ใต้ร่มธรรม

ประชาสัมพันธ์ => 108 โทรโข่ง => การเตือนภัยสังคมและกลุ่มมิจฉาชีพต่างๆ => ข้อความที่เริ่มโดย: sithiphong ที่ มิถุนายน 16, 2013, 01:31:02 pm

หัวข้อ: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ มิถุนายน 16, 2013, 01:31:02 pm
เป็นกระทู้ที่ผมขอรวบรวมข่าวต่างๆ ที่เกี่ยวกับภัยอันตรายต่างๆที่ใกล้ตัว 

เพื่อเป็นความรู้ในการไว้ป้องกันตนเอง

จากภัยต่างๆ  ที่ปัจจุบันนี้  การบาดเจ็บ และ การเสียชีวิต ในสถานที่สาธารณะ หรือ แม้แต่ในบ้านของตนเอง

ขอให้โชคดีครับ



.
หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ มิถุนายน 16, 2013, 01:33:13 pm
สุดชุ่ย ! ซ่อมถนนไม่ปิดฝาท่อ หนุ่มขับ จยย. ร่วงตกท่อเสียชีวิต
-http://hilight.kapook.com/view/87310-

(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/nuntanit/news/994287_633232096687324_974584942_n.jpg)


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก FM. 91 Trafficpro, อาสามูลนิธิร่วมกตัญญู รหัสนคร 0528

           หนุ่มขับรถจักรยานยนต์ชนฝาท่อระบายน้ำคอนกรีต ร่วงตกท่อเสียชีวิตกลางดึก พบ ผู้รับเหมาทำถนนสุดชุ่ย ไม่ยอมปิดฝาท่อ แถมไม่ติดป้ายเตือน

           เมื่อเวลา 00.25 น. ของวันที่ 15 มิถุนายน ได้เกิดอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์เสียหลักชนขอบท่อระบายน้ำที่อยู่ระหว่างการซ่อมเเซม ภายในซอยพุทธมณฑลสาย 2 ซอย 21/1 แยก 8 เมื่อ ร.ต.ท.วสันต์ แช่มมั่นคง พนักงานสอบสวน สน.ธรรมศาลา ได้รับแจ้ง จึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ

           ในที่เกิดเหตุพบรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า เวฟ สีดำ ทะเบียน ขตษ-453 บุรีรัมย์ ล้มอยู่ข้างท่อระบายน้ำที่เปิดฝาท่อคอนกรีตทิ้งไว้ และพบ นายพงษ์ศักดิ์ เหมันต์ อายุ 33 ปี นอนเสียชีวิตอยู่ภายในท่อระบายน้ำ ที่มีความกว้าง 1 เมตร ยาว 1.2 เมตร ระดับน้ำลึก 1 เมตร สภาพร่างกายมีบาดแผล และแผลฉกรรจ์ที่ใบหน้าด้านซ้าย

           โดยจากการสอบสวน นางสาวสิรินธร กัณหาจันทร์ อายุ 24 ปี แฟนสาวของผู้ตาย ทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ ผู้ตายได้ขับรถจักรยานยนต์ออกจากบ้านพักที่อยู่ท้ายซอยไปส่งน้าชายที่หน้าปากซอย และกำลังขับรถกลับเข้าบ้าน แต่คาดว่าระหว่างทางอาจมองไม่เห็นว่ามีฝาท่อระบายน้ำเปิดอยู่ จึงขับรถพุ่งชนฝาท่อคอนกรีตอย่างจัง ทำให้ร่วงตกลงไปในท่อเสียชีวิตดังกล่าว

           นอกจากนี้ นางสาวสิรินธร ยังบอกด้วยว่า ในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา มีผู้รับเหมาเข้ามาปรับระดับถนน จึงเปิดฝาท่อคอนกรีตขึ้นมาวางไว้ตลอดเส้นทาง โดยไม่มีการปิดประกาศบอกให้ชาวบ้านทราบเลยว่าหน่วยงานใดเข้ามาควบคุมการก่อสร้าง

           ด้าน ร.ต.ท.วสันต์ แช่มมั่นคง กล่าวว่า จากการตรวจสอบพบฝาท่อถูกยกขึ้นมาวางไว้ตลอดทั้งซอย บางจุดก็ไม่มีสัญลักษณ์เตือนให้ผู้สัญจรไปมาได้ระมัดระวังตัวเอง ซึ่งเตรียมจะเรียกผู้รับเหมาปรับพื้นผิวถนนมาสอบสวนต่อไป

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
-http://www.komchadluek.net/index.php-
-http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNM01USTJNek0zTlE9PQ==&subcatid=-

.

หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ มิถุนายน 16, 2013, 01:35:06 pm
คลิปแก๊งวัยรุ่นโหด ยกพวกรุมทำร้ายนักศึกษาอาชีวะ อาการสาหัส
-http://hilight.kapook.com/view/87260-

(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/ratthakorn/Hot%20News/crime_42.jpg)

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก คุณ DuangAesthetic สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม

          แก๊งวัยรุ่นยกพวกรุมทำร้ายนักศึกษา ปวส. ปี 2 ของวิทยาลัยอาชีวศึกษานครสวรรค์ ท่ามกลางสายตาประชาชนที่เดินผ่านไปมา โดยกล้องวงจรปิดของร้านในบริเวณดังกล่าวสามารถบันทึกภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไว้ได้
 
          เมื่อวานนี้ (13 มิถุนายน 2556) รายการคลุกวงข่าว ทางโมเดิร์นไนน์ทีวี รายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 12.00 น. บริเวณถนนหน้าร้านค้าแห่งหนึ่ง ใกล้กับวิทยาลัยอาชีวศึกษานครสวรรค์ โดยในช่วงเวลานั้นมีคนมายืนรอรถเพื่อกลับบ้านเป็นจำนวนมาก แต่จู่ ๆ ได้มีกลุ่มวัยรุ่นถือไม้เบสบอลตรงเข้าหานักศึกษาชายของวิทยาลัยอาชีวศึกษานครสวรรค์ ก่อนลงมือรุมทำร้าย ทั้งเตะ ต่อย ใช้มีดแทง และใช้ไม้ฟาด ขณะที่เพื่อน ๆ ของผู้ที่ถูกรุมทำร้ายต่างพากันถอยห่างออกไป เพราะเกรงว่าจะถูกลูกหลงด้วย
 
          โดยภายหลังทราบชื่อผู้ที่ถูกรุมทำร้าย คือ นายการัต หรือ บาส นักศึกษา ปวส. ชั้นปีที่ 2 ซึ่งญาติของนายการัต เผยว่า ตั้งแต่เกิดเรื่องจนถึงปัจจุบัน ยังไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาดูแลหรือสอบปากคำเลย จึงต้องนำภาพจากกล้องวงจรปิดของร้านค้าแห่งนี้มาให้สื่อมวลชนดู เพื่อจะได้ช่วยกันสืบหาเบาะแสของคนร้าย เนื่องจากเป็นเหตุการณ์รุนแรงมาก และอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งช่วยเหลือ เนื่องจากนายการัตยังอาการสาหัสอยู่


คลิปแก๊งวัยรุ่น ยกพวกรุมตีนักศึกษาอาชีวะ (http://www.youtube.com/watch?v=1p2Wsum-XAw#)

คลิปแก๊งวัยรุ่น ยกพวกรุมตีนักศึกษาอาชีวะ (http://www.youtube.com/watch?v=1p2Wsum-XAw#)

-http://www.youtube.com/watch?v=1p2Wsum-XAw&feature=player_embedded-
คลิป ข่าววัยรุ่นตีกัน โพสต์โดย คุณ DuangAesthetic สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม
หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ มิถุนายน 16, 2013, 01:36:25 pm
หนุ่ม 16 ถูกอริจ้วงแทง ดับอนาถคาป้ายรถเมล์
-http://hilight.kapook.com/view/87320-

(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/nuntanit/news/459507-01.jpg)

(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/nuntanit/news/459507-02.jpg)

หนุ่ม 16 ถูกอริจ้วงแทง ดับอนาถคาป้ายรถเมล์ (ไอเอ็นเอ็น)

           วัยรุ่นวัย 16 ปี ถูกอริใช้อาวุธมีด ไล่แทง 5 แผล เสียชีวิตจมกองเลือด คาป้ายรถเมล์ ใกล้สี่แยกเกษตร ก่อนที่จะแยกย้ายกันหลบหนีไป

           เมื่อคืนที่ผ่านมา (15 มิถุนายน 2556) พ.ต.อ.เจริญ ศรีศศลักษณ์ รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 พร้อมด้วย พ.ต.อ.ชาตรี กาญจนกันติ ผู้กำกับ สน.พหลโยธิน เดินทางเข้าตรวจสอบเหตุชายถูกแทงเสียชีวิต บริเวณป้ายรถเมล์ หน้าร้านทอง "ห้างทองฮะฮงไถ่" ใกล้สี่แยกเกษตร ที่เกิดเหตุบนฟุตปาธ พบศพ นายพัทรพล ขวัญทิพย์ อายุ 16 ปี นอนจมกองเลือด สภาพมีบาดแผลถูกแทงด้วยของมีคมที่ชายโครงขวา 1 แผล ด้านหลัง 4 แผล จากการตรวจสอบในตัวผู้ตาย พบ โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง เงินสด 140 บาท และกุญแจรถจักรยานยนต์ ฮอนด้า เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้ตรวจสอบ

           จากการสอบถามผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า ขณะเกิดเหตุ ได้เห็นผู้ตายพร้อมเพื่อน 3 คน วิ่งหนีกลุ่มคู่อริกว่า 10 คน ที่วิ่งตามมาจากทางด้านร้านหมูกระทะแฟมมิลี่ มุ่งหน้าแยกเกษตร โดยระหว่างนั้นผู้ตายได้ล้มลง จึงถูกกลุ่มวัยรุ่นดังกล่าว ตามมาทัน และช่วยกันจับผู้ตายเอาไว้ ก่อนที่หนึ่งในนั้นจะใช้อาวุธมีด จ้วงแทงผู้ตายจนล้มลง และแยกย้ายกันหลบหนี

ที่มา INN
หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ มิถุนายน 16, 2013, 02:17:41 pm
ล่าแก๊งโจ๋ยิงหลานนายกเล็กนครปฐมดับ คาดปมหมั่นไส้ขับแซง
-http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNM01UTTBPRFV4Tmc9PQ==&subcatid=-

(http://www.khaosod.co.th/view_resizing_images.php?filename=online/2013/06/13713485161371349561l.jpg&width=260&height=260)

เมื่อเวลา  04.00 น. วันที่  16 มิ.ย. พ.ต.ท.วีรวิทย์  ลภัสจารุสกุล  สว.เวร สภ.เมืองนครปฐม รับแจ้งว่ามีผู้ถูกยิงเสียชีวิตและมีผู้บาดเจ็บบนถนนเพชรเกษมขาเข้าราชบุรี หน้าอู่เอกวัตร เยื้องโรงเรียนพัฒน บริหารธุรกิจ  หมู่ 2  ต.สระกระเทียม  อ.เมืองนครปฐม  หลังรับแจ้งจึงเดินทางไปตรวจสอบพร้อม  พ.ต.ท.ยุทธนา  นวลคล้ำ  รอง ผกก.สส.  พ.ต.ท.ภาณุทัต เหลืองสัจจกุล สว.สส. ชุดสืบสวนแพทย์เวร รพ.ศูนย์นครปฐม มูลนิธิสุขศาลานุเคราะห์นครปฐม

ในที่เกิดเหตุพบศพนายขจรศักดิ์  ริ้วทองชุ่ม  อายุ 20 ปี นักศึกษาปี 2 สาขาออกแบบนิเทศศิลป์ คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม ซึ่งเป็นหลานของนายประพัฒน์  ริ้วทองชุ่ม  นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองนครปฐม  อยู่บ้านเลขที่ 36 ถนนลำพยา ต.ลำพยา อ.เมืองนครปฐม สภาพศพนอนหงายจมกองเลือด สวมเสื้อยืดสีแดง สวมกางเกงขาสั้นสีดำ มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด 9 มม.เข้าที่ใต้ราวนมขวา และหน้าแข้งขวา รวม 2 นัด

ใกล้กันพบรถจยย. ฮอนดา คลิ๊ก สีดำ ทะเบียน ขตง 686 นครปฐม จอดอยู่ ในที่เกิดเหตุไม่พบปลอกกระสุนปืนและหัวกระสุนปืนตกอยู่  และมีผู้บาดเจ็บอีก 1คน ถูกนำส่ง รพ.ศูนย์นครปฐม ชื่อนายนพดนัย  โทบุตรดา  อายุ 20 ปี อาชีพรับจ้าง และเป็นเพื่อนของผู้ตายอยู่บ้านเลขที่  184  หมู่ 6 ต.สนามจันทร์ อ.เมืองนครปฐม  ถูกอาวุธปืนยิงเข้าที่ขาขวา 1 นัด แพทย์ช่วยเหลือจนปลอดภัย

นายนพดนัย เพื่อนของผู้ตายเปิดเผยว่า  ตนและกลุ่มเพื่อประมาณ  7 คนนั่งดื่มกินเหล้ากันจนเมาที่ร้านอาหารติดหนึบ ใกล้วัดใหม่ปิ่นเกลียว  อ.เมืองนครปฐม จากนั้นแยกย้ายกันกลับบ้าน  โดยตนและผู้ตายขี่รถ จยย.ซ้อนท้ายมาด้วยกัน   1 คัน เพื่อที่จะไปส่งเพื่อนกลับ อ.บ้านโป่ง ที่ขี่รถ จยย.ตามมาอีก  1 คัน  เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุมี ชายวัยรุ่นขี่รถ จยย. ฮอนด้า เวฟ 125 สีแดงดำ  ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน นั่งซ้อนท้ายกันมา 3 คน ตนจึงขี่แซงหน้าขึ้นมา รถอีกคันก็เร่งเครื่องแซงหน้าจึงแซงกันไปมา

จากนั้นกลัวว่าจะเกิดเรื่องจึงขี่รถหนีข้ามเกาะกลางถนนไปอีกฝั่ง  ทำให้ชายที่ซ้อนท้ายกันมา 3 คนขี่ตามมา  ตนจึงชะลอรถถามว่าพี่เป็นใคร  มาจากไหนกำลังไปไหนกันแต่คนร้ายไม่ตอบแล้วชักอาวุธปืนยิงเข้าใส่  5 นัด ก่อนเร่งเครื่องหนีไป หลังเกิดเหตุตนโทร.แจ้ง ตร. 

ด้านชุดสืบสวนได้ประสาน สภ.บ้านโป่ง เขตติดต่อ เพื่อออกติดตามตัวคนร้าย  เบื้องต้นสันนิษฐานว่าคนร้ายอาจยิงด้วยความหมั่นไส้หรือความคึกคะนองพร้อมเช็คจากกล้องวงจรปิดที่ติดไว้ตามแยกเพื่อหาเส้นทางหลบหนีเพื่อนำตัวคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป
หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ มิถุนายน 19, 2013, 10:22:55 pm
วิธีป้องกันตัวจากแท๊กซี่มหาภัย

-http://travel.sanook.com/1390632/%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%B5%E0%B8%9B%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B9%81%E0%B8%97%E0%B9%8A%E0%B8%81%E0%B8%8B%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A0%E0%B8%B1%E0%B8%A2/-


หากคุณต้องเดินทางไปไหนคนเดียวในที่เปลี่ยวโดยใช้บริการรถแท็กซี่ เรามีข้อควรปฏิบัติเบื้องต้นมาฝากกัน เพื่อสร้างความอุ่นใจให้คุณได้ถึงจุดหมายด้วยความปลอดภัย ดังนี้

1. สังเกตสี ทะเบียน และยี่ห้อของรถ เพื่อส่งข้อความ sms หรือ โทรไปบอกคนที่บ้านหรือเพื่อนสนิทเพื่อจดบันทึกเอาไว้ว่าเราขึ้นรถอะไรจากไหน ไปไหน

2. ควรเลือกนั่งตำแหน่งเบาะหลังฝั่งคนขับ

3. อย่าแบไต๋ให้คนขับรู้ว่าเราไม่รู้เส้นทาง ถ้าเค้าถาม ให้ตอบไปว่า"ไปทางไหนก็ได้ที่ไม่อ้อมและรถไม่ติด" ถ้าคนขับไม่รู้เส้นทาง เราต้องโทรถามใครสักคนเพื่อแสดงให้เค้าเห็นว่ามีคนรู้ว่าเราไปไหน

4. คุยกับคนขับเฉพาะเรื่องเส้นทางเท่านั้น ห้ามคุยเรื่องส่วนตัว เพราะจะเป็นการเปิดทางให้เค้าตีสนิทกับเราจนอาจเข้าสู่เรื่องลามกได้

5. ห้ามหลับ

6. ดูว่าคนขับมองกระจกหลังดูเราบ่อยจนผิดสังเกตมั้ย ปรับแอร์ให้เป่ามาเอาใจเราจนเว่อร์เกินไปรึเปล่า เพราะเค้าอาจใช้สารไอระเหยใส่ไว้ในแอร์วางยาสลบเราได้

7. ถ้าบอกให้จอดแล้วคนขับยังเฉยและเพิ่มความเร็ว ให้รีบเปิดกระจก ร้องกรี๊ดวี๊ดว้ายโวยวายให้สุดเสียงพร้อมโบกไม้โบกมือวุ่นวายขอความช่วยเหลือทันที ไม่ต้องอายไม่ว่าคุณจะเรียกใช้บริการรถแท๊กซี่ในเวลากลางวันหรือกลางคืนต้องหมั่นสังเกตพฤติกรรมผิดปกติของคนขับไว้ด้วยนะครับ...กันไว้ดีกว่าแก้!

.
หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ มิถุนายน 22, 2013, 07:33:57 am
สืบบางเขนเร่งไล่ล่าคนร้ายจี้ชิงรถนศ.สาวศรีปทุมอุกอาจ
โดย ทีมข่าวอาชญากรรม    21 มิถุนายน 2556 23:43 น.
-http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9560000075534-

(http://pics.manager.co.th/Images/556000007922201.JPEG)
รูปสเกตซ์คนร้ายที่ลงมือจี้ชิงรถนศ.ศรีปทุมอย่างอุกอาจภายในลานจอดรถห้างโลตัส สาขาบางเขน


(http://pics.manager.co.th/Images/556000007922202.JPEG)
รถโตโยต้ายาริสที่ถูกคนร้ายจี้ชิงไป


ตำรวจชุดสืบสวน สน.บางเขนเร่งสางคดีคนร้ายจี้ชิงรถยาริส นศ.สาวศรีปทุมฯ ประสานงาน กทม.ขอดูกล้องซีซีทีวี ล่าคนร้ายแสบมีดจี้คอชิงรถเก๋งยาริส นักศึกษาสาวปี 3 มหาวิทยาลัยศรีปทุม ในห้างโลตัสบางเขนกลางวันแสกๆ หลังกล้องวงจรปิดในห้างฯมีปัญหาไม่เห็นตัวโจรเข้า-ออก ขณะที่ชุดสืบสวนสอบเหยื่อ 2 ชั่วโมง ยันถูกโจรชิงทรัพย์จริง ไม่กล้าขัดขืนร้องหาคนช่วยหวั่นเจอฆ่าซ้ำรอยเหมือนสาวโออิชิเหยื่อห้างโลตัสบางกะปิ
       จากกรณีคนร้ายอุกอาจตามแกะรอย น.ส. ชมพุนุท ทรัพย์สิน อายุ 23 ปี นักศึกษาปี 3 คณะศิลปกรรม มหาวิทยาลัยศรีปทุม ดักซุ่มรอที่ลานจอดรถห้างโลตัสบางเขน เหยื่อทำธุรเสร็จ เดินมาเปิดประตูขึ้นรถเก๋งโตโยต้ายี่ห้อยารีสสี่ขาวรุ่นสไปเดอร์สีแดง หมายเลขทะเบียน ญพ. 3368 กทม.เตรียมกลับคอนโดฯ ก่อนเปิดประตูหลังรถตามมีดจี้คอ บังคับขับรถออกนอกห้างฯ ก่อนนำตัวเหยื่อทิ้งลงข้างถนนห่างจากโรงพักบางเขนแค่ปลายจมูก เหตุเกิดเมื่อช่วงบ่าย วันที่ 20 มิ.ย.ที่ผ่านมา ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
       ส่วนความคืบหน้าในเรื่องนี้เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 21 มิ.ย.56 พ.ต.ท. เสนห์ มณีฉาย สว.สส. สน.บางเขน เปิดเผยว่าสำหรับการติดตามหาตัวคนร้าย ได้จัดชุดสืบสวนเร่งตรวจหากล้องวงจรปิดตั้งแต่ภายในห้างฯตามประตูทางเข้าออก รวมทั้งกล้อวงจรปิดบริเวณแถวลานจอดรถและหน้าประตูใหญ่ทางที่รถผ่านเข้าออกก็ยังไม่พบตัวคนร้ายรายนี้
       นอกจากนี้ก็ได้สอบถามพยานแวดล้อมละแวกใกล้เคียงกับห้างฯ โดยเฉพาะวินรถจักรยานยนต์รับจ้างซึ่งอยู่ใกล้ที่เกิดเหตุถึงรูปพรรณสัณฐานของคนร้ายที่ก่อเหตุตามที่ผู้เสียหายบอกมา จากการสอบถามพยานแวดล้อมหลายปากก็ยังไม่มีใครพบเห็นเดินเข้าออกห้างฯช่วงเวลาดังกล่าว สรุปเบื้องต้นว่ากล้องวงจรปิดในห้างฯน่าจะมีปัญหาเรื่องการบันทึกภาพ
       พ.ต.ท. เสนห์ กล่าวอีกว่าสำหรับปมเหตุที่ น.ส. ชมพุนุท แจ้งว่าถูกคนร้ายจี้ชิงทรัพเอารถเก๋งไปนั้น ได้ทำการสอบสวนเกือบ 2 ชั่วโมง เกี่ยวกับเพื่อนสนิทและเรื่องอื่นๆ น.ส.ชมพุนุท ให้การยืนยันว่าผู้ที่ก่อเหตุไม่เคยรู้จักหรือมีเบื้องหน้าเบื้องหลังอะไรกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และเล่าอันดับเหตุการณ์ให้ฟังอย่างละเอียด โดยกล่าวว่าก่อนเกิดเหตุเลิกเรียนจากมหาวิทยาลัยศรีปทุม แล้วได้ขับรถมาจอดไว้ที่โซน c ในห้างโลตัส
       หลังจากทำธุระเสร็จก็เดินมาที่รถเปิดประตูเข้ารถคนร้ายได้แอบมาจากไหนไม่รู้เปิดประตูหลังตามมีจี้คอ ส่วนที่ไม่กล้าร้องดิ้นรนขัดขืนให้คนช่วยเนื่องจากกลัวเหตุการณ์ซ้ำรอยเหมือนที่ดูข่าว น.ส. พรพรรณ พรหมจารย์ อายุ 23 ปี ทตกเป็นเหยื่อในลักษณะเดียวกันกับตนเมื่อต่อสู้ขัดขืนก็ถูกคนร้ายแทงคอจนเสียชีวิต


http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9560000075534 (http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9560000075534)

.
หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ มิถุนายน 25, 2013, 10:10:19 pm
โหด ! หนุ่มถูก อปพร. รุมกระทืบไม่ยั้ง แค่ทำถังขยะล้ม
-http://hilight.kapook.com/view/87735-

(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/fontip/etc3/0827a765406727c320ebe5bac40.jpg)


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก สปริงนิวส์

            โหด ! หนุ่มถูก อปพร. ปากเกร็ด 4-5 คน รุมกระทืบ เอากระบองฟาดไม่ยั้ง เหตุแค่ทำถังขยะล้ม เบื้องต้นญาติเข้าไกลเกลี่ย ขอให้ยอมความ

            เมื่อเวลา 19.00 น. ของวานนี้ (24 มิถุนายน 25556) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปากเกร็ด รับแจ้งเหตุคนโดนรุมทำร้าย ภายใน ซอย ถ.ภูมิเวท ข้างโรงเรียนวัฒนพฤกษา ต.ปากเกร็ด อ.เมือง จ.นนทบุรี ทั้งนี้ ผู้ได้รับบาดเจ็บ แจ้งว่า ตนโดนกลุ่ม อปพร. ปากเกร็ด พร้อมกับพวกประมาณ 4-5 คน รุมทำร้ายด้วยกระบองสไลด์ นอกจากนี้ยังรุมกระทืบตนไม่ยั้ง เพียงเพราะตนทำถังขยะล้มเท่านั้น

            อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นทราบว่ามีญาติของ อปพร. ที่ก่อเหตุ เข้ามาเกลี่ยกล่อมให้ชายคนดังกล่าวยอมความ และพร้อมจะชดใช้ค่าเสียหาย และจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้แล้ว ส่วนความคืบหน้าจะรายงานให้ทราบอีกครั้ง


อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก (http://news.springnewstv.tv/31193/%E0%B9%81%E0%B8%84%E0%B9%88%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B8%96%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%82%E0%B8%A2%E0%B8%B0%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%A1-%E0%B9%82%E0%B8%94%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B8%A1%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%97%E0%B8%B7%E0%B8%9A%E0%B8%A2%E0%B8%B1%E0%B8%9A)

-http://news.springnewstv.tv/31193/%E0%B9%81%E0%B8%84%E0%B9%88%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B8%96%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%82%E0%B8%A2%E0%B8%B0%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%A1-%E0%B9%82%E0%B8%94%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B8%A1%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%97%E0%B8%B7%E0%B8%9A%E0%B8%A2%E0%B8%B1%E0%B8%9A-

 

-----------------------------------------------------------------------------

ในกรณีนี้ ไม่ควรยอมความ  ต้องดำเนินคดีให้ถึงที่สุด

อ่า  ต้องระวังให้ดี ที่ผมเคยเจอก็คล้ายๆกัน เบ่งอวด ข้านี่ใหญ่  ข้านี่แน่ สุดท้ายเจอของจริงเข้าไป  หายหัวไปเลย  ไม่เคยเจออีกเลย



.

หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ มิถุนายน 29, 2013, 10:09:48 pm
คนอวดผี 26Jun2013 Full


คนอวดผี 26Jun2013 Full (http://www.youtube.com/watch?v=PpwJUSIyyOQ#)

คนอวดผี 26Jun2013 Full (http://www.youtube.com/watch?v=PpwJUSIyyOQ#)

-http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=PpwJUSIyyOQ-

----------------------------------------------------------------------------------------

อุบัติเหตุ เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา

ต้องระมัดระวัง  อย่าประมาท โดยเด็ดขาด


.
หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ มิถุนายน 30, 2013, 09:36:25 am
ผกก.มือปราบซิ่งเบนซ์ไปราชการ โดนหกล้อตัดหน้าพลิกคว่ำดับอนาถ
-http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNM01qVXdOek01TlE9PQ==&subcatid=-

(http://www.khaosod.co.th/view_resizing_images.php?filename=online/2013/06/13725073951372507467l.jpg&width=260&height=260)

(http://www.khaosod.co.th/view_resizing_images.php?filename=online/2013/06/13725073951372507491l.jpg&width=260&height=260)


วันที่ 29 มิ.ย. เมื่อเวลา 11.30 น. ร.ต.ท.สุรชัย จรัสรัมย์ ร้อยเวร สภ.นางรอง จ.บุรีรัมย์รับแจ้งมรอุบัติเหตุรถยนต์พลิกคว่ำและมีผู้เสียชีวิต เหตุเกิดบริเวณถนนสายโชคชัย-เดชอุดม หลักกิโลเมตรที่ 66-67 ฝั่งขาเข้า อ.หนองกี่ ต.นางรอง อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ จึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบก่อนเดินทางไปตรวจสอบพร้อมด้วยแพทย์เวรโรงพยาบาลนางรอง หน่วยกู้ภัยสว่างจรรยาธรรมบุรีรัมย์ และเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนหนึ่ง

ที่เกิดเหตุพบรถยนต์ ยี่ห้อเบนซ์ สีดำ หมายเลขทะเบียน กฉ 7757 นครราชสีมา พลิกคว่ำตกอยู่ร่องกลางถนน สภาพพังยับเยิน ห่างไปประมาณ 10 เมตร พบชายวัยกลางคนเสียชีวิตอยู่บริเวณไหล่ถนน จากการตรวจสอบพบบัตรประจำตัวข้าราชการชื่อ พ.ต.อ.ธเนศณัฏฐ์ ธีรดนย์ศิริกุล อายุ 58 ปี อยู่บ้านเลขที่ 80 ซอยมิตรภาพ 13 ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา ตำแหน่ง ผกก.สภ.ปะคำ จ.บุรีรัมย์ สภาพนอนคว่ำหน้าจมกองเลือด คอหักหมุนได้รอบ โดยผู้ตายใส่เสื้อยืดคอกลมสีดำ กางเกงขาสั้นสีกลมท่า จึงให้มูลนิธิสว่างจรรยาธรรมบุรีรัมย์นำศพส่ง รพ.นางรอง เพื่อชันสูตรต่อไป

จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ พ.ต.อ.ธเนศณัฏฐ์ ขับรถเบนซ์ออกจาก สภ.ปะคำ เพื่อไปราชการประสานงานด้านการป้องกันปราบปรามยาเสพติดและอาชญากรรมกับหน่วยงานพื้นที่ใกล้เคียง ขณะมาถึงที่เกิดเหตุ จู่ๆ รถหกล้อชะลอความเร็วเลี้ยวลงถนนยูเทิร์นกลับรถที่ชาวบ้านทำขึ้นเองเพื่อข้ามไปฝั่งขาเข้า อ.นางรอง ทำให้รถของ พ.ต.อ.ธเนศณัฏฐ์ ที่ขับตามหลังมาในระยะกระชั้นชิดต้องเบรกกะทันหันจนเสียหลักพลิกคว่ำเป็นเหตุให้ พ.ต.อ.ธเนศณัฏฐ์ กระเด็นออกจากรถเสียชีวิตคาที่ ส่วนรถหกล้อขับหลบหนีไป ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเร่งติดตามมาสอบสวนข้อเท็จจริง

ร.ต.ท.สุรชัยกล่าวว่า สันนิฐานว่าผู้ตายน่าจะขับรถตามหลังรถหกล้อมาในระยะกระชั้นชิดเพราะเป็นทางตรงและเป็นช่วงที่ถนนว่างไม่ค่อยมีรถวิ่งโดยเมื่อมาถึงที่เกิดเหตุรถหกล้อคงจะเลี้ยวกะทันหัน จึงตกใจเหยียบเบรกทำให้ไม่สามารถควบคุมพวงมาลัยรถได้ รถจึงหมุนคว้างพลิกหลายตลบลงร่องกลางถนนไกลกว่า 50 เมตร

ด้านนายจิรวัฒน์ ธีรดนย์ศิริกุล อายุ 19 ปี ลูกชายพร้อมด้วยนางสมมาตร ทองสูงเนินพี่สาวของ พ.ต.อ.ธเนศณัฏฐ์เดินทางมารับศพที่โรงพยาบาลนางรองเพื่อไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณีที่บ้านพักในจังหวัดนครราชสีมาท่ามกลางความเศร้าสลดของญาติและเพื่อนๆข้าราชการตำรวจเนื่องจาก พ.ต.อ.ธเนศณัฏฐ์ เป็นผู้กำกับฯ ที่มีมนุษย์สัมพันธ์ดี เป็นที่รักใคร่ของเพื่อนร่วมงาน และผู้ใต้บังคับบัญชา ทั้งยังเป็นตำรวจฝีมือดีในด้านการป้องกันปราบปรามกลุ่มผู้ลักลอบตัดไม้ทำลายป่า และยาเสพติดในเขตพื้นที่รับผิดชอบ อ.ปะคำ

ด.ต.ชัยวัฒน์ นุ่มนวลศรี ผู้บังคับหมู่งานสืบสวนสอบสวน สภ.ปะคำ ที่ได้พูดคุยกับ พ.ต.อ.ธเนศณัฏฐ์ คนสุดท้าย เล่าว่า พ.ต.อ.ธเนศณัฏฐ์ สั่งงานกับตนในช่วงประมาณ 09.00 น. ก่อนออกเดินทางไปราชการประสานงานด้านการป้องกันปราบปรามยาเสพติดและอาชญากรรมกับหน่วยงานพื้นที่ใกล้เคียง จนได้รับแจ้งภายหลังว่าผู้กำกับฯ ประสบอุบัติเหตุรถพลิกคว่ำเสียชีวิตดังกล่าว

นายชัยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ นายอำเภอปะคำ จ.บุรีรัมย์ กล่าวภายหลังเดินทางมาดูศพ พ.ต.อ.ธเนศณัฏฐ์ ที่ รพ.นางรอง ว่า พ.ต.อ.ธเนศณัฏฐ์ เป็นนายตำรวจที่มีมนุษยสัมพันธ์ดี เป็นกำลังหลักที่ได้ร่วมทำงานกับข้าราชการทุกส่วนใน อ.ปะคำ โดยเฉพาะงานด้านการปราบปรามอาชญากรรม ยาเสพติด และลักลอบตัดไม้ในพื้นที่ อ.ปะคำ รู้สึกเสียดายข้าราชการตำรวจที่ต้องมาเสียชีวิตจากอุบัติเหตุครั้งนี้

สำหรับ พ.ต.อ.ธเนศณัฏฐ์ ธีรดนย์ศิริกุล มาดำรงตำแหน่ง ผกก.สภ.ปะคำ จ.บุรีรัมย์ เมื่อเดือน ก.ย.2552 ซึ่งในเดือน ก.ย.2556 นี้ จะครบ 4 ปี เรียน นบ.รบ.รุ่นที่ 10 ซึ่งเป็นรุ่นเดียวกันกับ พ.ต.อ.ชัยเดช ปานรักษา รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา และ พ.ต.อ.ศิริศักดิ์ ศรีสืบสาย รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ 
หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ มิถุนายน 30, 2013, 10:17:55 pm
อุทาหรณ์ หญิงตื่นงัวเงียคว้า“ซูเปอร์กลู“ทาปากติดหนึ่บ “นึกว่าเป็น“ลิปมัน“!

-http://news.sanook.com/1194509/%E0%B8%AD%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%93%E0%B9%8C-%E0%B8%AB%E0%B8%8D%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B8%95%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%87%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%87%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%8B%E0%B8%B9%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%9B%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B6%E0%B9%88%E0%B8%9A-%E0%B8%99%E0%B8%B6%E0%B8%81%E0%B8%A7%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B8%A5%E0%B8%B4/-


(http://p3.s1sf.com/ns/0/ud/238/1194509/news09-1.jpg)


สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 30 มิ.ย.ว่า หญิงสูงวัยอายุ 64 ปี ชาวนิวซีแลนด์ มีอันต้องเคราะห์ร้ายสุด ๆ หลังปากต้องติดหนึ่บและต้องพึ่งแพทย์ หลังจากเธอได้คว้ากาวซูเปอร์กลูทาปาก เพราะเข้าใจผิดคิดว่าเป็น"ลิปมัน"ทาปากแห้ง ขณะที่เหตุการณ์นี้ยังสร้างความระทึกขวัญให้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้าใจผิดว่า หญิงรายนี้กำลังเผชิญเหตุร้ายอยู่

รายงานระบุว่า เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้หญิงสูงวัยรายนี้ต้องโทรศัพท์หาตำรวจ ขณะที่ตำรวจตกใจคิดว่าเธอกำลังถูกจับเป็นตัวประกัน เพราะเธอส่งเสียงงึมงำเหมือนคนถูกบังคับไม่ให้พูด หรืออยู่ในสถานการณ์ที่ต้องพูดอย่างแผ่วเบา ก่อนที่ตำรวจจะมาถึงที่เกิดเหตุและช่วยเหลือเธอ และเจ้าตัวได้เล่าความจริงว่า เธอได้คว้าซูเปอร์กลูซึ่งอยู่ในถ้วยแก้ว โดยเข้าใจคิดว่าเป็นลิปมันทาปากแห้ง โดยเธอไม่ได้กลิ่นของกาวดังกล่าวเพราะเธอกำลังอยู่ในสภาพงัวเงีย ก่อนจะรู้ว่ามีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นกับเธอแล้ว

นอกจากนี้ หญิงสูงวัยยังเล่าว่า เธอได้โทรศัพท์ถึงตำรวจ โดยไม่สามารถบอกที่อยู่ได้หรือหมายเลขโทรศัพท์ของเธอได้ ทำให้ตำรวจถามเธอว่า อยู่ที่เมืองดันดินใช่หรือไม่ ซึ่งเธอได้ตอบว่า "อืมม" และต้องใช้วิธีใช้สัญลักษณ์เคาะนิ้วหนึ่งทีแทนคำว่า "ไม่" และ "สองที" แทนคำว่าใช่ ตลอดการสื่อสารกับตำรวจ

ด้านตำรวจบอกว่า เจ้าหน้าที่ได้ส่งทีมพร้อมสุนัข ตร.ออกมา เพราะเชื่อว่า หญิงรายนี้กำลังถูกจับเป็นตัวประกันในบ้านของตัวเอง ก่อนที่ ตร.จะพบบ้านของเธอ และได้ส่งตัวเธอไปยังโรงพยาบาลเพื่อล้างซูเปอร์กลูออก

.


หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ กรกฎาคม 01, 2013, 07:15:50 pm
ชาวเน็ตเตือนภัย ! ระวังแก๊งมือถือหล่น หลอกเรียกค่าเสียหาย

(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/fontip/crime/1044430_559758070748238_962401269_n.jpg)
แก๊งมือถือหล่น


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก Safe House

            ชาวเน็ตแห่แชร์ข้อความเตือนภัย ! ระวังแก๊งแกล้งทำมือถือหล่น หลอกเรียกค่าเสียหาย พบระบาดหนักแถวอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ

            วันนี้ (1 กรกฎาคม 2556) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ในโลกโซเชียลเน็ตเวิร์กได้มีการแชร์ข้อความเตือนภัยเกี่ยวกับแก๊งมือถือหล่น หลอกเรียกค่าเสียหาย ที่กำลังอาละวาดหนักแถวอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ โดยข้อความที่มีการแชร์ มีดังนี้

            "ฝากเตือนภัย ระวังแก๊งมือถือหล่น หลอกเรียกค่าเสียหาย โดยกลุ่มมิจฉาชีพนี้จะแกล้งเดินชนกับเรา และจะแกล้งทำมือถือหล่น หลังจากนั้นก็เข้ามาต่อว่า และหาว่าเราเดินไม่ดูทาง พร้อมเรียกขอค่าเสียหาย ซึ่งตอนนี้ พบว่า แก๊งมือถือหล่น กำลังระบาดหนักแถวอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ"

(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/fontip/crime/safe.jpg)

.
หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ กรกฎาคม 01, 2013, 07:47:10 pm
พ่อเลี้ยงคลั่ง! กรอกเหล้า-เทแป้งใส่ปากเด็ก 2 เดือน
-http://news.sanook.com/1194629/%E0%B8%9E%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%B5%E0%B9%89%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%87-%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%B2-%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B9%81%E0%B8%9B%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B9%83%E0%B8%AA%E0%B9%88%E0%B8%9B%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%87%E0%B8%81-2-%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%99/-


พ่อเลี้ยงสุดโหด! โมโหลูกเลี้ยงวัย 2 เดือน ร้องไห้หิวนม จับกรอกเหล้า-เทแป้งใส่ปาก-จมูก อาการโคม่า ล่าสุดจับตัวได้แล้ว อ้างเป็นลูกชายตำรวจ

(1 ก.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ได้เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 29 มิ.ย. ที่ผ่านมา ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่กรมประชาสงเคราะห์จังหวัดปทุมธานี ซึ่งพา น.ส.หญิง (นามสมมติ) อายุ 15 ปี เข้าแจ้งความร้องทุกข์ เนื่องจากสามีเกิดคลุ้มคลั่ง ก่อเหตุทำร้ายลูกสาวทารกแรกเกิด อายุแค่ 2 เดือน

จากการสอบสวน น.ส.หญิง ให้การว่า ปัจจุบันได้อาศัยอยู่กินกับ นายจอช (นามสมมติ) อายุ 30 ปี โดยตนเพิ่งคลอดลูกสาวออกมาได้ประมาณ 2 เดือน นายจอช เป็นสามีใหม่ หรือมีศักดิ์เป็นพ่อเลี้ยงของลูกสาววัยแบเบาะ

ขณะเกิดเหตุ นายจอช เกิดอาการคลุ้มคลั่งเพราะความรำคาญใจ เนื่องจากลูกสาวตนร้องไห้งอแงหิวนม นายจอช จึงโมโห ทำร้ายร่างกายลูกสาววัย 2 เดือนของตน จับกรอกเหล้าใส่ปากและเทแป้งสวนเข้าไปทางปากและจมูก ก่อนจะเหวี่ยงทุ่มร่างลูกสาวไปมาและเทน้ำราดใส่ตัว จนได้รับบาดเจ็บสาหัส

ภายหลังจากเกิดเหตุ ตนจึงรีบนำตัวลูกสาวส่งรักษาที่โรงพยาบาลปทุมธานี ล่าสุดยังคงพักรักษาตัวอยู่ที่ห้องไอซียู อาการยังโคม่าค่อนข้างสาหัส ก่อนจะเดินทางเข้าร้องทุกข์กับกรมประชาสงเคราะห์จังหวัด และแจ้งความกับตำรวจดังกล่าว

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ยังเปิดเผยอีกว่า หลังจากได้รับแจ้งความร้องทุกข์ได้ประสานขออนุมัติออกหมายจับผู้ก่อเหตุและจับกุมตัวได้แล้ว เบื้องต้นทราบว่าเป็นลูกชายของตำรวจนายหนึ่ง



หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ กรกฎาคม 04, 2013, 06:20:27 am
ลูกค้ามึน ! ร้านอาหารขึ้นป้ายอร่อย 35.- เช็กบิลจริงจานละเกือบร้อย
-http://hilight.kapook.com/view/88116-

(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/ratthakorn/variety/thirtyfive01.jpg)

(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/ratthakorn/variety/thirtyfive02.jpg)



เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก คุณ ตั๋วแลกเงิน สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม

          ถึงกับมึน ! ร้านอาหารขึ้นป้ายอร่อยชัดเจน 35.- ลูกค้าเรียกเช็กบิลจานละเกือบร้อย แถมแจง 35.- เป็นชื่อร้านภาษาจีน ไม่ใช่ราคา ชาวเน็ตสับเละตั้งใจหลอกลวง แนะฟ้อง สคบ.

          มีประเด็นให้ชาวไซเบอร์ได้วิจารณ์กันในเว็บไซต์พันทิปอีกแล้ว เมื่อ คุณ ตั๋วแลกเงิน สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ตั้งกระทู้ชื่อ "ไปกินออส่วนข้างถนนเขียนว่า "35.-" แต่คิดราคา 90 บาท พอถามเค้าบอก 35.- คือชื่อร้านภาษาจีน !!!!!" ในห้องก้นครัว เล่าว่า ตนเองได้ไปนั่งทานอาหารร้านที่ตั้งอยู่ข้างถนน ซึ่งร้านนี้มีป้ายผ้าเขียนว่า "อร่อยชัดเจน 35.-" จึงได้สั่งออส่วน และน้ำเปล่ามาทาน เมื่อทานอิ่มแล้วได้เรียกเก็บเงิน เจ้าของร้านกลับคิดราคา 100 บาท คือเป็นค่าออส่วน 90 บาท ค่าน้ำอีก 10 บาท ทำให้ผู้ตั้งกระทู้รู้สึกงงไม่น้อย เพราะการที่ร้านเขียนตัวเลข 35 และสัญลักษณ์ .- เป็น "35.-" ย่อมหมายถึงราคา 35 บาท จึงได้สอบถามกับทางร้าน แต่กลับได้รับคำตอบว่า ตัวเลข 35 เป็นชื่อร้านภาษาจีน อ่านว่า "ซาจั๊บโหงว" ต่างหาก ไม่ได้หมายถึงอาหารจานละ 35 บาทอย่างที่เข้าใจ

          เมื่อได้ฟังดังนั้น ผู้ตั้งกระทู้ก็ย้อนถามทางร้านว่ามีคนเข้าใจผิดบ้างไหม ซึ่งทางร้านก็ยอมรับว่า มีลูกค้าที่ต่อว่าเหมือนกัน แต่จริง ๆ แล้ว ราคาอาหารก็เขียนบอกในเมนูไปแล้ว ซึ่งทางเจ้าของกระทู้ก็ไม่ทราบ เพราะเมนูอาหารไม่ได้วางอยู่ที่โต๊ะ แต่วางอยู่ในครัว จึงได้ถ่ายรูปร้านนี้มาให้ชาวเน็ตแสดงความคิดเห็นกัน

 แน่นอนว่า เมื่อเรื่องนี้ถูกแชร์ในโลกไซเบอร์ไม่นาน ก็มีคนเข้ามาวิจารณ์กันเพียบว่า ร้านนี้หลอกลวงผู้บริโภค และตั้งใจโกงเห็น ๆ พร้อมกับแนะนำให้แจ้งไปยังสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) มาจัดการเสียเลย เนื่องจากมีเจตนาหลอกลวงอย่างชัดเจน

.
หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ กรกฎาคม 04, 2013, 06:33:30 am
เผยคลิปเด็กอัสสัมชัญ วิวาทกับ รร.วัดสุทธิฯ ที่ BTS บางรัก
-http://education.kapook.com/view65788.html-

(http://img.kapook.com/u/thitima/education/Untitled-16_3.jpg)

(http://img.kapook.com/u/thitima/education/Untitled-17_1.jpg)

(http://img.kapook.com/u/thitima/education/Untitled-18_1.jpg)



เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก  เฟซบุ๊ก Nanthisa Thongphian

            เผยคลิปเด็กอัสสัมชัญ วิวาทกับ รร.วัดสุทธิฯ ที่ BTS บางรัก คาดเป็นคลิปเหตุการณ์การทะเลาะวิวาทที่กำลังเป็นประเด็นอยู่ในขณะนี้ ด้าน อัสสัมชัญ แจง กรณีนักเรียนก่อเหตุวิวาท เป็นแค่กลุ่มที่เขม่นกัน ไม่ใช่เรื่องระหว่างสถาบัน โดยขณะนี้ได้เรียกตัวผู้ก่อเหตุมาลงโทษแล้ว ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า 30 ราย ลงพื้นที่เพื่อช่วยเฝ้าระวังเหตุการณ์ตามจุดเสี่ยงต่าง ๆ  ด้วย

            สืบเนื่องจากกรณีที่มีการแชร์ข่าวทางเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์ ระหว่างวันที่ 1-2 กรกฎาคม 2556 ว่า นักเรียนโรงเรียนวัดสุทธิวรารามมีปัญหาทะเลาะวิวาทกับนักเรียนโรงเรียนอัสสัมชัญ และจะยกพวกรวมกับช่างกลกรุงเทพฯ ไปทำร้ายนักเรียนโรงเรียนอัสสัมชัญ เนื่องจากมีปัญหากันเมื่อวันที่ 28 มิถุนายนที่ผ่านมา จนมีข่าวอีกว่า โรงเรียนอัสสัมชัญแจ้งให้ผู้ปกครองรีบมารับนักเรียนกลับบ้านด้วยตนเองและไม่ให้กลับบ้านทางรถไฟฟ้าบีทีเอส เพื่อความปลอดภัยของนักเรียนนั้น

            ล่าสุด เมื่อวานนี้ (2 กรกฎาคม 2556) อาจารย์โรงเรียนอัสสัมชัญ ได้ชี้แจงว่า ทางโรงเรียนไม่มีการห้ามเด็กนักเรียนเดินทางกลับโดยรถไฟฟ้าบีทีเอส ส่วนเรื่องทะเลาะวิวาททางโรงเรียนอัสสัมชัญได้ดำเนินการกับนักเรียนที่ก่อเหตุแล้ว และมีการประสานไปยังโรงเรียนวัดสุทธิวราราม และเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อป้องกันไม่ให้เหตุการณ์บานปลายเป็นที่เรียบร้อย

            ขณะที่ มาสเตอร์บรรลือ จินดาศรี ผู้ช่วยหัวหน้าฝ่ายกิจการนักเรียนโรงเรียนอัสสัมชัญ บางรัก กล่าวว่า ภราดาวิริยะ ฉันนทวโรดม อธิการโรงเรียนอัสสัมชัญ ได้เชิญผู้ปกครองและนักเรียนโรงเรียนอัสสัมชัญประมาณ 10 คน ที่ก่อเหตุทะเลาะวิวาทเข้ามาพบเพื่อกล่าวตักเตือนและลงโทษตามกฎปฏิบัติของโรงเรียน เช่น ตัดคะแนนความประพฤติ ทำทัณฑ์บน เป็นต้น

            ทั้งนี้ เหตุการณ์ทะเลาะวิวาทดังกล่าว ไม่ได้เป็นเรื่องระหว่างสถาบัน แต่เป็นการทะเลาะวิวาทของนักเรียนในโรงเรียนอัสสัมชัญที่ไปดึงเพื่อนและรุ่นพี่ซึ่งอยู่ต่างโรงเรียนมาเข้าร่วมด้วย เบื้องต้นจึงมีการพูดคุยกันระหว่างอาจารย์ฝ่ายกิจการนักเรียนของโรงเรียนอัสสัมชัญและโรงเรียนวัดสุทธิวรารามแล้ว ต่างฝ่ายต่างจัดครูเวรลงพื้นที่ตรวจตราความเรียบร้อย ดูแลนักเรียนของตนไม่ให้ก่อเหตุทะเลาะวิวาท รวมทั้งมีการประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ช่วยดูแลความปลอดภัยด้วย

            อย่าไงก็ตาม พ.ต.อ.สินเลิศ สุขุม ผกก.สน.ยานนาวา กล่าวว่า เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน ได้รับแจ้งจากอาจารย์โรงเรียนอัสสัมชัญให้ช่วยเฝ้าระวังเหตุนักเรียนทั้ง 2 โรงเรียน อาจทะเลาะวิวาทกัน โดยมีการวางกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ 30 นาย เพื่อเฝ้าสังเกตการณ์ที่โรงเรียนวัดสุทธิวราราม โรงเรียนอัสสัมชัญ และตลอดเส้นทางระหว่างทั้ง 2 โรงเรียน

            โดยเฉพาะสถานที่ใกล้เคียงต่าง ๆ ที่เป็นจุดเสี่ยง เช่น ห้างสรรพสินค้าโรบินสันบางรัก สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส และท่าเรือ ซึ่งตนยังกำชับเจ้าหน้าที่ว่า หากพบเห็นเด็กนักเรียนจับกลุ่มกัน ให้เข้าไปตรวจสอบประวัติ ค้นอาวุธ เพื่อป้องกันไม่ให้มีเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทเกิดขึ้นด้วย

-http://world.kapook.com/pin/51d4040738217aa434000000-
-http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=0I4d964VouA-
This video has been removed because its content violated YouTube's Terms of Service.


http://education.kapook.com/view65788.html (http://education.kapook.com/view65788.html)



.------------------------------------------------------------------------------------------------------------


ตำรวจไม่เคยปฎิบัติตามกฎหมาย  พวกนี้ต้องจับกุมดำเนินคดี 
และทางโรงเรียนต้องให้นักเรียน(และนักเลง)ออกจากโรงเรียน  เนื่องจากไม่สนใจการเรียน ไปยกพวกตีกัน 

แถมไอ้พวกนี้  ถ้าเก่งกันจริงๆ  ต้องนำเชือกยาว 1 เมตร ผูกที่แขนซ้ายคนละข้าง  แล้วให้ต่อยกัน  หากทั้งคู่ไม่ต่อยต้องให้ผู้ควบคุมการต่อยกันใช้ไม้ตีจนกว่าจะต่อยกัน  และให้ต่อยกันจนกว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งสลบ

และคนพวกนี้  ไม่ได้รับการอบรมที่ดีจากครอบคร้ว และ สถาบันการศึกษา  หากได้รับการอบรม  คงไม่เกิดลักษณะแบบนี้ขึ้นมา

.
หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ กรกฎาคม 05, 2013, 06:26:06 am
 ระวัง ! โจรทันสมัย ปล่อยสัญญาณรบกวนรีโมทรถยนต์
-http://hilight.kapook.com/view/88169-

(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/jumjim/600491_149011255291623_1936155376_n.jpg)

(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/jumjim/600491_149011255291623_1936155376_n2.jpg)

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก รถหาย

                ตำรวจเตือนคนใช้รถ ระวังถูกส่งสัญญาณรบกวนรีโมทรถยนต์ ย้ำให้ตรวจสอบรถอีกรอบหลังกดล็อก พบคนร้ายพัฒนาวิธีลักรถให้ไฮเทคขึ้น

                วันนี้ (4 กรกฎาคม 2556) พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รองผบ.ตร.ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามการโจรกรรมรถยนต์ รถจักรยานยนต์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ผอ.ศปจร.ตร.) แถลงข่าว การป้องกันและแก้ไขปัญหาการโจรกรรมทรัพย์สินภายในรถ และเชิญนายดุสิต สุขสวัสดิ์ อาจารย์ประจำคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง มาเป็นวิทยากรในการสาธิตและบรรยาย

                โดย พล.ต.อ.สมยศ เปิดเผยว่า จากการเริ่มต้นเมื่อ 3 เดือนที่ผ่านมา สถิติตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม - 30 มิถุนายน 2556 มีการแจ้งรถหายผ่านสายด่วน 1192 จำนวน 1,467 คัน ทางตำรวจและสวพ.เอฟเอ็ม จึงร่วมกันเปิด เฟซบุ๊ก รถหาย เพื่อใช้กระจายข่าวผ่านสื่อสังคมออนไลน์ พร้อมมอบรางวัลคันละ 5,000 บาท ให้กับผู้ที่แจ้งเบาะแส จนสามารถได้รถกลับคืนมา

                ทั้งนี้ ในการแถลงข่าวได้มีการสาธิตวิธีการรบกวนสัญญาณรีโมทรถยนต์หลายยี่ห้อ ซึ่งเมื่อทำการล็อกหากมีการกดสัญญาณรบกวน จะทำให้ไม่สามารถล็อกรถได้ และสัญญาณดังกล่าวใช้รบกวนได้ทั้งรถยนต์หลายยี่ห้อและรถหรูอย่างรถซูเปอร์คาร์ด้วย จึงขอฝากเตือนประชาชนให้ระมัดระวังและตรวจสอบให้แน่ใจหลังกดรีโมทล็อกรถ เพราะโจรกลุ่มนี้เป็นโจรที่มีความรู้ มักเลือกโจรกรรมในเวลากลางวันมากกว่ากลางคืน และเน้นพื้นที่ห้างสรรพสินค้า เนื่องจากมีรถให้เลือกหลายยี่ห้อ


อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก -http://www.dailynews.co.th/crime/216815-
หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ กรกฎาคม 05, 2013, 11:04:16 pm
รวบแล้ว ! มือปาหินใส่ น้องวิว ม.เกษตรฯ อ้างเฉยทะเลาะกับแฟน
-http://hilight.kapook.com/view/88222-

(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/ratthakorn/Hot%20News/kaset02.jpg)

(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/thitima/New/Untitled-9_41.jpg)


น้องวิว

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก ครอบครัวข่าว 3, คุณ DuangAesthetic สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม


          นายวิชัย พุกเฮง คนร้ายปาหิน ใส่ น้องวิว นิสิตสาว ม.เกษตรฯ จนอาการสาหัส ถูกรวบตัวแล้ว อ้างทะเลาะกับแฟน จึงปาหินระบายอารมณ์

          สืบเนื่องจากกรณี น.ส.เจนจิรา ทองไชย หรือน้องวิว อายุ 18 ปี นิสิตชั้นปีที่ 1 คณะวิศวกรรมศาสตร์ ม.เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน จ.นครปฐม ถูกคนร้ายปาหินใส่กระจกรถที่ จ.กาญจนบุรี จนได้รับบาดเจ็บสาหัส ต้องเข้ารับการผ่าตัดสมองตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

          ล่าสุด วันนี้ (5 กรกฎาคม 2556) เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้ารวบตัว นายวิชัย พุกเฮง หรือเติ้น อายุ 20 ปี ชาว ต.วังศาลา อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี โดยเป็นการเข้าจับกุมตามหมายศาลจังหวัดกาญจนบุรีที่ จ.462/2556 ลงวันที่ 5 กรกฎาคม 2556 โดยผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ตนทะเลาะกับแฟน จึงมีการขว้างก้อนหินเพื่อระบายอารมณ์ ซึ่งพนักงานสอบสวนเตรียมดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป


อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
-http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNM016QXhORGd4Tnc9PQ==&subcatid=-





หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ กรกฎาคม 05, 2013, 11:09:40 pm
กระบะชนหนุ่มใหญ่ขณะข้ามถนน ลากร่างไกล 20 ม. ดับคาที่
-http://news.springnewstv.tv/31852/%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9A%E0%B8%B0%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%8D%E0%B9%88%E0%B8%82%E0%B8%93%E0%B8%B0%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%96%E0%B8%99%E0%B8%99-%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%84%E0%B8%81%E0%B8%A5-20-%E0%B8%A1-%E0%B8%94%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%84%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88-


(http://www.springnewstv.tv/upload/news/picture/1b2f5129e99ce9626af53f4c9be.jpg)
 หนุ่มใหญ่ข้ามถนนบริเวณบายพาสพนัสนิคม ฝั่งขาเข้าเมืองพัทยา พลาดท่าถูกรถกระบะชนลากร่างไกล 20 เมตร เสียชีวิตคาที่



เมื่อเวลา 03.30 น. วันนี้ (5 ก.ค.56) ร.ต.อ.อภิชากร  แต่งเกลี้ยง  ร้อยเวร สภ.เมืองชลบุรี  ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่มูลนิธิหน่วยกู้ภัยไตรคุณธรรมว่าเกิดอุบัติเหตุรถชน เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุ 1 ราย บริเวณสะพานต่างระดับบายพาสพนัสนิคม ฝั่งขาเข้าเมืองพัทยา ม.10 ต.นาป่า อ.เมือง จ.ชลบุรี จึงรุดตรวจสอบ

จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุพบร่างผู้เสียชีวิตเป็นชาย ทราบชื่อคือนายอนันย์ ฝ่ายวงค์ อายุ 42 ปี ชาว จ.นครพนม สภาพศพกระดูกหักทั่วร่าง กลางลำตัวมีรอยถูกล้อรถเหยียบ และมีแผลถลอกจากการเสียดสีกับถนนตามลำตัว ถัดไปอีก 10 เมตร พบรถกระบะยี่ห้ออีซูซุ  รุ่นดีแม็กซ์ 4 ประตู  สีบรอนซ์ทอง  หมายเลขทะเบียน กฉ 653 สมุทรปราการ คู่กรณีของบริษัทพีซีเอ็ม สภาพด้านหน้าพังเสียหายจากแรงกระแทก โดยมีนายพงษ์สกร ตั้งวานิชกพงศ์ อายุ 40 ปี เป็นผู้ขับ ยืนรอให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ

จากการสอบสวนทราบว่าขณะเกิดเหตุนายอนันย์ ผู้ตายได้เดินข้ามปูนกั้นสะพานที่มีความสูงประมาณ 80 เซนติเมตร  เพื่อข้ามถนนไปยังฝั่งตรงข้าม แต่รถของนายพงษ์สกร ขับมาด้วยความเร็วจึงชนเข้าอย่างจัง พร้อมกับลากร่างนายอนันย์ ไปไกลกว่า 20 เมตร  เป็นเหตุให้เสียชีวิต

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เชิญตัวพงษ์สกร ไปให้ปากคำต่อที่สภ.เมืองชลบุรี  ส่วนร่างผู้ตายได้นำส่งโรงพยาบาลนิติเวชชลบุรี เพื่อรอติดต่อญาติให้มารับศพไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนาต่อไป
 
 
ผู้สื่อข่าว : ทีมข่าวท้องถิ่น


หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ กรกฎาคม 05, 2013, 11:11:20 pm
หนูน้อยวัย 11 เดือน ติดอยู่ในรถตามลำพัง กู้ภัยรุดช่วย
-http://hilight.kapook.com/view/88179-

(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/ratthakorn/Hot%20News/baby_1.jpg)

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก คุณ Lakornhd Thaitv สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม

          เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัย จ.สระบุรี รุดช่วยหนูน้อยวัย 11 เดือน ติดอยู่ในรถ คาด ซุกซนกดปุ่มเซ็นทรัลล็อกโดยไม่รู้เรื่อง
 
          วันนี้ (5 กรกฎาคม 2556) รายการเรื่องเล่าเช้านี้ ทางช่อง 3 รายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 21.00 น. ของวันที่ 4 กรกฎาคม 2556 เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัย จ.สระบุรี ได้รับแจ้งจากผู้ปกครองรายหนึ่งว่า ลูกของตนติดอยู่ในรถยนต์ฮอนด้า สีบรอนซ์ ซึ่งจอดอยู่บริเวณตลาดนัดหลังสถานีรถไฟ จ.สระบุรี จึงรุดไปตรวจสอบ
 
          ที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าต้องช่วยกันงัดแงะประตูรถอยู่นาน ก่อนจะนำหนูน้อยคนดังกล่าวออกมาได้สำเร็จ โดยคุณแม่ของน้องเล่าว่า ลูกของตนอายุ 11 เดือน และกำลังจะ 1 ขวบ ในเร็ว ๆ นี้ ซึ่งก่อนเกิดเหตุตนได้นำของกิ๊ฟช็อปมาขายที่ตลาดนัด และขณะกำลังขนของเข้ารถเพื่อกลับบ้าน ตนให้ลูกนั่งอยู่ในรถพร้อมสตาร์ทเครื่องเปิดแอร์ทิ้งเอาไว้ แต่ไม่รู้ว่าน้องไปกดปุ่มเซ็นทรัลล็อกแบบ 4 ประตูตั้งแต่เมื่อไร ทำให้ลูกติดอยู่ภายในรถตามลำพัง จนต้องเรียกเจ้าหน้าที่กู้ภัยมาช่วยเหลือดังกล่าว


เด็ก 11 เดือน ติดในรถ สระบุรี (http://www.youtube.com/watch?v=52Id650d7XI#ws)
คลิป เด็ก 11 เดือนติดในรถ โพสต์โดย คุณ Lakornhd Thaitv สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม

เด็ก 11 เดือน ติดในรถ สระบุรี (http://www.youtube.com/watch?v=52Id650d7XI#ws)
-http://www.youtube.com/watch?v=52Id650d7XI&feature=player_embedded-
หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ กรกฎาคม 06, 2013, 07:58:24 pm
เหิมเกริม ! โจรบุกลักมอเตอร์ไซค์ จอดทิ้งไว้ในโรงพักนับสิบคัน
-http://hilight.kapook.com/view/88239-

(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/rungtip/june/1373078369.jpg)


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ครอบครัวข่าว 3

          รวบโจรแสบ ! ขโมยรถจักรยานยนต์ในโรงพัก พร้อมของกลางรถฟีโน่ 11 คัน ตรวจพบคนร้ายเคยก่อเหตุในพื้นที่มาแล้ว 20 ครั้ง ภายในเวลา 2 เดือน

          เมื่อเวลา 07.00 น. ของวันที่ 6 กรกฎาคม 2556 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองสมุทรสาคร ร่วมแถลงข่าวการจับกุมแก๊งลักรถจักรยานยนต์ หลังรับแจ้งว่ามีรถจักรยานยนต์หลายคันหายไปจากบริเวณที่จอดรถภายใน สภ.เมืองสมุทรสาคร จึงเร่งทำการตรวจสอบตามกล้องวงจรปิด แล้ววางแผนจับกุมได้เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคมที่ผ่านมา
 
         ทั้งนี้ ในคืนวันที่ 4 กรกฎาคม 2556 เวลาประมาณ 21.40 น. มีชายวัยรุ่นท่าทางมีพิรุธเดินเข้ามาบริเวณที่จอดรถภายใน สภ.เมืองสมุทรสาคร แล้วเข้าไปไขสวิตช์กุญแจรถจักรยานยนต์ยี่ห้อยามาฮ่า ฟีโน่ สีดำขาว หมายเลขทะเบียน ขคษ 132 สมุทรสาคร พร้อมขับขี่รถคันดังกล่าวออกมาจากที่จอดรถ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงขอเข้าตรวจสอบพบรถจักรยานยนต์ ถูกทำลายรูสวิตช์กุญแจ

          ทราบชื่อผู้ก่อเหตุ คือ นายพรชัย เจริญสุข อายุ 26 ปี พร้อมกลางรถจักรยานยนต์ ยามาฮ่า ฟีโน่ รวม 11 คัน และอะไหล่รถอีกจำนวนหนึ่ง แบ่งออกเป็น โครงรถ, ล้อรถจักรยานยนต์, เรือนไมล์, ท่อไอเสีย, กระจังหน้ารถ พบอุปกรณ์สำหรับงัดแงะมอร์เตอร์ไซด์ คือ เหล็กหกเหลี่ยมเจียปลายคล้ายปีกเครื่องบิน ปะแจ แลไขควง
     
           ทั้งนี้ นายพรชัย สารภาพว่า ตนได้ลักรถจักรยานยนต์ภายใน สภ.เมืองสมุทรสาคร มาแล้วจำนวน 13 คัน โดยจะเลือกรถที่ไม่ได้ล็อกคอและไม่ปิดรูกุญแจ จากนั้นจะนำรถที่ลักมาไปทำการถอดแยกชิ้นส่วนแล้วนำไปจำหน่ายที่ตลาดนัดบางแก้ว เขตพื้นที่จังหวัดสมุทรสงคราม ได้ราคาคันละประมาณ 3,000 - 4,000 บาท อีกทั้ง นายพรชัยได้กล่าวซัดทอดว่าได้นำรถจักรยานยนต์ที่ขโมยมาไปจำหน่ายให้กับนายพาณิชย์ อินทร์สมบัติ เพื่อไปขายเอากำไรอีกต่อหนึ่ง ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ข้อหาลักทรัพย์ในสถานที่ราชการในเวลากลางคืนแก่ผู้ต้องหา

           หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ไปติดตามจับกุมนายพาณิชย์ อินทร์สมบัติ อายุ 34 ปี พบของกลางรถจักรยานยนต์ยี่ห้อยามาฮ่าฟีโน่ สีแดง ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ที่บริเวณซอยทางเข้าบ้านเลขที่ 61/2 หมู่2 ตำบลลาดใหญ่ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสงคราม โดย นายพาณิชย์ ให้การรับสารภาพว่า ตนได้ซื้อรถดังกล่าวมาจากนายพรชัย เพื่อไว้ใช้ขับขี่ และได้นำรถไปจำหน่ายในราคาคันละ 3,000-3,500 บาทให้ นายสมโภชน์ นกอินทรีย์ อายุ 31 ปี, นายอนุรักษ์ นิลมาศ  อายุ 29 ปี และนายปิยพงศ์ เต็มเปี่ยม อายุ 28 ปี จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงไปตามจับกุมผู้ต้องหาทั้งหมดพร้อมยึดรถจักรยานยนต์ เบื้องต้นทั้ง 4 รายถูกตั้งข้อหารับซื้อของโจร

          ด้าน พล.ต.ต.ธยาน์ฤทธิ์ เอกเผ่าพันธุ์ ผบก.ภ.จว.สมุทรสาคร กล่าวว่าสำหรับผู้ต้องหากลุ่มนี้ก่อเหตุในพื้นที่จังหวัดสมุทรสงคราม โดย นายพรชัย เจริญสุข ก่อเหตุมาในพื้นที่สมุทรสาคร ประมาณ 20 ครั้ง โดยช่วงเดือนแรกนายพรชัยได้นำรถที่ลักมาได้ไปชำแหละขายทั้งหมดหมด  และหลังจากนั้นได้นำไปขายให้กับนายพาณิชย์เพื่อขายทำกำไร และสำหรับผู้เสียหายส่วนใหญ่นั้น จะเป็นผู้ที่นำรถมาจอดไว้ที่ สภ.เมืองสมุทรสาคร โดยลืมล๊อคกุญแจปิดรูสวิตช์ จึงขอฝากประชาสัมพันธ์ทุกท่านให้โปรดล็อกกุญแจรถให้เรียบร้อยด้วยเพื่อป้องกันรถหาย



         
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
-http://www.krobkruakao.com/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7/76010/%E0%B9%82%E0%B8%88%E0%B8%A3%E0%B9%81%E0%B8%AA%E0%B8%9A--%E0%B8%82%E0%B9%82%E0%B8%A1%E0%B8%A2-%E0%B8%88%E0%B8%A2%E0%B8%A2-%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%81-%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%9A%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B9%8A%E0%B8%87-%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%87-11-%E0%B8%84%E0%B8%B1%E0%B8%99.html-

.--------------------------------------------------------------------




โอ้  ขนาดอยู่ที่โรงพัก  ยังโดน

????????????????????????????????????????

.
หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ กรกฎาคม 06, 2013, 10:18:39 pm
สยอง!! ปั๊มน้ำเก่าไฟรั่วดูดเสี่ยรับเหมาเกรียม ตอนล้างรถ เมียช็อกเจอศพ


-http://news.sanook.com/1195739/%E0%B8%AA%E0%B8%A2%E0%B8%AD%E0%B8%87-%E0%B8%9B%E0%B8%B1%E0%B9%8A%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B9%84%E0%B8%9F%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%94%E0%B8%B9%E0%B8%94%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A1-%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%A3%E0%B8%96-%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%8A%E0%B9%87%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%88/-




(http://p3.s1sf.com/ns/0/ud/239/1195739/news06-1.jpg)


เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 6 ก.ค. ผู้สื่อข่าว ข่าวสด รายงานว่า ร.ต.อ.อาทิตย์ สอทา ร้อยเวร สภ.เมืองอุดรธานี ได้รับแจ้งว่าเกิดเหตุไฟฟ้าชอร์ต มีผู้เสียชีวิต ที่บ้านเลขที่ 356 หมู่ 16 บ้านหนองหลอด ต.เชียงยืน อ.เมืองอุดรธานี จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมแพทย์เวรโรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี และเจ้าหน้าที่มูลนิธิอุดรสว่างเมธาธรรม

ที่เกิดเหตุบริเวณพื้นหน้าบ้าน พบศพ นายบูรพา รื่นกลาง อายุ 39 ปี เจ้าของบ้านนอนหงายไม่สวมเสื้อ นุ่งกางเกงขาสั้นลายขาวแดง ร่างไหม้เกรียมเกือบทั้งตัว อยู่ท้ายรถเก๋งยี่ห้อ มาสด้า 2 สีบรอนซ์ ทะเบียน กพ 8772 อุดรธานี ใกล้ตัวรถมีปั๊มอัดฉีดแรงดันสูงสภาพเก่ายี่ห้อ VIP BLU วางอยู่

สอบสวน นางลัดดา รื่นกลาง อายุ 37 ปี ภรรยาผู้ตาย ให้การว่า สามีเป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง เมื่อเช้านี้ตนเองกับลูกออกไปซื้อของเตรียมจะไปร่วมงานศพเพื่อน โดยสามีบอกว่าจะอยู่ล้างรถที่เพิ่งซื้อมาได้เพียง 1 เดือน หลังเสร็จธุระกลับมาถึงบ้านก็แทบล้มทั้งยืน เมื่อเห็นสามีโดนไฟฟ้าดูดเสียชีวิตแล้ว ในมือยังกำหัวฉีดน้ำอยู่ ตนจึงรีบไปถอดปลั๊กไฟที่เสียบเข้าปั๊มฉีดน้ำออกแล้วรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบ

ทั้งนี้ ร.ต.อ.อาทิตย์ พร้อมด้วยแพทย์ได้ร่วมกันชันสูตรพลิกศพ สันนิษฐานเบื้องต้นว่าเกิดจากปั๊มอัดฉีดน้ำแรงดันสูงที่มีสภาพเก่า เกิดไฟฟ้ารั่ว ประกอบกับผู้ตายฉีดน้ำล้างรถอยู่ทำให้ถูกไฟฟ้าดูดเสียชีวิต อีกทั้งบ้านผู้ตายไม่มีเครื่องตัดไฟฟ้าเวลาไฟฟ้ารั่ว จึงทำให้เกิดไฟฟ้าชอร์ตได้ ซึ่งทางญาติไม่ติดใจการตาย จึงมอบศพให้นำไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณีต่อไป

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าวจาก ข่าวสดออนไลน์
-http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNM016RXdNVFV4T1E9PQ==&subcatid=-



หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ กรกฎาคม 07, 2013, 08:29:44 am
    กระทู้: วันนี้เหมือนจะเจอ "มิจฉาชีพ" บนทางลอย อนุสาวรีย์ชัย
-http://webboard.hitech.sanook.com/forum/?topic=3737007-

วันนี้เหมือนจะเจอ "มิจฉาชีพ" บนทางลอย อนุสาวรีย์ชัย

พอดีไปเจอมาจาก Pantip อ่านแล้วมันมีประโยชน์มากเลย นำมาโพสไว้เผื่อเป็นประโยชน์ จะได้ทันคิด หากเจอเหตุการณ์แบบนี้

ถึงตอนนี้ผมก็ยังไม่แน่ใจว่ามันคือ "มิจฉาชีพ" รึป่าว แต่ถ้าใช่ก็อยากเตือนคนอื่นๆไว้

เรื่องมีอยู่ว่า ผมหาห้องน้ำเข้าบนห้างรอบๆทางเดิน แต่เข้าไปห้างนึงแล้วไม่เจอ เลยเดินออกมาเพื่อหาห้องน้ำห้างอื่นๆ ระหว่างที่ผมเดินออก ผมรู้สึกเหมือนเดินชนคนอย่างจัง (แต่มั่นใจพอสมควรว่าผมดูทางดีแล้ว ไม่น่าจะชนใครได้ และก็ไม่ได้เดินเร็วอะไรด้วย) ผมหันมา เห็นโทรศัพท์มันตก ผมก็ขอโทษ แล้วมันก็บอกว่าไม่เป็นไร ผมเลยเดินต่อไปเพื่อจะหาห้องน้ำที่อื่น แค่แปปเดียว มันคนเดิมสะกิดหลังผม บอกว่าโทรศัพท์มันรีบูท แล้วก็โมโหใส่ พูดคำหยาบด้วย บอกว่าถ้าไม่เคลีย มีเรื่องแน่ๆ หาว่าผมเดินไม่ดูทาง ผมก็ขอโทษอีก แล้วบอกมันว่า ผมกำลังรีบ ผมทิ้งเบอร์ไว้แล้วถ้าเกิดโทรศัพท์มันเป็นอะไรก็โทรมาหาผมละกัน มันไม่ยอม บอกให้ผมรอดูอาการก่อน ผมก็เอาโทรศัพท์มันมาดู ตอนแรกมันไม่ยอมยื่นให้ แต่โชว์ว่าจอมันดับจริงๆ(ซึ่งเป็นไปได้ว่ามันปิดเครื่องเอง) มันบอกให้ไปหาที่นั่งคุย ผมเอามาดู เครื่องก็ไม่เห็นเป็นไร แค่ช้าๆ ตามปกติของแอนดรอยเก่าๆ มันก็บอกเดี๋ยวมันก็รีบูทเองอีก ผมบอกซ้ำอีกครั้งว่าผมรีบ เอาเบอร์ผมไว้ได้มั้ย มันก็ไม่พูดอะไร ซักพักมันถึงบอกคงไม่เป็นไรแล้วแหละ แต่เดี๋ยวดูอาการอีกที แล้วก็เดินไปถึงทางลอยอีกครั้ง มันก็ถามผมว่าลงโปรแกรมใหม่นี่มันราคาเท่าไหร่ล่ะ แล้วก็พูดประมาณว่าจะให้ผมจ่ายให้ ผมก็บอกว่าประมาณ 300 มั้ง  ผมก็บอกอีกทีว่า ผมไม่มีเงินตอนนี้ เอาเบอร์ผมไว้?  แล้วมันถึงบอกว่าคงไม่เป็นไรแล้วล่ะ เดี๋ยวส่งศูนย์ก็ได้.. แล้วมันก็ยึกยักๆ จะให้ผมจ่าย แล้วทำเป็นพูดว่าถ้าผมไม่สบายใจก็ไม่ต้องก็ได้ แต่มันก็ยืนรอ..   ผมเลยเดินไปอย่างไว

ขอสังเกตที่น่าสงสัยคือ
1. หลังจากเดินชนแปปเดียว มันเดินตามหลังมาไวมาก อย่างกับเดินตามมาตั้งแต่ผมหันมาแล้ว
2. โมโห พูดคำหยาบ
3. เครื่องไม่ได้เป็นอะไร
4. เสนอให้เอาเบอร์ไว้ ก็ไม่ยอม จะให้รอดูอาการอย่างเดียว

ถามคนอื่นๆ ถ้าคุณเป็นผม หรือ ถ้าคุณเป็นเจ้าของโทรศัพท์ที่ถูกเดินชนจริงๆ จะทำยังไง

edit เพิ่ม https://www.facebook.com/Victimthailand/posts/325613484208381 (https://www.facebook.com/Victimthailand/posts/325613484208381) หน้าและหุ่นคล้ายกับที่ผมเจอวันนี้เลยนะเนี่ย สถานที่เดียวกัน ...เหอะๆ เลวจริงๆ

ขอบคุณที่มา: -http://pantip.com/topic/30648521-


หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ กรกฎาคม 07, 2013, 08:57:19 am

งามไส้ประเทศ!โชเฟอร์แท็กซี่โหดฟันหัวฝรั่งดับสยอง
-http://www.dailynews.co.th/crime/217278-
วันเสาร์ที่ 6 กรกฎาคม 2556 เวลา 23:38 น.

วงจรปิดแท็กซี่โหด (http://www.youtube.com/watch?v=lkPygvA1NWI#)

วงจรปิดแท็กซี่โหด (http://www.youtube.com/watch?v=lkPygvA1NWI#)

-http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=lkPygvA1NWI-
วงจรปิดแท็กซี่โหด


แท็กซีทะเลาะวืวาทแทงต่างชาติดับ (http://www.youtube.com/watch?v=xPL7jBvGt1M#ws)

แท็กซีทะเลาะวืวาทแทงต่างชาติดับ (http://www.youtube.com/watch?v=xPL7jBvGt1M#ws)

-http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=xPL7jBvGt1M-
แท็กซีทะเลาะวืวาทแทงต่างชาติดับ


(http://www.dailynews.co.th/sites/default/files/imagecache/620x245/photos/217278/0.jpg)

(http://www.dailynews.co.th/sites/default/files/imagecache/620x245/photos/217278/2.jpg)

แท็กซี่กะซวกโหดฆ่ามะกันตายสยอง เหยื่อดีกรีผู้จัดการบริษัทดัง พยานแฉเห็นโดยสารรถแท็กซี่มาจอดก่อนจะลงมาทะเลาะกับโชเฟอร์ เมื่อเดินหนีกลับถูกอีดาบไล่ฟัน แม้พยายามสู้แต่พลาดท่าถูกจ้วงยับดับสังเวยแค้นคาหน้าร้านให้เช่าชุดเจ้าสาว

เมื่อวันที่ 7 ก.ค. ร.ต.ท.ธนภัทร กังรวมบุตร พนักงานสอบสวน สน.บางนา เปิดเผยว่า เมื่อช่วง 21.30 น. วันที่ 6 ก.ค. รับแจ้งมีผู้ถูกทำร้ายเสียชีวิต บริเวณหน้าร้านให้เช่าชุดแต่งงาน “มิสแซทเทอเดย์” ใกล้ปากซอยสุขุมวิท 68 แขวงและเขตบางนา จึงรีบไปตรวจสอบพร้อม พล.ต.ต.ปริญญา จันทร์สุริยา รอง ผบช.น. พ.ต.อ.ศรัญญู ชำนาญราช รอง ผบก.น.5 พ.ต.ท.ภาสกร รัตนปณัดดา รอง ผกก.(สส) ฯ เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน แพทย์นิติเวช รพ.จุฬาฯ และมูลนิธิร่วมกตัญญู ที่เกิดเหตุบนทางเท้าพบศพนายทรอย ลี พิลคิงตัน อายุ 51 ปี สัญชาติอเมริกา นอนคว่ำจมกองเลือด มีแผลถูกฟันเป็นฉกรรจ์ที่ศีรษะ หน้าอก และข้อมือซ้าย เลือดไหลกระเซ็นเปรอะพื้น ข้างศพพบโทรศัพท์มือถือ และถุงใส่สลัดผักตกอยู่ ริมถนนพบปลอกมีดสีดำยาวประมาณฟุตครึ่งตกอยู่จึงเก็บเป็นหลักฐาน
 

จากการสอบสวนพยานที่เห็นเหตุการณ์ ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุผู้ตายโดยสารมากับรถแท็กซี่รับจ้าง ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นอัสติส สีชมพู ทะเบียน ทว 6549 กรุงเทพมหานคร และมาจอดบริเวณจุดเกิดเหตุ จากนั้นผู้ตายกับคนขับซึ่งเป็นชายฉกรรจ์ อายุประมาณ 30 ปี สูง 165 เซนติเมตร สวมเสื้อเชิ้ตสีขาว กางเกงขายาวสีกรมท่า ลงมาทะเลาะวิวาทกันอย่างรุนแรง ก่อนผู้ตายจะพยายามเดินหนี คนขับจึงหันไปคว้ามีดดาบในรถมาไล่ฟันกัน แต่ผู้ตายเสียท่าถูกคนขับจ้วงแทงดังกล่าว ก่อนจะพยายามนำมีดไปทิ้ง แต่ช่วงนั้นมีคนพลุกพล่านผ่านไปมา จึงเปลี่ยนใจวิ่งไปขึ้นรถขับหนีมุ่งหน้าไปทางบางจากอย่างรวดเร็ว
 

พล.ต.ต.ปริญญา กล่าวว่า เจ้าหน้าที่พบนามบัตรระบุบว่าผู้ตายเป็นผู้จัดการฝ่ายบริการลูกค้าของบริษัท แคทเธอร์พิลลาร์ (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทจำหน่ายรถแบ็กโฮ ย่านพระโขนง โดยจากการประมวลเหตุคาดว่าทั้งคู่คงมีปากเสียงทะเลาะกันตั้งแต่อยู่ในรถแล้ว ก่อนจะจอดลงมาไล่ทำร้ายกันดังกล่าว ซึ่งทางชุดสืบสวนได้เบาะแสเป็นภาพจากกล้องวงจรปิดในละแวกพบเห็นทะเบียนรถคันที่ก่อเหจุอย่างชัดเจน ซึ่งจากการตรวจสอบพบเป็นของสหกรณ์แห่งหนึ่งย่านอินทรามระ จึงรีบประสานพร้อมแจ้งวิทยุเข้าสกัดจับ ส่วนชนวนเหตุตอนนี้ยังไม่ทราบแน่ชัดคงต้องรอให้สามารถจับกุมผู้ก่อเหตุได้เสียก่อน ทั้งนี้อยากฝากประชาสัมพันธ์ให้ผู้พบเห็นผู้ก่อเหตุหรือรถคันดังกล่าวรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อใช้เป็นเบาะแสในการติดตามจับกุมโชเฟอร์โหดรายนี้มาดำเนินคดีต่อไป.
หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ กรกฎาคม 07, 2013, 09:22:40 am
วิธีป้องกันงูเข้าบ้าน รู้ไว้ก่อนเพื่อความปลอดภัย
งูเข้าบ้าน ป้องกัน อย่างไร วิธีไม่ให้งูเข้าบ้าน

-http://home.kapook.com/view65807.html-

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

          เรียกว่าเป็นปัญหาใหญ่สำหรับคนกลัวงูเลยทีเดียว หากมีงูเข้าบ้านให้ต้องกระวนกระวายใจ เพราะเมื่องูเข้าบ้านมาแล้ว ก็อาจจะไปซุกตัวอยู่บริเวณใดบริเวณหนึ่ง ไม่ยอมจากไปง่าย ๆ แถมยิ่งถ้าเป็นงูที่มีพิษด้วยล่ะก็ ยิ่งเสี่ยงจะเกิดอันตรายกับคนในบ้านได้มาก โดยเฉพาะในฤดูฝนที่มักมีงูเงี้ยวเขี้ยวขอชุกชุมเป็นพิเศษ ดังนั้นหากใครอยากรู้ วิธีกันงูเข้าบ้าน หรือ ทำอย่างไรไม่ให้งูเข้าบ้าน วันนี้กระปุกดอทคอมมีคำตอบมาฝากแล้วจ้า

ลักษณะของงู

          งู เป็นสัตว์เลื้อยคลานชนิดหนึ่ง ลำตัวยาว ไม่มีขา เคลื่อนไหวได้ด้วยการเลื้อยอย่างปราดเปรียวและว่องไว ยกเว้นงูขนาดใหญ่ที่มักเคลื่อนที่ช้า ลำตัวมีเกล็ดหุ้ม ไม่มีเปลือกตา มีลิ้นสองแฉกเพื่อใช้รับความรู้สึกทางกลิ่น ทั้งนี้ส่วนใหญ่งูมักจะกลัวคนและไม่ค่อยกัด นอกจากถูกรบกวน โดยจะออกหาเหยื่อเมื่อรู้สึกหิว และมักกินสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็กเป็นอาหาร เช่น หนู, จิ้งจก, ลูกไก่, กระต่าย ฯลฯ

          โดย งู มีอยู่จำนวนนับร้อยชนิด ทั้งแบบมีพิษ และไม่มีพิษ แต่ที่พบเห็นได้ทั่วไปในประเทศไทยคือ งูเห่า (มีพิษ) งูจงอาง (มีพิษ) งูเขียว (ไม่มีพิษ หรือมีพิษน้อย) งูหลามและงูเหลือม (ไม่มีพิษ แต่เขมือบเหยื่อได้ทั้งตัว) เป็นต้น

งูเข้าบ้าน เกิดจากสาเหตุอะไร

1. มีแหล่งอาหาร

          หากบ้านหรือสถานที่แห่งนั้น มีแหล่งอาหารงูที่อุดมสมบูรณ์ เช่น มีหนูชุกชุม หรือเลี้ยงสัตว์ตัวเล็ก ๆ อย่าง นกและลูกไก่ อีกทั้งหากมีสวนที่หญ้ารกหรือต้นไม้อุดมสมบูรณ์ งูก็มักจะมาซ่อนตัวเพื่อใช้ชีวิตอยู่ด้วยเหมือนกัน

2. ไม่มีสุนัขหรือแมว

          บ้านไหนที่ไม่มีสัตว์เลี้ยง หรือมักไม่ค่อยมีคนอยู่บ้าน งูจะชอบมากเป็นพิเศษ เนื่องจากงูชอบอยู่เงียบ ๆ ไม่มีศัตรูมาคอยก่อความรำคาญ ยิ่งหากเป็นหน้าฝนหรือมีน้ำท่วมขัง งูก็จะมุ่งตรงเข้าบ้านเพื่อเลื้อยหาที่แห้ง ๆ ให้ซุกตัว

3. มีมุมอับให้วางไข่

          หากบ้านไหนมีมุมอับที่ไม่มีคนรบกวน งูมักจะเลือกเป็นพื้นที่อาศัยหรือวางไข่  เช่น ใต้ถุนบ้าน ใต้หลังคา ฝ้าเพดาน หรือในตู้ที่ไม่ค่อยเปิดใช้งาน เป็นต้น โดยงูจะเลือกบริเวณที่มีอุณหภูมิเหมาะสม มีความอบอุ่น และไม่มีกลิ่นหรือเสียงรบกวน


งูเข้าบ้าน วิธีป้องกันงูเข้าบ้าน


วิธีป้องกันงูเข้าบ้าน

          แน่นอนว่าคงไม่มีใครอยากให้งูเลื้อยเข้ามาอาศัยอยู่ในบ้านเหมือนเป็นครอบครัวเดียวกันแน่ ๆ ดังนั้นก่อนที่จะมีงูโผล่มาเยือนถึงในบ้าน ให้ต้องหวาดระแวง ลองมาดูวิธีป้องกันไว้แต่เนิ่น ๆ ดังนี้

1. น้ำมันกลิ่นฉุน

          กลิ่นแรง ๆ ของน้ำมันเครื่อง น้ำมันก๊าด น้ำมันสน หรือน้ำมันรถ จะทำให้งูไม่อยากย่างกรายเข้ามาใกล้ เพราะงูเป็นสัตว์ที่ไม่ชอบกลิ่นแรง ๆ ดังนั้นในช่วงหน้าฝน หรือหากพบเห็นงูมาป้วนเปี้ยนอยู่แถว ๆ บ้าน ก็ลองเอาน้ำมันกลิ่นแรง ๆ ไปราดไว้บริเวณรอบ ๆ บ้าน ก็จะช่วยไล่งูให้หนีไปทางอื่นได้

2. กรวด

          กรวด หรือหินก้อนเล็ก ๆ หากนำมาโรยไว้รอบตัวบ้าน ก็จะทำให้งูเกิดอุปสรรคในการเลื้อย เพราะเมื่อเจอกับก้อนกรวดจนทำให้เลื้อยลำบาก งูก็จะเปลี่ยนใจไปที่อื่นในที่สุด

3. เลี้ยงสุนัข

          แม้ดูแล้วจะเหมือนให้สุนัขเสี่ยงอันตรายแทน แต่ที่จริงแล้วสุนัขมักจะไม่นิ่งเฉยหากมีสิ่งแปลกปลอมเข้ามาใกล้ ส่วนงูก็เป็นสัตว์ที่ตกใจง่าย ดังนั้นหากงูเริ่มคืบคลานเข้ามาใกล้ ๆ บ้าน สุนัขก็จะส่งเสียงเห่า ทำให้งูตกใจและหนีไปเอง บ้านไหนที่เลี้ยงสุนัขเอาไว้จึงได้เปรียบในกรณีนี้ แต่หากเป็นงูขนาดใหญ่สุนัขก็อาจเกิดอันตรายได้

4. แผ่นกันงู

          เป็นอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสำหรับติดไว้ที่ผนัง หรือเสาไฟ เพื่อดักไม่ให้งูเลื้อยผ่าน เพราะแผ่นกันงูทำจากพลาสติกที่มีความลื่นสูง จึงทำให้เป็นอุปสรรคในการเลื้อย ซึ่งอาจทำให้งูตกลงมาหรือหมดแรงไปก่อน

5. ตาข่าย

          การติดตั้งตาข่ายเอาไว้รอบบริเวณที่คาดว่าจะเป็นทางเดินของงู เพื่อเข้าสู่ตัวบ้าน ก็จะช่วยดักงูไว้ได้อีกทาง ซึ่งตาข่ายที่นำมาติดตั้งนั้น ควรเลือกที่มีตาชิด ให้งูไม่สามารถลอดผ่านได้ หรือใช้ตาข่ายดักปลาแทนก็ได้  งูก็จะติดอยู่กับตาข่าย ไม่เลื้อยเข้าไปในบ้าน

6. มุ้งลวด

          นอกจากตาข่ายแล้ว มุ้งลวดก็เป็นอีกอุปกรณ์ที่ช่วยป้องกันงูได้ในกรณีที่อยากใช้ในการปิดทางเดิน ไม่ให้งูเลื้อยผ่าน ซึ่งมุ้งลวดอาจมีความแตกต่างตรงที่ไม่สามารถดักให้งูติดอยู่ได้ แต่ก็สามารถป้องกันขวางทางเอาไว้ได้เช่นกัน

7. กำมะถัน

          แม้จะยังไม่มีข้อสรุปที่แน่ชัดว่า กำมะถัน ใช้กันงูได้จริงหรือไม่ แต่หลายบ้านก็นิยมใช้กำมะถันผสมน้ำแล้วโรยเอาไว้รอบบ้าน เพื่อป้องกันงูเช่นกัน เนื่องจากเชื่อว่ากลิ่นฉุนของกำมะถันจะทำให้งูเลี่ยงไปทางอื่น ซึ่งในกรณีนี้อาจป้องกันงูไม่ได้ทุกชนิดและทุกตัว และอาจต้องโรยบ่อยในช่วงหน้าฝน เนื่องจากกลิ่นกำมะถันจะจางหายไปได้ง่าย

8. ทำความสะอาดบ้าน

          กำจัดหนู และสิ่งสกปรกในบ้าน ก็จะช่วยไม่ให้งูมีแหล่งอาหารและที่พักพิง ซึ่งเป็นวิธีป้องกันที่เริ่มจากต้นตอได้มากที่สุด ที่สำคัญควรหมั่นตัดหญ้าและดูแลสวนอย่างสม่ำเสมอ งูจะได้ไม่ใช้เป็นที่แฝงตัว อีกทั้งควรหาอะไรมาปิดรูท่อ หรือใส่ตะแกรงท่อระบายน้ำเอาไว้ด้วย งูจะได้ไม่เลื้อยเข้าบ้านทางท่อระบายน้ำ และอย่าลืมดูรองเท้าก่อนใส่ทุกครั้ง เพราะในรองเท้าเป็นตำแหน่งที่งูมักเข้ามาซุกซ่อนอยู่

วิธีแก้ปัญหา เมื่องูเข้าบ้าน

          หากบ้านไหนป้องกันงูเข้าบ้านแล้ว แต่เจ้างูก็ยังเลื้อยเข้ามาในบ้านจนได้ อย่าเพิ่งตกอกตกใจไป ให้รีบตั้งสติให้ดี และทำตามขั้นตอนเหล่านี้

1.สังเกตประเภทของงู

          พยายามสังเกตให้ดีว่า งูที่เลื้อยเข้ามาในบ้านเป็นงูชนิดใด ลักษณะอย่างไร และมีพิษหรือไม่ โดยให้สังเกตที่หัวงู หากเป็นทรงสามเหลี่ยมแสดงว่ามีพิษ เช่น งูเห่า งูจงอาง หากเป็นทรงมนกลมแสดงว่าไม่มีพิษ เช่น งูหลาม เป็นต้น

2. อยู่นิ่ง ๆ เคลื่อนไหวช้า ๆ

          งูจะตกใจหากมีการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว หรือมีคนไล่ ดังนั้นให้ยืนนิ่ง ๆ หรือค่อย ๆ ขยับถอยหลังช้า ๆ โดยจับตามองความเคลื่อนไหวของงูเอาไว้ด้วย ที่สำคัญต้องเว้นระยะห่างให้ปลอดภัยจากการโดนฉก

3. อย่าไล่หรือทำร้าย

          หากไม่มั่นใจว่าเป็นงูมีพิษหรือไม่ อย่าไล่หรือทำร้ายงูด้วยตัวเอง เพราะหากมีการไล่หรือทำร้าย งูอาจตกใจจนหนีหายไปซุกซ่อนอยู่ในมุมหลืบทำให้หาไม่เจอ หรืออาจพุ่งตัวเข้าฉกทันทีจนเกิดอันตรายได้

4. แจ้งขอความช่วยเหลือ

          โทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่กู้ภัย เพื่อมาจับงูออกจากบ้านไป เป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุด เพราะเจ้าหน้าที่มีความชำนาญมากพอที่จะจับงูต่าง ๆ ออกจากบ้านไปได้โดยไม่ทำอันตรายคนในบ้าน


          ได้รู้จักกับวิธีป้องกันงูเข้าบ้าน และวิธีแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเมื่องูเข้าบ้านกันไปแล้ว บ้านไหนกำลังกลุ้มใจกับปัญหานี้อยู่ ก็ลองนำวิธีเหล่านี้ไปลองใช้ดูกันได้นะคะ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
-http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%87%E0%B8%B9-

, barascientific.com
-http://www.barascientific.com/bscnews/variety/mail-forward/Article-09-10.php-
หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ กรกฎาคม 07, 2013, 10:16:40 am
ตามรอย "สายด่วน 1192" ใช้ "ไฮเทค" - ตามรถหาย โยงเครือข่ายทั่วประเทศ
-http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNM016RXpOemMyTlE9PQ==&sectionid=-

ข่าวสด แฟ้มคดี

(http://javascript:WindowOpen('show_image.html?image=online/2013/07/13731377651373137807l.jpg','700','525');)

(http://javascript:WindowOpen('show_image.html?image=online/2013/07/13731377651373137807l.jpg','700','525');)

(http://www.khaosod.co.th/view_resizing_images.php?filename=news-photo/khaosod/2013/07/p0161070756p3.jpg&width=360&height=360)

ปัญหาการโจรกรรมรถ เป็นเรื่องใหญ่และส่งผลกระทบกับประชาชนโดยตรง เพราะรถแต่ละคันกว่าจะซื้อ กว่าจะผ่อนกินเวลาหลายปี แต่กลับต้องตกเป็นเหยื่อคนร้ายที่ใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาทีก็ขโมยรถไป

ที่ผ่านมาเวลารถหาย เจ้าของรถต้องทำใจไว้ล่วงหน้าว่าโอกาสได้คืนนั้นยากยิ่งกว่ายาก

แม้ตำรวจจะปราบปรามแก๊งโจรกรรมรถมาโดยตลอด แต่ของกลางมักจะไม่ได้คืน เพราะเมื่อคนร้ายโจรกรรมรถไปแล้ว จะใช้เวลาไม่นานในการส่งต่อหรือขับออกชายแดน

ด้วยเหตุนี้เองสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พยายามหาหนทางป้องกันและติดตามรถหายให้รวดเร็วขึ้น กระทั่งเป็นที่มาของโครงการสายด่วน 1192 และเว็บไซต์ www.lostcar.go.th (http://www.lostcar.go.th)

โครงการที่ช่วยติดตามรถหายได้รวดเร็ว โดยมีหลายหน่วยงานร่วมมือกัน และประสบผลสำเร็จอย่างน่าพอใจ


โครงการสายด่วน 1192

สายด่วน 1192 และเว็บไซต์ www.lostcar.go.th (http://www.lostcar.go.th) อยู่ในความดูแลของ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รองผบ.ตร. และผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามการโจรกรรมรถยนต์ รถจักรยานยนต์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปจร.ตร.)

เริ่มดำเนินการเมื่อ 3 เดือนก่อน ล่าสุดยังเปิดแฟนเพจ www.facebook.com/lostcar.1192 (http://www.facebook.com/lostcar.1192) เป็นอีกช่องทางสื่อสารกับพลเมืองดีและเจ้าของรถ

ขั้นตอนการทำงานของสายด่วน 1192 ใช้เทคโนโลยีกล้องวงจรปิดกับเครือข่ายอินเตอร์เน็ต ในการจับภาพรถเป้าหมาย โดยมีเครือข่ายกว้างขวางทั่วประเทศ เพราะเชื่อมกับข้อมูลพื้นฐานของตำรวจเกือบทุกหน่วยไม่ว่าจะเป็นนครบาล กองปราบปราม ตำรวจทางหลวง และกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.)

นอกจากนี้ยังประสานกับสถานีวิทยุ สวพ.91 เพื่อขอข้อมูลรถหายรวมทั้งรับแจ้งเบาะแสรถต้องสงสัยจากพลเมืองดี ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนขับรถแท็กซี่ที่มักจะเปิดฟังสวพ.91 ที่กลายเป็นหูเป็นตาให้สายด่วน 1192

เมื่อสายด่วน 1192 ซึ่งมีเจ้าหน้าที่เข้าเวรรับแจ้งเหตุตลอด 24 ชั่วโมง ได้รับแจ้งรถหายจะส่งข้อมูลรายละเอียดของรถ รวมทั้งตำหนิรูปพรรณเด่นๆ เข้าฐานข้อมูลกลาง ที่ให้หลายหน่วยงานเปิดดูได้ และเชื่อมกับข้อมูลกล้องตามจุดสกัดยาเสพติดต่างๆ ของบช.ปส. ซึ่งมีเทคโนโลยีการตรวจจับป้ายทะเบียนรถ ซึ่งติดตั้งตามจุดสกัดต่างๆ ทั่วประเทศกว่า 300 จุด

หากมีการตรวจพบรถที่ถูกโจรกรรม ข้อมูลต่างๆ จะส่งกลับมาที่ส่วนกลาง และประสานกับหน่วยต่างๆ ในการติดตาม อีกทั้งตำรวจหน่วยต่างๆ เช่นนครบาล หรือกองปราบฯ และทางหลวง มีรถสายตรวจกระจายอยู่แทบทุกเส้นทางอยู่แล้ว

หรือหากรู้เส้นทางคนร้ายสามารถประสานตำรวจท้องที่ตั้งด่านสกัดขวางทางได้ทันท่วงที

"เมื่อรถหายแล้วแจ้งเรามาจะสามารถสกัดกั้นได้โดยใช้เวลา 3 นาที แล้วเราจะบันทึกไว้ในเว็บไซต์ ประชาชนสามารถเข้ามาตรวจสอบรถหายได้ ด้วยความร่วมมือของภาคเอกชนและสื่อมวลชนทำให้ระบบมีประสิทธิภาพ อยากให้ประชาชนเข้ามาใช้บริการผ่านเว็บไซต์และแฟนเพจ จนสามารถแจ้งเบาะแสพบรถที่มีการแจ้งหายไว้ได้จะได้รับรางวัลเป็นเงินสดคันละ 5,000 บาท เป็นแรงจูงใจให้ประชาชนช่วยเหลือกัน ช่วยเป็นหูเป็นตาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ"

พล.ต.อ.สมยศกล่าวและว่า กรณีคนที่คุณรักหายไปจากบ้านพร้อมกับรถ ทางศูนย์ของเราก็สามารถตรวจสอบช่วยติดตามได้อีกด้วย!??


ใช้ไฮเทคตามคืนรถหาย

หลังเวลาผ่านไป 3 เดือน สายด่วน 1192 ถือว่าประสบผลสำเร็จอย่างที่ตั้งเป้าไว้ เพราะมีรถหลายคันที่ถูกขโมยสามารถติดตามกลับคืนมาได้อย่างรวดเร็ว

เช่นรถกระบะโตโยต้า สีดำ ทะเบียน บบ 8377 ลพบุรี ของ นางสำราญ ไชยบุปผา อายุ 63 ปี ถูกโจรกรรมไปจากห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ในอ.เมือง จ.ลพบุรี เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน ที่ผ่านมา

หลังเจ้าของรถแจ้งความแล้ว ตำรวจสภ.เมืองลพบุรี ส่งรายละเอียดรถเข้าฐานข้อมูลกลางที่ www.lostcar.go.th (http://www.lostcar.go.th) ของศปจร.ตร. และสายด่วน 1192

กระทั่งวันที่ 29 มิถุนายน ที่ผ่านมา บก.สกัดกั้นยาเสพติดของ บช.ปส. ซึ่งมีจุดสกัด 311 จุดทั่วประเทศ ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่คัด กรองรถเพื่อตรวจจับ แจ้งสัญญาณเตือนที่จุดสกัด อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ว่าพบรถเป้าหมายขับขี่ผ่านไป

เจ้าหน้าที่ประจำจุดสกัดรีบแจ้งไปที่จุดตรวจบ้านพละ อ.ปะทิว จ.ชุมพร สกัดจับรถคันดังกล่าวไว้ได้ และจับกุม นายพันธกร หรือเกษม อินทร์แก้ว อายุ 46 ปี แก๊งโจรกรรมรถ

พล.ต.อ.สมยศระบุว่า การจับกุมครั้งนี้เป็นการบูรณาการระหว่างเจ้าหน้าที่กับเทคโนโลยีสมัยใหม่ ที่นำมาใช้คัดกรองตรวจค้นรถที่ถูกโจรกรรม ทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น



น.ส.อริสรา สุ่มทอง อายุ 33 ปี เจ้าของรถยนต์โตโยต้า โซลูน่า สีแดง ทะเบียน ภต 2058 กทม. ซึ่งหายไปจากลานจอดรถโรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.สมุทรปราการ ตั้งแต่วันที่ 27 มิถุนายน แจ้งความและข้อมูลถูกบันทึกลงในแฟนเพจ "รถหาย" จากนั้นอีก 3 วันได้คืนอย่างไม่คาดฝัน

"ตอนที่รู้ว่ารถหายก็หมดหวังและไม่คิดว่าจะได้คืน เราก็โทร.แจ้งไป 1192 และสวพ.91 และส่งรูปภาพเข้าไป หลังจากนั้นเพียง 3 วัน เจ้าหน้าที่สถานีวิทยุ สวพ.91 ที่โทร.เข้าไปแจ้งและให้ข้อมูลรถไว้ ติดต่อกลับมาว่ามีพลเมืองดีพบรถจอดอยู่ที่ สน.ประเวศ จึงไปตรวจสอบก็พบว่าเป็นรถของเราจริงๆ"

น.ส.อริสรากล่าวและว่า อยากจะขอบคุณทุกคนที่แจ้งเบาะแสและช่วยเหลือ จนสามารถติดตามรถกลับมาได้


นศ.สาวถูกชิงรถก็ได้คืน

อีกรายที่ได้รถคืนเป็นคดีดังเมื่อไม่นานมานี้ กรณีน.ส.ชมพูนุท ทรัพย์สิน อายุ 23 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 3 คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีปทุม เจ้าของรถโตโยต้า ยาริส สีขาว ทะเบียน ญพ 3368 กทม. ที่ถูกคนร้ายใช้มีดจี้ชิงรถไปจากลานจอดห้างสรรพสินค้าย่านบางเขน

น.ส.ชมพูนุทกล่าวว่า ถูกชิงรถไปเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน ที่ผ่านมา วันเกิดเหตุจอดรถที่ลานกลางแจ้งห้างสรรพสินค้าโลตัส สาขาหลักสี่ ช่วงเวลาประมาณ 13.20 น. เดินมาเปิดประตูเพื่อขึ้นรถเมื่อขึ้นไปนั่งที่เบาะคนขับ ปรากฏว่าคนร้ายมานั่งที่เบาะด้านหลังฝั่งคนขับแล้วใช้มีดจี้บอกให้ขับรถออกไป ก่อนคนร้ายปล่อยตัวโดยไม่ทำอันตราย

น.ส.ชมพูนุทกล่าวอีกว่า ไปแจ้งความและแจ้งไปยังสถานีวิทยุต่างๆ เว็บไซต์ www.lostcar.go.th (http://www.lostcar.go.th) และแชร์รูปในเฟซบุ๊ก เพียง 3 วันก็ได้รับการติดต่อจาก 1192 ว่ามีพลเมืองดีพบรถแล้วจอดอยู่หลังร.พ.ภูมิพล ก็ไปตรวจสอบปรากฏว่าเป็นรถของตนจริงๆ รู้สึกดีใจที่ได้รถคืนมาและขอบคุณผู้ที่แจ้งเบาะแสอย่างมาก

นอกจากนี้มีพลเมืองดีที่ช่วยแจ้งเบาะแส คือ นายปภังกร เก่นไกรฤกษ์ อายุ 44 ปี กล่าวว่าปกติจะเล่นเฟซบุ๊กเป็นประจำทุกวัน และเป็นแฟนเพจ "รถหาย" อยู่แล้ว ประกอบกับมีอาชีพส่งของต้องเดินทางไปตามถนนต่างๆ จึงช่วยสอดส่องดูรถที่แจ้งหายไว้

"กระทั่งพบคันหนึ่งจอดทิ้งอยู่ย่านลาดกระบัง และจำได้ว่าเป็นหนึ่งในรถที่แจ้งหายไว้ในแฟนเพจ จึงโทรศัพท์แจ้งไปที่สายด่วน 1192 ไม่นานเจ้าหน้าที่ก็เดินทางมาตรวจสอบ และพบว่าเป็นรถที่ถูกโจรกรรมไปจริงๆ"


ภัยใหม่-รีโมตขโมยรถ

นอกจากการติดตามรถหายแล้ว ศปจร.ตร. ยังมีมาตรการป้องกันโดยเชิญคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ตัวแทนบริษัทประกันภัย บริษัทผลิตรถยนต์ค่ายต่างๆ มาหารือเพื่อหาแนวทางในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการโจรกรรมทรัพย์สินภายในรถหรือการโจรกรรมรถ

โดยล่าสุดมีข้อมูลว่าคนร้ายใช้วิธีใหม่โจรกรรมรถหรือเข้าไปขโมยทรัพย์สินในรถ ซึ่งเป็นวิธีที่ง่ายและใกล้ตัวอย่างไม่น่าเชื่อ

นั่นคือเพียงใช้รีโมตเปิด-ปิดล็อกรถยนต์ที่เห็น กันทั่วไป!??

นายดุสิต สุขสวัสดิ์ อาจารย์ประจำคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง กล่าวว่าคนร้ายใช้สัญญาณรีโมตด้วยการกวนสัญญาณของรถอีกคัน ทำให้รถไม่สามารถล็อกได้

วิธีก็คือเพียงกดรีโมตของรถอีกคันคาเอาไว้ หากมีรถเป้าหมายเข้ามาจอดในรัศมีประมาณ 30 เมตร บางครั้งเมื่อเจ้าของรถกดรีโมตปิดล็อกแล้ว ระบบล็อกจะไม่ทำงานเพราะถูกรีโมตที่คนร้ายกดคาไว้รบกวนสัญญาณนั่นเอง

อย่างไรก็ตามวิธีการนี้ใช้ได้กับรีโมตที่มีคลื่นวิทยุในย่านความถี่ใกล้เคียงกัน จึงทำให้บางครั้งก็ทำได้ บางครั้งก็ทำไม่ได้

"เทคนิคดังกล่าวทำให้คนร้ายนำไปประยุกต์ใช้กับรถของคนทั่วไป ที่เมื่อคนขับลงจากรถแล้วกดรีโมตเพื่อล็อกรถ ตามความเคยชินของคนทั่วไปจะเดินไปจากรถทันทีโดยไม่ได้ตรวจสอบอีกครั้งว่า ประตูรถล็อกแล้วหรือไม่ คนร้ายจึงอาศัยช่วงจังหวะที่เจ้าของรถไม่อยู่ เข้าไปโจรกรรมทรัพย์สินภายในรถ และบางครั้งก็อาจโจรกรรมรถไปทั้งคัน"

ด้านพล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า เพื่อความปลอดภัยประชาชนผู้ใช้รถเมื่อล็อกรถแล้ว ให้ใช้มือดึงที่มือจับประตูอีกครั้งเพื่อความแน่ใจว่ารถล็อกเรียบร้อยแล้ว สำหรับจุดเสี่ยงที่คนร้ายใช้วิธีการนี้บ่อยครั้งคือตามลานจอดรถห้างสรรพสินค้านั่นเอง
หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ กรกฎาคม 07, 2013, 10:28:19 am
เตือนภัย'เด็กหอ'ข้อควรรู้เมื่ออยู่หอพัก
-http://www.komchadluek.net/detail/20130707/162772/%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%A0%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%87%E0%B8%81%E0%B8%AB%E0%B8%AD%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%AB%E0%B8%AD%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%81.html#.Udjfqm0h-AI-


เตือนภัย'เด็กหอ'ข้อควรรู้ เมื่ออยู่หอพัก : คอลัมน์ท่องโลกเรียนรู้ : โดย...ขวัญเรียม แก้วสุวรรณ

              “สุดแสนสบายแมนชั่น” หอพักที่อยู่สบายดั่งชื่อจริงๆ ถ้าคุณมีตังค์ คุณรวยจริง คุณก็อยู่ได้อย่างสะดวกสบาย เพราะเจ้าของหอ "หน้าเลือดมาก" เรื่องหักเงินเจ้าของหอผู้นี้ช่ำชองมาก ทั้งเก็บ 50 บาท เมื่อยืมกุญแจสำรอง, ค่าน้ำแบบเหมาจ่ายเดือนละ 200 บาท แต่หากเราใช้เกิน 10 หน่วย ท่านก็คิดเราเพิ่มหน่วยละ 20 บาท (แล้วจะบอกว่าเหมาจ่ายทำไม?), เปลี่ยนหลอดไฟ, ส้วมตัน ฯลฯ คิดเงินหมด

                ประโยคข้างต้นจาก http://สุดแสนสบายแมนชั่น.blogspot.com อาจสะท้อนถึงปัญหาที่ “เด็กหอ” กำลังเผชิญ ซ้ำร้ายไปกว่านั้นยังต้องเจอกับภัยอันตรายทางร่างกาย ทรัพย์สิน ดังนั้น เมื่อเร็วๆ นี้ มหาวิทยาลัยรามคำแหง นำโดย ผศ.วุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ อธิการบดี พร้อมด้วยสำนักส่งเสริมและพิทักษ์เด็ก เยาวชน ผู้ด้อยโอกาส และผู้สูงอายุ (สท.) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) และหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ จัดเสวนา “ข้อควรรู้ เมื่ออยู่หอพัก” พร้อมเชิญชวนผู้ประกอบการเข้าโครงการ “หอพักติดดาว” ครั้งที่ 5 ของมหาวิทยาลัยรามคำแหง โดยมีผู้ประกอบการหอพักบริเวณใกล้มหาวิทยาลัยรามคำแหง (หัวหมาก-บางนา) และนักศึกษาเข้าร่วมเสวนาครั้งนี้ด้วย

                ณรงค์จันทร์ บูรณะพินิจ นักพัฒนาสังคมชำนาญการ สท.พม. เล่าว่า ทำงานคลุกคลี่อยู่กับหอพักนิสิตนักศึกษามาเป็นเวลานาน ปัญหาส่วนใหญ่คือ ผู้ประกอบการไม่จดทะเบียนหอพักตามกฎหมายระบุ หมายความว่าหอพักจะไม่มีการแยกหญิงชาย บุคคลทั่วไปสามารถพักรวมกับนักศึกษาได้ เมื่อเกิดเหตุร้ายขึ้นผู้เช่าจะไม่ได้รับความคุ้มครองตามที่กฎหมายกำหนด

                “ถามถึงเหตุผลที่ไม่ขอจดทะเบียนหอพัก ได้คำตอบหลายอย่าง เช่น หากแยกชายหญิงห้องพักจะว่างเยอะขาดทุน เกิดอาการเครียด ต้องนอนโรงพยาบาล ต้องจ่ายภาษีแพง ผมว่าผู้ประกอบการเข้าใจผิด แม้ว่าหอพักไม่แยกชายหญิง ไม่จดทะเบียน แต่หากผู้ประกอบการขาด 2 ข้อนี้ ได้แก่ 1.มีเป้าหมายชัดเจนว่ากลุ่มผู้เช่าคือใคร 2.ความเอาใจใส่หอพักและผู้เช่า ต่อให้จดทะเบียนถูกกฎหมายกิจการหอพักไม่มีทางประสบความสำเร็จ ดังนั้นแนะนำให้ผู้ประกอบการเปลี่ยนแปลง ปรับเปลี่ยนความคิด ทำหอพักให้น่าอยู่ เอาใจใส่ ดูแลผู้เช่าเหมือนเขาเป็นลูกหลานของเรา เท่านี้ผมเชื่อว่ารุ่นพี่จะบอกต่อรุ่นน้องให้มาเช่าหอคุณเอง” ณรงค์ กล่าว

                ขณะเดียวกัน แม้นักศึกษาจะอยู่ในหอพักที่ถูกกฎหมาย แต่ไม่ได้แยกชายหญิง และขาดความระมัดระวังตนเองก็จะตกเป็นเหยื่อผู้ไม่หวังดีได้ เช่น หอพักมหาวิทยาลัยย่านดินแดน มีทั้งหมด 5 ชั้น อยู่ติดกับหอพักรวม 6 ชั้น มีผู้ชายนำเชือกโรยตัวลงมาบนดาดฟ้า ลักลอบเข้าทางระเบียงห้องของนักศึกษาหญิงที่เปิดประตูทิ้งไว้ เข้าไปทำร้ายร่างกายจนเสียชีวิตและเก็บเอาทรัพย์สินที่มีค้าไป ญาติผู้เสียหายได้ร้องเรียนไปที่ สคบ. แต่ สคบ. ส่งเรื่องมายัง พม. ซึ่งเขาได้เป็นผู้ช่วยดำเนินการสามารถช่วยได้ในระดับหนึ่ง

                “ผมแนะนำว่า เวลาอยู่ที่หอคนเดียว โดยเฉพาะผู้หญิง อย่าเปิดประตูทั้งหน้าห้อง และหลังห้องโดยเด็ดขาด เพราะทุกวันนี้ไว้ใจอะไรไม่ได้ ทั้งถนนหนทาง ผู้คน สถานที่ ต้องระมัดระวังตัวเองด้วย อย่างกรณีนักศึกษาสาวคนหนึ่งพักในหอมหาวิทยาลัย เธอกลับบ้านในวันเสาร์-อาทิตย์ และจะกลับมาเรียนในวันปกติ แต่หอปิดเวลา 22.00 น. แต่เธอมาถึง 22.30 น. เข้าหอไม่ได้ จึงนั่งรอที่ใต้ตึก ปรากฏว่ามีชายชาวกัมพูชาเข้ามาเอาไม้หน้าสามตี และเก็บทรัพย์สินไป ซึ่งหอมีทั้งยาม กล้องวงจรปิดครบ แต่ยังเกิดเหตุได้” ณรงค์ กล่าว

                ทั้งนี้ เชื่อว่าหากมีการแยกหอพักหญิงชายจะช่วยลดการเกิดอาชญากรรมได้ และหากในกรณีแยกชัดเจนแล้วแต่ยังเกิดเหตุร้าย ผู้ประกอบการต้องมาพิจารณาปัจจัยอื่นที่ทำให้เกิดเหตุขึ้น เช่น ตัวอาคารว่าควรปรับปรุงตรงไหน อย่างไรบ้าง

                อลงกฎ จิตต์ชื่นโชติ หัวหน้าข่าวอาชญากรรม หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ กล่าวว่า ตามที่อยู่ในวงการสื่อ มักพบเห็นข่าวและเหตุอาชญากรรมที่เกิดขึ้นกับนิสิตนักศึกษาจำนวนมาก โดยเฉพาะช่วงเวลาตั้งแต่ 22.00 น.ขึ้นไป ทั้งในหอพัก และนอกหอพัก เช่น นักศึกษามหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (หัวหมาก) นักศึกษาออกไปซื้ออาหารเวลา 22.00 น. พอถึงสะพานใกล้กับมหาวิทยาลัยมีผู้ชายคนหนึ่งเข้ามาหาเธอ พยายามดึงเธอลงไปใต้สะพานเพื่อจะข่มขืน จับได้ภายหลังพบว่าผู้ชายคนดังกล่าวเป็นโรคจิต

                อีกเหตุการณ์หนึ่ง นักศึกษาสาวพักอยู่ซอยรามคำแหง 53 จะไปหาเพื่อนที่ซอยรามคำแหง 51 ระหว่างทางก็มีผู้ชายฉุดไปข่มขืน ระยะทางไม่ไกล แต่สามารถเกิดเหตุการณ์ได้ตลอดเวลา ดังนั้นอยากฝากถึงทุกคนให้พยายามหลีกเลี่ยงการเดินทางในเวลาวิกาล

                “เหตุการณ์ที่ทุกคนคาดไม่ถึง เช่น เวลาเราได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือจากห้องข้างๆ หลายคนไม่กล้าออกไปดู และให้การช่วยเหลือ เพราะกลัวได้รับอันตราย ตรงนี้ผมแนะนำให้ออกไปเรียกหาคนใกล้ๆ มาช่วยเหลือ เช่น ยาม อย่าอยู่นิ่งเฉย ต้องรีบช่วยเหลือกัน" หัวหน้าข่าวอาชญากรรม หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ กล่าว

                จิรชัย มูลทองโร่ย เลขาธิการ สคบ.กล่าวว่า การร้องเรียนหอพักส่วนใหญ่จะเป็นกรณีคืนเงินประกัน ที่ผู้ประกอบการหักเงินประกันเกินจริง คืนเงินประกันช้า สคบ.ได้ทำการแก้ไขปัญหา โดยการจัดทำแบบฟอร์มใบเสร็จการรับ-จ่ายเงินประกัน ขณะนี้ก็มีหอพักนำไปใช้แล้ว และหากยังไม่ได้รับความเป็นธรรมสามารถแจ้งร้องเรียนเข้ามาสายด่วน สคบ.1166

                อริศรา เอ็มสรรค์ นักศึกษาชั้นปี 1 คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง เล่าว่า ก่อนจะเข้าหอพักได้หาข้อมูลหอพัก เช่น ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ หอพักเป็นหอพักรวมหรือแยก บรรยากาศในอาคาร เจ้าหน้าที่หอพักอัธยาศัยดีหรือไม่ กลุ่มคนที่พัก  บริการที่ได้รับ เป็นต้น
       
..................................................

(เตือนภัย'เด็กหอ'ข้อควรรู้ เมื่ออยู่หอพัก : คอลัมน์ท่องโลกเรียนรู้ : โดย...ขวัญเรียม แก้วสุวรรณ)



http://www.komchadluek.net/detail/20130707/162772/%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%A0%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%87%E0%B8%81%E0%B8%AB%E0%B8%AD%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%AB%E0%B8%AD%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%81.html#.Udjfqm0h-AI (http://www.komchadluek.net/detail/20130707/162772/%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%A0%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%87%E0%B8%81%E0%B8%AB%E0%B8%AD%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%AB%E0%B8%AD%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%81.html#.Udjfqm0h-AI)

.
หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ กรกฎาคม 07, 2013, 10:45:44 am
ข้าราชการกรมธนารักษ์แวะทานส้มตำ ปวดท้องกลางดึกหามส่ง รพ.30 ราย
-http://hilight.kapook.com/view/88234-

(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/kanokwan/ETC/463989-01.jpg)

(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/kanokwan/ETC/463989-02.jpg)

(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/kanokwan/ETC/463989-03.jpg)


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

          เจ้าหน้าที่และข้าราชการกรมธนารักษ์แวะทานส้มตำ ถึงกลางดึกปวดท้องอย่างหนัก ต้องหามส่งโรงพยาบาล กว่า 30 ราย

          วันที่ 6 กรกฎาคม 2556 เมื่อเวลา 01.00 น. เจ้าหน้าที่โรงแรมท็อปแลนด์ จังหวัดพิษณุโลก ได้ลำเลียงผู้ป่วยกว่า 30 ราย ซึ่งทั้งหมดเป็นเจ้าหน้าที่และข้าราชการกรมธนารักษ์ ที่เดินทางมาศึกษาดูงานที่ จ.พิษณุโลก ที่เข้าพักโรงแรมหามส่งโรงพยาบาลพุทธชินราชพิษณุโลกเป็นการด่วน เนื่องจากมีอาการท้องเสียอย่างรุนแรง

          ทั้งนี้ แพทย์ต้องทำการให้น้ำเกลือ และยาฆ่าเชื้อ ส่วนบางรายอาเจียนไม่หยุด ประกอบกับมีคลื่นไส้ ปวดท้อง แพทย์จึงสั่งให้นอนเฝ้าดูอาการที่โรงพยาบาล  นอกจากนี้ มี 2-3 รายที่อาการหนัก แพทย์ต้องเฝ้าดูอาการใกล้ชิด กระทั่งผู้ป่วยปลอดภัยแล้ว แพทย์จึงให้เดินทางกลับที่พักได้   

         จากการสอบถามเจ้าหน้าที่ของกรมธนารักษ์ ทราบว่า ทั้ง 30 คนได้แวะรับประทานส้มตำที่ร้านข้างทาง ก่อนเข้าพักที่โรงแรม ส่วนช่วงค่ำก็ได้รับประทานกินอาหารเย็นที่โรงแรม หลังจากนั้นก็เริ่มมีอาการท้องเสีย คลื่นไส้ อาเจียนในตอนกลางดึก เวลาประมาณ 23.30 น. ทางโรงแรมจึงได้นำตัวส่งโรงพยาบาล             


อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
-http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1373074664&grpid=&catid=19&subcatid=1905-

หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ กรกฎาคม 07, 2013, 10:50:27 am
เป็นกระทู้ที่ผมขอรวบรวมข่าวต่างๆ ที่เกี่ยวกับภัยอันตรายต่างๆที่ใกล้ตัว 

เพื่อเป็นความรู้ในการไว้ป้องกันตนเอง

จากภัยต่างๆ  ที่ปัจจุบันนี้  การบาดเจ็บ และ การเสียชีวิต ในสถานที่สาธารณะ หรือ แม้แต่ในบ้านของตนเอง

ขอให้โชคดีครับ



.


ประเทศไทย  น่าจะมีเรื่องของความรับผิดชอบของหน่วยงานราชการ และ เอกชน

หากเป็นเหตุที่ทำให้ผู้อื่น เกิดความเสียหาย หรือ บาดเจ็บ หรือ เสียชีวิต

ต้องรับผิดชอบทั้งทางแพ่ง และ อาญา 

และเจ้าพนักงานต้องปฎิบัติหน้าที่ตรงไปตรงมาตามหน้าที่
 


.
หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ กรกฎาคม 07, 2013, 10:54:49 am
รวบนักท่องเที่ยว 49 ราย ก่อเหตุวิ่งราวทรัพย์รอบ กทม.
-http://hilight.kapook.com/view/88189-

(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/kanokwan/News%20-%20Crime/Rob/criminal_02.jpg)

(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/kanokwan/News%20-%20Crime/Rob/criminal_01.jpg)

(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/kanokwan/News%20-%20Crime/Rob/criminal_03.jpg)

(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/kanokwan/News%20-%20Crime/Rob/criminal_00.jpg)



เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ไทยพีบีเอส

          เจ้าหน้าที่ตำรวจคุมตัวกลุ่มนักท่องเที่ยว 49  คน ที่ก่อเหตุร่วมกันวิ่งราวทรัพย์ในกรุงเทพมหานคร ย่านอุดมสุข บางนา และพญาไท

          เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2556 เจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยว ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง และตำรวจปราบปรามยาเสพติด ร่วมกันเข้าตรวจค้นนักท่องเที่ยวจำนวน 49 คน เพื่อควบคุมตัวมาสอบประวัติพร้อมตรวจหาสารเสพติด หลังจากได้รับการร้องเรียนจากประชาชนว่านักท่องเที่ยวกลุ่มดังกล่าว มักรวมตัวกันเพื่อก่อเหตุอาชญากรรมวิ่งราวทรัพย์ โดยส่วนใหญ่จะก่อเหตุที่ย่านอุดมสุข บางนา และพญาไท ซึ่งเป็นพื้นที่เศรษฐกิจของกรุงเทพมหานคร

          จากการควบคุมตัวเพื่อตรวจสอบประวัติพบว่า นักท่องเที่ยวทั้ง 49 คน มาจากประเทศโคลัมเบีย ไนจีเรีย คองโก และกานา เบื้องต้น ไม่มีหนังสือเดินทาง 5 ราย อีก 6 ราย หนังสือเดินทางหมดอายุ จึงมีความผิดตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง ในที่นี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ส่งตัวผู้ต้องสงสัย 2 ราย ไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลเพื่อหาสารเสพติดด้วย

          ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการตามกฎหมายกับโจรในคราบนักท่องเที่ยว แล้วจัดการผลักดันนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ออกนอกประเทศต่อไป


อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
-http://news.thaipbs.or.th/video/%E0%B8%95%E0%B8%B3%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%88%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%9A%20%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%97%E0%B9%88%E0%B8%AD%20%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%A7-%20%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%A1%E0%B8%81%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%AB%20%E0%B8%95%E0%B8%B8%E0%B8%8A%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9E%20%E0%B8%A2%E0%B9%8C%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%81%E0%B8%97%E0%B8%A1-

.

หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ กรกฎาคม 10, 2013, 06:45:47 am
เตือนภัยบล็อคสัญญาณรีโมทรถยนต์
-http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=HcMjupLI6ck-


เตือนภัยบล็อคสัญญาณรีโมทรถยนต์ (http://www.youtube.com/watch?v=HcMjupLI6ck#ws)

เตือนภัยบล็อคสัญญาณรีโมทรถยนต์ (http://www.youtube.com/watch?v=HcMjupLI6ck#ws)

-http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=HcMjupLI6ck-




หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ กรกฎาคม 14, 2013, 11:49:26 am
ตำรวจใช้ ตุ๊กตุ๊ก ปิดล้อมเด็กแว้นบนถนนราชวิถี รวบได้ 21 คน
-http://hilight.kapook.com/view/88571-

(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/ratthakorn/Hot%20News/wanz_3.jpg)



เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

          ตำรวจ สน.พญาไทย ใช้ตุ๊กตุ๊ก ปิดล้อมจับแก๊งเด็กแว้นออกซิ่งบนถนนราชวิถี ได้ 21 คน พร้อมตั้งข้อหาแข่งรถโดยไม่ได้รับอนุญาตและขับขี่โดยประมาท

          เมื่อเวลา 04.00 น. ของวันนี้ (14 กรกฎาคม 2556) เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร สน.พญาไท ได้นำกำลังเข้าปิดล้อมจับกลุ่มเด็กแว้นที่ออกมารวมตัวเพื่อซิ่งแข่งกันบริเวณแยกตึกชัย ถนนราชวิถี แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี โดยใช้รถสามล้อเครื่อง จอดปิดบริเวณแยกทั้ง 4 ด้าน รวมทั้งหมด 8 จุด จนสามารถจับกุมเด็กแว้นได้ทั้งหมด 21 คน โดยแบ่งเป็นชาย 18 คน และหญิง 3 คน ในจำนวนนี้เป็นเยาวชนที่อายุต่ำกว่า 18 ปี จำนวน 8 คน พร้อมยึดรถจักรยานยนต์ของกลางได้ 47 คัน

          โดย พ.ต.ท.จุมพล คณานุรักษ์ รอง ผกก.จร.สน.พญาไท เผยว่า ช่วงกลางดึกวันเสาร์ถึงเช้ามืดวันอาทิตย์ มักจะมีกลุ่มเด็กแว้นออกมาปิดถนนบริเวณแยกตึกชัย เพื่อซิ่งรถจักรยานยนต์แข่งกันบนถนนราชวิถีเป็นประจำ สร้างความเดือดร้อนรำคาญของประชาชนที่ใช้รถใช้ถนน จึงทำการวางแผนจับกุมด้วยการนำกำลังมาดักซุ่มตามจุดที่วางแผนไว้ตั้งแต่ช่วงเที่ยงคืนเศษ

          กระทั่งช่วงเวลา 04.00 น. กลุ่มเด็กแว้นก็ขับขี่จากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิใช้ถนนราชวิถีมุ่งหน้ามาที่แยกตึกชัย จึงประสานให้รถสามล้อเครื่องทั้งหมดไปจอดปิดทั้ง 4 ด้าน รวมทั้งหมด 8 จุด เมื่อทั้งหมดทั้งหมดเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ต่างพากันแตกฮือ แต่เจ้าหน้าที่ก็สามารถจับกุมกลุ่มเด็กแว้นเอาไว้ได้ 21 คน ขณะที่บางส่วนทิ้งรถจักรยานยนต์ไว้และหลบหนีไปได้

          ทั้ง เบื้องต้นกลุ่มเด็กแว้นทั้งหมดจะถูกตั้งข้อหาแข่งรถหรือสนับสนุนให้มีการแข่งรถบนถนนหลวงโดยไม่ได้รับอนุญาต และขับขี่รถโดยประมาทโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่น นอกจากนี้เจ้าหน้าที่จะทำการตรวจปัสสาวะของเด็กแว้นทุกคน หากพบว่ามีปัสสาวะสีม่วง จะแจ้งข้อหาเสพสารเสพติดและขับรถขณะมึนเมาสารเสพติดเพิ่มเติม ก่อนนำตัวไปลงบันทึกประจำวันและทำประวัติเอาไว้ จากนั้นจะนำตัวส่งฟ้องศาลอาญารัชดา ส่วนกลุ่มเด็กแว้นที่เป็นเยาวชนอายุไม่ถึง 18 ปีนั้นจะนำตัวส่งศาลเยาวชนและครอบครัวกลางต่อไป


ปิดกล่องจับเด็กแว้น (http://www.youtube.com/watch?v=KceCP9azXdM#)
คลิป จับเด็กแว้น ราชวิถี โพสต์โดย คุณ Wichai Yuangkeaw สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม

ปิดกล่องจับเด็กแว้น (http://www.youtube.com/watch?v=KceCP9azXdM#)
-http://www.youtube.com/watch?v=KceCP9azXdM&feature=player_embedded-


อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
-http://www.dailynews.co.th/crime/218950-
-http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1373769755&grpid=03&catid=03&utm_source=MatichonOnline&utm_medium=MatichonOnline-



.

ปิดแยกตึกชัย "ตุ๊กตุ๊ก" ล้อมจับ "เด็กแว้น"
วันอาทิตย์ที่ 14 กรกฎาคม 2556 เวลา 08:41 น.
-http://www.dailynews.co.th/crime/218950-

(http://www.dailynews.co.th/sites/default/files/imagecache/620x245/cover/218950.jpg)

140756 (http://www.youtube.com/watch?v=LKMdrnuyXTk#)
-http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=LKMdrnuyXTk-

(http://www.dailynews.co.th/sites/default/files/imagecache/620x245/photos/218950/3.jpg)


สน.พญาไท ใช้รถตุ๊กตุ๊ก 50 คัน ล้อมจับ "เด็กแว้น" แข่ง จยย.ซิ่ง บนถนนราชวิถี ไล่จับเด็กแว้น-สาวสก๊อย ได้กว่า 20 คน และยึดรถของกลางได้อีก 47 คน

วันที่ 14 ก.ค. เวลา 04.00 น. พ.ต.ท.จุมพล คณานุรักษ์ รอง ผกก.จร.สน.พญาไท พ.ต.ท.เฉลิมพล เกรียท่าทราย สว.จร.สน.พญาไท พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร สน.พญาไท 30 นาย เข้าปิดล้อมจับกุมกลุ่มเด็กแว้นที่ออกมารวมตัวเพื่อซิ่งแข่งกันบริเวณแยกตึกชัย ถนนราชวิถี แขวงทุ่งพญาไท  เขตราชเทวี โดยใช้รถสามล้อเครื่องจำนวน 50 คัน จอดปิดบริเวณแยกทั้ง 4 ด้าน รวมทั้งหมด 8 จุด  ผลปรากฏว่าสามารถจับกุมเด็กแว้นได้ทั้งหมด 21 คน แบ่งเป็นชาย 18 คน หญิง 3 คน ในจำนวนนี้เป็นเยาวชนที่อายุต่ำกว่า 18 ปี จำนวน 8 คน สามารถยึดรถจักรยานยนต์ของกลางได้ 47 คัน

พ.ต.ท.จุมพล เปิดเผยว่า ในระยะหลังของช่วงกลางดึกวันเสาร์ต่อเนื่องเช้ามืดวันอาทิตย์ กลุ่มเด็กแว้นจะนำรถจักรยานยนต์ออกมาซิ่งแข่งกันบนถนนราชวิถี มีการปิดถนนบริเวณแยกตึกชัย ซึ่งเป็นท้องที่ของ สน.พญาไท เป็นประจำ สร้างความเดือดร้อนรำคาญของประชาชนที่ใช้รถใช้ถนน จึงทำการวางแผนจับกุมด้วยการใช้กำลังตำรวจจราจรของ สน.พญาไท ดักซุ่มตามจุดที่วางแผนไว้ตั้งแต่ช่วงเที่ยงคืนเศษกระทั่งช่วงเวลา 04.00 น. กลุ่มเด็กแว้นก็ขับขี่จากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิใช้ถนนราชวิถีมุ่งหน้ามาที่แยกตึกชัย จึงประสานให้รถสามล้อเครื่องจำนวน 30 คัน ไปจอดปิดทั้ง 4 ด้าน รวมทั้งหมด 8 จุด เมื่อทั้งหมดทั้งหมดเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ต่างพากันแตกฮือ เร่งเครื่องขับรถหลบหนีกันอย่างชุลมุน ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมกลุ่มเด็กแว้นเอาไว้ได้ 21 คน โดยมีบางส่วนที่ทิ้งรถจักรยานยนต์ไว้แล้วสามารถหลบหนีไปได้

พ.ต.ท.จุมพล กล่าวต่อว่า เบื้องต้นจะแจ้งข้อหาแข่งรถหรือสนับสนุนให้มีการแข่งรถบนถนนหลวงโดยไม่ได้รับอนุญาต และขับขี่รถโดยประมาทและโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่นกับกลุ่มเด็กแว้นทั้งหมด นอกจากนี้จะทำการตรวจปัสสาวะของเด็กแว้นทุกคน หากพบว่ามีปัสสาวะสีม่วง จะแจ้งข้อหาเสพสารเสพติดและขับรถขณะมึนเมาสารเสพติดเพิ่มเติม ก่อนนำตัวไปลงบันทึกประจำวันและทำประวัติเอาไว้ จากนั้นจะนำตัวส่งฟ้องศาลอาญารัชดา ส่วนกลุ่มเด็กแว้นที่เป็นเยาวชนอายุไม่ถึง 18 ปีนั้นจะนำตัวส่งศาลเยาวชนและครอบครัวกลางต่อไป


ตร.ใช้แผนตุ๊กๆพิฆาตจับเด็กเแว้น21คนยึดจยย.50คันซิ่งอนุสาวรีย์ชัยฯ
-http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1373769755&grpid=03&catid=03&utm_source=MatichonOnline&utm_medium=MatichonOnline-

เมื่อเวลา 04.00 น. วันที่ 14 กรกฎาคม พ.ต.ท.จุมพล คณานุรักษ์ รอง ผกก.จร.สน.พญาไท พ.ต.ท.เฉลิมพล เกรียท่าทราย สว.จร.สน.พญาไท พร้อมตำรวจฝ่ายจราจรและฝ่ายสืบสวน สน.พญาไทกว่า 50 นาย และรถตุ๊กๆประมาณ 50 คัน ทำการปิดล้อมจับกุมกลุ่มเด็กแว๊นแข่งจักรยายนต์บนท้องถนน

 

โดยทำการปิดล้อมบริเวณถนนแยกตึกชัย หน้าโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ไปจนถึงอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ถนนราชวิถี แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพ สามารถจับกุมรถจักรยานยนต์ได้ 50 คัน และจับกุมเด็กแว๊นได้ 21 คน แบ่งเป็นชาย 18 คน หญิง 3 คน โดยในจำนวนนั้นเป็นเยาวชน 8 ราย ก่อนนำตัวผู้ต้องหาและรถจยย.ของกลางมาที่ สน.พญาไท

 

พ.ต.ท.จุมพล กล่าวว่า ทางเจ้าหน้าที่ได้วางแผนจับกุม โดยใช้แผนตุ๊กๆพิฆาต วางกำลังโดยใช้รถตุ๊กๆกว่า 50 คัน กระจายกำลังซุ่มตามแยกตึกชัย และอนุสาวรีย์ตั่งแต่ 00.00 น. กระทั่งเมื่อเวลา 04.00 น.พบกลุ่มเด็กแว้นขี่จักรยานยนต์รวมตัวกันมาประมาณ 80 คัน วิ่งจากย่านดินแดง ผ่านอนุสาวรีย์ชัย มุ่งหน้าแยกตึกชัย เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวใช้รถตุ๊กๆปิดหัวปิดท้ายถนน กลุ่มผู้ต้องหาบางส่วนขับหนีไปได้ บางส่วนทิ้งรถไว้และปีนรั้วโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าและซอยใกล้เคียงหลบหนีไปได้
หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ กรกฎาคม 15, 2013, 06:37:22 am
แอร์ฯสาววัย 23 ปี ถูกไฟช็อตเสียชีวิต ขณะคุยมือถือ iPhone5 ระหว่างชาร์ตแบตฯโทรศัพท์
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์    14 กรกฎาคม 2556 21:34 น.
-http://www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9560000086164-


(http://mpics.manager.co.th/pics/Images/556000009048901.JPEG)
ภาพแอร์โฮสเตสสาววัย 23 ปี ที่ถูกไฟช็อตเสียชีวิต ขณะที่เธอคุยมือถือiPhone 5 ระหว่างที่ชาร์ตแบตฯโทรศัพท์อยู่ ภาพชุดนี้ได้ถูกเผยแพร่ราวไฟไหม้ป่าบนสื่อสังคมออนไลน์จีนเมื่อวานนี้(13 ก.ค.2556) (ภาพจากเว็บไซต์แอร์โฮสเตส)




       สำนักข่าวซินหวารายงานวันนี้(13 ก.ค.)ว่า มีผู้โพสต์ข่าวในสื่อสังคมออนไลน์ (คล้ายทวิตเตอร์) ยอดนิยมของจีน ระบุว่า แอร์โฮสเตสสาววัย 23 ปี ถูกไฟช็อตเสียชีวิตขณะที่กำลังคุยโทรศัพท์มือถือ iPhone 5 ที่เสียบปลั๊กชาร์ตแบตเตอรี่อยู่ บริษัทแอปเปิล (Apple) ประเทศจีน ได้ออกมาแสดงความเศร้าสลดใจอย่างสุดซึ้งต่อเรื่องนี้ และกำลังตรวจสอบเรื่องนี้อย่างละเอียดถี่ถ้วน
       
       ในเช้าตรู่ของวานนี้( 12 ก.ค.) ชาวเน็ตจีนใช้นามแฝงว่า “ M เสี่ยวจิ้ง 1128” (M小静1128)ได้โพสต์ข้อความในเวยปั๋ว “ แอร์โฮสเตสสาว โดนไฟช็อต เสียชีวิต ขณะที่กำลังชาร์ตแบตเตอรี่ โทรศัพท์มือถือของแอปเปิล” ข้อความนี้ ดึงดูดชาวเน็ตแห่เข้าอ่านและส่งต่อกันมาก
       
       เว่ยปั๋วของเว็บไซต์ทางการของกลุ่มแอร์โฮสเตสผู้เคราะห์ร้ายได้ยืนยันแล้วว่า มีเรื่องนี้เกิดขึ้นจริง
       
       “คุยโทรศัพท์มือถือ iPhone5 ขณะที่กำลังชาร์ตแบตเตอรี่ ถึงตายได้หรือนี่?” โปรยข้อความของ “ M เสี่ยวจิ้ง 1128” ได้กลายเป็นประเด็นร้อนฉ่าบนเว็บไซต์จีน แต่ก็มีกลุ่มชาวเน็ตที่ตั้งข้อสงสัย เช่น แม้ว่าเกิดไฟฟ้ารั่วที่โทรศัพท์ ส่วนใหญ่ก็เพียงทำให้มือชาๆไปเท่านั้น ไม่น่าจะรั่วมาถึงฝาครอบโทรศัพท์
       
       เมื่อวานนี้ “ M เสี่ยวจิ้ง 1128” ได้โพสต์ข้อความโต้ตอบเพื่อนชาวเน็ตที่แสดงความสงสัย “ผมเข้าใจกลุ่มที่สงสัยว่ามีเหตุแบบนี้เกิดขึ้นจริงหรือ! และก็หวังเช่นกันว่าเพื่อนๆชาวเน็ตจะไม่พูดเกี่ยวกับเรื่องนี้เกินเหตุและตื่นตระหนก! เหตุแอร์โฮสเตสสาวถูกไฟช็อตเสียชีวิตขณะที่รับโทรศัพท์ตอนที่กำลังชาร์ตแบตฯอยู่ ได้รับการยืนยันจากโรงพยาบาลแล้ว! และที่ผมนำเรื่องนี้มาเผยแพร่บนเวยปั๋ว เพราะต้องการเตือนผู้คนอย่าคุยโทรศัพท์ในขณะที่กำลังชาร์ตแบตฯโทรศัพท์อยู่! “
       
       ในบ่ายวันนี้ (14 ก.ค.) บริษัทแอปเปิล ประเทศจีน แถลง “พวกเราเสียใจย่างสุดซึ้งต่อเรื่องนี้ ขอแสดงความเสียแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิต และจะดำเนินการตรวจสอบเรื่องนี้อย่างละเอียดถี่ถ้วน”



http://www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9560000086164 (http://www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9560000086164)


หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ กรกฎาคม 16, 2013, 06:27:33 am
ลูกเมาเหล้า-เมายาบ้า คว้าขวานจามใส่พ่อ โดนยิงสวนดับ
-http://hilight.kapook.com/view/88617-

(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/pirawan/News/pic_1.jpg)



เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก สปริงนิวส์

         พ่อยิงลูกดับ หลังลูกเมายาบ้า แล้วจะเอาขวานจามใส่พ่อ โดยหลังยิงเสร็จ พ่อก็ได้เข้ามอบตัวกับตำรวจ

         วันนี้ (15 กรกฎาคม 2556) เวลา 07.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองกาฬสินธุ์ ได้นำตัว นายเสรี ภารพิบูรณ์ วัย 60 ปี ชาว อ.ดอนจาน จ.กาฬสินธุ์ มาทำแผนประกอบคำรับสารภาพหลังจากที่ยิง นายสมไชย ภารพิบูรณ์ บุตรชายวัย 36 ปี เสียชีวิตหน้ากระท่อมปลายนา

         โดยนายเสรี ให้การว่า เมื่อกลางดึกวานนี้ (14 กรกฎาคม 2556) ขณะที่ตนกำลังดูแลสัตว์เลี้ยง บุตรชายได้ขับรถจักรยานยนต์มาที่กระท่อมปลายนา พร้อมตะโกนเสียงดังขับไล่ตนออกจากที่ และมีปากเสียงกัน ก่อนที่บุตรชายจะนำขวานที่อยู่ในกระท่อมปลายนาวิ่งเข้ามาหา อย่างไรก็ดี ตนสังเกตว่าบุตรชายมีอาการคล้ายกับเมายาและเมาสุราอย่างหนัก จึงบอกว่าให้บุตรชายหยุด เพราะตนมีปืน แต่ว่าบุตรชายไม่ฟัง กลับเดินต่อไม่ยอมหยุด ตนจึงยิงปืนไป 1 นัด ให้บุตรชายล้มลง ก่อนที่จะไปบอกชาวบ้านให้ช่วยนำส่งโรงพยาบาล

          ทั้งนี้ จากการตรวจสอบร่างกายผู้ตาย พบว่าถูกกระสุนเจาะไปที่เหนือหูด้านขวา ทนพิษบาดแผลไม่ไหว เสียชีวิตที่โรงพยาบาลกาฬสินธุ์


อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
(http://news.springnewstv.tv/32409/%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%9E%E0%B8%B5%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%82%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%86%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%96%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%A2%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B8%B1%E0%B8%9A)

-http://news.springnewstv.tv/32409/%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%9E%E0%B8%B5%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%82%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%86%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%96%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%A2%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B8%B1%E0%B8%9A-






หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ กรกฎาคม 17, 2013, 06:14:39 am
ผู้บริโภคตรวจข้าวถุงพบ “โค-โค่” มีสารตกค้างเกินมาตรฐาน
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์    16 กรกฎาคม 2556 16:39 น.
-http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9560000087114-

(http://mpics.manager.co.th/pics/Images/556000009152101.JPEG)

น.ส.สารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค แถลงผลการตรวจข้าวถุง เมื่อวันที่ 16 ก.ค.


       มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคตรวจข้าวถุงไม่พบสารเคมีใดๆ ตกค้างเลย 12 ตัวอย่าง ตกค้างไม่เกินค่ามาตรฐาน 50 ppm จำนวน 33 ตัวอย่าง และเกินค่ามาตรฐาน 1 ตัวอย่างคือ “ข้าวโค-โค่” แนะรัฐเปิดเผยยี่ห้อข้าวที่พบการปนเปื้อนและปลอดภัย ย้ำเป็นสิทธิที่ผู้บริโภคต้องรู้ ชี้ใช้กำหนดทิศทางการส่งออกข้าวได้ เหตุบางยี่ห้อสารเคมีเกือบเกินมาตรฐานต้องเร่งแก้ไข เพราะไม่ผ่านมาตรฐานประเทศคู่ค้าสำคัญ
       
       วันนี้ (16 ก.ค.) เมื่อเวลา 13.00 น.ที่มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค น.ส.สารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กล่าวแถลง “ผลทดสอบข้าวสารถุงยี่ห้อไหนไม่มีสารเคมี?” ว่า การเปิดเผยข้อมูลการทดลองในครั้งนี้เพื่อประโยชน์ของสาธารณะ และคุ้มครองผู้บริโภคในการรับข้อมูลข่าวสารที่เพียงพอต่อการบริโภค สิทธิในการเลือกซื้อสินค้า และสิทธิที่จะได้รับความปลอดภัยจากการบริโภค ทั้งนี้ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ได้ร่วมกับมูลนิธิชีววิถี และศูนย์ทดสอบฉลาดซื้อ ตรวจสารเคมีในข้าวสารบรรจุถุงจำนวน 46 ตัวอย่าง จากยาฆ่าแมลงกลุ่มออร์กาโนฟอสเฟต และคาร์บาเมต ยากันรา และสารรมควันข้าวเมทิลโบรไมด์ พบว่า ข้าวสารจำนวน 12 ตัวอย่าง หรือร้อยละ 26.1 ไม่พบสารตกค้างทุกกลุ่ม ได้แก่ ลายกนก-ข้าวหอมมะลิ ข้าวพันดี-ข้าวขาว ธรรมคัลเจอร์-ข้าวหอม รุ้งทิพย์-ข้าวเสาไห้ บัวทิพย์-ข้าวหอม ตราฉัตร-ข้าวขาว ข้าวมหานคร-ข้าวขาว สุพรรณหงส์-ข้าวหอมสุรินทร์ เอโร่-ข้าวขาว ข้าวแสนดี-ข้าวหอมทิพย์ โฮมเฟรชมาร์ท-จัสมิน และชามทอง-ข้าวหอมมะลิ
       
       น.ส.สารี กล่าวอีกว่า ส่วนอีก 34 ตัวอย่าง หรือร้อยละ 73.9 พบสารเมทิลโบรไมด์ ตั้งแต่ 0.9-67 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม (ppm) โดยแบ่งออกเป็นระดับต่างๆ ดังนี้ 1.ตกค้างน้อยมาก คือน้อยกว่า 0.9 ppm มี 7 ตัวอย่าง ได้แก่ ช้างเผือก-ข้าวเสาไห้ cooking for fun-ข้าวหอมมะลิ ข้าวเบญจรงค์-ข้าวหอมมะลิ แฮปปี้บาท-ข้าวขาว เทสโก ตราคุ้มค่า-ข้าวหอม และ อคส.-ข้าวหอมมะลิ 2.ตกค้างน้อย คือ ระหว่าง 0.9-5 ppm จำนวน 14 ตัวอย่าง ได้แก่ ข่าวอิ่มทิพย์-ข้าวขาว ชาวนาไทย-เสาไห้ ข้าวแสนดี-ข้าวขาว ท็อปส์-หอมมะลิ ตราเกษตร-ข้าวขาวหอม ฉัตรทอง-หอมมะลิ ติ๊กชีโร่-หอมมะลิ หงษ์ทอง-หอมมะลิ บิ๊กซี-หอมปทุม ตราฉัตร-หอมผสม โรงเรียน-หอมมะลิ ฉัตรอรุณ-หอมผสม ปทุมทอง-หอมมะลิ และไก่แจ้เขียว-หอมมะลิ
       
       น.ส.สารี กล่าวด้วยว่า 3.ตกค้างสูง คือระหว่าง 5-25 ppm จำนวน 7 ตัวอย่าง ได้แก่ พนมรุ้ง-ข้าวขาว ท็อปส์-หอมปทุม คุ้มค่า-เสาไห้ เอโณ่-ข้าวหอม มาบุญครอง-ข้าวขาว ดอกบัว-ข้าวหอมมะลิ และปิ่นเงิน-ข้าวหอม 4.ตกค้างสูง คือระหว่าง 25-50 ppm จำนวน 5 ตัวอย่าง ได้แก่ ถูกใจ-ข้าวขาว สุรินทิพย์-หอมมะลิ ดอกบัว-ขาวตาแห้ง ตราดอกบัว-เสาไห้ และข้าวแสนดี-ข้าวหอม และ 5.ตกค้างเกินมาตรฐานอาหารระหว่างประเทศ (CODEX) ที่องค์การอนามัยโลกกำหนดไว้ที่ 50 ppm จำนวน 1 ตัวอย่าง คือข้าวยี่ห้อ “โค-โค่-ข้าวขาวพิมพา” โดยตกค้างอยู่ที่ 67.4 ppm ส่วนการตรวจสารพิษจากเชื้อรา และคุณภาพข้าวถุงนั้นยังไม่แล้วเสร็จ
       
       “การเปิดเผยข้อมูลในครั้งนี้ไม่ได้ต้องการดิสเครดิตธุรกิจใด หรือต้องการโจมตีรัฐบาล แต่ต้องการคุ้มครองผู้บริโภค โดยมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคจะส่งผลการตรวจนี้ให้แก่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) พร้อมกับขอเรียกร้องให้หน่วยงานรัฐ ทั้ง อย. กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดเผยรายละเอียดชื่อยี่ห้อข้าวที่พบการปนเปื้อน หรือตัวอย่างยี่ห้อที่ตรวจแล้วปลอดภัยไม่พบการปนเปื้อน เพราะผู้บริโภคมีสิทธิที่จะได้รับทราบข้อมูลตามกฎหมาย นอกจากนี้ ยังส่งผลต่อการกำหนดทิศทางการผลิตสินค้าและการบริโภคของประเทศในอนาคต และการตรวจสอบของหน่วยงานรัฐครั้งต่อๆ ไป ควรมีองค์กรผู้บริโภคร่วมด้วย” เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กล่าวและว่า การส่งตรวจในครั้งนี้ ได้ส่งตรวจในห้องปฏิบัติการที่น่าเชื่อถือทั้งภาครัฐและเอกชนด้วยงบประมาณ 7 แสนบาท
       
       นายวิฑูรย์ เลี่ยนจำรูญ ผู้อำนวยการมูลนิธิชีววิถี กล่าวว่า การตรวจข้าวบรรจุถุงครั้งนี้ พบผลที่แตกต่างจากของรัฐบาล คือเราพบข้าวถุงที่มีสารตกค้างเกินค่ามาตรฐาน 50 ppm ที่สำคัญการตรวจของรัฐบาลไม่มีการจำแนกระดับของสารตกค้างให้ผู้บริโภคทราบ สำหรับเกณฑ์การกำหนดระดับสารตกค้างเมทิลโบรไมด์นั้น ได้ใช้ค่ามาตรฐานของประเทศคู่ค้าข้าวรายสำคัญของไทย ซึ่งมีค่ามาตรฐานที่ต่ำกว่า 50 ppm เป็นเกณฑ์คือ อินเดียที่กำหนดไว้ไม่เกิน 25 ppm และประเทศจีนที่กำหนดไว้ไม่เกิน 5 ppm ซึ่งการแบ่งเกณฑ์ดังนี้จะสะท้อนข้อมูลไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ทราบว่ามีข้าวยี่ห้อใด บริษัทใด มาจากโรงสีใด ที่อาจมีผลกระทบต่อการส่งออก เพราะมีสารตกค้างอยู่ในระดับที่เกินกว่าประเทศคู่ค้ากำหนด ซึ่งต้องรีบแก้ไขเพราะอาจทำให้ไทยสูญเสียตลาดค้าข้าวที่สำคัญ อย่างจีนเมื่อก่อนนำเข้าข้าวจากไทยประมาณ 5 แสนตันต่อปี ปัจจุบันเหลือเพียง 1 แสนตันต่อปีเท่านั้น โดยหันไปนำเข้าข้าวจากประเทศอื่นมากขึ้น
       
       น.ส.ทัศนีย์ แน่นอุดร หัวหน้าศูนย์ทดสอบฉลาดซื้อ กล่าวว่า ที่ผ่านมามีผู้บริโภคร้องเรียนมายังมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคให้หาข้อเท็จจริง จากกระแสข่าวเรื่องความไม่ปลอดภัยของข้าวสารบรรจุถุงทางสื่อต่างๆ เพราะมีผู้บริโภคบางส่วนยังไม่เชื่อข้อมูลจากภาครัฐ จึงอยากให้มีข้อมูลการตรวจสอบจากภาคประชาชนด้วย ศูนย์ทดสอบฉลาดซื้อจึงร่วมกับมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคและเครือข่ายเตือนภัยสารเคมีกำจัดศัตรูพืช (ไทยแพน) และมูลนิธิชีววิถี เก็บตัวอย่างข้าวถุงที่มีการจำหน่าย ระหว่างวันที่ 19-27 มิ.ย.2556 ทุกยี่ห้อจากซูเปอร์มาร์เก็ตและห้างโมเดิร์นเทรด ทั้งค้าปลีกและค้าส่ง 6 แห่ง ได้แก่ เทสโก้โลตัส บิ๊กซี แม็คโคร ท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ต ฟู้ดแลนด์ ซูเปอร์มาร์เก็ต โฮมเฟรชมาร์ท และร้านสะดวกซื้อ 1 แห่งคือ เซเวนอีเลฟเวน ได้ข้าวถุงรวม 36 ยี่ห้อ จำนวน 46 ตัวอย่าง แบ่งเป็นข้าวหอมมะลิ 100% จำนวน 15 ตัวอย่าง และข้าวขาวกับข้าวหอมอื่นๆ อีก 31 ตัวอย่าง โดยส่งตรวจคุณภาพข้าวสารถุงที่จำหน่ายในท้องตลาดใน 5 ด้านคือ 1.การตรวจคุณภาพข้าวสารถุง ตามมาตรฐานข้าวสาร กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ 2.สารเคมีทางการเกษตร ยาฆ่าแมลง 2 กลุ่ม ได้แก่ ออร์กาโนฟอสเฟตและคาร์บาเมต 3.ยากันรา 4.สารรมควันข้าวเมทิลโบรไมด์ และ 5.สารพิษจากเชื้อรา อะฟลาทอกซิน

       
(http://mpics.manager.co.th/pics/Images/556000009152102.JPEG)
ภาพจากเว็บไซต์ฉลาดซื้อ http://www.chaladsue.com/index.php/component/content/article/96-PR/1577-rice.html (http://www.chaladsue.com/index.php/component/content/article/96-PR/1577-rice.html)
       
(http://mpics.manager.co.th/pics/Images/556000009152103.JPEG)
ภาพจากเว็บไซต์ฉลาดซื้อ http://www.chaladsue.com/index.php/component/content/article/96-PR/1577-rice.html (http://www.chaladsue.com/index.php/component/content/article/96-PR/1577-rice.html)
       
(http://mpics.manager.co.th/pics/Images/556000009152104.JPEG)
ภาพจากเว็บไซต์ฉลาดซื้อ http://www.chaladsue.com/index.php/component/content/article/96-PR/1577-rice.html (http://www.chaladsue.com/index.php/component/content/article/96-PR/1577-rice.html)
       
(http://mpics.manager.co.th/pics/Images/556000009152105.JPEG)
ภาพจากเว็บไซต์ฉลาดซื้อ http://www.chaladsue.com/index.php/component/content/article/96-PR/1577-rice.html (http://www.chaladsue.com/index.php/component/content/article/96-PR/1577-rice.html)       

(http://mpics.manager.co.th/pics/Images/556000009152107.JPEG)

(http://mpics.manager.co.th/pics/Images/556000009152108.JPEG)
       
(http://mpics.manager.co.th/pics/Images/556000009152111.JPEG)

(http://mpics.manager.co.th/pics/Images/556000009152112.JPEG)

(http://mpics.manager.co.th/pics/Images/556000009152113.JPEG)
หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ กรกฎาคม 17, 2013, 06:27:16 am
2 มูลนิธิคอนเฟิร์ม ผลทดสอบข้าว พบ 34 ยี่ห้อมีสารตกค้าง
-http://hilight.kapook.com/view/88662-

(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/fontip/etc3/IMG_5934.jpg)

(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/fontip/etc/IMG_5987.jpg)

(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/fontip/etc3/IMG_5989.jpg)

(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/fontip/etc/IMG_5990.jpg)

(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/fontip/etc/IMG_6000.jpg)

(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/fontip/etc3/IMG_5992.jpg)

(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/fontip/etc3/IMG_5996.jpg)

(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/fontip/etc3/IMG_5999.jpg)

(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/fontip/etc3/IMG_6008.jpg)


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก thaipan.org

            2 มูลนิธิคอนเฟิร์มผลทดสอบข้าว พบ 34 ยี่ห้อ มีสารตกค้าง จากการสุ่มตรวจ 46 ยี่ห้อ ขัดกับข้อมูล อย.-กรมวิทยาศาสตร์ฯ ชี้แถลงข่าวเพื่อความปลอดภัยผู้บริโภค

            วันนี้ (16 กรกฎาคม 2556) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.สารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ได้ร่วมกับมูลนิธิชีววิถี แถลงผลการเก็บตัวอย่างข้าวถุงจากการสุ่มตรวจเพื่อดูมาตรฐาน จากการเก็บตัวอย่างทั้งหมด 46 ยี่ห้อ พบว่ามี 12 ยี่ห้อ หรือคิดเป็นร้อยละ 26.1 ไม่พบการตกค้างของสารทุกกลุ่มประเภท ขณะที่มีข้าวถุงมากถึง 34 ยี่ห้อ หรือคิดเป็นร้อยละ 73.9 มีการตกค้างของสารเมทิลโบรไมด์ ซึ่งเป็นสารที่ใช้ในการรมควันข้าว โดยมีค่าในหลายระดับตั้งแต่ระดับน้อยที่สุดจนถึงเกินค่ามาตรฐานระหว่างประเทศ คือ 0.9-67 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม ซึ่งในจำนวนนี้พบว่า ข้าวสารยี่ห้อ โค-โค่-ข้าวขาวพิมพา มีระดับสารตกค้าง 67.4 มิลลิกรัม/กิโลกรัม และยังพบอีกว่ามีเพียง 5 ตัวอย่าง ที่ไม่มีสารตกค้างเกินค่ามาตรฐานอาหารระหว่างประเทศ เพราะพบสารตกค้างสูงกว่า 25 มิลลิกรัม/กิโลกรัม แต่ไม่เกิน 50 มิลลิกรัม/กิโลกรัม ได้แก่

            1. ข้าวแสนดี ข้าวหอม พบสารตกค้าง 41 มิลลิกรัม/กิโลกรัม
            2. ข้าวตราดอกบัว ข้าวเสาไห้ พบสารตกค้าง 29.5 มิลลิกรัม/กิโลกรัม
            3. ข้าวตราดอกบัว ข้าวตาแห้ง พบสารตกค้าง 28.9 มิลลิกรัม/กิโลกรัม
            4. ข้าวสุรินทิพย์ ข้าวหอมมะลิ พบสารตกค้าง 27.6 มิลลิกรัม/กิโลกรัม
            5. ข้าวถูกใจ ข้าวขาว พบสารตกค้าง 27.5 มิลลิกรัม/กิโลกรัม


(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/fontip/etc3/999367_608007615897042_240712847_n.png)


สำหรับข้าวถุงจำนวน 12 ตัวอย่างที่ไม่พบการตกค้างของสารเคมีทางการเกษตรชนิดใด ๆ ได้แก่

            1. ลายกนก ข้าวหอมมะลิแท้ 100%
            2. ข้าวพันดี ข้าวขาว 100% ชั้นดีพิเศษ
            3. ธรรมคัลเจอร์ ข้าวหอมคุณภาพคัดพิเศษ
            4. รุ้งทิพย์ ข้าวขาวเสาไห้
            5. บัวทิพย์ ข้าวหอม
            6. ตราฉัตร ข้าวขาว 15%
            7. ข้าวมหานคร ข้าวขาวคัดพิเศษ
            8. สุพรรณหงส์ ข้าวหอมสุรินทร์
            9. เอโร่ ข้าวขาว 100%
            10. ข้าวแสนดี ข้าวหอมทิพย์
            11. โฮมเฟรชมาร์ท จัสมิน ข้าวหอมมะลิ 100%
            12. ชามทอง ข้าวขาวหอมมะลิ 100%

ข้าวถุงที่มีสารตกค้างในจำนวนน้อยมาก ได้แก่

            1. ช้างเผือก-ข้าวเสาไห้
            2. cooking for fun-ข้าวหอมมะลิ
            3. ข้าวเบญจรงค์-ข้าวหอมมะลิ
            4. ข้าวหอมมะลิแปดริ้ว-ข้าวหอมมะลิ
            5. แฮปปี้บาท-ข้าวขาว
            6. เทสโก ตราคุ้มค่า-ข้าวหอม
            7. อคส.-ข้าวหอมมะลิ

ส่วนข้าวถุงที่มีการตกค้างของสารเมทิลโบรไมด์ ได้แก่

            1. โค-โค่-ข้าวขาวพิมพา ระดับสารตกค้าง 67.4 มิลลิกรัม/กิโลกรัม
            2. ข้าวแสนดี-ข้าวหอม ระดับสารตกค้าง 41 มิลลิกรัม/กิโลกรัม
            3. ตราดอกบัว-เสาไห้ ระดับสารตกค้าง 29.5 มิลลิกรัม/กิโลกรัม
            4. ดอกบัว-ขาวตาแห้ง ระดับสารตกค้าง 28.9 มิลลิกรัม/กิโลกรัม
            5. สุรินทิพย์-หอมมะลิ ระดับสารตกค้าง 27.6 มิลลิกรัม/กิโลกรัม
            6. ถูกใจ-ข้าวขาว ระดับสารตกค้าง 27.5 มิลลิกรัม/กิโลกรัม
            7. ปิ่นเงิน-ข้าวหอม ระดับสารตกค้าง 21.9 มิลลิกรัม/กิโลกรัม
            8. ดอกบัว-ข้าวหอมมะลิ ระดับสารตกค้าง 19.7 มิลลิกรัม/กิโลกรัม
            9. มาบุญครอง-ข้าวขาว ระดับสารตกค้าง 19.5 มิลลิกรัม/กิโลกรัม
            10. เอโร่-ข้าวหอม ระดับสารตกค้าง 10.6 มิลลิกรัม/กิโลกรัม
            11. คุ้มค่า-เสาไห้ ระดับสารตกค้าง 6.7 มิลลิกรัม/กิโลกรัม
            12. ท็อปส์-หอมปทุม ระดับสารตกค้าง 6.2 มิลลิกรัม/กิโลกรัม
            13. พนมรุ้ง-ข้าวขาว ระดับสารตกค้าง 5.4 มิลลิกรัม/กิโลกรัม
            14. ไก่แจ้เขียว-หอมมะลิ ระดับสารตกค้าง 4.5 มิลลิกรัม/กิโลกรัม
            15. ปทุมทอง-หอมมะลิ ระดับสารตกค้าง 4.2 มิลลิกรัม/กิโลกรัม
            16. ฉัตรอรุณ-หอมผสม ระดับสารตกค้าง 3.1 มิลลิกรัม/กิโลกรัม
            17. โรงเรียน-หอมมะลิ ระดับสารตกค้าง 2.7 มิลลิกรัม/กิโลกรัม
            18. ตราฉัตร-หอมผสม ระดับสารตกค้าง 2.4 มิลลิกรัม/กิโลกรัม
            19. บิ๊กซี-หอมปทุม ระดับสารตกค้าง 2.4 มิลลิกรัม/กิโลกรัม
            20. หงษ์ทอง-หอมมะลิ ระดับสารตกค้าง 2.2 มิลลิกรัม/กิโลกรัม
            21. ติ๊กชีโร่-หอมมะลิ ระดับสารตกค้าง 1.7 มิลลิกรัม/กิโลกรัม
            22. ฉัตรทอง-หอมมะลิ ระดับสารตกค้าง 1.6 มิลลิกรัม/กิโลกรัม
            23. ตราเกษตร-ข้าวขาวหอม ระดับสารตกค้าง 1.5 มิลลิกรัม/กิโลกรัม
            24. ท็อปส์-หอมมะลิ ระดับสารตกค้าง 1.3 มิลลิกรัม/กิโลกรัม
            25. ข้าวแสนดี-ข้าวขาว ระดับสารตกค้าง 1.2 มิลลิกรัม/กิโลกรัม
            26. ชาวนาไทย-เสาไห้ ระดับสารตกค้าง 0.98 มิลลิกรัม/กิโลกรัม
            27. ข้าวอิ่มทิพย์-ข้าวขาว ระดับสารตกค้าง 0.93 มิลลิกรัม/กิโลกรัม

            โดย น.ส.สารี ระบุว่า การแถลงข่าวในครั้งนี้เพื่อเป็นการเปิดเผยข้อมูลผลการทดลองที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ และเพื่อเป็นการคุ้มครองสิทธิของผู้บริโภคในการที่จะได้รับรู้ข้อมูลข่าวสารที่เพียงพอในการบริโภค รวมถึงสิทธิในการเลือกซื้อสินค้า โดยเฉพาะในเรื่องของการตรวจสอบสารเคมีในข้าวสารบรรจุถุง ในกลุ่มยาฆ่าแมลงชนิดกลุ่มออร์กาโนฟอสเฟต และคาร์บาเมต รวมถึงสารที่เป็นยากันเชื้อรา และสารรมควันข้าวเมทิลโบรไมด์

(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/fontip/etc3/IMG_5967.jpg)

 ทั้งนี้ น.ส.สารี กล่าวย้ำด้วยว่า ก่อนหน้านี้แม้จะมีหน่วยงานของรัฐบาล อาทิ คณะกรรมการอาหารและยา รวมถึงกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ออกมาแถลงข่าวยืนยันในเรื่องของความปลอดภัยของข้าวสารถุงแล้ว แต่ขณะนี้จากการตรวจสอบของมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคที่ร่วมกับมูลนิธิชีววิถี พบว่ายังมีข้อมูลที่แตกต่างกัน ฉะนั้นจึงต้องการย้ำชัดเพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภค

            ขณะที่ทางด้าน นายวิฑูรณ์ เลี่ยนจำรูญ ผู้อำนวยการมูลนิธิชีววิถี ได้กล่าวถึงเรื่องค่ามาตรฐานของ codex ว่า จากการตรวจสอบสารรมควันเมทิลโบร์ไมด์ พบว่า มีข้าวสารบรรจุถุง จำนวน 13 ตัวอย่างที่มีการตกค้างของเมทิลโบร์ไมด์ในข้าวเกิน 5 มิลลิกรัม/กิโลกรัม ซึ่งสูงกว่ามาตรฐานของ codex ของประเทศจีน ที่กำหนดปริมาณการตกค้างของเมทิลโบร์ไมด์ในข้าวต้องไม่เกิน 5 มิลลิกรัม/กิโลกรัม และถ้าหากยังไม่มีการปรับปรุงในเรื่องนี้ เชื่อได้ว่า อาจส่งผลกระทบต่อการส่งออกข้าวของประเทศไทยได้ เพราะประเทศจีน คือ คู่ค้าข้าวรายสำคัญของประเทศไทย จึงอยากเสนอให้รัฐบาล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการตรวจสอบโรงสี และผู้ประกอบการเพื่อหาสาเหตุของการตกค้างของสารรมควันข้าวเมทิลโบรไมด์ในข้าว ว่ามาจากสาเหตุใดกันแน่ พร้อมทั้ง กำหนดหลักเกณฑ์มาตรฐานการปนเปื้อนของสารเคมี เพื่อยกระดับคุณภาพของข้าวไทยให้มากขึ้น เพราะเรื่องนี้นอกจากจะกระทบเรื่องการส่งออกแล้ว ก็ยังอาจกระทบต่อสุขภาพของผู้บริโภคอีกด้วย

            นอกจากนี้ นางสาวสารี อ๋องสมหวัง ได้ยื่นขอเสนอแนะแก่รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดังนี้

            1. ขอให้รัฐบาลเร่งผลักดันให้มีองค์การอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค เพื่อให้องค์การนี้เป็นตัวแทนของผู้บริโภคในการดำเนินการตรวจสอบสินค้า หรือบริการต่าง ๆ

            2. ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งในส่วนของภาครัฐ และภาคเอกชน ที่ทำหน้าที่ตรวจสอบคุณภาพข้าว เปิดเผยผลการตรวจสอบคุณภาพข้าวให้ประชาชนได้รับทราบ

            3. ขอให้มีการสร้างระบบตรวจสอบคุณภาพข้าวอย่างเป็นระบบ โดยระบบนี้ควรเกิดจากความส่วมมือของหลาย ๆ ภาคส่วน เพื่อให้ข้อมูลที่ได้ตรวจสอบครอบคลุมและครบถ้วนทุกด้าน นอกจากนี้ อยากให้ดำเนินการสุ่มตรวจตัวอย่างข้าวเป็นระยะ เพื่อให้เกิดการปรับปรุง และพัฒนาคุณภาพข้าวไทย

.


หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ กรกฎาคม 17, 2013, 11:01:24 pm
เด็กแว๊นน โดนชาวบ้านไล่กระทืบ!! หนีกันกระเจิง
-http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=PrvYKo8dYBM-


เด็กแว๊นน โดนชาวบ้านไล่กระทืบ!! หนีกันกระเจิง (http://www.youtube.com/watch?v=PrvYKo8dYBM#ws)

เด็กแว๊นน โดนชาวบ้านไล่กระทืบ!! หนีกันกระเจิง (http://www.youtube.com/watch?v=PrvYKo8dYBM#ws)

-http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=PrvYKo8dYBM-


--------------------------------------------------------------------------------------------------



ชอบมากจริงๆครับ

.


หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ กรกฎาคม 22, 2013, 09:44:56 am
โดนใบสั่ง ไม่ไปจ่ายค่าปรับ จะเป็นอย่างไร!?!

-http://auto.sanook.com/5720/%E0%B9%82%E0%B8%94%E0%B8%99%E0%B9%83%E0%B8%9A%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%87-%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B9%84%E0%B8%9B%E0%B8%88%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%84%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A-%E0%B8%88%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%84%E0%B8%A3/-

(http://p3.s1sf.com/au/0/ud/1/5720/traffic-ticket-laws.jpg)


มีข้อถกเถียงสงสัยกันมานานแล้วว่าเมื่อได้รับใบสั่งให้ไปชำระค่าปรับ เวลาทำผิดกฎจราจร เช่น ขับรถฝ่าสัญญาณไฟ จอดรถในที่ห้ามจอด ตรวจจับความเร็ว ฯลฯ โดนใบสั่งแบบนี้ถ้าไม่ไปจ่ายจะเป็นไรไหม? ขยำใบสั่งทิ้งได้หรือเปล่า? วันนี้ Dealfish หาคำตอบมาให้

ถ้าไม่ไปชำระค่าปรับตามที่ระบุไว้ในใบสั่ง โดยไม่มีเหตุอันควร ถือได้ว่าเป็นการฝ่าฝืนไม่ไปชำระค่าปรับตามใบสั่ง มีความผิดอีกข้อหาหนึ่ง ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท (มาตรา 155 พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ) นอกจากนี้พนักงานสอบสวนมีอำนาจจัดการกับผู้ขับขี่หรือเจ้าของรถตามมาตรา 141 ทวิ ดังนี้

1. พนักงานสอบสวนมีอำนาจออกหมายเรียกผู้ขับขี่หรือเจ้าของรถให้ไปรายงานตัวต่อพนักงานสอบสวนตามสถานที่ วัน และเวลาที่ระบุในหมายเรียกนั้น แล้วพนักงานสอบสวนจะเปรียบเทียบปรับตามกฎหมาย

2. ถ้าพนักงานสอบสวนใช้อำนาจออกหมายเรียกผู้ขับขี่หรือเจ้าของรถให้ไปรายงานตัวต่อพนักงานสอบสวนแล้วส่งหมายเรียกไม่ได้ พนักงานสอบสวนจะแจ้งไปยังนายทะเบียนรถหรือนายทะเบียนขนส่งทางบกให้งดรับชำระภาษีประจำปีสำหรับรถคันนั้นไว้เป็นการชั่วคราว จนกว่าผู้ได้รับใบสั่งจะมาพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียกและชำระค่าปรับให้เรียบร้อยเสียก่อน พนักงานสอบสวนจึงจะแจ้งไปยังนายทะเบียนให้ทราบเพื่อให้ผู้นั้นชำระภาษีประจำปีสำหรับรถนั้นต่อไป

ดังนั้น เมื่อคุณทำผิดกฎจราจร หรือได้รับใบสั่ง คุณก็มีหน้าที่ต้องไปชำระค่าปรับที่สถานีตำรวจในเขตท้องที่และภายในกำหนดเวลาที่ระบุไว้ ซึ่งปกติแล้วก็มักจะไม่เกิน 7 วัน หรือถ้าใครไม่สะดวกไปจ่ายเองก็อาจจะชำระทางไปรษณีย์ก็ได้ ส่วนกรณีโดนยึดใบขับขี่ไว้ ก็ให้ใช้ใบรับแทนใบขับขี่ไปพลางก่อน เมื่อไปชำระค่าปรับแล้วตำรวจก็จะคืนใบขับขี่ให้

หลายคนคิดว่าไม่ต้องไปจ่ายหรอก ข้อมูลคงไม่ถึง อันนี้ขอแนะนำว่าอย่าเสี่ยงเลยจะดีกว่า นอกจากจะไม่สามารถต่อทะเบียนรถยนต์ได้แล้ว ยังต้องอาจต้องโทษปรับเพิ่มขึ้นด้วย สรุปให้สั้นๆ นั่นคือ ทำให้ถูกต้องดีกว่าจะได้ไม่มีปัญหาภายหลัง..
หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ กรกฎาคม 23, 2013, 06:50:01 am
คลิปกลุ่มชายบุกตรวจร้านเกม อ้างมาจากบริษัทดัง

-http://news.sanook.com/1198629/%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%9B%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%81%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%88%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B9%8C-%E0%B8%AD%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%A9%E0%B8%B1%E0%B8%97%E0%B8%94%E0%B8%B1%E0%B8%87/-

(http://p3.s1sf.com/ns/0/ud/239/1198629/7.jpg)

กลุ่มชายบุกตรวจร้านเกม มาตรวจของละเมิดลิขสิทธื์ ไม่ยอมให้เจ้าของร้านดูบัตร แถมยังอ้างเป็นเจ้าหน้าที่จากบริษัทเพลงชื่อดัง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (22 ก.ค.) ในเว็บไซต์ยูทูป ได้มีผู้ใช้ชื่อว่า Miss.Nuchnaphaphan Yangsoong โดยเป็นภาพเหตุการณ์กลุ่มชายฉกรรจ์หลายคน เข้ามาตรวจค้นในร้านอินเตอร์เน็ต โดยอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่มาตรวจของละเมิดลิขสิทธื์ แต่เจ้าของร้านไม่ยอม พร้อมขอดูบัตรเจ้าหน้าที่ ขณะที่กลุ่มชายที่อ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็ไม่ยอมให้ตรวจบัตร เมื่อหญิงเจ้าของร้านยืนยันว่าจะให้ตรวจค้นก็ต่อเมื่อมีบัตรเท่านั้น กลุ่มชายดังกล่าวก็หยิบบัตรให้ดู และพยายามตรวจค้นเอกสารด้วยท่าทางน่ากลัว

ทั้งนี้ เมื่อหญิงคนดังกล่าวถ่ายคลิปเอาไว้ กลุ่มชายก็พยายามเอามือปัดและไม่ยอมให้ถ่าย และบอกว่าให้ตรวจดีๆ ก็สิ้นเรื่อง และยังอ้างว่าเป็นพนักงานของบริษัทเพลงชื่อดังอีกด้วย


----------------------------------------------------------

คลิป กลุ่มชายบุกตรวจร้านเกมแบบอุกอาจ ส่อพิรุธเพียบ
-http://hilight.kapook.com/view/88924-

(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/pattamaporn/News/011.jpg)

(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/pattamaporn/News/012.jpg)

(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/pattamaporn/News/013.jpg)


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก คุณ Miss.Nuchnaphaphan Yangsoong

           คลิป กลุ่มชายบุกตรวจร้านเกมแบบอุกอาจ ชาวเน็ต ตั้งข้อสังเกตพบพิรุธเพียบ ทั้งไม่มีบัตร และอ้างเป็นเจ้าหน้าที่จากแกรมมี่มาตรวจร้านเกม

           กลายเป็นคลิปที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากในขณะนี้ เมื่อคุณ Miss.Nuchnaphaphan Yangsoong ได้อัพโหลดภาพเหตุการณ์ (22 กรกฎาคม 2556) ที่ชายหลายคน เข้ามาขอตรวจค้นภายในร้านอินเทอร์เน็ต โดยอ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่มาตรวจของละเมิดลิขสิทธิ์ แต่ทางเจ้าของร้านไม่ยอมให้ตรวจค้นพร้อมกันขอดูบัตรเจ้าหน้าที่

           ส่วนทางด้านกลุ่มชายที่อ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็พยายามโยกโย้ และไม่ยอมให้ตรวจบัตรแต่โดยดี แต่พอหญิงเจ้าของร้านยืนยันว่าจะให้ตรวจค้นก็ต่อเมื่อมีบัตรเท่านั้น ด้านกลุ่มชายคนดังกล่าว ก็ได้หยิบสำเนาบัตรตำรวจมายื่นให้ดู นอกจากนี้ ยังพยายามจะตรวจค้นเอกสารด้วยท่าทีที่น่ากลัวอีกด้วย

           อย่างไรก็ตาม หญิงคนดังกล่าวได้อัดคลิปวิดีโอเก็บไว้ ส่วนกลุ่มชายก็พยายามจะเอามือปัดป้อง ไม่ยอมให้ถ่าย และบอกว่าให้ตรวจดี ๆ ก็สิ้นเรื่อง แถมยังอ้างตัวว่าเป็นพนักงานจากบริษัทใหญ่อย่างแกรมมี่อีกด้วย

           เอ้า ! ชาวเน็ตก็ตั้งข้อสังเกตมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการเข้าตรวจค้นโดยไม่มีบัตรตัวจริง หรือว่าเป็นเจ้าหน้าที่จากแกรมมี่มาตรวจร้านเกม เป็นต้น


ช่วยพิจารณาด้วยนะค่ะ (http://www.youtube.com/watch?v=S-5Egsp3d30#)

ช่วยพิจารณาด้วยนะค่ะ (http://www.youtube.com/watch?v=S-5Egsp3d30#)

-http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=S-5Egsp3d30-

คลิป ช่วยพิจารณาด้วยนะคะ โพสต์โดย Miss.Nuchnaphaphan Yangsoong

-http://hilight.kapook.com/view/88924-

หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ สิงหาคม 02, 2013, 09:51:08 pm
จับแก๊งสาวแสบมอมยารูดทรัพย์
โดย ทีมข่าวอาชญากรรม    2 สิงหาคม 2556 14:39 น.
-http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9560000095351-

(http://mpics.manager.co.th/pics/Images/556000010019101.JPEG)


(http://mpics.manager.co.th/pics/Images/556000010019102.JPEG)


กองปราบฯ จับแก๊งสาวแสบ หลอกตีสนิทเหยื่อชาย ตามแหล่งสถานบันเทิงและชักชวนกันไปหาสำราญต่อ ก่อนมอมยารูดทรัพย์เกลี้ยง พบประวัติเคยติดคุกและลวงเหยื่อปลดทรัพย์จนเป็นอาชีพ
       
       วันนี้ (2 ส.ค.) ที่กองปราบปราม พ.ต.อ.ปิยะ เจริญสุข ผกก.1 บก.ป.สั่งการ พ.ต.ท.ต่อวงศ์ พิทักษ์โกศล สว.กก.1 บก.ป.นำกำลังเข้าจับกุม นางรวีวรรณ หรือศิริพร พินิจการ อายุ 42 ปี, น.ส.สมศิริ พินิจการ อายุ 22 ปี, น.ส.ศิริพร สนสัมฤทธิ์ อายุ 32 ปี, น.ส.สุพรรณนา นาคเฉลิม อายุ 22 ปี และนายศิริพงษ์ พินิจการ อายุ 20 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาธนบุรี ข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน หรือรับของโจร โดยจับกุมนางรวีวรรณ และ น.ส.สมศิริ ได้ที่บ้านพักย่านนิคมอุตสาหกรรมบางปู จ.สมุทรปราการ ส่วน น.ส.ศิริพร จับกุมได้ที่อพาร์ตเมนต์ย่านห้วยขวาง ขณะที่ น.ส.สุพรรณา และนายศิริพงษ์ จับกุมตัวได้ที่ลานจอดรถห้างสรรพสินค้าอิมพีเรียลสำโรง
       
       ทั้งนี้ สืบเนื่องจากกลุ่มผู้ต้องหาได้ร่วมกันก่อเหตุมอมยารูดทรัพย์ผู้เสียหายที่ไปเที่ยวตามสถานบริการต่างๆ โดยพฤติการณ์ของผู้ต้องหานั้นจะเลือกเหยื่อที่แต่งตัวดีและมีเครื่องประดับติดตัว จากนั้นจะทำทีเข้าไปตีสนิทร่วมดื่มสุราด้วย ก่อนชักชวนเหยื่อไปดื่มต่อที่บ้านพัก หรือตามโรงแรมต่างๆ เมื่อสบโอกาสก็จะมอมยา แล้วลงมือปลดทรัพย์สินต่างๆ โดยเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคมที่ผ่านมา กลุ่มผู้ต้องหาได้มอมยารูดทรัพย์นายกฤษดา และนายพิสิฎฐ์ (ขอสงวนนามสกุล) ผู้เสียหาย ซึ่งประกอบอาชีพทำธุรกิจส่วนตัว เหตุเกิดที่สถานบริการชื่อดังแห่งหนึ่งย่านถนนพระราม 2 โดยสูญทรัพย์สิน ประกอบด้วย เงินสด 12,000 บาท สร้อยคอทองคำ น้ำหนัก 3 บาท 2 เส้น ,เหรียญรัชกาลที่ 5 เลี่ยมทอง, พระรูปหล่อหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน และโทรศัพท์ไอโฟน 2 เครื่อง ก่อนที่ผู้ต้องหาจะนำทรัพย์สินไปขายเอาเงินมาแบ่งกัน
       
       สอบสวนนางรวีวรรณ และ น.ส.ศิริพร รับว่าเคยถูกจับกุมในความผิดลักษณะนี้มาก่อนและรู้จักกันที่เรือนจำ สำหรับ น.ส.ศิริพร พบว่าเคยถูกจับกุมในความผิดลักษณะเดียวกันมาหลายครั้ง ทั้งในพื้นที่ สน.ห้วยขวาง และ สน.ดินแดง เมื่อพ้นโทษออกมาเมื่อปี 2553 ก็กลับมาก่อเหตุซ้ำอีก ที่ผ่านมาผู้เสียหายบางรายก็ไม่กล้าเข้าแจ้งความเพราะเกรงว่าทางครอบครัวจะทราบเรื่อง และเสื่อมเสียชื่อเสียง ทั้งนี้ ชุดจับกุมได้นำผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สน.บางขุนเทียน รับไว้ดำเนินคดีต่อไป โดยผู้เสียหายที่เชื่อว่าตกเป็นเหยื่อสามารถเข้าชี้ตัวเพื่อดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ต้องหาเพิ่มเติมได้



หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ สิงหาคม 02, 2013, 10:27:08 pm
ช่วยระทึก ! เด็กวัย 3 เดือน ผ้าห่อตัวปลิวดึงร่างติดล้อ จยย.
-http://hilight.kapook.com/view/89308-


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม


          เกิดเหตุไม่คาดฝันย่านสุขาภิบาล 6 อ.ศรีราชา เด็กวัย  3 เดือน หลุดจากมือแม่ เหตุผ้าที่ใช้ห่อตัวเข้าไปพันกับล้อรถจักรยานยนต์ขณะขี่กลับที่พัก เคราะห์ดีกู้ภัยฯ ช่วยงัดร่างนำส่งโรงพยาบาลได้ทัน ก่อนหมดสติ

          เมื่อเวลา 11.30 น. ของวันที่ 2 สิงหาคม 2556 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่หน้าร้านขายยากันเอง ติดถนนสุขาภิบาล 6 หมู่ 3 ต.สุรศักดิ์ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ได้มีชาวบ้านและหน่วยกู้ภัยสว่างประทีปศรีราชา เข้าไปให้การช่วยเหลือ ด.ญ.ธันยาสีนี บรรโรจน์ หรือ น้องดาว อายุ 3 เดือน 1 วัน เนื่องจากร่างได้เข้าไปติดอยู่ในล้อหลังของรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้าเวฟ 110 สีแดงดำ หมายเลขทะเบียน คนท -705 ชลบุรี จนตัวเริ่มเขียว โดยเจ้าหน้าที่ได้ใช้เวลาประมาณ 15 นาที ก็สามารถช่วยเด็กออกมาได้อย่างปลอดภัย พร้อมนำตัวส่งโรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวีณศรีราชา เพื่อให้แพทย์รักษาอาการที่บาดเจ็บต่อไป

          ด้าน น.ส.ไอซ์ริษา บรรโรจน์ อายุ 20 ปี แม่น้องดาว เล่าว่า ตนพร้อมนายนิรัตน์ บรรโรจน์ สามี ลูกสาววัย 5 ขวบ และน้องดาว ได้ขี่รถจักรยานยนต์เพื่อจะกลับที่พัก ซึ่งอยู่ที่เคหะเอื้ออาทร กม. 9 แต่พอมาถึงที่เกิดเหตุ ผ้าเช็ดตัวที่ใช้ห่อน้องดาวได้หลุดและเข้าไปพันกับล้อรถจักรยานยนต์ น้องดาวจึงหลุดมือเข้าไปติดอยู่กับล้อหลังของรถจักรยานยนต์ จนได้รับบาดเจ็บ เกือบหมดสติ แต่เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้เข้ามาช่วยเหลือไว้ได้ทัน


อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
-http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNM05UUXlOakU0T1E9PQ==&subcatid=-

หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ สิงหาคม 04, 2013, 06:51:33 am
พ่อปล่อยลูกเล่นตามลำพัง สุดท้ายพบสลบท้ายรถดับ 1 สาหัส 1
-http://hilight.kapook.com/view/89318-


(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/kanokwan-kc/News%20-%20Crime/181cb970c08ebfd0b58b9600703.jpg)


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก สปริงนิวส์

          โชเฟอร์แท็กซี่ผู้เป็นพ่อหัวใจสลายหลังนอนหลับพักเอาแรง แล้วปล่อยให้ลูกน้อย 2 คนเล่นตามลำพัง ตื่นมาไม่เจอลูก กระทั่ง พบลูกทั้งสองนอนแน่นิ่งที่ท้ายรถเก๋ง เบื้องต้นลูกคนโตขาดอากาศเสียชีวิต ส่วนคนน้องอาการโคม่า

          วานนี้ (2 สิงหาคม 2556)  เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ธรรมศาลา ได้รับแจ้งจากโรงพยาบาลธนบุรี 2 ถนนบรมราชชนนีว่าพบเด็กชาย 2 รายเข้ามารักษาตัวด้วยอาการสาหัส กระทั่งเสียชีวิต 1 ราย จึงรุดไปตรวจสอบ พบนายเจต (นามสมมติ) อายุ 27 ปี และนางสาวมะพร้าว (นามสมมติ) อายุ 28 ปี ผู้เป็นบิดาและมารดาของเด็ก กำลังยืนเฝ้าศพของ เด็กชายนัท (นามสมมติ) วัย 4 ขวบ

          เบื้องต้น นายเจต ให้การทั้งน้ำตาว่า ตนเองมีอาชีพขับรถแท็กซี่ประจำอยู่ที่ขนส่งสายใต้ใหม่ ส่วนภรรยาทำงานเป็นพนักงานบัญชีที่บริษัทย่านตลิ่งชัน และมีลูกชาย 2 คน โดยผู้เสียชีวิตเป็นลูกชายคนโตอายุ 4 ปี กำลังศึกษาอยู่ชั้นอนุบาล 1 โรงเรียนแห่งหนึ่ง ส่วนคนเล็กอายุ 3 ปี อยู่ชั้นเตรียมอนุบาลโรงเรียนเดียวกัน โดยปกติตนเองจะไปรับลูกที่โรงเรียนเป็นประจำและดูแลจนถึงช่วงเย็น

          นายเจต  กล่าวต่อว่า หลังจาก 6 โมงเย็นเป็นต้นไป ภรรยาจะรับช่วงดูแลลูก แล้วตนจึงออกไปขับรถแท็กซี่ แต่เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2556 ทางโรงเรียนแจ้งว่าต้องพาลูกชายคนโตไปร่วมกิจกรรมนอกโรงเรียน ส่วนน้องคนเล็กให้กลับบ้านได้ตั้งแต่ช่วงเที่ยง ตนจึงไปรับลูกกลับบ้านและอาบน้ำให้ลูกจนแล้วเสร็จ ก่อนจะปล่อยให้ไปเล่นภายในบ้านตามประสา ส่วนตนก็นอนหลับพักเอาแรง หลังจากนั้น ภรรยากลับมาถึงบ้านก็ไม่พบลูกชายแล้ว และภรรยาได้เรียกตนให้ตื่นขึ้นมาช่วยตามหาลูก แต่ก็ไม่พบ จึงตัดสินใจเอากุญแจรถเก๋งของตัวเอง มาลองไขที่ท้ายรถดู กลับพบว่าลูกทั้งสองนอนสลบอยู่ภายในท้ายรถ สภาพเหงื่อชุ่มกาย จึงรีบนำทั้งคู่ส่งโรงพยาบาล แต่น้องนัทขาดอากาศหายใจนานเกินไปจนเสียชีวิต ส่วนลูกคนเล็กยังอยู่ในการดูแลของแพทย์ที่ห้องฉุกเฉิน

         นายเจต กล่าวอีกว่า ตนคาดว่าลูก ๆ น่าจะมาวิ่งเล่นแถวรถ จากนั้นคนพี่คงไปเปิดฝากระโปรงท้ายจากด้านในรถ แล้วชักชวนน้องให้เข้าไปเล่นในฝากระโปรง ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ทำให้ทั้งคู่ดึงฝาท้ายลงมาปิดจนลงล็อกและเปิดออกมาไม่ได้ กระทั่งขาดอากาศหายใจจนทำเสียชีวิตดังกล่าว


 

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
-http://www.dailynews.co.th/crime/223569-
หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ สิงหาคม 04, 2013, 06:55:44 am
นุ้ย สุจิรา ถูกตีนแมวงัดบ้านซ้ำ ด้านตำรวจชี้วงจรปิดถ่ายคนร้ายได้
-http://women.kapook.com/view67911.html-

(http://img.kapook.com/u/pattamaporn/Star/nui1.jpg)

(http://img.kapook.com/u/pattamaporn/Star/nui.jpg)
รูปคนร้าย



เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอบคุณภาพประกอบจาก Instagram nuisujiraa

          นุ้ย สุจิรา ซวยซ้ำซวยซ้อน ถูกโจรบุกงัดบ้านกวาดทรัพย์สินกว่า 40,000 บาท หลังเหตุถูกทุบรถไม่ถึง 6 เดือน ด้านตำรวจเผย ภาพคนร้ายจากกล้องวงจรปิดชัดเจน น่าจะตามจับได้ไม่ยาก

          หลังจากที่ถึงคราวเคราะห์ โดนคนร้ายทุบเบนซ์ที่จอดไว้หน้าบ้านขโมยทรัพย์สินไปรอบหนึ่งแล้วเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ล่าสุดดาราสาว นุ้ย สุจิรา อรุณพิพัฒน์ วัย 31 ปี ก็ต้องโอดครวญอีกครั้งเมื่อล่าสุด ช่วงเวลาประมาณ 02.00 น. ของวานนี้ (2 สิงหาคม 2556) ได้มีคนร้ายบุกเข้ามางัดบ้านของเธอที่ เขตลาดพร้าว กรุงเทพฯ ซ้ำอีกครั้ง

          และนั่นทำให้ นุ้ย สุจิรา ถึงกับออกมากรีดร้องผ่านอินสตราแกรม ว่า "กรี๊ด!!!!!ช่วงนี่มีเสน่ห์กับโจรเหลือเกินกุมภาโดนงัดรถ วันนี้!!!!!ตี2โดนงัดบ้านเข้ามาเอาทรัพย์สินอีกแล้วววววววววววววววมะไหวละน้าาาาาาาา" พร้อมกับโพสต์ภาพคนร้ายที่กล้องวงจรปิดสามารถบันทึกไว้ได้ด้วย

          โดย นุ้ย สุจิรา เผยถึงเหตุที่เกิดขึ้นว่า ในตอนนั้นคนร้ายปีนจากบ้านอีกหลัง หนึ่งลงมาที่บ้านตน และงัดเข้าทางประตูหลังบ้าน ก่อนจะรื้อค้นทรัพย์สินในบ้าน กวาดเงินสดไป 3 พันกว่าบาท รวมถึงไอแพดและบัตรเอทีเอ็ม รวมมูลค่าความเสียหายทั้งหมด 40,000 บาท จนกระทั่งช่วงเช้าคนในบ้านตื่นมาเห็นร่องรอยถูกรื้อค้น จึงรีบโทรศัพท์แจ้งตำรวจ สน.โชคชัย ทันที

          อย่างไรก็ตาม นุ้ย สุจิรา เผยว่าบ้านหลังนี้ตนก็คงอยู่อีกไม่นาน เพราะหลังแต่งงานก็คงย้ายบ้านไป ขณะที่ทางตำรวจ หลังได้รับแจ้งเหตุก็ได้นำตู้แดงมาติดไว้หน้าบ้านเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำอีกแล้ว และจะเพิ่มสายตรวจให้มากขึ้นเพราะบริเวณย่านเสนานิคมเป็นซอยเปลี่ยวและเกิดเหตุบ่อยครั้ง ส่วนตัวเองก็รู้สึกตกใจ เนื่องจากเหตุลักทรัพย์บริเวณบ้านได้เกิดขึ้นเป็นครั้งที่ 2 แล้ว ภายในระยะเวลาไม่ถึง 6 เดือน หลังจากนี้คงเตรียมติดเหล็กดัดเพิ่มเติมเพื่อป้องกันการโจรกรรมทรัพย์สิน

          และคืบหน้าล่าสุด พล.ต.ต.ปริญญา จันทร์สุริยา รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ได้เผยว่า จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดของบ้าน นุ้ย สุจิรา พบคนร้ายเป็นชายอายุไม่เกิน 25 ปี ซึ่งใช้มีดกรีดมุ้งลวดข้างประตูห้องครัว แล้วลอดตัวเข้าผ่านช่องเหล็กดัดเข้าไปในบ้าน โดยไม่ได้มีการเข้าไปทำร้ายร่างกายบิดาของ นุ้ย สุจิรา ซึ่งนอนอยู่ชั้นล่างของบ้านแต่อย่างใด โดยทางตำรวจระบุว่า ภาพที่ได้จากกล้องวงจรปิดค่อนข้างชัดเจน สามารถเห็นใบหน้าของคนร้าย จึงคาดว่า จะสามารถติดตามตัวคนร้ายได้ไม่ยาก และสันนิษฐานว่า คนร้ายอาจอยู่ใกล้เคียงบ้านของผู้เสียหาย

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก ไอเอ็นเอ็น และ -http://www.siamdara.com/hotnews/130803_15011.html-





หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ สิงหาคม 04, 2013, 07:18:26 am
รายการบางอ้อ ชวนไขปริศนา ไข่ถอนคุณไสย-พลังเหล็กไหล-มักกะลีผล
-http://drama.kapook.com/view67878.html-

(http://img.kapook.com/u/thitima/education/Untitled-6_15.jpg)

(http://img.kapook.com/u/thitima/food/Untitledd-5.jpg)

(http://img.kapook.com/u/thitima/food/Untitled-6.jpg)



เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก รายการบางอ้อ โพสต์โดย คุณ jessadad สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม

            เรื่องไสยศาสตร์ ถือเป็นความเชื่อที่อยู่คู่สังคมไทยมาช้านาน แต่บางครั้งสิ่งเหล่านั้นอาจพิสูจน์ได้ด้วยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ดังนั้น รายการบางอ้อ ทางโมเดิร์นไนน์ทีวี จึงได้รวบรวมเรื่องราวความเชื่อ ที่ทำให้หลายคนต้องตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ มาตีแผ่ข้อเท็จจริง เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบ ซึ่งประกอบด้วย 3 เรื่อง ดังนี้


 เรื่องที่ 1 การใช้ไข่ไก่ถอนคุณไสย เพื่อให้หายจากโรคภัยไข้เจ็บ

(http://img.kapook.com/u/thitima/education/Untitled-5_17.jpg)

            มีตำหนักทรงหลายแห่งที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อหลอกลวงทรัพย์สินจากประชาชน โดยอ้างว่าสามารถใช้ไข่ไก่ถอนคุณไสยที่ทำให้เจ็บป่วย จนผู้คนจำนวนมากหลงเชื่อ และคิดว่าเป็นเรื่องจริง ซึ่งตำหนักทรงเหล่านี้เริ่มขยายตัวเป็นธุรกิจมากขึ้น เห็นได้จากการที่ทุกอย่างมีค่าใช้จ่าย โดยผู้ที่แวะเวียนมาอย่างน้อยต้องเสียค่าใช้จ่ายไม่ต่ำกว่า 300 บาท หากรวมค่ารักษาด้วย คิดเป็นเงินประมาณ 3,000-5,000 บาท ซึ่งในแต่ละวันจะมีชาวบ้านมารักษาอาการเจ็บป่วยไม่ต่ำกว่า 20 คน ทำให้รายรับในแต่ละเดือนไม่น่าจะต่ำกว่า 100,000 บาท

(http://img.kapook.com/u/thitima/food/Untitled-7.jpg)

(http://img.kapook.com/u/thitima/education/Untitled-9_11.jpg)

             สำหรับการรักษาโรค โดยนำไข่มาคลึงตามร่างกายเพื่อถอนคุณไสยนั้น ไม่ใช่เรื่องใหม่ ซึ่งวิธีทำก็ไม่ยาก หากรู้เคล็ดลับในการทำให้ไข่อ่อนตัว หรือรู้วิธีการเจาะไข่ไก่ ก็สามารถใส่สิ่งแปลกปลอมเข้าไป ในไข่ได้อย่างง่ายดาย ด้วยอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น สก็อตเทปใส เข็มฉีดยา คัตเตอร์ และสิ่งของ เช่น ตะปู เส้นผม สีผสมอาหาร เพื่อทำเลือดและน้ำหนองปลอม ส่วนขั้นตอนในการทำไข่ไก่ถอนคุณไสยมีดังนี้

(http://img.kapook.com/u/thitima/food/Untitled-11.jpg)

            1. นำสก็อตเทปใสติดตรงไข่ไก่ในบริเวณที่จะเจาะรู

(http://img.kapook.com/u/thitima/food/Untitled-12.jpg)

            2. นำหลอดเข็มฉีดยาขนาดใหญ่ดูดสีที่ผสมไว้ แล้วฉีดเข้าไปในไข่ หรือนำสิ่งของยัดลงไป

(http://img.kapook.com/u/thitima/education/Untitled-13_9.jpg)

            3. ปิดรูที่เจาะไว้ด้วยน้ำตาเทียน แล้วเขียนลายอักขระทับลงไป เพียงเท่านี้ก็เสร็จแล้ว

บางอ้อแฉไสยศาสตร์ เสกตะปูเข้าไข่รักษาโรค (http://www.youtube.com/watch?v=9lSyYjrswuE#)
-http://www.youtube.com/watch?v=9lSyYjrswuE-

บางอ้อแฉไสยศาสตร์ เสกตะปูเข้าไข่รักษาโรค (http://www.youtube.com/watch?v=9lSyYjrswuE#)
คลิป บางอ้อแฉไสยศาสตร์ เสกตะปูเข้าไข่รักษาโรค : เครดิตรายการบางอ้อ
โพสต์โดย คุณ jessadad สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม


เรื่องที่ 2 การโชว์อานุภาพของเหล็กไหล ด้วยการจุ่มมือในน้ำกรด

(http://img.kapook.com/u/thitima/food/Untitled-5.jpg)

            ทางรายการเล่าว่า วัดแห่งหนึ่งใน จ.ขอนแก่น อ้างว่า มีเครื่องรางของขลังศักดิ์สิทธิ์ เป็นเหล็กไหลอัคนีที่มีสรรพคุณคุ้มครอง แคล้วคลาด รวมถึงอานุภาพทำให้หนังเหนียว และหากใครอยากลอง ก็เพียงแค่ตั้งจิตอธิษฐาน แล้วกำเหล็กไหลเอาไว้ในมือหนึ่งข้าง เพียงเท่านี้ก็สามารถจุ่มมือลงไปในน้ำกรดที่มีความรุนแรงขนาดทำให้ก้านไม้ขีดธรรมดาติดไฟได้ โดยไม่เป็นอันตรายใด ๆ

(http://img.kapook.com/u/thitima/education/Untitled-6_16.jpg)

            ถึงแม้ว่า เรื่องดังกล่าวจะดูน่าอัศจรรย์ แต่แท้จริงแล้วสามารถอธิบายได้ด้วย หลักทางวิทยาศาสตร์ ซึ่ง ผศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ให้ข้อสังเกตไว้ ดังนี้

(http://img.kapook.com/u/thitima/education/Untitled-8_11.jpg)

            1. หากสำนักไหนโชว์อิทธิฤทธิ์ด้วยการจุ่มมือลงไปในกรด ที่เมื่อนำไปเทราดพื้นปูนแล้วกลายเป็นฟองฟู่ โดยที่มือไม่เป็นอะไรเลย แสดงว่า น้ำกรดดังกล่าวคือกรดไฮโดรคลอริกชนิดเจือจาง

(http://img.kapook.com/u/thitima/education/Untitled-7_12.jpg)

            2. หากสำนักไหนโชว์จุ่มไม้ขีดไฟลงไปในน้ำกรด แล้วไม้ขีดเกิดติดไฟขึ้นมา แสดงว่า น้ำกรดดังกล่าวเป็นกรดซัลฟูริกเข้มข้น ซึ่งกรดชนิดนี้จะทำปฏิกิริยากับมือที่แห้งสนิทได้ยากกว่ากับผ้าหรือกระดาษ จึงเห็นได้ว่า เมื่อใช้มือจุ่มลงไปในน้ำกรด แล้วนำมาป้ายที่ผ้าชนิดต่าง ๆ จะทำให้ผ้ามีรอยไหม้สีดำและทะลุเป็นรู แต่ถ้ารีบล้างมือโดยเร็วก็จะไม่มีร่องรอยอะไรให้เห็นเลย

            ทั้งนี้ ทางรายการได้ย้ำว่า ถึงจะรู้ในหลักการดังกล่าวแล้ว แต่น้ำกรดถือเป็นสารอันตราย ดังนั้นจึงไม่ควรนำมาทดลองด้วยตนเองอย่างเด็ดขาด


บางอ้อแฉไสยศาสตร์ หนังเหนียวจุ่มน้ำกรด (http://www.youtube.com/watch?v=GM_1hgvD1zk#)
-http://www.youtube.com/watch?v=GM_1hgvD1zk-

บางอ้อแฉไสยศาสตร์ หนังเหนียวจุ่มน้ำกรด (http://www.youtube.com/watch?v=GM_1hgvD1zk#)
คลิป บางอ้อแฉไสยศาสตร์ หนังเหนียวจุ่มน้ำกรด : เครดิตรายการบางอ้อ
โพสต์โดย คุณ jessadad สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม



เรื่องที่ 3  ความเชื่อเรื่อง มักกะลีผล ช่วยให้ชีวิตเจริญรุ่งเรือง

(http://img.kapook.com/u/thitima/education/Untitled-5_18.jpg)

            จากความเชื่อที่ว่า นารีผล หรือ มักกะลีผล เป็นผลไม้ในตำนาน มาจากดินแดนเร้นลับอย่างป่าหิมพานต์ ที่จะส่งผลให้การค้าขายเจริญรุ่งเรือง สมหวังในเรื่องความรัก และช่วยเรื่องหน้าที่การงาน จึงมีการนำมักกะลีผลมาทำเป็นเครื่องรางของขลัง หรือวัตถุมงคล เพื่อบูชาและจำหน่าย เป็นจำนวนมาก

(http://img.kapook.com/u/thitima/education/Untitled-8_12.jpg)

            แต่การตามหามักกะลีผลนั้น ไม่ยากอย่างที่คิด เพราะมีวางขายอยู่ทั่วไป โดยแม่ค้ารายหนึ่ง เผยว่า จำหน่ายมักกะลีผลในราคา คู่ละ 800 บาท ซึ่งตนเองรับมักกะลีผลดังกล่าวมาจากต่างจังหวัดอีกทอดหนึ่ง หรือบางรายอ้างว่า มีการนำเข้ามาจากประเทศลาว และจากคำบอกเล่าต่าง ๆ เหล่านั้น ทำให้มักกะลีผล กลายเป็นวัตถุมงคลที่ได้รับความนิยม จนมีวางขายเป็นจำนวนมากในขณะนี้

(http://img.kapook.com/u/thitima/education/Untitled-9_12.jpg)

            อย่างไรก็ตาม ผศ.ดร.เจษฎา ได้วิเคราะห์ไว้ว่า มักรีผลที่วางขายอยู่ทั่วไป ตรงกลางเนื้อในจะมีแกนและแบ่งเป็นห้อง ๆ เหมือนพืชในกลุ่มบวบ ซึ่งเนื้อของบวบประกอบด้วยเส้นใยจำนวนมากจึงทำให้มีความคงทนแข็งแรง ทั้งนี้ เมื่อดูจากลักษณะภายนอกของมักกะลีผล คาดว่า น่าจะมีการทำแม่พิมพ์ขึ้นมา แล้วนำมาประกบกับผลบวบ ดูได้จากการที่มักรีผลมีแนวสันตามลำตัวชัดเจน

            หลังจากมีการใช้แม่พิมพ์ทำให้ผลบวบเจริญเติบโตตามรูปทรงที่ต้องการแล้ว จากนั้นจะมีการนำไปตากแห้ง หรืออบแห้ง ก่อนแกะสลักและลงสีอีกนิดหน่อยเพื่อเพิ่มความขลัง ซึ่งการใช้แม่พิมพ์ปรับเปลี่ยนรูปทรงของผลไม้หรือพืชนั้น ก็เป็นกรณีเดียวกับที่ในต่างประเทศ มีการทำแตงโมเป็นรูปทรงสามเหลี่ยมหรือสี่เหลี่ยมนั่นเอง

            อย่างไรก็ดี ทางรายการได้สรุปไว้ว่า บางเรื่องอาจจะใช้หลักทางวิทยาศาสตร์มาอธิบายได้ แต่บางเรื่องก็ยากเกินกว่าจะหาข้อพิสูจน์ ซึ่งสาเหตุที่รายการบางอ้อรวบรวมเรื่องศาสตร์ลวงโลกมาเปิดเผยในครั้งนี้ เพื่อให้เป็นอีกแง่มุมหนึ่ง ซึ่งผู้ชมจะได้ใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจ และทำให้รู้เท่าทันพวกมิจฉาชีพนั่นเอง


บางอ้อแฉไสยศาสตร์ มักรีผล นารีผล หรือผลบวบ (http://www.youtube.com/watch?v=pzq3Eh01sTM#)
-http://www.youtube.com/watch?v=pzq3Eh01sTM-

บางอ้อแฉไสยศาสตร์ มักรีผล นารีผล หรือผลบวบ (http://www.youtube.com/watch?v=pzq3Eh01sTM#)
คลิป บางอ้อแฉไสยศาสตร์ มักกะลีผลนารีผล หรือผลบวบ : เครดิตรายการบางอ้อ
โพสต์โดย คุณ jessadad สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม


http://drama.kapook.com/view67878.html (http://drama.kapook.com/view67878.html)

.
หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ สิงหาคม 09, 2013, 07:49:44 pm
ตำรวจมีเหตุผล แต่ผมมีกล้อง พกกล้องไว้อุ่นใจกว่าจริงๆ
-http://world.kapook.com/pin/5204ae2238217a8e5d000000-


ตร.มีเหตุผล (http://www.youtube.com/watch?v=VUDu6MOv4Po#ws)

ตร.มีเหตุผล (http://www.youtube.com/watch?v=VUDu6MOv4Po#ws)
-http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=VUDu6MOv4Po-

คลิป ตำรวจมีเหตุผล แต่ผมมีกล้อง งานนี้เลยรอดใบสั่งไปได้อย่างหวุดหวิด คลิปนี้เป็นภาพเจ้าของคลิปขี่มอเตอร์ไซค์ แล้วโดนตำรวจเรียกครับ พี่ตำรวจเขาหาว่า เจ้าของคลิปขี่ขวามาตลอด ไม่ยอมเข้าซ้าย จะแจกใบสั่ง เจ้าของคลิปเลยต้องอธิบายยกใหญ่ว่า มันไม่ใช่แบบนั้น!! ผมไม่ได้ทำแบบนั้น!! ถกเหตุผลกันอยู่ตั้งนาน ไม่ยอมเชื่อ สุดท้ายเจอไม้ตาย " ผมมีกล้อง " มีหลักฐาน ไม่เชื่อดูพี่ตำรวจดูสิ เข้าไปพี่ตำรวจจินตนาการภาพออก มีเหตุผลทันที เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า พกกล้องไว้เถิด มันอุ่นใจกว่าจริงๆ
หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ สิงหาคม 11, 2013, 10:45:54 am
ระวัง! มิจฉาชีพแฮกเฟซบุ๊ก หลอกยืมเงินเพื่อนเหยื่อ
-http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNM05qQTNOVEk1TkE9PQ==&sectionid=-

(http://javascript:WindowOpen('show_image.html?image=online/2013/08/13760752941376075317l.jpg','700','525');)

(http://www.khaosod.co.th/view_resizing_images.php?filename=online/2013/08/13760752941376075317l.jpg&width=260&height=260)

ทอล์คสตอรี่ : มิจฉาชีพแบบใหม่! แฮกบัญชีเฟซบุ๊ก สวมรอยหลอกยืมเงินเพื่อน หลังตรวจสอบบัญชีที่ถุกโอน เจออีกเพียบ

ผู้สื่อข่าวรายงาน มีมิจฉาชีพลงมือก่อเหตุในโซเชียลเน็ตเวิร์ก โดยการลักลอบเข้าไปในเฟซบุ๊กส่วนตัวของผู้เสียหาย ก่อนขอยืมเงินจากเพื่อน โดยนางนัทชา กีระติสุนทร ชาว จ.เชียงราย เล่าว่า มีคนลักลอบใช้บัญชีเฟซบุ๊กของเพื่อนตน คือ นางมาลี กุมภัณฑ์ ชาว อ.ขุนตาล มาโพสต์ข้อความขอยืมเงินเป็นจำนวน 3,000 บาท โดยอ้างว่ากำลังเดือดร้อน

ตนเห็นใจเพื่อนและไม่กล้า ถามเหตุผล แต่เพราะยังติดงานอยู่ จึงโทรศัพท์ไปหา นางโชติกา ดวงศิริ เพื่อนอีกคนหนึ่ง ซึ่งบ้านอยู่ใกล้ตู้เอทีเอ็ม ให้ช่วยโอนเงินก่อน โดยบัญชีดังกล่าวเป็นบัญชีออมทรัพย์ธนาคารกสิกรไทย ต่อมา เมื่อนางโชติกาโอนเงินเสร็จแล้ว ตนจึงสอบถามนางมาลีทางเฟซบุ๊กว่า ได้รับเงินหรือยัง แต่ปรากฏว่า นางมาลี ไม่ตอบกลับมาอีกเลย จนกระทั่งมาทราบความจริง

ทางด้านนางมาลี กล่าวว่า ตนไม่ได้ใช้เฟซบุ๊กมานานกว่า 2 เดือน จนกระทั่งทราบเรื่องจากเพื่อนว่า มีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น โดยปกติพวกเพื่อนในกลุ่ม ก็จะใช้คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะกัน จึงไม่น่าจะมีคนเข้าไปแฮกเอารหัสหรือพาสเวิร์ดได้ ตนเลยคาดว่า คนร้ายน่าจะเป็นพวกมิจฉาชีพที่ทำกันเป็นขบวนการและมีความสามารถด้านการแฮกข้อมูลทางอินเทอร์เน็ต

โดยหลังเกิดเหตุได้สอบถามไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจจนทราบว่า คดีดังกล่าวสามารถสืบสวนสอบสวนเพื่อคลี่คลายคดีได้ แต่ต้องมีการแจ้งความ พวกตนจึงตัดสินใจไม่แจ้งความ เพราะวงเงินน้อย และเกรงว่าจะเสียเวลา รวมทั้งเสียค่าคดีความ

แต่เมื่อตรวจสอบผ่านธนาคาร พบว่า ผู้เปิดบัญชีชื่อที่โอนเข้าไป ได้เปิดบัญชีที่ จ.สุราษฎร์ธานี และที่ผ่านมามีวงเงินที่ถูกโอนเงินเข้าคราวละ 500-3,000 บาท อย่างน่าสงสัย

ทั้งหมดยืนยันว่า แม้วงเงินที่ถูกมิจฉาชีพโกงไปจากวิธีการดังกล่าวจะไม่มากนัก แต่เกรงว่าคนอื่น ที่เล่นเฟซบุ๊กหรือโซเชียลเน็ตเวิร์กอาจถูกกระทำเช่นนี้ จนได้รับผลกระทบหนัก จึงขอให้ทางสื่อมวลชนได้นำเสนอข่าวเพื่อแจ้งเตือนคนในสังคมด้วย
หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ สิงหาคม 12, 2013, 09:00:43 am
โดนใบสั่ง ไม่ไปจ่ายค่าปรับ จะเป็นอย่างไร!?!

-http://auto.sanook.com/5720/%E0%B9%82%E0%B8%94%E0%B8%99%E0%B9%83%E0%B8%9A%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%87-%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B9%84%E0%B8%9B%E0%B8%88%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%84%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A-%E0%B8%88%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%84%E0%B8%A3/-


มีข้อถกเถียงสงสัยกันมานานแล้วว่าเมื่อได้รับใบสั่งให้ไปชำระค่าปรับ เวลาทำผิดกฎจราจร เช่น ขับรถฝ่าสัญญาณไฟ จอดรถในที่ห้ามจอด ตรวจจับความเร็ว ฯลฯ โดนใบสั่งแบบนี้ถ้าไม่ไปจ่ายจะเป็นไรไหม? ขยำใบสั่งทิ้งได้หรือเปล่า? วันนี้ Dealfish หาคำตอบมาให้

ถ้าไม่ไปชำระค่าปรับตามที่ระบุไว้ในใบสั่ง โดยไม่มีเหตุอันควร ถือได้ว่าเป็นการฝ่าฝืนไม่ไปชำระค่าปรับตามใบสั่ง มีความผิดอีกข้อหาหนึ่ง ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท (มาตรา 155 พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ) นอกจากนี้พนักงานสอบสวนมีอำนาจจัดการกับผู้ขับขี่หรือเจ้าของรถตามมาตรา 141 ทวิ ดังนี้

1. พนักงานสอบสวนมีอำนาจออกหมายเรียกผู้ขับขี่หรือเจ้าของรถให้ไปรายงานตัวต่อพนักงานสอบสวนตามสถานที่ วัน และเวลาที่ระบุในหมายเรียกนั้น แล้วพนักงานสอบสวนจะเปรียบเทียบปรับตามกฎหมาย

2. ถ้าพนักงานสอบสวนใช้อำนาจออกหมายเรียกผู้ขับขี่หรือเจ้าของรถให้ไปรายงานตัวต่อพนักงานสอบสวนแล้วส่งหมายเรียกไม่ได้ พนักงานสอบสวนจะแจ้งไปยังนายทะเบียนรถหรือนายทะเบียนขนส่งทางบกให้งดรับชำระภาษีประจำปีสำหรับรถคันนั้นไว้เป็นการชั่วคราว จนกว่าผู้ได้รับใบสั่งจะมาพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียกและชำระค่าปรับให้เรียบร้อยเสียก่อน พนักงานสอบสวนจึงจะแจ้งไปยังนายทะเบียนให้ทราบเพื่อให้ผู้นั้นชำระภาษีประจำปีสำหรับรถนั้นต่อไป

ดังนั้น เมื่อคุณทำผิดกฎจราจร หรือได้รับใบสั่ง คุณก็มีหน้าที่ต้องไปชำระค่าปรับที่สถานีตำรวจในเขตท้องที่และภายในกำหนดเวลาที่ระบุไว้ ซึ่งปกติแล้วก็มักจะไม่เกิน 7 วัน หรือถ้าใครไม่สะดวกไปจ่ายเองก็อาจจะชำระทางไปรษณีย์ก็ได้ ส่วนกรณีโดนยึดใบขับขี่ไว้ ก็ให้ใช้ใบรับแทนใบขับขี่ไปพลางก่อน เมื่อไปชำระค่าปรับแล้วตำรวจก็จะคืนใบขับขี่ให้

หลายคนคิดว่าไม่ต้องไปจ่ายหรอก ข้อมูลคงไม่ถึง อันนี้ขอแนะนำว่าอย่าเสี่ยงเลยจะดีกว่า นอกจากจะไม่สามารถต่อทะเบียนรถยนต์ได้แล้ว ยังต้องอาจต้องโทษปรับเพิ่มขึ้นด้วย สรุปให้สั้นๆ นั่นคือ ทำให้ถูกต้องดีกว่าจะได้ไม่มีปัญหาภายหลัง...
หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ สิงหาคม 12, 2013, 06:17:53 pm
สคบ.คุมถังแก๊สติดรถยนต์
วันจันทร์ที่ 12 สิงหาคม 2556 เวลา 10:09 น.
-http://www.dailynews.co.th/businesss/225463-


(http://www.dailynews.co.th/sites/default/files/imagecache/620x245/cover/225463.jpg)
ผนึกขนส่งพลังงานลุยตรวจ หวั่นเอกชนโฆษณาเกินจริง

นายจิรชัย มูลทองโร่ย เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เปิดเผยว่า ในสัปดาห์นี้ สคบ.เตรียมหารือกับกรมการขนส่งทางบก กระทรวงพลังงาน และหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง เพื่อตรวจสอบกรณีผู้ประกอบการที่ให้บริการติดตั้งถังแก๊สแอลพีจี และเอ็นจีวีในรถยนต์ว่ามีคุณภาพหรือไม่ เพราะเมื่อเร็ว ๆ นี้ ได้รับร้องเรียนจากผู้บริโภคว่า ปัจจุบันสถานที่ติดตั้งถังแก๊สหลายแห่งอาจรับติดตั้งแก๊สโดยไม่มีมาตรฐานและปลอดภัย เห็นได้จากเหตุการณ์รถยนต์เกิดเพลิงไหม้อยู่บ่อยครั้ง และส่วนใหญ่ก็เป็นรถยนต์ที่ติดตั้งแก๊สเกือบทั้งหมด ดังนั้นจึงต้องเข้ามาตรวจสอบเพื่อสร้างความมั่นใจให้ผู้บริโภค

ทั้งนี้จากการตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้น ร้านที่ติดตั้งส่วนใหญ่มักโฆษณา โดยอ้างว่า ร้านนี้ติดตั้งแล้วปลอดภัย มั่นใจได้ พร้อมระบุด้วยว่าได้รับการรับรองจากหน่วยงานภาครัฐอย่างถูกต้อง แต่ก็ยังไม่ได้รับการตรวจสอบอย่างแน่ชัดว่า มีใบรับรองจากภาครัฐจริงหรือไม่ ขณะเดียวกันอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ใช้ติดตั้งจะมีคุณภาพตรงตามมาตรฐานที่กำหนดไว้ด้วยหรือไม่ โดยภายหลังจากเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาหารือ เพื่อพิจารณาข้อมูลร่วมกันแล้ว ต่อไปจะลงพื้นที่ตรวจสอบร้านที่ติดตั้งอีกครั้ง

“ตอนนี้มีเสียงเรียกร้องมาเป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่ได้โฆษณากันว่า ติดตั้งแก๊สที่นี่แล้วปลอดภัย แต่ไม่รู้ว่าได้รับการตรวจสอบมาตรฐานจากภาครัฐจริงตามที่อ้างหรือไม่ และถ้าเกิดติดตั้งไปแล้ว เกิดอุบัติเหตุขึ้น แล้วใครจะรับผิดชอบ ซึ่งผู้บริโภคได้สะท้อนความกังวลเรื่องนี้มาขอให้ สคบ.ช่วยเข้ามาตรวจสอบ คาดว่า ในการหารือครั้งนี้คงจะได้ข้อมูลมากขึ้น เช่น มีผู้ประกอบการรายใดที่เปิดร้านถูกต้องได้รับการรับรองจากหน่วยงานรัฐ มีที่ใดบ้างที่มีความเสี่ยง และอุปกรณ์ที่ติดตั้งมีมาตรฐานต้องใช้ลักษณะอย่างไร หากได้ข้อมูลและลงไปตรวจสอบพบว่า ผู้ประกอบการรายใดไม่มีมาตรฐาน จะถือว่าเป็นการกระทำความผิด และต้องได้รับโทษตามกฎหมายของหน่วยงานที่กำกับดูแลแล้วทันที”

อย่างไรก็ตามนอกจากการหารือกับหน่วยงานภาครัฐแล้ว สคบ.ยังเตรียมเชิญผู้ประกอบการจากสมาคมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง มารับฟังข้อมูลด้วย เชื่อว่า คงเป็นช่วงหลังจากได้ลงพื้นที่ไปแล้ว โดยการดำเนินการดังกล่าว จะช่วยควบคุมธุรกิจการติดตั้งแก๊สในรถยนต์ที่มีอยู่เป็นจำนวนมากในปัจจุบัน เพราะผู้ประกอบการมักโฆษณาแข่งขันกันว่า ติดตั้งร้านนี้แล้วราคาถูก แต่ไม่ได้ดูว่าราคาถูกแล้ว ผู้บริโภคจะได้รับของที่มีคุณภาพหรือไม่

นายจิรชัย กล่าวว่า หาก สคบ.ได้ลงพื้นที่และได้ตรวจสอบข้อมูลของผู้ประกอบการเรียบร้อยแล้ว พบว่า ผู้ประกอบการรายใดดำเนินธุรกิจได้อย่างถูกต้องตามกฎระเบียบ ได้รับการรับรองมาตรฐานเป็นลายลักษณ์อักษรจากหน่วยงานที่ดูแลอย่างชัดเจน สคบ.จะพิจารณามอบตราสัญลักษณ์ของ สคบ. เพื่อแสดงให้ผู้บริโภคทราบว่า หากมาใช้บริการที่นี่แล้วมั่นใจได้ว่า ไม่เอาเปรียบผู้บริโภคอย่างแน่นอน

สำหรับเรื่องของการควบคุมธุรกิจรับติดตั้งแก๊สนั้น จะยังไม่ได้เป็นหนึ่งในธุรกิจที่ สคบ.ได้จัดระเบียบเป็นธุรกิจที่ควบคุม แต่ในอนาคตจะพิจารณาให้ธุรกิจดังกล่าวบรรจุเข้ามาเป็นธุรกิจที่ได้รับการควบคุมด้วย เพราะที่ผ่านมามีเพียงธุรกิจรถยนต์ใหม่ รถยนต์มือสอง ธุรกิจซ่อมรถยนต์ และธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์ เท่านั้นที่ได้รับการควบคุม ซึ่งจะติดตราสัญลักษณ์ สคบ.แสดงไว้บนสินค้าหรือบริการที่มีการรับประกันความปลอดภัยให้ผู้บริโภค หากผู้บริโภคไม่ได้รับความเป็นธรรม หรือได้รับความเสียหายจากการบริโภคสินค้าที่มีตราสัญลักษณ์ของ สคบ. สามารถขอรับค่าชดใช้ความเสียหายจากบริษัทผู้ประกันภัยได้ทันที.
หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ สิงหาคม 14, 2013, 10:23:36 pm
ซวย ! นักศึกษาหนุ่ม ขี่ จยย. กิ่งไม้ใหญ่หล่นใส่หัวสลบ
-http://hilight.kapook.com/view/89785-

(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/pichaya/hot%20news/472481-01.jpg)

(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/pichaya/hot%20news/472481-02.jpg)


กิ่งไม้หล่นใส่หัวน.ศ.สลบ แม่ค้าหวยช่วยทัน (ไอเอ็นเอ็น)
 
          นักศึกษา ม.แม่ฟ้าหลวง ดวงซวย กิ่งไม้สักหล่นใส่หัวขณะขับขี่รถจักรยานยนต์ไปรับเพื่อน จนหมดสติ โชคดี แม่ค้าขายหวยช่วยได้ทัน

          วันที่ 14 สิงหาคม 2556 เจ้าหน้าที่กู้ภัยศิริกรณ์เชียงรายบรรเทาสาธารณภัย ได้รับแจ้งว่า มีเหตุกิ่งไม้ขนาดใหญ่ตกใส่ผู้ที่ขับขี่รถจักรยานยนต์ได้รับบาดเจ็บ บนถนนพหลโยธิน บ้านป่ากล้วย ต.สันทราย อ.เมือง จ.เชียงราย จึงทำการตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบรถจักรยานยนต์ฮอนด้า เวฟ สีบรอนซ์ หมายเลขทะเบียน กษข 37 ยะลา ล้มอยู่ข้างถนน เสียหายเล็กน้อย มีหมวกกันน็อกของผู้ขับขี่ตกอยู่สภาพแตกออกเป็น 2 ชิ้น และมีแม่ค้าขายสลากกินแบ่งรัฐบาลกำลังช่วยประคองชายวัยรุ่นในชุดนักศึกษาที่นอนสลบอยู่ข้างทาง เนื่องจากถูกกิ่งไม้สักขนาดใหญ่ หักจากต้นลงมาใส่ศีรษะคนขับรถจักรยานยนต์ และทำให้รถล้ม ทราบชื่อคือ นายต่วน ยุทธสลี ชาวยะลา อายุ 21 ปี เป็นนักศึกษา มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงเชียงราย คณะศิลปศาสตร์ ภาษาอังกฤษ ชั้นปีที่ 4

          นายต่วน กล่าวว่า ตนขับขี่รถจักรยานยนต์มาจาก มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง จะไปรับเพื่อนที่สถานีขนส่ง จนมาถึงที่เกิดเหตุเหมือนมีสิ่งของหล่นลงมาใส่ศีรษะ โชคดีที่ตนสวมหมวกกันน็อกอยู่ รถเสียหลักล้มลงและหมดสติไม่รู้สึกตัว จนมาทราบว่า แม่ค้าสลากกินแบ่งรัฐบาลข้างทางปลุกให้ตื่น จึงรู้ว่าตนถูกกิ่งไม้สักขนาดใหญ่หล่นใส่ ทั้งนี้ กิ่งไม้ที่หักลงมา คาดว่าจะผุกร่อนจากฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา และเมื่อมีลมพัดจึงทำให้กิ่งไม้หักได้ง่าย


ไอเอ็นเอ็น
หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ สิงหาคม 14, 2013, 10:33:12 pm
ไทยจ่อซิวแชมป์อุบัติเหตุ อึ้ง! ขยับจากอันดับ 6 ขึ้นที่ 3 ของโลก
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์    14 สิงหาคม 2556 18:42 น.
-http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9560000101136-


  ไทยจ่อซิวแชมป์อุบัติเหตุทางถนน หลังขยับจากอันดับ 6 เมื่อปี 2555 ขึ้นเป็นอันดับ 3 ในปี 2556 พบเสียชีวิตมากถึง 38.1 คนต่อประชากรแสนคน สคอ.เร่งกระตุ้นคนไทยรักษาวินัยจราจร พร้อมจัดประชุมหาแนวทางแก้ไขเสนอมาตรการแก้ปัญหาระดับชาติ

   
       วันนี้ (14 ส.ค.) ที่โรงแรมทับขวัญ รีสอร์ทแอนด์สปา จ.นนทบุรี นพ.พรหมมินทร์ กัณธิยะ ผู้อำนวยการสำนักงานเครือข่ายลดอุบัติเหตุ (สคอ.) กล่าวในการประชุมเสริมสร้างความร่วมมือ เครือข่ายสื่อสารประชาสัมพันธ์เพื่อความปลอดภัยทางถนนครั้งที่ 5 ว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) กำหนดให้ ปี 2554-2563 เป็นปีแห่งความปลอดภัยทางถนน และกำหนดให้เป็นวาระแห่งชาติ ตั้งเป้าลดอัตราผู้เสียชีวิตให้ต่ำกว่า 10 คนต่อประชากรหนึ่งแสนคนในปี 2563 ซึ่งทางศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน (ศปถ.) และภาคีเครือข่ายได้เร่งรณรงค์และประชาสัมพันธ์ เพื่อหวังลดอัตราการเสียชีวิตอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ องค์การอนามัยโลกด้านการป้องกันอุบัติเหตุ ได้เปิดเผยรายงานความปลอดภัยทางถนนของโลก 2556 ว่า อัตราผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนของไทยสูงเป็นอันดับ 3 ของโลก เสียชีวิตถึง 38.1 คนต่อประชากรหนึ่งแสนคน เหตุเมาแล้วขับ ไม่สวมหมวกนิรภัย และหลับใน
       
       “สำหรับประเทศที่อยู่อันดับ 1 คือ ประเทศเกาะนีอูเอ เสียชีวิต 68.3 ต่อแสนประชากร ซึ่งทั้งประเทศมีประชากรเพียง 1,465 คนเท่านั้น ส่วนอันดับที่ 2 คือ สาธารณรัฐโดมินิกัน มีประชากร 9,927,320 คน มีอัตราผู้เสียชีวิต 41.7 ต่อแสนประชากร ส่วน 6 ประเทศที่สามารถลดจำนวนผู้เสียชีวิตได้อย่างน่าชื่นชม คือ ออสเตรเลีย แคนาดา ฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์ สวีเดน และอังกฤษ” นพ.พรหมมินทร์ กล่าว
       
       นพ.พรหมมินทร์ กล่าวอีกา สคอ.ได้ดำเนินงานขับเคลื่อนกระบวนการป้องกันอุบัติเหตุทางถนน โดยการประสานภาคีเครือข่ายสร้างการสื่อสารประชาสัมพันธ์อย่างเป็นระบบ ให้ข้อมูลกับสังคม สร้างกระแสให้เกิดการรับรู้ เกาะติดสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งต้องขอความร่วมมือไปยังเครือข่ายสื่อมวลชน ช่วยกระตุ้นร่วมกันสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัย ลดค่าใช้จ่าย ลดความสูญเสีย ให้กับสังคมไทย อย่างไรก็ตาม สคอ.จะนำข้อมูล ข้อเสนอแนะ และแนวทางการแก้ไขปัญหาที่ได้จากประชุม นำมาสรุป วิเคราะห์ และเสนอไปยังคณะกรรมการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน เพื่อผลักดันเป็นนโยบายและมาตรการการแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุระดับชาติต่อไป
       
       อนึ่ง ปี 2555 องค์การอนามัยโลกด้านการป้องกันอุบัติเหตุ เปิดเผยสถิติอุบัติเหตุของไทยพบว่าสูงเป็นอันดับ 6 ของโลก ด้านมูลนิธิเมาไม่ขับระบุว่า ปี 2555 ประเทศไทยมีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนเฉลี่ยปีละ 12,000 คน บาดเจ็บเฉลี่ยกว่า 1 ล้านคน ติดอันดับประเทศที่มีความเสี่ยงสูงเป็นอันดับ 5 ของโลก รองจาก บราซิล เคนยา อินเดีย และ กัมพูชา
       

หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ สิงหาคม 17, 2013, 08:00:39 am
บิณฑ์ เซ็ง ! ลุงร้องไห้ตามหาลูกเผ่นแนบ ที่แท้เป็นพวกมิจฉาชีพ
-http://hilight.kapook.com/view/89882-

(http://www.tairomdham.net/index.php?action=dlattach;topic=8971.0;attach=2177;image)

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์

            บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ เซ็ง ช่วยส่งลุงขี้เมาอ้างตามหาลูกสาวชื่อ วันเพ็ญ พุทธรักษา ขึ้นรถทัวร์กลับสุรินทร์ มารู้ทีหลังลุงขอโชเฟอร์ลงกลางทางก่อนเผ่นแนบ เชื่อ เป็นพวกมิจฉาชีพสร้างสถานการณ์ให้น่าสงสาร หวังตุ๋นพลเมืองดี เตือนใครเจออย่าช่วยเหลือ

            จากกรณีที่เมื่อวันก่อน บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ได้เข้าช่วยเหลือลุงเนียมที่นั่งร้องไห้อยู่หน้าที่ทำการไปรษณีย์พระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ โดยคุณลุงอ้างว่ากำลังตามหาลูกสาวชื่อ วันเพ็ญ พุทธรักษา ก่อนที่ภายหลังจะพบว่าลุงเนียมเป็นเพียงคนเมาเท่านั้น และไม่ได้มาตามหาลูกสาวจริง แต่ทางบิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ก็ยังใจดี ช่วยซื้อตั๋วรถทัวร์ให้ลุงเนียมได้นั่งกลับบ้านที่จังหวัดสุรินทร์ พร้อมกับฝากฝังคนขับรถทัวร์ให้ช่วยดูแลคุณลุงด้วย และยังควักเงินให้คุณลุงติดตัวไว้ใช้ 5,000 บาท ซึ่งลุงเนียมก็สัญญาว่าจะเลิกเหล้าแน่นอน ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

            ล่าสุดดูเหมือนว่าเรื่องจะกลับตาลปัตร เพราะเมื่อช่วงเช้าวันที่ 16 สิงหาคม 2556 บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ได้โพสต์ข้อความใน เฟซบุ๊กบิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ระบุว่า หลังจากคุณลุงเนียมได้ขึ้นรถทัวร์ที่สถานีขนส่งหมอชิตแล้วก็ได้โวยวายกับคนขับเพื่อขอลงกลางทางที่รังสิตทันที ก่อนจะหายตัวไป จึงคาดว่าลุงเนียมน่าจะเป็นพวกมิจฉาชีพที่สร้างสถานการณ์ให้ตัวเองดูน่าสงสาร เพื่อหลอกลวงพลเมืองดีที่เข้ามาช่วยเหลือก็เป็นได้ ซึ่งเรื่องนี้ทำให้ตนเสียความรู้สึกมาก ๆ ดังนั้น หากใครเจอคุณลุงก็อย่าเข้าไปช่วยเหลือ และต้องขอโทษที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น

            "สวัสดีครับเพื่อน ๆ..ผมขอชี้แจงเรื่องของนายเนียม ที่เมื่อวานก่อนผมดำเนินการเอาตัวลุงเนียม ส่งกลับบ้านที่สุรินทร์ เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม เวลา 23.10 น. เมื่อรถออกจากหมอชิต รถได้ขับเลยไปแค่รังสิต ลุงเนียมก็ขอลงทันที โดยบอกคนขับรถให้จอด แต่คนขับรถไม่จอด จึงโวยวาย คนขับรถจึงจอด และได้ขู่กับลุงว่าจะแจ้งให้ผมทราบก่อน แต่ก็ไม่ได้ผล คนขับก็เกรงใจผู้โดยสารท่านอื่น จึงเปิดประตูรถให้ลงไป ทันทีที่ลงจากรถก็วิ่งอย่างเร็วหายไปเลยครับ..."

            "ถ้าท่านใดเจอ อย่าให้การช่วยเหลือนะครับ ผมว่าน่าจะเป็นการสร้างสถานการณ์การสงสารเผื่อให้คนเห็นใจ เพราะวันนั้นมีพยาบาลบอกแล้วว่าเขาหากินอยู่ในกรุงเทพฯ เข้าออกโรงพยาบาลหลายครั้ง เพราะมีพลเมืองดีมาส่ง แกล้งเป็นลม แล้วร้องไห้ให้คนสงสาร ผมเองก็เสียความรู้สึกมาก ๆ กับการกระทำของลุงคนนี้ ใครเจออย่าช่วยเหลือนะครับ เพราะลุงยังมีเงินอยู่อีก 5,000 บาท ต้องขอโทษจริง ๆ ครับผมก็ไม่คิดว่าจะเป็นแบบนี้"

(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/fontip/etc3/1185292_605300599522929_843808035_n.jpg)

(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/fontip/etc3/Bin.jpg)
หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ สิงหาคม 17, 2013, 09:06:38 am
สืบทองหล่อรวบตีนแมวประวัติโชคโชน
วันศุกร์ที่ 16 สิงหาคม 2556 เวลา 21:26 น.
-http://www.dailynews.co.th/crime/226612-

(http://www.dailynews.co.th/sites/default/files/imagecache/620x245/cover/226612.jpg)
สืบทองหล่อรวบ ไอ้แสบ ตีนแมวประวัติโชคโชน ก่อเหตุมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน



 วันที่ 16 ส.ค. พ.ต.อ.ชุมพล พุ่มพวง ผกก.สน.ทองหล่อ ได้รับรายงานจาก พ.ต.ท.วิชัย ณรงค์ รอง ผกก.สส.ว่า เมื่อเวลา 22.30 น. ของวันที่ 15 ส.ค. ที่ผ่านมาทาง พ.ต.ท.จักร จุลกะรัตน์ สว.สส. พร้อมด้วย ร.ต.อ.สรรชัย ใจหมั้น รองสว.สส.ร.ต.อ.ภูวเดช จุลกะเสวี รองสว.สส. ร่วมกันนำกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนจับกุมตัว นายศิวกรณ์ หรือแสบหรือโจ้ ระพิมพ์ อายุ 31 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ เลขที่ จ.562/2556 ลงวันที่ 14 ส.ค. 56 ในข้อหา “ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์หรือโดยผ่านสิ่งเช่นนั้นเข้าไปโดยประการใดๆ โดยเข้าทางช่องทางซึ่งได้ขึ้นมาโดยไม่จำนงให้เป็นทางคนเข้า” พร้อมของกลางคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ 1 เครื่อง ชุดเครื่องเสียง และลำโพงจำนวนหนึ่ง โดยสามารถจับกุมตัวได้ที่บริเวณริมถนนสุขุมวิท 55 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา
 

พ.ต.อ.ชุมพล เปิดเผยว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากมีผู้เสียหายเข้ามาร้องทุกข์ว่าถูกคนร้ายก่อเหตุปีนบ้านเข้าไปขโมยทรัพย์สินของมีค่าเป็นจำนวนมาก จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนได้ลงพื้นที่หาข่าวจนทราบว่าคนร้ายชื่อเล่นว่าแสบ เป็นคนเร่ร่อนไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง มักเลือกบ้านหรือห้างร้านในย่านถนนสุขุมวิท และซอยทองหล่อ ทางเจ้าหน้าที่จึงนำกำลังไปซุ่มจนกระทั่งพบตัวคนร้ายขณะกำลังเดินอยู่ริมถนนสุขุมวิท 55 มีรูปพรรณตรงตามพยาน จึงเข้าไปแสดงตัวจับกุม


สอบสวนนายศิวกรณ์ ให้การยอมรับสารภาพว่าก่อเหตุเข้าไปขโมยของตามบ้าน หรือร้านอาหารจริง โดยมักจะเดินไปตามถนนเลือกบ้าน ห้างร้าน ตามริมถนน หรือลับตาคน และใช้ช่วงเวลาก่อเหตุประมาณ 03.00 น.-05.00 น. เนื่องจากเหยื่อยังหลับ จึงปีนเข้าไปขโมยของก่อนจะเรียกแท็กซี่ให้เอาของไปเก็บไว้ตามแหล่งที่พักซึงไม่เป็นหลักแหล่ง โดยก่อเหตุมาแล้วนับสิบครั้งส่วนใหญ่เป็นท้องที่สน.ทองหล่อ เพราะทรัพย์สินที่ได้มีมูลค่าสูง จากนั้นจะเอาไปแบ่งกับเพื่อนชื่อนายสรร แสงอรุณเป็นคนเร่ร่อนเคยเจอในสถานบำบัดฟื้นฟูยาเสพติด ที่หลบหนีไป ก่อนเอาไปขายตามร้านรับซื้อหลายแห่ง และนำเงินมาเสพยาเสพติด
 

ด้าน พ.ต.ท.วิชัย กล่าวว่า เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่แจ้งข้อกล่าวหาก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่จะต้องทำการสอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้งเนื่องจากทรัพย์สินของเหยื่อบางรายที่หายไปมีมูลค่ารวมกันนับแสนบาท แต่ทางผู้ต้องหาไม่มีเงินติดตัวแต่อย่างใด รวมทั้งจะติดตามตัวคนร้ายอีกรายมาลงโทษให้ได้ ทั้งนี้หากผู้เสียหายรายใดที่ถูกคนร้ายก่อเหตุในลักษณะดังกล่าวสามารถเดินทางมาร้องทุกข์และชี้ตัวคนร้ายเพื่อรวบรวมเป็นสำนวนต่อไป
 
หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ สิงหาคม 19, 2013, 08:21:20 pm
เตือนภัยร้านคาร์แคร์ ทำรถลูกค้าพังยับ แต่บ่ายเบี่ยงความรับผิดชอบ
-http://car.kapook.com/view69106.html-

(http://img.kapook.com/u/thitima/education/1376831912-2013081814-o.jpg)



เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก คุณ pow72000 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม

           แฉร้านคาร์แคร์ ปล่อยลูกจ้างต่างด้าวขับรถลูกค้าไปชนเสาเหล็กจนรถพังยับ ซ้ำตอนแรกยังบ่ายเบี่ยงไม่รับผิดชอบ ก่อนยื่นข้อเสนอไม่ให้เอาเรื่องหรือแจ้งความ ถึงรับปากจะซ่อมแซมรถให้

           วันนี้ (19 สิงหาคม 2556) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คุณ pow72000 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ได้ตั้งกระทู้เตือนประชาชนให้ระมัดระวัง การนำรถไปล้างในร้านคาร์แคร์ต่าง ๆ หลังจากได้นำรถยนต์ไปล้างทำความสะอาดในช่วงวันหยุด เสาร์-อาทิตย์ แล้วเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น เมื่อลูกจ้างของร้านขับรถยนต์ไปชนเสาเหล็กเข้าอย่างจัง จนทำให้ด้านหน้ารถพังยับ เครื่องยนต์เสียหายหนัก ขณะนำไปจอดเพื่อรออัดฉีดทำความสะอาด

           ทั้งนี้ ฝ่ายผู้เสียหายได้เรียกร้องความรับผิดชอบจากทางผู้ประกอบการเจ้าของร้านคาร์แคร์ดังกล่าว เนื่องจากรถคันที่ประสบเหตุ เป็นประกันชั้น 2 ไม่ครอบคลุมความเสียหายที่ต้องซ่อมแซมเอง ซึ่งเริ่มแรกทางร้านมีท่าทีนิ่งเฉย ซ้ำลูกจ้างคนที่ขับรถคันดังกล่าว ยังเป็นชาวต่างด้าวอีกด้วย

           ยิ่งไปกว่านั้น ลูกจ้างคนอื่นภายในร้านยังอ้างว่า รถของผู้เสียหายขัดข้อง เนื่องจากน้ำมันเบรกรั่ว และยางปูรถขัดกับคันเร่ง จึงทำให้เกิดอุบัติเหตุขึ้น รวมทั้งบอกให้ผู้เสียหายไปเรียกร้องจากพนักงานที่ขับรถชนเอง เพราะกรณีนี้เจ้าของไม่เกี่ยว เหมือนเป็นการปัดความรับผิดชอบ จนทำให้ฝ่ายผู้เสียหายถึงกับเครียดเป็นอย่างมาก

           อย่างไรก็ตาม ในภายหลังเจ้าของร้านคาร์แคร์ดังกล่าว ได้โทรศัพท์มาขอเคลียร์กับผู้เสียหาย โดยจะให้อู่ซ่อมรถที่รู้จักกันมาจัดการซ่อมแซมให้ แต่ขอร้องไม่ให้เอาเรื่องกับพนักงานร้านหรือแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ผู้เสียหายไม่แน่ใจว่า ทางร้านจะสามารถรับผิดชอบได้ทั้งหมด จึงไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ที่สถานีตำรวจใกล้เคียงพื้นที่ย่านรามอินทรา

           นอกจากนี้ ผู้เสียหายยังอ้างว่า จากการสอบถามคิวรถจักรยานยนต์รับจ้างใกล้เคียงร้านคาร์แคร์ที่เกิดเหตุ ต่างระบุว่า เคยเห็นเหตุการณ์เช่นนี้มาแล้ว จนผู้เสียหายไม่มั่นใจว่า จะได้รถยนต์ในสภาพเดิมกลับคืนมาหรือไม่ กระทั่งได้มาตั้งกระทู้เพื่อเป็นการเตือนให้ผู้ใช้รถระมัดระวังไว้นั่นเอง

 
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก -http://www.dailynews.co.th/crime/227034-


.



หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ สิงหาคม 20, 2013, 08:21:46 pm
เอาอีก! คาร์แคร์ชื่อดังขับรถลูกค้าชนเละ เจ้าของปัดรับผิดชอบ

-http://auto.sanook.com/5808/%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%AD%E0%B8%B5%E0%B8%81-%E0%B8%84%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B9%81%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%8A%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%82%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%96%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%84%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%B0-%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%9C%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%8A%E0%B8%AD%E0%B8%9A/-


 เป็นอุทาหรณ์อีกครั้งสำหรับผู้ที่ชอบใช้บริการคาร์แคร์ เนื่องจากระยะหลังๆมานี้ มักมีข่าวด้านลบของศูนย์คาร์แคร์อยู่บ่อยๆนะครับ

     โดยล่าสุดมีสมาชิกเว็บบอร์ดดังท่านนึง ได้โพสต์ข้อความลงในเว็บบอร์ดพันทิป เพื่ออธิบายถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หลังจากนำรถมาล้างกับคาร์แคร์แห่งหนึ่ง บริเวณซอยรามอินทรา14

     หลังจากฝากกุญแจไว้กับเด็กรับรถ จึงเดินเข้ามานั่งรอในห้องพักลูกค้า ภายหลังจากนั่งพักได้เพียง 5 นาที ก็มีเสียงดังเกิดขึ้นจากบริเวณร้าน แต่ไม่ได้เอะใจอะไร เพราะไม่คิดว่าเกี่ยวกับตน แต่ต่อมาราวครึ่งชั่วโมง มีพนักงานคนหนึ่งเรียกให้ไปดูรถ โดยเมื่อเห็นรถของตนก็แทบลมจับ เนื่องจากสภาพรถเป็นอย่างที่เห็น

(http://p4.s1sf.com/au/0/ud/1/5808/1376831912-2013081814-o.jpg)

     โดยรถยนต์ยี่ห้อ Mazda 2 สีเทาของตนนั้น พุ่งชนเข้ากับเสากลางร้าน สภาพด้านหน้ารถพังยับ กันชนยุบเข้าไปถึงบริเวณหม้อน้ำ ได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่า เหตุการณ์อาจเกิดขึ้นมากว่าครึ่งชั่วโมง แต่กลับไม่มีใครแจ้งให้เจ้าของรถทราบแม้แต่น้อย

     เจ้าของรถจึงได้ถามหาผู้ขับรถของตน แต่กลับไม่มีผู้ใดออกมายอมรับ พนักงานร้านส่วนใหญ่ซึ่งเป็นชาวต่างด้าว บอกแต่เพียงว่า สาเหตุเป็นเพราะน้ำมันเบรครั่ว และ ผ้ายางปูรถขัดกับคันเร่ง! จึงทำให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น

     สิ่งที่น่าตกใจ มีพนักงานคนหนึ่งเดินมาบอกว่าให้เรียกร้องกับเด็กเอง ไม่เกี่ยวกับทางร้าน เพราะร้านไม่ได้ทำประกันไว้ เป็นใครได้ยินแบบนี้ก็คงช็อคกับคำพูด เพราะแสดงถึงความไม่สนใจใยดีต่อเหตการณ์ที่เกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย เจ้าของรถจึงเกิดความกังวลใจเป็นอย่างมาก

(http://p4.s1sf.com/au/0/ud/1/5808/1376833053-2013081816-o.jpg)

     ต่อมาจึงมีพนักงานยื่นโทรศัพท์ให้คุยกับเจ้าของร้าน โดยกล่าวว่าจะรับผิดชอบด้วยการซ่อมกับอู่ที่รู้จักกันให้ ให้ตนทิ้งรถไว้และขอร้องไม่ให้แจ้งความกับตำรวจ

     ยังดีที่เจ้าของรถเข้าไปแจ้งความกับตำรวจไว้เป็นหลักฐาน เนื่องจากไม่มั่นใจในความรับผิดชอบของทางร้าน ว่าจะชดใช้ให้แค่ไหนอย่างไร ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการดำเนินการเอาผิดและรับผิดชอบ

     ทีมงาน Sanook!Auto จึงขอให้เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์สำหรับผู้ที่นำรถเข้ารับบริการคาร์แคร์อยู่บ่อยๆนะครับ เพราะเราไม่ทราบทักษะการขับขี่ของเด็กรับรถ หากเป็นไปได้หลังจากที่เรายื่นกุญแจให้ทางร้านแล้ว ร้านควรออกใบรับรถเพื่อเป็นหลักฐานยืนยัน จากนั้นเราจึงควรยืนรอดูอีกสักนิด ว่ารถของเราถูกขับเข้าไปยังที่ล้างรถโดยปลอดภัยนะครับ


ที่มา Pantip.com จากผู้ใช้ Pow72000



-----------------------------------------------------------------


ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้  ต้องช่วยกันไม่เข้าไปร้านนี้อีก

เนื่องจาก ถ้าเกิดเหตุขึ้นอีก ก็ไม่มีความรับผิดชอบเหมือนเดิม


.
หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ สิงหาคม 21, 2013, 07:39:46 am
ลุงนิสัยเลว ซื้อน้ำเต้าหู้ แม่ค้าทำไม่ถูกใจ ถึงกับพังร้าน
-http://world.kapook.com/pin/521317db38217a2b1a000001-

http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=ZQRJbkrl1aI#t=169 (http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=ZQRJbkrl1aI#t=169)

http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=ZQRJbkrl1aI#t=169 (http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=ZQRJbkrl1aI#t=169)

-http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=ZQRJbkrl1aI#t=169-

คลิป ลุงนิสัยเลว ซื้อน้ำเต้าหู้ แม่ค้าทำไม่ถูกใจ ถึงกับพังร้าน คลิปนี้เป็นภาพที่ดูแล้วเพลียจริงๆ ครับ เหตุเกิด ณ ร้านขายน้ำเต้าหู้ มีผู้ชายคนนึง ( ลุงแก่ๆ ) มาซื้อน้ำเต้าหู้ แต่เหมือนว่า สั่งแล้วแม่ค้าทำไม่ถูกใจ เลยเกิดอาการฉุน ไปพังข้าวพังของร้านเขาเฉยเลย โห.. สันดานจริงๆ แค่เรื่องน้ำเต้าหู้ ไปพังร้านเขา บ้ารึป่าวฟะ


หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ สิงหาคม 22, 2013, 08:24:00 pm
รถแท็กซี่สีชมพู ทศ 856 ถูกตำรวจจับแล้ว ตรวจพบบัตร รพ.จิตเวช
-http://hilight.kapook.com/view/90139-

(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/fontip/etc3/1377063385-photo-o.jpg)


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก คุณ The Dcember สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม

            ชาวเน็ตแชร์ ระวังรถแท็กซี่สีชมพู ทศ 856 ก่อวีรกรรมเพียบ ทั้งกรรโชกทรัพย์ โกงมิเตอร์ ทุบรถคนอื่น เคยถูกศาลฝากขัง แต่ประกันตัวออกมา แล้วยังก่อเรื่องไม่เลิก ล่าสุดถูกจับได้แล้ว พบบัตรโรงพยาบาลจิตเวชด้วย

            วันนี้ (22 สิงหาคม 2556) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวไซเบอร์ต่างพากันแชร์เรื่องของคนขับรถแท็กซี่สีชมพูคันหนึ่งที่แสดงพฤติกรรมไม่ดีต่อเพื่อนร่วมทาง เพื่อเตือนให้ผู้ใช้รถใช้ถนน รวมทั้งผู้ใช้บริการรถแท็กซี่ได้ระมัดระวังกัน ซึ่งเรื่องนี้ คุณ The Dcember สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ได้โพสต์เล่าไว้ในกระทู้ "วันนี้โดนแท็กซี่สีชมพู ทศ 856 ในตำนาน มาทุบรถค่ะ"

            โดย คุณ The Dcember ผู้เสียหาย เล่าว่า เหตุเกิดเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา เธอได้ขับรถอยู่แถวถนนเลียบทางรถไฟ แถวสถานีแอร์พอร์ตลิงก์ มักกะสัน โดยวิ่งอยู่ในเลนที่สองจากซ้ายสุด ก่อนจะมาเจอรถแท็กซี่สีชมพู ทะเบียน ทศ 856 ซึ่งอยู่ในเลนขวาสุด (เลนที่ 4) พยายามเบียดเข้ามา แต่เธอไม่ยอมให้รถแท็กซี่แทรก เพราะเห็นว่ารถแท็กซี่ไม่ได้เปิดไฟเลี้ยว กระทั่งเบียดกันอยู่สักพัก จึงยอมให้รถแท็กซี่เข้ามา

            แต่เมื่อรถแท็กซี่แทรกเข้ามาแล้ว รถแท็กซี่กลับมาจอดรถขวางหน้า ก่อนที่ผู้ชายที่เป็นคนขับรถจะเดินลงมาใช้มือทุบกระจกรถของเธออย่างสุดแรง ซ้ำยังถีบตัวรถ ตะโกนด่าสารพัด พร้อมกับขอดูใบขับขี่ แต่เธอไม่กล้าเปิดกระจก สักพักหนึ่งชายคนนั้นจึงเดินกลับไปที่รถ เธอจึงบีบแตรรถยาว ๆ เพื่อหวังให้ตำรวจที่อยู่ตรงแยกทางรถไฟได้ยิน กระทั่งรถขยับตามกันไปได้เรื่อย ๆ จนมาติดอีกทีตรงแยก เธอก็กดแตรรถยาว ๆ อีกครั้ง เพื่อให้ตำรวจได้ยิน ทำให้คนขับแท็กซี่ไม่พอใจ จอดรถขวางทางซ้ายมือ แล้วลงมาถีบรถของเธอ ต่อยกระจกมองข้างทางซ้ายจนพับ เธอจึงเปิดกระจกฝั่งขวาตะโกนขอความช่วยเหลือ

            เมื่อคนขับแท็กซี่สีชมพูเห็นว่าผู้เสียหายตะโกนขอความช่วยเหลือ จึงรีบเดินกลับไปที่รถ จังหวะนั้น มีรถแท็กซี่สีเขียว-เหลือง ผ่านมาถามว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อทราบเรื่อง คนขับรถแท็กซี่สีเขียว-เหลือง (มีผู้โดยสารอยู่ในรถ) ก็รีบวิ่งไปหาคนขับแท็กซี่สีชมพูที่อยู่ในรถแล้ว และทุบ-ถีบรถแท็กซี่สีชมพู พร้อมกับต่อว่าทำนองว่า เก่งนักหรือกับผู้หญิง ก่อนที่รถแท็กซี่สีชมพูจะรีบขับรถหนีไป แต่ผู้เสียหายได้ถ่ายรูปรถคันนั้นไว้เรียบร้อยแล้ว เพื่อจะไปแจ้งความ

            "ดิชั้นขับต่อมาที่ถนนอโศก บังเอิญหรืออะไรไม่ทราบรถ ดิชั้นจอดต่อจากแท็กซี่สีชมพูนรกคันนั้น และกลางสะพานมีตำรวจยืนอยู่ ดิชั้นจึงรีบจอดรถเทียบตำรวจ และบอกเค้าว่า แท็กซี่คันนั้น ทุบรถดิชั้นเมื่อซักครู่ ตำรวจถามว่า ได้รับความเสียหายอะไรบ้าง ดิชั้นตอบว่า โดนทุบมาเมื่อกี้ ยังไม่ได้ลงไปดู แต่กระจกมองข้างยังพับอยู่เลย (ไม่ได้กางกลับเพราะตอนแรกไม่ทันเห็น ไม่มีที่จอดรถ และเอื้อมตัวยาก) ตำรวจคนนั้นจับกระจกกางออกเหมือนเดิม และบอกดิชั้นว่า ไม่เสียหายอะไร รถไม่เป็นอะไรตรงไหนนี่ ขับไปก่อนครับคุณ รถติด !! ทั้งที่ตลอดถนนมีตำรวจยืนอยู่ แค่วอบอกกัน เรียกไว้ก็ได้นี่คะ ถ้าดิชั้นพึ่งคุณไม่ได้ ดิชั้นจะพึ่งใคร"

            ทั้งนี้ เมื่อคุณ The Dcember ได้ลองค้นหาทะเบียนรถแท็กซี่คันนี้ตามเว็บไซต์ต่าง ๆ และก็พบว่ารถคันนี้มีประวัติมากมาย ทั้งขู่กรรโชก ทำร้ายร่างกาย มีคนไปแจ้งความไว้ทั้งที่ สน.ห้วยขวาง สน.บางนา และยังเคยถูกศาลฝากขัง ก่อนจะประกันตัวออกไปด้วย นอกจากนี้ สื่อมวลชนก็เคยนำเสนอข่าวพฤติกรรมไม่ดีของรถแท็กซี่คันนี้ด้วย แต่ดูเหมือนว่า คนขับรถก็ยังกล้าก่อเรื่องอยู่จนถึงทุกวันนี้

            อย่างไรก็ตาม ที่ผู้เสียหายรู้สึกข้องใจก็คือ เธอกดแตรดังมาก และนานมาก แต่รถที่ติดขัดอยู่ตรงนั้นกลับไม่มีใครเข้ามาช่วยเหลือเธอเลย โชคดีที่มีพี่คนขับแท็กซี่สีเขียว-เหลืองเข้ามาช่วยในวินาทีสุดท้าย ซึ่งรู้สึกขอบคุณมากที่ได้เจอพี่คนขับคนนั้น

          ล่าสุด เฟซบุ๊ก www.js100.com (http://www.js100.com) ได้รายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 17.00 น. ตำรวจ สภ.บางปู จ.สมุทรปราการ จับคนขับเท็กซี่ ชมพู ทศ 856 ข่มขู่ผู้โดยสารในห้างฯ โลตัสบางปู ได้แล้วที่หน้าโรงเรียนเทคนิคสมุทรปราการ ตรวจค้นพบบัตรโรงพยาบาลจิตเวชด้วย

          ส่วนความคืบหน้าจะเป็นอย่างไร ทีมงานจะรายงานให้ทราบอีกครั้ง
         

TAXIข่มขู่ผู้โดยสารขอค่ามิเตอร์เพิ่ม (http://www.youtube.com/watch?v=1ZPrnfNHCwo#)
-http://www.youtube.com/watch?v=1ZPrnfNHCwo-
คลิป TAXIข่มขู่ผู้โดยสารขอค่ามิเตอร์เพิ่ม : เครดิต รายการเมืองไทย 77 จังหวัด โพสต์โดย คุณ ittipat Pinrarod


เตือนภัยแท็กซี่ขู่รีดเงินผู้โดยสาร (http://www.youtube.com/watch?v=kd_OZ2B47BM#)
-http://www.youtube.com/watch?v=kd_OZ2B47BM-
คลิป เตือนภัยแท็กซี่ขู่รีดเงินผู้โดยสาร : เครดิต รายการเมืองไทย 77 จังหวัด โพสต์โดย คุณ ittipat Pinrarod
หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ สิงหาคม 23, 2013, 10:28:08 pm
สั่งเด้ง 2 ตำรวจฉาว อุ้มรีดทรัพย์ชาวอิตาลี เรียกเงิน 2 ล้าน
-http://hilight.kapook.com/view/90162-

(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/pailin_p/news-01/474401-01.jpg)


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

          รวบ 2 ใน 4 ตำรวจ อุ้มไถเงินสถาปนิกและวิศวกรชาวอิตาลี โดยเบื้องต้นมีคำสั่งให้ออกจากราชการ และห้ามประกันตัว เนื่องจากเกรงว่าจะไปยุ่งเกี่ยวกับพยานหลักฐาน

          จากกรณีที่ตำรวจ 4 นาย ร่วมมือกับชาวอุซเบกิสถาน อุ้มสถาปนิกและวิศวกรชาวอิตาลีไปรีดไถเงิน จำนวน 2 ล้านบาท โดยยัดข้อหาว่า ชาวอิตาลีทั้ง 2 คน ใช้บัตรปลอมกดเงิน โดยเบื้องต้นทราบว่า ตำรวจที่เกี่ยวข้อง มียศ ร.ต.ท. 2 นาย สังกัด สน.ลุมพินี และอีก 2 นาย เป็นชั้นประทวน สังกัด สน.ทองหล่อนั้น

          ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 11.00 น. ของวันนี้ (23 สิงหาคม 2556) ที่ สน.ลุมพินี พล.ต.ต.ปริญญา จันทร์สุริยา รองผบช.น. พล.ต.ต.สืบศักดิ์ พันธุ์สุระ ผบก.น. 5 พ.ต.อ.ไชยา คงทรัพย์ ผกก.สน.ลุมพินี พร้อมฝ่ายสืบสวนร่วมกันประชุมความคืบหน้าและติดตามจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุ โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
         
          ต่อมา พล.ต.ต.ปริญญา เปิดเผยว่า เบื้องต้นได้ออกหมายจับผู้ก่อเหตุทั้ง 5 รายแล้ว โดยมีรายชื่อดังนี้

          1. ร.ต.ท.วิรัตน์ อินทร์ยอด รองสวป.สน.ลุมพินี

          2. ร.ต.ท.อัครเนตร มุฑาวัน รองสวป.สน.ลุมพินี

          3. ด.ต.สถิตย์ จันทร์โสม ผบ.หมู่.งานปป.สน.ทองหล่อ

          4. จ.ส.ต.ภูริพัศ ชื่นจำปา ผบ.หมู่งานปป. สน.ทองหล่อ

          5. นาย MUHIDDIN SHARIPOV ชาวอุซเบกิสถาน
         
          ซึ่งขณะนี้สามารถจับกุมผู้ต้องหาที่ก่อเหตุได้แล้ว 2 คน คือ ด.ต.สถิตย์ และ จ.ส.ต.ภูริพัศ จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การว่า อยู่ในที่เกิดเหตุตามที่ภาพกล้องวงจรปิดจับภาพไว้ได้จริง แต่ไม่ได้ร่วมลงมือก่อเหตุด้วย ขณะที่ผู้ก่อเหตุอีก 3 คน อยู่ระหว่างหลบหนี แต่คาดว่า ยังกบดานอยู่ในประเทศ

          อย่างไรก็ตาม ได้มีคำสั่งให้ตำรวจที่ก่อเหตุออกจากราชการไว้ก่อน และแจ้งข้อหาร่วมปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธ และร่วมกันเรียกค่าไถ่ ซึ่งพนักงานสอบสวนได้นำหลักฐานที่เป็นกล้องวงจรปิดจากภายในโรงแรมสวัสดี สุขุมวิทอินน์ ซอยสุขุมวิท 57 ซึ่งเป็นภาพขณะที่คนร้ายทั้ง 2 คน กำลังควบคุมตัวผู้เสียหายทั้ง 2 คน มาขังไว้ในโรงแรมดังกล่าว ในช่วงเวลา 02.53 น. ของวันที่ 20 สิงหาคม

          ทั้งนี้ ตำรวจได้นำตัวผู้ต้องหาที่จับกุมได้ไปฝากขังที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ และคัดค้านประกันตัว เนื่องจากเกรงว่า จะไปยุ่งเกี่ยวกับพยานหลักฐาน พร้อมทั้งจะประสานไปยังกองบัญชาการตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) เพื่อติดตามคนร้ายที่เป็นชาวต่างชาติ เพราะเกรงว่าจะหลบหนีออกนอกประเทศ


อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
INN
-http://www.dailynews.co.th/crime/228123-
หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ สิงหาคม 23, 2013, 10:29:40 pm
เด็ก 3 ขวบ ถูกเพื่อนบ้านลวงข่มขืน ก่อนฆ่าโหด
-http://hilight.kapook.com/view/90191-


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม


          พ่อใจสลาย ลูกชายวัย 3 ขวบ ถูกเพื่อนบ้านลวงไปข่มขืนกระทำชำเราก่อนฆ่าโหด ตำรวจพบมีประวัติจำคุกในคดีข่มขืนมาแล้วหลายคดี

          วันนี้ (23 สิงหาคม 2556) เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้ง พบศพเด็กชายถูกนำมาทิ้งที่หน้าบ้าน นายผง สุพร อายุ 70 ปี เลขที่ 115 บ้านคันแยงน้อย หมู่ที่ 8 ต.สำโรง อ.โพธิ์ไทร จ.อุบลราชธานี จึงรุดไปตรวจสอบ

          โดยที่เกิดเหตุพบศพ ด.ช.เอ (นามสมมุติ) อายุ 3 ขวบ 10 เดือน สภาพศพนอนหงายใส่เสื้อคอกลม กางเกงยืดขาสั้น มีร่องรอยถูกทำร้าย มีบาดแผลที่ศีรษะ มีรอยฟกช้ำที่ลำคอ ทวารหนักมีรอยฉีกขาด เสียชีวิตมาแล้วประมาณ 8 ชั่วโมง เบื้องต้นคาดว่าถูกคนร้ายลวงมากระทำชำเราแล้วฆ่า

          จากการสอบสวนเบื้องต้น นายไพศาล เกตุงาม อายุ 32 ปี พ่อของ ด.ช.เอ ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุเมื่อช่วงเย็นของวันที่ 22 สิงหาคม นายสมหมาย คลังอาจ เป็นเพื่อนบ้านได้มาหาที่บ้าน บอกว่าจะมาขอซื้อหัวกลอย เพื่อจะเอาไปทำขนมกิน หลังเดินกลับบ้านมาตามถนน นายสมหมายเจอกับ ด.ช.เอ ที่วิ่งเล่นอยู่แล้วมีการพูดคุยชวนให้เด็กไปกินขนมที่บ้านซึ่งอยู่ใกล้ ๆ กัน จากนั้นก็หายตัวไป

          ต่อมาตนเห็นผิดสังเกตบุตรชายไม่กลับมาบ้าน จึงได้ออกตามหาไปที่บ้านของนายสมหมายก็ไม่เจอ โดยบุตรชายได้หายตัวไปพร้อมกับนายสมหมาย จึงได้ขอแรงเพื่อนบ้านออกตามหาทั้งคืนก็ไม่พบ จนช่วงเช้ามีเพื่อนบ้านมาบอกว่าพบศพบุตรชายถูกฆ่าตายแล้วนำศพมาวางไว้ที่หน้าบ้านหลังดังกล่าว จึงเชื่อว่าคนร้ายก็คือ นายสมหมาย

          ทางด้าน พ.ต.อ.ไพโรจน์ มังคลา รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุบลฯ เปิดเผยว่า ตำรวจได้เร่งติดตามจับกุมตัวคนร้ายแล้วเนื่องจากเป็นคดีสะเทือนขวัญ จากการตรวจสอบประวัตินายสมหมาย พบว่าเคยถูกจำคุกในคดีข่มขืนมาแล้วหลายคดี โดยก่อเหตุข่มขืนคนแก่และเด็กพึ่งพ้นโทษออกมา



อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
-http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1377240505&grpid=03&catid=&subcatid=-

หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ สิงหาคม 25, 2013, 07:49:55 pm
เด็ก 3 ขวบ ถูกเพื่อนบ้านลวงข่มขืน ก่อนฆ่าโหด
-http://hilight.kapook.com/view/90191-


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม


          พ่อใจสลาย ลูกชายวัย 3 ขวบ ถูกเพื่อนบ้านลวงไปข่มขืนกระทำชำเราก่อนฆ่าโหด ตำรวจพบมีประวัติจำคุกในคดีข่มขืนมาแล้วหลายคดี

          วันนี้ (23 สิงหาคม 2556) เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้ง พบศพเด็กชายถูกนำมาทิ้งที่หน้าบ้าน นายผง สุพร อายุ 70 ปี เลขที่ 115 บ้านคันแยงน้อย หมู่ที่ 8 ต.สำโรง อ.โพธิ์ไทร จ.อุบลราชธานี จึงรุดไปตรวจสอบ

          โดยที่เกิดเหตุพบศพ ด.ช.เอ (นามสมมุติ) อายุ 3 ขวบ 10 เดือน สภาพศพนอนหงายใส่เสื้อคอกลม กางเกงยืดขาสั้น มีร่องรอยถูกทำร้าย มีบาดแผลที่ศีรษะ มีรอยฟกช้ำที่ลำคอ ทวารหนักมีรอยฉีกขาด เสียชีวิตมาแล้วประมาณ 8 ชั่วโมง เบื้องต้นคาดว่าถูกคนร้ายลวงมากระทำชำเราแล้วฆ่า

          จากการสอบสวนเบื้องต้น นายไพศาล เกตุงาม อายุ 32 ปี พ่อของ ด.ช.เอ ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุเมื่อช่วงเย็นของวันที่ 22 สิงหาคม นายสมหมาย คลังอาจ เป็นเพื่อนบ้านได้มาหาที่บ้าน บอกว่าจะมาขอซื้อหัวกลอย เพื่อจะเอาไปทำขนมกิน หลังเดินกลับบ้านมาตามถนน นายสมหมายเจอกับ ด.ช.เอ ที่วิ่งเล่นอยู่แล้วมีการพูดคุยชวนให้เด็กไปกินขนมที่บ้านซึ่งอยู่ใกล้ ๆ กัน จากนั้นก็หายตัวไป

          ต่อมาตนเห็นผิดสังเกตบุตรชายไม่กลับมาบ้าน จึงได้ออกตามหาไปที่บ้านของนายสมหมายก็ไม่เจอ โดยบุตรชายได้หายตัวไปพร้อมกับนายสมหมาย จึงได้ขอแรงเพื่อนบ้านออกตามหาทั้งคืนก็ไม่พบ จนช่วงเช้ามีเพื่อนบ้านมาบอกว่าพบศพบุตรชายถูกฆ่าตายแล้วนำศพมาวางไว้ที่หน้าบ้านหลังดังกล่าว จึงเชื่อว่าคนร้ายก็คือ นายสมหมาย

          ทางด้าน พ.ต.อ.ไพโรจน์ มังคลา รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุบลฯ เปิดเผยว่า ตำรวจได้เร่งติดตามจับกุมตัวคนร้ายแล้วเนื่องจากเป็นคดีสะเทือนขวัญ จากการตรวจสอบประวัตินายสมหมาย พบว่าเคยถูกจำคุกในคดีข่มขืนมาแล้วหลายคดี โดยก่อเหตุข่มขืนคนแก่และเด็กพึ่งพ้นโทษออกมา



อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
-http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1377240505&grpid=03&catid=&subcatid=-

รวบไอ้หื่น! ข่มขืนก่อนฆ่าเด็กชายวัย 3 ขวบแล้ว

-http://news.sanook.com/1204927/%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%9A%E0%B9%84%E0%B8%AD%E0%B9%89%E0%B8%AB%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%99-%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%82%E0%B8%B7%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%86%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%87%E0%B8%81%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%A2-3-%E0%B8%82%E0%B8%A7%E0%B8%9A%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%A7/-

(http://news.sanook.com/gallery/gallery/1204927/365089/)

(http://news.sanook.com/gallery/gallery/1204927/365090/)

ตำรวจ สภ.โพธิ์ไทร รวบแล้ว ไอ้หื่นกระทำชำเราเด็กชายวัย 3 ขวบ 10 เดือน ก่อนฆ่าทิ้ง อ้าง เมาแล้วมีอารมณ์ทางเพศรุนแรง

ความคืบหน้า กรณีมีเด็กชายอายุ 3 ขวบ 10 เดือน อยู่บ้านร่องคันแยงน้อย ต.สำโรง อ.โพธิ์ไทร จงอุบลราชธานี ถูกคนร้ายข่มขืนกระทำชำเราทางทวารหนัก แล้วนำศพมาทิ้งไว้หน้าบ้านของ 2 ตายาย ในหมู่บ้านเดียวกัน โดยเหตุเกิดตั้งแต่คืนวันที่ 22 ส.ค. ที่ผ่านมานั้น ล่าสุด เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โพธิ์ไทร สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ ทราบชื่อคือ นายสมหมาย คลังอาจ อายุ 43 ปี อยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน โดยสามารถจับกุมได้ข้างคันนาทิศตะวันออกของหมู่บ้านนาหว้าใต้ ต.สำโรง ซึ่งเป็นหมู่บ้านใกล้กัน

โดยผู้ต้องหารับสารภาพว่า ทุกครั้งที่มีอาการเมาเหล้า มักจะเกิดอารมณ์ทางเพศอย่างรุนแรง และตนก็เพิ่งพ้นโทษออกมาจากคดีข่มขืน เมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา ส่วนสาเหตุการฆ่านั้น ไม่รู้ว่าตนลงมือฆ่าเด็กได้อย่างไร แต่ยอมรับว่าได้ฆ่าเด็กจริง ตำรวจค้านการประกันตัว พร้อมควบคุมเตรียมส่งศาลดำเนินคดี


หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ สิงหาคม 28, 2013, 08:57:22 pm
จับพ่อค้าขนมโตเกียว แทงเด็กเอแบคดับ ยัวะถูกต่อราคา 10 บาท
-http://hilight.kapook.com/view/90415-


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม


          ตำรวจจับพ่อค้าขนมโตเกียว คว้ามีดแทงเด็กเอแบค ปี 3 เสียชีวิต ฉุน ต่อราคาขนมชิ้นละ 20 เหลือ 10 บาท แถมยังชี้หน้าด่า เจ้าตัวอ้างป้องกันตัว เพราะผู้ตายจะเข้ามาทำร้ายก่อน
 
          วันนี้ (28 สิงหาคม 2556) เมื่อเวลา 11.30 น. พล.ต.ต.ธัชชัย หงษ์ทอง ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ พ.ต.อ.นครพัฒน์ พรหมพันธ์ รอง ผบก. พ.ต.อ.วสันต์ บุญเจริญ รอง ผบก. พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน แถลงข่าวจับกุม นายบรรจง สมดี อายุ 33 ปี พ่อค้าขายขนมโตเกียวริมถนนปากซอยบางนา-การเด้น แยก 7 หมู่ 7 ต.บางเสาธง หลังจาก นายบรรจง ก่อเหตุใช้มีดแทงนักศึกษาเอแบคเสียชีวิต

          ทั้งนี้ เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 02.00 น. ของวันที่ 27 สิงหาคม 2556 เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งเหตุฆาตกรรมที่ริมถนนปากซอยบางนา-การเด้น แยก 7 จึงรุดไปตรวจสอบ และพบศพ นายสหวัฎ วัชรเสมากุล อายุ 21 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 3 ม.อัสสัมชัญ (เอแบค) คณะบริหารธุรกิจ นอนเสียชีวิตอยู่ใกล้รถขายขนมโตเกียว สภาพศพถูกมีดปลายแหลมยาวประมาณ 20 เซนติเมตรแทงเข้าที่หน้าอก ส่วนนายบรรจง คนขายขนมโตเกียวได้หลบหนีไปหลังก่อเหตุ ภายหลังเจ้าหน้าที่กระจายกำลังกันจนสามารถจับกุมตัวนายบรรจงไว้ได้

          จากการสอบสวน นายบรรจง รับสารภาพว่าเป็นผู้ลงมือแทงนายสหวัฎจริง โดยระหว่างที่ตนขายขนมโตเกียวอยู่ใกล้จุดเกิดเหตุ นายสหวัฎและเพื่อนนักศึกษารวม 3 คน ได้ออกมาจากผับในลักษณะมึนเมา แล้วโบกรถขายขนมให้จอดตรงจุดเกิดเหตุ พร้อมกับสั่งขนมโตเกียวแบบพิเศษใส่เครื่อง 3 อย่าง เมื่อทำขนมเสร็จ ตนได้เรียกเก็บเงิน 60 บาท เพราะขายราคาชิ้นละ 20 บาท แต่นายสหวัฎกลับไม่ยอมจ่าย โวยวายว่าตนขายของแพงเอาเปรียบนักศึกษา จะขอต่อราคาเหลือชิ้นละ 10 บาท

          นายบรรจง เล่าต่อว่า ตนไม่ยอมลดราคาให้ตามที่นายสหวัฎขอ และบอกว่าหากไม่ซื้อก็ไม่เป็นไร แต่นายสหวัฎโวยวายว่าจะซื้อ เพราะมีเงิน ก่อนจะพูดจาดูถูกว่าตนไม่มีการศึกษาต่างจากกลุ่มนายสหวัฎ จนเกิดการโต้เถียงกันขึ้น ต่อมา นายสหวัฎกับพวกพยายามจะพุ่งเข้ามาทำร้ายตน ตนจึงคว้ามีดปอกผลไม้แทงสวนกลับไป เพื่อป้องกันตัว แต่มีดกลับไปแทงที่อกนายสหวัฎจนเสียชีวิต เมื่อตนเห็นดังนั้นจึงกลัวความผิด และรีบวิ่งหนีไปทันที

          เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหาฆ่าผู้อื่น และจะสอบสวนต่อว่าเป็นการบันดาลโทสะ หรือป้องกันตัวตามที่กล่าวอ้างหรือไม่

 
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก-http://www.tnews.co.th/-

-http://www.tnews.co.th/html/news/67994/1457-%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%99%E0%B8%B2-%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8
%9A%E0%B8%9E%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%84%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%82%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B9%82%E0%
B8%95%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%
B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%94%E0%B8%9B%E0%
B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%9C%E0%B8%A5%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%89%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%
B8%A2%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%99%E0%B8%A8%E0%B8%9B%E0%B8%B53%E0%B9
%80%E0%B8%AD%E0%B9%81%E0%B8%9A%E0%B8%84%E0%B8%94%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%84%E0%B8%B2%E0%B8%97%
E0%B8%B5%E0%B9%88.html-



-----------------------------------------------------------


บอกให้รู้ว่า ก่อนพูด ให้คิดก่อน


.
หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ สิงหาคม 28, 2013, 09:00:36 pm
หนูน้อยวัย 3 ขวบ ถูกสามีใหม่ยาย บีบคอ-ทุบตี จนม้ามแตกตาย
-http://hilight.kapook.com/view/90368-

(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/fontip/etc3/news_46.jpg)

(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/fontip/etc3/news2_24.jpg)


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก รายการเรื่องเล่าเช้านี้ โพสต์โดย คุณ LAKORNHD ThaiTV สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม

            สาววัย 21 ปี แจ้งความดำเนินคดีกับสามีใหม่ของแม่ หลังทำร้ายร่างกายลูกสาว วัย 3 ขวบ จนม้ามแตก อาการสาหัส กระทั่งเสียชีวิตในเวลาต่อมา เผยเด็กเพ้อ อย่าทับหนู ตรวจพบอวัยวะเพศบวม

            วันนี้ (28 สิงหาคม 2556) รายการเรื่องเล่าเช้านี้ ทางช่อง 3 รายงานว่า ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในเขตอำเภอศรีราชา จ.ชลบุรี ว่ามีเด็กหญิงวัย 3 ขวบ เข้ารับการรักษายังห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาล โดยมีอาการท้องแข็ง ตัวซีด

            จากการสอบถามทราบว่า แม่ของเด็ก อายุ 21 ปี เล่าว่า ลูกสาวได้อาศัยอยู่กับยาย อายุ 39 ปี ซึ่งอยู่กินกับสามีใหม่ คือ นายเลียม อายุ 33 ปี โดยก่อนเกิดเหตุ ผู้เป็นยายได้แจ้งว่า ลูกสาวของตนได้ออกไปนอกบ้านกับนายเลียม แต่เมื่อกลับเข้าบ้านปรากฏว่า ลูกมีอาการเพ้อ และยังมีสภาพท้องแข็ง ตัวซีด จึงรีบนำตัวส่งโรงพยาบาล

            เมื่อแพทย์ตรวจสอบเบื้องต้น ก็ระบุว่า ได้รับความกระทบกระเทือนอย่างหนักบริเวณช่วงท้อง จนทำให้ม้ามแตก และมีอาการบาดเจ็บสาหัส ต้องได้รับการผ่าตัดเพื่อช่วยชีวิตเป็นการด่วน อาการเป็นตายเท่ากัน ดังนั้นแม่ของเด็กจึงเดินทางเข้าแจ้งความที่ สภ.ศรีราชา พร้อมตั้งข้อสงสัยว่า ผู้ที่ทำร้ายลูกจนได้รับบาดเจ็บสาหัส น่าจะเป็นฝีมือของนายเลียม ที่มีประวัติเคยติดคุกในคดีเสพยาเสพติด และไม่มีงานทำ เนื่องจากเพิ่งพ้นคุกมาได้ประมาณ 3 เดือน

            ขณะที่ยายของเด็ก บอกว่า สามีใหม่ของตนมักพาเด็กออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกเป็นประจำ ซึ่งหลังเกิดเหตุได้สอบถามแล้ว แต่สามีได้ปฏิเสธว่า ไม่ได้เป็นผู้ทำร้าย ซึ่งระหว่างทางที่นำตัวส่งโรงพยาบาล หลานตนซึ่งมีอาการปวดท้องอยู่ตลอดเวลา ได้แต่เพ้อว่า พี่เลียมอย่าทับหนู

            ด้านเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาล ยังยืนยันว่า ขณะที่เด็กถูกนำตัวเข้าห้องฉุกเฉิน มีอาการเพ้อว่า พี่เลียมอย่าตีหนู พี่เลียมอย่าทับหนู อยู่ตลอดเวลา นอกจากนี้ที่บริเวณลำคอยังมีร่องรอยของการบีบรัด และอวัยวะเพศบวมอีกด้วย อย่างไรก็ตาม ล่าสุด เมื่อเวลา ประมาณ 22.30 น. มีรายงานว่า เด็ก 3 ขวบคนดังกล่าวได้เสียชีวิตแล้ว


สาววัย 21 แจ้งจับสามีใหม่แม่ หลังสงสัยทำร้ายบุตรสาววัย 3 ปีบาดเจ็บสาหัส (http://www.youtube.com/watch?v=oq00m9dLjbE#)

สาววัย 21 แจ้งจับสามีใหม่แม่ หลังสงสัยทำร้ายบุตรสาววัย 3 ปีบาดเจ็บสาหัส (http://www.youtube.com/watch?v=oq00m9dLjbE#)
-http://www.youtube.com/watch?v=oq00m9dLjbE-
คลิป สาววัย 21 แจ้งจับสามีใหม่แม่ หลังสงสัยทำร้ายบุตรสาววัย 3 ปีบาดเจ็บสาหัส : เครดิต รายการเรื่องเล่าเช้านี้ โพสต์โดย คุณ LAKORNHD ThaiTV
หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ สิงหาคม 30, 2013, 10:52:24 pm
ไฟทางไม่มี "พ.ต.ท."ซิ่งกระบะชนแท่งแบริเออร์คว่ำก่อนข้ามสะพานคลองเชียงราก สาหัส

-http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1377823970&grpid=&catid=19&subcatid=1904-


เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 30 สิงหาคม   ตำรวจ สภ.สวนพริกไทย รับแจ้งมีรถกระบะชนแท่งแบริเออร์ ก่อนข้ามสะพานคลองเชียงราก ถนนติวานนท์ ม.2 ต.บ้านกลาง อ.เมือง จ.ปทุมธานี   คนขับได้รับบาดเจ็บสาหัส จึงรุดตรวจสอบ

 

ที่เกิดเหตุพบรถกระบะยี่ห้ออีชูชู ชนกับแท่งแบริเออร์ที่กำลังก่อสร้างขยายสะพานข้ามคลอง ทำให้รถเสียหลักพลิกคว่ำลงไปไหล่ทาง ส่วนคนขับคือ พ.ต.ท.สาโรจน์ คุ้มทรัพย์ พนักงานสอบสวน สภ.สามโคก ซึ่งกลับจากออกเวร มีบาดแผลที่ศีรษะเปิดใบหน้าได้รับบาดเจ็บสาหัส ถูกนำตัวส่ง รพ.

 

สำหรับจุดเกิดเหตุบนถนนติวานนท์  ดังกล่าว เป็นเชิงทางขึ้นสะพานที่ทางแขวงการทางจังหวัดปทุมธานี ได้ทำการขยายสะพาน และมีการนำแท่งปูนมาตั้งกั้นริมชายถนนป้องกันเกิดอุบัติเหตุ แต่ไม่มีแสงไฟกระพริบเตือน และไฟส่องสว่างริมทางทั้งสองข้างทางไม่มีการติดตั้งไว้ให้สังเกต จึงทำให้เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สวนพริกไทย จะประสานผู้รับเหมานำไฟส่องสว่างมาติดตั้งต่อไป



หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ สิงหาคม 30, 2013, 10:56:15 pm
Guy hit by car while talking on cell phone

Guy hit by car while talking on cell phone (http://www.youtube.com/watch?v=mCQVWh3a3DQ#ws)

Guy hit by car while talking on cell phone (http://www.youtube.com/watch?v=mCQVWh3a3DQ#ws)

-http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=mCQVWh3a3DQ-
หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ สิงหาคม 31, 2013, 09:24:41 am
“พ.ต.ท.สมิง รอดรัตษะ” นอนคุกศาลอุทธรณ์ไม่ให้ประกันตัวคดีจับผู้ต้องหาโดยไม่มีหมายศาล
โดย ทีมข่าวอาชญากรรม    30 สิงหาคม 2556 14:34 น.
-http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9560000108785-

(http://mpics.manager.co.th/pics/Images/556000011420603.JPEG)
พ.ต.ท.สมิง รอดรัตษะ อดีต สว.สส.สน.พญาไท ยศขณะนั้น


(http://mpics.manager.co.th/pics/Images/556000011420604.JPEG)
ปัจจุบันเป็นผู้กำกับ สน.ประชาสำราญ

(http://mpics.manager.co.th/pics/Images/556000011420605.JPEG)

(http://mpics.manager.co.th/pics/Images/556000011420606.JPEG)

2013/08/30 อุทธรณ์แก้จำคุก 4 ปี "พ.ต.ท.สมิง รอดรัตษะ" จับผู้ต้องหาโดยไม่มีหมายศาล (http://www.youtube.com/watch?v=tCtjewDhtGM#)
-http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=tCtjewDhtGM-

“พ.ต.ท.สมิง รอดรัตษะ” พร้อมจำเลยที่เกี่ยวข้องนอนคุก ศาลอุทธรณ์ยกคำร้องการประกันตัวไปให้ศาลฏีกาพิจารณา ภายหลัง ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้จำคุก 4 ปี ในคดีร่วมกันจับผู้ต้องหาโดยไม่มีหมายศาล บังคับให้รับสารภาพค้ายาบ้า 100 เม็ด พร้อมลูกน้องอีก 3 คน ส่วนจำเลยที่ 3, 4, 5, 6,และ 9 ให้ยกฟ้อง
       
2013/08/30 อุทธรณ์แก้จำคุก 4 ปี "พ.ต.ท.สมิง รอดรัตษะ" จับผู้ต้องหาโดยไม่มีหมายศาล (http://www.youtube.com/watch?v=tCtjewDhtGM#)

วันนี้ (30 ส.ค.) ที่ห้องพิจารณาคดี 802 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ในคดีที่นางกรองกาญจน์ ถิ่นอ่อน เป็นโจทก์ฟ้อง พ.ต.ท.สมิง รอดรัตษะ อดีต สว.สส.สน.พญาไท, พ.ต.ท.พรรณศักดิ์ วรบูลย์สวัสดิ์ อดีตรอง สว.สส.สน.พญาไท, ร.ต.อ.กิตติพงษ์ สิมมาลี, ด.ต.ภิญโญ แสงทิพย์, ด.ต.อภิทักษ์ แก้วเกลื่อน, ด.ต.อวยชัย ทับสุรีย์, จ.ส.ต.บุญเรือง บุตรวงศ์, จ.ส.ต.รุ่ง ทิพย์ขำ, จ.ส.ต.หญิงศศิธร ทับสุรีย์, จ.ส.ต.วันเผด็จ แท่นรัตน์ และ ส.ต.ท.สุธรรม แย้มช่วย เป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.พญาไท (ยศและตำแหน่งขณะเกิดเหตุปี 2548) เป็นจำเลยที่ 1-11 ในความผิดฐาน กระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ กรณีเมื่อวันที่ 16 มิ.ย. 2548 จำเลยทั้งสิบเอ็ด ร่วมกันแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่เป็นเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมนางกรองกาญจน์ ถิ่นอ่อน อายุ 53 ปี โดยไม่มีหมายจับของศาล โดยใช้กำลังและอาวุธบังคับข่มขืนใจโจทก์ให้ขึ้นรถยนต์ไปกับพวกจำเลย โดยระหว่างนั้นใช้ถุงดำคลุมศีรษะและรัดคอโจทก์ไว้เพื่อข่มขู่ให้โจทก์รับสารภาพคดีมียาบ้าจำนวน 100 เม็ดไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย
       
       โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. 2548 เวลากลางวัน จำเลยทั้ง 11 คนมีหน้าที่สืบสวนสอบสวนคดีอาญา ตรวจค้นและจับกุมผู้กระทำความผิด อันเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมาย ได้ร่วมกันแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่เป็นเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมโจทก์โดยไม่มีหมายจับของศาล จับกุมโจทก์ไปจากท่าอากาศยานกรุงเทพดอนเมือง โดยใช้กำลังและอาวุธบังคับโจทก์ให้ขึ้นรถไปกับจำเลย ในระหว่างอยู่บนรถจำเลยกับพวกใช้ถุงดำคลุมศีรษะและรัดคอโจทก์ไว้ในระหว่างที่นั่งรถยนต์ จำเลยกับพวกได้ข่มขู่ให้โจทก์รับสารภาพ โดยตั้งข้อหาว่ามียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำนวน 100 เม็ด โจทก์ได้ปฏิเสธ จำเลยไม่ยอมปล่อยตัวโจทก์ และไม่นำส่งพนักงานสอบสวนหรือพาไปยังสถานีตำรวจ ต่อมาจำเลยกับพวกได้ให้โจทก์พาไปที่สถานที่โกดังของโจทก์เพื่อตรวจค้น ไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย แต่จำเลยกับพวกได้ร่วมกันทำเอกสารการจับกุมและเอกสารอื่นๆ อันเป็นเท็จโดยบังคับให้โจทก์ลงลายมือชื่อ โดยเอกสารดังกล่าวได้จัดพิมพ์ไว้แล้ว และมีข้อความว่ารับสารภาพ เหตุเกิดที่แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กรุงเทพฯ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157, 162, 172, 309, 310 ทวิ จำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธ
       
       ศาลชั้นต้นพิเคราะห์แล้วเห็นว่า พยานโจทก์เบิกความสอดคล้องเป็นลำดับขั้นตอน หากไม่เป็นความจริงก็ยากที่จะปั้นแต่งเรื่องขึ้นเอง โจทก์เบิกความได้สอดคล้องกับนางชลลดา พยานโจทก์ เนื่องจากนางชลลดาได้ถูกกลุ่มจำเลยจับกุมไปตั้งแต่วันที่ 15 มิ.ย. 2548 โดยกลุ่มจำเลยบังคับให้นางชลลดาโทรศัพท์หาโจทก์ เพื่อให้โจทก์เดินทางมาพบ เมื่อโจทก์เมื่อถึงสนามบินดอนเมืองจึงถูกจับกุม นอกจากนี้ คำเบิกความโจทก์ยังสอดคล้องกับ หนังสือร้องขอความเป็นธรรมถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ลงฉบับวันที่ 22 ก.ย. 48 และสอดคล้องกับคำเบิกความที่โจทก์เป็นจำเลยในคดีหมายเลขแดง ที่ 7010/2549 เห็นว่าแม้โจทก์จะเบิกความถึง 2 ครั้ง แต่มีความแตกต่างกันด้านเวลา ก็ยังสามารถเบิกความได้อย่างละเอียด เชื่อว่าโจทก์เบิกความไปตามจริงให้จำคุก จำเลยที่ 1, 2, 7, 8, 10 และ 11 ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น ลงโทษจำคุกคนละ 5 ปี ส่วนจำเลยที่ 6 และ 9 มีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เป็นเจ้าพนักงานทำเอกสารเท็จ จำคุกคนละ 4 ปี และให้ยกฟ้องจำเลยที่ 3, 4 และ 5
       
       ขณะเดียวกัน จำเลยที่ 1, 2, 7, 8, 10, 11 ใช้ตำแหน่งหน้าที่ราชการและเงินสด ราคาประกันรวมมูลค่าคนละ 5 แสนบาท ขณะที่จำเลยที่ 6 และ 9 ใช้ตำแหน่งหน้าที่ราชการและเงินสด ราคาประกันรวมมูลค่า คนละ 4 แสนบาทยื่นขอประกัน ซึ่งศาลพิจารณาแล้วอนุญาตให้ประกันตัว ต่อมาจำเลยยื่นอุทธรณ์
       
       ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนและปรึกษาแล้วข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า เมื่อวันที่ 14 มิ.ย. 2548 จำเลยทั้งหมดได้วางแผนจับกุมนางชลลดา ณ เชียงใหม่ พร้อมยาบ้า 114,000 เม็ด และรถยนต์ฟอร์ด ทะเบียน ศน-4851 กทม. ของโจทก์ที่นางชลลดา ขอยืมใช้ ที่บริเวณถนนมอเตอร์เวย์ โดยจำเลยเชื่อว่าโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของรถยนต์คันดังกล่าวต้องมีส่วนร่วมในการค้ายาเสพติดด้วย จำเลยจึงให้นางชลลดา โทรศัพท์หาโจทก์เพื่อให้มาหา โดยอ้างว่ารถยนต์ที่ยืมมาเกิดอุบัติเหตุ ต่อมาวันที่ 16 มิ.ย. 48 โจทก์จึงได้นั่งเครื่องบินจาก จ.เชียงใหม่มาที่สนามบินดอนเมือง จากนั้นจำเลย ที่ 2 พร้อมพวกได้เข้าทำการจับกุมโจทก์ก่อนจะพาขึ้นรถยนต์ โดยมีจำเลยอื่นนั่งมาด้วย โดยนำถุงดำคลุมศีรษะและมัดมือโจทก์ จากนั้นพาโจทก์ไปยังค้นห้องพักภายในคอนโดรีเจนท์ ศรีนครินทร์ และห้องพักของโรงแรมแห่งหนึ่ง แต่ก็ไม่พบยาเสพติด ต่อมาจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นหัวหน้าได้เดินทางมาข่มขู่โจทก์เพื่อให้บอกเบาะแสที่ซ่อนยาเสพติด ส่วนจำเลยคนอื่นๆได้พูดเกลี้ยกล่อมให้ยอมรับสารภาพจากนั้นพาโจทก์ไปที่ สน.พญาไท เพื่อลงบันทึกจับกุมคดีครอบครองยาบ้าจำนวน 100 เม็ด ซึ่งไม่เป็นความจริง และได้นำตัวจำเลยส่งพนักงานสอบสวน บช.ปส.
       
       พิเคราะห์แล้วเห็นว่าพยานหลักฐานโจทก์มีน้ำหนักมั่นคงน่าเชื่อได้ว่าจำเลยไม่มีหมายจับ แต่กลับนำโจทก์ไปกักขังหน่วงเหนี่ยวและบังคับให้รับสารภาพจากการ ซึ่งจำเลยไม่ได้ทำตามขั้นตอนของกฎหมาย เพียงแต่เชื่อว่าโจทก์มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย แต่ไม่ได้กระทำตามขั้นตอน แล้วยังกระทำผิดเสียเอง โดยขณะที่นำโจทก์ไปตรวจค้นที่ห้องพักไม่ได้มีการปิดตา โจทก์จึงสามารถมองเห็นใบหน้าจำเลยได้อย่างชัดเจน โดยจำเลยที่ 2และ 7 เกลี้ยกล่อมให้รับสารภาพ และจับกุมใส่กุญแจมือนอนในห้องพักเดียวพร้อมกับจำเลยคนอื่นๆ โจทก์จึงย่อมมองเห็นหน้าจำเลยได้อย่างชัดเจน เห็นว่าจำเลยที่ 2,7,8,10,11 ได้ร่วมข่มขืนใจโจทก์ให้กระทำการใดๆ และหน่วงเหนี่ยวกักขังให้ปราศจากเสรีภาพ
       
       จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาของจำเลยที่ 2-11 ย่อมต้องรู้เห็นด้วยกับการกระทำของจำเลย โดยจำเลยที่ 1 ถือเป็นตัวการ จำเลยที่ 1,2,7,8,10,11 จับกุมโจทก์โดยไม่มีหมายจับ และใช้อาวุธปืนบังคับข่มขืนใจ หน่วงเหนี่ยวกักขัง จึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม.157 แม้ว่าจำเลยอ้างว่า ระหว่างเกิดเหตุติดเวรรับเสด็จแต่ก็ไม่มีน้ำหนักเพียงพอที่จะหักล้างพยานหลักฐานโจทก์ได้
       
       ส่วนอุทธรณ์ของจำเลยที่1,2,7,8,10,11 ที่ระบุว่าทำตามหน้าที่ราชการ มีความขยันขันแข็งไม่เคยต้องโทษมาก่อน ขอให้ศาลรอการลงโทษสถานเบาหรือให้รอการลงโทษนั้นเห็นว่า จำเลยเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย แต่จำเลยกลับละเมิดกฎหมายเอง ถือเป็นความผิดร้ายแรงจึงไม่สมควรให้รอการลงโทษ อุทธรณ์จำเลยฟังไม่ขึ้น ส่วนที่ศาลชั้นต้นยกฟ้องจำเลยที่ 3,4,5 ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วย
       
       พิพากษาแก้ว่า จำเลยที่ 1,2,7,8,10,11 มีความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ ตาม ประมวลกฎหมายอาญา ม.157 ซึ่งเป็นบทหนักสุด จำคุกจำเลยที่ 1,2,7,10 คนละ 4 ปี และจำคุกจำเลยที่ 8,11 คนละ 3 ปี ส่วนจำเลยที่ 3,4,5,6 และ9 ให้ยกฟ้อง
       
       ต่อมาเวลา 18.30 น.ผู้สื่อข่าวรายงานว่าศาลอุทธรณ์โดยมีคำสั่งให้เพิ่มหลักทรัพย์การประกันตัวจำเลย เป็นคนละ 500,000 บาท พร้อมส่งคำร้องการประกันตัวของจำเลยทั้งหมดไปให้ศาลฏีกาพิจารณาว่าจะให้ประกันตัวชั่วคราวระหว่างฏีกาคดีหรือไม่ โดยคาดว่าศาลฏีกาจะมีการพิจารณาคำร้องขอประกันตัวของจำเลย ในวันที่ 4 กันยายน 2556 นี้
       
       ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่าตลอดทั้งวันหลังที่ศาลอุทธรณ์ได้มีคำพิพากษาจำคุกจำเลยในคดี นี้ พ.ต.ท.สมิง รอดรัตษะ อดีต สว.สส.สน.พญาไท ซึ่งอยู่ในเครื่องแบบตำรวจเต็มยศปัจจุบันดำรงตำแหน่งเป็น ผกก.สน.ประชาสำราญ พื้นที่ในเขต บก.น.3 พร้อมจำเลยที่เกี่ยวข้องได้รอฟังคำสั่งศาลอยู่ในห้องพิจารณาคดี ซึ่งภายหลังศาลอุทธรณ์ได้ส่งคำร้องไปให้ศาลฏีกาเป็นผู้พิจารณาคำสั่งประกัน ทำให้ พ.ต.ท.สมิง รอดรัตษะ ผกก.สน.ประชาสำราญ ต้องถอดเครื่องแบบ ก่อนจะถูกนำตัวไปยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ทันทีพร้อมจำเลยที่เกี่ยวข้องทั้งหมด





หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ สิงหาคม 31, 2013, 09:30:21 am
ฉาว ! บ.ตรวจสุขภาพนักเรียน ใช้เข็มซ้ำ-จับหน้าอก อ้างตรวจมะเร็งเต้านม
-http://hilight.kapook.com/view/90482-

(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/fontip/etc3/450.jpg)

(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/fontip/etc3/news_50.jpg)


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก รายการเรื่องเล่าเช้านี้ โพสต์โดย คุณ LAKORNHD ThaiTV สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม

            ฉาว ! ผู้ปกครองและนักเรียน โรงเรียนแห่งหนึ่ง จ.เชียงใหม่ เผย บ.ตรวจสุขภาพนักเรียน ใช้เข็มซ้ำ-จับหน้าอก อ้างตรวจมะเร็งเต้านม ด้านผู้บริหารโรงเรียนเข้าแจ้งความแล้ว ยันเอาเรื่องให้ถึงที่สุด

            สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2556 ที่ผ่านมา ผู้ปกครองและนักเรียนโรงเรียนขนาดใหญ่แห่งหนึ่งใน จ.เชียงใหม่ มีความรู้สึกกังวลใจ เกี่ยวกับกรณีที่ทางโรงเรียนได้จ้างบริษัทแห่งหนึ่งให้ตรวจสุขภาพประจำปีของเด็กนักเรียน ครู และบุคลากร หลังจากทราบว่า บริษัทดังกล่าวเคยเป็นข่าวใช้เข็มฉีดยาซ้ำ เจาะเลือดนักเรียนหลาย ๆ คน ที่ จ.สระบุรี

            เกี่ยวกับกรณีดังกล่าว ล่าสุด วันนี้ (30 สิงหาคม 2556) รายการเรื่องเล่าเช้านี้ ทางช่อง 3 ได้นำเสนอความคืบหน้าว่า ทางผู้บริหารโรงเรียนได้ไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว โดยเผยว่าจัดจ้างบริษัทดังกล่าวอย่างถูกต้องแต่ไม่ทราบข่าวที่ จ.สระบุรี ส่วนการแจ้งความนั้น มีทั้งประเด็นการใช้เข็มซ้ำไม่ได้มาตรฐาน รวมถึงนักเรียนบางคนยังถูกลวนลาม โดยมีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตรวจผู้ชายได้ลวนลามตรวจหน้าอกนักเรียนหญิง ม.ปลาย ในลักษณะบีบจับและเค้น นอกจากนี้ยังระบุว่า ถ้านักเรียนหญิงคนไหนหน้าตาดีก็จะถูกตรวจอย่างละเอียดมากกว่าคนอื่น ๆ อ้างว่าเป็นการตรวจหามะเร็งเต้านม

            อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่ตำรวจจะสอบสวนหาหลักฐานและแจ้งข้อกล่าวหาต่อไป ส่วนหลังจากนี้ หากนักเรียนคนใดพบความผิดปกติจากการตรวจสุขภาพ ทางโรงเรียนก็จะดำเนินการตามกฎหมายกับบริษัทดังกล่าวให้ถึงที่สุดด้วย และเพื่อความสบายใจ ก็จะให้แพทย์ไปตรวจเจาะเลือดให้กับนักเรียนใหม่อีกครั้งในเร็ว ๆ นี้ โดยทางสมาคมผู้ปกครองและครูจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในส่วนนี้


https://www.youtube.com/watch?v=HUqQd9YnCi4&feature=player_embedded (https://www.youtube.com/watch?v=HUqQd9YnCi4&feature=player_embedded)
คลิป ฉาวอีก! กรณี บ.ตรวจสุขภาพ ใช้เข็มฉีดยาซ้ำ ล่าสุด นักเรียนร้องถูกลวนลาม ขณะตรวจ : เครดิต รายการเรื่องเล่าเช้านี้ โพสต์โดย คุณ LAKORNHD ThaiTV

https://www.youtube.com/watch?v=HUqQd9YnCi4&feature=player_embedded (https://www.youtube.com/watch?v=HUqQd9YnCi4&feature=player_embedded)
-https://www.youtube.com/watch?v=HUqQd9YnCi4&feature=player_embedded-


หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ สิงหาคม 31, 2013, 09:43:57 am
จับพ่อค้าขนมโตเกียว แทงเด็กเอแบคดับ ยัวะถูกต่อราคา 10 บาท
-http://hilight.kapook.com/view/90415-


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม


          ตำรวจจับพ่อค้าขนมโตเกียว คว้ามีดแทงเด็กเอแบค ปี 3 เสียชีวิต ฉุน ต่อราคาขนมชิ้นละ 20 เหลือ 10 บาท แถมยังชี้หน้าด่า เจ้าตัวอ้างป้องกันตัว เพราะผู้ตายจะเข้ามาทำร้ายก่อน
 
          วันนี้ (28 สิงหาคม 2556) เมื่อเวลา 11.30 น. พล.ต.ต.ธัชชัย หงษ์ทอง ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ พ.ต.อ.นครพัฒน์ พรหมพันธ์ รอง ผบก. พ.ต.อ.วสันต์ บุญเจริญ รอง ผบก. พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน แถลงข่าวจับกุม นายบรรจง สมดี อายุ 33 ปี พ่อค้าขายขนมโตเกียวริมถนนปากซอยบางนา-การเด้น แยก 7 หมู่ 7 ต.บางเสาธง หลังจาก นายบรรจง ก่อเหตุใช้มีดแทงนักศึกษาเอแบคเสียชีวิต

          ทั้งนี้ เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 02.00 น. ของวันที่ 27 สิงหาคม 2556 เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งเหตุฆาตกรรมที่ริมถนนปากซอยบางนา-การเด้น แยก 7 จึงรุดไปตรวจสอบ และพบศพ นายสหวัฎ วัชรเสมากุล อายุ 21 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 3 ม.อัสสัมชัญ (เอแบค) คณะบริหารธุรกิจ นอนเสียชีวิตอยู่ใกล้รถขายขนมโตเกียว สภาพศพถูกมีดปลายแหลมยาวประมาณ 20 เซนติเมตรแทงเข้าที่หน้าอก ส่วนนายบรรจง คนขายขนมโตเกียวได้หลบหนีไปหลังก่อเหตุ ภายหลังเจ้าหน้าที่กระจายกำลังกันจนสามารถจับกุมตัวนายบรรจงไว้ได้

          จากการสอบสวน นายบรรจง รับสารภาพว่าเป็นผู้ลงมือแทงนายสหวัฎจริง โดยระหว่างที่ตนขายขนมโตเกียวอยู่ใกล้จุดเกิดเหตุ นายสหวัฎและเพื่อนนักศึกษารวม 3 คน ได้ออกมาจากผับในลักษณะมึนเมา แล้วโบกรถขายขนมให้จอดตรงจุดเกิดเหตุ พร้อมกับสั่งขนมโตเกียวแบบพิเศษใส่เครื่อง 3 อย่าง เมื่อทำขนมเสร็จ ตนได้เรียกเก็บเงิน 60 บาท เพราะขายราคาชิ้นละ 20 บาท แต่นายสหวัฎกลับไม่ยอมจ่าย โวยวายว่าตนขายของแพงเอาเปรียบนักศึกษา จะขอต่อราคาเหลือชิ้นละ 10 บาท

          นายบรรจง เล่าต่อว่า ตนไม่ยอมลดราคาให้ตามที่นายสหวัฎขอ และบอกว่าหากไม่ซื้อก็ไม่เป็นไร แต่นายสหวัฎโวยวายว่าจะซื้อ เพราะมีเงิน ก่อนจะพูดจาดูถูกว่าตนไม่มีการศึกษาต่างจากกลุ่มนายสหวัฎ จนเกิดการโต้เถียงกันขึ้น ต่อมา นายสหวัฎกับพวกพยายามจะพุ่งเข้ามาทำร้ายตน ตนจึงคว้ามีดปอกผลไม้แทงสวนกลับไป เพื่อป้องกันตัว แต่มีดกลับไปแทงที่อกนายสหวัฎจนเสียชีวิต เมื่อตนเห็นดังนั้นจึงกลัวความผิด และรีบวิ่งหนีไปทันที

          เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหาฆ่าผู้อื่น และจะสอบสวนต่อว่าเป็นการบันดาลโทสะ หรือป้องกันตัวตามที่กล่าวอ้างหรือไม่

 
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก-http://www.tnews.co.th/-

-http://www.tnews.co.th/html/news/67994/1457-%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%99%E0%B8%B2-%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8
%9A%E0%B8%9E%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%84%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%82%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B9%82%E0%
B8%95%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%
B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%94%E0%B8%9B%E0%
B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%9C%E0%B8%A5%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%89%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%
B8%A2%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%99%E0%B8%A8%E0%B8%9B%E0%B8%B53%E0%B9
%80%E0%B8%AD%E0%B9%81%E0%B8%9A%E0%B8%84%E0%B8%94%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%84%E0%B8%B2%E0%B8%97%
E0%B8%B5%E0%B9%88.html-



-----------------------------------------------------------


บอกให้รู้ว่า ก่อนพูด ให้คิดก่อน


.


