"ไม่ประมาทให้เหตุเล็กน้อย"

12.กฏแห่งความแตกต่าง
มนุษย์เท่าเทียมในความเป็นมนุษย์
แต่ไม่เท่าเทียม ในความสามรถ โอกาส
แต่ละชั้น ของธรรมชาติ จะใช้กฎเฉพาะ ที่แต่งต่างกัน

13.กฎใหญ่ มีกฎเล็กซ่อนอยู่ อิๆ
เช่นกรรมอันหนัก หากมีการให้อภัย รับกันได้
ก็"ไม่มีกรรมค้างคาใจต่อกัน" อิๆ

14 ธรรมชาติทุกอย่าง "มันเป็นของปลอมโว้ย"(อตัมมยตา)
นี่ ปู่ลิงแถมให้
แต่การจะอยู่กับของปลอม ที่ มายา ลีลา อนัตตา สร้างขึ้น
ก็ควร เป็นคนมีมโนธรรม และศักยะภาพ ในการใช้นวัตกรรมใหม่ๆ
ไม่ใช้ตนเอง เป็นวัวควาย ตั้งความหวังไล่จับอิๆ
..............................

1.ความสุขจาก เพลินในกิจ
ที่เราชอบ เราเชื่อ
2.ความสุข จากการใฝ่รู้ฝึกฝนทักษะดีๆ
3.ความสุขจากการ ฝึกหายใจช้าๆ จนเกิดสมาธิ ฌาน
4.ความสุขจากการ เฝ้าศึกษาใจตนเอง
เข้าใจ เห็นใจ ล้างใจ สร้างใจมีคุณภาพ และ"ไม่มีใจอาลัยในเหยื่อโลก"
5.ความสุขที่ไร้กุญแจ
เมื่อฝึก ล้างขยะปรุงแต่ง จิตได้แล้ว
6.ความสุขที่มีมิตรแท้
เมื่อ อภิจิต(จิตปรุงแต่ง) กับโพธิจิต(จิตเอื้อเฟื้อ ต่อทุกมิติ ธาตุ ธรรม)
เป็นเพื่อน ทำหน้าที่ ดีๆ ต่อ ตน สังคม ระบบชีวาลัย อิๆ
......................................
สาธุ

(https://lh3.googleusercontent.com/-QiAtBWwv9BM/U-yJaEkyd8I/AAAAAAABkzY/2hIUmq3IBcA/w306-h475/PICT1804.JPG)
Suraphol KruasuwanOWNER
การสนทนา  -  Aug 7, 2014
หัวข้อ: Re: มนุษย์แท้? :PULING的主頁
เริ่มหัวข้อโดย: ฐิตา ที่ สิงหาคม 30, 2014, 09:16:33 pm
(https://lh5.googleusercontent.com/-RljIYYdOOiw/VAD63maiDqI/AAAAAAABmf4/8kIuCtcQrc4/w506-h338/Qigong_chi_kung09876.jpg)
 
//-พุทธสุภาษิต
"อโรคยา ปรมา ลาภา
สันตุฎฐีปรมัง ธนัง.
วิสสาสปรมา ญาติ
 นิพพานัง ปรมัง สุขัง".

ถอดความเอาแต่เนื้อหา ได้ใจความว่า
//-"สุขภาพดี......................คือลาภอันประเสริฐ
สันโดษ...........................อิ่มใจในกุศลทุกขณะจิต คือยอดทรัพย์
มีมิตรอุปการะกัน...............เป็นยิ่งกว่าญาติ
ฉลาดพาจิตพิ้น...................เพลิงอารมณ์ทุกข์ เพลิงกิเลส จนเย็น คือยอดธรรมะฯ"

"อโรคยา ปรมา ลาภา"
สุขภาพดี หรือ ความไม่มีโรค
1.-ไม่เป็นโรคทางกาย...ทุกวันนี้ เราเจ็บป่วยจาก โรคมีเชื้อ โรคไม่มีเชื้อ อุบัติเหตุ การเสื่อมสรีระสังขารตามกาล
2.-โรคทางจิต............จิตปรุงแต่งบุคลิกภาพภายใน(กรัชกาย)จาก ความคิด อารมณ์ อุดมการ ความรู้ โปรแกรมสัญชาติญาณ
แผ่ซ่าน ครองบริหารกายสรีระ ทำให้ร่างกายแสดงออก เจ็บป่วยได้

ดังนั้น"ตัดทางไม่ไปสู่อบาย"
คือไม่ปรุงจิต ไม่ให้ตกต่ำกว่าความเป็นมนุษย์ หรือไม่ตกสู่อบายภูมิ
เช่นโลภ ทำให้เราเป็นเปรต โกธร ทำให้เราเดียรัจฉาน หลง(ใช้ปรัชญาที่ให้โทษนำทางชีวิต)
ทำให้จิต หดหู่ ฟุ้งซ่าน ลังเลในทางที่ถูก ย้ำคิด ย้ำทำ ย้ำแค้น โศก มีผลถึงบุคลิกภาพ การเจ็บป่วยทางสรีระได้
เราจะพบคำว่า"มะเร็งอารมณ์" "ภูมิแพ้เกิดจาก อารมณ์" "ภูมิแพ้ เพราะไม่อาจปรับตัวอยู่รอด อยู่ร่วมกับกระแสโลก กระแสธรรม"

3.-โรคทางวิญญาณ
วิญญาณแปลว่า"ความรู้"
ความรู้ที่เราเก็บเข้ามาจาก หู ตา จมูก ลิ้น กายสัมผัส ใจคนึงหา
จึงควรสำรวม สังวร คัดเลือก เอาสิ่งที่เป็นกุศล จึงไม่เกิดโรคจาก
-รู้ผิด
-จำผิด
-คิดผิด
-ตั้งเจตนาผิด
-มีเป้าหมายชีวิตที่ผิด จาก ทำนองคลองธรรม
-รับผล จากความผิด ที่ตนทำเพราะ หลงผิด

4.โรคทางปัญญา
คนที่น่าสงสารในโลกคือ
-คนที่ไม่รู้ ดี ชั่ว
-คนรู้ แต่คิดไม่เป็น(พุทธเจ้าสอนให้คิดสิบมิติ)
-คนมีผู้ความรู้ มีคุณธรรม พร่ำสอน แต่ไม่รับฟัง
-คนที่อัตตาใหญ่ จนไม่มีใครสอน
-คนที่กำลังจะหมดลม หมดโอกาส กลับตัวกลับใจ สู่ทางกุศล วิมุติ

ปัญญา มี"โลกียะปัญญา" เพื่ออยู่รอด อยู่ร่วม ในโลกแห่งการแข่งขัน สุขจากการแบ่งปัน
ปัญญาเพื่อ ดำรงชีพ(ชีวะ)หาผลประโยชน์(อรรถะ)เพื่อความรื่นรมณ์ในชีวิต(กามะ)
ปัญญาเพื่อประโยชน์ที่สูงกว่า ทิฎฐิ(ศึกษาปรัชญาชีวิต)มายะ(ศึกษาธรรมชาติ)โมกษะ(ศึกษา สู่ทางสว่างของชีวิต)
ปัญญา ที่พ้นอำนาจเพลิงอารมณ์ทุกข์เพลิงกิเลส หรือ"โลกุตตระปัญญา"
คือการฝึกฝนตาม ทางรู้แจ้ง โพธิปักขิยธรรม ธรรมอันขจัดความเนิ่นช้าในการบรรลุธรรม(นิปปปัญจธรรม)

5.โรคทางสื่อสารกับสังคม
เพราะไม่ได้ฝึกให้ใช้"วาจาสุภาษิต"
ตถาคต จะกล่าวสิ่งไหน จะประกอบด้วย คุณสมบัติ วาจาที่ดีคือ
-สิ่งที่กล่าว..............เป็นความจริง
-ความจริงนั้น............มีแต่ประโยชน์
-กล่าวด้วย...............ความมีจิตเมตตา เหมาะกับผู้ฟัง
-รู้เวลา....................ที่สมควรกล่าว และหยุด"

คือรู้จักกล่าววาจาที่เป็นมิตร
"คุณรู้จักใคร สำคัญกว่า คุณเป็นใคร(จีน)
การกล่าววาจาสื่อสารเป็นมิตร การใช้ชีวิต ทำธุระกิจ ย่อมมีคอนเน็คชั่นที่ดีๆต่อกัน(มีเครือข่ายที่ดี)
ไม่หลงเอา คอนเน็คชั่ว(เครือข่ายจากพาลชน) มาทำลายตนเอง
..........................................

(https://lh4.googleusercontent.com/-E1IqnpCOlQE/U_2YFdl9NYI/AAAAAAABmJw/ZBKMv_QEoXo/w306-h543/Steampunk_Tendencies_On_Facebook.jpg)

ลักษณะสำคัญของ กุศล(ฉลาดทางดี)คือ
สุขภาพดี ไม่มีโทษ เกิดปัญญา และเสวยความสุข
ดังพุทธสุภาษิตรับรองคือ

๑. อโรค ไม่มีโรค
เกื้อกูล จิตใจมีความแข็งแรงสมบูรณ์
จิตใจคล่องแคล่ว ใช้งานได้ดี

๒. อนวัชชะ ไม่มีโทษ
ไม่มีมลทิน ไม่มัวหมอง ไม่เสื่อมเสีย
มีความสะอาด บริสุทธิ์ ผ่องแผ้ว ปลอดโปร่ง

๓. โกศลสัมภูต มีปัญญา
รู้เหตุผล รู้ดีชั่ว รู้คุณโทษ
สว่าง ไม่มืดมัว และ

๔. สุขวิบาก มีสุขเป็นผล
ทำด้วยความโปร่งสบาย
ทำแล้วก็แช่มชื่นเย็นใจ
..............................................

กุศล มาจากคำว่า"โกศล" คือความฉลาด
"ฉลาดรู้ถ้วนทั่ว...............ทำดี
ฉลาดรู้วิธี ราวี..................กำหราบชั่ว(อกุศลจิตในตน)
ฉลาดรู้วิธี พัฒนา...............ศักยภาพ ของตัว
ฉลาดรู้วิธี........................พาจิตพ้นความพันพัว สู่วิมุติธรรมฯ"
.............................................

"สันตุฎฐีปรมัง ธนัง"
ความสันโดษคือยอดทรัพย์
สันโดษ คือความอิ่มใจในกุศลทุกขณะจิต ตามเงื่อนไข

1.ถ้าเรามีผู้เมตตา หรือรับผลลาภ................ก็ควรยินดี พอเพียง พอใจ ไม่เรียกร้องเกินเหตุ(ยถาสันโดษ)
2.ถ้าเราทำงาน.....................................ต้องทำเต็มกำลังความสามารถ(พละสันโดษ)
3.ถ้าเรามีความสามารถไม่จำกัด..................ต้องรู้จัก พอ(สารุปสันโดษ)
4.ถ้านรา มีโอกาสหน้าที่ปกครอง ดูแล..........ต้องดูแลสมบัติสาธารณะ ไม่โลภเอาเป็นของตน พวกพ้องฯ(สาธาณะสันโดษ)
......................................

วิสสาสปรมา ญาติ
 แปลตามรูปแบบคือ"ความคุ้นเคยเป็นญาติอย่างยิ่ง"
คุ้นเคยจนอุปการะกัน ไม่ละทิ้งยามยาก ยามขาดแคลน สนับสนุนให็โอกาส ให้อภัย ชี้ทางสว่าง
ย่อมดีกว่า ไปถือวิสาสะ ไม่รู้เวล่ำเวลา ที่ควร
จนไปครอบงำ ครอบครอง เปลี่ยนแปลง ให้เขาเป็นดั่งใจตน
.....................................

 นิพพานัง ปรมัง สุขัง".
นิพพานแปลว่า เย็นแล้ว เย็นกาย เย็นวาจา เย็นใจ
เพราะ ไฟอารมณ์ ไฟกิเลส อันเกิดจาก ราคะ โทสะ โมหะ ไม่มีเชื้อให้ มาเผาชีวาในชีวิตได้อีก
นั้นก็คือ "ฉลาดพาจิตพ้นความพันพัว"
.................................

การจะเกิด สิ่งดีๆ ที่เราควรได้รับ เราต้อง ทำหน้าที่ฝึกฝนตนเองสี่ประการ
"เร่งเรียนรู้วิชา......................ให้เกิดความรู้รอบตัว
ฝึกฝนตน.............................จนมีศิลป์เป็นอาชีพสุจริต พึงพาตนเอง ครอบครัวได้
เปลี่ยนแปลง.........................นิสัยตน จนเป็นคนนิสัยดี ซื่อตรง เที่ยงตรง เที่ยงธรรม โปร่งใส มีสัมมาคารวะ น่าคบหา
รู้วิธี คิด พูด สื่อสารแบบเป็นมิตร..ด้วยวาจาสุภาษิต"
.................................

โชคดีเกิดจากการทำหน้าที่ ที่ดี ต่อชีวิตเราเอง สาธุ

Suraphol KruasuwanOWNER
การสนทนา  -  Aug 8, 2014
..
..
(https://lh3.googleusercontent.com/-kGVkTIcrtSg/U-TFXE5ugpI/AAAAAAABjxw/4tAcduxZhzo/w206-h389/chakra02.jpg)
G+ communities คนรัก รักษ์ ปัญญา สุขภาพ กีฬา และจักรยาน
สุขภาพดี คือลาภอันประเสริฐ ที่เราทำได้เอง
Suraphol KruasuwanOWNER

http://puling-222.blogspot.com/2011/01/blog-post_7277.html
หัวข้อ: Re: ตัวเลข สี่ชุด.. /อย่าเชื่อ เล่าให้ฟัง :PULING的主頁
เริ่มหัวข้อโดย: ฐิตา ที่ กุมภาพันธ์ 14, 2015, 09:47:12 pm
(https://lh5.googleusercontent.com/-Yo1me3RgZss/VKiS_mx9PSI/AAAAAAABz2o/HQIryBJcHV0/w546-h432/58%2B-%2B1%2B%283%29.jpg)
 
"ชีวิตสั้นนัก........สหายเอ๋ย
อย่าละเลย.........ทำสิ่งที่เองหวัง
เพียงแต่............ตน ท่าน ไม่เดือดร้อน ที่ตนทำ
ด้วยเวลา กรรม..มัจจุราช ไม่เคยรอใครฯ"
(โอมาร์คัยยัม)
......................................
เผ่าพันธุ์มหัศจรรย์คือมนุษย์ ที่มีความสามารถ
"ชื่นชมผลงานของธรรมชาติ"
-มนุษย์ อยู่รอดมาได้ คือ
"ยอมเปลี่ยนกิจกรรม พฤติกรรม นิสัย เมื่อสิ่งแวดล้อมเปลี่ยน"

การเปลี่ยนแปลงที่ดีคือ
1.-รู้ว่าเป็นการฉลาดทางชั่ว ก็ลด ละ เลิก
2.-รู้ว่าเป็นความฉลาด ในทาง คิดดี พูดดี ทำดี คบคนดี คิดถึงสิ่งดีๆ ต้องรีบทำ
3.-รู้วิธีปลุกสัมมาสติโพธิปัญญา ให้ตื่น มากุมสภาพจิต
และล้างขยะปรุงแต่งจิต

อภัยให้ความไม่รู้ ของตน และชีวิตอื่น ในอดีต
สร้างจิตใหม่ ที่มีชีวาในชีวิต ให้คุณยั่งยืน สาธุ

(https://lh4.googleusercontent.com/-xe--GICbfk4/VN0m77f8fQI/AAAAAAAB2t8/aUGZmlZuC58/w464-h365-no/01758_5.jpg)
Suraphol Kruasuwan originally shared:
  -  Jan 4, 2015
..
..

