ใต้ร่มธรรม
แสงธรรมนำใจ => หยาดฝนแห่งธรรม => ข้อความที่เริ่มโดย: sithiphong ที่ กรกฎาคม 20, 2013, 06:11:07 pm
-
"ตักบาตร" คิดถึงพระ(บ้าง) ลดหวาน มัน เค็ม!!
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 19 กรกฎาคม 2556 14:33 น.
-http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9560000087077-
(http://www.manager.co.th/asp-bin/Image.aspx?ID=2735502)
ร่วมทำบุญตักบาตรในวันเข้าพรรษา
"วันอาสาฬหบูชา"และ "วันเข้าพรรษา" เป็น 2 วันสำคัญทางพระพุทธศาสนา ที่พุทธศาสนิกชนต่างให้ความสำคัญกันเป็นจำนวนมาก
และในช่วงวัน 2 วันพระใหญ่นี้ ก็จะมีการทำบุญตักบาตรแด่พระภิกษุสงฆ์ ซึ่งตามความเชื่อของชาวพุทธมักจะทำบุญตักบาตรด้วยสิ่งของหรืออาหารที่ดีที่สุด เพื่อความเป็นศิริมงคลแก่ชีวิตและครอบครัว
(http://www.manager.co.th/asp-bin/Image.aspx?ID=2735503)
“ข้าวกล้อง” อุดมไปด้วยคุณประโยชน์ และคุณค่าทางอาหาร
แต่ในทางกลับกันการทำบุญหรือการถวายอาหาร ที่มีแต่ความน่ากิน และความอร่อย โดยไม่ได้คำนึงถึงประโยชน์ หรือโทษของอาหารที่นำมาถวายนั้น อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพของพระภิกษุสงฆ์ได้
จากข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุข ที่สำรวจด้านการเจ็บป่วยของพระสงฆ์ที่มารักษาตัวที่โรงพยาบาลสงฆ์ พบว่า มีพระภิกษุสงฆ์อาพาธด้วยโรคเบาหวาน ร้อยละ 7.17 โรคความดันโลหิตสูง ร้อยละ 7.70 ภาวะไขมันในเลือดสูง ร้อยละ 10.30 และนอกจากนี้แล้วยังพบว่าพระภิกษุสงฆ์ มีภาวะเสี่ยงต่อโรคความดันโลหิตสูง เบาหวาน ซึ่งภาวะอ้วนและอ้วนลงพุง ยังเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคหัวใจ และโรคหลอดเลือดได้
(http://www.manager.co.th/asp-bin/Image.aspx?ID=2735504)
ถวายผัก-ผลไม้ ช่วยเพิ่มสารอาหารให้ร่างกาย
ในช่วงเข้าพรรษานี้จึงมีข้อแนะนำดีๆ สำหรับผู้ที่ต้องการทำบุญด้วยการใส่บาตรพระ โดยการหันมาทำบุญตักบาตรด้วยอาหารที่มีประโยชน์ ลด หวาน มัน เค็ม งดอาหารหมักดอง เปลี่ยนเป็นถวายอาหารที่มีกากใยสูง และไขมันต่ำ เช่น ข้าวกล้อง เพราะในข้าวกล้องอุดมไปด้วยคุณประโยชน์ และคุณค่าทางอาหาร รวมถึงเกลือแร่ต่างๆ ประกอบไปด้วย แคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก ทองแดง เป็นต้น และถ้าหากกินข้าวกล้องเป็นประจำ ก็จะช่วยป้องกันโรคเหน็บชา หรือโรคปากนกกระจอกได้
นอกจากนี้แล้วยังมีอาหารประเภทอื่นที่ควรถวายอีกมากมาย อาทิ ผักและผลไม้สดที่มีรสไม่หวาน หรือปลา เพราะในเนื้อปลาจะมีโปรตีน วิตามิน เกลือแร่ คาร์โบไฮเดรต และไขมันต่ำกว่าเนื้อสัตว์ชนิดอื่นๆ หรือถ้าถวายเนื้อสัตว์ก็ไม่ควรให้ติดส่วนมันหรือหนัง และควรมีผัก-ผลไม้สด ในการใส่บาตรด้วย เพื่อเป็นการเพิ่มประโยชน์แก่ร่างกาย และเพิ่มกากใยอาหารอีกด้วย
สำหรับในวันอาสาฬหบูชา วันเข้าพรรษาที่จะถึงนี้ หรือวันพระอื่นๆ หรือการตักบาตรตามปกติทั่วไป รวมไปถึงการถวายภัตตาหารแด่พระภิกษุสงฆ์ ถ้าเป็นไปได้ก็อยากแนะนำให้เลือกอาหารที่มีประโยชน์ และลดไขมันไปถวายพระ(บ้าง) เพราะนอกจากจะได้ทำบุญแล้ว ยังเป็นการช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคต่างๆ ให้กับพระภิษุสงฆ์อีกทางหนึ่งด้วย
http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9560000087077 (http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9560000087077)
.
