ใต้ร่มธรรม

คลายวิถีทุกข์ด้วยธรรมะ => ธรรมะเสวนา => ข้อความที่เริ่มโดย: ฐิตา ที่ พฤษภาคม 21, 2013, 09:01:38 pm

หัวข้อ: มันเป็นเช่นนี้...
เริ่มหัวข้อโดย: ฐิตา ที่ พฤษภาคม 21, 2013, 09:01:38 pm
(http://media-cache-ak0.pinimg.com/736x/9d/26/4a/9d264a41d47961a32b4d7fd09e224650.jpg)

ถ้าไม่ใช้สติปัญญา ปรุงแต่งอะไรเลย เป็นฝั่งโน้น(นิพพาน)อยู่แล้ว
จะถามถึงบรรลุ หรือไม่บรรลุอะไรอีกเล่า??
มันเป็นเช่นนี้.....
...โดยความคิดอะไรบางอย่าง เธอย่อมสร้างความมีอยู่ของ"ตน"ขึ้นมา
คิดถึงความมี...เธอก็สร้างความ"มี"ของเธอขึ้นมา
คิดถึงความไม่มี...เธอก็สร้างความไม่มี ของเธอขึ้นมา
จงให้ความคิดผิดๆเช่นนี้สูญสิ้นอย่างเด็ดขาด ก็ไม่มี"อะไร" ให้แสวงหาอีก
.........ไม่มีอะไรบรรลุถึงอะไร ...


(http://media-cache-ak0.pinimg.com/236x/77/97/02/779702d081ab0c80b48f44ba419231d3.jpg)

พระพุทธเจ้าตรัสว่า"ใครบางคนอาจโยนคบไฟทิ้งลงแม่น้ำได้
และมันยังลุกเป็นไฟจนกว่าร่วงสู่แม่น้ำ
แต่เมื่อลงสู่แม่น้ำ ไฟทั้งหมดจะดับลง เพราะแม่น้ำดับความร้อนของมัน
ตถาคตนั้นได้กลายเป็นแม่น้ำแล้ว หากท่านโยนคำหยาบหยามใส่ตถาคต
มันยังเป็นไฟขณะท่านโยนมา แต่ขณะที่ถึงตถาคต
ด้วยความเย็นของตถาคต ไฟจะดับลงและทำร้ายใครไม่ได้อีก
หากท่านโยนหนามแหลมลงมา มันจะร่วงสู่ความเงียบสงบของตถาคต
แล้วกลายเป็นดอกไม้ที่งดงาม
การกระทำตถาคตมาจากธรรมชาติเดิมแท้ภายในเท่านั้น


(http://media-cache-ak0.pinimg.com/736x/30/4f/b2/304fb29a447267979712e8e9c0000e76.jpg)

ก็เมื่อ"จิต"ไม่มีเสียแล้ว
สภาวะนิพพาน จะปรากฏต่อสิ่งใด


(http://media-cache-ak0.pinimg.com/236x/7c/eb/02/7ceb02133bb2fd12245c0ecd0a3902bd.jpg)

ความคิดดุจมายา ความคิดวิ่งตามความคิด
ดุจระลอกคลื่นไม่รู้จบ ถ้าไม่รู้สึกตัว..
ว่ากำลังคิด จะพบแสงแห่งสัจจะธรรมได้เช่นไร


(http://media-cache-ec0.pinimg.com/736x/e4/5e/e9/e45ee9a8d9358e91dbb3d3f692e6e69b.jpg)

ธรรมะเป็นเพียงแค่กระจกส่องให้เธอเห็นตัวเธอเอง ให้เข้าใจตัวเธอเอง
เมื่อเข้าใจแล้วเธอก็จะพ้นไปจากตัวเธอเอง และอย่าลืมทุบกระจกทิ้งให้ละเอียดเสียด้วย


(http://media-cache-ak0.pinimg.com/736x/1f/1b/a6/1f1ba66a9dedc1cb26ce9e856baab6fc.jpg)

เธอเคยสังเกตไหมว่า อะไรที่ครอบงำเธออยู่
ลองสังเกตความรู้สึกนึกคิดของเธอดูซิ
ว่าเธอสามารถคิดจากสิ่งที่เธอไม่รู้ได้ไหม ?


(http://media-cache-ak0.pinimg.com/736x/07/4c/c9/074cc98e1f72afa38048fef214b58e83.jpg)

นิพพาน คือ อิสรภาพ
ท่านอาจารย์พุทธทาส กล่าวว่า...บุญกุศลนั้น เป็นเพียงเรื่องโลกๆ
"พระอรหันต์นั้น ท่านไม่ทำบุญอุทิศ ส่วนกุศลให้ใครแล้ว"
เพราะจิตท่าน หลุดพ้นจากสมมุติบัญญัติ หมดความหมายมั่น ยึดมั่น
ในตัวตน สัตว์ บุคคล เรา เขา อย่างเด็ดขาดแล้ว
ย่อมไม่มาปรุงแต่งในพิธีกรรม รูปแบบอีก
ลองตรองดูเถิด ชีวิตที่ไม่ตกอยู่ในข้อวัตร ปฎิบัติใดๆหมด จะอิสระ สักเพียงใด


(http://media-cache-ec0.pinimg.com/236x/b2/7f/33/b27f33298eeec9650d91d6d5c176acfe.jpg)

สัจจะธรรม คือ ที่นี่ เดี๋ยวนี้ และเคลื่อนไปกับเธอตลอด จึงไร้กาล ...
แต่เธอคือ ความคิด ความจำ ความรู้สึก ที่ปรุงแต่งอยู่ตลอดเวลา จึงโดนมายาบดบัง


(http://media-cache-ec0.pinimg.com/236x/63/db/f8/63dbf855b5f2eafc0308512d498290a5.jpg)

ฉันและเธออีกทั้งทุกสรรพสิ่ง มีหรือไม่มีอยู่จริงหรือ
หรือว่ามันเป็นเพียง ตัวอักษร
ถ้อยคำ ภาพมายา ความหมาย ยามที่เธอรู้สึกนึกคิดเอา


(http://media-cache-ec0.pinimg.com/736x/62/b3/90/62b390c294accc6fff79381d2ffeece1.jpg)

ทุกเรื่องของพิธีกรรม ความเชื่อ ความศรัทธา ล้วนถูกประดิษฐ์
สร้างสรรค์มาจากความคิดของมนุษย์
พิธีกรรมก็ยังมีผู้กระทำสิ่งที่ถูกกระทำ ความเชื่อความศรัทธาก็มีผู้เชื่อผู้ศรัทธา
และสิ่งที่ถูกเชื่อถูกศรัทธา จึงมิใช่สัจจะธรรม


(http://media-cache-ak0.pinimg.com/736x/76/10/6d/76106dfe57bdb427b5203f4e5a8319c4.jpg)

แต่สิ่งที่พระพุทธะทรงตรัสรู้นั้น ข้ามพ้นสิ่งเหล่านี้ไปสิ้น
พ้นทวิภาวะ ไร้ทั้งชื่อ ไร้ทั้งภาษา
ไร้ทั้งความหมาย ไร้ทั้งกาล ไร้ทั้งผู้กระทำและสิ่งที่ถูกกระทำ

พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า มีสิ่งใดบ้าง ที่เข้าไปกอดรัดแล้วไม่ให้โทษ!!!
พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า มีสิ่งใดบ้าง ที่เข้าไปกอดรัดแล้วไม่ให้โทษ!!!
รู้จัก is am are. ป่ะ???
แปลว่า เป็น อยู่ คือ
เมื่อใด.....ไม่เป็น ไม่ดำรงอยู่ ไม่ใช่ ในทุกสรรพสิ่ง
นั่นแหละ"ที่สุดแห่งทุกข์"

(http://media-cache-ak0.pinimg.com/236x/84/ca/14/84ca14b46010da4fd90ac4f5ee53a905.jpg)
หัวข้อ: Re: มันเป็นเช่นนี้...
เริ่มหัวข้อโดย: ฐิตา ที่ พฤษภาคม 21, 2013, 10:04:58 pm
(https://s-media-cache-ak0.pinimg.com/736x/b8/58/8e/b8588eb659343d97413342b1b4c6d376.jpg)

เรียนรู้มาแค่ไหน.....ก็ไม่สำคัญ!!!!
วันหนึ่ง ฮาซันไปหาราบิยา เขาเพิ่งเรียนรู้วิธีเดินบนน้ำ เขาจึงบอกกับราบิยาว่า
“เราไปเดินบนน้ำกัน จะได้สนทนาธรรมกันไปด้วย”
การสนทนาธรรมเป็นเพียงข้ออ้าง เขาอยากจะอวดราบิยาว่าเขาสามารถเดินบนน้ำได้
ราบิยากล่าวว่า
“บนน้ำหรือ ฉันไม่สนใจเท่าไหร่หรอก เราไปเดินบนเมฆกันดีกว่า!
เราจะได้นั่งบนก้อนเมฆแล้วสนทนาธรรมกัน”
ฮาซันกล่าวว่า
“แต่ฉันไม่รู้วิธีไปนั่งบนก้อนเมฆนี่”
ราบิยากล่าวว่า
“ฉันก็ไม่รู้! แต่จะสำคัญอะไรเล่า ทำไมเราถึงไม่สนทนาธรรมกันเสียที่นี่
ทำไมต้องไปเดินบนน้ำหรือบนก้อนเมฆด้วย”


(https://s-media-cache-ak0.pinimg.com/564x/8a/16/28/8a16280e6150edd543f96a99b933077e.jpg)

สุญญตาทาน คือทานที่ไม่มีผู้รับ ทำให้ไม่ต้องเวียนว่ายในสังสารวัฏ
สละมานะ......ทิฐิ
สละอัตตา.... ตัวกู ของกู
สละแม้ความกระหายใน...พระนิพพาน
ทำได้ข้อนี้ ก็ไม่ต้องไปสนใจ ศีล สมาธิ ปัญญา
เพราะมันพร้อมหมดแล้วใน"สุญญตาทาน"นี้


(https://s-media-cache-ak0.pinimg.com/236x/9a/cc/2e/9acc2e5c6b1418f512e76c3bdcbde999.jpg)

เธออยู่ด้วยสิ่งที่เธอรู้ แต่อย่าได้ยอมรับหรือปฏิเสธว่า
มันจะต้องเป็นหรือไม่เป็นไปตามนั้น ...
และเพื่อ “อิสรภาพ” อย่าลืมปลดปล่อยสิ่งที่เธอรู้ทิ้งเสียให้หมดด้วย


(https://lh4.googleusercontent.com/-mFy9mDba4io/UaAeJfis76I/AAAAAAABtPI/HB4uns5ay2o/w500-h332-no/lotus.gif)

“คำสอนทั้งหมดของพระพุทธเจ้า สามารถย่อลงเหลือเพียงคำๆเดียว
คำนั้นคืออิสรภาพ นั่นคือคำสอนพื้นฐานของพระองค์
เป็นความหอมในแบบของพระองค์โดยแท้ ไม่มีใครอีกที่ยกอิสรภาพ
ขึ้นสูงส่งเช่นนี้ นี่คือคุณค่าเชิงปรมัตถ์ในมุมมองของพระพุทธเจ้า
เป็นความดีสูงสุดหรือซัมมัม โบนัม ไม่มีอะไรสูงกว่านี้”

สิ่งที่โอโชพูดคือข้อเท็จจริงฟังขึ้น เพราะสิ่งที่พระพุทธเจ้าสอน
คืออิสรภาพจริงๆเพียงแต่อาจจะมีคำเรียกที่หลากหลายว่า
นิพพาน วิมุติ นิโรธ เป็นต้น แต่โดยสรุปแล้วก็คือความเป็นอิสรหลุดพ้นจากทุกข์นั่นเอง
(คุรุวิพากษ์คุรุ..โอโช หน้า 58)


(https://s-media-cache-ak0.pinimg.com/736x/58/02/4f/58024fef70a444ca65252e7de18a7437.jpg)

ความดี...ก็แหลกเหลว...หลอกลวง
ความชั่ว..ก็แหลกเหลว.....หลอกลวง
สุดท้ายก็"สร้างกรง"แห่งความดีและความชั่วขังตัวเอง
มันกดหน่วงจิตใจเท่ากัน แม้ในรูปแบบที่ต่างกัน
พ้นไปจากโลกิยธรรมนี้แล้ว จิตก็ไม่ต้องแบกของหนักอีกต่อไป


(https://lh6.googleusercontent.com/-viwmU-H64-M/UaBo7qHk_PI/AAAAAAAAEY8/oHKFHeEAk5k/w600-h433-no/floating+on+the+sea.jpg)

ความ โลภ โกรธ หลง บางที่มันก็มาเหนือเมฆ
เมื่อใดพระอริยะเกิด มานะ ทะยาน อยาก ก็เกิดอุปทานขึ้น

พึงอย่าได้ประมาทสร้างความยึดติดตัวตนขึ้นมาอีก ละเสีย
ช่างมัน ทุกอย่างเป็นตถาตา
เป็นเช่นนั้น เป็นอยู่แล้ว อย่าไปยึดติดว่าตัวเป็นอะไรอีก


(https://s-media-cache-ak0.pinimg.com/736x/fa/29/60/fa2960ba0aa84a32a3984564bc913627.jpg)

ค้นหาความสงบ กลับโดนความคิดหลอก
เฝ้าดูความคิดและเข้าใจมัน กลับพบความสงบที่แท้จริง


(https://s-media-cache-ak0.pinimg.com/564x/d9/08/e7/d908e77a2bb68c2f532f0d737cb62193.jpg)

ศาสนาที่แท้จริงนั้น มิใช่เรื่องของการเอารางวัลมาหลอกล่อ
เอาสวรรค์มาชักจูง เอานรกมาขู่ให้กลัว แต่คือการทำให้มนุษย์สามารถเข้าใจในตนเอง
ประจักษ์แจ้งในตนเอง และประจักษ์แจ้งในความสัมพันธ์ระหว่างตนเองและผู้อื่น
เมื่อนั้นสันติภาพและความรักในสังคมจึงจะเกิดขึ้นได้


(https://s-media-cache-ak0.pinimg.com/236x/02/c4/cb/02c4cbf75e11f043cea2a6623276b278.jpg)

มาจากธรรมชาติ...ก็ดับไปกับธรรมชาติ
อย่าพยายาม สร้างสิ่งที่มันเป็นอนัตตาอยู่แล้ว ให้เป็นตัวตน ขึ้นมา
แค่กระแสปรุงแต่งแห่งธรรมชาติ ไหลเคลื่อนไปขณะต่อขณะ
ไม่มีตัวตน สัตว์ เรา เขา บุคคล ใดๆทั้งสิ้น
รู้จักต้นกำเนิดแห่งการเกิด-ดับ ก็จะเข้าใจ ว่าไม่มีอะไรพิเศษกว่าอะไร
ทุกสรรพสิ่งคือสิ่งเดียวกัน....."ธรรมชาติล้วนๆ"


(https://lh6.googleusercontent.com/-PYVO0kI4GN0/UZ813wstC0I/AAAAAAAArI0/-tyFrLl8yMs/w602-h427-no/1461507-1152x864-%255BDesktopNexus.com%255D.jpg)

มีกู...มีกรรม มีวิบากกรรม มีชาตินี้ มีชาติหน้า
หมดกู..หมดกรรม หมดวิบากกรรม หมดชาตินี้ หมดชาติหน้า
เชื่อเหอะ...ทำลายตัวตนเสีย
เจ้ากรรมนายเวร อวิชชา ภพ ชาติ ก็ถูกทำลาย หมดสิ้น


(https://s-media-cache-ak0.pinimg.com/736x/11/ed/55/11ed55f31e1f46f5c2a37f24d0b43b97.jpg)
>>> F/B สู่นิพพานและอิสรภาพด้วยปัญญา

หัวข้อ: Re: มันเป็นเช่นนี้...
เริ่มหัวข้อโดย: ฐิตา ที่ พฤษภาคม 25, 2013, 06:26:25 pm
(https://lh4.googleusercontent.com/-SO_BnnvfIvk/UZ7XCeKMkAI/AAAAAAABs7M/lBeQAICsR0Q/w646-h432-p-o/4Robert+Frost.jpg)

กระแสแห่งความคิด ก็คือกระแสแห่งนิพพานนั่นแหล่ะ
ขอเพียงเธอเข้าใจมัน ...
กระโดดลงมาเลย อย่าได้หวั่นเกรงใดๆ


(https://s-media-cache-ak0.pinimg.com/736x/22/bb/ce/22bbce3ca7cc63158e5f41813d6c92bc.jpg)

พุทธศาสนานั้น เป็นศาสนาแห่งเหตุและผล พระพุทธองค์ทรงค้นพบสิ่งประเสริฐสุด
แม้วิทยาศาสตร์ ก็ยอมรับพระปัญญาญานของพระองค์
ลองศึกษา อิทัปปัจจยตา "เพราะมีสิ่งนี้ๆเป็นปัจจัย สิ่งนี้ๆจึงเกิดขึ้น"
ความงมงาย จะสูญสิ้นไป เพราะไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาลอยๆ


(https://lh6.googleusercontent.com/-IIYtYSg57d4/USAfHQzo0hI/AAAAAAAAHbA/zQniddO1eLc/w506-h337-o/431482_188332934609900_2059727962_n.jpg)

สัมมาทิฐินั้น ทำลายสิ้นแม้ภูตผีปีศาจ
เรา..ยังเป็นสักว่า..

(https://lh4.googleusercontent.com/-20BjYmMTS58/UaBKxDwfXxI/AAAAAAAAa9I/VJzEM03gqWg/w420-h384-no/24.05.13+-+1)

.. ธาตุ
ตามธรรมชาติ ที่ปรุงแต่งกัน
อนัตตา ไม่มีตัวตน
แล้ว"ผี"จะมามีตัวตนได้อย่างไร....


(https://lh3.googleusercontent.com/-JOeN2vIaYuk/UaBzkpEbeZI/AAAAAAACLEo/Sf0k0VUN18Q/w502-h328-no/12339801.jpg)

จะโปรดสัตว์ ก็ให้วางใจ
ไม่หลงจริงจังในหน้าที่
โปรดแบบทิ้งๆ คลายๆ
ไม่เป็นตัณหาไปซะเอง
เพราะเวลาจริงจัง
สรรพสัตว์เขาก็ดูออกว่า
คนนี้ยึดในการบอกสอน
ยึดกว่ากูอีก จะมาสอนกูได้ยังไง


(https://lh4.googleusercontent.com/-CaJ3cipZgt0/UoO819TNtWI/AAAAAAABdf0/ljzeJnD0wlQ/w533-h358/120227073940325820.gif)

ความดี...ก็แหลกเหลว...หลอกลวง
ความชั่ว..ก็แหลกเหลว.....หลอกลวง
สุดท้ายก็"สร้างกรง"แห่งความดีและความชั่วขังตัวเอง
มันกดหน่วงจิตใจเท่ากัน แม้ในรูปแบบที่ต่างกัน
พ้นไปจากโลกิยธรรมนี้แล้ว จิตก็ไม่ต้องแบกของหนักอีกต่อไป


(https://s-media-cache-ak0.pinimg.com/736x/71/4e/2c/714e2c83e3e312431182b8cdf333489b.jpg)

พระโพธิธารา(ตั๊กม้อ)เดินทางจากอินเดียมาจีน ในสภาพที่ดูเหมือนขอทาน
แม้รองเท้าก็ไม่มีใส่ เหล่าพระสงฆ์จีนก็สงสัยว่าท่านเรียนรู้ธรรมะ
อะไรบ้างจากอินเดีย จึงถูกเหล่าพระสงฆ์ถามว่า “ท่านพระสงฆ์จากชมพูทวีป
ท่านรู้หรือไม่ว่าตายไปแล้วเจอ นรก สวรรค์ นิพพานจริงหรือไม่”
พระโพธิธารากล่าวว่า “ข้าไม่รู้”

พระสงฆ์ทั้งงง ทั้งเย้ยเยาะ “บวชมาได้อย่างไรไม่รู้จักนรก สวรรค์ นิพพาน
ที่อินเดียเขาศึกษาธรรมอะไรกันบ้าง
สงสัยจะไม่มีข้าวกินเลยพเนจรขอทานมาอยู่ที่นี้ใช่ไหม!?”

(https://s-media-cache-ak0.pinimg.com/236x/6d/94/53/6d9453a8549df154b76cc1cba888b4d7.jpg)
พระโพธิธารากล่าวว่า
“…………………ที่ข้าไม่รู้เพราะข้ายังไม่ตาย!”


(https://s-media-cache-ak0.pinimg.com/736x/66/3b/74/663b74bd1defe8a25390b27b43139092.jpg)

คนโง่คนปุถุชนธรรมดา ก็จะต้องมีความรู้สึกว่า มีศาสนานั้นศาสนานี้
แล้วไม่เหมือนกันก็เป็นปฏิปักษ์กัน เช่นมีศาสนาคริสต์ มีอิสลาม มีพุทธ ฯลฯ
คำพูดอย่างนี้เรียกว่าคนพูด พูดตามความรู้สึกของคน
มันก็มีศาสนาที่เป็นข้าศึกของกันและกัน ถ้าผู้ที่รู้ธรรมเข้าถึงเนื้อธรรมของศาสนานั้นแล้ว
ก็จะรู้สึกว่าเหมือนกัน แม้จะพูดว่า มีศาสนาคริสต์ มีอิสลาม มีพุทธ ฯลฯ
ก็จะพูดว่า ข้างในมันก็เหมือนกัน
ถ้ารู้ธรรมยิ่งขึ้นอีกจนถึงขั้นสูงสุด ก็จะรู้สึกว่า ไม่มีสิ่งที่เรียกว่าศาสนาเลย

ไม่มีศาสนาคริสต์ ไม่มีอิสลาม ไม่มีพุทธ ฯลฯ มันจะมีเหมือนกันหรือขัดกันอย่างไรได้
มันก็มีไม่ได้ ฉะนั้น คำพูดที่พูดว่า “ ไม่มีศาสนาเลยนั้นแหล่ะ คือภาษาธรรมขั้นสูงสุด “


(https://s-media-cache-ak0.pinimg.com/736x/8f/d3/c4/8fd3c4ea65fa83f372537a5c98a528aa.jpg)

มีพระองค์เดียวแขวนคอ ป้องกันได้ทุกเรื่อง ทุกเหตุการณ์ คลาดแคล้วปลอดภัยหมด
"พระตถตา"ทุกสิ่งเป็นเช่นนั้นเอง
พระพุทธเจ้าทรงแทนพระองค์เอง ว่า ตถาคต แปลว่าผู้ถึงแล้วซึ่ง ตถตา!!!


(https://s-media-cache-ak0.pinimg.com/736x/5e/77/1e/5e771e564176ffb149e38163cc264647.jpg)

คุณคิดว่าพระอรหันต์ยังต้องพึ่งพิงสิ่งใดอยู่หรือ
ปุถุชนนั้น..ยังวนเวียนอยู่ในการเกิด แก่ เจ็บ ตาย
ย่อมมีความสะดุ้งกลัว และขวนขวาย
หาที่ยึดเกาะ แต่พระอรหันต์นั้น ท่านก้าวผ่าน การเกิด แก่ เจ็บ ตาย แล้ว
พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ก็รวมมาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับท่าน
อยู่ในใจท่านทุกอิริยาบถ ในฐานะ สิ่งประเสริฐของโลก
ภูตผี เทวดา พรหม เทพหรือ"สิ่งศักดิ์สิทธิ"อันใดก็ไม่ใช่สิ่งยึดเกาะ
พระอรหันต์นั้น...ท่านไม่พึ่งพิงสิ่งใด นอกจากเป็นที่พึ่งให้ผู้อื่นเสียเอง!!!