(https://s-media-cache-ak0.pinimg.com/originals/c3/1e/a9/c31ea936f41987b1cf341acbd66f322a.jpg)
 
ชีวิตมีทางเลือก เลือกอย่างใด ชีวิตเป็นไปเช่นนั้
1.หลงไหล ไปตามกระแส แฟชั่น ค่านิยม ของชาวโลก หัวโขน
แย่งกันปีนบันใดสังคม ขี่หลังเสือ ตายคาเวที

2.ทวนกระแส ใช้ชีวิต ที่สงบ สมถะ กับธรรมชาติเรียบง่าย
ไม่อยู่ในอำนาจ ทุน ผลประโยชน์ อำนาจ บริโภคนิยม

3.ข้ามกระแส
ทิ้ง ความเชื่อ ความชอบ ความชัง เพ่งพิศ ธรรมชาติตามจริง
ล้างขยะปรุงแต่งจิต ค้นหาจิตแท้จิตเดิม
วางจิตปรุงแต่ง ใส่โปรแกรม อภิจิต และโบยบินสู่เสรีภาพ ของจิตวิญญาณ

4.อยู่เหนือกระแส
"เธอจงท่องไปในหมู่คาม ดั่งผีเสื้อ
กางปีกเสรี บินไปท่ามกลางอุทยานดอกไม้
เสพน้ำหวาน แต่ไม่ทำให้ดอกไม้ชอกช้ำ
(ถอดความจากพุทธพจน์)

แต่วันนี้ "ฉันขอเป็นนกสันโดษ" อิๆ
Suraphol Kruasuwan
..
..
**********************************************

(https://lh4.googleusercontent.com/-dg0ucQp_RVA/VNvk5V7pg9I/AAAAAAAB2mA/p87jnmkF9rA/w702-h468-no/digital-art-funny-humor.jpg)
 
มีตัวเลข สี่ชุด ที่ปู่ลิงชอบ พิจารณา ประจำ
1. เลข 0
เลขศูนย์ และความมหัศจรรย์ของเลข0
คิดได้โดย พุทธเจ้า และ เป็นที่มาของ นิกาย ศุนย์วาท
ซึงแปรมาเป็นส่วนหนึ่ง ของมหายาน เซ็น ในปัจจุบัน
ในเถรวาทคือ คำว่า สุญญตา "ว่างจากกิเลสตัณหาอุปาทาน"
เมื่อจิตว่างจาก กิเลส ตัณหา อุปาทาน ใน
ความคิด อารมณ์ อุดมคติ ความรู้ ความทรงจำ
จะเปลี่ยนแปลง เส้นทางในสมอง ทำให้เรา"เกิดใหม่ในร่างเดิม"

เมื่อมีเลขศูนย์ มา อยู่ หน้า ต่อท้าย อยู่ล่าง บน
ทำให้ ค่าของตัวเลขอื่นๆ เปลี่ยนไป อัศจรรย์
เกิดระบบเรียงตัวเลข เป็นชุด 10 20 30
มนุษย์ไม่ต้องไปท่องจำ ชื่อตัวเลขอีกต่อไป
สมัยก่อนใครจำชื่อตัวเลข เกิน500 ก้เป็นอัฉริยะ
จึงมีคำว่า พระอรหันต์500 โจร500 จริงแปลว่า"มาก นับไม่ไหว) อิๆ
ต่อมา เมื่ออาหรับ มาค้าขายกับอินเดีย ก็เอา แนวคิดนี้ไปใช้
เมื่อไปถึงยุโรป ทำให้เกิดความนิยม เรียกว่า"ตัวเลขอาหรับ"
ซึงปัจจุปันเราเรียกว่า"ระบบไดอาล๊อก"
คือการเรียงลำดับตัวเลข ก็จะมาถึงตัวเลขชุดที่สอง
เราต้องเรียงลำดับความสำคัญกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า(ประจักษ์นิยม)

2.ตัวเลขแบบไดอาล๊อก
หรือ การเรียนลำดับตัวเลข ฐานสิบ
1 2 3 4 5 6 7 8 9 0
เลขชุดนี้ มีความสำคัญทำให้มนุษย์ค้นพบ
-ระบบ สายพานการผลิต
-ระบบอุตสาหกรรม
-ระบบการศึกษา

"การทำงานตามลำดับความสำคัญ"
ระวังเรากำลังจะสูญเสีย สิ่งนี้ไป คือ
"ชีวิตเรียงความสำคัญที่ต้องปฏิบัติ อย่างเหมาะสม"
ทำให้ต้องพลาดโอกาส ที่จะได้เพื่อนดีๆ ความคิดดีๆ และเส้นทางอนาคตดีๆ

เมื่อวาน นั่งกินข้าวกับเพื่อน เห็นคนรุ่นใหม่ ก้มหน้ากับ วัตถุเสพติด
กิจกรรมเสพติด ชื่อ"สังคมมีเดียออนไลน์"โฟนของตู
เลยไม่เห็นภาพ สนธยาสวย ฟ้างาม นกร้องเพลง
"คนที่อยู่ตรงหน้าเราสำตัญที่สุด"(ครูแปลกเดชะบุญ)

บางคน มีโอกาสพบกับ กินข้าวร่วมกัน 7วันครั้ง
แต่คนนั้น มัวแต่ ก้มหน้ากับมือถือ คุยกับเพื่อนคนอื่น...ต่อหน้า คุณจะรู้สึกอย่างไร?
เราต้องเรียงลำดับความสำคัญกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า(ประจักษ์นิยม)
เพราะเราจะอยู่รอด อยู่ร่วม อย่างมีสติและทุกข์น้อย ถ้าเราเรียงลำดับ
สิ่งที่ต้องทำ ควรทำ พัก และโยนทิ้งจากชีวิต..อย่างเหมาะสม

3.ตัวเลข ดิจิตอล
เรามีปัญญาประดิษฐ์ ที่ชนะสมองเรา สีอย่าง
-เร็วกว่า
-เก็บข้อมูลมากกว่า
-ทำงานอัตโนมัติ
-แม่นยำกว่า

จาก คอมพิวเตอร์ ซึ่งใช้เลข สองฐาน 0(ปิด)1(เปิด)
เราเอามาใช้กับชีวิต ได้ บางเรื่องต้องโยนทิ้ง ลบทิ้ง ไม่เก็บมาใส่ใจ
เห็นโอกาสเสมอ ในทุกสถานการณ์
เช่นตอนนี้โลกกำลังจะ มีระบบเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน การเมือง นวัตกรรม
ที่ดีต่อสิ่งแวดล้อมใหม่ๆ...ใขณะที่เศรษฐกิจโลกอยู่ในภาวะขาลง
เราเตรียมตัว ศึกษา พร้อมรับโอกาสดีๆแล้วยัง?

4.ตัวเลข สีฐาน
คือชุด เคมีชีวภาพ ที่เป็นด่าง สี่ชุด ที่ประกอบเป็ย"แผนที่ชีวะภาพ" DNA
ของสิ่งมีชีวิตที่สังเคราะห์จาก ธาตุ C H O N
โลกขับเคลื่อนโดย ชุดความคิด วัฒนธรรมสี่ เมื่อไม่นานมานี้
-ยุคนาโน
-ยุคจีโนม การตัดต่อพันธุ์กรรมแทน
การเปลี่ยนแปลงโดยวิวัณนาการ ผสมคัดเลือพันธุ์
-ยุคนวัตกรรม สุขภาพและความงาม
-ยุค สังคมมีเดียออนไลน์
..............................................
เล่าให้ฟัง เลข 0.....เลขฐานสิบ...เลขฐานสอง...เลขฐานสี่
เกี่ยวข้องกับชีวิตเราทุกวัน กำหนดชะตากรรมเราได้...คุณเห็นแล้วยัง?
..
..

(https://lh4.googleusercontent.com/-6yTIqSBLQUI/VNymBP7pjiI/AAAAAAAB2oY/DlQvHzCW2hA/w233-h216-no/images%2B%285%29.jpg)
G+ communities คนรัก รักษ์ ปัญญา สุขภาพ กีฬา และจักรยาน
สุขภาพดี คือลาภอันประเสริฐ ที่เราทำได้เอง
Suraphol KruasuwanOWNER
การสนทนา  -  14/2/2015
>>> https://plus.google.com/communities/102080888916677168217 (https://plus.google.com/communities/102080888916677168217)
http://puling-222.blogspot.com/2011/01/blog-post_7277.html
..
..

(https://lh4.googleusercontent.com/-FnGAAf7_idk/VN0941wXS_I/AAAAAAAB2vo/SE0zs8LjXvQ/w346-h449/61323_154552457908842_5011846_n.jpg)
30 กันยายน 2010 เวลา 7:12 น.
เศรษฐศาสตร์แนวพุทธ
Small Is Beautiful
ความพอเพียงนั้นงดงาม
 
จากหนังสือ
“Small Is Beautiful: Economics as If People Mattered”
โดย
E.F. Schumacher
 
[Schumacher, Ernst Friedrich, Small is Beautiful: Economics as if People Mattered, Harper Colophon Books, New York, Evanston, San Francisco, London, 1975, 290 หน้า, SBN 06-090432-1(ppb), SBN 06-136112-4 (HC) - 
พิมพ์ครั้งแรกโดย Harper & Row, Publishers, Inc., 1973; Vintage Books, London, 1993, ISBN 9780099225614 (from January 2007), ISBN 0099225611, 260 หน้า]
 
บทความนำเสนอ
โดย...สมเกียรติ อ่อนวิมล
เศรษฐศาสตร์แนวพุทธ
Small Is Beautiful
ความพอเพียงนั้นงดงาม
อ่านต่อ >>> https://www.facebook.com/notes/118689138189817/ (https://www.facebook.com/notes/118689138189817/)
Suraphol Kruasuwan
Shared publicly  -  13/2/2515 - 6:59 AM
หัวข้อ: Re: เล่าให้ฟัง :PULING的主頁
เริ่มหัวข้อโดย: ฐิตา ที่ มีนาคม 11, 2015, 06:53:52 pm

(https://lh3.googleusercontent.com/-QztBLK9IdW0/VPEmpc-7O7I/AAAAAAAB3h4/MKcSeRZSJ3c/w506-h304/images%2B%2819%29.jpg)

60 up......ชีวิตเรี่มต้น เกิดใหม่ในร่างเก่า
"ตนโต....................ต้องไม่ข่ม
คนเล็ก...................ต้องไม่กร่าง
คนที่ดี....................ต้องไม่ห่ามและเหิม
คนที่ฉลาด..............ต้องดูแลตนเองเป็น"(สุภาษิตจีน)

//-หากคุณได้คอมพ์เก่ามาใช้
สิ่งแรกต้องทำคือ ล้างโปรแกรมเดิมออก เพื่อขจัดขยะ ไวรัส
และโปรแกรมเก่า ล้าสมัย ทิ้ง
และ"ลงโปรแกรมใหม่"
ฝึกใช้ โปรแกรมใหม่ และไม่ไปหา ไวรัสใหม่ๆ จาก เวบ ล่อต่า ล่อใจ อะฮิ อะฮิ

//-ในชีวิตเรามีทั้ง
ด้านมืด สว่าง กฎธรรมดาของธรรมชาติ ปรีชาญาณ จากสติปัญญาที่ถูกปลุกให้ตื่น
ต้องล้าง และเรี่มต้น นับหนึ่ง ใหม่
1.ด้านร่างกาย
ต้องดูแล ให้ถูกสุขลักษณะ และใช้งาน พอให้ร่างกายรู้ว่า
"กูต้องแข็งแรงเพราะกูจะใช้ร่างนี้ไปอีก60ปี ตามที่ยีนส์กำหนด" ไม่งั้นร่างกายจะทำลาย มวลกระดูกกล้ามเนื้อ
เอาไขมันมาใส่แทน ทีนี้ละ งานเข้า ครับผม
และต้องสวงนอวัยวะทุกส่วน
-ตา ออกแสงใส่แว่นกันแสงนะพวก
-หู ระวังเสียงดังเกิน80เดซิเบล ทำลาย การรับเสียง
ที่สำคัญอย่าทำตัวเป็น"คนหูไว" ไปหาเรื่องเจ็บตัว
-หัวเข่า เอ็นร้อยหวาย
ใครว่าไม่สำคัญ ต้องเลิกวิ่ง กระโดด ปั่นจักรยานแบบชิวๆ
ยืนปั่น สลับหมุนรอบขา ให้ได้80รอบต่อนาทีบ้าง
คนไม่เชื่อ ไปใส่เข่าไททาเนี่ยมไปหลายคน
ถ้าไม่มีตังค์พอ ก็ฉีดสะเตียร์รอย ก็มีผลข้างเคียงอีก
-ที่สำคัญการนอน สลับตื่น จะกลับมาเหมือนเด็ก
อย่าฝืน หิวกิน(พอชื่นใจ) ง่วง นอน
-อาหาร กินให้หลากหลาย อย่างละนิดหน่อย
กระจายไปหลายมื้อ และเว้น เปรี้ยว หวาน มัน เค็ม แต่งสี กลิ่น รส ให้มากที่สุด
-ยา อย่ากินยาเป็นอาหาร ให้กินอาหารที่เป็นยา คือพืชพื้นบ้านบ้างนะ

2.ด้านสติปัญญา
ต้องฝึกฝน เรียนรู้ใหม่ๆ
ทุกอยากพอเพียงได้ ยกเว้นความรู้
จงมีความสุขกับการกินความรู้เป็นอาหาร
หากลืมของ อย่างโกรธตนเอง ยิ้มรับสภาพ
และแปลก เวลาที่หายไปมักมีสิ่งดีๆมาทดแทนเสมอ

3.ด้านจิตใจ
เรามีสองจิต
-จิตปรุงแต่ง มันก็ทำงาน ปรุง
ความคิด อารมณ์เจตนา สะสมความรู้ เป็นตัวกูของกู
เปลี่ยนกิเลสเป็นโพธิ ไปทำสิ่งดี
-จิตแท้ จิตเดิม
จิตที่เป็นปรีชาญาณ จากสัมมาสติโพธิปัญญา
ต้องปลุกให้ตื่น มากุมสภาพจิต
และจะพบชีวาในชีวิตที่แท้จริง

4.สมบัติ
-มนุษย์สมบัติ มันไม่ไม่เที่ยงแต่อย่าบ้า
ขนไปถวายพระปลอม เช่นพระเสือ พระแพะ พระกวาง พระหมีดำ
สร้างอนุสารีย์ส่วนตนหมด
มาหมุนเวียน ให้สังคมที่ด้อยโอกาสดีกว่า
เด็ก คนพิการ คนชรา คนที่ควรมีโอกาส เป็นคนดีของสังคม ช่วยกันนะ
รวมทั้งหมู หมา กาไก่ นก แมลง พืช ด้วย อย่าเบียดเบียนเกินเหตุ
-สวรรค์สมบัติ
ความหรรษา ภาคภูมิใจ สมใจ สะใจจากการทำดี
เรารู้ตอนตัวเป็นๆนี่แหละ ไม่ต้องรอให้ตายนะ
-นิพพานสมบัติ
นิพพานมาจากภาษาสันสกฤต
นิรวาร แปลว่า เป็นดั่งลม ที่บ่วงไหนก็ผูกไว้ไม่ได้
คือบ่วง กาม ภพ ทิฐิ อวิชชา..ผูกไม่ได้ เป็นชีวิตชีวาที่มีอิสระอย่างยิ่ง
ไม่ใช่ แดนในจินตนาการของ เกจิอาจารย์ไหนๆ มะโนไป
และสะกดจิตให้ศิษย์ เพ้อเจ้อตาม(วิปัสสนูปกิเลส)
เป็นผล ที่เรา ฝึกฝนทำอาสวะสิ้น ล้างจิต จนหมดห่วง
มีวิชชา(สัมมาสติโพธิปัญญาตื่น จนเลิกปรุงแต่งอารมณ์ทุกข์)
มีจรณะ มีความประพฤติ ดี ชอบ มีนิสัยโปร่งใส ใจโปร่งแสง
สัมปันนโน ครบเครื่อง เลิกทำตัวต่ำกว่ามาตราฐานมนุษย์
เป็นมนุษย์โส..ที่ไหว้ตนเองได้

5.สร้างเครือข่าย ดีๆให้แก่ตนและลูกหลาน
"อยู่ถูกที่ คบถูกคน ตัดสินใจถูกเวลา
ฟ้าเป็นใจ เพราะเราสร้างกุศลมามากพอ
คือความสำเร็จ"
................................................

ชีวิตใครชีวิตมันนะครับ
"สุขภาพดีคือ..................ลาภอันประเสรีฐ
อิ่มใจในกุศล...................ทุกขณะจิต คือยอดทรัพย์
มีมิตรอุปการะ...................เป็นยิ่งกว่าญาติ
ปรีชาญาณฉลาด..............พาชีวิตพ้นทุกบ่วง คือยอดบรมสุขฯ"
......................................................
https://www.facebook.com/puling222/posts/876172532450172:0 (https://www.facebook.com/puling222/posts/876172532450172:0)


(https://lh3.googleusercontent.com/-AWkBJ98hLPs/VPD55swpLwI/AAAAAAAB3bQ/Iwnqq5V5Qsk/w506-h381/funny-animal-beach-dirty-footprints.jpg)

พฤติกรรมการเรียนรู้ นักการศึกษาได้แยกออกเป็นสี่
1.เลียนแบบ....................มนุษย์มีเซลกระจกเงา20% ในสมอง พร้อมจะเลียนแบบ
2.ความประทับใจ.............จากอารมณ์ ทั้งชอบ และชัง กลัว
3.ผูกเป็นเงื่อนไข..............เอาเรื่องที่ไม่เกี่ยวกันผูก กับอารมณ์ ความคิด เจตนา
4.ใช้เหตุผล...อ๋อเหรอ......มนุษย์ใช้สมองเหตุผล เพื่อ ประเมิน และตัดสินใจ
......................................................................