เปิดโปงอีกมุม! คดีดังพ่อค้าโตเกียวแทงนักศึกษาตาย


เปิดโปงคำชี้แจง นักศึกษาโพสต์เฟซบุ๊กเล่าเหตุการณ์อีกมุมมองของคดีดัง พ่อค้าโตเกียวแทงนักศึกษาหนุ่ม ม.เอแบค เสียชีวิต

(30 ส.ค.) จากคดีอาชญากรรมที่กลายเป็นข่าวเมื่อวันที่ 28 ส.ค. ที่ผ่านมา กรณีพ่อค้าโตเกียวก่อเหตุใช้อาวุธมีดแทงนักศึกษาชั้นปีที่ 3 มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (เอแบค) จนเสียชีวิต โดยพ่อค้าผู้ก่อเหตุได้ให้การระบุว่า ผู้เสียชีวิตมีอาการมึนเมาและต่อรองราคาขนมโตเกียว กล่าวหาว่าราคาสูงจนเกินไป จนเกิดความไม่พอใจกัน ตามที่ได้รายงานข่าวไปแล้วเบื้องต้น

ทางทีมข่าว Sanook! News ได้รับข้อความชี้แจงกรณีดังกล่าว ซึ่งระบุว่าเป็นมุมมองจากเพื่อนของผู้เสียชีวิตและเป็นหนึ่งในผู้ที่ร่วมอยู่ในเหตุการณ์ดังกล่าวด้วย โดยผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ คุณ Sarin Lueprasert ได้โพสต์ลงข้อความยาวชี้แจงและขอความเป็นธรรมเกี่ยวกับประเด็นข่าวพ่อค้าโตเกียวแทงนักศึกษาเสียชีวิตในอีกด้านหนึ่ง มีใจความระบุเอาไว้ว่า

"เรื่องคนขายขนมโตเกียวที่แทงเด็กเอแบค ผมคือเพื่อนของคนที่โดนแทงเสียชีวตอยู่ในเหตุการณ์นั้นผมต้องการจะออกมาบอกความจริงทั้งหมดถึงเรื่องคืนนั้นเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับเพื่อนของผมขอให้ทุกคนโปรดรับฟังและเข้าใจใน ณ ที่นี้ด้วย

เรื่องเกิดขึ้นเมื่อประมาณตี 1 กว่าๆ ผมหิวข้าวเลยออกไปซื้อหมูปิ้งร้านที่รู้จักกันดีแถวนั้น ขากลับผมเลยบอกเพื่อนอีกคนว่า ผมหิวเลยอยากซื้ออะไรไปกินอีกหน่อยก็เลยขอแวะซื้อขนมโตเกียวกินพอข้ามถนนเพื่อนผมก็ได้ถามไปว่าเปิดไหมครับคนขายตอบว่าเปิดด้วยเสียงที่ไม่ค่อยจะเป็นมิตรซักเท่าไหร่

แต่พวกผมก็ไม่ได้คิดอะไรผมก็สั่งกินตามปกติหลังจากนั้นเรื่องมันเกิดที่ว่าพวกผมถามราคาเท่าไหร่คนขายก็ตอบว่า 20 บาท เพื่อนผมอีกคนกับคนที่ประสบเหตุก็คุยกันแบบไม่มีอะไรว่า 20 เลยหรอแถวบ้านขาย 10 บาทเองเลยไม่มีเจตนาที่จะเหน็บแนมคนขายแต่อย่างได

หลังจากนั้นคนขายก็หันมามองหน้าแล้วบอกว่า "ถ้าไม่อยากซื้อก็ไม่ต้องซื้อ" ด้วยนํ้าเสียงที่ไม่ดีเลย ถ้าเป็นเด็กเอแบคบางคนคงจะรู้กันดี หลังจากนั้นเพื่อนผมก็เริ่มอารมเสียเลยถามกลับไปว่า "แล้วพี่อยากขายรึเปล่าละ" แล้วก็ได้มองหน้ากันซักครู่ผมบอกในที่นี้เลยว่าไม่มีการใช้คำพูดที่ว่า "กูมีตังค์กูจะซื้อ" แต่อย่างใด

หลังจากนั้นผมเห็นถ้าจะไม่ดีก็เลยบอกว่ากลับเหอะ ไม่กินแล้ว เพื่อนผมก็บอกว่า ไม่เป็นไรขอคุยให้รู้เรื่องก่อน จากนั้นคนขายที่ถือมีดอยู่แล้ว ได้เข้ามาแทงเพื่อนผมโดยที่พวกผมไม่ได้มีเจตนาไปทำร้ายเค้าก่อนแต่อย่างใด

อีกเรื่องครับ ตามเนื้อข่าวที่ว่าพวกผมเมา พวกผมไม่ได้เมาแต่อย่างใด พวกผมมีสติกันดี แล้วขอยํ้าว่าพวกผมไม่ได้มีเจตนาจะไปทำร้ายใคร อยู่ปี 3 ปี 4 จวนจะจบอยู่แล้วพวกผมคงไม่หาเรื่องใส่ตัวหรอกครับ ขอให้ทุกคนเข้าใจพวกผมด้วย

อีกเรื่องถึงคนที่ออกความคิดเห็นก็ข่าวตามเว็ปต่างๆ ในด้านที่ทำให้เพื่อนผมเสีย พวกคุณไม่รู้ความจริงอะไรเลยอ่านตามเนื้อข่าวแล้วออกซํ้าเติมคนที่เค้าเสียไปแล้ว พวกคุณคิดอะไรอยู่หรอครับ ถ้าเรื่องมันเกิดกับคนใกล้ตัวคุณบ้างละ พ่อ แม่ พี่ น้องไม่เว้นแต่แฟนของพวกคุณจะรู้สึกยังไงแล้วยิ่งมีคนมาซํ้าเติมอีกทั้งๆ ที่ไม่รู้อะไรเลยพวกคุณยังจะยิ้มแล้วหัวเราะออกไหมครับ พวกผมแค่คนๆ นึงที่อยากใช้ชีวิตเด็กมหาลัยกับเพื่อนๆ โดยไม่คิดที่จะมีปัญหากับใคร"

อย่างไรก็ตาม ทันทีที่ข้อความชี้แจงดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกมา ก็มีพูดคนในโลกออนไลน์เข้ามาแสดงความคิดเห็นกันต่างๆ นานา บางส่วนก็รู้สึกหายขัดข้องใจที่ได้รับรู้ข้อมูลอีกฝ่ายอีกมุมมอง ซึ่งดีกว่าที่ได้รับรู้เรื่องแต่มุมเดียว บางส่วนรู้สึกเห็นใจและเสียใจกับการสูญเสีย ในขณะที่คนอีกบางส่วนยังไม่ปักใจเชื่อในบางประเด็น ให้นิยามว่า คนเสียชีวิตยังไงก็พูดไม่ได้และเป็นเงื่อนงำ


--------------------------------------------------------------------

ข้อคิด 

"คิดก่อนพูด คิดก่อนทำ จะไม่เกิดเหตุขึ้น"



.
หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ สิงหาคม 31, 2013, 09:48:55 am
สาวผงะ! กินหมูกะทะ แถมแมลงสาบเป็นฝูง
-http://news.sanook.com/1206044/%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%9C%E0%B8%87%E0%B8%B0-%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%B0%E0%B8%97%E0%B8%B0-%E0%B9%81%E0%B8%96%E0%B8%A1%E0%B9%81%E0%B8%A1%E0%B8%A5%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%9A%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B8%9D%E0%B8%B9%E0%B8%87/-


สาวโพสต์คลิปอ้างไปกินร้านหมูกะทะหน้า มหาวิทยาลัยชื่อดังเมืองเชียงใหม่ เจอฝูงแมลงสาบเพียบ พนักงานรู้แต่ไม่สนใจ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (31 ส.ค.) ในเว็บไซต์ยูทูป ได้มีหญิงสาวเข้ามาโพสต์คลิปที่มีชื่อว่า ช็อค...กินหมูกะทะ แถม แมลงสาบมาเป็นฝูง พร้อมเล่าเหตุกาณ์ในวันที่ 28 ส.ค.ที่ผ่านมา อ้างว่าเจอกองทัพแมลงสาบในร้านหมูกะทะ หน้ามหาวิทยาลัยชื่อดัง ของจังหวัดเชียงใหม่ โดยมีข้อความดังนี้


วันนี้ค่ะ(28/08/56)เวลาประมาณหกโมงกว่าๆ ไปกินหมูกะทะที่หน้าม.มา

ตอนแรกที่เดินเข้าร้านไปคนเยอะมากเหลือที่­นั่งประมาณ สาม สี่ โต๊ะเอง ตอนนั่งกินแรกๆก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นนะคะ พอนั้่งไปได้สักพัก เจ้าตัวปัญหาเริ่มออกมาค่ะ มันไม่ได้ออกมาแค่ตัวสองตัว มันมาเป็นฝูงเลย ยั้วเยี้ยเต็มโต๊ะ จะกินต่อก็ยังไงอยู่ไม่ไหวจริงๆ

อีกสักพักโต๊ะข้างๆที่เห็นเราเอาโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายวิดีโอก็เริ่มสังเกตว่าโต๊ะตัวเองก็มีเหมือนกันเลยเรียกพนักงานมาเก็บตังค์ พนักงานก็เหมือนจะรู้นะคะว่าร้านตัวเองมีแมลงสาบเยอะ แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร ตอนพนักงานเก็บโต๊ะข้างๆเราก็นั่งดูสถานะการณ์ต่อค่ะว่าเค้าจะทำอะไรมั้ย

เค้าก็ไม่ได้ใส่ใจเหมือนเดิมเหมือนกับว่ามันเป็นเรื่องปกติที่ร้านเค้าจะมีแมลงสาบวิ่งไต่ไปมาบนโต๊ะ พอพนักงานเช็ดทำความสะอาดโต๊ะข้างๆได้สักพักแมลงสาบเป็นฝูงก็วิ่งออกมาใหญ่เลย

เท่านั้นแหละ..เราก็ไม่ไหวละเลยเรียกพนักงานมาเก็บตังค์ ของที่ตักมาที่หลังก็ยังไม่ได้กินนะคะ ก็ปล่อยไว้อย่างนั้น พนักงานก็ไม่ได้ว่าอะไรไม่คิดตังค์เพิ่ม เราจ่ายตังค์เสร็จก็รีบเดินออกจากร้านเลยค่ะ อยากจะอ้วกมาก กะจะเข้าไปคุยกับผู้จัดการร้านนะคะว่าร้านของเค้ามีแมลงสาบแต่ว่า คงไม่ต้องแล้วหล่ะค่ะ เพราะว่าพนักงานของเค้าเองก็รับรู้อยู่แล้วเพราะแมลงสาบมันเยอะขนาดนี้ ถ้าไม่เห็นก็ไม่รู้จะพูดยังไงแล้วค่ะ

ฝากคนที่จะไปกินนะคะ ถ้าชอบกินของสะอาดๆ ถูกหลักอนามัยเราว่าอย่าไปเลยค่ะ ร้านนี้...แต่ถ้าใครจะไปกินเราก็ไม่ได้ว่าอะไร ของร้านนี้เค้าก็เยอะนะคะ เมื่อก่อนเราก็ไปกินบ่อย แต่ช่วงหลังๆมานี่ ไม่เยอะแค่ของละคะ แมลงสาบก็เยอะ

หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ สิงหาคม 31, 2013, 10:22:12 am
สาวผงะ! กินหมูกะทะ แถมแมลงสาบเป็นฝูง
-http://news.sanook.com/1206044/%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%9C%E0%B8%87%E0%B8%B0-%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%B0%E0%B8%97%E0%B8%B0-%E0%B9%81%E0%B8%96%E0%B8%A1%E0%B9%81%E0%B8%A1%E0%B8%A5%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%9A%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B8%9D%E0%B8%B9%E0%B8%87/-


สาวโพสต์คลิปอ้างไปกินร้านหมูกะทะหน้า มหาวิทยาลัยชื่อดังเมืองเชียงใหม่ เจอฝูงแมลงสาบเพียบ พนักงานรู้แต่ไม่สนใจ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (31 ส.ค.) ในเว็บไซต์ยูทูป ได้มีหญิงสาวเข้ามาโพสต์คลิปที่มีชื่อว่า ช็อค...กินหมูกะทะ แถม แมลงสาบมาเป็นฝูง พร้อมเล่าเหตุกาณ์ในวันที่ 28 ส.ค.ที่ผ่านมา อ้างว่าเจอกองทัพแมลงสาบในร้านหมูกะทะ หน้ามหาวิทยาลัยชื่อดัง ของจังหวัดเชียงใหม่ โดยมีข้อความดังนี้


วันนี้ค่ะ(28/08/56)เวลาประมาณหกโมงกว่าๆ ไปกินหมูกะทะที่หน้าม.มา

ตอนแรกที่เดินเข้าร้านไปคนเยอะมากเหลือที่­นั่งประมาณ สาม สี่ โต๊ะเอง ตอนนั่งกินแรกๆก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นนะคะ พอนั้่งไปได้สักพัก เจ้าตัวปัญหาเริ่มออกมาค่ะ มันไม่ได้ออกมาแค่ตัวสองตัว มันมาเป็นฝูงเลย ยั้วเยี้ยเต็มโต๊ะ จะกินต่อก็ยังไงอยู่ไม่ไหวจริงๆ

อีกสักพักโต๊ะข้างๆที่เห็นเราเอาโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายวิดีโอก็เริ่มสังเกตว่าโต๊ะตัวเองก็มีเหมือนกันเลยเรียกพนักงานมาเก็บตังค์ พนักงานก็เหมือนจะรู้นะคะว่าร้านตัวเองมีแมลงสาบเยอะ แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร ตอนพนักงานเก็บโต๊ะข้างๆเราก็นั่งดูสถานะการณ์ต่อค่ะว่าเค้าจะทำอะไรมั้ย

เค้าก็ไม่ได้ใส่ใจเหมือนเดิมเหมือนกับว่ามันเป็นเรื่องปกติที่ร้านเค้าจะมีแมลงสาบวิ่งไต่ไปมาบนโต๊ะ พอพนักงานเช็ดทำความสะอาดโต๊ะข้างๆได้สักพักแมลงสาบเป็นฝูงก็วิ่งออกมาใหญ่เลย

เท่านั้นแหละ..เราก็ไม่ไหวละเลยเรียกพนักงานมาเก็บตังค์ ของที่ตักมาที่หลังก็ยังไม่ได้กินนะคะ ก็ปล่อยไว้อย่างนั้น พนักงานก็ไม่ได้ว่าอะไรไม่คิดตังค์เพิ่ม เราจ่ายตังค์เสร็จก็รีบเดินออกจากร้านเลยค่ะ อยากจะอ้วกมาก กะจะเข้าไปคุยกับผู้จัดการร้านนะคะว่าร้านของเค้ามีแมลงสาบแต่ว่า คงไม่ต้องแล้วหล่ะค่ะ เพราะว่าพนักงานของเค้าเองก็รับรู้อยู่แล้วเพราะแมลงสาบมันเยอะขนาดนี้ ถ้าไม่เห็นก็ไม่รู้จะพูดยังไงแล้วค่ะ

ฝากคนที่จะไปกินนะคะ ถ้าชอบกินของสะอาดๆ ถูกหลักอนามัยเราว่าอย่าไปเลยค่ะ ร้านนี้...แต่ถ้าใครจะไปกินเราก็ไม่ได้ว่าอะไร ของร้านนี้เค้าก็เยอะนะคะ เมื่อก่อนเราก็ไปกินบ่อย แต่ช่วงหลังๆมานี่ ไม่เยอะแค่ของละคะ แมลงสาบก็เยอะ

กินหมูกะทะ แถมแมลงสาบเป็นฝูง โปรดใช้วิขารณญาณ

http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=jz1INMeVln0#t=23 (http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=jz1INMeVln0#t=23)

http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=jz1INMeVln0#t=23 (http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=jz1INMeVln0#t=23)
-http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=jz1INMeVln0#t=23-

คลิป สุดช็อก กินหมูกะทะ แถมแมลงสาบมาเป็นฝูง ดูแล้วบ่องตง เจอแบบนี้มีกินกันไม่ลง ร้านหมูกะทะแห่งนี้ เป็นร้านหมูกะทะแห่งหนึ่ง หน้ามหาวิทยาลัยชื่อดัง จังหวัดเชียงใหม่ครับ เจ้าของคลิปเขาว่า ไปกินแล้วเจอแมลงสาวเป็นสิบๆ ตัววิ่งว่อนอยู่บนโต๊ะ ไม่ใช่แค่โต๊ะตัวเอง โต๊ะคนอื่นก็เป็นแบบเดียวกัน แถมพนักงานก็ดูเหมือนจะรู้ว่าร้านแมลงสาบเยอะ แต่ไม่ได้ให้ความสนใจเลย เอ่อ.. สนใจบ้างก็ดีนะ วิ่งกันว่อนแบบนี้ เดี๋ยวร้านก็เจ๊งหรอก โปรดใช้วิจารณญาณในการชมครับ


หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ กันยายน 01, 2013, 09:34:43 am
โจ๋ปทุม! ไม่พอใจนศ.รังสิต ขับรถตาม ยิงปืนขู่
-http://news.sanook.com/1206201/%E0%B9%82%E0%B8%88%E0%B9%8B%E0%B8%9B%E0%B8%97%E0%B8%B8%E0%B8%A1-%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%9E%E0%B8%AD%E0%B9%83%E0%B8%88%E0%B8%99%E0%B8%A8.%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%95-%E0%B8%82%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%96%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%A1-%E0%B8%A2%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%B7%E0%B8%99%E0%B8%82%E0%B8%B9%E0%B9%88/-

(http://news.sanook.com/gallery/gallery/1206201/366129/)

(http://news.sanook.com/gallery/gallery/1206201/366126/)

(http://news.sanook.com/gallery/gallery/1206201/366128/)

(http://news.sanook.com/gallery/gallery/1206201/366127/)

กลุ่มวัยเกิดความไม่พอใจนักศึกษา ม.รังสิต ขับรถไล่ตาม พร้อมยิงปืนขู่ ตีกระจกแตก


เมื่อเวลา 01:30 น. ร.ต.ท.ทัพภาค สินพูลผล ร้อยเวรสอบสวน สภ.คูคต จ.ปทุมธานี แจ้งเหตุจากศูนย์วิทยุปทุมธานี ว่า มีเหตุไล่ตีกัน ริมถนนพหลโยธินปากทางเข้าหมู่บ้านเมืองเอก ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี จึงไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ อยู่หน้าร้านยางเมืองเอก พบรถยนต์ฮอนด้า สีขาว ทะเบียน งห 3937 กทม. กระจกหน้าหลังถูกทุบตีแตกพังเสียหาย โดยมี นายเอกวุธ ช่มศิริ อายุ 22 ปี นักศึกษา ม.รังสิต ปี 1 สาขานิเทศศาสตร์ ยืนรอให้การกับตำรวจอยู่เล่าว่าตนได้ขับรถออกมาจากมหาวิทยาลัย พอขับมาถึงช่วงร้านอาหารสภาโสด ได้มีกลุ่มวัยรุ่นไม่ทราบจำนวนขับรถยนต์ไล่ตนมาและใช้อาวุธปืนยิงขู่ พอขับมาถึงหน้าร้านยางที่ตนเคยเปลี่ยน จึงจอดรถหน้าร้านและขอความช่วยเหลือ และขณะนั้นกลุ่มวัยรุ่นได้ลงมาทุบกระจกรถอีก เลยทำให้กระจกแตกเสียหาย และคนร้ายได้ขับรถมุ่งหน้าออกปากทางเมืองเอกไป โดยจำได้ว่าหนึ่งในรถของกลุ่มคนร้าย เป็นรถยนต์ฮอนด้า แจ๊ซ สีแดง ป้ายแดง ไม่ทราบเลขและหมวดอักษร 

จากการตรวจสอบรถของตนพบว่า มีรอยเหมือนรูกระสุนปืนเข้าที่บังโคลนข้างซ้ายใกล้กับล้อหลัง โชคดีที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ ทางด้านร้อยเวร จึงได้ยกรถมาเก็บที่ สภ.คูคต เพื่อจะทำการตรวจอีกครั้ง และให้ชุดสืบสวน ลงพื้นที่หาข่าวกลุ่มวัยรุ่นที่ได้ขับรถไล่ตามและทำลายทรัพย์เสียหาย จะติดตามจับกุมตัวคนร้ายต่อไป


-------------------------------------------------------------


อย่าเก็บเอาไว้

จับตายอย่างเดียว อยู่ไปรกแผ่นดิน

เสียดายเงินภาษีอากร ที่ต้องไปเลี้ยงพวกมันในคุก
หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ กันยายน 01, 2013, 09:40:34 am

ภัยลูกชิ้นเสียบไม้
-http://guru.sanook.com/pedia/topic/%E0%B8%A0%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%8A%E0%B8%B4%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%9A%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%89/-


      เด็กกับลูกชิ้นลูกกลมๆ แยกกันไม่ค่อยออก ที่พูดแบบนี้ไม่ได้ให้เปรียบเทียบความกลมกันนะคะ เพียงอยากให้คุณพ่อคุณแม่ลองนึกภาพหลังจากโรงเรียนเลิก ไม่ว่าจะเป็นบรรดาลูกชิ้นปิ้ง หมูปิ้ง ปลาหมึกย่าง ไส้กรอกเสียบไม้แสนอร่อย ต่างวางเรียงรายรอให้เด็กๆ กรูกันเข้าไปอุดหนุน

      หลายคนถือไม้เสียบลูกชิ้นใส่ปากเคี้ยวตุ้ยๆ กินอย่างเอร็ดอร่อย บางคนเวลาคงมีจำกัด กระโดดซ้อนท้ายรถมอเตอร์ไซค์คุณพ่อ ในมือถือไม้ลูกชิ้นกินเฉย คุณพ่อก็ขับไปเถอะ หนูถือกินต่อได้ เลยต้องนำอุทาหรณ์เรื่องไม้เสียบลูกชิ้นที่ทำให้เด็กๆ ได้รับบาดเจ็บมาแล้วมากมายมาเล่าต่อกัน

      ไม่ว่าจะเป็นไม้เสียบลูกชิ้นทิ่มเพดานปากทะลุลำคอ ทิ่มหน้าผาก ทิ่มลิ้น และน่าแปลกที่บ่อยที่สุดคือ ทำไมนะถึงได้ทิ่มเข้าลูกนัยน์ตาดำพอดี

      เหตุการณ์เกิดขึ้นสดๆ ร้อนๆ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ทางสถาบันได้รับตัวเด็กหญิงวัย 7 ขวบ เข้ารักษาด้วยสาเหตุจากไม้ลูกชิ้นเสียบเข้าทะลุนัยน์ตาดำ ซึ่งเคสแบบนี้ก็ไม่ใช่ครั้งแรกเสียด้วย เพราะจากสถิติที่ผ่านมาสถาบันเราเคยมีเด็กที่เจ็บป่วยจากอุบัติเหตุของแหลมทิ่มแทงอวัยวะสำคัญมากมายหลายคน โดยเฉพาะดวงตาถ้าพลาดโดนแล้วละก็โอกาสที่จะกลับมาใช้งานได้เช่นเดิมจะน้อยกว่าผู้ใหญ่ ลำพังเพียงแผลเล็กๆ สำหรับเด็กแล้วเป็นเรื่องใหญ่มาก โดยเฉพาะการติดเชื้อ ทำให้ไม่หายสักที พอได้แผลที่กระจกตาก็จะทำให้นัยน์ตาเบี้ยว การมองเห็นก็ไม่ดี แล้วถ้าเมื่อไรเด็กมองเห็นไม่ดีก็จะเกิดภาวะตาขี้เกียจตามมาอีก หรือเมื่อมองไม่เห็นอาจทำให้เด็กขาดโอกาสในการเรียนรู้ หรือการเรียนรู้น้อยลงไปอย่างน่าเสียดาย

      ถึงตอนนี้คงทำให้ผู้ปกครองหลายท่านเริ่มมองเห็นอันตรายจากปลายไม้แหลมคมกันแล้วนะคะ อย่างไรก็ดี อุบัติเหตุสามารถป้องกันได้ด้วยการไม่ประมาท ถ้าคุณพ่อคุณแม่เพิ่มความระมัดระวัง ใส่ใจ รู้จักสอนทักษะต่างๆ ให้กับลูก และรู้จักหักไม้เพื่อลดความแหลมคมก่อนกิน (ข้อนี้ต้องฝากไปถึงเหล่าบรรดาพ่อค้าแม่ค้าภายในบริเวณโรงเรียนด้วย)

      รวมถึงการปลูกฝังให้ลูกรู้จักการนั่งกินเป็นกิจจะลักษณะ  ไม่วิ่งเล่นไปกินไป ชี้แนะให้เด็กเห็นอันตรายที่จะเกิดขึ้น  เพราะถ้าเรารู้จักสอน ไม่ใช่แค่บอกลูกว่าอย่า อันตรายก็เกิดขึ้น ได้ยากแล้ว

แหล่งที่มา : -http://www.thaihealth.or.th/healthcontent/article/28483-
หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ กันยายน 04, 2013, 10:46:37 pm
นั่งกดมือถือในบ้าน อย่าคิดว่าปลอดภัย ไม่เชื่อ มาดู
-http://world.kapook.com/pin/5226bf2a38217a004c000000-

http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=nvoLXG8D8sY#t=27 (http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=nvoLXG8D8sY#t=27)
別背著街上路人完手機 後果很嚴重!!

http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=nvoLXG8D8sY#t=27 (http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=nvoLXG8D8sY#t=27)
-http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=nvoLXG8D8sY#t=27-

โอ้โฮ.. โจรมันช่างหาญกล้าแท้ๆ คลิป โจรฉกมือถือสาว คามือ อยู่ในบ้านแท้ๆ ความปลอดภัยยังไม่มี คลิปนี้เอามาเตือนภัย กันสักหน่อยครับ นั่งกดมือถืออยู่ในบ้านตัวเอง อย่าคิดว่าปลอดภัย 100% อย่างในคลิปนี้ สาวเธอนั่งกดมือถือเพลินๆ ในบ้านตัวเอง ยังอุตส่าห์มีโจรวิ่งราว ย่องมาฉก แล้ววิ่งหนีไปต่อหน้าต่อตา เชื่อเขาเลย!! โจรสมัยนี้ แม้แต่อยู่บ้าน ยังหาความปลอดภัยไม่ได้เลย
หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ กันยายน 05, 2013, 06:28:07 am
4 สารพิษในบ้าน อย่ามองข้าม...อันตรายใกล้ตัว (สุดๆ)

-http://campus.sanook.com/1369789/4-%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%A9%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99-%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A1...%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B9%83%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7-%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B9%86/-

ไม่เฉพาะอันตรายจากสารพิษ สารเคมี และสารปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อม (นอกบ้าน) เท่านั้น แต่หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่า ในบ้านอันแสนอบอุ่นของคุณนั่นแหละ ที่มีภัยเงียบจากสารเคมีนานาชนิดตกค้างอยู่ ไม่ว่าจะเป็นอาหาร ผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ต่างๆ ในบ้าน ฝุ่นละออง ฯลฯ

เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ นะ เพราะองค์การอนามัยโลก ถึงขนาดได้ออกมาประเมินว่า ในประเทศด้อยพัฒนา มลพิษจากอากาศภายในอาคารและบ้านเรือนริมถนน เป็นต้นเหตุสำคัญของโรคทางเดินหายใจ โรคปอด และโรคมะเร็ง ที่ทำให้คนตายรวมกันไม่น้อยกว่าปีละ 2 ล้านคนเลยทีเดียว (เสียวฝุดๆ)

มีอะไรบ้างล่ะที่เสี่ยง!

1) ฟอร์มัลดีไฮด์ นอกจากสารพิษชนิดที่ดมแล้วได้กลิ่น อย่างสารปนเปื้อนคาร์บอนมอนนอกไซด์ที่ระเหยจากการเผาไหม้ของน้ำมันเชื้อเพลิง กลิ่นใหม่ๆ จากของใช้ในบ้านแล้ว ยังมี "กลิ่นฉุน" ที่แฝงตัวอยู่อย่างเงียบเชียบ นั่นก็คือเจ้าฟอร์มัลดีไฮด์ สารร้ายในบ้านนั่นเอง

เจ้าสารชนิดนี้ เป็นแก๊สไม่มีสี แต่มีกลิ่นฉุน เป็นสารประกอบของฟอร์มาลินที่ใช้ฉีดและดองศพ ถ้ามีสารนี้ เราจะสังเกตง่ายๆ ก็คือ เราจะรู้สึกแสบตา มึนหัว หายใจอึดอัด ภายในบ้านเราจะพบได้ในเฟอร์นิเจอร์ที่มีส่วนประกอบของไม้อัด สารต้านเชื้อราในกาวลาเท็กซ์ที่ใช้ประกอบเครื่องเรือน แล็กเกอร์เคลือบไม้ พรมปูพื้น สีทาบ้าน วอลล์เปเปอร์ ผ้าม่าน ผ้าปูที่นอน ผ้าหุ้มเบาะโซฝา และเสื้อผ้าประเภทยับยาก ฟอร์มัลดีไฮด์ ทังหมดนี้ ล้วนเป็นสารก่อมะเร็ง ซึ่งคนในบ้านเสี่ยงเมื่อสัมผัส

2) น้ำยาทำความสะอาด น้ำยาทำความสะอาดเครื่องครัวบางชนิดมีโซดาไฟ เป็นส่วนประกอบซึ่งมีฤทธิ์กัดกร่อนเนื้อเยื่อ เป็นพิษต่อร่างกาย ต่อมาคือสารเคมีที่ใช้ในการขจัดสิ่งอุดตันในท่อน้ำทิ้งมักเป็นสารอันตรายที่มีฤทธิ์กัดกร่อนรุนแรง รวมทั้งยังต้องหลีกเลี่ยงการสูดกลิ่นเหล่านี้ เพราะมีอันตรายรุนแรง นอกจากนี้ ยังมีน้ำยาทำความสะอาดพื้นบ้าน ที่ปัจจุบันนี้ บ้านไหนก็ต้องมี ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดพื้นคือสารกลุ่มอัลคิล ฟีนอล อีธอกไซเลต ที่มีรายงานความเป็นพิษแบบเฉียบพลันของสาร NPE หากทาน สูดดม หรือสัมผัสในปริมาณความเข้มข้นสูงจะทำให้เกิดการระคายเคืองเยื่อบุทางเดินหายใจ ทางเดินอาหาร ตา และผิวหนังอย่างรุนแรง

3) มันมากับความหอม ใครๆ ก็ชอบใช่มั้ยล่ะความหอม ด้วยเหตุนี้ ในบ้านจึงมีผลิตภัณฑ์ที่สามารถทำให้สิ่งต่างๆ หอมดั่งเนรมิต แต่เจ้าความหอมที่ว่า มักมีอันตรายแฝงมาเสมอ เริ่มจากสบู่เหลวกลิ่นต่างๆ ใครจะรู้ว่าภายใต้ความหอมละมุนในช่วงอาบน้ำนั้นจะเต็มไปด้วยสารเคมีสังเคราะห์ที่ใช้ผสมลงไปจนกลายเป็น "สบู่เหลวเทียม" ซึ่งสามารถก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวแพ้ง่าย จนถึงขั้นเสี่ยงต่อมะเร็งในระยะยาว ในบางประเทศเขาห้ามหรือประกาศเตือนกันแล้วล่ะ แต่ไม่รู้ในบ้านเรายังมีการใช้สาร SLS (Sodium Lauryl Sulfate) และPEG (polyethylene Glycol) กันหรือเปล่า

ต่อไปคือผลิตภัณฑ์ดับกลิ่นในห้องน้ำ ที่เมื่อสูดกลิ่นเข้าไปแล้วอันตรายอย่างแน่นอน แต่ที่มากกว่านั้นก็คือหากสัมผัสสารเหล่านี้บ่อยครั้งจะทำให้เกิดอาการคันและระคายเคืองต่อผิวหนัง คลื่นไส้ อาเจียน รวมทั้งยังเป็นสารก่อมะเร็ง นอกจากนี้ ยังมีความเสี่ยงจากน้ำยาซักผ้า น้ำยาปรับผ้านุ่ม น้ำยาซักแห้ง อโรมาเธอราปี ซึ่งบางคนอาจแพ้ ต้องรู้จักสังเกตและเลี่ยงใช้ผลิตภัณฑ์ที่แพ้ก่อนที่จะเกิดการสะสมพิษในระยะยาว

เพราะจริงๆ แล้วสารเคมีที่ให้กลิ่นหอมเหล่านั้น เคยมีการทดลองในสหรัฐฯ แล้วพบว่า ผลิตัณฑ์เหล่านี้ ปล่อยสารระเหยอินทรีย์ออกมามากกว่า 20 ชนิด และ 7 ชนิด จาก 20 ชนิดตามกฎหมายถือเป็นสารอันตรายหรือเป็นพิษ ที่สำคัญอีกประการหนึ่ง กลิ่นระเหยของผลิตภัณฑ์เหล่านั้น ไม่ได้ทำให้อากาศในบ้านหอมขึ้น แต่จะไปกลบกลิ่นเหม็นหรือกลิ่นอับอื่นๆ ที่เราไม่ชอบ การหลีกเลี่ยงด้วยการเปิดห้องให้อากาศถ่ายเทน่าจะเป็นวิธีที่ดีกว่า

4) อันตรายจากเทคโนโลยี โทรทัศน์ คอมพิวเตอร์ ไมโครเวฟ โทรศัพท์มือถือ ฯลฯ นับเป็นเทคโนโลยีที่มีสารอันตรายปะปนอยู่ด้วยเสมอ ได้แก่ ตะกั่ว ปรอท แคดเมียม ฯลฯ สารพิษนานาชนิดเหล่านี้ จะถูกปล่อยออกมาปะปนในอากษส โดยที่วัสดุสังเคราะห์และเครื่องใช้ไฟฟ้าจะปล่อยสารเคมีหรือไอระเหยที่เป็นพิษนับร้อยชนิดสู่อากาศ ซึ่งเป็นต้นเหตุของโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ตามมา เช่น โรคภูมิแพ้ หอบหืด ระคายเคือง ไซนัส อ่อนเพลียโดยไม่ทราบสาเหตุ ปวดต้นคอ ปวดศีรษะ เป็นต้น

กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้จำแนกสารอันตรายที่อยู่ในผลิตภัณฑ์อิล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ เอาไว้ เช่น ตะกั่ว เป็นส่วนระกอบในการบัดกรีแผ่นวงจรพิมพ์ หลอดภาพรังสีแคโทด (CRT) เป็นต้น ผลกระทบจะทำลายระบบประสาทส่วนกลาง ระบบโลหิต โดยเฉพาะเด็กจะมีผลกระทบต่อพัฒนาการสมองเนื่องจากเด็กสามารถดูดซึมตะกั่วได้มากกว่าผู้ใหญ่ 5 เท่า

แคดเมียม มักพบในแผ่นวงจรพิมพ์ ตัวต้านทาน แบตเตอรี่แบบชาร์จได้ ซึ่งสารเหล่านี้จะสะสมในร่างกาย ส่งผลกระทบโดยตรงต่อไตและกระดูก ทำลายระบบประสาท ส่งผลต่อพัฒนาการและการมีบุตร ส่วน ปรอท มักพบในตัวตัดความร้อน สวิตซ์ และอุปกรณ์ให้แสงสว่างในจอภาพแบบแบน หากปนเปื้อนสู่แหล่งน้ำจะสะสมต่อไปในห่วงโซ่อาหาร ส่งผลต่อสมอง ไต และอวัยวะต่างๆ และเป็นพิษต่อระบบประสาทส่วนกลาง

นอกจากนี้ ยังมีอันตรายจากสารพิษอื่นๆ ที่แฝงอยู่ในบ้าน จำเป็นที่เราต้องระมัดระวัง โดยหันมาใช้ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติให้มากขึ้น เพราะภัยอันตรายจากสารพิษเหล่านี้ ไม่ได้เกิดเพียงชั่วข้ามคืน ที่สำคัญยังมองไม่เห็น การป้องกันก่อนเกิดจึงน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด


ที่มา : บ้านปลอดพิษ ชีวิตปลอดภัย โดย ผศ.ดร.พูลสุข ปรัชญานุสรณ์ สำนักพิมพ์มติชน (หน้าพิเศษ Hospital Healthcare)

http://campus.sanook.com/1369789/4-%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%A9%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99-%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A1...%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B9%83%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7-%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B9%86/ (http://campus.sanook.com/1369789/4-%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%A9%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99-%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A1...%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B9%83%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7-%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B9%86/)
หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ กันยายน 06, 2013, 10:37:59 pm
4 สารพิษในบ้าน อันตรายใกล้ตัว (สุดๆ)
-http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1378179934&grpid=&catid=09&subcatid=0902-

ไม่เฉพาะอันตรายจากสารพิษ สารเคมี และสารปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อม (นอกบ้าน) เท่านั้น แต่หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่า ในบ้านอันแสนอบอุ่นของคุณนั่นแหละ ที่มีภัยเงียบจากสารเคมีนานาชนิดตกค้างอยู่ ไม่ว่าจะเป็นอาหาร ผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ต่างๆ ในบ้าน ฝุ่นละออง ฯลฯ

เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ นะ เพราะองค์การอนามัยโลก ถึงขนาดได้ออกมาประเมินว่า ในประเทศด้อยพัฒนา มลพิษจากอากาศภายในอาคารและบ้านเรือนริมถนน เป็นต้นเหตุสำคัญของโรคทางเดินหายใจ โรคปอด และโรคมะเร็ง ที่ทำให้คนตายรวมกันไม่น้อยกว่าปีละ 2 ล้านคนเลยทีเดียว (เสียวฝุดๆ)

มีอะไรบ้างล่ะที่เสี่ยง!

 

มีอะไรบ้างล่ะที่เสี่ยง!

1) ฟอร์มัลดีไฮด์ นอกจากสารพิษชนิดที่ดมแล้วได้กลิ่น อย่างสารปนเปื้อนคาร์บอนมอนนอกไซด์ที่ระเหยจากการเผาไหม้ของน้ำมันเชื้อเพลิง กลิ่นใหม่ๆ จากของใช้ในบ้านแล้ว ยังมี "กลิ่นฉุน" ที่แฝงตัวอยู่อย่างเงียบเชียบ นั่นก็คือเจ้าฟอร์มัลดีไฮด์ สารร้ายในบ้านนั่นเอง

เจ้าสารชนิดนี้ เป็นแก๊สไม่มีสี แต่มีกลิ่นฉุน เป็นสารประกอบของฟอร์มาลินที่ใช้ฉีดและดองศพ ถ้ามีสารนี้ เราจะสังเกตง่ายๆ ก็คือ เราจะรู้สึกแสบตา มึนหัว หายใจอึดอัด ภายในบ้านเราจะพบได้ในเฟอร์นิเจอร์ที่มีส่วนประกอบของไม้อัด สารต้านเชื้อราในกาวลาเท็กซ์ที่ใช้ประกอบเครื่องเรือน แล็กเกอร์เคลือบไม้ พรมปูพื้น สีทาบ้าน วอลล์เปเปอร์ ผ้าม่าน ผ้าปูที่นอน ผ้าหุ้มเบาะโซฝา และเสื้อผ้าประเภทยับยาก ฟอร์มัลดีไฮด์ ทังหมดนี้ ล้วนเป็นสารก่อมะเร็ง ซึ่งคนในบ้านเสี่ยงเมื่อสัมผัส

2) น้ำยาทำความสะอาด น้ำยาทำความสะอาดเครื่องครัวบางชนิดมีโซดาไฟ เป็นส่วนประกอบซึ่งมีฤทธิ์กัดกร่อนเนื้อเยื่อ เป็นพิษต่อร่างกาย ต่อมาคือสารเคมีที่ใช้ในการขจัดสิ่งอุดตันในท่อน้ำทิ้งมักเป็นสารอันตรายที่มีฤทธิ์กัดกร่อนรุนแรง รวมทั้งยังต้องหลีกเลี่ยงการสูดกลิ่นเหล่านี้ เพราะมีอันตรายรุนแรง นอกจากนี้ ยังมีน้ำยาทำความสะอาดพื้นบ้าน ที่ปัจจุบันนี้ บ้านไหนก็ต้องมี ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดพื้นคือสารกลุ่มอัลคิล ฟีนอล อีธอกไซเลต ที่มีรายงานความเป็นพิษแบบเฉียบพลันของสาร NPE หากทาน สูดดม หรือสัมผัสในปริมาณความเข้มข้นสูงจะทำให้เกิดการระคายเคืองเยื่อบุทางเดินหายใจ ทางเดินอาหาร ตา และผิวหนังอย่างรุนแรง

3) มันมากับความหอม ใครๆ ก็ชอบใช่มั้ยล่ะความหอม ด้วยเหตุนี้ ในบ้านจึงมีผลิตภัณฑ์ที่สามารถทำให้สิ่งต่างๆ หอมดั่งเนรมิต แต่เจ้าความหอมที่ว่า มักมีอันตรายแฝงมาเสมอ เริ่มจากสบู่เหลวกลิ่นต่างๆ ใครจะรู้ว่าภายใต้ความหอมละมุนในช่วงอาบน้ำนั้นจะเต็มไปด้วยสารเคมีสังเคราะห์ที่ใช้ผสมลงไปจนกลายเป็น "สบู่เหลวเทียม" ซึ่งสามารถก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวแพ้ง่าย จนถึงขั้นเสี่ยงต่อมะเร็งในระยะยาว ในบางประเทศเขาห้ามหรือประกาศเตือนกันแล้วล่ะ แต่ไม่รู้ในบ้านเรายังมีการใช้สาร SLS (Sodium Lauryl Sulfate) และPEG (polyethylene Glycol) กันหรือเปล่า

ต่อไปคือผลิตภัณฑ์ดับกลิ่นในห้องน้ำ ที่เมื่อสูดกลิ่นเข้าไปแล้วอันตรายอย่างแน่นอน แต่ที่มากกว่านั้นก็คือหากสัมผัสสารเหล่านี้บ่อยครั้งจะทำให้เกิดอาการคันและระคายเคืองต่อผิวหนัง คลื่นไส้ อาเจียน รวมทั้งยังเป็นสารก่อมะเร็ง นอกจากนี้ ยังมีความเสี่ยงจากน้ำยาซักผ้า น้ำยาปรับผ้านุ่ม น้ำยาซักแห้ง อโรมาเธอราปี ซึ่งบางคนอาจแพ้ ต้องรู้จักสังเกตและเลี่ยงใช้ผลิตภัณฑ์ที่แพ้ก่อนที่จะเกิดการสะสมพิษในระยะยาว

เพราะจริงๆ แล้วสารเคมีที่ให้กลิ่นหอมเหล่านั้น เคยมีการทดลองในสหรัฐฯ แล้วพบว่า ผลิตัณฑ์เหล่านี้ ปล่อยสารระเหยอินทรีย์ออกมามากกว่า 20 ชนิด และ 7 ชนิด จาก 20 ชนิดตามกฎหมายถือเป็นสารอันตรายหรือเป็นพิษ ที่สำคัญอีกประการหนึ่ง กลิ่นระเหยของผลิตภัณฑ์เหล่านั้น ไม่ได้ทำให้อากาศในบ้านหอมขึ้น แต่จะไปกลบกลิ่นเหม็นหรือกลิ่นอับอื่นๆ ที่เราไม่ชอบ การหลีกเลี่ยงด้วยการเปิดห้องให้อากาศถ่ายเทน่าจะเป็นวิธีที่ดีกว่า

4) อันตรายจากเทคโนโลยี โทรทัศน์ คอมพิวเตอร์ ไมโครเวฟ โทรศัพท์มือถือ ฯลฯ นับเป็นเทคโนโลยีที่มีสารอันตรายปะปนอยู่ด้วยเสมอ ได้แก่ ตะกั่ว ปรอท แคดเมียม ฯลฯ สารพิษนานาชนิดเหล่านี้ จะถูกปล่อยออกมาปะปนในอากษส โดยที่วัสดุสังเคราะห์และเครื่องใช้ไฟฟ้าจะปล่อยสารเคมีหรือไอระเหยที่เป็นพิษนับร้อยชนิดสู่อากาศ ซึ่งเป็นต้นเหตุของโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ตามมา เช่น โรคภูมิแพ้ หอบหืด ระคายเคือง ไซนัส อ่อนเพลียโดยไม่ทราบสาเหตุ ปวดต้นคอ ปวดศีรษะ เป็นต้น

กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้จำแนกสารอันตรายที่อยู่ในผลิตภัณฑ์อิล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ เอาไว้ เช่น ตะกั่ว เป็นส่วนระกอบในการบัดกรีแผ่นวงจรพิมพ์ หลอดภาพรังสีแคโทด (CRT) เป็นต้น ผลกระทบจะทำลายระบบประสาทส่วนกลาง ระบบโลหิต โดยเฉพาะเด็กจะมีผลกระทบต่อพัฒนาการสมองเนื่องจากเด็กสามารถดูดซึมตะกั่วได้มากกว่าผู้ใหญ่ 5 เท่า

แคดเมียม มักพบในแผ่นวงจรพิมพ์ ตัวต้านทาน แบตเตอรี่แบบชาร์จได้ ซึ่งสารเหล่านี้จะสะสมในร่างกาย ส่งผลกระทบโดยตรงต่อไตและกระดูก ทำลายระบบประสาท ส่งผลต่อพัฒนาการและการมีบุตร ส่วน ปรอท มักพบในตัวตัดความร้อน สวิตซ์ และอุปกรณ์ให้แสงสว่างในจอภาพแบบแบน หากปนเปื้อนสู่แหล่งน้ำจะสะสมต่อไปในห่วงโซ่อาหาร ส่งผลต่อสมอง ไต และอวัยวะต่างๆ และเป็นพิษต่อระบบประสาทส่วนกลาง

นอกจากนี้ ยังมีอันตรายจากสารพิษอื่นๆ ที่แฝงอยู่ในบ้าน จำเป็นที่เราต้องระมัดระวัง โดยหันมาใช้ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติให้มากขึ้น เพราะภัยอันตรายจากสารพิษเหล่านี้ ไม่ได้เกิดเพียงชั่วข้ามคืน ที่สำคัญยังมองไม่เห็น การป้องกันก่อนเกิดจึงน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด



ที่มา : บ้านปลอดพิษ ชีวิตปลอดภัย โดย ผศ.ดร.พูลสุข ปรัชญานุสรณ์ สำนักพิมพ์มติชน (หน้าพิเศษ Hospital Healthcare)

 

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1378179934&grpid=&catid=09&subcatid=0902 (http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1378179934&grpid=&catid=09&subcatid=0902)



หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ กันยายน 07, 2013, 10:59:49 am
ชาวเน็ตสวดยับ! หนุ่มกะบะ ต่อยลุงสิบล้อคว่ำ
-http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=--sdUb-WdTo-

ชาวเน็ตสวดยับ! หนุ่มกะบะ ต่อยลุงสิบล้อคว่ำ (http://www.youtube.com/watch?v=--sdUb-WdTo#)

ชาวเน็ตสวดยับ! หนุ่มกะบะ ต่อยลุงสิบล้อคว่ำ (http://www.youtube.com/watch?v=--sdUb-WdTo#)

ชาวเน็ตสวดยับ! หนุ่มกะบะ ต่อยลุงสิบล้อคว่ำ

หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ กันยายน 19, 2013, 06:01:12 pm
ยาย"ไขแสง เศรษฐีใจบุญ"ถูกลูกแสบโกงเงิน30ล้าน
วันพฤหัสบดีที่ 19 กันยายน 2556 เวลา 16:58 น.
-http://www.dailynews.co.th/crime/234294-

(http://www.dailynews.co.th/sites/default/files/imagecache/620x245/cover/234294.jpg)
เศรษฐีนีวัย 84 โร่แจ้งตำรวจ ร้องถูกลูกบุญธรรมที่เลี้ยงเอ็นดูตั้งแต่กระเตาะ หลอกให้เซ็นชื่อเบิกเงิน-ขโมยทรัพย์สิน มูลค่ากว่า 30 ล้าน หายจ้อย สะอื้นเผย ทำไมถึงเลี้ยงไม่เชื่อง

เมื่อวันที่ 19 ก.ย. นายสมบัติ  กำเนิดมี  อายุ 66 ปี  นำนางไขแสง  กำเนิดมี  อายุ 84 ปี  พี่สาว อยู่บ้านเลขที่ 387 หมู่ 2 ต.บางเขน  อ.เมือง จ.นนทบุรี  เข้าแจ้งความร.ต.ท.ฉัตรชัย ก้าวแก้ว  ร้อยเวร สภ.เมืองนนทบุรี  เพื่อให้ดำเนินคดีกับนายวิศวกร  (สงวนนามสกุล)อายุ 48 ปี ลูกบุญธรรมที่เลี้ยงดูมาตั้งแต่เกิด หลังหลอกลวงให้นางไขแสง เซ็นชื่อแล้วนำไปเบิกเงินธนาคาร ธกส. ของนางแสงไข รวมทั้งยังขโมยเอาทองและทรัพย์สินจำนวนมากในตู้เซฟมูลค่ากว่า 30 ล้านบาท  พอทวงถามก็บ่ายเบี่ยง ก่อนจะหนีหายออกจากบ้านไป

โดยนางไขแสง  เล่าว่า เมื่อนานมาแล้ว ตนได้ขอลูกชายจากคนรับใช้ในสมัยนั้นมาเลี้ยงตั้งแต่ยังแบเบาะ เพราะไม่มีทายาทสืบสกุล ทำหน้าที่เสมือนแม่แท้ๆมาตลอด จากนั้นพอเริ่มโตเป็นหนุ่ม ได้มอบหน้าที่ให้ลูกชายบุญธรรมเป็นคนเก็บค่าเช่าห้องและค่าเช่าที่ เดือนละกว่า 2 แสนบาท ต่อมานายสมบัติ และเครือญาติได้เดินทางมาเยี่ยมเยียนตามประสา ก่อนจะช่วยตรวจบัญชีรายรับรายจ่ายให้ จนพบว่าตั้งแต่ปี 51 ไม่เคยมีเงินเข้ามาในบัญชีเลย

ล่าสุดยังเอาใบอะไรสักอย่างมาให้ตนเซ็นชื่อด้วย อ้างว่า จะไปเบิกเป็นค่าใช้จ่ายในบ้าน  มาทราบอีกทีก็พบว่าลูกเนรคุณรายนี้เอาลายเซ็นตนไปเบิกเงิน และปลอมแปลงลายเซ็นไปหลายครั้ง เพื่อทำธุรกรรมเบิกเงินที่ธนาคารจนสูญเงินไปอีกหลายล้านบาท ขโมยทรัพย์สินในตู้เซฟที่เก็บหอมรอมริบไปอีกจำนวนมาก รวมทั้งสิ้นกว่า 30 ล้านบาท

“พอรู้อย่างนั้นแล้ว ยายแทบลมจับ ทั้งโมโห ทั้งเสียใจ ไมเขาไม่เห็นความรักที่ยายมอบให้ จากนั้นน้องชายได้รีบย้ายเงินส่วนที่เหลืออีก 19 ล้านบาท ไปไว้ที่ธนาคารอีกแห่งหนึ่ง แล้วบอกให้ผู้เช่าโอนเงินรายเดือนให้ยายโดยตรง ไม่อยากเชื่อว่าจะเลี้ยงไม่เชื่องอย่างนี้” นางไขแสง เผยด้วยน้ำเสียงสะอื้น

เบื้องต้น พนักงานสอบสวนได้รับแจ้งไว้ ซึ่งจะเรียกตัว นายวิศวกร มาสอบปากคำว่ากระทำจริงหรือไม่ แต่ถ้ายังเงียบก็จะดำเนินการออกหมายเรียกและหมายจับต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ นางไขแสง นั้น ถือเป็นเศรษฐีใหญ่ใจบุญ เป็นที่รู้จักกันดีของชาวจ.นนทบุรี โดยมีที่ดินในจังหวัดและต่างจังหวัดกว่าพันไร่ ก่อนหน้านี้เคยบริจาคที่ดินให้กับทางราชการจำนวนมากภายในซอยไขแสงใกล้ห้างพันทิพย์ สาขางามวงศ์วาน  เพื่อสร้างอนามัยชื่อ "อนามัยไขแสง" ไว้สำหรับ รักษาคนในชุมชนยามเจ็บป่วย จนเป็นที่ชื่นชมของคนในพื้นที่ และเป็นที่นับหน้าถือตาว่า เป็นคนใจบุญชอบสร้างกุศล.
หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ กันยายน 21, 2013, 09:07:37 am
4 สารพิษในบ้าน อันตรายใกล้ตัว (สุดๆ)

-http://men.sanook.com/1363/4-%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%A9%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99-%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B9%83%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7-%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B9%86/-



ไม่เฉพาะอันตรายจากสารพิษ สารเคมี และสารปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อม (นอกบ้าน) เท่านั้น แต่หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่า ในบ้านอันแสนอบอุ่นของคุณนั่นแหละ ที่มีภัยเงียบจากสารเคมีนานาชนิดตกค้างอยู่ ไม่ว่าจะเป็นอาหาร ผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ต่างๆ ในบ้าน ฝุ่นละออง ฯลฯ

เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ นะ เพราะองค์การอนามัยโลก ถึงขนาดได้ออกมาประเมินว่า ในประเทศด้อยพัฒนา มลพิษจากอากาศภายในอาคารและบ้านเรือนริมถนน เป็นต้นเหตุสำคัญของโรคทางเดินหายใจ โรคปอด และโรคมะเร็ง ที่ทำให้คนตายรวมกันไม่น้อยกว่าปีละ 2 ล้านคนเลยทีเดียว (เสียวฝุดๆ)

มีอะไรบ้างล่ะที่เสี่ยง

1) ฟอร์มัลดีไฮด์ นอกจากสารพิษชนิดที่ดมแล้วได้กลิ่น อย่างสารปนเปื้อนคาร์บอนมอนนอกไซด์ที่ระเหยจากการเผาไหม้ของน้ำมันเชื้อเพลิง กลิ่นใหม่ๆ จากของใช้ในบ้านแล้ว ยังมี "กลิ่นฉุน" ที่แฝงตัวอยู่อย่างเงียบเชียบ นั่นก็คือเจ้าฟอร์มัลดีไฮด์ สารร้ายในบ้านนั่นเอง

เจ้าสารชนิดนี้ เป็นแก๊สไม่มีสี แต่มีกลิ่นฉุน เป็นสารประกอบของฟอร์มาลินที่ใช้ฉีดและดองศพ ถ้ามีสารนี้ เราจะสังเกตง่ายๆ ก็คือ เราจะรู้สึกแสบตา มึนหัว หายใจอึดอัด ภายในบ้านเราจะพบได้ในเฟอร์นิเจอร์ที่มีส่วนประกอบของไม้อัด สารต้านเชื้อราในกาวลาเท็กซ์ที่ใช้ประกอบเครื่องเรือน แล็กเกอร์เคลือบไม้ พรมปูพื้น สีทาบ้าน วอลล์เปเปอร์ ผ้าม่าน ผ้าปูที่นอน ผ้าหุ้มเบาะโซฝา และเสื้อผ้าประเภทยับยาก ฟอร์มัลดีไฮด์ ทังหมดนี้ ล้วนเป็นสารก่อมะเร็ง ซึ่งคนในบ้านเสี่ยงเมื่อสัมผัส

2) น้ำยาทำความสะอาด น้ำยาทำความสะอาดเครื่องครัวบางชนิดมีโซดาไฟ เป็นส่วนประกอบซึ่งมีฤทธิ์กัดกร่อนเนื้อเยื่อ เป็นพิษต่อร่างกาย ต่อมาคือสารเคมีที่ใช้ในการขจัดสิ่งอุดตันในท่อน้ำทิ้งมักเป็นสารอันตรายที่มีฤทธิ์กัดกร่อนรุนแรง รวมทั้งยังต้องหลีกเลี่ยงการสูดกลิ่นเหล่านี้ เพราะมีอันตรายรุนแรง นอกจากนี้ ยังมีน้ำยาทำความสะอาดพื้นบ้าน ที่ปัจจุบันนี้ บ้านไหนก็ต้องมี ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดพื้นคือสารกลุ่มอัลคิล ฟีนอล อีธอกไซเลต ที่มีรายงานความเป็นพิษแบบเฉียบพลันของสาร NPE หากทาน สูดดม หรือสัมผัสในปริมาณความเข้มข้นสูงจะทำให้เกิดการระคายเคืองเยื่อบุทางเดินหายใจ ทางเดินอาหาร ตา และผิวหนังอย่างรุนแรง

3) มันมากับความหอม ใครๆ ก็ชอบใช่มั้ยล่ะความหอม ด้วยเหตุนี้ ในบ้านจึงมีผลิตภัณฑ์ที่สามารถทำให้สิ่งต่างๆ หอมดั่งเนรมิต แต่เจ้าความหอมที่ว่า มักมีอันตรายแฝงมาเสมอ เริ่มจากสบู่เหลวกลิ่นต่างๆ ใครจะรู้ว่าภายใต้ความหอมละมุนในช่วงอาบน้ำนั้นจะเต็มไปด้วยสารเคมีสังเคราะห์ที่ใช้ผสมลงไปจนกลายเป็น "สบู่เหลวเทียม" ซึ่งสามารถก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวแพ้ง่าย จนถึงขั้นเสี่ยงต่อมะเร็งในระยะยาว ในบางประเทศเขาห้ามหรือประกาศเตือนกันแล้วล่ะ แต่ไม่รู้ในบ้านเรายังมีการใช้สาร SLS (Sodium Lauryl Sulfate) และPEG (polyethylene Glycol) กันหรือเปล่า

ต่อไปคือผลิตภัณฑ์ดับกลิ่นในห้องน้ำ ที่เมื่อสูดกลิ่นเข้าไปแล้วอันตรายอย่างแน่นอน แต่ที่มากกว่านั้นก็คือหากสัมผัสสารเหล่านี้บ่อยครั้งจะทำให้เกิดอาการคันและระคายเคืองต่อผิวหนัง คลื่นไส้ อาเจียน รวมทั้งยังเป็นสารก่อมะเร็ง นอกจากนี้ ยังมีความเสี่ยงจากน้ำยาซักผ้า น้ำยาปรับผ้านุ่ม น้ำยาซักแห้ง อโรมาเธอราปี ซึ่งบางคนอาจแพ้ ต้องรู้จักสังเกตและเลี่ยงใช้ผลิตภัณฑ์ที่แพ้ก่อนที่จะเกิดการสะสมพิษในระยะยาว

เพราะจริงๆ แล้วสารเคมีที่ให้กลิ่นหอมเหล่านั้น เคยมีการทดลองในสหรัฐฯ แล้วพบว่า ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ ปล่อยสารระเหยอินทรีย์ออกมามากกว่า 20 ชนิด และ 7 ชนิด จาก 20 ชนิดตามกฎหมายถือเป็นสารอันตรายหรือเป็นพิษ ที่สำคัญอีกประการหนึ่ง กลิ่นระเหยของผลิตภัณฑ์เหล่านั้น ไม่ได้ทำให้อากาศในบ้านหอมขึ้น แต่จะไปกลบกลิ่นเหม็นหรือกลิ่นอับอื่นๆ ที่เราไม่ชอบ การหลีกเลี่ยงด้วยการเปิดห้องให้อากาศถ่ายเทน่าจะเป็นวิธีที่ดีกว่า

4) อันตรายจากเทคโนโลยี โทรทัศน์ คอมพิวเตอร์ ไมโครเวฟ โทรศัพท์มือถือ ฯลฯ นับเป็นเทคโนโลยีที่มีสารอันตรายปะปนอยู่ด้วยเสมอ ได้แก่ ตะกั่ว ปรอท แคดเมียม ฯลฯ สารพิษนานาชนิดเหล่านี้ จะถูกปล่อยออกมาปะปนในอากษส โดยที่วัสดุสังเคราะห์และเครื่องใช้ไฟฟ้าจะปล่อยสารเคมีหรือไอระเหยที่เป็นพิษนับร้อยชนิดสู่อากาศ ซึ่งเป็นต้นเหตุของโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ตามมา เช่น โรคภูมิแพ้ หอบหืด ระคายเคือง ไซนัส อ่อนเพลียโดยไม่ทราบสาเหตุ ปวดต้นคอ ปวดศีรษะ เป็นต้น

กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้จำแนกสารอันตรายที่อยู่ในผลิตภัณฑ์อิล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ เอาไว้ เช่น ตะกั่ว เป็นส่วนระกอบในการบัดกรีแผ่นวงจรพิมพ์ หลอดภาพรังสีแคโทด (CRT) เป็นต้น ผลกระทบจะทำลายระบบประสาทส่วนกลาง ระบบโลหิต โดยเฉพาะเด็กจะมีผลกระทบต่อพัฒนาการสมองเนื่องจากเด็กสามารถดูดซึมตะกั่วได้มากกว่าผู้ใหญ่ 5 เท่า

แคดเมียม มักพบในแผ่นวงจรพิมพ์ ตัวต้านทาน แบตเตอรี่แบบชาร์จได้ ซึ่งสารเหล่านี้จะสะสมในร่างกาย ส่งผลกระทบโดยตรงต่อไตและกระดูก ทำลายระบบประสาท ส่งผลต่อพัฒนาการและการมีบุตร ส่วน ปรอท มักพบในตัวตัดความร้อน สวิตซ์ และอุปกรณ์ให้แสงสว่างในจอภาพแบบแบน หากปนเปื้อนสู่แหล่งน้ำจะสะสมต่อไปในห่วงโซ่อาหาร ส่งผลต่อสมอง ไต และอวัยวะต่างๆ และเป็นพิษต่อระบบประสาทส่วนกลาง

นอกจากนี้ ยังมีอันตรายจากสารพิษอื่นๆ ที่แฝงอยู่ในบ้าน จำเป็นที่เราต้องระมัดระวัง โดยหันมาใช้ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติให้มากขึ้น เพราะภัยอันตรายจากสารพิษเหล่านี้ ไม่ได้เกิดเพียงชั่วข้ามคืน ที่สำคัญยังมองไม่เห็น การป้องกันก่อนเกิดจึงน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด

 

ที่มา : บ้านปลอดพิษ ชีวิตปลอดภัย โดย ผศ.ดร.พูลสุข ปรัชญานุสรณ์ สำนักพิมพ์มติชน (หน้าพิเศษ Hospital Healthcare)
หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ กันยายน 26, 2013, 10:34:22 pm
ภัยใหม่”มือปืนรับจ้างในไซเบอร์”ใช้อีเมลหลอกเพื่อโจมตี
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์    26 กันยายน 2556 22:00 น.
-http://www.manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9560000121733-

นักวิจัยด้านความปลอดภัยทางอินเทอร์เน็ตค้นพบเทรนด์ใหม่ ทีม “มือปืนรับจ้างทางไซเบอร์” ที่เน้นโจมตีเป้าหมายเครือข่ายห่วงโซ่อุปทานของบริษัทตะวันตก ด้วยกลยุทธ์ “โจมตีแล้วหายตัว” รายงานระบุมือปืนรับจ้างเหล่านี้มีฐานปฏิบัติการอยู่ในญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ โดยเฉพาะจีน
       
       แคสเพอร์สกี้ แล็บส์ บริษัทด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ชื่อดัง เรียกขานกลุ่มมือปืนรับจ้างนี้ว่า “ไอซ์ฟ็อก” (icefox) ซึ่งเมื่อพิจารณาจากเป้าหมายในการโจมตีแล้วพบว่า มีความสนใจเป็นพิเศษในด้านการทหาร, การต่อเรือและปฏิบัติการทางทะเล, คอมพิวเตอร์และซอฟต์แวร์, บริษัทวิจัย, ผู้ให้บริการด้านการสื่อสาร, ผู้ให้บริการดาวเทียม, สื่อมวลชนและทีวี
       
       แคสเพอร์สกี้เสริมว่า ปฏิบัติการนี้เป็นกลุ่ม “ภัยคุกคามต่อเนื่องขั้นสูง” (เอพีที) ขนาดเล็กแต่ทรงพลัง เน้นเป้าหมายที่เกี่ยวข้องในห่วงโซ่อุปทานของบริษัทตะวันตก
       
       ในการรายงานต่อที่ประชุมความปลอดภัยในอินเทอร์เน็ต “บิลลิงตัน ไซเบอร์ซีเคียวริตี้ ซัมมิต” คอสติน ริว นักวิจัยของแคสเพอร์สกี้แจกแจงว่า ปฏิบัติการของไอซ์ฟ็อกเริ่มต้นขึ้นในปี 2011 และเติบโตขึ้นทั้งขนาดและขอบเขต โดยโจมตีเหยื่อทุกประเภทและทุกภาคส่วน ส่วนใหญ่แล้ว ผู้โจมตีจะแอบเข้ายึดที่มั่นในเครือข่ายของภาครัฐและเอกชนนานเป็นปีๆ เพื่อล้วงข้อมูลลับ
       
       ริวสำทับว่า กลยุทธ์ “การโจมตีและหายตัว” ของไอซ์ฟ็อกบ่งชี้แนวโน้มใหม่การโจรกรรมข้อมูลที่มีเป้าหมายชัดเจน และใช้เวลาเพียงไม่กี่วันหรือไม่กี่สัปดาห์ในการค้นหาสิ่งที่ต้องการ เมื่อได้แล้วจึงทำลายหลักฐานและหลบหนี
       
       ริวเสริมว่า แฮ็กเกอร์รับจ้างประเภทนี้กำลังเติบโตและพัฒนาเป็น “ทีมมือปืนรับจ้างทางไซเบอร์” สำหรับโลกยุคใหม่
       
       ทีมนักวิจัยจำกัดวงผู้โจมตีและสันนิษฐานว่า ผู้โจมตีบางรายอยู่ในอย่างน้อย 3 ประเทศ ได้แก่ จีน เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศแรก


หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ กันยายน 28, 2013, 09:13:48 am
รวบ รปภ.บ้ากามปลอมเป็นช่างไฟข่มขืนสาว 2 รายคาห้องพัก (ชมคลิป)
โดย ทีมข่าวอาชญากรรม    27 กันยายน 2556 18:51 น.
-http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9560000122137-

(http://mpics.manager.co.th/pics/Images/556000012805701.JPEG)
ตำรวจแถลงข่าวจับกุมตัว นายเศกศักดิ์ หรือบอย ไทยรัตน์ อายุ 30 ปี รปภ.สุดแสบปลอมเป็นช่างไฟเข้าไปข่มขืนหญิงสาวในห้องพักบ้านเอื้ออาทร ถึง 2 ราย


นนทบุรี - เมืองนนท์แถลงข่าวจับกุมตัว รปภ.บ้ากามก่อเหตุข่มขืนหญิงสาว 2 ราย คาห้องพักบ้านเอื้ออาทร บางใหญ่ซิตี้ โดยไปสับสะพานไฟห้องพักจนดับ ก่อนทำปลอมเป็นช่างไฟเข้าไปขอตรวจไฟในห้องพัก ก่อนชักมีดขู่บังคับขยี้สวาทคาห้องพัก ผู้เสียหายไม่กล้าแจ้งความ

2013/09/27 รวบ รปภ.บ้ากามปลอมเป็นช่างไฟข่มขืนสาว 2 รายคาห้องพัก (http://www.youtube.com/watch?v=5LjdVpPB7kU#)
2013/09/27 รวบ รปภ.บ้ากามปลอมเป็นช่างไฟข่มขืนสาว 2 รายคาห้องพัก

 เมื่อเวลา 15.00 น.วันนี้ (27 ก.ย.) ที่สถานีตำรวจภูธรจังหวัดนนทบุรี นายวิเชียร พุฒิวิญญู ผวจ.นนทบุรี พล.ต.ต.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบก.ภ.จว.นนทบุรี พ.ต.อ.ณัฐพล ศุกระศร รองผบก.ภ.จว.นนทบุรี พ.ต.อ.ดุสิต จุลเสน ผกก.สภ.บางใหญ่ พ.ต.ท.ปัญญา จีนเกิดทรัพย์ สว.สส.สภ.บางใหญ่ พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.บางใหญ่ ได้ร่วมกันจับกุมตัว นายเศกศักดิ์ หรือ บอย ไทยรัตน์ อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 108/22 หมู่บ้านเอื้ออาทรบางใหญ่ซิตี้ หมู่ 5 ต.เสาธงหิน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี โดยกล่าวหาว่า กระทำอนาจารบุคคลอายุเกินกว่า 15 ปี โดยกำลังประทุษร้าย หน่วงเหนี่ยวทำให้เสียเสรีภาพ ตามหมายศาล จ.นนทบุรี เลขที่ 431/2556 ลงวันที่ 27 ก.ย.2556 พร้อมของกลาง อาวุธมีดทำครัว ยาวประมาณ 1 ฟุต 1 อัน, เสื้อคลุมแขนยาวสีครีม 1 ตัว, ผ้าปิดปาก 1 ชิ้น, หมวกแก๊ป 1 ใบ และมีผู้เสียหาย 2 ราย คือ นางสาวจอย (นามสมมติ) อายุ 20 ปี พนักงานบริษัทแห่งหนึ่ง, นางสาวนก (นามสมมติ) นักศึกษามหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ทั้งคู่อาศัยอยู่ภายในหมู่บ้านเอื้ออาทรบางใหญ่ซิตี้ หมู่ 5 ต.เสาธงหิน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี
       
       สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 23 ก.ย.56 เวลา 11.00 น.นางสาวจอย ผู้เสียหายที่ 1 พักผ่อนอยู่ภายในห้องพักเพียงคนเดียว รู้สึกว่าไฟดับ จึงได้เดินไปดูมิเตอร์ไฟฟ้า พบว่ามีคนมาปิดสวิตช์ลง ผู้เสียหายจึงเดินไปเปิดสวิตช์ไฟขึ้นแล้วเดินกลับมาที่ห้อง สักพักคนร้ายได้มาเคาะห้อง อ้างว่าเป็นช่างไฟของการเคหะเอื้ออาทรจะมาตรวจซ่อมมิเตอร์ไฟ ผู้เสียหายจึงหลงเชื่อ หลังจากนั้นคนร้ายได้ใช้อาวุธมีดจี้และบังคับข่มขืน ก่อนที่จะหลบหนีไป ต่อจากนั้นเมื่อวันที่ 26 ก.ย.56 เวลา 14.00 น.นางสาวนก ผู้เสียหายที่ 2 พักผ่อนอยู่ในห้องพักเพียงคนเดียว เกิดไฟฟ้าดับ แล้วคนร้ายได้มาเคาะห้อง อ้างตัวเป็นช่างไฟของการเคหะเอื้ออาทรเช่นเคย ผู้เสียหายหลงเชื่อ จึงให้คนร้ายเข้ามาเพื่อดูไฟฟ้าภายในห้อง ปรากฏว่าคนร้ายได้ใช้อาวุธมีดจี้บังคับพยายามข่มขืน ผู้เสียหายจึงร้องโวยวายส่งเสียงดัง คนร้ายจึงหลบหนีไป ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนได้สืบทราบว่าคนร้ายคือ นายเศกศักดิ์ หรือ บอย ไทยรัตน์ พักอยู่ในการเคหะเอื้ออาทรบางใหญ่ซิตี้ เช่นกัน มีอาชีพเป็นยามอยู่พื้นที่ อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี จึงได้ประสานพนักงานสอบสวนออกหมายจับและจับกุมตัวได้ดังกล่าว
       
       เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบประวัติพบว่าเคยถูกจับกุมในพื้นที่ สภ.เมืองเพชรบุรี เมื่อปี 2551 ข้อหากระทำอนาจารแก่ผู้อื่น โดยใช้กำลังประทุษร้าย หน่วงเหนี่ยวผู้อื่นให้ปราศจากเสรีภาพ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจเชื่อว่าคนร้ายรายนี้น่าจะก่อเหตุมาแล้วหลายครั้ง และผู้เสียหายไม่กล้ามาแจ้งความ หลังจากนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ทำการสืบเพื่อขยายผลต่อไป


2013/09/27 รวบ รปภ.บ้ากามปลอมเป็นช่างไฟข่มขืนสาว 2 รายคาห้องพัก (http://www.youtube.com/watch?v=5LjdVpPB7kU#)
-http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=5LjdVpPB7kU-

-http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9560000122137-


หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ กันยายน 29, 2013, 10:13:27 am
เด็กหญิง 4 ขวบ กระสุนปืนตกใส่ทะลุไหล่ เจ็บสาหัส

-http://news.sanook.com/1238205/%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%87%E0%B8%81%E0%B8%AB%E0%B8%8D%E0%B8%B4%E0%B8%87-4-%E0%B8%82%E0%B8%A7%E0%B8%9A-%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B8%9B%E0%B8%B7%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%81%E0%B9%83%E0%B8%AA%E0%B9%88%E0%B8%97%E0%B8%B0%E0%B8%A5%E0%B8%B8%E0%B9%84%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B9%88-%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B9%87%E0%B8%9A%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%B1%E0%B8%AA/-


(http://pe2.isanook.com/ns/0/ud/247/1238205/news10-1.jpg)

(28 ก.ย.) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองนครปฐม เปิดเผยว่า ได้รับแจ้งเหตุจากโรงพยาบาลศูนย์นครปฐม ระบุว่า มีเด็กอายุ 4 ขวบ ถูกกระสุนปืนตกใส่ร่าง เข้ามารักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล จึงได้เดินทางไปตรวจสอบ พร้อมกับชุดสืบสวน

จากการสอบสวนเบื้องต้น พบว่าผู้ได้รับบาดเจ็บคือ ด.ญ.ออย (นามสมมติ) อายุ 4 ปี เด็กนักเรียนชั้นอนุบาล 2 ได้รับบาดเจ็บถูกกระสุนปืนไม่ทราบขนาดที่ใต้หัวไหล่ขวาด้านหลัง กระสุนฝังในตุงที่ด้านหน้า แพทย์ต้องผ่าตัดช่วยชีวิต ทราบว่าเหตุ เกิดที่หน้าบ้านเลขที่ 31 หมู่ 9 ต.หนองปากโลง อ.เมืองนครปฐม จึงเดินทางไปตรวจสอบพบเพียงรอยเลือดที่หลงเหลือยู่

สอบถาม นางสุกัลยา ศรีวรานนท์ อายุ 53 ปี ย่าของเด็ก เปิดเผยว่า ก่อนเกิดเหตุหลานสาวเดินจูงสุนัขวิ่งเล่นอยู่ที่หน้าบ้าน ยังไม่เข้านอนเพราะรุ่งขึ้นเป็นวันหยุดเสาร์-อาทิตย์จึงนอนดึก ขณะนั้นบ้านที่อยู่ในระแวกใกล้ๆ กัน ได้จัดงานเลี้ยงฉลองวันเกิด ทำให้เกิดเสียงดังคึกคัก ขณะที่ ด.ญ.ออย วิ่งเล่นอยู่นั้นจู่ ๆ ก็ร้องไห้วิ่งมาบอกว่าเจ็บปวดที่หัวไหล่ ตนรีบมาดูพบว่ามีเลือดไหลออกมาก จึงรีบช่วยกันนำส่งโรงพยาบาล จึงมาทราบว่า หลานถูกกระสุนปืน ขณะนี้แพทย์ได้ผ่าตัดนำกระสุนออก อาการปลอดภัยแล้ว

เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นบ้านที่จัดงานเลี้ยงฉลอง แล้วแขกที่มาร่วมงานยิงปืนขึ้นฟ้าด้วยความคึกคะนอง ทำให้กระสุนมาตกใส่เด็กหญิงดังกล่าว

ล่าสุด ชุดสืบสวนได้เชิญตัวเจ้าของบ้านงานเลี้ยงมาสอบปากคำ ซึ่งเจ้าของบ้านให้การปฏิเสธว่าไม่ได้ยิง และไม่เห็นว่าใครเป็นคนยิง ได้ยินแต่เสียงปืนดังเท่านั้น ขณะเกิดเหตุอยู่หลังบ้าน เมื่อสิ้นเสียงปืนจึงเดินออกมาดูปรากฏว่าแขกต่างแยกย้ายกันกลับ จึงไม่ทราบว่าใครยิง อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการเชิญผู้ที่มาร่วมงานมาสอบปากคำเพิ่มเติม
หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ ตุลาคม 02, 2013, 06:19:44 am
ผู้บริโภคสุดทน! ฉะผู้ผลิตหน้าด้าน รุมแฉสินค้าโกงคนกิน
โดย ASTVผู้จัดการรายวัน    1 ตุลาคม 2556 21:10 น.
-http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9560000123619-

(http://mpics.manager.co.th/pics/Images/556000012960101.JPEG)

(http://mpics.manager.co.th/pics/Images/556000012960103.JPEG)

(http://mpics.manager.co.th/pics/Images/556000012960104.JPEG)

(http://mpics.manager.co.th/pics/Images/556000012960105.JPEG)

(http://mpics.manager.co.th/pics/Images/556000012960102.JPEG)
ข้าวผัดปูที่ชาวเน็ตนำมาแฉ ขอบคุณภาพประกอบจาก http://pantip.com/topic/31040374 (http://pantip.com/topic/31040374)

(http://mpics.manager.co.th/pics/Images/556000012960106.JPEG)
แฉว่อนเน็ต แซนด์วิชยี่ห้อดัง โกงคนกิน ขอบคุณภาพประกอบจาก http://pantip.com/topic/31019576 (http://pantip.com/topic/31019576)

(http://mpics.manager.co.th/pics/Images/556000012960107.JPEG)
ภาพที่ชาวเน็ตทำขึ้นเพื่อล้อเลียนการรับประทานแซนด์วิชยุคเอาเปรีัยบผู้บริโภค



ผู้บริโภคสุดจะทน! สินค้าในร้านสะดวกซื้อ โฆษณาหลอกลวง เอาเปรียบผู้บริโภคหน้าด้านๆ บางอย่างรูปสวย คุยโวเนื้อเน้นๆ สอดไส้น่ากิน แต่แกะกล่อง ฉีกถุงออกมา กลับไม่เป็นตามที่ชวนเชื่อ ล่าสุด ขนมปังแซนด์วิชยี่ห้อดัง ถูกแฉและแชร์ว่อนเน็ต เหตุโกงคนกิน เพราะไส้น้อยเวอร์ กลายเป็นที่หยิบยกมาพูดคุยกันอย่างกว้างขวางในสังคมออนไลน์ขณะนี้ ส่วนจะจริงหรือไม่ตามไปพิสูจน์กัน...
       
        ชาวเน็ตโวย สินค้าโกงคนกิน!
       
        ไม่ใช่เรื่องใหม่ และเพิ่งถูกหยิบยกมาพูดคุยในสังคมไทย สำหรับกรณีผู้บริโภคถูกเอาเปรียบจากร้านค้า หรือร้านสะดวกซื้อ แต่เป็นเรื่องที่ถูกพูดถึงในวงแคบ และนำมากระจายต่อในวงกว้างเมื่อโลกโซเชียลเข้ามามีอิทธิพลกับชีวิตคนเรามากขึ้น
       
        ล่าสุดเมื่อวันที่ 23 กันยายน สมาชิกเว็บพันทิปในฐานะผู้บริโภคท่านหนึ่ง ใช้ชื่อว่า Frebber ได้ตั้งกระทู้ ถามจริงๆ เจ้าของโรงงานแซนวิชพวกนี้เค้ากล้าเอาแซนวิชของตัวเองให้ลูก ให้ผัว ให้เมีย ให้พ่อ ให้แม่พวกมันกินไหมครับ พร้อมกับโพสต์ภาพแซนด์วิชยี่ห้อดัง โดยเล่าถึงความน่าเกลียดของไส้แซนด์วิชยี่ห้อดังกล่าว เมื่อแกะออกมาแล้ว พบว่าไส้ข้างในมีอยู่น้อยนิด โดยผู้บริโภคที่นำเรื่องมาเปิดประเด็นได้เขียนข้อความไว้ว่า
       
        "มันเลวทรามไปไหมครับ คนนะครับไม่ใช่สัตว์ที่จะเอาอะไรมาขายให้กินก็กินของพวกนี้ ผมไม่กล้าซื้อให้หมาที่บ้านกินนะถ้าผมเปิดเจอ ผมก็จะเสียความรู้สึก ถ้าผมรู้ว่าแกะมาเจอแบบนี้ ผมก็อายหมาครับ ไม่กล้าโยนให้หมากิน อาหารที่ผมทำให้หมาประณีต บรรจง และตั้งใจทำมากกว่านี้ครับ อยากรู้จังครับ เจ้าของโรงงานแซนวิช กล้าเอาแซนด์วิชชั่วๆ แบบนี้ให้ผัว ให้เมีย ให้ลูก ให้พ่อแม่มันกินไหมครับ จิตใจมันทำด้วยอะไรครับแบบนี้บ้านผมเรียกว่า สารเลว ครับ"
       
        ทันทีที่ภาพดังกล่าวถูกนำมาเผยแพร่ในบอร์ดชื่อดัง ชาวเน็ตหลาย ๆ ท่านเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันอย่างล้นหลาม พร้อมกับตำหนิถึงบริษัทที่รับผิดชอบว่าควรใส่ใจผู้บริโภคให้มากกว่านี้ และไม่ควรเอาเปรียบผู้บริโภคด้วยสินค้าแบบนี้ ขณะที่ชาวเน็ตบางคนต่างบอกเล่าประสบการณ์ที่เคยพบเจอในลักษณะเดียวกัน และได้โพสต์รูปสินค้า "โกงคนกิน" มาให้ดูกันด้วย
       
        นี่คือความเห็นส่วนหนึ่งของชาวเน็ตที่ทีมข่าว ASTVผู้จัดการ Live ขออนุญาตหยิบยกมานำเสนอต่อ
       
        "เห็นแล้วเหนื่อยใจแทน ทุกวันนี้จะกินอะไรแบบไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบจะมีหรือเปล่าเนี่ย ผู้บริโภคไม่เคยคาดหวังจะได้เปรียบผู้ผลิตเลยสักครั้ง มีแต่พวกมันนี้แหละจะคอยเอาเปรียบเราอยู่ทุกวี่ทุกวัน" imTHEE
       
        "เลอแปง = เหลือ (แต่) แป้ง" clayzizer
       
        "ผมพูดตรง ๆ คนไทยเราไม่ค่อยรักษาสิทธิผู้บริโภคกันเลยครับ เห็นแล้วก็ไม่สนใจกัน ปล่อยแล้วแต่เวรแต่กรรม พวกผู้ผลิตหน้าด้านมันก็เลยได้ใจ ทำคนหนึ่งได้ มันก็ทำต่อกันไปเรื่อยๆ เพราะคิดว่า ผู้บริโภคอย่างเราๆ มันโง่ ผมพูดตรงๆ แหวกออกมาดูแล้วไส้ใส่แค่นี้ ขอหยาบหน่อย มันยิ้ม จริงๆ ครับ" สมาชิกหมายเลข 756911
       
        "หน้าไม่อาย ทุกอย่างตอนออกสินค้าใหม่ๆ ดูจะใจถึงใส่เครื่องไส้มากมาย พอติดตลาด เริ่มลักไก่ลดไส้ ลดขนาด แอบขึ้นราคาสารพัดจะทำ เราเลิกกินไปหลายอย่างแล้ว ทุกวันนี้เข้าเซเว่น แต่ก็จะใช้เงินในเซเว่นอย่างคุ้มค่าที่สุด กลับไปรวยบ้านเกิดที่เมืองจีนน่าจะดี เมืองไทยสร้างความอุดมสมบูรณ์กับท่านจนล้นเหลือแล้วน่าจะแบ่งปันให้คนไทยได้อะไรที่เหมาะสม ใจเขาใจเรา" สมาชิกหมายเลข 706581
       
        "ประเด็นเป็นข่าวออกทีวี สื่อมาเอาข้อมูลจากพันทิปมากมายดรามา เจนนี่ เจมส์จิ ฯลฯ ไวกันจริงๆ แต่พอเรื่องสินค้าเอาเปรียบผู้บริโภคของแบรนด์ดังๆ ทั้งอาหารไม่ได้คุณภาพ นมบูด ชาเน่า หรือแม้แต่รถยนต์คุณภาพห่วย สื่อไม่กล้าแตะเลยจริงๆ แล้วผู้บริโภคจะพึ่งพาใครได้" LAPD21
       
        "ต้องร่วมใจกันแบน ไม่ซื้อสินค้าเขากันค่ะ ไม่มีคนซื้อ ให้มันบูดคาชั้นวางของไปเลย" ยัยบ๊องจัง
       
        ขณะที่บางราย ออกมาให้ความเห็นกลาง ๆ และไม่เห็นว่าจะถูกเอาเปรียบแต่อย่างใด
       
        "ผมเคยกินนะ กัดไปเจอไส้ทุกคำนะ หรือนี่คือของล็อตล่าสุดเพื่อลดต้นทุนกันนิ" สมาชิกหมายเลข 759692
       
        "กินทุกวันนะ ซื้อในเซเว่น ไม่เคยเจอแบบนี้ นะ ที่เจอ ก็ไส้เยอะดี" สมาชิกหมายเลข 1030092
       
        "เป็นไปได้ไหมคะ ว่าอาจจะเกิดการผิดพลาดในกระบวนการผลิต เพราะบางทีก็ได้เยอะจนน่าเหลือเชื่อ บางทีก็น้อยนิดตามภาพ" สมาชิกหมายเลข 714139
       
        อย่างไรก็ดี มีสมาชิกท่านหนึ่ง ใช้ชื่อว่า ยัยตัวร้ายกับนายมะพร้าว ได้แจ้งถึงปัญหาที่เกิดขึ้นไปยังบริษัทผู้ผลิต หลังจากซื้อแซนด์วิชยี่ห้อดังแล้วพบว่า ไส้ข้างในมีอยู่น้อยนิดจนน่าตกใจ และนี่คืออีเมลชี้แจงของทางบริษัทผู้ผลิตแซนวิชเจ้าปัญหา
       
        ทางบริษัทฯ ต้องขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูงที่ลูกค้าได้แจ้งปัญหาเข้ามาและขออภัยสำหรับปัญหาที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นได้แจ้งข้อมูลดังกล่าวให้กับจุดงานที่เกี่ยวข้องรับทราบปัญหาและตรวจสอบสาเหตุ ซึ่งเมื่อทราบผลแล้วจะแจ้งกลับลูกค้าทันที หากลูกค้ามีข้อเสนอแนะเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่เบอร์ลูกค้าสัมพันธ์ 02-739-4432 ค่ะ หรือหากลูกค้าสะดวกให้เบอร์ติดต่อของลูกค้ากับทางบริษัท ฯ ก็จะยินดีเป็นอย่างยิ่ง
       
        ธัญพิชชา ถาวร
        หน่วยงานลูกค้าสัมพันธ์
        บริษัท ซีพีแรม จำกัด
       
        ไม่เพียงแต่แซนด์วิชเท่านั้น อาหารกล่องบางอย่างในร้านสะดวกซื้อ เช่น ข้าวผัดปู ขนมปังสอดไส้หลายยี่ห้อ ก็มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงการเอาเปรียบผู้บริโภคเช่นกัน โดยมีการโฆษณาชวนเชื่อหลอกลวงอย่างแนบเนีบย เห็นได้จากข้าวผัดปูที่ภาพบนกล่องอวดหรูคุยโวว่าคุ้มค่า เนื้อเน้น ๆ แต่พอเปิดกล่องออกมากลับพบแต่เพียงกลิ่นปู หรือเนื้อปูกระจิริดเท่านั้น ซึ่งบางคนนำมาล้อเลียนต่าง ๆ นานาว่า กินข้าวผัดปู แต่สัมผัสได้แต่วิญญาณปู หรือบางคนก็ช่างเปรียบเทียบ ปูคือผักชี ใส่ไว้โรยหน้านิดๆ เท่านั้น
       
        นอกจากนี้ ยังเคยมีผู้บริโภครายหนึ่ง บอกเล่าเรื่องไส้กรอกหมูรมควันที่ซื้อในร้านสะดวกซื้อ ซึ่งตามปกติจะมีไส้กรอก 10 ชิ้นอยู่ในถุง (น้ำหนักสุทธิ 150 กรัม ราคา 39 บาท) แต่บางวันกลับพบว่ามีอยู่ในถุงเพียง 9 ชิ้น ซึ่งทั้ง 2 ถุงผลิตในวัน เดือน และปีเดียวกัน
       
        โกงคนกินหรือไม่ ตามไปดู
       
        หลังจากมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในโลกสังคมออนไลน์อย่างกว้างขวาง ทั้งอาหารกล่อง แซนวิช หรือขนมปังสอดไส้ต่างๆ ที่ผู้บริโภคในยุคออนไลน์เอาภาพมาแฉว่า ถูกเอาเปรียบ และไม่ได้รับความเป็นธรรม ทีมข่าว ASTVผู้จัดการ Live ได้ลงพื้นที่สำรวจสินค้าตามร้านสะดวกซื้อย่านพระอาทิตย์ และพื้นที่ใกล้เคียง พบสินค้าบางอย่างโฆษณาเกินจริง เช่น ข้าวผัดปูของเซเว่น ที่โฆษณาบนกล่องว่าอร่อยคุ้มค่า เนื้อปูเน้นๆ แต่กลับพบเนื้อปูกระจัดกระจายอยู่น้อยนิด
       
        ส่วนแซนด์วิช และขนมปังไส้ต่าง ๆ พบว่า ขนมปังสอดไส้ปูอัดมายองเนสของเลอแปง แซนวิชไส้ไก่หยองมายองเนส รวมไปถึงทูน่าพบไส้ที่มีปริมาณมากกว่าภาพที่ถูกนำมาแฉผ่านเน็ต ในขณะที่บางไส้ต้องยอมรับว่า คุ้มค่าต่อการจ่ายเงินซื้อ เช่น แซนวิชไส้โบโลน่าทูน่าพริกไทยดำ หมูหยองมายองเนส ส่วนทางด้านแซนวิชยี่ห้อโออิชิตามที่ชาวเน็ตนำมาโพสต์ พบว่า มีไส้ที่พอประมาณ ไม่มากหรือน้อยจนดูน่าเกลียด
       
        สำหรับขนมปังสอดไส้ยี่ห้ออื่นๆ มีบางยี่ห้อที่สอดไส้น้อย แต่ก็สมกับราคาที่ตั้งขาย
       
        จากการลงพื้นที่สำรวจ อาจพอสรุปได้ว่า ปัญหาไส้น้อย ไส้มาก น่าจะมาจากมาตรฐานในการผลิตมากกว่า
       
        ถ้าโกงคนกิน ต้องเอาจริง
       
        ปฏิเสธไม่ได้ว่า ทุกวันนี้ คนไทยโดนโฆษณาที่เกินจริงมอมเมาให้หลงซื้อ หลงใช้สินค้าอยู่บ่อยครั้ง บอกเล่าได้จาก สารี อ๋องสมหวัง ในฐานะตัวแทนมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค เคยเปิดเผยผ่านสื่อให้ฟังว่า จากการทำงานที่ผ่านมาทางมูลนิธิฯ ได้เห็นผู้บริโภคถูกเอาเปรียบ ถูกโกง ถูกหลอกทุกวันเพียงเพราะบางครั้งผู้บริโภคบางคนรู้แต่หลงลืม หรือไม่รู้ว่าที่จริงแล้วเราก็มีพ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภคอยู่ ทำให้ทุกคนยังประสบปัญหาเกี่ยวกับเรื่องนี้ อย่างไรก็ดี หากมีกฎหมายองค์การอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภคออกมา ซึ่งกฎหมายฉบับนี้ จะเป็นกลไกใหม่ที่เป็นความหวังของผู้บริโภค จะช่วยสนับสนุนให้ผู้บริโภคได้รับการคุ้มครองมากขึ้น
       
        ส่วนอีกหนึ่งพลังที่ผู้บริโภคบางท่านเชื่อกันว่าจะสั่งสอนผู้ผลิตที่ปล่อยผ่านสินค้าไร้มาตรฐานออกสู่ตลาด หรือมีการเอาเปรียบผู้บริโภคเกิดขึ้น ก็คือ การรวมพลัง "ไม่เอา" สินค้าของผู้ผลิตรายนั้นอย่างจริงจัง อย่างน้อย ๆ ก็ทำให้ผู้ผลิตเกิดความเกรงกลัวผู้บริโภคในฐานะผู้มีอำนาจในการเลือกซื้อสินค้า เพื่อจะได้มีการปรับปรุงในทางที่ดีขึ้นต่อไป
       
        สำหรับกรณีล่าสุดที่ชาวเน็ตวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เป็นธรรมในตัวสินค้าตามร้านสะดวกซื้อนั้น แม้จะมีผู้บริโภคร้องเรียนไปยังบริษัทผู้ผลิต และได้รับการชี้แจงกลับมาว่า เป็นความผิดพลาดของฝ่ายผลิต ซึ่งต่อไปนี้ จะควบคุมการผลิตให้มากขึ้น แต่ทางผู้บริโภคจำนวนไม่น้อยต่างก็เริ่มหมดความศรัทธา และลั่นวาจาว่าจะไม่ซื้อรับประทานอีก
       
        นับเป็นความท้าทายที่บริษัทผู้ผลิตต้องกลับไปทบทวน เพราะหากไม่มีการปรับปรุงแก้ไขการผลิตให้ได้มาตรฐาน ก็อย่าหวังว่าจะมีผู้บริโภคมาซื้อสินค้าในอนาคต และถ้าคิดจะเอาเปรียบผู้บริโภคแล้วละก็ โปรดคิดให้ดีก่อนทำ เพราะทุกวันนี้มีช่องทางให้ "แฉ" มากขึ้น และผู้ที่จะเป็นคนแฉ ไม่ใช่ใครอื่น แต่มาจาก "พลังประชาชน" ในยุคโซเชียลเน็ตเวิร์กนั่นเอง
       
        เผลอๆ อาจจะมีพลังโจมตีมากกว่าสื่อกระแสหลักเสียอีก..
       
       ข่าวโดย ASTV ผู้จัดการ LIVE
หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ ตุลาคม 04, 2013, 06:12:59 am
ภัยเถื่อนกลางกรุง “สะพานพุทธฯ” แหล่งเสื่อมโทรม-มั่วสุม ดักจี้ปล้น
โดย ASTVผู้จัดการรายวัน    3 ตุลาคม 2556 20:14 น.
-http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9560000124624-


อาจเป็นเรื่องที่เคยชินของคนในย่านนั้นไปเสียแล้ว ปัญหามั่วสุม จี้ปล้น บริเวณสะพานพระพุทธยอดฟ้า หลังตกเป็นประเด็นฮือฮาอีกครั้งเมื่อมีการตั้งกระทู้ผ่านเว็บสังคมชื่อดังอย่างพันทิป “อยากจะเตือนภัยวัยรุ่นที่จะไปสะพานพุทธฯ ครับ” ชี้ให้เห็นว่าปัญหาซ้ำซากบริเวณนี้ที่ขึ้นชื่อว่าเถื่อน ยังไม่ได้รับการใส่ใจและแก้ปัญหา โดยเฉพาะคำติติงจากประชาชนที่กล่าวไปในทำนองเดียวกันว่า “ตำรวจเค้าก็เฉยๆ แจ้งความไปก็เท่านั้น”
       
       โจ๋สะพานพุทธฯ ซ่าส์ ดักปล้น
       
        “ผมก็เป็นคนหนึ่งที่เคยเที่ยวสะพานพุทธฯ มาก่อน ก็ไปมาบ่อยมากครับ แต่ไม่เคยเจอเหตุการณ์อย่างนี้เลยตกใจมากๆ ครับ เมื่อมันถึงเวลาเกิดขึ้นกับครอบครัวเรา (เรื่องเกิดขึ้น วันศุกร์ 27 กันยายน 2556 ครับ)
       
        เรื่องเกิดขึ้นกับน้องชายผมอายุราวๆ ประมาณ 15-16 ไปกับเพื่อนๆ อีกราวๆ 4คน (ผู้ชายหมด) เรื่องเกิดขึ้นว่าน้องผมกำลังคุยโทรศัพท์อยู่บนสะพานพุทธฯ สักพักมีกลุ่มวัยรุ่นไม่รู้มาจากไหนราว 10-20 คนได้ ซึ่งไม่พูดพร่ำทำเพลงเลยครับ ต่อยน้องผมก่อนเลย เสร็จแล้วตามด้วยขวดเบียร์ฟาดเข้าที่หัว หน้าซ้ำยังรุมกระทืบอีก อาวุธมีทั้ง ไม้ มีด เหล็ก พอพวกมันกระหน่ำเสร็จก็แย่งเอาโทรศัพท์ไป แล้วก็ไปกันครับ
       
        หลายคนคงสงสัยว่าทำไมเพื่อนน้องผมไม่ช่วย ผมคิดว่าด้วยที่ว่ายังเด็กและด้วยความตกใจกัน และยังมีเวลาเพียงแปปเดียว เลยได้แต่เพียงยืนดูน่ะครับ แต่ก็ยังดีที่ส่งน้องผมไป ร.พ.ได้ครับ อาการของน้องผมหนักสุดคือ โดนกระทืบจนซี่โครงหักทิ่มปอดเลยครับ เกือบตายได้เลยครับ โดนเหล็กตีเข้าที่หัวด้านหน้าครับ โดนขวดเบียร์ตีเข้าที่หัวด้านหลังแตกครับ ฟันหน้าหักไป 2 ซี่ครับ สภาพดูไม่ได้เลย มีแผลเหมือนถูกแทงเข้าที่หลัง 2 รูครับ และแผลฟกช้ำอีกหลายจุดครับ มากๆครับ ตอนนี้น้องผมปลอดภัยดีและครับ อยู่ ร.พ นอนหยอดข้าวต้มอยู่ครับ ยังโชคดีที่ไม่ถึงตายก็เป็นอุทาหรณ์ได้เลยครับว่าไม่ควรไปอีกครั้งที่ 2”
       
        ข้อความจากกระทู้ “อยากจะเตือนภัยวัยรุ่นที่จะไปสะพานพุทธฯ ครับ” บนเว็บไซต์พันทิป ถูกเผยแพร่เมื่อราวปลายเดือนที่ผ่านมา พร้อมกับรูปภาพบาดแผลตามร่างกายของเหยื่อรายหนึ่งที่ถูกชิงทรัพย์ กลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์จากชาวเน็ต เหตุการณ์ซ้ำรอยที่ไม่ควรเกิดขึ้นในแหล่งพลุกพล่านอย่าง “สะพานพุทธฯ” สอดรับกับคำกล่าวขานเมื่อนานมาแล้ว เรื่องเล่าที่ว่า บริเวณนั้นมี “มาเฟีย” คุมแก๊งอยู่
       
        ยามค่ำคืนของสะพานพุทธฯฯ ค่อนข้างคึกคักคลาคล่ำไปด้วยผู้คนเนื่องด้วยมีตลาดค้าขายสินค้าหลากหลายชนิด จนกระทั่งที่นี่ได้ฉายาว่าเป็นตลาดมืด ไม่ใกล้ไม่ไกลเป็นศูนย์รวมสินค้าสดอย่างดอกไม้และผลไม้หรือปากคลองตลาด เหล่าวัยรุ่นวัยโจ๋มักเลือกมุมวิวดีกลางสะพานจับกลุ่มซ่องสุม โดยที่คนธรรมดาคงมิอาจแยกออกว่าเป็นเด็กเที่ยวเตร็ดเตร่ทั่วไปหรือเป็นมิจฉาชีพตัวร้ายภัยของสังคม
       
        นอกจากนั้น ยังมีข้อมูลระบุจากคนในพื้นที่ว่า ยิ่งดึก กลุ่มพวกนี้ก็ยิ่งเพิ่มจำนวนคนมากขึ้น ไม่เว้นแม้กระทั่งนักเรียนคอซองก็มักจะเลือกสถานที่เหล่านี้มาจับกลุ่มเฮฮา “บ้างมานั่งกินเหล้า บางทีก็เห็นคู่รักมาจู๋จี๋กัน บางทีก็มีนักเรียนมาตีกัน สารพัดอย่าง แล้วแต่ละคนนี่ก็ยังเป็นเด็กๆ อยู่เลยนะ” แหล่งข้อมูลอีกด้านที่เคยแวะเวียนมาก็ระบุว่า ขอมาครั้งเดียวและครั้งสุดท้าย เพราะเข็ด!! หลังต้องตกอยู่ในสถานการณ์เฉียดตาย
       
        “เคยไปเดินซื้อของกับเพื่อนที่สะพานพุทธฯ เขาว่ากันว่าของถูก ก็เลยพาไปเดินช็อปปิ้ง ระหว่างที่เดินดูของกัน ก็มีกลุ่มวัยรุ่นตีกัน วิ่งไล่กันเสียงดังน่ากลัวมาก เห็นๆ เลย วัยรุ่นคนหนึ่งถือมีดเล่มยาว วิ่งกันมาเป็นกลุ่ม ในใจตอนนั้นชัวร์เลยว่าต้องมีเรื่องกันแน่ๆ เพราะเห็นผู้คนเริ่มแตกตื่น และวิ่งหนีกันจ้าละหวั่น เรากับเพื่อนก็วิ่งหนีเช่นกัน ระหว่างนั้นก็มีเสียงระเบิด คิดว่าน่าจะเป็นระเบิดปิงปอง บอกตรงๆ กลัวตายมาก แต่สุดท้ายก็รอดมาได้
       
        หลังจากเกิดเหตุการณ์ในวันนั้น บอกกับเพื่อนๆ เลยว่า ขอไม่ไปเหยียบที่นั่นอีก แม้จะมีคนบอกว่าไม่มีอะไรหรอก เขาเลิกตีกันแล้ว แต่ก็เลือกที่จะไม่ไปดีกว่า ถ้าเกิดตีกันอีก แล้วถูกลูกหลงขึ้นมา ใครจะรับผิดชอบ ส่วนตัวอยากให้เจ้าหน้าที่เข้มงวดกว่านี้ ถ้าไม่ลงมาตรวจดู และจัดการอย่างจริงจัง ใครที่ไหนจะอยากมาเดิน
       
        ยิ่งพอมาได้ยินข่าวมีกลุ่มวัยรุ่นดักตี ชิงทรัพย์ วิ่งราวด้วยแล้ว ก็ยิ่งน่าเป็นห่วง ฝากถึงคนที่ไปเดินด้วยว่า พยายามอย่าไปเดินช่วงดึกมากๆ ระหว่างเดินซื้อของก็ควรมองซ้าย มองขวาด้วย เพราะต้องยอมรับว่า ตลาดมืดแห่งนี้กลายเป็นสถานที่อันตราย และเสี่ยงตายมากขึ้นทุกวัน บางครั้งจะไปหวังพึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างเดียวก็ไม่ได้ ป้องกันตัวเองไว้ก่อนดีที่สุดครับ”
       
       เกิดซ้ำซาก เพราะตำรวจเมิน??
       
        อย่างไรก็ตาม นอกเหนือไปจากประเด็นความไม่ปลอดภัยบริเวณสะพานพุทธฯ ในยามค่ำคืนแล้ว อีกหนึ่งเสียงจากประชาชนคือ ความบกพร่องหละหลวมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยถูกติติงผ่านโลกอินเทอร์เน็ตว่าบริเวณสะพานเป็นจุดเกี่ยวเนื่องระหว่าง สน. ปากคลองสานกับสน.พระราชวัง ทั้งนี้ แหล่งข้อมูลคนในพื้นที่ระบุเพิ่มเติมว่า ความจริงแล้วก็พอมีสายตรวจคอยมาสอดส่องอยู่บ้าง แต่เหล่าวัยรุ่นก็จะรีบหลบ พอตำรวจกลับไปก็กลับขึ้นมาจับกลุ่มมั่วสุมกันต่อ
       
        “มีอยู่วันหนึ่งผมอยู่บ้านเพื่อนย่านฝั่งธนฯ มองเห็นบนสะพานพุทธฯ มีเด็กยกพวกตีกัน แล้วได้ยินเสียงปืนด้วย พวกผมก็ได้โทร.ไปแจ้งตำรวจ แต่กว่าที่ตำรวจจะมาเรื่องมันก็เงียบไปแล้ว.... ตำรวจไทยเหมือนในหนังเลยครับมาตอนจบ” ข้อความจาก Professional Advice
       
        “บ้านอยู่แถวนี้ขอยืนยันว่าจริงครับ สมัยเปิดใหม่ๆ เมื่อสิบปีที่แล้วยังโอเค แต่เดี๋ยวนี้อย่าว่าแต่ซื้อของ เดินผ่านยังไม่ควรเลย ส่วนสน. ปากคลองสานกับพระราชวังก็เกี่ยงกันดูแล” ข้อความจาก CloudColorOfSound
       
        “พูดเลยครับกฎหมายประเทศไทยยังแข็งไม่พอครับ และเจ้าหน้าที่รักษากฎหมายของบ้านเมืองเรา อ่อนแอมากครับ” ข้อความจากสมาชิกหมายเลข 856348
       
        “บนสะพานเป็นจุดเกี่ยงกันทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 2 สน. มั้งครับ รู้สึกว่าเคยมีเคสแบบนี้เกิดขึ้นบนสะพาน เวลาโทร.ไปแจ้งความ ตำรวจจะมาช้าเป็นพิเศษ เพราะงงว่าใช่พื้นที่ตัวเองหรือป่าว” ข้อความจากข้าวคลุกน้ำปลา
       
        สำหรับการมั่วสุมจับกลุ่มของเด็กวัยรุ่น ไม่ได้ถือเป็นความผิดแต่อย่างใด แต่หากมีพฤติกรรมขัดต่อกฎหมาย เจ้าหน้าที่ก็สามารถจับกุมได้ทันที ในประเด็นนี้ พ.ต.ท. ด.ร. กฤษณพงศ์ พูตระกูล ประธานบริหารหลักสูตรวิทยาลัยบริหารรัฐกิจและรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ได้ให้ความคิดเห็นที่น่าสนใจว่า
       
        “จริงๆ แล้วการที่เด็กและเยาวชนมารวมตัวกันตามสถานที่ต่างๆ เนี่ย ถ้าไม่ได้ส่งเสียงดังรบกวนอะไร ดื่มเหล้าเอะอะอะไร ไม่ได้ไปรบกวน สร้างความลำบากเดือดร้อนให้กับคนที่สัญจรผ่านไป-มา แถวนั้น ความผิดทางกฎหมายก็อาจยังไม่ชัดเจนครับ แต่ถ้าเกิดรวมตัวกันแล้วมีการพกอาวุธมีด มาจี้, ปล้น, เสพยาเสพติด หรือดมกาว อันนี้ก็จะมีความผิดตามกฎหมาย เพราะว่าสิ่งเหล่านี่มีกฎหมายบัญญัติห้ามไว้”
       
       เปิดต้นตอแหล่งมั่วสุมกลางสะพาน
       
        หลายคนที่เดินผ่านไป-มา บริเวณนั้น อาจมองว่าเด็กวัยรุ่นที่มาจับกลุ่มนั่งดื่มเหล้า สูบบุหรี่ เป็นปัญหาหนักใจของสังคม แต่จากการประสบการณ์ที่เคยได้สัมผัสเด็กเหล่านี้อย่างใกล้ชิด พ.ต.ท. ด.ร. กฤษณพงศ์ จึงมีความคิดเห็นที่ต่างไป โดยมุ่งหวังแก้ปัญหาจากต้นตอ เรื่องของครอบครัวของเด็กเหล่านี้ มากกว่าการใช้มาตรการบีบบังคับอันจะยิ่งทำให้เด็กเหล่านี้ก่อปัญหามากกว่าเดิม
       
        “จากที่ผมเคยลงพื้นที่สำรวจตรงนั้นเลยนะครับตรงสะพานพุทธฯ เมื่อประมาณ 5-6 ปีที่แล้ว ซึ่งตอนนั้นผมกำลังสนใจเรื่องปัญหาอาชญากรรมของเด็กเร่ร่อน สิ่งหนึ่งที่ผมเคยได้ไปดูมานะครับ พบว่าเด็กเหล่านี้ส่วนมากไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง แต่ว่าที่เค้าไปมั่วสุมกันส่วนหนึ่งก็จะเกี่ยวเนื่องกับเรื่องดมกาว หรือยาเสพติดบางส่วน
       
        ประเด็นที่ถามว่าพวกเขาเหล่านี้มาจากไหน มามั่วสุมกันเพราะอะไร ตรงนี้มันมีหลายปัจจัย ส่วนแรกคือโครงสร้างทางสังคมของบ้านเรา หมายความว่าครอบครัวอาจจะไม่พร้อมขณะที่มีบุตร หรือถูกเลี้ยงโดยญาติพี่น้องก็ดูแลไม่เต็มที่ หรือพ่อ-แม่ไม่มีเวลา เค้าก็จะออกมาอยู่กับเพื่อนข้างนอกบ้าน ประการที่สองก็อาจเป็นเด็กที่มีปัญหากับครอบครัว บางครั้งพ่อ-แม่ไม่เข้าใจพฤติกรรมของวัยรุ่น ก็อาจจะถูกเพื่อนชักจูงกันไปได้ ซึ่งเราก็ต้องเข้าใจว่าเป็นเรื่องธรรมดาของเด็กวัยรุ่นนะครับ อยากจะรู้ อยากลอง อยากท้าทาย”
       
        ทั้งนี้ จากที่ทีมงาน ASTV ผู้จัดการ Live ได้สำรวจพื้นที่บริเวณสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาอื่นๆ ก็พบว่า มีปัญหาการมั่วสุมของเยาวชนบ้างประปราย แต่ที่น่าสังเกตคือบริเวณสะพานกรุงธนนั้น มีการจับกลุ่มของนักศึกษาที่คาดว่าน่าจะเป็นนักศึกษาในมหาวิทยาลัยราชภัฏสองแห่งที่อยู่ในบริเวณเดียวกัน นอกจากนั้น รศ.ดร.สุณีย์ กัลยะจิตร ประธานคณะกรรมการบริหารงานหลักสูตรปริญญาเอก สาขาอาชญาวิทยาการบริหารงานยุติธรรมและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล มองว่า ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ใดก็สามารถเกิดการมั่วสุมได้ทุกแห่ง
       
        “จริงๆ แล้วกรณีการมั่วสุม และการรวมตัวของเหล่าเยาวชน มันก็มีทุกที่นั่นแหละ เพียงแต่ลักษณะของการมั่วสุมรูปแบบในปัจจุบันมันค่อนข้างที่จะเปลี่ยนไป เช่นการมั่วสุมแล้วไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด เรื่องของการอยากได้ทรัพย์ต่างๆ ก็เป็นช่องที่จะทำให้พวกเขาชิงทรัพย์
       
        ส่วนแหล่งมั่วสุมมันก็มีทั่วทุกที่ในกรุงเทพฯ ซึ่งภาครัฐเองก็ต้องมีการจัดการปรับปรุงสภาพสิ่งแวดล้อม จุดอับต่างๆ ที่ไม่มีไฟฟ้า หรือจุดที่เป็นที่รกร้างให้ดูสะอาด ซึ่งถ้าสังเกตดีๆ แล้ว บริเวณสะพานพุทธฯ จะมีปัญหาเรื่องของไฟส่องสว่าง ตรงบันไดทั้งสองข้าง และสวนหย่อม ซึ่งคิดว่าบริเวณนั้นยังสว่างไม่เพียงพอ”
       
        อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ใดหากอยู่ในสถานที่สาธารณะ ควรหรือไม่?? กับการมั่วสุมประพฤติไม่ดี และตำรวจควรจะต้องหามาตรการสอดส่องตรวจตราเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุร้ายได้อย่างไร
       
       ข่าวโดย ASTV ผู้จัดการ Live
หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ ตุลาคม 05, 2013, 09:33:10 am
วิธีไล่ตัวต่อไปให้ไกลสวน ด้วยมาตรการเบา ๆ
-http://home.kapook.com/view72899.html-

(http://img.kapook.com/u/surauch/movie2/shutterstock_80776072.jpg)


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

          ทั้งผึ้งและตัวต่อ ต่างก็เป็นแมลงที่ชอบมาวนเวียนอยู่ในสวนบ้านเราอยู่บ่อยครั้ง หนักเข้าก็ลามปามมาสร้างรังอาศัยอย่างถาวรกันหน้าตาเฉย บางคนก็อยากไล่ใจจะขาด แต่ถ้าทะเล่อทะล่าเข้าไปกลัวจะโดนต่อยให้เจ็บตัว กลายเป็นเรื่องใหญ่กันอีกนี่สิ ครั้นจะใช้ยาฆ่าแมลงก็เกรงว่าจะเป็นวิธีกำจัดตัวต่อที่รุนแรงเกินไป แถมสารเคมีอาจจะเป็นอันตรายกับเราได้อีกด้วย ตอนนี้ก็เลยดูเหมือนจะปล่อยให้ตัวต่อทำรังในสวนกันอย่างสบายใจเฉิบ เอาล่ะ ! หมดเวลาสนุกของตัวต่อแล้ว เพราะเราจะใช้มาตรการนุ่มนวลไล่ตัวต่อไปให้ไกลด้วยวิธีเด็ด รับรองว่าไม่ต้องเสียเวลานับศพตัวต่อกันแน่นอนจ้า

 สเปรย์ไล่แมลงสูตรธรรมชาติ

          วิธีที่ง่ายที่สุดในการกำจัดตัวต่อ ให้ไปเลือกซื้อสเปรย์กำจัดแมลงสูตรธรรมชาติ ที่มีส่วนประกอบจากธรรมชาติเป็นส่วนใหญ่ เช่น น้ำมันเปปเปอร์มินต์ เป็นต้น และอย่าลืมดูส่วนประกอบรวมทั้งคำแนะนำในการใช้งานให้ละเอียดด้วย อ้อ ! สเปรย์ไล่แมลงสูตรธรรมชาติอาจจะมีกลิ่นฉุนเท่า ๆ หรือมากกว่าสเปรย์กำจัดแมลงทั่วไป แต่ก็เป็นแค่กลิ่นของน้ำมันสกัดจากธรรมชาติเท่านั้น ไม่ได้มีความรุนแรงเท่าสารเคมีแต่อย่างใดนะคะ

          ส่วนวิธีทำก็แค่นำสเปรย์ไปฉีดให้ทั่วรัง แต่ให้เลือกทำในตอนกลางคืน เพราะตัวต่อจะบินออกจากรังไปหากินในช่วงนั้น ดีกว่าเดินเข้าไปฉีดใส่รังแบบโต้ง ๆ แต่ทางที่ดีควรมีชุดป้องกันสักหน่อยด้วยค่ะ

 น้ำยาล้างจานก็เอาอยู่

          สูตรนี้ก็ง่ายเหมือนกัน แค่เทน้ำยาล้างจาน ¼ ถ้วยตวง ลงในกระบอกสเปรย์สำหรับพ่นยาฆ่าแมลง แล้วก็เติมน้ำเข้าไปจนเต็มกระบอก จากนั้นก็นำไปฉีดที่รังของตัวต่อให้ทั่ว โดยให้ทำในช่วงกลางคืน เพราะตัวต่อจะออกจากรังไปหากิน ทำให้ไม่เป็นอันตรายมาก โดยน้ำยาล้างจานจะเคลือบอยู่ที่ตัวรัง ทำให้ตัวต่อไม่สามารถกลับเข้ารังได้อีก ทั้งนี้ควรจะใส่เสื้อแขนยาว สวมหมวกไหมพรม และยืนห่างจากรังต่อให้มากที่สุดด้วย เพื่อความปลอดภัยของเราเองนะจ๊ะ

 ย้ายรังตัวต่อ

          การย้ายรังตัวต่ออาจจะต้องพึ่งเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญ เพราะค่อนข้างจะเสี่ยงหากจะลงมือเอง เนื่องจากจะต้องหาถุงขนาดใหญ่ที่มีความหนามาคลุมรังต่อทั้งรังให้มิดชิดที่สุด แล้วค่อย ๆ ใช้ไม้ประกบกันแล้วยกเอารังต่อออกมา หรือบางทีหน่วยกู้ภัยก็จะเลือกใช้วิธีก่อควันไฟรม เพื่อไล่ให้ต่อย้ายรังหนี ซึ่งมีโอกาสจะโดนตัวต่อวกกลับมาต่อยเอาได้

 หลอกล่อด้วยรังปลอม

          ต่อเป็นแมลงที่มีศักดิ์ศรีกับเขาเหมือนกัน หากเห็นว่ามีต่อตัวอื่นมาทำรังอยู่แล้ว ก็จะไม่สร้างรังต่อซ้ำในบริเวณนั้น และจะบินไปหาแหล่งทำรังที่อื่น ซึ่งเราก็ควรฉวยโอกาสนี้ทำรังต่อปลอม ๆ จากกระดาษมาแขวนไว้ อาจจะแขวนโคมไฟกระดาษสีน้ำตาลก็ได้ เท่านี้ก็จะป้องกันต่อมาทำรังในบ้านแล้วล่ะ

 สร้างกับดัก

          หลังจากที่ได้ย้ายรังต่อออกไปจากบ้านแล้ว คราวนี้ก็ควรสร้างกับดักตัวต่อสักหน่อย เพื่อป้องกันไม่ให้กลับมาทำรังในบ้านเราอีก ด้วยการหากล่องพลาสติก หรือกล่องกระดาษที่มีฝาปิดมิดชิด ใส่อาหารสด เช่น เนื้อปลาทูน่า หรือน้ำหวาน เข้าไปในกล่อง แล้วนำไปตั้งในบริเวณพื้นที่โล่ง ๆ จากนั้นก็คอยสังเกตดูว่ามีต่อหรือผึ้งติดกับดักหรือเปล่า ถ้ามีก็ให้รีบไปปิดฝา ขังเจ้าตัวต่อและผึ้งไว้ในนั้น จากนั้นก็ค่อยยกรังไปปล่อยในที่โล่ง ๆ ไกล ๆ บ้าน
 
          ตัวต่อและผึ้งเป็นแมลงมีพิษ ที่สามารถทำร้ายเราได้ถึงชีวิตเลยนะคะ แต่ถ้าเราเลือกที่จะกำจัดเขาแบบบัวไม่ให้ช้ำน้ำไม่ให้ขุ่นได้ก็น่าจะดีกว่า จะได้ไม่ต้องฆ่าเขาให้บาปติดตัวไปด้วย แต่ทั้งนี้ก็ควรต้องใช้ความระมัดระวังทุกครั้งก่อนจะลงมือ สวมหมวกไหมพรมซ้อนกันหลาย ๆ ชั้น ใส่แว่น สวมเสื้อแขนยาว กางเกงขายาวและถุงมือให้มิดชิด ไม่อยากนั้นโดนต่อยไปคงเจ็บปวดน่าดู



หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ ตุลาคม 05, 2013, 09:59:28 am
ไฟช็อตเด็ก 9 เดือน อาบน้ำตัวเปียก จับสายไฟเล่น

-http://news.sanook.com/1254002/%E0%B9%84%E0%B8%9F%E0%B8%8A%E0%B9%87%E0%B8%AD%E0%B8%95%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%87%E0%B8%81-9-%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%99-%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%9A%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%81-%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B9%84%E0%B8%9F%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%99/-

สุดสลด! เด็กน้อย 9 เดือน ป้าเพิ่งอาบน้ำให้ มาจับสายไฟเล่น ไฟช็อตร่างดับอนาถก่อนถึงโรงพยาบาล

เมื่อวานนี้ (4 ต.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองนครปฐม ได้รับแจ้งจากโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ บ้านม่วงตารส อ.เมืองนครปฐม ได้รับผู้ป่วยเป็นเด็กน้อย อายุ 9 เดือน ถูกไฟฟ้าช็อตร่างกายเข้ารักษา แต่เกิดเสียชีวิตระหว่างทางจะถึงโรงพยาบาล จึงให้เจ้าหน้าที่มาตรวจสอบกรณีดังกล่าว

เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าตรวจสอบศพ ด.ช.ก็อต (นามสมมติ) อายุ 9 เดือน เสียชีวิตอยู่ที่โรงพยาบาล พบตามร่างกายมีรอยไหม้ตามผิวหนัง มีบาดแผลฉกรรจ์ที่มือซ้ายและคอซีกขวา ต่อมาจึงได้เดินทางไปตรวจสอบบ้านหลังที่เกิดเหตุ บริเวณหน้าบ้านพบ พัดลมและเปลนอนเด็กล้มกระจัดกระจาย โดย พัดลมอยู่ในสภาพเก่าชำรุด ใช้สายไฟเก่าดัดแปลงเอามาต่อกับพัดลม

จากการสอบสวน นางสร้อย (นามสมมติ) อายุ 61 ปี มีศักดิ์ย่าของเด็กที่เสียชีวิต ให้การว่า ตนเองเป็นผู้เลี้ยงดูหลานชายคนนี้ เนื่องจากลูกสะใภ้ หรือ แม่ของ ด.ช.ก็อต ต้องไปทำงานที่โรงงาน จึงได้ให้ตนเลี้ยงดูแลให้ในช่วงเวลาไปทำงาน

นางสร้อย เล่าต่ออีกว่า ก่อนเกิดเหตุตนรู้สึกไม่ค่อยสบาย จึงได้ทานยาและเผลอนอนหลับไป โดยมี นางอ้อย (นามสมมติ) ป้าของหลานช่วยดูแลอยู่อีกคน เมื่อตื่นขึ้นมาก็ทราบว่า นางอ้อยได้อุ้มหลานไปอาบน้ำ ก่อนจะอุ้มมาวางไว้ที่ข้างเปล ซึ่งใกล้เปลมีพัดลมสภาพเก่าตั้งอยู่ ระหว่างที่ป้าเข้าไปเอาผ้าและเสื้อผ้ามาสวมใส่ ด.ช.ก็อต กรีดร้องเสียงดังอย่างเจ็บปวด เมื่อวิ่งออกมาดูก็พบว่าถูกไฟฟ้าช็อต นอนสลบนอนนิ่งลงกับพื้น จึงได้รีบนำตัวส่งโรงพยาบาลแต่ไม่ทัน

หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ ตุลาคม 06, 2013, 10:11:41 am
เป็นข้อสังเกตุ  ไม่รู้ว่า ทำไมถึงไม่จัดการให้เรียบร้อย  หรือว่า
มีการจ่ายเงินกับหน่วยงานผู้เกี่ยวข้องไม่ให้เอาเรื่องราว  ไม่ให้ดำเนินการจัดการให้เรียบร้อย

ถ้ามีการรับเงิน เพื่อไม่ให้ดำเนินการเอาเรื่องราว การดำเนินคดีต่างๆ 
นั่นเป็นการทุรยศต่อแผ่นดิน เป็นการฉ้อราษฎร์บังหลวง เป็นพวกหนักแผ่นดินโดยแท้

-------------------------------------------------------------------------



คลิปรถเมล์สาย 8 ด่าผู้โดยสาร ไล่ลงรถ
-http://news.sanook.com/1254179/%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%96%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%A5%E0%B9%8C%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A2-8-%E0%B8%94%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B9%82%E0%B8%94%E0%B8%A2%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A3-%E0%B9%84%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%A5%E0%B8%87%E0%B8%A3%E0%B8%96/-

(https://www.facebook.com/photo.php?v=448622601921701&set=vb.100003218950025&type=2&theater)
https://www.facebook.com/photo.php?v=448622601921701&set=vb.100003218950025&type=2&theater (https://www.facebook.com/photo.php?v=448622601921701&set=vb.100003218950025&type=2&theater)
-https://www.facebook.com/photo.php?v=448622601921701&set=vb.100003218950025&type=2&theater-

รถเมล์สาย 8 ฉาวอีก! ถูกโพสต์คลิปแฉคนขับและกระเป๋ารถเมล์ด่าผู้โดยสาร ไล่ลงจากรถ ท้าโทรร้องเรียน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (5 ต.ค.) ในเฟซบุ๊กของคุณ Patcharee Pk ได้มีการโพสต์คลิปวิดิโอ พร้อมเล่าเหตุการณ์ที่ผู้โดยสารรายหนึ่งต่อว่าคนขับและกระเป๋ารถเมล์สาย 8 ที่ไม่ยอมรอเธอขึ้นรถเพราะกำลังขนกระเป๋าขึ้นรถ โชคดีที่รถติดไฟแดงเธอจึงขึ้นมาได้ แต่คนขับและกระเป๋ารถเมล์สาย 8 กลับต่อว่าหญิงสาวคนดังกล่าวกลับ พร้อมไล่ให้ลงจากรถ นอกจากนี้กระเป๋ารถเมล์ยังส่งโทรศัพท์มือถือให้ และท้าให้โทรไปร้องเรียนการบริการ

"ถ่ายเองเมื่อเช้า สาย 8 ผู้หญิงคนนี้โบกรถเมล์สาย 8 จอดแต่เธอเดินไปหยิบกระเป๋า 3 ใบจะขึ้นรถ แต่รถไม่รอขับออกไป แต่ติดไฟแดงเธอเลยขึ้นรถมาได้ แล้วเหมือนจะเอาเรื่อง ประมาณว่าทำไมถึงไม่รอเธอประมาณเนี้ยแล้วเธอก็เลยจะโทรร้องเรียน"

ทั้งนี้ คลิปดังกล่าวได้มีการแชร์ส่งต่อไปทั่วโลกออนไลน์ และยังมีผู้นำไปโพสต์ในเฟซบุ๊กของ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รมว.คมนาคม ซึ่งเคยได้ขึ้นรถเมล์สาย 8 เพื่อตรวจสอบปัญหารถเมล์ที่ได้รับการร้องเรียนมาด้วย

ขอขอบคุณภาพและข้อมูลจากเฟซบุ๊กของคุณ Patcharee Pk

หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ ตุลาคม 06, 2013, 10:55:45 am
ไม่มีโลกส่วนตัว ในโลกไซเบอร์ ภัยออนไลน์ที่นักท่องเน็ตควรระวัง
-http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNNE1EazJNamd6TWc9PQ==&subcatid=-


เมื่ออินเทอร์เน็ตกลายเป็น 1 ในชีวิตประจำวันที่ขาดไม่ได้ และนำพาหลายอย่างเข้ามาในชีวิต


คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ร่วมกับเครือข่ายพลเมืองเน็ต เปิดเวทีเสวนาประจำปีว่าด้วยเรื่องเทคโนโลยี และสิทธิพลเมือง ในหัวข้อ "หน้าต่างมีหู ประตูมีช่อง : ความเป็นส่วนตัวออนไลน์และการสอดส่องการสื่อสาร (Online Privacy and Communications Surveillance)" เพื่อกระตุ้นเตือนให้เห็นความสำคัญของการรักษาความปลอดภัยในการใช้อิน เทอร์เน็ต


"ทศพล ทรรศนุกุลพันธ์" อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวว่า ทุกวันนี้ "กูเกิล" เสิร์ชเอ็นจิ้นยอดฮิต มีสถานะไม่ต่างจาก "สปาย-สายลับ" ที่เข้ามาเก็บข้อมูลผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั้งหลาย ต่างกันแค่ว่า "สปาย" ในยุคนี้ใช้ความสะดวก ความต้องการจะใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ ทำให้ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั้งหลายยินยอมที่จะให้เข้ามาล้วงข้อมูลของตนเองที่เป็นส่วนหนึ่งของปริมาณข้อมูลมหาศาลที่ไหลเวียนบนโลกออนไลน์ด้วยการกดคลิกยอมรับเงื่อนไขการใช้งานไปเรื่อย ๆ โดยไม่เคยอ่านข้อตกลงใดๆ ดังนั้นการใช้งานบนโลกออนไลน์ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีความเป็นส่วนตัว และนี่คือสิ่งที่ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตต้องยอมรับ

ด้าน "จอมพล พิทักษ์สันตโยธิน" อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า ปัจจุบันข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้อินเทอร์เน็ต ไม่ว่าจะเป็นชื่อ, ที่อยู่, อายุ หรือวันเกิด ต่างไหลเวียนอยู่ในโลกออนไลน์ตลอดเวลา ทำให้เริ่มได้เห็นการนำข้อมูลส่วนตัวที่ผู้ใช้ทิ้งร่องรอยไว้ตามอีเมล์ เว็บบอร์ด แชตรูม และบนโซเชียลเน็ตเวิร์กมาตามรังควานเจ้าของข้อมูล ซึ่งมักทำเป็นขบวนการ โดยการใช้เครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์เพื่อคุกคาม ทำให้เหยื่อหวาดกลัว หรือเสียชื่อเสียง อาทิ การสร้างเฟซบุ๊กปลอมเผยแพร่รูปที่ทำให้เหยื่อเสียหาย หรือแม้แต่ต้องการล่อลวงทางเพศ

โดยจากสถิติที่ผ่านมาพบว่า ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตมักตกเป็นเหยื่อจากการรังควานของแฟนเก่า 8.77% เพื่อนร่วมงาน 1.75% ญาติ 15.79% แต่ที่พบมากที่สุดถึง 42.11% คือ บุคคลแปลกหน้าที่เจ้าตัวไม่ทราบว่าเป็นใคร เนื่องจากอินเทอร์เน็ตมีคุณสมบัติที่สำคัญคือปิดบังผู้ใช้งานได้ เมื่อมีเหตุการณ์ใด ๆ เกิดขึ้น จึงมีหลายกรณีที่ไม่สามารถระบุตัวผู้กระทำได้ ดังนั้นผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตโดยเฉพาะโซเชียลเน็ตเวิร์ก ควรตั้งค่าเป็นส่วนตัวในการใช้งานไว้ที่ระดับสูง เพื่อให้ยากต่อการเข้าดูข้อมูล ขณะที่การโพสต์รูปภาพต่าง ๆ ควรใช้ภาพที่มีความละเอียดในระดับต่ำ เพื่อให้ยากต่อการนำรูปดังกล่าวไปใช้งานอย่างอื่นได้

ขณะที่ "ภานุชาติ บุณยเกียรติ" อาจารย์สาขาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวเสริมว่า เดี๋ยวนี้มีการใช้กลยุทธ์ทางการตลาดมาใช้บนเฟซบุ๊กแล้วนำข้อมูลส่วนตัวที่ผู้ใช้กรอกไว้มาใช้ประโยชน์ในเชิงโฆษณาและการตลาด เช่น การสร้างความน่าเชื่อถือในแบรนด์จากการบอกต่อผ่านเครือข่ายโซเชียลเน็ตเวิร์ก เป็นต้น

"ในสังคมออนไลน์จะมีลักษณะพิเศษ คือจะเชื่อมโยงกลุ่มกว่า 4-5 กลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนตั้งแต่สมัยอนุบาลจนถึงที่ทำงาน โดยผู้ใช้แต่ละคนจะกลายเป็นจุดเชื่อมต่อของสมาชิกแต่ละกลุ่มที่ทำให้สังคมรู้จักกันทั้งเครือข่าย ทำให้มีการส่งสารถึงผู้คนหลากหลายคนได้ผ่านคนที่พวกเขาเชื่อถือ ดังนั้นความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลจะอยู่ไหนในเมื่อทั้งหมดลิงก์หากันหมด"

"ทวีพร คุ้มเมธา" นักวิจัยระบุว่า จากการศึกษาถึงการคุกคามบนโลกออนไลน์ในประเทศไทยและพม่า พบว่าส่วนใหญ่มาจากความขัดแย้งทางการเมือง เช่น ประเด็นสถาบันกษัตริย์ การเมืองเหลืองแดง ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อให้สังคมอยู่ในความหวาดกลัว ไม่กล้าแสดงความคิดเห็นหรือตั้งคำถาม เพราะเมื่อใดที่มีการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง ก็มีการนำข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ, ที่อยู่ อายุ เพศ สถานที่ทำงาน และญาติที่เกี่ยวข้องออกมาเปิดเผย อาทิ เฟซบุ๊ก social sanction หรือยุทธการลงทัณฑ์ทางสังคมที่มีความเชื่อว่า กลไกยุติธรรมไม่ได้ปราบปรามคนชั่วโดยแท้จริง ปัจจุบันมีผู้ตกเป็นเหยื่อแล้วกว่า 50 คน

"ผลกระทบที่เหยื่อได้รับคือ การถูกรุมโทร.ด่า ส่งจดหมายข่มขู่ โดนกล่าวหาว่าเป็นขบวนการล้มเจ้า และให้ออกจากงาน ร้ายแรงที่สุด คือการโดนดำเนินคดีในฐานความผิด มาตรา 112 หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ จากข้อมูลที่ได้มองว่า เหยื่อที่โดนกระทำโดยส่วนใหญ่ คือนักประชาธิปไตย และพบด้วยว่า ข้อมูลส่วนบุคคลที่นำมาเผยแพร่ บางครั้งหลุดมาจากหน่วยงานรัฐ ซึ่งหน่วยงานเหล่านี้ไม่ควรเปิดเผยข้อมูลแบบสาธารณะ"

ด้าน "นคร เสรีรักษ์" ที่ปรึกษานโยบาย เครือข่ายพลเมืองเน็ต กล่าวว่า ต้องการเสนอให้มีการออกมาตรการหรือข้อปฏิบัติ เพราะปัจจุบันประชาชนส่วนใหญ่ โดนหน่วยงานรัฐ สื่อและผู้ประกอบการด้านไอที นำข้อมูลไปทำแผนการตลาด ซึ่งทุกวันนี้มีแต่ พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารของราชการเท่านั้น ที่ปกป้องข้อมูลส่วนตัวของประชาชนที่อยู่ในมือของหน่วยงานรัฐ ทั้งยังไม่มีมาตรการป้องกันไม่ให้เอกชนเผยแพร่ข้อมูลส่วนบุคคล ต้องรอให้มีกฎหมายคุ้มครองสิทธิส่วนบุคคลก่อน ซึ่งยังไม่มีวี่แววว่าจะนำออกมาบังคับใช้

"ไพบูลย์ อมรภิญโญเกียรติ" สำนักกฎหมายพีแอนด์พี กล่าวว่า เทคโนโลยีทุกวันนี้พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว แต่กฎหมายไทยยังไม่พร้อมรับมือ แถมยังมีเพื่อจัดการกลุ่มแนวคิดต่างทางการเมือง เช่น เสื้อเหลืองเสื้อแดง หรือใช้เพื่อตอบโต้และกลั่นแกล้งระหว่างผู้ที่ไม่ถูกกัน ซึ่งการยกร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ฉบับใหม่ไม่ได้แก้ปัญหา เพราะนำแนวคิดเก่ามาใช้ยกร่าง จึงไม่สามารถแก้ปัญหาในสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปแล้ว

ฟาก "วรรณวิทย์ อาขุบุตร" รองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) สพธอ. กล่าวว่า ปัญหาการบังคับใช้กฎหมายในด้านนี้คือไม่มีตัวกลางหรือคนกำกับดูแลที่จะขับเคลื่อนเรื่องนี้โดยเฉพาะ ที่สำคัญคือประชาชนที่ต่อให้มีกฎหมายครอบคลุม แต่ถ้าผู้ใช้ไม่รับรู้หรือตระหนักเรื่องเหล่านี้ จะมีหรือไม่มีกฎหมายก็ไร้ความหมาย


ติดตามข่าวสาร ผ่านแฟนเพจเฟซบุ๊ค ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
www.facebook.com/prachachat (http://www.facebook.com/prachachat)
ทวิตเตอร์ @prachachat
หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ ตุลาคม 08, 2013, 06:09:13 am
กระทู้เตือนภัย -- แก๊งล้วงมือถือที่ป้ายรถเมล์สยาม, โอสถศาลา, มาบุญครอง อาละวาดหน
-http://webboard.hitech.sanook.com/forum/?topic=3768294#-

เห็นเป็นกระทู้ที่น่าสนใจดี เลยขอนำมาเผยแพร่ต่อที่ sanook.com นะครับ จะได้เป็นการช่วยประชาสัมพันธ์อีกทาง.................

(http://p3.isanook.com/hi/0/ud/185/926892/untitled-2.jpg)


เป็นเรื่องของเพื่อนผมนะครับ ซึ่งมันเป็นคนประสบเหตุ เลยอยากจะมาบอกเล่าให้กับทุกคนได้เป็นอุทาหรณ์

ระมัดระวังอย่าตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพพวกนี้ (ขออนุญาตุ COPY คำจากเพื่อนผมทั้งหมดนะครับ)

"เรื่องมีอยู่ว่าผมเป็นพนักงานที่ทำงานอยู่อยู่ละแวกสยาม และเป็นคนที่ต้องขึ้นรถเมล์หน้าโอสถศาลากลับบ้านช่วงประมาณ 1-3 ทุ่มเป็นประจำ ซึ่งทุกครั้งที่ระหว่างรอรถเมล์นั้นผมก็มักจะหยิบมือถือขึ้นมากดเล่นเฟสบุ๊คบ้าง เปิดเพลงเพื่อฆ่าเวลาระหว่างยืนรอบ้าง

ซึ่งทำอย่างงี้มาประจำเป็นเวลาปีกว่าๆ ไม่เคยเจอะเจอเรื่องร้ายใดๆกับตัวเพราะคิดว่าคนที่ยืนรอแถวนั้นก็มักหยิบมือถือขึ้นมาเล่นเพื่อฆ่าเวลาทั้งนั้น จนมาเมื่อประมาณ 2 เดือนที่แล้ว มีเพื่อนสนิทผมเป็นผู้ชายคนหนึ่ง มาเล่าให้ฟังว่าตัวมัน(ขออภัยหากใช้คำไม่สุภาพบ้าง) จะโดนแก๊งค์ผู้ชายประมาณ 4 คนล้วงกระเป๋า

โดยอาศัยจังหวะที่รถเมล์ที่คนรอเยอะมาๆแล้วพวกมิจฉาชีพกลุ่มนี้ก็จะทำทีเหมือนจะแย่งขึ้นเบียดล้อมเรา แต่โชคดีที่เพื่อนผมหันไปเห็นในขณะที่กลุ่มมิจฉาชีพนี้กำลังล้วงมือเข้าไปหยิบ Sumsung S3 ของมันพอดี เลยรอดไป

พอมันเล่ามาถึงตรงนี้ผมก็ขัดถามมันเลยว่า อ้าวว แล้วรู้งี้ทำไมไม่ชกแมร่งเลยวะ เพื่อนมันก็สวนกลับมาว่าคุณห่_ ตัวแม่_ใหญ่ หน้าตาเถื่อนๆ 4 คน ขืนกูทำไรก็ซวยดิ ผมก็แซวมันเล่นๆว่าไรเนี่ย เมิงแม่_ป๊อดว่ะ ไรประมาณนั้นครับ ซึ่งเหตุการณ์นี้ผ่านพ้นแล้วก็ค่อยๆเลือนหายไปจากความทรงจำของผม

จนกระทั่งเมื่อ สองอาทิตย์ก่อนผมยืนรอรถเมล์สาย 40 อยู่หน้าโอสถศาลาช่วงประมาณ 2ทุ่ม ก็มีชายกลุ่มนึง 4 คน เดินมาแล้วก็พูดกันว่าเฮ้ย เวลาเลิกงานคนเยอะพอดีเลยว่ะ ซึ่งผมเองก็ไม่ได้เอะใจอะไรตอนนั้นเพราะคิดว่าเค้าคงบ่นที่จะต้องขึ้นไปยืนเบียดบนรถเมลล์กันแล้วผมก็ยืนกดมือถือเล่นเฟสบุ๊คไปตามประสา (ที่ไม่ดี)

จนกระทั่งสาย 40 ที่ผมรอก็มาถึงและจอดอยู่หน้าป้ายรถเมล์  ผมก็ได้ก้าวขึ้นที่ประตูตรงกลางรถ (รถที่มาเป็นรถเมล์แอร์ มี 2 ประตูครับข้างหน้า กับตรงกลาง) ซึ่งในขณะที่ผมก้าวขึ้นนั้นก็มีผู้ชายคนนึงพยายามแทรกเบียดเข้ามาขวางหน้าแล้วขึ้นช้าๆเหมือนจะกั๊กไว้

ส่วนคนข้างหลังนี่ก็เบียดเข้ามาจนถึงขนาดว่ากึ่งๆจะดันผมให้เหมือนคนแย่งกันขึ้นรถ ซึ่งผมก็งงว่าประตูข้างหน้าก็ว่างจะมาแย่งกูขึ้นทำไมวะ รถก็มีที่นั่งในเวลานั้น

และในขณะเดียวกันผมก็รู้สึกว่ามีคนเอามือมาแตะที่กระเป๋า ด้านหน้าช่องซ้ายที่ผมใสมือถือไว้พร้อมกับกระเป๋ากางเกงหลัง แต่โชคยังดีที่วันนั้นเป็นกางเกงเดฟที่ค่อนข้างแน่นจึงทำให้ยากที่จะล้วงอะไรจากกระเป๋าหน้า

และในขณะเดียวกันผมก็เอากระเป๋าสตางค์ไว้ในกระเป๋าถือ จึงทำให้ไม่ได้สูญเสียอะไรไปในวันนั้น พอมิจฉาชีพกลุ่มนี้รู้ว่าไม่ได้อะไรแล้วก็มองหน้าผมด้วยสายตาที่ค่อนข้างแข็ง (อยากจะบอกว่าไม่ได้รู้สึกไปเองมันเป็นอย่างนั้นจริงๆ)

และเมื่อรู้ว่าไม่ได้อะไรก็รีบโดดลงรถเมล์ป้ายต่อไป (แถวๆหน้าเตรียมอุดม) ทันทีโดยไม่รีรอกระเป๋ารถเมลล์มาเก็บเงิน ซึ่งหลังจากพวกมันลงไปผมก็ได้ทำการ Line, What’s app บอกเพื่อนๆผมในกลุ่ม ซึ่งในนั้นก็มีเพื่อนผมที่โดนล้วงก่อนหน้านี้ด้วย ว่าเฮ้ยกูโดนละว่ะพวก แต่แม่_เอาไรไปไม่ได้แม่_ตบกระเป๋ากูแล้วเจอแต่เหรียญบาทแม่_หน้าเจื่อนเลย 555 (แอบปากดี)

ซึ่งเหตุการ์วันนั้นก็จบลงด้วยดีที่ไม่เสียอะไรไป

จนกระทั่งเมื่อวานนี้วันเสาร์ที่ 28 กันยา 2556 ผมไปทำธุระแถวนั้นและเสร็จประมาณ 3 ทุ่ม ซึ่งก็มายืนรอรถตรงที่เดิม (เป็นช่วงที่พนักงานขายของใน MBK เลิกและกำลังกลับบ้านกันพอดีคนจึงยืนรอเยอะพอสมควร)

ซึ่งตัวผมก็ยืนเล่นมือถือตามนิสัยที่ไม่ค่อยจะเข็ด และได้ทำการเสียบหูฟังฟังเพลงไปด้วย จนรถเมล์สาย 40 มาถึงผมก็ได้ทำการเก็บมือถือไว้กระเป๋าหน้าซ้ายอย่างเคยแต่คราวนี้เป็นกางเกงขาสั้นที่กระเป๋าค่อนข้างใหญ่ (รถที่มาคราวนี้เป็นรถเมลล์ร้อนที่มีประตูกลางที่เดียวประกอบกับคนเยอะพยายามแย่งกันขึ้นจึงทำให้รู้สึกเบียดและผมไม่ได้เอ่ะใจอะไร)

และในจังหวะที่ผมกำลังก้าวขึ้นนั้นเองก็รู้สึกว่าเอ๊ะ! เพลงมันหยุดไปจึงตบไปที่กระเป๋ากางเกงปรากฏว่าเฮ้ย มือถือหายไปแล้ว ซึ่งในจังหวะนั้นผมตกใจมากนึกว่ามือถือตกผมเลยรีบวิ่งฝ่าฝูงชนที่กำลังเบียดกันขึ้นรถไปดูด้านล่างรถปรากฏว่าไม่มี

ซึ่งตอนนั้นเองทำให้ผมรู้ตัวแล้วจึงตะโกนดังๆว่ามือถือผมโดนล้วงครับ หยุดก่อนๆ ซึ่งรถเมล์ก็ยังไม่ได้ขยับไปไหน  ในขณะนั้นเองก็มีชาย 2-3 คนหน้าตาคล้ำตัวสูงประมาณ 175 ซม. มายืนข้างๆผมแล้วบอกว่าเฮ้ยพี่เห็นมันวิ่งไปทางนู้นแล้ว พร้อมชี้กับไปทาง โบนันซ่า

ซึ่งผมก็แปลกใจว่าจังหวะมันแค่ช่วงแป๊บเดียวที่ผมก้าวขึ้นตรงบันไดรถและหันหลังกลับนี่ยังไม่เห็นจะมีใครวิ่งไปไหนเลย ผมจึงฉุกคิดว่าเอาละคุณคนนี้ที่บอกนี่แมร่งแก๊งค์เดียวกันชัวร์

ผมจึงบอกเค้าไปตรงๆว่า ขอโทษทีนะครับพี่ผมเพิ่งเคยเจอเหตุการณ์อย่างนี้เมื่อสองอาทิตย์ที่แล้ว และคนร้ายมีกันเป็นกลุ่มผมไหว้พี่ล่ะ ผมขอค้นตัวพวกพี่นะ พี่เห็นใจผมนะครับ ซึ่งหนึ่งในคนนั้นมันก็ตะโกนขึ้นมาทันใดเลย

คุณ... กูทำดีแล้วไม่ได้ดีถ้าค้นไม่เจออะไรโดนกูต่อยแน่คุณ....  ผมก็ยกมือไหว้เค้าอีกทีบอกพี่เห็นใจผมเถอะผมขอโทษจริงๆแล้วก็พยายามเอามือแตะๆกระเป๋ากางเกงเค้า จนเจอมือถือเครื่องนึงเหลี่ยมๆเหมือนกัน ซึ่งผมก็นึกว่าเป็น I Phone 5 ของผม

แต่หยิบขึ้นมาดูได้นิดเดียวแล้วปรากฏว่าไม่ใช่ ผู้ชายคนนั้นเค้าก็พูดว่าเห็นมั้ยคุณ... แล้วก็ฟันศอกใส่ผมไป 1  ที ส่วนอีก 2คนนั้นผมได้แค่เอามือแตะๆกระเป๋ากางเกงเค้าก่อนที่เค้าจะรีบกระจายตัวไปพร้อมบอกว่าพี่มีธุระ (ช่วงเวลานั้นชุลมุลพอสมควรครับ คนมองกันทั้งป้ายไม่ตำกว่า 20-30 คน)

สุดท้ายแล้วผมก็ไม่มีหลักฐานอะไรต้องปล่อยให้รถเมลล์วิ่งผ่านไปพร้อมความเจ็บใจ เพราะจะให้ขึ้นไปค้นคนบนรถทุกคนคงไม่ไหว ได้แต่วิ่งแจ้นไปสน.ปทุมวันแจ้งความไว้หวังว่าตำรวจคงจะจับมิจฉาชีพกลุ่มนี้ได้ซักวัน เพราะเท่าที่รู้ มันเกิดขึ้นประจำตรงป้ายรถเมลล์นี้ (วินรถตู้บอกผมหลังจากที่รถเมลล์วิ่งผ่านไป)

และตอนที่ผมเองไปแจ้งความที่สน.ก็มีน้องผู้หญิงคิวข้างหน้าผมคนนึงโดนล้วงมือถือไปที่สยามเช่นเดียวกัน ดังนั้นผมจึงอยากเตือนทุกท่านไว้ครับ ว่าแม้เราจะรู้เรื่องและพยายามระวังตัวแล้วก็ตาม แต่เมื่อไหร่ที่เราเผลอ มิจฉาชีพกลุ่มนี้มันมาเอามือถือของคุณไปแน่นอน


***ปล. ถ้าคนที่เอาไปไม่ใช่กลุ่มเดียวกับที่ผมสงสัยก็ต้องขออภัยจริงๆครับ เพราะที่ผมพิมพ์มานี้มันไม่มีหลักฐานอะไรเลย แต่ว่าเหตุการณ์ตอนนั้นมันทำให้ผมรู้สึกว่าเป็นอย่างนั้นจริงๆ"

ที่มา: http://pantip.com/topic/31045886 (http://pantip.com/topic/31045886)


หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ ตุลาคม 11, 2013, 10:24:00 pm
เตือนภัยคนที่จะซื้อมือถือจาก "มาบุญครอง"
-http://pantip.com/topic/31066872-


เรื่องนี้เป็นเรื่องของเพื่อนสาวผมคนนึงครับ เธอไปซื้อiphone4sเครื่องนอกมาจากร้านๆนึงในmbk  เธอใช้งานปกติ(ผมไม่รู้นะฟังจากที่เธอเล่า)หลังจากนั้นกล้องเริ่มมีปัญหาคือกล้องกระพริบๆเธอก็นำไปเปลี่ยนซึ่งร้านก็ให้เปลี่ยนอย่างง่ายดาย เพราะพึ่งซื้อมาได้2-3วัน หลังจากนั้นเธอก็ได้เครื่องใหม่มา ซึ่งเธอใช้มาประมาณเดือนเศษๆ ปัญหาก็เริ่มมาเยือน Wi-Fi เปิดไม่ได้ เข้าหน้า setting แล้วค้าง จู่ๆเครื่องก็ดับไปเฉยๆ ย้ำนะครับเครื่องดับเลยไม่ใช่แค่จอ เธอก็ปรึกษาผม ผมก็บอกให้ลอง รีเซทเครื่องก่อน โดยกดปุ่มโฮม และ พาวเวอร์ จนเครื่องดับ เธอก็บอกว่ายังไม่ได้ ตอนนั้นผมคิดว่าคงเป็นที่ios7แหล่ะมั้ง ผมก็เลยเอาเครื่องเธอมาreset all setting ยังไม่หายครับ ผมเลยbackupแล้วrestoreใหม่ ก็ยังไม่หายอีกครับ ผมเริ่มเอะใจครับเพราะมีหลายๆจุดทำให้ผมสงสัย

1.ตัวเครื่องที่เธอซื้อเป็นสีดำ แต่รูปที่ปรากฎในituneเป็นเครื่องสีขา

(http://f.ptcdn.info/533/010/000/1380892124-IMG0395JPG-o.jpg)

2.เมื่อผมนำimeiเครื่องไปเช็คกับเว็ป https://selfsolve.apple.com/agreementWarrantyDynamic.do (https://selfsolve.apple.com/agreementWarrantyDynamic.do)
   ซึ่งตรงนี้ผมก็ยังไม่แน่ใจว่าถ้าเป็นเครื่องนอกแล้วประกันยังจะมีไหม แต่ที่ผมเห็นของเธอคือประกันหมดไปแล้วครับ
   ผมอยากทราบว่าเครื่องนอกมือ1เมื่อนำimeiไปเช็คกับทางเว็ปประกันจะขึ้นไหม????

(http://f.ptcdn.info/531/010/000/1380888796-IMG0394JPG-o.jpg)

3.ผมเช็คกับเว็ปไหนๆเค้าก็บอกว่าเครื่องนี้เป็นเครื่องสีขาว

(http://f.ptcdn.info/531/010/000/1380888820-IMG0397JPG-o.jpg)

รูปตัวเครื่องครับ สภาพภายนอก100เปอร์เซนต์  (แต่เน่าใน)

(http://f.ptcdn.info/533/010/000/1380892878-IMG0393JPG-o.jpg)

ผมเลยขอเบอร์โทรร้านที่เธอซื้อละผมก็โทรไปครับ
(ผมบอกว่าเธอซื้อจากร้านนี้วันที่เท่านี้อะไรร้านเค้าจำได้ครับ)

ผม:เครื่องที่ซื้อนี่เป็นมือ1ใช่ไหมครับ?
ร้าน:ใช่ค่ะ ร้านเรามือ1 ก็มือ1 มือ2ก็มือ2 ค่ะ   (ตามสไตล์ ร้านตู้ สร้างความน่าเชื่อถือ)
ผม:เครื่องที่ซื้อมามีปัญหา เปิดไวไฟไม่ค่อยดิ แล้วก็ชอบดับเองครับ
ร้าน:ทางเราจะรับประกันเฉพาะ ค่าแรงนะคะ ยังไงลองเอามาให้ที่ร้านเช็คดูก่อนได้
ผม:แล้วทำไมตอนผมเสียบituneทำไมขึ้นเครื่องสีขาวครับ นี่เครื่องยำมาหรือเปล่า?
ร้าน:ไม่ค่ะ อาจจะเป็นทานistudioของฮ่องกงเขาเปลี่ยนกรอบมาจากศูนย์ (istudio นึกว่ามีแต่ไทยซะอีก)
ผม:อ่าวแล้วไหนบอกมือ1ไง ถ้ามือ1ต้องไม่เปลี่ยนอะไรสิครับ
ร้าน:ทางร้านไม่รู้ค่ะ รับมาจากต่างประเทศอีกที  ยังไงให้ลองมาที่ร้านก่อนนะคะ
ผม:ครับ


แล้วเครื่องที่คนละสีกับในituneนี่ ใครฟันธงได้บ้างครับว่าเพื่อนสาวผมโดนต้ม?

เรื่องประกันเครื่องนอก ถ้าเครื่องนอกมือ1เราactivateเอง ถ้าเช็คประกันกับappleจะไม่ขึ้นหรอครับ? ทางร้านบอกว่าiphone4sมันหมดประกันทุกเครื่องแล้ว(เครื่องนอก)

*ที่ผมอยากดูระยะเวลาการประกันผมอยากรู้ว่าเครื่องมันเปิดใช้มาตั้งแต่วันไหน

สามารถดูได้ไหมครับ ว่าเครื่องนี้โดนactivateครั้งแรกเมื่อไหร่?

ขอบคุณมากครับ ผมไม่เคยคิดซื้อจากร้านตู้พวกนี้เลยครับ มันร้านจริงๆ เพื่อนผมคนนี้อยู่แค่ ม.5 เองเงินตั้งหมื่นกว่า.. ไหนจะค่าซ่อมอีก
ผมบอกเธอไปว่า ถ้าเค้าให้ซ่อมก็ซ่อมไปเหอะอย่าคิดมาก ขอแค่ให้มันใช้ได้ก็พอ


สุดท้ายอยากเตือนคนที่คิดจะซื้อมือถือเครื่องนอกนะครับ ซื้อที่ร้านไว้ใจได้เครดิตดีแพงกว่าหน่อยแต่คุ้มครับ นี่เพื่อนผมเค้าเห็นว่าร้านไหนถูกก็จัดร้านนั้นเลย

ร้านนี้ชื่อว่า ning mobile ครับ ไม่เซียนจริงๆ อย่าเสี่ยงเครื่องนอกครับ

ขอบคุณครับ

แทก สยามเพราะอยากเตือนเพื่อนๆพี่น้องวัยรุ่นครับ

 แก้ไขข้อความเมื่อ 4 ตุลาคม เวลา 20:22 น.
หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ ตุลาคม 13, 2013, 11:09:46 am
รวบขบวนการขายป้ายทะเบียนรถปลอม
โดย ทีมข่าวอาชญากรรม    12 ตุลาคม 2556 14:18 น.
-http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9560000128295-

(http://mpics.manager.co.th/pics/Images/556000013439201.JPEG)

(http://mpics.manager.co.th/pics/Images/556000013439202.JPEG)

ตร.ล่อซื้อแผ่นภาษีประจำปี และทะเบียนชุดใหญ่ปลอม ผ่านเว็บฯ จับกุมแก็งค้าทะเบียนปลอมได้ยกแก็งค์
       
       เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (12 ต.ค.) ที่ กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.ชาญเทพ เสสะเวช รองผบช.น.(หน.รับผิดชอบ ศปจร.น.) พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ อนุฤทธิ์ ผกก.สส.2 บก.สส.บช.น. พ.ต.ท.อรรถพร สุริยเลิศ รองผกก.สส.2 ฯ ร่วมกันแถลงการณ์จับกุมตัว 1.นายอภิเดช สิทธิพร อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 570/136 ต.นาเกลือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี 2.นายประทีป สารศิริ อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 44/109 ซ.รามอินทรา 55/8 แขวงท่าร้าง เขตบางเขน กทม. 3.นายนริศ หน่านโพธิ์ศรี อายุ 55 ปี อยู่บ้านเลขที่ 38/7 ซอยเพิ่มสิน 24/1 แขวงคลองถนน เขตสายไหม กทม. และ4.นางสาวนิสากร แก้วศรีงาม อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 2613/23 ถนนพหลโยธิน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กทม. พร้อมของกลาง ป้ายทะเบียนปลอม จำนวน 6 แผ่น ป้ายทะเบียนจริงแต่ไม่มีมูล(ป้ายว่าง) จำนวน 15 แผ่น สมุดคู่มือการจดทะเบียนปลอม จำนวน 56 เล่ม เครื่องหมายแสดงการเสียภาษีปลอม จำนวน 237 แผ่น ใบขับขี่ปลอม จำนวน 145 แผ่น คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คยี่ห้อเอซอร์ 1 เครื่อง และเครื่องปริ้นเตอร์ ยี่ห้อ พิกค์ม่า 1 เครื่อง โดยแจ้งข้อหาร่วมกันปลอมแปลงเอกสารทางราชการ
       
       พ.ต.ท.อรรถพร กล่าวว่า สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่พบว่าในเวปไซต์ www.black-m.com (http://www.black-m.com) มีผู้ลงประกาศรับทำเอกสารเพื่อสวมทะเบียนรถยนต์ที่มีไว้หรือได้มาโดยผิดกฎหมายโดยใช้ ยูสเซอร์เนม mheekuba จึงได้ติดต่อล่อซื้อแผ่นภาษีประจำปี ราคา 3000 บาท และทะเบียนชุดใหญ่ ประกอบด้วย สมุดคู่มือจดทะเบียนรถยนต์ ป้ายทะเบียนหน้า - หลัง แผ่นป้ายแสดงภาษีและกรมธรรม์กันภัยคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถยนต์ จนกระทั้งเมื่อวันที่ 11 ต.ค. เวลาประมาณ 08.00 น. ได้นัดพบกับนายอภิเดช ตามที่นัดรับของกัน ที่บริเวณปั้มน้ำมัน ปตท. ถนนรามอินทรา แขวงและเขตคันนายาว กทม. จากนั้นเมื่อได้ของกลางแล้วทางเจ้าหน้าที่จึงได้ทำการแสดงตัวเข้าจับกุม โดยจากการสอบสวนนายอภิเดชได้ให้การซัดทอดว่าตนได้รับเอกสารของกลางมาจากนายประทีป ทางเจ้าหน้าที่จึงนำกำลังไปจับกุมตัวได้ที่หน้าอาคาร 34 หมู่บ้านเอื้ออาทร ซ.เพื่อมสิน 24/1 แขวงคลองถนน เขตสายไหม กทม. พร้อมทั้งยังสามารถจับกุมเพื่อร่วมขบวนการและของกลางได้ดังกล่าว
       
       พ.ต.ท.อรรถพร กล่าวต่ออีกว่า จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้งหมดให้การรับสารภาพ โดยนายนริศและนางสาวนิสากรฯ ให้การรับสารภาพว่าได้ซื้อของกลางมาจากชายไทยชื่อนายแดง ไม่ทราบชื่อและนามสกุลจริง เป็นนายหน้าที่บริเวณกรมการขนส่งทางบก ไม่สามารถติดต่อได้ เพื่อนำมาต่อเติมข้อความและจำหน่ายต่อให้แก่ลูกค้าที่ประสงค์จะทำเล่มทะเบียนและเอกสารประกอบรถยนต์ ภายหลังได้จับกุมผู้ต้องหาทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน สน.บางชัน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ ตุลาคม 19, 2013, 07:56:27 pm
กสทช. เตือนผู้ไปชมพญานาคที่หนองคาย ปิดโรมมิ่ง หวั่นจ่ายโทรอ่วม
-http://men.kapook.com/view74380.html-

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
 
          กสทช. เตือนปิดโรมมิ่ง ขณะไปชมบั้งไฟพญานาคที่หนองคาย หวั่นโทรศัพท์จับเครือข่ายฝั่งลาว ทำให้ต้องจ่ายค่าโทรนับแสน
 
          เมื่อวานนี้ (18 ตุลาคม 2556) นายประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผยว่า กสทช. ขอเตือนผู้ที่เดินทางไปเที่ยวเทศกาลบั้งไฟพญานาค วันออกพรรษา จ.หนองคาย ต้องระมัดระวังและตรวจสอบเครือข่ายผู้บริการให้ดีว่าได้ทำการแจ้งปิดบริการข้ามแดนอัตโนมัติ (โรมมิ่ง) หรือไม่ เพราะพื้นที่ จ.หนองคาย ติดกับประเทศลาว อาจจะทำให้เกิดปัญหาการเชื่อมต่อสัญญาณของประเทศเพื่อนบ้านอัตโนมัติ จนเสียค่าใช้จ่ายที่มีบริการสูง แม้ว่าจะอยู่ในประเทศไทยก็ตาม
 
          นายประวิทย์ กล่าวอีกว่า สิ่งที่ผู้บริโภคต้องทำ คือการปิดบริการกับส่วนลูกค้าสัมพันธ์ของผู้ให้บริการเครือข่าย หรือกดปิดโรมมิ่งที่ตัวเครื่อง พร้อมกับคอยสังเกตที่หน้าจอโทรศัพท์อยู่เสมอว่าผู้ให้บริการเครือข่าย เป็นของประเทศไทยหรือไม่ หากไม่ใช่ นั่นแสดงว่ากำลังเปิดโรมมิ่งอยู่
 
          พร้อมกันนี้ นายประวิทย์ กล่าวอีกว่า ในอดีตที่ผ่านมา เคยมีกรณีร้องเรียนค่าโรมมิ่งจากการเดินทางไปประเทศสิงคโปร์ ระยะเวลา 3 วัน ถูกเรียกค่าบริการถึง 2 แสนบาทมาแล้ว หรือกรณีที่ผู้บริโภคชาวแคนาดา ถูกคิดค่าโรมมิ่งจำนวน 200 ล้านบาท ตรงจุดนี้ ประเทศไทยยังแตกต่างจากประเทศอื่น กล่าวคือ จะมีการเปิดบริการโรมมิ่งทันทีเมื่อเปิดซิมส่วนต่างประเทศ หากไม่สมัครใช้บริการ ห้ามเปิดบริการโรมมิ่งเด็ดขาด
 

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก-http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1382096373&grpid=00&catid=&subcatid=-
หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ ตุลาคม 19, 2013, 08:40:50 pm
กระบะซิ่งอัดจยย.ติดเสาไฟฟ้า ดับยกครัว 5 ศพ

-http://news.sanook.com/1264631/%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9A%E0%B8%B0%E0%B8%8B%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%88%E0%B8%A2%E0%B8%A2.%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B9%84%E0%B8%9F%E0%B8%9F%E0%B9%89%E0%B8%B2-%E0%B8%94%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%A7-5-%E0%B8%A8%E0%B8%9E/-


(http://pe2.isanook.com/ns/0/ud/252/1264631/1.jpg)

กระบะเมืองคอนซิ่งอัดจยย.ติดเสาไฟฟ้า ตายยกครัวรวมคู่กรณี 5 ศพ ตร.คาดคนขับกระบะหลับใน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (18 ต.ค.) เมื่อเวลา 18.00 น. สภ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช รับแจ้งเหตุรถยนต์กระบะชนรถจักรยานยนต์อัดเสาไฟฟ้าริมถนน มีผู้เสียชีวิตตายคาที่ 4 ศพ บนถนนสายนครศรีธรรมราช-สุราษฎร์ธานี ม.1 ต.ปากพูน อ.เมือง นครศรีธรรมราช ที่เกิดเหตุ

ที่เกิดเหตุพบรถยนต์กระบะ สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน บม 4473 นครศรีธรรมราช ชนรถจยย. สีดำแดง ทะเบียน คจค 267 นครศรีธรรมราช อัดติดเสาไฟฟ้าริมถนน จนเสาไฟฟ้าหัก 2 ท่อน พบศพคนขี่รถจยย.ถูกอัดติดกับเสาไฟฟ้า ทราบชื่อนางสนธยา นนทพันธ์ อายุ 26 ปี สภาพศพคอหัก แขนขาหัก ริมถนนพบผู้เสียชีวิตอีก 3 ราย ทราบชื่อ นางสมจิตร ทองวิจิตร อายุ 47 ปี เป็นแม่ของนางสนธยา, ด.ญ.ไอซ์ อายุ 2 ปี และ ด.ญ.ปุ๊กลุ๊ก อายุ 6 เดือน เป็นลูกสาวของนางสนธยา

ส่วนคนในรถกระบะได้รับบาดเจ็บสาหัส ถูกนำส่ง รพ.มหาราชนครศรีธรรมราช ไปก่อนหน้านี้ ทราบชื่อคนขับ นายนันทวิทย์ พันธ์วาที อายุ 23 ปี และอีกคนชื่อ นายเอกพจน์ สุวรรณรัตน์ ไม่ทราบอายุ บาดเจ็บสาหัสทั้งคู่ ซึ่งนายเอกพจน์ไปสิ้นใจตายที่โรงพยาบาล

จากการสอบสวนทราบว่า ขณะที่นางสนธยาขี่รถจยย.ซ้อนท้ายแม่ของตนเองและลูก 2 คน รวมบนรถมีคนนั่งทั้งหมด 4 คน เพื่อกลับบ้านพัก ได้มีรถยนต์กระบะคันดังกล่าวขับมุ่งหน้าจากตัวเมืองมุ่งสู่ อ.สิชล มาด้วยความเร็วสูง ได้เข้าพุ่งชนรถจยย.ดังกล่าวเต็มแรง

เบื้องต้น ตำรวจสันนิษฐานว่า คนขับรถยนต์กระบะอาจหลับในเพราะไม่พบร่องรอยการเบรกรถแต่อย่างใด

ขอขอบคุณภาพจาก อาสาสมัครใต้เต็กตึ๊ง บ้านน้ำแคบ/RKU

หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ ตุลาคม 20, 2013, 12:50:58 pm
กสทช แนะผู้ให้บริการ เปิดเบอร์โทรฟรีรับเรื่องร้องทุกข์
-http://hilight.kapook.com/view/92503-


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

         กสทช. กำหนดมาตรการ ให้มีเบอร์โทรฟรี รับเรื่องร้องทุกข์ จากทุกเครือข่าย

         เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม มีรายงานว่า นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันการให้บริการด้านการโทรคมนาคม อาจจะมีข้อผิดพลาดและไม่เป็นไปตามสัญญา ทาง กสทช. จึงขอย้ำให้ผู้ใช้บริการที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม หรือมีข้อสงสัยในเรื่องความคุ้มครอง สามารถโทรมาร้องเรียนกับ กสทช. ได้ที่เบอร์ 1200 และนอกจากนี้ ทาง กสทช. เอง ยังมีกฎให้ทางผู้ใช้บริการ สามารถร้องทุกข์ไปยังผู้ให้บริการด้วย โดยเป็นเบอร์โทรฟรี ไม่เก็บค่าใช้จ่าย

         ทั้งนี้ จากประกาศคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เรื่องกระบวนการรับเรื่องร้องเรียนและพิจารณาเรื่องร้องเรียนของผู้ใช้บริการ พ.ศ. 2549 ได้กำหนดให้ผู้บริการ มีหน่วยงานที่ถามตอบข้อสงสัย และทำหน้าที่รับเรื่องร้องเรียนและแก้ไขปัญหาโดยไม่คิดค่าบริการ ซึ่งทางผู้ให้บริการในเมืองไทย ได้จัดเบอร์โทรศัพท์ต่าง ๆ เอาไว้ดังนี้

         AIS : เบอร์โทร 02-271-9263 ไม่คิดค่าบริการเมื่อโทรจากเครือข่าย AIS ระหว่างวันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 09.00-18.00 น.  เว้นวันหยุดราชการ

         True Move และ True Move H : เบอร์โทร 02-900-8088 ไม่คิดค่าบริการเมื่อโทรจากเครือข่าย True Move และ True Move H เวลา 08.00-20.00 น

         DTAC : เบอร์โทร 02-202-7267 ไม่คิดค่าบริการเมื่อโทรจากเครือข่าย DTAC ระหว่างวันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 09.00-16.30 น.  เว้นวันหยุดราชการ

         CAT : เบอร์โทร 081-352-0444 และ 081-352-0666 ไม่คิดค่าบริการเมื่อโทรจากเครือข่าย CDMA ระหว่างวันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 08.30-16.30 น.

         TOT : เบอร์โทร 1100 กด 3 ไม่คิดค่าบริการเมื่อโทรจากโทรศัพท์พื้นฐานได้ทุกเครือข่าย ให้บริการ 24 ชั่วโมง


อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
adslthailand.com
หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ ตุลาคม 26, 2013, 08:18:47 am
Sponge - หมู3ชั้นปลอม เนื้อปลอม 6Apr12

Sponge - หมู3ชั้นปลอม เนื้อปลอม 6Apr12 (http://www.youtube.com/watch?v=jp4GyFmfs08#)

Sponge - หมู3ชั้นปลอม เนื้อปลอม 6Apr12 (http://www.youtube.com/watch?v=jp4GyFmfs08#)
-http://www.youtube.com/watch?v=jp4GyFmfs08-
หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ ตุลาคม 26, 2013, 09:35:25 am
รวบแท็กซี่ตระเวนลักทรัพย์ตามบ้าน พบประวัติถูกจับมา 11 ครั้ง
-http://hilight.kapook.com/view/92741-


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม


            รวบแท็กซี่ในคราบโจร ตระเวนลักทรัพย์ตามบ้านเรือนและบริษัทที่ไม่ค่อยมีคนอยู่อาศัย พบประวัติถูกจับมา 11 ครั้ง เจ้าตัวรับสารภาพออกจากคุกแล้วไม่มีงานทำเลยขับแท็กซี่ แต่เงินน้อยไม่พอใช้
 
            วานนี้ (25 ตุลาคม 2556) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.วังทองหลาง ได้ร่วมกันแถลงการจับกุม นายสมโภชน์ หรือนิธินันท์ สารสมบูรณ์ อายุ 38 ปี โชเฟอร์แท็กซี่ พร้อมของกลางเป็นรถแท็กซี่ สีชมพู ทะเบียน ทย 1711 กทม. ไฟฉาย 1 กระบอก, หมวกไหมพรมสีดำ 1 ใบ, รองเท้าผ้าใบ 2 คู่, ค้อน 1 อัน, ด้ามเลื่อย 1 อัน, ไขควง 7 อัน และอื่น ๆ อีกหลายรายการ โดยจับกุมได้ที่หน้าห้องเช่า ย่านบางชัน เขตคลองสามวา กทม.

            ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ เผยว่า ก่อนหน้านี้ได้รับแจ้งเหตุลักทรัพย์ตามบริษัทต่าง ๆ บริเวณริมถนนพระราม 9 หลายต่อหลายครั้ง จึงประสานข้อมูลไปยัง สน. ใกล้เคียง และพบว่า นายสมโภชน์ได้ก่อเหตุลักทรัพย์ในพื้นที่ สน.ทองหล่อ โดยมีหมายจับศาลอาญา เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2555 จึงวางแผนจับกุมตัวคาห้องพัก พร้อมของกลาง

            โดยผู้ต้องหารับสารภาพว่า ตนขับรถแท็กซี่ตระเวนหาเป้าหมายตามบ้านเรือนในหมู่บ้านที่ไม่มีคนพลุกพล่านหรือตามบริษัทที่ไม่มีคนอยู่อาศัย พอสบโอกาสจึงเข้าไปงัดแงะเอาทรัพย์สินของมีค่าไปขายที่ตลาดนัดคลองหลอด จากนั้นก็นำเงินที่ได้ไปใช้จ่ายในครอบครัว รวมถึงเล่นการพนันด้วย

            อย่างไรก็ดี ผู้ต้องหาเผยว่า ก่อเหตุดังกล่าวมาประมาณ 3-4 ครั้ง แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ปักใจเชื่อ จึงสอบสวนและขยายผลทราบว่าคนร้ายเคยต้องโทษคดีและเพิ่งออกจากเรือนจำเมื่อปี 2554 จากนั้นก็ออกตระเวนหางานทำแต่ไม่มีที่ไหนรับ เพราะมีประวัติต้องคดีลักทรัพย์และเคยถูกจับกุมได้ถึง 11 ครั้ง ในพื้นที่ สน.บางโพงพาง ทุ่งมหาเมฆ ลุมพินี คันนายาว ทองหล่อ โคกคราม มักกะสัน จากนั้น จึงตัดสินใจขับรถแท็กซี่หาเช้ากินค่ำ แต่รายได้ไม่ดี เลยหันมาลักทรัพย์เพราะทำง่ายและได้เงินเยอะ

            ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ฝากเตือนพี่น้องประชาชนว่า ให้ปิดล็อกบ้านอย่างรัดกุมและแน่นหนา และให้ฝากบามหรือเพื่อนบ้านผลัดเปลี่ยนกันไปดูแล ขณะเดียวกันก็อยากจะฝากถึงอู่แท็กซี่ควรสอบประวัติคนขับให้ดีเสียก่อน อย่างหวังเพียงแต่ผลกำไรอย่างเดียว


อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
-http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1382682716&grpid=&catid=19&subcatid=1905-
-http://www.naewna.com/local/74295-


(http://www.matichon.co.th/online/2013/10/13826827161382682746l.jpg)
-http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1382682716&grpid=&catid=19&subcatid=1905-
หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ พฤศจิกายน 01, 2013, 10:16:51 pm
วิธีนั่ง “แท็กซี่” ให้ปลอดภัย

-http://club.sanook.com/12730/%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%B5%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%87-%E0%B9%81%E0%B8%97%E0%B9%87%E0%B8%81%E0%B8%8B%E0%B8%B5%E0%B9%88-%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%AD-


ปัจจุบันนี้การเดินทางของคนยุคใหม่ ค่อนข้างมีให้เลือกหลายช่องทางให้เลือกสรร และใครหลายๆคน ก็มักเลือกใช้บริการของรถสาธารณะ เพราะว่าต้องการความรวดเร็วและก็ต้องการความสะดวก ไม่ต้องลำบากหาที่จอดรถกัน ซึ่งรถสาธารณะที่มีนิยมใช้บริการกันในปัจจุบันนี้ก็มี เช่น รถไฟฟ้า รถเมล์ รถใต้ดิน หรือรถแท็กซี่  ซึ่งถ้าจะว่าไป ในอีกด้านบางครั้งการที่เราต้องอาศัยพึ่งพารถสาธารณะ ผู้โดยสารต้องฝากชีวิตไว้ที่คนขับซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าเป็นใครมาจากไหน และจะดูแลเราได้ดีแค่ไหน เรื่องนี้ก็คงไม่มีใครทราบ ดังนั้นผู้โดยสารทุกคนก็ต้องรักษาดูแลตัวเองกันให้ดีด้วยตัวเองในระดับนึง ซึ่งวันนี้เรามีวิธีโดยสารรถแท็กซี่ ให้ปลอดภัยมาฝากค่ะ หวังว่าทุกคนจะได้ประโยชน์จากเรื่องราวที่เอามาฝากกันนะคะ

วิธีปฏิบัติตัวเวลาโดยสารรถแท็กซี่ (Taxi) 

- สังเกตคนขับ สภาพรถ นิดนึงว่าพอไหวไหม คนขับแท็กซีว่าเมาไหม ดูปกติไหม รถสภาพไม่แย่จนเกินไป จนต้องไปพังกลางทาง หรือใช้เป็นข้ออ้างในการขอจอดเพื่อทำนู่นนี่ ซึ่งนั่นก็อาจจะทำให้เราลำบากเองได้ในภายหลังค่ะ

- ขึ้นรถปุ๊ปให้พยายามถ่ายรูปป้ายชื่อคนขับแท็กซี่บริเวณที่นั่งด้านหน้าฝั่งซ้ายของหน้ารถ (อันนี้สำคัญมาก เพราะคนขับแท็กซี่บอกเองเลย..) เพราะนั่นคือข้อมูลประจำตัวคนขับรถแท็กซี่นั่นเองค่ะ ให้สังเกตหน้าคนขับกับป้ายด้วยก็ดี ว่าหน้าเหมือนกันไหม ปล.บางครั้งถ่ายแค่ป้ายทะเบียนที่ติดอยู่ภายในรถเพียงอย่างเดียว อาจไม่เพียงพอ เพราะบางทีอาจเป็นรถแท็กซี่ให้เช่าขับค่ะ ดังนั้น ควรถ่ายรูปทั้งทะเบียนและป้ายชื่อคนขับ ไม่ใช่ถ่ายแต่ตัวเองและถ่ายทิวทัศน์เพลิน เพราะนั่นก็อาจทำให้เราโดนปล้นได้เหมือนกัน

- ถ้าเป็นสุภาพสตรีควรแต่งตัวให้รัดกุม ไม่โป๊ ไม่แต่งตัววับๆ แวมๆ หาเสื้อคลุมมาใส่ หรือถ้าใส่กระโปรงสั้น หรือกางเกงขาสั้น กางเกงยีนต์ขากุด ต่างๆนานา ก็พยายามหาอะไรๆ มาบังปิดไว้ก็ดีค่ะ และก็อย่าพยายามนั่งไขว่ห้าง ไขว้ขา เพราะคนขับอาจสติกระเจิง และล่อหู ล่อตาได้ค่ะ เซฟๆไว้ค่ะคุณสภาพสตรีเรื่องพวกนี้คุณทำได้

- พยายามนั่งเบาะหลังชิดประตูด้านขวาไว้  (เพราะกว่าคนขับจะตะเกียกตะกายมาทำร้าย ก็ต้องทำให้เค้าลำบากนิดนึงค่ะ เพราะมีเบาะกั้นอยู่) แต่ถ้าโดยสารถึงจุดหมายปลายทางก็ลงประตูด้านซ้ายนะคะ

- ถ้าคนขับปรับกระจกมองคุณบ่อยนักหรือถูกลวนลามด้วยสีหน้าแววตา หรือคำพูดที่ออกทางในแนวทางมิดีมิร้าย ทำให้คุณรู้สึกไม่ปลอดภัย ถ้าเลือกได้ให้ลงรถ แล้วเลือกแท็กซี่คันใหม่ค่ะ ไม่จำเป็นต้องนั่งฝืนไปนะคะ

- แต่ถ้าจำเป็นต้องนั่งให้สังเกตข้างทางด้วยว่าอยู่ตรงไหน ซอยอะไร แล้วโทรศัพท์หาคนรู้จักและบอกเส้นทางให้เค้ารับรู้เป็นระยะๆ ค่ะ

- เมื่อนั่งรถก็ไม่ควรคุยเรื่องส่วนตัวนะคะ ตอบได้เท่าที่ตอบได้พอ เพราะป้องกันการล่วงเกินความเป็นส่วนตัวจนเกินไป อาจไม่ปลอดภัย

- ห้ามหลับ อย่าเผลอหลับเด็ดขาด

- และถ้ารู้สึกวิงเวียน มึนหัว เหมือนโดนมอมยา เหตุการณ์ไม่น่าไว้วางใจ ให้โทรหาคนรู้จักที่สนิทๆ และอยู่ใกล้ที่สุดและพยายามติดต่อเค้า หรือถ้ามีโอกาสที่ให้ลงรถในจุดที่มีคนพลุกพล่าน เป็นเขตชุมชนค่ะ
หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ พฤศจิกายน 04, 2013, 10:51:53 am
เรือล่มเกาะล้าน ชี้บรรทุกน้ำหนักเกิน เตรียมออกหมายจับคนขับเรือ
-http://hilight.kapook.com/view/93109-


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม


            เรือล่มเกาะล้าน เจ้าหน้าที่กู้ภัยเร่งสำรวจหานักท่องเที่ยวที่ติดในเรือเพิ่มเติม ชี้สาเหตุจากบรรทุกนักท่องเที่ยวเกินกำหนดมากถึง 230 คน แต่เรือรับได้ 150 คนเท่านั้น คนขับ-เด็กท้ายเรือหลบหนีไป

            จากกรณีที่เกิดอุบัติเหตุเรือโดยสาร 2 ชั้นเกาะล้าน-พัทยา ล่ม โดยสามารถช่วยเหลือนักท่องเที่ยวขึ้นมาจากน้ำได้ 209 คน เบื้องต้นมีผู้เสียชีวิต 6 ราย และบาดเจ็บกว่า 100 ราย ตามที่ได้รายงานข่าวไปนั้น

            ล่าสุด วันนี้ (4 พฤศจิกายน 2556) รายการเรื่องเล่าเช้านี้ ทางช่อง 3 รายงานว่า เมื่อวานนี้ (3 พฤศจิกายน) ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปตรวจสอบจุดเกิดเหตุบริเวณหาดนวลที่เกาะล้าน พบว่าเส้นทางเดินเรือดังกล่าวมีโขดหินค่อนมาก ในขณะเดียวกันก็มีระดับน้ำค่อนข้างลึก โดยในบริเวณที่เรืออับปางลึกประมาณ 30 เมตร อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่กองทัพเรือและกรมเจ้าท่าได้มีการประชุมและมีการนำนักประดาน้ำลงไปเพื่อสำรวจว่ามีผู้เสียชีวิตหรือผู้สูญหายติดอยู่กับซากเรือที่จมลงไปหรือไม่

            สำหรับเรือโดยสารอับปางเป็นของบริษัท เกาะล้านแทรเวล จุดเกิดเหตุห่างจากฝั่งพัทยา 7 กิโลเมตร อยู่ตรงกลางอ่าวพัทยา อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ได้เร่งช่วยเหลือนำนักท่องเที่ยวขึ้นเรือและกระจายส่งโรงพยาบาลพัทยาเมโมเรียล โรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา และโรงพยาบาลบางละมุง สำหรับผู้เสียชีวิต 6 ราย พบว่าเป็นชาวไทย 3 ราย ชาวรัสเซีย 2 ราย และชาวจีน 1 ราย

            จากการสอบถาม นายวีรวุฒิ หนึ่งในผู้รอดชีวิต เปิดเผยว่า เรือดังกล่าวเป็นเรือแบบเช่าไปกลับ โดยมีการแวะจอดนักท่องเที่ยว 3 หาดหลัก และได้บรรทุกนักท่องเที่ยวมากกว่า 200 คนออกจากหาดแสม ขณะผ่านหาดนวล ท้องเรือได้กระแทกกับโขดหินจนแตกเสียหาย อีกทั้งปั๊มน้ำในเรือชำรุด ทำให้น้ำเข้าเรืออย่างรวดเร็ว จังหวะนั้นเรือโคลงเคลงอย่างแรงง นักท่องเที่ยวจึงหนีตายไปรวมตัวกันที่หัวเรือจนทำให้เรือพลิกตะแคง และจมลงอย่างรวดเร็ว ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะช่วยเหลือไว้ได้

            อย่างไรก็ตาม ในเวลา 21.00 น. เจ้าหน้าที่ได้ยุติการค้นหาผู้โดยสารเนื่องจากคลื่นลมแรงและแสงสว่างไม่เพียงพอ โดยเริ่มค้นหาในเช้าวันนี้ ขณะที่ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธร จ.ชลบุรี กล่าวว่า เรื่องที่เกิดขึ้นถือเป็นความประมาทของผู้ประกอบการที่ไม่ตรวจสอบความพร้อมของเรือ เบื้องต้นพบว่าเพิ่งเสร็จจากการซ่อมเพียง 2 สัปดาห์ อีกทั้งรับนักท่องเที่ยวเกินอัตราที่กำหนด โดยคาดว่ารับนักท่องเที่ยวถึง 230 คน ขณะที่เรือรับได้เพียง 150 คนเท่านั้น และไม่แจกเสื้อชูชีพจนเกิดโศกนาฏกรรมขึ้น เบื้องต้น นายสมาน ขวัญเมือง คนขับเรือและเด็กท้ายเรือได้หลบหนีไปหลังเกิดเหตุ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ตั้งข้อหากระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย เตรียมออกหมายจับและจะเรียกเจ้าของเรือมาสืบสวนต่อไป


เหตุการณ์ล่าสุด! เรือล่มเกาะล้าน (http://www.youtube.com/watch?v=OYsgLdvEKNA#ws)

เหตุการณ์ล่าสุด! เรือล่มเกาะล้าน (http://www.youtube.com/watch?v=OYsgLdvEKNA#ws)
-http://www.youtube.com/watch?v=OYsgLdvEKNA-
คลิป เหตุการณ์ล่าสุด! เรือล่มเกาะล้าน : เครดิต รายการเรื่องเล่าเช้านี้ โพสต์โดย คุณ LAKORNHD ThaiTV

https://www.facebook.com/photo.php?v=212038262301179 (https://www.facebook.com/photo.php?v=212038262301179)
-https://www.facebook.com/photo.php?v=212038262301179-
คลิป เรือล่มเกาะล้าน โพสต์โดย เฟซบุ๊ก เปี๊ยก ใจมั่น

https://www.facebook.com/photo.php?v=1386923024882249 (https://www.facebook.com/photo.php?v=1386923024882249)
-https://www.facebook.com/photo.php?v=1386923024882249-
คลิป เรือล่มเกาะล้าน 2 โพสต์โดย เฟซบุ๊ก New Summyae Hilux

หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ พฤศจิกายน 04, 2013, 08:11:22 pm
เรือล่มเกาะล้าน ชี้บรรทุกน้ำหนักเกิน เตรียมออกหมายจับคนขับเรือ
-http://hilight.kapook.com/view/93109-


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม


            เรือล่มเกาะล้าน เจ้าหน้าที่กู้ภัยเร่งสำรวจหานักท่องเที่ยวที่ติดในเรือเพิ่มเติม ชี้สาเหตุจากบรรทุกนักท่องเที่ยวเกินกำหนดมากถึง 230 คน แต่เรือรับได้ 150 คนเท่านั้น คนขับ-เด็กท้ายเรือหลบหนีไป

            จากกรณีที่เกิดอุบัติเหตุเรือโดยสาร 2 ชั้นเกาะล้าน-พัทยา ล่ม โดยสามารถช่วยเหลือนักท่องเที่ยวขึ้นมาจากน้ำได้ 209 คน เบื้องต้นมีผู้เสียชีวิต 6 ราย และบาดเจ็บกว่า 100 ราย ตามที่ได้รายงานข่าวไปนั้น

            ล่าสุด วันนี้ (4 พฤศจิกายน 2556) รายการเรื่องเล่าเช้านี้ ทางช่อง 3 รายงานว่า เมื่อวานนี้ (3 พฤศจิกายน) ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปตรวจสอบจุดเกิดเหตุบริเวณหาดนวลที่เกาะล้าน พบว่าเส้นทางเดินเรือดังกล่าวมีโขดหินค่อนมาก ในขณะเดียวกันก็มีระดับน้ำค่อนข้างลึก โดยในบริเวณที่เรืออับปางลึกประมาณ 30 เมตร อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่กองทัพเรือและกรมเจ้าท่าได้มีการประชุมและมีการนำนักประดาน้ำลงไปเพื่อสำรวจว่ามีผู้เสียชีวิตหรือผู้สูญหายติดอยู่กับซากเรือที่จมลงไปหรือไม่

            สำหรับเรือโดยสารอับปางเป็นของบริษัท เกาะล้านแทรเวล จุดเกิดเหตุห่างจากฝั่งพัทยา 7 กิโลเมตร อยู่ตรงกลางอ่าวพัทยา อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ได้เร่งช่วยเหลือนำนักท่องเที่ยวขึ้นเรือและกระจายส่งโรงพยาบาลพัทยาเมโมเรียล โรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา และโรงพยาบาลบางละมุง สำหรับผู้เสียชีวิต 6 ราย พบว่าเป็นชาวไทย 3 ราย ชาวรัสเซีย 2 ราย และชาวจีน 1 ราย

            จากการสอบถาม นายวีรวุฒิ หนึ่งในผู้รอดชีวิต เปิดเผยว่า เรือดังกล่าวเป็นเรือแบบเช่าไปกลับ โดยมีการแวะจอดนักท่องเที่ยว 3 หาดหลัก และได้บรรทุกนักท่องเที่ยวมากกว่า 200 คนออกจากหาดแสม ขณะผ่านหาดนวล ท้องเรือได้กระแทกกับโขดหินจนแตกเสียหาย อีกทั้งปั๊มน้ำในเรือชำรุด ทำให้น้ำเข้าเรืออย่างรวดเร็ว จังหวะนั้นเรือโคลงเคลงอย่างแรงง นักท่องเที่ยวจึงหนีตายไปรวมตัวกันที่หัวเรือจนทำให้เรือพลิกตะแคง และจมลงอย่างรวดเร็ว ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะช่วยเหลือไว้ได้

            อย่างไรก็ตาม ในเวลา 21.00 น. เจ้าหน้าที่ได้ยุติการค้นหาผู้โดยสารเนื่องจากคลื่นลมแรงและแสงสว่างไม่เพียงพอ โดยเริ่มค้นหาในเช้าวันนี้ ขณะที่ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธร จ.ชลบุรี กล่าวว่า เรื่องที่เกิดขึ้นถือเป็นความประมาทของผู้ประกอบการที่ไม่ตรวจสอบความพร้อมของเรือ เบื้องต้นพบว่าเพิ่งเสร็จจากการซ่อมเพียง 2 สัปดาห์ อีกทั้งรับนักท่องเที่ยวเกินอัตราที่กำหนด โดยคาดว่ารับนักท่องเที่ยวถึง 230 คน ขณะที่เรือรับได้เพียง 150 คนเท่านั้น และไม่แจกเสื้อชูชีพจนเกิดโศกนาฏกรรมขึ้น เบื้องต้น นายสมาน ขวัญเมือง คนขับเรือและเด็กท้ายเรือได้หลบหนีไปหลังเกิดเหตุ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ตั้งข้อหากระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย เตรียมออกหมายจับและจะเรียกเจ้าของเรือมาสืบสวนต่อไป


เหตุการณ์ล่าสุด! เรือล่มเกาะล้าน (http://www.youtube.com/watch?v=OYsgLdvEKNA#ws)

เหตุการณ์ล่าสุด! เรือล่มเกาะล้าน (http://www.youtube.com/watch?v=OYsgLdvEKNA#ws)
-http://www.youtube.com/watch?v=OYsgLdvEKNA-
คลิป เหตุการณ์ล่าสุด! เรือล่มเกาะล้าน : เครดิต รายการเรื่องเล่าเช้านี้ โพสต์โดย คุณ LAKORNHD ThaiTV

https://www.facebook.com/photo.php?v=212038262301179 (https://www.facebook.com/photo.php?v=212038262301179)
-https://www.facebook.com/photo.php?v=212038262301179-
คลิป เรือล่มเกาะล้าน โพสต์โดย เฟซบุ๊ก เปี๊ยก ใจมั่น

https://www.facebook.com/photo.php?v=1386923024882249 (https://www.facebook.com/photo.php?v=1386923024882249)
-https://www.facebook.com/photo.php?v=1386923024882249-
คลิป เรือล่มเกาะล้าน 2 โพสต์โดย เฟซบุ๊ก New Summyae Hilux

คนขับเรือเกาะล้านมอบตัว สารภาพเมายา ขับชนหินแต่ไม่หยุด

-http://news.sanook.com/1298924/%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%82%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%B0%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7-%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%B2-%E0%B8%82%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%AB%E0%B8%A2%E0%B8%B8%E0%B8%94/-


(4 พ.ย.) ความคืบหน้ากรณีเรือโดยสารล่มกลางทะเล บริเวณเกาะล้าน เมื่อช่วงเย็นวานนี้ (3 พ.ย.) จนเป็นทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก และพบผู้เสียชีวิต 6 ราย ล่าสุดคนขับเรือลำดังกล่าวได้เดินทางเข้ามอบตัวแล้ว ยอมรับว่าเมาและเสพยาบ้า

เจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำและทหารเรือ ได้นำกำลังนำชุดประดาน้ำ ปฏิบัติภารกิจค้นหาผู้โดยสารอาจจะตกค้าง บริเวณจุดที่เรือจม ทางด้าน นายคมสัน เอกชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ได้เปิดเผยว่า เรือโดยสารลำดังกล่าวเป็นเรือของบริษัท เกาะล้าน ทราเวล จำกัด เป็นเรือเหมาโดยสารรับทุกท่าเรือ ไม่ใช่เรือโดยสารที่ถูกต้องตามกฎหมาย ทำให้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถตรวจสอบอัตราการบรรทุกผู้โดยสารและความเร็วได้

ทั้งนี้ ความคืบหน้าเพิ่มเติมพบว่า เรือโดยสารลำดังกล่าวได้ขับชนกับหินโสโครก บริเวณโขดหินพระนาง ซึ่งอยู่ระหว่างเกาะล้านและชายฝั่งพัทยา แม้กระทั้งพบว่าเรือชนกับหินโสโครก แต่คนขับยังคงขับเรือต่อไป จนเป็นเหตุทำให้เกิดโศกนาฏกรรมดังกล่าว

ขณะที่ นายสมาน ขวัญเมือง อายุ 48 ปี คนขับเรือโดยสารลำดังกล่าว เมื่อเวลา 13.00 น. ที่ผ่านมา ได้เข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว นายสนาม ให้การยอมรับว่า เป็นผู้ขับเรือโดยสารลำดังกล่าว ก่อนจะมาขับเรือเที่ยวสุดท้ายออกจากเกาะล้านได้ดื่มสุราและเสพยาบ้าไปจำนวนหนึ่ง เบื้องต้นจึงแจ้งข้อหาขับเรือโดยสารโดยประมาท เป็นเหตุทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต

อย่างไรก็ตาม จากการสอบสวนพยานผู้รอดชีวิตจากเหตุดังกล่าว เปิดเผยว่า หลังจากเรือโดยสารแล่นออกจากเกาะล้านสักพัก ปรากฎว่ามีน้ำทะเลไหลทะลักเข้ามาในเรือ ผู้โดยสารเกิดตกใจ วิ่งหนีขึ้นไปอยู่บนชั้นที่ 2 ของเรือ เป็นเหตุทำให้เรือเสียการทรงตัวและจมลงทะเลในที่สุด
หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ พฤศจิกายน 08, 2013, 05:44:12 am
6 เรื่องควรรู้วิธีดูฉลาก ไม่ตกเป็นเหยื่อ “ยาเถื่อน-เครื่องสำอางปลอม”
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์    7 พฤศจิกายน 2556 23:20 น.
-http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9560000139120-


(http://mpics.manager.co.th/pics/Images/556000014563701.JPEG)

    เห็นสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ออกมาแถลงข่าวการจับกุมสินค้าผิดกฎหมายคราใด ก็ให้รู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยต่อชีวิตแทบทุกครั้ง เพราะสินค้าผิดกฎหมายที่อยู่ในความดูแลของ อย.นั้น เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับคุณภาพชีวิตของคนไทยเราแทบทั้งสิ้น ไล่ตั้งแต่อาหาร ยา เครื่องสำอาง ไปจนถึงเครื่องมือทางการแพทย์

       ล่าสุด ก็เพิ่งมีข่าวบุกทลายโรงงานยาเถื่อนย่านสายไหม มูลค่ารวมราว 10 ล้านบาท พบว่า ไม่มีการขึ้นทะเบียนตำรับยาตามกฎหมาย รวมไปถึงจับกุมฝรั่งชาวเดนมาร์กนำเข้ายาฮอร์โมนเพิ่มกล้ามเนื้อ ที่ไม่ขึ้นทะเบียนตำรับยาเช่นกัน และเวย์โปรตีนที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับอาหาร และที่ผ่านๆ มา ก็มีทั้งเครื่องสำอางที่มีสารพิษอย่างพวก สารตะกั่ว สารไฮโดรควิโนน เป็นส่วนประกอบ รวมถึงไม่มีเครื่องหมาย อย.มีการสวมเลขทะเบียน เป็นต้น ซึ่ง อย.ก็ทำได้แค่ออกเตือนให้ระวังสินค้าเหล่านี้ ด้วยวิธีการดูฉลาก เพราะหากซื้อมาอุปโภคหรือบริโภคก็คงจะอันตรายมิใช่น้อย
       
       แม้ อย.พยายามแนะนำให้ประชาชนดูฉลากผลิตภัณฑ์ ซึ่งจะมีระบุถึงเครื่องหมาย อย.ข้อมูลต่างๆ ของสินค้าไปจนถึงผู้ผลิต เพื่อช่วยสกรีนเบื้องต้นว่าสินค้านั้นมีความน่าเชื่อถือหรือไม่อย่างไร ถึงกระนั้นก็ยังคงมีการสวมเลขทะเบียน หรือทำทะเบียนปลอมขึ้นมาหลอกลวง แล้วประชาชนจะรู้ได้อย่างไรว่าฉลากแบบไหนคือของจริง เพราะที่ผ่านมา อย.ก็แทบไม่เคยออกมาให้ข้อมูลในเรื่องดังกล่าว หรือมีแหล่งค้นคว้าหาข้อมูลเพื่อเป็นความรู้ให้แก่ประชาชน
       
       อย่างไรก็ตาม ขณะนี้แม้ อย.จะสร้างแอปพลิเคชันให้ตรวจสอบเลขทะเบียนสินค้าได้ แต่ก็เป็นเพียงในส่วนของเครื่องสำอางเท่านั้น ดังนั้น การสร้างความรู้ติดอาวุธให้สมองด้วยตัวเราเอง ก็น่าจะเป็นตัวช่วยสำคัญที่ทำให้เราไม่ต้องตกเป็นเหยื่อของสินค้าอันตรายและหลอกลวงผู้บริโภคอีกต่อไป
       
       ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับฉลากผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในความดูแลของ อย.ก่อนว่า สินค้าเหล่านั้นมันมีความเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร เพราะสมัยนี้ก็ไว้ใจไม่ได้ มีการเอาเครื่องหมาย อย.สำหรับอาหาร มาใส่ในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางก็มี ทั้งนี้ในคู่มือ “กินดี ใช้เป็น คนไทยไกลโรค” จัดทำโดย อย.ได้ให้ข้อมูลไว้ดังนี้
       
       
       
       1.ฉลากผลิตภัณฑ์อาหาร
       
       หากได้รับอนุญาตจาก อย.แล้ว จะต้องแสดงเครื่องหมาย อย.บนฉลาก เรียกว่า “เลขสารบบอาหาร” ซึ่งจะมีตัวเลข 13 หลัก อยู่ในกรอบเครื่องหมาย อย.เช่นนี้ xx-x-xxxxx-x-xxxx ส่วนข้อความอื่นๆ ในฉลาก ได้แก่ ชื่ออาหาร ชื่อและที่ตั้งของผู้ผลิตหรือแบ่งบรรจุ หรือสำนักงานใหญ่ของสถานที่ผลิตหรือแบ่งบรรจุ วันเดือนปีที่ผลิต และวันเดือนปีที่หมดอายุ น้ำหนักสุทธิ ส่วนประกอบที่สำคัญ เลขสารบบอาหาร คำเตือน คำแนะนำในการเก็บรักษา และวิธีปรุงเพื่อรับประทาน
       
       แต่หากเป็นผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูปที่บรรจุในภาชนะพร้อมจำหน่าย อาหารทั่วไป เช่น กะปิ พริกไทย เครื่องปรุงรส เป็นต้น สถานที่ผลิตต้องผ่านหลักเกณฑ์ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข โดยไม่กำหนดให้ต้องขอเลขสารบบอาหาร แต่หากต้องการแสดงเครื่องหมาย อย.บนฉลาก ก็สามารถยื่นขอได้ ตามสมัครใจ
       
       
       
       
       2.ฉลากผลิตภัณฑ์ยา
       
       ผลิตภัณฑ์ยาทุกชนิดทั้งยาแผนปัจจุบันและยาแผนโบราณ จะไม่มีเครื่องหมาย อย.แสดงบนฉลาก แต่จะแสดงเลขที่รหัสใยบสำคัญการขึ้นทะเบียนตำรับยา หรือที่เรียกว่า “เลขทะเบียนตำรับยา” เช่น 1A12/35 G 99/55 โดยฉลากยาและเอกสารกำกับยาจะต้องแสดงรายละเอียดดังนี้ ชื่อยา เลขทะเบียนตำรับยา ชื่อและปริมาณ หรือความแรงของสารออกฤทธิ์ที่เป้นส่วนประกอบ (กรณียาแผนปัจจุบัน) เลขที่หรืออักษรแสดงครั้งที่ผลิตหรือวิเคราะห์ หรือ Lot. Number ชื่อและที่ตั้งผู้ผลิต นำหรือสั่งยาเข้ามาในราชอาณาจักร วันเดือนปีที่หมดอายุ เช่น Exp. หรือ Exp date หรือข้อความว่า “ยาสิ้นอายุ” แล้วตามด้วยวันเดือนปีที่หมดอายุ นอกจากนี้ ยังมี คำว่า “ยาอันตราย” “ยาควบคุมพิเศษ” “ยาใช้เฉพาะที่” “ยาใช้ภายนอก” ตามแต่กรณี คำว่า “ยาสามัญประจำบ้าน” “ยาแผนโบราณ” “ยาสำหรับสัตว์” ตามแต่กรณี วิธีใช้ และคำเตือน
       
       ทั้งนี้ ตัวเลขที่นำหน้าตัวอักษรจะมีเฉพาะยาแผนปัจจุบันเท่านั้น มีความหมายดังนี้ เลข 1 หมายถึง ยาที่มีตัวยาสำคัญที่ออกฤทธิ์เพียงตัวเดียว เลข 2 หมายถึงยาที่มีตัวยาสำคัญออกฤทธิ์ตั้งแต่ 2 ตัวขึ้นไป
       
       ตัวอักษร A-F เป็นตัวอักษรสำหรับยาแผนปัจจุบัน มีความหมายดังนี้ A คือ ยามนุษย์ผลิตภายในประเทศ B คือ ยามนุษย์แบ่งบรรจุ C คือ ยามนุษย์น้ำหรือสั่งเข้า D คือ ยาสัตว์ผลิตภายในประเทศ E คือ ยาสัตว์แบ่งบรรจุ F คือ ยาสัตว์น้ำหรือสั่งเข้า ส่วนตัวอักษร G-N เป็นตัวอักษรสำหรับยาแผนโบราณ โดย G คือ ยามนุษย์ผลิตภายในประเทศ H คือ ยามนุษย์แบ่งบรรจุ K คือ ยามนุษย์น้ำหรือสั่งเข้า L คือ ยาสัตว์ผลิตภายในประเทศ M คือ ยาสัตว์แบ่งบรรจุ N คือ ยาสัตว์น้ำหรือสั่งเข้า
       
       
       
       3.ฉลากผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง
       
       ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางทุกชนิดจะไม่มีเครื่องหมาย อย.แสดงบนฉลาก แต่จะต้องแสดงเลขที่ใบรับแจ้ง เป็นตัวเลข 10 หลัก เช่น 10-1-5512345 พร้อมทั้งฉลากภาษาไทยมีรายละเอียดดังนี้ ประเภทหรือชนิดของเครื่องสำอาง ชื่อการค้าและชื่อเครื่องสำอาง (ต้องมีขนาดใหญ่กว่าข้อความอื่น) ชื่อสารทุกชนิดที่ใช้เป็นส่วนผสม เรียงลำดับจากสารที่มีปริมาณมากไปสารที่มีปริมาณน้อย วิธีใช้ คำเตือน ชื่อ-ที่ตั้งของผู้ผลิต ปริมาณสุทธิ เลขที่แสดงครั้งที่ผลิตเครื่องสำอาง เดือน/ปีที่ผลิต เดือน/ปีที่หมดอายุ (กรณีมีอายุการใช้งานน้อยกว่า 30 เดือน) และเลขที่ใบรับแจ้ง
       
       
       
       4.ฉลากเครื่องมือแพทย์
       
       เครื่องมือแพทย์ มี 3 ประเภท มีการแสดงเครื่องหมาย อย.ที่แตกต่างกัน
       
       -เครื่องมือแพทย์ที่ต้องมีใบอนุญาต ได้แก่ ถุงยางอนามัย ถุงมือสำหรับศัลยกรรม ชุดตรวจที่เกี่ยวข้องกับการติดเชื้อเอชไอวี คอนแทกต์เลนส์ เป็นเครื่องมือแพทย์ที่ต้องแสดงข้อความบนฉลากเป็นภาษาไทย เช่น ชื่อเครื่องมือแพทย์ ชื่อและสถานที่ตั้งของผู้ผลิต ปริมาณที่บรรจุ เลขที่หรืออักษรแสดงครั้งที่ผลิต เลขที่ใบอนุญาตหรือเลขที่ใบรับแจ้งรายละเอียด ข้อบ่งใช้ วิธีการใช้ และวิธีการเก็บรักษา ให้แสดงข้อความว่า “ใช้ได้ครั้งเดียว” คำเตือนและข้อควรระวัง อายุการใช้งาน และเครื่องหมาย อย.บนฉลาก โดยตัวอย่างเครื่องหมายจะมีข้อความ ผ 999/2550 ในเครื่องหมาย อย ซึ่งหมายถึงผลิต หรือ น 999/2550 ในเครื่องหมาย อย หมายถึงนำเข้า
       
       -เครื่องมือแพทย์ที่ต้องแจ้งรายการละเอียด ได้แก่ เครื่องใช้หรือผลิตภัณฑ์ที่ใช้เพื่อกายภาพบำบัด เครื่องตรวจวัดระดับหรือปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกาย เต้านมเทียมซิลิโคนใช้ฝังในร่างกาย เป็นต้น เป็นเครื่องมือแพทย์ที่ต้องแสดงฉลากเหมือนกัน แต่ไม่ต้องแสดงเครื่องหมาย อย.ให้แสดงเลขที่ใบรับแจ้งบนฉลาก
       
       -เครื่องมือแพทย์ทั่วไป ได้แก่ เตียงผ่าตัด เครื่องตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือด เครื่องตรวจวัดความดันโลหิต เป็นเครื่องมือแพทย์ที่ไม่มีการบังคับให้แสดงฉลากภาษาไทย และไม่ต้องแสดงเครื่องหมาย อย.หรือเลขที่รับแจ้งบนฉลาก
       
       
       
       5.ฉลากผลิตภัณฑ์วัตถุอันตรายที่ใช้ในบ้านเรือน
       
       ผลิตภัณฑ์นี้จะมีการแสดงฉลาก 3 แบบ โดย วัตถุอันตรายที่ใช้ในบ้านเรือน ที่ฉลากต้องมีเลขทะเบียนในกรอบเครื่องหมาย อย. เช่น วอส.999/2550 เช่น ผลิตภัณฑ์ป้องกันกำจัด/ไล่แมลง ผลิตภัณฑ์กำจัดหนู ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดพื้นผิวประเภท กรด-ด่าง ผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อโรคที่ใช้ในบ้านเรือน ผลิตภัณฑ์ลบคำผิด เป็นต้น
       
       ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ต้องมีเครื่องหมาย อย.แต่ต้องมีเลขที่รับแจ้งข้อเท็จจริง ตัวอย่าง 999/2550 ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ล้างจาน ผลิตภัณฑ์ซักผ้า ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดพื้น ฝาผนัง เครื่องสุขภัณฑ์และวัสดุต่างๆ ที่มีเฉพาะสารลดแรงตึงผิวบางชนิดเป็นสารสำคัญ ผลิตภัณฑ์ประเภทคลอรีนที่ใช้ในการฆ่าเชื้อโรคหรือกำจัดกลิ่นในสระว่ายน้ำ เป็นต้น
       
       สำหรับผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการยกเว้นไม่ต้องแสดงเครื่องหมาย อย.ได้แก่ ก้อนดับกลิ่น/ลูกเหม็น
       
       
       
       และ 6.ตรวจผ่านแอปพลิเคชัน Oryor Smart Application
       
       แอปพลิเคชันนี้มีประโยชน์ต่อผู้บริโภค เพราะสามารถเข้ามาเช็กข้อมูลได้ว่า ผลิตภัณฑ์ใดบ้างที่ขึ้นทะเบียนรับรองจาก อย.หรือผลิตภัณฑ์ใดปลอมเลขทะเบียน โดยการคีย์ตัวเลขสารบบว่า ถูกต้องกับระบบของ อย.หรือไม่ ก็จะทราบทันที โดย นพ.บุญชัย สมบูรณ์สุข เลขาธิการ อย.กล่าวว่า อย.เตรียมพัฒนาแอปพลิเคชันเวอร์ชัน 2 เพื่อเพิ่มศักยภาพให้มากขึ้น ซึ่งเวอร์ชันแรกจะเน้นตรวจสอบเลขที่ใบรับแจ้งกลุ่มเครื่องสำอางเป็นหลัก แต่เวอร์ชัน 2 จะครอบคลุมทั้งเลขทะเบียนตำรับยา เลขสารบบอาหารของผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และผลิตภัณฑ์วัตถุอันตราย เป็นต้น เป็นการเพิ่มทางเลือกให้ประชาชนในการตรวจสอบข้อมูลมากขึ้น เพราะปัจจุบันสินค้าแม้จะมีเลข อย.แต่ก็อาจเป้นการสวมทะเบียนหรือเป็นเลขปลอมก็ได้ จึงต้องมีช่องทางในการตรวจสอบให้รับรู้ ซึ่งแอปพลิเคชันดังกล่าวสามารถตรวจเช็กข้อมูลได้รวดเร็ว ตลอด 24 ชั่วโมง
หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ พฤศจิกายน 11, 2013, 06:21:56 pm
เตือนภัย แก๊งวางหินระบาด ถนนเพชรเกษม-นครปฐม คืนเดียวชน 5 คัน

-http://hilight.kapook.com/view/93406-


(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/kanokwan/problem%20news/1461766_662560863778324_76977402_n.jpg)


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก Social News Room, ทวิตเตอร์ @bigbear_th

          เตือนภัย ! แก๊งวางหินก้อนใหญ่ โผล่แถวถนนเพชรเกษม-นครปฐม โดยวางดักบนถนนตอนกลางคืน พบรถเกิดอุบัติเหตุคืนเดียว 5 คันรวด

          วันที่ 11 พฤศจิกายน 2556 เฟซบุ๊ก Social News Room ได้โพสต์ภาพที่แชร์มาจากทวิตเตอร์ของเจ้าหน้าที่กู้ภัยคนหนึ่ง ที่ได้มีการแจ้งเตือนผ่าน จส.100 และทีมข่าวต่าง ๆ ให้ระวังแก๊งวางหิน ซึ่งคาดว่าจะเป็นกลุ่มวัยรุ่น ที่นำก้อนหินขนาดใหญ่มาวางไว้บนถนน สายเพชรเกษม-นครปฐม โดยในคืนวันที่ 10 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ได้มีรถเกิดอุบัติเหตุแล้ว 5 คันในคืนเดียว

          ส่วนสาเหตุของการวางก้อนหินบนถนนนั้น ยังไม่ทราบแน่ชัด แต่อาจจะคล้ายกับแก๊งปาหินที่ระบาดตามจังหวัดต่าง ๆ ด้วยความคึกคะนองและหวังทรัพย์สินหากรถประสบอุบัติเหตุ

           โดย ทวิตเตอร์ @bigbear_th ของเจ้าหน้าที่กู้ภัยคนดังกล่าว ได้โพสต์ข้อความเตือนเอาไว้ดังนี้

            "ระวังถนนเพชรเกษม จ.นครปฐม ช่วงทั้งเข้า-ออก big c วัยรุ่นเอาหินก้อนใหญ่ ๆ มาวางให้รถเกิดเหตุ เจอติดกัน เพื่อให้รถชน กำลังระบาด เกือบ 2 อาทิตย์ หลัง ๆ วางทุกคืนเลย บางทีเอาใส่ถุงดำ ให้นึกว่าถุงพลาสติก ให้ ตร.จับหน่อย ก่อนจะเกิดเหตุถึงชีวิต"

             "สรุปยอดจากแก๊งวางหินเมื่อคืน 5 คัน ช่วงทางด่วนเพชรเกษม แยกทุ่งพระเมรุ ถึงหน้า รพ.สนามจันทร์ ขาเข้า-ออก"

(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/kanokwan/problem%20news/563702_662562837111460_922752966_n.jpg)

.

หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ พฤศจิกายน 12, 2013, 06:17:54 pm
สลด! มารดาเผลอนอนทับลูกวัย 2 เดือน ดับคาที่นอน

-http://news.sanook.com/1308209/%E0%B8%AA%E0%B8%A5%E0%B8%94-%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%94%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%9C%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%A2-2-%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%99-%E0%B8%94%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%84%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%99/-

เกิดเหตุสลดมารดาเผลอนอนทับลูกสาววัย 2 เดือนเสียชีวิต หลังจากเมื่อคืนวันที่ 11 พ.ย. ที่ผ่านมา ได้นั่งดื่มสุรากับสามีภายในบ้าน จนกระทั่งนอนหลับและทับร่างของลูกสาว

เมื่อวานนี้ (11 พ.ย.56) ช่วงเวลาประมาณ 09.00 น. ร.ต.ท.พิชัย เรื่องสุขสุด พนักงานสอบสวน สภ.ศรีมหาโพธิ ได้รับแจ้งจากชาวบ้านในหมู่บ้านเอื้ออาทร ต.ท่าตูม ม.10 อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี ว่าเกิดเหตุแม่นอนทับลูกน้อยเสียชีวิต หลังจากรับแจ้งพร้อมด้วยหน่วยกู้ภัยร่วมกตัญญูจุดศรีมหาโพธิ เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ ซึ่งในที่เกิดเหตุบ้านเลขที่ 430/222 หมู่10 ต.ท่าตูม อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี บริเวณชั้นล่างซึ่งทำเป็นที่บริการซักผ้าหยอดเหรียญ ชื่อร้านฟาโร พบนางรัตนา ห้าวหาญ ผู้เป็นมารดา และนายไทย แสนกล้า สามี ทั้งคู่อายุประมาณ 30 ปี และเป็นชาว จ.สุรินทร์ ทั้ง 2 คน เป็นลูกจ้างเฝ้าร้านดังกล่าว อยู่ในอาการพูดจาแทบไม่รู้เรื่องเนื่องจากยังอยู่ในอาการเมาค้าง ถัดไปพบร่างของเด็กอายุ 2 เดือน ทราบชื่อคือ น้องดารินทร์ นอนอยู่ในผ้าขนหนูสีชมพูที่นางรัตนาผู้เป็นแม่ห่อเอาไว้ ตรวจสอบบริเวณโดยรอบยังพบขวดสุราขาวอยู่ในที่เกิดเหตุจึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

จากการสอบถามทั้งคู่ ทราบว่า ตนกับภรรยาได้นั่งดื่มสุรากันในบ้านก่อนหน้าและได้นอนหลับตอนเที่ยงคืนที่ผ่านมา จนกระทั่งรุ่งเช้าเห็นหนูน้อยนอนนิ่งอยู่โดยผิดสังเกต เพราะทุกเช้าๆ ลูกน้อยจะส่งเสียงร้องและหัวเราะ สามีบอกให้ภรรยาไปอุ้มลูกแต่ปรากฏว่าลูกสาวไม่มีลมหายใจแล้ว สร้างความโศกเศร้าอย่างยิ่ง ซึ่งทาง ร.ต.ท.พิชัย เรืองสุขสุด หลังจากตรวจสอบในที่เกิดเหตุได้นำร่างของน้องดารินทร์ให้แพทย์โรงพยาบาลศรีมหาโพธิพิสูจน์อีกครั้งถึงสาเหตุการเสียชีวิต ก่อนที่จะนำร่างของน้องดารินทร์มอบให้บิดา-มารดานำกลับไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณีต่อไป



หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ พฤศจิกายน 21, 2013, 05:52:09 am
อย.แฉ! 5 ยาสมุนไพรอันตรายอ้างสรรพคุณโอเวอร์-ไม่ขึ้นทะเบียนยา
-http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9560000144444-

   อย.เผยรายชื่อยาสมุนไพรอันตราย 5 ผลิตภัณฑ์ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยา ชี้เฉพาะ “ยาสมุนไพร JIE DU DAN ชนิดแคปซูล” นำเลขผลิตภัณฑ์อื่นมาใส่ฉลากแทน เตือนประชาชนอย่าหลงกลและหลงเชื่อ ข้อความอวดอ้างสรรพคุณรักษาได้สารพัดโรค เพราะอาจได้รับอันตรายจากการปนเปื้อน
       
       ดร.นพ.ปฐม สวรรค์ปัญญาเลิศ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาได้รับเรื่องร้องเรียนจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสุราษฎร์ธานีและผู้บริโภคให้ตรวจสอบยาสมุนไพรแผนโบราณ 5 รายการ ได้แก่ 1.ยาสมุนไพร ZIA TU WAN (เซีย ทู หวัน) 2.ผลิตภัณฑ์ พญาดงชุดชะลอความแก่ 3.ผลิตภัณฑ์ตายสิบปี ดีเหมือนเดิม 4.ผลิตภัณฑ์ฮับบาตุส เซาดาห์ “786” เนื่องจากฉลากแสดงข้อความโอ้อวดสรรพคุณรักษาสารพัดโรค อาทิ แก้หัด อีสุกอีใส ป้องกันและรักษานิ่วในไต นิ่วในถุงน้ำดี ต่อมลูกหมากโต มะเร็ง บำรุงกำหนัด บำรุงหัวใจ รักษาโรคเกาต์ อัมพฤกษ์ อัมพาต เบาหวาน เป็นต้น และ 5.ยาสมุนไพร JIE DU DAN ชนิดแคปซูล ระบุเลขทะเบียนตำรับยา สรรพคุณไม่ระบุข้อความภาษาไทย
       
       หลังรับเรื่องร้องเรียน อย.ได้ดำเนินการตรวจสอบข้อมูลพบว่า ผลิตภัณฑ์ยาสมุนไพรทั้ง 5 รายการดังกล่าวยังไม่ได้ ขึ้นทะเบียนตำรับยา และยังพบว่ายาสมุนไพร JIE DU DAN ได้นำเลขทะเบียนยาผลิตภัณฑ์อื่นมาใส่บนฉลาก จึงขอเตือนผู้บริโภคอย่าได้หลงเชื่อและซื้อมาใช้โดยเด็ดขาด เนื่องจากมักพบว่าผลิตภัณฑ์ที่แสดงสรรพคุณโอ้อวดเกินจริงมักลักลอบใส่ยาหรือสารที่เป็นอันตรายลงไป และการผลิตผลิตภัณฑ์มักไม่ได้คุณภาพมาตรฐาน จึงอาจทำให้ได้รับอันตรายจากการปนเปื้อน ดังนั้น ขอฝากเตือนประชาชนอย่าได้หลงเชื่อยาสมุนไพรแผนโบราณใดๆ ที่แสดงสรรพคุณเกินจริงว่าสามารถรักษาได้สารพัดโรค เพราะนอกจากจะเสียเงินทองโดยเปล่าประโยชน์แล้ว ยังอาจได้รับอันตรายอย่างคาดไม่ถึง มิหนำซ้ำยังอาจเสียโอกาสในการรักษาโรคอย่างถูกต้องอีกด้วย
       
       รองเลขาธิการ อย.กล่าวต่อว่า ก่อนตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์ยาใดๆ ขอให้ผู้บริโภคพิจารณาและอ่านฉลากให้ถ้วนถี่เสียก่อน โดยยาแผนโบราณ ฉลากต้องระบุ ชื่อยา เลขทะเบียนตำรับยา เช่น ทะเบียนยาเลขที่ G 888/50 ปริมาณของยาที่บรรจุ เลขที่หรืออักษรแสดงครั้งที่ผลิต ชื่อและที่ตั้งของผู้ผลิต วันเดือนปีที่ผลิตยา และแสดงคำว่า “ยาแผนโบราณ” ให้เห็นได้ชัด รวมทั้งแสดงคำว่า “ยาใช้ภายนอก” “ยาใช้เฉพาะที่” ด้วยตัวอักษรสีแดงเห็นได้ชัดเจน แล้วแต่กรณี หรือแสดงคำว่า “ยาสามัญประจำบ้าน” กรณีเป็นยาสามัญประจำบ้าน หรือแสดงคำว่า “ยาสำหรับสัตว์” กรณีเป็นยาสำหรับสัตว์ เป็นต้น ทั้งนี้ หากผู้บริโภคพบเห็นผลิตภัณฑ์ยาที่ไม่ได้ผ่านการขออนุญาตจาก อย.หรือโฆษณาหลอกลวงผู้บริโภค ขอให้ร้องเรียนมายังสายด่วน อย.โทร.1556 หรืออีเมล : 1556@fda.moph.go.th หรือส่งจดหมายไปที่ ตู้ ปณ.1556 ปณฝ.กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี 11004 หรือเดินทางมาร้องเรียนด้วยตัวเองพร้อมตัวอย่างผลิตภัณฑ์มาที่ ศูนย์เฝ้าระวังและรับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์สุขภาพ อย.อาคาร 1 ชั้น 1 ได้ทุกวันในเวลาราชการ เพื่อ อย.จะได้ตรวจสอบและดำเนินการตามกฎหมายอย่างเข้มงวด และเพื่อคุ้มครองความปลอดภัยของผู้บริโภค


หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ พฤศจิกายน 22, 2013, 09:12:09 pm
เผย 10 อันดับสถานที่ที่รถหายมากที่สุด
-http://car.kapook.com/view76884.html-


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก ศูนย์ควบคุมและสั่งการจราจร - บก.02

          ศูนย์ควบคุมและสั่งการจราจรเผย 10 อันดับสถานที่ที่รถหายมากที่สุด ลานจอดรถการเคหะร่มเกล้า มาเป็นอันดับ 1

          เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ศูนย์ควบคุมและสั่งการจราจร ได้เปิดเผยข้อมูล 10 อันดับสถานที่ที่รถหายมากที่สุดจาก สตช. โดยอันดับ 1 คือ ลานจอดรถการเคหะร่มเกล้า อันดับ 2 ลานจอดรถการเคหะคลองจั่น อันดับ 3 ลานจอดรถสนามหลวง 2 สำหรับอันดับสถานที่ที่รถหายมากที่สุดทั้ง 10 อันดับนั้นมีดังนี้

อันดับ 10. ลานจอดรถ Fashion Island
อันดับ 9.   ลานจอดรถ Future Park รังสิต
อันดับ 8.   ซอยปรีดีพนมยงค์
อันดับ 7.   ซอยลาดพร้าว 101
อันดับ 6.   ลานจอดรถตลาดไท
อันดับ 5.   ลานจอดรถเซียร์ รังสิต
อันดับ 4.   ลานจอดรถ คอนโดเมืองทอง
อันดับ 3.   ลานจอดรถสนามหลวง 2
อันดับ 2.   ลานจอดรถการเคหะคลองจั่น
อันดับ 1.   ลานจอดรถการเคหะร่มเกล้า

          ทั้งนี้ ทางศูนย์ควบคุมและสั่งการจราจรยังได้เปิดเผยข้อมูลอีกว่า จากสถิติรถหายนั้น จาก 100 คันได้คืนเพียงไม่ถึง 5 คันเท่านั้น โดยถ้าหากมีรถยนต์หาย สามารถแจ้งได้ที่โทรสายด่วนเบอร์โทร. 1192







หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ พฤศจิกายน 28, 2013, 05:52:27 am
เตือน “ปลั๊กพ่วง” ภัยร้ายใกล้ตัวสุดอันตราย
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์    27 พฤศจิกายน 2556 09:21 น.
-http://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9560000147049-


ฝ่ายประชาสัมพันธ์กรมวิทยาศาสตร์บริการ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี - กรมวิทยาศาสตร์บริการ เตือนประชาชนให้ระวังการใช้ปลั๊กพ่วง เนื่องจากคุณภาพของสายพ่วงที่มีเต้ารับการใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ นั้น ไม่ได้มาตรฐานที่จะช่วยป้องกัน อันตรายจากการเกิดกระแสไฟฟ้าลัดวงจรจากวัสดุที่ไม่ได้คุณภาพ ซึ่งเป็นอันตรายต่อทรัพย์สิน หรือร้ายแรงที่สุดก็อาจลุกลามไปจนถึงอันตรายต่อชีวิตหากเกิดอุบัติเหตุจากการใช้งานอย่างไม่ระมัดระวัง
       
       น.ส.เสาวณี มุสิแดง อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์บริการ กล่าวว่า ประชาชนควรตื่นตัวระวังอันตรายจากปลั๊กพ่วง ซึ่งปัจจุบันกลยุทธการตั้งราคาสินค้าที่ย่อมเยาสามารถเป็นจุดขายเสนอให้ผู้บริโภคได้ตัดสินใจซื้อได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะสิ่งที่ผู้บริโภคนึกถึงคือการอำนวยความสะดวกเพื่อรองรับการใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าได้หลายชนิดในคราวเดียวกัน
       
       “นอกจากผู้บริโภคต้องตรวจสอบคุณภาพของเครื่องใช้ไฟฟ้าให้พร้อมใช้งานแล้ว การตรวจสอบคุณภาพของ สายพ่วงที่มีเต้ารับการใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ นั้น ก็เป็นสิ่งจำเป็นที่จะช่วยป้องกันอันตรายจากการเกิดกระแสไฟฟ้าลัดวงจร ซึ่งเป็นอันตรายต่อทรัพย์สิน จนกระทั่งถึงชีวิตของผู้ใช้งานได้ ถ้าใช้ปลั๊กพ่วงจนปริมาณไฟรวมกันแล้วเกินกว่าขนาดที่ปลักพ่วงทนได้ สายไฟก็จะเกิดความร้อนขึ้น จนถึงกับทำให้ฉนวนหุ้มสายไฟหลอมละลาย เกิดไฟลุกได้ หรือสายไฟฟ้าร้อนถึงจุดหลอมละลาย จนกระทั่งสายทองแดงภายในทั้งสองเส้นแตะกัน ก็จะทำให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจรทันที ซึ่งจุดนั้นก็จะมีความร้อนที่สูงมากขึ้นทำให้เกิดเพลิงไหม้” น.ส.เสาวณีกล่าว
       
       ทั้งนี้ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์บริการ ระบุว่า ปลั๊กพ่วงเป็นอุปกรณ์เสริมทางไฟฟ้าที่ยังไม่มีมาตรฐาน ม.อ.ก.ควบคุม จึงเป็นช่องว่างที่ผู้ผลิต จำหน่าย แสดงเครื่องหมายที่ทำให้ผู้ซื้อเข้าใจผิด เช่น ติดตรามาตiฐาน ม.อ.ก.11 ซึ่งเป็นมาตรฐานบังคับของสายไฟฟ้า ไม่ใช่ของปลั๊กพ่วง ดังนั้นการเลือกใช้ปลั๊กพ่วงจึงควรพิจารณาให้ดี ในส่วนประกอบต่างๆ ของปลั๊กให้ดี ทั้งตัวปลั๊กเสียบ ตัวผู้ ตัวเมีย สายไฟฟ้า และวัสดุที่ใช้ทำรางปลั๊ก แต่อย่างไรก็ดี สินค้าที่มีตราที่น่าเชื่อถือราคาสินค้าก็สูงตาม อาจเป็นดัชนีหนึ่งที่บ่งบอกถึงคุณภาพสินค้าที่เราใช้พิจารณาได้ง่ายๆ วิธีหนึ่ง
       
       น.ส.เสาวณี กล่าวต่อว่า ปัจจุบันผู้บริโภคได้รับผลเสียและอันตรายจากการใช้ปลั๊กพ่วงมากขึ้น กรมวิทยาศาสตร์ฯ จึงได้มีเฝ้าระวังสินค้าที่ไม่ปลอดภัย และสุ่มเก็บมาตรวจสอบคุณภาพ เพื่อเป็นการคุ้มครองผู้บริโภค โดยในปีงบประมาณ 2557 นี้ จะทำการสุ่มเก็บตัวอย่างปลั๊กพ่วงต่อไฟฟ้าในทุกภูมิภาคของประเทศ โดยในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาได้สุ่มตรวจสอบตัวอย่างปลั๊กพ่วงต่อ มาจากจังหวัดพิจิตร นครสวรรค์ สิงห์บุรี ปทุมธานี ซึ่งจะเผยแพร่ข้อมูลการทดสอบให้ประชาชนทราบในลำดับต่อไป



------------------------------------------------------------------


    
ความคิดเห็นที่ 8    
   
"นอกจากผู้บริโภคต้องตรวจสอบคุณภาพของเครื่องใช้ไฟฟ้าให้พร้อมใช้งานแล้ว การตรวจสอบคุณภาพของ สายพ่วงที่มีเต้ารับการใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆนั้น ก็เป็นสิ่งจำเป็นที่จะช่วยป้องกันอันตรายจากการเกิด กระแสไฟฟ้าลัดวงจรซึ่งเป็นอันตรายต่อทรัพย์สิน จนกระทั่งถึงชีวิตของผู้ใช้งานได้ ถ้าใช้ปลั๊กพ่วงจนปริมาณไฟรวมกันแล้วเกินกว่าขนาดที่ปลักพ่วงทนได้ สายไฟก็จะเกิดความร้อนขึ้น จนถึงกับทำให้ฉนวนหุ้มสายไฟหลอมละลาย เกิดไฟลุกได้ หรือสายไฟฟ้าร้อนถึงจุดหลอมละลาย จนกระทั่งสายทองแดงภายในทั้งสองเส้นแตะกัน ก็จะทำให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจรทันที ซึ่งจุดนั้นก็จะมีความร้อนที่สูงมากขึ้นทำให้เกิดเพลิงไหม้" น.ส.เสาวณีกล่าว

พูดง่ายนะให้ประชาชนตรวจสอบเอง
มันเป็นหน้าที่ของหน่วยงานรัฐที่ต้องตรวจสอบแล้วแจ้งให้ประชาชนทราบว่าอันไหนใช้ได้ อันไหนเสี่ยงที่จะเกิดอันตราย
Aaa





http://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9560000147049 (http://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9560000147049)
หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ พฤศจิกายน 30, 2013, 08:34:01 pm
รับไม่ได้

แบบนี้ไม่น่าเก็บไว้  จับตายให้จบไป


------------------------------------------------

ตำรวจคุมตัวลูกทรพี รัวกระสุนใส่พ่อแม่ ทำแผน ชาวบ้านรุมประณาม
-http://hilight.kapook.com/view/94171-


(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/natthida/crime/13856896141385689756l.jpg)

(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/patcharin_w/la3.jpg)

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ข่าวสด

          คุมตัวลูกทรพี ฆ่าพ่อแม่ก่อนหมกศพในบ้านไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพแล้ว อ้างที่ทำไปเพราะโดนด่า และพ่อก็เอาปืนมาจ่อศีรษะ

          เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2556 พ.ต.อ.สำราญ นวลมา ผกก.สน.ดอนเมือง พ.ต.ท.อัครวินต์ สุคนธวิท รอง ผกก.สส.สน.ดอนเมือง ได้จับกุมนายกานต์พิสิฐ เนียมทอง หรือเอ้  อายุ 26 ปี หลังจากที่ก่อคดีสะเทือนขวัญ ใช้ปืนยิงพ่อและแม่จนเสียชีวิต และยัดศพเอาไว้ใต้เตียง โดยพบของกลางคือ ปืนขนาด 9 มม. 1 กระบอก กระสุน 10 นัด รถยนต์เชฟโรเลต สีดำ ทะเบียน กค 9061 กำแพงเพชร และของอื่น ๆ รวมอีก 7 รายการ ด้านตำรวจได้แจ้งข้อหาคือ ฆ่าบุพการีถึงแก่ความตายโดยเจตนา และพกพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต

          ทั้งนี้ นายกานต์พิสิฐ ได้ใช้อาวุธปืนยิงนายอินทรีย์ เนียมทอง อายุ 61 ปี ข้าราชการครูเกษียณ มีฐานะเป็นพ่อ และหมกศพเอาไว้ในห้องใต้บันไดที่บ้านของตัวเอง จนกระทั่งมาพบศพเมื่อวันที่  28 พฤศจิกายน 2556 อีกทั้งยังได้ฆ่านางศิริพร เนียมทอง อายุ 56 ปี มารดา ครูโรงเรียนไตรตรึงษ์ แล้วนำศพเอาไว้ที่ใต้เตียง จนพบศพอีกทีเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน ก่อนที่นายกานต์พิสิฐจะได้หลบหนีไป จนกระทั่งมาถูกจับกุมดังกล่าว

          ด้านกานต์พิสิฐ กล่าวว่า สาเหตุที่ฆ่าบุพการีนั้น เนื่องจากถูกพ่อแม่ดุด่าเป็นประจำ และพ่อเองก็ข่มขู่โดยเอาปืนมาจ่อที่ศีรษะ ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า นายกานต์พิสิฐ เคยเรียนอยู่ที่คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง

กานต์พิสิฐ เนียมทอง

กานต์พิสิฐ เนียมทอง

กานต์พิสิฐ เนียมทอง

กานต์พิสิฐ เนียมทอง

          จากนั้น ในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2556 พ.ต.อ.ธนารักษ์ ปาระมีสา ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองกำแพงเพชร พร้อมกำลังหลายสิบนาย ได้ควบคุมตัวนายกานต์พิสิฐไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ โดยมีญาติพี่น้องและประชาชนมายืนดูจำนวนมาก พร้อมกับส่งเสียงด่าทอสาปแช่ง

         ทั้งนี้ นายกานต์พิสิฐ ได้ชี้จุดที่อ้างว่าถูกพ่อดุด่าและใช้ปืนจี้ โดยมีแม่ยืนอยู่ข้าง ๆ แต่ไม่ได้ห้ามปราม พร้อมกับรับสารภาพว่า หลังจากที่ตนแย่งปืนจากพ่อได้แล้ว ก็กระหน่ำยิงใส่ทั้ง 2 คน จนหมดแม็ก จากนั้นก็พาไปชี้จุดที่ลากศพแม่ขึ้นไปบนชั้น 2 ยัดไว้ใต้เตียง แล้วลงมาลากศพพ่อไปยัดไว้ในห้องเก็บของใต้บันได โดยในขณะทำแผน น้องชายของผู้ต้องหาและญาติ ได้ตะโกนถามว่าทำกี่คน เพราะไม่เชื่อว่าผู้ต้องหาจะทำคนเดียว แต่ผู้ต้องหาก็ยืนยันว่าทำคนเดียว เพราะโมโหพ่อ และยืนยันว่าไม่ได้ติดยาเสพติด

       โดยหลังจากทำแผนแล้วตำรวจได้รีบนำตัวผู้ต้องหาขึ้นรถกลับทันที ซึ่งก็ไม่มีเหตุการณ์รุนแรงใด ๆ เกิดขึ้น


อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
ไอเอ็นเอ็น และ มติชน-http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1385716181&grpid=&catid=19&subcatid=1905-


หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ ธันวาคม 07, 2013, 06:36:34 am


โคตรคนกลโกงในงานวัด : รู้ไว้ใช่ว่า/ไก่ อำนาจ
โดย อำนาจ เกิดเทพ    6 ธันวาคม 2556 13:35 น.

-http://www.manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9560000150880-



(http://mpics.manager.co.th/pics/Images/556000015782301.JPEG)


     ทุกครั้งที่เห็น "ชิงช้าสวรรค์" ที่ประดับประดาด้วยแสงไฟหลากสีหมุนวนอยู่เมื่อไหร่ ผมเชื่อว่าหลายๆ คนโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่อายุ 30 ปีขึ้นไปคงจะฮัมท่อนฮุคของเพลงที่มีชื่อว่า "งานวัด" ขึ้นมาโดยอัตโนมัติ
       
        ...เพลิดเพลินเคยเดินด้วยกัน แทะไหมฝันดูรถไต่ถัง
        หยอกเย้าบนชิงช้าสวรรค์ ถ่ายรูปคู่กันกินขนมจีนข้างทาง
        เจาะรั้วปีนต้นไม้ แอบฟังลูกทุ่งวงดังดูหนังขายยา...
       
        พร้อมๆ กันนั้นในจินตนาการก็ให้นึกไปถึงสถานที่ที่ตกแต่งด้วยธงราวสีสันสดใส, แสงไฟประดับประดาหลากสีหลายสัน และภาพบรรยากาศแห่งความสุขของผู้คนทั้งลูกเล็กเด็กแดง คนหนุ่มคนสาว ผู้เฒ่าผู้แก่ที่จูงมือกันไปสนุกกับกิจกรรมมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ชิงช้าสวรรค์, ม้าหมุน, สาวน้อยตกน้ำ, เมียงู, มอเตอร์ไซค์ไต่ถัง, ปาเป้า, ปาลูกโป่ง, ปืนลม, รถไฟเด็ก, รถบั๊มพ์, สไลเดอร์, บ้านลม, ตักปลา, ทาสีตุ๊กตา, โยนห่วง, ปากระป๋อง, กงล้อนำโชค, ตะกร้อลอดห่วง, ประกวดร้องเพลง, ชกมวย ฯ
       
        ตลอดจนความบันเทิงจากหนังกลางแปลง, ลิเก, ลำตัด, อีแซว, โนราห์ ฯ รวมไปถึงความอร่อยเพลิดเพลินไปกับอาหารขนมผลไม้อีกเพียบ ทั้ง ก๋วยเตี๋ยว, ขนมจีน, หอยทอด, ข้าวโพดคั่ว, ขนมโป๊งเหน่ง (ลูกตุ้ม, ตุ้มเม้ง), น้ำตาลปั้นรูปร่างสารพัดสัตว์, ถั่วแระ, อ้อยควั่น, ข้าวเกรียบว่าว, ขนมปังที่เอามาร้อยเป็นสร้อยคอ, น้ำหวาน-น้ำผลไม้สีฉูดฉาดบาดตา, ถังแตก, บ้าบิ่น, ลูกชิ้นปิ้ง, ไส้กรอก ฯ
       
        จะเรียกว่าเป็นเฟสติวัลแห่งความสุขในรูปแบบไทยๆ อย่างแท้จริงก็คงจะไม่ผิดมากนัก
       
        อย่างไรก็ตาม แม้ปัจจุบันรูปแบบของการจัดงานแบบที่เรียกกันว่างานวัดทั้งที่ในวัดเองหรือไม่ใช่ในบริเวณวัดจะยังคงมีให้เที่ยวกันอยู่เป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นในต่างจังหวัดรวมถึงงานวัดใหญ่ๆ ที่ขึ้นชื่อในกรุงเทพ ทั้งที่ ภูเขาทอง, วัดอินทร์, วัดหลวงพ่อโบสถ์น้อย ฯ แต่กระนั้นก็ดูเหมือนจะมีบางสิ่งบางอย่างที่เปลี่ยนแปลงไปอยู่พอสมควร
       
        โดยเฉพาะอย่างยิ่งนับตั้งแต่การเข้ามาของบรรดานายหน้าเอเยนซี่รับจัดงานให้ทั้งหลาย
       
        งานวัดหลายที่เน้นขายของกินของใช้กันเสียจนแทบจะแยกกันไม่ออกเลยทีเดียวว่าตกลงนี่มันงานวัดหรือว่า "ตลาดนัด" กันแน่
       
        พอเข้าใจอยู่ครับในเรื่องของการเปลี่ยนแปลง ที่ย่อมจะต้องเป็นไปตามสภาพของสังคมและกาลเวลาที่ผันแปร แต่กระนั้นที่รับไม่ได้ก็คือในระยะหลังๆ นั้นดูเหมือนว่าคำว่า "งานวัด" เองจะกลายเป็นพื้นที่และช่วงโอกาสทองที่พ่อค้า-แม่ค้าบางส่วนจะตั้งใจมาเอากำไรเอาเอาเปรียบคนมาเที่ยวงานไปแล้ว
       
        ขนมจีนกระดาษทิชชู่ (อันนี้่เคยเจอกับตัว), อาหารที่เติมผงชูรสชนิดที่ว่ากินเข้าไปแล้วปากเจ่อ, ขนมสีฉูดฉาดที่ไม่รู้เหมือนกันว่าใช้สีที่เป็นอันตรายหรือไม่ แถมบางเจ้าก็อัดสารกันบูด-กันเน่าเข้าไปเพราะหวังจะให้ของอยู่นานๆ อีกต่างหาก
       
        รวมไปถึงกิจกรรมการละเล่นต่างๆ ที่สังเกตให้ดีนะครับว่าไม่ว่าจะงานวัดไหนพวกนี้ก็จะซ้ำหน้าและคล้ายๆ กันตลอด
       
        จริงๆ การที่หลายคนที่ไปเที่ยวงานวัดแล้วเข้าไปเล่นกิจกรรมในส่วนต่างๆ อย่างพวกที่โฆษณาว่าเป็นเมียงูครับเมียงู, บ้านผี, สัตว์แปลกๆ หาดูยาก พวกนี้ต่างก็รู้อยู่แล้วว่าเข้าไปแล้วจะเจอะเจอกับอะไร หรือจะเป็นเกมที่ของรางวัลล่อตาใจ ทั้ง ตุ๊กตา นาฬิกา เหล้า ฯ นั้นต่างก็ไม่ได้หมายหมั้นปั้นมือถึงขนาดที่ว่าจะไปตามล่าเอาของรางวัลนั้นๆ แบบเอาจริง เอาจังอะไรหรอกครับ
       
        ส่วนมากที่เห็นก็เพราะนึกสนุก ได้ไม่ได้ก็ช่างมัน
       
        เช่น ปาลูกโป่ง แม่ค้าพ่อค้าก็จะใช้เทคนิก ทำลูกดอกแบบพิเศษ แบบไม่มีน้ำหนักบ้าง, ตูดหนักกว่าด้านปลายแหลม ขณะที่ลูกโป่งก็อัดลมไม่ให้ตึง การปาให้แตกนั้นจะยากอยู่พอสมควร (กรณีนี้ถ้าใครอยากปาได้ของรางวัลแนะนำว่าให้เลือกลูกดอกดีๆ หรือจะลงทุนพกเอาลูกดอกไปเองก็ได้ถ้าร้านเขาอนุญาตนะ 555)
       
        กิจกรรมทื่ต้องใช้ "ปืน" ชนิดต่างๆ เป็นอุปกรณ์ อันนี้ส่วนใหญ่ทางร้านจะมีการปรับแต่งความแรงของมันไว้แล้ว หรือถ้าต้องยิงตัวตุ๊กตา ตัวตุ๊กตาเองจะมีการถ่วงน้ำหนักเอาไว้ไม่ก็วางจนเบียดกัน ต่อให้ยิงโดนมันก็จะไม่ตก
       
        เช่นเดียวกับการปาลูกเทนนิสใส่กระป๋องที่ก็จะมีการถ่วงน้ำหนักบางกระป๋องเอาไว้ ถึงปาตกมันก็ยังตั้งอยู่ได้
       
        โยนห่วงคล้องคอขวด คล้องซองบุหรี่ โยนบอลชิ่งผนัง ฯ พวกนี้นอกจากจะต้องสู้กับเทคนิกของอุปกรณ์แล้ว ฝีมือกับดวงก็มีส่วนพอสมควร
       
        ส่วนประเภทที่เป็นการเสี่ยงโชคที่นับวันต้องบอกว่าจะดูโจ๋งครึ่มขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งทำให้งานวัดไม่ต่างอะไรไปจากบ่อนหรือคาสิโนเคลื่อนที่ไปแล้ว ทั้ง บิงโก, หนูลงรู, ทายเลขจากการหมุนเหรียญ 3 - 8 , วัดดวงจากการหมุนวงล้อ, แทงสูง - ต่ำ, น้ำเต้า-ปู-ปลา, ปั่นแปะ ฯ พวกนี้ขอแนะนำว่าอย่าเข้าไปยุ่งเป็นอันขาดครับ เพราะนอกจากจะมีวิธีการโกงที่แยบยลแล้ว พวกนี้ยังมี "หน้าม้า" ที่พร้อมจะกลายเป็นนักเลงหิ้วเราออกมาได้ตลอดเวลา
       
        แต่รู้ทั้งรู้ว่ากระนั้นหลายคนก็เล่นนะครับ เพราะอย่างที่บอกครับคือเอาสนุก เอาบรรยากาศ และที่สำคัญแต่ละเกมค่าใช้จ่ายไม่ได้สูงอะไรมากมาย
       
        5 บาทมั้ง 10 บาทมั่ง 20 บาทมั่ง
       
        ทว่ากับล่าสุดที่เจอมาด้วยตนเองในงานวัดหน้าซอยวัดดาวฯ เชิงสะพานพระปิ่นเกล้าฯ ที่จะมีในวันที่ 3 - 4 - 5 ธันวาคม ของทุกๆ ปีนั้นต้องบอกว่าเกินไป
       
        เกมที่ว่าก็คือยิงหนังสติ๊กให้ซองสี(บางร้านอาจจะเป็นซองบุหรี่)ที่ตั้งอยู่บนกระป๋องตกโดยที่กระป๋องไม่ล้ม ซึ่งบนป้ายภายในร้านนั้นเขียนระบุรายละเอียดแบบบรรทัดต่อบรรทัดว่า...
        อ่านก่อนยิง 20 บาท
        1 ลูกยิงซอง
        สีให้ตกจากกระป๋อง
        กระป๋องห้ามตก
        ตก 1 ซองรับทันที
        ตุ๊กตา 2 ตัว
        หรือเหล้า 1 กลม
        พัดลม หม้อหุงข้าว
        เครื่องใช้ไฟฟ้า...
       
        ขณะที่หน้าร้านมีถาดเล็กๆ ใส่ลูกกระสุนไว้ถาดละ 5 ลูกพร้อมหนังสติ๊กวางเรียงรายกันอยู่เป็นชุดๆ
       
        อันที่จริงๆ ก็รู้อยู่แหละครับว่าโอกาสที่จะเล่นตามกติกาเพื่อให้ได้มารางวัลนั้นเป็นไปได้ยากหรือเแทบจะป็นไปไม่ได้เลย เนื่องเพราะซองสีนั้นมีการถ่วงน้ำหนักเอาไว้ให้มีน้ำหนักที่มากกว่าน้ำหนักกระป๋อง ต่อให้มีฝีมือหรือว่าฟลุคยิงถูกเฉพาะซองบุหรี่กระป๋องก็จะล้มอยู่ดี
       
        แต่ด้วยความที่เด็กๆ เคยเข้าใจว่าตัวเองก็เซียนหนังกะติ๊กคนหนึ่งผมก็เลยอยากลองเล่นขำๆ
       
        "ชุดละ 20 บาทนะเจ๊ๆ" ผมถามย้ำเพราะกลัวว่าจะมีการหมกเม็ดซ่อนเงื่อนเล่นคำระหว่างบรรทัดบนป้ายที่เขียนไว้หรือไม่?
       
        "ค่ะ กติกาตามป้ายเลยค่ะ"
       
        เพื่อความชัวร์ผมก็เลยควักเงินจ่ายไปก่อนเลย 20 บาท ยิงไปลูกแรก คว้าลูกที่ 2 ขึ้นมายิงก็ไม่เห็นว่าอีกฝ่ายจะว่าอะไร ก็เลยยิงไปจนหมดถาด โดยมีน้องที่ไปด้วยนึกสนุกขอลองเล่นบ้าง
       
        ยิงเสร็จน้องคนที่ว่าก็ควักแบงค์ 20 จ่ายให้ไป พร้อมกำลังจะเดินออก เสียงพนักงานก็บอกว่า ยังขาดอีก 160 บาท
       
        ...เอาแล้วไง... ผมนึกใจใน
       
        "ลูกละ 20 บาทถาดละ 100" คราวนี้พนักงานบอกชัดถ้อยชัดคำ พร้อมกับบอกว่าป้ายก็เขียนบอกไว้แล้ว
       
        จริงครับ จริงตามที่พนักงานบอก ป้ายเขียนระบุบอกไว้จริงๆ ด้วยว่า "1 ลูก 20 บาท 1 ถาด 100"
       
        แต่ไอ้บรรทัดสุดท้ายนั้นนอกจากตัวจะเล็กกว่าชาวบ้านแล้วมันยังมีของวางอยู่เต็มไปหมดเลย จะเห็นบรรทัดสุดท้ายจริงๆ ก็ต้องเอาของออกหรือไม่ก็ต้องเดินอ้อมไปดูข้างๆ ตามภาพที่ถ่ายมาให้ดูกัน (ส่วนป้ายที่ติดหน้าร้านบรรทัดสุดท้ายก็มองไม่เห็นเช่นกัน)
       
        นอกจากจะไม่บอกให้ชัดๆ ในร้านยังมีหน้าม้าคอยทำให้เราเขวอีก
        "ยิงเลยน้อย 20 เอง...เสียดายอะไร....มาเที่ยวทั้งที...เนี่ยพี่ได้มาแล้ว 2 ขวด" หน้าม้าที่เป็นคนว่าพลางคว้าหนังสติ๊กยิงอย่างเพลิดเพลิน แถมยังยิงตกให้เราเห็นเสียอีก (ซึ่งก็คงจะเป็นอีกหนึ่งเทคนิกในการล่อลูกค้าอีกนั่นแหละ)
       
        สังเกตดูมีคนที่ต้องตกเป็นเหยื่อเกือบจะทุกคนเลยครับ แล้วแต่ละคนนั้นต่างก็โดนกันไม่ใช่น้อยๆ 300 บ้าง 400 บ้าง 500 บ้าง
       
        บางคนอาจจะมองว่าไม่ได้เยอะอะไร ก็ต้องเข้าใจนะครับว่าสำหรับคนที่มาเที่ยวงานวัดนั้นส่วนใหญ่ล้วนเป็นชาวบ้านธรรมดาทั่วไปหาใช่เศรษฐีมีเงินถุงเงินถังซะที่ไหน
       
        ที่สำคัญยิ่งกว่าพวกพ่อค้าแม่ค้าเห็นแก่ได้หากินที่นึงเสร็จก็ย้ายไปอีกที่หนึ่งพวกนี้แหละครับนับวันดูเหมือนจะยิ่งระบาดและทำลายความสนุกสนานความรื่นเริงของบรรยากาศแบบงานวัดมากยิ่งขึ้นไปทุกทีๆ
       
        คงเป็นเรื่องยากครับที่จะเอาผิดหรือจะหวังว่าอาจจะมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสักหน่วยงานนึงเข้ามาดูแลตรวจสอบพวกที่ทำมาหากินแบบนี้
       
        เอาเป็นว่า ถ้าใครเจอร้านนี้ที่ไหน ช่วยทำหนังสติ๊กสะบัดลูกกระสุนใส่พวกมันสักคนละลูกสองลูกก็จะขอบพระคุณอย่างยิ่งเลยครับ
       
        แค้นนะเฟ้ย...สาดดดดด


(http://mpics.manager.co.th/pics/Images/556000015782302.JPEG)

ใครจะไปมองเห็น


http://www.manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9560000150880 (http://www.manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9560000150880)
หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ ธันวาคม 07, 2013, 06:42:30 am
ความปลอดภัยของลูกค้าในการใช้บริการที่เทสโก้โลตัส

-http://www.tairomdham.net/index.php/topic,7659.0.html-

ความปลอดภัยของลูกค้าในการใช้บริการที่เทสโก้โลตัส

-http://board.palungjit.com/f179/พระวังหน้า-ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก-ถ้าต้องการที่จะได้-22445-2561.html-

เนื่องด้วยในวันที่ 13 เมษายน 2555 ผมได้ไปซื้อของที่ห้างเทสโก้โลตัส สาขาบางปะกอก ผมซื้อสินค้าไปหลายอย่าง พอกลับมาถึงบ้าน ก็ได้ช่วยกันนำของที่ซื้อมา ไปใส่ไว้ในตู้เก็บสินค้า(ที่ซื้อมา) ในระหว่างนั้น ภรรยาผมได้หิ้วถุงที่ทางห้างเทสโก้โลตัส ใส่ขวดน้ำปลา 2 ขวด และ ขวดน้ำมันพืชอีก 1 ขวด จากที่จอดรถในบ้าน ไปที่ในครัว ปรากฎว่า ถุงที่ใส่ขวดน้ำปลา 2 ขวด และ ขวดน้ำมันพืชอีก 1 ขวด เกิดขาด ทำให้ขวดน้ำปลาหล่นใส่เท้าภรรยา ทำให้ภรรยาผมปวดมาก ผมก็พาภรรยาไปหาหมอที่โรงพยาบาลบางกอก 9ฯ คุณหมอก็ได้ยามาทานที่บ้าน พร้อมทั้งทำแผลให้

ขวดน้ำปลาที่ตกใส่เท้า เป็นรอยร้าวที่ก้นขวด ทุกวันนี้ผมยังเก็บขวดน้ำปลาขวดนั้นไว้ เผื่อไว้ในการตรวจสอบว่า การหล่นลงที่เท้านั้น ขนาดทำให้ขวดน้ำปลาร้าวได้ จะทำให้ภรรยาผมปวดได้มากขนาดไหน


ในวันที่ 17 เมษายน 2555 ผมได้มีจดหมายไปถึง กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอก-ชัย ดิสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด(เป็นสำนักงานใหญ่ของเทสโก้โลตัส) แจ้งเรื่องความปลอดภัยของลูกค้า และแนะนำในเรื่องของถุงบรรจุสินค้า และ การอบรมพนักงานในเรื่องความสามารถในการรับน้ำหนักของถุงในการบรรจุสินค้า โดยให้ทางบริษัท เอก-ชัย ดิสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด(เป็นสำนักงานใหญ่ของเทสโก้โลตัส) แจ้งในเรื่องดังกล่าวกลับมาให้ผมทราบเป็นรายลักอักษรภายใน 45 วัน



ปรากฎว่า ทางบริษัท เอก-ชัย ดิสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด(เป็นสำนักงานใหญ่ของเทสโก้โลตัส) มิได้ตอบกลับมา ทางผมจึงได้แจ้งไปที่ สคบ.(สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค) โดยใช้บันทึกคำร้องทุกข์ของสคบ. แบบ สคบ.(คร.)01 ในวันที่ 18 มิถุนายน 2555



ทางสคบ.ได้มีจดหมายมาถึงผม จดหมายลงวันที่ 26 มิถุนายน 2555 แจ้งให้ทราบว่า ทางสคบ.ได้แจ้งให้ทางบริษัท เอก-ชัย ดิสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด(เป็นสำนักงานใหญ่ของเทสโก้โลตัส) ชี้แจงข้อเท็จจริง เมื่อได้ผลเป็นประการใด จะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง




หลังจากนั้นผมได้รับแจ้งจากทางสคบ.โดยมีจดหมายมาหาผม จดหมายลงวันที่ 18 กรกฎาคม 2555 ว่า ทางบริษัท เอก-ชัย ดิสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด(เป็นสำนักงานใหญ่ของเทสโก้โลตัส) ได้ชี้แจงมาให้ทางสคบ.ทราบในข้อเท็จจริงแล้ว และทางสคบ.ให้แจ้งผลว่า ผมจะมีข้อโต้แย้งหรือไม่ หากมีข้อโต้แย้ง ให้โต้แย้งภายใน 15 วัน นับแต่ได้รับหนังสือฉบับนี้



รายละเอียดที่ทางบริษัท เอก-ชัย ดิสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด(เป็นสำนักงานใหญ่ของเทสโก้โลตัส) แจ้งมาก็คือ บริษัท เอก-ชัย ดิสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด(เป็นสำนักงานใหญ่ของเทสโก้โลตัส) ดังนี้

1.ทางบริษัท เอก-ชัย ดิสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด(เป็นสำนักงานใหญ่ของเทสโก้โลตัส) ได้แจ้งว่า มีนโยบายในการรับผิดชอบต่อลูกค้าและให้ความช่วยเหลือลูกค้าในกรณีได้รับอุบัติเหตุที่เกี่ยวกับบริษัทฯ และทางเทสโก้โลตัสได้ส่งหนังสือแสดงความห่วงใยไปยังผู้ร้อง(คือผม) แล้วเมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2555

2.ได้มีการทำสอบคุณภาพของถงพลาสติคว่า สามารถใส่ของได้ 6 - 10 กิโลกรัม แต่ในทางปฎิบัติทางบริษัทฯ จะอบรมพนักงานให้ซ้อนถุง 2 ใบ หากพิจารณาเห็นว่า น้ำหนักและประเภทสินค้าทำให้ถุงฉีกขาดง่าย หลังจากที่เกิดเหตุการณ์ของผู้ร้อง(คือผม) ทางบริษัทฯได้รับปรุงคุณภาพของถุงพลาสดิคขึ้นมาอีก 2 รุ่น และเริ่มใช้ในบางสาขาแล้ว

3.บริษัท เอก-ชัย ดิสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด(เป็นสำนักงานใหญ่ของเทสโก้โลตัส) แสดงความเสียใจในเหตุที่เกิดขึ้น






จากคำชี้แจงของบริษัท เอก-ชัย ดิสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด(เป็นสำนักงานใหญ่ของเทสโก้โลตัส) ทำให้ผมมีจดหมายไปที่ สคบ.อีกครั้งในวันที่ 18 มิถุนายน 2555 โดยแจ้งว่า

เดี๋ยวมาต่อตอนค่ำครับ

บัดนี้ข้าพเจ้า ยังมิได้รับเอกสารในการชี้แจงในเรื่องของความปลอดภัยของลูกค้า จากบริษัท เอก-ชัย ดิสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด (เทสโก้โลตัส)เลย ข้าพเจ้ามีความเห็นว่า ทางบริษัท เอก-ชัย ดิสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด (เทสโก้โลตัส)มิได้ใส่ใจในเรื่องดังกล่าว ข้าพเจ้าจึงขอให้ทางสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ได้ตรวจสอบในเรื่องดังกล่าวให้ด้วย เพื่อมิให้ผู้บริโภค(ลูกค้าของบริษัท เอก-ชัย ดิสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด (เทสโก้โลตัส)ท่านอื่นๆ) ประสบกับอุบัติเหตุเช่นนี้

และทางบริษัท เอก-ชัย ดิสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด (เทสโก้โลตัส) ควรมีความใส่ใจกับผู้บริโภคให้มากกว่านี้ เพราะหากว่า ผู้บริโภคท่านอื่นอาจจะมิได้มีการทำประกันอุบัติเหตุ ก็อาจจะต้องเสียเงินในการเดินทางและค่ารักษาพยาบาล ซึ่งเงินจำนวนนี้ไม่ควรต้องเสียไป ที่สำคัญไม่ควรต้องเจ็บตัวในเหตุที่สามารถป้องกันได้หากบริษัท เอก-ชัย ดิสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด (เทสโก้โลตัส) มีความรอบคอบ , มีความใส่ใจในการให้บริการมากกว่านี้ครับ พร้อมนี้ข้าพเจ้าส่งเอกสารต่างๆที่ข้าพเจ้าได้ส่งไปที่บริษัท เอก-ชัย ดิสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด (เทสโก้โลตัส) โดยผู้จัดการของเทสโก้โลตัส สาขาบางปะกอก เป็นผู้ที่รับเรื่องไว้เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2555

ส่วนการบาดเจ็บของภรรยาของข้าพเจ้า ทางภรรยาของข้าพเจ้าและข้าพเจ้ามิได้ติดใจในการเรียกร้องในค่าเสียหายต่างๆจากทางบริษัท เอก-ชัย ดิสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด (เทสโก้โลตัส) แต่ต้องการให้บริษัท เอก-ชัย ดิสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด (เทสโก้โลตัส) มีความรับผิดชอบต่อผู้บริโภคและสังคมในเรื่องของถุงบรรจุสินค้าให้มีความทนทานมากกว่านี้ และการจัดอบรมพนักงานในเรื่องของการรับน้ำหนักของถุงบรรจุสินค้าและอื่นๆที่เกี่ยวข้องครับ
หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ ธันวาคม 07, 2013, 06:43:28 am
วิสัยทัศน์ พันธกิจของ สคบ.

วิสัยทัศน์ (VISION)
เป็นองค์กรกลางในการคุ้มครองผู้บริโภคอย่างทั่วถึง เป็นธรรม สร้างความเข้มแข็งให้ผู้บริโภคอย่างยั่งยืน
พันธกิจ
1. บังคับใช้กฎหมายอย่างเป็นธรรมและโปร่งใสเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อผู้บริโภค
2. พัฒนากฎหมายและนโยบายด้านการคุ้มครองผู้บริโภคให้ทันต่อเหตุการณ์
3. สร้างเครือข่ายผู้บริโภคและประสานความร่วมมือระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน
4. เผยแพร่ความรู้เพื่อสร้างจิตสำนึกให้ผู้บริโภครู้จักปกป้องและรักษาสิทธิของตนเอง

ยุทธศาสตร์ การทำงานของ สคบ.
ประเด็นยุทธศาสตร์ที่ 1. การกำกับดูแลด้านนโยบายและการบริหารจัดการองค์กร
ประเด็นยุทธศาสตร์ที่ 2. การบูรณาการด้านการคุ้มครองผู้บริโภค
ประเด็นยุทธศาสตร์ที่ 3. การพัฒนาการดำเนินงานด้านการคุ้มครองผู้บริโภคและคุณภาพการให้บริการ
ประเด็นยุทธศาสตร์ที่ 4. การพัฒนาศักยภาพผู้บริโภคให้เกิดความตระหนักในการปกป้องสิทธิของตนเอง

เป้าประสงค์
1. กำหนดนโยบายและยุทธศาสตร์ความเชื่อมโยงไปสู่แผนการปฏิบัติงานแบบมุ่งเน้นผลงาน
2. กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองผู้บริโภคมีประสิทธิภาพ
3. การบริหารจัดการองค์กรมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล
4. เทคโนโลยีสารสนเทศด้านการดำเนินงานคุ้มครองผู้บริโภคมีความทันสมัย
5. บุคลากรมีความรู้ความสามารถทันต่อเหตุการณ์
6. เครือข่ายการคุ้มครองผู้บริโภคมีส่วนร่วมในการดำเนินกิจกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค
7. กลไกการดำเนินงานคุ้มครองผู้บริโภคภายในกรอบอาเซียนมีประสิทธิภาพ
8. รูปแบบการดำเนินงานคุ้มครองผู้บริโภคและการติดตามประเมินผลมีประสิทธิภาพ
9. ประชาชนมีความพึงพอใจในคุณภาพการให้บริการของหน่วยงานภาครัฐ
10. ประชาชนสามารถรับทราบข่าวสาร และเข้าถึงข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการคุ้มครองสิทธิผู้บริโภค
11. มีองค์ความรู้และศึกษาวิจัยด้านการคุ้มครองผู้บริโภคที่หลากหลาย

สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดย
พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2541 ปัจจุบัน

พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 ได้บัญญัติไว้ในมาตรา20 ให้สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครอง ผู้บริโภค มีอำนาจหน้าที่ ดังนี้บริโภค
มีอำนาจหน้าที่ ดังนี้

1. รับเรื่องราวร้องทุกข์จากผู้บริโภคที่ได้รับความเดือดร้อนหรือเสียหายอันเนื่องมาจากการกระทำของผู้ประกอบธุรกิจ เพื่อเสนอต่อคณะกรรมการ
คุ้มครองผู้บริโภค
2. ติดตามและสอดส่องพฤติการณ์ของผู้ประกอบธุรกิจซึ่งกระทำการใดๆ อันมีลักษณะเป็นการละเมิดสิทธิของผู้บริโภค และจัดให้มีการทดสอบหรือ
พิสูจน์สินค้าหรือบริการใดๆ ตามที่เห็นสมควรและจำเป็นเพื่อคุ้มครองสิทธิของผู้บริโภค
3. สนับสนุนหรือทำการศึกษาและวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับการคุ้มครองของผู้บริโภคร่วมกับสถาบันการศึกษาและหน่วยงานอื่น
4. ส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการศึกษาแก่ผู้บริโภคในทุกระดับการศึกษาที่เกี่ยวกับความปลอดภัยและอันตรายที่อาจได้รับ จากสินค้าหรือบริการ
5. ดำเนินการเผยแพร่วิชาการ และให้ความรู้และการศึกษาแก่ผู้บริโภคเพื่อสร้างนิสัยในการบริโภคที่เป็นการส่งเสริมพลานามัย ประหยัดและใช้
ทรัพยากรของชาติให้เป็นประโยชน์มากที่สุด
6. ประสานกับส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐที่มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการควบคุมส่งเสริม หรือกำหนดมาตรฐานของสินค้าหรือบริการ
7. ปฏิบัติการอื่นใดตามที่คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคหรือคณะกรรมการเฉพาะเรื่องมอบหมาย

ภารกิจและอำนาจหน้าที่ของ สคบ.

สคบ. ช่วยเหลือผู้บริโภคได้อย่างไร


รับเรื่องราวร้องทุกข์จากผู้บริโภค

ที่ได้รับความเดือดร้อนหรือเสียหายอันเนื่องมาจากการกระทำของผู้ประกอบธุรกิจ เพื่อเสนอต่อคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคพิจารณาดำเนินการต่อไป ผู้บริโภคทุกท่านที่ถูกเอารัดเอาเปรียบหรือได้รับอันตรายจากสินค้าหรือบริการใด สามารถร้องเรียนมาที่ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครอง
ผู้บริโภค ทำเนียบรัฐบาล กทม.10300 โดยการเขียน จดหมาย ส่งตู้ ป.ณ. 99 กรุงเทพฯ 10300 หรือมาด้วยตนเอง หรือโทรศัพท์
สายด่วนร้องทุกข์โทร. 1166การร้องเรียน หรือการช่วยกันสอดส่องและแจ้งมายังสำนักงานฯ นั้นเป็นสิทธิที่ ผู้บริโภคพึง กระทำได้ นอกจากนั้นยังเป็นการกระตุ้นเตือนให้ผู้ประกอบธุรกิจได้สำนึกและบรรเทาการเอารัดเอาเปรียบต่อผู้บริโภคได้บ้าง และประการสำคัญก็คือ เป็นการช่วย ให้สำนักงานฯ ทราบปัญหาของผู้บริโภคและดำเนินการช่วยเหลือได้เต็มที่ ซึ่งในการช่วยเหลือผู้บริโภคในด้านนี้ สำนักงานฯ มี สายงานที่รับผิดชอบอยู่โดยตรง คือ กองคุ้มครองผู้บริโภคด้านโฆษณา กองคุ้มครองผู้บริโภคด้านฉลากและ กองคุ้มครองผู้บริโภคด้านสัญญา โปรดระลึกอยู่เสมอว่าท่านไม่จำเป็นต้องอดทนต่อความไม่ปลอดภัยหรือการเอารัดเอาเปรียบ จากผู้ประกอบธุรกิจอีกต่อไป ผู้บริโภคทุกท่านมีสิทธิที่จะได้รับความคุ้มครอง





ติดตาม และสอดส่องพฤติกรรม


พฤติการณ์ของผู้ประกอบธุรกิจซึ่งกระทำการใดๆ อันมีลักษณะเป็นการละเมิดสิทธิของผู้บริโภค และจัดให้มี การทดสอบหรือพิสูจน์สินค้า หรือบริการใดๆตามที่เห็นสมควรและจำเป็น เพื่อคุ้มครองสิทธิของผู้บริโภค ทั้งนี้ เพราะในปัจจุบันมีการเสนอสินค้าหรือบริการต่างๆ ต่อผู้บริโภคเป็นจำนวนมากและเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยใช้วิธีการและเทคนิคใหม่ๆ ในทางการตลาดและทางการโฆษณาเพื่อส่งเสริมการขาย โดยทั่วไปผู้บริโภคไม่อาจทราบภาวะตลาดและข้อเท็จจริงเกี่ยวกับคุณภาพและราคา ของสินค้าหรือบริการนั้นๆ ได้อย่างถูกต้อง สำนักงานฯ จึงต้องมีบทบาทในการติดตามและสอดส่อง พฤติการณ์ของผู้ประกอบธุรกิจ และดำเนินการทดสอบหรือพิสูจน์ในบางครั้ง เป็นการช่วยเหลือ ผู้บริโภคให้ได้รับความเป็นธรรมตามสมควร





สนับสนุนหรือทำการศึกษาและวิจัยปัญหา





เกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภคร่วมกับสถาบันการศึกษาและหน่วยงานอื่น เพื่อที่จะได้ดำเนินการช่วยเหลือ ผู้บริโภคได้ตรงกับปัญหาและความต้องการ ตัวอย่างในการดำเนินการในข้อที่ผ่านมาได้แก่ การศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการใช้ยาปราบศัตรูพืชและการสำรวจทัศนคติเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค เป็นต้น





ส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการศึกษาแก่ผู้บริโภคเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค





ในทุกระดับการศึกษาเกี่ยวกับความปลอดภัยและอันตรายที่อาจได้รับจากสินค้าหรือบริการผู้บริโภคควรจะได้ เรียนรู้และเข้าใจปัญหาตลอดจนวิธีการป้องกันหรือหลีกเลี่ยง เพื่อที่จะได้สามารถคุ้มครองตนเองในเบื้องต้นก่อนนอกเหนือจากความช่วยเหลือจากรัฐบาลการส่งเสริมและการสนับสนุนให้มีการศึกษาแก่ผู้บริโภคในทุกระดับจึงเป็นหน้าที่ที่สำคัญ อันหนึ่งของสำนักงานฯ

ดำเนินการเผยแพร่วิชาการ



ให้ความรู้และการศึกษาแก่ผู้บริโภค เพื่อสร้างนิสัยในการบริโภคที่เป็นการส่งเสริมพลานามัย ประหยัด และใช้ทรัพยากร ของชาติให้เป็นประโยชน์มากที่สุด โดยสำนักงานฯ มีสายงานที่ทำหน้าที่รับผิดชอบงานด้านนี้โดยตรงคือ กองเผยแพร่และ ประชาสัมพันธ์ ดำเนินการเผยแพร่ความรู้ ทางวิชาการ
ในด้านต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภค ทั้งทางหนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ อยู่เป็นประจำ นอกจากนั้นยังมีเอกสาร บทความ ข่าวสาร จากสำนักงานฯ แจกฟรีแก่ผู้สนใจอีกด้วยเป็นการส่งเสริม ให้ผู้บริโภคมีความรู้พื้นฐานในด้านต่างๆ อย่างกว้างๆ ในการดำเนินชีวิตประจำวันการเผยแพร่ความรู้ของสำนักงานฯ นั้นส่วนใหญ่จะเสนอสาระประโยชน์ด้วยถ้อยคำและภาษาที่เข้าใจง่ายแต่แฝง ความรู้ทางวิชาการไว้




ประสานงานกับส่วนงานราชการ




หน่วยงานอื่นของรัฐที่มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการควบคุมส่งเสริม หรือกำหนดมาตรฐานของสินค้าหรือบริการโดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้าประเภทอุปโภคบริโภค สคบ. มีสายงานรับผิดชอบในด้านนี้คือ กองคุ้มครองผู้บริโภคด้านโฆษณา กองคุ้มครองผู้บริโภคด้านฉลากและกองคุ้มครอง ผู้บริโภคด้านสัญญา ทำงานประสานงานกับส่วนราชการหรือหน่วยงานอื่นในการคุ้มครองผู้บริโภคให้ได้รับความปลอดภัย และเป็นธรรมจากการซื้อสินค้าหรือบริการ ดังนี้
- สินค้าที่เป็นอันตราย เช่น อาหารผสมสีย้อมผ้า อาหารไม่บริสุทธิ์
- สินค้าที่ไม่ปลอดภัย เช่น พืชผลไม้ซึ่งมียาป้องกันกำจัดศัตรูพืชตกค้างอยู่ จะประสานงานกับกระทรวงสาธารณสุข โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ในการตรวจสอบข้อเท็จจริงและดำเนินการตามที่เห็นสมควร
- สินค้าที่ไม่ได้คุณภาพมาตรฐาน เช่น น้ำมันปลอมปน สินค้าเลียนแบบ
- สินค้าที่ไม่เป็นธรรม เช่น ขายสินค้าเกินราคา สินค้าที่มีปริมาณไม่ตรงตามมาตราชั่ง ตวง วัด จะประสานงานกับกรม การค้าภายในกรมทะเบียน
การค้าและเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการสืบสวนสอบสวนคดีเศรษฐกิจออกดำเนินการตรวจสอบ จับกุมและดำเนินคดี
- บริการที่เอาเปรียบผู้บริโภค สินค้าหรือบริการที่โฆษณาเป็นเท็จหรือเกินความเป็นจริง สินค้าที่แสดงฉลาก หลอกลวงคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคจะกำหนดมาตรการในการดำเนินการเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการเหล่านี้ด้วยและสำนักงานฯ ก็มีหน้าที่ติดตามสอดส่องพฤติการณ์ของผู้ประกอบธุรกิจ เหล่านั้นอยู่เสมอ





ปฏิบัติงานอื่นๆตามที่คณะกรรมการหรือคณะกรรมการเฉพาะเรื่องมอบหมาย





ที่สำคัญและเป็นประโยชน์อย่างยิ่งคือการแจ้งหรือโฆษณาข่าวสารเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการที่อาจก่อให้เกิด ความเสียหายหรือเสื่อมเสียแก่สิทธิของผู้บริโภค โดยอาจระบุชื่อสินค้าหรือบริการหรือชื่อของผู้ประกอบธุรกิจด้วยก็ได้ นอกจากนั้นยังมีการประสานงานเร่งรัดพนักงานเจ้าหน้าที่ส่วนราชการหรือ หน่วยงานอื่นๆ ของรัฐ ให้ปฏิบัติการตามอำนาจและหน้าที่ที่กฎหมายกำหนด หรือกล่าวง่ายๆ คือ เป็นตัวแทนของผู้บริโภค คอยประสานงานเร่งรัดให้หน่วยงานซึ่งรับผิดชอบในเรื่องนั้นๆ ดำเนินการ เพื่อคุ้มครองประโยชน์สุขของผู้บริโภค ประการสุดท้ายที่สำคัญคือสำนักงานฯ ยังมีกองนิติการซึ่งรับผิดชอบใน ด้านกฎหมายสามารถจะดำเนินการคดีเพ่งและคดีอาญาแก่ผู้กระทำการละเมิดสิทธิของ ผู้บริโภคในศาลตามที่คณะกรรมการ มอบหมายและฟ้องเรียกทรัพย์สินหรือค่าเสียหายให้แก่ผู้บริโภคที่ร้องขอได้ด้วย
หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ ธันวาคม 07, 2013, 06:44:58 am
หลังจากจดหมายฉบับล่าสุด (ลงวันที่ 18 มิถุนายน 2555) ทางบริษัท เอก-ชัย ดิสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด(เป็นสำนักงานใหญ่ของเทสโก้โลตัส) ได้มีโทรศัพท์มาถึงผม 2 ครั้ง ในครั้งแรกเป็นทางสำนักงานใหญ่ของทางบริษัท เอก-ชัย ดิสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด(เป็นสำนักงานใหญ่ของเทสโก้โลตัส) โทร.มาแสดงความเสียใจและขอข้อมูลในเหตุที่เกิดขึ้น ส่วนครั้งที่สอง ได้มีโทรศัพท์จากทางผู้จัดการสำนักงานเขตที่ดูแลสาขาบางปะกอก ได้โทร.มาแสดงความเสียใจ พร้อมทั้งจะขอแสดงความรับผิดชอบในเหตุที่เกิดขึ้น อยากจะมาพบกับผมเพื่อแสดงความเสียใจ อีกทั้งขอข้อมูลต่างๆในเหตุที่เกิด

ผมได้ให้คำแนะนำในเรื่องของการบริการไป อีกทั้งแจ้งว่า หากผมให้คะแนนในการบริการของผู้จัดการสาขาบางปะกอก ผมให้ได้เพียง 10 คะแนนจากคะแนนเต็ม 100 คะแนน เนื่องจากในวันที่ผมไปส่งจดหมายถึงบริษัท เอก-ชัย ดิสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด(เป็นสำนักงานใหญ่ของเทสโก้โลตัส) ทางผู้จัดการสาขาบางปะกอก ได้มองผมในลักษณะที่ไม่ดีเลย และไม่ได้สนใจและใส่ใจในเหตุที่เกิดขึ้นเลย และยังมีการโกหกกับทางบริษัท เอก-ชัย ดิสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด(เป็นสำนักงานใหญ่ของเทสโก้โลตัส) , มีการโกหกกับ สคบ. และผม ว่า ได้มีการแจ้งแสดงความห่วงใยในอาการบาดเจ็บของภรรยาผม และไม่ได้มีคำขอโทษออกมาจากจดหมาย(ที่ผู้อำนวยการร้าน เทสโก้โลตัส สาขาบางปะกอกที่โกหก) เลย

--------------------------------------

การที่เราเป็นผู้บริโภค หากมีเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับสินค้าไม่ว่าจะเป็นสินค้าอะไร , ใช้บริการสถานที่ใด หากเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น ไม่ว่าเหตุที่เกิดขึ้นจะรุนแรงมากน้อยแค่ไหน ควรปกป้องสิทธิของตนเองเสมอ

ข่าวในเรื่องต่างๆในปัจจุบัน มักพบเสมอว่า มีผู้ที่ถูกเอารัดเอาเปรียบจากบริษัทฯต่างๆ หรือ จากหน่วยงานต่างๆของรัฐเสมอ

เราควรจะลุกขึ้นมาปกป้องสิทธิของตนเอง เพื่อมิให้ถูกเอารัดเอาเปรียบครับ

ในเรื่องนี้ หากมีความคืบหน้า ผมจะมาแจ้งให้ทราบกันครับ

เท่าที่เห็น ส่วนใหญ่แล้วบริษัทฯใหญ่ๆ  จะมีนโยบายที่สวยหรู เลิศเลอ อลังการ  ตามแต่ที่จะสรรหามาเขียน

แต่ไม่สามารถที่จะนำนโยบายที่สวยหรู เลิศเลอ อลังการ  ทำปฎิบัติให้เป็นรูปธรรมได้เลย

หลังจากที่เกิดเหตุขึ้น  ผมก็ไม่เคยกลับไปซื้อสินค้าที่เทสโก้โลตัสอีกเลย

ผมและภรรยา  ไปซื้อสินค้าต่างๆ ที่บิ๊กซี หรือ เดอะมอลล์แทน

บอกตามตรงว่า  กลัวโดนอีก

เมื่อก่อนขนาดบอกพนักงาน(ของเทสโก้โลตัส บางปะกอก) ให้ซ้อนถุงให้  พนักงานกลับบอกว่า รับน้ำหนักได้  ไม่ต้องซ้อนถุง แถมทำสีหน้าไม่ดีอีกต่างหาก


----------------------------------------

อ้างอิง:
ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ P184
ผมก็เห็นด้วยนะครับ
เราเป็นผู้บริโภค เราซื้อสินค้าเขาโดยมีเงินเป็นสื่อในการแลกเปลี่ยน

สิทธิของเราควรรักษา
อยากให้ประเทศไทยเป็นอย่างต่างประเทศเร็วๆครับ
ความจริงถ้าเกิดกับชาวต่างชาติผมว่าเป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โตแล้วครับ
แต่เราคนไทยชอบประนีประนอม แต่ไม่ควรยอมความนะผมว่า
แต่เรื่องมันผ่านไปแล้ว จขกทไม่เอาความก็ถือว่าผ่านไป
ก็ขอให้โชคดีนะครับ ต่อไปนี้ก็จะมีแต่เรื่องดีๆครับ

-------------------------------------------------------------------------



ยังไม่หมดเรื่องครับ

ผมยังคงให้ทาง สคบ.ดำเนินการกับเทสโก้โลตัส ต่อไปอยู่ ผมจะให้ สคบ.ตักเตือนเป็นหนังสือไปที่เทสโก้โลตัส และต้องตักเตือนผู้อำนวยการร้านเทสโก้โลตัส สาขาบางปะกอก ในเรื่องการบริการและการโกหกบริษัท เอก-ชัย ดิสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด (เทสโก้โลตัส) , โกหก สคบ.และผม ในเรื่องจดหมายของสาขาบางปะกอกฯ

เรื่องจดหมายที่ผู้อำนวยการร้านเทสโก้โลตัส สาขาบางปะกอก ในเรื่องการบริการและการโกหกบริษัท เอก-ชัย ดิสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด (เทสโก้โลตัส) , โกหก สคบ.และผม จะทราบได้ว่า ส่งมาให้ผมจริงหรือไม่ สามารถตรวจสอบได้จาก ใบเสร็จรับเงินของไปรษณีย์ จะมีเลขที่ของการส่งจดหมาย ว่ามีการส่งจากไหน ไปไหน วันไหน มีให้ตรวจสอบได้หมด
หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ ธันวาคม 07, 2013, 06:47:11 am
อ้างอิง:
ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong
หลังจากจดหมายฉบับล่าสุด (ลงวันที่ 18 มิถุนายน 2555) ทางบริษัท เอก-ชัย ดิสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด(เป็นสำนักงานใหญ่ของเทสโก้โลตัส) ได้มีโทรศัพท์มาถึงผม 2 ครั้ง ในครั้งแรกเป็นทางสำนักงานใหญ่ของทางบริษัท เอก-ชัย ดิสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด(เป็นสำนักงานใหญ่ของเทสโก้โลตัส) โทร.มาแสดงความเสียใจและขอข้อมูลในเหตุที่เกิดขึ้น ส่วนครั้งที่สอง ได้มีโทรศัพท์จากทางผู้จัดการสำนักงานเขตที่ดูแลสาขาบางปะกอก ได้โทร.มาแสดงความเสียใจ พร้อมทั้งจะขอแสดงความรับผิดชอบในเหตุที่เกิดขึ้น อยากจะมาพบกับผมเพื่อแสดงความเสียใจ อีกทั้งขอข้อมูลต่างๆในเหตุที่เกิด

ผมได้ให้คำแนะนำในเรื่องของการบริการไป อีกทั้งแจ้งว่า หากผมให้คะแนนในการบริการของผู้จัดการสาขาบางปะกอก ผมให้ได้เพียง 10 คะแนนจากคะแนนเต็ม 100 คะแนน เนื่องจากในวันที่ผมไปส่งจดหมายถึงบริษัท เอก-ชัย ดิสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด(เป็นสำนักงานใหญ่ของเทสโก้โลตัส) ทางผู้จัดการสาขาบางปะกอก ได้มองผมในลักษณะที่ไม่ดีเลย และไม่ได้สนใจและใส่ใจในเหตุที่เกิดขึ้นเลย และยังมีการโกหกกับทางบริษัท เอก-ชัย ดิสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด(เป็นสำนักงานใหญ่ของเทสโก้โลตัส) , มีการโกหกกับ สคบ. และผม ว่า ได้มีการแจ้งแสดงความห่วงใยในอาการบาดเจ็บของภรรยาผม และไม่ได้มีคำขอโทษออกมาจากจดหมาย(ที่ผู้อำนวยการร้าน เทสโก้โลตัส สาขาบางปะกอกที่โกหก) เลย

--------------------------------------

การที่เราเป็นผู้บริโภค หากมีเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับสินค้าไม่ว่าจะเป็นสินค้าอะไร , ใช้บริการสถานที่ใด หากเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น ไม่ว่าเหตุที่เกิดขึ้นจะรุนแรงมากน้อยแค่ไหน ควรปกป้องสิทธิของตนเองเสมอ

ข่าวในเรื่องต่างๆในปัจจุบัน มักพบเสมอว่า มีผู้ที่ถูกเอารัดเอาเปรียบจากบริษัทฯต่างๆ หรือ จากหน่วยงานต่างๆของรัฐเสมอ

เราควรจะลุกขึ้นมาปกป้องสิทธิของตนเอง เพื่อมิให้ถูกเอารัดเอาเปรียบครับ

ในเรื่องนี้ หากมีความคืบหน้า ผมจะมาแจ้งให้ทราบกันครับ

.
 

ผมได้รับจดหมายจากผู้จัดการเขต แผนกปฏิบัติการค้าปลีก ของเทสโก้โลตัส แจ้งมาว่า ทางเทสโก้โลตัสรู้สึกเสียใจและกราบขออภัยมา และสัญญาว่า จะนำข้อร้องเรียนนี้ไปใช้ในการปรับปรุงพัฒนาการให้บริการต่อไป
__________________



ผมยังไม่ตอบกลับไปยังเทสโก้โลตัส แต่จะรอจดหมายจากทาง สคบ. และแจ้งกลับไปที่ สคบ.

ประเด็นที่คงต้องแจ้งไปที่สคบ. ก็คือ
1.ให้สคบ.ตักเตือน บริษัท เอก-ชัย ดิสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด(เป็นสำนักงานใหญ่ของเทสโก้โลตัส) ให้ดำเนินการให้เป็นรูปธรรมตามนโยบายของบริษัท และตามที่ บริษัท เอก-ชัย ดิสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด(เป็นสำนักงานใหญ่ของเทสโก้โลตัส) ได้โฆษณาในเรื่องของ เทสโก้โลตัส เราใส่ใจคุณ

2.ให้ บริษัท เอก-ชัย ดิสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด(เป็นสำนักงานใหญ่ของเทสโก้โลตัส) ทำหนังสือตักเตือน ผู้อำนวยการร้าน เทสโก้โลตัส สาขาบางปะกอก ในเรื่องของการให้บริการกับลูกค้า ในเรื่องของการแสดงออกในกริยาของการรับเรื่องร้องเรียนในฐานะที่เป็นผู้อำนวยการร้าน เทสโก้โลตัส สาขาบางปะกอก , ในเรื่องที่ไม่ให้ผู้อำนวยการร้านเทสโก้โลตัส สาขาบางปะกอก โกหกต่อ บริษัท เอก-ชัย ดิสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด(เป็นสำนักงานใหญ่ของเทสโก้โลตัส) โกหกกับ สคบ. และ ลูกค้า และ นำไปเป็นตัวอย่างไม่ให้ผู้อำนวยการร้าน หรือ ผู้จัดการร้านเทสโก้โลตัส สาขาอื่น นำไปเป็นเยี่ยงอย่างในการปฎิบัติงาน

ผมจะรอดูว่า เป็นเพียงทฤษฎีที่เขียนไว้สวยหรู

หรือ สามารถนำมาปฎิบัติได้จริง

การชี้แจง ต้องเปิดเผยได้ หากมีความโปร่งใสจริง

.------------------------------------.

เทสโก้ โลตัส
จรรยาบรรณในการประกอบธุรกิจ
TESCO LOTUS CODE OF BUSINESS CONDUCT

-http://www.tescolotus.com/left.php?lang=th&menu=corporate_th&data=profile-
-http://tescolotus.com/codebusinessconduct_t.pdf-
codebusinessconduct_t.pdf (473.4 KB, 0 views)

-http://board.palungjit.com/f179/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B2-%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%9E%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81%E0%B8%AD%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%81-%E0%B8%96%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%88%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%94%E0%B9%89-22445-2561.html-

-http://board.palungjit.com/f6/%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B8%A0%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%84%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%83%E0%B8%8A%E0%B9%89%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%AA%E0%B9%82%E0%B8%81%E0%B9%89%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%AA-353803.html-


วันนี้ ทางสคบ.นัดผมและเทสโก้โลตัส ไปที่ สคบ.(ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ)



ก็ได้ไปพบกับเจ้าหน้าที่ของสคบ.และเทสโก้โลตัส ทางตัวแทนของเทสโก้โลตัส ได้แจ้งขอโทษกับผม


ผมมีหนังสือไปถึง สคบ.และเทสโก้โลตัส ซึ่งเป็นจดหมายฉบับสุดท้ายของผมที่จะมีไปถึง สคบ.และเทสโก้โลตัส ตามรายละเอียดด้านล้าง












ทางสคบ.ได้ไกล่เกลี่ยระหว่างผมกับเทสโก้โลตัส โดยให้ทางเทสโก้โลตัส มอบเงินสินไหมให้ และให้ผมกับตัวแทนของเทสโก้โลตัส ลงนามในบันทึกการไกล่เกลี่ย ในกรณีนี้




ในหนังสือแจ้งว่า จะไม่เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการร้องเรียนในเรื่องดังกล่าวให้กับบุคคลภายนอกที่ไม่เกี่ยวข้องรับทราบ

แต่ผมมองว่า เรื่องนี้ ควรให้บุคคลภายนอกรับทราบไว้ เพื่อเป็นการเรียนรู้ในการปกป้องสิทธิของตนเอง

นี่เป็นเงินสินไหมที่ทางเทสโก้โลตัสได้มอบให้ผม และผมจะนำเงินทั้งหมด ไปทำบุญตามที่ผมได้แจ้งไว้



ส่วนหลักฐานการโอนเงินร่วมทำบุญ ผมจะมาแจ้งให้ทราบ จะได้ร่วมกันโมทนาบุญในครั้งนี้ครับ

สุดท้ายนี้ ผมฝากไว้ว่า เรามีสิทธิตามระบอบรัฐธรรมนูญ เราต้องใช้สิทธิและปกป้องสิทธิของเราที่พึงมีและพึงได้ อย่าให้ผู้ผลิตสินค้า หรือ ผู้ขายสินค้า มาเอารัดเอาเปรียบ แต่ไม่ใช้ในการอ้างสิทธิของตนเอง ไปหาผลประโยชน์กับผู้อื่น
และหากผู้ผลิตสินค้า หรือ ผู้ขายสินค้า มีจรรยาบรรณที่ดี มีความรับผิดชอบต่อสังคมที่ดี สังคมก็จะน่าอยู่ขึ้นอีกมาก ที่สำคัญลดความเสี่ยงให้กับผู้บริโภคได้ด้วย ทุกวันนี้ไม่ว่าใครก็ตาม ตกอยู่ในความเสี่ยงอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะออกจากบ้านไปเรียนหนังสือ , ออกจากบ้านไปทำงาน หรือออกจากบ้านไปสถานที่ต่างๆ ก็มีความเสี่ยงเป็นอย่างมาก แม้แต่อยู่ในบ้านของตนเองก็ตาม ยังคงมีความเสี่ยงเช่นกัน ความเสี่ยงที่ว่านั้นก็คือ ความเสี่ยงในการได้รับอันตรายต่อร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นทางตรงหรือทางอ้อมก็ตาม และความเสี่ยงนี้ ในบางเรื่องก็ถึงแก่ขีวิตก็มีมาก ตามข่าวต่างๆที่ได้เสนอออกมาจากสื่อต่างๆไม่ว่าจะเป็นโทรทัศน์ , วิทยุ , หนังสือพิมพ์ หรือสื่อตามออนไลน์ต่างๆ เป็นต้น

ขอให้ทุกๆท่านโชคดีครับ
sithiphong
3/9/2555


อ้างอิง:
ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong
สภากาชาดไทย

-http://www.redcross.or.th/home/-

โรงพยาบาลสงฆ์

-http://www.priest-hospital.go.th/donate/#-

มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์
-http://www.rajaprajanugroh.org/intro.aspx-


----------------------------------------


ขอเชิญร่วมโมทนาบุญกับผม , ผบทบ.ผม และเพื่อนผมกันครับ

เงินที่เทสโก้โลตัสได้มอบค่าสินไหมให้กับผบทบ.ผม จำนวน 2,500 บาท ผมได้ทำบุญเรียบร้อยแล้ว และผมได้นำเงินที่ผมทำบุญ(ทุกวัน) ทำบุญเพิ่มเติมอีก

และเพื่อนผมร่วมทำบุญด้วยครับ
ขอโมทนาบุญกับ ผบทบ.ผม และ เพื่อนผมด้วยครับ




ใบเสร็จรับเงินของสภากาชาดไทย มาถึงผมแล้ว

มาร่วมโมทนาบุญอีกครั้งกันครับ





-http://board.palungjit.com/f179/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B2-%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%9E%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81%E0%B8%AD%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%81-%E0%B8%96%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%88%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%94%E0%B9%89-22445-2562.html#post6758720-

-http://board.palungjit.com/f6/%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B8%A0%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%84%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%83%E0%B8%8A%E0%B9%89%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%AA%E0%B9%82%E0%B8%81%E0%B9%89%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%AA-353803.html-

-http://www.tairomdham.net/index.php/topic,7659.new.html#new-
.



-http://www.tairomdham.net/index.php/topic,7659.15.html-

http://www.tairomdham.net/index.php/topic,7659.15.html (http://www.tairomdham.net/index.php/topic,7659.15.html)

.
หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ ธันวาคม 08, 2013, 10:44:53 am

.-http://www.dailynews.co.th/Content/crime/200280/3%E0%B9%82%E0%B8%88%E0%B8%A3%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%A3%E0%B8%96%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B8%A2+%E0%B9%84%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B9%82%E0%B8%88%E0%B9%8B%E0%B8%9E%E0%B8%A5%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%A2+1+%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B9%87%E0%B8%9A+1-


(http://www.dailynews.co.th/imagecache/670x385/cover/484431.jpg)

3 โจรทำท่ารถเสียโบกมือขอความช่วยเหลือ กลุ่มโจ๋พลเมืองดีหลงกลจอดรถช่วย ถูกลูกซองไล่ยิงตายอนาถ 1 บาดเจ็บสาหัสอีก 1 แถมชิงโทรศัพท์มือถือไปด้วย เบื้องต้นตำรวจคาดประสงค์ปล้นทรัพย์หรือเรื่องชู้สาว
วันอาทิตย์ 8 ธันวาคม 2556 เวลา 10:07 น.

เมื่อเวลา 02.45 น.วันที่ 8 ธ.ค. ร.ต.อ.สุวิทย์ ปะกำแหง ร้อยเวร สอบสวน สภ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี รับแจ้งมีเหตุยิงกันตายและมีผู้ได้รับบาดเจ็บให้มาตรวจสอบที่เกิดเหตุ บริเวณปากทางเข้าหมู่บ้านซิตีโฮมวิลเลจ 2 ซอยคลองสี่ ต.ต.5 หมู่ 1 ต.คลองสี่ อ.คลองหลวง หลังรับแจ้งจึงรุดไปที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พ.ต.ท.จิรวัฒน์ เปี่ยมปิ่นเศรษฐ สว.สส.สภ.คลองหลวง กำลังฝ่ายสืบสวน แพทย์เวร รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเขต 1 และอาสาสมัครป่อเต็กตึ๊ง

ที่เกิดเหตุบริเวณปากทางเข้าหมู่บ้านซิตีโฮมวิลเลจ2 พบรถจักรยานยนต์ฮอนด้า สกู๊ปปี้ไอ สีฟ้าขาว หมายเลขทะเบียน 1 กจ 7850 กทม.ล้มอยู่กลางถนน ใกล้กันพบศพ นายกฤษกร คำพูน อายุ 17 ปี อยู่บ้านเลขที่ 57/198 หมู่บ้านพฤกษา 40 ต.คลองสาม อ.คลองหลวง นอนเสียชีวิตจมกองเลือด จากการชันสูตรพบถูกยิงด้วยกระสุนลูกปลายของอาวุธปืนลูกซองไม่ทราบขนาด เข้าที่ท้ายทอยและกลางหลังรวม 3 จุด เป็นเหตุให้เสียชีวิต นอกจากนี้ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 1 ราย ทราบชื่อต่อมา ด.ช.เอก (นามสมมุติ) อายุ 13 ปี ซึ่งเป็นนักกีฬาเซปักตระกร้อของโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัยรังสิต ถูกยิงด้วยกระสุนปืนชนิดเดียวกัน เข้าที่ต้นขาขวาท้ายทอยกระสุนฝังใน อาการสาหัส ถูกนำส่ง รพ.ธัญบุรี

สอบสวน ด.ช.ทิพย์ (นามสมมุติ) อายุ 14 ปี เพื่อนผู้เสียชีวิตให้การว่า ขณะเกิดเหตุตนเองพร้อมเพื่อนจำนวน 9 คน ขับขี่และซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์จำนวน 4 คัน มีผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บขับขี่และซ้อนท้ายมาด้วยกัน โดยออกจากหมู่บ้านพฤกษา40 เพื่อเดินทางไปส่งเพื่อน เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุพบรถจักรยานยนต์จอดอยู่ริมทาง โดยเปิดสัญญาณไฟกระพริบขอความช่วยเหลือ พร้อมโบกมือเรียก ตนเองพร้อมเพื่อนจึงขี่รถเข้าไปหา

พบชายฉกรรจ์จำนวน 3 คนปิดบังใบหน้า ตนจึงถามว่า “พี่ครับรถเป็นอะไรครับ” ไม่ทันสิ้นเสียง 1 ในคนร้ายได้ถือไม้วิ่งเข้าใส่ตนเองพร้อมเพื่อนจึงขี่รถหนี โดยคนร้ายทั้ง 3 คันได้ขี่รถตาม ก่อนที่จะใช้อาวุธปืนยิงใส่กลุ่มตน 1 นัด กระสุนกระจายเจาะร่างเพื่อนจนเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บดังกล่าว ซึ่งก่อนหน้านี้ตนเองก็ไม่ได้มีเรื่องกับใคร และขณะวิ่งหลบหนีทำให้โทรศัพท์มือถือของตนตกหายไป หลังเกิดเหตุพยายามค้นหาแต่ไม่พบและไม่มีสัญญาณตอบรับ คาดว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุคงเอาไปด้วย

ทางด้าน ร.ต.อ.สุวิทย์ กล่าวว่า จากการสอบสวนนายบุญเลิศ คำพูน อายุ 56 ปี บิดาผู้เสียชีวิตทราบว่า ผู้ตายขับขี่จยย.รับจ้างอยู่ที่วินหมู่บ้านพฤกษา 40 ทราบว่าก่อนหน้านี้เมื่อสองอาทิตย์ก่อนลูกชายเพิ่งจะเลิกรากับแฟนสาว เบื้องต้นตั้งไว้ 2 ประเด็นคือ ประสงค์ปล้นทรัพย์ และปัญหาหัวใจกับฝ่ายหญิงที่เลิกรากันไป ซึ่งได้ประสานชุดสืบสวนตรวจสอบกล้องวงจรปิด เพื่อหาเบาะแสของคนร้ายนำตัวมาดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป
หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ ธันวาคม 09, 2013, 12:42:18 am
'ที่ชาร์จปลอม' ไม่ได้โตเพราะความงก!? (Cyber Weekend)
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์    7 ธันวาคม 2556 12:05 น.
-http://www.manager.co.th/CyberBiz/ViewNews.aspx?NewsID=9560000150296-

(http://mpics.manager.co.th/pics/Images/556000015721702.JPEG)

(http://mpics.manager.co.th/pics/Images/556000015721703.JPEG)

(http://mpics.manager.co.th/pics/Images/556000015721704.JPEG)

       ไม่ใช่เฉพาะความงกของผู้บริโภคเท่านั้น แต่ความหละหลวมของเจ้าหน้าที่รัฐ และความไม่สมเหตุสมผลของราคา 'ที่ชาร์จแท้' ล้วนเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ตลาด 'ที่ชาร์จปลอม' ขยายตัวและแพร่หลายอย่างน่ากังวลในนาทีนี้
       
       ความน่ากังวลของ 'อุปกรณ์ชาร์จไฟแบตเตอรี่สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตปลอม' นั้นเป็นรูปธรรมในประเทศไทยตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2013 ซึ่งเป็นเดือนที่หนุ่มระยองตกเป็นข่าวดังทั่วโลกในฐานะผู้เสียชีวิตจากเหตุไฟรั่วขณะชาร์จไอโฟน 4S ด้วยสายชาร์จที่ถูกผลิตโดยบริษัทอื่นที่ไม่ใช่แอปเปิล
       
       เหตุน่าสลดใจนี้จุดประกายว่าทุกฝ่ายในไทยต้องยอม 'วัวหายล้อมคอก' อีกครั้งด้วยการร่วมกันให้ความสนใจและควบคุมการเติบโตของตลาด 'ที่ชาร์จปลอม' อย่างจริงจังเสียที
       
       หนุ่มระยองผู้โชคร้ายชื่อ พิสิษฐ ช่างเหล็ก อายุ 28 ปี เสียชีวิตในสภาพนอนคว่ำหน้า ลำตัวทับโทรศัพท์ในมือซ้ายถือโทรศัพท์ไอโฟน 4S เสียบเข้ากับสายชาร์จแบตเตอรี่และปลั๊กไฟ เบื้องต้นพบว่าหน้าอกมีรอยไหม้เกรียม จากการสอบสวน เชี่ยว ช่างเหล็ก อายุ 52 ปี บิดาผู้เสียชีวิต พบว่าคืนวันที่ 24 พ.ย. 2013 บุตรชายได้นอนคุยโทรศัพท์ขณะชาร์จแบตเตอรี่โดยไม่สวมเสื้อ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่คาดว่าผู้ตายน่าจะถูกไฟฟ้าดูดจากสายโทรศัพท์มือถือที่เสียบคาอยู่กับปลั๊กไฟ ซึ่งเป็นสายโทรศัพท์ที่ดูเหมือนไม่ได้รับไลเซนส์จากบริษัทแอปเปิล
       
       เหตุสลดใจนี้ทำให้สำนักงาน กสทช. ส่งหนังสือถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจในระยอง ขอให้ส่งเครื่องโทรศัพท์และอุปกรณ์ชาร์จที่เป็นสินค้าเลียนแบบแบรนด์ดังระดับโลก ซึ่งพบในที่เกิดเหตุมาให้ตรวจสอบโดยละเอียด ตามอำนาจของ พ.ร.บ.วิทยุคมนาคม 2498 ว่าเครื่องดังกล่าวมีการนำเข้าหรือมีใบอนุญาตที่ถูกต้องตามกฎหมาย หรือได้รับการรับรองมาตรฐานจากสำนักงาน กสทช.หรือไม่ ซึ่งหากพบว่าเครื่องดังกล่าวมีการนำเข้าที่ผิดกฎหมายหรือไม่ได้รับการรับรองมาตรฐานจากสำนักงาน กสทช.ตามกฎหมายแล้ว สำนักงาน กสทช.จะ 'ดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายต่อไป' ถึงแม้จะยังไม่มีการให้รายละเอียดที่ชัดเจนว่ากรอบดำเนินการจะครอบคลุมเพียงใด แต่ก็ถือว่าเป็นนิมิตหมายที่ดีมากแล้ว เมื่อเทียบกับการปล่อยปละละเลยจนทำให้ตลาดที่ชาร์จแบตเตอรี่ปลอมเติบโตทั่วไทยในขณะนี้

'ที่ชาร์จปลอม' ไม่ได้โตเพราะความงก!? <b><font color=red>(Cyber Weekend)</font></b>
       ประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา กสทช.ด้านคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม กล่าวว่าที่ผ่านมา กสทช. ไม่มีคณะสุ่มตรวจอุปกรณ์ชาร์จโทรศัพท์มือถือและแท็บเล็ตที่วางขายในท้องตลาด เนื่องจากกสทช.เน้นตรวจสอบโทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์/บริการที่เกี่ยวข้องกับความถี่เท่านั้น รวมถึงอุปกรณ์ชาร์จที่มาพร้อมกันในกล่องโทรศัพท์ ส่วนการสุ่มตรวจอุปกรณ์ชาร์จในท้องตลาดนั้นอยู่นอกเหนือหน้าที่ กสทช.
       
       'ปัจจุบันกสทช.มีหน้าที่ตรวจสอบเฉพาะเครื่องโทรศัพท์มือถือ และอุปกรณ์ที่มาพร้อมกับเครื่องว่ามีใบอนุญาตที่ถูกต้องตามกฎหมาย หรือได้รับการรับรองตามมาตรฐานจากสำนักงาน กสทช. เท่านั้น ส่วนอุปกรณ์ที่นอกเหนือจากนั้น อาทิ สายชาร์จ และอุปกรณ์ชาร์จ ถือเป็นอุปกรณ์ไฟฟ้าดังนั้นจะต้องผ่านการรับรองมาตรฐานอุตสาหกรรม (มอก.)'
       
       แต่ปัญหานั้นอยู่ที่ผู้ซื้ออุปกรณ์ชาร์จในท้องตลาดขณะนี้แทบไม่มีผู้ใดได้เห็นตรา มอก. บนกล่อง เนื่องจากอุปกรณ์ชาร์จเหล่านี้ไม่ได้ถูกผลิตที่ประเทศไทย สิ่งที่ กสทช. ทำได้คือการย้ำเตือนผู้บริโภคให้ใช้โทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์ที่ได้มาตรฐานสากล
       
       ถามว่ามาตรฐานสากลที่ผู้บริโภคจะเชื่อถือได้คืออะไร คำตอบคือราคาและผู้ค้าปลีกที่มีชื่อเสียงน่าเชื่อถือ ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยที่ทำให้ 'ความรู้สึกเสียดายเงินหรือความงก' เข้าครอบงำผู้บริโภคได้ง่ายเหลือเกิน เพราะราคาอุปกรณ์ชาร์จของแท้นั้นมีราคาเริ่มต้นเกิน 500 บาท ขณะเดียวกันยังจำหน่ายแยกชุดสายไฟและหัวต่ออแดปเตอร์ซึ่งคิดราคาแยกต่างหาก ผู้ใช้ที่ต้องการอุปกรณ์ชาร์จครบชุด จะต้องจ่ายเงินไม่ต่ำกว่า 1,000 บาท

'ที่ชาร์จปลอม' ไม่ได้โตเพราะความงก!? <b><font color=red>(Cyber Weekend)</font></b>
       กรณีของไอโฟน สายไฟสำหรับชาร์จและรับส่งข้อมูลลิขสิทธิ์แท้นั้นมีราคาเริ่มต้น 690 บาท (สายความยาว 1 เมตร สำหรับสาย 2 เมตรราคาเพิ่มขึ้นเป็น 1,090 บาท) อแดปเตอร์รุ่น 12 วัตต์สำหรับไอแพดและรุ่น 5 วัตต์สำหรับไอโฟนและไอพ็อดนั้นจำหน่ายราคาเท่ากันที่ 690 บาท เบ็ดเสร็จแล้วผู้ใช้จะต้องเสียเงิน 1,380 บาทเพื่อซื้ออุปกรณ์ชาร์จของแท้ในกรณีที่อุปกรณ์ชาร์จเสียหาย ราคาที่แพงนั้นเป็นเพราะลิขสิทธิ์การออกแบบและการผลิต
       
       ปัจจัยด้านราคานี้เองที่ทำให้ผู้ผลิตจีนหันมาพัฒนาอุปกรณ์ชาร์จเลียนแบบที่เน้นผลิตในราคาถูก ซึ่งสามารถทำได้เพราะอุปกรณ์ที่ชาร์จราคาถูกส่วนใหญ่จะไม่ได้ผ่านการตรวจสอบ รวมถึงกระบวนการผลิตที่ไม่ต้องใส่ใจมาตรฐานใดๆ
       
       วันนี้ตลาดที่ชาร์จปลอมนั้นมีพัฒนาการไปไกลเหลือเกิน นอกจากราคาที่จำหน่ายระหว่าง 20-200 บาท ยังมีการต่อยอดที่ชาร์จในรูปแบบหลากหลาย ทั้งสายไฟสีสันสดใสหลากสไตล์, อแดปเตอร์ที่พัฒนาสีทองตามไอโฟน 5S สีทอง รวมถึงที่ชาร์จ 'แท้ศูนย์' ซึ่งผู้ขายยืนยันว่ามีคุณสมบัติและรูปร่างเหมือนที่ชาร์จลิขสิทธิ์ และวางจำหน่ายในราคา 150-170 บาท แน่นอนว่าทุกรุ่นไม่มีเครื่องหมายมาตรฐานใดแสดงไว้ และทั้งหมดสามารถผ่านกระบวนการนำเข้ามายังประเทศไทย และวางจำหน่ายได้อย่างเสรีไร้การควบคุม อย่างน้อยก็ในระยะหนึ่ง
       
       ในขณะที่ภาครัฐไม่สามารถควบคุมการเติบโตของตลาดที่ชาร์จปลอม แอปเปิลคือบริษัทผู้ผลิตสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตรายเดียวที่พยายามแก้ปัญหาและพยายามฆ่าตัดตอนที่ชาร์จปลอม โดยพัฒนาระบบปฏิบัติการใหม่ล่าสุด iOS 7 ที่สามารถบังคับเครื่องไอโฟนไม่ให้ตอบสนองต่อที่ชาร์จปลอมซึ่งไม่ได้รับไลเซนส์การผลิตจากแอปเปิล
       
       ไอโฟน 5 ขึ้นไปที่ถูกอัปเดทเป็น iOS 7 เวอร์ชันล่าสุดในขณะนี้ จะสามารถฟ้องว่าสายไฟเชื่อมต่อเครื่องหรือ Lightning Connector นั้นเป็นอุปกรณ์ที่ได้รับการ 'อนุมัติ' หรือ approve หรือไม่ โดยหากพบว่าเป็นสายชาร์จปลอมที่ไม่ได้รับไลเซนส์จากแอปเปิลเพื่ออนุญาตให้ผลิต (unlicensed) จะแจ้งว่าอุปกรณ์นี้จะไม่สามารถทำงานได้อย่างสมบูรณ์ พร้อมกับเครื่องหมายที่แสดงว่าเครื่องไม่ถูกชาร์จ ถือเป็นการมัดมือชกให้ผู้ใช้ต้องหันมาชาร์จด้วยที่ชาร์จแท้เท่านั้น
       
       อย่างไรก็ตาม ไอโฟน 4 พร้อมข้อต่อ 30-pin Dock แบบเก่านั้นจะไม่ได้รับผลกระทบจากคุณสมบัติใหม่ของ iOS 7 เช่นเดียวกันเครื่องไอโฟนที่ใช้อุปกรณ์ iOS 6 จะยังทำงานได้ดีกับที่ชาร์จปลอมต่อไป
       
       จากการสอบถามพนักงานร้านไอสตูดิโอ ซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าของแอปเปิลในไทย พบว่าหลังจาก iOS 7 เวอร์ชันใหม่มีผลทำให้อุปกรณ์ชาร์จปลอมไม่ทำงาน ยอดจำหน่ายที่ชาร์จลิขสิทธิ์แท้นั้นไม่ได้เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน เนื่องจากกลุ่มผู้ซื้อสินค้าลิขสิทธิ์ยังเป็นกลุ่มเดิมซึ่งไม่ได้ใช้งาน iOS 7 พร้อมกับยืนยันว่าผู้ซื้อสามารถวางใจซื้ออุปกรณ์ชาร์จที่ไม่ใช่แบรนด์แอปเปิลซึ่งวางจำหน่ายในร้านไอสตูดิโอได้ เนื่องจากทุกรุ่นได้รับลิขสิทธิ์จากแอปเปิลพร้อมติดสัญลักษณ์ MFI (Made for iPhone/iPad) อย่างถูกต้อง
       
       ทั้งหมดนี้ กสทช.ประวิทย์ให้ความเห็นว่าหากจะป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดกรณีซ้ำรอยหนุ่มระยองขึ้นอีก หน่วยงานของรัฐไม่ว่าจะเป็นสำนักงานกสทช. หรือสำนักงานมาตรฐานอุตสาหกรรม มอก. ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้อง ควรที่จะออกค่ากำหนดมาตรฐานอุปกรณ์ชาร์จ และสายชาร์จในทุกรุ่น ไม่ใช่เฉพาะยี่ห้อใดยี่ห้อหนึ่ง เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถเลือกซื้อได้อย่างปลอดภัย

'ที่ชาร์จปลอม' ไม่ได้โตเพราะความงก!? <b><font color=red>(Cyber Weekend)</font></b>
       ความจำเป็นของการออกค่ากำหนดมาตรฐานอุปกรณ์ชาร์จนั้นสำคัญมาก เนื่องจากไม่เฉพาะเมืองไทย หญิงชาวจีนก็เคยตกเป็นข่าวเสียชีวิตเพราะการชาร์จไอโฟน 5 เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นเหตุที่เกิดขึ้นหลังจากชายจีนรายหนึ่งได้รับบาดเจ็บจากเหตุไฟฟ้าลัดวงจรขณะชาร์จไอโฟน 4 ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพราะอแดปเตอร์ของผู้ผลิตรายอื่นที่ไม่ได้รับไลเซนส์จากแอปเปิล
       
       กรณีของจีน แอปเปิลได้ยื่นมือเข้ามาตรวจสอบทั้ง 2 กรณี พร้อมกับโพสต์ข้อความเตือนภัยจากการใช้อุปกรณ์ชาร์จที่ไม่ได้รับอนุญาต ขณะเดียวกันก็ดำเนินโครงการนำอแดปเตอร์ปลอมมาแลกซื้อของแท้ โดยจะเปิดให้ ผู้ใช้แลกซื้ออแดปเตอร์ของแท้ในราคา 10 เหรียญสหรัฐหรือ 300 บาทเพื่อใช้แทนอแดปเตอร์เดิมที่ใช้อยู่
       
       อย่างไรก็ตาม กรณีของหนุ่มระยองนั้นไม่มีรายงานว่าแอปเปิลได้ยื่นมือเข้ามาตรวจสอบหรือไม่ และยังไม่มีรายงานว่าโครงการ USB Power Adapter Takeback Program นั้นจะเริ่มให้บริการในไทย เนื่องจากการสอบถามล่าสุดเมื่อเดือนสิงหาคม พบว่าศูนย์จำหน่ายผลิตภัณฑ์แอปเปิลในไทยยังไม่รองรับโครงการดังกล่าว โดยพนักงานระบุว่ายังต้องรอสัญญาณจากบริษัทแอปเปิลเซาธ์เอเชีย (ประเทศไทย) ต่อไป
       
       การปรับราคาอแดปเตอร์ของแท้ลงในจีนและสหรัฐฯ (ช่วงวันที่ 16 สิงหาคม - 18 ตุลาคม 2013) สะท้อนว่าแอปเปิลรู้ดีถึงที่มาของปัญหาอแดปเตอร์ไม่ได้มาตรฐานที่จำหน่ายอย่างแพร่หลายในขณะนี้ โดยเฉพาะในแง่ราคาจำหน่ายที่ต่างกันมากจนทำให้ผู้บริโภคต้องเลือกซื้ออแดปเตอร์ราคาประหยัดมาใช้งานแทน ซึ่งเมื่อเทียบกันแล้ว อแดปเตอร์ของแท้ที่แอปเปิลผลิตและจำหน่ายนั้นมีราคาสูงกว่าอแดปเตอร์จากผู้ผลิตรายอื่นสูงสุดถึง 6 เท่าตัว (อแดปเตอร์จากผู้ผลิตในประเทศจีน จำหน่ายในราคาเริ่มต้นที่ 100-120 บาทเท่านั้น)
       
       ถึงบรรทัดนี้ หน่วยงานรัฐอาจต้องถามตัวเองว่ามีทางส่งสัญญาณถึงแอปเปิลให้ดำเนินโครงการนี้เพื่อประโยชน์ของคนไทยบ้างได้หรือไม่ หรือช่องทางสร้างมาตรฐานเพื่อควบคุมตลาดที่ชาร์จให้ปลอดภัยยิ่งขึ้น โดยที่ไม่ต้องรอให้มีเหตุสลดใจครั้งอื่นแล้วจึงล้อมคอกอีกในอนาคต

'ที่ชาร์จปลอม' ไม่ได้โตเพราะความงก!? <b><font color=red>(Cyber Weekend)</font></b>
       7 พฤติกรรมเสี่ยงตายเพราะที่ชาร์จปลอม
       
       1 เห็นกงจักรเป็นดอกบัว
       
       ปรับทัศนคติใหม่เสียทีสำหรับใครที่มองว่าอุปกรณ์ชาร์จแบตเตอรี่สินค้า อิเล็กทรอนิกส์ของแท้และของปลอมสามารถใช้แทนกันได้ เพราะแม้จะชาร์จไฟเข้าอุปกรณ์ได้เหมือนกัน แต่ความปลอดภัยนั้นต่างกันราวฟ้ากับเหว
       
       อย่าลืมว่าอุปกรณ์ชาร์จของแท้นั้นมีมาตรฐานการผลิตและการออกแบบวงจรไฟฟ้า รวมถึงชุดป้องกันที่ได้รับการตรวจสอบรัดกุม ผิดจากอุปกรณ์ชาร์จของปลอมที่มองข้ามการออกแบบวงจรไฟฟ้าที่ปลอดภัย แต่เน้นควบคุมต้นทุนให้มีราคาต่ำที่สุด พร้อมกับยึดจุดมุ่งหมายปลายทางให้ได้ปริมาณไฟขาออกหรือเอาท์พุตที่ต้องการเท่านั้น
       
       2 ไม่เข้าใจเรื่องไฟฟ้า
       
       ในฐานะผู้ใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ควรรู้ว่าพฤติกรรมใดก็ตามที่ทำให้ร่างกายเชื่อมต่อระหว่างอแดปเตอร์และพื้นย่อมมีความเสี่ยงทั้งสิ้น กรณีนี้เห็นได้ชัดจากหนุ่มระยองผู้เคราะห์ร้ายที่ไม่ทราบว่า การคุยโทรศัพท์ขณะชาร์จโดยนอนถอดเสื้อบนพื้นปูนนั้นมีความเสี่ยงสูงมาก เนื่องจากกระแสไฟบ้าน 220 โวลต์จะเหนี่ยวนำลงพื้นทันทีเมื่อเกิดการลัดวงจร
       
       3 ซื้ออุปกรณ์ชาร์จปลอมครบชุด
       
       อุปกรณ์ชาร์จสมาร์ทโฟนในปัจจุบันมักสามารถถอดแยกได้เป็น 2 ส่วน หนึ่งคือหม้อแปลงไฟหรืออแดปเตอร์ที่เป็นเต้าเสียบเข้ากับปลั้กไฟบ้าน อีกหนึ่งคือสายเชื่อมต่ออแดปเตอร์นี้เข้ากับสมาร์ทโฟน ซึ่งมีปลายด้านหนึ่งรองรับพอร์ตยูเอสบี อีกด้านเป็นพอร์ตเฉพาะของอุปกรณ์นั้นเช่น พอร์ตไลท์นิ่งของไอโฟน-ไอแพด หรือไมโครเอสดีของอุปกรณ์แอนดรอยด์ ปัจจุบัน ตลาดที่ชาร์จปลอมนั้นมีจำหน่ายทั้งแบบครบชุดและจำหน่ายแยก จุดนี้ผู้เชี่ยวชาญด้านอิเล็กทรอนิกส์ยืนยันเบื้องต้นว่าการซื้อที่ชาร์จปลอมยกชุดนั้นมีความเสี่ยงมากกว่า
       
       เหตุผลคือสายไฟเชื่อมต่อนั้นมีคุณสมบัตินำไฟฟ้า ทำให้ความเสี่ยงในการเป็นต้นเหตุการลัดวงจรนั้นมีไม่สูงมากเท่าอแดปเตอร์ที่ ไม่ได้มาตรฐาน ดังนั้นการใช้สายปลอมบนอแดปเตอร์แท้จึงมีความปลอดภัยมากกว่าการใช้ที่ชาร์จปลอมแบบครบชุด
       
       4 ไม่ใช้เคส
       
       แม้ตัวเครื่องสมาร์ทโฟนที่ใช้โลหะหรืออลูมิเนียมเป็นส่วนประกอบนั้นมีความเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุด้านไฟฟ้าสูงเนื่องจากมีคุณสมบัติเป็นตัวนำไฟฟ้า แต่การนำเคสพลาสติกหรือวัสดุอื่นมาหุ้มเครื่องนั้นช่วยลดความเสี่ยงได้ ดังนั้นการไม่ใช้เคสระหว่างชาร์จไฟจึงเป็นหนึ่งพฤติกรรมเสี่ยงที่ควรหลีกเลี่ยง
       
       5 ชาร์จไปคุยไป
       
       ไม่มีใครรู้ว่าอแดปเตอร์ที่ชาร์จไฟจะเกิดเหตุไฟรั่วขึ้นเมื่อใด และเมื่อเกิดเหตุแล้ว ไฟพลังสูงจะรั่วไหลทันทีโดยที่ผู้ใช้ตั้งตัวไม่ทัน ทางที่ดีหยุดพฤติกรรมชาร์จไปคุยไปใช้งานไปเสียแต่วันนี้ ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป
       
       6 ใช้งานเมื่อฟ้าผ่า
       
       ฟ้าผ่าเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เกิดขึ้นจากการปลดปล่อยประจุไฟฟ้าในอากาศ การเกิดฟ้าผ่าจะทำให้เกิดคลื่นแม่เหล็กแผ่ออกโดยรอบจนเกิดเป็นพลังงานไฟฟ้าหลายหมื่นโวลต์ ซึ่งมีโอกาสวิ่งไปตามสายไฟและสื่อนำสัญญาณบริเวณใกล้เคียง ดังนั้น สมาร์ทโฟนจึงเป็นหนึ่งในอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ถูกรณรงค์ให้งดใช้งานกลางแจ้งขณะฟ้าผ่า เพราะมีความเสี่ยงได้รับผลกระทบเหมือนอุปกรณ์ไฟฟ้าทั่วไป
       
       7 หลงเชื่อคุณสมบัติบนกล่องอุปกรณ์ปลอม
       
       อย่าหลงเชื่อตราหรือข้อความบรรยายสรรพคุณบนกล่องอุปกรณ์ชาร์จแบตเตอรี่ปลอมที่ ไม่น่าไว้วางใจ เนื่องจากช่างไฟผู้ชำนาญการยืนยันว่าการตรวจสอบอุปกรณ์ชาร์จแบตปลอมนั้นจะทำได้ด้วยการแงะเครื่องเพื่อดูวงจรภายในเท่านั้น


หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ ธันวาคม 10, 2013, 07:17:35 pm
สมอ.เตือนแบตมือถือปลอมระบาด

-http://www.dailynews.co.th/Content/economic/200889/%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%AD.%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%9A%E0%B8%95%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%96%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%94-


ระบุอันตรายห้ามใช้ถึงตายได้ ขู่ผู้ผลิต – นำเข้าไม่ได้มาตรฐานมอก. โดนอ่วมแน่ทั้งจำคุก ทั้งปรับ
วันอังคาร 10 ธันวาคม 2556 เวลา 15:35 น.

นายอุฤทธิ์ ศรีหนองโคตร เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม  (สมอ.)เปิดเผยว่า  ขณะนี้มีแบตเตอรี่มือถือปลอมระบาดอย่างต่อเนื่อง  อยากเตือนให้ประชาชนที่ซื้อแบตเตอรี่มือถือ  ระมัดระวังในการเลือกซื้อ อย่าซื้อสินค้าที่เป็นของลอกเลียนแบบ ราคาถูกเกินไป เนื่องจากอาจเกิดเหตุระเบิด อันตรายถึงชีวิตได้   ที่ผ่านมา สมอ. ได้ส่งเจ้าหน้าที่ออกตรวจจับผู้ผลิต หรือผู้นำเข้า ที่จำหน่ายแบตเตอรี่มือถือไม่ได้มาตรฐานอย่างต่อเนื่อง เพราะแบตเตอรี่มือถือ เป็นสินค้าที่ได้รับรับมาตรฐานมอก.  เลขที่ 2217-2548 

สำหรับมาตรฐาน มอก. เลขที่ 2217-2548  เป็นข้อกำหนดเกี่ยวกับความปลอดภัยต่อผู้ใช้งาน เช่น การระบายความดันภายในส่วนเกิน การป้องกันการแตกร้าว การระเบิดและการติดไฟ ฉนวนต้องสามารถทนต่อกระแสไฟฟ้าและอุณหภูมิที่สูงเกินปกติ โดยกำหนดให้ผู้ทำและผู้นำเข้าจะต้องขออนุญาตก่อนทำและนำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย  จะต้องแสดงเครื่องหมาย มอก. ที่ตัวผลิตภัณฑ์ หรือระบุชื่อผู้ทำ หรือผู้นำเข้าแล้วแต่กรณี  ส่วนผู้จำหน่ายแบตเตอรี่จะต้องตรวจสอบสินค้าด้วยว่าแสดงเครื่องหมายมาตรฐาน และชื่อผู้ทำหรือนำเข้าก่อนวางจำหน่าย  โดยให้ผู้บริโภคสังเกตแบตเตอรี่ ที่ได้มาตรฐาน  ให้ดูที่ตัวแบตเตอรี่ จะมีสัญลักษณ์มอก. และบริเวณกล่องแบตเตอรี่ จะมีชื่อผู้ผลิต หรือผู้นำเข้า  หากไม่มี หรือตัวอักษรดูจาง หรือแปลกๆ  อาจเป็นของปลอมได้ 

ทั้งนี้หากผู้ผลิต หรือผู้นำ เข้า  ฝ่าฝืนนำเข้าโดยไม่ได้รับอนุญาต จะมีความผิดตามกฎหมาย  มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 ล้านหรือทั้งจำทั้งปรับ  ส่วนการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้มาตรฐานมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน ปรับตั้งแต่ 5,000 -50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ  โดยมาตรฐานดังกล่าว ไม่ครอบคลุมถึงแบตเตอรี่ที่ติดมากับตัวเครื่อง ไม่อยู่ในอำนาจควบคุมของ สมอ.

“ไม่อยากให้ผู้บริโภคเห็นแก่ของถูก เพราะแบตเตอรี่ถือเป็นอุปกรณ์ไฟฟ้าประเภทหนึ่งที่มีความสำคัญมาก  หากใช้สินค้าที่ไม่ได้มาตรฐาน อันตรายถึงชีวิตได้  ซึ่งที่ผ่านมาทางสมอ.ได้กวดขันจับกุมอย่างต่อเนื่อง และจากการตรวจสอบในท้องตลาดพบว่า ยังมีการลักลอบนำเข้าแบตเตอรี่มือถือเข้ามาจำหน่ายจำนวนมาก เช่น ลอกเลียนแบบตราสัญลักษณ์มอก. หรือผู้ผลิต ได้ตราสัญลักษณ์มอก. แล้วผลิตไม่ได้ตามมาตรฐาน   ซึ่งสมอ. ได้ดำเนินการตรวจติดตามและจับกุมดำเนินคดีผู้จำหน่ายแล้วกว่า 78 ราย และมีนโยบายในการดำเนินการร่วมกับ มีการร่วมกับกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (ปคบ.) ขยายผลการจับกุมเพื่อสาวไปให้ถึงผู้ลักลอบนำเข้ามาดำเนินคดีต่อไป”

อย่างไรก็ตามผู้บริโภคทั่วไป  ที่ต้องการทราบข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าที่ได้มาตรฐานมอก. สามารถสอบถามข้อมุลได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ . 0 2202 3510, 0 2202 3515  หรือเว็บไซต์สมอ. http://library.tisi.go.th/New-web/T/Info-act/ (http://library.tisi.go.th/New-web/T/Info-act/) index.htm     

หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ ธันวาคม 10, 2013, 07:42:17 pm
คนมีบ้านใหม่ระวัง สารกัมมันตรังสี"เรดอน"

-http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNNE5qWXdOemN5TlE9PQ==&subcatid=-


(http://www.khaosod.co.th/view_resizing_images.php?filename=online/2013/12/13866077251386607755l.jpg&width=260&height=260)

"เรดอน" ก๊าซเฉื่อยที่ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น และไม่มีรส ได้รับมากเกินจำเป็นเสี่ยงเป็นมะเร็งปอด แนะคนอยู่คฤหาสน์ หรือบ้านปูน ใส่ใจสร้างระบบระบายอากาศ เพื่อให้อากาศถ่ายเทได้ สามารถลดความเสี่ยงได้



ปัจจุบันมีคนจำนวนมากที่สร้างบ้านเป็นคฤหาสน์หลังใหญ่โต เลือกใช้วัสดุที่เขาบอกว่าราคาแพง แข็งแรงคงทน หรูหรา อย่าง คอนกรีต หินแกรนิต หินอ่อน กระเบื้องโมเสกต่างๆ แต่วัสดุเหล่านั้นใช่ว่าจะมีผลดีต่อสุขภาพคนเรา เพราะบ้านท่านอาจจะปะปนไปด้วย ก๊าซเรดอน เจ้านี่คือ ก๊าซกัมมันตรังสีที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ จาก การเสื่อมสลายตัวของธาตุ ยูเรเนียมซึ่งมีปะปนอยู่ในหินดินทรายทั่วโลก จนกลายเป็นเรเดียมและกลายมาเป็นก๊าซเรดอนในที่สุด



โดยเมื่อเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจ ก๊าซเรดอนจะสลายตัวปล่อยรังสีอัลฟาพลัง งานสูงออกมาทำลายเซลล์เยื่อบุทางเดินหายใจและกลาย เป็นมะเร็งในที่สุด!