(https://s-media-cache-ak0.pinimg.com/736x/da/2b/55/da2b550e56695c0eff52c9f455f45064.jpg)

ไม่มีหนทางสู่สัจจะ สัจจะเป็นดินแดนที่ไร้หนทาง สัจจะไม่ได้อยู่ในวัด ในโบสถ์ ในวิหารอันโอฬาร ไม่ได้อยู่ในรูปเคารพอันศักดิ์สิทธิ์ ไม่ได้อยู่ในคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์เล่มใด ๆ ไม่ได้อยู่ที่คุรุท่านไหน เธอต้องจารึกออกไปแล้วค้นหาด้วยตัวเธอเอง

“ การมีชีวิตอยู่เป็นปัจจุบันขณะเสมอ “ แต่เพราะว่าภายในส่วนลึกของเธอขลาดกลัว พร่อง เธอจึงต้องพึ่งอะไรบางอย่าง พึ่งพิงความเชื่อ นักบวช พิธีกรรม หรืออะไรต่ออะไร แต่หากเธอไม่สืบสวนให้กระจ่างชัด เธอย่อมติดกับดักและถูกจับตัวไว้ในสิ่งเหล่านี้

เธอจะต้องเป็นแสงสว่างของตัวเอง แสงสว่างนี้เองคือกฎเกณฑ์ ไม่มีกฎอื่นใดนอกเหนือไปจากนี้ เพราะเหตุที่กฎอื่น ๆ ล้วนถูกสร้างขึ้นมาจากความคิด มันจึงเพียงเป็นเศษเสี้ยวที่ไม่สมบูรณ์ และขัดแย้งกันเอง

การเป็นแสงสว่างของตนเองนั้นหมายถึง การไม่อิงอาศัยแสงสว่างของผู้อื่น ไม่ว่าจะดูมีเหตุผลเพียงใด มีข้อมูลทางประวัติศาสตร์หรือน่าเชื่อถือเพียงใด เธอจะไม่สามารถเป็นแสงสว่างของตนเองได้เลย ถ้าเธอยังตกอยู่ในเงามืดของอำนาจ ของทฤษฎีและข้อสรุป

(https://s-media-cache-ak0.pinimg.com/736x/1d/62/86/1d62863a2ff4a96cdecbae1ec36417c8.jpg)


Credit by  >>> F/B สู่นิพพานและอิสรภาพด้วยปัญญา
นำมาแบ่งปันโดย >>> F/B ธรรมดีที่น่าทำ >> Isara Tong


(https://lh4.googleusercontent.com/-u-xAX-NH8ow/UaADCWgy_4I/AAAAAAAAlUQ/hMXQdbisa7c/w506-h380-o/photo.jpg)
หัวข้อ: Re: มันเป็นเช่นนี้...
เริ่มหัวข้อโดย: ฐิตา ที่ พฤษภาคม 25, 2013, 09:52:37 pm

(https://lh6.googleusercontent.com/-NUL5KyIpYgI/UTBT1_K2jcI/AAAAAAAAr-c/9w-2kl37_Io/w497-h373/Z7FpC.gif)

เธอคือสิ่งใด ถ้ามิใช่ความรู้สึกนึกคิดต่าง ๆ มากมาย
ที่เกิดสืบต่อกันไปไม่ขาดสาย จากความทรงจำทั้งหลายที่สั่งสมไว้
แล้วก็ให้ค่าให้ความหมายต่าง ๆ ขึ้นมา ในความเป็นทวิภาวะ


(https://lh6.googleusercontent.com/-u0mH9beLI6k/VKFPY50xLTI/AAAAAAAAoXU/a4tAGpcz1Ag/w346-h224/1.jpg)

มนุษย์ กลัวความตาย เพราะต้องการ...การดำรงอยู่
"ฉัน"ผู้อยู่มานาน มีครอบครัว ลูกหลาน ไปทำงานวันแล้ววันเล่า
ทะเลาะวิวาท สุขในเพศรส สมบัติ หน้าที่ เกียรติยศ ชื่อเสียง
ที่สร้างสมมากมายให้ยังห่วง หวง
เรารู้ว่าเราต้องตาย แต่เราต้องการ"ความสืบเนื่อง"


(http://media-cache-ec0.pinimg.com/236x/71/78/94/71789438adf330ff5a99dd0d754154f2.jpg)

ด้วยเหตุนี้ เราจึงมีความเชื่อ มีความศรัทธาการกลับชาติมาเกิด
การเวียนว่ายและการดำรงอยู่ของชีวิตในรูปแบบใดแบบหนึ่งหลังความตาย
แต่ไม่มีผู้ใดเลยที่สนใจว่า"อะไร"เป็นต้นเหตุแห่งการสืบเนื่อง!!!
แน่นอน...ความสืบเนื่องนี้มาจากความคิดแห่งการเป็น"ตัวตน"ของคุณ


(http://www.myfirstbrain.com/thaidata/image.asp?ID=128184)

พิธีกรรม...ไม่ใช่ศาสนาแน่นอน
เพราะว่า...ในการกระทำพิธีกรรมต่าง ๆ
เธอเพียงแต่ทำซ้ำในสูตรเก่า ๆ
ซึ่งถ่ายทอดมาถึงเธอ

หากเธอได้ทำพิธีกรรมต่าง ๆ
โดยไม่รู้ถึงสาระของมันเลย
พ่อของเธอ
ปู่ของเธอ...ได้ทำอย่างนั้น

ดังนั้น...เธอก็ทำตาม
และหากเธอไม่ทำ
พวกเขาก็จะตำหนิติเตียนเธอ
นี่...ย่อมไม่ใช่ศาสนามิใช่หรือ

การบูชา...รูปปั้นแกะสลักในวัด
ก็มิใช่...ศาสนา
รูปปั้นอาจจะเป็นสัญลักษณ์
แต่มันก็เป็นเพียง...แค่รูปปั้น
มันไม่ใช่สิ่งที่แท้
มันเป็นตัวแทนของ
ความจริงเท่านั้น...

แต่...ก็มีผู้คนที่ทะเลาะเบาะแว้ง
ต่อสู้ เข่นฆ่ากัน...
เพื่อ...สัญลักษณ์เหล่านั้น

ทั้ง ๆ ที่... พระเจ้าไม่ได้อยู่ที่นี่เลย
พระเจ้าจะไม่อยู่ในสัญลักษณ์ใด ๆ ทั้งสิ้น

ดังนั้น...การแสดงความคารวะบูชา
ต่อสัญลักษณ์ต่าง ๆ หรือ รูปปั้นต่าง ๆ
จึง..ไม่ใช่...ศาสนา...

กฤษณะมูรติ...


(http://media-cache-ec0.pinimg.com/736x/e2/4b/9e/e24b9ed3943aa0a0d2303d067edb0bce.jpg)

....คำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นเพียงพ่วงแพ ซึ่งช่วยให้เธอข้ามลำน้ำ
หรือเป็นเพียงนิ้วที่ชี้ไปยังดวงจันทร์
จงอย่าเข้าใจผิดว่านิ้วชี้เป็นดวงจันทร์ พ่วงแพก็มิใช่ฝั่ง หากเรายึดติดกับนิ้วมือ
เราจะสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่าง เราไม่ควรฆ่าฟันกันและกัน
ในนามของนิ้วมือและพ่วงแพ ชีวิตของมนุษย์ย่อมมีค่ามากกว่า
อุดมการณ์และลัทธิใด ๆ ทั้งสิ้น.....ท่าน...ติช นัท ฮันท์....

โดย: ติช นัท ฮันห์


(https://lh6.googleusercontent.com/-rpt3b2_Tbvg/UaA7FyJO9qI/AAAAAAAAa58/Gzww4uus14E/w506-h658-o/photo.jpg)

ควบคุม"ผัสสะ"ได้ ก็ควบคุมโลกได้
แค่สักแต่ว่า ในทุกการกระทบของ ตา หู จมูก ลิ้น กายใจ
"ตัวกู"โผล่มาเป็น คราวๆเมื่อเกิด ผัสสะ แล้วปรุงต่อจนเกิดตัณหา
ไม่มีตัวกู ก็ไม่มีโลก ....แค่นั้นเอง
ดังคำกล่าว พระพุทธองค์ที่ว่า "โลก ความดับสนิท ของโลก
และหนทาง แห่งความดับสนิท
ตถาคตกล่าวว่าอยู่ใน กายยาววา หนา คืบนี้"
..
..
เธอจงจาริกไป.....
เพื่อประกาศพรหมจรรย์ ....
ให้งดงามในเบื้องต้น งดงามในท่ามกลาง
และงดงามในเบื้องปลาย


(https://lh5.googleusercontent.com/-2G7aT8jItXQ/VLR0JJM16sI/AAAAAAABMPs/l5CAwBxt5aw/w579-h553-no/Nova%2BImagem%2Bde%2BBitmap%2B%2811%29.bmp)

เธอถูกจับไว้
ด้วย
ตาข่ายของความคิด


(https://lh5.googleusercontent.com/-XAF-B--hIbQ/VLSzLBuXU7I/AAAAAAAAB2g/hSozkSkF5-w/w601-h368-no/DSC_5773.jpg)

“ ถ้อยคำความหมาย “ จำเป็นเพื่อการสื่อสาร
เพื่อความเข้าใจ
แต่มันไม่ใช่สิ่งนั้น..
แต่ถ้าเธอ...
.. ไม่สามารถทะลุผ่านมันไป
เธอจะถูกจับไว้และติดกับดักของมัน


(https://lh4.googleusercontent.com/-2-EYLkXxv-8/VLUS-MQqNvI/AAAAAAAApzQ/6oY7-p8LlT8/w346-h247/000JF.jpg)

พวกเราส่วนมาก มีชีวิตอยู่ในกรงขังของอิทธิพล อิทธิพลเป็นซึ่งที่สลับซับซ้อน ไม่เพียงอิทธิพลของสังคม ของจารีต แต่รวมถึงอิทธิพลของ คัมภีร์ ของนักบวช ของโบสถ์ ของวัด และแม้ว่าคุณจะปฏิเสธอิทธิพลทั้งหมดนั้นแล้ว ก็ยังมีอิทธิพลของประสบการณ์ของคุณเองด้วย

แต่ชีวิตเป็นกระบวนการของสิ่งท้าทายและสนองตอบ การสนองตอบต่อสิ่งท้าทายของคุณคือประสบการณ์ แต่ประสบการณ์ของคุณถูกบงการด้วยอิทธิพล ดังนั้น ประสบการณ์ก็ยิ่งเพิ่มพลังให้แก่อิทธิพลที่ครอบงำอยู่แล้วมากขึ้น

จะต้องมีการปฏิวัติภายในอย่างสมบูรณ์ เกิดการเปลี่ยนแปลงใหม่อย่างสมบูรณ์สิ้นเชิงในความคิดคุณ ในชีวิตทั้งหมดของคุณ เพราะการอ้างอิงอยู่กับอิทธิพล ไม่ว่าเมื่อไร จะทำลายความสามารถที่จะค้นหาว่า สัจจะคืออะไร

(https://s-media-cache-ak0.pinimg.com/originals/d8/c0/5c/d8c05cfdd56974db070eda954e63d485.jpg)


Credit by  >>> F/B สู่นิพพานและอิสรภาพด้วยปัญญา >> Devilgirl Suratthani
นำมาแบ่งปันโดย >>> F/B ธรรมดีที่น่าทำ >> Isara Tong
หัวข้อ: Re: มันเป็นเช่นนี้...
เริ่มหัวข้อโดย: ฐิตา ที่ พฤษภาคม 26, 2013, 03:26:59 pm
(https://lh5.googleusercontent.com/-6ZFUXdVsv5M/UaDSPiW7H4I/AAAAAAAAEZk/bCqDvHoNgj8/w701-h365-no/%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%2594%25E0%25B9%2587%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%258A%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A2%25E0%25B8%2595%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%25AD%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%2597%25E0%25B8%25B5%25E0%25B8%25A2%25E0%25B8%2599.jpg)

คนโน้นพอ.. คนนี้พอ..
..เมื่อต่างถึง..ซึ่งความพอ ..
..ก็ไม่เหลือใคร .. ให้ทุ่มเถียงกัน ..
(https://s-media-cache-ak0.pinimg.com/originals/3f/57/92/3f5792a17fa9272f55387b854559136f.jpg)

จักอาศัยโลกเพียง...กาย
แต่ใจนั้น จักเป็นอิสระจนถึงที่สุด
เพื่อพบความบริสุทธิ์นั้น
.....ไม่เกาะเกี่ยวร้อยรัดกับสภาวะใดๆหมด.....

(https://lh3.googleusercontent.com/-8DbSGVcMH4w/UZTHixx-VkI/AAAAAAACDFM/mmHUp6gb5II/w508-h337-no/248337_487731041299887_1259331027_n.jpg)

....จักอาศัยโลกเพียง...กาย
แต่ใจนั้น จักเป็นอิสระจนถึงที่สุด
เพื่อพบความบริสุทธิ์นั้น
.....ไม่เกาะเกี่ยวร้อยรัดกับสภาวะใดๆหมด.........


(http://media-cache-ak0.pinimg.com/236x/23/00/8e/23008e7bcbbdfbba63d2f9d4aae91331.jpg)

การกลั่นกรอง ไม่ได้เกิดจากการถูกบังคับ
หรือฝืนใจทำ
การกลั่นกรอง ย่อมมาจาก
จิตเราเอง
ที่ปล่อยวางทุกอย่างหมด
ทั้งจากอิทธิพล ความกลัว ริษยา
การฝืนใจ ถูกบังคับ ไม่อาจจะเกิดปัญญาใด
รังแต่จะทำให้  งมงาย  กับความกลัว


(https://lh6.googleusercontent.com/-P5IGRhdcDAk/UaDqHvFXvnI/AAAAAAAAcQg/GcEVeTqJmHw/w506-h338-o/DSC_3255_6_7-Edit-Edit-Edit.jpg)

มีคำกล่าวสวยหรู"ไม่มีใครใหญ่เกินกรรม"
แต่แท้ที่จริง
กรรมก็ตกอยู่ใต้กฎไตรลักษณ์ ไม่เที่ยง อนิจจัง
ส่งผลก็ได้ ไม่ส่งผลก็ได้ ตามเหตุ ตามปัจจัย
พระพุทธเจ้ากล่าวว่า
"เจตนาคือกรรมและผัสสะเป็นแดนเกิดของกรรม"
ถ้าผัสสะ...ไม่มี!!!! แล้วกรรม เกิดจากสิ่งใด??????

(https://lh5.googleusercontent.com/-OG_H9PDXWg8/VHppF1YlziI/AAAAAAAGq10/GYeG7KPTsu8/w602-h348-no/sea_sunset%2Banimation.gif)

ในบาลี อังคุตตรนิกาย ยืนยันในข้อที่ว่า
กรรมหมดไปเอง
เมื่อว่างจากโลภะ โทสะ โมหะ หรือว่างจาก..
ตัวกู ของกู
ถ้ามันว่างจาก ความยึดมั่นถือมั่น
ว่าเรา..ว่าของเรา กรรมจะหมดไปเอง
หมายความว่า
หมดทั้งกรรม หมดทั้งวิบากกรรม หมดทั้งกิเลส
ซึ่งเป็นเหตุ..
ให้ทำกรรม  มันหมดพร้อมๆกัน
ดังนั้น ไม่ต้องไป กลัวกรรม สนใจกรรม
ให้สนใจแต่ความว่าง
แห่งตัวกู ของกู
" กรรมย่อมสลายไปหมดสิ้น"
....ท่านพุทธทาส......


(http://media-cache-ec0.pinimg.com/236x/64/e7/db/64e7db06802d255185c1c98b338916a0.jpg)

"ศักดิ์สิทธิ์"
ธรรมะ ที่แท้จริงเป็นสัจธรรม เราไม่ต้องพูดถึงศักดิ์สิทธิ์หรอก
เพราะมันยิ่งกว่าศักดิ์สิทธิ์
คำว่าศักดิ์สิทธิ์นี้ มีค่านิดเดียวหรือน้อยลงไปทันที
เมื่อเอาเข้าไปเทียบกับคำว่าธรรมะ เพราะธรรมะนี้ มันยิ่งกว่าศักดิ์สิทธิ์

(http://media-cache-ec0.pinimg.com/236x/84/14/d3/8414d3371309be8e5f5c1eea4d036622.jpg)

เพราะฉะนั้น เลิกวัตถุศักดิ์สิทธิ์ พิธีศักดิ์สิทธิ์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์
อะไรกันอย่างนั้นเสียบ้างก็จะดี
เพราะว่าถ้าเราไปมัว
ศักดิ์สิทธิ์อยู่แต่ที่นั่นแล้ว จะไม่พบสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่แท้จริง คือธรรมะ
พุทธทาส อินทปัญโญ


(https://lh4.googleusercontent.com/-6ghkb7tvVBs/VKceN3ojxaI/AAAAAAAAAkM/PW2zOOwkZ8M/w602-h337-no/15%2B-%2B1)

หลุดแล้วต้องหลุดให้จริง!!!!!
เมื่อยังอยู่ในขั้นที่มี "ตัวเรา" ก็ยังมีความเกิด แก่ เจ็บ ตาย
และความทุกข์อยู่
เรายังต้องพึ่ง พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
แต่พระพุทธองค์ท่านสอนให้เรา..
ทำตัวเองให้สูงขึ้น ถึงขั้น หมด "ตัวตน"
ถ้าหมดตัวตนแล้ว
ใครจะทุกข์ ใครจะเดือดร้อน.. จนหาที่พึ่งพา
เราบินออกไปอยู่ฝั่งโน้น
ไม่มี เกิด แก่ เจ็บ ตาย ต้องพึ่งอะไรกันอีกเล่า
พระอรหันต์ยังต้องมีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์หรือ???
ในเมื่อทั้ง3อย่างนี้
มันพร้อมอยู่ในตัวท่านเองเสียแล้ว
ในเมื่อ..การถึงสรณะแบบทุกท่านในวันนี้
เพื่อข้ามฝั่งออกไปฝั่งโน้น
ก็อย่าติดแจ จนไม่กล้าก้าวขา ติดอยู่แต่พิธีกรรม
พระคัมภีร์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์
อยู่ในสังสารวัฎ ก็ต้องอยู่เรื่อยไปไม่มีสิ้นสุด
แต่ถ้าออกไปได้ก็ต้องวางทุกอย่างหมด
แต่ถ้าเลือกจะอยู่ก็ได้ ไม่มีใครบังคับ
แต่อย่านอนขวางกั้นคนอื่นๆ ไม่ให้เขาไป
พอเขาข้าม..ก็โกรธ
พระพุทธเจ้ารวมทั้งพระอรหันต์ ท่านกล่าวว่า
ชาติสิ้นแล้ว กิจที่ต้องทำจบแล้ว
คิดดูสิ ท่านจะพึ่งอะไร เพื่ออะไร ท่านทุกข์ร้อนอะไร??
สิ่งที่ท่านเคารพ
ก็คือเคารพธรรมะ ซึ่งเป็นความจริงที่ท่านลุถึง
ในฐานะ เป็นของประเสริฐของโลก


(https://s-media-cache-ak0.pinimg.com/originals/cd/7c/97/cd7c97817dbe327e605d67590464d2de.jpg)

ความคิด มักนำหน้าเราหนึ่งก้าวเสมอ


(http://media-cache-ak0.pinimg.com/237x/cf/0b/e5/cf0be5615738e02e72c1aba2ca7e22aa.jpg)

แต่ละขณะล้วนจบในขณะจิตเดียว แต่..
ความคิดของเธอเองนั่นแหล่ะ
ที่ไปใส่ชื่อ ใส่ค่า ใส่ความหมาย ใส่อะไรต่ออะไร..
ให้ดำเนินต่อไปเอง ...
เอามาจากไหนล่ะ..
เรื่องราวและข้อมูลทั้งหลาย


(https://s-media-cache-ak0.pinimg.com/originals/63/e6/bb/63e6bb82cbdb3e836e2477ef07db7fab.jpg)

เต๋าเชื่อในปรัชญาของการปล่อยวาง เชื่อว่า..
เราไม่จำเป็นต้องว่าย
เพียงแค่ไหลไปเรื่อยๆ ปล่อยให้แม่น้ำนำพาท่านไป
ยังที่ที่มันกำลังจะไป
เพราะในที่สุดแล้ว แม่น้ำทุกสายก็ล้วนแต่ไหลลงไปยัง
มหาสมุทร
ดังนั้น อย่ากังวลไปเลย ถึงอย่างไรท่านก็
ไปถึงมหาสมุทรอยู่ดี
>>>> (จากหนังสือ “เต๋า: มรรควิถีที่ไร้เส้นทาง" ของ Osho)


(http://media-cache-ak0.pinimg.com/236x/dc/59/1c/dc591c8d650679ca3a324e0bf68d961b.jpg)

Credit by  >>> F/B สู่นิพพานและอิสรภาพด้วยปัญญา >> Devilgirl Suratthani
นำมาแบ่งปันโดย >>> F/B ธรรมดีที่น่าทำ >> Isara Tong
หัวข้อ: Re: มันเป็นเช่นนี้...
เริ่มหัวข้อโดย: ฐิตา ที่ พฤษภาคม 27, 2013, 07:32:47 pm
(https://lh3.googleusercontent.com/-E3KC7d_P8v4/Weh-d4j6eJI/AAAAAAAD0xM/692X5V8xIJ8P4EYRaS5Pf-fMnNOHd5JZgCJoC/w663-h729-n-rw/A+reminder.jpg)

ชีวิตนี้แสนสั้น เราย่อมไม่อาจที่จะใช้ชีวิตที่มีเวลาอยู่นี้
ไปในการขบคิดใคร่ครวญเรื่องทางอภิปรัชญา
อย่างไม่มีวันสิ้นสุด เพราะอภิปรัชญาไม่อาจนำไปสู่..
.. สัจจะอันยิ่งใหญ่ได้เลย

(https://i.pinimg.com/564x/06/89/85/068985d493ca83a925e1fdbbd7bd0f09.jpg)

ชีวิตของเราจะสูญเปล่าไป หากเราหลีกหนี..
.. การใช้ชีวิตตามความจริง
เมื่อไปอยู่ในโลกแห่งความคิดอันล้ำลึกแล้ว
เราก็จะเป็นเพียงวิญญาณพเนจร
หากยังวุ่นวายอยู่ด้วยความคิด
ว่ามีหรือไม่มี ชีวิตก็จะสูญเปล่าไปเสีย

(https://s-media-cache-ak0.pinimg.com/736x/b2/54/db/b254db008ab3754dc00ab562b2779de5.jpg)

ให้ดูทุกข์ และความไม่มีทุกข์ ที่มีอยู่ในใจ
จึงจะเข้าถึงธรรมที่ปราศจากทุกข์ได้
ปาฏิหาริย์ที่แท้
อยู่ในชีวิตประจำวันธรรมดาๆ นี่เอง
ให้กิจวัตรประจำวัน
ดำเนินไปตามครรลองของมันอย่างเป็นธรรมชาติ

(https://i.pinimg.com/564x/d7/fd/d4/d7fdd40ece447a8de498253f24d72b73.jpg)

ชีวิตคุณมีอยู่เพียงขณะเดียว
อดีตก็ละไปแล้ว อนาคตก็ยังมาไม่ถึง ทำปัจจุบันให้ดีที่สุด
คนเราสามารถมีชีวิตอยู่ได้ ก็แต่ในขณะปัจจุบันเท่านั้น

(https://i.pinimg.com/564x/85/0b/6d/850b6d14a49e204457a4a6dd68939192.jpg)

เดี๋ยวนี้ คือสิ่งที่เรา เป็น มันไม่สามารถจะเป็น เป้าหมาย
หรือ ภาวะ ที่เราจะต้อง มุ่ง ไปให้ถึง
เดี๋ยวนี้ คือการกระทำ หรือ ความเคลื่อนไหว
ซึ่งปรากฏอยู่ในขณะนี้ ก่อนที่ ความคิด จะปิดบังมันไว้เสีย


(https://s-media-cache-ak0.pinimg.com/736x/f0/a2/f0/f0a2f01495e36c98c15a393fb696ea36.jpg)

พระเจ้ามีจริงหรือไม่
นรก-สวรรค์มีจริงหรือไม่
บุญกุศลคืออะไร
จงหลีกเลี่ยงเรื่องเหล่านี้ โดยเห็นว่า
เป็นเรื่องไร้สาระ
หากแต่..มุ่งในการทำตัวเอง
ให้แจ่มแจ้งในปัจจุบันขณะนั้นก็พอ


(https://lh3.googleusercontent.com/-PQvcHbesB1s/UZ-0sCudKeI/AAAAAAAC4C8/voGeHbEXGM0/w506-h333-o/d66bp5k.jpg)

แสวงหาธรรม แล้วมุ่งเข้าหาวัดกลับติดในวัด ติดในพิธีกรรม
ความเชื่อ ความศรัทธา
เข้าหาคัมภีร์ กลับติดในตัวอักษร ถ้อยคำ ความหมาย
ปรุงแต่งไปไม่จบสิ้น
เข้าหาคุรุ กลับติดในคุรุ ยกย่องชื่นชมศรัทธา จนกลายเป็นอัตตางมงาย
ธรรมะแท้จริงอยู่ที่ไหน ? หรือธรรมะมิใช่อยู่ที่เธอ ?


(https://s-media-cache-ak0.pinimg.com/originals/4e/66/fa/4e66fa34a92902f8ab5f3b1d74d2581b.jpg)

นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ
ขอนอบน้อม แด่พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น
ทรงเป็นผู้ไกลจากกิเลส ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง


(https://i.pinimg.com/564x/b5/b4/f2/b5b4f245b8d6872201b0e16e7583f131.jpg)

เกิดอุบัติเหตุจากการขับขี่ของชายผู้หนึ่ง
คนเชื่อดวงบอกว่า...เขาดวงไม่ดี
คนเชื่อเรื่องผีเทวดาบอกว่า...เพราะไม่บูชาเทวดาประจำตัว
คนเชื่อกรรมบอกว่า...เป็นเวรกรรมของเขาจากชาติก่อน
แต่หมอ...บอกว่า เมาจึงขับขี่ประมาท
......สรุปแล้วความจริงอยู่ที่ความเชื่อแต่ละบุคคล....
แล้วอะไรคือมาตรฐาน"แห่งความจริง"


(https://s-media-cache-ak0.pinimg.com/736x/13/a1/ee/13a1eed3326ffb2d411159f12b656320.jpg)

“ ถ้า “ นิพพานคือการพ้นกรอบ
ดังนั้น.. เธอกล้าแหกกรอบหรือไม่ ?