การเรียนรู้แบบ"ผูกเป็นเงื่อนไข สำคัญที่เราผูกเองต้องแก้เอง"
มีการทดลองสั่นกระดิ่ง และให้อาหารสุนักข์
นานไป สุนักข์ จะน้ำลายไหล เมื่อได้ยินเสียงกระดิ่ง
หากสั่นกระดิ่ง แต่ งดให้อาหาร นานไป สนักข์ ก็ไม่ผูกเรื่องอาหาร กับเสียงกระดิ่ง
..................................................................

มนุษย์ เรียนรู้แบบ ผูกเป็นเงื่อนไขไว้เยอะ
ต้องเอามา ล้างเงือนไข เพื่อให้ ใจ สมอง ว่าง ไว้ทำอย่างอื่น
ภาษาพระเรียกว่า"ทำอาสวะให้สิ้น"
อะไรที่เก็บเข้ามา เพราะเราคิดว่าเป็น สมบัติ ทั้งรูปธรรม นามธรรม
วันหนึ่งหากเห็นว่า เป็นภาระ เป็นขยะ
นั่นแหละถึงเวลาที่จะล้างใจ
................................................................

ลองคิดถึงเรื่องที่เก็บ ทางลบ หรือบวก
อารมณ์ความรู้สึกก็จะตามมา
หยุดคิด หายใจด้วยสติ ดูอาการที่หัวใจ
จะรู้ใจ อารมณ์ค่อยๆจาง หัวใจ เป็นปกติ
ทำซ้ำๆ จนเฉยๆกับเรื่องนั้น
ฝึกทำทุกเรื่องที่อยากจะถอนทิ้ง จากชีวาในชีวิต
......................................................................

แข็งแรงทุกด้าน ดีด้วยกันทุกคนนะ สาธุ
จะเรียนรุ้ด้วยการ เลียนแบบ ประทับใจ ผูกเป็นเงื่อนไข ใช้เหตุผล
ต้องมาเรียนรู้"ล้างใจ" ล้างจนสิ้นขยะปรุงแต่งจิต
เป็นบรมสุขในโลก สาธุ


(https://lh3.googleusercontent.com/-_eXskMqdGRs/VPrXnt_v0PI/AAAAAAAB4gk/eF0ou7nSjqo/w506-h379/_funny-lion-pictures_0005.jpg)

ชีวิตประจำวันทุกวัน มี12สิ่ง ที่เราต้องเจอ และจะจัดการอย่างไร
ให้ ไม่ฟูมฟายกับอารมณ์ทุกข์ ไม่หลงไหลในกุญแจไขความสุข
สนุกกับชีวิตที่มีชีวาและเย็น

1.".ความคิด"
ความคิดเหมือนสิงห์โต เป็นจ้าวป่า
พุทธศิลป์ จึงสร้างสิงห์โตเฝ้าหน้าวัด(วัดคือ กาย จิต ของเรา)
ถ้าเราคิดไม่เหมาะสม ชีวิตเราก็ ไม่สนุกนัก

วิธีฝึกรู้จัก ควบคุมความคิด
1.คิดจากเหตุ ไปหาผล
2.คิดจากผล ย้อนกลับไปหาเหตุ
3.คิดเห็นความสัมพันธ์ต่อเนื่อง เป็นเหตุผล ที่ทำให้เกิดสิ่งธรรมดา สู่ความซับซ้อน
4.คิดเห็นว่า อะไร จุดประกายให้เกิด
5.คิดเห็นว่า อะไรส่งเสรีมให้เจริญ
6.คิดเห็นว่า อะไรตัดรอน ให้เสื่อม
7.คิดเห็นว่า อะไรตัดขาดให้ดับ
8.คิดเห็น แบบแยกแยะองค์ประกอบ
9.คิดเห็น แบบองค์รวม
10.คิดเห็นว่า อะไรเป็นไปได้จริง หรือ เป็นแค่จินตนาการ ภาพมายา ลวงตา
..............................................
ลองฝึก รุ้จักความคิดดูนะ สิ่งดีๆจะเข้ามาสู่ชีวิต ปัจจุบันเรียกว่า"คิดทางบวก" สาธุ

G+ communities คนรัก รักษ์ ปัญญา สุขภาพ กีฬา และจักรยาน
สุขภาพดี คือลาภอันประเสริฐ ที่เราทำได้เอง
Suraphol KruasuwanOWNER
การสนทนา  -  Shared publicly  -  Mar 7, 2015

*********************************

Good morning
อรุณสวัสดิ์ หรรษา มีชีวาในชีวิตนะครับ
 
//-ทุกครั้งที่เปลี่ยนความคิด ชีวิตก็เปลี่ยน
//-ความคิด เป็นระบบ ความคุมชีวิต ให้มีชีวา
นอกจากใช้ กระแสประสาท และฮอร์โมน ร่างกายสั่ง

//-"ตัวตนความคิด จึงเป็นเจ้านายของจิตสำนึก"
และพาเราไปรู้จัก จิตสำนึกอื่นๆ เช่น อารมณ์ อุดมการณ์ องค์ความรู้
และทะลุไปรู้จัก โลกของความทรงจำ ที่ เก็บไว้ ใน"จิตในสำนึก"
สัญชาติญาณชีวิต...........ฝากมากับเซล
อารมณ์ เป็นตัวเร่ง.......... หรึอ ปฏิกริยา กิจกรรมชีวิต ให้ สู้ ถอย หนี ยอมจำนน หรึอหมกไว้ เป็น ขยะอารมณ์ อิๆ
ความรู้ ทั้งรู้จริง รู้เทียม รู้เสมือนจริง หรึอ ขยะความรู้
ที่ต้อง"เผาทิ้ง".......................................

//-ทุกอย่าง มี จิตวิญญาณ หรึอ"หัวใจของเรื่อง"(ตันตระ)
มีวิถีทาง ที่เข้าถึง(ยันตระ)
มีหลักคิด ที่นำไปสู่ความสำเร็จ(มันตระ)
ซึ่งต้องใช้ การฝึกจนเป็น อาชีพ วิถีชีวิต "ตูก็เป็นเช่นตูเป็น"
จึงถือว่า"ทำได้สำเร็จ"

//-เช่น การฝึกปั่นจักรยาน ของปู่เพื่อ วางแผนสร้าง ร่างกาย จิตใจ ปฏิสัมพันธ์ กับคนคอเดียว
เซฟ ร่างกาย ไม่โลดโผน ใช้ตนเองอย่างวัวอย่างควาย
หรึอ ปั่นไปไล่ กวดโชว์ใครๆอิๆ
ให้อยู่ดี กินแซบ อีก 60ปี รักษ์โลก เคารพธรรม คืนสิ่งดีๆ ให้แผ่นดินมาดร
ปู่จึงไม่ใช่ฝึกแบบนักกีฬา ที่ อีก 6เดือนจะแข่ง อิๆ
หรึอคุณหมอที่อเมริกา ฝึก หนึ่งเดือน เพื่อ รักษาความฟิต แข็งแรงได้ 3เดือน

//-ดังนั้น "แผนการฝึก จึงแบ่งเวลา 60ปี มาเป็น ช่วง 10 ปี 3ปี 1ปี ทุกๆ3เดือน
เป็นทุกๆ 3วัน อิๆ จนถึง ทุกๆ3ชั่วโมง
ดังนั้น ใครไม่เข้าใจ ต้องบอกว่า"ดช.ปู่ลิง บ้าไปแล้ว" อิๆ

//-ตัวตนคลื่นความคิด"พลิกชีวิตได้"
ไม่เชื่อ เชิญลบหลู่ อิๆ
จึงลุกมาแบ่งเวลา
ลุกมาเล่นเวท ตอนตีหนึ่ง อิๆ
(ตัวตน คลื่นความคิด)

//-ฮอร์โมน เป็น "เคมี นำสาร" ของชีวิต
ยิ่งใหญ่เพราะ เป็นผู้นำคำสั่งให้ ร่างกาย จิตใจเรา
-อยู่ รอด หรือ ตาย
-เจริญ หรือ เสื่อม
- สู้ หรือ ถอย
-สุข หรือ ทุกข์
..........................................

ฮอร์โมน (อังกฤษ: hormone มาจากภาษากรีกที่ว่าhormanแปลว่าเคลื่อนไหว )
คือผู้นำส่งสารเคมีจากเซลล์ หนึ่งหรือกลุ่มของเซลล์ไปยังเซลล์อื่นๆ
สิ่งมีชีวิตหลายเซลล์ (multicellular organism) ทั้งมนุษย์สัตว์และพืช
สามารถผลิต ฮอร์โมน ได้ที่ ต่อมไร้ท่อ (endocrine gland)
โมเลกุลของฮอร์โมนจะถูกปล่อยโดยตรงยังกระแสเลือด ของเหลวในร่างกายอื่นๆ
หรือเนื้อเยื้อใกล้เคียง
หน้าที่ของฮอร์โมน คือการส่งสัญญาณให้ทำงานหรือหยุดทำงาน เช่น

-กระตุ้นหรือยับยั้งการเจริญเติบโต
-กระตุ้นหรือยับยั้งโปรแกรมการสลายตัวของเซลล์
-กระตุ้นหรือยับยั้งระบบภูมิคุ้มกัน
-ควบคุม กระบวนการสร้างและสลาย (metabolism)
- และเตรียมพร้อมสำหรับบทบาทใหม่ๆ
- เช่น การต่อสู้ หนี
- หรือ กำหนดช่วงเวลาของชีวิตเช่น วัยรุ่น
วัยมีครอบครัวมีลูกหลานไว้สืบสกุล และวัยทอง
(วิกิพีเดีย)
.........................................................................

//-เวลา เราไปวัด พุทธศิลป์ ที่เป็น"สัตว์" ที่เราเจอมากที่สุดคือ
-สิงห์โต
ส่วนใหญ่ เฝ้าประตูวัด
ลองแทนค่า"นี่คือความคิด"
-ช้าง
ก่อนนี้หนุนฐานเจดีย์
นี่คือ อารมณ์
-หงส์
คือ เจตนา
-นาค
คือความรู้ สัญชาติญาณดิบ อิๆ
...........................................................

//-อารมณ์มีส่วน เปลี่ยน บุคลิกภาพ ที่ชงขึ้นแต่ละครั้ง
ยามเรา"กระทบโลก สำผัสธรรม(คำพูดที่เรา พูดขึ้นกับตัวเอง)
ดังนั้น เราควร หัด ชงอารมณ์"ชิว"เสพ สุข ขำๆ"เป็น นิสัย
ชีวิตจะได้ มีกำไร ไม่ขาดทุนทางอารมณ์ อิๆ
......................................................

"พญาสิงห์.................ความความคิด
ช้างมิ่งมิตร...............คือชีวา อารมณ์เกษมศรี
หงส์ เจตนาดี............ดีต่อ ทุกชีวี
นาค มังกรนี้.............คือความรอบรู้ มะเลืองมลายฯ
...................................................

//-เวลา ดช.ปู่ลิงเล่นปั่นจักรยาน
นอกจาก สังเกตุ อาการ
-ความเมื่อยล้า กล้ามเนื้อขา
-การหายใจ
-การเต้นของหัวใจ
-การระบายความร้อน
-สิ่งแวดล้อมรอบข้าง
ดช.ปู่ลิง ชอบ"แอบดูการทำงานของ เฮอร์โมน ในร่างกาย"อิๆ
......................................

//-ตอนอุ่นเครื่อง เบาๆ ซอยขายิกๆ
เจ้า อินสุลิน จะตื่นตัว เตรียม ขบวนการ เผาพลังงาน
-พอเรี่มปั่น เร่งผ่อน ความเร็ว
เจ้าฮอร์โมนจากต่อมหมวกไต; Adrenalin อะดรีนาลีน
จะทำให้เรา กร้าวร้าว ฮึดสู้ ปั่นเร็ว แรงขึ้น อิๆ
-ฮอร์โมนแห่งการให้รางวัลชีวิต
เจ้า โดปามีน เอ็นโดฟีน หลังสารความปิติสุขให้ อิๆ

-ฮอร์โมน แห่งความเบื่อหน่าย เครียด cortisol
เรี่มเข้ามา ก่อกวน"เซ็งเป้ด" ก๊าบๆๆๆ อิๆ
-ดช.ปู่ลิง ต้องพลิกจิตดังสายฟ้า เข้าแทรกแซง
ปล่อย ฮอร์โมน อารมณ์ขัน มาสลายทันทีอิๆ

ภายใต้ภาวะความเครียด
ฮอร์โมนในร่างกายจะเกิดความเปลี่ยนแปลงให้เกิดการตอบสนองแบบ “สู้” หรือ “หนี”
แม้ช่วงแรกจะไม่เห็นความชัดเจนที่ปรากฏออกมาให้เห็น
แต่ภายนอกร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงและพร้อมตอบสนองแบบ “สู้ หรือ หนี”
หากถูกกระตุ้นในสภาวะที่กดดัน และหากความเครียดสะสมนานวันเข้า
ก็จะปรากฏอาการออกทางกายกลายเป็นอาการหรือโรคต่างๆได้
ในงานวิจัย เกี่ยวกับฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับความเครียดและอารมณ์ขัน กล่าวว่า
" การหัวเราะจะช่วยลดฮอร์โมนอย่างน้อย 4 ตัว "
ที่ผลิตออกมาจากต่อมไร้ท่อ ที่สัมพันธ์กับการตอบสนองต่อความเครียด
คือ
-Epinephrine,......ทำให้หัวใจ เต้นแรง
- cortisol ,.......ทำให้เครียด
- dopac ..........ทำให้เฉยชา เซ็ง
- Growth hormone......หากน้อย ทำลายร่างกายให้โทรม สุด อิๆ
........................................................
แข็งแรงทุกด้าน ดีด้วยกันทุกคนนะ สาธุ

(https://lh3.googleusercontent.com/-UNeVTx95RJ4/VKXTrwOSZ0I/AAAAAAAADIA/CNKbReN5ifY/w346-h231/fleurs%2Bmontagne%2Ba%2Bd%C3%A9poser%2Bflickr%2Binternaute_modifi%C3%A9-1.jpg)
G+ communities คนรัก รักษ์ ปัญญา สุขภาพ กีฬา และจักรยาน
สุขภาพดี คือลาภอันประเสริฐ ที่เราทำได้เอง
Suraphol KruasuwanOWNER
การสนทนา  -  Shared publicly  -  Mar 1, 2015
หัวข้อ: Re: "มองโลก มองธรรม แบบปู่ลิง" :PULING的主頁
เริ่มหัวข้อโดย: ฐิตา ที่ มีนาคม 11, 2015, 07:26:36 pm
(https://lh3.googleusercontent.com/-QBiIfJcOH_s/VOWZ6Pq449I/AAAAAAAB3Fs/3GbVfC35Oq8/w406-h597/lN.jpg)

"มองโลก มองธรรม แบบปู่ลิง"
การศึกษา
คำว่า "education" เป็นศัพท์จากภาษาลาติน ēducātiō ("การปรับปรุง,การอบรม") จาก ēdūcō ("ฉันรู้, ฉันฝึก") วิกิพีเดีย
การศึกษา
คือการ เรียน..รู้.....จนเกิดการเปลี่ยนแปลง ด้าน
วิสัยทัศน์ ชีวทัศน์ และ สติปัญญา จนเกิดปรีชาญาณ รู้แจ้ง
การศึกษา
คือการ ออกแบบ มนุษย์

มนุษย์ในอุดมคติ
"ไม่เป็นภัย ภาระ........................แก่สังคม
พัฒนาศักยภาพตน....................จนพึ่งตนได้
เอื้ออาทร ให้ตน.........................สังคม สิ่งแวดล้อม ให้งดงามตามกันไป
ใครบรรลุ หน้าที่ไซร์....................แม่นแล้วยอดคน"

การออกแบบมนุษย์ของจีน
1.มีศักยภาพ.............................คือทำงานได้จริง
2.ทำงานเชิงรุก......................... ไม่ใช่แพลนแล้วนิ่ง
ไม่ใช่เป็นพวก NATO No action talk only
ดีแล้วต้องบุก ลงมือปฏิบัติทันที ทันกาล ทันกระแส ทันป้องกันเหตุ
3.เคารพกฎหมาย......................ไม่ใช่พยายามอยู่เหนือกฎหมาย
เลี่ยงกฎหมาย แก้กฎหมาย เพื่อประโยชน์ตนและพวก
4.รักประชาชน...........................และวัฒนธรรมท้องถิ่นตน(น่าจะรักสิ่งแวดล้อมด้วย)
5.เรียนรู้ตลอดชีวิต.....................เพื่อทันกระแสโลก ปรับตัว ปรับปรุงทักษะตลอดชีวิต
6.จิตอาสา................................เพื่อสังคม ที่ดีด้วยกัน
.............................................................