-
ส่วนมากใส่ของที่ตัวเองชอบ5555+ ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆค่ะ
-
การจัดกิจกรรมถวายความรู้แด่พระสงฆ์ ณ หอประชุมสงฆ์ วัดพนัญเชิงวรวิหาร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมื่อเร็ว ๆ นี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการขยายผลสื่อสงฆ์ไทยไกลโรค เพื่อนำไปสู่การป้องกันและแก้ไขการเกิดโรคเรื้อรัง
วันศุกร์ 14 มีนาคม 2557 เวลา 00:00 น.
-http://www.dailynews.co.th/Content/education/222663/%E0%B8%AA%E0%B8%87%E0%B8%86%E0%B9%8C%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B9%84%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%84+%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B9%82%E0%B8%A2%E0%B8%A1%E0%B9%83%E0%B8%AA%E0%B9%88%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%A3-
(http://www.dailynews.co.th/imagecache/670x490/cover/595751.jpeg)
การจัดกิจกรรมถวายความรู้แด่พระสงฆ์ ณ หอประชุมสงฆ์ วัดพนัญเชิงวรวิหาร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมื่อเร็ว ๆ นี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการขยายผลสื่อสงฆ์ไทยไกลโรค เพื่อนำไปสู่การป้องกันและแก้ไขการเกิดโรคเรื้อรังและการมีสุขภาวะที่ยั่งยืนเพื่อพัฒนา “สงฆ์ต้นแบบ โภชนาดี ชีวียั่งยืน” และ “ฆราวาสเกื้อกูล หนุนโภชนาดี” ซึ่งเป็นโครงการที่มุ่งสร้างเสริมสุขภาพที่ดีให้แก่พระสงฆ์ ดำเนินการโดยคณะวิจัยจากคณะสหเวชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ศูนย์มิตรภาพบำบัดฝ่ายการพยาบาล โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย และโรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา ภายใต้การสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพหรือ สสส.
วิวัฒนาการโลกมีการเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา ชาวบ้านเมื่อสมัยก่อนจะทำบุญใส่บาตรกับพระสงฆ์ จะต้องคัดเลือกวัตถุดิบที่ดีใช้ปรุงอาหารพิถีพิถันเรื่องของความสะอาด โดยจะตักแบ่งของดี ๆ ไว้เพื่อใส่บาตรพระก่อนที่จะบริโภคเอง แต่ปัจจุบันคนไทยส่วนใหญ่จะเอาความสะดวกในการจัดหาอาหารที่จำหน่ายตามท้องตลาดโดยไม่คำนึงถึงคุณภาพ จึงสร้างปัญหาให้แก่พระสงฆ์ที่รับบิณฑบาต เมื่อนำไปฉันทำให้เกิดท้องเสีย หรือไม่ก็ใส่วัตถุดิบที่ไม่ค่อยมีคุณภาพทำให้สุขภาพของพระสงฆ์ไม่ดี ก่อให้เกิดการสะสมโรคภัยไข้เจ็บได้ในระยะยาว
รศ.ดร.ภญ.จงจิตร อังคทะวานิช ผู้เชี่ยว ชาญด้านโภชนาการและการกำหนดอาหาร คณะสหเวชศาสตร์ จุฬาฯ ซึ่งเป็นหัวหน้าโครงการขยายสื่อสงฆ์ไทยไกลโรคฯ บอกว่า ขณะนี้โครงการเดินมาถึงระยะที่ 2 ที่จะขยายผลนำไปสู่การป้องกันและแก้ไขการเกิดโรคเรื้อรังและการมีสุขภาวะที่ยั่งยืนเพื่อพัฒนา “สงฆ์ต้นแบบ โภชนาดีชีวียั่งยืน” และ “ฆราวาสเกื้อกูล หนุนโภชนาดี” เพราะ สสส.มีความห่วงใยในสุขภาวะของพระสงฆ์เล็งเห็นปัญหาการเจ็บป่วยเกี่ยวกับโรคเรื้อรังที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในหมู่พระสงฆ์จึงจัดสรรเงินทุนวิจัย เพื่อการพัฒนาสุขภาวะและโภชนาการพระสงฆ์ ในระยะที่ 2