(https://s-media-cache-ak0.pinimg.com/736x/23/4d/93/234d937bb58fb4d780111d0def4251a8.jpg)

มีกฎธรรมชาติสูงสุดว่า ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นต้อง..
..มีเหตุมีปัจจัยมาปรุงแต่งเสมอ
ถ้าอยากศึกษาพุทธศาสนาที่แท้จริง อันดับแรก
วางความเชื่อทั้งหมดลงก่อน ทำใจให้เป็นอิสระ
อันดับต่อมา ทำความเข้าใจขันธ์5 และปฎิจจสมุปบาท
ให้รู้จักต้นกำเนิดของการเกิดความรู้สึกว่าเป็นเรา
อันดับสาม ทดลองปฎิบัติโดย ปล่อยวางความยึดถือว่ามีตัวตน
จนพบความเย็นสงบ
ถ้าดับทุกข์ด้วยตนเองได้แล้ว ก็มีดวงตาเห็นธรรม
ความเชื่อเรื่องกรรมจากชาติก่อนจะหายไป

ไม่มีหรอก ที่ตายแล้ววิญญาณออกจากร่าง ไปเกิดใหม่
เพราะวิญญาณเกิดขึ้น เมื่อมีการกระทบของผัสสะเป็นครั้งคราว
เช่น ตากระทบรูป ก็เกิดจักษุวิญญาณ ปรุงเป็นตัวกูผู้เห็น
แล้วปรุงต่อ ว่าสวย หรือ น่าเกลียด ปรุงต่อไปเป็นตัณหา กูรัก...
..กูอยากได้ หรือ กูเกลียด กูอยากทำลาย
พอสิ้นสายเป็นกรรม คือการกระทำ ก็เกิดวิบากกรรม
คือรับผล จากการกระทำ เป็นอันจบ สังสารวัฎ1สาย

(https://lh6.googleusercontent.com/-J_bIJd-Tqyw/Ua38ChHan3I/AAAAAAAFDTc/rmRtO_-m3r8/w506-h586-o/photo.jpg)

จากนั้น...ก็เกิดการกระทบใหม่ เกิดตัวกูใหม่ ปรุงใหม่
ไม่จบสิ้นตามผัสสะ ที่มากระทบ
หากเข้าใจ ว่ากูก็ไม่ใช่กู จิตก็ไม่ใช่จิต แค่ธาตุต่างๆตามธรรมชาติ
ทำปฎิกิริยาต่อกัน แค่ขณะต่อขณะ
ความยึดมั่นถือมั่น ความเชื่อ ความกลัว ความงมงายจะหายไป
เหตุที่พระอริยเจ้า บอกว่าชาติสิ้นแล้ว ภพสิ้นแล้ว กิจที่ควรทำจบแล้ว
เพราะท่านเข้าใจ ปฎิจจสมุปบาทนี่แหละ.......
ตัวกู.... ไม่มี แล้วอะไรๆที่เกี่ยวเนื่องจากตัวกูจะมีได้อย่างไร
สัมมาทิฐินั้น ทำลายอวิชชา ชาติ ภพ กรรม วิบากกรรม
เจ้ากรรมนายเวร ตัวตน เรา เขา สัตว์ บุคคล หมด.....สาธุ สาธุ


(https://s-media-cache-ak0.pinimg.com/236x/04/f3/63/04f36338eee10eb72c475a4cce2a579e.jpg)

ไม่มีใคร ไม่มีอะไร ขังเธอไว้ได้หรอก
มีแต่เธอขังตัวเธอเองเท่านั้น

ขังไว้ใน ความเชื่อ ความศรัทธา ความงมงาย
ความรู้ทางธรรมอีกมากมาย
ความกลัว ความปรารถนาทั้งหลาย แม้กระทั่ง
ความปรารถนาในนิพพาน
ที่ความรู้สึกนึกคิดของเธอปรุงแต่งขึ้นมาเองทั้งสิ้น


(https://i.pinimg.com/564x/9b/1c/11/9b1c11afe65306cd4669f840cc119412.jpg)


Credit by  >>> F/B สู่นิพพานและอิสรภาพด้วยปัญญา >> Devilgirl Suratthani
นำมาแบ่งปันโดย >>> F/B ธรรมดีที่น่าทำ >> Isara Tong


(https://lh6.googleusercontent.com/-eS-0Y78dnGk/UZ82FsUJcJI/AAAAAAABtBA/x9as9FItCRs/w506-h344-o/rain-35.gif)
หัวข้อ: Re: มันเป็นเช่นนี้...
เริ่มหัวข้อโดย: ฐิตา ที่ มิถุนายน 07, 2013, 05:52:59 pm
(https://s-media-cache-ak0.pinimg.com/736x/57/2e/64/572e64308b8334c67f9817ac5336efac.jpg)

ธรรมกาย มิใช่ลักษณะ
"สุภูติ ! ในความหมายนี้เป็นเช่นไร ?
สามารถอาศัยมหาปุริสลักษณะ 32 เห็นตถาคตหรือไม่ ?"
สุภูติทูลตอบว่า "อย่างนั้น อย่างนั้น
สามารถอาศัยมหาปุริสลักษณะ 32 เห็นตถาคตได้"
พระพุทธเจ้าตรัสว่า "สุภูติ ! หากสามารถ
เห็นตถาคตด้วยมหาปุริสลักษณะ 32 แล้ว พระเจ้าจักรพรรดิก็คือตถาคตซิ"

สุภูติทูลตอบพระพุทธองค์ว่า "ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า !
ตามที่ข้าพระองค์ได้เข้าใจ.. ในความหมายที่พระพุทธองค์ได้ตรัสไปนั้น
ไม่ควรที่จะเห็นตถาคตได้ด้วยมหาปุริสลักษณะ 32 เลย"

(https://s-media-cache-ak0.pinimg.com/236x/11/62/2a/11622aea0f09d5076095f8a07d4db9f2.jpg)
โดยสมัยนั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสเป็นโศลกว่า
หากอาศัยรูปเห็นเรา อาศัยเสียงวอนเรา
บุคคลนี้คือผู้เจริญมิจฉาธรรม ไม่อาจเห็นตถาคตได้


(https://s-media-cache-ak0.pinimg.com/236x/82/c7/92/82c7926fb1c7b49481f2638fa545adf3.jpg)

อนาคต...เป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นเลย
ท่านต้องมีชีวิตอยู่อย่างเป็นธรรมชาติ
....อยู่กับปัจจุบันเท่านั้น....
ช่วงเวลาข้างหน้ามันจะมาด้วยตัวของมันเอง
มันก็เหมือนเด็กการเติบโตเป็นหนุ่มเป็นสาว
เราไม่ต้องวางแผนใดๆทั้งสิ้น
มันเหมือนกับแม่น้ำไหลไปลงมหาสมุทร
คนเรา..ก็ควรปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ
เลื่อนไหลไป..และอยู่กับขณะ ต่อ ขณะ


(https://s-media-cache-ak0.pinimg.com/236x/53/cc/e1/53cce18ad7e09cb7ca3d1a5939dd4c94.jpg)

สิ่งที่เรียกว่าตัวตนนั้น ไม่ใช่อะไร
หากมันคือเปลวไฟ ที่ถูกจุดให้เร่าร้อนด้วยไฟปรารถนา
เมื่อแรงปรารถนาหายไป เทียนก็หายไปด้วย
เปลวไฟจึงไม่มีอะไรให้เผาไหม้อีก
มันจึงหายสาบสูญไปเช่นกัน
ไม่ทิ้งร่องรอย....และหามันไม่พบ
มันยังอยู่ที่ตรงนั้นเอง เพียงแต่มันตายไปจากตัวตน สมมุติบัญญัติ
และข้อจำกัดใดๆหมด


(https://s-media-cache-ak0.pinimg.com/736x/c3/ac/58/c3ac58e5c6165816005b9b7abfd61d25.jpg)

ทำไม..ต้องรอให้อายุ 80 ปีแล้วมาบอกว่า ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ฉันจะ...
กินไอติม...เมื่ออยากกิน
กินข้าวขาหมู กะ ทองหยอด
เล่นน้ำฝน...เมื่อฝนตก
ปั่นจักรยานขึ้นภูเขาและล่องแก่ง
ให้เวลากับคน..ที่รักเรามากขึ้น
ไปเที่ยวทุกแห่ง...ที่อยากไป
ถ้า...ถ้า....ถ้า........ทำไม ไม่ทำวันนี้

(https://lh3.googleusercontent.com/-zB5zhnY3t4I/UVpRgX-35DI/AAAAAAAACqo/KMT1KzBJFDI/w536-h323-p-no/dancers-among-us-chicquero-photography-dance-in-sarasota-danielle-brown62.jpg)

ชีวิตและความตาย คล้ายปีก2ข้างของนก มันเกิดขึ้นพร้อมๆกัน
ชีวิต เกิดขึ้นไม่ได้ ถ้าไม่มีการตาย
ความตาย ก็มีไม่ได้ ถ้าไม่มีชีวิต

(https://lh3.googleusercontent.com/-9_fDSU8bfno/Ua80JpHwwuI/AAAAAAAAFBE/FB6MuqoUhTM/w506-h337-o/424476_10200245779736717_75213896_n.jpg)

พวกมัน เป็นส่วนหนึ่งของจักรวาลเดียวกัน
แท้จริง..ไม่มีการเริ่มต้น แลไม่มีการสิ้นสุด
อย่ากังวล..อย่ากลัวความตาย แค่การไหลเคลื่อนแห่งเหตุปัจจัย
............จงร่ายรำและมีความสุขกับชีวิต..............


(https://s-media-cache-ak0.pinimg.com/736x/3e/56/e0/3e56e06664459623a5a5d476730ad337.jpg)
หัวข้อ: Re: มันเป็นเช่นนี้...
เริ่มหัวข้อโดย: ฐิตา ที่ มิถุนายน 07, 2013, 07:56:50 pm

(https://lh5.googleusercontent.com/-2Lp6UAFtZ-A/UZtvvcD7quI/AAAAAAAAWCI/CfMqtxnlEtg/w640-h480-no/Croatia+Plitvice+Lakes+National+Park.jpg)

อันความคิดนั้น เป็นเพียงสภาวะแห่งธรรมชาติ ที่เกิดกันเอง
และดับกันเองอยู่แล้ว....ส่วนกระแสแห่งจิตทุกชนิดนั้น
ก็เป็นเพียงสภาวะธรรมชาติที่เกิดกันเองและดับกันเองอยู่แล้วเช่นกัน...
ดังนั้น ทั้งความคิด และจิตดวงนี้ เป็นเพียงกระแสแห่งธรรมชาติเท่านั้น
ที่ไม่สามารถมีคำว่าตัวเราเข้าไปควบคุมหรือบังคับมันได้เลย..

(https://fbcdn-sphotos-c-a.akamaihd.net/hphotos-ak-prn1/q71/s480x480/946338_315721778561658_1263891506_n.jpg)

*จงปลดปล่อยความสำคัญในตัวเราเสียเอง ก็เพื่อไม่ให้เข้าไปก้าวก่าย
และยึดมั่นในความคิดรวมทั้งกระแสแห่งจิตมายาดวงนี้...
....และเมื่อเราได้รับความอิสระจากความผันแปรของความคิด
และของจิตมายาดวงนี้ เราก็สามารถดำริน้อมความคิดนั้น
มาใช้กับการเป็นการอยู่แบบไม่ทุกข์ และสามารน้อมใช้อารมณ์ความรู้สึก
ไปในทางที่สงบเย็นเป็นแบบอย่างแก่ผู้คนทั้งหลาย
ซึ่งท่านเหล่านี้ จะดำเนินชีวิตอยู่บนเนื้อหาของ มโนสุจริต วจีสุจริต และกายสุจริต
และทั้งหมดนี้ คือการดำรงอยู่โดยวิหารธรรม
ที่มีสุญญตารองรับอยู่แล้วตลอดเวลา..............
(จิตที่ปลงในจิต ความคิดที่ปลงในความคิด ต่างก็ว่างอยู่แล้วในตัวมันเอง)........
โดย: นิรทุกข์ รัตนจักร


(https://lh3.googleusercontent.com/-cNQmMhICpqA/UWT8wlDk3cI/AAAAAAAACUI/a_xO09f2XWo/w506-h379-o/photo.jpg)

ธรรมชาติเดิมแท้ .. ไม่มีการปลอบใจตัวเอง..
ไม่มีคำถามซ้ำซ้อน ..
ทุกอย่างตรงๆ ... “อิสระ”..ที่ใจรู้แจ้ง ..


(https://lh5.googleusercontent.com/-rPs-7YyeYTE/Uh4jAxnreAI/AAAAAAABA-A/Kcf1rKid69w/w426-h283/moon+bridge+in+Dahu.jpg)

เซน..นั้น มีจุดมุ่งหมายคือ
"ซาโตริ"  คือประสบการณ์ตรัสรู้
หมายถึง การตื่นอย่างสมบูรณ์ มีแนวคิด
ไปทางธรรมชาติ
ตามบทบาทที่เรียบง่ายในชีวิตประจำวัน
ดังโศลกที่ว่า
"เมื่อหิวก็กิน เมื่อง่วงก็นอน"


(https://lh6.googleusercontent.com/-gfF3ElWRNg0/Ua0UWZwNwVI/AAAAAAAAYGU/b_GJgwfgZSM/w393-h590-no/tumblr_mhbe56UNFb1rs7qm8o1_500.jpg)

เต๋านั้น...แสดงหนทางอิสระ จากเหตุผล
และกฎเกณฑ์ต่างๆ
แสดงความแตกต่างที่กลมกลืนของหยินและหยาง
และการเปลี่ยนแปลงเคลื่อนไหลของธรรมชาติ
สรรพสิ่งทุกอย่างในจักรวาลคือการเปลี่ยนแปลง
เต๋า..มองเห็นกฎเกณฑ์ทุกอย่างเป็นเรื่องน่าขำ
กฎเกณฑ์เดียวที่เขายึด...คือการดำเนินชีวิตอย่างไร้กฎเกณฑ์


(https://fbcdn-sphotos-a-a.akamaihd.net/hphotos-ak-prn1/q71/s480x480/941936_150352561819029_512892476_n.jpg)

การเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องธรรมดาของธรรมชาติ ..
หากไร้ซึ่งการเปลี่ยนแปลงสิ .. สิ่งมีชีวิตจะอยู่ได้ยาก ..

(https://lh6.googleusercontent.com/-EoTcZgrCyoE/UaOWEPgMegI/AAAAAAAAAhQ/7w2S_AMngAI/w506-h759-o/The+American+Falls+%E2%99%A5+Niagara+Falls%2C+Ontario%2C+Canada.jpg)

Credit by  >>> F/B สู่นิพพานและอิสรภาพด้วยปัญญา >> นิรทุกข์ รัตนจักร
นำมาแบ่งปันโดย >>> F/B ธรรมดีที่น่าทำ >> Isara Tong
หัวข้อ: Re: มันเป็นเช่นนี้...
เริ่มหัวข้อโดย: ฐิตา ที่ มิถุนายน 07, 2013, 09:01:29 pm
(https://lh4.googleusercontent.com/-SIL8SLcFb9k/UH_vxb3zTaI/AAAAAAADHpA/lOqG2pBFoCg/w546-h485-o/01+%286%29.jpg)

ความสงบในความเงียบหาใช่ความสงบที่แท้จริงไม่
เมื่อท่านสามารถทำใจให้สงบได้ "ท่ามกลางกิจกรรมต่างๆ"
นั่นจึงเป็นสภาวะสงบที่แท้จริงของธรรมชาติ
เฉกเช่นเดียวกับความสุขจากความสะดวกสบาย
ย่อมไม่ใช่ความสุขที่แท้จริง
หากแต่เมื่อท่านสามารถมีความสุข ท่ามกลาง..
..ความยากลำบาก
นั่นแหละคือท่านได้เข้าถึงศักยภาพที่แท้จริงของจิตแล้ว


(https://lh3.googleusercontent.com/-f9oBio88E3U/UhjgAV50fnI/AAAAAAAA_R0/cJ_DvtSmaQo/w426-h552/Snowy+owl+take-off.jpg)

แม้เพียง เศษเสี้ยว ของอัตตา ..
เธอก็  ยังเป็น  คนแปลกหน้าอยู่ดี


(https://lh3.googleusercontent.com/-HF7EP7hnaR8/UTZovaEPLrI/AAAAAAAACKE/ANQaHE1CMGg/w510-h393-p-no/537692_526643977386435_283863709_n.jpg)

ดอกไม้..จะสวยงามที่สุดหากดำรงอยู่..
ตามธรรมชาติ
จงจำไว้ว่า....เมื่อใดก็ตาม...
..ที่ท่านได้  ครอบครอง  สิ่งใด
ท่านกำลัง  ทำลาย  สิ่งนั้น............
ครอบครอง.... ผู้หญิง... ท่านก็...

(https://lh6.googleusercontent.com/-PFSwZYiQx3w/UX-7cGiC8uI/AAAAAAAAB7M/moekry0CQuQ/w506-h686-o/12122307565814696010689865.jpg)

.....ทำลาย.....
......ความงามและจิตวิญญาน ของเธอ
ครอบครอง.. ดอกไม้..
ท่านก็ทำลาย ความเบิกบาน ของมัน
ครอบครอง ความรัก ก็เพื่อ.. เปิดทาง
ให้ความเป็น...
..เจ้าของ  ทำลายคุณค่าของมัน
..............จงให้เสรีภาพระหว่างกัน...............


(https://fbcdn-sphotos-h-a.akamaihd.net/hphotos-ak-prn1/q71/s480x480/946576_150566121797673_540934459_n.jpg)

เมื่อถึงครา...
บรรลุ ..
กลับไม่มีอะไร...
ให้บรรลุ ..


(https://lh4.googleusercontent.com/-7FOikuVcwdU/UH_mVuxekEI/AAAAAAADHjI/j_C4sUttzjg/w379-h379-p/01%2B%252820%2529.jpg)

"วิปัสสนาญาน ทำให้เกิดการละวิจิกิจฉา
เลิกพึ่งพาสิ่งใดๆนอกจากตน"
ไม่มี อะไรที่เป็นตัวตนจริงๆ
ตามอย่างที่ดวงตาเราเห็น และจิตนึกด้วยความเข้าใจผิด...
ทุกสรรพสิ่งเป็นเกลียวเคลื่อนตัว แปรเปลี่ยนไป
ด้วยเหตุนี้เอง คนที่พอจะเข้าใจ..
..ความจริงนี้ได้บ้างอย่างเล็กน้อย
คนคนนั้นก็เริ่มที่จะคลาย... ข้อสงสัย
ใน ชีวิต ในธุรกิจ ในครอบครัวไปได้มากมายอักโข
คนคนนั้นจะเกิดอาการละวิจิกิจฉา และเห็นความสำคัญของ
สติปัญญาตนเองที่มีอิทธิพลต่อชีวิตและอนาคต ของตน
...เขาจึงเลิกพึ่งพิงสิ่งใดอีกต่อไป


(https://i.pinimg.com/564x/69/e0/03/69e0033bb17311d775dc43b24e69e5a0.jpg)

โลกียะ หรือ ศีลธรรม ก็ยังจำเป็น!!!!
ปุถุชนก็จำเป็นที่จะต้องยึดถือ หรือมีอะไรให้ยึดถือกันไปพลาง
ป้องกันอย่าให้ไปทำชั่ว อย่าทำให้เลวไปกว่านั้น
มิฉะนั้นเขาจะไปทำเลวไปกว่านั้นหรือทำอะไรที่ตรงกันข้ามไปหมด
แล้วโลกนี้มันก็วินาศได้เหมือนกัน
ถ้าคนมันบ้าความไม่มีตัวตนกันทั้งโลก
แล้วถือโอกาสทำตามใจตน โลกวินาศได้เหมือนกัน

(https://lh4.googleusercontent.com/-9nGaXhJwlm4/UhfDhzrmQLI/AAAAAAAA_Aw/m3nlAdYO0T4/w426-h464/Bermuda+triangle+whirlpool.jpg)
Bermuda Triangle Whirlpool

ฉะนั้นเราจึงรู้จักว่าเรื่องสุญญตา เรื่องอนัตตานี้
เป็นเรื่องจริงแท้ ไม่ได้เป็นเรื่องสมมุติ
แต่ต้องพูดกันแต่ในหมู่ผู้ที่เห็นความจริง หรือว่าละสมมุติได้
(คำกล่าวท่านพุทธทาส หนังสือเรื่องจิตว่าง หน้าที่ 41)


(https://i.pinimg.com/564x/fb/82/9c/fb829c8a161548ccb0ca0fcfcc5ebca8.jpg)

ในโลกนี้...มีผู้บรรลุธรรมมากมาย แต่ผู้เป็นครูมีเพียงน้อยนิด
การบรรลุธรรมไม่ได้แปลว่าจะเป็นครูได้ด้วย
การเป็นครู แปลว่า ต้องมีเมตตาอันยิ่งใหญ่ ที่จะไม่เดินบนความงดงามเพียงลำพัง
....พระพุทธองค์ ทรงสอนว่า เมื่อปิติเกิดขึ้นแล้ว
จงอย่ายึดมั่นกับมัน แต่จงแบ่งปัน
สิ่งที่ควรแบ่งปันมากที่สุด คือให้ผู้อื่นรู้ว่า ไม่เหลือวิสัย ไม่ควรสิ้นหวัง
ทุกคนมีศักยภาพเหมือนกัน เพราะการบรรลุธรรมนั้น
ไม่ได้เลิศเลอ...มหัศจรรย์
แค่เพียง กลับมารู้จักธรรมชาติในตัวตนของเรา...อย่างแท้จริงนั่นเอง


(https://i.pinimg.com/564x/82/4d/c8/824dc8bb9db391011b707b108f368ed2.jpg)

Credit by  >>> F/B สู่นิพพานและอิสรภาพด้วยปัญญา >> ท่านพุทธทาส
นำมาแบ่งปันโดย >>> F/B ธรรมดีที่น่าทำ >> Isara Tong

(https://fbcdn-sphotos-b-a.akamaihd.net/hphotos-ak-ash3/p480x480/947163_423528297755187_586542991_n.jpg)
หัวข้อ: Re: มันเป็นเช่นนี้...
เริ่มหัวข้อโดย: ฐิตา ที่ มิถุนายน 17, 2013, 09:06:10 pm

(http://media-cache-ec0.pinimg.com/736x/54/88/eb/5488ebda1aaf9e0111017ea052d963ae.jpg)

เมื่อเธอเข้าใจ แก่นแท้ ของศาสนาใดศาสนาหนึ่ง
เธอจะเข้าใจแก่นแท้ของทุกศาสนา

สู่นิพพานและอิสรภาพด้วยปัญญา


(https://lh3.googleusercontent.com/-oHz_koX8xVk/ULn3vZomeLI/AAAAAAAABfk/wLHco5A8i7A/w500-h532-no/539491_3826532784039_273370686_n.jpg)

จิตที่หลงยึดถือ อุปาทานแห่ง..
..การเป็นตัวตนเท่านั้น...จึงจะมี"กรรม"
แค่กระแสปรุงแต่ง..
แห่งธรรมชาติตามเหตุ.. ตามปัจจัย(ปฎิจจสมุปบาท)
สร้างตัวตนไปรับทำไมว่า"กรรมของกู"

โดย: Devilgirl Suratthani


(https://lh4.googleusercontent.com/-hrSLLHgC-GM/UKW6RmlE7DI/AAAAAAAAAxY/d7Dzy2TX9s4/w458-h371-p-no/59595_496234207064349_66280422_n.jpg)

ไม่มีสิ่งใดในชีวิต
จะน่าปิติยินดียิ่งไปกว่า
การได้รู้จักตัวเอง

There is no other greater ecstasy
than to know who you are.
Osho

(https://fbcdn-sphotos-c-a.akamaihd.net/hphotos-ak-prn2/q71/s480x480/969463_570269726350648_195234126_n.jpg)

โดย: New Heart New World
- โลกเปลี่ยนไป เมื่อใจเปลี่ยนแปลง


(https://fbcdn-sphotos-e-a.akamaihd.net/hphotos-ak-prn1/s480x480/564042_283803441738970_1256839985_n.jpg)

อย่างย่อ....เรื่องชาติก่อน ชาตินี้ ชาติหน้า
..............................
ดูก่อน..อุทายิ ผู้ใดถึงละลึกขันธ์ที่เคยอาศัยอยู่
ชาติหนึ่งบ้าง สองชาติบ้าง จนชั่วกัลป์
มีชื่ออย่างนี้ มีโคตร มีวรรณะ เสวยสุข ทุกข์อย่างนั้นอย่างนี้
ดูก่อน..อุทายิ ผู้ใดมีจักษุเป็นทิพย์
เห็นสัตว์ทั้งหลาย จุติ บังเกิด ทราม ประณีต ทุกข์ สุข ในเบื้องหน้า
ดูก่อนอุทายิ...ขันธ์ในอดีต ยกไว้ก่อน ขันธ์ในอนาคตยกไว้ก่อน
เราจักแสดงธรรมแก่ท่านว่า
"เมื่อสิ่งนี้มี สิ่งนี้มี เพราะความเกิดสิ่งนี้ สิ่งนี้เกิด
เมื่อสิ่งนี้ไม่มี สิ่งนี้ไม่มี เพราะความดับ สิ่งนี้ดับ"
เป็นไปได้ไหมว่า พวกเธอที่รู้อย่างนี้ จะคิดว่า ในกาลอดีตยืดยาว เรามีไหมหนอ
เป็นอะไรหนอ แล้วเป็นอะไรต่อหนอ
เป็นไปได้ไหมว่า พวกเธอที่รู้อย่างนี้ จะคิดว่า
ปัจจุบันและอนาคต เรามีไหมหนอ เป็นอะไรหนอ แล้วจะไปสู่ไหนอีกหนอ

(https://fbcdn-sphotos-h-a.akamaihd.net/hphotos-ak-ash3/q71/s480x480/1013817_153010601553225_607001123_n.jpg)

หากรู้ ปฎิจจสมุปบาท ก็หายตาบอดกระทันหัน
ไม่มีอะไรเกิดอะไรตายมาแต่แรก
ที่วนเวียนไม่ใช่เรา หากแต่เป็นความหลง
อุปาทานที่ยึดว่า เรา จุติ กาละ เวียนว่าย
หลุดพ้นจากกรอบ..อุปาทานที่หมายมั่นนี่แล้ว
อานิสงส์คือ"อนุปาทิเสสนิพพาน

โดย: สู่นิพพานและอิสรภาพด้วยปัญญา


(https://fbcdn-sphotos-a-a.akamaihd.net/hphotos-ak-ash3/q71/s480x480/945630_504565699599148_152226147_n.jpg)

ดูก่อน..ภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้เข้าถึงแล้วซึ่ง อวิชชา
ถ้าเขาปรุงแต่งสังขารอันเป็นบุญ วิญญาณก็เข้าถึง
วิบากอันเป็นบุญ
ถ้าปรุงแต่งสังขารอันมิใช่บุญ วิญญาณก็เข้าถึงวิบากอัน
ไม่ใช่บุญ
ถ้าปรุงแต่งสังขารอเนญชา(สมาบัติอรูปพรหม)
วิญญาณก็เข้าถึงวิบากอเนญชา
..................
ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย ถ้าอวิชชาละได้แล้ว
การเกิดขึ้นของวิชชา
ย่อมไม่ปรุงแต่งอภิสังขาร
อันเป็นบุญ, ไม่ใช่บุญและ อเนญชา
เมื่อไม่ปรุงแต่ง เธอย่อมไม่ยึดมั่นสิ่งใดๆในโลก
ไม่สะดุ้งหวาดเสียว
เธอย่อม"ปรินิพพาน"เฉพาะตนนั่นเทียว เธอย่อมประจักษ์ว่า
ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อันเราอยู่จบแล้ว
กิจควรทำเสร็จแล้ว กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้.....ไม่มี!!!