การเรียนรู้ ให้ชีวิตเยาว์วัย ยั่งยืนเสมอ แบบมงคลชีวิตของชาวพุทธ
"เรียนรู้สรรพวิชา......................ความรู้รอบตัว มีวิสัยทัศน์ กว้างไกล
มีการฝึกฝนศิลป์......................มีฝีมือจนเป็นอาชีพได้
มีนิสัยดี โปร่งแสงโปร่งใส.........เป็นที่รัก ของ เทวดาและมนุษย์ สว่างใน
มีการสื่อสาร ด้วยใจ.................ที่เป็นมิตร ชีวิตอุดมสุข เจริญธรรมฯ"
...........................................................

การศึกษา ใน ระบบการศึกษาไทย มุ่งปีนบันใด ทางสังคม
มากกว่าจะ ทำให้ เกิดปัญญา ที่ทำให้ โลกทัศน์ ชีวทัศน์ ดี
........................................................

การพัฒนาเพื่อเกิดปัญญา
1.มาจากการเลียนแบบ
มนุษย์มักจะชื่นชอบ ตัวต้นแบบ และทำตาม
เพราะมนุษย์มีเซลล์ก๊อปปี้ ในสมองถึง20%
การส่งมอบวัฒนธรรมดี จึงจำเป็น จากผู้สอน ควรทำตัวเป็นต้นแบบที่ดี
มีความรู้คู่ มนุษย์ธรรม(คุณธรรม จริยธรรม วัฒนธรรม ปรมัตถ์ธรรม อริยะธรรม)

2.โดยการเปรียบเทียบ
3.โดยการสังเคราะห์
4.โดยการวิเคราะห์
5.เรียนรู้แบบมีเงื่อนไข เอาสิ่งที่เรียนรู้ที่เป็นสิ่งเร้ามาผูกด้วยกัน
6.เรียนรู้แบบล้างเงื่อนไข เอาสิ่งเร้า มาแยกออกจากกัน

ซึ่งพระพุทธเจ้า สอนให้ ฝึกแยก ชีวิต เป็นรูปหนึ่ง นามสี่ และล้างขยะปรุงแต่งออก
(ทำอาสวะสิ้น) จนหมดเหตุปรุงแต่ง อารมณ์ทุกข์เด็ดขาด

7.เรียนรู้โดยตกผลึกความคิด
ทำให้ได้ ทำให้ดี ทำให้ดีที่สุด และหาทางเส้นใหม่ ที่ง่าย สั้น เป็นประโยชน์มากขึ้น
8.เรียนรู้โดยสัญชาติญาณ
มนุษย์ใช้วัฒนธรรมที่ส่งทอด แทนสัญชาติญาณ แต่ก็ยังมีสัญชาติญาณ ติดตัวมา
มนุษย์เป็นนักล่า นักเก็บเกี่ยว นักฉกฉวยผลประโยชน์ นักเรียนรู้พัฒนา
สร้าง สิ่งต่อความสามารถ และ ความสดวกสบายแทนการ ปรับตัวเพียงอย่างเดียว
9.โดยสหัชญาณ
รู้โดยไม่ต้องเรียน บางท่านเชื่อว่า เป็น บุญเก่า วาสนาเดิม ติดตัวมา
.......................................................

มนุษย์มีความสามารถที่จะ"เห็น" มีวิสัยทัศน์ หรือเข้าใจทุกธรรมชาติจาก
หนึ่งตาเนื้อ สี่ตาปัญญา
ถ้าเป็นโดยการฝึกฝน เรียกว่า"มีวิชชา"
หรือวิสัยทัศน์(จักขุมา)อันเกิดจากการใช้ปัญญา
1.-พุทธะจักษุ.....ใช้สติปัญญา
2.-ธรรมจักษุ.......ใช้การเข้าใจธรรมชาติ ตามความเป็นจริง
3.-สมันตะจักษุ.....ใช้ความรอบรู้ ทักษะ หลากหลายวิชาการ พิจรณา หลายแง่มุม
4.-ทิพย์จักษุ.......คิดแบบ รอบคอบ รอบรู้ ละเอียด ลึกซึ้ง
.....................................................

ซึ่งวิธีคิดแบบชาวพุทธมีคิดแบบสิบมิติ คือ
1.....มองจากเหตุไปหาผล
2......มองจากผล กลับมาหาเหตุ
3......มองเห็นความสัมพันธ์ เหตุปัจจัย ต่อเนื่อง แบบลูกโซ่
4......มองเห็นเหตุ ที่ทำให้จุดประกายเรี่มต้น
5.....มองเห็นเหตุ สงเสรีม ให้ เจริญ
6......มองเห็นเหตุ ตัดรอนให้เสื่อม
7......มองเห็นเหตุตัดขาดให้ดับ
8......มองเห็นแบบวิเคราห์แยกแยะองค์ประกอบ
9......มองการทำงานร่วมกันแบบองค์รวม
10.....มองเห็น ความเป็นไปได้ และ ไม่ได้ ตามจริง
..............................

//-ชีวิตจริงต้องอาศัย แสงส่องโลก(วิชาการ)
คือความรู้หลากหลาย ความเชี่ยวชาญ งานศิลป์
แสงส่องใจ(วิชชา)
-รู้ว่า ความรู้ที่เก็บเข้ามา
ต้องคัดเลือกแยกแยะ เก็บสิ่ง จริงดี งาม
-รู้ว่า ความทรงจำที่เก็บไว้
ต้องอยู่ในที่สงัด สงบ ปล่อยให้ ออกมา แล้ว"ล้างเงื่อนไข"
ปมเด่น ปมด้อย ทิ้ง ให้ จิต ว่าง วางอุปทานในตัณหา เสีย
-รู้วิธีคิด แบบสร้างสรร ดีต่อชีวิต ชุมชน สิ่งแวดล้อม เป็นมิตร
-รู้วิธี กำหนดอนาคต และส่งมอบสิ่งดีๆ แก่คนรุ่นต่อไป
-รู้เว้นในสิ่งควรเว้น อดทนในสิ่งที่ควรอดทน รู้อภัย ให้แก่ตนและผู้อื่น
รู้วิธี สร้างปฏิสัมพันธ์ทางบวก ยามสื่อสาร อิๆ
-รู้วิธีปลดปล่อย ความสุข สู่เสรีภาพแห่ง ชีวิตที่มีชีวา อย่างแท้จริง
....................................

มีแสงส่องโลก(วิชาการ) อย่าลืม สร้างแสงส่องใจ(วิชชา)ด้วยนะ สาธุ
......................................
ปรัชญาการเรียนรู้ศตวรรษ ที่21
น่าสนใจเพราะ เป็นแนวคิด ที่บริษัทชั้นนำทางธุรกิจ
คิด เสนอ ไม่ได้มาจาก นักวิชาการทางการศึกษา
"ผู้เรียน ผู้สอน เรียนรุ้ ที่จะเปลี่ยนแปลงสู่สิ่งดีๆด้วยกัน"
-การเรียนรุ้ที่ ให้ครูเป็นจุดศูนย์กลาง
-การเรียนรู้ที่ นักเรียนเป็นจุดศูนย์กลาง
มาสู่ ทั้งสองต้องเรียนรู้ เปลี่ยนแปลงในทางดีด้วยกัน

1.มนุษย์ต้องมีความสามารถอ่าน
อ่านหนังสือ อ่านสถาณะการณ์ อ่านแผนงาน อ่านใจตนและผู้อื่น
2.มนุษย์ต้องมีความสามารถที่เขียน
เขียนหนังสือ เขียนแผนงาน เขียนการออกแบบชีวิตจนเกิดปรีชาญาญได้
3.มนุษย์ ต้องเรียนรู้วิธีสื่อสารทางบวก สื่อสารที่สร้างมิตร
4.มนุษย์ ต้องทำงานเป็นทีม อย่างมีประสิทธิ์ภาพ
ท่านอาจชนะถ้าท่านเก่ง แต่ท่านจะประสบความสำเร็จ
เมื่อท่านรู้จัก สร้างทีม ทำงานเป็นทีมที่ดีเลิศ
...................................

สรุปการศึกษาเรียนรู้ ที่จะเปลี่ยนแปลง

(https://lh3.googleusercontent.com/-xPoQsqrkhgw/VP7YCjD8oQI/AAAAAAAHhDk/Iw8-0MZv9JM/w305-h553-no/10981220_10203891288384022_8972327542406744861_n.jpg)
G+ communities คนรัก รักษ์ ปัญญา สุขภาพ กีฬา และจักรยาน
สุขภาพดี คือลาภอันประเสริฐ ที่เราทำได้เอง
Suraphol KruasuwanOWNER
การสนทนา  -  Shared publicly  -  Feb 19, 2015
หัวข้อ: Re: เล่าให้ฟัง :PULING的主頁
เริ่มหัวข้อโดย: ฐิตา ที่ มีนาคม 11, 2015, 07:28:42 pm
(https://lh5.googleusercontent.com/-8qx5lI2Snoc/VPzj47HQSdI/AAAAAAAB4qo/mANNixcPBtY/w726-h525/aaa.jpg)
 
Good morning
หรรษา มีชีวาในชีวิตนะครับ

จิ๊กซอร์ที่หายไป
พุทธศิลป์ ที่เรารับมา มาจาก วัฒนธรรมเทวะนิยมของกรีก
พุทธรูปที่เรากราบไหว้ ก็มาจาก ชาวกรีก ที่มากับกองทัพอเล็กซานเดอร์มหาราช
ที่บุกมาถึง ลุ่มแม่น้ำสินธุ และไม่กลับ หันมานับถือพุทธศาสนา
และทำรูปเคารพ พุทธเจ้า เสมอเทพแห่งดวงอาทิตย์ เทพอพอลโล่

"ประทีปส่องแสงทางได้.................ยามค่ำคืน
สุริยัน จันทรา................................ให้แสง วันคืนนั่น
แสงสติปัญญาตื่น..........................เป็นปรีชาญาณส่องทางชีวิต ทุกกาล
ใครปลุกแสงสติปัญญาตื่นได้นั้น.....ย่อมพบ บรมโชคดีฯ"

เมื่อพระพุทธรูป มีเรื่องราวเกี่ยวกับเทพอพอลโล่
เจ้าตัวแพะทะเล หรือ มกร ก็ต้องมาเฝ้าวิหารเทพด้วย
เทพอพอลโล่ เป็นบุตร นางยุโรปา(ชื่อทวีปยุโรปมาจากนี้)
ที่หนี มหาเทพซุส โดยแปลงร่างเป็นวัว เทพซุส ก็แปลงร่าง
เป็นโคสวย มาเคียงคู่กว่าจะรู้ตัว ก็ถุกผสม
เมื่อตั้งเทพอพอลโล่กำเนิด เฮร่า มเหสีเอก ก็ให้ สัตว์ร้ายไปไล่ล่า
เจ้าแพะวิเศษ ก็พาหนี มาจนมุมที่มหาสมุทร
เทพซุส จึงให้พร เจ้าแพะมีหาง กลายเป็นแพะทะเล
พา เทพอพอลโล่ หนีรอดมาได้
................................................................

ช่วงที่วัฒนธรรมกรีก มาถึงอินเดีย หลังยุคพุทธกาล
อินเดียต้องปรับตัวครั้งใหญ่ เพื่อรักษ์วัฒนธรรมตนให้อยู่รอด
ฝ่ายพรามหณ์ สร้าง ตำนาน มหาภารตะ ขึ้นมา
รวมพระเจ้าสามองค์เป็นตรีมูระติ เอาคัมภีร์อุปนิษัท ให้ทุกวรรณะนับถือ
ก่อนนี้ ความรู้นี้ พรามห์ผูกขาด แม้นแต่พระกฤษณะ ก็มีผิวสี
และกลายเป็นฮินดู(ป่าอันยิ่งใหญ่ ที่ทุกสรรพชีวิต อยู่ด้วยกันได้)
พุทธ ก็เกิด พุทธมหายาน(ยานอันยิ่งใหญ่ที่ขนทุกสรรพสัตว์ข้ามโอฆะได้) กลายเป็น"เทวะนิยม" เต็มตัว
............................................................

จิ๊กซอร์ที่หายไป คือ องค์ความรู้ ที่มาที่ไป ของ พุทธศิลป์ วรรณศิลป์
ที่มาที่ไป ของชาวพุทธยุค โลกาภิวัฒน์ สาธุ
.........................
ก็อย่างที่บอกในตอนที่แล้วนะคะว่าจะมาเล่าให้ฟังเรื่องตัวมกร (อ่านว่า มะ-กะ-ระ ค่ะ) ว่าคือตัวอะไร มีที่มาอย่างไร และมีความหมายว่าอะไร
ถ้าสังเกตตามราวบันไดวัดทางภาคเหนือของไทยส่วนมากเราจะเห็นตัวมกรอยู่ค่ะ ตัวมกรมีลักษณะคล้ายๆจระเข้ค่ะ เวลาไปวัดให้ดูตรงบริเวณคอของพญานาคนะคะ ถ้ามีสัตว์รูปร่างคล้ายจระเข้อยู่ด้วยล่ะก็ใช่เลยค่ะ
ความจริงแล้วตัวมกรไม่ได้มีอยู่ทางภาคเหนือของเราอย่างเดียว ทางประเทศเพื่อนบ้านของเราก็มีค่ะ นั่นคือ ประเทศ ลาว พม่า เขมร ค่ะ ทางเขาจะเรียกว่า "ตัวสำรอก"ฟังจากชื่อก็รู้แล้วใช่ไหมคะ ว่าหมายถึงตัวที่คายอะไรๆออกมา (สำรอก-คาย)
ตัวมกร มีอีกชื่อหนึ่งนะคะ คือ "เหรา" (อ่านว่า เห-รา) เป็นชื่อที่เรียกกันมานานแล้วค่ะ ตัวเหราหรือมกรเนี่ยจะมีหน้าที่เฝ้าสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ต่างๆที่สื่อว่าเป็นเขาพระสุเมรุค่ะ เพื่อไม่ให้ใครไปรบกวนเหล่าเทวดาบนเขาพระสุเมรุนั่นเอง
................................................

เหราคายนาค หรือ มกรคายนาค
เป็นพุทธศิลป์ หมายถึง
อุปาทานในขันธ์ห้า ยึดไว้อารมณ์ทุกข์เกิดแน่ๆ
ต้องคลายความยึดมั่นถือมั่น
สัพเพ ธัมมา นาลัง อภินิเวสายะ ธรรมทั้งปวงไม่ควรยึดมั่น

G+ communities คนรัก รักษ์ ปัญญา สุขภาพ กีฬา และจักรยาน
สุขภาพดี คือลาภอันประเสริฐ ที่เราทำได้เอง
Suraphol KruasuwanOWNER
การสนทนา  -  Shared publicly  -  Mar 9, 2015


(https://lh4.googleusercontent.com/-MIRK6jkOiXg/VPraEjQ__qI/AAAAAAAB4hM/NjwSp-o4q_o/w346-h208/Herc-fight-Hydra.jpg)

https://www.youtube.com/watch?v=hRNvoxxSNsY (https://www.youtube.com/watch?v=hRNvoxxSNsY)

2.ภาระกิจ ที่สอง ชนะอารมณ์
ในนิทาน กรีก มีงาน12ชนิดที่คนครึ่งเทพ(วีระบุรุษ) เฮอร์คิวลิส เท่านั้นทำได้
งานชิ้นหนึ่ง คือ ปราบอุสรกายไฮดรา ที่สถิตย์ในถ้ำ มีหนองน้ำเน่า
คอยจับคนที่ผ่านทางกิน

-ซัวเจ๋ง ก็เคยเป็นปีศาจน้ำ ที่สะสมกะโหลกมนุษย์
ก่อนที่จะถูกหงอคงปราบ และกลายมาเป็นหนึ่งในคณะเดินทางไปไซที
-หิงสาอสูร ก็ถูก พระแม่อุมาเทวี ปราบโดยการ ดื่มเลือดจนหมดตัว
ไฮดรา เปรียบ ได้กับ"อารมณ์มนุษย์" ยิ่งเฮอร์คิวลีส เอาดาบตัด กระบองทุบ ก็จะงอกหัวใหม่ เพิ่มเป็นสองเท่า

-อารมณ์มีกองหนุน คือความคิด กับอดีต ที่เคยผูกไว้
เวลาอารมณ์เกิด ลองหยุดคิด ดูอาการ ที่เกิดขึ้นที่ขั้วหัวใจ ทุกลมหายใจเข้าออก
อารมณ์เป็นสิ่งปรุ่งแต่ง อยู่ใต้กฎไตรลักษ์ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
"สิ่งใดเกิดขึ้นเป็นธรรมดา ย่อมดับเป็นธรรมดา"
ใช้สติเพ่งดูอารมณ์ กำหนดรู้ ไม่ให้ความคิดเข้าแซก
อารมณ์ก็จะค่อย หมดฤทธิ์ ทำซ้ำๆ จนเฉยๆ ปิติ สุข ขำๆ

-หาที่สงบ เอาความคิด ลาก ทุกอารมณ์ที่เราไม่ต้องการ ออกมา
แล้วใช้วิธี แยกความคิด เพ่งดู อารมณ์จะอ่อนแรง และจะหมดอธิพล
จิตที่ไม่ได้ฝึก เรื่องอารมณ์ จะเหมือนแผลเก่า
จิตที่เรี่มฝึก จะว่องไวดุจสายฟ้า
จิตที่ชนะอารมณ์ จะเป็นดุจเพชร แข็ง สวย ไม่เก็บแสง
"โอมมณี ปัทเมฮุ้ม" เพชรที่อยู่เหนือดอกบัว
..............................................