การจัดกิจกรรมถวายความรู้ได้รับการสนับสนุนจากพระมหาเชิดชัย กตปุญโญ รองเจ้าคณะจังหวัดพระนครศรี อยุธยา ที่ได้จัดการประชุมเพื่อปฐม นิเทศพระสังฆาธิการและพระภิกษุที่เสนอขอรับการแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะตำบล รองเจ้าคณะตำบล เจ้าอาวาส ผู้ช่วยเจ้าอาวาส และพระกรรมวาจาจารย์ของคณะสงฆ์จังหวัดพระนครศรี อยุธยา ประมาณ 70 รูป ซึ่งพระมหาเชิดชัย มองว่า โครงการนี้เป็นโครงการที่ดีที่จะช่วยพระสงฆ์ได้มีสุขภาพที่ดีปลอดจากโรคเรื้อรังจำพวกโรคเบาหวานที่เป็นบ่อเกิดของโรคที่จะตามมาไม่ว่า โรคความดันโลหิต โรคหัวใจ โรคไต ฯลฯ ทางคณะสงฆ์จังหวัดพระนครศรีอยุธยาจึงให้การสนับสนุนทางโครงการเพื่อขยายผลสิ่งที่จะเป็นประโยชน์ต่อพระสงฆ์ได้มีสุขภาพที่ดี
ในขณะที่ นางมานีสื่อทรงธรรม หัวหน้าโครงการศูนย์มิตรภาพบำบัด โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ซึ่งดำเนินโครงการด้านจิตอาสาและดูแลสุขภาวะพระสงฆ์ พร้อมกับจิตอาสาจำนวน 23 คน กล่าวว่า ทางโครงการได้ทำการวิจัยปัญหาด้านการฉันภัตตาหารและด้านโภชนาการในพระสงฆ์ เพื่อนำข้อมูลมาใช้ในการวางแผนแก้ไขปัญหาให้ตรงจุดและยั่งยืน โดยมีการผลิตสื่อสงฆ์ไทยไกลโรค เพื่อช่วยให้พระสงฆ์ ฆราวาส และผู้ค้าอาหารใส่บาตรได้มีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องและร่วมกันพลิกฟื้นสุขภาวะของพระสงฆ์ไทย ให้ได้รับอาหารที่มีคุณภาพเป็นประโยชน์ต่อร่างกาย
นางมานีเล่าอีกว่า จากการวิจัยพบ 4 ปัจจัยสำคัญที่จะมีผลต่อสุขภาวะของพระสงฆ์ คือ เรื่องของโภชนา ปานะ กายะ กิจกรรม จึงได้ผลิตสื่อสงฆ์ไทยไกลโรค เพื่อสนับสนุนการจัดการปัญหาทั้ง 4 ด้าน ประกอบด้วย 1. สื่อวีดิทัศน์ “สื่อสู่สงฆ์ เพื่อสงฆ์ไทยไกลโรค”เพื่อสร้างความตระหนักของปัญหาโรคเรื้อรังกับโภชนาการ 2. หนังสือ “สูตรสงฆ์ไทยไกลโรค”มีเนื้อหาเป็นข้อคิดสะกิดใจแบบพกพาให้โภชนปัญญาแด่พระสงฆ์ได้ตระหนักว่าเวลาจะฉันอาหารต้องระวังว่าอาหารประเภทใดไม่สมควรฉัน 3. ประคดเอว รอบรู้ ซึ่งเป็นอัฐบริขารที่พระสงฆ์ต้องใช้ในชีวิตประจำวันอยู่แล้วเมื่อพระสงฆ์คาดประคดจะมีสัญลักษณ์บ่งชี้ให้ทราบว่าขนาดของรอบเอวที่เหมาะสมควรเป็นเท่าใด 4. สายวัดเอวรอบรู้ จัดทำขึ้นเพื่อเป็นเครื่องมือช่วยในการเฝ้าระวังมิให้รอบเอวเกิน 85 ซม. หรือส่วนสูงหารสอง 5. โปรแกรม “ปานะปัญญา” โดยโปรแกรมดังกล่าวจะช่วยเตือนพระสงฆ์และสามเณรในการหาปริมาณน้ำตาลและคำนวณปริมาณพลังงานที่ได้รับจากเครื่องดื่ม 6.ปฏิทินสุขภาพเริ่มเมื่อเพิ่มก้าวเป็นเครื่องมือช่วยให้พระสงฆ์และสามเณรบันทึกข้อมูลการเดินเพื่อสุขภาพ และ 7. โปสเตอร์ “สงฆ์ไทย ไกลโรค” เพื่อสะกิดใจพระสงฆ์และสามเณรได้ปรับอาหารและเพิ่มก้าวเดิน
สำหรับในส่วนของฆราวาสก็ต้องได้รับการอบรมความรู้สุขภาพเช่นกัน เพราะฆราวาสคือบุคคลสำคัญที่จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับอาหารที่ใส่บาตรโดยตรง จึงต้องมีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเพื่อให้ได้ตระหนักถึงอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายพระสงฆ์ ก่อนใส่บาตรควรคำนึงถึงอาหารที่ใส่ เช่น หลีกเลี่ยงของหวานที่อุดมด้วยน้ำตาลที่อาจจะก่อให้เกิดโรคเรื้อรังในพระสงฆ์ได้ บุญกุศลก็จะบังเกิดแก่ญาติโยมด้วยความอิ่มเอมใจ.
เผอิญ ไทยสม - ปิยวิทย์ ชำนาญกุล