โดย: Devilgirl Suratthani


(https://lh3.googleusercontent.com/-DIouNdIybzQ/Ub3h_-A1zTI/AAAAAAAAvPE/-zwgB45JC_U/w250-h157-no/13+-+1)

Credit by  >>> F/B สู่นิพพานและอิสรภาพด้วยปัญญา
นำมาแบ่งปันโดย >>> Isara Tong >> F/B กลุม ธรรมดีที่น่าทำ

หัวข้อ: Re: มันเป็นเช่นนี้...
เริ่มหัวข้อโดย: ฐิตา ที่ มิถุนายน 26, 2013, 08:36:50 pm

(https://lh3.googleusercontent.com/-1VptUtfiMlk/ULrJ9xTZ6kI/AAAAAAAABj4/s15CkKMSAtE/w506-h764-o/18086_309654165815388_939582113_n.jpg)

ก่อนบรรลุธรรม...ผ่าฟืน...ตักน้ำ
หลังบรรลุธรรม..ผ่าฟืน..ตักน้ำ
.......เซน.......
โดย: สู่นิพพานและอิสรภาพด้วยปัญญา


(https://fbcdn-sphotos-d-a.akamaihd.net/hphotos-ak-prn2/p480x480/1383976_633310900034443_1496420368_n.jpg)

จงพักผ่อนและไม่ต้องทำอะไร ต่อให้
เจ้าคนป่า นัยน์ตาสีฟ้าผู้นั้น(ท่านโพธิธรรม)มาที่นี่ เดี๋ยวนี้
ท่านก็สอนไม่ให้พวกเจ้าทำอะไรเช่นกัน
สวมเสื้อผ้า กินข้าว ขี้ แค่นั้น
...ไม่ต้องกลัว วงจรการเกิดการตาย
...ไม่ต้องกลัวการกลับชาติไปเกิดใหม่
...ไม่มีนิพพานต้องไปถึง ไม่มีธรรมต้องบรรลุ
แค่ทำตัวเป็นคนธรรมดา
........เสียะเฟิงอี้ชุน เจ้าอาวาสวัดเซน......
โดย: Devilgirl Suratthani

(https://lh6.googleusercontent.com/-4EZMAQsXINc/UbbxI9IIuuI/AAAAAAAAD_w/Xrw0KXFAHKs/w506-h336-o/photo.jpg)

เรื่องกรรม นี้ ส่วนมากยังไม่เข้าใจ หรือเข้าใจไม่ตรงตามที่เป็นจริง
ของหลักพุทธศาสนา คือรู้กันแต่ว่าทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว
อันเป็นคำสอนของศาสนาทั่วไป
เพราะเรื่องกรรมของพระพุทธศาสนานั้น............
ได้กล่าวถึงกรรม (การกระทำ) ที่จะให้สิ้นกรรมอีกด้วย

กล่าวคือ ให้สิ้นไปทั้งกรรมดี และกรรมชั่ว เพื่อไม่ต้องเป็นไป
ตามอำนาจของกรรมดี กรรมชั่ว เลยกลายเป็นการ
อยู่เหนือกรรม
ไม่ต้องหวั่นไหว หรือเป็นทุกข์ เพราะดีเพราะชั่ว คือเป็น..
..พระนิพพาน (สภาพแห่งความหมดทุกข์โดยสิ้นเชิง) นั่นเอง
คำว่า...กรรม...นี้ จะต้องเป็นการกระทำด้วยเจตนา
ด้วยกาย หรือวาจา หรือใจ ถ้าไม่มีเจตนาก็ถือว่าเป็นเพียง...กิริยา...
และไม่มีผลว่าจะเป็นบาป หรือเป็นบุญ
หากจะมีผลอะไรเกิดขึ้นมา ก็เรียกว่าเป็น...ปฏิกิริยา...
ไม่ใช่...วิบาก...(ซึ่งแปลว่า ผลของกรรม)

ฉะนั้น การกระทำใดๆ ของพระอรหันต์ หรือ ของพระพุทธเจ้า จึงไม่เรียกว่า กรรม...
แต่เรียกว่า...กิริยา
"มีแต่การกระทำ แต่ไม่มีผู้กระทำ กรรมก็กลายเป็นกริยา"
โดย: Devilgirl Suratthani


(https://fbcdn-sphotos-g-a.akamaihd.net/hphotos-ak-frc3/q71/s480x480/983579_506725069383211_295307800_n.jpg)

เห็นตถตา – เห็นธรรม
ตถตานี้สำคัญมาก ถ้าเห็นแล้วปุถุชนก็จะกลายเป็นพระอริยเจ้า
เพราะถ้าเห็นแล้วก็จะไม่ยึดมั่นถือมั่นสิ่งใด ๆ ในโลก
โดยความเป็นตัวตน หรือโดยความเป็นตัวกู-ของกู ก็เพราะเขาไม่เห็นความ
ความเป็นเช่นนั้นเองของสิ่งนั้น ๆ เพราะเขาไม่รู้ หรือโง่เขลาต่อสิ่งนั้น ๆ
จึงไปยึดเอาเป็นสิ่งที่น่ารัก มีความรัก และโกรธในสิ่งที่ชวนให้โกรธ
เกลียดในสิ่งที่ชวนให้เกลียด กลัวในสิ่งที่ชวนให้กลัว แล้วก็เป็นทุกข์เอง

ถ้าเห็นว่า โอ้..ทุกอย่างมันเป็นเช่นนั้นเองตามแบบของมันเอง
มันก็จะไม่ยึดถือ คือจะไม่หลงรัก ไม่หลงโกรธ ไม่หลงเกลียด ไม่หลงกลัว
นั่นแหละคือมันไม่เกิดกิเลสอย่างใดอย่างหนึ่ง
มันไม่เกิดความโลภ ความโกรธ ความหลงเพราะสิ่งนั้น ๆ
เพราะเห็นความเป็นเช่นนั้นเองของสิ่งนั้น ๆ ซึ่งเป็นของธรรมชาติ
คนบ้าเท่านั้นที่จะยึดเอาของธรรมชาติมาเป็นของกู
มันเป็นการปล้นเอาธรรมชาติมาเป็นของกู ปล้นกันปล้นซึ่งหน้า
เอาธรรมชาติมาเป็นของกู เพราะไม่เห็นตามที่เป็นจริงว่า
เป็นของธรรมชาติ คือเป็นเช่นนั้นเอง / โดย: Devilgirl Suratthani


(https://fbcdn-sphotos-h-a.akamaihd.net/hphotos-ak-ash3/p480x480/527047_2584379267124_1865336494_n.jpg)

มีกิจการงานอะไรก็ทำของตนไป จะมีอะไรก็มีได้
แต่อย่าไปยึดมั่นถือมั่นว่า
เป็นตัวตนหรือของตน อย่างนี้ก็เป็น  การอยู่เหนือกรรม
ส่วนปัญหาที่ว่าจะทำ กรรมเก่า ให้หมดไปได้อย่างไรนั้น
ก็ขอตอบว่า เมื่อเราปฏิบัติตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าแล้ว ...
ก็จะไม่มีความรู้สึกว่ามีตัวตน
ที่จะออกไปรับว่า นั่น เป็นกรรมเก่าของเรา
นี่.. เป็นผล... กรรมเก่าของเรา
พร้อมๆไปกับการ ไม่รับผลกรรมใหม่
ว่าเป็นของเราด้วย
โดยถือหลักว่ามันเป็นไปตามกฎ
มันไม่ใช่เรื่องตัวเรา หรือไม่รับเอาเป็นของเรา...
...................ท่านพุทธทาส......
โดย: Devilgirl Suratthani


(https://lh6.googleusercontent.com/-jik61d8BBwk/UUdJLWiB_rI/AAAAAAAACeE/LyQSiuc9V3M/w506-h563-o/527765_582669761751062_409652050_n.jpg)

Credit by  >>> F/B สู่นิพพานและอิสรภาพด้วยปัญญา
นำมาแบ่งปันโดย >>> Isara Tong >> F/B กลุ่ม ธรรมดีที่น่าทำ
หัวข้อ: Re: มันเป็นเช่นนี้...
เริ่มหัวข้อโดย: ฐิตา ที่ มิถุนายน 26, 2013, 08:40:57 pm


(https://lh3.googleusercontent.com/-7y-JdGvQmBw/UcY3a5dYnSI/AAAAAAAAE-M/s1xFWZtJ8Zw/w506-h500-o/dsc05276.jpg)

“พระพุทธเจ้าทรงประทับอยู่ในจิตใจของทุกคน” คือเราทุกคนนั้น
จะมีพระพุทธเจ้าประทับอยู่ในจิตใจด้วยกันทุกคน
แต่เพราะอวิชชาหรือความโง่ไม่รู้จริงได้ปิดบังพระองค์ไว้ จึงทำให้เราไม่สามารถ
พบพระพุทธองค์ได้ ถ้าเราจะกำจัดอวิชชาให้ออกไปจากจิตได้
เราก็จะพบพระพุทธองค์ที่ทรงประทับอยู่เบื้องหลังความโง่ของเรานี่เอง

พระพุทธเจ้านั้นก็คือสภาวะที่รู้ ตื่น เบิกบาน ซึ่งรู้ก็คือรู้แจ้ง
ในเรื่องทุกข์และการดับทุกข์ ตื่นก็คือตื่นจากความโง่หรือความไม่รู้
ส่วนเบิกบานก็คือสดชื่นไม่มีทุกข์ ทุกคนสามารถพบกับ
สภาวะของพุทธะนี้ได้ถ้าสามารถกำจัดความโง่ออกไปจากจิตได้
ส่วนพระพุทธเจ้าจากตำรา หรือจากคนอื่นว่ามานั้นยังไม่ใช่พระพุทธเจ้าแท้
และไม่เป็นสันทิฏฐิโก(พึงเห็นได้ด้วยตนเอง)
""""""""""""""""""""""""""
รู้อะไร หรือจะสู้ รู้สึกตัว ... ผมป่าวโม้น๊า อิ อิ
โดย: สู่นิพพานและอิสรภาพด้วยปัญญา

โดย: สู่นิพพานและอิสรภาพด้วยปัญญา


(https://fbcdn-sphotos-b-a.akamaihd.net/hphotos-ak-frc1/s480x480/427601_311186548937065_964214804_n.jpg)

Live joyfully in this world...
Don t apply ''My own '' to anything!!!
โดย: Devilgirl Suratthani


(https://fbcdn-sphotos-b-a.akamaihd.net/hphotos-ak-frc1/q71/s480x480/999313_507159112673140_774145679_n.jpg)

มีสิ่งอยู่สิ่งหนึ่ง สร้างทุกอย่าง กำหนดความเป็นไป
ของทุกอย่าง และทำลายทุกอย่างได้
สิ่งๆนั้นคือ "เหตุ กับ ปัจจัย"
อิทัปปัจจยตา คือ กฏที่กล่าวว่า "เพราะมีสิ่งนี้ เป็นเหตุปัจจัย สิ่งนี้จึงมี"
เช่น มีสสารตัวนั้นตัวนี้ พลังงานตัวนั้นตัวนี้ ทำให้เกิดวัตถุตัวนั้นตัวนี้ ฯลฯ

(https://lh6.googleusercontent.com/-eHWtD73u-AE/UJiVUDHVX8I/AAAAAAAADlM/8JHZIOgaN5Y/w702-h244-no/12+-+1)

กฏนี้ครอบคลุมทุกสรรพสิ่งในจักรวาล ไม่แบ่งแยกว่าศาสนาไหน
การเกิดขึ้นของจักรวาล การเกิดขึ้นของทุกสรรพสิ่งในจักรวาล
เช่นโลก เช่นดาวเคราะห์ สสาร ธาตุต่างๆ
หรือแม้กระทั่ง จิตใจ ก็ล้วนแล้วแต่เป็นไปตามกฏอิทัปปัจจยตา

อิทัปปัจจยตาในที่นี้ จะหมายถึง พระเจ้าในศาสนาคริสต์ก็ได้
จะหมายถึง "อสังขตธรรม"ในพุทธศาสนาก็ได้
จะหมายถึง พระตรีมูรติ ก็ได้ คือเป็นทั้งผู้สร้างทุกสิ่งทุกอย่าง
เป็นผุ้กำหนดทุกสิ่งทุกอย่าง เป็นผู้ทำลายได้ทุกสิ่งทุกอย่าง
โดย: Devilgirl Suratthani


(https://fbcdn-sphotos-d-a.akamaihd.net/hphotos-ak-ash3/q71/s480x480/1017584_154955738025378_606813648_n.jpg)

เดินไปสุดทางแล้ว กลับเหลียวหา "ผู้เดิน"
หามีไม่
.....แบกอุปาทาน แล้วปรุงแต่งว่า
กำลังเดินทาง...
ก็ไม่สุดทางสักที
สลัด..โยนอุปาทานทิ้ง วันใด
วันนั้นก็พบ....ปลายทาง
โดย: สู่นิพพานและอิสรภาพด้วยปัญญา


(https://fbcdn-sphotos-f-a.akamaihd.net/hphotos-ak-frc3/q71/s480x480/1043882_155091128011839_956558147_n.jpg)

ถ้าคิดว่า.. ตัวเอง ไม่เอาอะไรแล้ว ตัวเอง..
ปล่อยวางได้แล้ว
ตัวเองไม่ยึดมั่นถือมั่นแล้ว นี่คือ"มิจฉาญาน"
เพราะยังมีความคิดว่าตนปฎิบัติ ตนหลุดพ้น
ก็ยังอยู่ใน ภาวะ การมีอยู่
เมื่อยังมีตนอยู่ ก็ต้องมี การมาการไป
หากแต่ที่สุดแห่งพรหมจรรย์นั้น ไม่มีการมาการไป
พระอรหันต์ทั้งหลาย ท่านไปกันแล้วก็จริง
แต่.......ไปน่ะไป แต่ไม่ได้ไปต่อ
โดย: สู่นิพพานและอิสรภาพด้วยปัญญา


(https://lh5.googleusercontent.com/-c64tvAyiPLY/UQjSRsnGYiI/AAAAAAAEU4M/aYDwyH1Nrek/w506-h337-o/photo.jpg)
Credit by  >>> F/B สู่นิพพานและอิสรภาพด้วยปัญญา
นำมาแบ่งปันโดย >>> Isara Tong >> F/B กลุ่ม ธรรมดีที่น่าทำ

หัวข้อ: Re: มันเป็นเช่นนี้...
เริ่มหัวข้อโดย: ฐิตา ที่ มิถุนายน 26, 2013, 09:55:36 pm


(https://fbcdn-sphotos-f-a.akamaihd.net/hphotos-ak-ash4/q71/225832_153728114814807_118682404_n.jpg)


พระอานนท์ได้กราบเรียนถามพระมหากัสสปะขึ้นว่า “พระพุทธะได้มอบจีวรทองให้แก่ท่าน เป็นเครื่องหมายของการเป็นทายาททางธรรม , แล้วมีอะไรอีกไหม ที่พระพุทธะได้มอบให้แก่ท่านอีก ?”

“อานนท์” พระมหากัสสปะกล่าวเรียกขึ้น
“ครับ , หลวงพี่.” พระอานนท์ขานรับ
“เอาเสาธงที่ประตูลงมาเสีย.” พระมหากัสสปะกล่าวขึ้น

(เสาธงเป็นเครื่องหมายของการแสดงธรรม เพราะที่ใดมีการแสดงธรรม
ก็จะมีการชักธงขึ้นไว้ให้เป็นที่สังเกตเห็นได้จากระยะทางไกล)

ที่มา : ประตูที่ไร้ประตู - สำนักพิมพ์สายน้ำ
แปลและรวบรวมโดย : ท่านละเอียด ศิลาน้อย

วัชรสูตรฉบับนี้ แต่เดิมได้รวมอยู่ในผูกที่ 577 ของมหาปรัชญาสูตร ซึ่งนักปราชน์ในอดีตต่างวิจารณ์พระสูตรเล่มนี้ว่ามีค่าดั่งคัมภีร์หลุนหยวี่ของสำนักขงจื่อ ซึ่งแม้ตัวอักษรจะมีจำกัด แต่ก็มีนัยอันมหัศจรรย์ที่มิอาจกล่าวให้สิ้นได้ด้วยอักษรเหล่านั้นเลย พระตถาคตทรงเทศนามหาปรัชญาสูตรเป็นจำนวนทั้งสิ้น 600 ผูก โดยได้แบ่งวาระการเทศนาเป็นจำนวน 16 ครั้งใน 4 สถานที่ และวัชรสูตรฉบับนี้พระพุทธองค์ได้ทรงเทศนาไว้เมื่อครั้งประชุมธรรมครั้งที่ 9 ที่ได้จัดขึ้น ณ เชตวันมหาวิหาร อันเป็นวิหารธรรมที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเมืองสาวัตถีที่อยู่ทางภาคกลางในประเทศอินเดียนั่นเอง

3. ศาสตร์แท้
พระพุทธองค์ตรัสแก่สุภูติว่า "เหล่าเวไนยสัตว์ มหาสัตว์ ควรสยบใจเช่นนี้ สรรพสัตว์ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเกิดจากอัณฑชะก็ดี เกิดจากชลาพุชะก็ดี เกิดจากสังเสทชะก็ดี เกิดจากอุปปติกะก็ดี หรือจักมีรูปก็ดี ไม่มีรูปก็ดี มีสัญญาหรือไ้ร้ (สิ้น) สัญญาก็ดี หรือจักมิมีสัญญาหรือมิไร้ (สิ้น) สัญญาก็ดี เราล้วนชักนำเข้าสู่อนุปาทิเสสนิพพานและขจัดฉุดฃ่วย ด้วยการขจัดฉุดช่วยสรรพสัตว์ที่จำนวนมิอาจประมาณนับได้นี้ ความจริงแล้วหาได้มีสรรพสัตว์ใด ๆ ได้รับการขจัดฉุดช่วยเลย เพราะเหตุใด ? สุภูติ ! หากพระโพธิสัตว์มีอาตมะลักษณะ บุคคละลักษณะ สัตวะลักษณะ ชีวะลักษณะแล้ว ก็จะมิใช่พระโพธิสัตว์ ?

4. สังขาร (ดำเนิน) แยบยล ไร้ดำรง
"อนึ่ง สุภูติ ! ในธรรมนั้น พระโพธิสัตว์ควรบริจากทานโดยไร้ดำรงกล่าวคือ จักบริจาคทานโดยไร้ดำรงในรูป ไร้ดำรงในเสียง กลิ่น รส สัมผัส และธรรมารมณ์ สุภูติ ! พระโพธิสัตว์ควรบริจาคทานเช่นนี้ โดยไร้ดำรงในลักษณะ เพราะเหตุใด ? หากพระโพธิสัตว์ไร้ดำรงในลักษณะบริจาคทาน บุญวาสนาที่ได้รับก้จักมิอาจคิดคำนวนได้เลย สุภูติ ! ในความหมายนี้เป็นเช่นไร ? ทิศบูรพาอันว่างเปล่าสามารถคะเนได้หรือไม่ ?" "ไม่แล ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า ! " "สุภูติ ! ทิศทักษิณ ปัจฉิม อุดร ตลอดจนความว่างเปล่าในบนล่างสารทิศสามารถคะเนได้หรือไม่ ?" "ไม่แล ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า !" "สุภูติ ! พระโพธิสัตว์ไร้ดำรงในลักษณะบริจาคทาน บุญวาสนาที่ได้ย่อมไม่อาจคะเนได้ดุจกัน สุภูติ ! พระโพธิสัตว์พึงดำรงตามคำสอนเช่นนี้แล"

5. ดั่งแท้ เห็นจริง
"สุภูติ ! ในความหมายนี้เป็นเช่นไร ? สามารถอาศัยกายลักษณะเห็นตถาคตได้หรือไม่ ? "ไม่แล ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า ! ไม่สามารถอาศัยกายลักษณะเห็นตถาคตได้ เพราะเหตุใด ? กายลักษณะที่พระตถาคตได้ตรัส มิใช่กายลักษณะ" พระสุคตตรัสแก่สุภูติว่า "ลักษณะที่มีอยู่ทั้งหลายล้วนเป็นมายา หากเห็นเหล่าลักษณะมิใช่ลักษณะ ก็จะเห็นตถาคต"

6. ศรัทธาเที่ยงตรง ยากจะมี
สุภูติทูลถามพระพุทธองค์ว่า "ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! ยังจักจะมีเหล่าเวไนยสัตว์ที่ได้สดับพระธรรมบรรยายฉะนี้ แล้วบังเกิดศรัทธาอันเที่ยงแท้หรือไม่ ?" พระพุทธองค์ตรัสตอบสุภูติว่า "อย่าได้กล่าวเช่นนั้น หลังจากตถาคตดับขันธ์ปรินิพพาน หลัง 500 ปี มีผู้ถือศีลบำเพ็ญบุญที่อาศัยพระธรรมนี้ จนสามารถเกิดใจศรัทธา และถือสิ่งนี้เป็นจริง ควรรู้ว่าคน ๆ นี้ ไม่เพียงแต่ปลูกฝังกุศลมูลเฉพาะ 1 พุทธะ 2 พุทธะ, 3,4,5 พระพุทธะเท่านั้น หากแต่เขาได้ปลูกฝังกุศลมูลต่อพระำพุทธะอันมิอาจประมาณได้เลย และเมื่อเขาได้สดับพระธรรมดังกล่าว กระทั่งเกิดศรัทธาบริสุทธิ์ สุภูติ ! ตถาคตนั้นรู้หมด เห็นหมด คือ เหล่าเวไนยสัตว์ที่ยึดธรรมฉันนี้ จักได้รับบุญวาสนาอันไร้ขอบเขต เพราะเหตุใด ? เป็นเพราะเหล่าเวไนยสัตว์ฉันนี้จะไม่กลับไปมี อาตมะลักษณะ บุคคละลักษณะ สัตวะลักษณะ ชีวะลักษณะ ไร้ธรรมลักษณะ อีกทั้งไร้อธรรมลักษณะ เพราะเหตุใด ? เพราะเหล่าเวไนยสัตว์ฉันนี้ หากใจเกิดติดในลัดษณะ ก็คือติดยึดใน อาตมะ บุคคละ สัตวะ และชีวะลักษณะ หากติดในธรรมลักษณะ ก็คือ ติดยึดใน อาตมะ บุคคละ สัตวะ และชีวะลักษณะ เพราะเหตุใด หากติดในอธรรมลักษณะ ก็คือ ติดยึดในอาตมะ บุคคละ สัตวะ และชีวะลักษณะ ฉะนั้นจึงไม่ควรติคยึดในธรรม ไม่ควรติดยึดในอธรรม ด้วยความหมายเช่นนี้ ตถาคตมักกล่าวเป็นเสมอว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พึงรู้ว่าธรรมที่เราแดสง อุปมาดั่งแพ แม้แต่ธรรมยังต้องละ นับประสาอะไรกับอธรรมเล่า"

7. ไร้รับ ไร้วาจา
"สุภูติ ! ในความหมายนี้เป็นเช่นไร ? ตถาคตได้อนุตตรสัมมาสัมโพธิฤา ? ตถาคตได้แสดงธรรมฤา ?" สุภูติตอบว่า "ตามความเข้าใจในความหมายที่พระองค์ตรัสของข้าพระองค์นั้นคือ ไม่มีธรรมที่แน่นอน ที่ชื่อว่าอนุตตรสัมมาสัมโพธิ และไม่มีธรรมที่แน่นอนที่ตถาคตได้แสดง เพราะเหตุใด ? ธรรมที่ตถาคตได้แสดงเทศนา ล้วนมิอาจยึด มิควรกล่าว ไม่ใช่ธรรม ไม่ใช่อธรรม ทั้งนี้เพราะเหตุใด ? เมธีอริยะทั้งหลาย ล้วนเนื่องด้วยอสังขตธรรมและเกิดความแตกต่าง"

8. อาศัยธรรม ก่อเกิด
"สุภูติ ! ในความหมายนี้เป็นเช่นไร ? ถ้าหากบุคคลนำสัปตรัตนะปูทั่วมหาตรีสหัสโลกธาตุ เพื่อใช้บริจาคทาน บุญวาสนาที่ได้รับของบุคคลนี้นับว่ามากมายหรือไม่ ? " สุภูติทูลตอบว่า "มากมายยิ่งนัก ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า ! เพราะเหตุใด ? บุญวาสนานี้ แท้จริงไร้แก่นแท้ของบุญวาสนา ดังนั้นตถาคตตรัสว่า บุญวาสนามากมาย" "แต่หากได้มีบุคคลสนองรับตามในพระสูตรนี้ ที่สุดแม้เพียงโศลกแค่ 4 บาท และประกาศสาธยายกับคนอื่น บุญนี้ยังมากมายเหนือกว่าบุญชนิดแรก เพราะเหตุใด ? สุภูติ ! พระพุทธะทั้งปวง อีกทั้งเหล่าพระพุทธอนุตตรสัมมาสัมโพธิธรรมทั้งหลาย ล้วนเกิดจากพระสูตรนี้ สุภูติ ! สิ่งที่เรียกว่าพุทธธรรมนั้น แท้จริงมิใช่พุทธธรรม"