หากทำถึงระดับ สงบในที่สงัด สงัดจากอารมณ์แปรปรวน
ท่ามกลางความเคลื่อนไหว
ก็สาธุ ไหว้ตัวเองได้แล้ว


(https://lh4.googleusercontent.com/-jzE4U5BEbIk/VPzaQIKnL5I/AAAAAAAB4pw/-Q9jEk5d9e4/w526-h324/Centaur.jpg)
 
Good morning
หรรษา มีชีวาในชีวิต อิ่มในกุศล ทุกลมหายใจเข้าออกนะ

ภาระกิจประจำวันที่4
ปรับตัวเข้ากับวัฒนธรรม ของชาวโลกย์
CENTAURS เซนทอร์ส ครึ่งคนครึ่งม้า
เฮอร์คิวลีส ถูกใช้ไปทำภาระกิจที่4 ไปจัดการกับหมูป่าแสนดุร้าย
ในดินแดนของ เซนทรอร์ centaur คนครึ่งม้า ที่เคยเป็นอาจารย์สอนวิชาการต่อสู้ให้
งานนี้อาจารย์ ไม่ยอมให้ทำลายหมูป่า เพราะการขุดคุ้ยของหมูป่า
ทำให้พบอัญมณีมีค่า เป็นรายได้ เลี้ยงชุมชน ในการต่อสู้ เทพแห่งดาวอังคาร คุ่ปรับ
ได้แอบสลับ ลูกศร ที่ชุบเลือดไฮดราที่มีพิษ ทำให้เซนทรอร์ตาย
คนครึ่งม้าเลยอาฆาต และ เป็นเหตุให้เฮอร์คิวลีส ตาย ด้วยเสื้อคลุมเซนทรอร์
ในตอนจบมหากาพย์เฮอร์คิวลีส
....เรามีโปรแกรมสัญชาติญาณเอาตัวรอด
....จิตในสำนึกเรา ยังมีวัฒนธรรม ที่มีภูมิสังคม วัฒนธรรม ที่เราเกิด
เรียนรู้และยึดติด ที่เราต้องมีท่าทีเห็นเหมาะสม เพราะมนุษย์เป็นชีวิตที่มีสังคม
ทุกคนต้องการ
-จุดยืน
-พื้นที่
-ความสำเร็จ
-และการชื่นชมซึ่งกันและกัน
-ต้องเข้าสมาคม ในสังคมต่างวัฒนธรรม ถ้าเราทำหน้าที่เหมาะสม
ก็จะเป็น มงคล หรือโชคดี ที่ได้ทำหน้าที่ดีๆ ในการเข้าสมาคม
"ไม่ควร เคียดขึง พึงใจ.......................กระแสวัฒนธรรมโลก แม้นนิด
เสพความรู้วัฒนธรรมเพื่อกระชับมิตร....อย่าประมาท ขาดสตินั่น
ไม่พึงดูถูก ปรามาส วัฒนธรรม.............ซึ่งกันและกัน
ใครทำได้อย่างนี้นั้น............................ปราชญ์ทุกสังคมชื่นชม เป็นบรมโชคดีฯ"

(https://lh3.googleusercontent.com/-yovhZRQ2ch8/VP7rVIaI-eI/AAAAAAAB40U/yvXH5ITwg1M/w346-h192/a5.jpg)
http://puling-222.blogspot.com/2011/01/blog-post_7277.html (http://puling-222.blogspot.com/2011/01/blog-post_7277.html)
G+ communities คนรัก รักษ์ ปัญญา สุขภาพ กีฬา และจักรยาน
สุขภาพดี คือลาภอันประเสริฐ ที่เราทำได้เอง
Suraphol KruasuwanOWNER
การสนทนา  -  Shared publicly  -  Mar 9, 2015
หัวข้อ: Re: เล่าให้ฟัง :PULING的主頁
เริ่มหัวข้อโดย: ฐิตา ที่ พฤษภาคม 02, 2015, 02:34:25 pm

(https://lh4.googleusercontent.com/-Jks7e41LHIs/VTQ_LuOtaJI/AAAAAAAB7pQ/w1tPXIcvh74/w702-h395-no/280.png)
Suraphol Kruasuwan
Shared publicly  -  Apr 20, 2015

3600ล้านปี ชีวิตกำเนิดขึ้นในโลก...สัญชาติญาณ เอาชีวิตรอดเกิดขึ้น
400ล้านปี ปลาตัวแรก ที่ มีSEX เพื่อความสุข
7.5ล้านปี มนุษย์แยก สายพันธุ์ออกจากลิงไม่มีหาง
3หมึ่นปี มนุษย์ สร้างอารยธรรม
2500ปี พุทธธรรม มีผู้ค้นพบ และบอกทางสว่าง มา
.................................

1.สัญชาติญาณ สอนให้เรา เอาตัวรอด
2.อารยธรรม วัฒนธรรม สอนให้เรา อยู่ร่วม
สื่อสาร ส่งทอด ความรู้ ความสะดวก สบาย
ในโลกแห่งการแข่งขัน สุขจากการแบ่งปัน สิ่งดีๆให้กัน
3.พุทธธรรม ทำให้เรา เลิกเป็นทาส จิตปรุงแต่ง
ที่ปรุง ทุกข์ สุข..ดี ชั่ว..ชอบชัง...
พบ"เสรีภาพของความเย็น ในชีวาแห่งชีวิต"(วิมุติธรรม)
-จะปรับตัวเพื่ออยู่รอด
-ใช้ชีวิตสุนทรีย์ อย่างมีศิลป์ในศาสตร์
-อยู่ร่วมกับสังคมแบบเป็นมิตร
-พบความเย็นมีชีวาในชีวิต
...อยู่ที่เราจะใช้โปรแกรมไหน
เลือกอย่างใด ชีวิตเป็นไปเช่นนั้น สาธุ

*****************************************

(https://lh3.googleusercontent.com/-v8xqTSGa0nc/VTWLQrbYAqI/AAAAAAAB7rs/xgAncp6kyUw/w346-h192/earth-guy.jpg)
Suraphol Kruasuwan
Shared publicly  -  Apr 21, 2015
 
Good morning take care
55555+ เรื่องเก่าเล่าใหม่
puling-222 26 มกราคม 2554 13:31
..................................................................................
ทุกข์ของมนุษย์ มีแค่สามส่วน สิบมิติ
ชนะไม่ยาก แต่เราต้องฝึกๆๆๆ
"สภาวะทุกข์................................ฝึกทำใจรับสภาพ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
เวทนาทุกข์..................................ฝึกอดทนพันเท่า
อารมณ์ทุกข์................................ฝึกชงอารมณ์ขัน มาแทนทุกอารมณ์บูด"
...................................................................................

1.-เกิดแก่ เจ็บ ตาย......................เป็นทุกข์......ธรรมดาของโลก
2.-สิ่งแวดล้อม แปรเปลี่ยน............เป็นทุกข์.......ควบคุมไม่ได้ อดทน..ควบคุมได้ช่วยกันแก้ไข
3.-โศรก คับแค้นใจ เสียใจ............เป็นทุกข์.......ทุกสิ่งเป็นไปตามกฎเหตุปัจจัย ปรุงแต่ง ไม่ใช่ตามใจเรา อิๆ
4.-หิว .................เป็นทุกข์....วัตถุ ผัสสะ อุดมการณ์ ความรู้ อัพเดท ให้พอแล้วดี ช่วยได้อิๆ
5.-ราคะ โทสะ โมหะ เผาจิต..........เป็นทุกข์....อารมณ์ ทุกข์เกิด กำหนดรู้แล้ว ละเสีย อิๆ

6.-อดีตผุดขึ้นมา...........................เป็นทุกข์....ล้างเงื่อนไข โยนทิ้ง (ตะบะ)อิๆ
7.-ทำมาหากิน.............................เป็นทุกข์....ทำเพื่อ เลี้ยงชีวิต ร่ำรวย เป็นเรื่องของ"ฟ้าเป็นใจ" วาสนา
8.-ขัดแย้ง ทะเลาะวิวาท...............เป็นทุกข์...เจรจาแบ่งปัน รับฟังกันแบบมิตร คือสำเร็จ
9.-ปรุงชีวิต มีชีวาไม่เป็น................เป็นทุกข์ หัดใช้คอมพ์มีชีวิต คือตัวเรา อย่าง มีสติ กุมสภาพจิต อิๆ
10.-ขี่แรงขับชีวิต(ตัณหา)ไม่เป็น....เป็นทุกข์..ขี่ให้ ละชั่ว ทำดี ชำระใจใสๆ ย่อมไม่ทุกข์อิๆ

(https://lh5.googleusercontent.com/-5qCJwbo__90/VTx5dXS8ZgI/AAAAAAAAO58/ZBgAxghj3xI/w550-h223-no/%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2.jpg)

//-ตนแล..................................เป็นที่พึ่งแห่งตน
ใครไหนอื่นเล่า.........................จักเป็นที่พึ่งได้(พึ่งได้บางเรื่อง)
ตนอันฝึกดีแล้ว.........................เป็นที่พึ่งอันหาได้ยาก
ผู้รู้จึง.......................................เร่ง อดทน เพียร ปิติสุข กับการฝึกตนฯ

***********************************************

(https://lh4.googleusercontent.com/-4xMPFsy_da0/VT0TVr7k-NI/AAAAAAAB76c/YHu-yQN4s6g/w502-h295-no/ghangdrung-village-annapurna-conservation-area-nepal-787452.jpg)
Suraphol Kruasuwan
Shared publicly  -  Apr 22, 2015

"คนนั่ง......................สอนให้ยืน
คนยืน......................สอนให้เดิน
คนเดิน.....................สอนให้วิ่ง
คนวิ่ง........................อย่าไปยุ่งกับมันฯ"

เหมาเจ๋อตุง
******************************

(https://lh3.googleusercontent.com/-HF8D5yN-0RI/VUAZ9Hps5YI/AAAAAAAB7-c/cJ4IHUWMCUo/w702-h527-no/IMG_2893.JPG)
Suraphol Kruasuwan originally shared to
:Philosophy and healthy ปรัชญา และสุขภาพดี (การสนทนา):
 
ชีวิต อยู่ได้ด้วย
1.ปัจจัยสี่ และเครื่องมือ ต่อความสามารถ อำนวยความสะดวกสบาบ
2.สัมผัส ด้วยความรัก ความเข้าใจ และมิตรภาพ
3.อุดมคติ ความหวัง
4.ความรู้ ความเข้าใจ ธรรมชาติ ตน สังคม สิ่งแวดล้อมจักรวาล
5.และ การตื่นของ สัมมาสติ โพธิปัญญา จนพบ"ปรีชาญาณ"

เลือกทางที่ จะ
-ละชั่ว
-เจริญกุศล
-ล้างขยะปรุงแต่งจิต จนพบ ความสงบ สะอาด สว่าง ด้วยตนเอง สาธุ

(https://lh3.googleusercontent.com/-Vub26YqFgy4/VTHPjYCy7iI/AAAAAAAAO1A/BqQHJ5dUfVs/w346-h429/%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%94%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%84%E0%B8%B2%E0%B8%87.jpg)
: https://plus.google.com/+SurapholKruasuwan/posts
หัวข้อ: Re: เล่าให้ฟัง :PULING的主頁
เริ่มหัวข้อโดย: ฐิตา ที่ พฤษภาคม 16, 2015, 02:20:48 pm
(https://lh4.googleusercontent.com/-MiJrjOegd5w/VR0UoHMW_wI/AAAAAAADm_U/QtaHIsjU3X8/w601-h375-no/P3300844.png)

มีสี่สิ่งที่เรามีหน้าที่ดูแล
1.สุขภาพตัวเราเอง
2.สภาวะสุขของสังคม
3.สมดุลย์ของระบบชีวาลัย
4.การส่งมอบสิ่งดีๆยั่งยืน ให้ลูกหลานเผ่าพันธุ์มนุษย์
                 Suraphol Kruasuwan‎

(https://lh3.googleusercontent.com/-7ifKVLh3KL0/VQeKswxkq3I/AAAAAAADIJs/Rt1hV38rcn0/w702-h468-no/e5027f94-7e33-424f-a6b9-52bb5d940876)

คุณของพระพุทธเจ้า ประกอบด้วย
1.มหาสัมมาสติโพธิปัญญา สว่างดั่งพระอาทิตย์พันดวง
(พระไวโรจนะพุทธะ)

2.เป็นผู้ข้ามห้วงน้ำ กาม ภพ ทิฎฐิ อวิชชา อันมนุษย์ข้ามยากได้แล้ว
(พระโอฆสิทธิพุทธะ)

3.เป็นผู้ ไม่ติดใน ภพภูมิ ในวัฎฏะสังสาร มี กามภพ รูปภพ อรูปภพ ได้แล้ว
(พระรัตนสัมภวะพุทธะ)

4.เป็นแพทย์ที่รักษา โรค อันเกิดจากศรพิษ เจ็ดชนิด ที่ฝังในใจมนุษย์ได้แล้ว
ศรแห่ง กาม ภพ ทิฎฐิ อวิชชา โศก อภิสังขาร(คิดปรุงแต่งฟุ้งซ่าน)
พระอักโษภยะพุทธะ

5.เป็นผู้เสวยสุข จาก ความเมตตาอันหาประมาณมิได้ อมิตภะพุทธะ
พระโพธิสัตว์กวนอิม(ผู้ฟังเสียง ของทุกสรรพชีวิตที่ตกในห้วงทุกข์)
เป็นตัวแทนแห่ง แสงบรมสุข
จากมหาเมตตา มหากรุณาอันหาประมาณมิได้

https://www.youtube.com/watch?v=f9_IZsaE1wQ (https://www.youtube.com/watch?v=f9_IZsaE1wQ)
Hug birds save earth originally shared:  -  Apr 25, 2015

(https://lh6.googleusercontent.com/-4VKz6lV_qB8/VRsipAfg0sI/AAAAAAAB6m0/m6SilVrMDfY/w275-h183-no/images%2B%25281%2529.jpg)

มหัศจรรย์ของ เวลา
Amazing of time
Suraphol Kruasuwan Apr 1, 2015 6:05 AM

1.ธรรมชาติเปลี่ยนแปลง ตลอดเวลา
2.ทรงความรู้
3.สร้างสรรโดยของคู่
4.กำหนดโดยกรรม....
5.แต่เรายังมีสิทธิ์ เลือกเขียนบท ให้ตนเองเล่นบ้าง
จงใช้สิทธิ์นั้น

"ชีวิตสั้นนัก............................สหายเอ๋ย
อย่าละเลย.............................ทำสิ่งที่ตนหวัง
เพียงแต่.................................ตน ท่าน ไม่เดือดร้อน เพราะเราทำ
ด้วย เวลา กรรม มัจจุราช..........ไม่เคยคอยใครฯ"(โอมาร์คัยยัม)

Suraphol Kruasuwan originally shared to
Philosophy and healthy ปรัชญา และสุขภาพดี (การสนทนา):
Apr 1, 2015 6:05 AM

(https://lh3.googleusercontent.com/-G6iogWOMrVg/VPa2WspUoXI/AAAAAAACgiA/Ib0U10Tse3E/w446-h360/IMG_0694-MOTION.gif)