ดร.สมพร จองคำ ผู้อำนวยการสถาบันเทคโนโลยีนิว เคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ สทน.กล่าวว่า เจ้าของบ้านอาจจะไม่รู้ว่ามีก๊าซชนิดนี้วนเวียนอยู่ในบ้านเราหรือไม่ แต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่สามารถที่จะรู้ได้ว่าบ้านเรามีก๊าซเรดอนในปริมาณสูงมากน้อยเพียงใด เพราะในประเทศไทยมีเครื่องมือในการวัดปริมาณก๊าซเรดอนและนักวิทยาศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญด้านนี้อยู่ที่ สทน. ซึ่งเครื่องมือดังกล่าวสามารถวัดปริมาณก๊าซเรดอนในพื้นที่เป้าหมายได้ผลอย่างแม่นยำ



ดร.สมพรกล่าวเพิ่มเติมว่า ถึงแม้ว่าเราจะไม่สามารถหลีกเลี่ยงที่จะต้องอาศัยอยู่ในบ้านที่มีก๊าซเรดอน แต่เราสามารถลดปริมาณก๊าซเรดอนภายในบ้านได้ ซึ่งทำได้หลายวิธี ตั้งแต่การออกแบบบ้านให้มีช่องระบายอากาศ และไม่ปิดทึบจนเกินไป การเลือกใช้วัสดุก่อสร้างที่ไม่มีสารกัมมันตรังสี และการระบายอากาศภายในบ้าน โดยการเปิดประตู หน้าต่าง และช่องระบายลม เพื่อไม่ให้มีก๊าซเรดอนอยู่ภายในบ้านสูงเกินไป และที่สำคัญคือ การอุดรอยร้าวและรอยแยก ตามพื้นและผนังของบ้าน ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เรดอนเข้าสู่ภายในบ้าน



"หากผู้ประกอบการบ้านจัดสรร โดยเฉพาะหมู่บ้านจัดสรรที่มีราคาสูงใช้วัสดุอย่างดีในการก่อสร้างบ้าน เพราะไม่ว่าจะเป็นทรายที่นำมาผสมกับปูน หินแกรนิต หรือใยหินต่างๆ ก็อาจมีเรดอนปะปนอยู่ แต่ไม่ทราบว่ามากน้อยเท่าไหร่ ขอแนะนำผู้ประกอบการสามารถติดต่อกับ สทน. เพื่อขอรับบริการวัดก๊าซเรดอน โดยสทน.จะนำเครื่องวัดก๊าซเรดอนไปให้บริการวัดก๊าซเรดอนให้กับท่าน การ วัดนั้นสามารถทำได้ปีละครั้งก็ยังดี ถือเป็นบริการหลังจากการขายดีๆ จากผู้ประกอบการ และยังเป็นการดูแลสุขภาพแก่ลูกบ้านให้อยู่กันอย่างมีความสุขไปอีกนานเท่านาน" ผอ.สถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์ฯ ระบุ
หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ ธันวาคม 10, 2013, 07:43:09 pm
กรมวิทย์เตือนภัย"ปลั๊กพ่วง"ราคาถูก แฉตุ๋นด้วยเครื่องหมาย"มอก.11"

-http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNNE5qVTJOamMzTXc9PQ==&subcatid=-

กรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.) กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ เตือนประชาชนให้ระวังการใช้ปลั๊กพ่วง เนื่องจากคุณภาพของสายพ่วงที่มีเต้ารับการใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ นั้นไม่ได้มาตรฐานที่จะช่วยป้องกันอันตรายจากการเกิดกระแสไฟฟ้าลัดวงจรจาก วัสดุที่ไม่ได้คุณภาพ ซึ่งเป็นอันตรายต่อทรัพย์สิน หรือร้ายแรงที่สุดอาจลุกลามไปจนถึงอันตรายต่อชีวิตหากเกิดอุบัติเหตุจากการใช้งานอย่างไม่ระมัดระวัง


นางสาวเสาวณี มุสิแดง อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์บริการ กล่าวว่า ประชาชนควรตื่นตัวระวังอันตรายจากปลั๊กพ่วง ซึ่งปัจจุบันกลยุทธ์การตั้งราคาสินค้าที่ย่อมเยาสามารถเป็นจุดขายเสนอให้ผู้บริโภคได้ตัดสินใจซื้อได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะสิ่งที่ผู้บริโภคนึกถึงคือการอำนวยความสะดวกเพื่อรองรับการใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าได้หลายชนิดในคราวเดียวกัน


นางสาวเสาวณีระบุว่า นอกจากผู้บริโภคต้องตรวจสอบคุณภาพของเครื่องใช้ไฟฟ้าให้พร้อมใช้งานแล้ว การตรวจสอบคุณภาพของสายพ่วงที่มีเต้ารับการใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ นั้น ก็เป็นสิ่งจำเป็นที่จะช่วยป้องกันอันตรายจากการเกิดกระแสไฟฟ้าลัดวงจรซึ่งเป็นอันตรายต่อทรัพย์สิน จนกระทั่งถึงชีวิตของผู้ใช้งานได้ ถ้าใช้ปลั๊กพ่วงจนปริมาณไฟรวมกันแล้วเกินกว่าขนาดที่ปลั๊กพ่วงทนได้ สายไฟจะเกิดความร้อนขึ้น จนถึงกับทำให้ฉนวนหุ้มสายไฟหลอมละลายเกิดไฟลุกได้ หรือสายไฟฟ้า ร้อนถึงจุดหลอมละลาย จนกระทั่งสายทองแดงภายในทั้งสองเส้นแตะกันก็จะทำให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจรทันที ซึ่งจุดนั้นจะมีความร้อนที่สูงมากขึ้นทำให้เกิดเพลิงไหม้


ทั้งนี้ ปลั๊กพ่วงไฟเป็นอุปกรณ์เสริมทางไฟฟ้าที่ยังไม่มีมาตรฐาน มอก. ควบคุม จึงเป็นช่องว่างที่ผู้ผลิต จำหน่าย แสดงเครื่องหมายที่ทำให้ผู้ซื้อเข้าใจผิด เช่น ติดตรามาตรฐาน มอก. 11 ซึ่งเป็นมาตรฐานบังคับของสายไฟฟ้า ไม่ใช่ของปลั๊กพ่วง ดังนั้นการเลือกใช้ปลั๊กพ่วงจึงควรพิจารณาในส่วนประกอบต่างๆ ของปลั๊กให้ดี ทั้งตัวปลั๊กเสียบ ตัวผู้ ตัวเมีย สายไฟฟ้า และวัสดุที่ใช้ทำรางปลั๊ก แต่อย่างไรก็ดี สินค้าที่มีตราที่น่าเชื่อถือราคาสินค้าก็สูงตาม อาจเป็นดัชนีหนึ่งที่บ่งบอกถึงคุณภาพสินค้าที่เราใช้พิจารณาได้ง่ายๆ วิธีหนึ่ง
หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ ธันวาคม 14, 2013, 08:34:55 am
ผู้โดยสาร VS คนขับรถเมล์

-http://video.sanook.com/player/518976/ผู้โดยสาร-VS-คนขับรถเมล์-

<iframe width="550" height="315" src="http://video.sanook.com/embed/player/518976" frameborder="0" allowfullscreen ></iframe> (http://<iframe width="550" height="315" src="http://video.sanook.com/embed/player/518976" frameborder="0" allowfullscreen ></iframe>)

-<iframe width="550" height="315" src="http://video.sanook.com/embed/player/518976" frameborder="0" allowfullscreen ></iframe>-


http://video.sanook.com/player/518976/ผู้โดยสาร-VS-คนขับรถเมล์ (http://video.sanook.com/player/518976/ผู้โดยสาร-VS-คนขับรถเมล์)

http://video.sanook.com/player/518976/ (http://video.sanook.com/player/518976/)ผู้โดยสาร-VS-คนขับรถเมล์
-http://video.sanook.com/player/518976/ผู้โดยสาร-VS-คนขับรถเมล์-

ข้อความแนะนำ : ข้อความ(@ศิศวิทาน ไกรวงษ์): เหตุเกิดเมื่อต้องขี้นรถเมล์สาย126สีชมพู 13ธ.ค.56 ขึ้นเมล์คันนี้ไปทำงานคนขับรถขับรถได้เฮี้ยมากออกตัวก็กระชากเบรกก็หัวทิ่มเป็นอย่างนี้มากตลอดทางจนมาถึงป้ายร.ร.พิบูลฯมีผู้ปกครองกับเด็กนร.จะลงคนขับไม่จอดป้ายผมเลยตระโกนถามทำไมไม่จอดเด็กจะลงมันเลยต้องเลยไปหน่อยแล้วจอดให้ลงตั้งแต่นั้นมาก็ด่ากับคนขับมาตลอด

http://video.sanook.com/player/518976/ผู้โดยสาร-VS-คนขับรถเมล์ (http://video.sanook.com/player/518976/ผู้โดยสาร-VS-คนขับรถเมล์)
หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ ธันวาคม 17, 2013, 06:21:01 am
มูลนิธิกระจกเงา แนะพ่อแม่ ใช้ 5 ไม่ ดูแลเด็ก

-http://hilight.kapook.com/view/94847-


มูลนิธิกระจกเงา แนะพ่อแม่ ใช้ 5 ไม่ ดูแลเด็ก (ไอเอ็นเอ็น)
 
          ศูนย์ข้อมูลคนหาย มูลนิธิกระจกเงา แนะพ่อแม่ ใช้ 5 ไม่ ดูแลเด็ก ก่อนถูกลักพาตัว

          เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2556 ศูนย์ข้อมูลคนหาย มูลนิธิกระจกเงา โพสต์เฟซบุ๊ก เตือนใจผู้ปกครองให้ดูแลบุตรหลานก่อนถูกลักพาตัว ด้วย "5 ไม่" ดังนี้

          1 .ไม่พาลูกเล็กไปยังที่ ที่มีคนพลุกพล่านเกินไป โดยไม่จำเป็น
          2. ไม่ปล่อยให้ลูกเล็กไปวิ่งเล่นตามลำพัง แม้จะใกล้บ้านก็ตาม
          3. ไม่ให้ใครมารับลูกเล็กที่โรงเรียน เว้นแต่จะได้โทรศัพท์บอกครูทุกครั้งที่มีคนมารับแทน
          4. ไม่ทิ้งลูกเล็กไว้กับญาติสูงอายุ ที่อาจดูแลเด็กเล็กวัยกำลังซนไม่ไหว
          5. ไม่ยอมให้ลูกรับของจากคนแปลกหน้า หมั่นสอนเด็กเล็กในเรื่องนี้

          ทั้งนี้ สามารถแจ้งคนหาย-การค้ามนุษย์ ได้ที่ 029732236-7 หรืออีเมล info@backtohome.org หรือ เฟซบุ๊ก ศูนย์ข้อมูลคนหาย มูลนิธิกระจกเงา

(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/kanokwan/z-LOGO/inn_logo.jpg)


หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ ธันวาคม 20, 2013, 05:42:08 am
ผู้บริโภคร้องอาหารห่วย พบ “ผม-ขน-แมลงสาบ” ปนเปื้อน โฆษณายา-น้ำหมักทำตายแล้ว 3 ราย
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์    19 ธันวาคม 2556 16:45 น.

-http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9560000155854-

ผู้บริโภคร้อง เจอปัญหาอาหารห่วย ด้อยคุณภาพเพียบ รวมแล้วกว่า 152 กรณี พบอาหารปนเปื้อนมากสุด สุดขยะแขยงทั้งเส้นผม เล็บ แมลงสาบ บ้างใส่ฟอร์มาลิน บอแรกซ์ รวมถึงพบบรรจุภัณฑ์ชำรุด แสดงฉลากอาหารไม่ถูกต้อง โฆษณาหลอกลวง อึ้ง! ที่ร้อยเอ็ดทำชาวบ้านตายแล้ว 3 ราย จากยาแผนโบราณและน้ำหมัก เตรียมหารือ อย.20 ธ.ค.เสนอ 4 แนวทางแก้ไขปัญหา
       
       วันนี้ (19 ธ.ค.) เมื่อเวลา 13.30 น. ที่มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค นายพชร แกล้วกล้า ผู้ประสานงานโครงการเสริมสร้างความเข้มแข็งกลไกคุ้มครองผู้บริโภคภาคประชาชนด้านอาหาร กล่าวว่า จากกรณีร้องเรียนปัญหาด้านอาหารมายังศูนย์คุ้มครองสิทธิผู้บริโภค 10 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ สมุทรสงคราม กาญจนบุรี ขอนแก่น ร้อยเอ็ด พะเยา ลำปาง สุราษฎร์ธานี สงขลา และสตูล ระหว่าง ก.ย. 2555 - ธ.ค. 2556 มีรวมกันทั้งสิ้น 152 กรณี แบ่งปัญหาได้เป็น 10 ประเด็นคือ 1.ปัญหาอาหารปนเปื้อน (กายภาพ/เคมี) 31 กรณี ถือว่ามากที่สุด 2.บรรจุภัณฑ์ชำรุดบกพร่อง/คุณภาพสินค้าไม่ได้มาตรฐาน 29 กรณี 3.แสดงฉลากอาหารไม่ถูกต้อง 28 กรณี 4.โฆษณาอาหาร/ผลิตภัณฑ์สุขภาพผิดกฎหมาย 22 กรณี 5.จำหน่ายสินค้าหมดอายุ 14 กรณี 6.อาหารเป็นพิษ/ได้รับอันตรายจากการบริโภคอาหาร 13 กรณี 7.ราคาแพงเกินจริง/ไม่ติดป้ายราคา/ราคาไม่ตรงกับป้าย 8 กรณี 8.อาหารเสียก่อนวันหมดอายุ 3 กรณี 9.การผลิต/แหล่งผลิตไม่ถูกสุขลักษณะ 2 กรณี และ 10.น้ำมันทอดซ้ำ 2 กรณี
       
       นายพชร กล่าวอีกว่า ปัญหาอาหารปนเปื้อนคือ การพบสิ่งแปลกปลอม/สิ่งปนเปื้อนทางอาหาร เช่น เส้นผม ขน เล็บ แมลงสาบ หรือความผิดปกติขออาหาร เช่น มีตะกอน ขึ้นรา และเน่าเสีย รวมถึงการใช้สารเคมีที่ไม่ควรใช้ในอาหาร เช่น ฟอร์มาลิน บอแรกซ์ โดยมีตัวอย่างปัญหาที่พบบ่อยและต้องเฝ้าระวัง ได้แก่ เชื้อราในขนมปัง ก้อนขาวในนมกล่อง และสิ่งแปลกปลอมในนมผงสำหรับเด็ก สำหรับกรณีบรรจุภัณฑ์ชำรุดบกพร่องและคุณภาพสินค้าไม่ได้มาตรฐาน ได้แก่ กรณีบรรจุภัณฑ์บุบ ยุบ มีสนิม หรือฉีกขาด ซึ่งส่วนใหญ่เป็นของขายลดราคาในห้าง ส่วนกรณีสินค้าไม่ได้มาตรฐาน เช่น น้ำหนักไม่ครบตามแจ้งไว้บนฉลาก มีคุณภาพสินค้าไม่เป็นไปตามกฎหมายกำหนด โดยเฉพาะในกลุ่มนมโรงเรียนที่มีปัญหาเรื่องตกมาตรฐานโปรตีน ส่วนการแสดงฉลากไม่ถูกต้อง เช่น รายละเอียดต่างๆ บนฉลากไม่เป็นภาษาไทย ไม่มีเลขสารบบอาหารไม่แสดงผู้ผลิต-ผู้จัดจำหน่าย และไม่แสดงรายละเอียดอื่นๆ ที่กฎหมายระบุให้แสดง เป็นต้น
       
       “การแก้ไขปัญหาด้านอาหาร มูลนิธิฯและเครือข่ายองค์กรผู้บริโภคทั้ง 10 จังหวัด จะเข้าพบเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยาในวันที่ 20 ธ.ค. เวลา 13.00 น.เพื่อหารือ 1.การพัฒนากลไกการคุ้มครองผู้บริโภคด้านอาหารที่เป็นรูปธรรมร่วมกันระหว่างภาครัฐและภาคประชาสังคม 2.ปรับปรุงนโยบายฉลากโภชนาการให้เป็นแบบสีสัญญาณไฟจราจรเขียว เหลือง แดง แทนที่การใช้ฉลากโภชนาการแบบสีเดียว (GDA) 3.ให้บังคับใช้กฎหมายตาม พ.ร.บ.อาหาร พ.ศ.2522 อย่างเคร่งครัด และ 4.ในการแก้ไข พ.ร.บ.อาหาร ฉบับใหม่ ให้เพิ่มบทลงโทษให้มีความรุนแรงเทียบเท่ากันกับบทลงโทษตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภคของ สค. นายพชร กล่าวและว่า นอกจากนี้ มูลนิธิฯ ได้ร่วมกับคณะกรรมการองค์การอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภคภาคประชาชนพัฒนาคู่มือการใช้สิทธิด้วยตนเองเสร็จสิ้นแล้ว 2 กรณีคือ กรณีอาหารปนเปื้อน และกรณีพบอาหารหมดอายุ และจะดำเนินการอัปโหลดให้กับผู้บริโภคได้ใช้ประโยชน์ก่อนสิ้นปีนี้ ซึ่งผู้บริโภคสามารถเข้าชมและดาวน์โหลดได้ที่ https://www.facebook.com/cindependence (https://www.facebook.com/cindependence) และ http://www.indyconsumers.org/ (http://www.indyconsumers.org/)
       
       น.ส.สิรินนา เพชรรัตน์ ผู้ประสานงานศูนย์ฯ จ.สุราษฎร์ธานี กล่าวว่า จากการดำเนินงานร่วมกับศูนย์ฯ สงขลา สตูล และขอนแก่น สำรวจฉลากอาหารที่จำหน่ายหน้าและในโรงเรียนช่วง ก.ค.-ส.ค.2556 จำนวน 20 แห่ง พบว่าไม่สามารถตรวจสอบเลขสารบบอาหารได้ ไม่มีการแสดงวันผลิต วันหมดอายุ ไม่แสดงที่อยู่ผู้ผลิตและผู้จัดจำหน่าย และไม่มีฉลากหรือฉลากไม่เป็นภาษาไทย ซึ่งภาครัฐจะต้องพัฒนาระบบฐานข้อมูลเรื่องการตรวจตัวเลขสารบบอาหารให้เชื่อมโยงทั่วประเทศ ให้ประชาชนใช้ตรวจสอบได้จริง
       
       นายพงษภัทร หงส์สุขสวัสดิ์ เจ้าหน้าที่กลไกคุ้มครองผู้บริโภคภาคตะวันตก กล่าวว่า ศูนย์ฯ จ.สมุทรสงคราม ร่วมกับศูนย์ฯเขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ สำรวจพฤติกรรมการบริโภคขนมและน้ำหวานของเด็กนักเรียนในโรงเรียนทั้งก่อนและหลังติดฉลากแบบสัญญาณไฟจราจรเขียว เหลือง แดง พบว่า ขนมส่วนใหญ่ถูกจัดกลุ่มฉลากสีแดงและสีเหลืองมากกว่า แต่เมื่อทำการรณรงค์ให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการอ่านฉลากโภชนาการแบบสีสัญญาณจราจร พบว่า อัตราการบริโภคขนมขบเคี้ยวลดลงในทุกสี อย่างฉลากสีแดงจากเดิม 43 ซองต่อวัน ลดเหลือ 194 ซองต่อวัน สีเหลือง 162 ซองต่อวัน ลดเหลือ 73 ซองต่อวัน และสีเขียว 95 ซองต่อวัน ลดเหลือ 47 ซองต่อวัน
       
       นายประวิทย์ หันวิสัย เจ้าหน้าที่ศูนย์คุ้มครองสิทธิผู้บริโภค จ.ร้อยเอ็ด กล่าวว่า ที่เป็นปัญหาคือโฆษณาหลายตัวที่ถูกขึ้นบัญชีดำจาก อย.และ กสทช. เช่น น้ำหมัก น้ำดื่มเพื่อสุขภาพ มีการเปลี่ยนชื่อผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อเลี่ยงกฎหมาย หรือโฆษณาเพียงชื่อการค้า นอกจากนี้ ยังใช้ผู้มีชื่อเสียงอ้างเป็นเป็นเชี่ยวชาญ หรือผู้ประกอบวิชาชีพมาอวดอ้างสรรพคุณผลิตภัณฑ์ การสัมภาษณ์ผู้ใช้เป็นหน้าม้า การจูงใจให้บอกผลิตภัณฑ์แบบปากต่อปาก กรณีที่รุนแรงคือพบการเสียชีวิตจากการใช้ยาแผนโบราณ 1 ราย ซึ่งจากการส่งผลิตภัณฑ์ไปตรวจสอบที่ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 10 อุบลราชธานี พบว่ามีส่วนประกอบของยาแผนปัจจุบันและพบจุลินทรีย์ในอัตราที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย และเสียชีวิตจากน้ำหมัก 2 ราย ซึ่งพบว่าผู้เสียชีวิตมีโรคประจำตัวอยู่แล้ว คือมะเร็งกระดูก และพาร์กินสัน
       
       นายกำชัย น้อยบรรจง เลขาธิการสมาคมพิทักษ์สิทธิผู้บริโภค จ.สระบุรี กล่าวว่า วิทยุชุมชน จ.สระบุรี มีการโฆษณาสมุนไพรดีท็อกเลือดอย่างต่อเนื่อง โดยโฆษณาวนไปวนมาไม่ต่ำกว่าวันละ 30 รอบหรือมากกว่า จึงขอเสนอให้เร่งรัดออก พ.ร.บ.อาหารฉบับใหม่ ที่เพิ่มบทลงโทษให้มีความรุนแรงเทียบเท่ากับบทลงโทษเรื่องการโฆษณาตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภคของ สคบ.รวมถึงให้มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดและทันการณ์ นอกจากนี้ให้ กสทช.บังคับใช้การสั่งปิดสถานี รวมถึงอย. กสทช. และองค์กรผู้บริโภคต้องช่วยเฝ้าระวังและพัฒนาศักยภาพผู้บริโภคให้รู้เท่าทันโฆษณาผิดกฎหมาย


หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ ธันวาคม 29, 2013, 10:56:50 am
ระวังกลลวง ขายของออนไลน์ (ของถูกและดี ไม่มีในโลก)

-http://hitech.sanook.com/1387992/%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87-%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%A5%E0%B8%99%E0%B9%8C-%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%96%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%94%E0%B8%B5-%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81/-



ระวังกลลวง ขายของออนไลน์ (ของถูกและดี ไม่มีในโลก)

หากใครเป็นสมาชิกที่ติดตามเว็บไชต์ Pantip และแวะเวียนเข้าห้อง มาบุญครอง ก็จะรู้ว่าในห้องมีสาระดีๆ มากมายให้ได้อ่านกัน ไม่ว่าจะเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับ สมาร์ทโฟน หรือ แท็บเล็ต ต่างๆ นาๆ

นอกจากนี้ห้อง มาบุญครอง ยังเป็นห้องที่มีการโพสร้องเรียน ร้องทุกข์ และแลกเปลี่ยนประสบการณ์จากเหล่ามิจฉาชีพ กลโกง ต่างๆ มากมาย

(http://p3.isanook.com/hi/0/ud/277/1387992/untitled-8.jpg)

ดังกรณีศึกษาของเข้าของท่านสมาชิกหมายเลข 940514 ที่ทางทีมงาน Sanook! Hitech จะนำมาฝากกัน(ขอสรุปแบบฉบับเราละกันนะครับ)

กรณีที่เกิดขึ้นอาจจะเรียกว่าเป็นการโกง ไม่ได้เต็มปาก แต่การใช้อักษร และการใช้ภาษาที่ไม่ชัดเจนทำให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น เรื่องเกิดขึ้นเมื่อท่านสมาชิกหมายเลข 940514 ได้เจอข้อมูลประกาศขายโทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อซัมซุง กาแลคซี่ S III  ซึ่ง ราคาถูกมากๆ ประกาศตามนี้คับ

(http://p3.isanook.com/hi/0/ud/277/1387992/untitled-4.jpg)

ทั้งหมดนี้ คือ ก่อนได้รับของ (ผมยอมรับว่าผมไว้ใจคนง่ายเกินไป ผมยอมรับว่าผมโง่มากๆ การศึกษาไม่ค่อยช่วยผมเท่าไหร่เลย แต่ก็ไม่อยากให้คนอื่นมาเจอแบบผมอีก และเป็นครั้งแรกที่ผม ซื้อโทรศัพท์เอง ปกติ คือ พี่ให้ มาใช้ต่อ แต่ พอดี เครื่องที่พี่ให้ N70 มันพัง ก็เลยต้องหาซื้อใหม่ อยากได้เครื่องที่ดีๆๆ หน่อย แต่มีเงินแค่ 6000 7000 ก็เลยมาหาดู ในเว็บ ขายของออนไลน์)

(http://p3.isanook.com/hi/0/ud/277/1387992/untitled-5.jpg)

หลังจากได้รับของ ผมก็เอามาตรวจสอบ สารพัดว่าเป็นของจริงหรือไม่ ทีแรกก็ดูไม่ออกเลย ระบบก็เหมือนกันมาก แต่พอแกะแบตมาตรวจดูเลข IMEI มันไม่ตรงกับในเครื่องที่บอกไว้ แล้วก็ไม่มีแอพ ของซัมซุง หรือ Sumsung App กล้อง ที่บอกหน้ากล่อง ว่า 8 ล้าน เอามาใช้จริงๆ กล้อง Nokia ล้าน N70 ยังชัดกว่าอีก

ผู้ขายก็พยายาม พูด สองแง่ สองง่าม ให้ไปแปลเอง ว่ามันไม่ใช่ของจริง เป็นงานเกาหลี แต่ผมมาถามก็ตอนที่ผมรู้เเล้ว ว่าของปลอม หลังจาก สารพัดเซ็ค ตรวจอะไรดูแล้ว

(http://p3.isanook.com/hi/0/ud/277/1387992/untitled-7.jpg)

อย่างที่ทางทีมงาน Sanook! Hitech ได้บอกไปข้างต้นแล้วครับกรณีแบบนี้เรียกว่าโกง คงเรียกไม่ได้เต็มปาก แต่ด้วยกลยุทธของการพูด การหลอกล่อ ทำให้ท่านสมาชิกหมายเลข 940514 เข้าใจว่าเป็นของแท้ นึกไม่ถึงว่าตัวเองจะโดนของก๊อปเกรด A เข้าให้

ปล. ในกระทู้ของ ท่านสมาชิกหมายเลข 940514 มีข้อความสนทนาของทั้ง 2 ฝั่งอย่างจัดเจน สามารถเข้าไปอ่านต่อได้ที่ pantip.com/topic/31374475






หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ มกราคม 18, 2014, 09:55:45 am
เป็นสิ่งที่ถูกต้อง ในการปกป้องสิทธิของตนเองครับ

ผมว่า ควรต้องเอาผิดกับทางร้านค้าในประเทศไทยด้วย

อีกประการ  ถ้าข้าราชการ โดยเฉพาะข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ทำงานเพื่อประโยชน์ของประชาชนเป็นสำคัญ ทำงานเพื่อแผ่นดินอย่างจริงๆ  ประโยชน์จะตกอยู่ที่ประชาชน 

และประชาชนไม่เสียดายเงินภาษีอากรที่จ่ายเป็นเงินเดือนและเงินอื่นๆ  ให้กับข้าราชการด้วย



---------------------------------------------------------------------------------------------------


ลูกค้าชาวไทยรายหนึ่งส่งเมล์ถึง Tim Cook ร้องโอเปอเรเตอร์ไม่รับเคลม iPhone 5s

-http://hitech.sanook.com/1388166/%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%84%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B6%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%A5%E0%B9%8C%E0%B8%96%E0%B8%B6%E0%B8%87-tim-cook-%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%82%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B9%80%E0%B8%84/-


ตัวจริง ! ลูกค้าชาวไทยรายหนึ่งส่งเมล์ถึง Tim Cook ร้องโอเปอเรเตอร์ไม่รับเคลม iPhone 5s

ปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากลูกค้าชาวไทยรายหนึ่งได้ซื้อ iPhone 5s มาจากโอเปอเรเตอร์ในไทยเจ้าหนึ่่ง แต่กลับพบว่าขอบตัวเครื่องด้านบนมีลักษณะเหมือนประกอบไม่สนิท (ดูวีดีโอได้ที่ท้ายข่าวครับ) ซึ่งเจ้าตัวจึงขอให้โอเปอเรเตอร์เจ้าดังกล่าวนำเครื่องไปซ่อมแต่กลับถูก ปฏิเสธ โดยโอเปอเรเตอร์แจ้งว่าปัญหาที่พบไม่ได้รุนแรงถึงขั้นต้องส่งซ่อม

(http://p3.isanook.com/hi/0/ud/277/1388166/untitled-1.jpg)

เมื่อเป็นเช่นนี้ลูกค้าชาวไทยจึงส่งเมล์ร้องเรียนไปยัง Tim Cook ประกอบกับถ่ายวีดีโอเพื่อยืนยันว่า iPhone 5s ของตนมีปัญหาจริง และหลังจากนั้นไม่กี่วันลูกค้าชาวไทยรายนั้นก็ได้รับการติดต่อจาก Apple Customer Service ของสิงคโปร์ ซึ่งทางสาขาก็ได้ถามด้วยว่ามีการเมล์ไปหา Tim Cook จริงหรือไม่ ก่อนที่ลูกค้ารายนั้นจะได้รับการเปลี่ยน iPhone 5s เป็นเครื่องใหม่ในที่สุด

(http://p3.isanook.com/hi/0/ud/277/1388166/2.jpg)

กรณีดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงการบริการของโอเปอเรเตอร์รายนั้น และการประกอบตัวเครื่อง iPhone 5s จากโรงงานว่าในบางครั้งยังขาดความละเอียดรอบคอบ ซึ่งไม่รู้ว่าต่อไปจะมีลูกค้ารายใดจะเจอแจ็คพอตแบบนี้อีกหรือไม่

iPhone 5S with loose screen (http://www.youtube.com/watch?v=bLwUWbfznZg#ws)

iPhone 5S with loose screen (http://www.youtube.com/watch?v=bLwUWbfznZg#ws)
-http://www.youtube.com/watch?v=bLwUWbfznZg-

ปล. ทางทีมงาน Sanook! Hitech  มีประโยคของบทสนทนาระหว่างลูกค้าหนุ่มชาวไทยกับ Apple Customer Service ของสิงคโปร์มาฝากกันครับ

วันที่ 6 มกรา

(http://p4.isanook.com/hi/0/ud/277/1388166/9.jpg)

ปลายสายเป็นผู้หญิง พูดภาษาอังกฤษ สำเนียง สิงค์โปร ชัดถ้อยชัดคำ ถามว่าผมคือคนที่ส่ง E-mail ไปหา Tim Cook ใช่ไหม?

พนักงาน Apple: สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่าใช่คุณ XXXXXXXX ที่ส่ง E-mail ไปหา Tim Cook เกี่ยวกับปัญหาที่ได้รับจากการใช้ iPhone 5s ใช่ไหมค่ะ?
ผม: ใช่ครับ ผมเอง ที่ส่งจดหมายไปวันที่ 4
พนักงาน Apple: ไม่ทราบว่าจะสะดวกไหม ถ้าจะขอข้อมูลเพิ่มเติม ในส่วนของการเคลม iPhone กับทางผู้ให้บริการที่ผ่านมาค่ะ
ผม: ยินดีครับ! (พร้อมเล่าถึงเหตุการณ์ที่ไปเคลมเครื่องกับทาง........แล้วโดนปฏิเสธมาว่าตราบใดที่ยังใช้ได้ดีอยู่ก็ไม่รับเคลม)
พนักงาน Apple: ดิฉันรู้สึกเสียใจที่ได้ยินแบบนี้นะค่ะ ทางเราจะประสานงานกับทีมวิศวะกรของ Apple ให้ แล้วจะแจ้งกลับนะค่ะ
ผม: ขอบคุณมากในความกรุณาครับ

ตอนนั้นรู้สึกโล่งใจไป 50 เปอร์เซ็นแล้ว เพราะทาง Apple ติดต่อกลับมาขนาดนี้ ก็คงจะต้องมีอะไรคืบหน้าขึ้นล่ะหน่า

วันที่ 9 มกราคม
ขณะเดินซื้อของอยู่อย่างเมามันส์ ก็มีสายจาก Apple Call Center เข้ามา ผมก็ไม่รีรอที่จะรับสาย

พนักงาน Apple (คนเดิม) โทรกลับเข้ามา พร้อมบอกผมว่า ทางทีมวิศวะกรได้ประชุมกัน แล้วสรุปเคสนี้ของคุณเรียบร้อยแล้วนะค่ะ (ดูยิ่งใหญ่เนาะ 555+) ทางเราจะติดต่อกับทาง................. ให้ทางพนักงาน Shop ติดต่อคุณ XXXXXXX เป็นการส่วนตัว เพื่อดำเนินการนะคะ ผมตอบตกลงพร้อมวางสายไป

ติดตามตอนต่อไปเพราะยังไม่จบ เหลืออีกนิดหน่อยสามารถเข้าไปอ่านได้ที่ >>> pantip.com/topic/31522124

ขอบคุณเจ้าของกระทู้ Monster HD

สนับสนุนเนื้อหา: Arip






หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ กุมภาพันธ์ 16, 2014, 10:47:47 am
อันตรายที่แฝงมากับซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์
-http://www.komchadluek.net/detail/20140216/179014.html#.UwA04IWbyZQ-
 

                      ในยุคที่แทบทุกบ้านมีคอมพิวเตอร์ใช้และอุปกรณ์คอมพิวเตอร์พกพาได้เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว ผู้บริโภคชาวไทยกำลังเผชิญหน้ากับภัยคุกคามใหม่ๆ ที่มาในรูปแบบของไวรัสคอมพิวเตอร์และมัลแวร์ซึ่งสามารถขโมยอัตลัษณ์บุคคลออนไลน์ ทำให้ข้อมูลสูญหายหรืออาจทำให้ระบบล่มได้ ในขณะเดียวกันกลับมีคนบางกลุ่มพยายามที่จะหาเงินจากการขายและติดตั้งซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์ โดยมองข้ามภัยอันตรายดังกล่าว ข้อมูลต่อไปนี้จะเป็นประโยชน์และช่วยให้คุณรู้เท่าทันอันตรายของการจำหน่ายซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์ และวิธีเลี่ยงจากอันตรายเหล่านั้น
 
                      ปัญหาเรื่องซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์ยังคงเป็นปัญหาใหญ่ของสังคมไทย ซึ่งกองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้เปิดเผยว่า ซอฟต์แวร์ที่จำหน่ายในประเทศไทยนั้น เป็นซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์ถึงร้อยละ 70  และสหรัฐอเมริกาได้จัดอันดับให้ไทยอยู่ในรายชื่อประเทศที่ต้องจับตา (Priority Watch List) ในเรื่องของการละเมิดลิขสิทธิ์ทรัพย์สินทางปัญญา นอกจากนี้หอการค้าสหรัฐอเมริกายังได้จัดอันดับให้ประเทศไทยอยู่ในอันดับรองสุดท้ายในเรื่องของการเคารพลิขสิทธิ์ โดยมีอินเดียเพียงประเทศเดียวที่อยู่ในอันดับที่ต่ำกว่า
 
                      แม้จะมีความพยายามอย่างต่อเนื่องในการแก้ปัญหาดังกล่าว แต่การละเมิดลิขสิทธิ์ยังคงส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์และเศรษฐกิจของประเทศเราอย่างต่อเนื่อง และยังส่งผลโดยตรงต่อผู้ใช้งานด้วย ซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์นั้นทำให้ประสบการณ์การใช้งานคอมพิวเตอร์ได้รับผลกระทบ มีการเปิดเผยรายงานการสำรวจด้านความปลอดภัยจากการใช้งานคอมพิวเตอร์ในทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เมื่อเร็วๆ นี้ว่า ร้อยละ 63 ของดีวีดี ซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์และคอมพิวเตอร์ที่มีการลงโปรแกรมวินโดวส์แบบผิดกฎหมายนั้นมีโอกาสเสี่ยงสูงที่จะติดมัลแวร์และไวรัส ดังนั้นผู้ใช้งานที่หวังจะได้รับประสบการณ์การใช้งานที่สมบูรณ์แบบอาจจะต้องผิดหวัง และยังอาจเจอภัยร้ายโดยไม่รู้ตัวอีกด้วย
 
                      มีผู้บริโภคกว่า 400,000 คนทั่วโลก ติดต่อไมโครซอฟท์ผ่านเว็บไซต์ How to Tell  ตั้งแต่ปี 2548 เป็นต้นมา เพื่อแจ้งว่าซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์ที่ทำให้เครื่องของพวกเขาติดไวรัสและมัลแวร์นั้นมีลักษณะอย่างไร นอกจากนั้นสินค้าเหล่านี้ยังทำให้เครื่องทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพเหมือนกับที่โฆษณาไว้ด้วย โดยไมโครซอฟท์ได้รับรายงานเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์จากลูกค้าในราว 4,500 เรื่องต่อเดือน ด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าอย่างรวดเร็วที่เหล่าอาชญากรนำมาใช้ในการผลิตซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์ อาจเป็นเรื่องยากสำหรับผู้บริโภคที่จะรู้เท่าทันว่าซอฟต์แวร์ที่ซื้อมานั้นถูกลิขสิทธิ์หรือไม่ ข้อสังเกตง่ายๆ 4 ข้อต่อไปนี้ จะช่วยให้คุณตรวจสอบซอฟต์แวร์ที่ซื้อมาได้ด้วยตัวเองและมั่นใจได้ว่าคุณจะได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุด
 
                      ควรเลือกซื้อสินค้าจากร้านที่มีชื่อเสียง ลองถามจากเพื่อนหรืออ่านจากอินเทอร์เน็ตดูว่าคนอื่นพูดถึงร้านนั้นๆ ไว้ว่าอย่างไร และให้สงสัยไว้ก่อนเสมอว่าสินค้าที่มีราคาถูกกว่าปกติมากๆ อาจไม่ใช่สินค้าที่ถูกลิขสิทธิ์
 
                      ซอฟต์แวร์ถูกลิขสิทธิ์ของไมโครซอฟท์ทุกชิ้น รวมถึงซอฟต์แวร์ที่มีการติดตั้งลงเครื่องเอาไว้ก่อนแล้ว จะมาพร้อมกับฉลากลิขสิทธิ์แท้จากไมโครซอฟท์หรือฉลากรับรองความถูกต้อง (COA)  ซึ่งเป็นสติกเกอร์หรือฉลากที่ติดมากับเครื่องคอมพิวเตอร์สำหรับผลิตภัณฑ์ เช่น Windows, Office หรือ Windows Server โดยทั่วไปคุณจะพบสติกเกอร์ COA อยู่บนตัวเครื่องคอมพิวเตอร์หรือภายในช่องใส่แบตเตอรี่สำหรับแล็ปท็อปรุ่นใหม่ๆ
 
                      และต้องตรวจดูว่ามีแผ่นกู้ข้อมูลมาพร้อมกับเครื่อง เพื่อให้สามารถติดตั้งใหม่หรือกู้ข้อมูลซอฟต์แวร์กลับคืนมาได้หากเกิดปัญหาขึ้น
 
                      ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการตรวจสอบซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์ สามารถดูได้ที่ http://www.microsoft.com/genuine (http://www.microsoft.com/genuine)
 
                      หากคุณซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์ใหม่มา แล้วสงสัยว่าเครื่องของคุณอาจจะได้รับการติดตั้งซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์ คุณสามารถส่งเรื่องร้องเรียนไปที่  www.microsoft.com/piracy (http://www.microsoft.com/piracy) โดยไมโครซอฟท์อาจทำการส่งสินค้าทดแทนให้ในกรณีที่ลูกค้าโดนหลอกให้ติดตั้งซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์
หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ กุมภาพันธ์ 18, 2014, 10:27:42 pm
เตือนภัย!! ขายมือถือผ่านเน็ท นัดเจอโดนหลอกเอาเครื่องไปต่อหน้าต่อตา


-http://hitech.sanook.com/1388374/%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%A0%E0%B8%B1%E0%B8%A2-%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%96%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%9C%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%99%E0%B9%87%E0%B8%97-%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B8%AD%E0%B9%82%E0%B8%94%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%84%E0%B8%9B%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%95%E0%B8%B2/-


ประเด็นนี้เป็นเรื่องที่ทางทีมงานไปเจอมาจาก pantip.com และเห็นว่าเรื่องนี้มีประโยชน์และสามารถเป็นอุทาหรณ์ให้ใครหลายๆ คนได้ไม่มากก็น้อย เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งอุทาหรณ์ที่ใกล้ตัวมากครับสำหรับกรณีแบบนี้

วันนี้ทางทีมงาน Sanook! Hitech มีอีกหนึ่งกรณีศึกษาของคุณ Poisonous_1986 ที่เข้ามาตั้งกระทู้ร้องเรียนที่ Pantip โดยผู้เสียหายได้เล่านรายละเอียดของเหตุการณ์ไว้ดังต่อไปนี้


(http://p3.isanook.com/hi/0/ud/277/1388374/untitled-21.jpg)


อยากจะเตือนภัยเพื่อนๆไม่ให้ตกเป็นเครื่องมือของเหล่ามิจฉาชีพครับ เหตุการนี้จะไม่เกิดเลย ถ้าผมไม่รีบร้อน และมีสติ ขอสรุปความให้ฟังนะครับ เล่าไปก็เจ็บใจไปแต่จะขอเปิดเผยข้อมูลบางส่วนนะครับ เพราะกลัวว่าโจรจะไหวตัวทันตอนนี้ให้คนตามสืบจากข้อมูลอันน้อยนิดครับ

ผมลงขายไอโฟนไว้ ที่พันทิปเนี่ยแหละคับ เข้าใจว่าโจรคนนี้มันก็เล่น โทรมานัดให้ไปเจอสถานที่นึง (รายละเอียดจะเปิดเผยทีหลังนะครับ) มันบอกว่าดูของก่อน ถ้าโอเคจะให้แฟนโอนมาให้ตอนดูก็ตกลงเอา มันก็บอกให้แฟนโอนมาเงินยังไม่เข้า บัญชีผม ผมยังไม่ได้รับ SMS มันเลยอาสาพาผมไปเซ็คเงินว่าเข้าหรือยัง โดยที่มือถือที่ผมขายวางอยู่บนรถตรงนี้แหละครับที่ผมพลาด ผมลงจากรถ โดยลืมเอามือถือลงมาด้วย พอผมคล้อยหลังไปเท่านั้นแหละครับ มันก็ขับรถหนีไปเลย

ตอนนี้มีเบอร์โจร ซึ่งมันก็ยังใช้อยู่ ไม่หนี เป็นเบอร์เติมเงิน แต่ระบบไม่มีข้อมูลรถมันก็ไม่ติดป้ายทะเบียน แต่รู้รุ่นรถ สีรถ รถแต่งด้วยตอนนี้ได้รูปมาจากกล้องวงจรปิดแล้ว ถึงจะเห็นรถไม่ชัด แต่ก็พอเห็นว่าแต่งยังไงบ้าง

มันยังมีการส่งข้อความมาเยาะเย้ยผมอีกครับ ผมผิดเองที่ไม่เฉลียวใจว่าเป็นโจรและไม่ดูให้ดี ไม่รอบคอบ เนื่องจากเป็นไอโฟนเครื่องใหม่ จึงไม่มีอะไรแกะรอยทั้งนั้นครับข้อมูลตอนนี้ก็มีเพียงรูปจากกล้องวงจรปิด และเบอร์โทรศัพท์ที่มันยังใช้อยู่ครับผมจะทำอย่างไรได้บ้างจากข้อมูลอันน้อยนิดครับ ผมส่งข้อความไปขอความเห็นใจให้มันโอนเงินมา ก็ได้แต่เงียบ ไม่รับสาย ได้แต่ส่งข้อความมาเย้ยผมถ้ามีรูปรถ(ที่ไม่ติดทะเบียน) กับเบอร์โทรของมันที่ยังใช้งานอยู่ พอจะทำอะไรได้บ้างมั้ยครับ ขอบคุณครับ

ถึงคุณโจรใจบาปครับ คุณไม่รู้หรอกว่าคุณได้สร้างความยากลำบาก ให้ผมมากแค่ไหน จิตสำนึกของคุณคงไม่ต้องพูดถึงเพราะจากพฤติกรรม การพูดจา การหว่านล้อม แสดงให้เห็นว่าเป็นเป็นมืออาชีพมากเรื่องเวรกรรม ความละอาย ก็คงไม่มีอยู่ในสันดาน แต่ถ้าคุณยังพอจะมีความเห็นใจกันอยู่บ้างก็กลับใจเถอะนะครับ หากินแบบสุจริตดีกว่าจะเที่ยวฉกทรัพย์เค้าแบบนี้ ผมไม่รู้จะสรรหาคำอะไรมาด่าแล้ว เพราะคนไม่รู้ผิดชอบชั่วดีพูดไปก็ไม่สะทกสะท้านอะไรหรอกผมก็ได้แต่ภาวนาว่า ขอให้ตำรวจจับคุณได้เร็วๆ ไม่คดีใด ก็คดีหนึ่ง เพราะว่า ดูแล้วน่าจะไม่ใช่ผมคนเดียวที่โดนแบบนี้

ใครเคยโดนคนนี้โกง เรามารวมตัวกันนะครับ เอาหลักฐานที่ได้มารวมกันเผื่อจะจับมันได้ครับ ความสำนึกไม่มีเลยครับ ชมกระทู้ต้นฉบับ คลิกที่นี่ -http://pantip.com/topic/31642833-

ขอบคุณที่มา: เจ้าของกระทู้ คุณ Poisonous_1986 จากเว็บไซต์ Pantip

หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ กุมภาพันธ์ 27, 2014, 06:06:54 am
10 เคล็ดลับ ขึ้นรถตู้โดยสารให้ปลอดภัย

-http://car.kapook.com/view82683.html-


(http://img.kapook.com/u/narongsak/Car/M_info_448.png)



เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณข้อมูลจาก มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค, สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.)

          ปัจจุบันการเดินทางด้วยรถตู้โดยสารได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ด้วยความสะดวกรวดเร็วและมีจุดบริการตามจุดสำคัญ ๆ ในเมืองอย่างครอบคลุม อย่างไรก็ดี ขึ้นชื่อว่าโดยสารรถสาธารณะ ชีวิตและความปลอดภัยแทบทั้งหมดจะฝากไว้ที่ผู้ให้บริการอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แถมข่าวสารอุบัติเหตุเกี่ยวกับรถตู้ปรากฏเป็นระยะ ๆ

          ด้วยเหตุนี้ เราจึงนำ 10 เคล็ดลับ การเดินทางด้วยรถตู้โดยสารอย่างปลอดภัย จากสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) ที่จะช่วยลดความเสี่ยงอันตรายในการโดยสารรถตู้ได้เป็นอย่างดี

          ต้องเลือกใช้บริการรถตู้โดยสารป้ายเหลืองเท่านั้น เพราะเป็นการลงทะเบียนรถโดยสารที่ถูกต้องในกรมการขนส่งทางบก เมื่อเกิดเหตุก็สามารถตรวจเช็กได้ดีกว่า

          ไม่ใช้บริการรถตู้โดยสารบรรทุกผู้โดยสารเกินจำนวนที่นั่ง (ปกติอนุญาตให้รถตู้บรรทุกผู้โดยสารได้ 15 คนรวมคนขับแล้ว)

           ไม่ใช้บริการรถตู้โดยสารดัดแปลง เช่น เพิ่มจำนวนเบาะที่นั่ง หรือติดฟิล์มกรองแสงเข้มเกินไป

           ไม่ใช้บริการรถตู้ที่ไม่ระบุเส้นทางข้างรถ อาจเกิดอันตรายกับผู้โดยสารหรือขึ้นรถผิดทำให้เสียเวลา

           คาดเข็มขัดนิรภัยทันทีเมื่อขึ้นรถ เข็มขัดจะยึดตัวเราไว้กับเบาะหากรถหยุดกะทันหัน ช่วยลดความรุนแรงจากการบาดเจ็บเมื่อเกิดอุบัติเหตุ

           จำหมายเลขโทรศัพท์สายด่วนให้ขึ้นใจ เช่น สายด่วนผู้คุ้มครองผู้โดยสารสาธารณะของกรมการขนส่งทางบก 1584 ตำรวจทางหลวง 1193 สายด่วนตำรวจ 191 หรือเบอร์ของผู้ประกอบการรถตู้โดยสารที่ติดไว้ก็สามารถโทรแจ้งได้เช่นกัน นอกจากนี้ควรมีเบอร์สายด่วนฉุกเฉินเวลาเกิดอุบัติเหตุ เช่น สายด่วน 1669 สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ

           ขณะรถตู้โดยสารเติมเชื้อเพลิงต้องลงจากรถทุกครั้ง เพราะแรงดันก๊าซจะสูงที่สุดขณะเติม อาจระเบิดขึ้นได้

          ไม่ใช้บริการรถตู้โดยสารเมื่อต้องเดินทางเกิน 300 กิโลเมตร กรมการขนส่งทางบกอนุญาตให้รถตู้โดยสารให้บริการได้ในระยะทางไม่เกิน 300 กิโลเมตรเท่านั้น เพราะหากไกลกว่านั้นอาจทำให้พนักงานขับรถอ่อนเพลียจนเกิดอุบัติเหตุและยังเป็นการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการทำผิดกฎหมายด้วย

          ไม่ทนนั่งรถตู้โดยสารอันตราย เช่น ขับรถเร็วน่าหวาดเสียว คนขับหลับใน สภาพรถทรุดโทรม บริการไม่สุภาพ ควรเตือนหรือรีบแจ้งคนขับทันที หากไม่ได้รับการตอบสนองควรแจ้ง สายด่วนกรมการขนส่งทางบก 1584 เพื่อไม่ให้เป็นอันตรายต่อผู้อื่นต่อไป

           ไม่ขึ้นหรือลงรถตู้โดยสารนอกป้ายและจุดจอด เพราะจะก่อให้เกิดอันตรายจากรถที่แล่นมาเฉี่ยวชน หรืออันตรายจากมิจฉาชีพที่ซุ่มอยู่

          หากปฏิบัติได้ตามนี้รับรองว่าจะมีความปลอดภัยในการโดยสารรถตู้มากขึ้นแน่นอน อีกเรื่องที่อยากให้ระวังเพิ่มเติม คือการนอนหลับบนรถเพราะภัยรูปแบบใหม่ที่มิจฉาชีพแฝงตัวในคราบผู้โดยสาร อาจจะมีการกรีดกระเป๋าหรือ ฉกฉวยทรัพย์สินระหว่างที่คุณหลับ มีสติและไม่ประมาทคือเกราะกันภัยชั้นเยี่ยมในการดำเนินชีวิตครับ

หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ มีนาคม 07, 2014, 05:28:11 am
รถเมล์สาย 8 ก่อเรื่องอีก ตามเบียดเก๋งลอย ฉุนไม่ให้ทาง

-http://hilight.kapook.com/view/98911-

(http://www.tairomdham.net/index.php?action=dlattach;topic=8971.0;attach=2409;image)

(http://www.tairomdham.net/index.php?action=dlattach;topic=8971.0;attach=2408;image)




เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ทวิตเตอร์ @jirasak

            รถเมล์สาย 8 ก่อเรื่องอีกแล้ว ตามเบียดรถเก๋งลอยพื้น หลังรถเก๋งไม่ยอมให้ทาง ชาวเน็ตแชร์ภาพว่อน วิจารณ์สนั่น

            หากยังจำกันได้ ก่อนหน้านี้มีผลสำรวจเกี่ยวกับการให้บริการรถประจำทางระบุว่า รถประจำทางสาย 8 หรือ รถเมล์สาย 8 เป็นรถเมล์ที่ควรปรับปรุงมากที่สุด เนื่องจากขับรถเร็วและอันตราย ไม่จอดรถรับส่งผู้โดยสารตรงป้าย สภาพรถเก่า ฯลฯ จนทำให้ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ขึ้นรถเมล์สาย 8 สำรวจปัญหาที่ได้รับร้องเรียนมาด้วยตัวเอง ซึ่งทางรถเมล์สาย 8 ก็สัญญาว่าจะปรับปรุงการบริการให้ดีขึ้น

            อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ (6 มีนาคม 2557) กลับมีประเด็นของรถเมล์สาย 8 ให้ชาวเน็ตได้วิพากษ์วิจารณ์กันอีกแล้ว เมื่อผู้ใช้ทวิตเตอร์ @jirasak ได้โพสต์ภาพอุบัติเหตุรถเมล์สาย 8 สีขาว-น้ำเงิน หมายเลขหลังรถ 36-115 ที่อยู่ในช่องกลาง ขับไปเบียดรถยนต์ที่อยู่ในช่องขวาสุดจนรถยนต์ลอยขึ้นมาจากพื้นถนน พร้อมกับเขียนข้อความว่า

(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/fontip/etc4/Untitled-3_6.jpg)

"คนขับรถเมล์คันนี้ขับเลวมาก ขับเบียดกับรถเก๋งตรงแยก รถเก๋งไปได้สุดท้ายมันตามไปเบียดคืนลอยเลยต่อหน้าต่อตา สงสารป้าคนขับ คนขับรถเมล์น่าจะมีสอบ EQ ก่อนให้ออกมารับผิดชอบชีวิตผู้โดยสารเยอะ ๆ นะ"

            ทั้งนี้ ภาพดังกล่าวได้ถูกแชร์ต่อกันในโลกไซเบอร์อย่างรวดเร็ว พร้อมกับต่อว่าพฤติกรรมของคนขับรถเมล์สาย 8 ที่ยังไม่ปรับปรุง เป็นเหตุให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนซ้ำแล้วซ้ำเล่า นอกจากนี้ หลายคนยังเตือนให้ระมัดระวัง หากขับรถอยู่ใกล้ ๆ รถเมล์สาย 8 ให้รีบอยู่ให้ห่าง ๆ เข้าไว้




หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ มีนาคม 15, 2014, 08:07:47 am
เตือนภัยค่ะ! แท็กซี่ในตำนาน ทศ 856 พ้นคุกแล้ว!!

-http://webboard.auto.sanook.com/forum/?topic=3807031-


เพื่อนทีทำงานเจออีกแล้วค่ะ เมื่อวันพฤหัสที่ 5 มีนาคม 2557 ทีผ่านมานี้เอง  โบกรกแท็กซี่ตรงที่เดิม แถวโชว์รูมโตโยต้า ช้างสามเศียร สมุทรปราการ
ครั้งก่อนเรากับเพื่อนคนนี้ก็เจอตรงนี้เลยค่ะ แต่คราวนี้เพื่อนไปกับลูกชายวัย 4 ขวบ
แท็กซี่: ไปไหน
เพื่อน  :  ไปแถว รพ.เปาโลค่ะ
เพื่อนบอกแววตาคุ้นๆ น้ำเสียงคุ้นๆ เลยเหลือบมองไปป้ายชื่อคนขับ   แทบช็อค!!!!  นายธเนศ  บุญเสริมทรัพย์!!!!!
เพือนเลยบอกว่าลืมของ ให้จอดตรงข้างๆถนนเลย   กลัวสุดๆ

มันกลับมาขับแท็กซี่สีชมพูเหมือนเดิม  แต่เพื่อนบอกจำป้ายทะเบียนไม่ได้ เพราะตอนเย็นแถมกลัว  แต่ขึ้นต้นด้วย  ทศ...  เหมือนเดิมค่ะ
ทำไมเค้าถึงให้มาขับอีกนะ  ไม่เข้าใจ เพิ่งจับไปเดือน สิงหาคม 2556 นี่เอง ทั้งที่บุคคลนี้เป็นบุคคลอันตรายมีประวัติจิตเวชรักษาตัวอยู่ด้วย  ยังไงก็ระวังตัวกันด้วยนะคะ  ส่วนใครที่ไม่รู้จักประวัตินายคนนี้ดูจากกระทู้เก่าเรา และอีกหลายคนในพันทิป หรือหาในกูเกิ้ลได้ค่ะ ....

(http://webboard.auto.sanook.com/forum/?action=dlattach;topic=3807031.0;attach=1273260;image)

ที่มา: -http://pantip.com/topic/31751935-




(http://f.ptcdn.info/468/016/000/1394248402-31751935-o.jpg)

รวบ!!แท็กซี่กร่าง ทศ856 ทุบรถเพื่อนร่วมทาง (http://www.youtube.com/watch?v=SeyxNvcEJAw#)


-http://pantip.com/topic/31751935-




รวบ!!แท็กซี่กร่าง ทศ856 ทุบรถเพื่อนร่วมทาง (http://www.youtube.com/watch?v=SeyxNvcEJAw#)

-http://www.youtube.com/watch?v=SeyxNvcEJAw-

หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ มีนาคม 20, 2014, 09:40:38 pm
วัยรุ่นเมืองเชียงใหม่ ไล่ถีบรถ จยย. นักศึกษา มช. ล้มคว่ำ

-http://hilight.kapook.com/view/99593-

(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/pichaya/hot%20news/chm_1.jpg)



เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพปนะกอบจาก ข่าวสด

          วัยรุ่นเมืองเชียงใหม่ขับรถจักรยานยนต์ไล่ถีบรถจักรยานยนต์ 2 นักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ล้มคว่ำ ก่อนขับหลบหนีไป เจ้าหน้าที่ตำรวจคาด อาจเป็นแก๊งซามูไร หวังชิงทรัพย์

          เมื่อเวลา 00.10 น. ของวันนี้ (20 มีนาคม 2557) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ช้างเผือก จ.เชียงใหม่ ได้รับแจ้งว่ามีกลุ่มวัยรุ่นก่อเหตุถีบรถจักรยานยนต์ประชาชนล้มจนได้รับบาดเจ็บก่อนหลบหนีไป โดยเหตุเกิดที่บริเวณถนนซุปเปอร์ไฮเวย์ เชียงใหม่-ลำปาง ต.ป่าตัน อ.เมือง จ.เชียงใหม่ จึงรีบรุดไปยังที่เกิดเหตุ พบผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 คน คือ นางสาวพิชญานรี และนายอภิสิทธิ์ นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ถูกนำตัวส่งรับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลลานนา

          โดยนายอภิสิทธิ์ ให้การว่า ในขณะที่ตนกำลังขับขี่รถจักรยานยนต์โดยมีนางสาวพิชญานรี นั่งซ้อนมาด้านหลัง เพื่อไปหาซื้อของที่ตลาดคำเที่ยง จนถึงที่เกิดเหตุมีวัยรุ่น 2 คน ขับรถจักรยานยนต์ตามมาประกบข้าง ก่อนที่คนซ้อนท้ายจะใช้เท้าถีบเข้าที่นางสาวพิชญานรี หวังให้รถเสียหลักแต่รถยังไม่ล้ม คนร้ายจึงถีบซ้ำอีกครั้ง จนรถเสียหลักล้ม และได้ขับหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว โดยคนร้ายมีลักษณะคล้ายคนติดยา ผอมโซ ผมยาว อายุประมาณ 20 ปี

          เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจเช็คกล้องวงจรปิดในสถานที่โดยรอบ เพื่อหาเบาะแสและลักษณะของคนร้าย โดยสันนิษฐานว่า คนร้ายน่าจะเป็นกลุ่มวัยรุ่นที่ชอบออกป่วนเมือง ทำร้ายประชาชนทั่วไป หวังชิงทรัพย์ ซึ่งก่อนหน้านี้ เมื่อไม่กี่วัน แก๊งวัยรุ่นป่วนเมืองอย่างแก๊งซามูไร ก็ได้ออกทำร้ายประชาชนที่จอดรถจักรยานยนต์ติดไฟแดงอยู่ในท้องที่ สภ.เมืองเชียงใหม่ อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่จะทำการสืบสวนสอบสวนอย่างละเอียด เพื่อหาตัววัยรุ่นกลุ่มนี้มาดำเนินคดีต่อไป


อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
-http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNNU5USTROek14T0E9PQ==&subcatid=-

.


หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ มีนาคม 23, 2014, 07:42:17 am


สาวใหญ่ชาว จ.อ่างทองดวงกุด ถูกกระสุนปืนลูกหลงจากบ้านงานบวชที่อยู่ใกล้กัน หลังกลุ่มวัยรุ่นออกมายิงปืนฉลองในพิธีบายศรีสู่ขวัญนาค กระสุนเจาะเข้าปากทะลุลำคอดับสลด
วันเสาร์ 22 มีนาคม 2557 เวลา 23:04 น.

(http://www.dailynews.co.th/imagecache/670x490/cover/607272.jpeg)


เมื่อเวลา 17.30 น. วันที่ 22 มี.ค. ร.ต.ท.ชัยยะ นาคกลิ่นกุล พนักงานสอบสวน สภ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง รับแจ้งเหตุมีผู้ถูกยิงได้รับบาดเจ็บ ที่บ้านเลขที่ 3 หมู่ 11 ต.ม่วงเตี้ย อ.วิเศษชัยชาญ จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมฝ่ายสืบสวน ที่เกิดเหตุเป็นบ้านไม้ 2 ชั้นยกพื้นสูง โดยพบกองเลือดจำนวนมากอยู่ที่บริเวณใต้ถุนบ้าน ส่วนคนเจ็บทราบว่า คือ น.ส.หทัยรัตน์ จันทร์โพธิ์ อายุ 32 ปี ถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบขนาดเข้าที่แก้มด้านซ้ายทะลุลำคอ อาการสาหัส ญาติได้รีบนำตัวส่ง รพ.วิเศษชัยชาญ ก่อนส่งต่อไปที่ รพ.อ่างทอง แต่ น.ส.หทัยรัตน์ ทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตในเวลาต่อมา

สอบสวน นายเรวัต จันทร์โพธิ์ อายุ 27 ปี น้องชายผู้ตาย ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุตนและผู้ตายพร้อมด้วยลูกสาววัย 2 ขวบ กำลังนั่งเล่นกันอยู่บริเวณโต๊ะไม้ใต้ถุนบ้าน ขณะที่บ้านซึ่งอยู่ใกล้กันก็กำลังมีการทำขวัญนาคที่จะอุปสมบทในวันพรุ่งนี้ โดยระหว่างพิธีบายศรีทำขวัญนาค ได้มีกลุ่มวัยรุ่นประมาณ 4-5 คน เดินออกมาจากบ้านงาน แล้วยิงปืนจำนวนหลายนัดเพื่อฉลองให้นาคที่จะบวชใหม่อยู่ที่ริมคลองตรงข้ามกับบ้านของตน หลังสิ้นเสียงปืนปรากฏว่าผู้ตายที่กำลังอุ้มลูกของตนเล่นอยู่บนตัก กลับถูกกระสุนปืนลูกหลงจนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตดังกล่าว อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ได้พบปลอกกระสุนปืนนับ 10 ปลอกตกอยู่ตรงจุดที่ญาติของผู้ตายระบุว่ามีการยิงปืนกัน จึงนำไปตรวจสอบเพื่อหาเบาะแสของคนร้าย เพื่อนำตัวมาดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป.

หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ มีนาคม 23, 2014, 08:50:17 am
6 ข้อเตือนภัยเด็กๆ ระวังอันตรายจากคนแปลกหน้า

-http://campus.sanook.com/1370987/6-%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%A0%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%87%E0%B8%81%E0%B9%86-%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%81%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B2/-


6 ข้อรู้ไว้ระวังภัยคนแปลกหน้า (http://www.youtube.com/watch?v=MZlKOpZ61eI#ws)

-http://www.youtube.com/watch?v=MZlKOpZ61eI-

ช่วงนี้เด็กๆ กำลังปิดเทอมพ่อแม่ผู้ปกครอง อาจพาบุตรหลานไปท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ เพื่อความปลอดภัย วันนี้ เว็บไซต์วอยซ์ทีวี ขอแนะนำ 6 ข้อเตือนภัยเด็กๆ เพื่อระวังอันตรายจากคนแปลกหน้า เพื่อความปลอดภัยของตนเอง

เพจบ้านเด็กไทยจัดทำคลิปเตือนภัยให้เด็กระวังอันตรายจากคนแปลกหน้า โดยคลิปนี้มีความยาว 2.22 นาที ผลิตโดยอาจารย์ประจำคณะดิจิทัลอาร์ต มหาวิทยาลัยรังสิต คลิปนี้จัดทำขึ้นเป็นภาพการ์ตูนเคลื่อนไหวประกอบคำอธิบายเข้าใจง่าย แบ่งเป็น 6 ข้อ เด็กๆ ผู้ปกครองสามารถนำไปปฎิบัติใช้ได้ ดังนี้

1.ไม่รับของเล่นและขนมจากคนแปลกหน้า
2.ห้ามไปไหนกับคนไม่รู้จัก
3.ขออนุญาตพ่อแม่ทุกครั้งก่อนจะไปไหน
4.จูงมือกันไว้ปลอดภัยแน่นอน
5.อย่าไว้ใจใครง่ายๆ แม้จะเคยเห็นหน้าบ่อยๆ
6.อย่ากลัวที่จะร้องขอความช่วยเหลือ กล้าร้องขอความช่วยเหลือ

by Phennapha
หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ มีนาคม 23, 2014, 09:26:59 am
หนุ่มขับ จยย.ตกสะพานสร้างไม่เสร็จดับ ผู้รับเหมาชุ่ยไม่ติดป้ายบอก

-http://hilight.kapook.com/view/99672-

(http://javascript:WindowOpen('show_image.html?image=online/2014/03/13954058261395405874l.jpg','700','525');)

(http://www.khaosod.co.th/view_resizing_images.php?filename=online/2014/03/13954058261395405874l.jpg&width=260&height=260)

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ข่าวสด

          หนุ่มดวงแตก ขับมอเตอร์ไซค์ตกสะพานที่ยังสร้างไม่เสร็จ เสียชีวิตคาที่ หลังจากที่ไม่มีป้ายเตือน ตำรวจเตรียมเรียกผู้รับเหมาสอบ

          วันนี้ (22 มีนาคม 2557) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.หลักสอง ได้รับแจ้งเหตุรถจักรยานยนต์ตกสะพานข้ามคลองทวีวัฒนา ถ.พุทธมณฑลสาย 3 ขาออก ถ.บรมราชชนนี จึงเข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบว่า คนขับรถคันดังกล่าวได้ตกสะพานเสียชีวิตแล้ว ทราบชื่อคือ นายภาณุสรณ์ ราศรีเพ็ญงาม วัย 45 ปี ขณะที่รถจักรยานยนต์คันดังกล่าวเป็นรุ่นฮอนด้า เวฟ ป้ายทะเบียน นธม 458 กรุงเทพมหานคร อยู่ในสภาพพังยับเยิน

          ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจ สอบสวนได้ความว่า สะพานดังกล่าวก่อสร้างยังไม่เสร็จ แต่ไม่มีการนำป้ายมาตั้งเตือนหรือตั้งสิ่งกีดขวางเอาไว้ ประกอบกับบริเวณดังกล่าวไม่มีไฟส่องสว่าง ส่งผลให้ผู้ตายมองไม่เห็นขับรถตกสะพานในที่สุด ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่จะเรียกผู้รับเหมาก่อสร้างมาสอบปากคำและดำเนินคดีต่อ

       

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก-http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNNU5UUXdOVGd5Tmc9PQ==&subcatid=-

หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ มีนาคม 23, 2014, 07:49:51 pm
ผู้บริโภคแฉ ฟ้องร้องบริการสุขภาพมากสุด จวกกลไกคุ้มครองฯห่วย ซวยเจอ กม.เอาผิดซ้ำ
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์    23 มีนาคม 2557 15:59 น.

-http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9570000032773-

มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค เผยปี 56 ยอดผู้บริโภคร้องเรียนสูง 3,514 เรื่อง มากที่สุดคือบริการสุขภาพ ขณะที่กลไกการคุ้มครองผู้บริโภคสุดแย่ แก้ปัญหาไม่ได้จริง ทั้งล่าช้า แถมใช้ข้อกฎหมายเอาผิดผู้บริโภคซ้ำด้านสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย หนุนตั้งองค์การอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภคให้มีโดยเร็ว


(http://mpics.manager.co.th/pics/Images/557000003389201.JPEG)

        รศ.ดร. จิราพร ลิ้มปานานนท์ ประธานคณะกรรมการองค์การอิสระฯ กล่าวว่า ที่ผ่านมาเราใช้เวลาในการเสนอ พ.ร.บ.องค์การอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภคมานานถึง 16 ปีแล้ว แต่ก็ยังไม่สำเร็จ ปัจจุบันเรื่องนี้ยังค้างอยู่ที่สภา ดังนั้นในส่วนของเราจึงถึงเวลาที่ต้องร่วมแรงร่วมใจในการปฏิรูประบบคุ้มครองผู้บริโภคในประเทศ อย่างไรก็ตามส่วนตนเชื่อว่าเมื่อเรามีสภา พ.ร.บ.องค์กรอิสระ จะเกิดเสียที แต่จากการที่รอมานานจึงคิดว่าต้องทำปฏิบัติการให้เห็นถึงความจำเป็นของการมี พ.ร.บ.จึงจำลองคณะกรรมการภาคประชาชน แต่แตกต่างจาก พ.ร.บ.คือมี 2 ชุด 1.ผู้ได้รับการคัดเลือกเป็นผู้เชี่ยวชาญ ทั้ง 2 ชุดมาจากการเลือกตั้งโดยองค์กรผู้บริโภคทั่วประเทศ 7 ท่าน 7 ด้าน และ 2.ผู้เชี่ยวชาญเขต 8 เขต
       
        นางสาวสารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กล่าวว่า จากสถิติการร้องเรียนของผู้บริโภคซึ่งร้องเรียนเข้ามายังเครือข่ายมูลนิธิคุ้มครองผู้บริโภคเมื่อปี 2556 พบว่า มีสูงถึง 3,514 เรื่อง ในจำนวนนี้พบว่าปัญหาที่มีการร้องเรียนมาที่สุดคือเรื่องบริการสุขภาพ 1,263 เรื่อง กิจการโทรคมนาคม 749 เรื่อง การเงินการธนาคาร 391 เรื่อง ที่อยู่อาศัย 208 เรื่อง ผลิตภัณฑ์สุขภาพ 196 เรื่อง สินค้าและบริการ 191 เรื่อง และอื่น 229 เรื่อง แต่กลไกการคุ้มครองผู้บริโภคในปัจจุบันถือว่ามีปัญหามาก ไม่ว่าจะเป็นร้องเรียนแล้วไม่สามารถแก้ปัญหาได้จริง ล่าช้าในการดำเนินการแก้ไขปัญหา ล่าสุดเป็นกรณีที่บริษัท แมคโดนัลด์ ลงบันทึกประจำวันกับผู้บริโภคที่พบแมลงสาบในช็อกโกแลตซันเดย์ ซึ่งจาการตรวจสอบไม่พบว่ามีประเทศใดเคยทำอย่างนี้มาก่อน และยังพบว่านักวิชาการ และสื่อมวลชนก็เสี่ยงที่จะถูกฟ้องร้องดำเนินคดีเช่นเดียวกัน
       
        นอกจากนี้ยังมีปัญหาว่าเกิดเรื่องเดิมซ้ำแล้วซ้ำอีก การไม่เปิดเผยข้อมูล ข้อเท็จจริง การทดสอบสินค้าต่อผู้บริโภค การโฆษณาผิดกฎหมาย ไม่ขออนุญาตโฆษณา โฆษณาเกินจริง หลอกลวง เป็นเท็จ ข้อมูลทางเลือกในการบริโภค ไม่เปิดเผยข้อมูลที่จำเป็นในการตัดสินใจของผู้บริโภค ขาดการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด มีหลายหน่วยงานรับผิดชอบเรื่องเดียวกัน ฟ้องคดีนักวิชาการ สื่อที่ให้ข้อมูลต่อสาธารณะเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค ปัญหาการผูกขาดกิจการพลังงาน โครงสร้างราคาพลังงานที่ไม่เป็นธรรม คุณภาพบริการที่ต่ำกว่ามาตรฐาน เช่น ความล่าช้าของบริการการรถไฟ การไม่มีประกันผู้โดยสารของการรถไฟ ไม่มีการลงทุนและสนับสนุนผู้บริโภคในการใช้พลังงานหมุนเวียนอย่างเป็นรูปธรรม
       
        ดังนั้นเบื้องต้นจึงขอเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาด้วยการ 1.เร่งรัดการออกกฎหมายองค์การอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค ในการให้ความเห็นในการตราและการบังคับใช้กฎหมาย และให้ความเห็นในการกำหนดมาตรการต่างๆ เพื่อคุ้มครองผู้บริโภค รวมทั้งตรวจสอบการคุ้มครองผู้บริโภคของหน่วยงานรัฐ 2.พัฒนากลไกยกเลิกสินค้าอันตรายอัตโนมัติ เช่น ยาอันตราย สารเคมีอันตราย หรือสินค้าอันตรายที่พบว่าเป็นอันตรายต่อสุขภาพ มีนโยบายยกเลิกหนึ่งยกเลิกทั้งหมด 3.การเยียวยาเชิงลงโทษ ที่ทันท่วงทีและอัตโนมัติ เพื่อปรับปรุงคุณภาพสินค้าและบริการ เช่น การเยียวยา 7.3 ล้านบาทกรณีเสียชีวิตจากรถโดยสารสาธารณะ 4.มีหน่วยงานเดียวรับผิดชอบงานคุ้มครองผู้บริโภค ทำหน้าที่ให้ข้อมูล รับเรื่องร้องเรียน และคุ้มครองผู้บริโภค และเป็นอัตโนมัติ เป็นต้น 5.สนับสนุนองค์กรผู้บริโภค เพื่อให้มีส่วนร่วมในการคุ้มครองผู้บริโภค การเผยแพร่ข้อมูล การเข้าถึงห้องทดลอง การเข้าถึงกระบวนการยุติธรรม รวมทั้งตรวจสอบหน่วยงานรัฐในการคุ้มครองผู้บริโภคได้มากขึ้น ปัจจุบันเราให้ความสำคัญกับรัฐมาก ท่ามกลางความล้มเหลวของภาครัฐ ดังนั้นตรงนี้เห็นว่าภาคประชาชนและภาคเอกชนควรร่วมมือกันทำงาน เพราะฉะนั้นถ้าข้อเสนอที่เสนอไปนั้นไม่เป็นจริงก็จะไปคุยกับคนขับรถโดยสารให้รับผิดชอบผลิตรถที่มีมาตรฐานแข่งขันกัน อยากให้ผู้ให้บริการมีความรับผิดชอบบ้าง ไม่ใช่รับผิดชอบสังคมโดยการปลูกป่าอะไรแบบนั้น แต่ขอให้รับผิดชอบในสินค้า และบริการของตัวเอง
       
        นายไพโรจน์ พลเพชร กรรมการปฏิรูปกฎหมาย กล่าวว่า เห็นด้วยว่าจะต้องขับเคลื่อนให้ พ.ร.บ.องค์การอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภคเกิดขึ้นให้ได้ เพราะการเกิดองค์กรอิสระเพื่อผู้บริโภคจะนำไปสู่การปฏิรูปด้านอื่น เช่น การปฏิรูปโครงสร้างของกฎหมาย ซึ่งปัจจุบันโครงสร้างของกฎหมายยังเป็นแบบเดิมคือให้อำนาจกับภาครัฐมากกว่า ขณะที่กรอบขององค์การอิสระจะเน้นที่การสร้างการมีส่วนร่วมโดยเพิ่มองค์ประกอบของภาคส่วนต่างๆ เพราะฉะนั้นจึงเป็นเรื่องที่เราต้องยืนหยัดต่อสู้กันต่อไปแม้ว่าจะผ่านมา 16 ปี แล้วยังไม่สามารถเกิดขึ้นได้ก็ตาม
       
        คุณชูศักดิ์ ชื่นประโยชน์ กรรมการ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การขับเคลื่อนเรื่องการคุ้มครองผู้บริโภคจะต้องทำร่วมกันทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม จะละทิ้งฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ได้ แต่จะต้องพยายามดึงคนดีเข้ามาร่วมงาน นอกจากนี้ยังเห็นว่าจะต้องพัฒนาองค์ความรู้ให้กับประชาชน ทำให้เกิดความแข็งไม่ตกเป็นเหยื่อ ไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบ ทั้งนี้เห็นว่าทั้งหมดนี้ควรเริ่มดำเนินการได้เลยโดยไม่ต้องรอให้องค์การอิสระเพื่อการบริโภคเกิดขึ้น
       
        นางสาวอรอุมา เกษตรพืชผล สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส กล่าวว่า ในเรื่องของการไกล่เกลี่ยระหว่างผู้ประกอบการกับผู้บริโภคที่ยังเป็นปัญหาในปัจจุบันนั้นตนเห็นว่าการไกล่เกลี่ยจะได้ผลจริงๆ จะต้องทำบนพื้นฐานของความยุติธรรม ไม่ใช่ว่าไกล่เกลี่ยไปพอให้เรื่องจบๆ ไป ซึ่งหากทำเช่นนั้นเชื่อว่าปัญหาจะไม่จบ คนที่ได้รับผลกระทบก็จะได้รับผลกระทบซ้ำๆ เพราะฉะนั้นจึงเห็นด้วยว่าจำเป็นต้องมีองค์การอิสระเพื่อผู้บริโภคขึ้นมา นอกจากนี้ยังเห็นว่าควรตั้งหน่วยงานขึ้นมาแก้ไขปัญหาผู้บริโภคอย่างครอบคลุมทั้งระบบแบบจุดเดียวเบ็ดเสร็จ (One stop service)
       
        นายบัณฑิต ตั้งประเสริฐ รองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค กล่าวว่า โดยส่วนตัวแล้วตนเห็นด้วยกับการคุ้มครองผู้บริโภค และยืนดีสนับสนุนให้เกิด พ.ร.บ.องค์การอิสระ โดยให้ยึดหลักธรรมาธิบาล มีส่วนร่วม โปร่งใสในการทำงาน อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาการทำงานด้านการคุ้มครองผู้บริโภคของ สคบ.ถือว่าครอบคลุมทั่วประเทศ แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะดูแลเนื่องจากเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานมีน้อย เพียง 200 กว่าคนเท่านั้นแต่ต้องดูแลคนถึง 60 กว่านล้านคน ปรับบทบาทผู้บริโภคจากผู้รับสารเป็นผู้สื่อสารเช่นอาจจะสื่อสารผ่านโลกออนไลน์มากขึ้น แต่จะต้องใช้เทคโนโลยีการสื่อสารอย่างรู้เท่าทัน


หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ มีนาคม 24, 2014, 05:58:16 am
ตำรวจรวบฆาตกรโหด ฆ่าชิงทรัพย์สองสามีภรรยา เผาจนเกรียม

-http://hilight.kapook.com/view/99715-

(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/fontip/crime/13955472661395547543l.jpg)

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ข่าวสด

            ตำรวจรวบฆาตกรโหด ฆ่าสองสามีภรรยา เผาจนไหม้เกรียม เจ้าตัวสารภาพ เห็นผู้ตายมีเงิน จึงวางแผนฆ่าชิงทรัพย์

            จากกรณีที่สองสามีภรรยา คือนายประเจน วรรณประโพธิ์ วัย 61 ปี และนางวันดี วรรณประโพธิ์ วัย 65 ปี ชาวบ้าน ต.ทุ่งฝน อ.ทุ่งฝน จ.อุดรธานี ถูกสังหารและนำร่างไปเผาจนเกรียม ดำเป็นตอตะโก ที่ ต.บ้านยา อ.หนองหาน จ.อุดรธานี ตั้งแต่วันที่ 6 มีนาคม 2557 ที่ผ่านมา ซึ่งทางญาติก็ได้นำร่างทั้งสองคนที่ถูกไฟเผาไม่หมด ไปทำบุญอุทิศส่วนกุศลเรียบร้อยแล้ว แต่ทางเจ้าหน้าที่ยังไม่ทราบว่าผู้ลงมือคือใคร



            ล่าสุดวันนี้ (23 มีนาคม 2557) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.นาจอมเทียน จ.ชลบุรี ได้ควบคุมตัวนายวัลลภ แก้วเจริญ ผู้ต้องหาวัย 24 ปีได้แล้ว ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวคนร้ายได้ที่ร้านเกมใน อ.นาจอมเทียน ก่อนที่จะนำไปสอบสวนที่ สภ.หนองหาน โดยที่หลังเกิดเหตุสังหาร ทางผู้ต้องหาได้หลบหนีไปอยู่กับนายประจวบ บุญเพ็ง พ่อเลี้ยง

            ทั้งนี้ นายวัลลภ ให้การว่า ตนเป็นชาวทุ่งฝน แต่เกิดที่ จ.ชลบุรี มีภรรยาเป็นชาว จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งตนนั้นได้พักอาศัยห่างจากบ้านผู้ตายเพียง 3 หลัง ส่วนมูลเหตุในการสังหาร ตนอยากได้เงินและทรัพย์สินของผู้ตาย ด้วยเหตุนี้จึงได้วางแผนซื้อยานอนหลับชนิดรุนแรง คือ Dormicum ผ่านทางอินเทอร์เน็ต ก่อนที่จะเข้าไปหาผู้ตาย ทำเป็นหวังดีต่อผู้ตายทั้งสองว่า เป็นห่วงที่ทำงานหนัก ตนมียาจับเส้นจับเอ็น อยากลองกินหรือไม่ ซึ่งบุคคลทั้งสองก็ได้กินกันคนละเม็ด

(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/fontip/crime/13955472661395547556l.jpg)

            ผลปรากฎว่า นางวันดี หลับอยู่ด้านนอกบ้าน ตนจึงได้หิ้วปีกมาในบ้าน ส่วนนายประเจน ขอตัวเดินไปดูหม้อหุงข้าว และพบว่านอนหงายที่หน้าตู้เสื้อผ้า ต่อมาตนจึงได้ตัดสายเคเบิลรัดคอนางวันดีอย่างแน่น จำนวน 2 รอบ จนมั่นใจว่านางวันดีตายแล้ว แล้วก็ตัดสายพัดลมมารัดคอนายประเจนจนตาย พร้อมกับนำร่างทั้งสองคนขึ้นปิคอัพของผู้ตาย ไปเผาที่บ้านโนนตูม แล้วหลบหนีในที่สุด



อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
-http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNNU5UVTBOekkyTmc9PQ==&subcatid=-
หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ มีนาคม 30, 2014, 07:33:37 am
ศาลญี่ปุ่นปล่อยตัวนักโทษประหารติดคุกนาน 48 ปี หลังพบบริสุทธิ์จริง

-http://hilight.kapook.com/view/99996-

(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/natthida/capture/Iwao1.jpg)

(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/natthida/capture/Iwao2.jpg)




เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก คุณ ViralNewsVideos สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม

        ศาลญี่ปุ่นปล่อยตัว อิวาโอะ ฮากามาดะ นักโทษประหารที่ถูกจำคุกยาวนานที่สุดในโลกแล้ว หลังผลตรวจดีเอ็นเอยืนยันว่านักโทษบริสุทธิ์จริง หลังติดคุกฟรี 48 ปี

        วันที่ 27 มีนาคม 2557 สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น มีรายงานว่า ศาลญี่ปุ่นได้มีคำสั่งปล่อยตัว นายอิวาโอะ ฮากามาดะ วัย 78 ปี นักโทษประหารที่ถูกจำคุกยาวนานที่สุดในโลก ตามการบันทึกขององค์การนิรโทษกรรมสากล หลังพิสูจน์ได้ว่านาอิวาโอะเป็นผู้บริสุทธิ์จริงในคดีฆาตกรรมซึ่งทำให้เขาต้องใช้ชีวิตอยู่ในเรือนจำมานานร่วม 48 ปี
   
        โดยตามรายงานระบุว่า นายอิวาโอ อดีตนักมวยอาชีพ ถูกตัดสินโทษประหารในปี 1966 ด้วยความผิดฐานฆาตกรรมนายจ้างและครอบครัว รวม 4 ศพ โดยเขาได้รับสารภาพว่าเป็นผู้ลงมือจริงหลังถูกตำรวจไต่สวนนาน 20 วัน ก่อนจะขอถอนคำสารภาพระหว่างพิจารณาคดีโดยบอกว่า เขารับสารภาพเพราะถูกตำรวจบังคับข่มขู่ และจากนั้นนายอิวาโอะยังคงพยายามยื่นอุทธรณ์ต่อศาล เพื่อขอให้มีการพิจารณาคดีใหม่ แต่ก็ไม่เป็นผลสำเร็จ

        จนกระทั่ง 48 ปีผ่านมา ในที่สุดศาลก็ได้หยิบคดีของเขาขึ้นมาไต่สวนใหม่อีกครั้ง ก่อนจะพบกับหลักฐานชิ้นสำคัญที่ชี้ให้เห็นว่า นายอิวาโอะเป็นผู้บริสุทธิ์ในคดีนี้จริง เนื่องจากผลการตรวจดีเอ็นเอคราบเลือดที่ติดอยู่บนเสื้อผ้าของเหยื่อนั้นไม่ตรงกับดีเอ็นเอของเขา ศาลจึงมีคำสั่งระงับโทษประหารและปล่อยตัวเขาเป็นอิสระ ท่ามกลางความยินดีของผู้สนับสนุนและญาติ

        ด้านองค์การนิรโทษกรรมสากลได้โจมตีเหตุการณ์นี้ว่า ญี่ปุ่นยังคงมีการบังคับให้ผู้ต้องหารับสารภาพทั้งที่ไม่ได้กระทำความเป็นจริงอย่างกว้างขวาง และเหตุการณ์นี้ทำให้นายอิวาโอะต้องทนทุกข์จากการทรมานทางกายและจิตใจ จากการถูกตัดสินโทษอย่างไม่เป็นธรรม และสุขภาพจิตเสื่อมโทรมจากการถูกแยกขังเดี่ยวนานกว่าสิบปี ทั้งนี้ นายอิวาโอะนับเป็นนักโทษประหารรายที่ 6 เท่านั้นที่ได้รับการไต่สวนคดีใหม่ในญี่ปุ่น

Iwao Hakamada, World's Longest Serving Death-Row Inmate Is Released From A Tokyo Prison, Japan (http://www.youtube.com/watch?v=0aJlmgWTOck#ws)

คลิป Iwao Hakamada, World's Longest Serving Death-Row Inmate Is Released From A Tokyo Prison, Japan โพสต์โดยคุณ ViralNewsVideos สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม


.
หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ มีนาคม 30, 2014, 05:42:35 pm
คลิปเตือนภัยแก๊งขโมยล้อรถยนต์ ไม่ถึง 2 นาที ล้อหายวับ 1 ข้าง

-http://hilight.kapook.com/view/100033-

(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/natthida/facebook/fb10.jpg)



เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก YouLike (คลิปเด็ด)

          ชาวเน็ตแห่แชร์คลิปเตือนภัย โจรขโมยล้อ..ทำกันเป็นขบวนการ เป็นภาพแก๊งคนร้าย 2 คน ใช้เวลาก่อเหตุประมาณ 2 นาทีเท่านั้น ก่อนหลบหนีหายไร้ร่องรอย พร้อมล้อรถยนต์ 1 ข้าง

          วันนี้ (30 มีนาคม 2557) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ชาวโชเซียลเน็ตเวิร์กได้มีการแชร์คลิปวิดีโอชื่อ "เตือนภัย! โจรขโมยล้อ..ทำกันเป็นขบวนการ" ซึ่งเผยแพร่ผ่านเฟซบุ๊ก YouLike (คลิปเด็ด) โดยคลิปเตือนภัยดังกล่าว ปรากฏภาพของ 2 คนร้าย ที่ขับรถยนต์ ทะเบียน ณจ 9247 กทม. มาจอดขวางรถเป้าหมายที่จอดอยู่บริเวณหน้าวัดแห่งหนึ่ง ซึ่งขณะก่อเหตุนั้น หนึ่งในคนร้ายได้ทำทีเป็นโทรศัพท์เพื่อคอยดูต้นทาง ขณะที่คนร้ายอีกคนก็ลงมือลักล้อรถของเป้าหมายไป 1 ข้าง ภายในเวลาไม่ถึง 2 นาที ก่อนจะขับรถหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว

          อย่างไรก็ดี ชาวเน็ตที่ได้รับชมคลิปเตือนภัยดังกล่าวต่างตั้งคำถามพร้อมตำหนิผู้บันทึกคลิปวีดีโอ ว่า เหตุใดผู้บันทึกคลิปวีดีโอ จึงไม่ยอมแจ้งความทั้ง ๆ ที่รู้ว่าคนร้ายกำลังก่อเหตุขโมยล้อรถ หรือผู้บันทึกคลิปวิดีโอรู้ได้อย่างไรว่า จะมีการก่อเหตุขโมยล้อรถ แต่ที่แน่ ๆ งานนี้ ผู้บันทึกคลิปวีดีโอดังกล่าว อาจมีผวา ! กันแน่ ๆ เพราะมีชาวเน็ตอวยพรขอให้ผู้บันทึกคลิปวีดีโอถูกขโมยล้อรถยนต์แบบในคลิปวีดิโอบ้าง




http://www.youtube.com/watch?v=5jn-gUrTeCA#t=85 (http://www.youtube.com/watch?v=5jn-gUrTeCA#t=85)

-http://www.youtube.com/watch?v=5jn-gUrTeCA#t=85-
คลิป โจรขโมยล้อ ระวังกันด้วยนะครับ โพสต์โดยคุณ auau eiei สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม





หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ เมษายน 04, 2014, 05:52:08 am
ตม.หนองคายรวบแก๊งค์โจรกรรมรถข้ามชาติ
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์    4 เมษายน 2557 04:50 น.

-http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9570000037901-


(http://mpics.manager.co.th/pics/Images/557000003929201.JPEG)

ตรวจคนเข้าเมืองหนองคาย สนธิกำลัง ศุลกากร และ สภ.เมืองหนองคาย รวบชายหญิงพร้อมรถยนต์กระบะวีโก้ พบปลอมแปลงเลขตัวถังรถ สวมทะเบียนปลอม ขณะกำลังจะนำข้ามไปลาว

(http://mpics.manager.co.th/pics/Images/557000003929202.JPEG)

ตม.หนองคายรวบแก๊งค์โจรกรรมรถข้ามชาติ
ผุู้ต้องหา สารภาพทำมาแล้วไม่ต่ำกว่า 30 คัน ระบุรถวีโก้ 4 ประตูยอดฮิต



หนองคาย-ตรวจคนเข้าเมืองหนองคาย สนธิกำลัง ศุลกากร และ สภ.เมืองหนองคาย รวบชายหญิงพร้อมรถยนต์กระบะวีโก้ พบปลอมแปลงเลขตัวถังรถ สวมทะเบียนปลอม ขณะกำลังจะนำข้ามไปลาว สารภาพทำมาแล้วไม่ต่ำกว่า 30 คัน ระบุรถวีโก้ 4 ประตูยอดฮิต
       
       เมื่อเวลา 20.30 น. วันนี้( 3 เม.ย.) ที่กองกำกับการตรวจคนเข้าเมืองหนองคาย พล.ต.ต.ชาติชาย เอี่ยมแสง ผบก.ตม.4, พล.ต.ต.ชัยญัติ สายถิ่น ผบก.ภ.จ.หนองคาย, พ.ต.อ.ชัชชัย วงค์สุนะ รองผบก.ภ.จ.หนองคาย, พ.ต.อ.พัลลภ สุริยกุล ณ อยุธยา ผกก.ตม.หนองคาย, พ.ต.ท.ณัฐวัฒน์ วงศ์สนิทธีรา รองผกก.(สส.)สภ.เมืองหนองคาย, นายอัสนี เรืองบุญ นายด่านศุลกากรหนองคาย พร้อมเจ้าหน้าที่จำนวนหนึ่งได้ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุม นางจรรยา เกตุประเสริฐ อายุ 53 ปี อยู่บ้านเลขที่ 27 ซอยรังสิต-ปทุมธานี 14 ต.ประชาธิปไตย อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี และนายโพธิ์กฤษณะ คูวัธนไพศาล อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 51/169 หมู่ 1 ต.ท่าตำหนัก อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม
       
       พร้อมยึดของกลางรถยนต์กระบะโตโยต้า วีโก้ 4 ประตู สีบรอนด์ ทะเบียน ชอ 4861 กรุงเทพมหานคร และโตโยต้าวีโก้ 4 ประตู สีบรอนด์ ทะเบียน ญฬ 8641 กรุงเทพมหานคร ในข้อหาปลอมและใช้เอกสารสิทธิอันเป็นเอกสารปลอม, พยายามลักลอบนำรถยนต์ที่ได้มาโดยผิดกฎหมายออกนอกราชอาณาจักร, แจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงานซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย และช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย รับจำนำหรือรับไว้โดยประการใดซึ่งทรัพย์อันได้มาโดยการกระทำความผิด
       
       ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ ศปร.นครบาล ได้แจ้งเฝ้าระวังกลุ่มขบวนการลักลอบนำรถสวมทะเบียนออกนอกประเทศจนกระทั่งเวลาประมาณ 18.00 น. วันเดียวกัน ขณะที่เจ้าหน้าที่ประจำด่านสะพานมิตรภาพไทย - ลาว แห่งที่ 1 จ.หนองคาย ปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ นางจรรยา และนายโพธิ์กฤษณะ ได้ขับรถกระบะมาคนละคัน แล้วยื่นเอกสารขอนำรถข้ามไปยังประเทศลาว
       
       เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบว่าเป็นเล่มทะเบียนรถของจริงแต่มีการดัดแปลงนำมาใส่รถยนต์กระบะที่ได้มาโดยผิดกฎหมาย มีการปลอมเลขแชสซีและเลขเครื่องยนต์ให้ตรงกับเลขในเอกสารทะเบียนรถ จึงคุมตัวไว้ และตรวจสอบหนังสือเดินทางพบว่านายโพธิ์กฤษณะมีการเดินทางเข้าออกไปลาว 190 ครั้ง
       
       ส่วนนางจรรยา 210 ครั้ง อีกทั้งรถยนต์กระบะทะเบียน ชอ 4861 กรุงเทพฯ นั้น เป็นรถของบริษัทโตโยต้าชัวร์นนทบุรี
       
       จากการสอบสวนทั้งสองคนให้การรับสารภาพ โดยนายโพธิ์กฤษณะ ให้การว่า รถยนต์กระบะที่จะนำข้ามไปลาวนี้ มีคนเตรียมการไว้ให้ที่กรุงเทพฯ ตนทั้งสองมีหน้าที่ขับรถนำไปส่งลูกค้าที่ประเทศลาว เมื่อไปถึงลาวจะมีคนมารับรถไปจากนั้นตนก็จะนั่งเครื่องบินจากเวียงจันทน์กลับกรุงเทพ ไปรับค่าจ้างคันละ 10,000 -40,000 บาท
       
       จากนั้นเมื่อมีรถอีกก็จะนำมาส่งอีก ทำเช่นนี้มาแล้วประมาณ 30 คัน ส่วนนางจรรยา ให้การว่าเพิ่งนำรถข้ามไป 8 คัน การที่เดินทางเข้าออกบ่อยเพราะตนมีร้านขายอะไหล่รถที่เวียงจันทน์ ซึ่งล้วนเป็นรถยนต์โตโยต้า รุ่นวีโก้ 4 ประตู ซึ่งเป็นที่ต้องการของตลาด ขายง่ายและได้ราคาสูง หากเป็นราคาในไทย รถมือสองประมาณ 350,000 บาท แต่หากนำไปขายที่ลาวจะได้คันละ 700,000 บาท
       
       พ.ต.อ.พัลลภ สุริยกุล ณ อยุธยา ผกก.ตม.หนองคาย กล่าวว่า ขบวนการนี้น่าเชื่อว่าเป็นขบวนการใหญ่ ทั้งสองคนมีการเดินทางโดยผ่านด่านหนองคายบ่อยครั้ง รวมทั้งผ่านด่านนครพนมและด่านมุกดาหารเป็นบางครั้ง พฤติการณ์ของกลุ่มนี้จะหารถที่มีสีและลักษณะใกล้เคียงกับรถที่มีเอกสารทะเบียนถูกต้อง นำมาดัดแปลงเลขแชสซีและเลขเครื่อง
       
       แล้วสวมทะเบียนปลอม ทำเรื่องขอออกนอกประเทศ เวลายื่นเอกสารกับเจ้าหน้าที่ก็มักจะเป็นช่วงที่มีประชาชนเดินทางเข้าออกมากเป็นพิเศษ หวังอาศัยช่วงคนมากคิดว่าเจ้าหน้าที่จะไม่ตรวจสอบละเอียด
       
       ขณะที่ พล.ต.ต.ชัยญัติ สายถิ่น ผบก.ภ.จ.หนองคาย กล่าวว่า ต้องตรวจสอบว่ารถของกลางนี้ได้มาด้วยวิธีการโจรกรรมมาหรือไม่ โดยให้เจ้าหน้าที่ประสานงานตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง.
หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ เมษายน 06, 2014, 09:23:48 pm
จวกยับ! หนุ่มกร่างคุยมือถือในโรงหนัง ต่อยคนเตือน

-http://news.sanook.com/1554232/%E0%B8%88%E0%B8%A7%E0%B8%81%E0%B8%A2%E0%B8%B1%E0%B8%9A-%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B8%A2%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%96%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%87-%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%99/-

(http://pe2.isanook.com/ns/0/ud/310/1554232/6.jpg)


นำเสนอข่าวโดยทีมงาน Sanook.com

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (6 เม.ย.) ในโลกออนไลน์ได้มีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงเรื่องราวจากกระทู้เว็บไซต์พันทิปได้มีผู้เข้ามาตั้งกระทู้ในชื่อว่า อุทาหรณ์ความรุนแรงในโรงหนัง เมื่อมีคนเตือนคนคุยมือถือแล้วโดนต่อย รปภ.ห้างดังรวบส่งตำรวจทันควัน! โดยคุณ meenna โดยมีข้อความว่า

"เหตุนี้มาจากคำบอกเล่าของผู้อยู่ในเหตุการณ์ ขณะลูกสาวเราเดินอยู่ในห้างดังย่านลาดพร้าว จู่ๆ ก็มีชายหนุ่มตะโกนเสียงดังว่า "ใครก็ได้ช่วยจับผู้ชายเสื้อเขียวทีครับ เค้าต่อยผม"

คนในห้างที่ยืนอยู่บริเวณนั้น (ลูกสาวเราก็กำลังเดินลงบันไดเลื่อนพอดี) ต่างหันไปหาชายเสื้อเขียว ที่กำลังลงบันไดเลื่อนไปชั้นล่าง ลูกสาวเห็นว่ามี รปภ.หรือการ์ดในชุดสีส้มของห้างวิ่งไล่ตามชายหนุ่มเสื้อเขียวคนนี้กันจ้าละหวั่น ชายเสื้อเขียวมากับแฟนสาว ทั้งสองพากันวิ่งหนี....เหตุหลังจากนี้ ลูกสาวบอกว่าเธอไม่ได้ตามดูต่อ แต่รีบกลับบ้านมาเล่าให้แม่ฟัง

ปรากฎว่า เมื่อถึงบ้าน เพื่อนที่ไปเดินห้างนี้และเห็นเหตุการณ์ข้างต้นด้วยกันกับลูกสาวเรา โทรมาบอกว่า ที่แท้ชายเสื้อเขียวคนนั้นก็คือเพื่อนในเฟซของนางนั่นเอง

เพราะชายเสื้อเขียวโพสต์รูปอัพเตตัสในเฟซบุค เป็นภาพและข้อความดังที่เห็นในภาพนี้แหละ แล้วก็เล่าให้เพื่อนๆ ถึงที่มาของภาพบนโรงพักว่า เค้าไปดูหนังกับแฟน แล้วคุยโทรศัพท์ในโรงหนัง ฝ่ายชายคนที่ตะโกนกลางห้าง ก็มากับแฟนสาวเหมือนกัน นางเลยสะกิดให้แฟนหนุ่มช่วยไปเตือนตาเสื้อเขียว (ผู้ไร้มารยาททางสังคมคนนี้) หน่อย ฝ่ายชายก็เลยลุกไปเตือนว่า ถ้าจะคุยโทรศัพท์ออกไปข้างนอกดีมั้ยครับ?

ตาเสื้อเขียวผู้ไร้มารยาทแถมเลือดร้อน เลยของขึ้นลุกมาต่อยชายหนุ่มที่เตือน พอต่อยเค้าเสร็จก็หนีออกจากโรง คนถูกต่อยเค้าก็ตามสิครับทั่นผู้โช้มมมม.....แล้วที่สุดก็เลยถูกการ์ดของห้างรวบมาโรงพัก แต่นายเสื้อเขียวดูท่าไม่สำนึกแถมภูมิใจมาก ประมาณว่าเสียค่าปรับแค่ 500 เอ๊งงง (คดีทำร้ายร่างกาย) เอามาเม้าท์กับเพื่อนในเฟซเหมือนไม่รู้สักนิด ไม่สำเหนียกด้วยซ้ำว่า สิ่งที่ตนเองทำลงไปทั้งการคุยโทรศัพท์ในโรงหนัง มันแย่แค่ไหน มันคือความไร้มารยาทเพียงใด...ไม่งั้นเค้าจะรณรงค์หรือมีสปอตเตือนก่อนหนังฉายไปทำแป๊ะอะไร....เคยตั้งใจดูบ้างหรือเปล่า นี่ยังสงสัย ไอ้ความไร้มารยาทที่ควรต้องเตือนกันและฟังกัน มันยังไม่สำเหนียกไม่พอ! นี่ยังทำร้ายร่างกายคนที่เค้ามาเตือนอีก .....คนแบบนี้ถ้าหลุดไปอยู่ในวงการไหน ไปทำงานร่วมกับใครคงนำความวายป่วงไปที่นั่นแน่ๆ ลงได้ทำผิด/ชอบใช้ความรุนแรงแบบโง่ๆ แถมไร้สำนึกในการกระทำแย่ๆ ของตัวเองก็อยู่ยากแล้วล่ะ

สมองส่วนที่ใช้ตริตรอง กับสำนึกรู้ผิดชอบขั่วดี มีมากน้อยแค่ไหน อ่านข้อความที่เค้าโพสต์ก็คงได้คำตอบ

ลูกสาวเราฟังเพื่อนของชายเสื้อเขียวเล่า นางก็ขึ้นเลย บอกแม่ๆ แบบนี้มันไม่ถูกต้องเลยนะ ดูที่เค้าโพสต์สิ ไม่สำนึกสักนิดเดียว แล้วคอยดูว่า คนแบบนี้จะเป็นไง

เมื่อคิดว่าสิ่งที่ตัวทำมันไม่ผิด มันเรื่องเล็กน้อย เค้าก็คงย่ามใจทำได้อีก ทำแล้วก็บอกว่าเสียค่าปรับแค่นี้ ต่อยสอนมันซะหน่อย....นี่ยังมีภูมิใจอีกนะว่า ไม่ต่อยผู้หญิงก็ดีเท่าไหร่แล้ว---เหลือเกินจริงๆ ตกลงนี่เราต้องทนกับคนที่ชอบคุยโทรศัพท์หรือไร้มารยาทในโรงหนังหรือไงกัน!?!"

ทั้งนี้ นอกจากแสดงความไม่พอใจกับการกระทำของชายเสื้อเขียวแล้ว หลังจากกระทู้ดังกล่าวถูกแชร์ออกไปทั่วโลกออนไลน์ ชาวเน็ตก็มีการเข้าไปสืบค้นข้อมูลในเฟซบุ๊กของชายเสื้อเขียวคนดังกล่าวพบว่าเคยเป็นศิษย์เก่าโรงเรียนชื่อดัง ซึ่งเพิ่งตกเป็นข่าวดัง และมีพ่อเป็นตำรวจ พี่เป็นทนายอีกด้วย
หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ เมษายน 12, 2014, 07:48:21 pm
จับแล้ว จยย.รับจ้าง โขกค่าโดยสาร จตุจักร-หมอชิต คิด 580 บาท

-http://hilight.kapook.com/view/100661-

(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/patcharin/ETC/motor.jpg)


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก ศูนย์ควบคุมและสั่งการจราจร - บก.02

          ตำรวจรวบ 2 คนขับมอเตอร์ไซค์รับจ้างหน้าเลือด หลังผู้โดยสารร้องเรียน ฟันค่าโดยสารแพงเว่อร์ จาก BTS จตุจักร มาหมอชิต 2 คิด 580 บาท

          จากกรณีที่ในช่วงที่ผ่านมา มีประชาชนร้องเรียนเข้ามายังเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรเป็นจำนวนมากว่า ถูกวินรถจักรยานยนต์รับจ้างบริเวณสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส จตุจักร พูดจาไม่ดีในเชิงข่มขู่ผู้ที่ไม่ใช้บริการ และยังมีการเรียกเก็บค่าโดยสารแพงเกินจริงด้วยนั้น

          ล่าสุด เมื่อเวลา 23.00 น. ของวันที่ 11 เมษายน 2557 ศูนย์ควบคุมและสั่งการจราจร-บก.02 ได้โพสต์ภาพและข้อความลงใน เฟซบุ๊ก ศูนย์ควบคุมและสั่งการจราจร - บก.02 ระบุว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรได้จับกุม นายชัยวัฒน์ สำเนียงดี อายุ 25 ปี และนายสราวุฒิ มโนรัตนพลกุล อายุ 28 ปี ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างที่เรียกเก็บค่าโดยสารเกินจริงได้แล้ว หลังจากได้รับการร้องเรียนเข้ามาว่า ถูกเรียกเก็บค่าโดยสาร 580 บาท จากการโดยสารจากรถไฟฟ้าบีทีเอส จตุจักร ไปลงที่สถานีขนส่งหมอชิต 2 ซึ่งจะส่งตัวผู้ต้องหาให้ สน.บางซื่อ ดำเนินคดีต่อไป

          "ตามที่ร้องเรียนกันมาเยอะมาก ค่ำนี้ ตำรวจจราจรตรวจเหนือ 1, ตรวจเหนือ 13 พร้อมกำลัง จับกุม รถจยย. รับจ้าง ทำการเรียกเก็บค่าโดยสารเกินความเป็นจริง จาก BTS จตุจักร มาส่งที่ขนส่งหมอชิต 2 โดยเรียกเก็บถึง 580 บาท จับกุมผู้ต้องหา 2 คนนำส่ง สน.บางซื่อ ดำเนินคดี ครับ"


หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ เมษายน 13, 2014, 07:36:46 am


คลิปเตือนภัยแก๊ง "โอเชี่ยน ซิกซ์" ขบวนการลักทรัพย์ขั้นเทพ


-http://www.dailynews.co.th/Content/crime/229866/%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%9B%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%A0%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B9%8A%E0%B8%87+_%E0%B9%82%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%99+%E0%B8%8B%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%8B%E0%B9%8C_+%E0%B8%82%E0%B8%9A%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9E%E0%B8%A2%E0%B9%8C%E0%B8%82%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%9E-


วงจรปิดบันทึกชัด สุดยอดขบวนการลักทรัพย์ขั้นเทพ ชาวเน็ตอึ้งยกให้เป็นการโจรกรรม "โอเชี่ยน ซิกซ์" เลียนแบบหนังดังฮอลลีวู้ดส์ หลังรายงานระบุ ขบวนการลักษณะนี้มีมากขึ้น ออกอาละวาดตามห้าง

วันเสาร์ 12 เมษายน 2557 เวลา 15:05 น.


(http://www.dailynews.co.th/imagecache/670x490/cover/635080.jpeg)

สุดยอดขบวนการโจรกรรม (http://www.youtube.com/watch?v=zd19aqtcyGs#ws)
-http://www.youtube.com/watch?v=zd19aqtcyGs-

เมื่อวันที่ 12 เม.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรดาคอโซเชียลเน็ตเวิร์กถึงกับอึ้งกิมกี่ ผสมปนเปไปกับความมึนงง หลังจากได้ดูคลิปจากกล้องวงจรปิดของห้างดังแห่งหนึ่ง ที่สามารถจับบันทึกภาพเหตุการณ์สุดยอดแห่งการขโมย ซึ่งเป็นกลุ่มคนชายหญิงร่วมกันลักทรัพย์เหยื่อที่ประมาทได้อย่างแนบเนียนภายในห้างสรรพสินค้าชื่อดังแห่งหนึ่ง เมื่อประมาณ 9 เดือนที่ผ่านมา โดยผู้แสดงความคิดเห็นต่างคาดเดากันไปต่างๆนานาว่าแก๊งดังกล่าวมีคนร้ายกี่คน บ้างก็ว่า 4 คน บ้างก็ว่า 5 คน แต่ผู้ที่นำมาโพสต์เตือนเฉลยมาแล้วว่า ขบวนการนี้มีคนร้ายรวมทั้งหมด 6 คน แบ่งกันทำหน้าที่แต่ละจุดอย่างมืออาชีพ คล้ายคลึงกับภาพยนต์ออลลีวู้ดส์เรื่อง "โอเชี่ยน อีเลฟเว่น" อันโด่งดัง ซึ่งที่นำมาแชร์อีกครั้ง เพื่อหวังเตือนภัยใกล้ตัว เนื่องจากมีรายงานว่าขบวนการลักษณะนี้มีเพิ่มมากขึ้นและกระจายกันอาละวาดตามห้างดังหลายแห่ง.

หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ เมษายน 15, 2014, 07:53:04 am
เบอร์สายด่วน สำหรับแจ้งเหตุฉุกเฉิน

-http://hilight.kapook.com/view/84563-

(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/fontip/etc3/info-hotline04.jpg)



เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

            สถานการณ์ฉุกเฉิน หรือเหตุด่วน เหตุร้าย มักเกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว ดังนั้น เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับกรณีฉุกเฉิน ทีมงานกระปุกดอทคอม จึงรวบรวมเบอร์สายด่วนของหน่วยงานต่าง ๆ  มาฝากกัน ส่วนจะมีเบอร์อะไรบ้างนั้น ถ้าพร้อมแล้วไปดูกันเลยจ้า


สายด่วนสำหรับแจ้งเหตุด่วนเหตุร้าย

            แจ้งเหตุด่วน-เหตุร้ายทุกชนิด โทร. 191
            แจ้งอัคคีภัย สัตว์เข้าบ้าน โทร. 199
            ศูนย์ความปลอดภัย กรมทางหลวงชนบท โทร. 1146
            สายด่วนตำรวจท่องเที่ยว โทร. 1155
            ศูนย์ปราบปรามการโจรกรรมรถยนต์ รถจักรยานยนต์ โทร. 1192
            กองปราบปราม โทร. 1195
            อุบัติเหตุทางน้ำ กองบัญชาการตำรวจ โทร. 1196
            ศูนย์ปลอดภัยทางน้ำ โทร. 1199
            กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร  โทร. 1374
            ศูนย์สนับสนุนการปฏิบัติการฉุกเฉินสารเคมี โทร. 1650
            กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย โทร. 1784


สายด่วนแจ้งเหตุฉุกเฉิน/กู้ชีพ/กู้ภัย

            ศูนย์ประชาบดี โทร. 1300
            ศูนย์ปลอดภัยคมนาคม โทร. 1356
            หน่วยแพทย์กู้ชีวิต วชิรพยาบาล โทร. 1554
            หน่วยแพทย์กู้ชีพกรุงเทพมหานคร โทร. 1555
            ศูนย์เอราวัณ สำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร โทร. 1646
            ศูนย์สนับสนุนการปฏิบัติการฉุกเฉินสารเคมี โทร. 1650
            สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ โทร. 1669
            ศูนย์ส่งกลับและรถพยาบาล โรงพยาบาลตำรวจ โทร. 1691
            ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ โทร. 1860


สายด่วนบริการทางการแพทย์

            สายด่วนยาเสพติด กรมการแพทย์ โทร. 1165
            สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ โทร. 1330
            ศูนย์พิษวิทยา โรงพยาบาลรามาธิบดี โทร. 1367
            สายด่วนองค์การอาหารและยา โทร. 1556
            สำนักงานอาสากาชาด สภากาชาดไทย โทร. 1665
            สายด่วนศูนย์รับบริจาคอวัยวะ สภากาชาดไทย โทร. 1666
            สายด่วนกรมสุขภาพจิต โทร. 1323
            สายด่วนมะเร็ง สถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ โทร. 1668


สายด่วนสำหรับแจ้งเหตุเกี่ยวกับสาธารณูปโภค

            การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค โทร. 1129
            การไฟฟ้านครหลวง โทร. 1130
            การประปานครหลวง โทร. 1125
            การประปาส่วนภูมิภาค โทร. 1662
            ชลประทานบริการประชาชน โทร. 1460


สายด่วนติดต่อหน่วยงานราชการ

            ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ โทร. 192
            ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล โทร. 1111
            สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา โทร. 1102
            กรมศุลกากร โทร. 1164
            สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค โทร. 1166
            สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง โทร. 1171
            ศูนย์บริการข่าวอากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา โทร. 1182
            สายด่วนประกันภัย โทร. 1186
            สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ โทร. 1330
            กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช โทร. 1362
            สายด่วนศาลปกครอง โทร. 1355
            สถาบันพัฒนาข้าราชการพลเรือน โทร. 1361
            กรมการค้าต่างประเทศ โทร. 1385
            กรมชลประทาน โทร. 1460
            สำนักงานประกันสังคม โทร. 1506
            กรมการปกครอง สำนักทะเบียนราษฎร์ โทร. 1548
            ศูนย์ดำรงธรรม กระทรวงมหาดไทย โทร. 1567
            กระทรวงศึกษาธิการ โทร. 1579
            กระทรวงพลังงาน โทร. 1649
            การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย โทร. 1672
            ผู้ตรวจการแผ่นดินรัฐสภา โทร. 1676
            กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กระทรวงแรงงาน โทร. 1694
            กระทรวงการคลัง โทร. 1689
            กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กรมการจัดหางาน โทร. 1695
            กรมสรรพสามิต โทร. 1713
            กระทรวงวัฒนธรรม โทร. 1765
            กรมพัฒนาธุรกิจการค้า โทร. 1767


สายด่วนติดต่อธนาคาร/สถาบันการเงิน

            สอบถามข้อมูลอายัดบัตร ATM - บัตรเครดิต โทร. 1188
            ธนาคารออมสิน โทร. 1115
            ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย โทร. 1357
            ธนาคารกรุงเทพ โทร. 1333
            ธนาคารกรุงไทย โทร. 1551
            ธนาคารกรุงศรีอยุธยา โทร. 1572
            ธนาคารทหารไทย โทร. 1558
            ธนาคารซิตี้แบงก์ โทร. 1588
            ธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด (ไทย) โทร. 1595
            ธนาคารธนชาต โทร. 1770
            ธนาคารไทยธนาคาร โทร. 0-2626-7777
            ธนาคารไทยพาณิชย์ โทร. 0-2777-7777
            ธนาคารอาคารสงเคราะห์ โทร. 0-2645-9000
            ธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน) โทร. 0-2285-1555
            ธนาคารนครหลวงไทย โทร. 0-2828-8000


สายด่วนสอบถามข้อมูลการขนส่ง

            ตำรวจทางหลวง โทร. 1193
            ศูนย์ควบคุมและสั่งการจราจร โทร. 1197
            กรมเจ้าท่า โทร. 1199
            องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) โทร. 1384
            บริษัท ขนส่ง จำกัด โทร. 1490
            ศูนย์ควบคุมระบบการจราจรบนทางด่วน โทร. 1543
            การทางพิเศษแห่งประเทศไทย โทร. 1543
            กรมการขนส่งทางบก โทร. 1584
            ศูนย์บริการประชาชนสายด่วนกรมทางหลวง โทร. 1586
            การรถไฟแห่งประเทศไทย โทร. 1690
            บริษัท โอเรียนท์ ไทย แอร์ไลน์ จำกัด โทร. 1126
            บริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด โทร. 1318
            บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) โทร. 1566
            บริษัท บางกอก แอร์เวย์ จำกัด โทร. 1771
            สหกรณ์แท็กซี่สยาม  โทร. 1661
            TAXI-RADIO โทร. 1681
            บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด โทร. 0-2131-5700 ต่อ 1301
            ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โทร. 0-2132-9950
            การท่าเรือแห่งประเทศไทย โทร. 0-2269-319, 0-2269-3199
            กรมการบินพลเรือน โทร. 0-2286-0506, 0-2286-0594
            การรถไฟแห่งประเทศไทย โทร. 0-2537-9198
            การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย โทร. 0-2938-3666
            บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด โทร. 08-1821-3424

 
สายด่วนสำหรับแจ้งเหตุหรือสอบถามบริการโทรคมนาคม

            TOT โทร. 1100
            Hutch โทร. 1128
            AIS โทร. 1175
            TRUE โทร. 1331
            DTAC โทร. 1678


สายด่วนบริการค้นหาเบอร์โทรศัพท์

            บริการสอบถามข้อมูลโทรศัพท์ โทร. 1113
            บริการค้นหาเบอร์โทรศัพท์  TOT โทร. 1133
            บริการค้นหาเบอร์โทรศัพท์สมุดหน้าเหลือง  โทร. 1188

 
สายด่วนสำหรับแจ้งเหตุหรือสอบถามเรื่องอื่น ๆ

            สอบถามเวลามาตรฐานประเทศไทย โทร. 181
            บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด โทร. 1545
            สถานีวิทยุ จส.100 โทร. 1137
            สถานีวิทยุ สวพ.91 โทร. 1644
            สถานีวิทยุร่วมด้วยช่วยกัน โทร. 1677
            สมาคมเสริมสร้างครอบครัว โทร. 1761
            ศูนย์พิทักษ์เด็ก เยาวชนและสตรี โทร. 1192
            ศูนย์รับแจ้งการเงินนอกระบบ โทร. 1359
            สายด่วนเมาไม่ขับ โทร. 1717

            สำหรับเบอร์สายด่วนเหล่านี้เป็นเบอร์โทรศัพท์ที่ควรพกติดตัวไว้เสมอ เพราะทันทีที่เราต้องการขอความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน จะได้สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องได้อย่างทันท่วงที อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่ต้องเดินทางในช่วงเทศกาล ควรใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษเพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของทุกท่าน และจำไว้เสมอว่า เมาไม่ขับ นะจ๊ะ


อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
-http://www.komchadluek.net/detail/20111012/111633/%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%82%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%94%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%97%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%A1%E0%B8%97%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2.html#.UWYLu8p1qBZ-
-http://www.fire2fight.com/viewpage.php?page_id=7-
หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ เมษายน 19, 2014, 06:28:56 am
เถื่อน!! กลุ่มตุ๊ดกระหาย ลาก ผู้ชายรุมโทรมเละ


-http://news.sanook.com/1556436/%E0%B9%80%E0%B8%96%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%99-%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%95%E0%B8%B8%E0%B9%8A%E0%B8%94%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A2-%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%81-%E0%B8%9C%E0%B8%8A.%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B8%A1%E0%B9%82%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%B0/-


เถื่อน!! กลุ่มตุ๊ดกระหาย ลาก ผช.รุมโทรมก่อนลากเข้าห้อง (http://www.youtube.com/watch?v=j5yL-ghoQgY#ws)

-http://www.youtube.com/watch?v=j5yL-ghoQgY-
เถื่อน!! กลุ่มตุ๊ดกระหาย ลาก ผช.รุมโทรมก่อนลากเข้าห้อง

ชาวเน็ตวิจารณ์ยับ "คลิปกะเทยรุมโทรมผู้ชายกลางถนน" ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ทำเกินกว่าเหตุ แสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสม ทำให้ภาพลักษณ์ชาวสีม่วงดูแย่ลง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กำลังเป็นกระแสวิจารณ์ในโลกโซเชียลอีกครั้งเมื่อเฟซบุ๊กชื่อ "บีทาเก้น นมเปรี้ยว" ได้มีการเผยแพร่คลิปวีดิโอ "กะเทยรุมโทรมผู้ชายกลางถนน" ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยมีกลุ่มชายชาวสีม่วงจำนวนมากต่างรุมกันจับตัวชายคนหนึ่ง ก่อนจะเข้าไปกอด จูบ ลูบ คลำ ส่วนต่างๆของร่างกายโดยที่ไม่สามารถขัดขืนได้ ซึ่งภาพเหตุการณ์ดังกล่าวก็เป็นที่ต่อว่าต่อขานกัน เพราะทำให้บรรยากาศการเล่นสงกรานต์นับวันจะยิ่งดูรุนแรงไป

ทั้งนี้ คนส่วนใหญ่ก็แสดงความคิดเห็นไปในทางลบ บางคนแสดงความเป็นห่วงกับชาวสีม่วง ว่าจะมีคนมองในด้านไม่ดีมากขึ้น


http://news.sanook.com/1556436/%E0%B9%80%E0%B8%96%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%99-%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%95%E0%B8%B8%E0%B9%8A%E0%B8%94%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A2-%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%81-%E0%B8%9C%E0%B8%8A.%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B8%A1%E0%B9%82%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%B0/ (http://news.sanook.com/1556436/%E0%B9%80%E0%B8%96%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%99-%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%95%E0%B8%B8%E0%B9%8A%E0%B8%94%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A2-%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%81-%E0%B8%9C%E0%B8%8A.%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B8%A1%E0%B9%82%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%B0/)
หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ พฤษภาคม 11, 2014, 03:47:00 pm
.
(http://www.dailynews.co.th/imagecache/670x490/cover/670870.jpeg)


ลักษณะของฉลากสินค้าที่ควบคุมฉลาก ต้องมีข้อความที่ตรงต่อความเป็นจริง ไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดเกี่ยวกับสาระสำคัญของสินค้านั้น ระบุชื่อหรือเครื่องหมายการค้าของผู้ประกอบธุรกิจ

วันเสาร์ 10 พฤษภาคม 2557 เวลา 00:00 น.

-http://www.dailynews.co.th/Content/economic/236204/%E0%B8%89%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%84%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%AD%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%A3%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87++-+%E0%B9%84%E0%B8%82%E0%B8%9B%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B9%82%E0%B8%A0%E0%B8%84-



ฉลากสินค้ามีความสำคัญเป็นอย่างมาก ผู้บริโภคควรให้ความสำคัญและใส่ใจอ่านรายละเอียดก่อน ซื้อเพื่อรักษาสิทธิของตัวท่านเอง การอ่านฉลากสินค้าจะช่วยให้ทราบถึงรายละเอียดของผลิตภัณฑ์ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของส่วนประกอบ ปริมาณ สามารถเปรียบเทียบราคาระหว่างผลิตภัณฑ์ชนิดเดียวกันแต่ต่างยี่ห้อก็สามารถช่วยให้ประหยัดเงินในกระเป๋าได้ไม่น้อย นอกจากนี้รายละเอียดของฉลากยังบอกให้ทราบถึงวิธีการเก็บรักษา การใช้งานได้อย่างถูกต้อง หากผู้บริโภคมีความเสี่ยงที่จะแพ้ส่วนผสมในผลิตภัณฑ์นั้น ๆ ก็จะสามารถทราบได้จากการอ่านฉลากและหลีกเลี่ยงการบริโภคผลิตภัณฑ์ดังกล่าวเสีย  แต่หากเกิดปัญหาในการบริโภคผลิตภัณฑ์ ก็สามารถร้องเรียนให้มีการดำเนินการต่อผู้ผลิต ผู้แทนจำหน่าย ได้ตามชื่อและที่อยู่ที่ปรากฏในฉลากด้วย และเพื่อเป็นการควบคุมให้ผู้ประกอบการ จัดทำฉลากได้อย่างถูกต้อง  สคบ. จึงได้ออกประกาศเรื่องลักษณะของฉลากสินค้าที่ควบคุมฉลาก พ.ศ. 2541 ซึ่งสินค้าที่ควบคุมฉลากก็ได้แก่ สินค้าที่ผลิตเพื่อขายโดยโรงงานตามกฎหมายว่าด้วยโรงงานและสินค้าที่สั่งหรือนำเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อขาย

ลักษณะของฉลากสินค้าที่ควบคุมฉลาก  ต้องมีข้อความที่ตรงต่อความเป็นจริง ไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดเกี่ยวกับสาระสำคัญของสินค้านั้น  ระบุชื่อหรือเครื่องหมายการค้าของผู้ประกอบธุรกิจ สถานที่ผลิต หรือสถานที่ประกอบธุรกิจนำเข้าประเภทสินค้า ประเทศที่ผลิตกรณีนำเข้า ข้อความอันจำเป็น ได้แก่ ราคา ปริมาณ วิธีใช้ ข้อแนะนำ คำเตือน วันเดือนปีหมดอายุ หรือกรณีอื่นตามหลักเกณฑ์เงื่อนไขที่คณะกรรมการว่าด้วยฉลากกำหนด ต้องเป็นภาษาไทยหรือภาษาไทยกำกับภาษาต่างประเทศสามารถเห็นและอ่านได้ชัดเจน

ลักษณะของฉลากที่ควบคุมต้องระบุข้อความดังนี้  ชื่อประเภทหรือชนิดของสินค้า กรณีสั่ง/นำเข้าให้ระบุประเทศที่ผลิต ชื่อหรือเครื่องหมายการค้าที่จดทะเบียนในประเทศ ไทยของผู้ผลิตเพื่อขาย ชื่อหรือเครื่องหมาย การค้าที่จดทะเบียนในประเทศไทยของผู้สั่งหรือนำเข้ามาเพื่อขาย สถานที่ตั้งที่สามารถติดต่อได้จริง  ขนาด มิติ ปริมาณ ปริมาตร น้ำหนัก วิธีใช้ ข้อแนะนำในการใช้หรือห้ามใช้ คำเตือน (ถ้ามี) วันเดือนปีที่ผลิต หรือ หมดอายุ หรือที่ควรใช้ก่อน ราคาพร้อมระบุหน่วยบาท โดยการแสดงฉลากสินค้าต้องแสดงไว้ที่ตัวสินค้า  ภาชนะบรรจุหรือหีบห่อ สอดแทรกหรือรวมไว้กับสินค้า เอกสารหรือคู่มือ ป้ายที่ติดตั้งหรือแสดงไว้ที่สินค้าหรือภาชนะบรรจุ และหากผู้ประกอบการขายสินค้าที่ควบคุมฉลากแต่ไม่มีฉลากหรือมีฉลากแต่การแสดงฉลากไม่ถูกต้อง มีโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ.
หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ พฤษภาคม 11, 2014, 06:32:11 pm
เตือนภัย!ยัดตะกั่วใส่หัวกุ้งโกงน้ำหนัก กินอาจตาย

-http://webboard.money.sanook.com/forum/index.php?topic=3818772.new#-


"เรื่องจริง ที่มันมีอยู่ ระวังกันนะครับ"
เดินชมตลาด เจอพี่คนนึงถือเครื่องสแกน ตกใจนึกว่าอยู่สนามบิน
มีเสียง ตี๊ด ติ๊ด ออกมาในช่วงแกว่งสแกนบนหัวกุ้ง ไม่รอช้า ปรี่เข้าไปดูทันที แล้วก็พบ ภาพอย่างที่เห็น
พวกนี้ ทรยศ ต่อวิชาชีพ ของตัวเอง คิดแต่จะกอบโกย ไม่คำนึงถึง
ความถูกต้อง และ อันตราย ที่จะเกิดแก่ผู้บริโภค ตะกั่วฝังอยู่ในหัวกุ้ง ที่มีมันกุ้ง หากเป็นเด็กเผลอทานเข้าไป ตะกั่วฝังอยู่ในท้อง
มันอันตรายมากๆครับ เรื่องสารตะกั่วที่อาจปนเปื้อน ผมคงไม่พูดถึง เพราะมันไกลไป เอาเรื่องใกล้ๆตัวดีกว่า ผมนึกถึงภาพ คนธรรมดา ที่ไปซื้อกุ้งมาให้คนที่รัก เช่น พ่อ แม่ ปู่ ย่า ทาน
หลังจากเผา หรือต้มยำเสร็จ ส่วนที่ตักก่อนคือ มันกุ้ง
ถ้าเอาช้อนตักลงไป แล้วไม่ทันเคี้ยว เผลอกลืน
หรือ อาจจะเข้าปากไปแล้ว ตกใจว่ามีอะไรติดมา ไม่ทันได้คาย กลับกลืนลงท้อง อะไรจะเกิดขึ้น กับผู้สูงวัย เหล่านั้น
ไม่ต้องตกใจนะครับ ที่ผมเอารูปมาให้ดู เพราะถ้าจะซื้อกุ้งชนิดนี้ ก็ควรเลือกร้านที่ไว้ใจ มีเครื่องสแกน หรือ เลือกบริโภค กุ้งที่มีชีวิตว่ายน้ำ ซึ่งมีทั้งก้ามกรามและแม่น้ำที่ตกได้
กุ้งที่มีตะกั่ว เคยไปข่าวมาแล้วช่วงนึง เงียบไปสกพัก กลับมาอีกแล้วคงต้องเป็นหน้าที่ ของนายหน้า ผู้ค้ากุ้ง ที่นำเข้ามาจากพม่า จัดการแบบจริงจังอย่าปล่อยให้มันมีข่าว พาดหน้าหนึ่ง แล้วถึงคิดแก้ไข เลยครับ ขอร้องถ้าคิดว่าเป็นประโยชน์ ก็ช่วยแชร์หน่อยครับ ผู้บริโภคอย่างเราๆ คงต้องระวังมากขึ้นจากเดิม

https://www.facebook.com/VoiceOfHealthy (https://www.facebook.com/VoiceOfHealthy)


(http://webboard.money.sanook.com/forum/?action=dlattach;topic=3818772.0;attach=1279173;image)

.


หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ พฤษภาคม 17, 2014, 09:05:14 am
ร้อง ป.ตรวจสอบสำนักอาจารย์พรตหลอกทำเสน่ห์
โดย ทีมข่าวอาชญากรรม    16 พฤษภาคม 2557 16:39 น.

-http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9570000054460-



(http://mpics.manager.co.th/pics/Images/557000005631401.JPEG)

(http://mpics.manager.co.th/pics/Images/557000005631402.JPEG)


ประธานเครือข่ายต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ร้องกองปราบฯ ตรวจสอบสำนักอาจารย์พรต ย่านรามคำแหง หลอกผู้หญิงทำเสน่ห์
       
       วันนี้ (16 พ.ค.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 14.00 น. นายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ประธานเครือข่ายต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล รอง ผบก.ป. เพื่อให้ดำเนินการตรวจสอบสำนักทำไสยศาสตร์มหาเสน่ห์ของอาจารย์พรต หลังได้รับการร้องเรียนจากผู้เสียหายผู้หญิงกว่า 20 รายว่าได้เข้าทำพิธีและได้ซื้อเครื่องรางไปใช้แล้วแต่ไม่ได้ผล โดยนายสงกานต์ได้นำภาพถ่ายของ อาจารย์พรตขณะกำลังทำพิธีเสริมเสน่ห์ให้แก่หญิงสาวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติมามอบไว้เป็นหลักฐาน
       
       นายสงกานต์กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ได้รับข้อมูลว่าอาจารย์พรตเป็นหมอทำพิธีทางไสยศาสตร์มหาเสน่ห์ โดยมีการจำหน่ายเครื่องรางของขลังต่างๆ ในหน้าเฟซบุ๊ก ชื่อ “ศูนย์พระเครื่อง พรปู่เจ้า” เช่น รูปปั้นแม่ (อี)เป๋อ ไอ้งั่ง น้ำมันพราย กระดูกผีตายโหง เป็นต้น ซึ่งราคาจำหน่ายอยู่ที่ 5,000-40,000 บาท ส่วนค่าทำพิธีมหาเสน่ห์นั้น ราคาตั้งแต่ 10,000 บาทขึ้นไป ต่อมาเมื่อวันที่ 3 พ.ค.ที่ผ่านมาตนได้รับข้อมูลจากสำนักข่าวต่างประเทศ เช่น ประเทศจีน ประเทศสิงคโปร์ ว่าอาจารย์พรตได้ไปตั้งสำนักและรับทำพิธีดังกล่าวในต่างประเทศ พร้อมทั้งได้ส่งภาพขณะที่กำลังทำพิธีมาให้เป็นข้อมูล เนื่องจากในการทำพิธีนั้นมีการนำเครื่องรางที่เรียกกันว่าไอ้งั่งมาวางบนหน้าอกและอวัยวะเพศหญิง เพื่อทำพิธี ถือว่าเป็นการทำอนาจาร
       
       นายสงกานต์กล่าวต่อว่า สำนักของอาจารย์พรตมีทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยในประเทศไทยนั้นเปิดอยู่ย่านรามคำแหง อีกทั้งยังมีร้านที่ขายเครื่องรางตั้งอยู่ในห้างดังย่านลาดพร้าวอีกด้วย ทั้งนี้ตนได้รับแจ้งจากผู้เสียหายประมาณ 20 คน ทั้งหมดเป็นผู้หญิงที่ได้เข้าทำพิธีและได้ซื้อเครื่องรางไปใช้แล้วแต่ไม่ได้ผล แสดงให้เห็นว่าอาจารย์พรตมีการหลอกลวงผู้ซื้อ อย่างไรก็ดี ทางผู้เสียหายจะเข้ามาให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวนเพื่อเป็นข้อมูลในการดำเนินคดีต่ออาจารย์พรตในวันข้างหน้านี้
       
       ด้าน พ.ต.อ.ประสพโชค กล่าวว่า หลังจากนนี้จะนำหลักฐานที่ได้มาส่งไปให้พนักงานสอบสวนตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง เบื้องต้นหากตรวจสอบแล้วพบว่าเข้าข่ายกระทำผิดจริงก็จะดำเนินคดีในข้อหาหลอกลวงประชาชน ส่วนหากมีข้อมูลหลักฐานเพิ่มเติมก็จะเพิ่มข้อหาต่อไป


หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ พฤษภาคม 22, 2014, 06:08:36 am
รวบอีก 1 ! แก๊งปล้นตู้เอทีเอ็มพัทยา พบเงินสดนับล้าน

-http://hilight.kapook.com/view/102426-

(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/pree/ee/b_27.jpg)


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก  ข่าวสด

          ตำรวจรวบแก๊งปล้นเงินตู้เอทีเอ็มไทยพาณิชย์ที่พัทยาได้อีก 1 ราย พร้อมเงินสดร่วม 1 ล้านบาท เร่งหาคนร้ายอีก 2 คนที่เหลือต่อ

          จากกรณีที่มีคนร้าย 4 คนใช้แก๊สเป่าตัดตู้เอทีเอ็มของธนาคารไทยพาณิชย์ บริเวณหน้าบริษัท เอส.คอน. คอนกรีต ริมถนนสุขุมวิทขาเข้า อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ก่อนขโมยเงินสดไปได้ 2 ล้านบาท เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2557 ที่ผ่านมา ก่อนที่จะสามารถจับกุมตัว นายอาทิตย์ แสงประเสริฐ หัวหน้าแก๊งวัย 32 ปีได้ ขณะที่ผู้ต้องหาคนอื่นก็ยังหลบหนีต่อไป

          ล่าสุดวันนี้ (21 พฤษภาคม 2557) เวลา 00.10 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ชลบุรี ได้นำกำลังบุกค้นห้องพักเลขที่ 405 ชั้น 4 ในตึกแถว 2 คูหา บริเวณพัทยาใต้ เพื่อจำกุมตัวนายทนงศักดิ์ บุญเกตุ วัย 24 ปี ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมได้เป็นผลสำเร็จ พร้อมทั้งยึดเงินสดได้จำนวน 1,150,000 บาท โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจคาดว่า เงินจำนวนนี้น่าจะมาจากตู้เอทีเอ็มดังกล่าว และหลังจากนี้ก็จะเร่งหาคนร้าย 2 คนที่เหลือต่อไป


อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก-http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRRd01EWXpPVFk1TlE9PQ==&subcatid=-

.


หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ มิถุนายน 01, 2014, 08:56:39 am
คลิปชัดๆ ตร.จราจรโบกจับ-รับเงินปล่อย !

-http://auto.sanook.com/6792/%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%9B%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B9%86-%E0%B8%95%E0%B8%A3.%E0%B8%88%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%88%E0%B8%A3%E0%B9%82%E0%B8%9A%E0%B8%81%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%9A-%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B9%80%E0%B8%87%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%A2/-


(http://p3.isanook.com/au/0/ud/1/6792/police.jpg)

ขณะนี้ในโลกออนไลน์มีการแชร์คลิปตำรวจ เรียกผู้ขับขี่รถยนต์ และจักรยานยนต์ ที่ทำผิดกฎจราจรเพื่อเขียนใบสั่ง แต่ตร.ไม่ได้เขียนใบสั่งและรับเงินจากผู้ขับขี่ก่อนปล่อยไป


 เพจ The Irrawaddy (Burmese Version) ได้โพสต์คลิปความยาว 4:03 นาที เป็นคลิปเหตุการณ์ตำรวจนายหนึ่ง เรียกผู้ขับขี่รถยนต์ และจักรยานยนต์ ที่ทำผิดกฎจราจรเพื่อเขียนใบสั่ง แต่ตร.ไม่ได้เขียนใบสั่งและรับเงินจากผู้ขับขี่ก่อนปล่อยไป โดยตำรวจนายนี้สวมหมวกหมายเลข 6636 สน.บางนา ภายในระยะเวลา 4 นาทีมีการเรียนรถยนต์ 1 คัน รถแท็กซี่ 1 คัน และรถจักรยานยนต์ 2 คัน

คลิปตำรวจรับเงินเห็นจะๆชัดๆ ปรับปรุงสำนักงานตำรวจแห่งชาติด่วน (http://www.youtube.com/watch?v=jAY2W9hS7Z0#)
-http://www.youtube.com/watch?v=jAY2W9hS7Z0-


(http://auto.sanook.com/gallery/gallery/6792/59592/)

(http://auto.sanook.com/gallery/gallery/6792/59591/)

(http://auto.sanook.com/gallery/gallery/6792/59590/)

(http://auto.sanook.com/gallery/gallery/6792/59589/)

(http://auto.sanook.com/gallery/gallery/6792/59588/)

 (ขอบคุณเนื้อหาจาก VoiceTV และคลิปจากเฟซบุ๊ค IrrawaddyBurmese)


(http://p4.isanook.com/au/0/ui/1/6792/unnamed_qq_screenshot20140531050552_1401487873__thumb.jpg)

(http://p4.isanook.com/au/0/ui/1/6792/unnamed_qq_screenshot20140531050339_1401487872__thumb.jpg)

(http://p4.isanook.com/au/0/ui/1/6792/unnamed_qq_screenshot20140531050313_1401487872__thumb.jpg)

(http://p4.isanook.com/au/0/ui/1/6792/unnamed_qq_screenshot20140531050223_1401487871__thumb.jpg)

(http://p4.isanook.com/au/0/ui/1/6792/unnamed_qq_screenshot20140531050118_1401487871__thumb.jpg)


http://auto.sanook.com/6792/%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%9B%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B9%86-%E0%B8%95%E0%B8%A3.%E0%B8%88%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%88%E0%B8%A3%E0%B9%82%E0%B8%9A%E0%B8%81%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%9A-%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B9%80%E0%B8%87%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%A2/ (http://auto.sanook.com/6792/%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%9B%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B9%86-%E0%B8%95%E0%B8%A3.%E0%B8%88%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%88%E0%B8%A3%E0%B9%82%E0%B8%9A%E0%B8%81%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%9A-%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B9%80%E0%B8%87%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%A2/)


หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ มิถุนายน 07, 2014, 10:31:59 am
เก๋งเฉี่ยวรถเซลล์สาวนิสสัน เสียหลักพุ่งชนสนั่นทะลุบ้านพังทั้งหลัง
-http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRRd01qQXlOakU1TUE9PQ==&subcatid=-


 เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 6 มิ.ย. ผู้สื่อข่าว ข่าวสด รายงานว่า ร.ต.ท.ประมาณ ยวนยี ร้อยเวรสอบสวน สภ.ปากคลองรังสิต ได้รับแจ้งเหตุมีรถเก๋งพุ่งชนบ้านเรือนประชาชนริมถนนโลคัลโรด ม.5 ต.หลักหก อ.เมือง จ.ปทุมธานี จึงไปที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่มูลนิธิปอเต็กตึ้ง

 ที่เกิดเหตุพบรถเก๋ง ยี่ห้อ นิสสัน หมายเลขทะเบียน ฆท 4497 กทม. ชนบ้านเลขที่ 121/8 ม.5 ต.หลักหก อ.เมือง จ.ปทุมธานี ได้รับความเสียหายเกือบทั้งหลัง นอกจากนี้ยังมีรถเก๋ง ยี่ห้อ นิสสัน หมายเลขทะเบียน ภท 6331 กทม. ได้รับความเสียหายอีก 1 คัน ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บ เจ้าหน้าอาสามูลนิธิปอเต็กตึ้ง นำส่ง ร.พ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติไปก่อนแล้ว

 จากการสอบถาม น.ส.จุฬาภรณ์ เรืองอ่อน อายุ 34 ปี ซึ่งเป็นพนักงานขายรถนิสสัน ได้บอกว่า ตนขับรถจะไปส่งหลานย่านดอนเมือง และขับอยู่ช่องเลนซ้าย เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุได้มีรถเก๋งทะเบียน ฆท 4497 กทม. ซึ่งขับโดยคุณมล ไม่ทราบนามสกุล เสียหลักมาชนรถตนเองทางด้านข้าง จึงทำให้ตนบังคับรถไม่อยู่ ไปชนกับแท่งแบร์ริเออร์ที่อยู่ข้างทางและเสียหลักมาชนบ้านเรือนประชาชนที่ปลูกอยู่ข้างทางได้รับความเสียหายดังกล่าว

 ส่วนนางพวงทิพย์ เล็กกุล อายุ 46 ปี เจ้าของบ้าน บอกว่า ขณะนั้นตนเองอยู่หลังบ้านกับหลานอีก 2 คน ได้ยินเสียงดังสนั่น จึงออกมาดู พบว่ามีรถพุ่งมาชนบ้านตนเองแล้ว โชคดีที่คนในบ้านไม่ได้รับบาดเจ็บ ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ให้คู่กรณีทั้งหมดไปให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน ที่สภ.ปากคลองรังสิตเพื่อหาข้อเท็จจริงต่อไป


(http://www.khaosod.co.th/view_resizing_images.php?filename=online/2014/06/14020261901402026267l.jpg&width=260&height=260)

(http://www.khaosod.co.th/view_resizing_images.php?filename=online/2014/06/14020261901402026277l.jpg&width=260&height=260)

(http://www.khaosod.co.th/view_resizing_images.php?filename=online/2014/06/14020261901402026286l.jpg&width=260&height=260)


(http://javascript:WindowOpen('show_image.html?image=online/2014/06/14020261901402026267l.jpg','700','525');)

(http://javascript:WindowOpen('show_image.html?image=online/2014/06/14020261901402026277l.jpg','700','525');)

(http://javascript:WindowOpen('show_image.html?image=online/2014/06/14020261901402026286l.jpg','700','525');)


http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRRd01qQXlOakU1TUE9PQ==&subcatid= (http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRRd01qQXlOakU1TUE9PQ==&subcatid=)
.

หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ มิถุนายน 07, 2014, 11:54:20 am
 เดินคนเดียว โปรดระวัง ! กลอุบายของพวกโจร

-http://webboard.auto.sanook.com/forum/?topic=3823454-


พอดีไปเจอในบอร์พันทิปมาครับ เป็นอุทาหรณ์สำหรับทุกคนเลยครับ

ผมเป็นคนหนึ่งครับ ที่ชอบขี่จักรยานในเวลากลางคืน เนื่องจากช่วงเช้า-เย็นนั้นต้องทำงานทุกวัน
ในบางวันก็ จะชอบเจอกับการจราจรบนท้องถนน และพฤติกรรมของคนขับรถที่แปลกๆหลายประเภท
เช่น  ตามจี้ตูดบีบแตรไล่แม้ว่าจะหลบข้างทางจนสุดๆเกือบตก   ขี่จักรยานยนต์ตามตูดทั้งที่ถนนก็ว่างๆ  ขับรถมาบรื้นเครื่องใส่ ก็มีเยอะไป

แต่คืนวันหนึ่ง ผมก็ขี่จักรยานปกติ พอผ่านตลาดหางตาแว้บ เหมือนเจอเพื่อนคนนึง ขี่คิดไปคิดมาก็คิดว่า ทักไลน์มันไปซะหน่อยดีกว่า
ด้วยความที่รู้เท่าไม่ถึงกาลและไม่ฉลาด ผมก็ไปจอดริมฟุตบาทใต้ต้นไม้แต่ก็ยังติดกับถนนใหญ่ แล้วควักโทรศัพท์ออกมาพิมพ์ไลน์ไปหาเพื่อน
ในตอนนั้นเองประมาณ1นาทีหลังจากจอดจักรยาน ก็มีชายนิรนาม 2 คน สวมหมวกกันน็อกทั้งคู่และใส่ ชุดแจ็คเก็ทดำแขนยาวขายาวมา จอดเทียบข้างรถผม
แล้วเขาก็เริ่มเอ่ยปากถามออกมาว่า  " น้อง .. บ้านเคหะ ไปทางไหนอะ "
ผมก็ชี้ตรงไป ข้างหน้า
มันก็ถามต่อ " เอ้อๆ.. พี่จะติดต่อคนนี้อะเขาอยู่หมู่บ้านนั้น(พร้อมยกโทรศัพท์รุ่นเก่าๆออกมา แต่อีกมือของเขาเหมือนล้วงของอยู่ในกระเป๋าเสื้อแจ็คเก็ท) พี่โทรออกไม่ได้ น้องลองกดโทรให้พี่หน่อยสิ้ "
ผมได้ยินก็เริ่มมีพิรุท ผมเลยปั่นหนีสุดแรง ไปที่ป้ายรถเมย์ที่มันมีไฟสว่างๆพอมีคนบ้าง มันดูเหมือนไร้น้ำใจ แต่วินาทีนั้นผมคิดว่าไม่ดีแน่ๆที่จะอยู่ต่อ
พอถึงป้ายผมแอบชำเลืองมองหลัง  ไอ2ตัวนั้นก็ขับมาจอดป้ายรถเมย์เหมือนกันแต่ทิ้งระยะไว้ประมาณ50เมตร
พอได้จังหวะ แและโชคดีด้วยที่ใกล้ถึงซอยบ้านแล้ว เลยปั่นหนีออกไปแต่ผมก็ควักอาวุธที่เอามาด้วย มาถือไว้ที่มือขวาเหมือนให้มันเห็นว่าตรูก็มีนะเว่ย มันก็ขับผ่านหน้าไปเลย

*ตอนแรกคุณก็อาจจะคิดเหมือนผมใช่ไหมคับว่า เห้ยมันอาจจะไปจริงๆก็ได้ เพราะดูมันไม่ได้ทำร้ายร่างกายเรา 

แต่..!!!

ไม่นานมานี้เพื่อนมาเล่าให้ฟังคับ มันโดนตบมือถือไป 
โดยพวกแก๊งใช้มุขคล้ายๆกะผมคือ
ขับมอเตอร์ไซด์มาจอด คนที่ซ้อนท้ายลงมาถามทาง แล้วทำเป็นบอกว่า มือถือตังหมดหรือโทรออกไม่ได้ แล้วมายืมมือถือเรา เพื่อนผมมันก็ไม่รู้เลยกดเบอร์ตามที่มันบอก  แล้วก็มีคนรับ  มันพูดว่า " เออๆ ขอพูดสายกับเพื่อนมันหน่อย " เพื่อนผมมันก็ยื่นให้อย่างง่ายดาย
พอยื่นเท่านั้นแหละ มันก็ทำเนียนเดินคุยแล้วขึ้นมอเตอร์ไซด์ หายไปอย่างไร้รอยต่อ ...

ปล. เหตุการณ์ของผมนั้นเกิดมาซักพักแล้ว จนมาได้ยินเพื่อนเล่า มันตรงกันเป๊ะ เลยเอามาแชร์กันคับ เผื่อใครยังไม่เคยเจอหรือเคยเจอ จะได้ระวังตัวไว้

ที่มา: -http://pantip.com/topic/32146833-

หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ มิถุนายน 07, 2014, 12:15:23 pm
เรื่องจริง! แม้แต่ "หมา" ยังโดนบังคับให้ขอทาน


-http://webboard.news.sanook.com/forum/?topic=3806300-


(http://pe2.isanook.com/ns/0/ud/301/1507206/52986.jpg)


เรื่อง จับสุนัขมานั่งขอทาน skywalk BTS สยาม(ตัวสีขาว)หลายคนคงเดินผ่าน
(เรื่องนี้เจอกับตัว - ยาวหน่อยเเต่อ่านเถอะ)
ถ้าเรามั่วนิ่งนอนใจ ขบวนการนี้จะเเพร่หลายเหมือนเด็กทารกขอทานที่ถูกมอมเหล้าเพื่อให้นิ่ง ไม่ร้องงอเเง ซึ่งเด็กบางรายตายในระหว่างขอทาน สุนัขก็ไม่ต่าง กลุ่มคนเลว ใช้สุนัขเป็นเครื่องมือหากิน ท่ามกลางเเดดร้อนๆ อาจมีการใช้สารหรือยาให้มันนอนหมดเเรง ไม่วิ่งไปไหนให้คนผ่านไปมาสงสารเเละนั่นเเหล่ะ คือรายได้ของพวกกลุ่มคนชั่ว ขอประณามคนชั่วจิตใจ ต่ำทรามคนนี้เเละอีกหลายคนที่ทำเเบบนี้ จำหน้ามันไว้ให้ดี(ภาพไม่ชัด)

ผมขออนุญาตเล่าถึงขบวนการนี้ให้ทุกท่านทราบ....
เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ผมเดินผ่านน้องหมาตัวหนึ่งสีขาวท่าทางซึมมาก นั่งขอทานอยู่ตัวเดียว ไม่มีเจ้าของ พร้อมเเก้วใส่เงินวางอยู่ด้านหน้าเเถวสะพานลอย ใกล้ BTS สยาม ผมรู้สึกสงสาร เเต่ด้วยความที่เร่งรีบ จึงคิดว่า มันคงมานั่งเล่นกับเจ้าของมันเเถวนั้น หรืออาจจะนั่งอยู่กับขอทานใจบุญผู้ดูเเลมัน

เเต่ผิดคาด ! เมื่อผมเดินผ่านสถานที่นั่นอีกครั้งในเวลาประมาณ 2 ทุ่มกว่า บน skywalk เซ็นทรัลเวิลด์ ผมเห็นหมาน้อยตัวนี้กำลังถูกยัดเข้ากระสอบทรายอย่างโหดร้ายอยู่ข้างล่างริมถนนใหญ่ เพื่อพาขึ้นมอเตอร์ไซด์ เสียดายที่ไม่ได้ถ่ายภาพมา เพราะตอนนั้นผมกำลังจะเดินลงไปหาสัตว์นรกคนนี้

เเต่มีพี่ผู้หญิงส่วนหนึ่งเตือนถึงความไม่ปลอดภัย เพราะคนร้ายอาจมีอาวุธ อีกทั้งตอนนั้นผมอยู่คนเดียว เขาอยู่กี่คน เราไม่รู้/ ณ ตอนนั้นผมรู้เเละมั่นใจเเล้วครับ ว่า มันคือ ขบวนการของพวก ยิ้มที่เอาสุนัข เพื่อนที่ดีที่สุดของคน มาทำมาหากิน ภาพตอนนั้นทำให้ผมรุ้สึกเเย่เต็มทน ผมได้เเต่ตั้งปณิธานว่า จะช่วยสุนัขตัวนี้ให้ได้ภายในเร็ววัน มาถึงวันอังคาร-ผมรีบเเจ้งมูลนิธิ TSPCA เพื่อช่วยเหลือ

ผมไปเดินเพื่อหาสุนัขเเละคนร้ายกับน้อง ming (เศรษฐ จุฬาปี 1) ตั้งเเต่มาบุญครอง ถึงเซนทรัลเวิลด์ เพื่อเก็บหลักฐาน เเต่ไม่พบตัว ได้เเต่บอกยามเเถวนั้นว่า เจอตัวเเล้วรบกวนเเจ้งด้วย จนกระทั่งวันนี้ ming เเจ้งว่า เจอสุนัข ผมรีบไปทันที เราพยายามเก็บหลักฐานทั้งถ่ายภาพ ถ่ายคลิปพอสมควร

นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินมาถามว่าทำไมหมาถึงมานอนซึม ไม่มีเเรง เเบบนี้ไม่ผิดกฎหมายหรอ เเล้วตำรวจหายไปไหน ผมไม่รู้จะตอบยังไง รู้สึกอับอายเเทนคนไทยเหลือเกิน ผมหาถ้วยโฟม มันดูกระหายน้ำ กินไป 2 ถ้วยโฟมไม่มีเหลือ ระหว่างนั้นเราได้พบกับพี่บอสซึ่งเข้ามา ช่วยเหลือโทรประสานงานกับมูลนิธิเพื่อส่งคนมาช่วยอีกเเรง ผมกับ minG สำรวจพื้นที่โดยรอบ เพราะรู้ว่าคนร้ายจะต้องนั่งในพิกัดที่สังเกตเห็นสุนัขของเขาได้ตลอดเวลา เเละเป็นที่ลับตาคน

จนสุดท้าย พอจะทราบว่า มันนั่งอยู่ข้างๆ 7-eleven สยามซอย 6 ด้านล่าง คอยสังเกตการณ์อยู่ไกลๆ เเละเเอบขึ้นมาเก็บเงินเป็นครั้งคราว(ได้ชม.นึงเป็น 100นะ) ผมเเปลกใจครับ เเปลกใจมากๆ ว่าทำไมเจ้าหน้าที่ตำรวจถึงไม่จัดการ ผมจึงคิดว่าวิธีขจัดขบวนการเเย่ๆนี้ได้คือ ให้สื่อเข้ามาจัดการ

เเต่ด้วยความที่ว่า เเน่นอนละถ้าสื่อเข้ามาเมื่อไหร่ตำรวจจะถูกสาธารณชนประณามอีก ซึ่งตรงนี้ผมเห็นใจตำรวจ ผมจึงคิดว่าควรเปิดทางให้ตำรวจจัดการก่อน ผมไปที่ สน ปทุมวัน ได้รับการช่วยเหลือจาก ร.ต.ท. นิคม เเละ ดาบอดิศร เป็นอย่างดี ทั้งสองส่งสายตรวจมาช่วยเหลือ ขณะนั้นเองโชคดีมากครับ ที่มีพี่ๆใจดี จากสมาคมป้องกันการทารุณสัตว์มาพร้อมตำรวจอีกชุด อุ้มสุนัขตัวนี้ไปที่คณะสัตวเเพทย์  เสียดายมากที่ไม่สามารถลากคอคนร้ายมาได้ ขอบพระคุณอาจารย์เเก้ว รองคณบดีสัตวเเพทย์จุฬาเเละทีมพยาบาลที่ช่วยเหลือเเละดูเเลเจ้าหมาน้อยตัวนี้

การนำสุนัขมาทำเเบบนี้นอกจากจะเป็นการทารุณสัตว์เเล้ว ยังทำให้เสื่อมเสียภาพลักษณ์ประเทศนักท่องเที่ยวเขาสะเทือนใจกันหมด คิดดูสิ ถ้าให้เราไปประเทศที่ไปเเล้วมีเเต่ความน่าสงสารเราจะมีความสุขไหม เเล้วเราจะกลับไปเที่ยวอีกหรือเปล่า ขณะนี้น้องหมาปลอดภัยเเล้ว กำลังรอผลเลือดเพื่อคอนเฟิร์มอีกทีครับ ชาวต่างชาติอัดคลิป ถ่ายรูป คงเอาไปเเชร์ทั่ว FB คนเห็นเขาคงมองเราเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อน

ชัดเจนครับผิดกฎหมายอาญามาตรา 381 ตำรวจในฐานะผู้รักษาสันติราษฎร์ ต้องกำจัดเเละบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด เพราะมันคือ "ความเสียหายต่อรัฐ" หากยังนิ่งนอนใจ สื่อมวลชนพร้อมเข้าไปจัดการครับ ขอความกรุณาช่วยกันเป็นหูเป็นตา ลักษณะการนำสัตว์เลี้ยงมานั่งขอทาน โดยเฉพาะมาตัวเดียว ใครพบเห็นอย่าไปให้เงิน เพราะเงินที่ให้ไม่ได้ตกมาสู่น้องหมาเลย เเต่มันคือการสนับสนุนขบวนการให้ใหญ่ขึ้น เเจ้งไปที่มูลนิธิ tspca เเละพยายามอย่าทำอะไรเสี่ยงจนเกินไป เพราะคนร้ายมักพกอาวุธ

จากกระทู้ เว็บพันทิป -http://pantip.com/topic/31750692-


หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ มิถุนายน 07, 2014, 12:49:25 pm
อุทาหรณ์! ปรับฮอร์โมนผิวขาว เบลอหนักโดดนํ้าดับ


-http://ch3.sanook.com/20443/%E0%B8%AD%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%93%E0%B9%8C-%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%AE%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B9%82%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B8%9C%E0%B8%B4%E0%B8%A7-




ครอบครัวข่าวเช้า-http://ch3.sanook.com/- ปรับฮอร์โมนผิวขาว เบลอหนักโดดนํ้าดับ

สลดนักศึกษาอาชีวะหนุ่มจมน้ำดับอนาถ ศพลอยอืดมาติดกอไม้ริมตลิ่งในแม่น้ำท่าตะเภา เมืองชุมพร น้าชายเผยหลานมีนิสัยตุ้งติ้งอยากเป็นผู้หญิง ทั้งกินยาทำให้ผิวขาวและฉีดฮอร์โมนปรับสภาพจนเกิดอาการเบลอประสาทหลอน เก็บตัวเงียบอยู่แต่ในห้องนอน สุดท้ายตัดสินใจเขียนจดหมายลาตายขอโทษยาย ก่อนหนีออกจากบ้านไปกระโดดสะพานฆ่าตัวตาย ระบุไม่ต้องการฟ้องร้องใคร ขอฝากเป็นอุทาหรณ์เตือนผู้รักสวยรักงามต้องระมัดระวังในเรื่องการใช้ยา

นักศึกษาวิทยาลัยอาชีวะเครียดกระโดดสะพานลาโลก ญาติอ้างเกิดอาการหลอนเพราะไปฉีดยาปรับสภาพฮอร์โมนรายนี้ เปิดเผยเมื่อเวลา 10.20 น. วันที่ 5 มิ.ย.  พนักงานสอบสวน สภ.เมืองชุมพร รับแจ้งพบศพลอยอยู่ในแม่น้ำท่าตะเภา ห่างจากวัดบางลึกราว 800 เมตร  พอไปตรวจสอบ ที่กอไม้ริมตลิ่งพบศพสภาพขึ้นอืด สวมเสื้อยืดคอกลมสีขาว กางเกงบ็อกเซอร์ขาสั้นลายสกอตรูดมากองอยู่ที่เข่า เจ้าหน้าที่กู้ภัยนำศพขึ้นมาบนตลิ่ง ทราบชื่อนายเต้ (นามสมมติ) อายุ 16 ปี ชันสูตรศพเบื้องต้นไม่พบบาดแผลถูกทำร้าย ต่อมามีญาติเดินทางมาดูศพและยืนยันว่าเป็นศพของนายเต้จริง

นายมานะ (สงวนนามสกุล) อายุ 42 ปี น้าชาย ของผู้ตาย ให้ปากคำกับตำรวจว่า นายเต้เป็นลูกของพี่สาว หลังจากพี่สาวแยกทางกับสามีก็ไปใช้ชีวิตอยู่ที่ประเทศเยอรมนี ทิ้งให้นายเต้อยู่กับยาย โดยมีตนคอยดูแลเพราะเป็นหลานรัก ปกตินายเต้เป็นเด็กเรียนเก่ง นิสัยเรียบร้อย รักสวยรักงาม และมีท่าทางตุ้งติ้ง ปัจจุบันเรียนอยู่ชั้น ปวช.2 แผนกคอมพิวเตอร์ วิทยาลัยอาชีวะแห่งหนึ่ง ก่อนหน้านี้ ราวต้นเดือนที่ผ่านมา ทราบจากเพื่อนหลานชายว่า นายเต้ไปที่คลินิกเสริมความงามแห่งหนึ่งในตัวเมืองชุมพร เพื่อฉีดยาปรับสภาพฮอร์โมนเพศ กินยาและฉีดยาทำให้ผิวขาว โดยฉีดไปแล้ว 4 เข็ม หลังจากนั้น หลานชายก็มีอาการแปลกๆ ไม่ค่อยพูดกับใคร ชอบเก็บตัวเงียบอยู่แต่ในห้อง คืนวันเกิดเหตุ วันที่ 3 มิ.ย. เวลาประมาณ 4 ทุ่ม นายเต้ขี่รถ จยย.ฮอนด้า ออกจากบ้านโดยไม่บอกใครว่าจะไปไหน

น้าชายของผู้ตายให้การกับตำรวจต่อว่า กระทั่งเช้าวันที่ 4 มิ.ย. ตนไปพบรถ จยย.ของหลานชายจอดอยู่ริมถนนหน้าวัดบางลึก ห่างจากสะพานข้ามแม่น้ำท่าตะเภา ราว 50 เมตร จึงออกตามหาและไปพบรอยเท้าอยู่บนราวสะพาน ทั้งตนและผู้เป็นยายปักใจเชื่อว่า นายเต้ต้องไปกระโดดสะพานฆ่าตัวตายแน่นอน เพราะตอนหัวค่ำคืนเกิดเหตุ ได้เห็นจดหมายที่หลานชายเขียนด้วยลายมือว่า “ลูกขอโทษยายที่ทำแบบนี้” จึงเอะใจว่าจะเกิดเหตุร้ายขึ้น ส่วนสาเหตุของการฆ่าตัวตายของหลานชายนั้น ไม่น่าจะมาจากความเป็นอยู่ในครอบครัว เพราะญาติพี่น้องทุกคนให้ความรักเป็นอย่างดี น่าจะเป็นความเครียด หรือฤทธิ์ของยาฮอร์โมนเสริมความงาม ที่ทำให้หลานชายเกิดอาการประสาทหลอน หรืออาการเบลอจนเครียดและคิดสั้นฆ่าตัวตายก็อาจเป็นได้ แต่ตนไม่อยากจะโทษใคร แค่อยากฝากไว้ให้เป็นอุทาหรณ์เตือนสติผู้รักสวยรักงามทั้งหลาย ขอให้ศึกษาข้อดีข้อเสียก่อนตัดสินใจใช้ยาเสริมความงามใดๆ

คลิป ติดตามจากลิงค์ http://ch3.sanook.com/20443/%E0%B8%AD%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%93%E0%B9%8C-%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%AE%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B9%82%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B8%9C%E0%B8%B4%E0%B8%A7 (http://ch3.sanook.com/20443/%E0%B8%AD%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%93%E0%B9%8C-%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%AE%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B9%82%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B8%9C%E0%B8%B4%E0%B8%A7)
หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ มิถุนายน 15, 2014, 04:46:53 pm
หนุ่มผงะ ดูสาวโชว์หวิวในสไกป์ ถูกแบล็กเมลเกือบแสน

-http://hilight.kapook.com/view/103780-



เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม


            หนุ่มออฟฟิศ เล่าอุทาหรณ์ เผลอดูสาวโชว์หวิวในสไกป์ เจออัดวิดีโอแบล็กเมลเสียเงินเกือบแสน จนต้องลาออกจากงาน เผย มีชายหนุ่มตกเป็นเหยื่อเพียบ

            เมื่อวันที่ 14  มิถุนายน 2557 เว็บไซต์เดลินิวส์ รายงานว่า พนักงานออฟฟิศระดับหัวหน้าของบริษัทแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ได้ให้ข้อมูลว่า ตนเองถูกแบล็กเมล หลังจากเข้าไปดูโชว์วาบหวิวในโลกออนไลน์ และทำให้ตนเองต้องออกจากงาน

            ทั้งนี้ พนักงานรายดังกล่าว เปิดเผยว่า เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา มีหญิงสาวหน้าตาดี อ้างว่าเป็นนางแบบชาวต่างชาติ เข้ามาขอเป็นเพื่อนทางเฟซบุ๊ก ซึ่งตนไม่ได้ตอบรับ เพราะไม่ได้สนใจ อีกทั้งมีภรรยาอยู่แล้ว แต่หญิงสาวคนดังกล่าวก็ยังส่งข้อความมาหาอยู่เรื่อย และยังส่งภาพสวมชุดชั้นใน ชุดว่ายน้ำมาให้ดูทุกวันด้วย จนกระทั่งช่วงหนึ่ง ตนได้เดินทางไปต่างประเทศคนเดียว เกิดความรู้สึกเหงา ประกอบกับหญิงสาวส่งข้อความมาชวนเล่นสไกป์ ตนจึงยอมเล่นด้วย ก่อนที่หญิงสาวจะเปลื้องผ้าโชว์วาบหวิว ทำให้ตนตกใจ

            พนักงานคนนี้ยังเล่าต่อว่า หลังจากผ่านไป 2 วัน จู่ ๆ ก็มีข้อความส่งมาหาที่เฟซบุ๊กพร้อมกับภาพวิดีโอที่ตนนั่งดูหญิงสาวคนดังกล่าวโชว์หวิวอยู่ผ่านโปรแกรมสไกป์ โดยหญิงคนนี้บอกว่า หากไม่ให้เงิน 3 พันเหรียญ (ประมาณ 97,500 บาท) จะนำภาพส่งให้ภรรยา ตลอดจนเพื่อนร่วมงานได้รู้ ตนจึงยอมโอนเงินไปให้ แต่หญิงคนนี้ยังคงส่งข้อความมาแบล็กเมลอีก สุดท้ายตนต้องถูกสั่งพักงาน จึงตัดสินใจลาออกในที่สุด

            พนักงานออฟฟิศคนนี้ ยืนยันว่า ตอนเปิดโน้ตบุ๊กเล่นสไกป์มั่นใจว่าไม่ได้เปิดกล้องที่โน้ตบุ๊กของตัวเองอย่างแน่นอน แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมจึงมีภาพของตนได้ ภายหลังจึงตรวจสอบพบว่า มีไวรัสแฝงมากับข้อความเฟซบุ๊ก ทำให้กล้องจากโน้ตบุ๊กของตนเปิดเองโดยไม่รู้ตัว ทั้งนี้ ตนยังพบด้วยว่ามีผู้ชายหลายคนตกเป็นเหยื่อของหญิงสาวคนดังกล่าว และขณะนี้สาวคนนั้นก็ปิดเฟซบุ๊กไปแล้ว เชื่อว่าทำกันเป็นขบวนการ




อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
-http://www.dailynews.co.th/Content/crime/244907/%E0%B8%AD%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%93%E0%B9%8C%E0%B8%94%E0%B8%B9%E0%B8%AB%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%A7%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%A5%E0%B8%99%E0%B9%8C+%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B8%AD%E0%B9%81%E0%B8%9A%E0%B8%A5%E0%B9%87%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%A5%E0%B9%8C%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%87%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B9%81%E0%B8%AA%E0%B8%99-


หนุ่มออฟฟิตขี้เหงา ส่องสาวนางแบบ โชว์หวิวออนไลน์ กลับถูกฝ่ายตรงข้าม ปล่อยไวรัสเปิดกล้องโน้ตบุ๊ก แอบส่องพฤติกรรมกลับ แถมอัดวีดีโอแบล็กเมล์ เรียกเงินนับแสนบาท
วันเสาร์ 14 มิถุนายน 2557 เวลา 09:21 น.