9. ไร้แม้หนึ่งลักษณะ
"สุภูติ ! ในความหมายนี้เป็นเช่นไร ? พระโสดาบันจะสามารถมนสิการว่า ตนได้บรรลุโสดาปัตติผลได้ฤา ?" สุภูติทูลตอบว่า "ไม่แล ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า ! เพราะเหตุใด ? พระโสดาบันนามว่าเข้าสู่กระแส แต่ไม่ได้มีการเข้า การไม่เข้าสู่ รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ธรรมารมณ์ จึงได้ชื่อว่าพระโสดาบัน" "สุภูติ ! ในความหมายนี้เป็นเช่นไร ? พระสกทาคามีจะสามารถมนสิการว่า ตนได้บรรลุสกทาคามิผลได้ฤา ?" สุภูติตอบว่า "ไม่แล ขัาแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า ! เพราะเหตุใด ? พระสกทาคสมีมีนามว่าไปมาหนึ่งครั้ง แต่โดยความจริงไม่มีการไปมาหนึ่งครั้ง จึงได้ชื่อว่าพระสกทาคามี" "สุภูติ ! ในความหมายนี้เป็นเช่นไร ? พระอนาคามีจะสามารถมนสิการว่า ตนได้บรรลุอนาคามิผลได้ฤา ?" สุภูติทูลตอบว่า "ไม่แล ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า ! เพราะเหตุใด ? พระอนาคามีนามว่าไม่มา แต่โดยความจริงไม่มีการไม่มา จึงได้ชื่อว่าพระอนาคามี" "สุภูติ ! ในความหมายนี้เป็นเช่นไร ? พระอรหันต์จะสามารถมนสิการว่า ตนได้บรรลุอรหัตตมรรคได้ฤา ?" สุภูติตอบว่า "ไม่แล ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า ! เพราะเหตุใด ? โดยความจริงแล้วไม่มีธรรมที่เรียกว่าพระอรหันต์ ขัาแต่พระสุคต ! หากพระอรหันต์ได้มนสิการว่า ตนได้บรรลุอรหัตตมรรค ก็คือติดใน อาตมะ บุคคละ สัตวะ ชีวะลักษณะ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! พระองค์ตรัสว่า ข้าพระองค์ได้บรรลุอารัณยิกในสมาธิ เป็นที่หนึ่งในกลุ่มคน เป็นพระอรหันต์องค์แรกที่ได้พ้นจากกิเลส ข้าแต่พระองค์ผู้ควรบูชา ! ข้าพระองค์ไม่นมสิการเช่นนี้ว่า ข้าพระองค์ก็คือพระอรหันต์ผู้พ้นจากกิเลส ข้าแต่พระสุคต ! หากข้าพระองค์ได้มนสิการเช่นนี้ว่า ข้าพระองค์ได้บรรลุอรหัตตมรรค พระองค์ก็จะไม่ตรัสว่า สุภูติคือผู้ยินดีในอารัณยิกปฏิปทา แต่เนื่องด้วยความจริงแล้วสุภูติไร้ซึ่งปฏิปทาจึงได้ชื่อว่า สุภูติคือผู้ยินดีในอารัณยิกปฏิปทา"

(https://fbcdn-sphotos-b-a.akamaihd.net/hphotos-ak-prn1/1013086_653191164709763_1014199800_n.jpg)
Credit by  >>> F/B สู่นิพพานและอิสรภาพด้วยปัญญา
นำมาแบ่งปันโดย >>> Isara Tong >> F/B กลุ่ม ธรรมดีที่น่าทำ

หัวข้อ: Re: มันเป็นเช่นนี้...
เริ่มหัวข้อโดย: ฐิตา ที่ มิถุนายน 26, 2013, 10:05:53 pm

                  (https://fbcdn-sphotos-g-a.akamaihd.net/hphotos-ak-prn1/q77/s480x480/1017608_153853128135639_991664998_n.jpg)

เธอเคยบริสุทธิ์ เธอยังจำได้ไหม เธอเคยเป็นทารกไหม เธอเคยเป็นเด็กไหม เธอเคยละเล่นไหม ตอนนั้นเธอรู้สึกอะไร ตอนนั้นเธอรู้สึกอย่างไร เธอมีความสุขที่ไม่อาจจะบอกกล่าวผู้ใหญ่คนใดฟังแล้วเข้าใจได้เลย พวกผู้ใหญ่เหล่านี้คือเธอเมื่อเติบโต เพราะเหตุใดเขาเคยเป็นเด็กทุกคนแต่ไม่เข้าใจเด็กเลย เพราะพวกเขาไม่รู้จักความบริสุทธิ์อีกแล้ว พวกเขาแปดเปื้อนเหมือนผ้าขี้ริ้วที่เอาให้ใช้ทำความสะอาด มันจะไม่มีวันขาวขึ้น หัวใจผู้ใหญ่เหล่านั้นมืดมนสกปรก และบางครั้งก็เลวร้ายด้วย ทุกครั้งพวกเขาจะทำร้ายความบริสุทธิ์ของเด็กด้วยคำว่าเหตุผล

(https://lh3.googleusercontent.com/-gEBSTFnN4qI/UhfA7WDk7fI/AAAAAAAA-9g/JPt3LhJGKyw/w426-h638/sculpture+Karma.jpg)

โอ เจ้าเหตุผลนี้ละเราถึงต้องเจ็บปวด สิ่งที่ทำไม่ได้ สิ่งที่ต้องทำ สิ่งที่ควรทำก็เกิดขึ้น ชีวิตเธอกำลังอยู่ในกรงขังของเหตุผลตลอดเวลา เมื่อมีความคิดเหตุผลแล้ว ความเชื่อ ศาสนาก็มอบโซ่ตรวนอันใหญ่โตยิ่ง นั้นคือผิดชอบชั่วดี เข้ามาขังคุณอยู่ในกรง แล้วสอนให้คุณรับใช้พวกเขาโดยอ้าง ความผิดชอบชั่วดี เอามาความดีชอบบุญมาหลอกหลวงให้คุณบริจาคกำลังเงิน กำลังกาย กำลังความคิด เพื่อผลประโยชน์สุขของพวกเขาเองโดยอ้างว่า นี้คือการทำบุญ นี้คือช่วยเหลือกันในสังคมที่หาได้ยาก นี้คือความดีที่ชอบแล้ว ใช่หรือไม่ใช่ที่เขาบอกกล่าวกับเธอเช่นนี้ เธอไปทำอย่างนั้นเพราะเธอคิดเองมาตั้งแต่เด็กหรือ

(https://lh4.googleusercontent.com/-RuY86nyVhfI/UbzvUKRP-eI/AAAAAAADbuQ/YISnm3UxlCA/w506-h767-o/acquat+%281%29.gif)

เธอได้รับการสั่งสอนจากพวกเขา แล้วพวกเขาได้มอบศีลธรรมจอมปลอมมาเป็นของแถม พวกเขาหลงใหลความจอมปลอมที่มีแต่เปลือก จริงหรือไม่ฉันกำลังถามเธอ? เพราะฉันไม่อยู่แล้วเธอจะต้องหาคำตอบเองว่าศีลธรรมที่สมมุติกันในศาสนา ความเชื่อ ความคิดนี้คือศีลธรรมจริงๆหรือไม่ พวกเขาขังคุกคุณ จองจำคุณชั่วชีวิต จองจำไปกระทั่งหลังความตาย ด้วยความเชื่อ ศาสนาสมมุติกันไป ฉันจะบอกเธอว่าเธอไม่ต้องมีศาสนา ความเชื่อ ระบบความคิด กฎ หรอก เพราะศาสนา ความเชื่อ ระบบความคิด กฎ คือสิ่งที่แลกด้วยการต้องทำร้าย และทำลายกันของมนุษย์ สงคราม มาจากสิ่งเหล่านี้ ความจอมปลอม

มนุษย์ทำร้ายกันเองมานานแค่ไหน เพื่อศาสนา เพื่อความเชื่อ เพื่อระบบความคิด เพื่อกฎ ตั้งแต่มีมันใช่ไหม เธอจะบอกฉันว่าแล้วศีลธรรมจริงๆจะมาจากไหนถ้าไม่ใช่สิ่งเหล่านี้

ฉันจะบอกเธอและจะบอกเธออีกว่าเธอบริสุทธิ์อยู่แล้ว ศีลธรรมจริงๆมันมีตั้งแต่แรกแล้ว ตั้งแต่เธอเกิดมา เธอเคยรู้สึกทุกอย่างมีความหมายกับเธอ โดยที่เธอไม่เข้าใจบ้างไหม เธอเคยปล่อยทุกสิ่งทุกอย่างออกมาจนหมดแล้ว เธอคิดจะทำร้ายใครด้วยความตั้งใจอีกไหม เธอจะไม่ทำร้ายใคร เธอจะรักทุกสิ่งทุกอย่าง เธอจะเห็นความจริง เธอจะมีอิสรภาพจากทุกสิ่ง นั้นละศีลธรรมอันแท้จริงที่โลกต้องการ ไม่ใช่ความจอมปลอม

(https://lh3.googleusercontent.com/-yUzw03_fNho/UcAr8p_20bI/AAAAAAABhsg/nmQWe0n-jOQ/w506-h380-o/538456_3106247249863_1074731570_3104362_2002213464_n.jpg)
โดย: สู่นิพพานและอิสรภาพด้วยปัญญา
หัวข้อ: Re: มันเป็นเช่นนี้...
เริ่มหัวข้อโดย: ฐิตา ที่ มิถุนายน 26, 2013, 10:36:39 pm


(https://lh3.googleusercontent.com/-Pb7BwOMmK7c/URBiVKl2JVI/AAAAAAAAReA/8WiWNpnr0gY/w656-h385-o/bamboo-forest-lake.jpg)

เธอคือกระแสของความคิดและความทรงจำทั้งมวลที่สั่งสมไว้
และกำลังหลั่งไหลอยู่ตลอดเวลา
สืบต่อกันไปไม่ขาดสายดุจสายน้ำ กระแสนี้เองที่พัดพาสิ่งต่าง ๆ มาสู่เธอ
แท้จริง อัตตาหาได้มีหรือไม่มีอยู่ไม่
มันเป็นเพียงถ้อยคำ ภาพมายา และความหมาย ที่กระแสความคิดของเธอ
สร้างมันขึ้นมาสืบต่อไปไม่จบสิ้น

มันเหมือนดั่งเงาของดวงจันทร์ในน้ำ ซึ่งในสภาวะอันล้ำลึก
ช่างงดงามอย่างยิ่ง แต่เมื่อยามที่เธอ
เฝ้ามองมันอย่างเงียบงัน มันก็หาได้มีทั้งดวงจันทร์ ทั้งเงา และน้ำไม่ ...
เพียงแค่เธอยังไม่ได้สัมผัสกับมัน
โดย: สู่นิพพานและอิสรภาพด้วยปัญญา


(https://lh5.googleusercontent.com/-WmkWcUaWsPc/UbfhBBAK20I/AAAAAAAPEKk/mPkTVo7u2os/w706-h544-o/Bierstadt-Sunrise-Yosemite-Valley.jpg)

ความเข้าใจหากหยิบยื่นให้แก่กันได้คงดี
แต่ความปรารถนาที่จะเข้าใจนั่นแหล่ะตัวดี
เพราะมันคือมารล่อลวงที่เธอต้องเข้าใจและรู้ทันมัน
โดย: สู่นิพพานและอิสรภาพด้วยปัญญา


(https://fbcdn-sphotos-c-a.akamaihd.net/hphotos-ak-prn1/q71/s480x480/1011723_154316394755979_1602720414_n.jpg)

เป็น หนึ่งเดียว กับ ทุกสรรพสิ่ง
เมื่อเธอ  พ้น  ไปจาก  ทวิภาวะ
โดย: สู่นิพพานและอิสรภาพด้วยปัญญา


(https://fbcdn-sphotos-e-a.akamaihd.net/hphotos-ak-ash4/q73/s480x480/1012341_154301171424168_990925915_n.jpg)

ใจเป็นสิ่งใด ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานก็อยู่ที่นั่น ..
เมื่อใจไม่ได้เป็นสิ่งใด ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานก็ไม่ได้มีอยู่ที่ใด..
นั่นคือ ความเป็นเดิมแท้ ..
ที่มีอยู่ในสรรพสิ่งทั้งหลาย..เช่นเดียวกัน .. เช่นนั้นเอง .....
โดย: สู่นิพพานและอิสรภาพด้วยปัญญา


(https://fbcdn-sphotos-g-a.akamaihd.net/hphotos-ak-ash3/q72/s480x480/1010963_154079111446374_519849913_n.jpg)

ทุกเวลา.. เป็นขณะแห่งการ“ดื่มด่ำ”ธรรมชาติ ..
ที่ยุติตัวเองอยู่เเล้ว ..ในศานติ ..


(https://lh6.googleusercontent.com/-JH_rq_Zd8lY/UbWzwfn5XVI/AAAAAAABdLk/WCK8d_KIGYk/s506-o/531071_10150769945069345_694189344_9197703_1637819997_n.jpg)
โดย: สู่นิพพานและอิสรภาพด้วยปัญญา

หัวข้อ: Re: มันเป็นเช่นนี้...
เริ่มหัวข้อโดย: ฐิตา ที่ มิถุนายน 26, 2013, 11:05:29 pm

(https://www.matichon.co.th/wp-content/uploads/2017/01/%E0%B8%A0%E0%B8%9B-%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%88%E0%B8%88%E0%B8%B0%E0%B9%81%E0%B8%AB%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%95.jpg)

มีแต่การกระทำ..แต่ไม่มีผู้กระทำ
สภาวะนี้ใช้ภาษาสมมุติว่า"การเจริญวิมุตติ"
เป็นสภาวะที่ไร้การปรุงแต่งทั้งปวง(ไร้ผู้กระทำ)
จึงยุติวงจรปฎิจจสมุปบาท(การเวียนว่ายตายเกิด)
หมดสิ้นกฎเกณฑ์อิทัปปัจจยตา(ปัจจัยแห่งการสืบเนื่องเหตุและผล)
...สภาวะนี้ จิตจะเฉยๆ ไม่เจริญสมาธิ ไม่เจริญปัญญา ไม่เจริญอุเบกขา
ไม่มีการจดจ่อ ไม่ตามดูตามรู้กำหนดอะไร
จิตจะว่างจากการเปลี่ยนแปลง
ว่างจากทุกๆการปรุงแต่งที่เกิดจาก"เรา"อย่างสิ้นเชิง
จิตจึงพ้นไปจากสมมุติบัญญัติใดๆ
แต่จะรู้แบบปรมัตถ์ คือรู้ๆๆๆๆไปเรื่อยๆอย่างอธิบายไม่ได้


(https://i.pinimg.com/564x/2e/5e/1a/2e5e1af1043e06cf1daa02c7f05189f7.jpg)

...นี่ไม่ใช่การควบคุมจิต ไม่ดับ ไม่ข่ม ไม่หยุด
ไม่พิจารณาทำความเข้าใจอะไรทั้งสิ้น
ไม่ว่าท่านจะปฎิบัติอะไรมามากมาย ก็มาจบที่สภาวะนี้
......ในสมัยพุทธกาล พระพุทธองค์เคยสอนธรรมนี้
ให้ชายผู้หนึ่งที่มีภูมิธรรมสูงชื่อว่า"พระพาหิยะ"
.......เห็นสักว่าเห็น...
.......ได้ยินสักว่าได้ยิน...
.......รู้ก็สักว่ารู้....
.....รู้แจ้งก็สักว่ารู้แจ้ง......
สักแต่ว่า หมายถึงไม่มีตัวตนไปปรุงต่อ
"เมื่อเธอไม่มี โลกนี้ โลกหน้า ระหว่าง2โลกไม่มี"
โดย: Devilgirl Suratthani


(https://i.pinimg.com/564x/09/45/32/094532a43363843f8c4485f857c94044.jpg)

ธรรมะ...มีอยู่รอบตัว
คุรุ...อยู่ในทุกสรรพสิ่ง
โดย: สู่นิพพานและอิสรภาพด้วยปัญญา


(https://i.pinimg.com/564x/69/3b/6b/693b6b1446d57083a628e692208a6c75.jpg)

อะไรหรือ...ที่ดี เลว เสมอ???
มานะ ได้แก่ การเปรียบเทียบ ซึ่งไม่ใช่ตามความเป็นจริง เช่น
ตนดีกว่าเขา เขาเลวกว่าตน
ตนเลวกว่าเขา เขาดีกว่าตน
ตนกับเขา เสมอกัน
แต่จริงๆแล้ว ทุกรูปทุกนาม ไม่มีใครดี,เลว หรือแม้กระทั่งเสมอกัน

ทุกบุคคลตัวตน เขา, เรา ที่มองเห็น ล้วนเป็นเพียงเปลือก
ที่เกิดจากเหตุที่ทำไว้ เป็นเปลือกที่ใช้อาศัยชั่วคราว
ตามเหตุปัจจัยที่ยังมีอยู่ และที่กำลังสร้างขึ้นมาใหม่ เปลือกจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ
จนกว่าจะหยุดสร้างเหตุของการเกิด

เพราะไม่รู้ตามความเป็นจริง ของเรื่องเหตุการกระทำและผลที่ได้รับ
เป็นเหตุให้เกิดการให้ค่าต่อสิ่งที่เกิดขึ้นว่า
สิ่งนั้นเลวบ้าง สิ่งนั้นดีบ้าง สิ่งนั้นเสมอตนบ้าง
...................................................

ทั้งๆทุกรูปทุกนามล้วนไม่มีความแตกต่างกัน
ล้วนเป็นเพียงรูปนามที่เสื่อมสลายไปตามเหตุปัจจัย
โดย: Devilgirl Suratthani


(https://i.pinimg.com/564x/4b/54/84/4b5484fa63905f98b821cff3db1568e4.jpg)

ไม่มีซ้าย ไม่มีขวา ไม่มีทั้งหนทางและผู้เดินทาง
ดังนั้นทุกหนทางล้วนลวงเธอ
... มีเพียงความรู้สึกตัว ณ ขณะนี้ ๆ นี่เอง
สิ่งอื่นใดนอกจากนี้ คือความคิดที่ลวงเธอ.....
โดย: สู่นิพพานและอิสรภาพด้วยปัญญา


(https://i.pinimg.com/564x/ea/4f/b3/ea4fb3cd692f134106f962249a07b92e.jpg)

อิสรภาพคือการทำหน้าที่ หน้าที่ของความเป็นมนุษย์
มนุษย์ที่เบิกบานในทุกการกระทำ
โดยที่ภายในว่างเปล่า
ปราศจากชื่อ ปราศจากผู้กระทำ และการกระทำ
โดย: สู่นิพพานและอิสรภาพด้วยปัญญา


(https://i.pinimg.com/564x/ad/c2/1a/adc21a408d716dcfe28caf1f0df19fc2.jpg)

อิสรภาพ คือกระแสแห่งชีวิตที่ไม่มีวันสิ้นสุด
มันไม่มีจุดเริ่มต้นจึงไม่มีจุดจบ
มันรายล้อมอยู่รอบตัวเธอ มันอยู่ในตัวเธอ
มันและเธอคือสิ่งเดียวกัน
เมื่อเธอพ้นไปจากทวิภาวะใด ๆ ของความคิด
โดย: สู่นิพพานและอิสรภาพด้วยปัญญา


(https://lh6.googleusercontent.com/-e8YJEhHTmiw/Ubmuu9dTP3I/AAAAAAABb2o/rLCkH-QXAEc/w506-h631-o/27645.jpg)

บุคคลที่ยังมิว่างเว้นจากความนึกคิดไปได้ ..
เธอผู้นั้นมิควรเป็นศัตรูผู้ใดเลย ..
และเธอควรจักได้รับความเมตตาเป็นที่สุด ในที่สุด ....

(https://lh4.googleusercontent.com/-_sTCug_oWWo/UY9Qnh22PCI/AAAAAAAAFkk/8ufke4qFUXQ/w506-h284-o/nnnnnnnnnnnnnnnnnn.gif)

โดย: สู่นิพพานและอิสรภาพด้วยปัญญา

หัวข้อ: Re: มันเป็นเช่นนี้...
เริ่มหัวข้อโดย: ฐิตา ที่ มิถุนายน 26, 2013, 11:42:36 pm


(https://fbcdn-sphotos-b-a.akamaihd.net/hphotos-ak-prn2/q71/s480x480/971442_505752829480435_1595719993_n.jpg)

การให้อภัย หากทำได้ จิตก็เป็น อิสระ
หากให้อภัยไม่ได้ ก็ต้องผูกติดกันต่อไปอีก
แต่...ถ้าเห็นสัจจะ คือความเป็นอนัตตาแล้ว
...ยังมี  ใคร  ให้ต้องอภัยอีกหรือ?
โดย: Devilgirl Suratthani


(https://fbcdn-sphotos-h-a.akamaihd.net/hphotos-ak-frc1/q71/s480x480/5779_505679062821145_1371956638_n.jpg)

เมื่อหิว...เจ้าจงกิน
เมื่อง่วง...เจ้าจงนอน
เมื่อคิดจร...เจ้าจงไป
เมื่ออยู่ที่ใด เจ้า"แค่รู้"อยู่
เหล่านี้คือธรรมสูงสุด
อาจดูเรียบง่าย แต่มันคือความจริง
...........................

(https://lh6.googleusercontent.com/-mpyAjDTdPGI/UdCi7VQcMtI/AAAAAAABDKs/it9OXnTLeQI/w406-h659-o/580400_492004610872144_556608185_n.jpg)

แค่รู้ ปัจจุบันไม่ปรุงแต่ง
ไม่ติดอดีต..ไม่หวังอนาคต
ว่าง..จะทำให้"วาง"
วาง..ก็ตัดห่วงอวิชชา
โดย: Devilgirl Suratthani


(https://fbcdn-sphotos-b-a.akamaihd.net/hphotos-ak-prn2/q72/s480x480/5719_153811288139823_1591326146_n.jpg)

ชีวิตมีอยู่แท้จริงหรือ?
หากมีอยู่จริงทำไมคนเราต้องตาย
แล้วชีวิตเมื่อวานหายไปไหน
ชีวิตของวันนี้มาจากไหน
ความชราที่จู่โจมมาใครเลยจะห้ามไดั นี่หรือ
“ชีวิตที่เป็นของเรา” ...
โดย: สู่นิพพานและอิสรภาพด้วยปัญญา


(https://fbcdn-sphotos-e-a.akamaihd.net/hphotos-ak-prn1/q73/s480x480/1012732_505453922843659_1678992393_n.jpg)

แท้ที่จริง...เรานั้นไม่เคยมี
อดีต..ก็แค่ขันธ์5 เกิดขึ้นเพราะมีเหตุปัจจัย และดับแล้ว
อนาคต..ก็ขันธ์5ที่จะเกิดหรือไม่.ก็เพราะเหตุปัจจัย
ปัจจุบัน..เรามีไหม ก็แค่ขันธ์5
ที่ปรุงแต่งเป็นครั้งๆเกิดแล้วดับเหมือนกัน
...พระพุทธองค์จึงกล่าวว่า เมื่อเข้าใจข้อนี้ ความสงสัยที่ว่า
เราทำกรรมอะไรหนอ เคยเกิดเป็นอะไรหนอ
แล้วจะไปเกิดเป็นอะไรหนอ
ย่อมไม่มีอย่างเด็ดขาด......


(https://lh3.googleusercontent.com/-4YqyV_gIOoI/UdFkFjWsONI/AAAAAAABDt4/rg-6ZbwrOJY/w506-h762-o/400689_382705248515170_1197982615_n.jpg)

สงสัย..ว่าที่พบนี่ คู่แท้เปล่าหนอ ทำอย่างไรจึงจะพบคู่แท้
ขนาดตัวเรายังไม่แท้เลย คู่เรามันจะแท้ได้อย่างไร

...โดยความเป็นจริงแล้ว กรรมมันไม่มีตัวตนอะไร
ไม่มีเจ้ากรรมนายเวรที่ไหนเป็นตัวตน
กรรมเกิดแล้ว..มันก็ดับแล้ว ผลจะเกิดหรือไม่
มันก็ตกอยู่ภายใต้ความไม่แน่ไม่นอนเหมือนกัน
จะแสดงผลหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับเหตุปัจจัย....
เพียงเรารู้ว่าผิด แล้วหยุด สำรวมระวังในโอกาสต่อไป
...นี่เป็นวิธีแก้กรรม ที่พระพุทธเจ้าทรงรับรอง....


(https://lh5.googleusercontent.com/-tMUvborI-hc/Ua-4hJ7u1wI/AAAAAAAAY-E/IFxFx4t8YJ0/s506-o/tumblr_mn2tpyMMR91qb3v7ho1_1280.jpg-duongquocdinh.jpg)
โดย: Devilgirl Suratthani

หัวข้อ: Re: มันเป็นเช่นนี้...
เริ่มหัวข้อโดย: ฐิตา ที่ มิถุนายน 27, 2013, 12:15:26 am


(https://fbcdn-sphotos-d-a.akamaihd.net/hphotos-ak-ash4/q71/s480x480/1002408_153497848171167_502409607_n.jpg)

กล่าวได้ว่า...เมื่อเข้าถึงสัจจะ
มันไม่มี  "อะไร"  ในจิต
ถ่ายทอดออกมาเป็นตัวหนังสือได้เลย
..........................