//-พลังงาน มวลสาร เวลา อวกาศ กฎธรรมดาของธรรมชาติ
และ"ความรู้สึกว่าเรามีอยู่" อัศจรรย์เสมอ
เวลา..คือ
1.เราเชื่อว่า เวลาเหมือนลูกศร
เดินทางไปข้างหน้า ทิ้งอดีตไว้เบื้องหลัง
2.ไอสไตน์ บอกว่า เวลา ยืด หด ได้ และเหมือนสายน้ำ
เราเหมือนเรือ แล่น ทวนกระแส ตามกระแส
บางที่ก็ตกอยู่ใน วังวนของเวลา
3.เวลา มีการชดเชย
เมื่อเราพลาดสิ่งหนึ่ง เวลาก็จะมอบสิ่งดีๆให้
ดังนั้น ไม่ควร โทษเวลาและตนเอง
แต่ อยู่กับเวลา อย่างปรีชาญาณฉลาดเลือก

https://www.youtube.com/watch?v=JXOXns_gx8k (https://www.youtube.com/watch?v=JXOXns_gx8k)

(https://lh3.googleusercontent.com/--FGVav98Wdo/VTbUfZvC60I/AAAAAAAATws/Q2ihvlhFn8U/w346-h260/sacramentoearthday_dana-gray1.jpg)

วันแห่งความสุขของชาวโลกย์
ในพุทธศาสนา
ความสุขแท้รู้สึกได้ที่ ใจ
ทางวิทยาศาสตร์ เป็นกลุ่มอินทรีย์เคมี ที่ร่างกายผลิต รู้สึกมากที่หัวใจ
ได้แยก กุญแจไขความสุข กับความสุขไว้

1.กุญแจไขความสุข ส่วนตน
-กามสุข
สุขจากเพลินในการผัสสะ จาก รูป รส กลิ่น เสียง สบายทางกาย ใจ
ต้องใช้วัตถุปัจจัยภายนอก เป็นตัวกระตุ้น
ไม่ยั่งยืน ติด และ แปรเป็นทุกข์ได้ เมื่อไม่เป็นดังใจ

-ฌานสุข
สุขจากจิตที่เป็นสมาธิ หนักแน่น เย็นพอ
อาจได้ อิทธิฤทธิ์เป็นของแถม

-ญาณสุข
สุขจากการ เสพความรู้ จนถึงรู้เข้าใจ กฎธรรมดาของธรรมชาติ
ทำให้เกิดปัญญา จนดับ กิเลส ตัณหา อุปาทาน ได้

-นิพพานสุข
มี9สภาวะธรรม
วิมุติ วิโมกข์ นิพพาน วิชชา วิสุทธิ์ วิเศษ วิเวก วิราคะ วิสังขาร
เปรียบดังลม(นิรวาร) คือไม่มีเชือกใดผูกไว้ได้
เป็นลักษณะ เสรีภาพของชีวาในชีวิต

อ.พุทธทาส ตอบไว้ง่ายๆว่า
-ทุกข์....คือนรก
-สุข.......คือสวรรค์
-เย็น......คือนิพพาน

2.กุญแจไขความสุข เพื่อสังคมดีด้วยกัน
หิตายะสุขายะ เมื่อทำให้ผู้อื่นเป็นสุข เราก็มีความสุขด้วย
สาธุ

Suraphol Kruasuwan commented on a video on YouTube.
Shared publicly  -  May 6, 2015
 
ความผิดพลาด เป็นการเรี่มต้นของการพัฒนา
เราคือธรรมชาติ ท่านก็เช่นกัน
ระบบชีวาลัย เปราะบาง สำหรับ เผ่าพันธุ์มนุษย์
"ตั้งสติ ใช้ปรีชาญาณ ฉลาดเลือกสิ่งที่ให้คุณมาก โทษน้อย
สุขจาก พอเพียง และแบ่งปัน"

Suraphol Kruasuwan
Shared publicly - 15/5/2558 8:51 AM
Happy day to you
"หน้าตาดี จะอยู่กับเรา................ครึ่งชีวิต
สมองดี จะอยู่กับเรา....................ค่อนชีวิต
ความดี จะอยู่กับเรา....................ตลอดชีวิต
กรรมดี จะอยู่กับเรา......................เป็นอเนกชาติ
ผู้รู้จึงเร่งเจริญ กาย วาจา ใจ..........ที่เป็น กุศลกรรมอันจริงดี งาม สงบ สุขยั่งยืนฯ"

(https://lh3.googleusercontent.com/-rrQTbOcojMA/VU5dQuknYbI/AAAAAAAGHgA/q0KtQlTsmSI/w346-h230/Carlos%2BGotay.jpg)
G+ communities Philosophy and healthy ปรัชญา และสุขภาพดี
สุขภาพดี คือลาภอันประเสริฐ ที่เราทำได้เอง
Suraphol KruasuwanOWNER
การสนทนา  -  Shared publicly  -  Mar 20, 2015

(https://lh3.googleusercontent.com/-NWb93vjt0hI/VVp0TDSr6vI/AAAAAAAB90U/3iMmFIBpyWE/w346-h192/41-%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%25B3%25E0%25B8%259A%25E0%25B8%25B0%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%2581%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%25B2-%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%25A5%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%25B2%25E0%25B9%2584%25E0%25B8%25A7%25E0%25B9%2589.jpg)
Suraphol KruasuwanOWNER  originally shared to
Philosophy and healthy ปรัชญา และสุขภาพดี (การสนทนา):
Shared publicly  -  19/5/2558  -  6:23 AM
 
สุภาษิต ล้านนา
คำแปล : จับใจอีแร้ง อาจจะไม่ถูกใจอีกา ถูกใจครูบา(เจ้าอาวาส) อาจไม่ถูกใจพระน้อย(สามเณร)
ความหมาย :
เป็นคำกล่าวเปรียบเปรยว่าคนเรามีความชอบหรือไม่ชอบในสิ่งต่าง ๆ ไม่เหมือนกัน
บางสิ่งเราอาจจะคิดว่าถูกต้อง ดีงาม แต่มันอาจจะไปขัดใจผู้อื่นก็เป็นได้
หรือบางทีเราไม่ชอบในสิ่งใดสิ่งหนึ่ง แต่คนอื่นเขาอาจจะชื่นชม
พอใจในสิ่งนั้น ๆ
เป็นการสอนให้เอาใจเขามาใส่ใจเรา หรือเอาใจเราไปใส่ใจเขานั่นเอง

http://www.cnxwalkingstreet.com/cnxwp/?p=1597 (http://www.cnxwalkingstreet.com/cnxwp/?p=1597)
https://plus.google.com/+SurapholKruasuwan/posts (https://plus.google.com/+SurapholKruasuwan/posts)

(https://lh3.googleusercontent.com/-_t2zFo5NrKU/VVp0yOgzLaI/AAAAAAAB90w/tXRCs23Q65o/w346-h261/97_n.jpg)

พระธรรมคือ
1.ธรรมชาติทั้งหมด(ทุกปรากฎการณ์)
2.กฎของธรรมชาติทั้งหมด(กฎวิทยาศาสตร์ กฎแห่งกรรม กฎไตรลักษ์)
3.หน้าที่ ที่เราต้องปฏิบัติอย่างถูกต้อง ต่อธรรมชาติทั้งหมด(มงคลชีวิต)
4.ผล ที่เราจะได้รับ เมื่อปฏิบัติต่อธรรมชาติ
วิบาก วาสนา ทุคติ สุคติ มรรค ผล นิพพาน
(ย่อจากคำสั่งสอน อ.พุทธทาส)
พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ เคารพ พระธรรมนั้น
ช่วยกัน ทำในสิ่งที่เรารัก รักษ์สิ่งที่เราชอบ
ประกอบแล้ว ดี ต่อตัวเรา สังคม สิ่งแวดล้อม รู้แจ้งในจักรวาล สาธุ

(https://lh3.googleusercontent.com/-7vmslehcp4c/VVmb6dWtuMI/AAAAAAAIPqY/cr498BitW-o/w346-h196/IMAG8607_BURST001-ANIMATION.gif)
Suraphol Kruasuwan originally shared to
Philosophy and healthy ปรัชญา และสุขภาพดี (การสนทนา):
Shared publicly  -  19/5/2558 6:26 AM
หัวข้อ: Re: เล่าให้ฟัง :PULING的主頁
เริ่มหัวข้อโดย: ฐิตา ที่ มิถุนายน 08, 2015, 09:42:30 pm
(https://lh3.googleusercontent.com/-aNW8ySeUVbw/VWZvJw2eDCI/AAAAAAAB-uo/Uf6o-HEezbU/w702-h314-no/dd94.jpg)

มรณานุสติสาธุ
1.หายใจเข้าไม่ออกก็ตาย
2.หายใจออกไม่เข้าก็ตาย...
3.ความตายเกาะอยู่ปลายจมูกเรานี่เอง...
4.ที่สำคัญการตายเกิดทางอารมณ์..
จิตปรุงแต่ง ให้ เป็น ทุกข์ เป็นสุข เป็นสงบ หมุนเวียน ครองร่างกายหยาบ
ให้เหลือแต่ อารมณ์ฌาน
ปิติ สุข อุเบกขา เอกจิต(สติ จิตกับธรรมเป็นหนึ่งเดียวกัน)
นอกนั้นทิ้งไปก่อนเราตาย..ชีวิตที่เหลือคือกำไรชีวิตที่แท้จริง สาธุ

(https://lh3.googleusercontent.com/-99DADh-dpzM/VWY8N2xI_-I/AAAAAAAB-t0/kOAR35LMWHQ/w346-h259/018%255B1%255D.jpg)
Suraphol Kruasuwan
Shared publicly  -  May 28, 2015

(https://lh3.googleusercontent.com/-lVm1v0Frpiw/VWe5P4XwRhI/AAAAAAAB-1I/ijrOh9VZEwA/w346-h382/superjobs.jpg)
 
ประวัติสตีฟ จ๊อบ เจ้าของ Apple
มีผู้กล่าวว่า มีแอปเปิล สามลูกที่เปลี่ยน วิถีมนุษย์ชาติ
1.ลูกที่บรมย่าทวด อีฟ กิน ในสวนสวรรค์ที่พระเจ้าสร้าง
มนุษย์เลยต้องถูกไล่ออกมา และ พัฒนามาเป็นมนุษย์
และไม่ค่อยจะง้อ พระเจ้า สักเท่าไหร่(ขอโทษเพื่อนต่างศาสนานะ)

2.ลูกที่สอง ที่หล่นใส่หัว นิวตั้น
ทำให้ ฟิสิกส์คลาสสิค เกิดขึ้น
มีคนแซวว่า "ถ้าวันนั้น นิวตั้น นอนใต้ต้นทุเรียน วิชาฟิสิกส์ จะเรียนง่ายกว่านี้

3.ลูกที่สาม ที่สตีฟจ๊อบ ใส่ไว้ ในนวัตกรรม..ยุค..โลกาภิวัตน์
..........................................................

สำหรับปู่ ก็รู้รสชาติ ของการ ถูกไล่ ออกจากบริษัท ที่ตนเองตั้งขึ้น
เพราะ มีคนบ้า คนหนึ่งไปตัดต้นไม้ ต้นเดียว..ที่เป็นทรัพย์สินของบริษัท
ที่ปู่ตั้งใจ จะมอบให้ เป็นสมบัติ มนุษย์ชาติ เพื่อเรียนรู้ รัก รักษ์ โลก
"การเติบโตแบบคู่ขนาน ระหว่างเผ่าพันธุ์มนุษย์ กับระบบชีวาลัย"อิๆ
และก็เรี่มรับรู้รสชาติ ของการ"เกิดใหม่ ในร่างเก่า"
ได้กลับมาเรียนรู้ โลก ในมุมมอง ที่เรา คิดไม่ถึงว่า"มันมีอยู่
......................................................

ขอบคุณ แอปเปิล สามลูก และหวังว่า ปู่ฯจะพบ ลูกที่สี่ เจี๊ยกๆ
Suraphol Kruasuwan originally shared to
Philosophy and healthy ปรัชญา และสุขภาพดี (การสนทนา):
May 29, 2015

(https://lh3.googleusercontent.com/-XhQN4oB0z_Y/VWlxLHFcuPI/AAAAAAAB-9w/fqfAdRWKHRk/w506-h316/p19f26.jpg)
 
วันวิสาขบูชา 2558 วันที่ 1 มิถุนายน
วิ....มาจากคำว่า วิเศษ
สา..มาจากคำว่า สาธุ(ดีแล้ว ชอบแล้ว สมควรแล้วที่จะนับถือ)
ข..คือฤกษ์ ที่พระจันทร์โคจร ไปเป็นเดือนเพ็ญ วิสาขฤกษ์ ในกลุ่มดาวราศรีแมงป่อง
ที่อยู่ตรงข้ามกับดวงอาทิตย์ ที่อยู่ในราศรีพฤษภ ซึ่งพระจันทร์จะอยู่ใกล้โลก
สว่างกว่าธรรมดา ในรอบปี

วันวิสาขบูชา จึงเป็นวันบูชาที่วิเศษ ตรงกับ
"อาการสามของพระพุทธเจ้า"
-ประสูติ เกิดพระพุทธเจ้าขึ้นในโลก
-ตรัสรู้ เข้าใจ และ พบวิธี ชนะ อุปาทานทุกข์ อันเกิดจากตัณหา และหลง
จิตปรุงแต่งตน(อัตตา)
-ปรินิพพาน อุปาทานทุกข์ตายอย่างเป็นนิรันดิ์ ไม่ มาปรุงแต่งให้จิต เกิดในภูมิปกติอื่นๆคือ
อบายภูมิ มนุษย์ภูมิ เทวภูมิ พรหม อีกแล้ว
.......................................................

อาการทั้งสาม นั้น"เกิดขึ้นภายในวันเดียว
คืนที่พระจันทร์เพ็ญสว่าง ณ.แม่น้ำเนรัญชรา
..........................................................

แต่โดยที่ คำสั่งสอนพุทธเจ้าที่มาใน วัฒนธรรมพุทธ ประกอบด้วย
1.ธรรมาธิษฐาน....สอนเป็นภาษา เหตผล
2.บุคลาธิษฐาน....สอนเป็นภาษาวรรณกรรม มี อภิจินตนาการเหนือจริงแทรกอยู่
3.อวจนะภาษา.......เป็นภาษาที่ไม่ใช้คำพูด
เช่น ...ท่าทาง(มถุรา).... รู้ด้วยจิตต่อจิต(เซ็น)..... ภาษาในพุทธศิลป์
..........................................................

ถ้า พิจารณา เป็นภาษาเหตุผล ไม่ใช่การเกิดทางเนื้อหนัง
แต่เป็นการเกิดแบบ"โอปาปาติกะ" คือ ความเป็นพุทธเจ้า ผุดขึ้นเต็มตัว
ในร่างเดิม ของ เจ้าชายสิทธถะ ที่ ทรงผนวชอยู่
คือ"เกิดใหม่ในร่างเก่า"
........................................................