เมื่อวันที่ 14 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากอดีตพนักงานออฟฟิต ระดับหัวหน้า ของบริษัทชื่อดังแห่งหนึ่ง ในกทม. ว่าตนเองต้องออกจากงาน เพราะพลาดไปดูโชว์วาบหวิวออนไลน์ สุดท้ายต้องถูกแบล็กเมล์ เสียเงินไปเกือบ 1 แสนบาท

โดย พนักงานหนุ่มรายนี้ เล่าให้ฟังว่า หญิงสาวคนดังกล่าว ที่รูปร่างหน้าตาเพอร์เฟ็ก อ้างเป็นนางแบบชาวต่างชาติ ได้มาขอเป็นเพื่อนผ่านทางเฟซบุ๊กในช่วงต้นเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา โดยช่วงแรกไม่ได้สนใจอะไร เพราะตนเองแต่งงานมีภรรยาแล้ว แต่หญิงสาวคนดังกล่าว ก็ยังส่งข้อความมาหาทางเฟซบุ๊กอยู่เรื่อย ๆ รวมทั้งส่งภาพขณะสวมชุดชั้นใน หรือ ชุดว่ายน้ำมาให้ดูทุกวันด้วย

จนกระทั่งในช่วงที่เดินทางไปต่างประเทศคนเดียว แล้วเกิดความเหงา เลยเล่นเฟซบุ๊กผ่านโน้ตบุ๊กที่นำติดตัวไป ขณะที่หญิงสาวได้ส่งแมสเซสชวนเล่นโปรแกรม "สไกป์" เลยตัดสินใจลองเล่นแก้เหงา แต่แล้วหญิงสาวได้เปลื้องผ้าโชว์วาบหวิวสุดขั้ว ตนเองเลยอารมณ์กระเจิดกระเจิง แต่ก็มั่นใจเพราะโน้ตบุ๊กได้ปิดกล้องเอาไว้

แต่พอผ่านไปเพียงแค่ 2 วัน ตนเองก็แทบช็อก เมื่อได้รับแมสเซจทางเฟซบุ๊ก พร้อมวีดีโอของตัวเองขณะดูสาวต่างชาติคนดังกล่าว ผ่านโปรแกรมสไกป์ โดยสาวต่างชาติ ทำการแบล็กเมล์เรียกเงินประมาณ 3 พันเหรียญ แถมยังมีการนำข้อมูลการทำงาน คนใกล้ชิด ภรรยาของมาข่มขู่ อีกต่างหาก

ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เลยยอมโอนเงินไปให้ 1 พันเหรียญ แต่เรื่องราวกลับไม่จบสิ้น เมื่อหญิงสาวต่างชาติ ยังคงตามแบล็กเมล์อีก จนถึงขนาดถูกสั่งพักงาน และสุดท้ายตนเอง ทนไม่ไหว ตัดสินใจลาออก

ภายหลัง เมื่อลองสืบดู จึงพบว่า ในโน้ตบุ๊กถูกไวรัสที่มากับข้อความเฟซบุ๊ก เลยทำให้กล้องจากโน้ตบุ๊กจองตนเองเปิด โดยไม่รู้ตัว อย่างไรก็ตามทราบมาว่า ยังมีเหยื่อเป็นผู้ชายไทยอีกหลายคน ที่หลงเสน่ห์ ของสาวดังกล่าว จนถูกแบล็กเมล์ อย่างที่ตนเองโดนมา และขณะนี้ เฟซบุ๊กของหญิงสาวคู่กรณี ได้ปิดตัวลงแล้ว จึงเชื่อว่าน่าจะมีการทำเป็นขบวนการ และมุ่งเป้าแบล็กเมล์หนุ่มไทยขี้เหงาทั้งหลาย
หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ มิถุนายน 15, 2014, 05:46:43 pm
อุทาหรณ์ คลิปกระบะซิ่งแหกโค้ง เสียหลักพุ่งชนรถอีกคันดับ 3

-http://hilight.kapook.com/view/103748-



เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก พงษ์พันธ์ อาทนุ่มนิ่ม

             โลกโซเชียลเน็ตเวิร์ก แชร์คลิป อุทาหรณ์กระบะขับเร็ว !! วีโก้เข้าโค้งเสียหลัก ชนกระบะอีกคันเสียชีวิตคาที่ 3 ราย

                วันนี้ (14 มิถุนายน 2557) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ในโลกโซเชียลเน็ตเวิร์กกำลังมีการแชร์คลิปที่มีชื่อว่า "อุทาหรณ์กระบะขับเร็ว !! วีโก้เข้าโค้งเสียหลัก ชนกระบะอีกคันดับ 3" ซึ่งคลิปดังกล่าวได้ถูกโพสต์ลงในเฟซบุ๊ก พงษ์พันธ์ อาทนุ่มนิ่ม โดยในคลิปปรากฎภาพรถกระบะโตโยต้า วีโก้ เลขทะเบียน ฉฎ 3827 กรุงเทพมหานคร แหกโค้งเสียหลักพุ่งชนรถกระบะนิสสัน นาวาร่า เลขทะเบียน บต 4713 อ่างทอง ก่อนชนรถของนายพงษ์พันธ์ ที่กำลังขับตามมาอย่างแรง อุบัติเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นที่ถนนสายหนองแขวะ–บ่อวิน หน้าสนามกอล์ฟบูรพา อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี

                โดยนายพงษ์พันธ์ ระบุว่า "นี่เป็นเรื่องจริงที่เกิดกับผมโดยขอให้ทุกคนตระหนักว่าชีวิตเรามั้นสั้นนักอย่าปล่อยเวลาให้ผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์ อยากจะทำอะไรให้รีบทำ อยากบอกอะไรให้รีบบอก เพราะตัวเราไม่รู้จะตายเมื่อไหร่ ขอให้คนขับนาวาร่าสองคนผัวเมียไปสู่สุคติครับ และคนขับวีโก้ที่วิ่งมาชนเราทั้งสองคันด้วยครับ ผมจะทำบุญไปให้ทุก ๆ คนครับ ผมคงจะจำนาทีนี้ไปจนวันตาย ผมรักแม่ครับ รักน้า รักน้อง รักเพื่อนทุกคน และก็รักเธอด้วย เพราะว่าเหตุการณ์นี้ทำให้เรารู้จักคุณค่าของชีวิตมาก ขอแสดงความเสียใจกันญาติผู้ประสบอุบัติเหตุในครั้งนี้"
 
                ทั้งนี้ อุบัติเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2557 จากเหตุการณ์นี้ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุทันที 3 ราย คือ นายวุฒิชัย แสนโภชน์ นางราตรี แสนโภชน์ ที่นั่งมากับรถกระบะนิสสัน นาวาร่า และนายสุชล นิลโชติ คนขับรถกระบะโตโยต้า วีโก้ 



คลิป อุทาหรณ์กระบะขับเร็ว !! วีโก้เข้าโค้งเสียหลัก ชนกระบะอีกคันดับ 3 โพสต์โดย คุณ พงษ์พันธ์ อาทนุ่มนิ่ม
ดูตามลิงค์นี้ครับ http://hilight.kapook.com/view/103748 (http://hilight.kapook.com/view/103748)



หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ มิถุนายน 15, 2014, 05:47:44 pm
แชร์ว่อน คลิป ตำรวจจราจรใช้มือปัดกล้องนักบิด

-http://hilight.kapook.com/view/103761-

(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/pisitta/2557/06/15/4.jpg)



เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก Boy Vrp

           โลกโซเชียลเน็ตเวิร์ก แชร์ว่อน คลิปตำรวจจราจรใช้มือปัดกล้องประชาชน หลังถูกจี้ถามเรื่องการตั้งข้อหาที่ไม่ชัดเจน ชาวเน็ตจวกทำเกินกว่าเหตุ

              วันนี้ (15 มิถุนายน 2557) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ในโลกโซเชียลเน็ตเวิร์กกำลังมีการแชร์คลิปที่มีชื่อว่า "ประชาชน VS ตำรวจ" ซึ่งคลิปดังกล่าวได้ถูกส่งมาจากเฟซบุ๊ก Boy Vrp ไปยังเพจเฟซบุ๊กชื่อดัง YouLike (คลิปเด็ด) เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2557 ที่ผ่านมา โดยในคลิปปรากฎภาพของเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรนายหนึ่งใช้มือปัดกล้องของผู้ถ่ายคลิป หลังถูกจี้ถามเรื่องการตั้งข้อหาที่ไม่ชัดเจน

              โดยผู้ถ่ายคลิป ระบุว่า "ฝากหน่อยครับ ผมสามารถแจ้งความกลับได้ไหม ผมขับลงสะพานมา ก่อนถึง สน.พญาไท พอลงมาเจอด่านโดนตำรวจเรียก ผมก็เข้าซ้าย ถามเป็น 10 ครั้งว่า จับผมข้อหาอะไร จนจะสตาร์ทรถออกเพราะเค้าไม่แจ้ง เค้าเลยแจ้งข้อหาไม่วิ่งซ้าย ผมเลยตอบกลับไปว่าจะให้วิ่งซ้ายได้ไง พึ่งลงสะพานจะชิดขวาได้ไงพี่ พอได้ยินแบบนี้ตำรวจคนนี้ก็เปลี่ยนเป็นข้อหาขับรถขึ้นสะพาน ผมเลยเถียงกลับอ่าวทำไมเปลี่ยนข้อหา ผมพูดพี่บ้าป่าว ตำรวจคนนี้มีอารมณ์ขึ้นมาทันที ตำรวจคนนี้พูดว่าพูดงี้ได้ไง "เดี๋ยวถีบแม่งเลย" แล้วทีนี้เค้าให้ผมตามไปหาร้อยเวรใน สน. ระหว่างเดินไป สน. ผมถ่ายคลิปแล้วบอกให้เค้าพูดว่า เค้าจะถีบผม เค้าบอกใครพูด ผมบอกพี่ก็พูดสิ เค้าเลยหันกลับมาปัดโทรศัพท์ผมตกและยึดโทรศัพท์ผมไป ผมจึงโวยวาย พี่ทำแบบนี้ได้ไง แล้วจะเข้าไปแย่งโทรศัพท์คืน เค้าต่อยผมเข้าที่หมวกกันน็อคผมเลยล็อคคอกลับ เค้าศอกกลับเข้าที่ท้อง แล้วเดินเข้า สน. ผมจะทำอะไรได้บ้างครับ"

              ทั้งนี้ จากการโพสต์คลิปวิดีโอดังกล่าว ทำให้มีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นมากมาย อาทิเช่น เจ้าหน้าที่ทำเกินกว่าเหตุและทำร้ายร่างกายประชาชน ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องไม่สมควร ในขณะที่หลายความคิดเห็นแย้งว่า การที่รถจักรยานยนต์ขับขึ้นสะพานถือเป็นความผิดจริง เนื่องจากมีกฏหมายห้ามขึ้น และเจ้าของคลิปยังได้ถ่ายคลิปจี้ถามเจ้าหน้าที่คนดังกล่าวซ้ำไปมา อาจทำให้เกิดความโมโหได้



http://hilight.kapook.com/view/103761 (http://hilight.kapook.com/view/103761)
หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ มิถุนายน 18, 2014, 09:29:46 pm
อุทาหรณ์ หนูน้อยมะกัน 9 เดือนดับ หลังถูกพ่อลืมไว้ในรถ

-http://hilight.kapook.com/view/103928-




เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก CRAIG RUBADOUX

          อุทาหรณ์ พ่อสหรัฐฯ ลืมลูกสาว 9 เดือนไว้ในรถ กว่าจะรู้ตัวก็สายไปเสียแล้ว พบลูกสาวเสียชีวิตหลังถูกทิ้งไว้ในรถที่จอดกลางแดดนาน 4 ชั่วโมง

          วันที่ 16 มิถุนายน 2557 เว็บไซต์ฟลอริดาทูเดย์  มีรายงานเหตุสุดเศร้าที่จะเป็นอีกหนึ่งอุทาหรณ์สำหรับผู้ปกครองทั้งหลาย เมื่อ นายสตีเวน ลิลลี่ วัย 31 ปี จากฟลอริดา สหรัฐฯ ได้ลืมลูกสาววัย 9 เดือนของเขาทิ้งไว้ในรถเป็นเวลานานถึง 4 ชั่วโมง หลังตั้งใจพาลูกไปส่งที่สถานดูแล แต่เกิดลืมขึ้นมาและขับรถเลยไปทำงานตามปกติ

          รายงานระบุว่า นายสตีเวนที่ลืมไปว่าตัวเองจะไปส่งลูกที่สถานดูแล ได้ขับรถตรงมายังที่ทำงานและจอดรถทิ้งไว้กลางแดดยามบ่ายเป็นเวลาถึง 4 ชั่วโมง จนกระทั่งได้รับโทรศัพท์จากครอบครัวที่ถามถึงลูกสาว เขาจึงนึกขึ้นได้ว่าลืมลูกทิ้งไว้ในรถ ทว่ามันก็สายไปเสียแล้ว คุณพ่อที่สิ้นหวังพยายามโทรศัพท์แจ้งขอความช่วยเหลือจากตำรวจด้วยเสียงสะอื้น และแม้ว่าเด็กจะถูกนำตัวมาโรงพยาบาลอย่างรวดเร็วด้วยความช่วยเหลือจากตำรวจและแพทย์  แต่พวกเขาก็ไม่สามารถยื้อชีวิตของเธอได้

          ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเปิดเผยว่า พวกเขาจะต้องดำเนินการต่อเหตุที่เกิดขึ้นอย่างระมัดระวัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการตรวจสอบครอบครัวที่พบกับความสูญเสีย แม้ว่าทางครอบครัวจะให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่เป็นอย่างดีก็ตาม


(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/500.-yjpg.jpg)

http://hilight.kapook.com/view/103928 (http://hilight.kapook.com/view/103928)


.

หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ มิถุนายน 21, 2014, 08:22:56 am
ตะขาบเข้าบ้าน มีวิธีไล่ตะขาบอย่างไร อ่านด่วน !

-http://home.kapook.com/view91098.html-

(http://img.kapook.com/u/surauch/home/Fotolia.jpg)


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

          วิธีไล่ตะขาบ สำหรับคนที่บังเอิญเจอตะขาบเข้าบ้าน และกำลังตกใจไม่รู้จะหาทางไล่อย่างไรดี วันนี้เรามีวิธีไล่ตะขาบออกจากบ้านมาแนะนำกันค่ะ

          บ้านไหนกำลังกลุ้มใจกับสัตว์ขาเยอะยั้วเยี้ยอย่าง "ตะขาบ" ที่จู่ ๆ ก็แอบมาอาศัยอยู่ร่วมบ้านอย่างไม่ได้รับเชิญโดยเฉพาะในช่วงหน้าฝน ซึ่งนอกจากจะชวนขนลุกแล้วยังมีพิษร้ายที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตอีกด้วย ลองมาดูวิธีไล่ตะขาบที่กระปุกดอทคอมรวบรวมมาฝากกันในวันนี้ แล้วนำไปจัดการกับตะขาบที่คอยกวนใจให้ขนลุกกันนะคะ


 1. หาแหล่งให้เจอ

          สิ่งสำคัญที่สุดในการกำจัดตะขาบออกจากบ้าน คือควรหาแหล่งซ่อนตัวของตะขาบให้เจอ เพื่อจัดการไล่ให้หมดตั้งแต่ต้นตอ ไม่อย่างนั้นอาจเกิดการออกลูกหลานตะขาบ และกระจายไปตามจุดต่าง ๆ ของบ้านให้น่าสยองมากขึ้น โดยแหล่งอาศัยของตะขาบส่วนใหญ่จะเน้นจุดอับที่มีความชื้น เช่น ตามซอกผนัง โพรงดิน หรือท่อระบายน้ำ เป็นต้น

 2. เทปูนขาวดักตามทาง

          ลองเทปูนขาวตามจุดที่คิดว่าน่าจะมีตะขาบซ่อนตัวอยู่ หรือเทไว้ตามรายทางที่ตะขาบชอบออกมาเดินยั้วเยี้ย โดยโรยในปริมาณเยอะหน่อยหรือจะผสมน้ำมะกรูดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพก็ยิ่งดี และพยายามดักทางที่จะเข้าห้องนอนหรือห้องสำคัญ เพื่อบังคับให้ตะขาบไปในเส้นทางที่ต้องการและอพยพออกจากบ้านไปเอง ทั้งนี้ควรหมั่นเปลี่ยนปูนขาวบ่อย ๆ ด้วย

ตะขาบเข้าบ้าน มีวิธีไล่ตะขาบอย่างไร อ่านด่วน !

 3. โรยผงล้างห้องน้ำ

          ค่อย ๆ โหดขึ้นทีละนิดสำหรับการไล่ตะขาบ โดยให้เปลี่ยนจากปูนขาวมาเป็นผงล้างห้องน้ำยี่ห้อต่าง ๆ ที่มีขายกันอยู่ทั่วไป และให้โรยตามเส้นทางวิธีการเดียวกับปูนขาว  ความแรงของผงล้างห้องน้ำอาจส่งผลให้ตะขาบแสบร้อนจนเผ่นหนีไปก็ได้

 4. เลี้ยงไก่

          ใครจะเชื่อว่าการเลี้ยงไก่จะช่วยไล่ตะขาบได้ แต่มีเสียงยืนยันมากมายว่าการเลี้ยงไก่ช่วยให้ตะขาบหลบหายไปได้จริง ๆ เพราะไก่กับตะขาบดูท่าว่าจะไม่ลงรอยกันสักเท่าไหร่ แต่ทางที่ดีก็ให้ระวังอันตรายจากพิษตะขาบที่จะเกิดกับไก่ของคุณด้วยนะคะ

 5. วางสบู่ปิดตามท่อ

          ตะขาบส่วนมาก มักจะคืบคลานเข้ามาตามท่อน้ำที่มีความอับชื้น ดังนั้นวิธีป้องกันง่าย ๆ ให้ลองหาอะไรไปปิดตามฝาท่อเพื่อไม่ให้ตะขาบผลุบโผล่ขึ้นมาได้ ยิ่งถ้าเป็นก้อนสบู่ที่มีความลื่น และมีด่างอยู่ในตัว จะช่วยทำให้ตะขาบไม่กล้าไต่ขึ้นมาเพราะกลัวอันตราย

 6. ผงไล่ตะขาบ

          ปัจจุบันมีการพัฒนาตัวช่วยไล่ตะขาบให้สะดวกสบายมากขึ้น ดังนั้นสำหรับคนที่อยากไล่ตะขาบแบบง่าย ๆ ก็ลองไปหาซื้อผงไล่ตะขาบตามร้านทุกอย่าง 60 บาท มาโรยให้ทั่วบริเวณที่เป็นจุดเสี่ยง หรือจะผสมน้ำแล้วฉีดตามบริเวณที่ต้องการก็ได้เช่นกัน

 7. ใช้โซดาไฟ
         
          เทโซดาไฟใส่ในท่อ หรือจุดที่ตะขาบชอบปรากฏตัว ฤทธิ์ของโซดาไฟจะทำให้ตะขาบแสบร้อนและเข็ดหลาบจนไม่อยากโผล่มาให้เห็นอีกเลยล่ะ

 8. น้ำส้มควันไม้
         
          น้ำส้มควันไม้ที่มีขายตามร้านอุปกรณ์เกษตร หรือตามซูเปอร์มาร์เก็ตบางแห่ง สามารถนำมาผสมน้ำ และฉีดพ่นเพื่อป้องกันตะขาบได้ โดยควรระวังอย่าให้เข้าตาหรือโดนร่างกายเนื่องจากมีความเป็นกรดสูง


          ได้รู้จักกับวิธีไล่ตะขาบยั้วเยี้ยที่ชวนขนลุกให้ออกจากบ้านกันไปแล้ว หากบ้านไหนยังคงปราบไม่อยู่หมัด คงต้องพึ่งพาวิธีสุดท้าย คือการตีให้ตายเพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้น ถ้าหมดหนทางจริง ๆ ก็คงต้องยอมทำบาป แต่ขอให้เก็บไว้เป็นทางเลือกสุดท้ายจะดีกว่านะคะ




หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ มิถุนายน 21, 2014, 11:36:24 am
โจรชิงไอโฟนนศ.สาว จับหัวโขกพื้นหน้าแหกโยนลงคลอง


-http://news.sanook.com/1616361/%E0%B9%82%E0%B8%88%E0%B8%A3%E0%B8%8A%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B9%84%E0%B8%AD%E0%B9%82%E0%B8%9F%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%A8-%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A7-%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%AB%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B9%82%E0%B8%82%E0%B8%81%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B9%81%E0%B8%AB%E0%B8%81%E0%B9%82%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%A5%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%87/-


(http://pe1.isanook.com/ns/0/ud/323/1616361/edff.jpg)



นำเสนอข่าวโดยทีมงาน Sanook.com

(21 มิ.ย.) เมื่อเวลาประมาณ 20.30 น. พ.ต.ท.วิเชียร ไตรโลกา สารวัตรสอบสวน สภ.สามโคก รับแจ้งเหตุมีหญิงสาวถูกชิงทรัพย์และทำร้ายร่างกายตกลงไปในคลองบางโพธิ์เหนือ บาดเจ็บสาหัส ม.3 ต.บางโพธิ์เหนือ อ.สามโคก จ.ปทุมธานี ที่เกิดเหตุพบ น.ส.วรรณนิภา ทิมปุ้ย อายุ 20 ปี นักศึกษามหาวิทยาลัยรังสิตปี 1 คณะบัญชี มีบาดแผลที่ใบหน้าบวมปูด หน้าผากแตก เนื้อตัวเปรอะโคลน สวมชุดนักศึกษาอยู่ เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญูจึงนำตัวส่งรพ.ปทุมธานี

จากการสอบถามน.ส.วรรณนิภา ทิมปุ้ย บอกว่าระหว่างที่ตนเองเดินกลับบ้านซึ่งอยู่ในซอยดังกล่าวคนเดียว มีคนร้ายเป็นชายรูปร่างท้วม สวมเสื้อสีขาวกางเกงขายาวสีดำ เดินมาทางด้านหลังและคนร้ายได้เรียกตนพร้อมกับพูดอะไรไม่รู้เรื่อง ตนเองจึงเดินต่อแต่คนร้ายได้กระชากเสื้อและต่อยเข้าที่ใบหน้าของตนเอง จากนั้นคนร้ายได้จับหัวกระแทกกับพื้นปูนอีก คนร้ายรูปร่างใหญ่ตนเองจึงสู้ไม่ได้ถูกจับโยนลงน้ำข้างทางจากนั้นคนร้ายฉกมือถือไอโฟน4 แท็ปแล็ท กระเป๋าสะพายสีเทาโดยมีเงินอยู่ประมาณ 300 บาท หลังจากที่คนร้ายไปแล้วตนเองจึงเดินขึ้นมาจากน้ำและขอความช่วยเหลือจากชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียงช่วยนำส่ง รพ.ปทุมธานี แพทย์เย็บแผลให้เกือบ 30 เข็ม

ส่วนนางกิมม่วย ทิมปุ้ย อายุ 57 ปี มารดานักศึกษา เล่าว่าถนนปูนเลียบคลองทางเดินเข้าออกบ้านเรือนประชาที่ปลูกอยู่ภายในซอยนี้กว่า 10 หลังคาเรือนและไม่มีไฟส่องสว่างตามทางเดินและมักมีคนร้ายคอยมากระชากกระเป๋าหรือขโมยรถ จยย.หายไปหลายครั้งแล้วจึงขอฝากให้หน่วยงานเข้ามาดูแล

ภาพจากรายการ เรื่องเล่าเช้านี้
หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ มิถุนายน 21, 2014, 01:26:23 pm
เตือนภัย SMS ลวงเสียเงินแสนที่คุณอาจมองข้าม



-http://ch3.sanook.com/14780/%E0%B9%81%E0%B8%95%E0%B8%81%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%87%E0%B8%99-%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%A0%E0%B8%B1%E0%B8%A2-sms-%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87-





แตกประเด็น  เตือนภัย SMS ลวงเสียเงิน

รายการแตกประเด็น รายงานว่า เรื่องใกล้ตัวของทุกๆคน ที่ใช้โทรศัพท์มือถือ ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทโฟน หรือว่าโทรศัพท์ที่มีฟังก์ชั่นเฉพาะ ใช้งานได้ง่ายๆ ล้วนแล้วแต่เจอปัญหาเดียวกัน นั่นก็คือ SMS ขยะ  ส่งข้อความเข้ามา โฆษณาผลิตภัณฑ์ ดูดวง คลิปภาพต่างๆ รวมไปถึง ส่งข้อความว่าเป็นผู้โชคดีได้รับรางวัล

ถ้าเผลอกดเข้าไปดู ก็กลายเป็นการสมัครสมาชิก เสียเงินไปโดยไม่รู้ตัว เรื่องนี้นอกจากจะสร้างความรำคาญก็ยังทำให้เราต้องเสียเงินไปเป็นจำนวนมาก

มาดูข้อมูลสถิติ ถูกเก็บรวบรวมจากหน่วยงานที่รับเรื่องร้องเรียน พวกเรื่องของ SMS ขยะเหล่านี้
สาเหตุของปัญหานี้ คือ ปัจจุบันผู้ผลิตข้อความ หรือที่เรียกกันว่า บริษัท Content  Mobiler
จะมีวิธีการหลากหลายรูปแบบในการเขียนโปรแกรม ที่่ทำให้ผู้ใช้โทรศัพท์เผลอไปสมัครสมาชิกแล้วก็ต้องเสียค่าใช้จ่าย เช่น แค่เปิดอ่านข้อความ SMS โฆษณา ดูดวง โดยไม่ต้องกดโทรออกหมายเลขใดๆเลย  คุณก็อาจจะกลายเป็นผู้สมัครสมาชิก ดูดวงประจำวัน แถมเสียค่าบริการรายเดือนไปตลอด จนกว่าจะยกเลิกบริการ
สิ่งเหล่านี้เองก็สร้างความเดือดร้อน ความรำคาญใหกับผู้ใช้โทรศัพท์มือถือ หรือสมาร์ทโฟนต่างๆที่เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้ มีภัยใกล้ตัวหลายสิ่งที่กำลังคุกคามเราอยู่ ไปติดตามต่อในสกู๊ปข่าวได้เลย



ติดตามคลิปได้ที่ลิงค์ด้านล่าง

http://ch3.sanook.com/14780/%E0%B9%81%E0%B8%95%E0%B8%81%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%87%E0%B8%99-%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%A0%E0%B8%B1%E0%B8%A2-sms-%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87 (http://ch3.sanook.com/14780/%E0%B9%81%E0%B8%95%E0%B8%81%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%87%E0%B8%99-%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%A0%E0%B8%B1%E0%B8%A2-sms-%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87)
.
หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ มิถุนายน 27, 2014, 11:17:26 pm
อุทาหรณ์!! ที่ชาร์จปลอมช็อต คร่าชีวิตแม่วัย 28 ดับอนาจคาหูฟัง

-http://hitech.sanook.com/1389769/%E0%B8%AD%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%93%E0%B9%8C-%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%88%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B8%8A%E0%B9%87%E0%B8%AD%E0%B8%95-%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B9%81%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%A2-28-%E0%B8%94%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%88%E0%B8%84%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%B9%E0%B8%9F%E0%B8%B1%E0%B8%87/-



อุทาหรณ์!! ที่ชาร์จปลอมช็อต คร่าชีวิตแม่วัย 28 ดับอนาจคาหูฟัง

รายงานข่าวจากสำนักข่าว The Sydney Morning Herald เผยพบรายงานโศกนาฎกรรมในเมืองกอสฟอร์ด ประเทศออสเตรเลีย ใน วันที่ 23 เมษายนที่ผ่านมา เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจพบศพหญิงสาวเสียชีวิตอยู่ภายในห้องพักของเธอ โดยมีสภาพกำลังสวมหูฟังและมีรอยไหม้ที่ร่างกาย ซึ่งสืบทราบว่าเธอคือ Sheryl Aldeguer หญิงสาวชาวฟิลิปปินส์ วัย 28 ปี คุณแม่ลูกสองที่กำลังศึกษาต่อทางด้านพยาบาลที่ประเทศออสเตรเลีย


(http://p3.isanook.com/hi/0/ud/277/1389769/untitled-2.jpg)


โดยสันนิษฐานสาเหตุการเสียชีวิตในครั้งนี้นั้นมาจากการที่เธอได้ซื้อหัว ชาร์จแบตเตอรี่ปลอมที่ไม่ได้มาตรฐานมาใช้งาน และในขณะที่เธอกำลังเสียบชาร์จไฟอยู่นั้นก็ได้เสียบหูฟังไปด้วย และยังมีการใช้งานเครื่องคอมพิวเตอร์แล็บท็อปไปพร้อมกัน ทำให้กระแสไฟฟ้าไหลได้แบบครบวงจร และเมื่อมีการไหลของกระแสไฟฟ้าเข้ามามากเกินปกติ จึงทำให้เกิดการช็อตและส่งผลทำให้เธอเสียชีวิตในที่สุด โดยที่ศพของเธอนั้นได้ปรากฎรอยไหม้ที่บริเวณหูและหน้าอกอย่างชัดเจน อย่างไรก็ตามหลังจากเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น ทำให้บริษัทที่ขายอุปกรณ์หัวชาร์จดังกล่าวถูกปรับเป็นจำนวนเงินประมาณ 2.6 ล้านบาท อีกทั้งทางการออสเตรเลียยังมีการกวาดล้างอุปกรณ์ทางด้านอิเล็กทรอนิกส์ที่ ไม่ได้มาตรฐานอย่างเข้มข้นขึ้นอีกด้วย

http://www.flashfly.net/wp/wp-content/uploads/2014/06/Screen-Shot-2557-06-27-at-5.17.34-PM.png (http://www.flashfly.net/wp/wp-content/uploads/2014/06/Screen-Shot-2557-06-27-at-5.17.34-PM.png)

เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งอุทาหรณ์สำหรับใครที่ชอบซื้อสินค้า อิเล็กทรอนิกส์ของปลอมที่ไม่ได้มาตรฐาน เพราะจากจำนวนเงินที่ประหยัดไปนั้นอาจก่อให้เกิดโศกนาฎกรรมที่เศร้าใจซึ่ง ประเมินค่าไม่ได้เช่นนี้ก็เป็นได้



ที่มา – smh

สนับสนุนเนื้อหา: www.flashfly.net (http://www.flashfly.net)


หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ มิถุนายน 28, 2014, 08:06:06 pm
หนุ่มดับคาห้องนอน หลังฉีดยาฆ่าแมลง-นอนไม่เปิดหน้าต่าง

-http://hilight.kapook.com/view/104348-



เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล

          ช่างเฟอร์นิเจอร์เมืองปทุมธานี ฉีดยาฆ่าแมลงในห้องนอน แต่ลืมเปิดหน้าต่างประตู สุดท้ายไร้อากาศถ่ายเท ดับคาห้องพัก

          เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2557 มีรายงานว่า พ.ต.ท.อุทัย แววไทสง สารวัตรเวร สภ.คลองหลวง รับแจ้งมีผู้เสียชีวิต ในห้องพักซอยบงกช 31 ถนนเลียบคลองสอง ม.5 ต.คลองสอง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี จึงเดินทางไปตรวจสอบพร้อมกับแพทย์นิติเวช โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ และอาสาสมัครป่อเต็กตึ๊ง โดยที่เกิดเหตุเป็นหอพักสูง 3 ชั้น 15 ห้อง ห้องที่เกิดเหตุนั้นประตูปิดเอาไว้ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง เมื่อเปิดเข้าไปภายในห้องพบเครื่องใช้ไฟฟ้าเปิดทิ้งไว้ และมีแมลงปีกแข็งจำนวนมากตายรอบ ๆ ใกล้กันมีกระป๋องยาฉีดกันยุงยี่ห้อหนึ่งตกอยู่ และพบผู้เสียชีวิตนอนอยู่ในบริเวณนั้น

          สำหรับผู้เสียชีวิตคือ นายทินกร ชมพูวิเศษ อายุ 25 ปี ช่างตกแต่งเฟอร์นิเจอร์ ซึ่งจากการตรวจสอบไม่พบบาดแผลการถูกทำร้าย คาดว่านายทินกรอาจเสียชีวิตประมาณ 6-8 ชม.

          ด้านนายจีระวัฒน์ คงชาตรี อายุ 20 ปี เพื่อนของผู้เสียชีวิต กล่าวว่า เมื่อตอนเช้าตนไปทำงานและไม่พบผู้ตาย จึงมาเรียก แต่ก็พบว่าประตูล็อกเอาไว้จากด้านใน เมื่อเข้าไปจึงพบผู้ตายนอนตัวแข็ง ทั้งนี้ คืนก่อนเกิดเหตุ นายทินกรไม่ได้หลับได้นอน เพราะถูกแมลงรบกวน ซึ่งแมลงเหล่านี้ตนก็ไม่เคยเห็นมาก่อน

          เบื้องต้นตำรวจสันนิษฐานว่า ผู้ตายได้ฉีดยาฆ่าแมลงเพื่อกำจัดแมลงในห้อง พร้อมเปิดพัดลม แต่ไม่ได้เปิดหน้าต่างระบายอากาศ ทำให้ผู้ตายสูดดมยาฆ่าแมลงเข้าไปจนเสียชีวิต อย่างไรก็ตาม ได้มีการส่งศพไปที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตต่อไป


อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
-http://www.tnews.co.th/html/content/95379/%E0%B8%AA%E0%B8%A5%E0%B8%94!!-%E0%B8%8A%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%9F%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%94%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%84%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%89%E0%B8%B5%E0%B8%94%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%A2%E0%B8%B8%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B4%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B9%84%E0%B8%A7%E0%B9%89.html-

-http://www.dailynews.co.th/Content/regional/248231/%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%89%E0%B8%B5%E0%B8%94%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%86%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B9%81%E0%B8%A1%E0%B8%A5%E0%B8%87%E0%B8%94%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%A8%E0%B8%99%E0%B8%B2-

.


หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ กรกฎาคม 01, 2014, 06:38:03 am
งูในตู้จดหมาย ภัยร้ายซุ่มเงียบที่ควรระวัง !


-http://home.kapook.com/view91906.html-



(http://img.kapook.com/u/chatralak/Home/ETC/snakepost/snake.jpg)



เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

             งูในตู้จดหมาย เป็นอีกหนึ่งภัยร้ายที่อาจทำให้คุณได้รับอันตรายโดยไม่รู้ตัว วันนี้เราจะมาเตือนภัยให้ระวังงูในตู้จดหมายกันให้ดี ๆ ค่ะ

             หลายบ้านมีตู้จดหมายติดตั้งไว้หน้าบ้าน เพื่อคอยรอรับจดหมายและพัสดุต่าง ๆ จากบุรุษไปรษณีย์ แต่ทว่าในช่วงหน้าฝนที่ทั้งชื้นแฉะและมืดครึ้ม ตู้จดหมายก็อาจกลับกลายเป็นที่หลบภัยให้กับสัตว์บางชนิดได้อย่างน่าตกใจ โดยเฉพาะ “งู” ที่มักจะซุ่มตัวนอนขดอยู่ในตู้จดหมายแบบนิ่ง ๆ ดังนั้นลองมาดูข้อควรทำเหล่านี้เอาไว้แต่เนิ่น ๆ กันเถอะ

 สำรวจก่อนล้วง

             ก่อนจะล้วงเข้าไปหยิบจดหมายในแต่ละวัน อย่าลืม ! สำรวจตู้จดหมายของคุณให้ดี ๆ ก่อนนะคะ อาจจะใช้ไฟฉายหรือไฟจากโทรศัพท์มือถือส่องให้แน่ใจ ไม่อย่างนั้นอาจได้รับอันตรายจากงูเงี้ยวเขี้ยวขอได้อย่างไม่รู้ตัว

 ปิดตู้จดหมายให้สนิท

             บ่อยครั้งที่คุณเปิดตู้หยิบจดหมายแล้วลืมปิดตู้ให้สนิท ทำให้งูมีโอกาสคืบคลานเข้าไปนอนซุกอย่างสบายใจ ทางที่ดีควรปิดประตูตู้จดหมายให้สนิททุกครั้ง จะได้เบาใจขึ้นอีกทาง

 ใส่กำมะถันไว้ในตู้

             เชื่อกันว่ากำมะถันจะช่วยไล่งูไม่ให้มายุ่มย่ามได้ ดังนั้นหากลองนำกำมะถันใส่ถุงแล้วเจาะรูวางเอาไว้ในตู้จดหมาย เพื่อให้กลิ่นฉุน ๆ คอยรบกวนจนงูไม่กล้าเข้าไปใกล้นั่นเอง นอกจากนี้ยังมีผงไล่งูและอื่น ๆ ที่เป็นตัวช่วยด้วยนะคะ

 โรยกรวดดักไว้

             งูคงจะเคลื่อนตัวได้ลำบากหากเจอก้อนกรวดเล็ก ๆ คอยเป็นอุปสรรค ดังนั้นลองโรยกรวดเอาไว้ในตู้จดหมายและรอบ ๆ ตู้ ให้งูเคลื่อนตัวได้ยาก งูจะได้ไม่มาอาศัยอยู่

 ทาน้ำมันก๊าดที่เสาหรือรอบตู้

             ด้วยกลิ่นฉุน ๆ ของน้ำมันก๊าด หรือน้ำมันสน มักไม่ถูกจริตกับงูเท่าไหร่นัก ดังนั้นถ้าไม่อยากให้งูเลื้อยเฉียดเข้ามาใกล้ตู้จดหมาย ลองทาน้ำมันก๊าด หรือน้ำมันกลิ่นฉุน บริเวณเสาของตู้จดหมาย หรือรอบ ๆ ตู้จดหมาย เพื่อให้งูขยาดและจากไป


             นี่เป็นเพียงแค่วิธีคร่าว ๆ ที่อาจจะช่วยได้ไม่มากก็น้อย ทางที่ดีเจ้าของบ้านควรหมั่นตรวจตราตู้จดหมายทุกวัน และอย่าลืมเตือนบุรุษไปรษณีย์ให้ระวังเช่นกันนะคะ

หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ กรกฎาคม 05, 2014, 07:38:09 am
.

ระยำแบบนี้  ไม่น่าจะเก็บเอาไว้

น่าจะจับตาย  จะได้ไม่เปลืองภาษี



--------------------------------------------------------------------------



ไม่ให้เงินซื้อเหล้า! หนุ่มใจโหดปลิดชีพพ่อด้วยลูกดอกเหล็ก

-http://news.springnewstv.tv/50745/%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B9%80%E0%B8%87%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%8B%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%B2-%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B9%83%E0%B8%88%E0%B9%82%E0%B8%AB%E0%B8%94%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%9E%E0%B8%9E%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B9%87%E0%B8%81-

(http://www.springnewstv.tv/upload/news/picture/040714_075523_sfdsfdsgfsdfhfsgdsa.jpg)

 พ่อไม่ให้เงินกินเหล้า หนุ่มเมืองช้างใช้ลูกดอกเหล็กปืนหน้าไม้ แทงทะลุขั้วหัวใจดับ น้องชายเข้าช่วยโดนอีกรายอาการร่อแร่
 

เมื่อเวลา 03.00 น.วานนี้ (3 ก.ค.) ร.ต.ท.ไตรรงค์ ธรรมบุตร พนักงานสอบสวน สภ.ดม อ.สังขะ จ.สุรินทร์ ได้รับแจ้งเหตุฆ่ากันตาย ภายในบ้านเลขที่ 34/1 หมู่ 10 บ้านภูมินิยม ตำบลตาตุม อำเภอสังขะ จังหวัดสุรินทร์ จึงรายงานให้ พันตำรวจเอกชัยณรงค์ บุญด้วง ผกก.สภ.ดม ทราบพร้อมนำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจรุดไปตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุพบนายเงย เอิบทวี อายุ 53 ปี เจ้าของบ้านถูกของมีคมทิ่มแทงบริเวณหลังหลายแห่ง จนทะลุขั้วหัวใจ 1 แห่ง เลือดอาบทั่วตัว ใกล้กันพบผู้ได้รับบาดเจ็บอีกราย คือ นายกิตติ เอิบทวี อายุ 15 ปี บุตรชายนายเงย ถูกของมีคมแทงที่บริเวณหน้าอกทะลุปอด อาการสาหัส เพื่อนบ้านที่เห็นเหตุการณ์ได้รีบนำตัวทั้งคู่ส่งโรงพยาบาลสังขะ เพื่อช่วยชีวิตทันที ต่อมานายเงย เอิบทวี ผู้เป็นพ่อทนพิษบาดแผลไม่ไหว เสียชีวิตในเวลาต่อมา

จากการสอบสวนทราบว่า เมื่อเวลาประมาณ 24.10 น.(3 ก.ค.) นายอนุพันธ์ เอิบทวี โทรศัพท์มาขอเงินกับบิดามารดาไปซื้อเหล้า แต่ได้รับการปฏิเสธ และถูกพ่อแม่ว่ากล่าวสั่งสอนเกี่ยวกับการดื่มสุราของบุตรชาย เป็นเหตุให้นายอนุพันธ์ ไม่พอใจและโกรธเคือง ก่อนเข้ามาที่บ้านและใช้ค้อนทุบทำลายข้าวของภายในบ้าน จนบิดาเข้ามาปลอบแต่นายอนุพันธ์ ยังมีความโมโหอยู่ จึงใช้ลูกดอกเหล็กปืนหน้าไม้แทงบิดาหลายครั้ง และสุดท้ายได้แทงเข้าไปยังบริเวณชายโครงบิดาทางด้านหลังทะลุถูกบริเวณขั้วหัวใจ ระหว่างนั้นนายกิตติ เอิบทวี ผู้เป็นน้องชาย พยายามเข้าไปช่วยบิดา แต่กลับถูกนายอนุพันธ์ ใช้ลูกดอกเหล็กดังกล่าวแทงไปที่หน้าอกจนทะลุปอด ทำให้บาดเจ็บสาหัส จนเพื่อนบ้านที่เห็นเหตุการณ์ได้เข้าช่วยเหลือ และนำตัวส่งโรงพยาบาลสังขะ

ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะมีการควบคุมนายอนุพันธ์ ทำแผนรับสารภาพในที่เกิดเหตุอีกครั้งในช่วงบ่ายวันนี้ (4 ก.ค.)
 
ผู้สื่อข่าว : ทีมข่าวสปริงนิวส์


หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ กรกฎาคม 05, 2014, 08:04:33 am
ฆ่าแม่เฒ่าทิ้งศพจมน้ำทุ่งนา ที่แท้ฝีมือลูกชาย

-http://news.sanook.com/1624797/%E0%B8%86%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B9%81%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B9%80%E0%B8%92%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%B4%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B8%A8%E0%B8%9E%E0%B8%88%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%97%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%99%E0%B8%B2-%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B9%81%E0%B8%97%E0%B9%89%E0%B8%9D%E0%B8%B5%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%A2/-

(http://pe1.isanook.com/ns/0/ud/324/1624797/6.jpg)

นำเสนอข่าวโดยทีมงาน Sanook.com

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (4 ก.ค.) เมื่อเวลา 14.00 น. สภ.หนองสองห้อง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ นำตัวนายอุดม ไชยรัมย์ อายุ 52 ปี มาสอบสวนหลังจากทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ที่ใช้ไม้ตีนางมาลี ไชยรัมย์ อายุ 75 ปี แม่แท้ๆของตัวเองจนเสียชีวิต

จากการสอบสวนนายอุดม กล่าวว่า ครอบครัวอยู่ด้วยกัน 3 คน พ่อแม่ลูก วันเกิดเหตุเป็นเวลาประมาณ 20.00 น. ของวันที่ 2 ก.ค.ที่ผ่านมา ตนได้ซื้อดื่มเหล้าขาวกับเพื่อนจนเมา แต่ไม่มีเงินซื้อดื่มต่อ จึงเข้าไปหาแม่ที่อยู่บ้านคนเดียว เพื่อขอยืมรถจยย.ของแม่ไปจำนำ แต่ถูกแม่ห้ามปรามไม่ให้เอาไป ทั้งยังถูกต่อว่าเรื่องดื่มสุรา จึงเกิดอารมณ์โมโห ใช้ท่อนไม้ที่วางอยู่ที่เตียงนอน ตีเข้าที่บริเวณกกหูของแม่ครั้งเดียว จนแม่ล้มลงสงบนิ่ง จากนั้นได้ลากแม่ออกไปนอกบ้าน แล้วอุ้มขึ้นบ่า เอาไปวางไว้ที่คันนาท้ายหมู่บ้าน ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 150 เมตร ซึ่งขณะนั้นแม่ยังไม่เสียชีวิต แล้วเดินกลับไปที่บ้านทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

จนกระทั่งเวลา 14.00 น. ของวันที่ 3 ก.ค.ชาวบ้านพบศพแม่ตกไปอยู่ในน้ำในนาของชาวบ้าน ครั้งแรกที่ตำรวจสอบถามตนพยายามปฏิเสธ แต่เมื่อสำนึกจึงยอมรับสารภาพว่าเป็นคนลงมือฆ่าแม่ ตอนนี้อยากกราบขอโทษแม่ และขอชดใช้กรรมที่ก่อไว้

หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ กรกฎาคม 06, 2014, 09:29:27 am
คลิปบึ้มสนั่นปั๊ม!! อุทาหรณ์คนคุยโทรศัพท์ตอนเติมน้ำมัน


-http://hitech.sanook.com/1390029/%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%9B%E0%B8%9A%E0%B8%B6%E0%B9%89%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%9B%E0%B8%B1%E0%B9%8A%E0%B8%A1-%E0%B8%AD%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%93%E0%B9%8C%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B8%A2%E0%B9%82%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%A8%E0%B8%B1%E0%B8%9E%E0%B8%97%E0%B9%8C%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%99/-

(http://p3.isanook.com/hi/0/ud/278/1390029/040714_124106_1.jpg)

คลิประทึก!! รถระเบิดขณะกำลังเติมน้ำมัน โดยคาดว่าสาเหตุมาจากชายคนนึงใช้โทรศัพท์ไปด้วย
แต่ผู้คนที่ชมคลิปบางส่วนก็วิพากษ์วิจารย์ว่าไม่เกี่ยวกับโทรศัพท์ อาจเกิดจากสาเหตุอื่น ระบบขัดข้อง หรือท่อแตก สามารถคลิกเข้าไปดูได้ที่
>> -news.springnewstv.tv/50757-

http://news.springnewstv.tv/50757/%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%9B%E0%B8%9A%E0%B8%B6%E0%B9%89%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%9B%E0%B8%B1%E0%B9%8A%E0%B8%A1-%E0%B8%AD%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%93%E0%B9%8C%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B8%A2%E0%B9%82%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%A8%E0%B8%B1%E0%B8%9E%E0%B8%97%E0%B9%8C%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%99 (http://news.springnewstv.tv/50757/%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%9B%E0%B8%9A%E0%B8%B6%E0%B9%89%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%9B%E0%B8%B1%E0%B9%8A%E0%B8%A1-%E0%B8%AD%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%93%E0%B9%8C%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B8%A2%E0%B9%82%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%A8%E0%B8%B1%E0%B8%9E%E0%B8%97%E0%B9%8C%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%99)

หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ กรกฎาคม 06, 2014, 10:15:35 am
แฉวีรกรรมมนุษย์ป้า ตีมึนขโมยโทรศัพท์ลูกค้า แชร์ทั่วเน็ต


-http://hilight.kapook.com/view/104662-

(http://www.tairomdham.net/index.php?action=dlattach;topic=8971.0;attach=2921;image)

(http://www.tairomdham.net/index.php?action=dlattach;topic=8971.0;attach=2923;image)

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก S-od Santisuk

           แฉวีรกรรมมนุษย์ป้า ตีมึนขโมยโทรศัพท์ลูกค้า KFC สาขา MBK ไม่ยอมให้ค้นกระเป๋า เดินหนี และแกล้งทำเป็นสื่อสารไม่รู้เรื่อง แต่พอถูกจับได้กลับพูดไทยได้ซะงั้น

           กลายมาเป็นอีกหนึ่งคลิปที่ถูกพูดถึงกับมากที่สุดในขณะนี้ สำหรับคลิปแฉวีรกรรมของมนุษย์ป้า ที่ตีมึนขโมยโทรศัพท์ของลูกค้าร้านเคเอฟซี ภายในห้างสรรพสินค้ามาบุญครอง (MBK) แถมพอเจ้าของโทรศัพท์และเจ้าหน้าที่จะขอค้น มนุษย์ป้าคนนี้ก็ทำเป็นพูดคุยไม่รู้เรื่อง ดังที่เจ้าของ เฟซบุ๊ก "S-od Santisuk" นำมาเปิดเผยเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2557

           โดยจากคลิปดังกล่าว ผู้ถ่ายคลิปเล่าว่ามนุษย์ป้าเสื้อสีเขียวรายนี้ ได้ถูกชายคนหนึ่งสงสัยว่าเธอจะขโมยโทรศัพท์มือถือของเขาไป จึงพยายามขอค้นกระเป๋า แต่มนุษย์ป้ากลับไม่ยอมให้ค้น แถมยังเดินหนี ตีหน้ามึนไม่รู้เรื่องและแกล้งทำเป็นพูดภาษาต่างด้าว แม้ว่าเจ้าของโทรศัพท์จะไปตามเจ้าหน้าที่ของห้างมาเพื่อขอค้นกระเป๋าแต่เธอก็ยังไม่ยอม ยังคงตีมึนพูดจาไม่รู้เรื่องและไม่ยอมให้ค้นกระเป๋าอยู่ดี

           จนกระทั่งในที่สุด เมื่อเจ้าของโทรศัพท์บอกว่าจะไม่เอาเรื่องหากยอมคืนโทรศัพท์ให้ มนุษย์ป้ารายนี้จึงได้ยอมหยิบโทรศัพท์ออกมาคืน และกลับพูดภาษาไทยได้เสียอย่างนั้น ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้พูดจาภาษาต่างด้าวสื่อสารไม่รู้เรื่อง ซึ่งจากการตรวจสอบก็พบว่าโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋าของมนุษย์ป้า เป็นของผู้ชายเจ้าของโทรศัพท์จริง ๆ



https://www.facebook.com/photo.php?v=4271064110135&set=vb.1692111219&type=2&theater (https://www.facebook.com/photo.php?v=4271064110135&set=vb.1692111219&type=2&theater)
-https://www.facebook.com/photo.php?v=4271064110135&set=vb.1692111219&type=2&theater-
คลิป แฉมนุษย์ป้า ขโมยโทรศัพท์ลูกค้า แกล้งพูดไม่รู้เรื่อง โพสต์โดยคุณ S-od Santisuk

(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/anupong/505_22_1404485608.jpg)

(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/annpimor/19876-news-6742.jpg)

http://hilight.kapook.com/view/104662 (http://hilight.kapook.com/view/104662)
.
หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ กรกฎาคม 10, 2014, 06:18:32 am
นักโทษข่มขืน เลือกเหยื่ออย่างไร พร้อมวิธีเอาตัวรอด

-http://hilight.kapook.com/view/104859-


เกริ่นนำโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก iurban

           นักโทษข่มขืน 100 คน เลือกเหยื่ออย่างไร ? ชี้ส่วนมากเลือกผู้หญิงผมยาว เดินทางคนเดียว ถอดเสื้อผ้าง่าย และเดินคุยโทรศัพท์ พร้อมวิธีเอาตัวรอดในเวลาคับขัน

           เป็นข่าวที่สร้างความสะเทือนใจทุกครั้งที่ได้ทราบ สำหรับ “เหตุการณ์ข่มขืน” ที่เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า ซึ่งปัจจัยของเหตุร้ายดังกล่าวมีอยู่มากมาย บ้างก็เพราะคนร้ายดื่มสุราของมึนเมา บ้างก็เพราะเสพยาเสพติด แต่เคยสงสัยกันไหมว่า คนร้ายเลือกลักษณะเหยื่อที่จะลงมือข่มขืนอย่างไร.. แล้วสถานการณ์ไหน สถานที่ใด ที่เป็นใจให้ก่อเหตุร้ายดังกล่าว วันนี้ (9 กรกฎาคม 2557) เราขอนำบทความของ คุณ Jiraz Pipatwasin ที่ได้รวบรวมไอเดียในการเอาตัวรอดสำหรับผู้หญิง และข้อมูลจากผลวิจัยที่ถามนักโทษข่มขืน 100 คนว่า พวกเขาเลือกเหยื่ออย่างไรมาฝากกัน ถึงแม้สมัยนี้สังคมอาจจะโหดร้าย มีอันตรายอยู่ทุกหนทุกแห่ง แต่หากเราดูแลตัวเองในเบื้องต้น ก็น่าจะเป็นประโยชน์อย่างมากเลยทีเดียว

           “นักโทษข่มขืน 100 คนเลือกเหยื่อยังไง จากภาควิชาอาชญวิทยา (และไอเดียเอาตัวรอด)

           ในสังคมที่เราไม่สามารถควบคุมให้สื่อลดความรุนแรงทางการยั่วยุให้เกิดอารมณ์ทางเพศ หลายสื่อเองก็เห็นแก่เรตติ้งมากกว่าสังคมจนกลายเป็นเรื่องปกติ อาจไม่มีประโยชน์เมื่อเรามาเรียกร้องความยุติธรรมภายหลังเกิดเหตุ ผู้หญิงจึงควรจะเรียนรู้และรู้จักดูแลตัวเอง ไม่ทำให้ตัวเองตกอยู่ในภาวะความเสี่ยง ผมลองรวบรวมบทความที่เห็นว่ามีประโยชน์กับผู้หญิงทุกคน อย่างน้อยจะได้เป็นไอเดียในการเอาตัวรอด เมื่อจำเป็น

           จาก นางสาวอลิสา แสงขำ นักศึกษาปริญญาโท นิติศาสตรมหาบัณฑิต คณะนิติศาสตร์ ภาควิชาอาชญวิทยา เก็บข้อมูลจากนักโทษข้อหาข่มขืนจากคุกบางขวางและลาดยาว จำนวน 100 คน พบว่าการเลือกเหยื่อของนักโทษได้ผลดังนี้

84% เลือกผู้หญิงที่เดินไปด้วยคุยโทรศัพท์ไปด้วย

             มือถือสามารถนำไปขายต่อได้ หรืออ่านการ์ตูน หรือหนังสืออื่นขณะเดินเพราะไม่ได้ระวังตัว

87% เลือกผู้หญิงที่สวมเสื้อผ้าถอดง่าย

             แต่หากพบผู้หญิงถูกใจแต่สวมเสื้อผ้าที่ต้องใช้เวลา ถอดนาน เขาจะกลับมาดักรอเป็นครั้งที่สองพร้อมกรรไกรหรือคัตเตอร์

90% เลือกผู้หญิงผมยาว

             คือหางเปีย หางม้าปล่อยตามธรรมชาติ เพราะกระชากจากข้างหลังได้ง่าย

96%  เลือกผู้หญิงที่เดินทางไปไหนมาไหนเวลากลางคืน

             เพราะผู้ชายส่วนใหญ่ มีประสบการณ์ทางเพศครั้งแรกตอนกลางคืนโดยไม่คำนึงว่าต้อง เป็นผู้หญิงสวยหรือหุ่นดี ขอให้มี..เพียงอย่างใดอย่างหนึ่งก็พอ มีนักโทษบางขวางคนหนึ่งให้ข้อมูลว่าหากเวลานั้นเป็นเวลา ที่เขาต้องการปลดปล่อยแล้ว เขาไม่เลือกว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย วัว ควาย

99% เลือกผู้หญิงที่เดินทางคนเดียว

             มีนักโทษบางขวางคนหนึ่งทำทีเป็นวินมอเตอร์ไซค์รับผู้หญิงคนที่ถูกใจจากกลุ่ม เพื่อนของเธอที่เดินด้วยกันไปข่มขืน

80%  สามารถข่มขืนได้ในการกระทำครั้งแรกโดยใช้อุปกรณ์ของผู้หญิงนั่นเอง

             เป็นอุปกรณ์ช่วยประกอบการกระทำผิด เช่น เข็มขัด ลูกกุญแจ กระจกส่องหน้า (ต้องทุบให้แตกเป็นแหลมคมก่อน)

70% เลิกล้มความตั้งใจ

             หากผู้หญิงคนนั้นจ้องหน้าเขาแล้วเริ่มต้นสนทนาสั้น ๆ กับเขาก่อน ขณะที่เขาเข้าประชิดตัว เช่น โทษค่ะ กี่โมงแล้ว

วิธีป้องกันตัวหากโดนหื่นลากลงข้างทาง

           1. ร้อยละ 90 ผู้หญิงหมดสิทธิ์ใช้ศิลปะป้องกันตัว เพราะคนร้ายจะซุ่มรอทีเผลอ ที่โดนบ่อย ๆ คือล็อกแขนไขว้หลัง มืออุดปากแล้วกระชากหรือลากเข้าข้างทาง ถ้าคนร้ายเตรียมตัวมาดี ก็จะมีอาวุธจี้ไม่ให้เหยื่อขัดขืน แน่นอนว่าน้อยคนที่เห็นมีด ปืนแล้วจะกล้าใช้วิชาที่เรียนมา

           2. เมื่อโดนลากเข้าข้างทาง คุณก็จะโดนต่อยท้องเพื่อให้จุกจนไม่มีแรงดิ้นและตบปากหรือต่อยหน้าเพื่อให้กลัว, เจ็บหรือกึ่ง ๆ หมดสติ จากนั้นถ้าคนร้ายหื่นแบบชาญฉลาดก็จะหาของมาอุดปากคุณไว้ ถ้าคุณนุ่งกระโปรงมา มันอาจถอด ก.ก.น. มาอุดปาก…ซวยแท้ ๆ

           3. เมื่อคนร้ายเห็นคุณไม่มีแรงดิ้น ก็จะทำการถลกส่วนล่างคุณออกโดยท่าที่นิยมคือนั่งคร่อมเอว เอาเข่ากดแขนส่วนบนคุณไว้ ทำให้ไม่มีแรงมากพอจะผลักแถมยังจุกอยู่อีกต่างหาก

           4. จากนั้นเมื่อฐานยิงโล่งโจ้ง คนร้ายก็จะงัดจรวดออกมาเตรียมปฏิบัติการ จังหวะนี้ถ้าคุณโชคดียังมีสติอยู่ให้พยายามเซฟแรงไว้รอข้อต่อไป

           5. เมื่อคนร้ายพยายามสอดใส่ ให้คุณรวบรวมพลังที่มี “ขมิบ” ไว้ครับ ตะบองแข็งหรือจะสู้แรงโล่เนื้อ คนร้ายก็จะเริ่มเสียสมาธิเพราะจ้องจะลงรู อย่างเดียว ให้คุณอาศัยจังหวะนี้ซึ่งคนร้ายมักจะเผลอลืม กดแขนให้คว้าลูกป๋องแป๋งเลยคับ โดนลูกเดียวไม่เป็นไร อย่าตกใจปล่อยมือเพื่อกำใหม่ ให้ได้ 2 ลูก จากนั้นบีบให้เต็มที่เลยคับ เอาเล็บจิกด้วยยิ่งดี ร้อยทั้งร้อยไม่มีใครคิด จะฆ่าคุณในตอนนี้หรอก รับรองร้องเสียงหลง ลืมทุกสิ่งทุกอย่าง

           6. หลังจากนั้น อ๊ะ ๆ อย่าเพิ่งคิดหนี พิจารณาดูคนร้ายให้ดีก่อน ประเมินสถานการณ์ว่าที่เราทำไปหยุดมันได้ หรือยัง ผู้หญิงส่วนใหญ่ไม่ตายตอนโดนข่มขืนแต่จะมาตายตอนนี้ล่ะ เพราะจะหนีอย่างเดียว ตัวเองก็วิ่งไม่ไหว คนร้ายก็ยังลุกขึ้นมาตามทุบหัวเอาได้ ดังนั้นหาก เห็นว่าคนร้ายหมดสภาพแน่ ๆ และชุมชนอยู่ไม่ไกลจึงค่อยหนี

           7. ทีนี้ถ้าคนร้ายแค่เสียจังหวะ คืออาจจะลงไปนอนงอก่องอขิงอยู่แป๊บเดียวและมีทีท่าจะลุกขึ้นมาสิ่งที่ คุณต้องทำคือ รีบหาอาวุธให้เร็วที่สุด ได้แก่ ไม้ ก้อนหิน ปากกา คัตเตอร์ สเปรย์ ปืน ฯ ถ้าไม่มีจริง ๆ ก็ ส้นตรีน นี่แหละ ถีบเข้าไปที่บริเวณต่อไปนี้

           ที่เดิม (นั่นแหละ) แต่ส่วนใหญ่จะทำไม่ได้เพราะคนร้ายมักจะกุมไว้

           หน้าแข้งหรือกลางแสกหน้าคนตัวโต ๆ ตาย เพราะส้นตรีนผู้หญิง ๆ มีเยอะ ยิ่งใส่ส้นสูงด้วย อูย

           กกหู ขมับทุบรัว ๆ เลยครับ (ไม่แนะนำ ท้ายทอยหรือคาง เพราะโดนยาก)

           ถ้ามีก้อนหินโต ๆ ทุบกลางหน้าแข้งเลยครับ รับรองเดี้ยง ร้องลั่น

           ที่สุดท้าย อาจจะโหดหน่อยแต่ถ้าทำได้ เวิร์คแน่นอน ทุบ ”นิ้วเท้า” โดยเฉพาะนิ้วเล็ก ๆ ตั้งแต่นิ้วกลางถึงนิ้วก้อยนี่ล่ะ ทุบผัวะเข้าไปอย่าใจอ่อน เอาให้เละไปเลย ถ้าทำดีคนร้ายอาจจะเจ็บถึงสลบ

           …จากนั้นรีบจัดเครื่องแต่งกาย คว้าสิ่งของมีค่าวิ่งให้เร็วที่สุด รอดแล้วเจ้าข้าเอ๊ย..

           ด้านบนนี้เป็นบทความที่รวบรวมจากในอินเทอร์เน็ต โดยหวังว่าอย่างน้อยจะเป็นประโยชน์กับผู้หญิงที่ได้อ่านบ้าง เพื่อจะได้เพิ่มโอกาสในการเอาตัวรอดมากขึ้นครับ
หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ กรกฎาคม 10, 2014, 06:25:00 am
เปิดจดหมายถึง คสช.-รฟท. จากเหยื่อถูกข่มขืนบนรถไฟ 13 ปีก่อน

-http://hilight.kapook.com/view/104840-



เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

            สาว ป.โท เหยื่อที่ถูกพนักงานการรถไฟข่มขืนบนรถไฟเมื่อ 13 ปีก่อน ร่อนจดหมายถึง คสช. และ รฟท. ถามความรับผิดชอบและเรียกร้องให้มีมาตรการลงโทษคนร้ายคดีข่มขืนอย่างจริงจัง

            เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2557 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เว็บไซต์ผู้จัดการออนไลน์ ได้มีการนำเสนอจดหมายเปิดผนึกจากผู้เสียหายที่ถูกพนักงานการรถไฟฯ ข่มขืนบนรถไฟเมื่อ 13 ปีก่อน ส่งตรงจากกรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ ถึง หัวหน้า คสช. และการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เพื่อเรียกร้องให้มีมาตรการลงโทษคนร้ายคดีข่มขืนอย่างจริงจัง รวมถึงถามหาความรับผิดชอบจากการรถไฟที่คดีของเธอยังไม่สิ้นสุด และไม่ได้รับการเยียวยาจนถึงปัจจุบัน ทำให้เธอใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก โดยมีข้อความทั้งหมด ดังนี้   

            เรียน ท่านสื่อมวลชน ผ่านไปยัง หัวหน้า คสช./การรถไฟแห่งประเทศไทย     
 
            เรื่อง ความรับผิดชอบต่อผู้โดยสาร ในคดีข่มขืนบนรถไฟ
     
            วันนี้ ดิฉันได้รับข่าวสารจากทางเมืองไทย แค่ได้อ่านหัวข้อข่าวว่า มีเหตุข่มขืนแล้วฆ่าบนรถไฟสายใต้ ดิฉันก็รู้สึกเจ็บและปวดที่หัวใจผู้ถูกกระทำอย่างรุนแรง "มันเกิดขึ้นอีกแล้วหรือ ?" "ทำไมฉัน ไม่เป็นคนสุดท้าย ? ทำไมต้องเป็นน้องเขา ? ทำไม ?"
     
            เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับตัวดิฉันเอง เมื่อ 13 ปีที่แล้ว หากท่านยังจำกันได้ เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2544 เกิดคดีข่มขืนหญิงสาวปริญญาโทบนตู้นอน บนขบวนรถไฟสายใต้ คดีนี้เป็นข่าวครึกโครม การรถไฟฯ ได้ไล่ผู้กระทำผิดออกจากงาน และศาลอาญาได้ตัดสินจำคุกจำเลยเป็นเวลา 9 ปี ส่วนในคดีแพ่ง ศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์ ได้ตัดสินให้การรถไฟฯ และจำเลย ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายฐานละเมิดให้แก่โจทก์ นับจากวันนั้นถึงวันนี้ 13 ปีผ่านไปแล้ว แต่คดีก็ยังไม่ถึงที่สุด ดิฉันก็ยังไม่ได้รับการเยียวยาชดใช้ค่าเสียหาย เพราะการรถไฟฯ ได้ยื่นฎีกาขอทุเลาคดี และทำให้การเยียวยาของดิฉันได้รับความล่าช้าออกไปเรื่อย ๆ
     
            หลายท่านคงไม่รู้ว่า หลังเหตุการณ์ครั้งนั้น มีเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เปลี่ยนชีวิต และสุขภาพดิฉันไปตลอดกาลอย่างสิ้นเชิง ท่านรู้หรือไม่? ดิฉันต้องถูกบีบบังคับให้ออกจากงานที่กำลังไปได้ดี เพราะในสายตาของผู้บริหาร ดิฉันได้นำความเสื่อมเสียมาสู่องค์กร เพราะในการเดินทางครั้งนั้น ดิฉันไปทำงานในนามของบริษัท ดิฉันต้องเข้าโรงพยาบาลทางจิตติดต่อกันมาหลายปี มีอาการประสาทหลอน ควบคุมสติไม่ได้ ต้องเข้าบำบัดรักษาอย่างต่อเนื่อง ทุกคืนวัน ดิฉันมีอาการฝันร้าย ผวาและหวาดกลัวคนรอบข้าง ไม่ไว้วางใจผู้คน

            วันแล้ววันเล่า เดือนแล้วเดือนเล่า นานนับหลายปี ต้องรับประทานยาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้มีอาการสั่นของมือ และเมื่อมีเหตุการณ์อะไรที่กระทบกระเทือนจิตใจ แม้แต่เพียงเล็กน้อย ดิฉันจะมีภาวะตระหนก ควบคุมตนเองไม่ได้ และหลายต่อหลายครั้งถึงกับหน้ามืดเป็นลมหมดสติ ซึ่งอาการเหล่านี้แม้เวลาจะผ่านมาเนิ่นนานถึง 13 ปี ดิฉันก็ยังประสบความยากลำบากที่จะมีชีวิตเยี่ยงคนปกติ ด้วยความอ่อนแอทางสุขภาพจิตและการต้องรับประทานยาอย่างต่อเนื่องหลายปี ทำให้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพกายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ การต้องประสบกับความอับอายในสังคม ทำให้ดิฉันต้องระเห็จมาตั้งต้นชีวิตใหม่ในต่างประเทศอย่างยากลำบาก และรอคอยกระบวนการยุติธรรมที่ถูกทำให้ล่าช้า อย่างไม่เห็นแก่มนุษยธรรมของท่าน
     
            หลังจากอ่านหัวข้อข่าว ดิฉันรู้สึกแย่มาก น้ำตาไหลโดยไม่รู้ตัว รู้สึกว่าหัวใจถูกบีบอย่างแรง มันเหมือนเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นเมื่อ 13 ปีที่แล้ว เพิ่งเกิดขึ้น และมันได้เกิดขึ้นอีกครั้ง ดิฉันไม่สามารถที่จะถ่ายทอดความรู้สึกนี้เป็นตัวอักษรได้ เพราะมันเจ็บปวดเกินกว่าที่จะพูดออกมาได้ ดิฉันทราบข่าวเวลา 3 ทุ่มของประเทศกรีซ หลังจากนั้น ดิฉันหมดสติ มาเริ่มรู้สึกตัวประมาณเที่ยงคืน แต่ดิฉันก็พยายามฝืนที่จะพิมพ์จดหมายฉบับนี้ เพราะต้องการสื่อสารถึงคนในสังคมไทย ว่าถึงเวลาหรือยัง ที่เราจะทำอะไรสักอย่างเพื่อให้สังคมนี้มีความปลอดภัยมากขึ้น ไม่ต้องคอยระแวงว่า "ใคร คือรายต่อไป"
     
            จากคดีของดิฉัน ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงในกระบวนการทางการแพทย์ ทางกฎหมาย และกระบวนการยุติธรรม แต่นั่นก็ยังไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงที่แท้จริง เพราะคดีข่มขืนก็ยังเกิดขึ้นอีกแทบทุกวัน
     
            ดิฉันคาดหวังให้มีบทลงโทษที่รุนแรง ในคดีข่มขืน และมีการป้องกัน บังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้นจริงจัง เพราะมันอาจจะเป็นหนทางที่ทำให้เหตุนี้เกิดขึ้นน้อยลง จนไม่เกิดขึ้นเลย........จะเป็นไปได้มั้ยคะ ขอฝากไปถึงท่านผู้เกี่ยวข้องทุกท่านที่จะสามารถทำให้เกิดบทลงโทษที่รุนแรงมากกว่านี้ หรือว่าต้องรอให้เกิดขึ้นกับคนในครอบครัวของท่านก่อน
     
            ดิฉันขอแสดงความเสียใจกับบิดาและมารดาของน้องที่เสียชีวิต ดิฉันเข้าใจความรู้สึกของการสูญเสีย เพราะดิฉันก็ได้เสียมารดา เนื่องจากผลของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับดิฉันเช่นกัน ดิฉันอยากจะบอกว่าน้องเขาไปดีแล้ว น้องเขาโชคดีกว่าดิฉันเยอะ เพราะทุกวันนี้ดิฉันมีชีวิตอยู่เหมือนตายทั้งเป็น 10 กว่าปีที่ผ่านมา ดิฉันไม่เคยนอนหลับตอนกลางคืนเลย มันยากที่จะลืม
     
            สุดท้ายนี้ ดิฉันขอฝากข้อความไปถึงท่านผู้มีอำนาจในบ้านเมือง, ผู้ว่าการการรถไฟฯ คนปัจจุบัน ว่า ท่านมั่นใจเหรอคะ ว่า 117 ปี ของการรถไฟฯ ไม่เคยมีคดีร้ายแรง มีแต่อนาจาร ดิฉันไม่ทราบว่า ท่านมาบริหารองค์กรนี้ได้อย่างไร ท่านไม่เคยทราบเลยหรือคะ ว่า องค์กรของท่านเคยเกิดเหตุคดีข่มขืนบนรถไฟสายใต้ ขณะที่รถไฟยังวิ่ง โดยผู้ก่อเหตุเป็นพนักงานขององค์กรของท่านเอง ท่านไม่เคยทราบเลยหรือคะ ท่านคิดว่า ท่านสมควรที่จะเป็นผู้บริหารองค์กรนี้ต่อไปหรือคะ คดีของดิฉัน 13 ปีแล้วค่ะ ท่านมีความคิดเห็นอย่างไรคะ ชีวิตที่เปลี่ยนไปอย่างตลอดกาลของดิฉัน การรถไฟฯ เห็นว่า การเยียวยาชดใช้ช่วยเหลือความเสียหายมันตีเป็นตัวเงินเมื่อเทียบกับชีวิตของดิฉันได้หรือคะ ทำไมต้องใช้เวลาเตะถ่วงถึง 13 ปี จนบัดนี้ ดิฉันมีลูกชายวัยเด็กที่ดิฉันต้องรับผิดชอบเลี้ยงดู ด้วยสุขภาพทั้งกายทั้งจิตที่บอบช้ำอย่างหนัก แต่สำหรับท่าน เงินเพียงเล็กน้อยเท่านี้เท่าที่ศาลท่านสั่งให้ชดใช้ ท่านคิดว่ามากไปหรือคะ ช่วยกรุณาตอบดิฉันด้วย

            และเหตุการณ์ของน้องแก้มที่เพิ่งเกิดขึ้น ท่านจะพูดว่าอะไรคะ ท่านจะดำเนินการอย่างไร ไล่พนักงานคนนั้นออก แล้วก็จบ เหมือนคดีของดิฉันใช่มั้ยคะ คำว่า "ขอแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น" ที่ท่านผู้ว่าฯ คนก่อนโน้นเคยกล่าวกับดิฉัน ท่านก็กำลังจะกล่าวคำนี้เช่นกัน กับมารดาของน้องแก้มใช่มั้ยคะ .....ดิฉันอยากถามว่า ถ้าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับคนในครอบครัวของท่าน ท่านจะกล่าวคำว่าอะไร ????????????


เรื่องเล่าเช้านี้ ผู้เสียหายคดีพนง.รถไฟล่วงละเมิดปี44 ส่งจม.เปิดผนึกวอนเพิ่มบทลงโทษ (9ก.ค.57) (http://www.youtube.com/watch?v=nrKZ-XhF8W8#ws)
-http://www.youtube.com/watch?v=nrKZ-XhF8W8-

คลิป เรื่องเล่าเช้านี้ ผู้เสียหายคดีพนง.รถไฟล่วงละเมิดปี44 ส่งจม.เปิดผนึกวอนเพิ่มบทลงโทษ (9ก.ค.57) โพสต์โดยคุณ เรื่องเล่าเช้านี้ บีอีซี-เทโร


(http://www.tairomdham.net/index.php?action=dlattach;topic=8941.0;attach=2933;image)

.
หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ กรกฎาคม 11, 2014, 09:30:55 am
หวั่นถูกจับมา! แชร์ภาพชายขอทานอุ้มเด็กลูกครึ่ง

-http://news.sanook.com/1628157/%E0%B8%AB%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%96%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%A1%E0%B8%B2-%E0%B9%81%E0%B8%8A%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%B8%E0%B9%89%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%87%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B6%E0%B9%88%E0%B8%87/-


(http://pe1.isanook.com/ns/0/ud/325/1628157/1.jpg)

นำเสนอข่าวโดยทีมงาน Sanook.com

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (10 ก.ค.) ทวิตเตอร์ @bromeen35 ได้ทวีตภาพพร้อมข้อความว่า เราเจอเด็กคนนี้ที่โชคชัย 4 หน้าตาลูกครึ่งแต่งตัวดีร่างกายดูอ่อนเพลีย เรากลัวว่าจะถูกจับมา ฝากรีต่อด้วยค่ะ โดยเป็นภาพชายขอทานรูปร่างผอม ผิวคล้ำ อุ้มเด็กหน้าตาคล้ายลูกครึ่งซึ่งกำลังนอนหลับอยู่ ซึ่งข้อความดังกล่าวถูกชาวเน็ตรีทวีตต่อไปแล้ว 1 หมื่นกว่าครั้ง

ล่าสุด นายเอกลักษณ์ หลุ่มชมแข หัวหน้าศูนย์ข้อมูลคนหายมูลนิธิกระจกเงา ทวีตข้อความผ่านทวิตเตอร์ @EakMirror ว่า กรณีเด็กขอทานหน้าตาคล้ายลูกครึ่งที่โชคชัย 4 มูลนิธิกระจกเงา รับดำเนินการรับดำเนินการตรวจสอบติดตามต่อไปครับ




หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ กรกฎาคม 11, 2014, 06:31:45 pm
.


 พลิกแฟ้ม...5นักโทษประหารคดีฆ่าข่มขืน : ทีมข่าวอาชญากรรม

-http://www.komchadluek.net/detail/20140711/188005.html-

               หลัง ด.ญ.เอ (นามสมมุติ) นักเรียนหญิงชั้น ม.2 ถูก นายวันชัย แสงขาว พนักงานของการรถไฟฆ่าข่มขืนแล้วโยนศพออกจากขบวนรถไฟ ทำให้ประชาชนจำนวนมากโดยเฉพาะเหล่าดารา มีการใช้โซเชียลมีเดียและร่วมเคลื่อนไหวให้มีการแก้กฎหมายลงโทษสถานหนักกับคนร้ายที่ก่อคดี โดยแสดงสัญลักษณ์ไปในทิศทางเดียวกันว่า ข่มขืน=ประหารชีวิต บางรายถึงขนาดรวมตัวกันชูป้ายสนับสนุนให้นักโทษในเรือนจำรุมประชาทัณฑ์ผู้ต้องหาทันทีที่เข้าสู่ประตูเรือนจำ

               ทีมข่าวเนชั่นทวี ได้ตรวจสอบคดีข่มขืนย้อนหลัง พบว่า ในอดีตมีการลงโทษประหารชีวิตผู้ก่อเหตุน้อยมาก ซึ่งเท่าที่ตรวจพบมีเพียง 5 คดีที่ท้ายที่สุดแล้วคนร้ายถูกประหารชีวิต คดีแรก สมศักดิ์ พรนารายณ์ ก่อคดีข่มขืนแล้วใช้สายไฟรัดคอเด็กหญิงวัย 15 ปี เสียชีวิต เหตุเกิด ที่ อ.เชียงคาน จ.เลย เมื่อเดือนกรกฎาคม 2538

               คนร้ายนี้เป็นเพื่อนกับอาของผู้ตาย เข้ามาอาศัยอยู่ในบ้านของเหยื่อหลังจากออกจากคุก ได้อาศัยจังหวะฝนตก สมาชิกในครอบครัวกำลังหลับ จึงกระทำกับเหยื่อแล้วพยายามหลบหนี แต่ถูกตำรวจเชียงคานจับกุมได้ระหว่างรอรถโดยสารใน อ.เชียงคาน หลังถูกจับกุมนายสมศักดิ์ รับสารภาพว่า นอกจากเด็กหญิงวัย 15 ปี รายนี้แล้ว ก่อนหน้านั้นเพียง 1 เดือนได้ก่อเหตุข่มขืนและพยายามฆ่าคนขับรถสามล้อเครื่องในเขต อ.เมือง จ.เลย คดีของนายสมศักดิ์เข้าสู่กระบวนการพิจารณาในชั้นศาลนาน 4 ปี หลังคดีสิ้นสุดเขาถูกประหารชีวิตไปเมื่อปี 2542

               รายต่อมา คือ นายพันธุ์ หรือแหล่ สายทอง วัย 34 ปี ก่อคดีฆ่าข่มขืนเด็กหญิงวัย 5 ขวบ ภายในโรงเรียนวัดแห่งหนึ่งย่านบางพลัด เมื่อเดือนกรกฎาคม 2539 โดยคนร้ายรายนี้ได้ลอบเข้าไปแอบอยู่ในห้องน้ำโรงเรียนฉวยโอกาสที่เด็กเข้าห้องน้ำลงมือ โดยคนร้ายรายนี้เพิ่งพ้นโทษจากคดียาเสพติด ออกมาจากคุกไม่ทันครบเดือนก็ก่อคดีฆ่าข่มขืนเหยื่อรายนี้

               นายพันธ์ ถูกตำรวจชนะสงครามจับกุมได้หลังก่อเหตุเพียง 1 วัน ในข้อหาซ่องโจร ก่อนที่ตำรวจบางพลัดจะประสานขออายัดตัวมาให้เพื่อนนักเรียนของเหยื่อชี้ตัว ซึ่งผู้ต้องหาสารภาพในเวลาต่อมาหลังจำนนต่อหลักฐานที่พบในจุดเกิดเหตุ คดีนี้เข้าสู่กระบวนการพิจารณาในชั้นศาลนาน 4 ปี ก่อนที่คนร้ายรายนี้จะถูกประหารชีวิตไปเมื่อเดือนมิถุนายน 2542

               ถัดมาคือ นายเดชา สุวรรณสุก วัย 49 ปี ก่อคดีฆ่าข่มขืนเด็กหญิงวัย 4 ขวบ ซึ่งเป็นบุตรสาวของตัวเอง เหตุเกิดที่โรงไม้แห่งหนึ่งย่านสุวินทวงศ์ เมื่อเดือนกรกฎาคม 2539 ตำรวจจับกุมคนร้ายรายนี้หลังจากตรวจพบตามร่างกายมีรอยขีดข่วน แต่นายเดชากลับอ้างว่า บุตรชายซึ่งเป็นพี่ชายของผู้ตายน่าจะเป็นคนกระทำแต่ต้องจำนนต่อหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ คืออสุจิที่พบในตัวเด็ก ซึ่งเมื่อนำไปผ่านกระบวนการตรวจสอบดีเอ็นเอแล้วตรงกันกับดีเอ็นเอของนายเดชา

               นายเดชา เคยต้องคดีลักทรัพย์ถูกจับกุม 2 ครั้ง มีพฤติการณ์ดื่มสุรามึนเมา และมักทำร้ายคนในครอบครัวเป็นประจำ โดยวันเกิดเหตุนายเดชาดื่มสุราจนเมา แล้วอ้างว่าก่อเหตุข่มขืนลูกสาวเพราะต้องการระบายความแค้นที่ภรรยาหนีไปอยู่กับชายอื่น

               นายเดชา ถูกศาลชั้นต้นพิพากษาประหารชีวิต และถูกส่งคุมขังในเรือนจำบางขวาง ซึ่งผ่านกระบวนการในศาลอุทธรณ์ ผลการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ได้ตัดสินยืนตามศาลชั้นต้นให้ประหารชีวิต และถูกประหารชีวิตไปเมื่อต้นเดือนกรกฎาคม 2542 หลังก่อเหตุ 4 ปี

               รายที่ 4 ต่อมา คือ นายอำไพ ใสโพธิ์ วัย 26 ปี เป็นคนร้ายในคดีข่มขืนฆ่าอีกรายที่ถูกประหารชีวิต โดยคนร้ายรายนี้ลงมือกระทำกับเหยื่อซึ่งเป็นเด็กหญิงวัยเพียง 2 ขวบ 3 เดือน เหตุเกิดใน อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ เมื่อปลายเดือนเมษายน 2541 คนร้ายรายนี้ได้ขโมยเด็กจากร้านค้าในหมู่บ้าน โดยหลอกจะซื้อขนมให้เด็กแล้วพาไปกระทำในป่าท้ายหมู่บ้าน โดยอ้างว่า ก่อเหตุเพราะเมาสุรา เมื่อล่วงละเมิดแล้วได้ใช้ไม้ตีเด็กจนเสียชีวิต คดีนี้เข้าสู่กระบวนการพิจารณาคดี 3 ปี ก่อนศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลชั้นต้นประหารชีวิตคนร้ายรายนี้ไปเมื่อปลายเดือนสิงหาคม 2544

               รายสุดท้ายคือ นายเก้า ปั้นหยัด วัย 29 ปี ก่อคดีฆ่าข่มขืนเด็กหญิงวัย 10 ขวบ ในเขต อ.เมือง จ.นครปฐม เมื่อเดือนเมษายน 2539 โดยคนร้ายรายนี้ได้ฉวยโอกาสขณะเหยื่อออกจากบ้านไปซื้อข้าวของเครื่องใช้ให้แม่ ผ่านคลองชลประทาน ซึ่งเป็นที่เปลี่ยว จึงถูกคนร้ายรายนี้ที่อาบน้ำอยู่ในคลองลงมือ เสร็จแล้วได้โยนศพลงน้ำอำพรางการตายเบี่ยงเบนคดีให้เชื่อว่าเด็กจมน้ำเสียชีวิต นายเก้าต่อสู้คดีในชั้นศาลอยู่นานเกือบ 4 ปี ก่อนถูกประหารชีวิตไปเมื่อเดือนกรกฎาคม 2542

................

(หมายเหตุ : พลิกแฟ้ม...5นักโทษประหารคดีฆ่าข่มขืน : ทีมข่าวอาชญากรรม)




หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ กรกฎาคม 11, 2014, 06:48:32 pm
รวบพี่เขยหื่นข่มขืนเด็กหญิง วัย 11 ขวบ
โดย ทีมข่าวอาชญากรรม    11 กรกฎาคม 2557 16:36 น.

-http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9570000078488-

(http://mpics.manager.co.th/pics/Images/557000008108901.JPEG)

(http://mpics.manager.co.th/pics/Images/557000008108902.JPEG)


ตำรวจบางพลี รวบพี่เขยหื่นข่มขืนเด็กหญิงวัย 11 ขวบ นร. ชั้น ป.4 นานร่วม 2 เดือน เบื้องต้นแจ้งข้อหากระทำชำเราเด็กหญิงอายุไม่เกิน 13 ปี และข้อหาอนาจาร ก่อนส่งตัวให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย
       
       เมื่อเวลา 13.30 น. วันนี้ (11 ก.ค.) พ.ต.อ.กรวัฒน์ หันประดิษฐ์ ผกก.สภ.บางพลี พร้อมด้วย พ.ต.ท.เชาว์ ป้อมงาม รอง ผกก.สส. พ.ต.ท.ธีระยุทธ เสรีนนท์ชัย รอง ผกก.ป. พ.ต.ต.ภูวนาถ แก่นจันทร์ สว.สส. และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสภ.บางพลี ได้แถลงข่าวจับกุม นายสันติภาพ หรือ อิฐ เวกสันเที้ยะ อายุ 19 ปี อยู่บ้านเลขที่ 541/106 หมู่ 9 ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ หลังจับกุมตัวได้ตามหมายจับของศาล จังหวัดสมุทรปราการ ที่ ส. 449/2557 ลงวันที่ 11 ก.ค. 2557
       
       สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 10 ก.ค. 2557 เมื่อเวลาประมาณ 16.30 น. ได้มี น.ส.เสาวลักษณ์ อยู่เล็ก ซึ่งเป็นพี่สาวผู้เสียหาย ได้เข้ามาแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.บางพลี ว่า ด.ญ.เอ (นามสมมติ) ซึ่งเป็นน้องสาว อายุ 11 ปี เรียนอยู่ชั้น ป.4 และอยู่ในความปกครองของตน เนื่องจากบิดาได้เสียชีวิตไปแล้ว ส่วนมารดามีสามีใหม่ และไม่สามารถติดต่อได้ ถูกผู้ต้องหาคือ นายสันติภาพ ซึ่งมีศักดิ์เป็นพี่เขย ก่อเหตุกระทำชำเราและอนาจารในช่วงเวลากลางวันและกลางคืน ตั้งแต่ มิ.ย. - ก.ค. 2557 ต่อเนื่องกันหลายครั้ง ซึ่งตนทราบเรื่องจากน้องสาวที่เล่าเรื่องราวให้ฟัง จึงตัดสินใจเข้าแจ้งความที่ สภ.บางพลี
       
       ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สภ.บางพลี ได้ลงพื้นที่หาข่าวจนพบตัว นายสันติภาพ ผู้ต้องหา ที่บริเวณกลางซอยจารุสังข์ 3 หมู่ 3 ต.บางโฉลง อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ พร้อมแสดงตัวและนำหมายศาลเข้าจับกุม เบื้องต้นนายสันติภาพ ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าได้ข่มขืน ด.ญ.เอ (นามสมมติ) จริง จำนวน 4 ครั้ง ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อ เนื่องจากคาดว่าน่าจะลงมือกระทำมากกว่านั้น เพราะก่อเหตุต่อเนื่องกันมาถึง 2 เดือน
       
       เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงตั้งข้อกล่าวหาว่า “กระทำชำเราเด็กอายุไม่เกินสิบสามปี ซึ่งมิใช่ภริยาหรือสามีของตน โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม และกระทำอนาจารแก่เด็กอายุไม่เกินสิบห้าปี โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม” นำตัวส่งพนักงานสอบสวน ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ระหว่างนี้ต้องรอผลการตรวจร่างกายจากแพทย์อีกครั้งว่าจะสามารถแจ้งข้อกล่าวหาอะไรเพิ่มเติมได้อีกหรือไม่


หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ กรกฎาคม 11, 2014, 07:08:13 pm
ช่วยไม่ทัน!! หนูน้อยวัย 12 ถูก "งูพิษ" กัดขณะนอนหลับ

-http://news.springnewstv.tv/51060/%E0%B8%8A%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%97%E0%B8%B1%E0%B8%99-%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B9%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%A2-12-%E0%B8%96%E0%B8%B9%E0%B8%81-%E0%B8%87%E0%B8%B9%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%A9-%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%82%E0%B8%93%E0%B8%B0%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%9A-


(http://www.springnewstv.tv/upload/news/picture/100714_011238_%E0%B8%87%E0%B8%B9%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%A9.jpg)
 เกิดเหตุมีงูพิษเข้าไปกัดเด็กชายวัย 12 ขวบ ขณะนอนหลับในที่นอนกลางดึก ก่อนที่ผู้ปกครองจะนำส่งไปรักษาอาการที่โรงพยาบาลยโสธรและเสียชีวิตในเวลาต่อมา
 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.ท.สมศักดิ์  ทองป้อง ร้อยเวรสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองยโสธร เข้าชันสูตรพลิกศพของ ด.ช.ธนวิทย์  เผ่าเพ็ง อายุ 12 ปี อยู่บ้านเลขที่ 40 หมู่ 8 บ้านโคกยาว ต.ทรายมูล อ.ทรายมูล จ.ยโสธร หลังจากเมื่อช่วงเช้ามืดของวันที่ 6 ก.ค. 57 ที่ผ่านมา ขณะที่ ด.ช.ธนวิทย์ นอนหลับอยู่ในที่นอนภายในบ้านพักซึ่งเป็นบ้านชั้นเดียวได้มีงูพิษไม่ทราบชนิดเข้าไปกัดที่บริเวณท้ายทอยจน ด.ช.ธนวิทย์ สะดุ้งตื่นและร้องบอกให้พ่อกับแม่ที่นอนอยู่ใกล้กันทราบ หลังจากนั้นพ่อกับแม่จึงได้นำตัว ด.ช.ธนวิทย์ ส่งไปรักษาอาการที่โรงพยาบาลทรายมูลในช่วงเช้าและถูกส่งตัวไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลยโสธร แต่อาการก็ไม่ดีขึ้นและอยู่ในห้องผู้ป่วยหนักมาตลอด จนกระทั่งช่วงบ่ายของวันที่ 9 ก.ค. 2557 ด.ช.ธนวิทย์ จึงเสียชีวิต ซึ่งแพทย์ลงความเห็นสาเหตุการเสียชีวิตว่าระบบไหลเวียนโลหิตล้มเหลว

ด้าน นางสังวร เผ่าเพ็ง มารดาของผู้เสียชีวิต กล่าวว่า ในคืนวันเกิดเหตุตนและลูกชายเข้านอนตามปกติ โดยตนกับสามีแยกนอนอีกที่หนึ่ง ส่วนลูกชายนอนคนเดียวแต่อยู่ใกล้ๆ กันภายในบ้านพัก ซึ่งเป็นบ้านปูนชั้นเดียวและใกล้ๆ บ้านจะมีลำห้วย จนกระทั่งใกล้สว่างตนได้ยินเสียงลูกชายร้องบอกว่าถูกอะไรไม่รู้กัดเข้าที่บริเวณท้ายทอย ตนจึงไปตรวจดูพบว่าที่บริเวณท้ายทอยมีรอยเขี้ยวสองจุด และลูกชายบอกว่ามีอาการชาที่ริมฝีปาก ตนกับสามีจึงรีบนำตัวลูกชายส่งไปรักษาอาการที่โรงพยาบาลทรายมูล และส่งตัวต่อไปที่โรงพยาบาลยโสธร และนอนรักษาอาการได้ 3 วัน จึงเสียชีวิตในเวลาต่อมา
 





หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ กรกฎาคม 13, 2014, 08:43:18 pm
.

ควรติดตามดูครับว่า บริษัทจะดำเนินการอย่างไร

แล้วพนักงานที่่ทำงานไม่เป็น จะพิจารณาอย่างไร

ง่ายๆ  ตัดสินใจเรื่องแบบนี้ไม่ได้  ให้รีบติดต่อกับผู้ที่มีอำนาจในการตัดสินใจ

แค่นี้คิดไม่ได้ ต้องพิจารณาคนที่รับเข้ามาทำงาน ต้องปลดออก  ในฐานะพิจารณาคนทำงานไม่เป็นเข้ามาทำงาน

ถ้าบริษัทไม่ดำเนินการ  ให้ใช้บริการกับบริษัทอื่น  ดีที่สุดครับ



-----------------------------------------------------------------

แชร์สนั่น เฟอร์รี่เกาะสมุยปฏิเสธผู้ป่วยหนัก ไล่ให้ไปจองคิว

-http://hilight.kapook.com/view/105007-

(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/fontip/etc5/news_75.jpg)

(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/fontip/etc5/14051665791405166648l.jpg)


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก Pichet Klowtanom, ข่าวสด

            เฟอร์รี่เกาะสมุย ปฏิเสธผู้ป่วยหนักที่ต้องผ่าตัดด่วน อ้างให้จองคิวก่อน แชร์กันสนั่นเน็ต

            เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2557 มีรายงานว่า จากหน้าเฟซบุ๊กของ Pichet Klowtanom ได้มีการโพสต์ภาพพร้อมข้อความว่า "น้องคนนี้เป็นลูกของคุณน้ำผึ้ง อยู่เกาะสมุย ได้เกิดอุบัติเหตุต้องรีบไปรักษาด่วนที่สุราษฎร์ธานีไปกับรถพยาบาล เมื่อมาถึงท่าเรือ....แม่ของน้องได้ไปคุยกับเจ้าหน้าที่เพื่อขอไปก่อน เพราะต้องนำน้องไปรักษาด่วนที่สุราษฎร์ฯ แต่ทางเจ้าหน้าที่บอกว่าไม่ได้ ต้องจองคิวก่อนถึงจะได้ไป สุดท้ายน้องเขาไปที่ทางเรืออีกแห่งหนึ่ง ขอพนักงานลงก่อน ซึ่งก็ได้ลัดคิวให้เลย ตอนนี้น้องเขาอยู่ในมือหมอแล้ว" ซึ่งจากเหตุการณ์นี้ ก็ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์และส่งต่อกันไปเป็นจำนวนมากในโลกออนไลน์

            จากการตรวจสอบพบว่า นางกระกร ไกรวงศ์ แม่ของนายอัฐชัย ไกรวงศ์ คือผู้ที่แชร์เรื่องดังกล่าว โดยที่ นายอัฐชัย ไกรวงศ์ อายุ 17 ปี นักศึกษาชั้น ปวช.3 วิทยาลัยบริหารธุรกิจเกาะสมุย ตอนนี้รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลทักษิณ จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งนายอัฐชัยมีอาการกระดูกต้นคอเคลื่อน และเตรียมเข้ารับการผ่าตัดในวันที่ 13 กรกฎาคมนี้

  จากการสอบถาม นางกระกร กล่าวว่า เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2557 นายอัฐชัยได้กลับบ้านมาพร้อมกับรถรับส่งนักเรียน ระหว่างทางรถนักเรียนเกิดอุบัติเหตุชนกับรถกระบะ ทำให้นายอัฐชัยได้รับบาดเจ็บต้องถูกส่งตัวเข้ารักษาที่โรงพยาบาลบ้านดอนอินเตอร์สมุย แต่ทางแพทย์เผยว่านายอัฐชัยอาการหนัก ทางโรงพยาบาลไม่มีแพทย์ผ่าตัด ต้องส่งตัวไปให้ที่โรงพยาบาลทักษิณ ทางรถพยาบาลจึงจองคิวเรือเฟอร์รี่แห่งหนึ่งให้ในเวลา 13.00 น. แต่เนื่องจากว่ากลัวจะช้าเกินไป เพราะนายอัฐชัยต้องเจาะกะโหลก และถ่วงเหล็กถึง 15 กิโลกรัม นางกระกรจึงโทรไปบริษัทเรือเพื่อขอเลื่อนเที่ยวเรือให้เร็วขึ้น แต่พนักงานรับโทรศัพท์กลับปฏิเสธและบอกว่าต้องจองคิวเรือก่อนเท่านั้น นางกระกรจึงเดินทางไปที่ท่าเรือเฟอร์รี่อีกแห่งเพื่อขอคิวลงเรือ และได้คิวทันที

            ล่าสุด บริษัทเรือเฟอร์รี่ลำดังกล่าว ได้ติดต่อมาที่นางกระกร และขอตรวจสอบข้อเท็จจริงจากพนักงานรับโทรศัพท์ ก่อนที่จะดำเนินการต่อไป



อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก-http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRRd05URTJOalUzT1E9PQ==&subcatid=-

.


หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ กรกฎาคม 19, 2014, 09:51:28 pm
ค่ายประจักษ์ศิลปาคม เมืองอุดรธานีออกประกาศเตือนประชาชน ระวังแก๊งมิจฉาชีพ สวมรอยทหารเข้าตรวจค้นบ้านประชาชนก่อนฉกทรัพย์ แนะมีปัญหาโทรฯ 042-930121”

วันเสาร์ 19 กรกฎาคม 2557 เวลา 20:58 น.


-http://www.dailynews.co.th/Content/regional/253429/%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%89%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%9E%E0%B9%83%E0%B8%AA%E0%B9%88%E0%B8%8A%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B8%97%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%88%E0%B8%84%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99-

(http://www.dailynews.co.th/imagecache/670x490/cover/766222.jpeg)


กรณีมีผู้โพสต์ข้อความในโลกโซเซียลแจ้งเตือนประชาชน ใจความว่า “ประกาศสำหรับหมู่บ้านไหนที่มีทหารเข้าไปตรวจค้นบ้าน อย่าเพิ่งให้เข้าตรวจค้น ขั้นต้นขอดูบัตร และกรุณาถ่ายรูปทหารคนนั้นไว้ เพื่อเก็บไว้เป็นหลักฐาน เพราะในตอนนี้ไม่มีทหารจากหน่วยไหนทำการตรวจค้นบ้านประชาชน ถ้าหากพบเจอในลักษณะเช่นนี้ให้แจ้งมาทางนี้ได้เลยครับ 042-930121”และมีการแชร์ต่อ ๆ กันไป จนกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในวงกว้าง ตามที่เสนอข่าวไปนั้น

ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 19 ก.ค. ล่าสุดทีมข่าวเดลินิวส์ออนไลน์ตรวจสอบพบว่า หมายเลขโทรศัพท์ดังกล่าวเป็นของมณฑลทหารบกที่ 24 ค่ายประจักษ์ศิลปาคม จ.อุดรธานี ซึ่งได้รับการชี้แจงว่า ประกาศดังกล่าวเป็นของจริง แต่ได้ประกาศก่อนการจัดตั้ง คสช. เนื่องจากเป็นช่วงที่เกิดเหตุแก๊งมิจฉาชีพแต่งกายคล้ายเจ้าหน้าที่ทหารเข้าขอตรวจค้นบ้านประชาชนและฉวยโอกาสลักทรัพย์สินหลบหนีบ่อยครั้งในพื้นที่ภาคอีสาน ทางมณฑลทหารบกฯ ค่ายประจักษ์ศิลปาคม จึงออกประกาศเพื่อเตือนประชาชน พร้อมเบอร์โทรศัพท์ติดต่อกลับให้ประชาชนสามารถสอบถามเจ้าหน้าที่ได้ทันทีเมื่อเกิดเหตุการณ์

สำหรับเหตุการณ์ปัจจุบัน คสช.มีอำนาจในการสั่งให้เจ้าหน้าที่ทหารเข้าตรวจค้นบ้านของบุคคลต้องสงสัยได้โดยถูกต้องตามกฎหมายเพื่อเฝ้าระวังความปลอดภัยของประเทศชาติ โดยทุกครั้งเจ้าหน้าที่ที่เข้าตรวจค้นจะสวมเครื่องแบบที่ถูกต้อง ครบถ้วน และมียานพาหนะของกองทัพไปด้วยทุกครั้ง หากประชาชนมีข้อสังสัยสามารถขอดูบัตประจำตัวเจ้าหน้าที่ได้ทันที หรือสอบถามโดยตรงได้ที่ศูนย์ประชาสัมพันธ์ คสช. 094-128-6273-9
หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ กรกฎาคม 21, 2014, 06:03:28 am
คนผวาสัตว์ต่างถิ่นมีพิษกัดคนอาการโคม่า

-http://club.sanook.com/44739/%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%9C%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%A7%E0%B9%8C%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%96%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%9E%E0%B8%B4/-



ข่าว 7 สี

แมงมุมสีน้ำตาล ที่กัดหนุ่มชาวแพร่อาการโคม่า เป็นสัญญาณบ่งบอกถึงภัยร้ายเข้ามาใกล้ตัวมากขึ้น ติดตามเรื่องนี้กับ คุณฐิตาภัสร์ ศิริธัญญะวงศ์

ภาพซากแมงมุมที่มีขนาดเล็กมาก ไม่ถึง 10 มิลลิเมตรที่เห็นอยู่นี้ คือ แมงมุมสีน้ำตาล เป็นสัตว์มีพิษต่างถิ่น จากสหรัฐอเมริกา และเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญ ที่แพทย์นำมาวินิจฉัย อาการของ นายอุทัย เวียงคำ หนุ่มชาวจังหวัดแพร่ ที่ถูกเจ้า แมงมุมตัวนี้กัด จนอาการโคม่า

ถือเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ที่มีการนำซากแมงมุม มาใช้ร่วมวินิจฉัยรักษาผู้ป่วย จากเดิมจะวินิจฉัยจาก ร่องรอยกัดในตัวผู้ป่วยเท่านั้น

ทุกวันนี้ สัตว์ต่างถิ่นทั้งที่มีพิษและไม่มีพิษ ถูกนำเข้ามาในไทยมากขึ้น ทั้งการลักลอบนำเข้ามาเลี้ยง มาขาย และติดมากับเรือสินค้า ยิ่งพวกแมลง หรือสัตว์ตัวเล็ก จะหลบสายตาเจ้าหน้าที่ได้ง่าย

ความนิยมของพวกชอบเลี้ยงสัตว์แปลก ที่มากขึ้น ทำให้ผู้ค้าสัตว์หายาก เริ่มเพาะพันธุ์ขายกันเองก็มี เช่น งูหลายสายพันธุ์ ทำให้การแพร่กระจายของสัตว์ต่างถิ่นมีมากจนเกินควบคุม

ทีมข่าว 7 สีได้เข้าไปสำรวจ ย่านค้าสัตว์แปลกใน ตลาดนัดจตุจักรเดินดูหลายร้าน ไม่มีเจ้าแมงมุมมีพิษ วางขายอยู่แล้ว สอบถามผู้ค้า ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ไม่คุ้มที่จะเสี่ยงนำสัตว์เหล่านี้มาขายหากถูกจับได้ ผู้ที่ชอบเลี้ยงสัตว์ต่างก็หวาดกลัว อยากให้ควบุคมการลักลอบนำเข้าสัตว์เหล่านี้

กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ยอมรับแต่ละปีจับผู้ลักลอบในสัตว์เข้ามานับพันคดี แค่ 10 เดือนที่ผ่านมา จับกุมแล้ว 372 คดี โดยเฉพาะเต่าและตะพาบน้ำ มีมากสุดถึงกว่า 2,000 ตัว

ปัญหานี้คงอาศัยทางการตามจับ สกัดการลักลอบนำเข้าสัตว์มีพิษอย่างเดียวไม่ได้ ผู้ชอบเลี้ยง ผู้ค้า ต้องตระหนักถึงพิษภัย หากสัตว์ที่คุณเลี้ยง คุณค่าสร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้อื่น ที่อาจถึงชีวิต



http://club.sanook.com/44739/%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%9C%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%A7%E0%B9%8C%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%96%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%9E%E0%B8%B4/ (http://club.sanook.com/44739/%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%9C%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%A7%E0%B9%8C%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%96%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%9E%E0%B8%B4/)
.
หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ กรกฎาคม 21, 2014, 10:33:40 pm
แมงมุมพิษกัด ห้ามนวด-ประคบร้อน หวั่นพิษกระจาย

-http://health.kapook.com/view93576.html-

(http://img.kapook.com/u/patcharin/Health/ETC./mangmoom.jpg)


สาธารณสุขแพร่เตือน หากโดนแมงมุมพิษกัด ห้ามประคบร้อน ห้ามนวด เพราะจะทำให้พิษกระจาย แนะนำให้รีบล้างแผลด้วยสบู่และน้ำสะอาด แล้วรีบพบแพทย์โดยด่วน (สสจ.แพร่)

          แมงมุมพิษกัด ห้ามประคบร้อน ห้ามนวดเด็ดขาด เพราะจะทำให้พิษกระจาย แนะรีบล้างแผลด้วยสบู่และน้ำสะอาด แล้วรีบพบแพทย์โดยด่วน

          จากกรณีที่ประชาชน 4 รายในอำเภอเด่นชัยโดนแมงมุมพิษกัด รายแรกอาการสาหัส ยังรักษาตัวอยู่ที่ รพ.แพร่ ส่วนอีก 3 ราย หลังโดนแมงมุมพิษกัดได้รีบมาพบแพทย์ทันที ขณะนี้อาการไม่น่าเป็นห่วง แต่มีบาดแผลจากการถูกแมงมุมพิษกัด ได้มาทำแผลทุกวัน ขณะนี้อาการดีขึ้นแล้วนั้น

          นายแพทย์ปิติ ทั้งไพศาล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดแพร่ กล่าวว่า แมงมุมทุกชนิดมีพิษเพื่อล่าเหยื่อ หากถูกแมงมุมทั่วไปกัดอาการก็จะคล้ายแมลงกัดต่อย จะมีอาการปวดบวมร้อน แต่ถ้าถูกแมงมุมพิษกัดจะเป็นอันตรายได้

          ทั้งนี้ แมงมุมมีพิษที่มีความสำคัญทางการแพทย์ ได้แก่ แมงมุมแม่ม่ายดำ และแมงมุมพิษสีน้ำตาลซึ่งคนมักเรียกชื่อผิดว่า แมงมุมแม่ม่ายสีน้ำตาล หากโดนแมงมุมแม่ม่ายดำกัด พิษของมันจะออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทส่วนกลาง มีเลือดออกตามอวัยวะภายใน ต่อมน้ำเหลืองบริเวณรักแร้ ขาหนีบ มีการอักเสบกดรู้สึกเจ็บได้ มีเหงื่อออก ความดันโลหิตสูง รอยกัดเขียวช้ำ มีจุดแดง อาการที่เฉพาะของพิษคือ อ่อนแรง สั่น ปวดกล้ามเนื้อ กล้ามเนื้อเกร็ง ท้องแข็ง เป็นอัมพาต ซึมและชักในรายที่แพ้พิษรุนแรง

          นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดแพร่ กล่าวต่อว่า หากโดนแมงมุมพิษสีน้ำตาลกัด จะไม่มีอาการในระยะแรก แต่หลังจากนั้น 3-8 ชั่วโมง จะเริ่มรู้สึกเจ็บ บวมแดง อาการปวดจะเป็นมากขึ้นเรื่อย ๆ มีการอักเสบ เป็นผื่น แผลเริ่มมีสีดำไหม้ เป็นหนอง ขนาดแผลเส้นผ่าศูนย์กลาง 1-2.5 เซนติเมตร ขอบแผลยกขึ้น ผิวหนังบริเวณที่ถูกกัด เป็นเนื้อตายเกิดเป็นแผลเป็นขนาดใหญ่ ใช้เวลาประมาณหลายเดือนแผลจึงหายสนิท บางรายที่พิษเข้าสู่กระแสโลหิต ผู้ป่วยอาจมีอาการปัสสาวะขัด โลหิตจาง เป็นไข้ ตัวเขียว และอาจเสียชีวิต

          นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดแพร่ กล่าวย้ำในตอนท้ายว่า หากถูกแมงมุมพิษสีน้ำตาลกัด ห้ามนวด ห้ามประคบร้อนบริเวณที่ถูกแมงมุมกัดโดยเด็ดขาด เนื่องจากจะทำให้พิษกระจาย ให้รีบล้างทำความสะอาดแผลด้วยสบู่และน้ำสะอาด และรีบไปโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้บ้านทันที หลังจากแพทย์อนุญาตให้กลับบ้าน ผู้ป่วยจะต้องไปติดตามอาการทุกวัน อย่างน้อยเป็นเวลา 4 วันหลังถูกแมงมุมพิษสีน้ำตาลกัด และการป้องกันที่ดีที่สุด ควรจัดบ้านเรือนให้สะอาด ปัดหยากไย่ ไม่ให้มีในบ้าน ควรปัดที่นอน หมอน ผ้าห่ม และตรวจสอบที่นอนก่อนนอนทุกครั้ง


หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ กรกฎาคม 26, 2014, 02:07:50 pm
เก๋งชนสิบล้อไฟลุกวอดทั้งคัน! คลอกหนุ่มดับสยองคารถ


-http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRRd05qTXpPRFF4T0E9PQ==&subcatid=-



(http://www.khaosod.co.th/view_resizing_images.php?filename=online/2014/07/14063384181406350465l.jpg&width=260&height=260)


  เมื่อเวลา 03.30 น. วันที่ 26 ก.ค. ผู้สื่อข่าว ข่าวสด รายงานว่า พ.ต.ท.เสน่ห์ ยศรุ่งเรือง พนักงานสอบสวน สภ.หนองปรือ จ.ชลบุรี รับแจ้งมีเหตุรถชนและเกิดเพลิงลุกไหม้ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย เหตุเกิดบนถนนสาย 36 กระทิงลาย-ระยอง หมู่ 5 ต.โป่ง อ.บางละมุง จ.ชลบุรี จึงระดมกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างบริบูรณ์เมืองพัทยา และรถดับเพลิงเดินทางไปตรวจสอบ

 ที่เกิดเหตุ อยู่ฝั่งขาเข้าระยอง ตรงข้ามสนามแข่งรถพีระอินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต (พัทยา) โดยพบเพลิงกำลังโหมลุกไหม้รถยนต์เก๋ง โยโยต้า ยาริส สีดำ ทะเบียน กน 830 ชลบุรี ชนอัดท้ายรถบรรทุกสิบล้อ ยี่ห้อ อีซูซุ สีฟ้า ทะเบียน 83-0844 นนทบุรี พบศพผู้เสียชีวิตจำนวน 1 ราย คาซากรถยนต์เก๋ง เป็นชายไทย อายุ 30-35 ปี อยู่ที่เบาะนั่งคนขับ เจ้าหน้าที่จึงเร่งฉีดน้ำสกัดกั้นต้นเพลิง โดยใช้เวลานานกว่า 20 นาที

 จากการสอบสวน นายบุญชิน ทรัพย์มูล อายุ 43 ปี คนขับรถบรรทุก ทราบว่า ก่อนเกิดเหตุได้บรรทุกเศษเหล็กกว่า 12 ตัน จากตัวเมืองนนทบุรี เพื่อจะมาส่งขายให้กับ บริษัทสยามยาโมโต้ จ.ระยอง เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุ ได้ยินเสียงดังคล้ายยางระเบิด โดยไม่รู้ว่ามีรถยนต์เสียหลักมาพุ่งชนท้าย จึงไม่ได้เอะใจ จากนั้นขับมาประมาณเกือบ 1 กิโลเมตร ได้กลิ่นเหม็นไหม้ จึงจอดรถวิ่งลงดู พบรถยนต์เก๋งติดคาอยู่ท้ายรถ

 จากนั้นได้พยายามช่วยคนเจ็บออกจากตัวรถยนต์เก๋ง แต่เนื่องจากประตูรถยนต์เก๋งเปิดออกไม่ได้ และผู้เสียชีวิตรูปร่างอ้วนท้วม นอนหายใจรวยรินอยู่คาเบาะคนขับ โดยมีไฟลุกไหม้อยู่ด้วย จึงรีบนำน้ำในรถบรรทุกมาช่วยดับ แต่ไฟโหมเร็วมาก ทำให้ผู้เสียชีวิตถูกไฟคลอกตายคารถยนต์เก๋งดังกล่าว

 ภายหลังสอบสวนเบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงถ่ายรูปจุดเกิดเหตุ พร้อมทำบันทึกไว้เป็นหลักฐาน ก่อนควบคุมตัว นายบุญชิน คนขับรถบรรทุกสิบล้อไปดำเนินคดีตามกฎหมาย อย่างไรก็ตามจะได้เร่งหาหลักฐานเพิ่มเติม เพื่อจะติดต่อญาติผู้เสียชีวิตมารับศพไปบำเพ็ญกุศลทางศาสนาต่อไป
หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ กรกฎาคม 26, 2014, 03:27:32 pm
วิธีป้องกัน ′ลืมเด็กไว้ในรถ′!


รายงานพิเศษ

มติชนรายวัน 25 กรกฎาคม 2557

-http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1406299009-


เหตุการณ์เศร้าสลดกรณีลืมเด็กไว้ในรถในบ้านเราถือว่าเกิดขึ้นบ่อยมาก คำถามคือ ทำไมถึงเกิดเหตุเช่นนี้บ่อยครั้ง และเราจะมีวิธีป้องกันอย่างไรไม่ให้เกิดขึ้นซ้ำอีก

บีบีซีมีรายงานเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า ผู้อ่านหลายคนอาจคิดว่าพ่อแม่ผู้ปกครองที่ลืมลูกไว้ในรถได้นั้นสมควรถูกประณามและไม่ควรมีข้อแก้ตัวใดๆ แต่ผู้เชี่ยวชาญอย่าง เคท คารร์ (Kate Carr) ประธานองค์กร เซฟ คิดส์ เวิลด์ไวด์ (Safe Kids Worldwide) ชี้ว่าการลืมเด็กไว้ในรถเกิดขึ้นได้กับทุกคนโดยมี 3 สาเหตุ

สาเหตุหลักเกิดขึ้นเมื่อผู้ขับขี่เข้าสู่โหมด "ออโตไพล็อต" หรือ "ความเคยชิน" เป็นเรื่องสุดวิสัยอย่างแท้จริง

"ดิฉันได้พบกับหลายครอบครัวที่ประสบเหตุการณ์นี้ พวกเขาไม่ใช่คนเลวร้ายเลย พวกเขาเป็นประชาชนธรรมดาทั่วไป ไม่คาดคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์นี้กับตัวเอง" คารร์กล่าว พร้อมกับชี้ว่า วิถีชีวิตที่วุ่นวาย และเทคโนโลยีที่เข้ามาครอบงำทำให้ผู้คนขาดสมาธินำไปสู่การลืมเด็กไว้ในรถในที่สุด

สาเหตุที่สองที่อาจเกิดขึ้นคือ เด็กเดินเตาะแตะเข้าไปในรถด้วยตนเองเพราะสามารถกดรีโมตได้อย่างง่ายดาย รถบางรุ่นแค่ถือรีโมตไว้ใกล้ประตูโดยไม่ต้องกดก็สามารถเปิดประตูรถได้ ทำให้ผู้ปกครองไม่รู้ว่าลูกของตนเองอยู่ในรถ สาเหตุนี้คิดเป็นสัดส่วน 30% ของเหตุการณ์ลืมทิ้งลูกในรถที่เกิดขึ้นในอเมริกา

ส่วนสาเหตุสุดท้ายก็คือ ผู้ปกครองทิ้งลูกไว้ในรถอย่างตั้งใจเพื่อลงไปทำธุระโดยคิดว่าใช้เวลาไม่นานนัก จึงไม่น่าจะมีอันตรายกับลูกได้ อีกทั้งยังมีความเชื่อที่ผิดว่าการแง้มหน้าต่างไว้เล็กน้อยจะช่วยให้เด็กไม่ร้อนมากเกินไป แท้จริงแล้วอันตรายอย่างมาก

เหตุการณ์ลืมเด็กไว้ในรถเกิดขึ้นบ่อยครั้งไม่เฉพาะในเมืองไทย แต่รวมถึงอีกหลายประเทศทั่วโลก เฉลี่ยแล้วมีเด็กเสียชีวิตจากการถูกทิ้งไว้ในรถราว 38 รายต่อปีในอเมริกา แต่ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าตัวเลขอาจมีมากกว่านั้น

พ่อแม่ผู้ปกครองหลายคนควรตระหนักว่าอุณหภูมิภายในรถอาจพุ่งสูงเกินกว่า 10 องศาเซลเซียส ภายในเวลาเพียง 10 นาทีที่จอดรถกลางแจ้ง และเมื่ออุณหภูมิร่างกายของมนุษย์ขึ้นสูงเกินกว่า 40 องศาเซลเซียสจะส่งผลเสียอย่างร้ายแรงต่ออวัยวะภายในร่างกาย ขณะที่เด็กวัยแบเบาะจนถึง 5 ปี มีความเสี่ยงมากกว่าเพราะอุณหภูมิพุ่งสูงขึ้นเร็วกว่าผู้ใหญ่สามถึงห้าเท่าตัว

หลายรัฐในอเมริกาจึงออกกฎหมายลงโทษพ่อแม่ผู้ปกครองที่ลืมทิ้งลูกไว้ในรถเพื่อป้องกันเหตุการณ์นี้ เช่น รัฐฟลอริดาจำกัดเวลาไม่ให้ทิ้งลูกไว้ในรถเกินกว่า 15 นาที มิฉะนั้นจะมีความผิดทางกฎหมาย, การทิ้งเด็กอายุ 6 ปีหรือต่ำกว่าไว้ในรถอย่างไม่ปลอดภัยถือเป็นการละเมิดกฎหมายจราจรของรัฐแคลิฟอร์เนีย, การทิ้งเด็กอายุต่ำกว่า 7 ปีไว้ในรถที่ติดเครื่องยนต์ถือเป็นความผิดอาญาในเทนเนสซีและเนวาดา

ที่ผ่านมา มีการคิดค้นวิธีการเตือนความจำผู้ขับขี่ไม่ให้ลืมเด็กไว้ในรถ ทั้งสายคล้องประตูที่คิดโดยเด็กอายุ 12 ปี และแอพพลิเคชั่น ในสมาร์ทโฟน แต่สิ่งสำคัญที่สุดก็คือสมาธิของตัวผู้ขับขี่เอง

"ไม่มีเคล็ดลับใดๆ จะป้องกันการลืมเด็กไว้ในรถได้ แต่เราควรมุ่งเน้นที่พฤติกรรมมากกว่า เราไม่ควรทิ้งเด็กไว้ในรถไม่ว่าจะกี่นาทีก็ตาม ควรเก็บกุญแจรถให้ห่างจากมือเด็กและควรมีอุปกรณ์สำหรับเตือนความจำไว้ที่เบาะหลัง" คารร์กล่าว

อุปกรณ์เตือนความจำดังกล่าวอาจเป็นทั้งโทรศัพท์มือถือ รองเท้าที่จะใส่ กระเป๋าถือหรือเอกสารสำคัญที่ควรเก็บไว้ที่เบาะหลังข้างตัวเด็กเพราะทำให้เราต้องหันไปหยิบก่อนลงจากรถ

นอกจากนี้ ยังมีวิธีการเตือนความจำอื่นๆ อาทิ ควรใส่ตุ๊กตาไว้ในเบาะที่นั่งเด็ก เมื่ออุ้มเด็กมานั่งที่เบาะแล้วให้นำตุ๊กตามาไว้ที่เบาะหน้าแทนเพื่อเตือนก่อนลงจากรถ ติดตั้งเบาะนั่งสำหรับเด็กไว้ที่ด้านหลังฝั่งซ้ายเพื่อให้ผู้ขับขี่มองเห็นได้ง่ายกว่า ตรวจดูเบาะหน้าและเบาะหลังทุกครั้งก่อนล็อกรถ

หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ สิงหาคม 01, 2014, 09:49:48 pm
เบอร์ถูกขโมยด้วยการเปลี่ยนชื่อ

-http://hitech.sanook.com/1390713/%E0%B9%80%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C-dtac-%E0%B8%96%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%82%E0%B9%82%E0%B8%A1%E0%B8%A2%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%8A%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD-%E0%B9%84%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B9%80%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B9%83%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%9A%E0%B8%AD/-


ถูกขโมยด้วยการเปลี่ยนชื่อ, ได้รับเบอร์ใหม่ใกล้เคียงเบอร์เดิมแทน

เมื่อวานนี้มีรายงานจากคุณ udonza ผู้ดูแลเว็บ udon108 ลูกค้าของค่ายหมายเลข 6683xxx7373 เป็นหมายเลขเติมเงินที่ได้ลงทะเบียนชื่อเจ้าของเลขหมายไว้แล้ว แต่ปรากฎว่าหมายเลขกลับถูกเปลี่ยนชื่อเจ้าของและโอนไปให้ผู้ใช้คนอื่นในที่สุด

ทางค่ายแจ้งว่าได้ชดเชยให้กับคุณ udonza แล้วโดยยังเป็นหมายเลข 6683xxx7373 ใกล้เคียงหมายเลขเดิม และได้ปรับมาตรการให้เข้มงวดมากขึ้นเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหานี้อีก

ปัญหาความปลอดภัยของหมายเลขในกรณีนี้คงเป็นประเด็นมูลค่าของตัวเลขที่ มูลค่าสูงเพราะหมายเลขสวยมาก แต่หากผู้ให้บริการหละหลวมแม้แต่หมายเลขที่ลงทะเบียนไว้แล้วนับเป็นปัญหา ความปลอดภัย เพราะหมายเลขโทรศัพท์ทุกวันนี้ใช้เพื่อยืนยันบริการจำนวนมากเป็นปัจจัยที่ สอง ทั้งบัญชีธนาคาร, เฟซบุ๊ก, กูเกิล, หรือบริการสำคัญอื่นๆ

การที่หมายเลขสามารถถูกโอนไปยังคนอื่นโดยที่เราไม่รู้ตัวได้ ระบบยืนยันตัวตนที่อาศัยหมายเลขโทรศัพท์ก็อาจจะมีปัญหาทำให้เข้าบัญชีตัวเอง ไม่ได้ หรือกระทั่งคนร้ายอาจจะยึดหมายเลขอย่างเจาะจงเพื่อขโมยเงินในบัญชี

งานนี้คงต้องรอดูกสทช. ที่สนับสนุนให้ผู้ใช้ช่วยกันลงทะเบียนเลขหมายเพื่อความปลอดภัยว่าหากลงทะเบียนแล้วยังไม่ปลอดภัยจะมีมาตรการอย่างไร

ที่มา - Pantip.com, udon108



หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ สิงหาคม 03, 2014, 09:42:37 am
นักกีฏวิทยาเตือนอย่าใช้สารเคมีพ่นฆ่าแมงมุม/ยันไม่ได้ผล
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์    3 สิงหาคม 2557 08:45 น.

-http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9570000087863-



ลำปาง – นักกีฏวิทยาด้านแมงมุม แนะอย่าใช้สารเคมีฆ่าแมงมุม บอกไม่ได้ผล แต่ควรให้วิธีนำตัว – รังไข่มาทำลายด้วยมือ หรือเผาทิ้งแทน
       
       นายประสิทธิ์ วงษ์พรม นักวิจัยด้านกีฏวิทยา ภาควิชากีฏวิทยา คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ซึ่งเป็นผู้วิจัยด้านแมงมุม ได้ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์กับผู้สื่อข่าว หลังที่เจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลบ้านสา อ.แจ้ห่ม จ.ลำปาง นำสารเคมีเข้าพ่นทั่วบริเวณวัดบ้านสามัคคี ม.5 ต.บ้านสา อ.แจ้ห่ม จ.ลำปาง เพื่อกำจัดแมงมุมแม่หม้ายสีน้ำตาล ว่า ตนไม่แนะนำให้ใช้สารเคมีฆ่าแมงมุม
       เพราะสารเคมีไม่สามารถฆ่าแมงมุมได้ นอกจากจะฉีดโดนตัวจริงๆเท่านั้น รวมทั้งไม่สามารถฆ่าไข่ของแมงมุมได้เช่นกัน เนื่องจากไข่ของแมงมุมอยู่ในถุงไข่ที่ถูกห่อหุ้มด้วยใยแมงมุม
       
       “วิธีเดียวที่จะกำจัดแมงมุมได้ก็คือ การทำร้ายตัว และทำลายรังไข่แมงมุม เพื่อไม่ให้มีการแพร่กระจายของตัวอ่อนเท่านั้น”
       
       นายประสิทธิ์ ยังกล่าวอีกว่า การใช้สารเคมีจำนวนมาก ในการฉีดพ่นบริเวณที่อยู่อาศัยหรือในพื้นที่อื่นๆ นอกจากจะทำให้ระบบนิเวศน์ของแมงและแมลงที่มีอยู่ตามธรรมชาติถูกทำลายแล้ว ยังมีอันตรายต่อคนอีกด้วย ดังนั้นตนจึงไม่แนะนำให้ใช้สารเคมีในการฆ่าแมงมุม
       
       นายประสิทธิ์ ยืนยันอีกว่า และที่สำคัญแมงมุมไม่ได้อันตรายขนาดที่กัดคนแล้วตาย ดังนั้นจึงไม่ต้องหวาดกลัว การทำลายควรใช้วิธีแบบบ้านๆ คือ การใช้มือ หากกลัวก็ใส่อุปกรณ์ป้องกัน หรือไม้กวาดทั่วไป กวาดรังไข่ที่เป็นถุงไข่ของแมงมุมออกมาแล้วทำลายจะด้วยการทุบ หรือเผาก็ได้ ทำติดต่อกัน ทุกสัปดาห์ประมาณ1 เดือน แมงมุมก็จะหมดไป และ 2 สัปดาห์ หรือเดือนถัดไป ควรกลับมาดูใหม่อีกครั้ง พร้อมกับทำความสะอาดบ้านเรือนเป็นประจำไม่ควรปล่อยให้มีพื้นที่ที่รกหรือสกปรก



หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ สิงหาคม 03, 2014, 09:50:12 am

ถ้าทำอะไรไม่ได้  ก็ให้นำไซยาไนด์ ใส่ในลูกชิ้นเนื้อ โรยไว้ใกล้ๆบ้านที่หมาอยู่

จะได้หมดปัญหาครับ

------------------------------------------------------

พิตบูลโหด ขย้ำหญิงวัย 58 กัดท้องเหวอะ-กระดูกแตก

-http://hilight.kapook.com/view/106100-

(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/natthida/inn/555929-02.jpg)

(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/natthida/inn/555929-01.jpg)


พิตบูล ขย้ำสาวใหญ่หวิดตายร้องทหารช่วย (ไอเอ็นเอ็น)

 
          พิตบูล ขย้ำหญิงวัย 58 หวิดตาย โชคดีคนงานชาวพม่าเข้าช่วย คนเจ็บร้องขอความเป็นธรรมทหารแล้ว

          วานนี้ (2 สิงหาคม 2557) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า มีผู้ถูกสุนัขพันธุ์พิตบูล กัดบาดเจ็บสาหัส นอนพักรักษาตัวที่โรง พยาบาลพระจอมเกล้า จ.เพชรบุรี จึงเดินทางไปตรวจสอบ ทราบชื่อผู้บาดเจ็บคือ นางวารินทร์ พลสงคราม อายุ 58 ปี อยู่บ้านเลขที่ 73/1 หมู่ 5 ต.บางเค็ม อ.เขาย้อย จ.เพชรบุรี สภาพร่างกายมีบาดแผลจากการถูกเขี้ยวสุนัขกัดที่หน้าท้องเป็นแผลฉกรรจ์ หลายแผล ที่ฝ่ามือซ้ายถูกกัดจนกระดูกแตก นิ้วก้อยหัก ท้องแขนมีบาดแผลเป็นรูเขี้ยว 9 แห่ง ที่ฝ่ามือขวาและแขน มีบาดแผลถูกกัดเป็นแผลเหวอะหวะเช่นกัน นอกจากนี้ยังมีอาการระบบอักเสบ เพราะพิษบาดแผล ปวดกล้ามเนื้อ และไข้ขึ้นสูง

          สอบถาม นางวารินทร์ เล่าว่า สุนัขตัวดังกล่าวได้กัดกระชากตนนานกว่า 3 นาที ขณะนั้นตนล้มลงและเริ่มต่อสู้ไม่ไหวกระทั่งมีชายชาวพม่า ซึ่งเป็นคนงานในโรงงานละแวกใกล้เคียงผ่านมาพบเห็นและพยายามช่วย สุนัขจึงหันไปกัดชายคนดังกล่าวเข้าที่แขนซ้ายเป็นแผลฉกรรจ์และยื้อยุดกระชากกัน ตนร้องขอความช่วยเหลือเพื่อนบ้านที่อยู่ละแวกใกล้เคียงได้เปิดประตูรั้วออกมาพยุงตนเข้าไปในบ้าน และช่วยกันขับไล่หมาตัวดังกล่าว กระทั่งเจ้าของสุนัขมาพบเห็น และรีบไล่สุนัขกลับบ้านไป และตนจึงได้นำเรื่องไปร้องขอความเป็นธรรมจาก เจ้าหน้าที่ทหาร มทบ.15 แล้ว

หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ สิงหาคม 12, 2014, 06:14:35 pm
เหล็กยังปลอม ดูกันชัดๆ เหล็กเส้นปลอมมันเป็นแบบนี้


http://www.youtube.com/watch?v=H0jgsRBq0wc#t=39 (http://www.youtube.com/watch?v=H0jgsRBq0wc#t=39)
-http://www.youtube.com/watch?v=H0jgsRBq0wc#t=39-


.

หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ สิงหาคม 12, 2014, 06:29:34 pm
ข้าวสารปลอม ระบาดในประเทศจีน

-http://hilight.kapook.com/view/106495-


ข้าวปลอม

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก Kamollak Pakkrueapan

          ข้าวสารปลอม ระบาดในประเทศจีน มีกระบวนการผลิตนำมันฝรั่งผสมเม็ดพลาสติก หุงแล้วแข็งกว่าข้าวจริง มีอันตรายที่สารเคมี

          วันนี้ (12 สิงหาคม 2557) โซเชียลเน็ตเวิร์ก ต่างแชร์เรื่องราวข้าวปลอมกันอย่างแพร่หลาย โดยเรื่องดังกล่าว เฟซบุ๊ก Kamollak Pakkrueapan ได้โพสต์เอาไว้เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2557 ว่า ตอนนี้ที่ประเทศจีนมีข้าวปลอมระบาดกันทั่วเมือง โดยทำจากส่วนผสมของมันฝรั่งและเม็ดพลาสติก จนเมื่อนำไปหุงก็จะแข็งกว่าข้าวปกติ อย่างไรก็ตาม ข้าวชนิดนี้ไม่มีคุณค่าทางสารอาหาร แต่มีความน่ากลัวที่สารเคมีมากกว่า

สำหรับข้อความทั้งหมด มีดังนี้

          "ข้าวสารปลอม" ประเทศจีน !! ตามรายงานพบว่ามีข้าวสารปลอมระบาด ซึ่งกันขายเกลื่อนกลาดในเมืองไท่หยวน มณฑลชานซี ประเทศจีน โดยข้าวสารปลอมนี้ทำจากส่วนผสมของมันฝรั่งกับเม็ดพลาสติก โดยการผลิตข้าวสารปลอมนั้นมีกรรมวิธีผลิตขั้นตอนแรกโดยการนำมันฝรั่งมาบดแล้วนำมาผสมกับเรซิ่นสังเคราะห์ (พลาสติกเหลว เมื่อนำมาผสมสารทำให้แข็งตัวจะจับตัวแข็ง) ต่อมาก็จะนำมาขึ้นรูปด้วยเครื่องอัดเม็ดให้มีลักษณะที่เหมือนกับรูปร่างของเมล็ดข้าวจริง ๆ ซึ่งข้าวสารปลอมพวกนี้เมื่อนำไปหุงจะมีลักษณะที่แข็งกว่าข้าวธรรมดา จะไม่เละหรือเหลวเมื่อหุง ซึ่งไม่มีประโยชน์คุณค่าทางอาหาร แต่ที่น่ากลัวคือสารเคมี







หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ สิงหาคม 16, 2014, 10:43:57 am
ชาวเน็ตสับเละลูก 6 คนจบสูง!ทิ้งพ่อ-แม่ยามแก่เฒ่า

-http://www.dailynews.co.th/Content/crime/259741/%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%99%E0%B9%87%E0%B8%95%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%81+6+%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%88%E0%B8%9A%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B8%87!%E0%B8%97%E0%B8%B4%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B9%88%E0%B8%AD-%E0%B9%81%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B9%88%E0%B9%80%E0%B8%92%E0%B9%88%E0%B8%B2-



(http://www.dailynews.co.th/imagecache/670x490/cover/796524.jpeg)

สังคมออนไลน์จวกลูกทรพี ทิ้งพ่อวัย 82 เผชิญชีวิตกลางถนน พ่อขับรถแท็กซี่หาเงินซื้อยารักษา แม่วัย 78 ป่วยเป็นอัมพาต เผยชีวิตใกล้ฝั่งต้องทำตัวให้แข็งแรง แม้มีลูก 6 คนส่งเรียนจบสูง แต่ไม่เคยเหลียวแล
วันเสาร์ 16 สิงหาคม 2557 เวลา 00:59 น.

เมื่อวันที่ 15 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในโลกของสื่อสังคมออนไลน์ หรือ โซเชียลมีเดีย ได้มีการโพสต์ภาพพร้อมข้อความร้องขอความช่วยเหลือ ชายชราขับรถแท็กซี่รายหนึ่งจนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง โดยผู้ใช้เฟซบุ๊ก "Coral Mbk" โพสภาพและข้อความส่วนตัวเล่าถึง คุณลุง "วีรยุทธ์ พรหมมณี" ชาวจ.พระนครศรีอยุธยา วัย 82 ปี ที่ต้องออกมาขับรถแท็กซี่เพื่อหาเงินไปรักษาภรรยาวัย 78 ปี ที่นอนป่วยเป็นอัมพาต หลังส่งเสียลูกทั้ง 6 คนจนจบการศึกษาแต่ไม่เคยหันกลับมาดูแลพ่อแม่แม้แต่น้อย ทำนองว่า

"เมื่อวานเรียกรถแท๊กซี่ไป รพ จุฬา เปิดประตูมาเจอคุณลุงท่านนี้ ลุงบอกว่าวิ่งมาตั้งนานเพิ่งได้ลูกค้า ตอนแรกกะจะไม่ไปแล้ว ลุงจะขับรถไหวหรอเนี้ยะ ตั้งแต่นั่งแท๊กซี่มาเจอลุงอายุมากสุด ลุงอายุ 82 ปี ผอม ไม่มีฟันแล้ว นั่งกุมพวงมาลัยชิดเลย เอาวะขึ้นก้อขึ้น สงสารลุงไปก้อไปแบบใจตุ้ม ๆ ต๋อม ๆ เลยถามลุงว่าลูกมีไหม ทำไมอายุมากแล้วยังมาขับอีก ลุงบอกว่ามีลูก 6 คน แต่หายไปไม่ติดต่อมาเลย ลูกมีการศึกษาได้เรียนหนังสือสูง ๆ กันทุกคน (ยังคิดว่าความรู้ไม่ได้ช่วยให้จิตใจคนเรียนสูงขึ้นตาม)

"ทุกวันนี้อยู่กะยาย อายุ 78 ปี เป็นอัมพาต ต้องเช็ดฉี่เช็ดอึให้ ต้องหาเงินมาเพื่อซื้อยาหม้อให้ยายกิน แกบอกว่าสามสิบบาทไม่ได้รับคนไข้อัมพาต อย่างดีก้อได้ยามากินแล้วไล่กลับบ้าน น่าสงสารลุงมาก เพราะว่าบางวันขับรถขาดทุนสองคนตายายต้องกินข้าวต้มกับซีอิ้ว อาหารดี ๆ ไม่เคยได้กินมาหลายปีแล้ว เห็นลุงเล่าไปแล้ว เลยช่วยค่าข้าวลุงไป เพราะลุงบอกว่ามีผู้โดยสารให้เงินเดือนหรือรับไปอยู่ด้วย ลุงยังบอกว่าเกรงใจเค้า ไม่ใช่ลูกใช่หลานเรายังคิดเอยปากช่วยเหลือ ลุงไม่ขอรบกวนใครหรอก ก่อนลงจากรถ หลังจากให้ค่าข้าวลุงไปกินข้าว สามร้อย ลุงก็อวยพรให้ เลยบอกลุงว่า เงินมี ข้าวมี สุขภาพไม่ดี จะมีค่าอะไร ลุงคือผู้ที่รวยมากเลยนะ ลุงรวยสุขภาพไม่เป็นโรคอะไรเลย และลุงรวยความรักที่มีให้กลับภรรยา"

นอกจากนี้เจ้าของเฟซบุ๊ก ยังระบุอีกว่า "ลุงวีรยุทธ์ไม่มีมือถือ ไม่มีบัญชีธนาคาร อ่านหนังสือออกบ้างไม่ออกบ้าง ตอนนี้อยู่บ้านเช่าในกรุงเทพฯ ค่าเช่าเดือนละ 1,600 ซึ่งโพสต์ดังกล่าวได้เรียกความสงสารและเสียงวิพากษ์ณืวิจารณ์อย่างมากถึงกรณีที่ลูกไม่เคยกลับมาดูแลพ่อแม่ที่อยู่ในวัยชรา ที่ควรจะได้พักผ่อนในยามนี้ แต่กลับต้องออกมาทำมาหากินอย่างยากลำบาก แถมยังเสี่ยงอันตรายบนท้องถนนด้วย".


หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ สิงหาคม 17, 2014, 08:05:17 am
แชร์คลิปเตือนภัยไม่ถึง 30 วินาที โจรชิงรถดื้อๆ
วันเสาร์ 16 สิงหาคม 2557 เวลา 17:47 น.

-http://www.dailynews.co.th/Content/regional/259840/%E0%B9%81%E0%B8%8A%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%9B%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%A0%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%96%E0%B8%B6%E0%B8%87+30+%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%B5+%E0%B9%82%E0%B8%88%E0%B8%A3%E0%B8%8A%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B8%A3%E0%B8%96%E0%B8%94%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B9%86-


เมื่อวันที่ 16 ส.ค. เตือนภัยสำหรับผู้ขับรถในเวลาค่ำคืน หลังจากผู้ที่ใช้ชื่อเพจว่า @อย่าขี้โม้ดีกว่า โพสต์คลิปเหตุการณ์ชิงทรัพย์ โดยเป็นภาพที่หนุ่มสาวซึ่งคาดว่าเป็นแฟนกันกำลังจอดรถเก๋งส่วนตัวบริเวณริมฟุตปาธ โดยฝ่ายหญิงเป็นคนขับ ส่วนฝ่ายชายนั่งข้าง จากนั้นหลังจอดเสร็จทั้งคู่ได้เปิดประตูลงมาจากรถ ทันใดนั้นเหตุร้ายก็เกิดขึ้น เมื่อคนร้าย 2 ราย ได้ขับรถยนต์พุ่งเข้ามาประชิดตัวหญิงสาวอย่างกะทันหัน ก่อนคนร้ายที่นั่งข้างคนขับลักษณะสวมหมวกไหมพรมปิดบังใบหน้าจะเปิดประตูรถและปรี่ชักมีดขึ้นมาข่มขู่หญิงสาวให้ส่งกุญแจรถ ด้วยความตกใจทำให้เหยื่อทำกุญแจรถตกพื้น

จากนั้นคนร้ายได้หยิบและรีบนำไปสตารืทเครืองขับหนีไปอย่างง่ายดาย ใช้เวลาไม่ถึง 30 วินาที โดยคนร้ายอีกคนที่จอดรถรออยู่จะรีบขับหนีตามไป ซึ่งช่วงที่โดนก่อเหตุหญิงสาวมีท่าทางตื่นกลัวแต่ก็สียดายรถจึงพยายามขอความเห็นใจจากคนร้าย ทำให้แฟนหนุ่มที่เกรงว่าแฟนจะโดนทำร้ายต้องเข้าดึงตัวห้ามปรามไว้ กระทั่งจำเป็นต้องปล่อยให้รถถูกชิงไปต่อหน้าต่อตา แม้จะมีรถพลเมืองดีขับติดตามไป แต่ก็ยังไม่มีความคืบหน้า ซึ่งคลิปดังกล่าวมีการแชร์ไปอย่างรวดเร็ว เพื่อให้ระมัดระวังเตือนภัยใกล้ตัว พร้อมทั้งแสดงความคิดเห็นถึงวิธีการป้องกันหรือการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่ถูกต้องกันไปต่างๆนานา ตามวิจารณญาณของแต่ละคน.


เตือนภัย ชิงรถดื้อๆ (http://www.youtube.com/watch?v=IQ-DB7EnYjc#)
-http://www.youtube.com/watch?v=IQ-DB7EnYjc-

.
หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ สิงหาคม 19, 2014, 06:10:14 am
สลด! เด็กอนุบาลสระบุรี ถูกป้ายเหล็กทับเสียชีวิต


-http://news.sanook.com/1651133/%E0%B8%AA%E0%B8%A5%E0%B8%94-%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%87%E0%B8%81%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%B8%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%A3%E0%B8%B5-%E0%B8%96%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%9B%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B9%87%E0%B8%81%E0%B8%97%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%95/-


นำเสนอข่าวโดยทีมงาน Sanook.com

เมื่อเวลา 15.00 น. พ.ต.ต.พงษ์พิทักษ์ โม่งขุนทด พนักงานสอบสวน สภ.วิหารแดง จ.สระบุรี ได้รับแจ้งจากโรงพยาบาลวิหารแดงว่า มีเด็กนักเรียนประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตที่โรงพยาบาล จึงพร้อมด้วย เจ้าหน้ามูลนิธิร่วมกตัญญูวิหารแดง รุดไปที่โรงพยาบาลวิหาร

พบเด็กเสียชีวิตทราบชื่อคือ น้องบี อายุ 4 ขวบ เด็กนักเรียนโรงเรียนบ้านกง ต.หนองหมู อ.วิหารแดง จ.สระบุรี สภาพศพอยู่ในชุดนักเรียนอนุบาล พบบาดแผลที่ศีรษะด้านซ้ายและบริเวณหน้าด้านซ้าย เลือดไหลนองเต็มเสื้อผ้าชุดนักเรียนอนุบาล

จากการสอบสวน นายศุภชาติ เปรมปรี ผอ.โรงเรียนบ้านกง ทราบว่า ก่อนเกิดเหตุประมาณ 10.30 น. เด็กๆ อนุบาลนักเรียนโรงเรียน เข้าไปรับประทานอาหารเสร็จแล้ว ก็กำลังเดินทางกลับห้องเรียน ระหว่างนั้นมีเด็กๆ นักเรียน ประมาณ 3-4 คน ที่กำลังเดินห้องเรียนเหมือนกัน ได้ไปเกาะห้อยโหนโครงเสาป้ายเหล็ก ขนาดสูง 2.50 เมตร กว้างประมาณ 2.50 เมตร และเหนือป้ายมีเหล็กแบบตะแกงไว้สำหรับติดบอร์ดประชาชนสัมพันธ์ สูงจากพื้นประมาณ 1.20 เมตร เสาป้ายเป็นเหล็กกลมแป็ป ขนาด 1 นิ่วครึ่ง โคนเสาป้ายฝังในดิน

เด็กอนุบาล 3-4 คนไปโหนป้ายเล่นตามประสาเด็กอย่างสนุกสนาน และโคนเสาเหล็กที่ฝังดินมานาน เกิดโคนเหล็กที่ฝังดินจนผุกร่อน ไม่แข็งแรง เกิดหักทั้งสองเสาลงมาพร้อมกัน ทำให้โครงป้ายเหล็กพังลงมาและทับร่าง น้องบี เด็กอนุบาลชั้น 1/2 ที่กำลังเดินทางจะกลับชั้นเรียน ถูกโครงเหล็กทับที่ศีรษะจนแตกเป็นแผลและหน้าอกด้านซ้าย เลือดไหลนอง

นายศุภชาติ ผู้อำนวยทราบข่าวรีบนำร่างของน้องบี นำส่งโรงพยาบาลวิหารแดงและเสียชีวิตในเวลาต่อมา



หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ สิงหาคม 23, 2014, 09:53:23 pm
เตือนภัย โจรทุบกระจกรถขโมยของ


เตือนภัย โจรทุบกระจกรถขโมยของ (http://www.youtube.com/watch?v=c5x0bb--LAU#)
-http://www.youtube.com/watch?v=c5x0bb--LAU-


หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ สิงหาคม 24, 2014, 09:16:42 am
รายการ "เรื่องจริงผ่านจอ"
-http://thairealtv.com/home/-



http://thairealtv.com/home/ (http://thairealtv.com/home/)


หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ สิงหาคม 24, 2014, 07:54:48 pm
จับแล้วแท็กซี่ทำร้ายนักท่องเที่ยวชาวจีน อ้างไม่มีเงินใช้


-http://hilight.kapook.com/view/107010-


(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/fontip/crime2/14088534181408861906l.jpg)




เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ข่าวสด

            จับแล้วคนขับแท็กซี่ทำร้ายชิงทรัพย์นักศึกษาสาวชาวจีนที่มาเที่ยวไทย สารภาพก่อเหตุจริง เพราะไม่มีเงินใช้ ตำรวจส่งตัวดำเนินคดีต่อไป

            สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2557 เกิดเหตุคนขับรถแท็กซี่ทำร้ายนักศึกษาหญิงชาวจีนที่เดินทางมาเที่ยวประเทศไทย ขณะโดยสารรถไปยังสนามบินดอนเมืองเพื่อเดินทางกลับประเทศจีน แต่นักศึกษาหญิงเอาตัวรอดมาได้และร้องขอความช่วยเหลือจากตำรวจทางหลวงนั้น

            ล่าสุด วันที่ 24 สิงหาคม 2557 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แถลงข่าวจับกุม นายสมโภชน์ หรือ เบิร์ด ครุฑเผือก อายุ 32 ปี ชาวจังหวัดสุราษฎร์ธานี คนขับแท็กซี่ โตโยต้า สีชมพู-ขาว ทะเบียนป้ายแดง ณ-9729 กทม. ผู้ก่อเหตุทำร้ายนักศึกษาชาวจีนได้แล้ว พร้อมของกลางรถแท็กซี่ กระเป๋าเดินทางสีแดงขนาดใหญ่ 1 ใบ ภายในมีเงินสดกว่า 3,000 บาท และเงินสกุลจีน 500 หยวน พร้อมด้วยทรัพย์สินอื่น ๆ ของนักศึกษาชาวจีน


  โดยนายสมโภชน์ให้การรับสารภาพว่า ลงมือก่อเหตุจริงเพราะไม่มีเงินใช้ และหลังจากก่อเหตุก็ได้หลบหนีไปกบดานที่หอพักแห่งหนึ่งในย่านตลิ่งชัน

            ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้นำตัวผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่ถนนเลียบมอเตอร์เวย์แล้ว ก่อนส่งตัวไปดำเนินคดีตามขั้นตอนตามกฎหมาย ซึ่งได้แจ้งข้อหาชิงทรัพย์ผู้อื่นโดยใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำผิดหรือพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นการจับกุม

เรื่องเล่าเสาร์-อาทิตย์ รวบแท็กซี่ชิงทรัพย์-ทำร้ายนทท.จีน (24 ส.ค.57) (http://www.youtube.com/watch?v=wvYkVor_8qE#ws)
-http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=wvYkVor_8qE-

คลิป รวบแท็กซี่ชิงทรัพย์-ทำร้ายนทท.จีน (24 ส.ค.57) : เครดิต รายการเรื่องเล่าเช้านี้ โพสต์โดย คุณเรื่องเล่าเสาร์-อาทิตย์ บีอีซี-เทโร


อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
-http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRRd09EZzFNelF4T0E9PQ==&subcatid=-





หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ สิงหาคม 30, 2014, 09:53:46 am
เตือนภัย! โจรขับรถหรู บุกปล้นบ้านกลางวันแสกๆ


-http://news.sanook.com/1658281/%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%A0%E0%B8%B1%E0%B8%A2-%E0%B9%82%E0%B8%88%E0%B8%A3%E0%B8%82%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%96%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%B9-%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%81%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%AA%E0%B8%81%E0%B9%86/-


(http://pe2.isanook.com/ns/0/ud/331/1658281/dwfd.jpg)

นำเสนอข่าวโดยทีมงาน Sanook.com

ชาวสังคมออนไลน์ได้มีการแชร์คลิป "ระวัง! โจรขับเก๋งหรู ปล้นบ้านคนกลางวันแสกๆ" เพื่อเตือนภัยให้กับผู้หญิงอยู่บ้านคนเดียว และคนที่ไม่ค่อยอยู่บ้าน ให้ระวัง โจรขับเก๋งหรู ย่องยกเค้าข้าวของเครื่องใช้ภายในบ้านไปแบบสบายๆ โดยไม่รู้สึกเกรงกลัวต่อความผิดแต่อย่างใด โดย ThaiCarLover.com ได้นำคลิปดังกล่าวมาเผยแพร่ พร้อมระบุว่า แก๊งมิจฉาชีพได้ใช้รถซุปเปอร์คาร์ ขับไปตามหมู่บ้านหรู จากนั้นก็ปีนยกเค้าขโมยทรัพย์สินไปแบบสบายๆ โดยเผยอีกว่าการใช้รถหรูบังหน้าเพื่อ รปภ. จะได้ไม่กล้าทำอะไร

สำหรับภาพเหตุการณ์ในคลิป ผู้พบเห็นเหตุการณ์เป็นเพื่อนบ้านของบ้านที่ถูกขโมย ซึ่งเธอได้บันทึกวีดีโอขณะชายคนหนึ่งปีนเข้าบ้านของเพื่อนบ้าน และทำการยกของออกมาทีละชิ้นๆ เพื่อเอาไปใส่รถอย่างสบายใจ โดยผู้เห็นเหตุการณ์ไม่กล้าโวยวาย เพราะอยู่เพียงลำพังกับลูก และแม้จะพยายามโทรแจ้งตำรวจแต่ก็โทรไม่ติด ภายหลังเจ้าของบ้านที่ถูกยกเค้ากลับมาตรวจสอบพบว่า ทรัพย์สินของตนเองหายไปร่วมแสนบาท อย่างไรก็ตามเบาะแสที่ได้มาคือ เลขทะเบียนรถ ฉต 6463 กรุงเทพมหานคร

ทั้งนี้ ชาวสังคมออนไลน์ต่างแชร์คลิปวิดีโอดังกล่าวเพื่อเป็นอุทาหรณ์ และเรียกร้องให้ตำรวจดำเนินการจับมิจฉาชีพกลุ่มนี้มาดำเนินคดีให้เร็วที่สุด

หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ กันยายน 06, 2014, 09:49:50 am
เรื่องนี้ เป็นเรื่องที่ชั่วช้ามาก สำหรับการกระทำของคนกลุ่มนี้


--------------------------------------------------------------------------------



วิจารณ์ยับ! คลิปหนุ่มเตะทรายไล่ฝรั่งอาบแดดหาดดัง

-http://news.sanook.com/1662587/%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%93%E0%B9%8C%E0%B8%A2%E0%B8%B1%E0%B8%9A-%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%9B%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%B0%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B9%84%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%9D%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%9A%E0%B9%81%E0%B8%94%E0%B8%94%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%B8%94%E0%B8%B1%E0%B8%87/-


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โลกโซเชียลเน็ตเวิร์กกำลังให้ความสนใจคลิปวิดีโอเหตุการณ์หนึ่ง ที่อาจจะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวเมืองไทยเป็นวงกว้าง หลังมีการผู้โพสต์เผยแพร่ภาพหนุ่มคนหนึ่ง เดินเข้าไปไล่นักท่องเที่ยวสาวชาวต่างชาติ กำลังอาบแดดอยู่ที่ชายหาดอย่างไม่สุภาพและไม่สามารถอธิบายเหตุผลให้นักท่องเที่ยวฟังได้ อีกทั้งยังมีการเตะทรายใส่ด้วย

ตามรายงานระบุว่า เมื่อวานนี้ (5 ก.ย.) มีคลิปวิดีโอความยาวประมาณ 1 นาที ถูกเผยแพร่แชร์ส่งต่อเป็นวงกว้างในโลกออนไลน์ คลิปที่ชื่อว่า "ไล่นักท่องเที่ยวให้ไปนั่งเก้าอี้ ชายหาดของพ่อมันหรือไง" ถูกโพสต์ลงในเว็บยูทูปและโซเชียลเน็ตเวิร์กช่องทางต่างๆ คลิปดังกล่าวแสดงให้เห็นภาพเหตุการณ์ ชายหนุ่มคนหนึ่งได้เดินเข้าไปหานักท่องเที่ยวสาวฝรั่งคนหนึ่ง ที่กำลังทาครีมกัดแดด เพื่ออาบแดดอยู่บนชายหาดแห่งหนึ่ง เขาได้ตะโกนขึ้นว่า "เฮ้!" ก่อนจะไล่นักท่องเที่ยวให้ลุกออกจากหากด้วยกิริยาและท่าทางที่ไม่สุภาพ นักท่องเที่ยวสาวประกาศชัดเจนว่า "ฉันจะนั่งตรงนี้!"

ต่อมา หนุ่มคนดังกล่าวได้โบกมือปฏิเสธ ไม่อนุญาตให้นั่งบนชายหาด ก่อนจะเดินไปรอบๆ นักท่องเที่ยวเพื่อไล่ที่ มีการเตะทรายหาดใส่นักท่องเที่ยว จนกระทั่งอีกฝ่ายไม่พอใจถามขึ้นมา "นี่คุณทำบ้าอะไร!?" ก่อนจะลุกขึ้นมาใช้ผ้าฟาดใส่และเกิดการถกเถียงกันขึ้น นักท่องเที่ยวสาวพยายามถามเหตุผลว่า ทำไมเธอถึงนั่งที่หาดนี้ไม่ได้ แต่หนุ่มคนดังกล่าวยังคงไล่นักท่องเที่ยว มีการดันตัวให้ไปนั่งเก้าอี้ริมหาดที่ถูกจัดตั้งเอาไว้เรียงราย จนกระทั่งนักท่องเที่ยวสาวตัดสินใจเดินหลบเข้าไปอย่างเสียความรู้สึก

อย่างไรก็ตาม หลังจากคลิปวิดีโอดังกล่าวถูกเผยแพร่ไปทั่วโลกออนไลน์ ก็เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก หลายคนได้ประณามการกระทำที่ไร้มารยาทดังกล่าว อีกทั้งยังมีการเรียกร้องให้ทาง คสช. เร่งจัดระเบียบชายหาดอีกหลายแห่งทั่วประเทศ รวมทั้งชายหาดที่เกิดเหตุในคลิปนี้ด้วย หลังจากประสบความสำเร็จจากการจัดระเบียบที่ จ.ภูเก็ต และ อ.หัวหิน ทั้งนี้มีรายงานว่า ชายหาดในคลิปดังกล่าว อาจจะเกิดขึ้นบริเวณหาดนางนวล เกาะล้าน จ.ชลบุรี ที่มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติอยู่เป็นจำนวนมาก แต่ไม่ได้ระบุว่าเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อใด


ไล่นักท่องเที่ยวให้ไปนั่งเตียงของมัน ชายหาดของพ่อมันหรือไง (http://www.youtube.com/watch?v=lEZ7XicTTLs#ws)
-http://www.youtube.com/watch?v=lEZ7XicTTLs-
ไล่นักท่องเที่ยวให้ไปนั่งเตียงของมัน ชายหาดของพ่อมันหรือไง

.
หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ กันยายน 06, 2014, 09:45:47 pm
เรื่องนี้ เป็นเรื่องที่ชั่วช้ามาก สำหรับการกระทำของคนกลุ่มนี้


--------------------------------------------------------------------------------



วิจารณ์ยับ! คลิปหนุ่มเตะทรายไล่ฝรั่งอาบแดดหาดดัง

-http://news.sanook.com/1662587/%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%93%E0%B9%8C%E0%B8%A2%E0%B8%B1%E0%B8%9A-%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%9B%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%B0%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B9%84%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%9D%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%9A%E0%B9%81%E0%B8%94%E0%B8%94%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%B8%94%E0%B8%B1%E0%B8%87/-




ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โลกโซเชียลเน็ตเวิร์กกำลังให้ความสนใจคลิปวิดีโอเหตุการณ์หนึ่ง ที่อาจจะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวเมืองไทยเป็นวงกว้าง หลังมีการผู้โพสต์เผยแพร่ภาพหนุ่มคนหนึ่ง เดินเข้าไปไล่นักท่องเที่ยวสาวชาวต่างชาติ กำลังอาบแดดอยู่ที่ชายหาดอย่างไม่สุภาพและไม่สามารถอธิบายเหตุผลให้นักท่องเที่ยวฟังได้ อีกทั้งยังมีการเตะทรายใส่ด้วย

ตามรายงานระบุว่า เมื่อวานนี้ (5 ก.ย.) มีคลิปวิดีโอความยาวประมาณ 1 นาที ถูกเผยแพร่แชร์ส่งต่อเป็นวงกว้างในโลกออนไลน์ คลิปที่ชื่อว่า "ไล่นักท่องเที่ยวให้ไปนั่งเก้าอี้ ชายหาดของพ่อมันหรือไง" ถูกโพสต์ลงในเว็บยูทูปและโซเชียลเน็ตเวิร์กช่องทางต่างๆ คลิปดังกล่าวแสดงให้เห็นภาพเหตุการณ์ ชายหนุ่มคนหนึ่งได้เดินเข้าไปหานักท่องเที่ยวสาวฝรั่งคนหนึ่ง ที่กำลังทาครีมกัดแดด เพื่ออาบแดดอยู่บนชายหาดแห่งหนึ่ง เขาได้ตะโกนขึ้นว่า "เฮ้!" ก่อนจะไล่นักท่องเที่ยวให้ลุกออกจากหากด้วยกิริยาและท่าทางที่ไม่สุภาพ นักท่องเที่ยวสาวประกาศชัดเจนว่า "ฉันจะนั่งตรงนี้!"

ต่อมา หนุ่มคนดังกล่าวได้โบกมือปฏิเสธ ไม่อนุญาตให้นั่งบนชายหาด ก่อนจะเดินไปรอบๆ นักท่องเที่ยวเพื่อไล่ที่ มีการเตะทรายหาดใส่นักท่องเที่ยว จนกระทั่งอีกฝ่ายไม่พอใจถามขึ้นมา "นี่คุณทำบ้าอะไร!?" ก่อนจะลุกขึ้นมาใช้ผ้าฟาดใส่และเกิดการถกเถียงกันขึ้น นักท่องเที่ยวสาวพยายามถามเหตุผลว่า ทำไมเธอถึงนั่งที่หาดนี้ไม่ได้ แต่หนุ่มคนดังกล่าวยังคงไล่นักท่องเที่ยว มีการดันตัวให้ไปนั่งเก้าอี้ริมหาดที่ถูกจัดตั้งเอาไว้เรียงราย จนกระทั่งนักท่องเที่ยวสาวตัดสินใจเดินหลบเข้าไปอย่างเสียความรู้สึก

อย่างไรก็ตาม หลังจากคลิปวิดีโอดังกล่าวถูกเผยแพร่ไปทั่วโลกออนไลน์ ก็เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก หลายคนได้ประณามการกระทำที่ไร้มารยาทดังกล่าว อีกทั้งยังมีการเรียกร้องให้ทาง คสช. เร่งจัดระเบียบชายหาดอีกหลายแห่งทั่วประเทศ รวมทั้งชายหาดที่เกิดเหตุในคลิปนี้ด้วย หลังจากประสบความสำเร็จจากการจัดระเบียบที่ จ.ภูเก็ต และ อ.หัวหิน ทั้งนี้มีรายงานว่า ชายหาดในคลิปดังกล่าว อาจจะเกิดขึ้นบริเวณหาดนางนวล เกาะล้าน จ.ชลบุรี ที่มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติอยู่เป็นจำนวนมาก แต่ไม่ได้ระบุว่าเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อใด


ไล่นักท่องเที่ยวให้ไปนั่งเตียงของมัน ชายหาดของพ่อมันหรือไง (http://www.youtube.com/watch?v=lEZ7XicTTLs#ws)
-http://www.youtube.com/watch?v=lEZ7XicTTLs-
ไล่นักท่องเที่ยวให้ไปนั่งเตียงของมัน ชายหาดของพ่อมันหรือไง

.