(http://t1.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcS8R_p4OtNTIo4bywBcCg9ndCd8TTCCWAl1aCxOKMWLarN2BoMuCAGbP49u)

คนเราสร้างความคิดปรุงแต่งขึ้นมา
แล้วจองจำตนเอง อยูกับสิ่งที่ปรุงแต่งนั้น
ผู้ที่มองทะลุ กำแพงความคิด
จึงจะหลุดพ้น จากคุกแห่งสังสารวัฎนั้น
โดย: สู่นิพพานและอิสรภาพด้วยปัญญา


(https://fbcdn-sphotos-a-a.akamaihd.net/hphotos-ak-prn1/q77/s480x480/1011893_153486641505621_225932388_n.jpg)

สิ่งที่มิเคยมีอยู่ในโลก มนุษย์ก็ช่างติไปถึง ...
ลมเอยพัดแรงไป
อาทิตย์เอยร้อนเกินไป ฝนเอยตกหนักไป ....
แม้แต่ธรรมชาติเอง หัวใจมนุษย์ก็ยังไม่มีความพอดีให้ ...
เป็นเพราะเหตุใดกัน ......
โดย: สู่นิพพานและอิสรภาพด้วยปัญญา


(https://fbcdn-sphotos-g-a.akamaihd.net/hphotos-ak-frc3/q71/s480x480/993048_153485338172418_1385398075_n.jpg)

ผู้ที่รู้ความจริง ย่อมไม่เถียงใคร...
เพราะเค้าเเจ้งชัดในความเป็นจริง ..
ที่อยู่เหนือทั้งการแบ่งแยกและไม่แบ่งแยก ..
โดย: สู่นิพพานและอิสรภาพด้วยปัญญา


(https://fbcdn-sphotos-e-a.akamaihd.net/hphotos-ak-ash3/q79/s480x480/9358_153483824839236_1359342880_n.jpg)

โลกว่าง .. ก้อนหินว่าง .. ที่นั่งว่าง .. มือว่าง ..
ใจว่าง ..... แต่เซนไม่ว่าง ....
เพราะเซนคือ ..
ขณะแห่ง  ความเป็นหนึ่งเดียวกัน  ตลอดสาย ...
โดย: สู่นิพพานและอิสรภาพด้วยปัญญา


(https://fbcdn-sphotos-d-a.akamaihd.net/hphotos-ak-ash3/q71/s480x480/1013907_452199671543726_1876422422_n.jpg)

"สพฺพรติง ธมฺมรติ ชินาติ"
"ความยินดีในธรรมย่อมชนะความยินดีทั้งปวง"
โดย: รักดนตรี ควบคู่ไปกับธรรม


(https://fbcdn-sphotos-h-a.akamaihd.net/hphotos-ak-prn2/q77/s480x480/971624_153475551506730_1521023519_n.jpg)

ความหมายของ “ธรรม” คือ “หยุด”
.......... หากยังหยุดไม่ได้ธรรมก็ยังแสดงตัวอยู่ ..
และเมื่อหยุดได้แล้ว ก็ไม่มีสิ่งใดให้ต้องเข้าถึงอีกต่อไป ..
โดย: สู่นิพพานและอิสรภาพด้วยปัญญา


(https://fbcdn-sphotos-c-a.akamaihd.net/hphotos-ak-frc3/q71/s480x480/970490_505167066205678_1887210330_n.jpg)

จริงๆแล้ว เราไม่สามารถควบคุมจิตของเราได้เลย
เพราะจิตมันเป็นอนัตตา
มีความจริงข้อที่ว่า"เรา"มิใช่ผู้ก่อ กุศล และ อกุศลจิตเหล่านั้น
ดังนั้น ปัญญาที่เข้าใจอย่างถ่องแท้ต้องมาก่อน
การชนะกิเลสจึงจะตามมา
ถ้าคุณยังหงุดหงิดเพราะ มองเห็นว่า
จิตยังมีโลภ โกรธ หลง อยู่
คุณจะไม่มีวันเข้าใจธรรมชาติ ของกิเลสอย่างชัดเจนได้เลย
เพราะความหงุดหงิดจะบดบังทั้งหมด

....เมื่อใดก็ตามที่คุณเห็นมันโดยไม่มี ความสำนึกผิด
แอบแฝงอยู่
และไม่มีความคิดที่จะแก้ไขเปลี่ยนแปลง
คุณก็จะเข้าใจ... ธรรมชาติของมัน
และมันจะไม่มีอำนาจเหนือคุณอีกต่อไป เพราะคุณรู้จักมัน
อย่างทะลุปรุโปร่งแล้ว
....แล้วคุณจะเป็นเช่นข้าพเจ้า มึงอยากคิดอะไรคิดไปเลย"กูขำอ่ะ"
โดย: Devilgirl Suratthani


(https://lh3.googleusercontent.com/-t7H51OCV8Uc/Uas6bCPKTuI/AAAAAAAA__4/t9sphVpowio/s506-o/970205_624667864212671_370028577_n.jpg)

Credit by  >>> F/B สู่นิพพานและอิสรภาพด้วยปัญญา
นำมาแบ่งปันโดย >>> Isara Tong >> F/B กลุ่ม ธรรมดีที่น่าทำ

หัวข้อ: Re: มันเป็นเช่นนี้...
เริ่มหัวข้อโดย: ฐิตา ที่ กันยายน 19, 2013, 11:24:16 pm

(https://fbcdn-sphotos-h-a.akamaihd.net/hphotos-ak-prn2/v/1289940_534042389984812_1639435563_n.jpg?oh=381edfa3a4c389e48c7da9c228c41338&oe=523D6B13&__gda__=1379761351_651d31aae03f15f10405d7fb10c38983)

ทุกศาสนา คือศาสนาเดียวกัน ทุกชีวิต คือเพื่อนร่วมทุกข์
***************


(https://lh5.googleusercontent.com/-cKhcKK1qHtE/UjgFAYXJFAI/AAAAAAAFgjc/8asVVCoQoF8/w426-h640/945204_642027035819861_1872164148_n.jpg)

พระเจ้า คือ ผู้สร้างและผู้ทำลาย...
พระเจ้ามีองค์เดียว เราเรียกว่า...
ธรรมชาติสรรค์สร้าง...

ทุกชีวิต คือ พระเจ้า เมื่อสรรค์สร้างด้านดี
ทุกชีวิต คือ พระเจ้า เมื่อมุ่งสร้างด้านชั่ว
ทุกชีวิต จะเข้าสู่ดินแดนของพระเจ้า เมื่อดีก็ไม่เอาชั่วก็ไม่เอา

แท้จริงแล้วทุกชีวิตที่เวียนว่าย คือ..
พระเจ้าผู้กำหนดความเป็นมาเป็นไปของโลกนี้นั่นเอง
**********************


(https://lh6.googleusercontent.com/-ZaeZYOkkmJg/UjdTyzGLULI/AAAAAAAFgGU/X66QAW3KyRw/w426-h642/1234544_687819334580252_666954702_n.jpg)

การยึดติดความสมบูรณ์นั้น เป็นอาการของโรคประสาทชนิดหนึ่ง
สรรพสิ่งล้วนเป็นอย่างที่เป็นอยู่

ไม่มีดี ไม่มีเลว
ต้นไม้บางต้นสูง บางต้นต่ำ
บางคนมีศีลธรรม บางคนไม่มี
บางคนกำลังสวดมนต์ และบางคนกำลังลักขโมย

แท้จริง ... มันคือวิถีทาง อิงอาศัยของทุกสรรพสิ่ง
อย่าจองจำ ตนเอง ไว้กับสมมุติบัญญัติที่สร้างขึ้นจากมายา

อย่าตัดสิน ...
เพียงแค่เข้าใจและยอมรับก็พอ !!!
*****************************


(https://fbcdn-sphotos-a-a.akamaihd.net/hphotos-ak-ash3/q71/s480x480/1238891_172830562904562_365741081_n.jpg)

ศูนย์ คือ สมดุล สมบูรณภาพ ของสรรพสิ่ง
องค์พุทธะนำสัจธรรมแห่งธรรมชาติมาบอกกล่าว

หากท่านหลงเกินศูนย์ เป็นหนึ่งหรือมากกว่าสิบ
ก็ย้อนกลับเสีย สู่สมดุลภาพ
หากท่านยังติดลบหนึ่งหรือมากกว่าลบสิบ
ก็ศึกษาเสียให้กระจ่าง สู่สมดุลภาพ

อิสระภาพดังเดิม เป็นเช่นนั้น อยู่อย่างนั้น กัลปาวสาน...!!!
ขอบคุณ...คุณ Krabi TourGuide
*************************


(https://lh6.googleusercontent.com/-ImpD5yVgBKw/UjioH2XCXUI/AAAAAAAFg8w/YvMrV7OW8xg/w426-h320/181065_544376442251022_167662290_n.jpg)

พระพุทธะ มิได้ตรัสรู้อะไร ที่เธอรู้ ที่จำไว้
คือความลวง ...
สัจจะธรรมอันโชติช่วง มันพ้นไปจาก ...
ความคิด ความรู้ ผู้รู้ และความจำ
*******************************


(https://fbcdn-sphotos-g-a.akamaihd.net/hphotos-ak-ash3/q77/s480x480/1240507_172748679579417_1454920554_n.jpg)

ทะเลมิเคยปราศจากคลื่น เช่นเดียวกับความคิดไม่มีวันหยุด
“อาศัยคลื่นเข้าใจทะเล อาศัยความคิด เข้าใจสิ่งที่พ้นไปจากความคิด”

... เธอกำลังคิดอยู่ในทุกขณะ กำลังให้ค่าความหมายอยู่ในทุกขณะ รู้หรือไม่ ?
ดังนั้นจงตระหนักรู้
****************************


(https://lh4.googleusercontent.com/-bhe9sdAETSg/UjNfcnze1eI/AAAAAAAFeDw/vsGVK6tBvIw/w426-h320/531044_340527445995582_397425399_n.jpg)
โดย: สู่นิพพานและอิสรภาพด้วยปัญญา
Credit by  >>> F/B สู่นิพพานและอิสรภาพด้วยปัญญา
นำมาแบ่งปันโดย >>> Isara Tong >> F/B กลุ่ม ธรรมดีที่น่าทำ
หัวข้อ: Re: มันเป็นเช่นนี้...
เริ่มหัวข้อโดย: ฐิตา ที่ กันยายน 19, 2013, 11:55:04 pm

(https://fbcdn-sphotos-c-a.akamaihd.net/hphotos-ak-prn2/t1/1480597_765761420119915_2006121849_n.jpg)

ทุกค่ำคืน คนๆหนึ่งมีพุทธะอยู่ในอ้อมแขนขณะนอนหลับ
ทุกเช้าตรู่เมื่อลืมตาตื่น พุทธะก็ยังอยู่กับคนๆนั้น
ไม่ว่าลุกยืน นั่งลง หรือสนทนา ทั้งสองอยู่ที่เดียวกัน
และไม่เคยแยกจากกันสักขณะจิต
จงอย่ามองพุทธะนอกตัวเลย
พระพุทธะนั้น พำนักอยู่ในตัวท่านเองนั่นแหละ
.......ภาษิต เซน.....

(https://lh4.googleusercontent.com/-0vl6mVC5lwM/UjAzoojYjuI/AAAAAAAFbzQ/hgmt3L2jHyE/w426-h312/photo.jpg)

ภายในตัวท่านคือการบรรจบกันระหว่างโลกกับนิพพาน
ระหว่างสิ่งที่จับต้องได้กับสิ่งที่จับต้องมิได้
ท่านเป็นทั้งจุดบรรจบ และเป็นทั้งจุดตัด
ท่านคือจุดเชื่อมต่อระหว่างโลกกับธรรม
แต่แท้ที่จริง...มันคือจุดเดียวกัน

(https://lh5.googleusercontent.com/-qFLbrtWLvmE/UjAs0nRAaBI/AAAAAAAFbu8/IuRWnLgrl7I/w326-h645/photo.jpg)

ไม่ต้องหนีโลก และไม่ต้องแบ่งแยกธรรม
แต่จงทำหน้าที่แห่งตน ที่มีต่อทุกรูป ทุกนาม
"ให้สมบูรณ์ที่สุด"
*******************


(https://fbcdn-sphotos-g-a.akamaihd.net/hphotos-ak-prn2/s403x403/1546194_453238134797984_345228668_n.jpg)

เราปฏิบัติธรรมเพื่อเป็นพุทธะที่มีชีวิต ไม่ใช่เป็นพุทธะที่ตายแล้ว
กลายเป็น ทองไม้ดินหรือหิน แล้วจะเป็นพุทธะอย่างไร
ไม่สามารถฉุดช่วยผู้คน แล้วจะมีประโยชน์อะไร
....................ท่านเว่ยหล่าง...................

(https://lh5.googleusercontent.com/-6CWqqX6YupM/UjGyRfq1JcI/AAAAAAAFcu4/NKQbeUtJtuk/w426-h275/1170727_414557468648115_1045888953_n.jpg)

ไม่จำเป็นต้องไปดับความคิด ไม่มีความคิดแล้วจะไปทำอะไรได้
หากไม่มีความคิดก็เหมือนกับก้อนหินก้อนใหญ่ก้อนหนึ่ง
เหมือนกับเวลาที่เราแสดงธรรมหรือฟังธรรมต้องใช้ความคิดร่วมด้วย
แม้มีความคิดแต่ไม่ยึดติดกับรูปลักษณ์นั้น ก็เหมือนกับไม่มีความคิด

ส่วนต้นโพธิ์นั้นแสดงถึงจิตเดิมแท้ของพุทธะ
ไม่เพิ่มไม่ลด ไม่เกิดไม่ดับ
แม้จะปฏิบัติธรรมจนเป็นพุทธะแล้ว ก็ไม่ได้เพิ่มอะไรแม้แต่นิดเดียว
แล้วจะมีอะไรเติบโตได้อย่างไร
***************************


(https://lh6.googleusercontent.com/-Tl3jKrBTf00/UioItKd_jPI/AAAAAAAFYVQ/I-4E1RvxVQY/w526-h420/photo.jpg)
โดย: Devilgirl Suratthani
นำมาแบ่งปันโดย >>> Isara Tong >> F/B กลุ่ม ธรรมดีที่น่าทำ
หัวข้อ: Re: มันเป็นเช่นนี้...
เริ่มหัวข้อโดย: ฐิตา ที่ กันยายน 20, 2013, 12:02:34 am

(https://fbcdn-sphotos-g-a.akamaihd.net/hphotos-ak-frc3/s480x480/1229898_10151839369345535_1035903841_n.png)

ไปดูมะพร้าวนาฬิเกร์กลางทะเลขี้ผึ้ง ที่นั่นมันว่างจากบุญและบาป กุศลและอกุศล ซึ่งเป็นทะเลขี้ผึ้ง โผล่ขึ้นพ้นทะเลขี้ผึ้ง ฝนตกไม่ต้องฟ้าร้องไม่ถึง นี่ก็มีความหมายอย่างเดียวกันแหละ จะเรียกชื่อว่า นิพพานก็ได้ จะเรียกชื่อว่า อสังขตธรรมก็ได้ จะเรียกชื่อว่าอมตธรรม ก็ได้ แล้วแต่เถอะ มันเป็นสิ่งที่อยู่เหนืออำนาจการปรุงแต่งโดยประการทั้งปวง ไม่มีเหตุปัจจัยอะไร อีกต่อไป

เดี๋ยวนี้เราก็ไม่อาศัยเหตุปัจจัยอะไรอีกต่อไป ไม่ยุ่งกับเหตุปัจจัยอะไรต่อไป หย่าขาดจากเหตุปัจจัย ทั้งหลาย ทั้งปวงทั้งสิ้นนี่คือ "อตัมมยตา" ถ้าสงสารผู้พูดว่า เหนื่อยเกือบตายแล้ว ก็ช่วยจำไว้ให้ได้ และก็เอาไปใช้ ให้เป็นประโยชน์ให้ได้ ทีละนิด ทีละนิด ไว้ตวาด ตวาดสิ่งที่จะไปหลงรักมัน ไปหลงยึดมั่นถือมั่นกับมัน จนหัวอกเป็นหนอง

หมายเหตุ "สังขตะ" แปลว่า มีเหตุปัจจัยผสมปรุงแต่งให้มีขึ้น
ที่มา มาฆบูชาเทศนา ปี ๒๕๓๑

ฟังเพลงมะพร้าวนาฬิเกร์ โดย จีวันแบนด์ และเสียงขับร้องแบบพื้นบ้าน
โดยชาวบ้าน จ.สุราษฎร์ธานี (ตอนท้าย)
มะพร้าวนาฬิเกร์ (http://www.youtube.com/watch?v=ZHO0luqHpRM#ws)


(https://lh5.googleusercontent.com/-ak-q4WVy9lA/UjsCcnZvlwI/AAAAAAAAGfg/Y1v_fNOt3vQ/w702-h468-no/13-9-19+-+1)
Credit by  “สะพานศิลป์สู่ถิ่นนิพพาน”
นำมาแบ่งปันโดย >>> Isara Tong >> F/B กลุ่ม ธรรมดีที่น่าทำ
หัวข้อ: Re: มันเป็นเช่นนี้.. ทางดีไม่มีคนเดิน
เริ่มหัวข้อโดย: ฐิตา ที่ มกราคม 17, 2014, 09:19:39 pm

(https://fbcdn-sphotos-f-a.akamaihd.net/hphotos-ak-prn1/t1/s403x403/1622224_637508446306424_554374886_n.jpg)

ทางดีไม่มีคนเดิน

โสณทัณฑะ เป็นชื่อพราหมณ์ท่านหนึ่งซึ่งเย่อหยิ่งทะนงตนในความเป็นพราหมณ์ อีกทั้งยังครองตนอยู่ในลาภยศสรรเสริญที่ได้จากพระราชาและชาวบ้าน ต่อเมื่อพระพุทธองค์กระตุ้นให้พิจารณาด้วยตนเองว่า คุณสมบัติที่แท้ของความเป็นพราหมณ์คืออะไร โดยไล่เรียงไปตามลำดับ แล้วตัดออกไปทีละข้อ ๆ จากชาติกำเนิด การศึกษา รูปงาม จนเหลือแต่ศีลและปัญญา ซึ่งไม่อาจจะตัดข้อหนึ่งข้อใดออกไปได้ เนื่องจากทั้งสองอย่างนี้ต้องอาศัยกันและกันฯ

ต่อเมื่อโสณทัณฑะเห็นชัดว่าอะไรคือแก่นสาร อะไรคือกระพี้ พุทธองค์ก็ชี้ให้เห็นต่อไปอีกว่า ทางที่พระองค์เดินเป็นอย่างไรและนำไปสู่ตรงไหน แต่โสณทัณฑพราหมณ์ แม้จะเห็นดีเห็นงามไปกับพระพุทธองค์ทุกประการ จนไม่มีคำถามและข้อโต้แย้งใดๆ แต่ก็ไม่ประสงค์เดินทางที่พระองค์ทรงชี้ให้ เนื่องจากเห็นว่าลาภยศสรรเสริญสำคัญกว่าสิ่งใด จึงขอเดินตามทางของตนต่อไป มิหนำซ้ำยังกราบทูลให้พระพุทธองค์ทราบอีกว่า ตนจะขอทำความเคารพพระพุทธองค์ในท่ามกลางคนหมู่มากด้วยวิธีการอื่นที่ไม่ใช่การกราบไหว้ เนื่องจากจะทำให้ชาวบ้านเสื่อมศรัทธาตนอีกด้วย

ที่กล่าวมานี้เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่ง ซึ่งสะท้อนให้เห็นตัวตนของคนจำนวนไม่น้อยในปัจจุบัน ทั้งที่เดินทางและกำลังเดินทางอย่างโสณทัณฑพราหมณ์ โดยเห็นลาภยศสรรเสริญเป็นสิ่งสำคัญสูงสุดในชีวิต จนลืมคิดไปว่ายังมีความสุขอีกแบบหนึ่งซึ่งไม่ต้องอาศัยอามิส (การบูชาด้วยการแสดงความเคารพนับถือ หรือการนำสิ่งของไปสักการะไปบูชา) หรืออาศัยอามิสแต่น้อย ในการยังชีพแห่งตน

บุคคลที่เลือกเดินทางเช่นนี้ ขณะที่มีชีวิตอยู่ก็จะตะเกียกตะกายหาเงินหาทองให้ได้มากๆ โดยคิดว่าปั้นปลายชีวิตจะได้สุขสบายแต่สุดท้ายก็ไปไม่ถึง ส่วนคนที่ไปถึง ก็รู้สึกว่าชีวิตว่างเปล่าไร้จุดหมาย จนต้องใช้เงินซื้อหาความสุขทางใจในช่วงสุดท้ายแห่งชีวิต ซึ่งก็เดินทางผิดอีกเช่นกัน

ด้วยเหตุดังนั้น ถ้าเราไม่ต้องการเดินทางตามโสณทัณฑพราหมณ์ หรือเดินตามโสณทัณฑพราหมณ์ แต่กอปรไปด้วยสิ่งที่เรียกว่า “ธรรมะ” อยู่เต็มหัวใจคล้ายกับอนาถบิณฑิกเศรษฐี ก็ควรใช้วิถีแห่งปัญญาในการพิจารณาแยกแยะให้ตลอดสาย มีกัลยาณมิตร และมีศรัทธาอย่างยิ่งยวดที่จะค้นหาแก่นและกระพี้ ก็เชื่อแน่ว่าเราจะไม่เดินหลงทางอีกต่อไป ทางดีที่ไม่มีคนเดิน หรือมีคนเดินกันน้อยก็จะค่อยๆ เพิ่มจำนวนขึ้นไปเรื่อยๆ

สถาบันอ้อผะหญา
___________________
ที่มา: ทางดีไม่มีคนเดิน
>>> F/B Sathid Tongrak
3 พฤศจิกายน 2013

(https://lh3.googleusercontent.com/-73SbRnqv2uQ/UtjAiZHegZI/AAAAAAAAWHo/yQMf2nUA6eM/w533-h252/JLT_8630.JPG)
หัวข้อ: Re: มันเป็นเช่นนี้...
เริ่มหัวข้อโดย: ฐิตา ที่ กรกฎาคม 19, 2014, 01:12:07 pm
(https://fbcdn-sphotos-a-a.akamaihd.net/hphotos-ak-xfp1/t1.0-9/1525555_1441870542692848_1958635721_n.jpg)

สภาวะจิตเเบบไหนก็ไม่ต้องดิ้นรน
ซ้อนเข้าไป ปล่อยให้มันอิสระธาตุอิสระขันธ์กันเต็มที่ไปเลย
ไม่ต้องคอยผูกคอยเเก้อะไรมันทั้งนั้น ปล่อยให้ทุกสภาวะจิตปรับเปลี่ยนกันเอง
จบกันเองในสภาพของมันเอง
ไม่ต้องหลงมีเราจอมปลอมไปคอยเป็นผู้จัดการ
ไร้เราท่ามกลางไปเลย อิสระจากเราที่ไปคอยเป็นเจ้าข้าวเจ้าของสภาวะจิต..
..
..
จะเอาหลุดจะเอาพ้น
ก็เลยไม่พ้นจากตัวจะเอาซักที..!!!
หลุดพ้นหรือไม่หลุดพ้น ก็ไม่ต้องเลือกเอา
จะเอาหลุดจะเอาพ้นนี่ มันเป็นตัณหาดิ้นรน
ไม่ต้องดิ้น..ยิ่งดิ้นยิ่งติด ยิ่งดิ้นยิ่งอัตตา
30 ธันวาคม 2013
..
..
(https://fbcdn-sphotos-c-a.akamaihd.net/hphotos-ak-xaf1/t1.0-9/p235x350/995243_1439666912913211_52575542_n.jpg)
..
..
มันไม่เกี่ยวกับว่า จิตจะคิดหรือจิตจะไม่คิด
มันไม่ใช่การปฏิเสธความคิดเเล้วเลือกเอาการหยุดคิด
มันเป็นการนอกเหนือจิต ดังนั้นมันก็พ้นจากคิดไม่คิดด้วย
ความคิดจะมีหรือความคิดจะไม่มี ก็ไม่เกี่ยว
ความว่างนี้ มันว่างจากตัณหาคอยเลือก..
มันว่างจากการยอมรับ.เเละว่างจากการปฏิเสธ..
21 ธันวาคม 2013
..
..
(https://fbcdn-sphotos-h-a.akamaihd.net/hphotos-ak-xfa1/t1.0-9/400582_1439127459633823_1009738622_n.jpg)

ว่างเเบบอรูปพรหมต่างจากว่างของนิพพาน
ก็ตรงที่อรูปพรหมมีตัวเองแช่อยู่ในภาวะว่าง
หรือเรียกว่ามีตัวเองเเช่อยู่ในสภาวะจิต
ส่วนนิพพานไม่เกี่ยวกับจิต เเละไม่เกี่ยวกับตัวเอง
ไม่ใช่รูป ลักษณะ สภาวะ อาการ ไม่จัดว่าเป็นอะไร..
19 ธันวาคม 2013
..
..
(https://scontent-a-sin.xx.fbcdn.net/hphotos-xap1/t1.0-9/1471947_1438324939714075_1365320094_n.jpg)

สงบจากการเเสวงหา
ไม่ใช่มัวเเต่เเสวงหาความสงบ
การเเสวงหามันไม่พาสงบหรอก
การเเสวงหามันจะพาดิ้นรน
ยิ่งหายิ่งเป็นตัณหา..
15 ธันวาคม 2013
..
..
ความผันผวนเเปรเปลี่ยนนี่เเหละ
มันคือธรรมชาติธรรมดาเเห่งจิต
การเอะอ่ะลังเลวิภาควิจารณ์สภาวะจิตนั่นเเหละ''
มันคือความผิดปรกติจากธรรมชาติธรรมดาซะเอง
มันคือการไม่ยอมจบซะเอง..
จะจิตเเบบไหน ก็ไม่ต้องไปวิจารณ์มัน
จบตัวเองซะเอง...
11 ธันวาคม 2013
..
..
ธรรมชาตินี้เอง ย่อมดับในธรรมชาตินี้เอง
อารมณ์นี้เอง ย่อมดับในอารมณ์นี้เอง
ภาวะมันเอง ย่อมดับในภาวะมันเอง
ตัวมันเอง ย่อมดับในตัวมันเอง
การดับกิเลส ไม่สำเร็จด้วยการดิ้นรนไปดับมัน
เเต่หมายถึง ยุติความหลงตัวเข้าไปดับมัน
นี้เรียกว่า ดับความหลงสำคัญตัว..
..
..
นิพพานนั้นมันไม่ใช่การเอาชนะจิตใจ
เเต่มันคือการนอกเหนือจิตใจ
จะจิตเเบบไหนก็ไม่มีการข้องเกี่ยว..!!!!
10 ธันวาคม 2013
..
..
ความบริสุทธิ์ดั้งเดิมแท้นั้น
มันไม่ใช่ตรงจิตชนิดไหนทั้งนั้น
10 ธันวาคม 2013
..
..
(https://scontent-a-sin.xx.fbcdn.net/hphotos-xfp1/v/t1.0-9/1479452_1435522499994319_1969346557_n.jpg?oh=0bbc27727f5f8379c3d15e00cc429b92&oe=5438C627)