เขียนตามแนวคิด ท่านอ.พุทธทาส ครับผม
หลังจากเถียงกับท่านมา9เดือน เมื่อพศ. 2521
ใครไม่เชื่อ เรื่องของเอง อิๆ
.......................................................

https://www.youtube.com/watch?v=zHY65uUZAY8 (https://www.youtube.com/watch?v=zHY65uUZAY8)
Suraphol Kruasuwan originally shared to
Philosophy and healthy ปรัชญา และสุขภาพดี (การสนทนา):

(https://lh3.googleusercontent.com/-xPe4RiDJtBc/VW4tH4zfhLI/AAAAAAAB_Qo/AdEfxFUj_F8/w346-h230/080902-zen-meditation-02.jpg)

Suraphol Kruasuwan originally shared to
Philosophy and healthy ปรัชญา และสุขภาพดี (การสนทนา):
 
//-ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน
ใครไหนอื่นเล่าจักเป็นที่พึ่ง(ทุกเรื่องได้นั่น)
ตนอันฝึกดีแล้วจึงเป็นที่พึ่งสำคัญ
ผู้รู้นั้นจึงเร่งฝึกตนฯ
ธรรมที่ฝึกแล้วพึ่งได้ มี 10ประการ

(นาถกรณธรรม 10)
1...ฝึกเป็นคนมีศีล..
2...ฝึกความรู้รอบตัว
3...ฝึกคบกัลยาณมิตร
4...ฝึกรับฟังความคิดเห็นผู้อื่นอย่างอ่อนน้อม
5...ฝึกมีจิตอาสาเอื้อเฟื้อ

6...ฝึกสนใจปรัชญาชีวิต
7...เพียรยกระดับ ภูมิจิต ภูมิธรรม ภูมิปัญญาให้ยิ่ง
8...ฝึกอิ่มใจในกุศลทุกขณะจิต..
9...ฝึกปลุกสัมมาสติให้ตื่น
10..ฝึกเจริญปัญญาให้ยิ่ง
...ฝึกอย่างนี้ จึงได้ชื่อว่....."ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน" .....สาธุ

Philosophy and healthy ปรัชญา และสุขภาพดี (การสนทนา):
Suraphol KruasuwanOWNER
การสนทนา  -  May 30, 2015

(https://lh3.googleusercontent.com/-XlZTa1LND_M/VWlx_3n_pKI/AAAAAAAB--4/TRTyL8wSBDA/w346-h258/00yu%255B1%255D.jpg)

ธรรมะ วันหยุด
ทรัพย์..............แปลว่า "เครื่องทำให้ปลื้มใจ" มีสามชนิด
1.ทรัพย์ภายนอก...คือ ทรัพย์สิน หลักทรัพย์ ตามความเข้าใจ ทั่วไป ไม่จีรัง
2.ทรัพยภายใน......คือ อริยะทรัพย์ ทรัพย์ของผู้ชนะ จิตปรุงแต่งของตน
จน พ้นอุปาทานทุกข์อันเกิดจาก ตัณหา หลงอัตตาตนเอง

...... มี7ประการคือ
-ศีล ความปกติของผู้มีมนุษย์ธรรม นำชีวิต
-ความละอายต่อความชั่ว
-ความเกรงกลัว ต่อ ผลของความชั่ว ความคิดที่ชั่ว
-ความรู้รอบตัว ความใฝ่รู้ พากเพียร แสวงหา ฝึกฝน ในความรู้ยิ่ง
-ความ นอบน้อมถ่อมตน ไม่เหิม ไม่กร่าง ไม่ห่าม ไม่เหิม
-ความสุข จากการ เสียสละแบ่งปัน จิตอาสา
-ความมี สัมมาสติ โพธิปัญญาที่ตื่น มากุมสภาพจิตปรุงแต่ง นำชีวิต สู่ทางสว่าง

3.ยอดแห่งทรัพย์ คือ..."ความสันโดษ"...อิ่มใจในกุศลทุกขณะจิต
-ถ้า ได้ลาภผลมา อิ่มใจที่ได้รับความเมตตา กรุณาจาก ธรรมชาติ(ยถาสันโดษ)
-ถ้าทำงาน ให้ทำงานเต็มกำลังความสามารถ(พละสันโดษ)
-ถ้ามีความสามารถไม่จำกัด ต้องรู้จัก "พอเพียงคืองดงาม"(สารูปปสันโดษ)
ไม่งั้นจะใช้ตนเองดั่งวัวควาย ใช้ความโลภ
เบียดเบียนทำความเดือดร้อนต่อ สังคม โลก

-ถ้ามีครอบครัว องค์กร..ต้องดูแล ให้ให้ความเที่ยงธรรม คนในครอบครัว บริวาร
-ถ้าเป็นผู้ปกครอง ต้องไม่โลภ เบียดบัง เอาสมบัติสาธารณะ เป็นของตน
ปลุกจิตสำนึก ช่วยกัน รัก รักษ์
.................................................................

ทั้ง ทรัพย์สินภายนอก... อริยทรัพย์ ...สันโดษยอดทรัพย์
ต้องทำความเข้าใจ และบริหารจัดการ จึงจะเป็น"เครื่องทำให้ปลื้มใจ" แท้จริง สาธุ
May 31, 2015

(https://s-media-cache-ak0.pinimg.com/236x/cf/0b/e5/cf0be5615738e02e72c1aba2ca7e22aa.jpg)

Suraphol Kruasuwan
Shared publicly  -  Jun 3, 2015

Zen ................................มีฌาน ทุกขณะจิต
ฌาน แปลว่า.....................หนักแน่น สติ วิริยะ สมาธิ ทักษะการปรับตัว รวมเป็นหนึ่ง

1.วิสัยทัศน์หนักแน่น
............เห็นสมมุติสัจจะ ธรรมสัจจะ ปรมัตถ์สัจจะ และอริยะสัจจะ

2.อารมณ์หนักแน่น
..............อยู่ใน ปิติ สุข อุเบกขา จิตเป็นหนึ่งเดียวกับ ธรรมดาของธรรมชาติ
..........................................................
ว่าง วาง สัมภารก ในชีวิต
และ ล้างความยึดติด ในความเก่งของตนเอง
และไม่เอา ความวุ่นใหม่ มาใส่ใจ อีก สาธุ

(https://s-media-cache-ak0.pinimg.com/236x/17/94/24/179424ef40c43671d480f732e6ab1f26.jpg)
Suraphol KruasuwanOWNER
Philosophy and healthy ปรัชญา และสุขภาพดี
(การสนทนา): May 31, 2015
https://plus.google.com/communities/102080888916677168217 (https://plus.google.com/communities/102080888916677168217)
หัวข้อ: Re: เล่าให้ฟัง :PULING的主頁
เริ่มหัวข้อโดย: ฐิตา ที่ มิถุนายน 19, 2015, 07:19:25 pm
(https://lh3.googleusercontent.com/-YcyC4FuAJp0/VW0Gaujtp6I/AAAAAAAB_Ms/jZnztq7mkTA/w506-h462/Funny-Duck-18.jpg)

"เติบโตแบบคู่ขนาน"
1.วิสัยทัศน์
ทำนา ปลอดหนี้ ยั่่งยืน
ทำนา เลี้ยงปลา และเป็ด
ลดต้นทุนการผลิต สิ่งแวดล้อมฟื้นตัว
และ สุขภาพดี เพราะ ไม่ต้อง เสี่ยงกับสารเคมีพิษ
......................................

ในน้ำมีปลา ในนามีเป็ด บนฟ้ามีนก
https://www.youtube.com/watch?v=YFvJ8C4GdmI (https://www.youtube.com/watch?v=YFvJ8C4GdmI)

https://www.youtube.com/watch?v=haTNm61dBkc (https://www.youtube.com/watch?v=haTNm61dBkc)

Suraphol KruasuwanOWNER
การสนทนา  -  Jun 2, 2015

(https://lh3.googleusercontent.com/-Cyn8HrT5NxQ/VYFAr65iNZI/AAAAAAAAQqE/lvzM8Tv5RFE/w346-h231/58%2B-%2B1)

เติบโตแบบคุ่ขนาน
2.เปลี่ยนนิสัย
ชีวิตต้องมีหลัก
จะมีหลัก ต้องมีนิสัยดี

1.-วัยเรียน
"เรียนรอบรู้ ทุกสรรพวิชา
ใช้มือฝึกฝนศิลป์นานา เป็นทักษะอาชีพได้นั่น
มีนิสัยโปร่งใสโปร่งแสง เป็นที่รักทั้งเทวดา และมนุษย์กัน
ฝึกใช้สุจริตวาจา อาจหาญ กล้าทำดีฯ

2.-วัยแสวงหา
"อุปการะ บิดา มารดา บุพการี
ดูแล บุตรภริยา บริวาร ด้วยความเที่ยงธรรมนั่น
จัดระเบียบ บริหารกิจการ พอเหมาะ พอดีกัน
ใครทำได้อย่างนี้นั้น จะพบบรมโชคดี"

"สุขจากจิตอาสา แบ่งปัน
มีจริยะธรรมควรนับถือนั่น
สงเคราะห์ เพื่อน ญาติ ด้วยงานไม่มีโทษกัน
ไม่ทำตัวเป็นภัยต่อสังคมนั้น ยอดคน"
เมื่อเข้าสมาคม คบหาคนต่างวัฒนธรรม
"ไม่ควร เคียดขึง พึงใจ กระแสโลก ธรรมแม้นนิด
เสพวัฒนธรรม เพื่อกระชับมิตร อย่าถึงประมาท ขาดสตินั่น
ไม่พึง ปรามาส วัฒนธรรมของกันและกัน
ใครทำได้อย่างนี้นั้น ปราชญ์ทุกวัฒนธรรม สาธุเอยฯ

3.-วัยละ
พอเพียงคืองดงาม
พอดี พอเหมาะ พอเพียง
สงบ สันโดษ สมถะ ใช้พลังอดทน แทนพลังแข็งแรง
สุขจาก ฝึก ญาณ ฌาน แทน ความสุขทางกามสุข

4.-วัยหลุดพ้น
พ้นจากมายา จิตปรุงแต่งของตน ที่ชงจาก
-ความคิด
-อารมณ์
-อุดมการณ์
-ความรู้
-วัฒนธรรม
-สัญชาติญาณชีวิตเอาตัวรอด
......................................

ไม่ตามกระแส ไม่ทวนกระแส แต่ข้ามกระแส เพื่อ อยู่เหนือกระแส
......................................
ใช้นิสัย ให้เหมาะกับวัย เป็นมงคลชีวิต
คือทำหน้าที่แล้วพบ บรมโชคดี สาธุ

(https://lh3.googleusercontent.com/-4MK-gJRuzEU/VYGj99-uckI/AAAAAAADWqM/fpKNt48fwLk/w346-h327/de63982e9781e4163205d2d63351504dg.jpg)
Suraphol KruasuwanOWNER
Philosophy and healthy ปรัชญา และสุขภาพดี (การสนทนา)  -  Jun 2, 2015
หัวข้อ: Re: เล่าให้ฟัง :PULING的主頁
เริ่มหัวข้อโดย: ฐิตา ที่ มิถุนายน 19, 2015, 07:22:03 pm
(https://lh3.googleusercontent.com/-z7DUVi_gyNE/VX4b5NbS3AI/AAAAAAAAYXc/vimfFK1uB-Y/w702-h527-no/a1.jpg)
 
ความคิดเรา....พาจิตปรุงแต่งเอง ทั้้งสิ้น
ฝึกปรุง อารมณ์ฌาน แทน
อารมณ์เก่า เลิกเอามาเคี้ยวเอื้องเล่น ทิ้งให้หมด

อารมณ์ที่พระพุทธเจ้า รับรองว่า ดีแท้ คือ "มีฌานทุกขณะจิต"(เซ็น)มี
-ปิติ............อิ่มในกุศลทุกขณะจิต
-สุข............จากการแบ่งปัน การแบ่งปัน นำสันติสุขสู่โลก
-อุเบกขา......ใช้ปัญญา สงบเย็น แทนทุกอารมณ์ ที่วิปขึ้น วิปลง
-เอกัคคตา....จิตเป็นหนึ่งเดียว กับ สภาวธรรมชาติ
แล้ว"จิตแท้ จิตเดิมจะตื่น" มหัศจรรย์ชีวิต อยู่ในตัวเราเอง สาธุ
ใครทำได้ สาธุ นะครับ

(https://lh4.googleusercontent.com/-T_cem7ja5NI/VXb-iIEzXbI/AAAAAAABjt0/43lZl80KgLY/w702-h395-no/_DSC6851-1.jpg)
Jun 15, 2015
Hug birds save earth originally shared:


(https://lh3.googleusercontent.com/-s1XO3qpCVeI/VX_WCSG3rcI/AAAAAAACAqo/2RqdVY-wBeY/w346-h402/jesus-with-children-1006.jpg)
 
นิทานจากสหาย ชาวคริส
//-ชายหนุ่ม ที่มีความรักในพระเจ้า ทำแต่สิ่งดีมาตลอด
คืนหนึ่ง ครึ่งหลับ ครึ่งตื่น พระเจ้าทรงปรากฎ
และ ให้พรสามประการตามที่ขอ

1.ชายหนุ่มอยากรู้ว่า ทำไม่พระเจ้า ไม่บอกวันตายล่วงหน้าแก่มนุษย์
พระเจ้าทรงตอบว่า เพื่อให้มนุษย์มีอิสระ ที่จะเลือก ทางทำดี หรือชั่วเอง
2.ชายหนุ่มขอพร ว่า ให้รู้เวลาที่เหลือ ของชีวิตคนในโลก
ที่เขาได้เห็นหน้า พระเจ้าก็ให้พรนั้น
3.ชายหนุ่ม ขอพรข้อที่สาม จะขอให้เวลาอันควร
พระเจ้าก็ให้พรนั้น
.............................................

จากวันนั้น ชายหนุ่มก็จะ บอกให้คนที่เหลือเวลาน้อย ให้กลับตัวกลับใจ
และแวะ ไปเยี่ยม พ่อแม่ พ่อยังมีเวลาเหลือ ห้าปี แม่อีกแปดปี
ก็สบายใจ มีหลายเรื่องที่จะบอก พ่อ แม่ ค่อยบอกวันหลังก็ได้
แวะเข้าห้องน้ำ ริมถนน มองเห็นหน้าตน ในกระจก
และรู้ว่า ตนเองเหลือ เวลา15นาที จะกลับไป บอกรัก พ่อ แม่ก็ไม่ทัน
นึกได้ว่า ตน ยังเหลือ พร อีกข้อ จึงขอว่า
"ขอให้ย้อนเวลากลับ ไปวันที่พบพระเจ้า"
...............................................

ทุกสิ่งกลับมาเรี่มต้นใหม่
ชายหนุ่มรีบกลับ ไปหาพ่อแม่อีกครั้ง
และทำสิ่งดีๆ ที่ตนอยาก จะทำให้พ่อ และแม่
.............................................

นิทานนี้ เพื่อนเล่าให้ฟังในวงกาแฟ
และ บอกข่าว ระลึกถึง เพื่อนนักกอล์ฟ ที่จากไปอย่างกระทันหัน  เร็วๆนี้
............................................

"ตัดทาง.........................ไม่ไปสู่อบาย
ทำความฉลาดดีทั้งหลาย...ให้ปรากฎ
ชำระ ใจตน ให้ สงบ..........สะอาดไม่ละลด
ทั้งหมดคือคำสั่งสอน.........ของทุกพระศาสดาฯ"

(https://lh3.googleusercontent.com/-v_plEoODdHo/VUTJG7fJKWI/AAAAAAADdlk/QjNX79flVQA/w346-h494/11208663_1432526553730248_8712616480210037059_n.jpg)
สาธุ อาเมน
Suraphol Kruasuwan originally shared:  -  Jun 17, 2015
หัวข้อ: Re: เล่าให้ฟัง :PULING的主頁
เริ่มหัวข้อโดย: ฐิตา ที่ มิถุนายน 19, 2015, 07:25:43 pm
(https://lh3.googleusercontent.com/-6Vv-UsrGeXE/VX9ZUhwHqJI/AAAAAAACApE/8MBnvjycKlk/w346-h335/42a.jpg)
 
พุทธธรรม วันละนิด
ความทุกข์ สุข สงบ เย็น แท้ อยุ่ที่ใจ
มนุษย์ที่ ไม่ได้กำหนดรู้จิตตนเอง ไม่ได้ฝึกตน
ต่างแสวงหา กุญแจไขความสุข จากภายนอกกาย
กุญแจไขความสุขที่อยู่ภายใน ยั่งยืน ไม่มีใครแย่งจากเราได้คือ

1.วิมุติ
2.วิโมกข์
3.นิพพาน
4.วิชชา
5.วิสุทธิ์

6.วิเศษ
7.วิเวก
8.วิราคะ
9.วิสังขาร
.............................................................

//-วิเวก เกิดจาก
-ได้ฟังเสียงสัจธรรม จากธรรมชาติแล้วเป็นสุข
-ได้เห็น กฎไตรลักษ์ในธรรมชาติแล้วเป็นสุข
-ได้ปลอดจาก ราคะ โทสะ โมหะ แล้วเป็นสุข
-ได้ถอน กิเลส ตัณหา อุปาทาน อามิสมานะ แล้วเป็นสุข
-ได้ถอน ความพอใจ ไม่พอใจในโลกสิ้นแล้วเป็นสุข
-ได้อิ่มในวิมุติธรรม แล้วเป็นสุข
-ได้หายใจ อย่างมีสติปัญญากุมสภาพจิต แล้วเป็นสุข
สาธุ

(https://lh3.googleusercontent.com/-6UNSFmEz7ps/VXYzxL1IRMI/AAAAAAACuLc/-p0mjQddBFg/w346-h231/1a2c201c-cd94-4d46-b088-94741092206a)
Suraphol Kruasuwan originally shared publicly - Jun 17, 2015


(https://lh3.googleusercontent.com/-nqQ73B4zdBk/VWB5zQ6FPII/AAAAAAABs-k/IYLj4jUPYwo/w346-h654/23%2B-%2B1)
 
"โอมมณีปัทเมฮุ้ม"
"เพชรมณี อันลอยอยู่เหนือดอกบัว"

1.เพชร เสมือน จิต แท้ จิตเดิม
จิตที่เป็นสัมมาสติโพธิปัญญา ที่ตื่นแล้ว
เห็น รู้ ในทุกสภาวะธรรม แต่ไม่เก็บอะไรไว้
สงบ สะอวาด สว่าง เย็น เป็นนิรันด์

2.ดอกบัว เสมือน จิตปรุงแต่ง
-เกิดจากโคลนตม
-เจริญผ่านน้ำ
-สัมผัสอากาศและแสงตะวัน
-เบ่งบาน อย่างอิสระ เสรี

จิตปรุงแต่ง เกิดจาก อวิชชา
(การคิด พูด ทำ ยึดติด ปรุงแต่งจิต เมื่อผัสสะโลก
เพราะขาด สติปัญญากำกับ)
เสพ อกุศลเป็นอาหาร

รู้จักกุศล
ละอกุศล เสพแต่กุศล
จึงเบิกบาน อิ่มในกุศลทุกขณะจิต
..............................................