ไอ้ตัวบัดซบ




รวบแล้ว หนุ่มเตะทรายใส่นักท่องเที่ยวเกาะล้าน อ้างเจ้าของร้านสั่งมา

-http://travel.kapook.com/view97839.html-

(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/ping.jpg)

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ข่าวสด

          รวบหนุ่มเตะทรายใส่นักท่องเที่ยว พบเป็นชาวกัมพูชา อ้างทำตามที่เจ้าของร้านสั่งมา

          เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2557 มีรายงานว่า ภายหลังจากที่ในโลกออนไลน์ ได้มีการเผยแพร่คลิปวิดีโอของชายคนหนึ่ง ที่เดินเข้าไปไล่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่อยู่บนเกาะล้านด้วยท่าทีไม่สุภาพ และชายคนดังกล่าวก็ยังคุยกับนักท่องเที่ยวไม่รู้เรื่อง รุนแรงจนถึงขั้นเตะทรายใส่นักท่องเที่ยว ล่าสุด ตำรวจสามารถจับกุมตัวชายในวิดีโอคลิปดังกล่าวได้แล้ว

          ทั้งนี้ พล.ต.ต.ธเนตร์ พิณเมืองงาม รอง ผบช.ภาค 2 รรท. ผบก.ภ.จ.ชลบุรี พร้อมนายรณกิจ เอกะสิงห์ รองนายกเมืองพัทยา  เจ้าหน้าที่ทหาร มทบ.14 ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมนายปิ้ง ชาวกัมพูชา อายุ 25 ปี ซึ่งทำงานรับจ้างบนเกาะล้าน นายปิ้งรับสารภาพว่า คลิปดังกล่าวนั้นเกิดขึ้นเมื่อช่วงเดือนตุลาคม 2556 หน้าร้านขายของแห่งหนึ่งหน้าชายหาดนวล ซึ่งการที่เขากระทำไปแบบนั้น เนื่องจากเจ้าของร้าน สั่งให้เขาไล่นักท่องเที่ยวชาวรัสเซียที่มาปูผ้าบังหน้าร้าน และไม่ยอมไปนั่งที่เตียงของร้าน แต่นักท่องเที่ยวคนนั้นไม่ยอม จนกระทั่งมีปากเสียงและเกิดพฤติกรรมดังกล่าว ซึ่งตนก็ได้กล่าวขอโทษนักท่องเที่ยวคนนั้นไปแล้ว

          ด้าน  พล.ต.ต.ธเนตร์ เผยว่า คลิปวิดีโอดังกล่าว สร้างความเสื่อมเสียต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก ทางตำรวจเองก็กำลังสืบสวนหาคนที่นำภาพดังกล่าวไปเผยแพร่ เพราะทำให้เสื่อมเสียภาพลักษณ์เมืองท่องเที่ยวอย่างพัทยา และภาพดังกล่าวก็ไม่ใช่ภาพในปัจจุบัน

          นอกจากนี้ พนักงานสอบสวน ยังพบว่านายปิ้งมีความผิด และจะสืบสวนเจ้าของร้านดังกล่าวว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เกิดขึ้นหรือไม่ หากผิดจริงก็จะดำเนินคดีตามกฎหมาย และตำรวจเอง ก็จะจัดชุดรวมกับทหาร มทบ.14  เพื่อดูแลนักท่องเที่ยวต่อไป

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก-http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRReE1EQXdORE01T1E9PQ==-



หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ กันยายน 09, 2014, 02:52:33 am
พวกนี้ ได้รับการอบรมมาจากครอบครัว
และ ครูบาอาจารย์ของพวกมัน ถึงได้กระทำกันแบบนี้





--------------------------------------------------------------------------

4 นักเลง บุกเข้าบ้านฟันไม่ยั้ง เด็ก ผู้หญิง ฉุนถูกเตือนกินเหล้าเสียงดัง

-http://hilight.kapook.com/view/107704-




เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก สปริงนิวส์

            นักเลงวัยโจ๋เมืองปทุมธานี บุกฟันชาวบ้านบาดเจ็บสาหัส 3 ราย โดยหนึ่งในนั้นเป็นเด็ก 1 ราย หลังไม่พอใจบ้านเหยื่อออกมาเตือนตั้งวงกินเหล้าเสียงดัง

            เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2557 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีผู้ถูกฟันด้วยมีดดาบยาวเข้าตามลำตัว และศีรษะ อาการสาหัส เหตุเกิดในบ้านหลังหนึ่งที่ชุมชนคลองขวาง
อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี โดยคนร้ายเป็นกลุ่มชายจำนวน 4 คน ขับรถจักรยานยนต์บุกเข้ามาทำร้ายคนในบ้าน ซึ่งมีคนอาศัยรวมกันอยู่ในบ้าน 9 คน
เป็นผู้ชาย 1 คน ผู้หญิง 3 คน ชายพิการ 1 คน และเด็กอีก 4  คน โดยมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 คน เป็นผู้ชาย 1 คน ผู้หญิง 1 คน และเด็ก 1 คน

            ทั้งนี้ นางนิยม อายุ 46 ปี ผู้เสียหายที่อาศัยอยู่ในบ้านหลังดังกล่าว เล่าว่า ขณะนั้นตนเองและเด็ก ๆ เข้านอนกันแล้ว เพราะเป็นเวลาเที่ยงคืนกว่า
ต่อมามีกลุ่มวัยรุ่นนั่งกินเหล้าอยู่ข้างบ้าน ประมาณ 3-4 คน ส่งเสียงดังมาก กระทั่งลูกของตนได้เดินไปบอกดี ๆ ว่า "พี่ ๆ ช่วยเบาเสียงหน่อยได้ไหม ลูก ๆ
และเด็ก ๆ ในบ้านมีหลายคน นอนไม่หลับ" แต่กลุ่มวัยรุ่นดังกล่าวกลับตะคอกใส่ลูกของตน ก่อนที่คนในกลุ่มจะเลิกกินเหล้าและขับรถออกไป

            จากนั้นมีวัยรุ่นขับรถจักรยานยนต์มากัน 4 คน ได้บุกเข้ามาในบ้าน พังประตูบ้าน ฟันกระจกหน้าต่าง ฟันบ้านรอบบ้าน
ก่อนจะบุกเข้ามาในบ้านและใช้มีดดาบฟันข้าวของภายในบ้านอย่างไม่ยั้งมือ แล้วขึ้นไปฟันพี่สาว ลูก และหลานชาย ที่นอนอยู่ชั้นบน
ขณะนั้นตนได้ใช้ที่นอนทับร่างตัวเองไว้ เพราะรู้สึกกลัวมาก และได้ยินเสียงลูกร้องขอชีวิต และร้องขอว่าอย่าทำลุงพิการที่นอนกันอยู่ชั้นล่าง
จากนั้นทั้ง 4 คน ก็พากันขับรถจักรยานยนต์ออกไปจากบ้าน ตนจึงรีบมาดูพี่สาว ลูก และหลานชาย พบว่านอนจมกองเลือด
จึงร้องเรียกให้ชาวบ้านเข้ามาช่วย แต่ก็ไม่มีใครกล้าออกมา จึงออกไปตามและบอกว่าพวกมันหนีไปแล้ว ชาวบ้านจึงได้มาช่วยกันนำตัวส่งโรงพยาบาล

            ด้านเพื่อนบ้าน เล่าว่า ได้ยินเสียงกรีดร้องและร้องขอความช่วยเหลือ แต่ไม่มีใครกล้าเข้าไปช่วย เพราะเห็นคนที่บุกเข้ามาก่อเหตุมากัน 4 คน
ถือมีดดาบยาวเข้ามาก่อเหตุด้วย พร้อมทั้งตะโกนบอกใครไม่เกี่ยวห้ามมายุ่ง สักพักประมาณ 20 นาที กลุ่มผู้ก่อเหตุก็ได้ขับรถออกไป

            จากการตรวจสอบสภาพบ้าน เจ้าหน้าที่พบว่า กระจกบานเกร็ดแตกกระจายเต็มพื้น หลังคาบ้านแตกเป็นรู ประตูบ้าน และผนังบ้าน
ถูกฟันได้รับความเสียหาย และมีรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า คลิก สีเขียว ถูกฟันได้รับความเสียหายทั้งคัน ภายในบ้านมีร่องรอยคราบเลือดบนที่นอนผ้าห่มจำนวนมาก

            ทั้งนี้เหตุเกิดตั้งแต่คืนวันที่ 6 กันยายนที่ผ่านมา ซึ่งชาวบ้านยังทราบอีกว่าคืนวันเดียวกันนั้นคนร้ายได้ไปก่อเหตุในอีกหมู่บ้าน
และถูกจับกุมข้อหาวิวาทแต่ถูกปล่อยตัวไปแล้ว ทำให้ชาวบ้านต่างผวา จึงวอนขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งจับกุมตัว เพราะคนก่อเหตุประกาศว่าเป็นลูกผู้คุมราชทัณฑ์


อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก-http://news.springnewstv.tv/54268/%E0%B8%AA%E0%B8%A5%E0%B8%94-%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9
%87%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0
%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B9%84%E0%B8%A7%E0%B9%89%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0
%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%95-%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8
%B1%E0%B8%87%E0%B8%96%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B9
%88%E0%B8%99%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%81%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%9F%E0%B8
%B1%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%B1%E0%B8%AA-3-

หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ กันยายน 09, 2014, 09:29:57 pm
อุทาหรณ์ เปิดประตูรถไม่ระวัง อาจฆ่าคนตายโดยไม่รู้ตัว

-http://hilight.kapook.com/view/107775-



เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก คุณ ‪Alexis Dood‬ สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม

          เปิดประตูรถไม่ระวัง อาจฆ่าคนตายโดยไม่รู้ตัว คลิปเหตุการณ์สุดระทึก เมื่อรถกระบะเปิดประตูไม่ได้มอง โดนรถมอเตอร์ไซค์ที่ขับตามมาอย่างจัง แถมยังมีรถอีกเลนวิ่งสวน ลากร่างคนขับไปกับพื้น

          เป็นคลิปที่ถูกแชร์ทั่วโลกออนไลน์เลยทีเดียว (9 กันยายน 2557) สำหรับคลิป "เปิดประตูรถควรระวัง !!" เผยภาพอุบัติเหตุที่ไม่คาดฝันที่เพียงแค่เสี้ยววินาทีเดียว ความประมาทก็เป็นต้นเหตุที่ทำให้มีผู้เสียชีวิต ขณะเดียวกันก็ทำให้คนคนหนึ่งฆ่าคนตายโดยไม่รู้ตัว

          โดยคลิปดังกล่าวได้เผยให้เห็นภาพรถกระบะคันหนึ่งที่ขับมาจอดเทียบข้างทางในซอยค่อนข้างแคบ ก่อนที่รถมอเตอร์ไซค์ขับมาด้วยความเร็วปกติ ไม่ได้ขับซิ่งแต่อย่างใด แต่คนขับกระบะกลับเปิดประตูแบบไม่ได้ดูข้างขวา เป็นเหตุให้ประตูรถตีเข้าคนขับมอเตอร์ไซค์อย่างจัง แถมจังหวะนั้นยังมีรถขับสวนมาพอดิบพอดี จึงลากร่างของคนขับมอเตอร์ไซค์ติดไปด้วย

          ทั้งนี้สภาพคนขับมอเตอร์ไซค์นอนแน่นิ่งกับพื้น แต่รายงานไม่ได้ระบุว่าเขาได้รับบาดเจ็บขนาดไหนหรือเสียชีวิตหรือไม่ อย่างไรก็ดีเรื่องนี้ถือเป็นอุทาหรณ์ให้กับคนใช้รถใช้ถนน ว่าก่อนที่จะเปิดประตูรถทุกครั้ง ควรมองด้วยว่ามีรถวิ่งสวนมาหรือเปล่า ไม่เช่นนั้นคุณอาจจะเป็นฆาตกรโดยไม่รู้ตัว 

(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/pichaya/hot%20news/motor_2.jpg)

(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/pichaya/hot%20news/motor_3.jpg)


เปิดประตูรถควรระวัง !! (http://www.youtube.com/watch?v=4vfGIufV4uU#)
-http://www.youtube.com/watch?v=4vfGIufV4uU-
คลิป ‪เปิดประตูรถควรระวัง !!‬ โพสต์โดย คุณ ‪Alexis Dood‬ สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม


หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ กันยายน 10, 2014, 09:58:53 pm
ประสบการณ์แย่ๆ ที่มักเจอประจำ เมื่อซื้อแพ็กเกจทัวร์ และที่พักในงานต่างๆ

-http://travel.sanook.com/1392845/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%AA%E0%B8%9A%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%93%E0%B9%8C%E0%B9%81%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B9%86-%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B8%AD%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%88%E0%B8%B3-%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%8B%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B9%81%E0%B8%9E%E0%B9%87%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%88%E0%B8%97%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B9%8C-%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%87/-

-https://www.facebook.com/Triptravelgang?ref=hl&ref_type=bookmark-
ขอขอบคุณข้อมูลจาก: Triptravelgang



หลายครั้งการจองโรงแรมหรือซื้อทัวร์ล่วงหน้าและราคาถูกเกินจริงในงานเทศกาลท่องเที่ยวต่างๆ ได้กลายเป็นประสบการณ์แย่ๆ ที่ทำให้นักท่องเที่ยวหลายคนไปแล้วรูู้สึกผิดหวัง หรือไม่กล้าซื้อทัวร์ตามงานเหล่านั้นอีก วันนี้เรามีประสบการณ์หลากหลายมุมมองจากเพื่อนๆ ที่เจอดีมาแล้วจากการซื้อทัวร์ หรือแพ็กเกจที่พักในงานต่างๆ มาเล่าสู่กันฟัง และเป็นข้อคิดดีๆ  ให้เพื่อนๆ ได้รู้ จะได่ไม่โดนหลอกให้ผิดหวังกันอีก


- จองที่พักกี่ครั้งจองไม่ได้ เต็มตลอด ในแพ็กเกจที่พักบอกว่าไปพักได้ทุกวัน วันไหนก็ได้ แต่พอโทร.ไปจองจริงๆ พนักงานโรงแรมหรือรีสอร์ท มักอ้างว่าห้องเต็มๆ ห้องไม่ว่าง จองมาใหม่นะ หรือไม่ก็รอพนักงานติดต่อกับวันนั้นวันนี้ ซึ่งจากประสบการณ์ ที่ลูกค้าหลายคนเจอมาแล้ว นั่นคือการอ้างอ้างไปเรื่อยๆ เลื่อนๆ ไปเรื่อยๆ จนสุดท้ายเราไม่มีเวลาไปเที่ยวไปพัก แพ็กเกจก็หมดอายุ จนสุดท้ายเงินที่จ่ายจากกระเป๋าไป ก็ถือว่าเป็นศูนย์ในพริบตา หรือถ้าเอามาประกาศขายเพื่อนๆต่อ ก็อาจโชคดี ไม่เสียเงินจองไปฟรีๆ

- ขออัพเกรดห้อง และอัพเงิน พอห้องพักเต็มตลอดๆ พนักงานโรงแรม ก็มักมีข้อเสนอใหม่ๆ เช่น ให้ลูกค้าเปลี่ยนห้องพัก หรืออัพเกรดห้องพักเป็นแบบนั้นแบบนี้ ซึ่งหากลูกค้าจะต้องการเข้าพักจริงๆ ก็ต้องจ่ายเงินเพิ่มอีกจำนวนหนึ่ง หรือในราคาสูงกว่าห้องพักเดิมเป็นเท่าตัว ถ้าคุณคิดว่าไม่อยากจ่ายเงินยิบย่อยแบบนี้ แนะนำว่า ควรสอบถามรายละเอียดให้ครบถ้วน ตั้งแต่ก่อนซื้อจะดีกว่านะ

- บอกมีห้องพักว่าง จองแล้ว แต่พอไปถึงให้เราอัพเกรดห้องพักซะงั้น หลายคนเจอเหตุการณ์แบบนี้ตอนไปถึงที่พักแล้วก็ต้องยอมทำตามข้อเสนอของโรงแรม เพราะไม่อยากเสียเวลาเดินทาง ทั้งๆ ที่ความเป็นจริง ไม่ใช่ความผิดของลูกค้า แต่หลายคนก็เลือกความสบายใจยอมจ่ายเงิน โดยที่โรงแรมไม่รับผิดชอบกับความผิดที่เกิดขึ้น

- ขายทัวร์ราคาถูก แต่ไปแล้วไร้คุณภาพ มีบริษัททัวร์บางแห่งมาแอบอ้างขายทัวร์แบบโฆษณาชวนเชื่อ ทำแผ่นพับดีไซน์สวยงาม พนักงานพูดจาเก่งน่าเชื่อถือ บอกว่าไปแล้วกินหรู อยู่สบาย แถมราคาขายก็ถูกกว่าเจ้าอื่นๆ  แต่พอไปจริงๆ กลับให้กินข้าวกล่อง นอนที่นอนแข็งยังกับกระดาน หรือไม่ก็เปลี่ยนที่เที่ยวกะทันหัน ซึ่งหลายท่านก็คงเคยสัมผัสมาบ้างแล้ว

- ซื้อทัวร์แล้วเดินทางไม่ได้ เช่น ไปถึงสนามบินหรือสถานีขนส่งแล้ว ไม่มีรถของบริษัททัวร์ หรือรีสอร์ทมารับ และไม่สามารถติดต่อเจ้าหน้าที่ได้ หรือไปแล้วขากลับมีการเปลี่ยนเส้นทางเที่ยว หรือเลื่อนเที่ยวบินกลับโดยไม่แจ้งล่วงหน้า

ขอขอบคุณข้อมูลจาก: www.facebook.com/Triptravelgang (http://www.facebook.com/Triptravelgang)


หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ กันยายน 13, 2014, 03:21:20 pm
เช็คด่วน หลังพบชื่อและรหัสของผู้ใช้ Gmail หลุดเกือบ 5 ล้านบัญชี

-http://hitech.sanook.com/1391597/%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B9%87%E0%B8%84%E0%B8%94%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%99-%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B8%9A%E0%B8%8A%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%A3%E0%B8%AB%E0%B8%B1%E0%B8%AA%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B9%83%E0%B8%8A%E0%B9%89-gmail-%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%9A-5-%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B8%8A%E0%B8%B5/-




เช็คด่วน หลังพบชื่อและรหัสของผู้ใช้ Gmail หลุดเกือบ 5 ล้านบัญชี

รีบเปลื่ยนรหัสกันด่วน หรือไปเช็คว่า รหัสของผู้ใช้ Gmail ของเรามีการรั่วไหลไปหรือไม่ หลังพบว่า มีชื่อบัญชีเกือบ 5 ล้านชื่อ หลุดออกมากลางเว็บไซด์แห่งนึงในประเทศรัสเซีย

The Daily Dot (เว็บไซต์รายงานข่าวชื่อดังของสหรัฐ) รายงานว่า เกือบ 5 ล้านรายชื่อและรหัสบัญชีผู้ใช้  Gmail มีการรั่วไหล จากในกระทู้เว็บไซต์ประเภท Bitcoin (สกุลเงินดิจิตอล) ของรัสเซีย

หลัง Google ทราบเรื่อง ก็รีบทำการตรวจสอบทันที พบว่า จำนวนรายชื่อมากมายที่ออกมานั้นเป็นข้อมูลที่ค่อนข้างเก่า ผ่านมาหลายปีแล้ว บางบัญชีก็ถูกปิดไปแล้ว

แต่ถึงอย่างนั้นก็ควรรีบไปเช็ค หรือ เปลื่ยนรหัสผ่านใหม่ เพราะจากการตรวจสอบพบว่า มีกว่า 60% ของบัญชีที่ใช้ Gmail ยังใช้งานได้ และอาจเสี่ยงต่อการถูกนำไปใช้ในทางมิชอบ โดยมิจฉาชีพทั้งหลายในโลกอินเทอร์เน็ตได้

ที่มา techspot.com


(http://p3.isanook.com/hi/0/ud/278/1391597/2014-02-26-2.jpg)

.
หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ กันยายน 18, 2014, 06:04:14 am
เตือนภัย คู่ผัวเมียล้วงกระเป๋า ฟาสต์ฟู้ดห้างดังย่านบางกะปิ

-http://hilight.kapook.com/view/108189-


(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/thitima/Untitled-2_4.jpg)
เตือนภัย คู่ผัวเมียล้วงกระเป๋า ฟาสต์ฟู้ดห้างดังย่านบางกะปิ

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก คุณ Gwen Stoya สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม

           แชร์ทั่ว คลิปเตือนภัย คู่ผัวเมียล้วงกระเป๋า ในร้านฟาสต์ฟู้ดห้างดังย่านบางกะปิ ฉกไอแพดมินิ จี้หาตัวคนผิดมาลงโทษ

           เรียกได้ว่าภัยจากมิจฉาชีพมีอยู่รอบตัวเราจริง ๆ แม้แต่ของมีค่าที่ใส่ไว้ในกระเป๋าแท้ ๆ ก็ยังไม่วายถูกล้วงไปจนได้ อย่างเหตุการณ์ล่าสุดที่เกิดจากคุณ โบนัส แหลมทอง เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2557 เธอถูกล้วงกระเป๋ากลางห้างย่านบางกะปิ ด้วยฝีมือมิจฉาชีพชาย-หญิงคู่หนึ่ง ทำให้ต้องเสียไอแพดมินิที่เพิ่งซื้อมา เธอจึงได้ลงคลิปเหตุการณ์จากกล้องวงจรปิดขอให้ชาวเน็ตช่วยแชร์ พร้อมระบุว่า หากใครคุ้นหน้าคนร้ายในภาพขอให้ช่วยติดต่อมาที่เธอด้วย เธอไม่อยากได้เครื่องคืน แต่อยากเอาคนผิดมาลงโทษ

           ทั้งนี้หลังจากที่คลิปดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไปในชื่อคลิป "เตือนภัย ผัว เมีย ล้วงกระเป๋า ย่านบางกะปิ" ก็ได้มีชาวเน็ตเข้ามาแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก โดยหลายคนเห็นใจเจ้าของคลิปและเอาใจช่วยขอให้ได้คืน พร้อมแนะนำวิธีค้นหาเครื่องไอแพดที่ถูกขโมยไปด้วย ซึ่งเจ้าของคลิปก็ได้ขอบคุณทุกกำลังใจ พร้อมเผยว่า เธอได้ไปแจ้งความและติดต่อที่ศูนย์แล้ว แต่เป็นเครื่องใหม่ที่เพิ่งซื้อได้ 2 วัน iCloud ยังไม่ได้ลงทะเบียน จึงไม่สามารถติดตามเครื่องผ่าน iCloud ได้ ตอนนี้ทางศูนย์ก็ได้หาทางช่วยเหลืออยู่

เตือนภัย ผัว เมีย ล้วงกระเป๋า ย่านบางกะปิ (http://www.youtube.com/watch?v=jBIGJKd-MkM#ws)

เตือนภัย ผัว เมีย ล้วงกระเป๋า ย่านบางกะปิ (http://www.youtube.com/watch?v=jBIGJKd-MkM#ws)
-http://www.youtube.com/watch?v=jBIGJKd-MkM-

คลิป เตือนภัย ผัว เมีย ล้วงกระเป๋า ย่านบางกะปิ โพสต์โดย คุณ Gwen Stoya สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม

.
หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ กันยายน 20, 2014, 07:19:44 am
เรื่องนี้  ตำรวจ ต้องจับตายอย่างเดียวครับ




---------------------------------------------------


โจรลักพาตัวพ่อค้าปลาเรียกค่าไถ่ โมโหญาติขอต่อรอง ตัด “นิ้ว“ ส่งมาขู่


-http://news.sanook.com/1669949/%E0%B9%82%E0%B8%88%E0%B8%A3%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%9E%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B8%9E%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%84%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%84%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B9%84%E0%B8%96%E0%B9%88-%E0%B9%82%E0%B8%A1%E0%B9%82%E0%B8%AB%E0%B8%8D%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%87-%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%94-%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B9%89%E0%B8%A7-%E0%B8%AA%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%A1%E0%B8%B2/-



นำเสนอข่าวโดยทีมงาน Sanook.com

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (18 ก.ย.) พ.ต.อ.ณรงค์ฤทธิ์ ภักดีณรงค์ รองผบก.ภ.จว.นนทบุรี พ.ต.อ.เอกภพ ตันประยูร ผกก.สภ.บางใหญ่ พ.ต.ท.วีระยุทธ ประสานนาม รองผกก.สส.สภ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี พร้อมชุดสืบสวนสภ.บางใหญ่ ได้รับการร้องเรียนจากชาวเวียดนามที่มาค้าขายอยู่ที่ตลาดบางใหญ่ ว่าญาติตนชื่อ นายบอล (THAI HUU HAI) อายุ 39 ปี พ่อค้าแผงปลา ชายชาวเวียดนามได้ถูกคนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้กำลังบังคับลักพาตัวขึ้นรถแท๊กซี่หลบหนีไปที่หน้าตึกแมนชั่น 7 ชั้นภายในตลาดบางใหญ่ ตึ้งแต่เมื่อคืนวันที่ 12 ก.ย.ที่ผ่านมา

หลังทางเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบเรื่อง ได้ออกติดตามและประสานกับทางญาติชาวเวียดนาม จนกระทั่งเมื่อวันที่ 14 ก.ย. กลุ่มคนร้ายได้ใช้โทรศัพท์ติดต่อเข้ามาทางญาติของนายบอล เพื่อให้นำเงินจำนวน 1,500,000 บาท มาไถ่ตัว แต่ทางญาติได้ขอต่อรองลงมาเหลือ 300,000 บาท ทำให้กลุ่มคนร้ายดังกล่าวไม่พอใจ จึงได้ตัดปลายข้อนิ้วก้อยของนาย บอล ส่งมาให้ทางนาง ตัน ตี คุก อายุ 43 ปี ที่เป็นภรรยาและญาติดู และได้บอกว่าถ้าหากนำเงินที่กลุ่มคนร้ายร้องขอมาให้ไม่ได้ ก็จะไม่รับรองชีวิตของนายบอล

ต่อมาเมื่อวันที่ 16 ก.ย.ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.บางใหญ่ ได้สืบทราบว่ากลุ่มคนร้ายได้นำตัวนายบอลไปไว้ที่บ้านร้างแห่งหนึ่ง ที่ต.หลักหก อ.เมือง จ.ปทุมธานี จึงได้นำกำลังเข้าไปช่วยเหลือตัวนายบอล ออกมาได้จากบ้านร้างดังกล่าว

โดยในที่เกิดเหตุนั้น พบนายบอลถูกขังอยู่ภายในห้องน้ำร้าง โดยมีโซ่มัดไว้และถูกล่ามโซ่กับขื่อเสาห้องน้ำ มีสภาพอิดโรย มีอาการบาดเจ็บและมีแผลตามร่างกายบวมเขียวช้ำตามหน้าและลำตัวหลายแห่ง ที่ปลายนิ้วก้อยมือขวา ถูกตัดขาดหายไป จึงรีบนำตัวส่งรพ.เพื่อรักษาอาการ

จากนั้น ทางเจ้าหน้าที่ได้กระจายกำลังปิดล้อมซุ้มเฝ้าดูบ้านร้างดังกล่าว พบว่ากลุ่มคนร้ายได้ไหวตัวหลบหนีไปได้

ด้านพ.ต.อ.เอกภพ ตันประยูร ผกก.สภ.บางใหญ่ ได้รวบรวมพยานหลักฐานและได้รู้ตัวกลุ่มคนร้ายพร้อมทั้งได้ออกหมายจับ กลุ่มคนร้ายดังกล่าวมีจำนวน 5 คน เป็นชายชาวเวียตนาม คือ

1) นายบอยหรือลอง (Long) อายุ 25ปี
2)นายเหงียน เท ไฮ หรือเบิรด์ (Ngyen The Hai) อายุ 26ปี
3)นายทอง สินหรือศรรม (Thong Sinv) อายุ 30ปี
4)นายนิ่ม หรือเนียม อายุ 30ปี
5)นายเหงียน เตียน ล๊ายหรือหล๊อบ หรือต้น (Nguyen Tien Lap) อายุ 25ปี

ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ที่ประจำด่านตามแนวชายแดนไว้หมดแล้ว หากผู้ใดพบเห็นหรือให้ที่หลบซ่อน หรือที่พักพิงกับกลุ่มคนร้ายดังกล่าว ให้รีบติดต่อทางเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ใกล้เคียงโดยด่วน มิฉะนั้นจะมีความผิดฐานให้ที่พักพิงและมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย


หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ กันยายน 20, 2014, 07:51:37 am
สยอง ลิฟต์ขัดข้อง เลื่อนขึ้นเอง อัดร่าง น.ศ. ดับคาประตู


-http://hilight.kapook.com/view/108302-


(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/thachapol/1/a412.jpg)

ลิฟต์ขัดข้อง เลื่อนขึ้นเอง อัดร่าง น.ศ. ดับคาประตู


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก คุณ hao feige สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม

          สยอง ลิฟต์ขัดข้อง เลื่อนขึ้นกะทันหันโดยประตูยังไม่ปิด ดึงร่างนักศึกษาชายไปบีบอัดคาประตู ค่อย ๆ ขาดใจตาย กล้องวงจรปิดจับภาพได้ชัดเจน

          เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2557 มีรายงานจากเว็บไซต์ chinadaily ว่า เกิดเหตุลิฟต์หนีบนักศึกษาเสียชีวิต ที่อาคารเรียนของมหาวิทยาลัยหัวเฉียว ในเมืองเซี่ยเหมิน ประเทศจีน เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 14 กันยายนที่ผ่านมา

          รายงานระบุว่า ภาพจากกล้องวงจรปิดระบุเวลาเกิดเหตุตอน 17.47 น. นักศึกษาชายคนหนึ่งก้าวเข้ามาในลิฟต์ แต่ในขณะที่ก้าวขาเข้ามาได้เพียงข้างเดียว ลิฟต์ก็เกิดเลื่อนขึ้นกะทันหัน ดึงร่างของนักศึกษาคนดังกล่าวขึ้นไปถูกบีบอัดอยู่ระหว่างพื้นลิฟต์และปากประตูลิฟต์ด้านบน ในสภาพศีรษะ อก แขน และขาอย่างละข้างอยู่ด้านในลิฟต์ ร่างของเขายังกระดุกกระดิกอยู่เป็นนาทีก่อนจะนิ่งไป

          ส่วนเจ้าหน้าที่กู้ภัยได้รับแจ้งเหตุและมาถึงที่ในเกิดเหตุเมื่อช่วง 18.00 น. แต่นักศึกษาคนดังกล่าวเสียชีวิตแล้ว ในเบื้องต้นคาดว่าสาเหตุของการเสียชีวิตมาจากอวัยวะภายในฉีกขาด

          ทั้งนี้หลังมีการเผยแพร่คลิปดังกล่าวออกไป ทำให้เป็นที่หวาดวิตกสำหรับผู้ที่ใช้ลิฟต์ในการขึ้นลงอาคารเป็นประจำ จึงมีการเตือนกันว่าให้รอดูลิฟต์ดี ๆ ก่อนที่จะก้าวเข้าไปด้วย


“現實版死神來了”華僑大學壹名學生被卡教學樓電梯窒息死亡,事發廈門校區 (http://www.youtube.com/watch?v=RhcswqkqcGs#ws)
-http://www.youtube.com/watch?v=RhcswqkqcGs-

คลิป “現實版死神來了”華僑大學壹名學生被卡教學樓電梯窒息死亡,事發廈門校區  โพสต์โดยคุณ hao feige สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม

.
หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ ตุลาคม 07, 2014, 06:18:30 am
ปัญหาร้านอาหารบุฟเฟ่ต์ไม่สะอาด ทางร้านรับผิดชอบไม่เต็มที่ ผู้บริโภคสามารถทำอะไรได้บ้าง?
วันอังคาร 7 ตุลาคม 2557 เวลา 05:00 น.

-http://www.dailynews.co.th/Content/Article/271940/%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%AA%E0%B8%B0%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%94+%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B9%82%E0%B8%A0%E0%B8%84%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B8%AD%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%A3%E0%B9%84%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87%3F-

ปัจจุบันการทานอาหารบุฟเฟ่ต์ในห้างสรรพสินค้า กำลังได้รับความนิยมในหมู่คนเมือง เนื่องด้วยความสะดวกสบายที่ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาเตรียมวัตถุดิบในการทำอาหารเอง และสามารถมั่นใจในเรื่องความสดใหม่และความสะอาดของวัตถุดิบอีกด้วย แต่ความจริงกลับไม่เป็นเช่นนั้น มีกรณีศึกษาที่พูดถึงความสะอาดของร้านอาหารบุฟเฟ่ต์ตามห้างสรรพสินค้าอยู่มากมาย พบแมลงตามโต๊ะอาหาร หรือตามถาดอาหารบ้าง

ล่าสุดเกิดกรณีพบตัวอ่อนแมลงสาบอยู่ตามถาดอาหารและที่นั่งในร้านอาหารบุฟเฟ่ต์ภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง พบว่าในหม้อน้ำซุปที่รับประทาน มีตัวอ่อนแมลงสาบถูกต้มจนเปื่อยแล้ว ซึ่งมาจากอาหารหรือของสดที่ตักมาจากถาดอาหาร นอกจากนี้ยังพบบนโต๊ะอาหาร และกล่องทิชชู่ด้วย ผู้ใช้บริการจึงรีบแจ้งผู้จัดการร้านทันที แต่ได้รับเพียงคำขอโทษและข้อเสนอโปรโมชั่นลดราคา เมื่อนำเรื่องไปแจ้งผ่านแฟนเพจของร้านดังกล่าว ก็ได้รับการติดต่อจากผู้ดูแลว่ารับทราบเรื่องแล้ว ขออภัยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และจะหามาตรการดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้เร็วที่สุด พร้อมทั้งยืนยันว่าบริษัทมีนโยบายในการควบคุมดูแลคุณภาพ รักษามาตรฐานอาหารและความสะอาดทุกสาขา

หลายคนตั้งคำถามว่า ในฐานะผู้บริโภคแล้ว เราสามารถทำอะไรกับเหตุการณ์แบบนี้ได้บ้าง นอกจากรอทางร้านรับผิดชอบด้วยการยื่นข้อเสนอเป็นโปรโมชั่นล่อตาล่อใจ บัตรกำนัลส่วนลดไว้ทานในครั้งต่อไป โดยที่ไม่รู้ว่าปัญหาดังกล่าวจะส่งผลต่อสุขภาพมากน้อยแค่ไหน วันนี้ 'เดลินิวส์ออนไลน์' มีโอกาสสอบถาม ผ.อ. ทรงศิริ จุมพล ผู้อำนวยการกองคุ้มครองผู้บริโภคด้านฉลากสินค้า ถึงการรับมือเมื่อผู้บริโภคเจอเหตุการณ์ดังกล่าว

ผ.อ. ทรงศิริ กล่าวว่า ในด้านผู้บริโภค ขณะรัประทานอาหารอยู่แล้วพบสิ่งแปลกปลอมหรือสิ่งอันตรายในอาหาร ผู้บริโภคมีสิทธิที่จะไม่จ่ายค่าอาหารในมื้อนั้นได้ จากนั้นสามารถแจ้งเรื่องร้องเรียนไปยัง สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ สคบ. ผ่านสายด่วน 1166 ผ่านทางเว็บไซต์ของสคบ. หรือกรอกแบบฟอร์มคุ้มครองผู้บริโภคผ่านร้านเซเว่น อีเลฟเว่นได้ เพื่อให้ชดเชยค่าเสียหาย โดยทางสคบ. จะเชิญผู้ประกอบการร้านอาหารและผู้บริโภค มาพูดคุยเจรจาไกล่เกลี้ยปัญหา และชดเชยค่าเสียหายที่เกิดขึ้นได้

สำหรับการเรียกร้องให้ตรวจสอบความสะอาดของร้านอาหารรวมทั้งคุณภาพของอาหาร ผู้บริโภคสามารถแจ้งไปยัง สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) สายด่วน 1556 หรือ สำนักงานเขตหรือเทศบาลของพื้นที่ตั้งร้านอาหารนั้นๆ เพื่อให้อนามัยของแต่ละพื้นที่สามารถเข้าตรวจสอบร้านอาหารได้ หรือในพื้นที่เขตกรุงเทพมหานคร ก็สามารถส่งเรื่องไปยังสำนักอนามัยกรุงเทพมหานคร โทร. 02-245-3933, 02-245-3845ได้เช่นกัน

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ผู้ประกอบการร้านอาหารควรหมั่นตรวจสอบคุณภาพอาหาร และทำความสะอาดพื้นที่ร้านอาหารรวมทั้งภาชนะที่ใช้ให้สะอาดอยู่เสมอ เพราะต่อให้ผู้บริโภคได้รับเงินค่าชดเชยมากเพียงใด แต่ถ้าปัญหาด้านความสะอาดส่งผลต่อสุขภาพจนอาจเกิดอันตรายถึงแก่ชีวิต มีเงินมากเพียงใดก็ซื้อกลับมาไม่ได้

@ArnonNunn

ทีมเดลินิวส์ออนไลน์
หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ ตุลาคม 21, 2014, 06:10:47 am
สาวโพสต์เตือนภัย โดนทำร้ายในที่จอดรถห้างดังย่านบางนา

-http://hilight.kapook.com/view/109961-



เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล

          สาวโพสต์เตือนภัย การจอดรถในห้างดังย่านบางนา ระบุ เกือบเอาชีวิตไม่รอด หลังโดนคนร้ายทำร้าย แถมทางห้างยังรับผิดชอบแค่ค่ารักษาพยาบาลครั้งแรก ตำรวจนิ่งกว่า 24 ชั่วโมงแล้ว

          เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2557 ในโลกอินเทอร์เน็ต ได้มีการแชร์กระทู้หนึ่งของคุณ chimerism สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ซึ่งเป็นกระทู้เตือนภัยการจอดรถในห้าง มีรายละเอียดคร่าว ๆ ว่า เจ้าของกระทู้ถูกคนร้ายทำร้ายที่ห้างดังแห่งหนึ่งย่านบางนา เมื่อเย็นวันที่ 16 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยพยายามบีบแตรขอความช่วยเหลือ แต่เจ้าหน้าที่ห้างไม่มีใครมาช่วย แถมคิดว่าเป็นวัยรุ่นตีกันเสียอีก อย่างไรก็ดี โชคดีที่เจ้าของกระทู้สามารถรอดชีวิตมาได้ เพราะคนร้ายหนีไปก่อน

          ทั้งนี้ ภายหลังจากเกิดเหตุ เจ้าของกระทู้ระบุว่า ทางห้างพาผู้เสียหายไปปฐมพยาบาล พร้อมระบุว่า จะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายแค่ครั้งแรกเท่านั้น ส่วนที่เหลือผู้เสียหายรับผิดชอบเอง และได้แจ้งความเรื่องนี้ต่อ สภ.บางแก้ว แล้ว กระทั่งจนถึงวันนี้ ก็ไร้การติดต่อจากทางตำรวจและทางห้าง เจ้าของกระทู้จึงตัดสินใจตั้งกระทู้ขึ้นมา เพื่อไม่ให้เรื่องราวเงียบหายไป

สำหรับข้อความทั้งหมดของคุณ คุณ chimerism มีดังนี้

          เรื่องที่กำลังจะพิมพ์ทั้งหมดนี้อาจจะยาวสักหน่อย แต่ที่ต้องการพิมพ์เพื่อแจ้งเตือนให้ทุกคนระมัดระวังตัว และอยากทราบว่า เราทำอะไรได้บ้างนอกจากรอ...

          **เราต้องการให้ตำรวจจับคนร้ายคนดังกล่าวได้โดยเร็ว**

          **เราต้องการให้ทางห้างดังแห่งหนึ่งย่านบางนาออกมา**

          1. แสดงความชัดเจนในมาตรการรักษาความปลอดภัยของทางห้าง

          2. แสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในบริเวณห้าง ของท่าน **มากกว่าการไปส่งที่ รพ. และออกค่ารักษาพยาบาลเพียงครั้งแรกครั้งเดียว** เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าท่านอื่น ๆ ด้วย

          3. การมีเสียงตะโกนขอความช่วยเหลือ บีบแตร ที่เกิดขึ้นในลานจอดรถ และมีพนักงานของท่านได้ยิน แต่ไม่สนใจ "เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในห้างของท่านเป็นปกติหรือถึงไม่มีใครจะเข้ามาดูหรือให้ความช่วยเหลือในทันที ??"

=========================

          เมื่อเวลาประมาณ 18.30 น. ของวันพฤหัสบดีที่ 16 ตุลาคม 2557 (เมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมา)

          เราได้ขับรถเข้าไปจอดรถในลานจอดรถใต้ตึกในห้างฝั่ง Big C ช่อง S17 สีเขียว ซึ่งช่องดังกล่าวห่างจากทางเข้าประตูห้างเพียง 2 ล็อก

          เราขับรถเข้าไปจอดในช่องดังกล่าวตามปกติ พอดับเครื่องเตรียมลงจากรถ ก็มีผู้ชายคนหนึ่ง เดินมาจากด้านหลังรถอย่างรวดเร็ว และเปิดประตูรถฝั่งคนขับทันที

          ผู้ชายคนดังกล่าว พูดว่า "คุณครับ"

          ด้วยความตกใจ เราก็พูดไปว่า "เปิดประตูทำไม"

          หลังสิ้นเสียงที่เราถาม ผู้ชายคนดังกล่าวก็เอาตัวมาขวางประตูไม่ให้ปิด และก็กระหน่ำหมัดลงบนหน้าเราอย่างไม่ยั้ง (เราเป็นผู้หญิงไปคนเดียว อายุประมาณ 40 ปี) ทุกอย่างเกิดขึ้นไวมาก

          เราสู้ ทั้งถีบ ทั้งตะโกน ทั้งบีบแตรรถ ทั้งขอความช่วยเหลือ ไม่มีใครเดินเข้ามา ไม่มีใครเข้ามาช่วย จนเวลาผ่านไปประมาณ 1 นาที ผู้ชายคนดังกล่าวเห็นว่า ท่าไม่ดี และเราก็สู้ไม่ถอย จึงรีบวิ่งหนีไป

          หลังเกิดเหตุเราก็รีบปิดประตูรถ + ล็อครถ เพื่อเช็คหน้าตัวเอง มีเลือดไหลทั้งปาก จมูก และหน้าบวม และรอในรถสักพักจนแน่ใจว่า ผู้ชายคนดังกล่าวไม่อยู่แถวนั้นแล้ว จึงลงมาจากรถ

          และเห็นแม่บ้านที่อยู่ใกล้เคียงบริเวณนั้น จึงถามแม่บ้านว่า "หนูโดนทำร้าย พี่ไม่ได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือ หรือเสียงบีบแตรเลยหรอคะ

          แม่บ้านตอบว่า "ได้ยิน แต่คิดว่าวัยรุ่นทะเลาะกันเลยไม่ได้สนใจ"

          เราจึงบอกให้แม่บ้านพาไปหาหัวหน้า รปภ. เพื่อขอดูกล้องวงจรปิด

          หัวหน้า รปภ. จึงพาไปที่ information เพื่อแจ้งเรื่องไว้ และขอข้อมูลต่าง ๆ ไป ทั้งชื่อ นามสกุล จุดที่เกิดเหตุ เบอร์ติดต่อกลับ และเลขบัตรประชาชน

          หลังจากนั้นก็พาไปที่ห้องปฐมพยาบาลเบื้องต้น ภายในห้าง ระหว่างที่ปฐมพยาบาลอยู่นั้น ก็มี รองผู้กำกับ จากสน.บางแก้ว เข้ามาดู และสอบถามกับเราว่า "คุณมีศัตรูที่ไหนหรือเปล่า" และ "คุณรู้จักกับคนที่ทำร้ายคุณมาก่อนหรือเปล่า"

          เราจึงบอกว่าไม่เคย และไม่มีศัตรูที่ไหน (ขอให้ทุกคนคิดภาพตาม เราอยู่ในสภาพหน้าบวม เลือดเต็มหน้า และได้รับคำถามแบบนั้น)

          หลังจากปฐมพยาบาลเสร็จ ก็มีรถของทางห้าง ขับรถไปส่งเพื่อทำการรักษาต่อที่ รพ.ปิยะมินทร์ ซึ่งก่อนขึ้นรถก็มีรปภ. แจ้งว่า "ทางห้าง ของเราจะจ่ายค่ารักษาให้กับคุณครั้งนี้เท่านั้น หากมีค่าใช้จ่าย หรือค่ารักษาเกิดขึ้นหลังจากครั้งนี้ คุณจะต้องเป็นผู้ออกเองไม่เกี่ยวกับทางห้าง"

          เราก็เริ่มเจ็บและปวดแล้ว จึงไม่ได้โต้ตอบอะไร ระหว่างทางที่ไป รพ. คนขับรถที่พาไปก็ยื่นรูปในโทรศัพท์มาให้ดู เพื่อให้เรายืนยันว่า "ใช่คนที่มาทำร้ายหรือไม่" ซึ่งเรายืนยันว่า "ใช่ คนนี้แหละ" (ขอไม่เปิดเผยรูปถ่าย เพราะอาจทำให้เสียรูปคดี)

          พอไปถึง รพ. คนขับรถจากห้าง ก็มาส่งจริง ๆ ค่ะ มาส่งเสร็จ แล้วก็ไปเลย ให้ญาติเราดำเนินชีวิตต่อไปในสภาพเจ็บทั้งตัว และขวัญเสียมาก ซึ่งจากการตรวจที่ รพ. พบว่า

          1. กรามฝั่งขวาบวมมาก และเบี้ยวจนเห็นได้ชัด จะต้องเข้าพบศัลยแพทย์ เพื่อดูฟิล์ม และปรึกษาอีกทีว่าต้องผ่าตัดกรามที่เบี้ยวหรือไม่

          2. เย็บในปากจำนวน 4 เข็ม เนื่องจาก ถูกต่อยจนฉีกขาด

          3. ปากแตก

          4. เลือดกำเดาไหล

          5. หน้าบวม

          หลังจากเสร็จที่ รพ. ประมาณ 20.00 น. ก็เดินทางไปแจ้งความเพื่อลงบันทึกประจำวันที่ สน.บางแก้ว พบร้อยเวรประจำวัน ร้อยตำรวจโท นเรศ (ขอสงวนนามสกุล)

          ทางร้อยเวรแจ้งกับเราว่า "หากคนร้ายมุ่งจะชิงทรัพย์ จะต้องเปิดประตูรถฝั่งซ้ายเพื่อทำร้ายและชิงทรัพย์ แต่ในกรณีของคุณ คนร้ายเปิดที่ฝั่งขวา นั่นแปลว่า คนร้ายมุ่งมาทำรายคุณ ไม่ใช่มุ่งมาที่สิ่งของ ๆ คุณ"

          เราจึง บอกตำรวจว่า "เป็นไปได้มั้ยที่คนร้ายจะเข้ามาทำร้าย ที่ฝั่งคนขับเพื่อประชิดตัว ทำร้ายให้สลบ เพื่อจะชิงทั้งทรัพย์ และชิงทั้งรถ"

          (ซึ่งเราเองไม่ได้มีแพลนที่จะไปล่วงหน้า แต่ที่ไปเพราะว่าเรามีต้องส่งของ เราจึงคิดว่า เราจะวนเข้าไปเพื่อส่งของภายในห้าง เป็นเพียงทางผ่านเข้าไปทำธุระเท่านั้น)

          ร้อยเวรท่านนั้นก็ตอบว่า "ก็อาจจะเป็นไปได้" และลงบันทึกประจำไว้ พร้อมบอกว่า จะขอไปดูกล้องวงจรปิดที่ห้าง เพื่อขอภาพเคลื่อนไหว หากได้เรื่องอย่างไรจะติดต่อไป

##ความคืบหน้า วันที่ 17/10/57##

เวลาประมาณ 14.00 น.

          - พยาบาลของทางห้าง โทรศัพท์มาเพื่อสอบถามอาการว่าเป็นอย่างไรบ้าง เราก็เล่าอาการ และบอกว่า วันเสาร์ที่ (18/10/57) ศัลยแพทย์นัดอีกครั้งเพื่อดูว่าจะต้องทำอย่างไรกับกรามที่บวมอย่างเห็นชัดได้บ้าง

          ทางพยาบาล สอบถามทันทีว่า "มีคนแจ้งหรือยังคะว่า ทางห้างจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลให้เพียงครั้งแรกครั้งเดียวเท่านั้น หากมีการพบแพทย์หรือมีการรักษาในครั้งต่อ ๆ ไป ทางห้างจะไม่รับผิดชอบ คุณต้องเป็นผู้จ่ายเอง"

เวลาประมาณ 14.30 น.

          - ทางห้าง ก็โทรมาสอบถามรายละเอียดต่างๆ เพิ่ม พร้อมแจ้งว่า "ได้ดูกล้องวงจรปิดแล้ว แต่จุดที่เกิดเหตุไกลจากจุดที่กล้องสามารถเห็นได้ จึงไม่สามารถเห็นตอนที่คุณโดนทำร้าย แต่เห็นภาพตอนคนร้ายวิ่งหนี" และจะประสานงานกับทางห้าง และทาง สน.บางแก้ว และร้อยเวรที่รับผิดชอบต่อไป (นี่คือคำตอบของห้างขนาดใหญ่ มี รปภ. กว่า 100 คน กล้องวงจรปิดทั่วทั้งห้าง)

เวลาประมาณ 15.00 น.

          - ร้อยเวรที่รับเรื่อง ก็โทรมาสอบถามรายละเอียดแบบเดียวกับที่ รองผู้กำกับเพิ่งสอบถามไป และแจ้งว่า จะเข้าไปดูกล้องวงจรปิดและดำเนินการต่อ

เวลาประมาณ 17.30 น.

          - ทางญาติของเราได้โพสข้อความทั้งหมดขึ้นเฟสบุ๊คส่วนตัวเพื่อเตือนภัยสำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งทำให้มีคนเข้ามาอ่าน และ แชร์ข้อความออกไปหลายคน

เวลาประมาณ 19.00 น.

          - มีคนรู้จักกับญาติของเราติดต่อเข้ามาว่า เค้ารู้จักกับผู้กำกับ สน. บางแก้ว ที่ทำคดีนี้อยู่ และกำลังอยากจะสอบปากคำผู้เสียหายเพิ่ม พร้อมให้เบอร์ติดต่อ ผกก. มา

เวลาประมาณ 19.30 น.

          - เราจึงโทรไปตามเบอร์ที่ให้ คำถามแรกที่ ผกก. ถามคืออะไร ขอไม่บอกละกันคะ และทาง ผกก. ได้นัดหมายเพื่อสอบปากคำเพิ่มในวันที่ 18/10/57

##ความคืบหน้า ณ วันที่ 18/10/57##

เวลาประมาณ 9.00 น.

          - ญาติของเราได้รับข้อความจากเพื่อนผ่านทาง Line ซึ่งเป็นข้อความที่ ผกก. ได้โพสผ่านเฟสบุ๊ก (หากใครอยากทราบข้อความดังกล่าวสอบถามเพิ่มเติมได้ค่ะ)

เวลาประมาณ 11.00 น.

          - เราได้เข้าไปที่ สน.บางแก้ว เพื่อให้สอบปากคำเพิ่ม (ขอไม่แจ้งในรายละเอียดนะคะ เพราะอาจมีผลต่อรูปคดี) ซึ่งทางตำรวจเองแจ้งว่า ได้รายละเอียดของคดีนี้มากแล้ว และจะติดตามจับกุมคนร้ายมาได้อย่างแน่นอนซึ่งหลังจากสอบปากคำเพิ่มเสร็จ เราได้โทรแจ้งญาติเราที่เป็นคนโพสข้อความว่า ทาง ตร. อยากให้ลบรูปของคนร้ายที่โพสในเฟสบุ๊กออกก่อน เพราะจะมีผลต่อรูปคดี และอาจทำให้คนร้ายรู้ตัวและหลบหนีไป

          ญาติเราจึงตัดสินใจลบโพสที่โพสข้อความ+รูปคนร้ายที่ลงไว้เมื่อวันที่ 17/10/57 ออก

          ##พร้อมทั้ง โพสข้อความผ่านเฟสบุ๊คส่วนตัวใหม่อีกครั้งในวันที่ 19/10/57 เวลาประมาณ 01.00 น.##

          โดยตัดเนื้อหาบางส่วน บางตอน และรูปคนร้ายออก ที่อาจทำให้มีส่วนทำให้รูปคดีเสีย หรือทำให้คนร้ายรู้ตัวและหลบหนีไป

          - และเราได้เข้าพบศัลยแพทย์ตามนัดเพิ่มดูแนวทางการรักษากรามที่เบี้ยวเพิ่ม แต่ยังโชคดีที่กรามที่เบี้ยวนั้น เกิดจากการบวม และอักเสบ จึงรับยามากินเพื่อรักษาอาการต่อไป แต่ก็ต้องหยุดงานหลายวันค่ะ

          - ในวันนี้ยังไม่ได้รับการติดต่อใด ๆ จากทางห้างเลย


##ความคืบหน้า ณ วันที่ 19/10/57##

          - ไม่มีการติดต่อจากทางตำรวจ

          - ไม่มีการติดต่อจากทางห้าง

##ความคืบหน้า ณ วันนี้ 20/10/57 ##

เวลาประมาณ 13.50 น.

          - ไม่มีการติดต่อจากทางตำรวจ ซึ่งทางตำรวจมีรายละเอียด และเบอร์ติดต่อของเรา

          - ไม่มีการติดต่อจากทางห้าง ซึ่งทางห้างมีรายละเอียด และเบอร์ติดต่อของเราอย่างครบถ้วน

          **ซึ่งแปลว่า ไม่มีการติดต่อใด ๆ ทั้งจากทางตำรวจ และจากทางห้างมาเกิน 24 ชม. แล้ว

          เราจึงตัดสินใจโพสข้อความนี้ เพราะไม่อยากให้เรื่องราวเหล่านี้จะค่อย ๆ ถูกลืมไป โดยที่ยังไม่ได้ตัวคนร้าย และไม่ได้รับความชัดเจนเรื่องมาตรการความปลอดภัย และการแสดงความรับผิดชอบชองทางห้างแม้แต่น้อย

          @@ซึ่งตั้งแต่เกิดเหตุเมื่อวันที่ 16/10/15 เวลาประมาณ 18.30 น. จนถึงวันนี้ 20/10/15 เวลาประมาณ 14.00 น. เป็นเวลากว่า 4 วัน@@

          - ทางห้างเอง ก็ยังไม่ออกมาแสดงความรับผิดชอบใด ๆ นอกจากการรักษาพยายาลในครั้งแรก

          - ทางห้างเอง ก็ยังไม่ออกมาแสดงความชัดเจนในมาตรการรักษาความปลอดภัยให้แก่ลูกค้าที่ไปใช้บริการที่ห้างของคุณเพื่อสร้างความมั่นใจเลยแม้แต่น้อย

          -ทางห้างเองก็ยังไม่ติดต่อเรามาเลยแม้แต่น้อย

===========================

          นี่คือเหตุการณ์จริง เรื่องจริง ทั้งหมดที่เกิดขึ้นตัวของเราเอง เราจึงขอให้พื้นที่ตรงนี้ เตือนภัยทุกคนนะคะ และขอให้ตำรวจจับตัวคนร้ายได้ไว ๆ และทางห้างออกมาแสดงความชัดเจนในมาตรการรักษาความปลอดภัย และรับผิดชอบต่อลูกค้าค่ะ

          ไม่ได้มีเจตนาเพื่อทำลายชื่อเสียง หรือแอบอ้างชื่อ แอบอ้างองค์กร ใด ๆ เพื่อให้เกิดการเสื่อมเสีย

          แต่เรื่องทั้งหมด มีการลงบันทึกประจำวัน มีผลการตรวจจาก รพ. มีใบรับรองแพทย์ และที่สำคัญ มีคนได้รับบาดเจ็บจากเหตุการดังกล่าวจริง

          ขอบคุณที่อ่านเรื่องราวทั้งหมดนะคะ




หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ ตุลาคม 24, 2014, 06:16:51 am
มนุษย์ลุงอันลือลั่น! สู่อุทาหรณ์ “เหยื่อทาสอารมณ์“

-http://news.sanook.com/1687061/%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B8%B8%E0%B8%A9%E0%B8%A2%E0%B9%8C%E0%B8%A5%E0%B8%B8%E0%B8%87%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%A5%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%99-%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%93%E0%B9%8C-%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%A2%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%93%E0%B9%8C/-

(http://pe1.isanook.com/ns/0/ud/337/1687061/9.jpg)



มนุษย์ลุงอันลือลั่น! สู่อุทาหรณ์ “เหยื่อทาสอารมณ์“

นำเสนอข่าวโดยทีมงาน Sanook.com

ช่วงนี้เสพข่าวในรอบสัปดาห์ จนสัมผัสได้ถึงจิตใจของมนุษย์บางจำพวกที่ทำเสมือนดั่งว่า ตูเจ๋ง ตูเปรี้ยวมาก บนโลกใบนี้

เอาแค่ในประเทศเรา หลายต่อหลายข่าว บ่งบอกว่าเวลานี้ คำว่า "มนุษย์เจ้าอารมณ์" มันได้เขี่ยคำว่า "เหตุผล" ทิ้งลงถังขยะซะอย่างนั้น

จากข่าวฮอตฮิตติดโลกโซเชียลตลอด 2-3 วัน กับชายที่แสดงอารมณ์เกี้ยวกราด บนเครื่องบินของสายการชื่อดัง เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่เราเห็นได้จากข่าวว่าคำว่า "การใช้อารมณ์เหนือเหตุผล" มันเกิดอะไรกับชีวิตเขา?

เอาละ แม้หลายคนจะมองว่า เฮ้ย! เรื่องนี้มันไกลตัว เราไม่มีทาง ที่จะทำให้สภาวะที่เรียกว่า "อารมณ์หลุด" แบบในข่าวเป็นแน่

อย่าเพิ่งชะล่าใจ.... ข่าวที่มากมายในทำนองนี้ ที่นับวันยิ่งมากขึ้น และมากขึ้นในทุกวี่วัน คือสิ่งที่กำลังบอกว่า "สังคมไทยเราในเวลานี้" มันตัดสินกันด้วย "อารมณ์" แทบทั้งสิ้น

เหตุการณ์จากข่าว หลายคนที่ได้ดูคลิป ทั้งคลิปเหตุการณ์บนเครื่องบิน ทั้งคลิปของชายคนนี้มาออกรายการดังทางช่อง3 แล้วได้แต่ส่ายหัวว่า "หมอนี่เป็นเอามาก"!

ไหนจะเหตุการณ์ที่ "เมกะบางนา" ที่อยู่ดี ๆ สาวคนหนึ่ง ถูกชายจากที่ไหนก็ไม่รู้ มาสาวหมัดใส่ โชะ ๆ ๆ ในรถยนต์ของตัวเอง

โดยหนุ่มคนดังกล่าวสารภาพหน้าตาเฉยว่า "เขาโมโหจนเกินจะควบคุมสติ" เมื่อคิดว่า สาวคนนี้ มาเฉี่ยวชนตัวเอง ย้ำนะครับว่าเขา "คิดว่า"!!!

สภาวะ "อารมณ์หลุด" เช่นนี้ มีให้เห็นมากมายในโลกของข่าว และ โลกของโซเชียล ที่เวลานี้ไวปานจรวด

นับวัน มันกำลังทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย และ ทุกอาชีพ ของทุกประเทศ

จุดจบของเรื่องทางอารมณ์ มักลงเอยด้วยเรื่องร้าย ๆ เสมอ แน่นอนว่าจุดจบสุดท้ายนี่ถึงขั้น "เสียชีวิต" ซึ่งปลายทางนำมาซึ่งความเศร้าสลดของญาติมิตร

ในทางกลับกัน หากเราลองมองย้อนกลับไป ถึงเรื่องราวที่ทำให้ มนุษย์ กลายเป็น "ทาสอารมณ์" สิ่งที่ต้องพานพบคือ เขาตกเป็นผู้ต้องหา หรือโดนสังคมตราหน้าว่าเลว ว่าชั่ว โดนต้นตอมันก็มาจาก "อารมณ์" ล้วนๆ

ใน 2 เรื่องที่ยกตัวอย่างมา หากย้อนกลับไปได้ แล้วชาย 2 กรณีนี้ ฉุดคิดถึงเหตุและผลที่ตามมา ก่อนที่จะลงมือกระทำในสิ่งที่สังคมรังเกียจเช่นนี้ เชื่อว่า "เขาก็คงไม่ทำเช่นนี้แน่"

แต่ในเมื่อ ตัวเองดันพลาดพลั้ง และ ได้กระทำในสิ่งที่ตนเองได้ตกเป็น "เหยื่อของทาสอารมณ์"

ทางออกในเรื่องนี้ มันคงยากที่จะบอกว่าต้องทำเช่นไร และเพราะสุดท้ายแล้ว หากสภาวะจิตใจของคุณเป็นคนขี้โมโห ก้าวร้าว ไร้ซึ่งความยั้งคิด ให้รู้ไว้เลยว่า "คุณอาจเป็นเหยื่อของทาสอารมณ์" รายต่อไปก็เป็นได้

เรื่องโดย : บ.ส้มซิ่ง
หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ ตุลาคม 25, 2014, 07:39:46 am
เผยเทคนิคทำตัวลอย แฉหมดเลย


http://www.youtube.com/watch?v=iMm_6pjGb58#t=95 (http://www.youtube.com/watch?v=iMm_6pjGb58#t=95)

-http://www.youtube.com/watch?v=iMm_6pjGb58#t=95-
หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ พฤศจิกายน 02, 2014, 05:49:45 pm
บ้านผมถูกไฟไหม้วอดเพราะโคมลอย อุทาหรณ์สุดสลดรับลอยกระทง

-http://hilight.kapook.com/view/110577-


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล

            เผยประสบการณ์สุดเลวร้ายของผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของการลอยโคม บ้านถูกไฟไหม้วอดทั้งหลัง สูญเสียคนที่รักจากไฟไหม้เพราะโคมลอยที่จับมือใครดมไม่ได้

            แต่เดิมแล้วการลอยโคมเป็นประเพณีที่นิยมกันทางภาคเหนือ โดยชาวบ้านเชื่อว่าการปล่อยโคมลอยเป็นการลอยเคราะห์ลอยโศก สิ่งที่ไม่ดีไม่งามในชีวิตออกไป แต่ปัจจุบันดูเหมือนว่าการลอยโคมจะไม่ได้พบเห็นในเทศกาลวันงานประเพณีของชาวเหนือเท่านั้น แต่โคมลอยนั้นกลายเป็นกิจกรรมที่ผู้คนทั่วทุกภาคของไทยทำกันเป็นปกติกันไปแล้ว ไม่ว่าจะในเทศกาลลอยกระทง ปีใหม่ หรือเทศกาลอื่น ๆ โดยมีความเชื่อที่ไม่ต่างกันนั่นคือลอยเคราะห์ลอยโศก ส่วนผลพลอยได้ก็คงเป็นความสนุกสนานที่ได้ปล่อยโคมลอยแต่งแต้มแสงสว่างให้ท้องฟ้ายามค่ำคืน

            แต่ถึงแม้การลอยโคมจะเป็นที่นิยมของคนไทยทุกภาคมากเพียงใด ทุก ๆ ปีก็มักจะมีคำเตือนเกี่ยวกับอันตรายของโคมลอยออกมาอยู่เสมอ เพราะการลอยโคมนั้นเกี่ยวข้องกับการจุดไฟ จึงเสี่ยงที่จะพลาดตกใส่บ้านของประชาชนจนนำมาซึ่งเหตุเพลิงไหม้ได้ทุกเวลา และที่ผ่านมาก็เกิดเหตุไฟไหม้เพราะโคมลอยมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน

            อย่างไรก็ดี หากใครกำลังคิดที่จะไปลอยโคมกันในเทศกาลลอยกระทงหรือปีใหม่ที่ใกล้จะมาถึงนี้ วันนี้กระปุกดอทคอมขอนำกระทู้จากพันทิปของคุณสมาชิกหมายเลข 925292 ที่เคยมีประสบการณ์บ้านแถวท่าน้ำนนท์ของเขาถูกไฟไหม้วอดทั้งหลังจากโคมลอยของใครสักคนซึ่งไม่สามารถเอาผิดกับใครได้เลย มาฝากกัน เพื่อให้ทุกท่านลองตระหนักถึงผลร้ายที่อาจจะเกิดขึ้นจากการลอยเคราะห์ลอยโศกผ่านโคมลอยกันค่ะ

            "ตอนนั้นผมเรียนอยู่ ม.4 บ้านของผมถูกไฟไหม้เมื่อประมาณ 7-8 ปีที่แล้วในคืนวันลอยกระทงครับ เนื่องจากโคมลอยมาตกใส่หลังคา คือบ้านมีลักษณะเป็นเต้นท์ผ้ายาง เรียงต่อ ๆ กันหลายหลังครับ ก็ถือว่าใหญ่พอสมควรเพราะว่าเป็นร้านขายเฟอร์นิเจอร์ แต่ว่าภายในก็มีการโบกปูนทำเป็นห้อง ๆ สำหรับออฟฟิศและอยู่อาศัยแน่นหนา ภายในก็จะมีเฟอร์นิเจอร์มากมาย ตั้งแต่โซฟา ตู้ โต๊ะ เตียง ที่นอน ฯลฯ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นไม้และที่นอนกาบมะพร้าวครับ(เป็นเชื้อเพลิงอย่างดี) ทีนี้ตอนที่โคมลอยมาตก ให้จินตนาการว่ายางโดนเผาครับ มันจะหยด เลยลุกลามรวดเร็วมาก จนไม่สามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ เสียหายทั้งหมด เหลือเพียงแค่ตู้เซฟ กับรถครับที่ไม่ถูกเผา นี่คือเรื่องย่อ แต่ผมจะขอเล่าถึงเหตุการณ์อย่างละเอียดนะครับ เพื่อสะท้อนจิตใจของผมและครอบครัวว่ามันเป็นอย่างไร ณ ตอนนั้น

            เรื่องมีอยู่ว่าผมออกไปงานวันลอยกระทงกับเพื่อนที่ศาลากลางครับ (อ้อ! ลืมบอกว่าบ้านของผมอยู่แถวท่าน้ำนนท์) ก็ไปช่วยแม่เพื่อนขายกระทง เพราะเราว่าง ๆ กะว่าเสร็จงานจะได้ลอยกระทงกับเพื่อนด้วย กว่าจะแยกกัน กลับมาถึงบ้านตัวเองก็เที่ยงคืนกว่าครับ วันนั้นบอกตรง ๆ ว่าเพลียแล้วคิดว่าคงหลับยาวแน่ ๆ หลังจากผ่านมาทั้งวัน พอกลับมาถึงเตรียมตัวจะนอน แม่ก็มาทักครับ แกยังไม่หลับ ก็บอกผมว่าอยากลอยกระทง พาไปลอยกระทงตอนนี้ได้ไหม ? เพราะแม่ตัดผมตัดเล็บน้อง ๆ ใส่กระทงไว้ (ตามความเชื่อของแม่) แต่ยังไม่ได้เอาไปลอย เพราะน้องยังเล็ก ไม่อยากพาออกไปตอนคนเยอะ ๆ กลัวว่าจะอันตราย ตอนนั้นน้องยังแบเบาะครับ ส่วนอีกคนอยู่อนุบาล ผมโตมากเพราะคนละพ่อ // ดูแกไม่สบายใจครับ ถ้าไม่เอาไปลอย แกตั้งใจไว้แล้ว ก็ไม่อยากเอาเศษผมกับเล็บน้องไปทิ้ง ด้วยว่าท่าน้ำมันไม่ได้ไกลมากด้วย ผมเลยพาแม่เดินออกมากันสองคนที่ท่าน้ำนนท์

            ตอนนั้นคนซาหมดแล้วครับ หลังจากลอยกระทงเสร็จ เราก็แวะทานก๋วยเตี๋ยวกัน ใช้เวลาอยู่พักหนึ่ง จากนั้นในขณะที่กำลังเดินกลับบ้าน ก็เห็นมีคนวิ่งแตกตื่นแล้วตะโกนว่าไฟไหม้ ๆ ตอนนั้นยังไม่ได้คิดอะไร แต่ก็ตกใจ เลยมองตาม ก็เห็นฟ้าบริเวณนั้นเป็นสีแดงครับ แม่ก็บอกว่าทางนั้นมันแถวบ้านเราเลย ใจไม่ดีเนอะ ผมก็บอกแม่ว่าอย่าคิดมาก แล้วก็พากันรีบเดินกลับอย่างไว สักพักก็มีคนขี่จักรยานวิ่งสวนมาครับ แล้วตะโกนเหมือนกันว่าไฟไหม้ ๆ เราเลยโบกให้เขาหยุดแล้วถามว่าไฟไหม้ที่ไหน ? พอเขาตอบว่าร้านเฟอร์นิเจอร์เท่านั้นแหละครับ แม่กรี๊ดเลย แล้ววิ่งนำผมไปอย่างเร็ว

            แม่กรี๊ดว่าลูกกู ๆ ! (ขออภัยถ้าไม่สุภาพนะครับ) ผมรีบวิ่งตามแม่ไป จับมือ แล้วบอกใจเย็น ๆ ตอนนั้นทำอะไรไม่ถูก ได้แค่วิ่งไปให้เร็วที่สุดที่จะทำได้ ประคองแม่ด้วย กลัวแม่จะล้ม เพราะแม่ดูสติแตกแล้ว เราก็กลัวมาก ในใจยังคิดว่าหวังว่าคงยังไม่น่าจะใหญ่โต แต่เปล่าเลยครับ ผิดคาด พอใกล้ถึงบ้านเราก็เห็นคนเป็นร้อย (ไม่เว่อร์นะครับ) มุงรอบบ้านเรา พร้อมกับรถดับเพลิงอีก 3 คัน กำลังฉีดน้ำ ตอนนั้นไฟมันท่วมจนพีคมากแล้ว รัศมีสูงประมาณตึก 3 ชั้น (นี่คือมองจากไกล ๆ นะครับ ยังไม่ถึง) ตอนนั้นเข่าอ่อน เราสองคนแม่ลูกวิ่งแทรกผลักคนอื่นออกหมดเลย แม่ก็ตะโกนหาน้องเหมือนคนสติแตก ผมก็ด้วยครับ คุมอะไรไม่อยู่เลย จนกระทั่งชาวบ้านรั้งเราทั้งคู่ไว้แล้วบอกว่า เด็ก ๆ ออกมากันหมดแล้ว เราถึงหยุดแล้วมันตื้อไปหมด ถามชาวบ้านว่าคนในบ้านอยู่ตรงไหนกัน ก็มีคนพาเราไปเจอน้อง ๆ กับพ่อเลี้ยงครับ นั่งอยู่ริมฟุตบาตไกล ๆ มือนึงอุ้มคนเล็ก อีกมือจับคนโต มันทั้งโล่งใจทั้งเศร้าใจ หลายอารมณ์มาก สงบใจได้ไม่ทันถึงนาทีก็ต้องเหลียวกลับไปมองครับ ว่าไฟยังไหม้อยู่

            เรากลับไปถามหาสมาชิกในครอบครัวคนอื่น ๆ จากชาวบ้านครับ ว่าใครอยู่ไหนบ้าง ?  เพราะอยู่กันเยอะ มีครอบครัวลุงด้วย มีลูก ๆ แล้วก็คนงานอีกหลายคน ก็ทำให้รู้ว่าตอนนี้ทุกคนออกมาแล้ว แต่เห็นว่ามีคนแก่ติดอยู่ !! ตอนนั้นหัวใจมันระเบิดเลยครับ นึกได้ว่ามีคุณตาอยู่ด้วย เวลานั้นมันคิดอะไรไม่ทันครับ แล้วทั้งหมดที่เล่าก็รวดเร็วมาก คุณตาของผมเป็นอัมพฤกษ์ด้วย ขยับได้แค่ครึ่งตัวด้านขวา ฉะนั้นแกไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้แน่ พอแม่ได้ยินอย่างนั้นก็กรี๊ดอีกรอบครับ ทีนี้จะวิ่งฝ่าไฟเข้าไป แกตะโกนเรียกคุณตาว่าพ่อ ๆ ! ผมนี่กอดแม่แน่นเลย แม่ดื้อจะลุยเข้าไปให้ได้ ซึ่งผมมองด้วยสายตาแล้วมันไม่ทันจริง ๆ ครับ ไฟสูงมาก แม้จะยังมีหลายส่วนยังไม่ถูกเผา แต่ว่าข้างในมันต้องเหมือนเขาวงกตไฟแน่ ๆ เพราะตู้ เตียง วางเรียงกั้นเป็นทางเดินไว้ แม่ไม่ไหวแน่ถ้าเข้าไป ตัวผมเองก็ด้วย แม่กรี๊ด ๆ ทั้งดิ้นทั้งทุบให้ผมปล่อย ร้องไห้สติแตก ผมก็ไม่ต่างกัน แต่ผมเสียแม่ไปไม่ได้ อยากเข้าไปช่วยตา แต่ต้องตัดใจ ตอนนั้นเป็นช่วงเวลาที่เลวร้ายมาก เพราะต้องประคองแม่ไว้ ในขณะที่จิตใจของตัวเองก็แย่พอกัน

            อยู่ ๆ ลุงของผมก็วิ่งมาจากอีกทางครับ แกวิ่งฝ่าคนเข้ามาพร้อมกับชาวบ้านที่อาสา แล้วอ้อมไปหลังบ้าน ซึ่งเป็นซอกแคบ ๆ ติดกับบ้านคนอื่น พอให้เดินได้แทรกเขาไปได้ พวกเขาเอาค้อนทุบ ๆ ๆ ๆ กำแพงจนแตกในที่สุด พอกำแพงแตกเท่านั้นแหละครับ ไฟพุ่งฟู่ ๆ ๆ ออกมาจากช่องเลย แต่ยังพอมองเห็นว่าข้างในยังไม่ไหม้หมดครับ พวกเขาก็เข้าไปในตัวบ้าน สักพักลุงก็แบกคุณตาอย่างทุลักทุเล พยายามจะออกมาจากกำแพงแตก ๆ ผมกับแม่ก็ทำได้แค่ภาวนาครับ เข้าไปช่วยไม่ได้จริง ๆ เพราะไฟพวยพุ่งออกมาเป็นระยะ สุดท้ายลุงก็ร้องขอความช่วยเหลือ จนอาสารุดเข้าไปแทน แล้วลุงก็วิ่งหนีออกมาพร้อมกับเนื้อตัวที่ไหม้พองและเยิ้มรุนแรงจากการถูกเผา ลุงไหว้แม่แล้วบอกว่าพี่ไม่ไหวจริง ๆ คือทุกคนเข้าใจ แล้วหันกลับไปมองที่เดิม ก็เห็นพี่อาสาแบกคุณตาขี่หลังครับ ดูทุลักทุเลเหมือนกัน เนื่องจากทางแคบและลึกกว่าจะออกมาได้ แล้วคุณตาก็ค่อนข้างตัวใหญ่ ประกอบกับพื้นตรงนั้นเป็นดินโคลนครับ ชุ่มไปด้วยน้ำจากรถดับเพลิงด้วย พี่คนนั้นเลยลื่นหงายหลัง และทำคุณตาหัวฟาดกับพื้น พอพี่เขาลุกได้ก็ไหว้คุณตาบอกว่าผมขอโทษ ผมไม่ไหว ๆ แล้ววิ่งออกมาเลยครับ ตอนนั้นคุณตาตะโกนไล่หลังมาว่าไอ้หนุ่ม อย่าทิ้งตา ๆ คือบอกตรง ๆ ว่าใจจะสลายที่ทำอะไรไม่ได้เลย // พี่อาสาวิ่งออกมาทั้งกราบทั้งไหว้พวกเราครับ ตอนนี้ทั้งตัวพี่เขาเองก็ชุ่มไปด้วยแผลไฟไหม้ครับ เราเข้าใจว่าทุกคนทำสุดความสามารถแล้ว เราสงสารเขาด้วยซ้ำที่เข้าไปเสียงให้ มองกลับไปคือเห็นไฟมันพุ่ง ๆ มาลนคุณตาครับ ในลักษณะที่แกนอนดิ้น ๆ เหมือนจะขาดใจ ทำได้แค่พยายามสาดน้ำเข้าไปให้ไฟมันดับบ้าง แล้วก็หาทางจะเข้าไปช่วยต่อ เสียงแกแผ่วลง ๆ ไฟก็ยังคงสูงและลามอยู่อย่างนั้น มันโหดร้ายมากที่เราทำได้แค่ไม่หลบตา มองดูแกอย่างนั้น พยายามกันอยู่นานกว่าจะสามารถกลับไปช่วยแกได้อีก พอหามคุณตาออกมาได้ก็สายไปแล้วครับ แกไปแล้ว

            หลังจากนั้นก็มีรถพยาบาลมาพาคุณตาไปครับ พร้อมกับยืนยันว่าไม่สามารถช่วยแก เราให้ลุงกับพี่อาสาไปกับรถพยาบาลเพราะแผลมันแย่มากครับ // ถึงตอนนี้ไฟก็ยังคงไหม้อยู่ เราเดินหาสมาชิกคนอื่นที่เหลือแล้วพากันมองไฟลุกต่อไปครับ ตัดใจแล้ว ทีมกู้ภัยบอกว่าดับไม่ได้แล้วครับ ตอนนี้เน้นสกัดไม่ให้ลามไปบ้านอื่น ใช่ครับ ในสายตาเรามันก็ดูจะไม่เหลืออะไรให้หวังแล้ว ชาวบ้านมองเราด้วยความสงสาร หาน้ำหาผ้าห่มมาให้ เรากอดกันร้องไห้มองดูไฟเผาทุกอย่าง จนมันแผ่วลง ๆ แล้วในที่สุดก็ดับครับ

            เวลาประมาณตีห้า บ้านที่เคยมีตอนนี้เหลือแค่ซากตะโกครับ เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบและแจ้งว่า พบอีกหนึ่งศพ เป็นเถ้ากระดูกในตัวบ้าน ทราบภายหลังว่าเป็นพี่คนงานที่น่าสงสารอีกคนที่เราคุ้นเคยดีครับ แกเป็นคนพิการ หูหนวกเป็นใบ้ คืนนั้นมีงานฉลอง พี่เขาก็คงจะเมาด้วยแล้วคงไม่ได้ยินด้วยว่าเกิดอะไรขึ้นกว่าจะรู้ตัวก็คงสาย นอกจากนี้ยังพบว่ามีโครงเสาเหล็กของเต้นท์ทับหน้าอกแกด้วย สะเทือนใจมากครับ แล้วก็เลยพบหลักฐานของเหตุเพลิงไหม้นี้ ว่าคือซากของโคมลอย ตกอยู่บริเวณที่นอนห้องผม และเป็นห้องต้นเพลิง // เรื่องนี้ขนลุกมากครับ ทำให้ย้อนคิดไปว่าถ้าแม่ไม่ชวนผมออกมา ตอนนี้ผมคงไม่รอด

            หลังจากที่เจ้าหน้าที่เช็กทุกอย่าง เราจึงมีโอกาสเดินสำรวจรอบ ๆ มันน่าเศร้าใจมากครับที่เห็นทุกอย่างเป็นเศษเถ้าถ่าน มันหมดแล้วจริง ๆ ผมไม่แน่ใจว่าตอนนั้นเราสูญไปเท่าไหร่ แต่มันหนักหนาจริง ๆ ไม่มีที่ซุกหัวนอน จนต้องไปอาศัยชาวบ้านแถวนั้นอยู่พักใหญ่ ทุกท่านใจดีกับเรามากจริง ๆ สภาพเราตอนนั้นมันแย่ที่สุด แต่ละคนเลอะเขม่า หัวฟู รุงรัง คราบน้ำตาเปรอะเหมือนคนบ้า กว่าจะคิดว่าชีวิตมันต้องดำเนินยังไงต่อไปมันใช้เวลามากครับ

            ตอนนี้ครอบครัวเราผ่านจุดนั้นมาแล้ว ค่อย ๆ เริ่มกันใหม่ และมันคงไม่มีทางลืมง่าย ๆ เราไม่ได้รับอะไรนอกจากการช่วยเหลือเล็กน้อยจากทางรัฐ เพราะเราทำประกันไม่ได้ครับ ตัวบ้านมันไม่ได้มาตรฐาน (เรื่องนี้ผมไม่แน่ใจรายละเอียด เพราะตอนนั้นยังเด็ก อยากให้ข้ามไปนะครับ) สำหรับทั้งหมดที่ผมเขียนมานี้ ผมอาจจะเขียนน่าเบื่อ ยืดเยื้อ แต่ผมเขียนด้วยความรู้สึกที่มันเจ็บปวดจริง ๆ มันโหดเกินไปจริง ๆ เชื่อไหมครับ ? ว่าพวกเราไม่ได้คิดจะโทษใครเลย กลับโทษตัวเองในหลาย ๆ เรื่อง เพราะเราไม่รู้จะโทษใคร แล้วไม่รู้ว่าโทษแล้วจะได้อะไร ตอนนี้เมื่อมองกลับไป สำหรับผมมันเป็นบทเรียนราคาแพงมาก ผมคิดว่ากว่าจะผ่านมาได้ ทุกคนเข้มแข็งขึ้นมาก ผมคิดว่าผมโตขึ้นเยอะจากเรื่องนี้ เพราะมันทำให้ชีวิตผมเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงจนถึงปัจจุบัน

            อย่างไรก็ตาม ผมอยากฝากเป็นสิ่งเตือนใจถึงทุกท่านในสังคมนะครับ กรุณาเถอะครับ อย่าให้ใครต้องเจอเรื่องราวแบบนี้เลย ตัวผมเองก็ไม่เคยลอยโคมสักครั้งในชีวิต ผมเลยรู้สึกว่ามันก็ตลกดีที่กลับเป็นฝ่ายมาโดน // สำหรับประเพณี มันเป็นสิ่งสวยงามครับ ผมไม่ขอร้องให้หยุด แต่ผมอยากถามว่า มีสักกี่คนครับ ? ที่คิดว่าหลังจากที่เราลอยความทุกข์ของตนไปกับโคมไฟแล้ว หลังจากนั้นมันจะเป็นอย่างไรต่อ ? มันจะลอยขึ้นไปสู่ฟากฟ้าไม่รู้ดับ หรือหวังว่ามันคงค่อย ๆ มอดและล่วงลงอย่างสงบ ? หรือเราจะให้ใครเก็บมันหลังจากนั้น ? // ผมเชื่อว่าทุกท่านปล่อยโคมด้วยเจตนาอันดีครับ ฉะนั้นผมก็หวังเช่นกันว่าเมื่อท่านได้อ่านเรื่องจริงของผมแล้ว อาจเป็นอุทาหรณ์ที่ท่านจะสามารถนำไปเล่าต่อ ๆ กันได้ // ประเพณีที่สวยงาม ผมเชื่อว่ามันจะยังคงสวยงาม หากผู้ที่สานต่อมีความเข้าใจ และสืบสานคงไว้ให้เหมาะสมตามยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลง ไม่จำเป็นต้องเลิก แต่ขอให้สานต่ออย่างประณีต อย่าทำไปด้วยฉาบฉวย ขอเท่านี้แหละครับ

            ขอบคุณที่อดทนอ่านจนจบครับ :")"


หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ พฤศจิกายน 22, 2014, 05:10:49 pm
สุ่มตรวจร้านหมูกระทะ พบยาดองศพปนเปื้อนในปลาหมึกอื้อ

-http://health.kapook.com/view105227.html-



เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
         
           แพทย์ประจำสาธารณสุขจังหวัดเลย สุ่มตรวจสารปนเปื้อนในอาหารตามร้านจำหน่ายหมูกระทะ พบมีสารฟอร์มาลีนหรือน้ำยาดองศพปนเปื้อนอยู่ในปลาหมึกอื้อ

           วันที่ 21 พฤศจิกายน 2557 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายแพทย์สุวิทย์ โรจนศักดิ์โสธร แพทย์ประจำสาธารณสุขจังหวัดเลย ได้นำเจ้าหน้าที่ออกสุ่มตรวจร้านจำหน่ายหมูกระทะในพื้นที่อำเภอเมืองเลย เพื่อป้องกันการใช้สารปนเปื้อนในอาหาร ทั้งนี้จากการตรวจสอบพบว่า บางร้านมีสารฟอร์มาลีนหรือน้ำยาดองศพปนเปื้อนอยู่ในปลาหมึก ซึ่งเจ้าของร้านก็ได้ปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นผู้ใส่สารชนิดดังกล่าวเอง พร้อมบอกว่าปลาหมึกที่นำมาขายจะมีรถมาส่งให้ถึงร้าน

           นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังทำการตรวจสอบสารบอแรกซ์ในเนื้อหมูด้วย ซึ่งปรากฏว่าไม่พบสารปนเปื้อนแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ก็ได้ให้คำแนะนำในเรื่องสุขอนามัยกับบรรดาร้านต่าง ๆ อีกด้วย ส่วนสำหรับร้านที่พบว่ามีสารฟอร์มาลีนนั้น ทางเจ้าหน้าที่จะทำการตรวจสอบที่มาและดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

           ผู้สื่อข่าวระบุเพิ่มเติมว่า นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเลยได้ฝากเตือนมายังประชาชน ว่าให้เลือกร้านที่น่าไว้วางใจเท่านั้น เนื่องจากผู้ค้าขายบางร้านไม่ห่วงใยสุขภาพของผู้บริโภค อาจใช้น้ำยาที่เป็นอันตราย เช่น ฟอร์มาลีน น้ำยาล้างห้องน้ำ มาแช่เนื้อปลาหมึกหรือใช้ล้างเนื้อสัตว์ต่าง ๆ ได้

           ดังนั้น เพื่อเป็นการป้องกันปัญหาดังกล่าว ผู้บริโภคจะต้องคำนึงถึงสุขภาพอนามัยของตัวเอง โดยให้สังเกตที่เนื้อสัตว์ต่าง ๆ ว่าจะต้องไม่แดงจัดจนเกินไป และสีผิวต้องสม่ำเสมอ ไม่มีลักษณะของเม็ดสาคูฝังในเนื้อ และเพื่อหลีกเลี่ยงพยาธิต่าง ๆ ในการย่างควรต้องย่างให้สุกก่อน ไม่ควรรับประทานแบบสุก ๆ ดิบ ๆ เพราะเสี่ยงต่อการเป็นพยาธิ อีกทั้งถ้าป่วยแล้วอาจถึงแก่ชีวิตได้ นอกจากนี้จะต้องไม่ย่างจนเกรียมเกินไป เพราะการไหม้เกรียมมีสารก่อมะเร็งอีกด้วย   

           นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเลยยังกล่าวอีกว่า หากผู้บริโภคสงสัย สามารถนำตัวอย่างเนื้อสัตว์มาส่งตรวจได้ที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเลยหรือโรงพยาบาลชุมชนได้ทุกแห่ง ซึ่งจะให้บริการตรวจฟรี 5 สาร คือ สารบอแร็กซ์ สารกันรา สารฟอกขาว ฟอร์มาลีน สารเคมีกำจัดศัตรูพืช ส่วนสารเร่งเนื้อแดงผู้บริโภคจะต้องเสียค่าใช้จ่ายในการตรวจเอง


อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก-http://social.tnews.co.th/content/116704/-




หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ พฤศจิกายน 22, 2014, 05:16:59 pm
เปิดคลิปชายขอทานแกล้งแขนด้วน ลุกขึ้นทีแขนโผล่

-http://hilight.kapook.com/view/111715-




เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก Doolen Acoustic

            เล่นกันแบบนี้เลย ชายขอทานซ่อนแขนไว้ในเสื้อ หลอกว่าแขนด้วน ขายความสงสารหาประโยชน์จากคนอื่น

            วันที่ 20 พฤศจิกายน 2557 เฟซบุ๊ก Doolen Acoustic ได้เผยคลิปเปิดโปงพฤติกรรมของชายขอทานแขนพิการรายหนึ่ง ซึ่งมานั่งขอทานอยู่ริมฟุตปาธ แต่แล้วในที่สุดกลับปรากฏว่าที่จริงแล้ว ชายคนดังกล่าวไม่ได้มีแขนพิการแต่อย่างใด เพียงแต่ซ่อนแขนของตนเองไว้ในเสื้อเพื่อหลอกใช้ความสงสารจากผู้คนให้ช่วยทำทานเท่านั้น ดังที่จะเห็นได้จากคลิปนี้

(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/rungtip/1a/171_12_1416585521.jpg)

            - ชายขอทานผู้มีแขนพิการทั้ง 2 ข้าง นั่งขอทานอยู่ริมฟุตปาธ

(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/rungtip/1a/2_4.jpg)

            - แต่แล้วหลังจากที่รู้ตัวว่าถูกถ่ายคลิป ชายขอทานรายนี้ก็ลุกขึ้น

(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/rungtip/1a/500_229.jpg)

            - ในจังหวะนั้นเองที่เห็นแขนของเขาโผล่ออกมาจากปลายเสื้อ

(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/rungtip/1a/3_2.jpg)

            - เมื่อลุกขึ้นยืน 2 แขนที่ซ่อนไว้ภายในเสื้อก็ยิ่งโผล่ออกมาชัดเจน

(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/rungtip/1a/5_5.jpg)

            - กระทั่งในที่สุด ชายขอทานรายนี้ก็รีบวิ่งหนีไปเมื่อรู้ตัวว่าถูกจับโกหกได้

            นอกจากนี้เจ้าของคลิปยังเปิดเผยด้วยว่า จริง ๆ แล้วตนรู้สึกสงสารคนที่ลำบากจริง ๆ แล้วมาขอทาน แต่สำหรับกรณีที่มีคนมาแสวงหาประโยชน์กับการขอทานเช่นนี้ ตนไม่รู้สึกสงสารเลยจริง ๆ

https://www.facebook.com/doolen.nj (https://www.facebook.com/doolen.nj)
-https://www.facebook.com/doolen.nj-


------------------------------------------------------------------------------------


ลุยแล้ว จัดระเบียบขอทานใน กทม. จับพิสูจน์แม่-ลูก

-http://hilight.kapook.com/view/111735-



จัดระเบียบขอทานกทม.3วันจับได้96ราย (ไอเอ็นเอ็น)
 
             อธิบดีกรมพัฒนาสังคม เผยการจัดระเบียบขอทาน กทม. 3 วัน จับกุมได้ 96 คน พร้อมขยายผลต่อเนื่องในจังหวัดท่องเที่ยว

             วันนี้ (22 พฤศจิกายน 2557) นายอนุสันต์ เทียนทอง รองอธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เปิดเผยว่า ภายหลังการลงพื้มที่จับกุมขอทานในเขตพื้นที่ของกรุงเทพมหานคร ข้อมูลตั้งแต่วันที่ 19-21 พฤศจิกายน 2557 รวมเป็น 3 วัน สามารถจับกุมขอทานได้ 96 คน ซึ่งเป็นคนไทย 35 คน และเป็นคนต่างด้าว 61 คน

             นอกจากนี้ เมื่อมีการจัดระเบียบขอทานในกรุงเทพฯ แล้ว ก็จะดำเนินการขยายผลต่อเนื่องในพื้นที่จังหวัดแหล่งท่องเที่ยว อาทิ เชียงใหม่ พิษณุโลก ขอนแก่น อุบลราชธานี ชลบุรี ภูเก็ต นครศรีธรรมราช และสงขลา ซึ่งการดำเนินการก็จะมีลักษณะการปฏิบัติการคล้ายกับของกรุงเทพมหานคร พร้อมทั้งขอความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการให้ความช่วยเหลือ

             ทั้งนี้ ภายหลังการจับกุมแล้ว ทางกรมพัฒนาสังคมฯ จะมีการแบ่งแยกคัดกรองใน 5 เรื่อง อาทิ ด้านกลุ่มยาเสพติด ด้านอาวุธ ด้านของสุขภาพร่างกาย ด้านสุขภาพจิต และด้านการคัดแยกกลุ่มการค้ามนุษย์
 
             นอกจากนี้ การดำเนินการยังได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ในการดูแลจัดการคัดแยกกลุ่มคนที่มา จากการค้ามนุษย์ นอกจากนี้ ยังมีกระทรวงสาธารณสุขดูแลด้านสุขภาพร่างกาย สุขภาพจิต และตำรวจตรวจคนเข้าเมืองในการดำเนินคัดแยกตัวบุคคล และสัญชาติว่าเป็นคนไทยหรือต่างด้าว

             พร้อมกันนี้ ยังพบว่ามีแม่ที่อุ้มลูกมาขอทาน เบื้องต้นทางกรมพัฒนาสังคมฯ ได้ประสานงานไปยังศูนย์แลกรับคนไร้ที่พึง ที่นนทบุรี เพื่อตรวจพิสูจน์ความเป็นแม่ลูก ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะดำเนินการในการตัดวงจรของกลุ่มการค้ามนุษย์





หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ พฤศจิกายน 22, 2014, 07:18:22 pm
เจ้าหน้าที่ทางราชการ  รวมทั้งตำรวจ

ทำผิด  ไม่ต้องรับผิด และ ไม่ต้องติดคุก  ใช่หรือไม่ ?????????  !!!!!!!!!!

ไม่มีข่าว แต่อย่างใด



-------------------------------------------



พนง. เก็บขยะ คดีเก็บแผ่นซีดีขาย นำเงิน 2 หมื่น มอบกองทุนยุติธรรม

-http://hilight.kapook.com/view/111729-

(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/settawoot/z-1_147.jpg)

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก  ข่าวสด         

           พนักงานเก็บขยะถูกศาลตัดสินจำคุก หลังเก็บแผ่นซีดีขาย นำเงินที่ได้รับบริจาคมามอบให้กองทุนยุติธรรม เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนเช่นตน

           จากกรณีที่นายสุรัตน์ มณีนพรัตน์สุดา พนักงานเก็บสิ่งปฏิกูลเขตสะพานสูง กทม. เก็บแผ่นซีดีไปขาย ต่อมาได้ถูกศาลฎีกาปรับเป็นจำนวนเงิน 133,400 บาท แต่นายสุรัตน์ไม่มีเงินชำระค่าปรับ ทำให้ศาลตัดสินกักขังเป็นเวลา 1 ปี แต่ต่อมามีผู้ใจบุญมาชำระค่าปรับให้ ทำให้นายสุรัตน์ได้รับการปล่อยตัวนั้น

           ล่าสุด วันนี้ (22 พฤศจิกายน 2557) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสุรัตน์ ได้เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ. ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ เพื่อมอบเงิน 20,000 บาทที่ได้รับจากการบริจาคจากประชาชนมามอบให้กรมคุ้มครองสิทธิฯ นำเข้ากองทุนยุติธรรม เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนเช่นตน

           ทั้งนี้ พ.ต.อ. ณรัชต์ กล่าวว่า ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่กองทุนยุติธรรมได้รับเงินบริจาคเข้ากองทุน ซึ่งก่อนหน้านี้กรมคุ้มครองสิทธิฯ ได้เคยนำเงินกองทุนยุติธรรมไปประกันปล่อยตัวชั่วคราวนายสุรัตน์ออกมา และต่อมามีผู้ช่วยเหลือนำเงินไปเสียค่าปรับให้ แต่ยังเหลือเงินที่มีผู้บริจาคอีก 20,000 บาท นายสุรัตน์จึงต้องการมอบเงินที่เหลือให้กองทุนยุติธรรมนำไปใช้ประโยชน์กับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนเหมือนตัวเอง

           ด้านนายสุรัตน์ กล่าวว่า ตนเคยได้รับความช่วยเหลือจากกองทุนยุติธรรมในการประกันตัวออกมาสู้คดี ต่อมาเมื่อถูกศาลฎีกาสั่งปรับก็มีผู้หวังดีนำเงินมาชำระค่าปรับให้ และมีเงินของประชาชนอีกส่วนหนึ่งที่มาบริจาคให้คน ตนจึงมองว่าเงินนี้เป็นของประชาชน จึงตัดสินใจมามอบให้กองทุนยุติธรรมนำไปช่วยเหลือผู้อื่นต่อไป


อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก-http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1416637372-






หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ พฤศจิกายน 26, 2014, 09:43:22 pm
เตือนภัย ! เมื่อมิจฉาชีพเคาะกระจกรถ บอกขับดี ๆ หน่อย

-http://hilight.kapook.com/view/111914-

(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/fontip/hitnews/1416755533-111-o.jpg)



เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณ J-AOB สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม

            เตือนภัย ! เมื่อมิจฉาชีพเคาะกระจกรถ "บอกขับดี ๆ หน่อย" พร้อมหลอกให้ลงจากรถ แต่ทว่าคนขับจำหน้ามิจฉาชีพได้ เลยรอดตัว

            เป็นเรื่องราวที่เตือนภัยคนใช้รถใช้ถนนได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว เพราะมิจฉาชีพสมัยนี้มาแนวแปลกแนวใหม่ ขนาดระวังตัวแล้วระวังตัวอีก บางครั้งก็ยังพลาดเสียรู้ให้กับคนร้ายพวกนั้น..

            สำหรับเรื่องราวล่าสุดที่เราจะนำมาเตือนกันอีกรอบ เป็นเรื่องที่หลายคนเคยเจอ เคยเห็นคนโพสต์เตือนผ่านโซเชียลต่าง ๆ แต่ยังมีอีกหลายคนที่ยังไม่ทราบ วันนี้เราก็ขอนำเรื่องราวของคุณ J-AOB สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ที่เจอคนร้ายแบบจัง ๆ มาให้ได้ทราบกัน ขอบอกเลยว่า จำหน้าพี่คนนี้ไว้ให้ดี ๆ !

            "เจอกับตัวเอง ! มิจฉาชีพขี่มอเตอร์ไซค์มาเคาะกระจก บอกขับดี ๆ หน่อย.....ลงมาดูสิ"
 
            วันนี้ 23/11/57 เวลาประมาณ 14.30 น.

            ผมกับแฟนขับรถอยู่บนถ.บรรทัดทอง กำลังรถติดไฟแดงมีมอเตอร์ไซค์ ขับมาจอดตรงประตูซ้ายข้างหลังด้านคนนั่งแล้วเคาะกระจกผมกับแฟนตกใจนิดหน่อย ก็เปิดกระจกไป

            มันบอกว่า : "ขับรถระวังหน่อย เมื่อกี้ตรงสะพานอ่อนอะ บลา ๆ ๆ (ผมฟังไม่ออกมันพูดเบา)"
            แฟนผมก็ถามไป : ว่าชนโดนเหรอ ?
            มันก็ตอบ : "ก็ลงมาดูสิ"

            ทีนี้ ผมก็หันไปพอเห็นหน้ามัน ปุ๊บ!!

            สมองนี่ประมวลผลในเสี้ยววิ เฮ้ย ๆ ๆ นี่มันคุ้น ๆ อาการเหมือนเดจาวู จำได้ขึ้นมาว่ามันคือมิจฉาชีพที่เคยอ่านเจอนี่หว่า

            ผมงี้ยืนขึ้นเลย 555+ ไม่ใช่ละ

            ผมบอกมัน : "หน้าพี่มันเต็มอินเทอร์เน็ตหมดละ เลิกเหอะ"

            5555+ ได้ผล ! มัน.....สตั๊นท์ไป 3 วิ

            ทีนี้ผมก็พูดไปว่า : ถ้าคิดว่าจะเอา... เดี๋ยวขับตามไปที่ สน.ตำรวจ เลยนะ แต่รถมันก็ยังติดอยู่และรถมันก็ไปต่อไม่ได้เหมือนกัน

            ผมเลยบอกต่อว่า : ไม่ต้องละ ข้างหน้ามีป้อมตำรวจขับตามมาเลยดีกว่า

            ทีนี้มันบอก : "ให้มันแล้วไปเถอะ"

            สรุป ก็ลาจากกันแบบฮา ๆ เพราะหน้ามันเจื่อนได้ใจจริง ๆ ครับ

            แฟนผมจากที่ตกใจเรื่องมัน กลายเป็นฮาและบอกว่าที่น่าตกใจ คือ "เธอจำได้ไง" 55555+

            ดูหน้าไว้นะครับ คนเดียวกันกับที่แปะลิงก์ให้เลยครับ มันทำเป็นอาชีพชัวร์ facebook.com/ShowPix

            อยากจะเตือน คนที่อยู่แถว ๆ ปทุมวัน คลองเตย พระราม 4  เพราะคนคน นี้ เท่าที่ผมค้นหารูปทางกูเกิลดู ก็พบว่า มีคนเจอกรณีเดียวกันเลย คือ อ้างว่าโดนทับเท้า บาดเจ็บ จะรีบไปรับลูกและให้ลงมาดูเท้ามันซึ่งจะทาอะไรดำ ๆ เอาไว้

            และนี่คือ ภาพที่ผมเคยเห็นในอินเทอร์เน็ตและดันฟลุคจำได้ขึ้นมาครับ

 "ระวังผู้ชายคนนี้ ถ้าเจอเพราะเป็นคนที่ขี่มอเตอร์ไซค์แล้วเคาะกระจกบอกว่าเราเลี้ยวไปทับโดนขาเขาให้ลงมาดู อย่าลงเด็ดขาด ! เพราะผมเจอมันสองครั้งแล้ว ผมเลยบอกมันว่ามุกเดิม เดี๋ยวไปโรงพักเจอกันถ้าทับกันจริง พอเดินมาที่รถก็โดนไอแพดถ่ายเลย ผมบอกว่าถ่ายไว้แล้ว เดี๋ยวจะลงกระจายให้ทั่วกรุงเทพฯ มันหายในบัดดลฯ"

            โชคดีของคุณ J-AOB ที่สามารถจำหน้ามิจฉาชีพคนนี้ได้ แต่ถ้าเป็นคนอื่นที่จำไม่ได้ล่ะ ถ้าเป็นผู้หญิงมาตัวคนเดียวแล้วเปิดประตูรถลงไปดูล่ะ อาจจะเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นก็ได้  ยังไงก็จำหน้าเอาไว้และฝากแชร์ส่งต่อกันด้วยนะคะ


(http://www.tairomdham.net/index.php?action=dlattach;topic=8971.0;attach=3343;image)
.
หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ พฤศจิกายน 30, 2014, 09:52:10 am
ลูกค้าอึ้ง เปิดเจอสภาพกระเป๋าสั่งซื้อผ่านเว็บดัง-คราบ ขี้นก เกาะเพียบ

-http://hilight.kapook.com/view/112131-

(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/fontip/hitnews/1417189157-image-o.jpg)


ลูกค้าอึ้ง เปิดเจอสภาพกระเป๋าสั่งซื้อผ่านเว็บดัง-คราบ ขี้นก เกาะเพียบ

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก คุณ Sunset at the beach สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม

            ลูกค้าอึ้ง สั่งซื้อกระเป๋าในอินเทอร์เน็ต พอเปิดมาดูถึงกับตกใจกับสภาพของ เหมือนผ่านการใช้งานมาแล้ว มีรอยขูดขีดเพียบ แถมมีขี้นกติด

            ถือเป็นอีกหนึ่งอุทาหรณ์ของคนซื้อของออนไลน์ เมื่อสั่งซื้อสินค้าลดราคาจากเว็บไซต์ชื่อดัง แต่กลับได้ของสภาพแย่เหมือนผ่านการใช้งานมาแล้ว และมีร่องรอยที่ไม่น่าพิศมัยแถมมาด้วย โดยคุณ Sunset at the beach สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ได้โพสต์เล่าว่า เธอได้สั่งซื้อกระเป๋าเดินทางยี่ห้อหนึ่งในราคา 999 บาท จากเว็บไซต์ชื่อดัง เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2557 ที่ผ่านมา และได้รับสินค้าในช่วงเย็นวันที่ 28 พฤศจิกายน 2557 ก่อนจะเปิดดูของแล้วต้องตกใจมากกับสภาพกระเป๋าที่เห็น

            ทั้งนี้กระเป๋าที่เธอได้รับนั้น สภาพเหมือนเป็นของที่ผ่านการใช้งานมาแล้ว มีทั้งรอยขูดขีด และที่ทำให้เธอตกใจสุด ๆ ก็คือ มีรอยขี้นกด้วย !!!

เธอไม่เข้าใจว่าทำไมถึงทำการส่งกระเป๋าสภาพแบบนี้มาให้ลูกค้าได้ คือถ้ามีแค่รอยขีดข่วนนิดหน่อยเธอยังพอรับได้ แต่นี่มีขี้นกมาด้วยเต็มกระเป๋าไปหมด เธอต้องใช้เพื่อเดินทางในเดือนธันวาคมนี้แล้ว กระเป๋าที่มีแต่คราบขี้นกแบบนี้เธอคงนำไปใช้ไม่ได้ รูปจากทางเว็บไซต์ดังกล่าวกับสภาพกระเป๋าที่เธอได้รับนั้นต่างกันมาก ๆ เธอโทรศัพท์ติดต่อทางคอลเซ็นเตอร์แล้วแต่อีกฝ่ายปิดทำการช่วงเย็น เลยตั้งใจจะโทร.ไปอีกครั้งในวันรุ่งขึ้น หากมีความคืบหน้าจากทางเว็บไซต์ดังกล่าว เธอจะมาบอกอีกที แต่เรื่องนี้สอนให้เธอรู้ว่า "ของถูกและดีไม่มีในโลก"

            งานนี้ก็ได้มีชาวพันทิปเข้ามาคอมเม้นท์ให้กำลังใจ คุณ Sunset at the beach และรอติดตามความคืบหน้ากรณีดังกล่าว บ้างก็ตกใจว่า สภาพขนาดนี้ กล้าส่งให้ลูกค้าได้อย่างไร ส่งของมาแบบนี้ก็เกินไป น่าจะนำเรื่องไปร้องเรียนกับ สคบ. ในขณะที่หลายคนก็เข้ามาร่วมแชร์ประสบการณ์ที่ไม่ค่อยน่าประทับใจจากการซื้อของผ่านเว็บไซต์เช่นเดียวกับเจ้าของกระทู้

            นอกจากนี้ยังมีคนตาดีเห็นว่า ในรายละเอียดสินค้าดังกล่าวที่เว็บไซต์นั้น ได้มีการลงข้อความว่า "หมายเหตุ ภาพประกอบใช้เพื่อการโฆษณาเท่านั้น" ไว้ด้วย

----------------------------------------------------------------------------------------------------

แฉกลโกงแม่ค้า ร้านขนมไทย 3 ถุง 100 บาท

-http://hilight.kapook.com/view/112138-

แฉกลโกงแม่ค้าขายขนม ยัดกล่องพลาสติกใส่ไว้ใต้ถุง

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณยิ้มปริศนา สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม

            สมาชิกพันทิปแฉกลโกงแม่ค้าขายขนมย่านพหลโยธิน ยัดกล่องพลาสติกใส่ไว้ใต้ถุงขนม เพื่อลดปริมาณขนม ฟันกำไรงาม

            เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2557 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สมาชิกเว็บไซต์พันทิปรายหนึ่ง ออกมาแฉร้านขายขนมบริเวณที่ทำงานของเธอ หลังจากที่ซื้อขนมมาเพราะคิดว่าได้เยอะ เต็มถุง แต่เมื่อกินขนมไปกลับต้องอึ้งเมื่อพบว่าใต้ถุงนั้นใส่กล่องพลาสติกใสสี่เหลี่ยมเอาไว้

            สมาชิกรายนี้ใช้ล็อกอินว่า คุณยิ้มปริศนา เธอได้ตั้งกระทู้ชื่อ "มาดูกลโกงแม่ค้าสมัยนี้กัน ร้านขนมไทย 3 ถุง 100 บาท" เพื่อแฉกลโกงของแม้ค้าร้านขนม โดยเธอเล่าว่า เธอทำงานอยู่แถวพหลโยธิน ซึ่งบริเวณนั้นจะมีแม่ค้าวนเวียนเข้ามาขายขนม และวันหนึ่งเธอก็ซื้อขนมร้านหนึ่ง ราคา 3 ถุง 100 บาท มาทาน โดยเห็นว่าปริมาณขนมในถุงนั้นเยอะดี แต่พอเธอแกะทานไปเรื่อย ๆ เท่านั้นแหละ เธอก็พบว่าใต้ถุงนั้นยัดกล่องพลาสติกใสเอาไว้ เลยรู้สึกว่าตัวเองถูกเอาเปรียบอย่างมาก จึงลองแกะขนมถุงที่ 2 ออกมาดู เมื่อเขย่า ๆ ให้เห็นใต้ถุงก็พบว่ามีกล่องพลาสติกใสวางอยู่เช่นกัน

            อย่างไรก็ดี เมื่อแกะขนมถุงที่ 3 ซึ่งเป็นมันต่อเผือกชิ้นใหญ่ ก็พบว่าไม่มีกล่องพลาสติกใสยัดอยู่ ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นเพราะเป็นขนมชิ้นใหญ่ ไม่อาจจะซ่อนกล่องใต้ถุงให้เนียน ๆ ได้ แม่ค้าจึงเลือกซ่อนกล่องเฉพาะในขนมชิ้นเล็กที่สามารถซ่อนได้อย่างแนบเนียน

            จะเห็นได้ว่า ขนาดของกล่องเมื่อเทียบกับขนมแล้ว อาจกล่าวได้ว่ากล่องดังกล่าวกินพื้นที่ในถุงไปเกือบครึ่ง ซึ่งแน่นอนว่า นี่บ่งบอกถึงเจตนาของแม่ค้าว่าจงใจหลอกลวงผู้บริโภคให้คิดว่าขายถูก ได้ขนมเยอะ อย่างแท้จริง

            ทั้งนี้ หลังจากที่กระทู้ดังกล่าวได้รับการเปิดเผยออกไป ปรากฏว่ามีสมาชิกพันทิปเข้าไปแสดงความคิดเห็นต่อกรณีดังกล่าวเป็นจำนวนมาก


(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/fontip/hitnews/1417076017-Capture1JP-o-vert.jpg)

(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/fontip/hitnews/1417076017-Capture1JP-o-vert.jpg)

(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/fontip/hitnews/1417078779-Capture11J-o.jpg)




หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ ธันวาคม 02, 2014, 06:05:31 am
เปิดวิธีเด็ดๆ ไล่จับคนร้ายโกงเงินซื้อของทางอินเทอร์เน็ต

-http://hilight.kapook.com/view/112223-

(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/ratthakorn/variety/cheat01.jpg)



เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณ ZeedTaza สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม

          เปิดวิธีไล่จับคนร้ายโกงเงินซื้อของทางอินเทอร์เน็ตเด็ด ๆ ซึ่งไม่ใช่เรื่องยากหรือเรื่องง่ายจนเกินไป โดยทาง คุณ ZeedTaza สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม เป็นผู้นำเสนอวิธีเอาไว้ได้อย่างน่าสนใจ

          เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2557 ในโลกอินเทอร์เน็ตกำลังแชร์กระทู้ในเว็บไซต์พันทิป ของคุณ ZeedTaza ซึ่งเป็นการนำเสนอวิธีจับคนร้ายที่โกงการซื้อสินค้าผ่านทางอินเทอร์เน็ต โดยวิธีที่ไม่ยากไม่ง่าย ทางเจ้าของกระทู้ได้นำเสนออยู่ 2 วิธีด้วยกัน หลังจากถูกโกงเงินซื้อสินค้า นั่นคือ ตามตัวเอง หรือไม่ก็ส่งเรื่องให้กองปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เป็นผู้จัดการ ส่วนรายละเอียดจะเป็นอย่างไรบ้าง ตามข้อมูลด้านล่างเลยจ้า

          มาระบายประสบการณ์กันค่ะ ซื้อของทางไหน โดนใครโกงไปบ้าง....

          ช่วงนี้หลายคน ๆ ซื้อของทางเนตแล้วโดนโกงเพิ่มขึ้นเยอะมากกกกกก คิดว่าคงทำกันเป็นแก็งค์ เป็นล่ำ เป็นสันเลยมั้งค่ะปีนี้ เฮ้ออ

          จขกท. เป็นอีกคนที่พึ่งโดนโกงครั้งแรกค่ะ หลังจากที่ซื้อของงออนไลน์มา 4-5 ปีประจำ เนื่องจากมันถูกกก !! + เบื่อฝ่ารถติดออกจากบ้าน

          ขอเล่าประสบการณ์ของตัวเองก่อนนะคะ เราอยากได้มือถือสำรอง เลยสั่งซื้อมือสอง จากเว็บชื่อดัง โอ้ แอ๋ว แอ๊บ 555+ เสร็จแล้ว เลยคุยตกลงซื้อขายกับผู้ขายทางไลน์ (คนขายชื่อนายอภิชัย ปxxx) จะได้มีหลักฐานเก็บไว้ ก่อนโอนได้ขอชื่อ นามสกุล บัตรประชาชน (มันให้ใบขับขี่มาแทน) เบอร์ติดต่อ bookbank+ภาพถ่าย เอาไว้

          พอเราเช็คว่าชื่อบัญชีที่โอนกับชื่อบัตรตรงกัน พอเช็คประวัติจาก google และทางเว็บว่าไม่มีประวัติเสียอะไร ก็โอนเงินไปค่ะ พอโอนเสร็จปุ๊ป ก็ตามนี้ค่ะ บอกว่าส่ง ems ให้แล้ว และ หายแวปปปปป ออกจากไลน์ไป เร็วยิ่งกว่านรกนะ


โทรศัพท์ก็ปิดหนีไปตามระเบียบ ประกาศก็ลบไแล้วจ้า (ข้อผิดพลาดของเราจุดแรกนะคะ ใจร้อนเกินไป ในกรณีนี้ควรให้ส่งแบบ พกง. แม้มันจะปฎิเสธว่าส่งไม่เป็นค่ะ, ของเรานัดรับไม่ได้เพราะอยู่ ตจว.อะจ้ะ)

          เสร็จแล้ว เราก็รอ 2 วัน เฟิมว่าโดนโกงแน่แล้ว เราก็รวบรวมหลักฐานที่เก็บมา + หาข้อมูลมันจาก google หาให้ได้มากที่สุดนะค่ะ

          - และนี่เป็นหลักฐานอื่น ๆ ที่เราพอหาได้ เมื่อค้นข้อมูลจากพี่กู๋นะค่ะ เจอรูปถ่าย 2 ใบ แต่งงานแล้ว อายุ 31 ปี บ้านเกิดอยู่ที่อ่างทอง ลงประกาศจากลพบุรี และบัญชีปลายทางทั้ง 2 บัญชีของมันเกิดที่ กทม. ค่ะ และบุคคลที่ใช้ชื่อนี้ยังไม่มีประวัติการโกงบนเว็บ และประวัติการโกงทางคดีอื่น ๆ (อันหลังนี่เราให้พี่เราช่วยเช็ก) เด๋วเราจะมาบอกวิธีเช็กข้อมูลด้านล่างนะค่ะ

          รูปถ่ายของนายอภิชัย ปxxx ค่ะ ขออนุญาตเอาออกไปนะค่ะ อีกรูปขอไม่แฉนะค่ะ มันถ่ายกับเมียหรือกิ๊กมันค่ะ

          และต่อไปนี้.... เป็นขั้นตอนการจับคนร้ายที่เราพอรวมๆมาได้ ผิดพลาดตรงไหนไปขออภัยค่ะ ช่วย ๆ กันเสริมจะได้มีประโยชน์กับผู้อื่นกันค่ะ (หลาย ๆ คนพอรู้ว่าโดนโกง คิดว่าไงก็ตามคืนไม่ได้แน่ ๆ คิดใหม่นะคะ เพื่อน จขกท. ทำตามนี้ได้คืนมาเยอะค่ะ)

          1. ตามสืบเอง  หรือ

          2. รวบรวมข้อมูลส่งให้ กองปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี กทม.

มาเริ่มที่ข้อแรกค่ะ ตามสืบเอง ฉบับรวบรัด (ขอบคุณข้อมูลจาก pantip วิธีพี่ช่วยได้มาก ๆ เลย)

          1. เริ่มสงสัยติดต่อไม่ได้ ให้สงสัยไว้ก่อนเลยว่า ผ่านไป 1-2 วันยังติดต่อไม่ได้ งานเข้าแน่ ๆ

          2. พอแน่ใจแล้วว่างานเข้า รีบไปแจ้งความแล้วส่งใบแจ้งความ แนบกับกระทู้ที่โดนโกงส่งให้ Admin ขอเลข IP ก่อนเลยนะคะ ขั้นตอนนี้ต้องทำก่อนเลย

          3.นำเลข Ip ตรวจสอบว่าเป็นผู้ให้บริการ ที่ไหน เช่น TOT TT&T เป็นต้น เช็กได้จาก เน็ตเลยค่ะ ไม่ยาก ๆ

          4.ทราบแล้วว่าเป็นโทรศัพท์เป็นของใคร TOT/TT&T ให้ไปแจ้งขอเบอร์บ้านด่วน โดยนำใบแจ้งความเบิกทางให้เราทั้งหมด

          5.ได้เบอร์บ้านมา และที่อยู่มันก็ไม่ยากแล้วค่ะ แค่นี้ก็น่าจะเห็นแวว คนร้ายแล้ว (ตรงนี้อาจจะขอให้ตำรวจช่วยค้นที่อยู่ หรือ ลองเสริจที่อยู่จาก google จากเบอร์โทรศัพท์ หรือจาก yellow page ก็ได้ค่ะ) (พอได้ที่อยู่มาแล้ว ก็ลากเพื่อนไปรุมกระทืบเลยค่ะ!!)

อีกนิด

          - เราสามารถสืบจากเลขที่บัญชีว่าเป็นของใคร โดยโทรไปที่ call center ธนาคาร แจ้งเลขที่บัญชี ก็รู้สาขาที่เปิดบัญชี ได้แล้วค่ะ

          - ถ้าเรามีเลขบัตรประชาชน ให้ไปเวปนี้ค่ะ เราจะรู้ว่ามันเป็นคนจังหวัดอะไร http://www.tentdd.com/ml-idcard-check.html (http://www.tentdd.com/ml-idcard-check.html)

          - http://people.yellowpages.co.th (http://people.yellowpages.co.th) ใช้ค้นหาชื่อ หาญาติ หาเบอร์ ได้หมดค่ะ

          - ในระหว่างรอ อาจจะโทรไปหาญาติเค้าที่เราได้เบอร์มา ถามว่ารู้จักคนชื่อนี้ ๆๆ มั้ย แล้วเล่าเหตุการณ์ไปคุยกับเค้าดี ๆ เผื่อเค้าจะพอรู้จักบ้างค่ะ

วิธีที่ 2  รวบรวมข้อมูลส่งให้ กองปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี กทม.จัดการ


(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/ratthakorn/variety/cheat03.jpg)


          1. พิมพ์ข้อมูลเกี่ยวกับรายละเอียดที่โดนโกง ตามนี้เพื่อไปยื่นกับ สน.ท้องที่ (ไม่งั้นคุณจะใช้เวลานานมากค่ะ ถ้าไปปากเปล่า)

          2. เตรียมหลักฐานการโอนเงิน , เลขบัญชีที่ท่านโอนเงินไป , หลักฐานการติดต่อระหว่างคุณกับมิจฉาชีพ เช่น e-mail, เบอร์โทรศัพท์ หรือหมายเลขพัสดุ

          3. แจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ สน.ท้องที่ที่คุณไปโอนเงิน ว่า "ถูกฉ้อโกง" เพื่อลงบันทึกประจำวัน และออกใบแจ้งความเพื่อดำเนินคดี

          4. นำใบแจ้งความ, หลักฐานการโอนเงิน และ สำเนาบัตรประชาชนของผู้เสียหาย ข้อมูลผู้ขาย ส่งทาง admin เวปเพื่อขอ ip address

          5. กรอกแบบฟอร์มดำเนินดีของกองปราบ ตามนี้ (save และเอาไปปริ้นเองนะค่ะ)

          6. นำเอกสารข้อ 2-5  ส่งให้กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (http://www.tcsd.in.th (http://www.tcsd.in.th))

          ที่อยู่ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี
          ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา อาคาร B ชั้น 4 ถ.แจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กทม. 10210

          คำแนะนำ : ต้องแจ้งกับเจ้าหน้าที่ว่า "ขอให้เจ้าหน้าที่ดำเนินคดีจน กว่าคดีจะถึงที่สุด" ส่งเป็นแบบตอบรับนะค่ะ จะได้รู้ว่าถึงแล้ว ซัก 2-3 วันโทรเข้าไปเฟิมกับเจ้าหน้าที่ถึงเคสที่เราส่งไปอีกทีค่ะ

          อย่างที่หลายคนพูด เรื่องเหมือนจะง่ายแต่ไม่ง่าย แต่มีเพื่อน จขกท. ทำตามขั้นตอนนี้แล้วได้คืนก็มีค่ะ ไม่ใช่ไม่มีเลย เราเลยพอเอาแนวทางมาแบ่งปันบ้าง

          ตอนนี้ จขกท.ได้ที่อยู่มาแล้ว กำลังส่งให้คุณตำรวจดำเนินการต่อไป ซึ่งในเคสนี้ เป็นไปได้ว่า นายอภิชัย ปxxx อาจเป็นแค่หน้าม้า เป็นแก็ง หรือป็นคนร้าย แต่ก็มีความผิดค่ะ เพราะชื่อบัญชีกับชื่อในบัตรประชาชนที่เราโอนไปเป็นคนเดียวกัน เมื่อเราสาวตัวถึงนายอภิชัย ปxxx ได้ อาจพบเบาะแสในการตามตัวต่อไป ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย

          ท่านไหนที่โดนโกงแล้วจับคนร้ายได้แล้วบ้างค่ะ อยากให้เอาข้อมูลมาช่วย ๆ กันแชร์เผื่อเพื่อนๆคนอื่นที่กำลังเจอปัญหานี้เหมือน ๆ กันค่ะ

          ปล.หวังว่ากระทู้นี้จะเป็นประโยชน์กับทุกคนนะค่ะ จขกท.ไม่ได้เก่งอะไร พอเล่นอินเทอร์เน็ตเป็นบ้าง ก็พอหาข้อมูลรวม ๆ บ้างไปตามประสา ข้อมูลบางส่วนรวบรวมที่หาได้จาก pantip และที่อื่น ๆ มานะคะ ขอขอบคุณผู้ที่แนะแนวทางให้ก่อนหน้า มีประโยชน์จริง ๆ ค่ะ มีตรงไหนผิดไปก็ขออภัยค่ะ

          ขออนุญาตแทกห้องแป้งนะค่ะ เข้าไปอ่านบ่อยเผื่อมีประโยชน์จ้า

          ปล. ถ้า tag ผิดห้องไปบ้าง ต้องขออภัยนะคะ

-----------------------------------------

          Update... 1 ธ.ค. 57

          ไม่คิดว่าหลังจากพิมพ์ออกไปไม่นานจะมีคนเข้ามาอ่านและแชร์เยอะขนาดนี้ แหะ แหะ.... มาเห็นอีกที เฟสแม่ จขกท. ก็มีอะ....อร้ายยยยย ขอบคุณทุก ๆ คนที่เข้ามาอ่านกระทู้นี้นะคะ และขอให้หลายคนที่กำลังประสบปัญหานี้อยู่ตามจับคนร้ายให้ได้ค่ะ

          เมื่อสักครู่ มีคนหลังไมค์มาเยอะเลยค่ะ ว่าโดนนายอภิชัย ปxx หลอกมาเหมือนกัน

          บางรายก็บอกว่าเป็นนายอภิชัยตัวจริงให้เราลบทู้ออก  แปลกนะค่ะมีนายอภิชัย ปxxx ทักมาหลาย account เลย...คนเราไม่น่าจะกลายร่างได้เร็วขนาดนั้นนะคะ เอาไงดีค่ะ นักสืบ pantip ช่วยหน่อย....

          ปีนี้หลายคนคงโดนกันเยอะจริง ๆ จำได้ว่าตอน จขกท. นั่งแจ้งความอยู่ ยังมีน้อง ๆ เด็ก ๆ หลายคนรอคิวแจ้งความอยู่ด้านหลัง ร้องไห้บ้างก็มี

          กระทู้นี้อาจช่วยได้บ้าง ไม่ได้บ้างอย่างไร แต่เราคิดว่าอย่างน้อยก็พอเป็นแนวทางในการสืบนะค่ะ แต่ที่ดีที่สุดคือการป้องกันหรือแก้ที่ต้นเหตุค่ะ

          ตอนแรก จขกท. จะเอารูปคนขายมาใส่เพิ่ม หลังจากที่ตอนแรกลบหน้าออกไป คิดว่า ลงแล้วคงต้องลงให้ถึงที่สุด เนอะ ไง รอก่อนแล้วกัน'

          ทั้งหมดนี้ก็คือวิธีเบื้องต้นที่ทางเจ้าของกระทู้ได้นำเสนอมา ซึ่งน่าจะเป็นประโยชน์ไม่น้อยสำหรับคนที่ชอบซื้อของผ่านอินเทอร์เน็ต



หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ ธันวาคม 05, 2014, 07:05:39 am
พ่อซื้อเน็ตให้ลูกเดือนละ 399 บาทกลับถูกบริษัทฟ้องนับแสนบาท

-http://news.sanook.com/1710357/%E0%B8%9E%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%8B%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%99%E0%B9%87%E0%B8%95%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%A5%E0%B8%B0-399-%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%96%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%A9%E0%B8%B1%E0%B8%97%E0%B8%9F%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B9%81%E0%B8%AA%E0%B8%99%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%97/-



นำเสนอข่าวโดยทีมงาน Sanook.com

4 ธ.ค. - พนักงาน มรภ.บุรีรัมย์ซื้อเน็ตให้ลูกชายเหมาจ่ายเดือนละ 399 บาท ฟรี 3 เดือนแรก หลายเดือนต่อมาไปเสียค่าอินเทอร์เน็ต พบเป็นหนี้กว่า 92,000 บาทไม่มีปัญญาจ่าย สุดท้ายบริษัทฟ้องเป็นเงินกว่า 100,000 บาท ตรวจสอบพบซื้อแพ็คเก็จ EDGE/GPRS แพงกว่า 42,000 บาทต่อแพ็คเก็จ วอนขอความเป็นธรรมจากบริษัท

นายสันติ บุราณสุข อายุ 44 ปี นำเอกสารหลักฐานคำฟ้องของศาลจังหวัดบุรีรัมย์ ออกมาร้องขอความเป็นธรรมผ่านถึงทางบริษัทหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพราะคิดว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมกับบริษัทเครือข่ายอินเทอร์เน็ตชื่อดัง หลังจากถูกฟ้องเก็บเงินค่าอินเทอร์เน็ตเป็นจำนวนเงิน 100,282.92 บาท โดยในคำฟ้องระบุว่า มียอดค้างชำระแพ็กเก็จ EDGE/GPRS จำนวน 2 เดือนรวมเป็นเงิน 92,438.33 เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2556 ไม่มาชำระตามกำหนดรวม 413 วัน คิดเป็นดอกเบี้ย 7,844.59 บาท รวมเป็นเงินที่บริษัทฟ้องร้อง 100,282.92 บาท ยังไม่รวมค่าทนายความ ซึ่งไม่มีปัญญาหาเงินมาชำระได้ และคิดว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม

นายสันติ เล่าว่า เมื่อต้นปี 2556 มีพนักงานบริษัทอินเทอร์เน็ตแห่งหนึ่ง มาเปิดบูทขายอินเทอร์เน็ตเคลื่อนที่ในมหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ จึงซื้อตั๋วรับสัญญาณ (แอร์การ์ด) ในราคา 1,200 บาท และซื้อแพ็คเก็จอินเทอร์เน็ตแบบเหมาจ่ายเดือนละ 399 บาท เพื่อให้ลูกชายซึ่งขณะนั้นอายุ 13 ปี เรียนอยู่ชั้น ม.2 ไว้ใช้ที่บ้าน โดยตัวแทนบริษัทระบุว่ามีโปรโมชันใช้ฟรี 3 เดือน ยอมรับว่าตนซึ่งทำงานเป็นพนักงานทั่วไปในมหาวิทยาลัยราชภัฏ ไม่มีเวลาตรวจสอบบิลเก็บค่าบริการ ประกอบกับการใช้ฟรี 3 เดือนแรกจึงไม่สนใจ จนกระทั่งเดือนกรกฎาคม 2556 ได้ไปขอจ่ายเงินค่าอินเทอร์เน็ต พนักงานแจ้งว่าค้างชำระทั้งหมดกว่า 92,000 บาท จึงตกใจและไม่คิดว่าเป็นไปได้ เมื่อตรวจสอบหลักฐานพบมีค่าแพ็คเก็จ ECGE/GPRS ที่ถูกซื้อไปเดือนละ 41,427 บาทถึง 2 เดือน จนกระทั่งได้รับหมายศาล เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2557 ที่ผ่านมาว่าเป็นหนี้ถึงกว่า 100,000 บาท

นายสันติ ยังบอกด้วยว่า การฟ้องร้องของบริษัทถือว่าทำไปตามหน้าที่ แต่ตนเองยังไม่เข้าใจการทำงานของบริษัทเกี่ยวกับการสั่งซื้อแพ็คเก็จต่างๆ โดยเฉพาะในราคาสูงถึงกว่า 41,000 บาทต่อเดือนทำไมไม่มีการตรวจสอบการเงินหรือโทรศัพท์สอบถามผู้ใช้ กลับปล่อยให้ใช้บริการทั้งที่ไม่ทราบอาชีพและสถานะของลูกค้าว่ามีกำลังจ่ายหรือไม่ และเมื่อผ่านไป 1 เดือนไม่มีการชำระทำไมบริษัทไม่ระงับการให้บริการ

จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาช่วยตรวจสอบและ เพราะตนเองมีเงินเดือนจากการทำงานเพียงเดือนละ 7,380 บาท ต้องใช้จ่ายในครอบครัวและส่งเสียลูกเรียนด้วยคงไม่มีปัญญาไปจ่ายเงินดังกล่าวได้ จึงออกมาร้องขอความเป็นธรรมและความช่วยเหลือกรณีดังกล่าวด้วย - สำนักข่าวไทย


(http://pe1.isanook.com/ns/0/ud/342/1710357/news07-1.jpg)

.

หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ ธันวาคม 08, 2014, 09:53:05 pm
วงจรปิดจับภาพ 4 คนร้าย บุกปล้นวัด-บีบคอพระ 2 รูป

-http://hilight.kapook.com/view/112542-



เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก  เรื่องเล่าเช้านี้ บีอีซี-เทโร
 
          เปิดภาพ 4 คนร้ายบุกวัดหวังขโมยเงิน 2 แสนบาท แถมยังบีบคอพระลูกวัดอีก 2 รูป ด้านชาวบ้านเชื่อคนร้ายไม่ใช่คนในพื้นที่ แต่อาจมีคนรู้ความเคลื่อนไหวของทางวัด

          จากกรณีเกิดเหตุมีคนร้าย 4 คนบุกเข้าไปในวัดเทพนคร อ.เมือง จ.กำแพงเพชร และเข้าไปข่มขู่ทำร้ายบีบคอพระลูกวัด 2 รูป ซึ่งต่อมาเจ้าอาวาสวัดได้เรียกคนมาช่วย คนร้ายจึงพากันหลบหนีขึ้นรถยนต์ ฮอนด้า ซีวิค ที่จอดรออยู่ข้างกำแพงวัดหลบหนีไปนั้น

ล่าสุด วันนี้ (8 ธันวาคม 2557) รายการเรื่องเล่าเช้านี้ ทางช่อง 3 รายงานว่า ทางวัดได้ตรวจสอบภาพคนร้ายจากกล้องวงจรปิดแล้วพบว่า คนร้ายได้เข้ามาทางประตูเหล็กด้านหน้า จากนั้นก็ได้เปิดประตูเหล็กขึ้นและมุดเข้ามาทีละคน ซึ่งบางคนก็ได้ใส่หมวกปิดบังหน้าตา โดย 2 คนมีไขควงยาว 1 ฟุตติดมือมาด้วย และทุกคนจะใส่ถุงมือยางป้องกันลายนิ้วมือ ซึ่งโชคดีที่ภาพสามารถเห็นหน้าคนร้ายได้ชัดเจน และหลังจากไปก่อเหตุได้ไม่นาน คนร้ายทั้ง 4 คน ก็รีบมุดประตูเหล็กหลบหนีไป

          ทั้งนี้ชาวบ้านที่มาดูเหตุการณ์จากกล้องวงจรปิดต่างบอกว่า คนร้ายไม่ใช่คนในหมู่บ้านแน่นอน ส่วนคนที่ใส่หมวกอาจจะเป็นคนในพื้นที่ ที่รู้ความเคลื่อนไหวของวัดว่าเจ้าอาวาสได้เบิกเงินสดมา 200,000 บาท เพื่อเตรียมจ่ายให้ช่างที่มาซ่อมวัดก็เป็นได้ อย่างไรก็ตาม ทางวัดจะนำภาพจากกล้องวงจรปิดส่งให้เจ้าหน้าที่เพื่อสืบหาตัวคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป



เรื่องเล่าเช้านี้ เปิดภาพ 4 คนร้ายงัดกุฏิ ปล้น-ทำร้ายพระ ในวัดกำแพงเพชร (08 ธ.ค.57) (http://www.youtube.com/watch?v=2h9i2Njj_ww#ws)
-http://www.youtube.com/watch?v=2h9i2Njj_ww&list=UU5wKpLWxAZBZrunls3mzwEw-
คลิป เรื่องเล่าเช้านี้ เปิดภาพ 4 คนร้ายงัดกุฏิ ปล้น-ทำร้ายพระ ในวัดกำแพงเพชร (08 ธ.ค.57) โพสต์โดย เรื่องเล่าเช้านี้ บีอีซี-เทโร

.
หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ ธันวาคม 09, 2014, 09:24:54 pm
เมื่อวานนี้(8/12/2557) ผมได้รับโทรศัพท์ จากเบอร์ 0891041569 โทร.เข้ามาที่มือถือผม แจ้งว่า โทร.มาจากทรูวิชั่น  จะมาเสนอโปรโมชั่นที่ได้รับการลดราคา จากเดิม ที่ผมใช้โปร.เน็ต 699 และมือถือ 299 บ.  ได้รับการลดราคาลง 200 บาท แต่ต้องเปลี่ยนกล่องสัญญาณอินเตอร์เน็ต จาก 1 m  เป๋น 30 m  ผมก็ตอบตกลง แต่ผมไม่ได้บอกที่อยู่ให้ทราบ  ทางสายที่โทร.เข้ามา  ถามว่า ผมสดวกให้ไปวันไหน ผมตอบว่า ผมสดวกวันเสาร์และวันอาทิตย์  ทางที่โทร.เข้ามา ถามว่า วันพุธที่ 10 นี้ หยุดหรือเปล่า ผมตอบว่า หยุด  ทางที่โทร.เข้ามา แจ้งว่า จะส่งช่างเข้ามาเปลี่ยนกล่องสัญญาณ  เวลาที่ช่างเข้ามา ประมาณ 9.00-12.00 น.

วันนี้ ผมโทร.เข้าไปสอบถามที่ทรูวิชั่น เบอร์ 0-2900-9000 (กด 4 , กด 2) ผมจำคนรับโทรศัพท์ไม่ได้ แต่ผมจดไว้ (ลืมไว้ที่แบงค์) ทางCall Center แจ้งว่า ทางทรูไม่มีการแจ้งงานออกให้ข่างในเรื่องนี้  หากทรูจะโทร.เข้ามา จะต้องแจ้งรายละเอียดในเรื่องการเปลี่ยนแปลงโปรโมชั่น ที่อาจต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม  และสามารถสอบถามรหัสพนักงาน (เป็นเลข 8 หลัก  หากเป็นCall Center จะขึ้นต้นด้วย 010 เป็นต้น)  ผมเองถามย้ำไปหลายครั้ง  ทาง Call Center แจ้งกลับมาทุกครั้งว่า ไม่มีการแจกงานนี้ออกไปที่ช่างครับ

หลังจากที่โทร.ไปที่ทรูวิชั่น 0-2900-9000 แล้ว ผมโทร.กลับไปที่เบอร์ 0891041569  3 ครั้ง ไม่รับสายผมทั้ง 3 ครั้ง  เมื่อกี้นี้ ผมแวะจอดรถที่หน้าป้อมยามหมู่บ้าน  แจ้งเรื่องนี้ให้ทางยามได้ทราบไว้ด้วยแล้ว
หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ ธันวาคม 10, 2014, 07:41:32 am
สาวถูกขโมยไอโฟน โดนแชทขู่กรรโชกขอ Apple ID แลกขายคืน 5,000

-http://hilight.kapook.com/view/112580-

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก คุณ BenBerry สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม

          สาวถูกขโมยไอโฟน โดนแชทขู่กรรโชกขอ Apple ID อ้างเป็นคนรับซื้อโทรศัพท์ไว้ ถ้าอยากได้คืนขอรหัสก่อน ค่อยมาซื้อเครื่องคืน 5,000 บาท

          เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2557 ที่ผ่านมา ในโลกออนไลน์ได้มีการแชร์กระทู้ "ไอโฟน 5s หาย แล้วมีคนที่รับซื้อไว้ทักแชทมา เพื่อนพันทิปคิดว่าไงสมควรไหม" ของ คุณ BenBerry สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ซึ่งเจ้าของกระทู้ได้บอกเล่าเรื่องราวของคนรู้จักที่ทำโทรศัพท์หาย โดยมีคนทักแชทมาหาเจ้าของโทรศัพท์ที่หายไป อ้างตัวว่าเป็นร้านรับซื้อโทรศัพท์มือสอง ถ้าหากต้องการโทรศัพท์คืน ขอรหัส Apple ID  ก่อน แล้วจะขายเครื่องคืนให้ในราคา 5,000 บาท ซึ่งทางเจ้าของโทรศัพท์บอกว่า ไม่สามารถให้ Apple ID ทางคู่สนทนาก็ตอบกลับในลักษณะขู่ว่า ถ้าไม่ให้รหัสก็จะล้างเครื่องทั้งหมด และจะไม่ขายคืนให้ด้วย แม้ว่าเจ้าของจะอ้อนวอนเพราะโทรศัพท์เครื่องนี้มีความหมายกับเธอมาก เป็นโทรศัพท์ของพี่ชายที่เสียชีวิตทิ้งไว้ให้ แต่นั่นก็ไม่เป็นผล อีกฝ่ายยังคงต่อรองขอ Apple ID อยู่ตลอดการสนทนา และเมื่อถามว่า ร้านอยู่ที่ใด ทางคู่สนทนาก็ระบุว่า เป็นร้านโทรศัพท์หน้าคงคาราม (เหตุเกิดที่ จ.เพชรบุรี)



ทางด้านชาวเน็ตที่เข้ามาแสดงความเห็นในกระทู้ดังกล่าว ต่างคิดกันว่า คนที่สนทนาอยู่นั้น ไม่น่าใช่ร้านรับซื้อโทรศัพท์มือสอง แต่คือ "คนขโมยโทรศัพท์" ที่ต้องการรหัส Apple ID เพื่อล้างเครื่อง และนำไปขายต่อมากกว่า พร้อมกับเตือนเจ้าของโทรศัพท์ อย่าให้ Apple ID ไปเด็ดขาด และแนะนำให้ไปแจ้งความจับคนร้ายรายนี้ให้ได้ เนื่องจากมีหลักฐานในการสนทนาชัดเจน

          ทั้งนี้ในเวลาต่อมา เจ้าของกระทู้ได้มาอัพเดทความคืบหน้า ระบุว่า

          ต้องแจ้งทุกคนทราบนะคะ 

          1. เราได้แจ้งความแล้วตั้งแต่ที่ได้รับการติดต่อจากเขา

          2. เราพยายามฟินไอโฟน ตลอดแต่เขาออฟไลน์

          3. เราได้พยายามตามหาร้านที่เขาได้บอกเราไว้แล้วและทางร้านได้ออกมาปฏิเสธตามที่ได้โพสต์ไปในกระทู้

          4. เราแจ้งไปยังแอปเปิลที่สิงคโปร์แล้วค่ะ

          ขอบคุณทุกคนมากนะค่ะ ที่ช่วยเราทุกความเห็นมีประโยชน์มากค่ะ





หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ ธันวาคม 12, 2014, 09:16:32 pm
รวมกลโกงออนไลน์อันตรายใกล้ตัว ไม่รู้ไม่ได้แล้วจริงๆ !!

-http://hitech.sanook.com/1393333/%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%A1%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B9%82%E0%B8%81%E0%B8%87%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%A5%E0%B8%99%E0%B9%8C%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B9%83%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7-%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B9%84%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%88%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B9%86-/-


อินเทอร์เน็ตทำให้ชีวิตประจำวันของเรา สะดวกสบายมากขึ้น การติดต่อสื่อสารเป็นไปได้โดยง่าย เพื่อนฝูง ญาติพี่น้อง หรือคนไม่รู้จักก็สามารถติดต่อสื่อสารกันได้อย่างรวดเร็ว

แต่ความสะดวกสบายนี้ก็มีอันตรายแฝงมาด้วย โดยเป็นเครื่องมือที่ช่วยทำให้มิจฉาชีพที่อยู่ไกลจากเหยื่อสามารถเข้ามาใกล้ ชิดหลอกลวงเงินไปจากเหยื่อได้โดยง่ายหากไม่ระมัดระวัง เราลองมาทำความรู้จักกับกลโกงออนไลน์ที่พบบ่อย ๆ กัน

- หลอกขอรหัสผ่านการใช้งานบัญชีอีเมล

มิจฉาชีพจะส่งอีเมลแอบอ้างเป็นผู้ให้บริการบัญชีอีเมล หลอกขอชื่อบัญชีผู้ใช้งาน (email address) และรหัสผ่าน (password) โดยอ้างว่าเจ้าของอีเมลจะต้องยืนยันการใช้งานอีเมล  แล้วใช้รหัสผ่านที่ได้มาเข้าใช้งานบัญชีอีเมลแทนเจ้าของอีเมลนั้น (ซึ่งถือได้ว่าเป็นเหยื่อคนที่ 1)

เมื่อเข้าใช้งานในบัญชีอีเมลของเจ้าของบัญชีอีเมลที่กลายเป็นเหยื่อคนที่ 1 ได้แล้ว มิจฉาชีพก็จะส่งอีเมลไปหาเพื่อนของเจ้าของบัญชีอีเมล แล้วหลอกขอให้เพื่อนโอนเงินให้ เช่น อ้างว่าเจ้าของบัญชีอีเมลไปต่างประเทศแล้วกระเป๋าเงินหาย จึงต้องการความช่วยเหลือเรื่องเงินโดยด่วน โดยมักจะให้โอนเงินผ่านบริการรับโอนเงินซึ่งไม่จำเป็นต้องมีเอกสารแสดงตนในการรับเงินในต่างประเทศ ซึ่งทำให้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถติดตามจับคนร้ายได้ และเพื่อนก็สูญเงินโดยไม่มีโอกาสได้คืน (กลายเป็นเหยื่อคนที่ 2)

ข้อสังเกต

มิจฉาชีพจะอ้างเป็นผู้ให้บริการบัญชีอีเมลแต่ชื่อบัญชีอีเมล (email address) ที่แสดง จะไม่ใช่ชื่อบัญชีอีเมลของผู้ให้บริการอีเมลจริง (อ่านเพิ่มเติมจุดสังเกตอีเมลปลอม) นอกจากนั้น ข้อความในอีเมลที่มิจฉาชีพส่งให้เหยื่อคนที่ 2 มักเป็นภาษาอังกฤษหรือเป็นภาษาไทยที่ไม่คุ้นเคย เช่น ใช้สรรพนามต่างจากที่เคยใช้สนทนากัน

- แอบอ้างเป็นบุคคลต่าง ๆ หลอกว่าจะโอนเงินหรือส่งของให้เหยื่อ

มิจฉาชีพจะแอบอ้างเป็นบุคคลต่าง ๆ แล้วหลอกเหยื่อว่าจะโอนเงิน หรือส่งของให้เหยื่อ เช่น

    เป็นนักธุรกิจที่ต้องการสั่งซื้อสินค้าเป็นจำนวนมาก โดยส่งหลักฐานการโอนเงินจำนวนมากเพื่อจ่ายค่าสินค้ามาให้เหยื่อดู
    เป็นผู้ที่ได้รับมรดกเป็นจำนวนมาก แต่ติดเงื่อนไขต่าง ๆ ทำให้ไม่สามารถรับเงินได้ด้วยตนเอง จึงขอให้เหยื่อรับเงินแทน
    เป็นผู้ใจบุญที่ต้องการบริจาคเงินเป็นจำนวนมหาศาลให้มูลนิธิหรือองค์กรการกุศลต่าง ๆ เมื่อแจ้งว่าจะบริจาคเงินให้กับเหยื่อแล้ว จะส่งหลักฐานการโอนเงินปลอมมาให้เหยื่อดู
    เป็นชาวต่างชาติที่ต้องการหารักแท้ โดยอ้างว่าพร้อมที่จะย้ายมาอยู่กับเหยื่อเพื่อสร้างครอบครัวร่วมกัน  จึงโอนเงินค่าบ้าน ค่ารถ หรือเงินทั้งหมดที่มีมาให้เหยื่อ หรืออาจหลอกเหยื่อว่าจะส่งของหรือเงินสดมาให้เหยื่อทางไปรษณีย์

เมื่อเหยื่อได้รับหลักฐานการโอนเงินหรือการส่งของจากมิจฉาชีพ ก็มักหลงเชื่อว่ามิจฉาชีพได้โอนเงินหรือส่งของนั้นมาจริง ๆ เมื่อเวลาผ่านไป มิจฉาชีพจะแจ้งเหยื่อ หรืออาจมีมิจฉาชีพคนอื่นมาแสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่และแจ้งเหยื่อว่าไม่สามารถโอนเงินหรือส่งของให้เหยื่อได้ เพราะติดด้วยเงื่อนไขต่าง ๆ เช่น

    ธนาคารแห่งประเทศไทยระงับการโอนเงินและขอตรวจสอบ
    ธนาคารกลางของประเทศต้นทางระงับการโอนเงิน เพราะสงสัยว่าเป็นการฟอกเงิน
    สหประชาชาติ หรือกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ขอตรวจสอบ
    กรมศุลกากรขอตรวจสอบของที่ส่งมาจากต่างประเทศ เพราะมีเงินสดบรรจุมาด้วย

จากนั้นจะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมต่าง ๆ จากเหยื่อ เช่น ค่าธรรมเนียมการโอนเงิน ค่าดำเนินการ ค่าทนาย โดยจะเรียกเก็บในจำนวนน้อยแล้วเพิ่มจำนวนเงินขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งเหยื่อก็จะคิดว่าเป็นเรื่องจริง และเห็นว่าจ่ายอีกนิดก็จะได้รับเกินก้อนใหญ่ ซึ่งกว่าจะรู้ตัวว่าถูกหลอกก็อาจหมดเงินไปจำนวนมากแล้ว และโอกาสที่จะติดตามรับเงินคืนก็เป็นไปได้ยากมาก เพราะมิจฉาชีพมักอยู่ในต่างประเทศ และให้เหยื่อโอนเงินผ่านบริการโอนเงินที่มิจฉาชีพรับเงินได้โดยไม่ต้องมีเอกสารแสดงตน

ข้อสังเกต

มิจฉาชีพจะหลอกให้เหยื่อโอนเงินผ่านบริการโอนเงินที่มิจฉาชีพสามารถรับเงินได้โดยไม่ต้องมีเอกสารแสดงตน เพราะยากต่อการติดตาม

หน่วยงานราชการ หรือองค์กรระหว่างประเทศต่าง ๆ ที่ยกตัวอย่างมีหน้าที่ชัดเจน และส่วนใหญ่จะไม่ติดต่อกับประชาชนโดยตรง อย่างไรก็ตาม หากหน่วยราชการใดมีกิจต้องติดต่อกับประชาชน การแจ้งให้ประชาชนดำเนินการใด ๆ จะมีเอกสารหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษร หากมีผู้แอบอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่เหล่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีต้องมีการโอนเงินหรือชำระเงิน ควรตรวจสอบไปยังหน่วยงานนั้นโดยตรงก่อน โดยไม่ใช้อีเมลหรือหมายเลขโทรศัพท์ที่ได้รับแจ้งมา

- โฆษณาปล่อยเงินกู้นอกระบบ

มิจฉาชีพแอบอ้างเป็นผู้ให้บริการเงินกู้แล้วโฆษณาผ่านเว็บไซต์ต่าง ๆ หรือส่งอีเมลหาเหยื่อโดยตรงว่าให้บริการเงินกู้นอกระบบดอกเบี้ยต่ำ อนุมัติเงินเร็ว ไม่ต้องซื้อสินค้า ไม่ตรวจสอบเครดิตบูโร เมื่อเหยื่อติดต่อไปและขอกู้เงิน ผู้ให้กู้จะอ้างว่าจะส่งสัญญาให้กับผู้ขอกู้เพื่อลงลายมือชื่อ พร้อมทั้งขอให้เหยื่อโอนเงินชำระค่าทำสัญญา ค่าเอกสาร ค่ามัดจำ หรือดอกเบี้ยภายในเวลาที่กำหนด เช่น ก่อน 18.00 น. เพื่อผู้ให้กู้จะโอนเงินกู้ให้ก่อนเวลา 20.00 น. โดยสามารถยกเลิกและขอเงินโอนล่วงหน้าดังกล่าวคืนได้

เหยื่อส่วนมากมักจะรีบร้อน และกลัวว่าจะไม่ได้เงินกู้ จึงรีบโอนเงินให้กับผู้ให้กู้ในเวลาที่กำหนด แต่เมื่อติดต่อกลับผู้ให้กู้เพื่อขอรับเงินกู้ กลับไม่สามารถติดต่อผู้ให้กู้ได้อีกเลย และสูญเงินไปโดยไม่มีโอกาสได้เงินคืน

ข้อสังเกต

มิจฉาชีพมักโฆษณาว่าปล่อยกู้นอกระบบดอกเบี้ยต่ำเกินจริง (บางรายต่ำกว่าดอกเบี้ยเงินกู้ในระบบ) และให้ติดต่อผ่านโทรศัพท์หรืออีเมลเท่านั้น แม้กระทั่งขั้นตอนการทำสัญญาเงินกู้ ผู้ขอกู้ก็จะไม่มีโอกาสได้เจอผู้ให้กู้เลย นอกจากนี้จะให้เหยื่อโอนเงินจ่ายดอกเบี้ยล่วงหน้าก่อนที่จะได้เงินกู้ซึ่งจะแตกต่างจากการกู้เงินทั่วไปที่จะต้องจ่ายดอกเบี้ยเมื่อได้รับเงินต้นไปแล้ว และมักจะเร่งการตัดสินใจโดยอ้างว่าจะทำให้ผู้ขอกู้ได้เงินกู้เร็วขึ้น

- ขอเลขที่บัญชีเงินฝากเป็นที่พักเงิน

มิจฉาชีพจะประกาศรับสมัครงานผ่านอินเทอร์เน็ต หลอกเหยื่อว่าเป็นบริษัทต่างประเทศที่ขายสินค้าในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก จึงขอให้เหยื่อทำหน้าที่เป็นผู้รวบรวมเงินให้ โดยอาจจ่ายค่าจ้างเป็นสัดส่วนกับเงินที่ได้รับ เช่น ร้อยละ 25 ของเงินค่าสินค้า

เมื่อมีเงินโอนเข้าบัญชีของเหยื่อ บริษัทจะแจ้งเหยื่อให้หักค่าจ้างไว้ แล้วโอนเงินที่เหลือทั้งหมดให้แก่บริษัทแม่ในต่างประเทศทันทีผ่านบริการโอนเงินที่ไม่ต้องใช้เอกสารแสดงตน โดยที่เหยื่อไม่รู้เลยว่า เงินที่โอนเข้ามาในบัญชีเหยื่อนั้นเป็นเงินผิดกฎหมายที่มิจฉาชีพหลอกให้คนอื่นโอนมาให้ กว่าเหยื่อจะรู้ตัวก็อาจเป็นตอนที่พนักงานธนาคารติดต่อเพื่ออายัดบัญชีของเหยื่อหรือถูกตำรวจจับแล้ว

ข้อสังเกต

หากมีการทำธุรกิจในประเทศไทยจริง บริษัทที่ทำธุรกิจนั้นสามารถเปิดบัญชีเงินฝากในประเทศไทยได้ โดยไม่จำเป็นต้องใช้บัญชีของบุคคลอื่นในการรับเงินจากลูกค้า นอกจากนี้ มิจฉาชีพจะให้เหยื่อโอนเงินส่งต่อให้แก่บริษัทที่ร่วมมือกับมิจฉาชีพผ่านบริการโอนเงินที่มิจฉาชีพสามารถรับเงินได้โดยไม่ต้องมีเอกสารแสดงตน เพื่อไม่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามได้

วิธีป้องกัน

1. เปิดเผยข้อมูลในโซเชียลเน็ตเวิร์คเท่าที่จำเป็น เพื่อป้องกันไม่ให้มิจฉาชีพนำข้อมูลไปแอบอ้างใช้ทำธุรกรรม

2. ควรเปลี่ยนรหัสผ่าน (password) ในการเข้าใช้บัญชีอีเมลหรือบัญชีโซเชียลเน็ตเวิร์คเป็นประจำ

3. เมื่อได้รับการติดต่อแจ้งให้โอนเงินให้ ควรตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนโอนเงิน เช่น ติดต่อหน่วยงานที่ถูกอ้างถึงโดยตรง อาทิ กรมศุลกากร โทร. 1164 ธนาคารแห่งประเทศไทย โทร. 1213 หรือสำนักงานตัวแทนในประเทศไทยของหน่วยงานต่างชาติ

4. ไม่โลภต่อเงินที่ไม่มีที่มา หรือผลตอบแทนที่สูงเกินจริง ควรพิจารณาให้รอบคอบถึงความเป็นไปได้ในความเป็นจริง

5. ตรวจหาไวรัสในเครื่องคอมพิวเตอร์เป็นประจำ เพื่อป้องกันการขโมยข้อมูลการใช้งาน

6. ติดตามข่าวสารกลโกงอย่างสม่ำเสมอ

สิ่งที่ควรทำเมื่อตกเป็นเหยื่อ

1. หากถูกแอบอ้างใช้บัญชีอีเมล ควรติดต่อผู้ให้บริการอีเมลทันที เพื่อแจ้งเปลี่ยนรหัสผ่าน

2. ในกรณีที่โอนเงินให้แก่มิจฉาชีพแล้ว...

ติดต่อฝ่ายบริการลูกค้าของสถาบันการเงินเพื่อระงับการโอนและการถอนเงิน

หากไม่สามารถระงับการโอนเงินได้ ให้รวบรวมหลักฐานและข้อมูลต่าง ๆ แจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมทั้งลงบันทึกประจำวัน ณ ท้องที่เกิดเหตุ เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการระงับการถอนเงินออกจากบัญชีที่โอนไป

แจ้งระงับการถอนเงินออกจากบัญชีที่โอนไปกับสถาบันการเงินที่ใช้บริการ โดยสถาบันการเงินจะต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน จึงจะสามารถคืนเงินได้
3. ทำใจ... เงินที่โอนไปให้มิจฉาชีพแล้ว มิจฉาชีพจะรีบถอนออกทันที ซึ่งทำให้ยากต่อการติดตาม

ที่มา: ศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน (ศคง.)

หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ ธันวาคม 13, 2014, 05:19:55 pm
เตือนภัย...โจรรูปแบบใหม่ ทำทีเป็นเช็ดโต๊ะ ฉกมือถืออย่างเนียน

-http://hilight.kapook.com/view/112750-



เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก  CCTV News

           คลิปโจรทำทีเป็นเช็ดโต๊ะในร้านเน็ต แต่กลับฉกมือถือไปอย่างหน้าตาเฉย เจ้าของเครื่องไม่รู้เรื่องเลย

           ในปัจจุบัน โทรศัพท์มือถือ ถือเป็นสิ่งของอีกชิ้นที่หลายคนซื้อหาเอาไว้ครอบครอง และเนื่องจากมือถือสมัยนี้มักจะมีราคาที่สูง จึงล่อตาล่อใจหมู่โจร จนเกิดการสรรหาวิธีต่าง ๆ ในการขโมยมือถือยามที่เจ้าของเผลอ และล่าสุด (13 ธันวาคม 2557) เว็บไซต์ shanghaiist.com ก็เผยให้เห็นถึงอีกหนึ่งวิธีการอันแยบยล สำหรับการขโมยโทรศัพท์มือถือ ที่ใครหลาย ๆ คนอาจคาดไม่ถึงเลยทีเดียว

           ทั้งนี้ เหตุการณ์ดังกล่าว เกิดขึ้นในร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่แห่งหนึ่งในเมืองอูู่หู มลรัฐอันหุ่ย ประเทศจีน เมื่อชายคนหนึ่ง ทำทีเข้ามาเช็ดโต๊ะในขณะที่มีคนเล่นเกมออนไลน์อย่างใจจดใจจ่อ และชายผู้เคราะห์ร้าย ก็ได้วางมือถือเอาไว้บนโต๊ะ ก่อนที่โจรจะแอบใช้ผ้าขี้ริ้ว รวบเอามือถือที่วางเอาบนโต๊ะไปได้อย่างง่ายดาย พร้อมกับเดินออกมาแล้วทำทีเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

โจรทำทีเข้ามาเช็ดโต๊ะ ก่อนที่จะมองเห็นโทรศัพท์ของเหยื่อ

(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/settawoot/thieve.jpg)



มีคนเดินเข้ามา โจรหันไปมอง ตอนนี้จึงยังไม่ได้ลงมือใด ๆ

(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/settawoot/thieve2.jpg)



โจรแอบใช้ผ้าขี้ริ้ว ฉกมือถือจากด้านหลังเหยื่อ ซึ่งเหยื่อเองไม่รู้สึกตัว

(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/settawoot/thieve3.jpg)



หลังจากฉกมือถือได้ โจรก็หันหลังไป

(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/settawoot/thieve4.jpg)



โจรหยิบมือถือแล้วเดินตีเนียนออกไป เหยื่อเองยังคงเล่นเกมต่อ

(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/settawoot/thieve5.jpg)




           อย่างไรก็ตาม ไม่มีรายงานว่า มีการจับกุมโจรขโมยมือถือได้หรือไม่ แต่นี่ก็ถือเป็นการโจรกรรมมือถืออีกรูปแบบหนึ่ง ที่เจ้าของมือถือทุกคน ควรระวังเอาไว้ อย่าเอามือถือมาวางไว้บนโต๊ะโดยไม่จำเป็นอย่างเด็ดขาด


Man steals phones while pretending to clean tables (http://www.youtube.com/watch?v=Jh6OogMBgy8#ws)

-http://www.youtube.com/watch?v=Jh6OogMBgy8-
คลิป Man steals phones while pretending to clean tables โพสต์โดย CCTV News


หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ ธันวาคม 14, 2014, 07:53:21 pm
เตือนภัย มิจฉาชีพแฮกเฟซบุ๊ก สวมรอยหลอกให้คนโอนเงินให้

-http://hilight.kapook.com/view/112799-


(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/fontip/crime2/news_78.jpg)



เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก Godchagorn Hawirod

            เตือนภัย มิจฉาชีพสวมรอยเป็นเจ้าของบัญชีเฟซบุ๊ก เพื่อหลอกให้เพื่อนเจ้าของบัญชีโอนเงินให้ เผยทำมากว่า 4 ปีแล้ว ไม่เห็นมีตำรวจจับได้

            ในยุคที่โซเชียลเน็ตเวิร์กได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง แม้ว่ามันจะช่วยให้เราสะดวกสบายในการติดต่ออัพเดทข่าวคราวของผองเพื่อนคนรู้จักทั้งหลาย มันก็ยังมีด้านมืดที่หลายคนอาจคาดไม่ถึงด้วย และวันนี้เราก็นำอีกหนึ่งภัยที่มากับโซเชียลเน็ตเวิร์กมาเตือนให้ระมัดระวังกัน เป็นภัยในรูปแบบการสวมรอยเป็นเจ้าของบัญชีเฟซบุ๊ก เพื่อหลอกเอาเงินบรรดาเพื่อน ๆ ของเจ้าของบัญชี เรียกว่าน่ากลัวไม่น้อยเลยทีเดียว

            สำหรับเรื่องราวเตือนภัยที่นำมาฝากกันวันนี้ เกิดขึ้นกับผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Godchagorn Hawirod เธอได้โพสต์ภาพบทสนทนาในแชทเฟซบุ๊กกับ Chwn Niice ซึ่งเป็นเฟซบุ๊กของเพื่อนเธอและถูกมิจฉาชีพสวมรอยเข้ามาใช้

            จากบทสนทนาจะเห็นว่า Chwn Niice เริ่มต้นคุยกับเธอด้วยการขอยืมเงิน 3,000 บาท แต่บังเอิญว่าเธอเองติดหนี้เพื่อนรายนี้อยู่แล้ว จึงตกลงที่จะโอนให้ 4,000 บาท ระหว่างนั้นเองเธอก็พยายามชวนเพื่อนคุยเรื่องต่าง ๆ นานา แต่ก็พบพิรุธเมื่อเพื่อนตอบอะไรแปลก ๆ เหมือนกับไม่ใช่เจ้าตัวและไม่เข้าใจว่าเธอพูดคุยเรื่องอะไรด้วย อีกทั้งยังให้โอนเงินไปยังบัญชีของ นายสันทัด ช่วยชนะ อีก ซึ่งไม่ใช่ชื่อจริงของเจ้าของเฟซบุ๊กเลย

            ระหว่างนั้นเองเธอก็ได้คุยกับเพื่อนตัวจริงและรู้ว่าคนที่คุยอยู่นั้นเป็นมิจฉาชีพ เลยโกหกมิจฉาชีพไปว่ากำลังจะโอนเงินให้ แน่นอนว่าในที่สุดมิจฉาชีพก็ไม่สามารถหลอกเอาเงินจากเธอได้สำเร็จ ขณะที่เธอเองในตอนท้ายก็ได้มีการแสดงตัวว่าเธอรู้แล้วว่าคนที่คุยอยู่เป็นมิจฉาชีพ พร้อมกับขู่ว่าได้แจ้งตำรวจเรียบร้อยแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นมิจฉาชีพก็ไม่ได้เกรงกลัวแม้แต่น้อย กลับบอกว่าทำมานานกว่า 4 ปีแล้ว ไม่เห็นมีตำรวจคนไหนมาจับเลย รอมานานแล้วด้วย แสดงให้เห็นว่ามิจฉาชีพรายนี้น่าจะลอยนวลสวมรอยเป็นใครอีกหลาย ๆ คน เพื่อหลอกเอาเงินจากเพื่อนของเจ้าของบัญชีตัวจริงเหล่านั้น

            จากเหตุการณ์ดังกล่าวผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Godchagorn Hawirod จึงได้โพสต์เตือนภัย โดยขอให้ร่วมมือกันแชร์กรณีดังกล่าวในโซเชียลเน็ตเวิร์ก เพื่อไม่ให้ใครตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ ซึ่งนอกจากจะสูญเงินโดยไม่ได้คืนแล้ว ยังเสี่ยงต่อการบาดหมางกับเพื่อนตัวจริงอีกด้วย


(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/fontip/hitnews/01.jpg)


(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/fontip/hitnews/02-vert.jpg)


(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/fontip/hitnews/02-vert.jpg)


(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/fontip/hitnews/02-vert.jpg)


(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/fontip/hitnews/02-vert.jpg)


(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/fontip/hitnews/02-vert.jpg)


(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/fontip/hitnews/02-vert.jpg)


(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/fontip/hitnews/02-vert.jpg)


(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/fontip/hitnews/02-vert.jpg)


(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/fontip/hitnews/02-vert.jpg)


(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/fontip/hitnews/02-vert.jpg)


(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/fontip/hitnews/12-vert.jpg)


(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/fontip/hitnews/12-vert.jpg)


(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/fontip/hitnews/12-vert.jpg)


(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/fontip/hitnews/12-vert.jpg)


(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/fontip/hitnews/12-vert.jpg)


(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/fontip/hitnews/12-vert.jpg)


(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/fontip/hitnews/12-vert.jpg)


(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/fontip/hitnews/12-vert.jpg)


(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/fontip/hitnews/12-vert.jpg)


(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/fontip/hitnews/12-vert.jpg)


(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/fontip/hitnews/12-vert.jpg)


(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/fontip/hitnews/12-vert.jpg)


(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/fontip/hitnews/12-vert.jpg)


.


หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ ธันวาคม 17, 2014, 10:13:58 pm
ไม่รู้จะเก็บไว้ทำไม

รกแผ่นดิน


------------------------------------------------------------------------------


ว่างจัด! รวบหนุ่มปราจีน โทรป่วนเบอร์ 191 กว่า 4 พันครั้ง!

-http://news.sanook.com/1716705/-

(http://pe2.isanook.com/ns/0/ud/343/1716705/news06-1.jpg)


นำเสนอข่าวโดยทีมงาน Sanook.com

เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 17 ธันวาคม ที่ห้องประชุมสำนักงานตำรวจภาค 2 พล.ต.ท.ธเนตร์ พิณเมืองงาม ผบช.ภ.2 พล.ต.ต.วีระชัย วิสุทธิอุทัยกุล ผบก.ภ.จว.ปราจีนบุรี ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมตัวนายกิตติ ดิษพงศ์ อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 51/3 หมู่ 10 ต.บางพลวง อ.บ้านสร้าง จ.ปราจีนบุรี พร้อมด้วยของกลางซิมการ์ด หมายเลข 081-5912xxx และโทรศัพท์ 1 เครื่อง ในข้อหาดูหมิ่น หมิ่นประมาท และกระทำให้ผู้อื่นได้รับความอับอาย และเดือดร้อนรำคาญ

โดยการจับกุมครั้งนี้ สืบเนื่องมาจากนายกิตติได้ใช้โทรศัพท์และเบอร์โทรศัพท์ดังกล่าว โทรศัพท์ก่อกวนสายด่วนรับแจ้งเหตุทั่วประเทศ จากการตรวจสอบข้อมูลการใช้โทรศัพท์พบว่าตั้งแต่วันที่ 16 สิงหาคม - 4 ธันวาคม 2557 โดยโทรไปก่อกวนในเชิงลามก อนาจาร ขอร่วมเพศ ดูหมิ่น หมิ่นประมาทเจ้าหน้าที่รับสายทั้งหมด 4,191 ครั้ง ในส่วนของศูนย์วิทยุ 191 ของ กองบังคับการตำรวจภูธร จ.ปราจีนบุรี ทั้งหมด 758 ครั้ง ผู้ต้องหาสารภาพทำไปเพราะความคึกคะนอง


---------------------------------------------------------------------------------


รวบหนุ่ม 19 ปีชิงทรัพย์ข่มขืนและฆ่าก่อเหตุมาแล้วสมัยเยาวชน

-http://news.sanook.com/1716573/-


(http://pe2.isanook.com/ns/0/ud/343/1716573/news04-1.jpg)


นำเสนอข่าวโดยทีมงาน Sanook.com

17 ธ.ค. - ตำรวจรวบหนุ่ม 19 ปีก่อเหตุชิงทรัพย์และฆ่าข่มขืนสาวพนักงานห้างเมื่อสัปดาห์ก่อนในอำเภอแก่งคอย จ.สระบุรี พบประวัติเคยก่อเหตุฆ่าชิงทรัพย์สมัยเป็นเยาวชนและหลบหนีออกจากสถานพินิจมาก่อเหตุซ้ำ

นายสมคิด ช้อยวิเชียร อายุ 19 ปี ถูกตำรวจนสืบสวนภูธรภาค1 จับกุมพร้อมอาวุธมีดยาว 22 นิ้ว รถจักรยานยนต์โทรศัพท์มือถือและพระเครื่อง หลังก่อเหตุชิงทรัพย์และฆ่าข่มขืน นางรุ่งรัตน์ (ขอสงวนนามสกุล) พนักงานห้างสรรพสินค้า ริมถนนสายกุดนกเปล้า พื้นที่ สภ.แก่งคอย จังหวัดสระบุรี เมื่อวันที่ 12 ธันวาคมที่ผ่านมา โดยใช้วิธีกระโดดถีบเหยื่อขณะขี่รถจักรยานยนต์ให้ล้มแล้วนำบัตรเอทีเอ็มไปกดเงิน แต่ปรากฎว่าไม่มีเงินในบัญชี นายสมคิดจึงย้อนกลับมาข่มขืนเหยื่อเพื่อระบายความแค้น แต่เหยื่อขัดขืนจึงถูกนายสมคิดแทงจนเสียชีวิต ก่อนหลบหนีไปกบดานบนภูเขา จนเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง สนธิกำลังปิดล้อมจับกุมได้วานนี้

สอบสวน นายสมคิด รับสารภาพก่อเหตุจริง โดยเลือกดักซุ่มชิงทรัพย์คนที่ผ่านไปมาบริเวณถนนเส้นดังกล่าวเนื่องจากเป็นเส้นทางเปลี่ยว

ตรวจสอบประวัติเคยก่อเหตุชิงทรัพย์และฆ่าเจ้าทรัพย์มาแล้วสมัยเป็นเยาวชนที่จังหวัดพลบุรี โดยครั้งนั้นถูกจับกุมแต่หลบหนีออกจากสถานพินิจมาก่อเหตุซ้ำ เบื้องต้นแจ้งข้อหา ฆ่าผู้อื่น ข่มขืนกระทำชำเรา ชิงทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะ และใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่น - สำนักข่าวไทย










หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ ธันวาคม 21, 2014, 07:04:50 am
ชาวเน็ตแฉ ร้านสะดวกซื้อนำป้ายราคาแปะทับวันหมดอายุ ถามจงใจไปไหม ?

-http://hilight.kapook.com/view/113024-



เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก คุณสมาชิกพันทิปหมายเลข 1488968
         
           ดราม่าใหญ่ ภาพป้ายราคาแปะทับวันหมดอายุในร้านสะดวกซื้อเซเว่น ชาวเน็ตถามจงใจไปหรือเปล่า ?

           กำลังเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในโลกออนไลน์กันอย่างหนัก (19 ธันวาคม 2557) สำหรับภาพแซนวิชในร้านสะดวกซื้อชื่อดังแห่งหนึ่งที่มีป้ายราคาทับป้ายวันหมดอายุ อีกทั้งยังลดราคาเพื่อเชิญชวนให้ลูกค้าสนใจซื้ออีกด้วย ซึ่งผู้ที่ได้นำเรื่องราวดังกล่าวมาแชร์ในครั้งนี้คือ สมาชิกพันทิปหมายเลข 1488968 โดยใช้ชื่อกระทู้ว่า "7-11 ทำกันแบบนี้ทั้งหมดทั่วประเทศไทยเลยไหมคะ" ซึ่งกระทู้ดังกล่าวได้ระบุข้อความว่า...

          "คือวันนี้ที่เข้าเซเว่นมันวันที่ 12/12/2557 ตอน 5 ทุ่มที่ผ่านมานี่เองค่ะ และอีกแค่ชั่วโมงเดียวก็จะข้ามไป วันที่ 13 แล้ว ด้วยความที่เราชอบกินแซนวิชมาก ตาเป็นประกายสิคะ เห็นเขียนว่า 20 บาท !! พอไปดู เริ่มเอะใจแล้วว่าทำไมมันลดจาก 25 เหลือ 20 เลยกะจะดูวันหมดอายุ แต่...แปะราคาทับวันหมดอายุค่ะ !!




          เราเลยแอบมือบอนไปแหวก ๆ อันอื่นดู ชัดเจนนจ้าาา วันหมดอายุ 11.12.14 เลยแชะภาพมาเป็นหลักฐานอันที่ตูดโผล่ ๆ นะ อันที่เราแกะเปิดดูเราปิดไปแล้ว เพราะตอนเราแกะดูพนักงานยืนจ้องเราซะน่ากลัวเลย เราเลยรีบปิดเหมือนเดิม เราเลยอยากรู้ว่า 7-11 เอาของที่หมดอายุมาลดราคากันแบบนี้ทั่วทั้งประเทศเลยไหมคะ แล้วถ้าคนกินแล้วชักกระตุกหามส่งโรงพยาบาลหรือท้องเสียนั่งเพลียคาส้วมจะทำยังไงคะ ?

          (edit เพิ่มเติมนะคะ) เพราะเดินไปอีกรอบมา จากราคา 20 บาท กลายเป็น ซื้อ 1 แถม 1 ไปแล้วค่ะ !! อ้อ ลืมอีกอย่างค่ะตอนไปอีกรอบมา ก็ไปเอาแซนวิชอันใหม่ค่ะ เขาเพิ่งลงไว้ที่ชั้นวาง ทีนี้ก็ถือเดินมาให้ที่แคชเชียร์ค่ะ ยื่นให้ผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งคนนี้ก็มองหันหน้าไปทางผู้หญิงอีกคน เหมือนจะส่งสายตาว่า หยิบจากที่วางลดราคามาไหม กำลังจะหันกลับมาหยิบอยู่แล้วเชียว..


          ขณะเดียวกันตอนนั้น จขกท. ทำเป็นกำลังเล่นโทรศัพท์ค่ะ แล้วก็แอบ ๆ มอง แล้วอยากจะรู้ด้วยค่ะว่าจะทำอย่างไร ในเมื่อลูกค้าไม่ได้เลือกของที่ลดราคาอยู่ เท่านั้นล่ะค่ะ จขกท. เงยหน้า พนักงานหันกลับไปแทบไม่ทันค่ะ

          ปล. ที่มาตั้งกระทู้นี้คือรับไม่ได้กับการที่มาติดราคาใหม่ทับวันหมดอายุค่ะ จงใจมากเกินไปหรือเปล่าคะ ? "

          ทั้งนี้เมื่อชาวเน็ตได้เข้ามาอ่านกระทู้นี้ก็ได้วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างมาก โดยส่วนใหญ่บอกว่าขนมปังถ้าหมดอายุก็สามารถทานได้อีก 1-2 วัน ถ้าเซเว่นทำแบบนี้ก็ไม่น่าแปลกอะไร เพราะเป็นที่เข้าใจกันอยู่แล้วว่าสินค้าตรงเคาน์เตอร์เป็นสินค้าที่หมดอายุแล้ว ส่วนบางคนที่เห็นด้วยกับกระทู้ดังกล่าวก็บอกว่า การที่เซเว่นนำป้ายราคามาแปะติดทับวันหมดอายุแบบนี้เท่ากับเป็นการปิดบังลูกค้า

          อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ต้องรอให้ผู้ที่เกี่ยวข้องเข้ามาชี้แจงรายละเอียดและเหตุผลอีกครั้ง ซึ่งจะติดตามความคืบหน้ามารายงานให้ทราบต่อไป




(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/suwanna/500_264.jpg)


(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/suwanna/500_265.jpg)



หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ ธันวาคม 27, 2014, 07:32:27 pm
เปิดช่องทางใหม่ แจ้งเหตุด่วนเหตุร้ายผ่านไลน์ patrolcop0191

-http://hilight.kapook.com/view/113322-



เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก สายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ 191

             เปิดตัวโครงการ You'll never walk alone เพิ่มช่องทางให้ประชาชนแจ้งเหตุด่วน เหตุร้าย ผ่านไลน์ patrolcop0191 ได้ นอกเหนือจากโทร 191 ที่อาจติดต่อยาก

             เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2557 เฟซบุ๊ก ศูนย์ควบคุมและสั่งการจราจร - บก.02 ได้โพสต์ข้อความระบุว่า ต่อไปนี้ประชาชนสามารถแจ้งเหตุด่วนเหตุร้ายผ่านทางระบบ Line ได้แล้ว ที่ ID : patrolcop0191 นอกเหนือจากการโทรแจ้งสายตรง 191 ที่อาจโทรติดยาก

             โดยโครงการดังกล่าวใช้ชื่อว่า You'll Never Walk Alone เปิดตัวไปเมื่อวันที่ 23 ธันวาคมที่ผ่านมา ถือเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่เปิดให้ประชาชนเข้ามาใบ้บริการตำรวจ ซึ่งการแจ้งเหตุด่วนเหตุร้ายทางระบบไลน์นี้ จะช่วยให้เจ้าหน้าที่ได้รับข้อมูลที่ชัดเจน ไม่มีความผิดพลาดจากการจด

(http://www.tairomdham.net/index.php?action=dlattach;topic=10147.0;attach=3508;image)

http://hilight.kapook.com/view/113322 (http://hilight.kapook.com/view/113322)
.
หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ ธันวาคม 31, 2014, 05:49:01 pm
ร้านอาหารญี่ปุ่น ยอมรับผิด กรณีขายข้าวเปล่าถ้วยละ 100

-http://hilight.kapook.com/view/113493-

(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/fontip/etc6/1419919917-image-o.jpg)



เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณสมาชิกหมายเลข 1970341 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม

            ผู้บริโภคโวยราคาข้าวเปล่าร้านอาหารดัง แพงหูฉี่ ข้าวเปล่าถ้วยเล็กถ้วยละ 100 บาท วอนผู้บริหารพิจารณาราคาข้าวเปล่ากันใหม่ ล่าสุดผู้จัดการร้านออกมาชี้แจง ระบุยอมรับผิดเหตุไม่ระบุราคาให้ลูกค้าทราบ

            โดยปกติแล้วเวลาไปทานข้าวที่ไหนแล้วสั่งข้าวเปล่า หลายคนคงจะคิดไม่ต่างกันว่าข้าวเปล่า 1 ถ้วยนั้นคงจะราคาไม่เกิน 20 บาท ซึ่งถือว่าเป็นราคาทั่ว ๆ ไป แต่หากใครได้อ่านได้ฟังเรื่องราวของชายรายนี้ เชื่อว่าต้องร้อง ฮะ !!!! เมื่อข้าวเปล่าที่เขาสั่งมาทานถ้วยเล็ก ๆ นั้น มีราคาแพงเหลือเชื่อถึง 100 บาทเลยทีเดียว

            เรื่องราวความไม่ยุติธรรมและสมเหตุสมผลนี้ได้รับการเปิดเผยโดยคุณสมาชิกหมายเลข 1970341 ในเว็บไซต์พันทิปดอทคอม เขาได้โพสต์กระทู้บอกเล่าประสบการณ์การได้ทานข้าวเปล่าถ้วยละ 100 บาทว่า เมื่อวันที่ 27 ธันวาคมที่ผ่านมา เขาได้ไปทานอาหารที่ร้านอาหารญี่ปุ่นแห่งหนึ่ง แต่คุณแม่ของเขาไม่อยากทานอาหารร้านนี้จึงสั่งอาหารอีกร้านที่เจ้าของเดียวกันแต่อยู่คนละชั้นกันมาทาน โดยคุณแม่ได้สั่งเทมปุระไป 1 ที่ พร้อมกับข้าวเปล่า

            หลังจากอาหารมาเสิร์ฟที่โต๊ะได้สักพัก พนักงานของร้านก็ได้ขอเก็บเงินค่าอาหารคุณแม่ ซึ่งเขาก็จ่ายไป แต่ระหว่างที่คุณแม่ทานอยู่ก็ได้เอาบิลมาดู ก็พบว่าราคาของเทมปุระคือ 390 ส่วนอีก 100 บาทนั้น ระบุว่าเป็นค่า Gohan ซึ่งก็พอเดาได้แล้วว่าน่าจะเป็นราคาข้าวเปล่าถ้วยเล็ก ๆ แต่ถึงอย่างนั้นเขาและคุณแม่ก็ยังทานข้าวต่อไปเพราะไม่อยากให้เสียบรรยากาศ กระทั่งทานเสร็จ จึงได้ถือบิลไปสอบถามที่ร้าน ก่อนจะได้รับคำยืนยันว่า 100 บาทนั้นเป็นราคาข้าวเปล่าจริง โดยเจ้าของกระทู้ได้เล่าว่าหลังจากไปสอบถามถึง Gohan ราคา 100 บาท บทสนทนาระหว่างเขาและพนักงานก็เป็นไปดังนี้

            พนักงาน : อ๋อข้าวเปล่าค่ะ

            เจ้าของกระทู้ : ข้าวเปล่าถ้วยละร้อยเลยหรอครับ ? ไม่ทราบมีราคาในเมนูไหมครับ ผมขอดูหน่อย

            พนักงาน : (ไปหยิบเมนูมาช่วยกันเปิดหา) ไม่มีราคาในเมนูค่ะ แต่มีราคาในเครื่อง

            เจ้าของกระทู้ : งั้นผมขอคุยกับผู้จัดการหน่อยครับ

            ผู้จัดการร้าน : มีอะไรให้ช่วยครับ ?

            เจ้าของกระทู้ : ครับ คือผมอยากถามว่าข้าวเปล่าถ้วยละร้อยนี่ราคาสมเหตุสมผลไหมครับ

            ผู้จัดการร้าน : ร้านเราเป็นของพรีเมียมครับ ราคาเลยอาจจะแพง

            ผมคิดในใจว่า ผมรู้ครับ ถ้าไม่มีตังค์ผมไม่กล้ามาทานอาหารพรีเมียมของคุณหรอกครับ แต่ราคาขนาดนี้แถมไม่มีระบุในเมนูด้วยเนี่ย ตรูรับไม่ด้ายยย! แต่คงหลุดแสดงออกทางสีหน้า ผู้จัดการร้านเห็นเลยอธิบายต่อว่า

            ผู้จัดการร้าน : ข้าวมันไม่เหมือนข้าวสวยไทยนะครับ เม็ดมันจะเหนียวนุ่ม ๆ และนำเข้าครับ

            ชอตนี้เหมือนโดนตบหน้าครับ ผู้จัดการร้านคิดว่าตรูแยกไม่ออกระหว่างข้าวสวย ข้าวเหนียว ข้าวญี่ปุ่นเลยหรอฟระ

            เจ้าของกระทู้ : เข้าใจครับ ผมแค่อยากถามให้แน่ใจว่าข้าวเปล่าใช่ราคานี้จริงใช่ไหม และถามว่าราคานี้คุณคิดว่าเหมาะสมหรอ แถมไม่มีราคาระบุในเมนูด้วย

            ผู้จัดการร้าน : ครับ ต้องขอโทษด้วยครับ....

            จากเหตุการณ์ดังกล่าว เจ้าของกระทู้ได้ปิดท้ายว่าเขาเองอยากแจ้งให้ผู้จัดการทราบว่าบางทีที่ลูกค้ามาแจ้งปัญหาเพราะอยากได้รับการแก้ไข ไม่ใช่คำอธิบายที่ไม่สมเหตุสมผลและคำขอโทษ พร้อมฝากไปถึงผู้บริหารร้านดังกล่าวให้พิจารณาราคาอาหารใหม่ เพราะเขาคิดว่ามันแพงเกินไปจริง ๆ นั่นเอง

            แน่นอนว่าหลังจากที่กระทู้นี้ถูกโพสต์ลงในพันทิป ก็มีผู้เข้ามาแสดงความเห็นมากมาย บ้างก็วิพากษ์วิจารณ์ว่าราคาข้าวแพงจนเกินรับได้ บ้างก็พุ่งเป้าไปที่ความผิดของร้านที่ไม่ยอมแจ้งราคาอาหารในเมนู

           อย่างไรก็ดีล่าสุด ทางผู้สื่อข่าวเดลินิวส์ ได้ติดต่อไปยังร้านอาหารดังกล่าวแล้ว และได้รับการชี้แจงว่า ร้านอาหารนี้เป็นร้านของชาวญี่ปุ่นที่ถือหุ้นร่วมกับเจ้าของคนไทย โดยใช้ชื่อบริษัท เจพีอาร์เอ็ม จำกัด แต่ปัจจุบัน บริษัท ซูชิโอตารุ จำกัด ได้เข้าซื้อกิจการตั้งแต่เดือนกันยายนที่ผ่านมา และด้วยผู้บริหารต้องการสืบทอดการขายอาหารญี่ปุ่น จึงทำให้ยังคงใช้อุปกรณ์ของเจ้าของเดิม ร่วมไปถึงเมนูอาหารและราคาด้วย

          และตั้งแต่เทคโอเวอร์ร้านจนถึงปัจจุบันถือว่ายังอยู่ในช่วงปรับเปลี่ยนทั้งรายการอาหารและเมนู อาจจะทำให้เกิดความผิดพลาดขึ้น ซึ่งทางบริษัทก็ต้องขออภัยลูกค้าที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิด โดยหลังจากนี้ทางร้านจะเร่งแก้ไขเมนูอาหารเป็นการชั่วคราวก่อน เพื่อรอการปรับเปลี่ยนใหญ่อีกครั้งในปีหน้า
 
          นอกจากนี้ ทางผู้จัดการร้านยังกล่าวอีกว่า จริง ๆ ในวันนั้นก็ได้ทำการขอโทษลูกค้าไปแล้ว เพราะทราบดีว่าเป็นความผิดพลาดของเราที่ไม่ได้ระบุราคาข้าวเปล่าลงในเมนู แต่ที่ผ่านมาก็ไม่เคยเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ โดยในเบื้องต้นทางร้านจะแก้ไขด้วยการเพิ่มราคาข้าวเปล่าลงในเมนูเพื่อให้ลูกค้าทราบก่อนสั่ง และขอยืนยันว่าทางร้านไม่ได้มีเจตนาอื่นแอบแฝงแต่อย่างใด
 

***หมายเหตุ : อัพเดทข้อมูลล่าสุดเมื่อเวลา 13.12 น. วันที่ 31 ธันวาคม 2557

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก

(http://dailynews.co.th/imagecache/670x490/cover/923945.jpeg)

ลูกค้าคอปลาดิบสุดอึ้ง สั่งข้าวญี่ปุ่นถ้วยเดียวโดนเรียกเก็บบิล 100 บาท โวยทางร้านไม่ติดป้ายบอกราคา ด้านผู้จัดการร้านแจงอยู่ระหว่างปรับปรุงเมนู ยอมรับผิดพลาดจริงขอเวลาแก้ไข
วันพุธ 31 ธันวาคม 2557 เวลา 14:51 น.

เมื่อวันที่ 31 ธ.ค. ผู้สื่อข่าว “เดลินิวส์ออนไลน์” รายงานว่า สมาชิกเว็บเพจชื่อดังโพสต์เล่าเรื่องราวหลังไปรับประทานอาหารญี่ปุ่นแห่งหนึ่ง ย่านทองหล่อ ต้องตกใจเมื่อเรียกเก็บค่าอาหารแล้วพบว่าราคาข้าวเปล่าถ้วยละ 100 บาท เมื่อทวงถามทางผู้จัดการกลับได้รับคำตอบว่า “เป็นข้าวญี่ปุ่นแท้ นำเข้ามาจากประเทศญี่ปุ่น ทำให้มีราคาแพงกว่าข้าวทั่วไป”

“ยุคนี้อะไรก็แพงครับ แต่เจอข้าวเปล่าถ้วยละ 100 นี่ทำใจไม่ได้จริง ๆ เรื่องเกิดเมื่อวันที่ 27 ธ.ค. ผมพาครอบครัวไปทานอาหารที่ร้านอาหารญี่ปุ่นแห่งหนึ่งย่านทองหล่อ คุณแม่สั่งเทมปูระกับข้าวเปล่า 1 ถ้วย เมื่อพนักงานนำบิลค่าอาหารมาให้ปรากฎว่าทางร้านคิดค่าข้าวเปล่าถ้วยละ 100 บาท ผมจึงเรียกผู้จัดการร้านมาถามว่าข้าวเปล่าถ้วยละ 100 บาทนี่สมเหตุสมผลไหม แถมราคาไม่ได้ถูกระบุอยู่ในเมนูด้วย ทางผู้จัดการตอบว่าร้านของเราเป็นร้านระดับพรีเมี่ยม ฉะนั้นราคาอาจจะแพง เนื่องจากข้าวญี่ปุ่นของทางร้านเป็นสินค้านำเข้าไม่เหมือนข้าวสวยไทย เมล็ดมันจะเหนียวนุ่มกว่าส่วนกรณีไม่ได้ระบุราคาไว้ในเมนูนั้นต้องขอโทษด้วยครับ”

ทีมข่าว "เดลินิวส์ออนไลน์" ติดต่อสอบถามไปยัง นายณัชวรรธน์ ยาวิชัยชูลาภ ผู้จัดการร้านซูชิ โอตารุ ได้รับการชี้แจงว่าเดิมทีร้านซูชิ โอตารุเป็นของชาวญี่ปุ่นที่ถือหุ้นร่วมกันเจ้าของคนไทยโดยใช้ชื่อบริษัท เจพีอาร์เอ็ม จำกัด แต่ปัจจุบัน บริษัท ซูชิโอตารุ จำกัด ได้เข้าซื้อกิจการตั้งแต่เดือนกันยายนที่ผ่านมาแต่ด้วยเพราะผู้บริหารต้องการสืบทอดการขายอาหารญี่ปุ่นจึงทำให้ยังคงใช้อุปกรณ์ของเจ้าของเดิม ร่วมไปถึงเมนูอาหารและราคาอาหารด้วย โดยตั้งแต่เทคโอเวอร์ร้านมาจนถึงปัจจุบันถือว่ายังอยู่ในช่วงปรับเปลี่ยน ทั้งรายการอาหารและเมนูอาหารทำให้เกิดความผิดพลาดขึ้น ซึ่งทางบริษัทต้องขออภัยลูกค้าที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิดโดยหลังจากนี้ทางร้านจะเร่งแก้ไขเมนูอาหารเป็นการชั่วคราวก่อน เพื่อรอการปรับเปลี่ยนใหญ่อีกครั้งในปีหน้า

“จริงๆในวันนั้นทางร้านได้ขอโทษลูกค้าไปแล้ว และทราบดีว่าเป็นความผิดพลาดที่ไม่ได้ระบุราคาข้าวเปล่าลงในเมนู แต่ที่ผ่านมาก็ไม่เคยเกิดปัญหา เบื้องต้นทางร้านจะแก้ไขโดยการเพิ่มราคาข้าวเปล่าลงในเมนูเพื่อให้ลูกค้าทราบก่อนสั่ง ขอเรียนว่าทางร้านไม่ได้มีเจตนาอื่นแอบแฝง”

ผู้จัดการร้านซูชิ โอตารุ กล่าวต่อว่า ต้องขอบคุณเดลินิวส์ออนไลน์ที่เปิดโอกาสให้ทางร้านได้อธิบายถึงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ทางร้านได้ส่งรูปภาพการแก้ไขเมนูอาหารที่มีการแสดงราคาข้าวเปล่าอย่างชัดเจนมาด้วย อยากย้ำอีกครั้งว่าต้องขอโทษสำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง ๆ.

-http://dailynews.co.th/Content/regional/290949/%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%8D%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%9B%E0%B9%88%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B8%A2%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%9C%E0%B8%B4%E0%B8%94!%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%96%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B8%A5%E0%B8%B0100-
หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ มกราคม 03, 2015, 09:54:34 am


กลุ่มวัยรุ่นคลิปดังโลกออนไลน์ "ยิงปืนขึ้นฟ้าฉลองปีใหม่" เข้ามอบตัวแล้ว ยอมรับทำไปด้วยความคึกคะนอง พร้อมยกไหว้ขอโทษชาวนครปฐมทำเสื่อมเสียชื่อเสียงจังหวัด

วันศุกร์ 2 มกราคม 2558 เวลา 19:58 น.

-http://www.dailynews.co.th/Content/regional/291329/%E0%B9%82%E0%B8%88%E0%B9%8B%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%9B%E0%B8%A2%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%B7%E0%B8%99%E0%B8%82%E0%B8%B6%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%9F%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%A7-


(http://www.dailynews.co.th/imagecache/670x490/cover/925813.jpeg)

(http://www.dailynews.co.th/imagecache/670x490/cover/925814.jpeg)

(http://www.dailynews.co.th/imagecache/670x490/cover/925841.jpeg)




เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 2 ม.ค. ที่ สภ.สามควายเผือก อ.เมือง จ.นครปฐม พล.ต.ต.พจน์ บุญมาภาคย์ ผบก.ภ.จว.นครปฐม พ.ต.อ.พงศธร ศรีเปลี่ยนจันทร์ ผกก.สภ.สามควายเผือก และชุดสืบสวน เปิดเผยถึงผลการดำเนินคดีกลุ่มวัยรุ่นที่ก่อเหตุยิงปืนขึ้นฟ้าในงานเลี้ยงฉลองส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ซึ่งปรากฏบนโลกอินเตอร์เน็ตโด่งดังไปทั่วประเทศในช่วงข้ามคืน หลังทราบว่าเหตุเกิดในพื้นที่จังหวัดนครปฐม จึงได้เรียกประชุมผู้เกี่ยวข้องและหัวหน้าสถานีตำรวจภูธรทุกแห่ง เพื่อหาว่าเหตุเกิดที่ไหน จนทราบว่าเหตุเกิดหน้าบ้านเลขที่ 192 / 71 หมู่ 10 ต.มาบแค อ.เมือง จ.นครปฐม จึงเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ สอบปากคำผู้พบเห็นเหตุการณ์จนทราบว่า ผู้ที่ใช้อาวุธปืนยิงขึ้นฟ้าทั้งหมด 7 คน ประกอบด้วย นายสิทธิธา จำปาอ่อน อายุ 31 ปี นายปัญญา พุ่มกุมาร อายุ 19 ปี นายไชยกิจ มอบจัน อายุ 33 ปี นายสมหมาย อิ่มลิ้มทาน อายุ 32 ปี และนายเกรียงศักดิ์ ผัดขัน อายุ 21 ปี รวม 6 คน ได้เข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวน
จากการสอบสวนทั้งหมดให้การรับสารภาพเป็นผู้ก่อเหตุที่ปรากฏในคลิปจริง ทั้งนี้เนื่องจากความคึกคะนอง พร้อมกันนี้ได้ยกมือไหว้ขอโทษชาวนครปฐม ที่ทำให้เสียชื่อเสียงสถานที่ท่องเที่ยว และให้สัญญาจะไม่กระทำการแบบนี้อีก
เบื้องต้นแจ้งข้อกล่าวหา มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พกพาอาวุธปืนเข้าไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควรจำเป็นเร่งด่วน และยิงปืนโดยใช่เหตุในเมืองหรือหมู่บ้าน
ผบก.ภ.จว.นครปฐม กล่าวต่อว่า ทั้งหมดเข้ามอบและให้การรับสารภาพกับการกระทำของพวกตน ส่วนนายนภดล มีสาวงษ์ อายุ 32 ปี ขณะนี้ไปเที่ยวอยู่ที่ต่างจังหวัด กำลังเดินทางกลับมาเพื่อมอบตัวให้ดำเนินคดีต่อไป จึงอยากขอให้ทุกคนได้สำนึกถึงความรับผิดชอบ และความรู้สึกที่ถูกต้อง เพราะสังคมเป็นการอยู่ร่วมกันของคนจำนวนมาก การยิงปืนเล่นๆ เป็นเรื่องไม่ถูกต้อง อาจก่อให้เกิดความสูญเสียแก่ชีวิตได้.


หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ มกราคม 16, 2015, 09:46:55 pm
เมื่อลูกค้าโทรแจ้ง สคบ. ร้องเรียนข้าวถ้วยละ 100 นี่คือผลลัพธ์...

-http://hilight.kapook.com/view/114285-



(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/fontip/etc6/1419919917-image-o.jpg)


ข้าวเปล่าถ้วยละ 100

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณสมาชิกหมายเลข 1970341 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม

          ลูกค้าร้านอาหารญี่ปุ่นที่เคยตั้งกระทู้โวยขายข้าวเปล่าถ้วยละ 100 บาท ล่าสุดโทรแจ้ง สคบ. แล้ว มาดูว่าเจ้าหน้าที่ดำเนินการอย่างไรต่อ

          สืบเนื่องจากเมื่อปลายปี 2557 คุณสมาชิกหมายเลข 1970341 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ได้ตั้งกระทู้โวยร้านอาหารญี่ปุ่นแห่งหนึ่ง ที่คิดราคาข้าวเปล่าถ้วยละ 100 บาท โดยไม่แสดงราคาไว้ในเมนูอาหาร ซึ่งเมื่อเรียกผู้จัดการร้านมาสอบถามก็ได้รับคำตอบว่า ข้าวเปล่านั้นเป็นข้าวเหนียวญี่ปุ่นเกรดพรีเมียม นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น เจ้าของกระทู้ก็ต้องจำใจจ่ายเงินไป แต่ภายที่หลังกระทู้ดังกล่าวถูกแชร์ว่อน ก็ทำให้ร้านอาหารดังกล่าวออกมาขอโทษที่ไม่ได้แสดงราคาไว้ในเมนูอาหาร พร้อมระบุว่าจะเร่งดำเนินการติดราคาข้าวเปล่าลงในเมนู เพื่อให้ลูกค้าทราบก่อนสั่ง ตามที่เสนอข่าวไปก่อนหน้านั้น (อ่านข่าว ร้านอาหารญี่ปุ่น ยอมรับผิด กรณีขายข้าวเปล่าถ้วยละ 100)

          เกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น วันนี้ (16 มกราคม 2558) คุณสมาชิกหมายเลข 1970341 ได้ตั้งกระทู้อีกครั้ง ชื่อ "เมื่อคนทานข้าวถ้วยละร้อยโทรแจ้ง สคบ. ผลที่ได้คือ..."  เพื่อรายงานความคืบหน้า หลังจากชาวเน็ตแนะนำให้ร้องเรียนเรื่องดังกล่าวไปยังสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ด้วย เนื่องจากเห็นว่าข้าวเปล่าถ้วยละ 100 บาทนั้นแพงเกินไป ซึ่งเจ้าของกระทู้ก็ได้โทรศัพท์ร้องเรียนไปยังสายด่วน สคบ. 1166 เพื่อให้เกิดประโยชน์ของผู้บริโภครายอื่น ๆ ตามบทสนทนาข้างล่างนี้

          "ก่อนโทรผมก็เตรียมหลักฐานไว้หมดครับ ทั้งโหลดฟอร์มร้องเรียน ใบเสร็จ รูปถ่าย ข่าวจากสื่อต่าง ๆ ครบครับ เมื่อมีเจ้าหน้าที่รับสายปุ๊บ

          เจ้าหน้าที่ : สวัสดีครับ ร้องเรียนเรื่องอะไรครับ

          ผม : ไปทานอาหารแล้วร้านไม่ติดราคาครับ

          เจ้าหน้าที่ : ติดต่อ 1569 กรมการค้าภายในเลยครับ

          เรื่องแรกคือ ถ้าจะร้องเรียนเกี่ยวกับราคาสินค้าไม่เป็นธรรมทุกกรณี ต้องแจ้งกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ครับ กด 1569

          เจ้าหน้าที่ : สวัสดีครับ ร้องเรียนเรื่องอะไรครับ (ประโยคเดียวกัน)

          ผม : ร้านอาหารไม่ติดราคาครับ

          เจ้าหน้าที่ : ร้านชื่ออะไร อยู่ที่ไหน แล้วเหตุการณ์เป็นยังไงครับ

          ผม : ร้านxxx อยู่ที่ xxx ครับ (เหตุการณ์ตามกระทู้เก่า) ผมเตรียมหลักฐานให้แล้วครับต้องใช้อะไรบ้าง

          เจ้าหน้าที่ : ไม่ต้องครับ ขอชื่อผู้ร้องเรียนและเบอร์ติดต่อพอครับ

          ผม : แค่นี้เหรอครับ?? (อารมณ์เหมือนโฆษณาสินเชื่อ สมัครง่ายอนุมัติไว)

          เจ้าหน้าที่ : ทางเราไปตรวจสอบเสร็จแล้วจะแจ้งผลให้ทราบภายใน 7 วันครับ

          ผมคิดในใจครับว่าถ้าราชการนี่คงต้องเผื่อใจไว้เลยว่า 7 วันอัพแหง ๆ แถมไม่รู้ด้วยว่าจะติดต่อมาหรือเปล่า เพราะช่องทางการติดตามผลก็ไม่มี วันที่โทรเป็นวันจันทร์ครับ

          ถัดมาอีก 2 วัน มีเจ้าหน้าที่จากกรมการค้าภายในโทรมาครับ ตอนแรกผมติดสายอยู่เลยไม่ได้รับ (เพราะเห็นเป็นเบอร์แปลก) แต่พี่แกโทรกระหน่ำมากครับ เหมือนเป็นเรื่องเร่งด่วนมาก (4 misscall) ผมเลยรีบโทรกลับครับ เมื่อรับสาย

          เจ้าหน้าที่ : คุณxxx นะครับ ตอนนี้ทางผมเข้าไปตรวจสอบร้าน xxx มาแล้ว พบว่าไม่มีการติดราคาจริง เลยประสานงานให้ผู้มีอำนาจปรับไปดำเนินการเรียบร้อยแล้วครับ

          โอ้โหหหหห สุดยอดเลยครับ !! ทีมกรมการค้าภายในทำงานเร็วมาก ๆ ตรวจปั๊บ ปรับ โทรแจ้งผลทันที

          เจ้าหน้าที่ : ยอดเงินที่ปรับจำนวน 5,000 บาทครับ (ไม่ติดเมนูเดียว เลยปรับตามนี้) ทีนี้คุณ... มีสิทธิ์มาแสดงตัวเพื่อ "ขอรับสินบนนำจับ" 25% ครับ

          นี่ละครับ !! ที่ผมอยากให้ผู้บริโภคทุกคนรับรู้  สรุปเป็นข้อ ๆ ตามนี้นะครับ

          1. ผู้บริโภคสามารถร้องเรียนได้เลยโดยที่ไม่ต้องมีหลักฐาน ขอแค่ชี้เบาะแสให้เจ้าหน้าที่รู้ แล้วเค้าจะเข้าไปตรวจสอบเอง

          2. ผู้แจ้งไม่ใช่แค่แจ้งเฉย ๆ แล้วจบกัน แต่มีสิทธิ์ได้รับสินบนนำจับด้วย 25% จากยอดปรับ (กรณีผมคือ 1,500 บาท)

          3. ผู้แจ้งไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าทุกข์ครับ*** อันนี้ผมว่าสำคัญมาก เพราะแต่ก่อนเราจะเข้าใจว่าคนที่มีสิทธิ์ร้องเรียนต้องเป็นผู้เสียหายเท่านั้น เวลาเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาคนทั่วไปก็จะคิดว่าถ้าผู้เสียหายไม่เอาเรื่องขึ้นมาก็จบ แต่ไม่ใช่เลยครับ แค่เราเป็นเพื่อน คนรู้จัก หรือแค่คนหนึ่งที่รู้เรื่องก็สามารถโทรแจ้งกรมการค้าภายในได้เลย นอกจากจะได้ลงโทษคนผิดแล้วยังได้เงินด้วยนะเอ้อ !

          หลังจากนี้ก็ตามขั้นตอนครับ คือผมต้องเข้าไปกรอกฟอร์มเพื่อรับสินบนนำจับ แล้วรออนุมัติเงินภายใน 2 อาทิตย์ก็เป็นอันเรียบร้อย

          อีกนิดครับ ในกระบวนการทำงานของกรมการค้าภายในจะมีเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ทุกวันแบบสุ่มตรวจอยู่แล้ว แต่ถ้ามีคนชี้เบาะแสให้จะเป็นประโยชน์กับเค้ามาก ๆ เพราะสามารถพุ่งเป้าได้เลย เจ้าหน้าที่เลยอยากฝากให้ผู้บริโภคทุกคนช่วยกันนะครับ พบเห็นร้านค้าเอาเปรียบผู้บริโภครีบโทรแจ้งทันที 1569 สายด่วนกรมการค้าภายในครับ ขอบคุณครับ"

          งานนี้ชาวเน็ตเข้ามาปรบมือชื่นชมการทำงานที่รวดเร็วของเจ้าหน้าที่กรมการค้าภายในกันมากมาย พร้อมกับขอให้ทุกคนช่วยกันแชร์ว่า หากพบปัญหาเช่นนี้สามารถโทรแจ้ง 1569 สายด่วนกรมการค้าภายในได้เลย นอกจากจะได้จัดการกับผู้ประกอบการที่เอาเปรียบผู้บริโภคแล้ว ยังมีสิทธิ์ได้รับสินบนนำจับอีกด้วย




หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ มกราคม 25, 2015, 12:26:09 pm
เตือน! ปชช.ระวังอันตรายจากเครื่องทำน้ำอุ่นไม่ได้มาตรฐาน
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

-http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9580000009178-

   กรมควบคุมโรค เตือนประชาชนเพิ่มความระวังในการอาบน้ำจากเครื่องทำน้ำอุ่นที่ใช้ที่ใช้พลังงานแก๊สหุงต้มไม่ได้มาตรฐาน แนะวิธีสังเกตระหว่างอาบน้ำ และปฏิบัติตนหากพบความผิดปกติ เผยหน้าหนาวทุกปีมีรายงานผู้เสียชีวิตจากเครื่องทำน้ำอุ่นไม่ได้มาตรฐานปีละ 1-2 คน
       
       นพ.โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงกรณีมีรายงานข่าวพบผู้เสียชีวิตในห้องน้ำขณะอาบน้ำในจังหวัดทางภาคเหนือ โดยเบื้องต้น คาดเสียชีวิตจากการสูดแก๊สพิษ เช่น คาร์บอนมอนอกไซด์ โพรเพน ว่า ขณะนี้หลายภูมิภาคของประเทศไทยโดยเฉพาะบริเวณภูเขาสูง ยอดดอยในพื้นที่ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีอากาศหนาวเย็น ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวจากภูมิภาคอื่นไปท่องเที่ยว และเนื่องจากอากาศที่หนาวเย็น ทำให้ต้องอาบน้ำอุ่นจากเครื่องทำน้ำอุ่น แต่บางพื้นที่ติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นแบบใช้แก๊สที่ไม่ได้มาตรฐาน ประกอบกับก๊าส LPG หรือก๊าสหุงต้ม และก๊าสโพรเพนในเครื่องทำน้ำอุ่นสันดาปไม่ดี ถ้าร่วมกับห้องน้ำไม่มีอากาศถ่ายเท ทําให้เกิดการสะสมของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และคาร์บอนมอนอกไซด์ ในปริมาณมากจนทำให้เกิดอากาศหายใจ หมดสติ และเสียชีวิตได้อย่างเฉียบพลัน เนื่องจากขาดออกซิเจน จากข้อมูลการเฝ้าระวังโรคและภัยสุขภาพ สำนักระบาดวิทยากรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า ในฤดูหนาวปี 2555-2556 พบผู้ป่วยหมดสติขณะอาบน้ำในห้องน้ำที่ใช้เครื่องทําน้ำอุ่นแบบใช้ระบบแก๊สในที่พักพื้นที่ จ.เชียงใหม่ จํานวน 5 ราย เสียชีวิต 2 ราย และในฤดูหนาวปี 2557-2558 นี้ มีรายงานผู้เสียชีวิต 2 ราย เป็นพระสงฆ์จำวักที่วัดป่าแห่งนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ทั้ง 2 ราย ซึ่งจากการสอบสวนโรค พบว่า มีระดับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ อยู่ในระดับสูงมากที่เป็นระดับที่สามารถทําให้เสียชีวิตได้ทันที และคาดว่าน่าจะมีการป่วย และเสียชีวิตจากกรณีดังกล่าวเกิดขึ้นในที่พักพื้นที่อื่นๆ อีกหลายแห่ง แต่ไม่ได้มีการติดตามเฝ้าระวัง ดังนั้น จึงควรให้ความระมัดระวังการเดินทางไปพักผ่อนในที่พักที่มีการใช้เครื่องทําน้ำอุ่นแบบใช้แก๊ส รวมทั้งการใช้อุปกรณ์ทําความอบอุ่นที่ใช้แก๊ส หรือน้ํามันก๊าดเป็นเชื้อเพลิงดังกล่าว
       
       นพ.โสภณ กล่าวต่อว่า ขอฝากเจ้าของโรงแรม รีสอร์ต ที่พัก บ้านเรือนที่พักอาศัย รวมทั้งศาสนสถานต่างๆ ที่มีการใช้เครื่องทําน้ำอุ่นแบบใช้ระบบแก๊สควรดำเนินการดังนี้ 1.มีการตรวจสอบคุณภาพ มาตรฐาน และการบํารุงรักษาเครื่องทําน้ำอุ่นที่ใช้ระบบแก๊ส 2.ตรวจสอบการรั่วและปริมาณการสะสมของก๊าซในสถานที่พักอยู่เสมอ 3.ห้องน้ำ หรือห้องพักควรมีพื้นที่กว้างเพียงพอและมีช่อง หรือพัดลมระบายอากาศที่เหมาะสมและได้มาตรฐาน และ 4.ติดป้ายเตือนและบอกถึงวิธีใช้งานของเครื่องทําน้ำอุ่นไว้อย่างชัดเจน ขณะเดียวกัน ผู้ที่เข้าพักอาศัยควรปฏิบัติ ดังนี้ 1.สังเกตอาการที่อาจเกิดขึ้นจากการได้รับแก๊ส ระหว่างใช้ห้องน้ำ เช่น วิงเวียน หน้ามืด หายใจลําบาก เป็นต้น ควรรีบออกจากห้องน้ำ หรือให้การช่วยเหลือทันที 2.คนที่มีโรคประจําตัว เช่น โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง โรคระบบทางเดินลมหายใจ ควรระมัดระวังมากขึ้นในการใช้ห้องน้ำที่มีเครื่องทําน้ําอุ่นแบบใช้ระบบแก๊ส เพราะหากได้รับก๊าซดังกล่าวจะทําให้เสียชีวิตได้ง่ายกว่ากลุ่มอื่นๆ และ 3.การอาบน้ำโดยเครื่องทำน้ำอุ่นที่ใช้แก๊สหุงต้ม ถ้าไม่มีเครื่องระบายอากาศ ควรเปิดประตูห้องน้ำทิ้งไว้ 15 นาที เพื่อให้อากาศถ่ายเท ก่อนที่คนอื่นจะอาบน้ำต่อ หากมีคนอาบน้ำนานผิดปกติให้รีบช่วยเหลือ เพราะอาจหมดสติในห้องน้ำ
       
       สำหรับเจ้าหน้าที่อุทยาน เจ้าหน้าที่สาธารณสุข เจ้าของที่พัก และเจ้าหน้าที่อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องต่อการท่องเที่ยว ควรให้ความรู้แก่ประชาชนในการเข้าพักอาศัยในโรงแรม ที่พัก ที่มีการใช้เครื่องทําน้ำอุ่นแบบใช้ระบบแก๊สอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะพื้นที่ที่ไม่มีไฟฟ้าใช้เพียงพอ และจําเป็นต้องใช้ก๊าซเป็นเชื้อเพลิง เช่น บริเวณป่า ภูเขาสูง เป็นต้น ผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค 1422

หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ มกราคม 25, 2015, 06:58:38 pm
ชาวเน็ตสุดทน แม่ค้าให้ชิมมะม่วง ก่อนโดนบังคับซื้อลูกละ 80 บาท ถือมีดถามจะเอาไม่เอา

-http://hilight.kapook.com/view/114759-

(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/fontip/hitnews/Mang001.jpg)

แม่ค้าให้ชิมมะม่วง ก่อนโดนบังคับซื้อลูกละ 80 บาท

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก ทวิตเตอร์ @bytelife

            ชาวเน็ตระบาย โดนแม่ค้าขู่ให้ซื้อมะม่วงลูกละ 80 บาท แถมบอกซื้อลูกเดียวไม่ได้ เพราะมะม่วงมันแพง ถือมีดในมือ ถามจะเอาไม่เอา สุดท้ายต้องควักกระเป๋าจ่าย

            หลังจากที่เกิดเหตุการณ์ ยายยัดดอกไม้ เรียกร้องขู่กรรโชกเอาเงิน 40 บาทจากผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมา จนกลายเป็นข่าวดังไปทั่วประเทศ ล่าสุด (25 มกราคม 2558) เรื่องราวของการขู่กรรโชกเอาเงินเพื่อให้ซื้อของก็ยังไม่หมด เมื่อชาวเน็ตคนหนึ่ง ได้ออกมาโพสต์ข้อความว่า ถูกขู่ให้ซื้อมะม่วงลูกละ 80 บาท ที่สำคัญคือ ในมือพ่อค้าแม่ค้าถือมีดด้วย

            ทั้งนี้ ทวิตเตอร์ของคุณ @bytelife ได้เผยว่า ตนเดินลงจากรถไฟใต้ดินสถานีเพชรบุรีกับเพื่อน ซึ่งมาเจอร้านขายมะม่วง กะปิ น้ำปลาหวาน เมื่อเข้าไปถามว่าขายอย่างไร พ่อค้าแม่ค้าที่เป็นสามีภรรยากัน ก็บอกว่ามีแค่มะม่วงเปรี้ยวกับมะม่วงมัน และไม่ยอมบอกราคา และฝ่ายภรรยาก็หั่นมะม่วงให้ชิม จากนั้น ทั้งสองคนก็บอกว่า มะม่วงลูกนี้ราคา 80 บาท ทำให้ตนไม่พอใจ และบอกว่าจะเอามะม่วงแค่ลูกเดียว แต่ฝ่ายสามีบอกไม่ขายลูกเดียว เพราะมะม่วงแพง และถือมีดอยู่ในมือ ส่วนฝ่ายภรรยาก็ถามว่า เอาไม่เอา จนสุดท้ายก็ต้องยอมจ่ายเงิน

            "หลังจ่ายตังค์โกรธมาก แทบเขวี้ยงทิ้ง โง่ที่โดนหลอก และพูดได้คำเดียวว่า หากินได้เอี้ยมาก"
   
            หลังจากนั้น ก็มีการรีทวีตข้อความนี้เป็นจำนวนมาก และพบว่ามีหลายคนเจอเหตุการณ์นี้มาเช่นเดียวกัน ขณะที่คนจำนวนหนึ่งก็เข้ามาเสนอความคิดเห็นว่า ที่สองสามีภรรยาถือมีดนั้น อาจจะเพราะปอกมะม่วงเสร็จก็ถือมีดเอาไว้ อาจจะไม่ต้องการทำร้ายใครก็เป็นได้

(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/fontip/crime3/Mang002.jpg)

(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/fontip/crime3/Mang003.jpg)

(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/fontip/crime3/mango.jpg)

------------------------------------------------------


เตือนภัย เอเยนต์หลอกขายตั๋วเครื่องบินถูก ชิ่งหายพร้อมเงิน 14 ล้าน

-http://hilight.kapook.com/view/114757-

(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/fontip/etc6/page_29.jpg)

เตือนภัย เอเยนต์หลอกขายตั๋วเครื่องบินถูก ชิ่งหายพร้อมเงิน 14 ล้าน

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก Geawgy Janjarupankul

            เตือนภัย เอเยนต์เถื่อนหลอกขายตั๋วเครื่องบินราคาถูก ก่อนชิ่งหายพร้อมเงิน 14 ล้าน แจ้งตำรวจก็พึ่งไม่ได้

            ในยุคที่ตั๋วเครื่องบินแข่งกันขายถูกอย่างทุกวันนี้ เชื่อว่าหลาย ๆ คนที่กำลังคิดจะเดินทางไปต่างประเทศกำลังมองหาเอเยนต์ที่ขายตั๋วที่ถูกที่สุดเท่าที่เป็นไปได้อยู่แน่ ๆ แต่หากได้อ่านข่าวเตือนภัยที่เรานำมาฝากกันวันนี้ รับรองว่าจะต้องคิดแบบรอบคอบกันใหม่ เพราะบางครั้งของถูกก็ไม่ได้ดีเสมอไป และซ้ำร้ายไปกว่านั้น ของถูกอาจจะกลับกลายเป็นการหลอกลวงในตอนท้ายก็ได้

            เรื่องราวเตือนภัยที่เรานำมาฝากกันวันนี้มาจากเจ้าของเฟซบุ๊กชื่อบัญชีว่า
Geawgy Janjarupankul เธอได้ใช้พื้นที่โซเชียลเน็ตเวิร์กของเธอเองบอกเล่าถึงเรื่องการโกงของเอเยนต์ตั๋วเครื่องบินจอมปลอม ที่เอาราคาตั๋วถูก ๆ มาหลอกล่อลูกค้า สุดท้ายชิ่งหนีหน้าไปพร้อมเงินรวมแล้วกว่า 14 ล้านบาท ตอนนี้คนร้ายก็ยังคงลอยนวล แม้ว่าเธอและลูกค้าที่ถูกหลอกกว่า 200 คนจะพากันไปแจ้งตำรวจแล้ว แต่ตำรวจก็ยังไม่ดำเนินการใด ๆ ให้เลย โดยคุณ Geawgy Janjarupankul ได้เล่าไว้ในเฟซบุ๊กส่วนตัวดังนี้

            "ขอใช้พื้นที่นี้เล่าเรื่องราวกลโกงเป็นอุทธาหรณ์ของการโกงแบบนี้ มันไม่ได้เกิดขึ้นครั้งแรก และกลัวว่าเรื่องราวเช่นนี้จะเกิดขึ้นกับคนอื่น ๆ อีก และเพื่อไว้อาลัยให้ผู้รักษากฎหมายของพวกเราที่ได้ชื่อว่าเป็นที่พึ่งของประชาชนและรับเงินภาษีของพวกเราทุกๆเดือน

            เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงได้ยินเรื่องการโกงตั๋วเครื่องบินกันพอสมควร เราเป็นหนึ่งในผู้โชคร้ายกลุ่มนั้น เริ่มมาจากเมื่อกลางปีที่ผ่านมา มีน้องที่รู้จักโพสต์ว่ารู้จักกับเอเยนต์ใหญ่ที่หาตั๋วการบินไทยได้ถูก ราคาดี แต่ไม่ได้ถูกเว่อร์จนไม่น่าเป็นไปได้ เราสนใจตั๋วยุโรปเลยติดต่อน้องเค้าไป ก็ได้ไลน์ของเอเยนต์ชื่อ อี้ด มีบริษัทชื่อ New Best Choice Travel ติดต่อซื้อตั๋วกันผ่านไลน์ พูดจาดี ถามตอบว่องไว แก้ไข ขอเปลี่ยนวันอะไรได้หมด จนได้ booking confirmation abacas มาเช็กผ่านอีเมลเรียบร้อย ก็โอนเงินให้ตั้งแต่กลางปี ทั้ง ๆ ที่จะบินธันวา โดยบอกว่าต้องรีบจ่ายเดี๋ยวราคาเปลี่ยน ด้วยความเชื่อใจน้องที่รู้จัก เพราะเค้าบอกว่าใช้มานานมาก ไม่เคยมีปัญหา และเราก็เห็นน้องเค้าบินเที่ยวตลอด ก็ยิ่งมั่นใจโอนเงินจ่ายไปให้เอเยนต์รายนี้ แต่อี้ดก็จะยังไม่ออกตั๋วจริง e-ticket ให้ อ้างว่าเป็นตั๋วถูกประเภทตั๋วกรุ๊ปทัวร์มาแบ่งขาย ต้องรอพรินท์พร้อมกรุ๊ป ให้รอใกล้ ๆ จะพรินท์ให้ น้องที่รู้จักก็เฟิร์มแบบนั้น เราก็สบายใจ รอบิน แต่ระหว่างนั้นก็ด้วยความหวังดี แนะนำเอเยนต์รายนี้ไปให้พี่ชาย เพื่อน และอีกหลาย ๆ คน มีทั้งติดต่อซื้อผ่านเรา และเอาไลน์ไปติดต่อซื้อเอง ทุกคนใช้ระบบเดียวกับเราคือ เห็น abacus และจ่ายเงินล่วงหน้าชาติเศษ ทั้งหมดก็เพราะการบอกต่อและไว้ใจเรา สรุปทริปที่แก๊งเราซื้อกับอี้ด มียุโรป เกาหลี นาโงย่า ฮอกไกโด รวมเป็นเงินราวๆ 160,000 บาท (อาจจะไม่ได้มากสำหรับคนอื่นแต่สำหรับเรามันโคตรจะมากเลย)

            พอถึงเวลา ทริปยุโรปเราได้บิน โดยตั๋วจริงออกล่วงหน้าก่อนบินแค่ 3 วัน และตามแล้วตามอีก เราก็ไม่ค่อยสบายใจ แต่น้องที่รู้จักก็ยืนยันว่า ไม่มีปัญหาแต่ตั๋วจะช้า ต้องตาม ๆ หน่อย เราก็ค่อยสบายใจขึ้น หลังกลับจากทริปยุโรป เราก็มาตามจิกตั๋วเกาหลีกับนาโงย่าปลายปีต่อ ตามแล้ว ตามอีก ตามเป็นอาทิตย์ ๆ อี้ดก็ตอบไลน์บ้าง ไม่ตอบบ้าง ผัดผ่อนวัน อ้างไปเรื่อย ๆ จนอีก 4 วัน เพื่อนจะต้องบินไปนาโงย่าแล้ว และอีกอาทิตย์ เราก็ต้องบินไปเกาหลีแล้ว

            และแล้วเรื่องก็เกิดขึ้น หลังจากเราไลน์จิกไปวันเสาร์ อาทิตย์ อี้ดไม่ตอบไลน์แล้ว ไม่ Read เมื่อเช้าวันจันทร์ 22 ธันวาคม เราโทรหาน้องที่รู้จัก น้องบอกว่า แย่แล้ว อี้ดมันหนีไปแล้ววววววววววววว ปิดมือถือ ปิดร้าน หอบผ้าผ่อนหนีไป ทิ้งลูกชายไว้คนเดียว ยอดหนี้ตั๋วเครื่องบินเป็นล้าน ๆ มีผู้เสียหายบางคนตามไปดูถึงบ้าน เจอสภาพที่น่าตกใจอย่างมาก เอเยนต์ที่รับจองตั๋วเป็นล้าน ๆ บาท มีแค่โต๊ะทำงานตัวเดียว กับเศษกระดาษแปะตามโต๊ะ คอมฯ สักตัวยังไม่มี เวรกรรมแท้ ๆ รู้สึกตกใจ เสียใจ เสียขวัญ ทำไรไม่ถูก ไม่รู้จะบอกเพื่อน ๆ พี่ ๆ และทุกคนยังไงดี เกิดมาเพิ่งเคยถูกโกงงงง

 จากนั้นผู้เสียหายทั้งหมดก็ตั้งกรุ๊ปไลน์มีสมาชิกเกือบ 200 คน เพื่อรวมตัวกันหารือ อัพเดทสถานการณ์ ช่วยเหลือกันเองเท่าที่จะทำได้ เชื่อไหมว่าผู้เสียหายทั้งหมดเกือบ 200 คน ยอดเงินที่อี้ดโกงไปกว่า 14 ล้าน ส่วนมากเป็นยอดจองช่วงสิ้นปีและสงกรานต์ ปี 58 โดยทุกคนมีใช้แพทเทิร์นการจองและติดต่ออี้ดผ่านไลน์หรือโทรเหมือนกันทั้งหมด เรื่องราวทั้งหมดเกิดจากการบอกต่อ ๆ กัน อาศัยความเชื่อใจ จองและโอนเงินก่อน ไว้ใจผู้บอกต่อ ไม่เคยมีใครเอะใจในพฤติกรรมต่าง ๆ (ที่จริง ๆ แล้วโคตรน่าสงสัย) สรุปโดนกันไปหลายสาย มีทั้งสายเอเจนซี สายดารา สายผู้สื่อข่าว สายบันเทิง บอกต่อ ๆ กันไปเป็นลูกโซ่มาก ๆ โดนมากโดนน้อยแตกต่างกันไป บางคนโดน 1.5 ล้าน บางคนสามแสน บางคนเป็นบริษัทเล็ก ๆ ที่จะพาพนักงานไป outing 20 คน ก็อดไปกันหมดทั้งบริษัทกว่า 7 แสน บางคนตั้งใจพาพ่อแม่ไปเที่ยวด้วยเงินเก็บของตัวเอง บางคนเก็บเงินตั้งใจพาลูกไปดิสนีย์แลนด์ ลูก ๆ ร้องไห้เสียใจกันใหญ่ บางคนเช้าวันนั้นไปยืนเงิบอยู่สุวรณภูมิทั้ง ๆ ที่ไม่มีตั๋วเลย บางคนต้องหาตั๋วใหม่กันวุ่นวายในราคาแพงลิบเพราะไม่อยากให้ทริปล่ม บางคนทำใจนอนกินมาม่าอยู่บ้านช่วงสิ้นปีเพราะทนซื้อตั๋วใหม่ไม่ไหว บอกได้เลยค่ะ ว่าหลากหลายรูปแบบมาก แต่ทุกคนมีอารมณ์เดียวกันคือ เศร้า !!!!!

            หลังจากนั้นขั้นตอนแรกทุกคนก็ทยอยไปแจ้งความที่ สน. ไว้ก่อน จากนั้นก็ไปรวมตัวกันที่กองปราบพหลโยธิน ตรงข้ามเซ็นทรัลลาดพร้าว เพราะหวังว่าคดีที่ผู้เสียหายเยอะขนาดนี้ เป็นคดีฉ้อโกงประชาชน น่าจะพึ่งกองปราบได้ เรื่องคดีน่าจะจริงจังและเร็วขึ้น หลังจากผ่านขั้นตอนทำเอกสารที่แสนจะวุ่นวาย และสอบสวนเรื่องของแต่ละคนและทีละคนแล้ว เราก็ได้แต่รอ ๆ ๆ ๆ ๆ เพราะเจ้าหน้าที่บอกว่าต้องสอบสวนครบทุกคนแล้วถึงจะออกหมายจับได้ ทุกคนได้แต่เงิบบบบบ เพราะไม่รู้จะทำยังไง ประชาชนตาดำ ๆ

            หลังจากนั้นมีผู้เสียหายบางคนรวมตัวกันไปแจ้งเรื่องที่ศูนย์ดำรงธรรมไว้ด้วย เผื่อทหารจะยื่นมือเข้ามาช่วยยยยยย พอผ่านพ้นปีใหม่ไป เรื่องก็ยังเงียบอยู่ พอถามไปที่กองปราบฯ แจ้งว่ากำลังส่งเรื่องไปที่ ปคบ. (กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค) เพราะผู้ใหญ่ฯ ทางกองปราบสั่งการมาแบบนั้น พอไปถามความคืบหน้าทาง ปคบ. ได้รับคำตอบว่า ยังไม่ได้รับเรื่องจากกองปราบ และถ้าได้รับเรื่อง ต้องมีหลักฐานการโฆษณาของเอเยนต์นี้ ถึงจะรับเรื่องได้ ซึ่งในความเป็นจริง ทุกคนรู้จักผ่านการบอกต่อและติดต่อผ่านไลน์หรือโทร อี้ดไม่เคยมีการโฆษณาใด ๆ กับพวกเราเลย หลักฐานเดียวที่พวกเรามีเหมือนกันคือ "หน้าจอไลน์" ซึ่งทาง ปคบ. ไม่ถือเป็นการโฆษณาและไม่รับเรื่อง สอบถามกลับไปที่กองปราบฯ ได้รับคำตอบว่าส่งเรื่องให้ ปคบ. แล้ว โดยหมวดที่ดูแลเรื่องยืนยันด้วยตนเอง งงค่ะ สรุปว่าเรื่องหายไปไหน จนถึงวันนี้ก็หนึ่งเดือนแล้วหลังจากเกิดเหตุ ผู้เสียหายหลายรายยังไม่ได้แจ้งความ ไม่รู้ต้องทำยังไง เพราะทางกองปราบบอกให้รอไปแจ้ง ปคบ. แต่ทาง ปคบ. ก็บอกยังไม่ได้รับเรื่อง

            สุดท้ายทุกวันนี้ หมายจับออกแล้ว แต่ออกจากคดีที่สน.พัทลุง ที่มีผู้เสียหายคนหนึ่งไปแจ้งความไว้ แต่ตำรวจไม่ได้ออกตามล่าตัวอี้ดแต่อย่างใด แค่บอกว่าใครเจอตัวก็มาบอกตำรวจได้นะ แป่วววววว !!! หวังแค่ว่าจะช่วยๆ กันแชร์เรื่องราวนี้ออกไป และหากใครเจอตัวผู้หญิงหน้าตาแบบนี้ ชื่อ นางนิภาวรรณ โลหิตยา หรืออี้ด (หน้าตาสวยแบบในภาพที่แนบนี้เลย) ช่วยแจ้งกลับมาทีนะคะ

  จนถึงวันนี้ บอกตรง ๆ เงินก็ไม่หวังจะได้คืนแล้ว ทำใจ คิดซะว่าทำบุญให้คนที่มีจิตใจพิกลพิการ แต่ที่เจ็บใจคือ คนชั่วอย่างอี้ด ลอยนวลหน้าตาเฉย ไม่ได้รับผลกรรมใด ๆ นี่จะบอกเลยว่านี่เป็นกระบวนการโกงแบบตั้งใจ และจากที่ดูประวัติ คิดว่านี่ไม่ใช่การโกงครั้งแรก เพราะเคยมีการเปิดบริษัท Best Choice Travel และปิดตัวลงไปก่อนหน้านี้ หายไปสัก 1-2 ปีแล้วกลับมาเปิดบริษัทอีกครั้ง ชื่อคล้าย ๆ กัน มันคือความตั้งใจกลับมาหาโกงกินเหมือนเดิม โดยคราวนี้ตั้งใจหาฐานลูกค้าให้กว้างมากที่สุด โดยใช้เวลาถึงเกือบ 2 ปี ก่อนจะเชิดเงินทั้งหมดหนีหายยยย (เดาว่าช่วงปลายปีน่าจะได้ยอดเยอะสุด เพราะรวมทริปปลายปีกับสงกรานต์ปีหน้าที่จองกันล่วงหน้าไว้) และกลโกงของอี้ดคือ เมื่อจองตั๋วให้ลูกค้า อี้ดจะจองตั๋วทันทีโดยไม่สนใจราคาตั๋วว่าจะถูกหรือแพง บางทีตั๋วที่อี้ดจองเป็นตั๋วโคดจะแพง แต่เพื่อให้ได้ abacus no. มาให้พวกเราดูและหลอกให้โอนเงินก่อนนาน ๆ พอถึงเวลาออกตั๋ว มันก็ค่อยพยายามหาตั๋วให้เราได้ ซึ่งจริงๆ อาจจะแพงกว่าเงินที่เราโอนไป ทั้งหมดก็เพื่อหลอกให้ตายใจ ว่าตั๋วมันถูก ให้บอกต่อเพื่อน ๆ มาซื้อกับมันเยอะ ๆ นี่มันวงจรอุบาทว์ชัด ๆ....

            อยากจะถามว่าประเทศไทย เราอนุญาตให้คนโกงทำมาหากินแบบนี้ได้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ? แล้วคนทำมาหากินสุจริตแบบพวกเรา เงินที่หามาได้จากการทำงานทุกบาททุกสตางค์ อยากจะเอาเงินที่ได้มาไปเที่ยวพักผ่อน มันไม่น่าสงสารหรอ ? หรือจำนวนเงินไม่เยอะพอเท่าคดีพัน ๆ ล้าน ? ยังงงว่าคดีอื่น ๆ เช่น แท็กซี่สุวรรณภูมิกับญี่ปุ่นยังดังกว่าเรื่องนี้ เรื่องผัวเมียฆ่ากัน ตำรวจยังตามจับตัวได้ไวมาก แอบน้อยใจว่า พวกเรามันคนชนชั้นกลางที่เสียภาษีไปวัน ๆ เพื่อให้ชนชั้นล่างมีเงินใช้จากมาตรการช่วยเหลือต่าง ๆ นานาของรัฐบาลที่พวกเราไม่เคยจะได้ใช้

            และการบินไทยคะ นี่ไม่ใช่คดีโกงตั๋วเครื่องบินครั้งแรกในประเทศไทย มันเกิดขึ้นหลายครั้ง อยากให้คุณหาทางจัดการกับพวกเอเยนต์เถื่อนหน่อยเถอะคะ สุดท้ายนี้ ขอไว้อาลัยให้คนไทย จงอยู่อย่างมีสติ ใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังตัว อย่าไว้ใจทาง อย่าวางใจคน คนชั่วมีอยู่รอบตัวเราไปหมด และตำรวจหรือผู้คุมกฎหมายก็ช่วยคุณไม่ได้ จงพึ่งพาตัวเอง บุญรักษาค่ะ

            ฝากช่วย ๆ กันแชร์เรื่องราวนี้กันหน่อยนะคะ เพื่อช่วยกันตามตัวคนชั่วมารับโทษค่ะ ไม่งั้นมันต้องกลับมาโกงกินอีกแน่ ๆ"

(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/fontip/etc6/BCtravel004.jpg)

(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/fontip/etc6/BCtravel001.jpg)

(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/fontip/crime3/BCtravel006.jpg)

3






หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ มกราคม 31, 2015, 09:05:49 pm
ให้ระวัง  การหลอกลวง




----------------------------------------------------

ล้วงอาถรรพ์ เงินปากผี เรื่องจริงผ่านจอ


ล้วงอาถรรพ์ เงินปากผี เรื่องจริงผ่านจอ (http://www.youtube.com/watch?v=H-fxvGnjxmo#ws)
-http://www.youtube.com/watch?v=H-fxvGnjxmo-


หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ กุมภาพันธ์ 07, 2015, 02:43:33 pm
ระทึก Power Bank ระเบิดไฟลุกพรึ่บ หวิดไฟไหม้ห้อง

-http://hilight.kapook.com/view/115488-

(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/settawoot/z-2_249.jpg)

(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/settawoot/z-3_153.jpg)

  กระทู้เตือนภัยเรื่องใกล้ตัวชาวโซเชียลฯ ใช้ที่ชาร์จแบตสำรองชาร์จกับโทรศัพท์ไอโฟนเพียง 20 นาที กลับเกิดระเบิดไฟลุกควันคลุ้งห้อง โชคดีใช้น้ำดับทัน เตือนระวังอันตรายจากที่ชาร์จไม่ได้มาตรฐาน
   
                  เรียกได้ว่าปัจจุบันหลายคนมักจะใช้เวลาว่างในการเล่นโทรศัพท์ แท็บเล็ต เพื่อเข้าดูโซเชียลฯ ต่าง ๆ และทำให้แบตของโทรศัพท์หมดเร็ว จึงต้องมีการซื้อ Power Bank หรือที่ชาร์จแบตสำรองมาใช้ควบคู่กัน แต่ก็ต้องระวังเรื่องการใช้งานไว้บ้าง เพราะล่าสุด (6 กุมภาพันธ์ 2558) คุณ SnowGlobe สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม  ได้ตั้งกระทู้เตือนภัยเกี่ยวกับที่ชาร์จสำรองไหม้ขณะชาร์จ

                  โดยระบุว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 00.30 น. ของวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2558 ที่ผ่านมา เจ้าของกระทู้ได้ซื้อที่ชาร์จแบตสำรองขนาด 8,000 mAh มาจากห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ซึ่งได้ใช้งานมาได้เกือบ 3 เดือน ตอนที่เกิดเหตุได้ชาร์จที่ชาร์จแบตสำรองเข้ากับโทรศัพท์มือถือไอโฟน 5S โดยใช้สายชาร์จไอโฟนของแท้ และนอนหลับไป 15-20 นาที ก่อนที่น้องสาวจะปลุกขึ้นมาเพราะที่ชาร์จดังกล่าวระเบิดและไหม้ จึงรีบนำน้ำมาสาดทันที เนื่องจากบริเวณใกล้เคียงมีทั้งเอกสาร โน้ตบุ๊ก

                  พร้อมบอกว่าตอนที่ไปซื้อที่ชาร์จสำรองดังกล่าว ได้ระบุกับทางร้านไปว่าต้องการความปลอดภัย ไม่พังง่าย และไม่มาจากจีน ซึ่งทางร้านแนะนำยี่ห้อนี้มา และยังบอกด้วยว่ามีประกัน 2,000,000 บาท กรณีระเบิด จึงตัดสินใจซื้อมาในราคา 1,200 บาท และขอยืนยันว่า สายชาร์จทั้งหมดเป็นของจริงไม่มีของปลอมสักชิ้นเดียว หลังเกิดเหตุได้ขายโทรศัพท์ไอโฟนไปด้วยเนื่องจากเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย

                  ทั้งนี้เจ้าของกระทู้ยังระบุด้วยว่า หลังติดต่อกับทางผู้ผลิตได้รับการแจ้งกลับมาว่าจะจ่ายเงินได้ตามที่เสียหาย ซึ่งเป็นหลักฐาน คือ 18,700 บาท และแจ้งด้วยว่าถ้าลงพันทิปตนอาจถูกฟ้องกลับก็เป็นได้ บริษัทฯ ที่มาทำการค้าขายในประเทศไทยได้แต่ขายสินค้า ส่วนความปลอดภัยกลับไม่มี

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณ SnowGlobe สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม








หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ กุมภาพันธ์ 21, 2015, 08:11:22 am
วิธีตรวจสอบว่ามีคนอื่นแอบใช้บัญชี Facebook ของเราหรือไม่ ?

-http://hitech.sanook.com/1394621/-



 ช่วงนี้หลายท่านคงได้ใช้ facebook ผ่านหลายช่องทาง เช่นทางคอมพิวเตอร์พีซี , โน๊ตบุ๊ค , ทางโทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟน คอมที่ทำงาน และยังมี Tablet อีก นับว่าการเข้าใช้ facebook ของเราหลายช่องทางนี้ เพื่อดูสถานะเพื่อนๆว่าเป็นอย่างไรบ้าง

(http://p4.isanook.com/hi/0/ud/278/1394621/1.jpg)

     แต่ถ้าคุณเผลอลืม logout ไป บัญชี facebook ของคุณอาจค้างที่อุปกรณ์เหล่านั้น และง่ายที่คนอื่นจะเข้าไปแอบสวมรอยใช้ facebook ของเราโดยที่คุณไม่รู้ตัว วันนี้จะแนะนำวิธีเสริมความปลอดภัย ป้องกันคนอื่นแอบใช้บัญชี facebook ของเรา

(http://p4.isanook.com/hi/0/ud/278/1394621/2.jpg)

     เริ่มจากเข้าหน้าเว็บไซต์ Facebook.com ทำการ Login เข้าสู่ระบบให้เรียบร้อย แล้วจากนั้นให้นำเลื่อนลูกศร (curcer เมาส์) ไปชี้ที่ บริเวณมุมขวาของจอ จะพบลูกศรชี้ลงดังรูปด้านบนนี้ (ตรงข้างๆ ปุ่มหน้าแรก) แล้วเลือก "ตั้งค่าบัญชี้ผู้ใช้"

(http://p4.isanook.com/hi/0/ud/278/1394621/3.jpg)

     จะเข้าสู่การตั้งค่าบัญชีผู้ใช้ ให้เลือกด้านซ้ายมือนี้ไปที่ "ความปลอดภัย" ก็จะมีรายการตั้งค่าความปลอดภัยต่างๆด้านขวามือ ลองไปดูทีละบรรทัดกันเลย

(http://p4.isanook.com/hi/0/ud/278/1394621/4.jpg)

1. "เรียกดูแบบปลอดภัย" แนะนำอย่างยิ่งให้เลือกเป็น การเข้ารหัสแบบ https ดังนั้นให้ติ๊กเครื่องหมายถูกตรงช่องนี้ไว้ จะปลอดภัยกว่า

(http://p4.isanook.com/hi/0/ud/278/1394621/5.jpg)

2. จะเป็นตั้งค่า "การแจ้งเตือนการลงชื่อผู้ใช้" ในกรณีบัญชี facebook ของเรา เข้า facebook ทั้งผ่านทางคอมหรือมือถือ ก็จะแจ้งเตือนผ่านอีเมลล์ หรือหน้า Push เตือนบน facebook ของเรา ดังนั้นเราจะรู้ได้เลยว่าที่เตือนนี้เราเข้า facebook เอง หรือมีคนอื่นแอบใช้บัญชีเราเข้า facebook ไป

(http://p4.isanook.com/hi/0/ud/278/1394621/6.jpg)

3. "รหัสผ่านแอพ" เราสามารถตั้งรหัสผ่านแอพ facebook ได้ เพื่อป้องกันไม่ให้คนอื่นที่เข้าถึงบัญชี facebookของเรา แอบติดตั้งแอพ facebook เพิ่มเติม

(http://p4.isanook.com/hi/0/ud/278/1394621/7.jpg)

4. ในส่วน "เวลาการใช้งาน" นั้น เป็นรายการการตรวจสอบ Login Facebook ของเราว่าเราเข้าในช่วงเวลาไหนบ้างและคุณสามารถที่จะสั่งให้หยุดกิจกรรม เพื่อไม่ให้อุปกรณ์เช่นมือถือ หรือคอมพิวเตอร์ ที่คุณลืม logout ไว้ เข้าถึงบัญชี facebook ของเราได้ด้วย ซึ่งเหมาะมากในกรณีที่เราเผลอลืม Logout ในช่วงเราใช้ร้านอินเตอร์เน็ต หรือคอมจากที่ทำงาน

     หากคุณได้ตั้งค่าต่างๆตามนี้ แล้วละก็เพียงเท่านี้บัญชี facebook ของคุณ ก็จะตรวจสอบได้แล้วว่ามีคนอื่นแอบสวมรอยแอบเข้าใช้บัญชี facebook ของเราหรือไม่? และเป็นการป้องกันไม่ให้เราตกเป็นแพะรับบาปจากมีคนแฮคแอบสวมรอยใช้บัญชี facebook ของเราด้วย

สนับสนุนเนื้อหา: www.it24hrs.com (http://www.it24hrs.com)


.
หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ มีนาคม 16, 2015, 09:18:19 pm


โปรดดูให้จบ คลิปตำรวจกองปราบ เข้าจับคนอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ลิขสิทธิ์

-http://hilight.kapook.com/view/117484-


 ชาวเน็ตแห่ชื่นชมคลิปตำรวจกองปราบ เข้าตรวจสอบบุคคลอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตรวจจับลิขสิทธิ์ปลอม พร้อมร้องขอให้เจ้าหน้าที่เข้ามาดูแลเรื่องนี้มากขึ้น

         เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2558 ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีผู้ใช้งานเฟซบุ๊กชื่อ ตะลึงกรุง จอนนี่มือปราบ  ได้โพสต์คลิปเหตุการณ์ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบ เข้าตรวจสอบ ขอสอบถามข้อมูล และขอดูบัตรแสดงความเป็นเจ้าหน้าที่ของบุคคลที่อ้างตนว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตรวจจับลิขสิทธิ์ แต่เจ้าหน้าที่ตรวจจับลิขสิทธิ์รายดังกล่าวกลับพูดจาวกวนและไม่ให้ข้อมูลเพิ่มเติม เมื่อตำรวจกองปราบสอบถามไปเรื่อย ๆ ความจริงก็เริ่มปรากฏว่าบุคคลดังกล่าวเป็นเพียงเจ้าหน้าที่ตรวจจับลิขสิทธิ์ปลอม จึงจับกุมตัวไปดำเนินคดี

         โดยผู้ใช้งานเฟซบุ๊กได้โพสต์คลิปพร้อมระบุข้อความว่า "โปรดดูให้จบ ตำรวจกองปราบเข้าตรวจสอบบุคลซึ่งว่าเป็นเจ้าหน้าที่ลิขสิทธิ์ ใครเคยตกเป็นผู้เสียหายในการถูกเรียกรับเงิน ติดต่อผมเลย เบื้องต้น 1 ราย ผมไม่ยอมหรอก หากินกับประชาชนด้วยวิธีการแบบนี้ เจอกันได้ทุกกรณี ไม่กลัว ถ้ากลัวกับการเอาเปรียบประชาชน ผมไม่มาเป็นตำรวจหรอก เจอกัน"

         อย่างไรก็ตามเมื่อคลิปนี้ได้โพสต์ออกไปก็มีคนเข้ามาวิพากษ์วิจารณ์กันเป็นจำนวนมาก โดยส่วนใหญ่ได้แสดงความชื่นชมกับการทำงานของตำรวจกองปราบและต้องการให้เจ้าหน้าที่เข้ามาดูแลกวดขันเรื่องนี้มากขึ้น เนื่องจากยังมีอีกหลายพื้นที่ที่ได้รับความเดือดร้อนจากกลุ่มคนหรือบุคคลที่อ้างตนเป็นเจ้าหน้าที่ตรวจจับลิขสิทธิ์เพื่อขูดรีดเงินจากประชาชน


ตะลึงกรุง จอนนี่มือปราบ (http://www.youtube.com/watch?v=FOR_uzu6Nq8#)
-http://www.youtube.com/watch?v=FOR_uzu6Nq8-
ภาพจาก เฟซบุ๊ก ตะลึงกรุง จอนนี่มือปราบ


-----------------------------------------------------------------------


ยอดเยี่ยมมาก สำหรับตำรวจกองปราบ

ปราบให้หมด พวกบัดซบ ที่ไปหลอกหลวง ข่มขู่ คนที่ทำงานบริสุทธิ์


.
หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ เมษายน 06, 2015, 08:27:32 am
สาวโพสต์คลิปร้อง ถูกตำรวจล่อซื้อจับลิขสิทธิ์เพลงในโน้ตบุ๊กส่วนตัว ชาวเน็ตสงสัยผิดไหม ?

-http://hilight.kapook.com/view/118585-


    สังคมออนไลน์วิจารณ์กระหึ่ม หญิงสาวประกาศขายคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กส่วนตัวในเน็ต เจอตำรวจโทรมาล่อซื้อ ก่อนจับลิขสิทธิ์เพลงในโน้ตบุ๊ก สงสัยมีเพลงฟังในเครื่องมีความผิดจริงหรือ ด้านทนายอาสาเข้าช่วยเหลือ มั่นใจชนะคดี

            เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2558 สังคมออนไลน์ได้มีการแชร์คลิปหญิงสาวคนหนึ่งอัดวิดีโอร้องเรียนว่าถูกตำรวจจับเพราะมาล่อซื้อโน้ตบุ๊กส่วนตัวแล้วตรวจพบว่าในเครื่องมีเพลงละเมิดลิขสิทธิ์ จึงขอสอบถามและขอความช่วยเหลือ

            โดยหญิงสาวในคลิปคือเจ้าของเฟซบุ๊ก ศิตา บุพลับ‎ ได้โพสต์คลิปวิดีโอและเขียนข้อความเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเฟซบุ๊กว่า เธอได้ประกาศขายคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กลงในอินเทอร์เน็ต ในราคา 12,500 บาท จนเวลาประมาณ 2 ทุ่ม มีคนโทรมาขอซื้อ อยากนัดดูของ แต่เนื่องจากเธอนอนป่วยอยู่ในโรงพยาบาลจึงให้แฟนหนุ่มไปแทน

            เมื่อแฟนหนุ่มไปพบกับคนที่ขอซื้อ ทางนั้นได้ขอฟังเพลงในเครื่อง พร้อมกับถ่ายภาพหมายเลขธนบัตรของตัวเองไว้ด้วย แต่ยังไม่ได้ตกลงว่าจะซื้อ จากนั้นตำรวจ สภ.เมืองระยอง ก็ปรากฏตัวมาจับกุมแฟนหนุ่ม เหมือนกับเตรียมการไว้แล้ว และพาแฟนหนุ่มไปสถานีตำรวจโดยจะให้รับผิด แต่ทางแฟนหนุ่มไม่รับ เพราะทางนั้นยังไม่ได้ตกลงซื้อ และ หากตกลงซื้อเขาจะฟอร์แมตเครื่องให้ อีกทั้งเพลงที่มีในเครื่อง เธอก็โหลดมาไว้ฟังส่วนตัว จึงสงสัยว่าการโหลดเพลงมาฟังในเครื่องแบบนี้ผิดด้วยหรือ จึงขอให้ผู้รู้ช่วยเหลือด้วย

            ภายหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจขอให้นำเงิน 60,000 บาทมาประกันตัวออกไป แต่เนื่องจากไม่มีเงินจึงมีการเจรจาและขอลดเหลือ 30,000 บาท สุดท้ายจึงได้ประกันตัวออกมา

            ทั้งนี้หลังจากคลิปดังกล่าวถูกแชร์ไป ก็มีคนแชร์ต่อกันพร้อมแสดงความเห็นว่า การมีเพลงในโน้ตบุ๊กส่วนตัวไม่น่าจะผิดกฎหมาย เพราะมีไว้เพื่อฟัง เพื่อความบันเทิง ไม่ใช่เพื่อการค้า นอกจากนี้ เรื่องกฎหมายลิขสิทธิ์จะไม่มีการล่อซื้อเพื่อจับกุมเด็ดขาด จึงสงสัยว่าตำรวจใช้อำนาจโดยมิชอบหรือไม่

    ในเวลาต่อมา คุณศิตา จึงได้โพสต์คลิปที่สอง เล่ารายละเอียดเพิ่มเติมระบุว่า หลังจากเป็นข่าวออกไป ทางตำรวจ สภ.เมืองระยอง ได้โทรศัพท์มาแจ้งว่าให้ช่วยแก้ข่าว เพราะตำรวจ สภ.เมืองระยอง ไม่ได้ไปร่วมจับกุมลิขสิทธิ์ แต่เป็นตำรวจจากที่อื่น หากไม่แก้ข่าวจะมีความผิดฐานหมิ่นประมาท

            ทั้งนี้เธอและทนายอาสาก็ต้องต่อสู้คดีนี้ต่อไป โดยจากการสอบถามผู้รู้กฎหมายก็ได้ความว่า เธอไม่มีความผิด และชนะคดีนี้แน่นอน เพราะส่วนที่เธอจะขายคือตัวโน้ตบุ๊ก ตัวฮาร์ดแวร์ ขณะที่เพลงในเครื่องนั้น เธอมีไว้เพื่อฟังเอง ไม่ได้เผยแพร่ ไม่ได้ทำเพื่อการค้า และการซื้อขายก็ยังไม่จบด้วย เพราะเธอยังไม่ได้รับเงินทั้งหมด

            สำหรับ พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 มีการระบุถึงข้อยกเว้นการละเมิดลิขสิทธิ์ด้วยตามมาตรา 32 คือ การกระทำแก่งานอันมีลิขสิทธิ์ของบุคคลอื่นตามพระราชบัญญัตินี้ หากไม่ขัดต่อการแสวงหาประโยชน์จากงานอันมีลิขสิทธิ์ตามปกติของเจ้าของลิขสิทธิ์และไม่กระทบกระเทือนถึงสิทธิอันชอบด้วยกฎหมายของเจ้าของลิขสิทธิ์เกินสมควร มิให้ถือว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์
           
            ภายใต้บังคับบทบัญญัติในวรรคหนึ่ง การกระทำอย่างใดอย่างหนึ่งแก่งานอันมีลิขสิทธิ์ตามวรรคหนึ่ง มิให้ถือว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ ถ้าได้กระทำดังต่อไปนี้
           
            (๑) วิจัยหรือศึกษางานนั้น อันมิใช่การกระทำเพื่อหากำไร

            (๒) ใช้เพื่อประโยชน์ของตนเอง หรือเพื่อประโยชน์ของตนเองและบุคคลอื่นในครอบครัวหรือญาติสนิท
           
            (๓) ติชม วิจารณ์ หรือแนะนำผลงานโดยมีการรับรู้ถึงความเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในงานนั้น
           
            (๔) เสนอรายงานข่าวทางสื่อสารมวลชนโดยมีการรับรู้ถึงความเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในงานนั้น
           
            (๕) ทำซ้ำ ดัดแปลง นำออกแสดง หรือทำให้ปรากฏ เพื่อประโยชน์ในการพิจารณาของศาลหรือเจ้าพนักงานซึ่งมีอำนาจตามกฎหมาย หรือในการรายงานผลการพิจารณาดังกล่าว
           
            (๖) ทำซ้ำ ดัดแปลง นำออกแสดง หรือทำให้ปรากฏโดยผู้สอน เพื่อประโยชน์ในการสอนของตน อันมิใช่การกระทำเพื่อหากำไร
           
            (๗) ทำซ้ำ ดัดแปลงบางส่วนของงาน หรือตัดทอนหรือทำบทสรุปโดยผู้สอนหรือสถาบันศึกษา เพื่อแจกจ่ายหรือจำหน่ายแก่ผู้เรียนในชั้นเรียนหรือในสถาบันศึกษา ทั้งนี้ ต้องไม่เป็นการกระทำเพื่อหากำไร
           
            (๘) นำงานนั้นมาใช้เป็นส่วนหนึ่งในการถามและตอบในการสอบ

https://www.youtube.com/watch?v=dsaiwbtRAxM#t=17 (https://www.youtube.com/watch?v=dsaiwbtRAxM#t=17)
-https://www.youtube.com/watch?v=dsaiwbtRAxM#t=17-

ภาพจาก เฟซบุ๊ก ศิตา บุพลับ

หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ เมษายน 06, 2015, 08:35:34 am
เย้ยตำรวจยิงปืนขึ้นฟ้า ชาวบ้านถูกกระสุนปริศนาตกใส่เจ็บ


(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/thitima/Variety/CByhe9gUEAE3Zyo.jpg)



  ชาวบ้านนอนอยู่ดี ๆ เจอกระสุนปริศนาตกใส่หลังคาบ้าน ทะลุขาซ้ายเลือดทะลัก ตำรวจเร่งหาคนก่อเหตุท้าทายคำสั่งตำรวจ ห้ามยิงปืนขึ้นฟ้าในคืนจันทรุปราคา

           เมื่อคืนวันที่ 4 เมษายน 2558 มีรายงานว่า พบชาวบ้าน อ.หลังสวน จ.ชุมพร ได้รับบาดเจ็บจากการถูกกระสุนปืนตกใส่บ้าน โดนเมื่อ ร้อยเวร สภ.บ้านในหูต ได้รับแจ้งจึงรุดไปตรวจสอบที่บ้านไม่มีเลขที่ หมู่ 5 ริมถนนสายหลังสวน-แหลมทราย ต.แหลมทราย

           ในบ้านพบ นายวีระศักดิ์ พุทธเมธา อายุ 63 ปี นอนร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด เพราะขาซ้ายถูกยิงด้วยกระสุนปืนขนาด 9 มม. จนเป็นรูและมีเลือดไหลออกมาไม่หยุด ใกล้กันพบหัวกระสุนขนาดดังกล่าวตกหล่นอยู่ด้วย จึงเร่งปฐมพยาบาลเบื้องต้นและพาไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล

           จากการสอบถาม นายวีระศักดิ์ ทราบว่า ระหว่างที่กำลังนอนเล่นอยู่บนเปลหลังบ้านแล้วเคลิ้มหลับไป ก็ต้องสะดุ้งตื่น เพราะรู้สึกเจ็บขาซ้าย จนเห็นเลือดไหลออกมาเพราะถูกยิง ส่วนบนหลังคาสังกะสีก็เป็นรู อย่างไรก็ตามยังโชคดีอยู่บ้าง เพราะปกติแล้วตนจะนอนหันศีรษะไปฝั่งที่กระสุนตก แต่วันนี้เปลี่ยนใจอยากนอนกลับฝั่งดูบ้าง จึงรอดตายหวุดหวิด

           ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเร่งหาตัวคนก่อเหตุยิงปืนขึ้นฟ้ามาดำเนินคดีต่อไป เพราะก่อนหน้านี้ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ออกมาย้ำเตือนแล้วว่าห้ามยิงปืนขึ้นฟ้าตามความเชื่อปรากฏการณ์จันทรุปราคาเด็ดขาด หากใครฝ่าฝืนแล้วทำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ จะต้องถูกดำเนินคดีในข้อหาพยายามฆ่าและฆ่าคนตายโดยเจตนาทันที


ภาพจาก ทวิตเตอร์ ‏@TNAMCOT

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก -http://www.dailynews.co.th/Content/crime/312345/%E0%B8%97%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%84%E0%B8%B3%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%87+%E0%B8%A2%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%B7%E0%B8%99%E0%B8%82%E0%B8%B6%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%9F%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%81%E0%B9%83%E0%B8%AA%E0%B9%88%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B8%97%E0%B8%B0%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%81-

.
หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ เมษายน 12, 2015, 07:54:03 pm
ไม่ทนแล้ว หญิงวอนช่วยแชร์โซเชียล หลังแก๊งวัยรุ่นป่วนหนัก แจ้งตำรวจก็ทำอะไรไม่ได้

-http://hilight.kapook.com/view/118916-


หญิงวอนช่วยแชร์โซเชียล หลังแก๊งวัยรุ่นป่วนหนัก ส่งเสียงกรี๊ดกร๊าด บิดรถแว้นโชว์ ไม่ได้หลับนอนสนิทสักคืน โทรแจ้งตำรวจก็ทำอะไรไม่ได้ ขอพลังโซเชียล ช่วยจัดการ

                เป็นคลิปที่ถูกแชร์อย่างมากมายในโลกออนไลน์เลยทีเดียว สำหรับภาพเหตุการณ์ที่มีเด็กแว้นทั้งชาย ทั้งหญิง มารวมตัวกันก่อความวุ่นวาย อีกทั้งยังส่งเสียงดังข้ามวันข้ามคืน

                งานนี้คนที่พักอาศัยในละแวกนั้น ก็อดรนทนไม่ได้ โทรแจ้งตำรวจติดบ้างไม่ติดบ้าง ถึงโทรติดแจ้งความแล้วแต่ก็ไม่มีอะไรดีขึ้นเลย

(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/surattana/Untitled-11_27.jpg)

                อย่างไรก็ดี คุณ Luktan Sasima ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก พร้อมอัดคลิปให้ได้ชมกัน และระบุว่า มันไม่ใช่เรื่องที่ต้องมาทนกับพวกขยะสังคมแบบนี้ วอนช่วยแชร์ในโลกโซเชียล ให้ข่าวดัง เพื่อตำรวจจะจัดการอะไรได้บ้าง ดังข้อความต่อไปนี้

                "มีใครช่วยจัดการเรื่องนี้ได้มั่งมั้ยคะเหตุเกิดที่ ซอยประชาชื่น-นนทบุรี 8 ฝั่งตรงข้าม ม.ดัง เลียบคลองประปาค่ะ แจ้งตำรวจก็ช่วยเหี้_ไรไม่ได้เลยค่ะ  มาก่อความเดือดร้อนรำคาญใจทุกวันเลยช่วงเวลานี้จนตีสี่ตีห้า คือไม่ได้พักผ่อนดีเลยซักวัน ไม่บิดคันเร่งให้ดังโชว์หญิง อิผู้หญิงก็กรีดร้องชอบใจราวกับพริกเข้า_ ก็บู้กันห้ำหั่นชิบหายวายวอด ไล่ฟัน รุมกระทืบกัน ปาแก้วปาขวดปาหาเหี้_อะไรกันก็ไม่รู้ โทรแจ้ง สน. ประชาชื่น ก็ไม่เคยติด โทรไป 191 จนเค้าจำได้แล้วก็ไม่มีอะไรดีขึ้นเลย เหมือนเดิม !!!

                แล้วมันใช่เรื่องมั้ยที่ต้องมาทนพวกขยะสังคมนี่ทำระยำกับช่วงเวลาพักผ่อน รบกวนช่วยแชร์ให้เพจ youlike เอาให้ออกช่องสามกันไปข้างนึงได้มั้ยคะ ระบบกฏหมายช่วยไม่ได้ก็เอาระบบ social ช่วยหน่อยค่ะ เดือดร้อนมาก !!!! *ขอหยาบหน่อยเถอะ ‪#‎คสช‬ ‪#‎ch3‬ ‪#‎ch7‬ ‪#‎youlike‬ ‪#‎จส100‬

(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/surattana/Untitled-13_26.jpg)



https://www.youtube.com/watch?v=zCluB0CIafY (https://www.youtube.com/watch?v=zCluB0CIafY)
-https://www.youtube.com/watch?v=zCluB0CIafY-

ภาพจาก เฟซบุ๊ก Luktan Sasima

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก

-http://www.naewna.com/local/153448-




หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ เมษายน 13, 2015, 07:54:45 am
ต้องจับให้หมดทุกคน  สำหรับพวกเด็กระยำที่อยู่ที่เกิดเหตุ

ที่ดีที่สุด ต้องจับตายให้หมด

พวกนี้  อยู่ไปรกแผ่นดิน


แถม ครอบครัว วงศ์ตระกูล  ไม่ได้อบรมสั่งสอนอีก


----------------------------------------------

รวบคนร้ายรุมกระทืบตำรวจได้แล้ว แม่อาสาพาไปจับเอง

-http://hilight.kapook.com/view/118920-


 รวบคนร้ายรุมกระทืบตำรวจได้แล้ว แม่อาสาพาไปจับเอง เหตุกลัวว่าลูกถูกจับตาย หลังหลบหนีมาที่ปราจีนบุรี

              เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2558 มีรายงานว่า พล.ต.ต. ธีรพล จินดาหลวง ผบก.ภ.จว.ฉะเชิงเทรา พร้อมด้วยตำรวจจาก สภ.พนมสารคาม  ได้ร่วมกันตรวจสอบกล้องวงจรปิดในปั๊มน้ำมัน รุ่งพิทักษ์ หลังจากที่เกิดเหตุเด็กวัยรุ่นรุมทำร้าย พ.ต.ท. กฤษณ์ บุญเรืองคณาภรณ์ สวป.พนมสารคาม  จนได้รับบาดเจ็บสาหัส


(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/CCYUP1dVIAAkTB0.jpg)


ทั้งนี้ พ.ต.ท. กฤษณ์ บุญเรืองคณาภรณ์ ได้ขับรถยนต์ส่วนตัวไปตรวจที่บ้านพักของนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ จากนั้นเจอกลุ่มเด็กแว้นรวมตัวกันที่ปั๊มน้ำมันเพื่อนำรถไปแข่ง พ.ต.ท. กฤษณ์ จึงเข้าไปคุยกับเด็กแว้นได้ระยะหนึ่ง และจะเข้ายึดรถจักรยานยนต์ 2 คันของเด็กแว้น จนทำให้มีวัยรุ่นชายร่างสูงใหญ่ ผมยาว สวมเสื้อยืดสีดำ กางเกงยีนส์ รองเท้าผ้าใบ อ้อมมาด้านหลัง พ.ต.ท. กฤษณ์ จากนั้นจึงชกเข้ากกหู แล้วก็จับ พ.ต.ท. กฤษณ์ กดลงกับพื้นแล้วใช้เท้ารุมเตะเข้าใบหน้า จน พ.ต.ท. กฤษณ์ สลบคาที่ ก่อนที่กลุ่มเด็กแว้นจะเอารถจักรยานยนต์ที่ยึดไว้ ขับรถหนีไปตาม ถนนทางหลวงสาย 304 มุ่งหน้า ขาเข้าจาก อ.กบินทบุรี เข้าฉะเชิงเทรา

             ล่าสุด เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2558 พลตำรวจเอกสมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วยพลตำรวจโทประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้เดินทางมาเพื่อเยี่ยม พันตำรวจโทกฤษณ์ บุญเรืองคณาภรณ์ สารวัตรปราบปราม สถานีตำรวจภูธรพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา ที่โรงพยาบาลตำรวจ อาคารเฉลิมพระเกียรติ ห้อง 606 หลังจากที่ พ.ต.ท. กฤษณ์ ถูกกลุ่มวัยรุ่นทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้อาการปลอดภัยแล้ว แต่ใบหน้าด้านขวายังบวม กระดูกเบ้าตา กระดูกโหนกแก้มขวาแตก เอกซเรย์สมองไม่มีเลือดคั่ง แต่ยังต้องมีการเช็กประสาทตาอีกครั้ง

             ด้านพลตำรวจเอกสมยศ ได้มอบกระเช้าดอกไม้ เงินกองทุนสวัสดิการตำรวจ และเงินสดส่วนตัวให้กับ พันตำรวจโท กฤษณ์  พร้อมระบุว่า ตำรวจรู้ตัวกลุ่มผู้ต้องหาแล้ว พบว่ามีประวัติยาเสพติด ซึ่งเจ้าหน้าที่เชื่อว่า กลุ่มวัยรุ่นน่าจะซ่อนยาเสพติดและอาวุธเอาไว้ในรถจักรยานยนต์ ตอนนี้เจ้าหน้าที่กำลังเร่งนำตัวคนร้ายมาดำเนินคดี ขอให้ผู้ปกครองของกลุ่มวัยรุ่นที่อยู่ในที่เกิดเหตุ นำบุตรหลานมามอบตัวกับตำรวจ หากมั่นใจว่าบุตรหลานของท่านไม่ได้ทำร้ายเจ้าหน้าที่

             นอกจากนี้ พันตำรวจโทกฤษณ์ เผยว่า ก่อนเกิดเหตุ ตนได้รับแจ้งว่าจะมีวัยรุ่นมารวมตัวกันแข่งรถจักรยานยนต์ประมาณ 100 คัน ตนจึงมาตรวจสอบและยึดรถได้ 2 คัน และได้ประสานขอกำลังเสริม แต่กลับมีวัยรุ่นมาทำร้ายตนจากด้านหลัง

             ล่าสุด ในช่วงบ่ายที่ผ่านมา พ.ต.อ. อัคราเดช พิมลศรี รรท.ผบก.ป. เปิดเผยว่า สามารถจับกุมคนร้ายได้แล้ว ทราบชื่อคือ นายคมสัน จันทร์ศรี วัย 28 ปี

             ต่อมา พล.ต.ท. ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษก สตช. เปิดเผยว่า ผู้ต้องหาได้หลบหนีไปที่ จ.ปราจีนบุรี ซึ่งเป็นบ้านของมารดา โดยตำรวจได้เข้าตรวจค้นบ้านหลังนี้ไปแล้ว แต่ไม่พบตัว ส่วนทางมารดาเกรงว่า บุตรชายจะถูกจับตาย จึงอาสานำตำรวจไปจับกุมตัวที่ป่าละเมาะใกล้เคียง จนจับกุมตัวได้ในที่สุด


(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/surattana/Untitled-15_23.jpg)

(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/surattana/Untitled-16_22.jpg)

(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/surattana/Untitled-18_15.jpg)

https://www.youtube.com/watch?v=WgaWfHnQlZY (https://www.youtube.com/watch?v=WgaWfHnQlZY)
-https://www.youtube.com/watch?v=WgaWfHnQlZY-


ภาพจาก คุณ kentaronobita สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม, ทวิตเตอร์ @Nalinee_PLE

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
-http://dailynews.co.th/Content/regional/314021/%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B9%81%E0%B8%A7%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%B4%E0%B8%A1%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%97%E0%B8%B7%E0%B8%9A+%E0%B8%9E.%E0%B8%95.%E0%B8%97.+%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%B1%E0%B8%AA-

-http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1428825766-

หมายเหตุ อัพเดทข้อมูลล่าสุด วันที่ 12 เมษายน 2558 เวลา 20.17 น.
หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ เมษายน 13, 2015, 08:23:16 pm
สายด่วนช่วยผู้ป่วย 1669 เซ็ง เจอเซ็กส์โฟนใส่เพียบ ชี้ตัดโอกาสช่วยเหลือผู้ป่วยวิกฤต

-http://hilight.kapook.com/view/118921-

   สายด่วนช่วยเหลือผู้ป่วย 1669 เจอเซ็กส์โฟนใส่เพียบ วอนเห็นใจอย่าโทรแกล้ง ชี้อาจตัดโอกาสนาทีชีวิตช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์

             วันนี้ (12 เมษายน 2558) นายแพทย์สมศักดิ์  ชุณหรัศมิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ในช่วงสงกรานต์ทางทีมแพทย์เตรียมพร้อมให้บริการประชาชนอย่างเต็มที่ โดยจัดทีมหมุนเวียนวันละ 3 ทีม เพื่อรองรับเหตุด่วนที่ประชาชนจะโทรมาขอความช่วยเหลือผ่านฮอตไลน์ 1669
 
             นายแพทย์สมศักดิ์ กล่าวต่อว่า แต่มีประเด็นที่น่ากังวล 2 เรื่อง คือ มีการใช้สายด่วน 1669 ในทางที่ผิด โดยมีสายโทรมาก่อกวนมากถึงร้อยละ 50 ของสายที่โทรเข้าทั้งหมด ส่วนใหญ่คนโทรมักจะเป็นผู้ชาย โทรมาตอนกลางคืน และหากได้ยินเสียงผู้หญิงรับสาร ก็มักจะถูกลวนลามทางคำพูด หรือ เซ็กส์โฟน แถมยังโทรซ้ำ ๆ กันเฉลี่ยวันละ 5-6 ครั้งด้วย ส่วนตอนกลางวันจะเป็นเด็กโทรมาป่วน อาจะเป็นเพราะช่วงนี้เด็กปิดเทอม

             อย่างไรก็ตาม นายแพทย์สมศักดิ์ กล่าวเตือนว่า การกระทำดังกล่าวเป็นสิ่งที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง เนื่องจากสายด่วนกู้ชีพนั้น มีไว้เพื่อให้ประชาชนโทรแจ้งขอความช่วยเหลือในยามคับขัน ถือว่าเป็นนาทีวิกฤตของชีวิตเลยก็ว่าได้ การที่โทรก่อกวนนั้น อาจจะทำให้ผู้จำเป็นต้องใช้จริง ๆ พลาดโอกาสการรอดชีวิต





อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
-http://dailynews.co.th/Content/regional/314026/%E0%B8%AA%E0%B8%98.%E0%B9%82%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%8B%E0%B9%87%E0%B8%81%E0%B9%82%E0%B8%9F%E0%B8%99%E0%B8%9B%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%99+1669-
หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ เมษายน 15, 2015, 07:57:35 am



เซียนพระหนุ่ม เลือดร้อนทำร้ายคนแก่มอบตัวแล้ว

-http://hilight.kapook.com/view/118991-

(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/thitima/Politics/Undd-3.jpg)

จ๊อด ระยอง เซียนพระหนุ่ม เข้ามอบตัวแล้ว สารภาพเป็นหนุ่มเลือดร้อน ที่ก่อเหตุทำร้ายร่างกายชายชราเมาสุราในคลิป

           จากกรณีที่มีการแห่แชร์คลิปวิดีโอที่มีชื่อว่า "นักเลงโต" เผยให้เห็นภาพชายหนุ่มเจ้าของรถบีเอ็มดับเบิลยู ก่อเหตุทำร้ายร่างกายชายชราที่อยู่ในอาการมึนเมาเดินข้ามถนนล้มลง บริเวณตลาดสตาร์ จ.ระยอง ด้วยการเตะเข้าที่ใบหน้าซ้ำหลายครั้ง และจะลงมาเอาเรื่องต่อผู้ที่เข้าห้ามปราม จนถูกชาวเน็ตประณามการกระทำดังกล่าวอย่างหนักนั้น

           ล่าสุด วันที่ 14 เมษายน 2558 นายสิทธิชัย สาระธณะ หรือ จ๊อด ระยอง เซียนพระชื่อดัง ได้เข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและยอมรับว่าตนเองเป็นชายที่อยู่ในคลิปทำร้ายร่างกายชายชราเอง โดยเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ฟังว่า วันเกิดเหตุชายชราอยู่ในอาการมึนเมาและยืนขวางหน้ารถ ตนจึงบีบแตรไล่แต่ชายคนดังกล่าวกลับทำท่าจะใช้มือทุบรถ จึงบันดาลโทสะลงไปทำร้ายร่างกายดังที่ปรากฎในคลิป อย่างไรก็ตามขอยอมรับผิดและขอโทษคู่กรณีต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วย

https://www.youtube.com/watch?v=O-dhfVfLqUE (https://www.youtube.com/watch?v=O-dhfVfLqUE)
-https://www.youtube.com/watch?v=O-dhfVfLqUE-

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
-http://www.naewna.com/local/153752-



หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ เมษายน 15, 2015, 07:54:33 pm
ลูกค้าแฉ!! ร้านอาหารกระบี่ขายเกินราคา เตือนนักท่องเที่ยวอย่าได้หลงเข้าไปเด็ดขาด
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

15 เมษายน 2558 15:51 น. (แก้ไขล่าสุด 15 เมษายน 2558 16:14 น.)

-http://www.manager.co.th/South/ViewNews.aspx?NewsID=9580000043379-

(http://mpics.manager.co.th/pics/Images/558000004494001.JPEG)


กระบี่ - โผล่อีกแล้ว!! ลูกค้าแฉในเว็บไซต์ดังเตือนนักท่องเที่ยว หลังร้านอาหารชื่อดังเมืองกระบี่ เอาเปรียบลูกค้าอย่างหนัก ขายอาหารแพงเกินกว่าราคาที่แจ้งในเมนูทุกรายการ ทำให้มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันอย่างแพร่หลาย ไม่เว้นแม้แต่อดีต ส.ส.ชื่อดังจังหวัดกระบี่ ขณะที่เจ้าของร้านอ้างเป็นราคาเก่ามีการปรับแก้ใหม่แล้วแต่มีคนมาดึงออก ด้านพาณิชย์จังหวัด เตรียมตรวจสอบ หากพบว่าเจตนาเอาเปรียบลูกค้าจะดำเนินการขั้นเด็ดขาด
       
       วันนี้ (15 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้มีการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างแพร่หลายในเว็บไซต์พันทิปดอทคอม หลังมีนักท่องเที่ยวรายหนึ่งโพสต์ภาพร้านอาหารชื่อดังแห่งหนึ่งในตัวเมืองกระบี่ พร้อมบิลค่าอาหาร และข้อความในลักษณะเตือนให้นักท่องเที่ยวให้ระมัดระวัง หลังถูกร้านอาหารดังกล่าวคิดค่าอาหารแพงเกินกว่าที่ระบุในเมนู สร้างความไม่พอใจเป็นอย่างมาก ทั้งนี้ เจ้าของกระทู้ระบุว่า “เจอจังจังกับตัวเองเลยครับมื้อกลางวันทาน 6 คน เช็กบิลมา 2,990 บาท ในเมนู ปู ราคา 690 บาท บิลมา 960 บาท หอยแครง 90 บาท บิลมา 200 บาท น้ำแข็งบิลมา 5 ถัง แต่สั่งน้ำอัดลมขวดเล็ก 5 ขวด น้ำเปล่า 1 ขวด (แล้วต้องใช้น้ำแข็งถึง 5 ถังเลยหรอ) แล้วทุกอย่างที่บิลมา 120 บาท ในเมนู 90 บาทครับ
       
       เจ้าของกระทู้รายเดิมระบุอีกว่า เดินไปที่เคาน์เตอร์ไล่ถามตั้งแต่ราคาปู ทางร้านบอก 1.4 โล 5 ตัว (เล็กมาก) แม่เจ้าของเดินมาบอกเดี๋ยวลดให้เป็น 1 โล พี่ผมเลยบอกคุณไม่ต้องลดให้ผม ผมคนมหาชัยปู 1 โล ผมดูเป็น ให้คุณเอาปูไซส์เดิม 5 ตัวไปชั่งกิโลดูได้เท่าไหร่ผมจ่ายเท่านั้น ทีนี้เจ้าของร้านไม่ยอมชั่งแต่แก้บิลให้เลย กุ้งในเมนูเป็นกุ้งแม่น้ำ ออกมาเป็นกุ้งแชบ๊วย คะน้าหมูกรอบ 120 บาท พอถามบอกอันนี้มีหมูกรอบ 120 บาท ถ้าไม่มีเป็นคะน้าผัด 90 บาท ตามเมนู ผมเลยหยิบเมนูมา ในเมนูเขียนว่าคะน้าหมูกรอบผัดน้ำมันหอย 90 บาท เจ้าของร้านเลยบอกว่าอันนี้ราคาเก่า เมนูนี้แปะราคาใหม่ 120 บาทแล้ว แต่มีคนมาดึงออก (ยังแถอยู่) ผมเลยบอกว่าก็คุณเองที่ส่งเมนูนี้ให้ผมสั่ง ทำไมไม่บอกก่อนสั่ง บวกบิลเกินเมนูทุกอย่างเห็นผมเป็นนักท่องเที่ยวใช่มะ สุดท้ายทางร้างลดให้ประมาณ 500 บาท แล้วจะเก็บบิลไปแต่พี่ชายดึงบิลออกมาต้องการโพสต์เพื่อไม่ให้นักท่องเที่ยวหลวมตัวเข้าไปเจอเหตุการณ์แบบนี้อีก (พร้อมระบุชื่อที่ตั้งร้านด้วย)
       
       นอกจากนี้กระทู้ดังกล่าวยังถูกแชร์ต่อไปยังเฟซบุ๊ก จนเกิดกระแสวิจารณ์กันอย่างแพร่หลายทั้งประณาม และมีการแชร์ประสบการณ์กันจำนวนมาก เพื่อต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้มาตรการแก้ปัญหาดังกล่าวอย่างจริงจัง เพราะเกรงจะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของจังหวัดในภาพรวม เช่น กระบี่เป็นจังหวัดที่อาหารแพงที่สุดในประเทศไทยจริงหรือ? ทำให้นายพิเชษฐ พันธุ์วิชาติกุล อดีต ส.ส.กระบี่ หลายสมัยต้องเข้ามาตอบคำถามข้างต้นว่า “ที่ถาม...ไม่จริงครับ เฉพาะบางร้านที่เห็นแก่ตัว”
       
       ด้านนายอรุณ ไม้ทิพย์ พาณิชย์จังหวัดกระบี่ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีการเข้ามาร้องเรียนต่อทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่หลังจากทราบเรื่องก็จะต้องมีการตรวจสอบอย่างแน่นอน หากพบว่ามีการเจตนาเอาเปรียบผู้บริโภคก็จะต้องดำเนินการตามกฎหมายขั้นเด็ดขาด ไม่มีการยกเว้น
       
       ด้านนางนงเยาว์ แซ่แหว อายุ 50 ปี เจ้าของร้านเรือนแพ ได้ชี้แจงว่ากรณีดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 14 เมษายนที่ผ่านมา ซึ่งกรณีของปูนั้น ลูกค้าได้สั่ง 1 กก. แต่บุตรสาวที่ดูแลร้านได้นำปูมานึ่ง 1.4 กก.ซึ่งมากกว่าที่สั่งก็ได้ลดราคาให้ ส่วนหอยแครง ลูกค้าสั่งมา 2 เมนู แต่ในบิลมี 1 เมนู จึงได้คิดรวมกัน และได้ลดให้เพิ่มเติม ส่วนกรณีที่ราคามากกว่าที่มีในเมนูนั้น เนื่องจากเป็นเมนูเก่า และทางร้านได้ติดราคาใหม่ มีลูกค้าแกะราคาออกทำให้เห็นเมนูเก่า ซึ่งได้แก้ปัญหาสั่งเมนูใหม่ไปก่อนหน้านี้ แต่ติดช่วงสงกรานต์จึงยังไม่ได้เมนูมา อย่างไรก็ตาม ทางร้านก็รับผิดชอบโดยลดราคาให้ และร้านเปิดมานาน 30 ปี ก็ต้องย่อมซื่อสัตย์ต่อลูกค้าจึงขอให้สบายใจได้




หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ พฤษภาคม 16, 2015, 11:16:39 am
ชาวต่างชาติโพสต์ประจานร้านอาหารไทย เช็กบิล 8 พัน ทิป 800 อายเขาไหม

-http://hilight.kapook.com/view/120471-

(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/fontip/hitnews/thaifood0021.jpg)

(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/fontip/hitnews/thaifood0011.jpg)


  น่าอับอาย ! ร้านอาหารไทยขูดรีดนักท่องเที่ยว จนเขาต้องโพสต์ประจานในเน็ต ไปนั่งกิน 4 คน โดนฟันไปกว่า 8 พัน เจอภาษี 17% แถมบวกค่าทิปอีก 800

            มีเรื่องทำลายภาพลักษณ์การท่องเที่ยวประเทศไทยในชาวเน็ตได้วิจารณ์กันอีกแล้ว เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2558 คุณ GROSS สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ได้ตั้งกระทู้ "น่าอับอายในการขายอาหารเกินจริงกับชาวต่างชาติจนเค้าต้องเอามาประจานทางเฟซบุ๊ก" พร้อมแคปข้อความของผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ "Connie Ha" ซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวชาวจีนที่โพสต์ประจานร้านอาหารไทยแห่งหนึ่งใน กทม. หลังคิดค่าอาหารไปกว่า 8 พันบาท

 โดยนักท่องเที่ยวระบุว่า มาทานอาหารที่ร้านนี้กับเพื่อนรวม 4 คน โดยมีคนขับแท็กซี่แนะนำมา บอกว่าอาหารอร่อย เห็นแท็กซี่ท่าทางซื่อ ๆ เลยตัดสินใจมาลองทานอาหารดู และสั่งปู 1 ตัว กุ้งลายเสือ 4 ตัว ปลากระพง 1 ตัว หมึกไข่เค็ม 1 จาน ผักบุ้ง 1 จาน และน้ำชา 1 กา ทั้งหมดนี้ถูกเรียกเก็บเงินในราคา 8,840 บาท

            นอกจากนี้ยังได้มีการโพสต์บิลเงินสดให้ดูเป็นหลักฐานด้วย ซึ่งน่าตกใจที่ราคาอาหารหลายอย่างดูแพงเกินจริงมาก อย่างเช่น ปลากระพง จานละ 1,800 บาท ปู จานละ 1,600 บาท หมึกไข่เค็มจานละ 960 บาท กุ้งลายเสือ จานละ 1,750 บาท ข้าวโถละ 150 แถมยังมีการคิดภาษี 17% รวมค่าอาหารเป็นเงิน 8,039 บาท ยังไม่รวมค่าทิปอีก 800 บาท รวมแล้วนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้จ่ายเงินให้กับค่าอาหารมื้อนี้แพงถึง 8,840 บาท

            งานนี้ชาวเน็ตก็เข้ามาคอมเม้นท์กันมากมาย โดยมองว่าเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องควรจัดการกับร้านอาหารที่ขูดรีดนักท่องเที่ยวแบบนี้เสียที เพราะคิดค่าอาหารเกินจริง รวมทั้งมีการเรียกเก็บภาษีถึง 17% เท่ากับตั้งใจจะโกงนักท่องเที่ยวแน่นอน

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพจาก คุณ GROSS สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม

หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ พฤษภาคม 24, 2015, 08:21:08 am
คนทำไม่ได้กิน คนกินไม่ได้รู้ อาหารปลอมจากจีน

https://www.youtube.com/watch?v=XlnxTj9Vd60#t=29 (https://www.youtube.com/watch?v=XlnxTj9Vd60#t=29)
-https://www.youtube.com/watch?v=XlnxTj9Vd60#t=29-

.


หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ มิถุนายน 18, 2015, 06:14:38 am
ดูกันชัด ๆ ข้าวแกงเจ๊ลิ้ม ถุงละ 500 กับ 50 บาท ต่างกันขนาดไหน

-http://hilight.kapook.com/view/122072-

(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/phatchara_N/news/news2/capture-20150617-231700.jpg)


 ชาวเน็ตฮือฮา เมื่อได้เห็นภาพเทียบกันชัด ๆ ว่า ข้าวแกงเจ๊ลิ้ม ถุงละ 500 กับ 50 บาท ปริมาณต่างกันขนาดไหน อยากรู้ต้องไปชม

              เป็นกระแสฮือฮาจนสื่อต้องไปสัมภาษณ์ กับร้าน ข้าวแกงแสนตุ้ง (เจ๊ลิ้ม) ร้านข้าวแกงชื่อดังแห่งจังหวัดจันทบุรี หลังจากที่ในโลกออนไลน์ ได้มีผู้ตั้งกระทู้เตือนภัย ราคาข้าวแกงมหาโหด ถุงละ 500 บาท จ่ายไปทั้งหมด 4,500 ได้กับข้าวไม่ถึง 10 อย่าง ต่อมาทาง รายการยกทัพข่าวเช้า ช่อง PPTV จึงได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบ ซึ่งทาง "เจ๊ลิ้ม" เจ้าของร้าน ก็ยืนยันว่าขายราคานี้จริง เพราะลูกค้าสั่งเองว่าขอซื้อแกงถุง 500 บาท พร้อมบอกด้วยว่า ทางร้านไม่ได้ขายแพง เปิดมานานกว่า 50 ปี รับประกันว่ามีแต่อาหารคุณภาพ แถมมีส่งขายต่างประเทศอีกด้วย

              ต่อมาในวันที่ 16 มิถุนายน 2558 กระแสเรื่อง ข้าวแกงเจ๊ลิ้ม ยังไม่จบ เมื่อคุณ สมาชิกหมายเลข 1008441 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ได้นำภาพและคลิปจากรายการ "ยกทัพข่าวเช้า" มาให้ชมกันชัด ๆ ตอนที่พนักงานของร้าน ได้ตักกับข้าวให้ดูว่า แบบราคาถุงละ 500 กับราคาถุงละ 50 บาท ที่ทางร้านขายนั้น แตกต่างกันขนาดไหน

              งานนี้ชาวพันทิปที่ได้เห็นกันเต็ม ๆ ตา ต่างก็แสดงความคิดเห็นกันไปต่าง ๆ นานา โดยหลายคนมองว่า  ถุงละ 500 บาท ก็ยังแพงเกินไปอยู่ดี และถ้าปริมาณได้เท่านี้ ซื้อถุงละ 50 บาท 10 ถุง ยังจะได้ปริมาณกับข้าวเยอะกว่าเสียอีก

https://www.youtube.com/watch?v=6x7QZ42B8ic (https://www.youtube.com/watch?v=6x7QZ42B8ic)
-https://www.youtube.com/watch?v=6x7QZ42B8ic-

ภาพจาก ยกทัพข่าวเช้า




ความคิดเห็นที่ 20 หัวข้อข่าว ดูกันชัด ๆ ข้าวแกงเจ๊ลิ้ม ถุงละ 500 กับ 50 บาท ต่างกันขนาดไหน

5555


อ้างอิง พันทิพ/topic/33111453 ร้องเรียนเกี่ยวกับราคาสินค้าไม่เป็นธรรมทุกกรณี ต้องแจ้งกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ครับ กด 1569 1. ผู้บริโภคสามารถรัองเรียนได้เลยโดยที่ไม่ต้องมีหลักฐาน ขอแค่ชี้เบาะแสให้ จนท.รู้แล้วเค้าจะเข้าไปตรวจสอบเอง 2. ผู้แจ้งไม่ใช่แค่แจ้งเฉยๆแล้วจบกัน แต่มีสิทธิ์ได้รับสินบนนำจับด้วย 25% จากยอดปรับ 3. ผู้แจ้งไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าทุกข์ครับ*** อันนี้ผมว่าสำคัญมาก เพราะแต่ก่อนเราจะเข้าใจว่าคนที่มีสิทธิ์รัองเรียนต้องเป็นผู้เสียหายเท่านั้น เวลาเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาคนทั่วไปก็จะคิดว่าถ้าผู้เสียหายไม่เอาเรื่องขึ้นมาก็จบ แต่ไม่ใช่เลยครับ แค่เราเป็นเพื่อน คนรู้จัก หรือแค่คนนึงที่รู้เรื่องก็สามารถโทรแจ้งกรมการค้าภายในได้เลยยย นอกจากจะได้ลงโทษคนผิดแล้วยังได้เงินด้วยนะเอ้อ!
.

หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ กรกฎาคม 05, 2015, 07:03:30 pm
เตือนภัย ! คนร้ายหลอกเป็นผู้จัดการ KFC ทำทีให้กรอกข้อมูล แต่แอบฉกมือถือ (มีคลิป)

-http://hilight.kapook.com/view/122828-



คนร้ายหลอกเป็นผู้จัดการ KFC  โลตัส นครราชสีมา ทำทีให้กรอกข้อมูล แต่แอบปัดกระดาษตก พอเหยื่อก้มเก็บ ก็แอบฉกมือถือ ใช้เวลาก่อเหตุเพียง 3 นาทีเท่านั้น

          ภัยสังคมในปัจจุบันมีรูปแบบใหม่ ๆ มาหลอกลวงเหยื่อให้ตกหลุมพรางเพียบ และนี่ก็คือเหตุการณ์หนึ่งที่คุณ  sss_cool สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม เจ้าของกระทู้ได้นำมาเตือนทุก ๆ คน

          โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2558 ที่ผ่านมา ซึ่งเธอระบุว่า เธอโดนหลอกขโมยมือถือจากคนร้ายที่หลอกเป็นผู้จัดการร้านเคเอฟซี โดยผู้จัดการร้ายทำทีมาขอสัมภาษณ์ จากนั้นแกล้งทำกระดาษตก และอาศัยจังหวะนั้นขโมยมือถือไป

          ทั้งนี้จากคลิปจะเห็นได้ว่า มีชาวร่างท้วนสวมเสื้อเชิ้ตเดินเข้ามาในร้าน ก่อนที่จะหยุดอยู่ตรงหน้าผู้หญิงคนหนึ่ง โดยทำทีเป็นสนทนาและให้กรอกข้อมูล อ้างตัวเองว่าเป็นพนักงานเคเอฟซี จากนั้นก็มองซ้ายมองขวา ทำทียื่นเอกสารให้หญิงดังกล่าวกรอกข้อมูล แต่กลับปัดกระดาษนั้นลงจากโต๊ะ (ในคลิปเห็นได้ว่าโยนกระดาษลงโต๊ะ) จังหวะที่ลูกค้าก้มลมไปหยิบกระดาษ ก็คว้ามือถือ สนทนาอีกเล็กน้อยก็ลุกออกไป โดยใช้เวลาปฏิบัติการทั้งหมดเพียง 3 นาทีกว่า ๆ เท่านั้น
 
http://www.kapook.com/webout.php?url=https://youtu.be/wQs7HX2qpDQ (http://www.kapook.com/webout.php?url=https://youtu.be/wQs7HX2qpDQ)

          ส่วนเจ้าของกระทู้โพสต์ข้อความบอกเล่าไว้ดังนี้..

          "ไม่คิดว่าจะโดนกับตัว  เจอเข้ากับตัวถึงกับอึ้งทำอะไรไม่ถูก หมดกำลังใจไปเลย ฝากแชร์ด้วยนะคะ ขอบคุณทุกท่านค่ะ ^_^

          เหตุเกิดภายในร้าน KFC ห้างโลตัส โคราช  (ลองฟังเสียงพนักงาน KFC สาขานี้ คุยกันนะคะ  ถึงแม้ตำรวจพาไปเอาภาพจากกล้องวงจรปิดค่ะ)

          คนร้ายอ้างตัวว่าเป็น ผู้จัดการ KFC เข้ามาขอสัมภาษณ์ แล้วให้กรอกแบบสอบถาม เพื่อจะนำไปปรับปรุงบริการ  จากนั้นก็แกล้งทำกระดาษเอกสารตกฝั่งเรานั่ง  เพื่อหลอกให้เราเก็บ  พอได้จังหวะก็รีบคว้ามือถือ แล้วรีบเดินออกจากร้าน ทำทีว่าจะไปเอาน้ำให้เราทานเป็นการตอบแทน

          เราเห็นแค่ตอนเค้ามานั่ง ไม่ได้เห็นว่าเค้าแต่งกายภาพรวมยังไง ดูลุย ๆ แต่ลักษณะงานในร้านก็ไม่ได้สบาย เลยไม่เอะใจมาก แค่สอบถามคงไม่มีอะไร

          มือถือที่โดนขโมย เป็น Galaxy Note 3 เลขอีมี่ (IMEI) 359092055075596 เครื่องสีขาว (ฝาหลังสีขาว)

          แจ้งความแล้วค่ะ  แต่เอามาลง youtube และ พันทิป เพื่อสืบหาคนร้าย เผื่อมีใครพบเบาะแส  ฝากแชร์ใน Facebook ด้วยนะคะ

          ดูแล้วคงไปทำกับคนอื่นๆ อีก อาจตระเวนไปตามห้าง กทม. หรือ ต่างจังหวัด ระวังค่ะ !  ปกติเป็นคนระวัง ไม่ถือมือถือเดินให้คนอื่นมองเห็น เวลาเดินก็จะระวังหน้า หลัง ถือกระเป๋าระมัดระวัง  แต่มิจฉาชีพ หารูปแบบใหม่ ๆ มาเรื่อย ๆ ตอนนี้กลายเป็นไม่ไว้ใจคนแปลกหน้าไปเลยค่ะ ไม่กล้าให้ใครเข้าใกล้  เจอแบบนี้เลยเหมือนหมดกำลังใจ  คิดในแง่ดีว่ากระเป๋าเงินยังอยู่ บัตรยังอยู่ อย่างน้อยเราก็ไม่ได้รับอันตราย"

(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/chatkul/July_2558/Week_1/KFC_3.jpg)


https://www.youtube.com/watch?v=wQs7HX2qpDQ (https://www.youtube.com/watch?v=wQs7HX2qpDQ)
-https://www.youtube.com/watch?v=wQs7HX2qpDQ-
ระวังภัย!! ภาพคนร้ายหลอกขโมยมือถือ ใน KFC ห้างดังโลตัส นครราชสีมา...อ่านรายละเอียดด้านล่าง
เผยแพร่เมื่อ 3 ก.ค. 2015

กำลังใช้เน็ตจากมือถืออยู่ คนร้ายอ้างตัวว่าเป็น ผจก.ร้าน KFC อยู่ๆ ก็มานั่งแล้วแกล้งสัมภาษณ์เกี่ยวกับบริการ­ของ KFC แล้วทำเป็นให้กรอกแบบสอบถาม พอได้จังหวะก็แกล้งทำกระดาษเอกสารหล่นลงพื­้นให้เราเก็บ (จะทำตกฝั่งเรานั่ง โดยมารยาทแล้วเราจะก้มเก็บให้) จากนั้นจะใช้ความรวดเร็วในการคว้ามือถือ แล้วรีบลุกหนี ทำเป็นว่าจะไปเอาเครื่องดื่มมาให้เราทาน เพื่อเป็นการตอบแทน... กรุณาแชร์ VDO นี้ให้เพื่อนๆ ทราบ เพราะคนร้ายอาจเดินสายไปทำแบบนี้ที่ ห้างสรรพสินค้าอื่นๆ ใน กทม. หรือ ต่างจังหวัด ...แจ้งเบาะแสได้ที่ jyoucony@gmail.com


ภาพจาก Jyouwatch

หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ กันยายน 05, 2015, 07:05:54 am
เตือนภัย ! ระวังมิจฉาชีพแนวใหม่ หลอกจ้างรถขนของ ก่อนเชิดรถหนี

-http://hilight.kapook.com/view/125936-

 เหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2558 โดยนายสามารถ อินทิยา อายุ 40 ปี อาชีพขับรถจักรยานยนต์รับจ้าง และมีอาชีพเสริมคือขับรถยนต์กระบะรับจ้างขนของ เกือบจะต้องสูญเสียรถกระบะโตโยต้า วีโก้ ไป หลังมีชายคนหนึ่งทำทีมาติดต่อว่าจ้างให้นายสามารถช่วยขับรถไปขนของที่โรงพยาบาลจุฬาฯ โดยตกลงให้ค่าจ้างจำนวน 1,000 บาท ซึ่งระหว่างที่ทั้งคู่เดินทางไปด้วยกัน ชายคนดังกล่าวได้พยายามชวนพูดคุยตีสนิทตลอดเวลา

          เมื่อไปถึงโรงพยาบาล มิจฉาชีพรายนั้นได้ออกอุบายขอทดลองขับรถของนายสามารถ โดยอ้างว่ามีคนกำลังต้องการซื้อรถรุ่นนี้ ซึ่งขณะนั้นตัวเจ้าของรถเองยังไม่ทันได้ตอบรับ หรือปฏิเสธ ชายคนดังกล่าวก็ขึ้นไปขับรถออกไปทันที


          ถือเป็นโชคดีของนายสามารถที่ในช่วงค่ำวันเดียวกัน ชุดสืบสวน สน.ปทุมวัน ได้ออกติดตามหารถของผู้เสียหาย กระทั่งพบว่าไปจอดอยู่ที่ลานจอดรถของสถานีรถไฟหัวลำโพง จึงซุ่มสังเกตการณ์ พบคนร้ายเดินมาที่รถจึงได้เข้าจับกุมตัว จากนั้นได้ขยายผลจับกุมนายณรงค์ศักดิ์ อุ่นอบ และนางพรพรรณ วรครุธ ที่ทำหน้าที่นำรถไปขายต่อ จากการตรวจสอบประวัติพบว่ามีหมายจับทั้งหมด 13 หมาย และเคยก่อเหตุแบบนี้มาในหลายจังหวัด


(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/sarinee/september/week1/th4.jpg)


(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/sarinee/september/week1/th5.jpg)


https://youtu.be/Nw_HeUFOvlg (https://youtu.be/Nw_HeUFOvlg)

ภาพจาก ยกทัพข่าวเช้า
หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ กันยายน 20, 2015, 06:31:11 pm
เตือนแม่ค้า...แฉกลโกงลูกค้าซื้อของแล้วได้เงินไม่ครบ เนียนจนจับไม่ได้
-http://hilight.kapook.com/view/126675-


 แฉครบทุกเม็ด กลโกงลูกค้ามาซื้อของ แต่อ้างว่าได้เงินทอนไม่ครบ จนพ่อค้าแม่ค้าต้องทอนเงินซ้ำ มาดูกันว่าทำอย่างไร

            ในปัจจุบันคงจะปฏิเสธไม่ได้ว่า อาชีพอิสระกำลังมาแรง และได้รับความนิยมจากคนทำงานมากกว่า หลายคนหันมาจับอาชีพค้าขาย เพราะมีรายได้ดีกว่างานประจำ และยังไม่ต้องเป็นลูกน้องใคร อีกทั้งยังมีเงินสดผ่านมือทุกวันอีกด้วย นั่นจึงทำให้บางครั้ง กลุ่มมิจฉาชีพจึงหวังหลอกล่อ ต้มตุ๋นพ่อค้าแม่ค้า ชนิดที่ว่าเนียนจนจับไม่ได้

            ล่าสุด (20 กันยายน 2558) ที่เฟซบุ๊ก เฉลา ปฎิบูรพะ ก็ได้แฉพฤติกรรม กลโกงของลูกค้ารายหนึ่งที่อ้างว่าเงินทอนไม่ครบ จนทำให้พ่อค้าแม่ค้าต้องทอนเงินซ้ำ โดยที่ลูกค้ารายนี้ ไปซื้อของที่ร้านขายอาหารทะเลในตลาดแห่งหนึ่ง พร้อมยื่นเงินไปให้แม่ค้า ซึ่งหลังจากที่แม่ค้าทอนเงินแล้ว ลูกค้ารายนี้ก็รับเงินมา แต่แอบใช้จังหวะที่แม่ค้าเผลอ หยิบธนบัตรลงกระเป๋า แล้วแกล้งนับเงินต่อหน้าแม่ค้า จากนั้นจึงบอกแม่ค้าว่า เงินทอนไม่ครบ จนทำให้แม่ค้าต้องทอนเงินซ้ำ

            อย่างไรก็ตาม พฤติกรรมนี้ ก็ไม่พ้นสายตาของแม่ค้าไปได้ เนื่องจากมีการติดตั้งกล้องวงจรปิดเอาไว้ในบริเวณดังกล่าว จึงอยากจะขอเตือนพ่อค้าแม่ค้าทุกท่าน หรือผู้ประกอบอาชีพอิสระทุกคน ก่อนที่จะทอนเงินกรุณานับเงินทอนให้ดี และนับเงินทอนให้ลูกค้าได้ยิน มิฉะนั้น ท่านอาจจะตกเป็นเหยื่อของกลลวงทอนเงินไม่ครบก็เป็นได้

กลโกลลูกค้า ปากเกร็ด
https://www.youtube.com/watch?v=LKWbatd0e2U#t=47 (https://www.youtube.com/watch?v=LKWbatd0e2U#t=47)
-https://www.youtube.com/watch?v=LKWbatd0e2U#t=47-


ภาพจาก เฟซบุ๊ก เฉลา ปฎิบูรพะ‎


หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ กันยายน 26, 2015, 09:20:51 am
เตือนภัย ! แฉกลโกงลักทรัพย์บนเครื่องบิน ทำเป็นขบวนการ

-http://hilight.kapook.com/view/126900-

ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก
เฟซบุ๊ก เรื่องเล่าจากฟากฟ้า

 อุทธาหรณ์ เตือนภัยกลโกงลักทรัพย์บนเครื่องบิน ฉวยโอกาสตอนไม่อยู่ หลังนำของมีค่าไว้ในกระเป๋า ชี้ คนร้ายมักเป็นคนจีนที่เดินทางมาเป็นกลุ่มใหญ่

            เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2558 เฟซบุ๊ก เรื่องเล่าจากฟากฟ้า ได้มีการเขียนเรื่องราวเตือนใจสำหรับผู้ที่เดินทางผ่านเครื่องบินบ่อย ๆ หลังจากที่เกิดเหตุลักทรัพย์บนเครื่องบิน ในชั้นธุรกิจ ของสายการบินแห่งหนึ่ง ซึ่งมีรายละเอียดที่สรุปได้ดังนี้

            ก่อนที่จะขึ้นเครื่อง ทางเจ้าหน้าที่รับทราบมาว่า ผู้โดยสารกลุ่มหนึ่งเคยมีประวัติลักทรัพย์บนเครื่องบินได้โดยสารขึ้นเครื่องมาด้วย ต้องจับตาดูเป็นพิเศษ ต่อมาได้มีผู้โดยสารกับลูกเรือคนหนึ่ง กำลังชุลมุนกันอยู่ในห้องน้ำ ก่อนที่ลูกเรือจะเหวี่ยงตัวผู้โดยสารออกมา พร้อมกับขอให้ลูกเรือคนอื่นจับตัวเอาไว้ จากนั้นลูกเรือคนที่เหวี่ยงผู้โดยสารออกมา ก็ได้นำเงินจำนวนหนึ่งออกมานอกห้องน้ำด้วย ทำให้ทราบว่า มีการลักทรัพย์บนเครื่องบินนั่นเอง

สำหรับเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ที่เกิดขึ้นนั้น มีผู้โดยสารคนหนึ่งสังเกตว่าผู้ต้องหากำลังเปิดกระเป๋าของผู้โดยสารฝั่งตรงข้าม ที่ไม่ได้อยู่บริเวณที่นั่งตัวเอง จึงเข้าไปถามไถ่ว่าต้องการอะไรหรือไม่ ทำให้ผู้ต้องหาตกใจที่ถูกจับได้ จึงรีบวิ่งไปที่ห้องน้ำ เพื่อทำลายหลักฐานสิ่งของที่ขโมยมา แต่ว่าลูกเรือคนที่เหวี่ยงผู้ต้องหานั้น อยู่หน้าห้องน้ำพอดี ก็ได้ยินเสียงของผู้โดยสารขอให้จับตัวไว้ จึงเกิดเหตุชุลมุนกันขึ้น ก่อนที่จะจับตัวได้สำเร็จ

            ทั้งนี้ประเด็นการลักทรัพย์บนเครื่อง มักทำเป็นขบวนการ โดยเฉพาะผู้โดยสารชาวจีนที่เดินทางกันเป็นกลุ่ม และเดินทางในตอนกลางคืน จะสามารถลักทรัพย์ได้อย่างสะดวกมากกว่า ซึ่งวิธีการจะนั่งกระจายกัน ติดริมทางเดิน และจองตั๋วเปลี่ยนเส้นทางเอาไว้ เพื่อสะดวกต่อการหลบหนี


(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/rungtip/1a/plane1_1.jpg)

(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/rungtip/1a/plane.jpg)

(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/rungtip/Inter/plane2.jpg)

(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/rungtip/1a/plane3.jpg)

(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/rungtip/Inter/plane4.jpg)

(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/rungtip/1a/plane5.jpg)

ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก
เฟซบุ๊ก เรื่องเล่าจากฟากฟ้า



หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ กันยายน 27, 2015, 05:29:46 pm
จับตายไปเลย

เสียดายเงินภาษีอากร เปลืองพื้นที่ในคุก


--------------------------------------------------------------


โจรในคราบคนดี ! ต้อม โอรส แอบอ้างเด็กพิการเรี่ยไรเงินบริจาค พอจับได้ขู่ทำร้าย

-http://hilight.kapook.com/view/127001-


ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง เข้าช่วยเหลือครอบครัวเด็กป่วยโรคงวงช้าง ถูก ต้อม โอรส นำรูปถ่ายเรี่ยไรเงินบริจาคเข้าบัญชีตัวเอง ก่อนขู่ทำร้าย

          เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2558 ผู้สื่อข่าวมารายงานว่า เจ้าหน้าที่ทหารชุดรักษาความสงบเรียบร้อย จ.ชัยนาท ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.วัดสิงห์ และนายไพรัตน์ เพชรยวน นายอำเภอวัดสิงห์ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่หน่วยงานต่าง ๆ เดินทางเข้าช่วยเหลือครอบครัวของ นายวันชัย คำภิณ หลังจากที่ลูกชายคือ ด.ช.พัฒนายุ หรือ น้องนะโม ซึ่งพิการเป็นโรคงวงช้างและน้ำในสมอง ได้ถูก นายรัชชานนท์ บุญญาพิทักษ์ หรือ ต้อม โอรส แอบอ้างนำรูปถ่ายไประดมเงินบริจาคเข้าบัญชีส่วนตัว จนเมื่อถูกทางครอบครัวของเด็กจับได้ก็กลับมาข่มขู่ผู้ปกครองเด็ก

          โดยพ่อของน้องนะโม เผยว่า ต้อม โอรส ได้ปิดเฟซบุ๊กที่ระดมเงินบริจาคไปแล้ว และพยายามโทรมาขอให้ตนยอมความและถอนแจ้งความ อย่างไรก็ตามพวกตนยืนยันว่าจะไม่ถอนแจ้งความและจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ซึ่งเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายก็ได้รับปากว่าจะจัดชุดเข้ามาเยี่ยมและตรวจความปลอดภัยให้ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ยอมให้ ต้อม โอรส ได้เข้ามาคุกคามหรือทำอันตรายโดยเด็ดขาด

          ด้าน ร.ต.อ. สัญชัย เมธีวัฒน์ พนักงานสอบสวน เจ้าของคดีเผยว่า เบื้องต้นได้ติดต่อให้ ต้อม โอรส เข้ารับทราบข้อกล่าวหาแล้ว แต่ยังไม่ทราบว่าจะเข้ามาเมื่อไหร่ หากยังไม่มีก็จะถูกออกหมายเรียกและหมายจับต่อไป

          ขณะที่ทางเพจ Drama-addict ยังได้ออกมาสรุปข้อมูลในคดีที่เกิดขึ้นของ ต้อม โอรส ในชาวเน็ตได้ติดตามกันด้วย โดยระบุว่า ต้อม โอรส นั้นได้อ้างว่าตัวเองเป็นนักเลงกลับใจ ออกมาทำมูลนิธิรับบริจาคสิ่งของและเรี่ยไรเงินเพื่อช่วยเหลือเด็กที่ยากไร้และเจ็บป่วย จากนั้น ต้อม โอรส ก็ได้ไปตื้อให้ครอบครัวที่มีเด็กพิการยอมเข้ามูลนิธิ แล้วนำใบรับรองความพิการของเด็กคนดังกล่าวไปประกาศเรี่ยไรเงิน แต่เงินเหล่านั้นกลับไปไม่ถึงมือพ่อ-แม่เด็ก ทำให้ฝ่ายพ่อ-แม่เด็กออกมาทวงถาม ต้อม โอรส จึงข่มขู่จะทำร้ายหากไม่ยอมเงียบ พร้อมอ้างตัวว่ารู้จักคนใหญ่คนโตมากมาย จนมีแฟนเพจในเฟซบุ๊กนำเรื่องราวมาตีแผ่สู่สังคม กระทั่งสื่อมวลชน ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครองให้ความสนใจ ลงพื้นที่เข้าช่วยเหลือในที่สุด

ภาพจาก เพจ Drama-addict
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก-http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1443274352-

หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ ธันวาคม 23, 2015, 10:06:30 pm
รวมภัยเงียบ ใกล้ตัวจากมือถือ(ที่ต้องระวัง)
-http://hitech.sanook.com/1401877/-

อย่างที่ทราบกันดีว่าตอนนี้นั้น มือถือกลายมาเป็นอวัยวะที่ 33 ของชีวิตเราในปัจจุบันไปแล้ว เพราะความก้าวหน้าของเทคโนโลยีในการติดต่อสื่อสารที่มีมากขึ้นรวมทั้งราคาของอุปกรณ์เหล่านี้ถูกลงด้วย แต่ในทางกลับกันหากเราแยกแยะเวลาการใช้เครื่องมือสื่อสารเหล่านี้ไม่ถูกต้อง มันก็ก่อนอันตรายให้เราได้เช่นกัน มาดูกันครับว่าปัญหาหลักๆ เราต้องระวังมีอะไรบ้าง?

-   คุยมือถือไปด้วยขณะชาร์จ ถือเป็นเรื่องปกติที่เรามักเห็นเสมอ (ของแบบนี้ไม่โดนกลับตัวไม่มีทางรู้แน่นอน)

      มักมีคำถามให้เห็นเสมอว่า อันตรายหรือเปล่า ?  คำตอบคือ การคุยมือถือไปด้วยขณะชาร์จ ทำให้เกิดอันตรายได้  การคุยไปด้วยเป็นการกระตุ้นการทำงานของแบตเตอรี่ให้ทำงานมากกว่าปกติ  เมื่อเทียบกับตอนไม่ได้ชาร์จ

-  การใช้หัวชาร์จไม่ได้มาตราฐานรวมไปถึง แบตฯ สำรอง ด้วยเช่นกัน

      การใช้สายชาร์จ ไม่ควรซื้อสายชาร์จราคาถูกแต่ไม่ได้มาตรฐาน เพราะอาจเกิดไฟลุกหรือระเบิดเหมือนที่เป็นข่าวดังได้ เพราะวัสดุไม่ได้คุณภาพ ทั้งนี้สายชาร์จของแท้ แม้จะราคาแพงหน่อย แต่ผ่านการตรวจสอบคุณภาพในการผลิตจากผู้ผลิตแล้วมาตรฐานสากล


-  การโพสข้อความในโซเชียลเน็ตเวิร์คบ่งบอกสถานะของตัวเองอย่างอยู่ไหน ทำอะไร
      ใครจะคิดละว่า โซเชียลเน็ตเวิร์ค จะนำอันตรายมาสู่เราได้ ตัวอย่างง่ายๆ หากคุณออกไปทำธุระข้างนอกแล้ว โพสข้อความให้รู้ว่าตอนนี้ไม่มีคนอยู่บ้านและสิ่งที่คุณโพสนั้นไปเตะตา มิจฉาชีพเข้า อะไรจะเกิดขึ้นครับ ไม่เท่านั้นการโพสสิ่งของมีค่าเพื่อโชว์กันบนโซเชียลไม่ว่าจะเป็น Facebook, Instagram, Twitter, Facebook, Google+ ก็ล่อพวกโจรได้ดีเช่นกัน


-  การใช้สมาร์ทโฟนระหว่างขับรถข้ามถนนรวมไปถึงระหว่างขึ้นลงรถ

      นิสัยแบบนี้มักมีให้เห็นเสมอในสังคมปัจจุบันครับ  มันทำให้เราประมาทมากขึ้นรวมทั้งขาดสมาธิเพราะก็มัวแต่เล่นมือถือไม่ได้สังเกตสิ่งรอบข้างมองซ้าย-ขวา ทั้งหมดอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ และอีกอย่างยิ่งเป็นช่วงกลางดึกด้วยแล้วยิ่งอันตรายมันเป็นตัวล่อพวกมิจฉาชีพอย่างดีเลย ทางที่ดีรอบคอบไว้ก่อนครับ ถึงบ้านค่อยเล่นก็คงไม่ช้าไป สังเกตได้ว่าไม่ว่าเราจะเดินไปไหนขึ้นรถ-ลงเรือ ก็จะเห็นแต่คนก้มหน้าเล่นมือถือกันทั้งนั้น แทบจะทุกที่ ทุกเวลากันเลยทีเดียว

-  การใช้สมาร์ทโฟนก่อนนอน และวางใกล้ตัวแล้วนอน

      กรณีนี้ก็อันตรายไม่แพ้กันครับ ถึงแม้ว่าไฟที่อยู่ในสายชาร์จซึ่งวิ่งเข้ามือถือจะถูกแปลงแล้วก็ตาม แต่เราจะแน่ใจได้อย่างไรว่า แต่ทว่าถ้าหากตัว Rectifier ที่เป็นตัวแปลงกระแสไฟนั้นยังมีคุณภาพหรือไม่มีการชำรุด ทางที่ดีไม่ควรชาร์จมือถือ แล้ววางไว้บนเตียงข้างๆ ที่เรานอนเพราะเราไม่รู้หรอกว่าไฟฟ้าจะรั่วมาโดนตัวเราตอนไหน อย่างกรณีของหนุ่มเมืองระยองที่เสียชีวิตเพราะนอนทับไอโฟนเมื่อกลางปี

      แถมให้อีกอย่างการ คุณรู้ไหมว่าการคลุมโปงเล่นมือถือก่อนนอนก็อันตรายไม่แพ้กันครับ เพราะแสงสีฟ้าจากมือถือนั้นทำลายสายตาเราได้ครับ นักวิจัยเผยว่า แสงสีฟ้าจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เหล่านี้ยังส่งผลกระทบต่อการผลิต Melatonin ฮอร์โมนหลักในการควบคุม การหลับและตื่นของเราด้วยเช่นกัน

-  เชื่อมต่อ Wi-Fi  ไม่ทราบแหล่งที่มา

      กรณีแบบนี้มักเกิดขึ้นได้ตามสถานที่สาธารณะเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นคุณควรทำการเชื่อมต่อ Wi-Fi ที่ปลอดภัย และหลีกเลี่ยงการเชื่อมต่อ Public Wi-Fi ที่ไม่รู้จัก ในกรณีที่มีความจำเป็นต้องเชื่อมต่อจริงๆ จำไว้เสมอว่า Public Wi-Fi ที่ดี จะต้องไม่ถามข้อมูลรหัสผ่านใดๆของคุณ

-  การดาวน์โหลดแอพฯ

      คุณควรหลีกเลี่ยงการใช้งานโปรแกรมเถื่อน หรือดาวน์โหลดแอพฯ มาโดยไม่ทราบแหล่งที่มาแน่ชัด เพราะมันอาจแฝงมาด้วย อาจแฝงมัลแวร์ที่แฮ็คเกอร์ใช้เพื่อควบคุมอุปกรณ์ของคุณมาด้วยก็ได้ แนะนำให้ดาวน์โหลดผ่านช่องทางที่ถูกต้อง เช่น App Store, Google Play หรือซื้อแผ่นซอฟต์แวร์ลิขสิทธิ์ถือเป็นช่องทางที่ปลอดภัยมากสุดครับ
- ความสะอาดของหน้าจอมือถือที่นำมาแบบหน้าบ้างก็ดีนะ

      ปัญหาของสิว ที่ใครๆ มักมองข้ามไป ลองนึกภาพตามนะครับ เวลาใครโทรเข้ามาเราก็ต้องยกหน้าจอขึ้นแนบหน้าทุกครั้ง แล้วระหว่างวันมือของเราไปหยิบจับอะไรมาบ้างก่อนมาเล่นมือถือ เชื่อว่าหลายๆ คนมักไม่ได้ทำความสะอาดหน้าจออย่างจริงจังและถูกวิธีแน่นอน จริงๆแล้วหากไม่มีอุปกรณ์อะไรก็หากระดาษทิชชู จุมน้ำพอหมาดแล้วบีบน้ำออกก็สามารถนำมาเช็ดหน้าจอมือถือได้แล้ว


      เห็นอันตรายจากการเล่น สมาร์ทโฟนไปแล้ว ถ้าหากหลีกเลี่ยงได้ จะดีที่สุดครับ
หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ พฤษภาคม 01, 2016, 10:27:03 am
เวลาที่ออกสื่อ  บางครั้งมีคนที่มักจะพูด  โดยไม่มีความรับผิดชอบ

เช่น  การที่ไปยืนยันว่า ไม่เป็นอย่างนั้น ไม่เป็นอย่างนี้  หากเกิดเป็นขึ้นมา จะรับผิดชอบอย่างไร 

!!!!!!!!!!


-----------------------------------


ผู้เชี่ยวชาญยืนยัน กุ้งไทยปลอดฉีดสารเพิ่มน้ำหนักกุ้ง ชี้เป็นคลิปประเทศเพื่อนบ้าน
http://hilight.kapook.com/view/136156 (http://hilight.kapook.com/view/136156)

 ผู้เชี่ยวชาญยืนยันอุตสาหกรรมผลิตกุ้งของไทยมีการผลิตได้มาตรฐาน สะอาด ปลอดภัย และมีการตรวจสอบคุณภาพและสารตกค้างในกุ้งอย่างเข้มงวด ผู้บริโภคมั่นใจได้ว่ากุ้งไทยสะอาด ปลอดภัยจากสารตกค้าง

            ดร.จูอะดี พงศ์มณีรัตน์ รองอธิบดีกรมประมง กล่าวว่า ตามที่มีคลิปวิดีโอเผยแพร่การฉีดสารทำให้หนืดเข้าในตัวกุ้งกุลาดำเพื่อเพิ่มน้ำหนักนั้นเป็นโรงงานท้องถิ่นในประเทศเพื่อนบ้านไม่ใช่กุ้งในประเทศไทย ระบุแม้สารดังกล่าวปลอดภัย แต่ถือเป็นการกระทำที่ไม่ซื้อสัตย์และไม่มีความรับผิดชอบ

 ดร.จูอะดีกล่าวต่อว่า สารที่ฉีดมีลักษณะหนืดคล้ายเจลาติน เรียกว่า Carboxy Methyl cellulose (CMC) เป็นวัตถุที่ปลอดภัยต่อการบริโภค สังเคราะห์จากพืช เป็นวัตถุใช้ในอาหารเพื่อให้อาหารมีหนืดและคงตัว เช่น ไอศครีม

            อย่างไรก็ตาม  ยืนยันว่า อุตสาหกรรมกุ้งไทยไม่มีการฉีดสาร CMC เข้าไปในตัวกุ้ง เพราะเป็นการปฏิบัติที่ไม่รับผิดชอบ และไม่คุ้มต่อการลงทุนเนื่องจากต้องใช้แรงงานจำนวนมากฉีดกุ้งทีละตัว และเป็นการทำลายภาคอุตสาหกรรมกุ้งหากถูกจับได้

            "ประเทศไทยเป็นผู้นำการส่งออกกุ้งกว่า 30 ปี จุดแข็ง คือ ผลิตภัณฑ์มีคุณภาพสูง และเป็นที่ยอมรับของทั่วโลก ที่ผ่านมา อุตสาหกรรมกุ้งไทยมีการตรวจสอบคุณภาพกุ้ง ทั้งคุณภาพ เนื้อ สารปนเปื้อน และเชื้อโรคอย่างเข้มงวดก่อนส่งถือมือผู้บริโภคขอให้ผู้บริโภคมั่นใจได้ว่ากุ้งไทยปลอดภัยจากสารปนเปื้อนแน่นอน" ดร.จูอะดีกล่าว

-https://www.facebook.com/541483892622947/videos/878880155549984/-
ภาพจาก เฟซบุ๊ก คลิปดังเฟสบุ๊ค
-https://www.facebook.com/541483892622947/videos/878880155549984/-

https://www.facebook.com/541483892622947/videos/878880155549984/ (https://www.facebook.com/541483892622947/videos/878880155549984/)
.
หัวข้อ: Re: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ สิงหาคม 05, 2023, 04:35:22 pm
.
.
ไม่อยากโดนหลอก อย่ารีบคลิกลิงก์และกรอบข้อมูล
ที่มา และ โพสโดย ธนาคารแห่งประเทศไทย - Bank of Thailand
5 สิงหาคม 2566

.
????จะคลิก link ????อะไรก็ต้องรอบคอบ ยิ่งเป็น link ที่ให้กรอกข้อมูลส่วนตัวเพื่อชำระเงินด้วยยิ่งต้องระวัง‼️
.
มิจฉาชีพ???? จะมีมุกใหม่ ๆ มาหลอกให้กรอกข้อมูลเสมอ เช่น สำหรับผู้ใช้แอปพลิเคชันดูหนังออนไลน์ ????️ ที่ต้องชำระค่าบริการรายเดือนหรือรายปี จะได้รับอีเมลปลอม???? แจ้งว่ายังไม่ได้ชำระค่าบริการ/ไม่สามารถตัดเงินค่าบริการจากบัตรเครดิต????ได้ และให้กด link ผ่านอีเมลที่ส่งมาเพื่อกรอกข้อมูลบัตรเครดิต/ข้อมูลส่วนตัวใหม่ จากนั้นจะมีรหัส OTP เพื่อยืนยันข้อมูล ซึ่งหากเหยื่อหลงเชื่อ????ทำตามทุกขั้นตอน มิจฉาชีพก็จะสามารถดูดเงินออกไปได้สำเร็จ‼️
.
ซึ่งเป็นรูปแบบเดียวกับมุกอื่น ๆ เช่น "ธนาคารกำลังปรับปรุงระบบ ขอให้ update ข้อมูลผ่าน link ที่แนบมาด้วย" ❌ปัจจุบันนี้ธนาคารไม่มีนโยบายขอข้อมูลลูกค้าผ่านทาง link ใน SMS และอีเมล❌
.
ดังนั้น ต้องตรวจสอบ???? ชื่ออีเมลผู้ส่งว่ามาจากบริษัท/ธนาคาร/หน่วยงานภาครัฐ ตามที่อ้างจริงหรือไม่ และในการกรอกข้อมูลควรกรอกผ่านเว็บไซต์????????‍????ทางการโดยตรง
.
หากไม่แน่ใจให้ติดต่อสอบถามไปยัง call center ????☎️ของหน่วยงานนั้น ๆ
.
#แบงก์ชาติ #แบงค์ชาติ #เตือนภัย #มิจฉาชีพ #แอปดูดเงิน
.
.