พักการอุปโลกตัวเองบ้าง
ไม่ต้องมัวจริงจังกับอะไร
ไม่ต้องจริงจังในการใช้ธาตุใช้ขันธ์
ไม่ต้องจริงจังในการใช้รู้ใช้เห็น
เรียกว่าเป็นการพักผ่อนทางจิตวิญญาณ
ตื่นอยู่ก็เหมือนนอนหลับ
มันเป็นการพักผ่อนไปในตัว
ธาตุขันธ์ไม่ถูกกดดันจากตัวคอยจริงจัง...
3 ธันวาคม 2013
..
..
นิพพานนั้น จะมามัวใช้การทำเอา
หรือปฏิบัติเอาไม่ได้ ยิ่งทำเอายิ่งห่างไกลนิพพาน
เพราะมันเป็นเรื่องของตัณหาทั้งขบวนการ
จุดอ่อนของผู้บำเพ็ญ ก็ตรงที่ใช้...
ความอยากได้อยากมีอยากเป็นกับนิพพานนี่เเหละ
เลยไม่นิพพานซักที.....!!
ไม่ต้องตั้งเอาอะไร..เเม้แต่นิพพานก็ไม่ต้อง..!!!'
ไม่ตั้งเอานิพพาน.. ก็จะตรงต่อนิพานอยู่เเล้วทันที..
3 ธันวาคม 2013
..
..
(https://fbcdn-sphotos-a-a.akamaihd.net/hphotos-ak-xap1/v/t1.0-9/p526x296/1458535_1431490843730818_719651912_n.jpg?oh=358aa98bf9fb28f20434c981c854777d&oe=544CD878&__gda__=1414848049_66fb67c226547d5ed18434e765136bee)

สุขก็สุขไม่จริง ทุกข์ก็ทุกข์ไม่จริง
มีเต่อนิจจังนั่นแหละจริง
ให้พร้อมเสมอกับการปรับเปลี่ยน
ไร้เงื่อนไขกับทุกสถานะการณ์
15 พฤศจิกายน 2013
..
..
(https://fbcdn-sphotos-g-a.akamaihd.net/hphotos-ak-xap1/t1.0-9/1450128_1430646747148561_1511807585_n.jpg)

หลุดพ้นหรือไม่หลุดพ้นก็ไม่ต้องเอา.."
ถ้าเอาก็ไม่หลุด..
14 พฤศจิกายน 2013
..
..
จะเอาหลุดเอาพ้น..มันไม่หลุดไม่พ้นหรอก..''
เพราะความหลุดความพ้น..มันพ้นจากตัวจะเอา.
8 พฤศจิกายน 2013
..
..
ไม่ต้องเอาจิตชนิดไหนมาเป็นเครื่องอยู่
จิตบริสุทธิ์ จิตไม่บริสุทธิ์ก็ไม่ต้องเอา
เพราะตัวจะเอา คือตัวไม่บริสุทธิ์ซะเอง...
7 พฤศจิกายน 2013
..
..
(https://fbcdn-sphotos-h-a.akamaihd.net/hphotos-ak-frc3/t1.0-9/487399_1429147413965161_371330803_n.jpg)

มันไม่ใช่การพัฒนาจิตให้ผ่องใส
เเล้วก็อยู่กับจิตที่ผ่องใสนั้น..
แม้จิตที่ผ่องใสนั้น..ก็ไม่ใช่
สิ่งที่ควรจะเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย
จิตผ่องใสได้..จิตก็เศร้าหมองได้
สลายการคอยเลือก..คอยเจาะจง"
จะจิตชนิดไหน..ก็ไม่ต้องเอา...!!!
ไม่ต้องคอยอยู่กับจิตชนิดไหนทั้งนั้น..
4 พฤศจิกายน 2013
..
..
(https://scontent-b-sin.xx.fbcdn.net/hphotos-xfp1/t1.0-9/p370x247/1379483_1429049987308237_17604085_n.jpg)

มันไม่ใช่การเข้าถึงสัจธรรม
แต่มันคือธรรมโดยธรรมอยู่เองแล้ว..
เพียงยุติอัตตา..ที่พยายามจะเข้าถึงธรรม
มันก็จะตรงต่อว่างอยู่แล้วทันที..ไร้ผู้เข้าถึงธรรม
และไม่มีธรรมที่ถูกเข้าถึง...
4 พฤศจิกายน 2013
..
..
(https://fbcdn-sphotos-g-a.akamaihd.net/hphotos-ak-xpa1/t1.0-9/1383335_1428519587361277_51317737_n.jpg)

........ไม่ต้องวิตกกังวลกับสภาวะจิตชนิดไหนทั้งนั้น
....ทุกสภาวะจิตอนิจจังเหมือนกันหมด....
............ไม่ต้องคอยปล่อยคอยวางอะไรให้เมื่อย....
......ทุกสภาวะมันปล่อยวางกันเองอยู่แล้วของมันเอง..
2 พฤศจิกายน 2013
..
..
(https://fbcdn-sphotos-f-a.akamaihd.net/hphotos-ak-frc3/t1.0-9/p526x296/1383794_1429011173978785_1180680746_n.jpg)

ในเเต่ละวัน..เราใช้กาย..ใช้วาจา..ใช้จิตใจ..
ขับเคลื่อนธาตุขันธุ์ ทำการงาน ก็ย่อมเกิดการ
กระทบกระทั่ง..กับบุคลรอบข้าง.สรรพชีวีตรอบข้าง
น้อมสำนึก และก็ขออโหสิกรรม ในทุกกรณีกรรม
ที่ประมาทพลาดพลั้งไป ทุกสิ่งทุกอย่าง อโหสิ อโหสิ อโหสิ
29 ตุลาคม 2013
..
..
(https://scontent-b-sin.xx.fbcdn.net/hphotos-xaf1/v/l/t1.0-9/1005363_1427593084120594_397965774_n.jpg?oh=aa13b073154ee1a1296c36f9e272291f&oe=544251C0)

ยืนแล้วๆไป..เดินก็แล้วๆไป นั่งก็แล้วๆไป
นอนก็แล้วๆไป จิตมันคิดมันนึกก็แล้วๆไป
รู้ก็แล้วๆไป..เห็นก็แล้วๆไป...
มันแล้วๆไป..ของมันเองอยู่แล้วทุกเรื่อง
เรียกว่า..มันสักแต่ว่า.,อยู่แล้วทุกเรื่อง
ไม่ต้องหลงมีเรา..ไปคอยสักแต่ว่า..!!!!
29 ตุลาคม 2013
..
..
การเสียสละ..เป็นการทำให้..ไม่ใช่ทำเอา
ถ้าการเสียสละ..เป็นการหวังผลจากการเสียสละ
หรือหวังผลจากบุญ..ทีตนได้ทำจนเกินไป
มันก็ไม่ต่างจาก..แม่ค้าที่คิดว่า
ลงทุนเท่านี้..ต้องได้กำไรเท่านั้น
การเสียสละ..ไม่ใช่การค้า..สละแล้วๆไป..!!
27 ตุลาคม 2013
..
..
บรรลุธรรม ไม่บรรลุธรรม..มันเป็นเพียงทิฏฐิคู่
เป็นเพียงความเห็นคู่..ความหมายคู่
สละเลย..ไม่ใช่ตรงที่บรรลุหรือไม่บรรลุ
หมดห่วงหมดภาระไปเลย....
27 ตุลาคม 2013
..
..
(https://fbcdn-sphotos-g-a.akamaihd.net/hphotos-ak-xap1/t1.0-9/p370x247/1385486_1426993557513880_1099854123_n.jpg)

สภาวะอารมณ์ มันเป็นของปรับเปลี่ยน
มันจบตัวมันเองอยู่แล้ว ทุกๆอารมรมณ์
มันผ่านมาเอง แล้วก็ผ่านไปเองอยู่แล้ว
ไม่ต้อง มาคอยคิดหนี คิดสู้อะไรกับมัน
ยอมไร้ตัวเอง ท่ามกลางนั้นแหละ..!
ไม่ต้องคิดผูกคิดแก้อะไร..ให้มันต้องขวางทางอนิจจัง
นี่แหละ..เนื้อหา ไม่ข้อง ไม่คา ไม่ติด ไม่ขัด อยู่แล้ว..!!!!
27 ตุลาคม 2013
..
..
ไม่ใช่ละอวิชชา แล้วมาคว้าเอาวิชชา
ละความหลง แล้วมาเอาความไม่หลง
สละหมดหน้าตักไปเลย..หลงไม่หลงไม่ต้องเอา
มันจะได้ไร้ร่องรอย..ของตัณหาที่คอยยึดคอยเกาะ..!!!!
26 ตุลาคม 2013
โดเงน เซ็นจิ
— กับ สรรพสิ่งล้วนไม่มีตัวตน แล้วจะไปทำลายตัวตนจากไหนเล่า
..
..
หัวข้อ: Re: มันเป็นเช่นนี้...
เริ่มหัวข้อโดย: ฐิตา ที่ กรกฎาคม 19, 2014, 01:20:07 pm
(https://fbcdn-sphotos-h-a.akamaihd.net/hphotos-ak-xaf1/t1.0-9/p235x350/487597_1426642550882314_1303378072_n.jpg)

นิพพานนั้น..เป็นเรื่องของการวางเรา หรือสลายเรา..,
ดังนั้น..จึงไม่มีเราเป็นผู้..เข้าถึงนิพพาน..!!!
25 ตุลาคม 2013
..
..
(https://fbcdn-sphotos-f-a.akamaihd.net/hphotos-ak-xpa1/t1.0-9/s851x315/1390685_1426608250885744_1136810577_n.jpg)

ความสุขปรากฎขึ้น เพื่อจบลง
ความทุกข์ปรากฎขึ้น เพื่อจบลง
ล้วนแล้วแต่ตกอยู่ภายใต้กฎของ อนิจจังด้วยกันหมด
ลดการคาดหวัง ลดการเอาเป็นเอาตาย
กับความสุขกับความทุกข์ลงบ้าง
ชีวิตก็จะ คล่องตัวขึ้น...
สุขก็ได้ ทุกข์ก็ได้..ไม่ต้องจริงจังอะไร ของชั่วคราว....!!!!
25 ตุลาคม 2013
..
..
(https://fbcdn-sphotos-d-a.akamaihd.net/hphotos-ak-frc3/t1.0-9/p526x296/1378144_1426153987597837_1739097338_n.jpg)

การให้การสละนั้น ไม่ต้องมาคอยห่วง....,,
ว่าผู้รับจะมีศิลมากศิลน้อยขนาดไหน....
จะได้อานิสงมากน้อยขนาดไหน..ก็ไม่ต้องห่วง
เพราะการให้ ไม่ใช่การเอา..!!
เมื่อให้ก็จบตรงที่ให้ไปเลย..เป็นทานที่บริสุทธิ์หมดจด....
23 ตุลาคม 2013
..
..
(https://scontent-a-sin.xx.fbcdn.net/hphotos-prn2/v/t1.0-9/p370x247/1236877_1418821768331059_651210910_n.jpg?oh=2a634a541451b8f96d855daa7837aaae&oe=5442AC80)

จิตใจจะสงบ..หรือไม่สงบ..ก็ไม่ต้องเอา
นั่นแหละสงบแล้ว..สงบจากตัวจะเอา
ตัวจะเอาความสงบหน่ะ ..
มันคือความไม่สงบซะเอง..
23 กันยายน 2013
..
..
นิพพานไม่ใช่เรื่องของ เรา
เเละไม่ได้เกี่ยวกับ เรา เลยแม้แต่นิดเดียว.!!
เพียงแต่เมื่อ ยุติเรา หรือ วางเรา เมื่อไหร่นั่นแหละนิพพาน
มี เรา ทำอะไรเพื่อนิพพานเมื่อไหร่
กลายเป็นการบดบังนิพพานเมื่อนั้น
เรากับนิพพานเนี่ย มันเป็นของแสลงต่อกันอย่างมาก
เมื่อหมด เรา ที่จะดิ้นรนทำอะไรเพื่อนิพพาน
นั่นแหละจะตรงต่อพระนิพพาน
.......แท้จริงแล้วนิพพานไม่ได้ต้องการ เรา
มีแต่เรานั่นแหละที่ หลง ต้องการนิพพาน.......!!
ดังนั้นยุติเหตุ ก็คือยุติ เรา ที่จะเอานิพพานนั่นเอง..!!
10 กันยายน 2013
..
..
(https://fbcdn-sphotos-e-a.akamaihd.net/hphotos-ak-xpa1/t1.0-9/1392890_1434954043384498_1256454732_n.jpg)

เย็นวันนี้ หลวงพ่อได้พูดถึง เรื่องไม่ต้องพยายามวาง
เเต่ให้วางความพยายาม
เเละให้เลิกหวังที่จะบรรลุธรรมยุติเป้าหมายทั้งหมด
แม้แต่การปล่อยก็ไม่ต้องไปคอยปล่อย
การคอยปล่อยมันยังเป็นเรื่องของตัณหา
5 กันยายน 2013
..
..
การที่เราไม่สามารถ หมดภาระหรือจบกิจได้นั้น
ทั้งๆที่การจบกิจนั้นไม่ต้องทำอะไรเลย แต่เราก็ไม่แจ้งได้
ก็เพราะมันมีการถูกผลักดัน ด้วยเหตุอดีตที่เคยมุ่งหวังตั้งเอา
มาต่อภพต่อชาติต่อกันต่อกัปมา เรียกว่าตัณหาอยากบรรลุธรรม
มาชาตินี้ก็จะเอาอีก มุ่งจะบรรลุให้ได้ ซึ่งเป็นเรื่องผิดธรรม
หลวงพ่อจึงให้ประกาศสละ เพื่อล้างเหตุคือตัวมุ่งหวังตั้งเอา
เมื่อตัวมุ่งลดลงหรือหมดไป ก็ไม่ต้องถามหานิพพาน
นิพพานเอง ซึ่งนิพพานนี้มันนิพานอยู่แล้ว
ที่มันรู้สึกว่าไม่นิพพานซักที ก็เพราะตัวมุ่งมันบัง ตัณหามันบัง
ดังนั้นเราก็ประกาศสละกันเรื่อยๆ ยุติเหตุทั้งอดีตเเละปัจุบันครับ
5 กันยายน 2013
..
..
(https://scontent-b-sin.xx.fbcdn.net/hphotos-xaf1/t1.0-9/s851x315/1011559_563686217031613_1381226046_n.jpg)

คนที่1 ติดกรอบ ตอบไม่ถูก
คนที่2 พันผูก ทั้งซ้ายขวา
คนที่3 อยากออก บอกจะลา
คนที่4 ชื่นอุรา พานิพพาน
........คือ.ผู้หลุดพ้น..........
4 กันยายน 2013
..
..
มัวแต่อยากจะรู้แจ้ง ก็เพราะมันยังไม่แจ้งเรื่องความอยากรู้'!
31 สิงหาคม 2013
..
..
ปัญญาวิมุติ ก็คือวิมุติจากปัญญา ไม่ใช่ใช้ปัญญาแสวงหาวิมุติ
ปัญญาเป็นแค่การปรุงแต่งของขันธ์5
วิมุตินอกเหนือการปรุงแต่ง และนอกเหนือขันธ์ทั้ง5
ดังนั้นยิ่งใช้ปัญญาก็ยิ่งมุดยิ่งคุดยิ่งไม่หลุดจากจากตัวเอง

ปัญญาวิมุติก็คือหลุดพ้นจากปัญญา หลุดพ้นจากการปรุงแต่ง
การที่ไม่ต้องใช้สติปัญญาอะไรเลยนั่นแหละวิมุติตลอดกาล
30 สิงหาคม 2013
..
..
(https://fbcdn-sphotos-a-a.akamaihd.net/hphotos-ak-xaf1/t1.0-9/17584_1398380740375162_1794020680_n.jpg)
..
..
ความหมดจดกับความไม่หมดจด ก็เหมือนกันนั่นแหละ
มาจากตัวหลงมอง ถ้าไม่หลงมอง ไม่มีหรอกหมดจดไม่หมดจด
18 สิงหาคม 2013
..
..
(https://scontent-b-sin.xx.fbcdn.net/hphotos-xpa1/t1.0-9/s403x403/1238850_1413910468822189_192383460_n.jpg)

ตราบใดที่เธอยังเปิดโอกาสให้กับคำว่ายังไม่บรรลุธรรม
กับบรรลุธรรมแล้ว มามีอิทธิพลกับเธอ
เธอก็จะถูกจองจำอยู่ในลูกกรง2เส้นอันแสนจะคับแคบและน่าอึดอัด
เธอควรที่จะลืมมันซะ2คำนี้ อย่าให้มันตามหลอกหลอนและรังควานเธอได้
เมื่อนั้นแหละภาระกองโตที่เธอหลงเเบกมาเป็นกัปๆก็จะสิ้นสุดลง THE END
17 สิงหาคม 2013
..
..
(https://scontent-b-sin.xx.fbcdn.net/hphotos-xfa1/t1.0-9/1004002_1397238123822757_928555122_n.jpg)

ไม่เอาแม้แต่การบรรลุธรรม
ภิกษุฮังฉิเป็นอาจารย์องค์หนึ่ง ในนิกายธยานะ ท่านได้ไปหาท่านสังฆปรินายก และได้ตั้งคำถามขึ้นว่า ผู้ปฏิบัติควรส่งจิตของตนพุ่งไปยังสิ่งใด อันจะทำให้การบรรลุธรรมของเขา เป็นสิ่งที่ไม่สามารถวัดได้ ด้วยเครื่องวัดคุณวิเศษ ตามที่คนทั่วไปเขารู้กัน สังฆปรินายกถามว่า: ก็ท่านกำลังปฏิบัติอยู่อย่างไรเล่า ภิกษุฮังฉิตอบว่า: แม้ธรรมคืออริยสัจ ที่พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ทรงสอนไว้ ข้าพเจ้าก็ไม่มีความจำเป็นอะไร ที่จะต้องเข้าไปแตะต้องด้วย พระสังฆปรินายกถามต่อไปว่า: แล้วเดี๋ยวนี้ท่านอยู่ในคุณวิเศษชั้นไหนเล่า ภิกษุฮังฉิย้อนว่า: จะมีชั้นคุณวิเศษที่ไหนเล่า ในเมื่อข้าพเจ้าปฏิเสธที่จะเข้าเกี่ยวข้องด้วย แม้อริยสัจที่พระพุทธเจ้าทั้งหลายได้สอนไว้ การตอบได้อย่างทันควันของภิกษุฮังฉิ ทำให้สังฆปรินายกเกิดความนับถือ ถึงกับยกเธอขึ้นเป็นหัวหน้าคณะ ท่านพูดกับภิกษุฮังฉิว่า ท่านควรไปประกาศธรรม ในท้องถิ่นของท่านเอง เพื่อที่คำสอนจะไม่ลับหายสิ้นสุดไป@ มันไม่ใช่การดิ้นรนอะไรอยู่แล้ว ดังนั้นก็ไม่จำเป็นต้องไปศึกษาแม้อริยะสัจ ก็ตรงต่อวางอยู่แล้ว ไม่เริ่มก็จบอยู่แล้ว เมื่อจับปลาได้แล้ว ลอบก็ไม่จำเป็น
14 สิงหาคม 2013
..
..
(https://fbcdn-sphotos-e-a.akamaihd.net/hphotos-ak-xfa1/t1.0-9/995529_1425880630958506_2065048768_n.jpg)

มีคำกล่าวว่าพระอรหันต์เป็นผู้มีสติสมบูรณ์ตลอดเวลา
ก็เลยพากันเจริญสติกันใหญ่เลย หลงสร้างภาระขึ้น
จะทำอะไรต้องรู้ตัวตลอดเลย นั่งเฉยๆนอนเฉยๆก็คอยรู้อยู่นั่นดูอยู่นั่น
คุมตัวเองตลอดเลย เพราะตีไม่ถ่อง ถองไม่แตก เคี้ยวไม่แหลก
แล้วรีบแดกรีบกลืน พระอรหันต์มีสติก็ต่อเมื่อใช้ขันธ์ อัตโนมัติในการใช้
แต่ถ้าอยู่เฉยๆท่านก็ปล่อยว่างไป ไม่ใช่ตรงอะไรไป
พระอรหันต์ที่ไหนจะมาคอยคุมตัวเองตลอดเวลา เป็นภาระตายเลย
ถ้าอยากเป็นอย่างท่านก็เลิกซิ เลิกแล้วจบ@
22 มิถุนายน 2013
..
..
คำว่าบรรลุมันเป็นดั่งคำลวง เป็นเหมือนการสับขาหลอกให้เราหลงทาง
เราเลยมุ่งพยามกันทุกวิถีทางเพื่อที่จะบรรลุ
แล้วก็ได้แห้วไปรับประทานกันทุกคน@
แต่แท้จริงแล้ว มันเป็นการสิ้นสุดความปราถนาที่จะบรรลุอะไรต่างหาก. "
21 มิถุนายน 2013
..
..
โลกียะมาจากการสร้างเหตุ แล้วเสวยผล หรือชัดชัด
ทำกรรมแล้วรับผลกรรม สติ สมาธิ ฌาน ญาณ ปัญญา
เป็นเรื่องของโลกียะทั้งหมด เพราะมาจากการกระทำ
@ แต่อริยะมาจากการทิ้งเหตุ แล้วอริยะผล ชัดชัด การที่
ไม่หลงดิ้นรนอะไร
มันก็ทิ้งเหตุเรียบร้อยแล้ว มันไม่หลงเจริญตัณหา ก็จบเหตุ.
21 มิถุนายน 2013
..
..
นิพพานไม่เนื่องด้วยเหตุปัจจัย แล้วจะเอาเหตุปัจจัย
และวิธีการปฏิบัติต่างๆเพื่อเข้าถึงนิพพานได้ไง?
มันเป็นการเปล่าประโยชน์โมฆะสิ้นดี เหนื่อยไป ใครเหนื่อยไปมัน
ผิดหวังไปตามตามกัน ผิดหวังเพราะหวังผิด
นิพพานเป็นเรื่องของการยุติเหตุไม่สร้างเหตุ จบเหตุ
ลองเลิกกันดูบ้างซิ พระอานนท์บรรลุก็เพราะเลิกนา"
21 มิถุนายน 2013
..
..
สติเป็นสิ่งปรุงแต่งขึ้นมาและอนิจจังเปลี่ยนแปลงตลอด
แล้วจะเอาสติมารักษาจิตได้ไง ในเมื่อตัวสติยังรักษาตัวเองไว้ไม่ได้เลย
เดี๋ยวก็มีสติเดี๋ยวก็ขาดสติ จิตก็อนิจจัง สติก็อนิจจัง
กลายเป็นอนิจจังตามรักษาอนิจจัง @ดังนั้นจะจิตแบบไหนก็ช่างไปเลย
15 มิถุนายน 2013
..
..
(https://scontent-b-sin.xx.fbcdn.net/hphotos-xpa1/t1.0-9/p480x480/7093_1378682642344972_1112053653_n.jpg)
..
..
เลิกตั้งเอา
กิเลสกับนิพพานคือสิ่งเดียวกัน คือไม่ใช่สิ่งที่เราจะเลือกเอา
มันเป็นการนอกเหนือการยอมรับเเละปฏิเสธ ไร้การเจาะจง พ้นจากเจตนา
ถ้าเธอมุ่งแต่นิพพาน ธาตุขันธ์จะมีแต่ความขัดแย้งในตัวมันเอง
จนกว่าเธอจะเลิกเจาะจง ไม่แบบไหนกับธาตุขันธ์
ว่า.. ต้องอย่างไรถึงใช่ อย่างไรถึงไม่ใช่ ยกเลิกก็จบ

11 มิถุนายน 2013
..
..
ความสงบเเท้จริงนั้น..
มันไร้พันธนาการ ไร้เงื่อนไข
ไร้ขอบเขต ไร้การเฉพาะเจาะจง
เข้าถึงไม่ได้ด้วยการใช้เจตนา
และไม่เกี่ยวกับจิตชนิดหนึ่งชนิดใดเลย..
โดเงน เซ็นจิ
30 เมษายน
..
..
พยายามรักษาจิตเอาไว้ให้ดี
มันก็จะอยู่เเค่จิตผ่องใสเเละเศร้าหมอง
เดี๋ยวก็ผ่องใสเดี๋ยวก็เศร้าหมอง
เพราะจิตอนิจจังมันไม่อยู่ให้เรารักษาหรอก
จนกว่าจะปล่อย..
มันก็จะเลิกผ่องใสเลิกเศร้าหมองไปเอง
ยิ่งกว่าจิตยิ่งกว่าอารมณ์ไปเอง..!