จงหล่อเลี้ยง จิตปรุงแต่ด้วยกุศล
1.กายกุศล สาม
เว้นจากการทำลายชีวิตที่มีปราณ
เว้นจากการ ลักขโมย ฉ่อฉล โกง
เว้นจาก ประพฤติผิดในกาม

2.วจีกุศล สี่
เว้นจากการ พูดเท็จ
เว้นจากการ กล่าวคำหยาบคาย
เว้นจากการ พูดส่อเสียด
เว้นจากการ พูดเพ้อเจ้อ

3.มโนกรรมกุศล สาม
เว้นจาก ความโลภ ............อิจฉา บ้าอำนาจ ฉลาดโกง
เว้นจาก ความพยาบาท ......ย้ำคิด ย้ำแค้น มุ่งปองร้อยหมายขวัญ
มีสติปัญญาเห็นชอบ..........ใน คัลลองคลองธรรม ชีวิตที่สว่าง ยั่งยืน

คือ
เห็น สมมุติสัจจะ ธรรมสัจจะ ปรมัตถ์สัจจะ อิริยสัจจะ และเลือกทางสว่าง
เห็น กระแสโลก กระแสกรรม กระแสธรรม อันขับเคลื่อนทุกสังขาร
เห็นกระแส นิพพาน อัน พ้นจาก อำนาจทุกกระแส ทุกขณะจิต
.......................................

ผู้ใด เห็น เพชรมณี เหนือดอกบัวที่บานอย่างอิสระ ในใจตน
นับว่า เป็นผู้โชคดี หายาก ในโลก สาธุ
สวัสดี วันฝนฉ่ำฟ้า แต่หัวรุ่ง

(https://lh6.googleusercontent.com/-nx-M6UD_Q4M/VX9fnDfPkQI/AAAAAAACAp0/iqfrkeqRCEU/w346-h409-no/2015%2B-%2B1.jpg)
Suraphol Kruasuwan originally shared publicly - Jun 17, 2015
หัวข้อ: Re: มนุษย์แท้? :PULING的主頁
เริ่มหัวข้อโดย: ฐิตา ที่ มิถุนายน 19, 2015, 07:34:34 pm
(https://lh3.googleusercontent.com/-57H7WSJZomc/VXlhjk32ccI/AAAAAAAGUns/h5V3Ohci5II/w346-h230/d7705b93-6964-4bad-9f43-a79649d73baa)
 
....สู่อิสระภาพ.....
//-" เราเป็นสาวก พุทธเจ้า อย่ามัวแต่บ้าบุญ
เอาความรู้ธรรมะ มาดับ อารมณ์ทุกข์ในใจตน ให้ได้
ศีล สมาธิ ปัญญา เป็นไปเพื่อวิมุติ คือไม่ทุกข์ ไม่สุข แต่เย็น
ไม่ใช่เพื่อ อร่อยทางปัญญา บ้าน้ำลายไปวันๆ"(อ.พุทธทาส)
.................................................

คำสอนที่พระพุทธเจ้า สอนมากที่สุด ตลอดพระชนม์มายุ ของพระองค์
อนุปุพพีกถา
พระศาสดาตรัสเทศนาอนุปุพพีกถา คือถ้อยคำที่ กล่าวโดยลำดับ

1.พรรณนาทานการให้ก่อนแล้ว (คุณค่า สุขจากการแบ่งปัน)
2.พรรณนาศีลความรักษากายวาจาเรียบร้อยเป็นลำดับแห่งทาน(ขัดเกลาสันดานดิบ)
3.พรรณนาสวรรค์ คือกามคุณที่บุคคลใคร่ซึ่งจะพึงได้พึงถึงด้วยกรรมอันดี
คือทานและศีลเป็นลำดับแห่งศีล (สัคคะ สวรรค์บนดิน เพราะทำหน้าที่ที่ควรทำ)

4.พรรณนาโทษ คือความเป็นของไม่ยั่งยืน(กามฑีนพ)
เพราะ ทุกสิ่งที่ปรุงแต่ง ย่อมอยู่ในอำนาจ
ความเปลี่ยนแปลง ทนอยู่ในสภาพเดิมไม่ได้ ขึ้นอยู่กับ กฎเหตุ ปัจจัย ปรุงแต่ง
ไม่เป็นดังใจ ใครทั้งสิ้น
และประกอบด้วยความคับแค้นแห่งกาม
อันได้ชื่อว่าสวรรค์นั้น อันมีความ สมใจ สะใจ ภาคภูมิใจ หรรษา ปรุงแต่งอยู่

5.พรรณนาอานิสงส์แห่งความออกไปจากกาม (เนกขัมมะ)
เป็นลำดับแห่งโทษของกาม ฟอกจิตยสกุลบุตรให้ห่างไกลจากความยินดีในกาม
ควรรับพระธรรมเทศนาให้เกิดธรรมจักษุ
เหมือนผ้าที่ปราศจากมลทินควรรับน้ำย้อมได้ฉะนั้น

6.แล้วจึงทรงประกาศพระธรรมเทศนาที่พระองค์ยกขึ้นแสดงเอง
คืออริยสัจ ๔ อย่าง
1.คือทุกข์ ด้วยการกำหนดรู้ด้วยสติ
2.เหตุให้ทุกข์เกิด ด้วยการ ลด ละ เลิก เหตุนั้น ด้วยปัญญา
3.ผลของเหตุให้ทุกข์ดับที่ดับแล้ว ด้วยพบประสบการณ์ตรงด้วยตนเอง
4.และข้อปฏิบัติเป็นทางให้ถึงความดับ ต้องเพียร ฝึกฝนด้วยตนเอง

ใครติดการ.......................ทำทาน ก็เห็นว่า"ศีล สำคัญกว่า ทาน
ใครติดศีล........................ก็เห็นว่า การเจริญกุศล สำคัญกว่าศีล
ใครติดในกุศล...................ก็เห็นว่า การออกจาก ความติด ความพยาบาท เบียดเบียน(เนกขัมมะ)
ดีกว่า ทาน ศีล สัคคะ(สวรรค์)

ใครติด เนกขัมมะ................ก็เห็นว่า การปลุกสติตื่น เห็น อริยะสัจจะ
ที่เกิดขึ้น ใน กายตน สำคัญ และเร่งฝึกฝนตน
ด้วย...เวลา กรรม มัจจุราช ไม่เคยคอยใคร
บันใดมีให้ปีน สู่ ทางสว่างด้วยตนเอง สาธุ

(https://lh3.googleusercontent.com/-Dgis8JKgXrY/VX9732T8_SI/AAAAAAAAYiU/0jzB8Urxj8w/w346-h192/earth-guy.jpg)
Hug birds save earth originally Shared publicly  -  Jun 17, 2015


(https://lh3.googleusercontent.com/proxy/_0nI9KP-jM0qhE4KsjRxFxS4-cI_963DmD_lCvcyDKi6KeqtEdqSVaSLJRW360ANnYZZefNQ_UZU1AKLCaHk0EeAkIsOwKY5_JX6SpyPwoA6Xy9iY198C5Y6_2g=w446-h347)
 
ฟ้ามีสิ่งวิเศษสามสิ่ง
สุริยัน จันทรา ดารา
มีสิ่งวิเศษสามสิ่ง ในตัวเรา
จิ้ง ชี่ เสิ้น

1.พลังสติ
(เป็นพลัง ที่ควบคุม ร่างกาย จิตใจ ให้แข็งแรง)
2.พลังสมาธิ
(เป็นการรวม พลัง วิริยะ สติ สมาธิ จนเกิดเป็นพังมุ่งมั่น หนักแน่น ของจิต)
3.พลังปรีชาญาณแห่งการรู้แจ้ง
(เป็นพลังแห่ง สัมมาสติโพธิปัญญา ที่ปลุกให้ตื่น ชนะอุปาทานที่จิตปรุงแต่งสร้างขึ้น)

มาปลุกพลังทั้งสาม เกิดชีวาในชีวิตถาวรกันนะครับ
สุขภาพดี กาย จิต วิญญาณ ดีๆ เราเขียนบทและ เล่นเองได้ สาธุ
Wudang Five Animals Qi Gong (武当五行气功)

(https://lh3.googleusercontent.com/-dGq8OWDxvbU/VYNeUcBEbgI/AAAAAAACAyc/wnptAYW8wiY/w346-h261/3b.jpg)
Suraphol Kruasuwan originally shared to
Philosophy and healthy ปรัชญา และสุขภาพดี (การสนทนา): 19/6/2558 -  7:12 AM


***********
(https://i.pinimg.com/564x/22/70/2c/22702c58857dc1da263bd97505b31d40.jpg)
15.7.2017
https://plus.google.com/+SurapholKruasuwan (https://plus.google.com/+SurapholKruasuwan)

//-สวัสดี ยามเช้าๆ
ดูกระทู้อื่นๆ ก็ยังไม่ตอบนะ
เห็นผู้ชม สนใจ วันนี้เอา โลกนิติ คำโคลง
ที่หลานๆ เสาะหามา ฝากกันอิๆ
-------------------------------------------------------
ผลเดื่อเมื่อสุกไซร้.................. มีพรรณ
ภายนอกแดงดูฉัน ...................ชาดบ้าย
ภายในย่อมแมลงวัน................ หนอนบ่อน
ดุจดังคนใจร้าย .......................นอกนั้นดูงามฯ
-------------------------------------------------
คนมีมักเหี่ยวแห้ง .....................หวงแหน
กินอยู่สู้ขาดแคลน.................... พร่องท้อง
คนกากยากไร้แกน โกยกอบ .......กินแฮ
เป็นวิบัติขัดข้อง ........................คิดแล้วหลากเหลือฯ
--------------------------------------------------
ทําบุญบุญแต่งให้...................... เห็นผล
คือดั่งเงาตามตน .......................ติดแท้
ผู้ทําสิ่งอกุศล กรรมติด ...............ตามนา
ดุจจักรเกวียนเวียนแล้ ................ไล่ต้อนตีนโคฯ
---------------------------------------------------
ปลูกผักมักมากล้วน ....................หลากพันธ์
ชีหอมลอยหน้ามัน ......................มากแม้
ทุรชนทำงานกัน .........................ด้วยปาก
ห่อนตักชิ้นผักแท้ ........................ลิ้มรส โอษฐ์หวานฯ
----------------------------------------------------
นาคีมีพิษเพี้ยง ...........................สุริโย
เลี้อยบ่ทำเดโช ...........................แช่มช้า
ฤทธิ์น้อยหยิ่งโยโส.......................แมลงป่อง
ชูแต่หางเองอ้า ............................อวดอ้าง ฤทธีฯ
---------------------------------------------------
ก้านบัวบอกลึกตื้น ........................ชลธาร
มารยาทส่อสันดาน .......................ชาติเชื้อ
โฉดฉลาดเพราะคำขาน ..................ควรทราบ
หย่อมหญ้าเหี่ยวแห้งเรื้อ .................บอกร้าย แสลงดินฯ
------------------------------------------------
๏ ผจญคนมักโกรธด้วย ..............ไมตรี
ผจญหมู่ทรชนดี ........................ต่อตั้ง
ผจญคนจิตโลภมี .......................ทรัพย์เผื่อ แผ่นา
ผจญอสัตย์ให้ยั้ง .......................หยุดด้วยสัตยา๚ะ๛
------------------------------------------------------
หลีกเกวียนให้หลีกห้า ...................ศอกหมาย
ม้าหลีกสิบศอกกราย ....................อย่าใกล้
ช้างยี่สิบศอกคลาย ......................คลาคลาด
เห็นทุรชนหลีกให้ .........................ห่างพ้นลับตาฯ
-------------------------------------------------------
งาสารฤๅห่อนเหี้ยน ........................หดคืน
คำกล่าวสาธุชนยืน .........................อย่างนั้น
ทุรชนกล่าวคำฝืน ...........................คำเล่า
หัวเต่ายาวแล้วสั้น ...........................เล่ห์ลิ้นทรชนฯ
------------------------------------------------------
หอมกลิ่นดอกไม้ที่ ..............นับถือ
หอมแต่ตามลมฤา ................กลับย้อน
หอมแห่งกลิ่นกล่าวคือ ..........ศีลสัตย์ นี้นา
หอมสุดหอมสะท้อน .............ทั่วใกล้ ไกลถึงฯ
----------------------------------------------------------
เป็นคนคิดแล้วจึ่ง ..................เจรจา
อย่ามลนหลับตา ...................แต่ได้
เลือกสรรหมั่นปัญญา .............ตรองตรึก
สติริรอบให้.......................... ถูกแล้วจึงทำฯ
------------------------------------------------------------
ปลาร้าพันห่อด้วย ...................ใบคา
ใบก็เหม็นคาวปลา ...................คละคลุ้ง
คือคนหมู่ไปหา .......................คบเพื่อนพาลนา
ได้แต่รายร้าย*....................... ฟุ้ง เฟื่องให้เสียพงศ์ ฯ
-------------------------------------------------------------
เว้นวิจารย์ว่างเว้น .......................สดับฟัง
เว้นที่ถามอันยัง .........................ไป่รู้
เว้นเล่าลิขิตสัง- ..........................เกตว่าง เว้นนา
เว้นดั่งกล่าวว่าผู้ ..........................ปราชญ์ว่าฤามีฯ
------------------------------------------------------------
๏ โคควายวายชีพได้ ....................เขาหนัง
เป็นสิ่งเป็นอันยัง ..........................อยู่ไซร้
คนเด็ดดับสูญสัง ..........................ขารร่าง
เป็นชื่อเป็นเสียงได้ .......................แต่ร้ายกับดี๚ะ๛
--------------------------------------------------------
๏ สนิมเหล็กเกิดแต่เนื้อ ..................ในตน
กินกัดเนื้อเหล็กจน .........................กร่อนขร้ำ
บาปเกิดแก่ตนคน...........................เป็นบาป
บาปย่อมทำโทษซ้ำ .......................ใส่ผู้บาปเอง๚ะ๛
-----------------------------------------------------
อย่าโทษไทท้าวท่วย .......................เทวา
อย่าโทษสถานภูผา .........................ย่านกว้าง
อย่าดทษหมู่วงศา ...........................มิตรญาติ
โทษแต่กรรมเองสร้าง ......................ส่งให้เป็นเอง๚ะ๛
-------------------------------------------------------
๏ กาน้ำดำดิ่งด้น ..............................เอาปลา
กาบกคิดใคร่หา............................... เสพบ้าง
ลงดำส่ำมัจฉา ..................................ชลชาติ
สวะปะคอค้าง ................................ครึ่งน้ำจำตาย๚ะ๛
--------------------------------------------------
๏ เย็นเงาพฤกษ์มิ่งไม้ ........................สุขสบาย
เย็นญาติสุขสำราย.............................กว่าไม้
เย็นครูยิ่งพันฉาย ..............................กษัตริย์ยิ่ง ครูนา
เย็นร่วมพระเจ้าให้ .............................ร่มฟ้าดินบน๚
-------------------------------------------------------
//-คนโง่ไป่รู้.....................................คุณศีล
คนลวงร่ายเล่ห์ลิ้น..............................ลมลวงนั่น
คนถ่อยอ้างเอมโอษฐ์ถ้อย...................ธรรมถึกนา
คนบ้าแอบอ้าง...................................จำแลงธรรมฯ
---------------------------------------------------------
ครับ ใครอ่านแล้ว บ่เข้าใจบทไหน
เพราะบางบทเป็นสำนวนโบราญ นานเน อิๆ
ว่างจะมาช่วย แกะให้ เจริญในกุศลธรรม นะครับ เจี๊ยกๆ
--------------------------------------------------------