(https://scontent-a-sin.xx.fbcdn.net/hphotos-frc3/t1.0-9/10308344_1489037894642779_5855578480703199075_n.jpg)

โดเงน เซ็นจิ
12 พฤษภาคม
— กับ สรรพสิ่งล้วนไม่มีตัวตน แล้วจะไปทำลายตัวตนจากไหนเล่า
https://www.facebook.com/supattro?hc_location=timeline (https://www.facebook.com/supattro?hc_location=timeline)
หัวข้อ: Re: มันเป็นเช่นนี้...
เริ่มหัวข้อโดย: ฐิตา ที่ กรกฎาคม 19, 2014, 03:30:51 pm
(http://media-cache-cd0.pinimg.com/736x/c7/46/33/c74633df4657f9a7bfef1a8218416f84.jpg)

มันไม่ใช่ตรงที่จิตนิ่งหรือตรงจิตเคลื่อนไหว
จิตนิ่งก็ปล่อยของมันเอง จิตไม่นิ่งก็ปล่อยของมันเอง
ปล่อยให้ทุกสภาวะมันปรับเปลี่ยนกันเอง
ไม่ต้องหลงมีเราไปคอยเป็นผู้จัดการซ้อนธาตุขันธุ์
ก็จะตรงต่อธาตุที่ของมันอยู่เองเเล้ว หมดภาระอยู่เเล้ว..
..
..
(https://scontent-b-sin.xx.fbcdn.net/hphotos-xpa1/t1.0-9/p526x296/1518424_1442816005931635_297126719_n.jpg)

มันไม่ใช่การตั้งเอากับสภาวะจิต
หรือจะมาคอยเห็นว่า......
จิตชนิดนี้จึงจะok จิตชนิดนั้นไม่ok
เเต่มันคือการนอกเหนือสภาวะจิตทุกชนิด
เเละปราศจากการเฉพาะเจาะจงตรงภาวะหนึ่งภาวะใด
3 มกราคม 2557
..
..
(https://fbcdn-sphotos-e-a.akamaihd.net/hphotos-ak-xfa1/t1.0-9/p235x350/1981970_1469406353272600_795480437_n.jpg)

พยามทำจิตให้มันนิ่งให้มันสงบ........
มันก็จะมีเเต่ความขัดเเย้ง ขัดเเย้ง...และขัดเเย้ง.!!!
1 มีนาคม 2014
..
..
(https://fbcdn-sphotos-c-a.akamaihd.net/hphotos-ak-xpa1/t1.0-9/p526x296/10153172_1483225081890727_6932284166999533032_n.jpg)

จิตดีก็ปล่อย..จิตไม่ดีก็ปล่อย
จิตสงบก็ปล่อย..จิตไม่สงบก็ปล่อย
จิตปรุงเเต่งก็ปล่อย..จิตไม่ปรุงเเต่งก็ปล่อย
จิตว่างก็ปล่อย..จิตไม่ว่างก็ปล่อย
ที่ว่าปล่อย..ก็คือปล่อยให้เป็นเรื่องของมันเอง..
จะจิตชนิดไหนก็ไม่ต้องให้ความสำคัญกับมัน..
มันก็จะนอกเหนือจิตทุกชนิดไปเอง
18 เมษายน 2014
..
..
(https://scontent-a-sin.xx.fbcdn.net/hphotos-xpf1/t1.0-9/p526x296/10290647_1483409885205580_382652729166620169_n.jpg)

จิตคิดจิตนึกมันคือความธรรมดาของจิต
การพยายามจะห้ามไม่ให้จิตคิด..
มันคือความผิดปกติของเธอ
จิตจะคิดหรือจิตจะไม่คิดก็ช่าง
ปล่อยให้มันผ่านมาเองเเละผ่านไปเอง
และมันก็ผ่านมาเองเเละผ่านไปเองอยู่เเล้ว
ไม่ต้องไปคอยแทรกแซงอะไรมัน
จบซะเองเลย วางซะเองเลย
ยุตติตัวจุ้นซะเองเลย...
..
..
(https://fbcdn-sphotos-a-a.akamaihd.net/hphotos-ak-xpf1/v/t1.0-9/p526x296/10155558_1483418195204749_4127702358771904069_n.jpg?oh=31de00e33eb624ea998af66fef3f32b0&oe=54561F29&__gda__=1413904770_e0a7d27d0959135bcf0fe7630ee77657)

ความอยากจะให้จิตสงบนี่เเหละ..
มันคือตัวไม่สงบซะเอง..
จิตสงบหรือจิตไม่สงบก็ช่างมันประไร.!!
ไม่ต้องหลงซ้อนอยากเข้าไปอีก
ไม่ต้องยอมรับหรือปฏิเสธจิตชนิดไหนทั้งนั้น
จะจิตสงบหรือจิตวุ่นวายก็อนิจจังเหมือนกันหมด...
19 เมษายน 2014
..
..
(https://fbcdn-sphotos-g-a.akamaihd.net/hphotos-ak-xpf1/v/t1.0-9/p526x296/10307232_1484853868394515_6394100042093073382_n.jpg?oh=e59061f05b6ad3d9e8c53905ad4d7bab&oe=54563742&__gda__=1412926953_48feaf7a4f03902c90cd8b8fce8c1f3e)

ชีวิตที่ผ่อนคลาย ไม่มากไปด้วยความจริงจัง
มันจะเป็นชีวิตที่ทุกข์น้อย ความคับเเค้นน้อย
ที่มันทุกข์น้อยลง ก็เพราะไม่หลงสร้างเหตุไปซะเอง
ดังนั้นความทุกข์ มันจะมากหรือจะน้อย..
มันจะขึ้นอยู่กับระดับความจริงจังของเรานั้นเอง
เกี่ยวข้องกับสิ่งใด ก็ไม่ต้องจริงจังอะไรจนเกินไป
เพราะความจิงจังเเท้จริงแล้ว มันก็คือสมุทัยนั่นเอง..
(สมุทัยก็คือ สาเหตุเเห่งความทุกข์)
24 เมษายน 2014
..
..
(https://fbcdn-sphotos-d-a.akamaihd.net/hphotos-ak-xfp1/v/t1.0-9/10155536_1485130055033563_7316807811983620503_n.jpg?oh=6cab88a04a9e2a4db37bf0c18dbb6686&oe=5449A9B3&__gda__=1413814243_9afe227d2d46a5a6ec415372bc3fee4d)

มัวเเต่ตระหนักถึงความว่าง...
ก็เลยไม่ว่างกันซักที...
25 เมษายน 2014
..
..
(https://scontent-b-sin.xx.fbcdn.net/hphotos-xpf1/v/t1.0-9/10167951_1485152301698005_2412489234325265005_n.jpg?oh=41f5e1bacc600cbd926b0290238e2b1b&oe=54475F47)

เมื่อไม่เอาจิตชนิดไหนเป็นประมาณ
ความขัดแย้งทั้งหลายที่เคยมีมา...
...มันก็สิ้นสุดลง..
26 เมษายน 2014
..
..
(https://fbcdn-sphotos-g-a.akamaihd.net/hphotos-ak-xfp1/v/t1.0-9/p235x350/10308165_1485239958355906_1252623152865635344_n.jpg?oh=cc1e7291473350a5e2aaf400a7dcd066&oe=544231FD&__gda__=1414666540_bce6e2f83b5d79f4069731638e340040)

มีเเม่ชีเข้าไปหาหลวงพ่อเเล้วพูดว่า..
แม่ชี : หลวงพ่อคะ หนูเป็นคนที่หวั่นไหวกับคำพูดของคนอื่นมากเลยคะ..
หลวงพ่อ : ไม่ใช่มีเเต่ลูกหรอก"ที่หวั่นไหวกับคำพูดของคนอื่น
ใครๆเค้าก็หวั่นไหว กับคำพูดของคนอื่นกันทั้งนั้นเเหละ..
หลวงพ่อ ; แล้วลูกอยากรู้มั๊ยว่าทำไม ลูกต้องได้ยินเรื่องที่
มันทำให้ลูกต้องหวั่นไหวอยู่เรื่อย ๆๆ
แม่ชี : อยากรู้คะ..
หลวงพ่อ : มันเกิดจากกรรม ที่ลูกชอบพูดให้คนอื่นเค้าหวั่นไหวนั่นแหละ....
26 เมษายน 2014
..
..
(http://media-cache-ec0.pinimg.com/236x/a6/49/06/a649068a0e452da2dbb35b7a91267dc3.jpg)
โดเงน เซ็นจิ
supattro?hc_location=timeline
หัวข้อ: Re: มันเป็นเช่นนี้...
เริ่มหัวข้อโดย: ฐิตา ที่ ธันวาคม 20, 2014, 09:19:48 pm
(https://lh5.googleusercontent.com/-tsA65ptuQtE/VGYYttC5ySI/AAAAAAAANv0/fQVKuvb81wA/w395-h553-no/tumblr_m2tkbwt9t71qg39ewo1_500.gif)

ในโลกใบนี้นั้น
ไม่มีศาสตร์ใดเลย ที่ไม่เป็น
"มายา"
ไม่ว่าจะเป็น...
โหราศาสตร์
เทวศาสตร์
หรือแม้แต่พุทธศาสตร์
ก็ไม่ควรจะยึดมั่นถือมั่น ด้วยประการทั้งปวง

เราต่าง.. ติดกับดักของ.. ความคิด
ความคิด.. สร้างความมี.. ความไม่มี
ของทุกสรรพสิ่งขึ้นมา
จะเกิดอะไรขึ้น เมื่อละครโรงใหญ่คือ "โลก"

นักแสดงส่วนใหญ่ ต่างหลง
เป็นตัวละครนั้นๆเสียเอง
จนลืม ตัวตนที่แท้จริงของตน
ยุ่งเหยิง...สับสน...วุ่นวาย ด้วยความหลง
ในบทบาทที่ไม่มีจริง

15 ธันวาคม 2557
..
..

(http://www.pondly.com/wp-content/uploads/2011/10/tears4.jpg)

แม้โลกนี้จะว่างเปล่า
แต่กรรมของสัตว์โลกนั้นก็มากมาย
จนแทบมิอาจบรรจุได้
กรรมนั้นเป็นแค่ภาพมายา

มูลเหตุของการเกิดกรรม เพราะสัตว์โลกไม่เข้าใจจิตตน
ต่างพากันสร้างเหตุซึ่งเป็นมายา
และรับผลแห่งความทุกข์ที่เป็นมายาด้วยเช่นกัน
วิบากกรรมจึงมาจากความว่างเปล่า
และเวทีที่เป็นสถานที่ชดใช้กรรม ที่สัตว์โลกต่างสถาปนาขึ้นมา
ก็คือ"โลก"นี่เอง

ผู้ใดที่เข้าใจว่า ทุกสรรพสิ่ง ล้วนเกิดจากจิตตน
สร้าง.. ความมีอยู่ ความไม่มีอยู่ ขึ้นมา
และขันธ์ทั้ง5 นั้นว่าง
อายตนะ6 แต่เดิมมิได้มีอยู่จริง

การตกเป็นเหยื่อให้โลกพลิกหมุนตน
ก็จะกลายเป็นผู้พลิกหมุนโลกนั้นเสียเอง
การตระหนักรู้ว่า ธรรมทั้งปวง(ทุกสรรพสิ่ง) มิใช่ธรรม
หากเป็นเพียง "นาม" ที่เรียกว่าธรรมเท่านั้น
มายาที่จิตสร้างสลาย กรรมทั้งหลาย ก็จะสลายไปด้วย
นี่เป็นวิถีทาง "ทางเดียว"ที่จะชำระกรรม
..
..

(https://scontent-a-sin.xx.fbcdn.net/hphotos-xpf1/v/t1.0-9/1507685_742531769135872_1802527390220510977_n.jpg?oh=2899ed49978ee66a940955667d924497&oe=54FB66CE)

มือ...ที่ยื่นไป ในสังสารวัฎ
ย่อมสะอาด และสกปรกเสมอ
หากแต่.. มือที่ "ว่างเปล่า"
ย่อมไร้สถานะ

‪#‎ขอบพระคุณเครดิตจาก‬ Xuar Bodhisattva#
Devilgirl Suratthani

7 ธันวาคม 2557
..
..

(https://s-media-cache-ak0.pinimg.com/originals/4c/7e/31/4c7e31465b895f2cda23db7d3c84a313.jpg)

เพราะโลกนี้อุบัติด้วยจินตนาการ
และจินตนาการแต่ละคนต่างกัน มีทั้งสร้างสรรค์และทำลาย
พระศาสดาในทุกศาสนาจึงต้องมีจินตนาการที่กว้างใหญ่กว่า
ด้วยมุ่งหวัง ควบคุมให้เกิดสันติภาพ ของโลก
แต่...หากถามว่าศาสนาใดจริงใจที่สุด
ขอตอบว่า ศาสนาของพระศากยะมุนีพุทธเจ้า

ด้วยเป็นศาสนาเดียวในโลก ที่ให้อิสระและปลดปล่อย
อย่างแท้จริง
สอนไม่ให้ขึ้นตรงต่อพระเจ้า
สอนไม่ให้ขึ้นตรงต่อศาสดา
และสอน กาลามสูตร ไม่ให้เชื่อแม้เป็นคำพูดครูบาอาจารย์

ความจริงใจ และ ความเสียสละ 45 ปี
พระองค์ไม่เคยต้องการการบูชา
หากแต่ต้องการปลดปล่อย
ข้าพเจ้าจึงเป็นผู้หนึ่ง ที่ยังจะยอมรับพระองค์เสมอ
ไม่ว่านิพพาน จะเป็นแค่...จินตนาการหรือไม่ก็ตาม

4 ธันวาคม 2557

..
..

(http://media-cache-ak0.pinimg.com/736x/65/2e/bf/652ebf2ea56b624e692f51efd6418090.jpg)

คำว่า"สัมมาสัมโพธิ" เป็นนามสมมุติ
ใช้เรียก ภาวะ การเห็นแจ้งว่า
"ไม่มี ธรรม ใดเลย ที่ไม่เป็นโมฆะ"

สิ่งมีชีวิต และ สิ่งไม่มีชีวิตในจักรวาล
เป็นเพียง.. รูป และ นาม
ที่ใดมีรูป ที่นั้นย่อมมีนาม ที่ใดมีนาม ที่นั่นย่อมมีรูป
เมื่อรวมกันก็เป็นเหตุ
ให้เกิดปฏิกิริยา เปลี่ยนแปลง หมุนเวียน รอบตัวเอง
ตามเหตุปัจจัย
นั่นเป็นที่มาของกฎไตรลักษณ์
เกิดขึ้น..ตั้งอยู่...ดับไป เสมอตามธรรมชาติ

ถ้าเมื่อใด..ที่เราเข้าใจว่า
ผู้กระทำและสิ่งที่ถูกกระทำคือ สิ่งเดียวกัน
ความยึดมั่นใน รูปธรรม... นามธรรม... ก็สลาย
ทุกสรรพสิ่ง ก็จะเป็นเพียง.. มายา ที่จิตขีดเขียนขึ้นมาทั้งสิ้น

เราคือท่าน....ท่านคือเรา
ตั้งแต่จักรวาล ดวงดาว ภูเขา ตลอดจนมาถึงเม็ดฝุ่น
ไม่มีสิ่งใดที่นอกเหนือไปจาก.....จิต

การยึดมั่นถือมั่น....ย่อมไม่ใช่"พุทธะ".
..
..

(http://media-cache-ec0.pinimg.com/236x/bf/fb/cc/bffbcc2c12a100713fa3164b79fb26a0.jpg)

สังสารวัฎนี้... ยาวนาน และซับซ้อนยิ่งนัก
เมื่อสัญญาเดิมหวนคืน
ภาพที่เคยโลดแล่นท่ามกลางสายธาราก็อุบัติ
เนิ่นนานแห่งการบำเพ็ญเพียร ด้วยมุ่งหวังโพธิญาน
จวบจนเปลี่ยนภพภูมิ
ละทิ้ง กายพร้อมสมบัติส่วนตน ฝังมืดมนใต้บาดาล
สุดรัก...สุดอาลัย
หวนไห้..แต่มิอาจหวนคืน

(http://media-cache-ec0.pinimg.com/736x/81/8f/78/818f7844b8d399288bbb6307f21763cd.jpg)

ได้แต่ทอดถอนใจ....ทดท้อในการเวียนวน
ตระหนักเห็น ชาติภพเป็นเพียง...มายา!!!
เกิดมาทำไม ?? วันนี้ได้คำตอบ
เกิดมาในโลกใบนี้ เพื่อ "ทิ้ง" สถานเดียว

1 ธันวาคม 2557

Devilgirl Suratthani
https://www.facebook.com/Samanalayaa?fref=tl_fr_box&pnref=lhc.friends

(https://lh3.googleusercontent.com/-0Qi0jg7tICc/VKQjc3j0loI/AAAAAAAAOeQ/AaJ1dKCLklw/w346-h324/arg.jpg)
หัวข้อ: Re: มันเป็นเช่นนี้...
เริ่มหัวข้อโดย: ฐิตา ที่ กุมภาพันธ์ 25, 2015, 03:25:03 pm
(https://s-media-cache-ak0.pinimg.com/236x/de/a2/0c/dea20cbb836c7633c02552ef4233b1b7.jpg)

สัจธรรมของพระพุทธองค์ มิเคยแบ่งแยกใดๆ แต่ลัทธิศาสนากลับแบ่งแยกมนุษย์ออกเป็นฝักฝ่าย นักบวชเจ้าเล่ห์ จอมลวง ชั่วร้าย ลวงมนุษย์ลงเป็นทาส เพื่อทรัพย์และผลประโยชน์ทั้งหลาย ด้วยพิธีกรรม ความเชื่อ ความปรารถนา และความกลัว
..........
“สัจธรรมดุจดั่งความว่างเปล่า” แต่กลับถูกบรรจุและหุ้มห่อไปด้วย ตำรา และพิธีกรรมมายาทั้งปวง ซึ่งตรงข้ามกับสิ่งที่พระพุทธองค์ทรงรู้แจ้งชัดตรัสสอนว่า “ธรรมทั้งหลาย ไม่ใช่ตัวตน เราเขา ธรรมทั้งปวงไม่ควรยึดมั่นถือมั่น” แต่สาวกกลับพากันเพิกเฉย ดั่งนี้แล้วก็จะไปยึดอะไรเล่ากับ ลัทธิ พิธีกรรม เจ้าสำนัก และตำราทั้งหลาย
..........
ศาสนา มิใช่ พิธีกรรม ความเชื่อ การสวดอ้อนวอน ร้องขอ นั่นแสดงว่าตนยังพึ่งพาตนไม่ได้ ศาสนาที่แท้ย่อมนำพามนุษย์และสังคมไปสู่ความเจริญ รุ่งเรือง มั่นคง แต่ศาสนามัวเมาจอมปลอม ที่มาพร้อมนักบวชจอมลวง หลอกล่อให้งมงาย ย่อมพามนุษย์และสังคมไปสู่ความเสื่อม และความเป็นทาสปกครอง
..........
“ตนต้องเป็นที่พึ่งแห่งตน” เท่านั้น ที่จะนำพาสังคมไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน จงใคร่ครวญให้ดีว่า มีแต่ผู้ขอ แต่ไม่มีผู้ให้ มันไม่เกิดความสมดุล ซึ่งความสมดุลเป็นสิ่งสำคัญในการดำรงอยู่ ของมนุษย์ทุกผู้ทุกนาม

Isara Tong กับ Devilgirl Suratthani


..
..
2.4.2561
จิตที่แบ่งแยก ตัดสิน ตีความนี้แหละ ที่ทำให้คุณดิ่งไปยังขั้วใดขั่วหนึ่ง
อย่างขั้วของความสุข และ ขั้วของความทุกข์
มิได้ดำรงอยู่ตรงกลาง และแล้วมันก็สร้างปัญหา และ ความทุกข์ขึ้น นี่แลคือแก่นแท้ของศาสนาทุกศาสนา
ไม่ใช่แต่เพียงศาสนาพุทธ ในภัควัทคีตา ศรีกฤษณะ กล่าวแก่นักรบอรชุนว่า

"อรชุน! จงมีปัญญาเป็นที่พึ่งเถิด บุคคลผู้ประกอบด้วยปัญญาย่อมมองเห็นว่า
ทั้งความดีและเลวล้วนแต่เป็นสิ่งที่พึงสละทิ้งทั้งสิ้น
ความยึดติดที่ผิดๆ ในตัวตนก็ขอให้ท่านละเสีย
จงวางใจให้เป็นกลางทั้งในความสำเร็จและล้มเหลวของชีวิต
ไม่หวั่นไหวในคราวประสบทุกข์และไม่กระหายอยากในการแสวงหาสุขอันจอมปลอมใส่ตน
คนเช่นนี้เป็นผู้ข้ามพ้นจากความดิ้นรนทะยานอยาก จิตใจเยือกเย็นมั่นคง ถ้าทำได้ดังที่ว่ามา ย่อมได้ชื่อว่า ปฏิบัติครบถ้วนสมบูรณ์ อรชุน! บุคคลผู้ละความทะยานอยากทั้งมวลในจิตใจได้ บุคคลที่มีลักษณะนี้ท่านเรียกว่าผู้มีปัญญา "

เมื่อใดที่คุณตัดสิน แบ่งแยกคุณก็ตกอยู่ภายใต้อำนาจของตัญหาของคุณ
คุณหลงไปยึดมั่นถือมั้น ในสายของปฏิจจสมุปบาท คุณจะเห็นได้ชัดว่าเมื่อใดก็ตามที่มีตัญหา
เมื่อนั้นก็มีความทุกข์ระทมเกิดขึ้นตามมาเหล่านี้หาได้แยกขาดจากกันไม่
..
..
2.4.2562
โศลกแห่งเมฆบ้า

ก่อนปฏิบัติธรรม
เห็นภูเขา เป็นภูเขา
เห็นแม่น้ำ เป็นแม่น้ำ

เมื่อเริ่มปฏิบัติธรรม
เห็นภูเขา ไม่ใช่ภูเขา
แม่น้ำ ไม่ใช่แม่น้ำ

หลังจากปฏิบัติธรรม
ก็เห็นภูเขา เป็นภูเขา
เห็นแม่น้ำ เป็นแม่น้ำ

เมื่อค้นหาเหตุเราก็จะเจอผล
ทุกข์ ก็เป็นผลที่เกิดมาจากเหตุ และ
ในเหตุและผลเหล่านั้น
ก็มีความดับอยู่ในตัวของมันเองอยู่แล้ว
ที่เราเรียกว่าความดับทุกข์
และในความดับทุกข์นี่เอง คือหนทางแห่งการออกจากความทุกข์
หากพูดหยุดไว้แต่เพียงเท่านี้ ก็จะทำให้ผู้อ่านเข้าใจเอาเองว่า
หากมีหนทางแห่งความดับทุกข์
ก็ต้องมีการปฏิบัติเพื่อการออกจากทุกข์
แล้วทุกคนที่ปรารถนาจะออกจากทุกข์ ก็เร่งปฎิบัติ
ปฎิบัติตามหนทางที่ว่านั้น
แล้วอีกไม่นานก็จะถึงจุดหมายปลายทาง
หากทุกคนผู้ที่ปราถนาจะออกจากทุกข์มีความคิดเห็นเช่นนี้เสียแล้วรับรองได้ ว่า จุดหมายปลายทางที่ว่านั้นก็ยังอยู่อีกไกล
และเชื่อว่าผู้นั้นก็ยังไม่เห็นหนทางอะไรเลย
ยังไม่ได้เสวยรสแห่งพระธรรมที่พระผู้มีภาคเจ้าตรัสไว้ว่า
เย ธมฺมา เหตุปฺปภวา เตสํ เหตุ ตถาคโต
เตสญฺ จ โย นิโรโธ จ
ความว่า ธรรมเหล่าใดเกิดแต่เหตุ
พระตถาคตตรัสเหตุแห่งธรรมเหล่านั้น
และเหตุแห่งความดับแห่งธรรมเหล่านั้น
สิ่งทั้งหลายทั้งปวงมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา
สิ่งทั้งหลายเหล่านั้นก็ย่อมมีความดับไปเป็นธรรมดา

หากว่าเราเข้าใจความธรรมดาที่ว่านี้เสียแล้ว
ก็ไม่จำเป็นจะต้องมีคำอธิบายอื่นอีกต่อไปแล้ว
นี่ยังเป็นเพียงการว่าด้วยเรื่อง
เมื่อยังเห็นว่ามี และสิ่งที่เห็นว่ามีนั้น
มันดับไปเป็นธรรมดาแต่เพียงเท่านั้น

แต่ความเข้าใจที่แท้จริง
นั้นมันเป็นความเข้าใจที่จบในธรรม
ไม่ต้องอาศัยการปรุงแต่งจาก สังขาร ธาตุขันธ์ แต่อย่างใดเลย
เป็นความเข้าใจที่เรียบง่าย
ทุกคนเข้าถึงได้ ไม่วิเศษเลิศเลอแต่อย่างเลย
แต่ความเรียบง่ายที่ว่านี้แหละคือความวิเศษ ประเสริฐ
เพราะนั่น คือ ความพ้นจากทุกข์
ถึงแม้เราไม่ปรารถนา แต่สิ่งนี้ก็มีก็เป็นอยู่เช่นนั้น
แต่เป็นเพราะว่าเราหลงเข้าไปยึดทุกข์และสุข
หลงหมกมุ่นอยู่กับการปฎิบัติ
หลงอยู่กับวิธีที่เราสร้างขึ้นมา
หลงเข้าใจว่าเราเป็นสิ่งหนึ่งแยกจากธรรมชาติ
แต่นั่นก็เป็นความหลงผิดที่มีที่เป็นอยู่เองแล้วในธรรมชาติ
ไม่เป็นความผิดของใครเลย
ด้วยว่าเราก็ตกอยู่ในสภาพเดียวกันทั้งหมดทั้งสิ้น
แต่นี่ก็ล้วนแล้วแต่เป็นกระบวนการของธรรมชาติทั้งสิ้น
เหมือนที่กล่าวไว้ข้างต้นว่า
ก่อนที่เราจะเริ่มปฎิบัติธรรม
เราเห็นภูเขาเป็นภูเขา
เห็นแม่น้ำเป็นแม่น้ำ
เห็นธรรมชาติเป็นธรรมชาติ

หากแต่ว่าเรายังขาดความเข้าใจ
ทำให้เราหลงเข้าไปปฎิบัติ
และ เมื่อเราหลงเข้าไปปฏิบัติแล้ว
ภูเขาก็ไม่เป็นภูเขา
แม่น้ำก็ไม่เป็นแม่น้ำ

เมื่อเราเห็นตามความเป็นจริง
เมื่อนั้นเราก็จะเห็นภูเขาเป็นภูเขา
เห็นแม่น้ำเป็นแม่น้ำ
ธรรมชาติก็กลับเป็นธรรมชาติ

เมฆขาวพราวฟ้าบ้าคลั่ง
ละล่องลอยระรื่นไหลไอระเหย
ละล่องลิ้วพลิ้วแรงลมมาชมเชย
หยาดฝนเอยคือหยาดฟ้าน่าชื่นชม

fbณัฐนนท์ ระกำทอง